- 2 -“ไม่ต้องถือยศศักดิ์กับเปลวหรอก ช่วยเล่าเรื่องหนิมหน่อยสิครับ หลังจากคุณอนิรุทธ์ประคองไปห้องน้ำ
พี่กล้าส่งคนทำความสะอาดแกล้งไม่เปิดโอกาสให้เขาทำตามอำเภอใจ ถ่วงเวลาให้คุณนิลมาเป็นพระเอก
เหตุการณ์ต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พอคุณมรกตมาบอกเปลว..สนิมเข้าไปในสวนตำหนักซ้าย
เปลวพะวงแอบคิดไปว่าคุณอนิรุทธ์ย้ายจุด พาสนิมเข้าไปที่สวนแทน ถึงจะรู้พี่กล้าจับตาอยู่คงไม่เป็นอันตราย
แต่ก็กลัวเสียแผนกับเสี่ยวิกรม เกิดไปเจอลูกน้องเขาเข้า จับไปเป็นตัวประกันเรื่องยุ่งใหญ่”
เปลวพอมาถึงตำหนัก ก็ตรงมาห้องรับรองถือโอกาสซักถามกล้าทันที
“ผมทำตามแผนคุณชายเปลว ส่งคนของเราให้ไปทำความสะอาดถ่วงเวลาคุณอนิรุทธ์
รอให้คุณนิลมาช่วยคุณหนิม แผนนี้ได้ผลคุณอนิรุทธ์ดูเสียอารมณ์พอสมควร
เมื่อเห็นห้องน้ำมีคนของเราถูพื้นทำความสะอาดอยู่ แกยังรักษาภาพพจน์ไม่ใจร้อน
รอจนผมให้สัญญาณเมื่อเห็นคุณนิลมา คนของเราค่อยปลีกตัวหลบไป
คุณอนิรุทธ์พอเห็นปลอดคนรีบพาคุณหนิมเข้าห้องน้ำปิดประตูล็อกบานในทันที
คุณนิลท่าทางร้อนใจมาก ไปถึงก็มุ่งความสนใจห้องน้ำที่ปิดประตู เคาะเรียกโดยไม่เกรงใจคนข้างใน
ดูมั่นใจว่าต้องเป็นคุณอนิรุทธ์ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย ทีแรกคุณอนิรุทธ์ไม่ยอมเปิด
รู้ว่าเป็นคุณนิลแกแกล้งเงียบให้คุณนิลล่าถอยกลับไปเอง
คิดผิดไปถนัด คุณนิลไม่กลับยังขู่จะพังประตูเข้าไปอีกต่างหาก
สุดท้ายก็ยอมเปิดปั้นหน้าบอกพาคุณหนิมมาเข้าห้องน้ำ เห็นน้องเมาหวังดีช่วยพยุงมาเฉยๆ
แต่คุณนิลไม่ฟังคงเหลือบเห็นรอยแดงตรงต้นคอคุณหนิม กำปั้นเสยครึ่งปากครึ่งจมูกไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก
ผมเพิ่งเห็นคุณนิลโกรธมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก ก่อนแกจะรวบดึงเอาตัวคุณหนิมมากอดเสียเอง
สภาพคุณหนิมไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ อ่อนปวกเปียกเมาคอพับในอ้อมแขนของคุณนิลนั่นแหละครับ
สีหน้าคุณนิลโกรธควันออกหู ติดตรงที่คุณอนิรุทธ์คือเพื่อนคบหากันมานาน
มีฝากไปบอกคุณเอกกับคุณสกรณ์ด้วยว่าคุณนิลไม่กลับไปร่วมโต๊ะแล้ว
อยากกลับเชิญตามสะดวกดูแกห่วงคุณหนิมมากๆ ไม่สนใจสภาพคุณอนิรุทธ์ปากแตก
กำเดาไหลยืนหน้าซีดเช็ดเลือดปอยๆ อยู่ตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ กระทั่งหางตาแกยังไม่แล
ไม่ลังเลอุ้มแบกคุณหนิมเลี่ยงขึ้นตำหนักใหญ่ด้วยตัวเอง ผมคอยสังเกตการณ์ห่างๆ
ทำตามคุณชายเปลวบอกไม่ยื่นมือช่วย แน่ใจทุกอย่างเรียบร้อยด้วยดี
จังหวะอเนกโทรบอกคุณชายเปลวเข้าในสวนตำหนักซ้าย
ให้รีบตามไปสมทบคุณชายเพชรโดยด่วน ผมก็ไปเลยครับ”
ตลอดเวลาพี่กล้ารับคำสั่งให้คอยดูแลสนิม แผนถ่วงเวลาก็เป็นความคิดเปลว
เพื่อดูพฤติกรรมคุณนิล แสดงว่าทุกอย่างเปลวรับรู้ตลอดมา
“ขอบคุณครับพี่กล้า ผมถามความรู้สึกส่วนตัว อยากรู้พี่กล้าเห็นเหตุการณ์ที่คุณนิลกระทำ
รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ไม่ต้องแปลกใจผมรู้อดีตเรื่องราวของพี่กล้าและคุณนิลพอสมควร
แค่ต้องการให้แน่ใจ สิ่งที่ผมทำลงไปไม่ทำร้ายจิตใจใครเท่านั้น” เปลวเอ่ยกับพี่กล้าตรงๆ
อย่างน้อยอดีตคนที่เคยรักกัน ถ้าเห็นคุณนิลแสดงความรู้สึกตลอดจนพฤติกรรมต่างๆ กับสนิม
พี่กล้าจะเจ็บปวดบ้างไหม รู้สึกยังไงกับสิ่งที่รับรู้อยู่ในขณะนี้..
