- 2 -“แล้วอีกคนละเพคะเด็จย่า” คุณหญิงดารณีทูลถาม เมื่อพระองค์ท่านเจตนาแนะนำเพียงเปลว
สำหรับหม่อมเจ้าธิฆัมพรไม่ได้รู้สึกว่าการที่สนิมร่วมโต๊ะเสวย จะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมแต่ประการใด
ในเมื่อพระองค์ทรงรับรู้ข้อมูลจากคุณหญิงมุกดา และทรงยินดีรับสนิมไว้เป็นศิษย์
อบรมผ่านพ้นมาอย่างไม่ขุ่นเคืองพระทัยเลยแม้แต่น้อย
แต่ถ้าต้องแนะนำสนิมกับคุณหญิงดารณี ก็ทรงลำบากพระทัยอยู่พอสมควร
สนิมไม่ได้มีฐานันดรศักดิ์จะด้วยความเหมาะสมของชาติกำเนิดหรือเทือกเขาเหล่ากอก็ไม่เข้าข่าย
ยิ่งเป็นการเสวยเฉพาะในเครือพระญาติ สนิมถือเป็นคนนอกที่ไม่สมควรได้ร่วมโต๊ะ
เว้นเสียแต่เป็นการรับเชิญพิเศษ ซึ่งหมายถึงสนิมคือบุคคลที่ได้รับการยกเว้น
แต่ก็ต้องมีที่มาที่ไปในการนี้อีกเช่นกัน พระองค์ท่านมิได้รับสั่งอันใดในคำถามที่มาจากคุณหญิงดารณี
ทรงรอทอดเนตร..ใครจะเป็นคนจัดการกับคำถามนี้ จะออกมารูปแบบไหน
เพราะวันข้างหน้าหากสนิมยังต้องข้องเกี่ยวกับบุคคลระดับราชนิกุลอยู่ คำถามเหล่านี้ย่อมมีไม่หยุดหย่อน
พระองค์ท่านจึงรอชมไหวพริบปฏิภาณของบุคคลที่จะแก้ไขปัญหานี้อยู่เช่นกัน
“ผู้ที่นั่งข้างผมคือพี่ชายของผม เป็นญาติทางฝ่ายแม่ชื่อสนิมครับ” เปลวไม่รอให้ทิ้งช่วงนาน รีบแนะนำสนิมทันที
ฝ่ายอ่อนอาวุโสก็ไม่รอช้ายกมือกระพุ่มไหว้อย่างอ่อนน้อมมีมารยาทเช่นกัน
“เรียกผมหนิมก็ได้ครับ..พี่หญิง” สนิมยิ้มไมตรี หลังลดมือลงเป็นที่เรียบร้อย กิริยามารยาทถือว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง
“ยินดีรู้จักจ้ะหนิม” คุณหญิงดารณีแม้จะเกิดคำถาม แต่ไม่คิดไล่เบี้ยหาความกระจ่าง
กระนั้นเธอก็ไว้ตัวไม่รับไหว้ เพราะรู้ไม่เกี่ยวข้องในสายพระญาติ ตามจริงแล้วเธอจะรับไหว้หรือไม่ก็ไม่มีใครสามารถตำหนิ
ถือเป็นเรื่องที่เหล่าราชนิกุลต่างรู้แก่ใจ การรับไหว้นั้นต้องมีศักดิ์ฐานะที่ไม่ห่างชั้นจนเกินไป
หาไม่แล้วจะกลายเป็นลดเกียรติโดยไม่รู้ตัว ยิ่งต่อหน้าบรรดาคนรับใช้ในวัง
ที่ยืนสำรวมรอปรนนิบัติหน้าสลอนแบบนี้ด้วยแล้ว คุณหญิงดารณียิ่งต้องวางตัวกว่าปกติ
แต่ผลลัพธ์ในทางปฏิบัติที่แตกต่าง ก็ส่งผลให้สนิมยิ้มเก้อไปแล้วเช่นกัน
