- 2 -“ตำนานรักดราม่า นึกว่าจะมีแต่ของเปลวเสียอีก กระทั่งในวังก็มี” สนิมถอนหายใจเฮือกใหญ่เปรยกับตนเองเบาๆ
หารู้ไม่มีสายตาคมแอบมองอยู่ห่างๆ สายตาซึ่งแฝงความเศร้า
แต่คงไม่มีใครได้เห็น เพราะเจ้าของไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครรู้มากกว่า
สายตานี้จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่คนที่ตกเป็นประเด็นกับคุณนิล คนที่ยอมถอยกลับไปอยู่ในเส้นทางปกติ
แม้หัวใจจะไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่เมื่อฝืนรั้นก้าวเดินไปในทางที่มีแต่ปัญหา ก็คงหาความสุขไม่ได้แน่นอน
สำคัญคนที่เขารักจะพลอยไม่มีความสุขนี่สิ ทำให้เขาตัดสินใจถอยออกมา ปล่อยให้วิถีชีวิตของคนที่ตนรัก
ได้มีโอกาสพบกับคนที่เหมาะสมพร้อมที่จะยืนเคียงข้างเขาคนนั้น จะถือเป็นการเสียสละก็ไม่กล้าพูด
ขอใช้คำว่าเห็นแก่ตัวจะดีกว่า คนที่ใครๆ ต่างยกย่องว่าเขาเป็นคนกล้าหาญ ไม่ต่างกับชื่อที่ติดตัวมา ‘คมกล้า’
ความจริงแล้วเขาเป็นคนขี้ขลาดตาขาว จึงเลือกหนีปัญหามากกว่าจะเผชิญกับมัน
ต่างจากเด็กหนุ่มคนที่เขาเคยรัก นิสัยกล้าหาญกว่าเขาอีก วันนี้หนุ่มคนนั้นเติบโตมีหน้าที่การงานฐานันดรสูงศักดิ์
ดีแล้วที่เขาถอยออกมา เพื่อจะได้ยืนมองความสำเร็จและความสุขในชีวิตอยู่ตรงนี้ เหมาะเป็นที่ๆ เขาจะอยู่มากกว่า
ไม่ใช่ตำแหน่งข้างกายซึ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะอดีตหรืออนาคตเขาก็คงเป็นได้แค่นี้ ปัจจุบันเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว
มายึดติดกับอดีตอีกไม่ได้ ทุกอย่างถูกฝังลึกลงในก้นบึ้งหัวใจเรียบร้อยแล้ว จากนี้ฐานะของพวกเขาคงเป็นได้แค่พี่กับน้อง
นายกับบ่าว ไม่สามารถเป็นอะไรนอกเหนือจากนี้ได้แล้ว..ร่างสูงค่อยเร้นกายหายไปจากจุดที่ยืนอย่างเงียบๆ
“ตกลงมึงเอาจริงหรือเปลว” สนิมถามเปลวสีหน้าดูเคร่งเครียด
“อืม..คิดว่ากูพูดเล่น” เปลวตอบเสียงเรียบ ดูไม่ทุกข์ร้อนต่างกับคนฟังที่ออกอาการวิตกกังวลเห็นได้ชัด
“มันเสี่ยงมากนะเปลว มึงไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวดึงมึงลงต่ำเลยเหรอ พี่ชายกับพี่หญิงมุกกังวลเรื่องนี้อยู่มึงก็เห็น”
สนิมเตือนด้วยความรู้สึกเป็นห่วงปนความไม่สบายใจ จนเปลวเองต้องหยุดกิจกรรมที่รื้อดูเสื้อผ้าต่างอยู่ขะมักเขม้น
แล้วหันมาคุยกับสนิมเป็นจริงเป็นจัง
“ฟังนะหนิม..กูกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ความลับย่อมไม่มีในโลก มึงคิดหรือว่าวันงาน จะราบรื่นสโมสรผ่านได้ด้วยดี
ต่อให้พี่ชายพี่หญิงช่วยกูแค่ไหนแต่เรื่องบางเรื่องพวกเขาก็พูดไม่ออกปกป้องกูไม่ได้
โดยเฉพาะสิ่งที่กูเป็นมึงเข้าใจไหม กูเป็นเกย์..กูไม่ใช่ชายแท้ อาชีพกูคือนางโชว์
เรื่องนี้ต้องมีคนหยิบยกคุ้ยแคะเอามาโจมตีไม่ช้าก็เร็ว ลางสังหรณ์กูกลับคิดว่าจะเกิดขึ้นในงานเลี้ยงต้อนรับเปิดตัวกูด้วยซ้ำ
ทำไมคนที่ไม่ประสงค์ดีจะยอมปล่อยโอกาสอันงามนี้ผ่านมือล่ะหนิม สู้ประจานกูต่อหน้าแขกเหรื่อผู้ได้ชื่อว่าสูงศักดิ์ไฮโซ