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ผมกับคุณนิลเป็นไปไม่ได้ ผมเองมีครอบครัวมีภรรยากับลูกที่ต้องดูแล
คุณชายเปลวสบายใจได้ครับ เรื่องผมกับคุณนิลจบไปนานแล้ว ผมดีใจถ้าคุณนิลมีใครทำให้เขามีความสุข
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ผมมั่นใจว่า คุณนิลเจอคนที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแล้วครับ”
พี่กล้าใช้น้ำเสียงจริงจัง แววตามองตอบเปลวไม่มีหลบ ยืนยันให้เห็นว่าทุกคำพูด
ออกจากใจไม่มีปั้นแต่ง เปลวฟังแบบนี้ถึงกับเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณครับ ขอบคุณแทนหนิมด้วย ผมกับหนิมต้องรบกวนพี่อีกมากมายหลายอย่าง
ผมรู้เมื่ออยู่ในจุดนี้ไม่มีทางราบรื่น ตราบใดยังไม่รู้ตัวคนที่ต้องการชีวิตผมล่ะก็ ยังมีอันตรายรอบด้าน”
น้ำเสียงบวกกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตน ทำเอาบอดี้การ์ดหนุ่มชื่นชมยอมรับนับถือ
เปลวไม่ทำตัวเย่อหยิ่งถือยศถือศักดิ์ ในทางกลับกันวางตัวให้คนรักเอ็นดู
พี่กล้าย่อมให้ใจเกินร้อยคืนไปเช่นกัน
ไม่ใช่แค่หน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย สำคัญเจ้านายคนนี้อ่อนน้อมถ่อมตนให้เอ็นดู
ซ้ำเปลวยังแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาความฉลาดจนต้องยอมรับนับถือเข้าขั้นยกนิ้วให้
เรื่องรู้เท่าทันคนไม่ต้องห่วงงำประกายมิดชิดไม่โอ้อวดให้ใครรู้เท่านั้น นี่สิจึงเหมาะคู่ควรกับวังมณีรมย์ยิ่ง
เพราะยังมีภัยมืดแฝงตัวเงียบ กระทั่งคุณชายเพชรก็สืบเสาะตามล่าหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวให้กระจ่างไม่ได้
พี่กล้ามั่นใจหากมีเปลวช่วยคิดช่วยแก้ไขแล้วล่ะก็ ไม่ช้าทุกอย่างที่ยังเป็นปริศนาคลุมเครืออยู่
ย่อมคลี่คลายออกมาในที่สุด..