“มรกตเพิ่งทราบเพคะ ฝ่าบาททรงเปิดวังต้อนรับบุคคลทั่วไปด้วย เช่นนั้นมรกตคงได้รับพระเมตตา
พาเพื่อนชาวต่างชาติที่สนิทคุ้นเคยสมัยไปเรียนที่สวิส ได้รับโอกาสเข้าเฝ้าเบื้องบาทบ้างนะ..เพคะ”
คุณมรกตเอ่ยวาจาดูเหมือนไม่มีอะไร คำพูดเธอกอปรด้วยรอยยิ้มสดใสเจืออยู่ตลอดเวลา
ประหนึ่งกำลังทูลขอพระเมตตาพระองค์ท่านอยู่
“จะว่าเปิดวังต้อนรับผู้คนก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอันใดสำคัญ
เพียงขอมาเยี่ยมเยือนตามปกติก็คงไม่ ย่าไม่ชอบวุ่นวายมาก
ถ้าทักทายในงานสมาคมหรือพบเจอกันข้างนอก ก็ไม่มีปัญหาปฏิสันถารกันได้ย่าไม่ถือสา
แต่ถ้าแจ้งเจตจำนงเพื่อมาขอพบในวังบวรเวศน์ ก็คงไม่อนุญาตอย่างที่บอกนั่นแหละ”
พระองค์ท่านมีรับสั่งชัดเจน ว่าไม่ประสงค์ต้อนรับบุคคลอื่นใด คุณมรกตหาได้สลดอะไรแม้แต่น้อย
“ประทานอภัยเพคะ มรกตเห็นฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมโต๊ะเสวย..เพคะ”
ถ้อยวาจาเหมือนจะขออภัยที่ตีความเข้าใจผิด แต่หากจับสำเนียงดีๆ เหมือนแดกดันเสียดสีสนิมอย่างไม่ต้องสงสัย
เปลวยังคงใจเย็นสะกดกลั้นอารมณ์ไม่มีหลุด จึงยิ่งทำให้เธอได้ใจไปกันใหญ่
“เรื่องนี้ไม่สำคัญอะไร” พระองค์ท่านทรงตัดบท เมื่อเห็นสมควรแก่เวลา
สิ้นดำรัสอาหารเรียกน้ำย่อยก็ลงเสิร์ฟตรงหน้าของทุกคนทันที
คุณมรกตชำเลืองดูกิริยาหยิบจับ กระทั่งการกินไม่วางตาทั้งเปลวและสนิม
เพื่อหาข้อพิรุธหน้าแตกมาแดกดันให้ได้อาย แต่ไม่เป็นตามที่หวังชักเริ่มหงุดหงิด
ซึ่งพระองค์ท่านสนพระทัยตรัสถามไถ่กับคุณชายเพชรเป็นการส่วนพระองค์
จึงไม่มีใครแทรกพูดอะไรได้อีก ระหว่างนั้นคุณชายก็ลอบชำเลืองพฤติกรรมของเปลวและสนิมเช่นกัน
ก่อนจะนึกชื่นชมในใจที่ทั้งคู่ดูไม่มีการประหม่าผิดพลาด
ยังคงวางกิริยาได้สง่างามไม่ต่างจากคนที่เหลือบ่งบอกได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
เสียงสนทนาไม่ดังเกินไป ผูกขาดโดยคุณชายกับพระองค์ท่าน โดยทุกคนแค่มีส่วนร่วมรับฟัง
เกี่ยวกับธุรกิจที่คุณชายเพชรรัตน์บริหารอยู่พระองค์ทอดพระเนตรชื่นชมเอ็นดู ไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก
คุณชายคือราชนัดดาที่ได้รับพระเมตตาเป็นล้นพ้น กระทั่งเวลาผ่านพ้นจนเมนูผลไม้ปิดท้าย