ให้อื้อฉาวเสียเลยไม่ดีกว่าหืม ข่าวคงดังวังมณีรมย์เจอตัวทายาทพากลับเข้าวัง กลับเป็นนางโชว์ในเมืองพัทยา
ไม่ต้องเดาให้ปวดหัวคงไม่พ้นเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ เมื่อรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิด สู้กูเปิดตัวเองชิงดักหน้าก่อนไม่ดีกว่าหรือไงหนิม
อาจจะเสี่ยงหน่อยแต่ถ้าทำให้มันดูดี ไม่แน่จากที่ผู้คนจะนำเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ครหา ต้องมีมุมดีๆ ให้กูบ้างล่ะนะ”
เปลวชี้แจงแนวความคิดที่จะจัดเซอร์ไพรส์ในงานวันเปิดตัวที่จะมีถึงในอาทิตย์หน้าเสียยืดยาว
หลังสนิมพยายามทักท้วงให้เปลวไตร่ตรองในสิ่งที่คิดจะทำให้รอบคอบ
เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องเป็นราวดึงเปลวให้ตกต่ำตามมาภายหลัง
“ถ้ามึงมั่นใจแบบนั้นกูก็คงไม่มีคำพูดอะไรไปท้วงติงมึงอีก คงต้องมาลุ้นเอาใจช่วย
คอยเป็นกำลังหนุนมึงอีกแรงมากกว่า กูหวังว่าสิ่งที่มึงคิดจะออกมาไม่ผิดไปจากที่คาดหวังนะเปลว”
สนิมเมื่อจนหนทางเปลี่ยนใจเปลวให้กลับมาคิดทบทวนได้แล้ว ก็หันหน้าเข้าร่วมสนับสนุนไปด้วยเลย
“ขอบใจมากหนิม กูคงไม่กล้าการันตีว่าสิ่งที่กูจะทำจะออกมาสมกับที่กูต้องการให้มันเป็น
ใจคนเรายากแท้หยั่งถึง คนรักมีคนเกลียดมีนะมึง แค่ขอให้คนที่เข้าใจพวกเรามีมากกว่าฝ่ายที่จงเกลียดจงชัง
ถือว่าเราทำได้สำเร็จแล้วหนิม เราคงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่จะเปลี่ยนมุมมองคนเหล่านั้น
ให้เขาหันกลับมามองพวกเราในทางที่ดีขึ้น แค่นี้ล่ะที่กูต้องทำ..ถ้ากูจะต้องเป็นมณีรมย์ไปตลอดชีวิตนับจากนี้
กูก็ขอเป็นหม่อมราชวงศ์ทองเปลวในแบบฉบับตัวกูเอง ไม่ใช่สวมหน้ากากจอมปลอมสร้างภาพหลอกลวง
โดยไม่สามารถปิดบังความจริงไว้ได้ ให้คนเอาไปหัวเราะเยาะลับหลังนะหนิม”
“กูเข้าใจแล้ว ดีเหมือนกันให้มันรู้กันไปเลย ในเมื่อมึงคือทองเปลว
อนาคตจะดองเป็นทองแผ่นเดียวกับหม่อมราชวงศ์เพชรรัตน์
ในฐานะคู่สมรส สนใจทำไมคนเขาจะคิดยังไงใช่ไหม”
สนิมยิ้มร่าไม่ลืมหยอกเย้าเปลวด้วยความครื้นเครง
เรียกเลือดฝาดวิ่งขึ้นหน้าสวยทันตาเห็น เปลวคิดไม่ถึงว่าสนิมจะมามุกนี้
“หนิมเดี๋ยวเถอะ ล้อกูเหรอ อย่าคิดพากูอายฝ่ายเดียวเสียให้ยาก
รู้นะว่ามึงเองก็แอบอยากเป็นเมียหม่อมหลวงอยู่ใช่ไหมล่ะ
กูจะได้ทำหน้าที่กามเทพส่งเพื่อนรักได้ผัวหม่อมหลวงสมใจบ้าง..ฮะฮ่าๆๆ”
“เปลว..อีบ้า อย่าพูดแบบนี้นะ” เสียงหัวเราะ เสียงวิ่งไล่ของหนุ่มๆ ดังภายในห้องเปลว
โดยไม่มีใครได้ยินหรือรู้ว่าสองหนุ่มเกิดคึกอะไร ถึงได้ร่าเริงหัวเราะปนถกเถียงกันไม่หยุด
ผิดวิสัยของเพื่อนซี้ที่มักจะไม่ค่อยเห็นมุมนี้มาก่อน จะว่าไปสนิมกับเปลวแทบไม่ค่อยมาหยอกเย้ากันแบบนี้เลย
ที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิต ให้หยิบมาเป็นประเด็นแซวกันได้ เพิ่งจะมามีขึ้นที่นี่นั่นแหละ..