“คุณชายเปลวยกย่องเกินไป ผมเป็นข้ารับใช้ไม่ต้องเอ่ยปากขอ
ก็พร้อมพลีชีวิตทำหน้าที่สุดความสามารถ ยิ่งคุณชายเห็นคุณค่าในตัวผม
ขอให้มั่นใจในสัตย์วาจา..ความปลอดภัยคุณชายกับคุณหนิม
ผมไม่มีทางยอมให้ใครทำร้ายพวกคุณเป็นอันขาด ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่”
เพียงเท่านี้เปลวก็รู้สึกตื้นตัน ไม่ได้ตัวคนเดียวยืนบนความเสี่ยงอีกแล้ว
ยังมีคนพร้อมยอมตายไม่ว่าอันตรายในมุมมืดจะมาในรูปแบบไหน
แม้จะยังไม่รู้สิ่งนั้นคืออะไร อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยระวังหลังให้
“ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมขอตัวเปลี่ยนชุดก่อน ขอบคุณมากครับ” เปลวปิดท้าย
ก่อนแยกตัวไปเปลี่ยนชุด เปลวเลือกกลับเข้างานถือโอกาสส่งแขกกลับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก
หลังกลับเข้างานก็ตรงไปรวมตัวกับคุณชายเพชร คุณหญิงมุกและหม่อมรำไพ
หม่อมทับทิม รับหน้าที่ส่งเสด็จทั้งสองพระองค์ดำเนินกลับวังบวรเวศน์..ซึ่งผ่านไปด้วยดี
ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนักตามพระประสงค์ของสองพระองค์ ก่อนมาพบเพื่อนคุณชายเพชร
“นี่เพื่อนร่วมรุ่นของพี่สมัยเรียนที่อังกฤษ” คุณชายพาเปลวแนะนำบรรดาเพื่อนๆ
เปลวไม่ลังเลที่จะยกมือไหว้ ไม่มีทีท่าถือตัวจึงได้รับสายตาชื่นชมจากเพื่อนคุณชายมีมาให้หมดทุกคน
“สวยมากครับ การแสดงช่างประทับใจ ไม่คิดจะได้เห็นชายเปลวกับชายเพชรร่วมบรรเลง
เหนือความคาดหมายติดตาพาลืมไม่ลงจริงๆ สำคัญชายเปลวงดงามเหนือคำบรรยายมากที่สุดเลยครับ”
หนึ่งในเพื่อนคุณชายยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่งสายตาเอ่ยปากชมเปลวไม่หยุด
“ขอบคุณครับที่ชอบ ขอยกความดีให้พี่ชายเขาครับ เปลวมีอาชีพแบบนี้ก็พอจะรับมือสถานการณ์ได้
ไม่รู้สึกว่าลำบากเท่าไหร่ แต่พี่ชายกลับทำออกมาได้ไม่มีตินี่สิ สมควรรับคำชม”
เปลวไม่ยอมรับความดีความชอบแต่เพียงผู้เดียว กลับยกอ้างกล่าวชมคุณชายเป็นพิเศษ
“โห..ชมชายเพชรขนาดนี้ พานทำให้หน้าบานไม่หุบเลยสิครับ”
เพื่อนอีกคนพูดแซวคุณชาย พาเพื่อนในกลุ่มขำตาม หญิงมุกเองก็พลอยหัวเราะขำตามไปด้วยเช่นกัน
“พี่คิดว่าถ้าไม่มีชายเปลวเป็นตัวหลัก ชายเพชรคงไม่ได้เกิดหรอก น่าอิจฉาได้โชว์ร่วมกับคนสวย
ส่งให้ชายเพชรเด่นไปเลย” หนึ่งในนั้นเสริม ได้รับการพยักหน้ายืนยันจากพวกเพื่อนสนับสนุนตามมาทันที
“ตกลงจะชมชายเปลวก็บอกเขาตรงๆ คุณสุเมธ ไม่ต้องอ้อมโลก กล้าหน่อยสิครับ”
เพื่อนอีกคนแซวคนที่พูด เรียกเสียงฮาดังขึ้นมาอีกจนได้ ดีที่แขกเหรื่อทยอยกลับกันจวนหมดแล้ว
เหลือก็แต่กลุ่มเพื่อนคุณชายที่เตรียมจะกลับเช่นกัน จึงไม่ค่อยน่าเกลียดที่มีเสียงเฮฮาดังมาเป็นระยะ
“ที่แท้ก็แอบปลื้มชายเปลวหรือครับคุณสุเมธ” อีกคนแซวขึ้นบ้าง
“โธ่! พวกคุณรุมผม หรือใครในที่นี้จะเถียงว่าเขาไม่สวย มีใครกล้าปฏิเสธผมไหม”
คุณสุเมธหูแดงหน้าแดงใหญ่ ยิ่งเขินหนักเมื่อเห็นสายตาเปลวจ้องมองมายิ้มๆ คุณสุเมธดูเขินเปลวไปเสียแล้ว
“กลับได้แล้วครับ พวกคุณทั้งหลาย” คุณชายเพชรไล่แขก เมื่อเริ่มเห็นว่าเพื่อนรักจงใจขายขนมจีบเปลวกันยกใหญ่
“โห..เจ้าของวังเขาไล่แล้ว พวกเรากลับเถอะ..ดูท่าจะหวงน้องมาก
ยังไงมีโอกาสขอแวะมาเยี่ยมชายเปลวบ้างสิ” อีกคนพูดติดตลก
“ขอซึ่งหน้าเชียวคุณสนั่น..ฮิ้ว!!” เสียงแซวดังอีกครั้ง