การสนทนาก็ดำเนินมาถึงเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ในส่วนนี้ทุกคนต่างได้ร่วมพูดคุยแสดงความเห็นบ้าง
ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ฟังเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
“ฝ่าบาททรงรอบรู้เกี่ยวกับพฤกษา ไม่ต่างพี่ชายเพชรซึ่งรักต้นไม้จัดหามาปลูกเต็มวังมณีรมย์
แต่มรกตกลับเห็นความแตกต่างบางประการมีอยู่บ้างนะเพคะ” คุณมรกตถือโอกาสเอ่ยขึ้นมา ทำให้ทุกคนสนใจฟังเธอ
“อะไรหรือมรกต” พระองค์ท่านทรงตรัสถาม
“วังบวรเวศน์มรกตยังพอได้ยินเสียงกบ เสียงคางคก จิ้งหรีดเรไรดูเป็นธรรมชาติมาก
ตั้งแต่ขับรถเข้ามากับหญิงดารณี ว่าไหมหญิงดารณี” คุณมรกตเธอหันไปขอความเห็นคุณหญิงดารณี
ซึ่งฝ่ายถูกถามก็ยืนยันไปเมื่อเห็นไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้ยินสรรพเสียงเหล่านี้
ในเมื่อในวังมีสระบัวขนาดใหญ่ อุดมด้วยร่มไม้นานาพันธุ์เต็มไปหมด
“เพคะเด็จย่า ความร่มรื่นสมบูรณ์ของวังเด็จย่า ทำให้ได้ยินเสียงเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา..เพคะ”
คุณหญิงดารณีพูดจบ คุณมรกตแทรกขึ้นทันทีเช่นกัน เหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว
“แต่ที่วังมณีรมย์ไม่มีแบบนี้นะ..เพคะ” คุณชายเพชรถึงกับเลิกคิ้วจ้องคุณมรกตนิ่ง
ส่วนคุณหญิงมุกดาเธอก็ไม่เข้าใจ ทำไมที่วังมณีรมย์จะไม่มีเสียงเหล่านี้
คุณนิลจ้องพี่สาวเขม็งเช่นกัน คงมีเพียงเปลวที่หรี่ตามองเธออย่างรู้ทัน
ประโยคต่อไปต้องไม่ธรรมดา สนิมเองก็คิดเอาไว้แล้ว
“ไม่มีแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือมรกต ชายเพชรเองก็รักต้นไม้
ย่าจำได้ว่าแต่ไหนแต่ไรก็เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ผล ไม่ด้อยไปกว่าวังใดนี่นะ”
พระองค์ท่านทรงตรัสตามที่เข้าพระทัย
“มรกตบอกไม่เหมือน เฉพาะเสียงคางคกเพคะ
คางคกวังมณีรมย์มิส่งเสียงให้ได้ยินเลย ไม่แน่ใจว่าไปอยู่ที่ไหนกันหมดแล้ว..เพคะ”
ไม่ผิดไปจากที่เปลวคิดไว้ ประโยคของคุณมรกตตีวัวกระทบคราดแดกดันประชดประชันไม่จบสิ้น
ไม่มีใครขัดคำพูดของเธอยกเว้นคนเพียงคนเดียวที่กล้าจะโต้ตอบกับเธอ
หากฟังอะไรแล้วผิดหูผิดตา จนทนไม่ได้ที่จะเบรกหรือโต้ตอบให้เธอมีคู่ขัดเสียบ้าง..