“น้าแจ่มบอกได้ลูกศิษย์หัวดี ไปเรียนทำอาหารด้วย ไหนพี่มุกขอลองชิมดูหน่อยสิคะ”
หญิงมุกแซวเปลวกับสนิม สองหนุ่มช่วงบ่ายก็พากันเข้าไปคลุกอยู่ในครัว ฝากตัวเป็นศิษย์แม่บ้านเก่าแก่
ไปเป็นลูกมือคอยช่วยทำอาหารมื้อค่ำ จนเป็นที่มาของการโดนคุณหญิงมุกแซวอย่างที่เห็น
“หูย..พี่หญิงมุกเล่นซะเขิน ลูกศิษย์หัวดีที่ไหนเล่า ไปป่วนป้าแจ่มแกเสียมากกว่า
หนิมกับเปลวคงไม่ได้ช่วยแกล่ะ นอกจากช่วยสร้างความวุ่นวายให้ในครัว..ฮะฮ่าๆๆ”
สนิมเป็นคนออกตัว เปลวก็ยิ้มร่าตามไปด้วย พอคุณหญิงมุกพูดจบ ก็จับช้อนตักชิมน้ำพริกลงเรือ
“โห!..รสชาติไม่ต่างต้นตำรับชาววังเลยนะ ฝีมือใครตำน้ำพริกจ๊ะ คุณหญิงทำตาโต ออกอาการทึ่งรสชาติน้ำพริก
“แหมพี่หญิงแซวเปลวนี่ครับ เปลวตำแต่คนปรุงคือป้าแจ่มหรอก” เปลวหน้าแดง รู้สึกเขินคำชมของคุณหญิงมุก
“อิอิ..เปลวไม่รู้ใช่ไหมเนี่ยะ น้ำพริกต่อให้ปรุงเก่งแค่ไหน ถ้าหากคนตำไม่ใส่ใจ ก็ออกมาไม่อร่อยแบบนี้หรอก
แล้วรู้อะไรอีกไหมค่ะ น้ำพริกลงเรือเป็นหนึ่งในของโปรดพี่ชายเพชรเธอเชียวล่ะ”
คุณหญิงพูดจบส่งสายตายิ้มล้อเปลวไปด้วย เปลวถึงกับหน้าแดงหูแดงเข้าไปใหญ่
ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อวันนี้เปลวแอบถามป้าแจ่มว่าคุณชายชอบทานอะไรเป็นพิเศษ
ป้าแจ่มแกบอกมาเอง เปลวจึงเสนอโขลกน้ำพริกลงเรือจนสำเร็จมาได้
“คึคึ!..เปลวเขินใหญ่แล้วพี่หญิงมุก ก็เพราะรู้สิครับถึงอาสาลงมือตำน้ำพริกเสียเอง
นอกจากใส่ใจ..ไม่แน่เปลวแอบใส่เสน่ห์ไปด้วยนะครับ” สนิมสบโอกาสขายเปลวเข้าไปใหญ่
เล่นเอาเปลวอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าเพื่อนซี้จะเผยไต๋ต่อหน้าคุณหญิงมุก
“จริงหรือ..อิอิ..ไม่ต้องใส่เสน่ห์เพิ่มหรอกเปลว แค่นี้พี่ชายเพชรเธอก็ไปไหนไม่รอดแล้ว
ลองเปลวมีฝีมือตำน้ำพริกลงเรือล่ะก็ กลับมาทานมื้อค่ำที่วังทุกวันแน่
ไม่คิดนอกลู่นอกทางหรอก พี่หญิงมุกรับประกันได้..ฮะฮ่าๆ”
หนึ่งหญิงราชนิกุลกับหนึ่งหนุ่มเพื่อนซี้ร่วมหัวจมท้าย พากันแซวเปลวจนแทบละลายเป็นวุ้นเละอยู่ตรงนั้นแล้ว
ไม่คิดว่าการทำอะไรให้ใครซักคนจะนำมาซึ่งความเขินขนาดนี้
เปลวเถียงไม่ออกหมดคำพูดที่จะนำมาแก้ต่างให้ตัวเอง รู้อย่างเดียว..เวลานี้หน้าแทบระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ
“หัวเราะสนุกสนานอะไรกันอยู่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องอาหาร