กว่าจะลากกันกลับได้ เปลวก็โดนคนนั้นคนนี้หยอดจนเกือบครบคน
“เสน่ห์แรงจริงนะคะ” หญิงมุกแซวเปลว เมื่ออยู่สามพี่น้องคล้อยหลังบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งกลับกันไปหมดแล้ว
“ไม่หรอกครับพี่หญิงมุก พี่เขาแค่แซวเล่นๆ” เปลวหัวเราะ
“เอาเถอะ..หวังว่าพวกนั่นจะแค่แซวเล่น” คุณชายหรี่ตาเอ่ยสำทับ
ทำเอาเปลวจ้องหน้าหล่อ พร้อมกับเลิกคิ้วใส่อย่างนึกขำ
“คิคิ..มุกขอตัวดีกว่า ดูท่าพี่ชายไม่ค่อยสบอารมณ์เสียแล้ว”
“เดี๋ยวสิครับพี่หญิงมุก อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน” เปลวไม่สามารถรั้งหญิงมุกไว้ได้
เธอรีบเผ่นเดินหนีไปในทันที ปล่อยพี่ชายอยู่ลำพังกับเปลว
“เปลวไม่อยากอยู่กับพี่หรือครับ” คุณชายดันมาพูดตัดพ้อหน้านิ่ง
ทำเอาเปลวจะขำก็ขำไม่ออก เจอบทงอนในแบบของประมุขวังเข้าให้
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เปลวแค่จะถือโอกาสปรึกษาพี่หญิงมุก
ที่จะแจ้งความผิดคุณมรกตวันพรุ่งนี้ต่างหาก” เปลวรีบปรับความเข้าใจทันที
“ไม่ทันแล้ว รปภ.รายงานมา มรกตอาศัยจังหวะที่พวกเราเตรียมส่งเสด็จลอบออกจากวัง
ไปพร้อมพวกเพื่อนเขาแล้ว คงรู้ว่าแผนล้มเหลว น่าจะโทรคุยกับเสี่ยวิกรมไปเรียบร้อย
พี่คิดว่าสองสามวันนี้คงไม่กลับเข้าวังมาหรอก อาจจะขอเวลาเตรียมหาวิธีพ้นผิด
นิสัยมรกตไม่ยอมจำนนแน่” คุณชายเป็นคนบอกเปลว
“คิดไว้แล้วครับ ถ้าเธอไหวตัวทันคงจะหลบหน้าเราไปก่อนสักพัก”
เปลวเองก็คิดไว้เช่นกัน จึงพูดออกไปตามนั้น
“ไม่เป็นไร..พี่มีวิธีบีบให้มรกตยอมรับผิด”
“ตัดรายได้หรือครับ” เปลวพูดแทรกขึ้น
“อืม..มรกตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้เงินกองกลางที่เคยได้รับ”
“แล้วแต่พี่ชายเถอะ ยังไงเรื่องนี้เปลวก็แค่ต้องการสั่งสอนให้เธอรู้
คนที่เปลวต้องการตัว คือคนที่ส่งมือปืนไปยิงเปลวมากกว่า”
“ใจเย็นครับ เรื่องนี้ไม่ช้าเราต้องรู้ตัว” คุณชายจับบ่าบางปลอบ
“ครับ..” เปลวสบตา เมื่อเห็นสายตาห่วงใยส่งมาให้ไม่มีซ่อนเร้น
“ดึกแล้ว..พี่ว่าไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“พี่ชายเองก็พักด้วยกันเลยสิครับ” เปลวก็นึกห่วงเช่นกัน
“หืม..ชวนพี่หรือเรา” คุณชายยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเปลวหน้าร้อนวาบ
“บ้า..เปลวหมายถึงพี่ชายก็ขึ้นนอนได้แล้ว” เปลวรีบแก้คำพูดใหม่
“หึหึ..หลงดีใจนึกว่าชวนพี่นอนด้วยเสียอีก” คุณชายแหย่ หวังดูหน้าสวยขึ้นสีจัด
ได้ผลอย่างที่คาดไม่ผิด หน้าสวยของเปลวแดงจัดไปแล้ว
“เจอกันพรุ่งนี้เช้า..ราตรีสวัสดิ์ครับ” ก้มงุดรีบชิ่งหนีทันทีเช่นกัน
“หึหึ..ราตรีสวัสดิ์ครับ” คุณชายหัวเราะตามหลัง คนที่เร่งเดินฉับๆ
ขึ้นบันไดในสภาพแดงเถือกไปทั้งตัว เป็นอารมณ์สุนทรีปิดท้ายค่ำคืนในงานเปิดตัวต้อนรับเปลว
ในฐานะทายาทวังมณีรมย์ ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย แม้มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นแต่ก็อยู่ในแผนที่วางไว้
ไม่เหนือการควบคุม จะว่าไปแล้วเรื่องราวเหล่านี้ คุณชายเองถึงแม้โล่งใจที่ไม่เกิดเรื่องร้ายแรง
แต่ก็ยังมีเรื่องคาใจอยู่ ตราบใดภัยมืดยังรอเล่นงานแบบนี้ คุณชายก็คงไม่สามารถข่มตาหลับให้สนิทเช่นกัน
“เรื่องราวทั้งหมดที่แจ้งให้ทราบผมมีหลักฐาน หม่อมน้าไม่ต้องแก้ตัวแทนมรกตแล้วครับ