“พี่มรกตเคยได้ยินเสียงคางคกด้วยเหรอคะ มุกกลับนึกว่าพี่จะไม่สนใจเสียงสัตว์เหล่านี้เสียอีก
นี่พี่มรกตไปเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มาจากไหน ถึงกับแยกแยะได้เสียงไหนเป็นเสียงกบ..เสียงคางคก น่าสนใจดีแท้”
คำพูดตรงๆ ที่คุณหญิงมุกเอ่ยมานั้น ทำเปลวเกือบหลุดขำไปแล้ว กระทั่งคุณนิลยังต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบพอเป็นพิธี
เพื่อไม่ให้เผลอตกเป็นเป้าสร้างความสนใจหากขำกลิ้งขึ้นมา ส่วนคุณชายเพชรรัตน์มุมปากกระตุก
คุณหญิงมุกเธอเหน็บกลับอย่างไม่คิดว่าเธอจะทำ สนิมรีบก้มหน้างุดต่ำเพื่อให้ให้ใครเห็นกำลังกลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
คุณมรกตสีหน้าขมึงทึงหลังโดนหญิงมุกตอกกลับมาแบบนั้น
“ก็ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญหรอกจ้ะหญิงมุก ถ้าแค่เสียงกบเสียงคางคกไม่ใช่เรื่องยากพี่พอจะรู้และฟังออก
ที่ยกเป็นตัวอย่างก็เพราะเกิดนึกขบขัน วังบวรเวศน์กลับเต็มไปด้วยเสียงเหล่านี้
วังเรากลับเงียบสงบสงสัยคางคกจะหนีไปขึ้นวอกันหมดแล้วกระมัง”
พูดจบตวัดหางตาค้อนมาทางเปลวกับสนิมอย่างเจาะจง ไม่ต้องเดาคุณมรกตเธอกำลังฉุนหัวเสีย
ที่มีคนออกหน้าปกป้องสองหนุ่ม ตั้งใจทำให้ขายขี้หน้าคุณหญิงมุกกลับยื่นมือเข้ามาสอด
เธอเลยเกิดอาการขุ่นเคืองขึ้น ครั้งนี้กลับเป็นเปลวที่เลือกสงบปากสงบคำไม่ยอมโต้ตอบเธอ
ทำกิริยาเย่อหยิ่งอวดดีใส่เหมือนเคย ทำให้เธอรู้สึกโมโหที่ไม่สามารถยั่วยุ
ให้เปลวแสดงอาการเหล่านั้นเบื้องพระพักตร์ได้สำเร็จ
“พูดเรื่องอะไรกันเด็กสมัยนี้ จำที่ย่าฝากได้ไหมตานิล ให้เราช่วยอบรมลูกศิษย์ลูกหา
พูดจาสำบัดสำนวนก็ใช้ให้มันถูก” พระองค์ท่านกลับเบรกสถานการณ์ โดยหันไปรับสั่งคุณนิลแทน
“ขอรับ..ฝ่าบาท” คุณนิลรีบขานรับพระดำรัส ด้วยสภาพเห็นแล้วเป็นที่น่าสงสาร
ถึงกับไหล่สั่นหน้าดำหน้าแดง กระทั่งพระองค์ท่านส่ายพระพักตร์เช่นกัน
เห็นท่ามื้อค่ำนี้ไม่รีบรวบรัด มีหวังได้เห็นสำนวนตีฝีปากเชือดเฉือนกันไม่จบแน่
“นี่ก็ล่วงเลยเวลามาพอสมควร คงต้องให้พวกเรากลับกันได้แล้ว” พระองค์ท่านตัดบทขึ้นทันควัน
“ขอรับเด็จย่า..เพคะเด็จย่า..บลาๆ” เป็นอันรับทราบอย่างรู้ในมารยาทธรรมเนียมปฏิบัติ
พระองค์ท่านมีพระประสงค์พักผ่อนวรกายแล้ว ทุกคนพร้อมใจส่งเสด็จ ก่อนจะพากันแยกย้ายมายังหน้าตำหนัก
“มรกตไม่ได้เอารถมา ติดรถกลับด้วยนะคะพี่ชายเพชร” คุณมรกตเกาะแขนคุณชายไม่ยอมปล่อย