ซึ่งสองหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวเฮฮากันอยู่ เป็นใครไปไม่ได้ หม่อมราชวงศ์สุดหล่อมือล้วงกระเป๋ากางเกงข้าง
อีกข้างมีเสื้อสูทคล้องแขนเอาไว้ ยืนส่งยิ้มทอดสายตาอบอุ่นมาให้
หลังกลับจากทำงานไถ่ถามคนรับใช้รู้ว่าทั้งสามมารวมตัวอยู่ที่ห้องอาหาร
คุณชายเพชรไม่รอช้าดิ่งมาที่นี่ทันที ทันได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานอย่างที่เห็น
ไม่ต้องเดาให้ยุ่งยาก เปลวกำลังโดนรุมอยู่แน่ๆ เล่นออกอาการหน้าแดงจนสุกเสียขนาดนั้น
“เหมือนจะรู้นะคะพี่ชายเพชร รีบกลับวังก่อนเวลาอย่างนี้ มีพรายกระซิบบอกหรือไงคะ
วันนี้มีของโปรดน้ำพริกลงเรือรออยู่ แถมคนทำเป็นคนพิเศษอีกต่างหาก อะไรจะประจวบเหมาะขนาดน้าน”
หญิงมุกไม่ปล่อยโอกาสผ่าน ดึงเรื่องที่แซวเปลวค้างอยู่ จนคนหน้าสวยแดงแปร๊ดไปทั้งตัวแล้วตอนนี้
รีบลากพี่ชายสุดหล่อเข้าร่วมด้วยเสียเลย คุณชายเลิกคิ้วเข้มให้
ไม่เข้าใจว่าน้องสาวตัวดีต้องการจะบอกอะไร แต่ก็ได้คำตอบในทันที
“แปลกใจอะไรคะพี่ชาย น้ำพริกลงเรือถ้วยนี้ ฝีมือหม่อมราชวงศ์ทองเปลว มณีรมย์ อร่อยอย่าบอกใครเชียว
มุกลองชิมแล้วเกือบเข้าใจผิดคิดว่าต้นตำรับชาววังมาเองเสียอีก”
หญิงมุกขยิบตาให้พี่ชายอย่างต้องการส่งซิกให้รู้กัน คุณชายมองน้องสาวตัวแสบพานเข้าใจทันที
ว่าจะสื่ออะไรให้ช่วยรับลูก คุณชายไม่พูดอะไรอีก เดินเข้ามายืนจ้องหน้าเปลวค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาว่า
“ที่บอกจะรอทานข้าวพร้อมพี่ คือเปลวจะเซอร์ไพรส์พี่หรือครับ”
สนิมแทบระทดระทวยในความสุภาพอ่อนโยนของคุณชาย ขนาดเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นยังแทบหลอมละลาย
แล้วเปลวเล่าจะรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องรอนานเปลวก้มงุดหลุบตาต่ำ เห็นแต่เสี้ยวหน้าแดงก่ำ
พูดไม่ออกไปแล้วเรียบร้อย อายจริงเขินจริงไม่คิดว่าจะโดนแซวขนาดนี้
แถมต่อหน้าต่อตาบุคคลซึ่งเป็นประเด็นทำให้ลุกขึ้นมาตำน้ำพริก
ดันมายืนหล่อวางมาดเท่อยู่ตรงหน้า พูดจาแบบนี้ใส่..เปลวไปไม่เป็นทีเดียว
“ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะครับ” คุณชายนึกเอ็นดูปนขบขัน ที่ได้เห็นเปลวออกอาการเขินจัดเสียขนาดนี้
“ครับ..เปลวอยากขอบคุณพี่ชายบ้าง” กว่าจะเอาตัวรอดได้ เปลวแทบกัดลิ้นขาด
กล้าเอ่ยปากแต่ไม่กล้าเงยหน้าสบตาคนถาม ซึ่งยืนค้ำหัวสูงเด่นเป็นสง่า จนเปลวดูเล็กจ้อยลงไปถนัด