นิสัยผมถ้าไม่มีหลักฐานเพียงพอไม่คิดปรักปรำใคร กรณีนี้ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องกล่าวหา
ที่ผมบอกทุกคนรับรู้ไว้ แค่หวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก ครั้งนี้แม้ผมจะไม่ลงโทษรุนแรง
แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยปละละเลย มรกตทำอะไรเอาไว้ ก็ต้องพร้อมรับความผิดไว้ด้วย”
คุณชายในฐานะประมุขวัง เรียกสมาชิกรวมตัวโดยไม่คิดเสียเวลาดึงให้ยืดเยื้อ
เมื่อมากันพร้อมก็เปิดประชุมแจ้งเรื่องคุณมรกตสร้างวีรกรรม
จนถึงขณะนี้ก็หายตัวเงียบ ไม่ยอมออกมารับความผิด
“น้าไม่อยากเชื่อว่ามรกตจะทำ อาจเป็นการเข้าใจผิดกันก็เป็นได้” หม่อมทับทิมยังพยายามแก้ต่างเพื่อช่วยลูกสาว
ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเป็นฝีมือคุณมรกตร่วมกับเสี่ยวิกรม แต่ก็ยังพยายามตีหน้าซื่อได้อย่างแนบเนียน
“ไม่มีใครเข้าใจผิดหรอกครับ ผมเรียกทุกคนให้มา ไม่ได้ต้องการขอให้ใครช่วยแก้ต่างให้มรกต
เพียงขอเตือนให้รับทราบไว้ด้วย ใครก็ตามหากสมคบคิดกับคนภายนอก
เพื่อทำร้ายคนในวังจะด้วยจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่ ผมจะจัดการขั้นเด็ดขาด
กรณีของมรกตรายได้จากส่วนกลางที่เคยได้รับในแต่ละเดือน ผมจะให้งดจ่ายจนกว่ามรกตจะมาพบผม
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นกรณีตัวอย่าง” คุณชายพูดทิ้งท้ายแค่นั้น โดยไม่คิดฟังใครอีก
ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องในทันที สายตาของหม่อมทับทิมที่จ้องเปลวเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดแต่อย่างใด คงเห็นคุณหญิงมุกยังนั่งอยู่ด้วย
ส่วนหม่อมรำไพสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไร ลุกเดินออกไป
จากนั้นหม่อมทับทิมถึงได้สะบัดก้นตามไปอีกคน เหลือคุณหญิงมุก เปลว และคุณนิลที่ยังคงนั่งกันอยู่
“พี่ขอโทษแทนพี่มรกตด้วยนะครับ” คุณนิลขอโทษเปลว
“คุณนิลไม่ต้องขอโทษผม คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษแทนใครเลย” “แต่..” คุณนิลยังพยายามจะพูด
“ไม่มีแต่ครับ ผมไม่เคยถือโทษอะไรคุณนิล ฝากเรื่องหนิมที่เคยรับปากผมไว้
หลังงานเลี้ยงจะมีคำตอบให้ มีแค่เรื่องนี้ผมรอฟังจากคุณนิล อย่าลืมเชียวล่ะ ผมขอความชัดเจนด้วยครับ”
“ขอพี่คุยกับหนิมก่อนนะครับ” คุณนิลจำต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เปลวยืนกรานคุยแค่เรื่องสนิม
เมื่อคืนเปลวรู้คุณนิลนอนอยู่ในห้องของสนิม ที่ไม่ซักไซ้ไล่เบี้ยเพราะสนิมไม่ได้เป็นอะไร
แค่เมาค้างยังไม่ตื่น เปลวเชื่อถือคำพูดคุณนิลไม่ได้ล่วงเกินสนิม ถึงกระนั้นก็ต้องการความชัดเจนในเร็ววัน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ” พูดจบลุกออกจากห้อง เพื่อขึ้นไปดูสนิมที่ยังคงนอนไม่ตื่น
“มุกจะไม่ถามหรอกนะ ว่าคำตอบที่นิลจะให้เปลวเป็นแบบไหน ฝากตัดสินใจให้ดี
เรื่องเรียนของเปลวกับหนิมก็ด้วย คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ใกล้มหา’ลัยจะเปิดแล้วด้วยสิ
มุกไม่อยากให้มีปัญหาค้างคา” คุณหญิงมุกเอ่ยกับคุณนิลเพียงลำพัง
ในช่วงเวลานี้เธอเองก็นึกเห็นใจคุณนิลไม่น้อย
“ไม่ต้องห่วงนะเรียบร้อยดี นิลรบกวนมุกพาน้องตัดชุดนักศึกษาเตรียมตัวไว้ให้เรียบร้อย
ส่วนเรื่องเอกสารเดี๋ยวนิลพาไปลงทะเบียนเอง”
“ตกลง..ถ้าเรื่องนี้มุกรับหน้าที่เอง” มหา’ลัย ที่สองหนุ่มเตรียมเข้าไปเป็นนิสิตปีหนึ่ง
มาจากเส้นสายและการดำเนินการช่วยเหลือของคุณนิล เป็นอันว่าหมดปัญหาเรื่องเรียน
ส่วนเรื่องหัวใจนั้น เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องจัดการกันเอาเอง ในฐานะสาววายแม้จะแอบลุ้นแอบเชียร์
สนับสนุนอยู่ก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วหญิงมุกก็อยากให้ทั้งหมดเกิดจากความรัก
มากกว่าจะเป็นการคบหากันด้วยความเกรงอกเกรงใจ หรือทำไปเพราะผลประโยชน์
ซึ่งที่ผ่านมาคุณนิลมักถูกหม่อมทับทิมกดดันเรื่องนี้มาโดยตลอด ถ้าครั้งนี้คุณนิลจะเลือกสนิม
นั่นถือว่าคุณนิลรั้นหม่อมแม่อีกตามเคย โดยที่หม่อมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
สนิมเป็นเศรษฐีได้ส่วนแบ่งที่เปลวมอบไว้ให้ไม่น้อยทีเดียว แต่ก็อีกนั่นแหละ
สู้ให้ไม่ต้องรู้เป็นการทดสอบได้ดีที่สุด ว่าคุณนิลรักเอ็นดูสนิมจากความรู้สึกของหัวใจ
ไม่ใช่เพราะอะไรเป็นตัวแปร สิ่งนี้เปลวเองก็คงอยากให้เกิดกับสนิม ไม่ต่างกับหญิงมุกเองก็ไม่คิดปริปาก
“มุกขอตัวก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันใหม่” หญิงมุกเผยยิ้มก่อนจะลุกเดินออกมา
ปล่อยคุณนิลนั่งขบคิดเรื่องราวสะระตะที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องพี่สาว เรื่องหัวใจและเรื่องอื่นๆ
อย่างต้องการใช้สมาธิ แม้ว่าอยากจะขึ้นไปดูสนิมหลังเมื่อคืนฉุนจนฟิวส์ขาด
ชกหน้าคุณอนิรุทธ์อย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ไปที
สิ่งที่ทำคุณนิลไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ที่เพื่อนกล้าหยามทำกับสนิมโดยไม่มีการไว้หน้า
โชคดีที่ช่วยไว้ทันสนิมยังไม่ทันโดนทำอะไร นอกจากมีร่องรอยแถวซอกคอ
เพียงแค่นั้นคุณนิลก็โมโหเลือดขึ้นหน้าแล้ว สนิมเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่รู้โดนมอมไปกี่แก้วนี่สิ
ขนาดอุ้มมานอนในห้องยังไม่รู้ตัว
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ความโกรธของคุณนิลลดฮวบลงไป เมื่อได้ยินเสียงแผ่วละเมอเรียกชื่อจากปากบางสีสด
เรียกซ้ำวนไปวนมาล้วนแต่เป็นชื่อของคุณนิลที่สนิมละเมอเพ้อออกมา ไม่ต้องเดาในห้วงความคิด
จิตสำนึกของสนิมคงมีแต่เรื่องของคุณนิล ถึงได้ละเมอบ่นแต่ชื่อคุณนิล
การนอนกอดให้ร่างบางซุกซบ เป็นเพียงวิธีเดียวที่คุณนิลคิดออก
ช่วยให้สนิมหลับสนิมไปพร้อมอาการเมานั่นแหละ คุณนิลเองก็พลอยรู้สึกสงบอย่างไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
นอนมองหน้าขาวของสนิมจนผล็อยหลับยันรุ่งเช้า ก่อนจะมีคนมาปลุกไปร่วมประชุมรับรู้ความร้ายกาจคุณมรกต
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณนิลละอายใจ ในการกระทำของพี่สาวไม่นึกว่าความรักความริษยาบดบัง
จนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มาถึงขั้นนี้ไม่ต้องโทษว่าคุณชายเพชรโหดร้ายตัดค่าใช้จ่าย
เพราะคนโดนเล่นงานคือเปลว ยิ่งไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ระหว่างสองคนนี้เป็นมากกว่าที่บุคคลภายนอกจะล่วงรู้
สายตาของทั้งคู่ที่มองกัน คุณนิลเดาได้ไม่ยากรู้สึกแบบไหน เรื่องหัวใจไม่มีอะไรมาตัดสินได้
ซ้ำไม่มีสิทธิ์บังคับได้นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ...