“หึหึ..ทำตัวน่ารักแบบนี้ พี่คงต้องกลับมาทานข้าวทุกวันแล้วสิ”
คุณชายหัวเราะต่ำในคออย่างมีเสน่ห์ หยอดทิ้งท้ายซะหวานหวามอีกต่างหาก
“ก่อนนี้พี่ชายไม่ค่อยกลับมาทานที่วังหรือครับ” เปลวเงยหน้าจ้องคู่สนทนา
ต้องแหงนคอถึงจะเห็นวงหน้าหล่อเหลาจ้องรออยู่แล้ว
มุมปากหยักได้รูปยกยิ้มดูดี ตามด้วยเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นมาว่า
“ก็ไม่บ่อยนักครับ ถ้าหญิงมุกติดงาน พี่ก็ไม่เร่งกลับวังก็อาศัยทานเอาข้างนอก
โทรบอกทางนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเตรียมอาหาร จากนี้ไปคงไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
เพราะที่วังมีเปลวกับหนิมรออยู่นี่ครับ” คุณชายดึงสนิมเข้ามามีส่วนด้วย เพื่อไม่ให้ดูเจาะจงกับเปลวเกินไปนัก
“โถ..พี่ชายเพชร หนิมคงไม่มีอิทธิพลกับพี่ชายเท่าใครบางคนมั้ง
พี่ชายจะกลับวังหรือไม่อย่างมากหนิมก็แค่ไต่ถาม แต่ใครบางคนนี่สิคงรอเก้อเป็นสายบัว ทานข้าวไม่ลงก็เป็นได้”
สนิมพูดจบ ได้รับสายตาตวัดค้อนจากเปลวส่งให้ทันที เพราะไอ้ใครบางคนที่อ้างไม่พ้นเปลวแน่
“คิกคิก!..มุกก็คงต้องกลับด้วย เพื่อไม่ทำให้ใครที่ว่าต้องมาพะวงไปอีกคน
ถึงมุกจะไม่ทำให้ใครคนนั้นพะวงเท่าพี่ชาย อย่างน้อยก็ไม่กล้าทำให้ใครที่น่ารักน่าเอ็นดู..
ต้องคอยมาเป็นกังวลไปด้วยหรอกเนอะ”
เป็นอันว่าคนโดนหนักโดนรุม กลายเป็นเปลวคนเดียว ซึ่งโดนทั้งเพื่อนรัก
ประมุขวังและหม่อมราชวงศ์มุกดา พากันแกล้งเย้าด้วยเอ็นดูเป็นพิเศษ
ยิ่งเปลวเขินหน้าแดงจัด ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูทำให้พวกเขาอดที่จะหยอกเย้าไม่ได้จริงๆ
ความสุขเสียงหัวเราะบรรยากาศแบบนี้ ห่างหายไปจากวังมานานแค่ไหนแล้ว
สองพี่น้องราชนิกุลที่เติบโตมากับวังนี้แทบจำไม่ได้ แต่ขณะนี้บรรยากาศผ่อนคลายเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะ
จนหัวใจรู้สึกอุ่นซ่านได้หวนคืนมาอีกครั้ง คุณชายเพชรรัตน์นึกขอบคุณสองหนุ่ม
ผู้ที่นำพาความสุขให้เกิดขึ้นในตำหนักใหญ่หลังนี้ ไม่เช่นนั้นคุณชาย..คุณหญิงมุกก็คงไม่มีโอกาสสัมผัส
บรรยากาศครอบครัวอันอบอุ่นแบบนี้ได้อีกเช่นกัน..
มาแล้วค่ะ น้องเปลวกับคุณชายเพชรรัตน์
เจอกันอีกทีวันอังคารนะคะ
และขอมอบปกสุดสวย ให้คนอ่านได้จิ้นกันด้วยนะคะ Boxsetขอบคุณมากมาย ที่ตอบรับน้องเปลวเอาไว้ในอ้อมกอด
ด้วยจิตคารวะ