“ทำไมถึงใช้เบอร์นี้ติดต่อแม่ล่ะ..มรกต”
หม่อมทับทิมคุยโทรศัพท์กับลูกสาว ซึ่งเป็นฝ่ายโทรเข้ามาด้วยเบอร์ไม่คุ้น
[เรื่องนั้นอย่าไปสนใจเลยค่ะหม่อมแม่ ในวังเป็นยังไงบ้าง]
“เช้านี้ชายเพชรเรียกทุกคนไปรับรู้วีรกรรมของลูกหมดแล้ว แม่มีข่าวร้ายจะบอก
ชายเพชรเขาตัดค่าใช้จ่ายของลูกทั้งหมด จนกว่าจะเข้ามาพบเป็นการส่วนตัว..
เฮ้อ! ไม่คิดว่าไอ้เสี่ยนั่นกับลูกน้องจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ เลยซวยมาถึงลูกแม่เลยเชียว
แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหนกับใคร” หม่อมเธออดเป็นห่วงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ มีโบ้ยเป็นความผิดของเสี่ยวิกรมอีก
[ตอนนี้หนูพักอยู่คอนโดของเสี่ยวิกรม เขาต้องรับผิดชอบที่ทำให้หนูเดือดร้อน
หลบออกมาตั้งแต่เมื่อคืนหลังรู้แผนแตก หนูก็ให้เขาเป็นธุระจัดหาที่พักพร้อมกับรับผิดชอบที่เขาทำพัง
เขายินดีไม่มีการปฏิเสธในสิ่งที่หนูเรียกร้องเลยค่ะหม่อมแม่ เรื่องที่พักกับค่าใช้จ่าย
เสี่ยวิกรมเขาจะดูแลหนูเองหม่อมแม่ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องให้กลับไปพบพี่ชายเพชร
ขอหนูใช้เวลาตั้งหลักสักหน่อย หนูต้องกลับไปแน่นอนค่ะ ครั้งนี้หนูจะไปทวงสิทธิ์ที่เป็นของหนูคืน
แม้กระทั่งพี่ชายเพชรก็เช่นกัน จะไม่ยอมให้นังเปลวมันมายืนชูคออวดบารมีข่มคนไปทั่วเป็นอันขาด
พี่ชายเพชรเองก็เถอะ..เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล หนนี้หนูจะใช้ไม้แข็ง ให้มันรู้กันไปว่าหนูจะทำไม่สำเร็จ]
“จะทำอะไรแม่ว่าคิดให้รอบคอบก่อนดีกว่าไหม ดูครั้งนี้สิ”
[หม่อมแม่ค่ะอย่าพูดแบบนี้อีก ครั้งนี้เป็นเพราะเสี่ยกับลูกน้องใช้ไม่ได้เรื่องต่างหาก
หม่อมแม่ไม่ต้องห่วง หนูรบกวนหม่อมแม่คอยสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของนังเปลวให้หน่อย ที่เหลือหนูจัดการเองค่ะ]
“แน่ใจจะเอาแบบนั้น แม่ว่าเราปล่อยให้เรื่องมันซาลงก่อนดีไหม”
[หนูยังไม่ลงมือช่วงนี้หรอก รอนังเปลวมันประมาทก่อนเถอะ ยังไงมันยังต้องไปเรียนไม่ใช่หรือค่ะ
หม่อมแม่คงไม่ลืมพี่ชายเพชรวานให้ตานิลเป็นธุระเรื่องมหา’ลัยให้พวกมัน
อีกแค่อาทิตย์เดียวมันก็ต้องไปเรียนแล้ว นั่นคือช่วงเวลาที่เหมาะมากที่สุด
หนูจะไม่ยอมปล่อยให้มันอยู่สุขสบายแน่ อย่างน้อยหนูอยู่ข้างนอก ก็สะดวกในการลงมือ
จะทำอะไรไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยว ใครจะไปรู้ว่านังเปลวมันมีศัตรูที่ไหนมีใครบ้าง
หากมันเป็นอะไรไปคงไม่สาวมาถึงหนูหรอก ปล่อยเป็นธุระหนูเองดีกว่า
รบกวนหม่อมแม่รายงานความเคลื่อนไหวของพวกมันก็พอ เท่านี้ก่อนค่ะ ไว้หนูจะโทรมาใหม่
เบอร์เดิมหนูไม่ใช้แล้วนะคะ กันไม่ให้ใครตามเจอ]
“จะเอาแบบนั้นก็ตามใจ ดูแลตัวเองให้ดีนะมรกต”
[ค่ะ..] การสนทนาระหว่างแม่ลูกตำหนักซ้ายสิ้นสุดเพียงแค่นั้น ไม่นึกว่านอกจากเธอจะไม่สำนึก
ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดเปลวอีก คนเราบางทีก็ยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอให้คิดดีทำดี
ตราบใดตัณหาบังตาจนมืดบอด ก็คงไม่ต่างกับหม่อมหลวงมรกตอย่างที่เธอเป็นอยู่…
“นังเด็กนั่นโง่กว่าที่คิดเสียอีก” เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นมา
“หนูไม่แปลกใจเลย เชื้อไม่ทิ้งแถวไม่ต่างคนเป็นแม่นั่นแหละค่ะ”
“แล้วตกลงแกจะลงมือเมื่อไหร่”
“ยังไม่มีโอกาส ท่านพ่อใจเย็นสักนิดเถอะค่ะ คราวที่แล้วเราส่งคนไปลอบยิงมันยังพลาด
ขืนบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปตอนนี้ไม่เป็นผลดีแน่ ยังไงช่วงนี้หนูคิดว่าเรารอโอกาสเหมาะ
เด็กนั่นเป็นลูกไก่ในกำมือเราอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าใครก็ไม่พ้นเงื้อมมือพวกเราหรอก ท่านพ่อสบายใจได้”
“ฉันก็อยากจะเห็นจุดจบของพวกมันทั้งตระกูล ฉันจะรอดูวันที่คนของมณีรมย์ล่มสลายไม่เหลือซาก
เหมือนที่บรรพบุรุษของมันทำกับตระกูลของเราเอาไว้หนักหนาสาหัส”
“ท่านพ่อคงได้เห็น อีกไม่นานเกินรอหรอกค่ะ พวกเราจัดการไปแทบไม่เหลือแล้วนี่ค่ะ
ประสาอะไรกับเด็กเมื่อวานซืน ขนาดรุ่นพ่อแม่มันยังไม่สามารถสืบหาข้อเท็จจริงอะไรได้
เพียงแต่ชายเพชรระวังตัวเป็นพิเศษ นับตั้งแต่กลับจากอังกฤษมารับตำแหน่งประมุขวัง
มันก็จัดการเรื่องคนในตำหนักจนหมด ทำให้ไม่มีคนของเราอยู่ในนั้น จะใช้วิธีเดิมก็คงไม่ได้
หนูถึงขอร้องท่านพ่อใจเย็นสักนิด รอให้มันชะล่าใจสักหน่อย ความแค้นที่สะสมมายาวนานจะได้ปิดบัญชีเสียที”
“หึหึ..ฮะฮ่าๆ” เสียงหัวเราะปิดท้ายการสนทนาของบุคคลปริศนา
ขออภัยที่หายไปนาน วุ่นกับการติดต่อหาคนทำปกอยู่ค่ะ
เข้าใจกันนะคะ ตอนนี้ยังไม่จบนะคะ
ปล. ยังเปิดโอนจองอยู่นะคะ หนังสือยังไม่ได้พิมพ์ ใครต้องการดุรายละเอียดที่หน้า 1 ได้เลยค่ะ
ส่วนเรื่องหนังสือ คงต้องเลื่อนนัดส่งแล้วนะคะ ฝากแฟนนิยายอดทนรอนิดนึงค่ะ
เดี๋ยวจะไปแจ้งเลื่อนทางเมลล์ให้ทราบกันอีกทีนะคะ ขอเวลาเปลี่ยนปกที่มีปัญหาก่อน
ขอบคุณมากๆ ที่เป็นกำลังใจให้กันด้วยดีเสมอมาค่ะ
ต่อด้านล่าง