“แล้วขามา..พี่มายังไง” คุณหญิงมุกเธอถาม
“พี่มากับหญิงดารณี” เธอโยนให้คุณหญิงดารณี ซึ่งกลับด้วยรถประจำวังของเธอ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ถ้างั้นพี่มรกตไปรถนิลสิ มุกมากับนิล ตั้งใจกลับพร้อมพี่ชายเพชร
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแวะส่งตำหนักซ้าย” คุณหญิงมุกชิงจัดแจงเสียเลย
“ไม่เอาหรอก..ตานิลขับรถเร็วพี่ไม่ชอบ พี่จะกลับกับพี่ชายเพชร” คุณมรกตเธอยืนกราน
ไม่ยอมปล่อยแขนคุณชายอีกต่างหาก
“แต่รถพี่ชายไปไม่หมดหรอกนะ ไหนจะยังมีมุก เปลว สนิมอีกล่ะ” คุณหญิงมุกเธอก็แย้งไม่ยอมเช่นกัน
“เธอก็ให้นายหนิมไปกับนิลสิ พี่จะไปรถพี่ชาย” คุณมรกตไม่ยอมท่าเดียว
เป็นผลให้เกิดการเถียงกันท่าทางคงไม่จบ เปลวตั้งท่าจะอ้าปากชิงตัดความรำคาญ
อาสากลับกับคุณนิลเสียเอง แต่สนิมรู้ทันว่าเพื่อนจะพูดอะไรออกมา..จึงดักคอแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"พวกพี่ๆ ไปกับพี่ชายเพชรเถอะครับ หนิมไปกับคุณนิลเองครับ” คุณนิลยืนฟังอยู่เลิกคิ้วสูง
หันมองสนิมที่ชิงออกตัวมาแบบนี้ แต่สนิมไม่กล้าสบตาด้วย เพราะรู้ตัวตัดสินใจโดยพละการ
ไม่ได้ถามเจ้าของรถสักคำว่ายินดีให้กลับด้วยหรือเปล่า แต่ถ้าให้แยกเปลวไปกับคุณนิลก็ไม่ไว้ใจอีก
ยอมเสียสละเป็นฝ่ายไปขึ้นรถคุณนิลเสียเอง จะได้จบเรื่องไม่เสียเวลา
“เห็นไหม..นายหนิมเขาไปกับตานิล หมดปัญหาหรือยังหญิงมุก
พี่ชายเพชรค่ะ..เรารีบกลับกันเถอะป่านนี้หม่อมแม่เป็นห่วงมรกตแล้วค่ะ ไม่เคยกลับมืดค่ำมาก่อน”
คุณมรกตพูดจบ คุณนิลได้แต่ส่ายหัวให้มารยาของพี่สาว ไม่ทนอยู่ดูอาการพี่สาวอีกต่อไป จึงหันไปเรียกสนิมทันที
“จะกลับพร้อมฉันก็มาสิ ยืนรออะไร” พูดจบก้าวอาดๆ นำไปที่รถซึ่งคนรับใช้ขับมาจอดรอหน้าตำหนักไว้ให้แล้ว
สนิมรีบจ้ำตามไปอย่างไว คุณชายเพชรก็ไม่พูดอะไรมาก เดินดิ่งตรงไปที่รถเช่นกัน
คุณมรกตก็ไม่รีรอ พอไปถึงรถรีบปล่อยแขนคุณชาย ชิงเปิดประตูขึ้นไปนั่งตีคู่คนขับก่อนใคร
คุณชายเพชรกลั้วยิ้มหล่อ เมื่อเห็นเธอขึ้นไปนั่งหน้าในอาการเชิดคอตั้งสีหน้าดูสะใจ
เปลวเดินตามมากับคุณหญิงมุก ก่อนที่คุณชายจะเปิดประตูให้น้องสาวเข้านั่งเบาะหลัง
แล้วพยักหน้าให้เปลวขึ้นตามคุณหญิง โดยคุณชายเป็นคนปิดท้าย กลายเป็นเบาะหลังนั่งกันสามคน
ถึงจะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง เพราะเปลวไม่กล้าเอาตัวไปติดหญิงมุก ยังไงก็ต้องรักษาเกียรติเธอ
เพราะคุณหญิงมุกเป็นสุภาพสตรีจึงต้องมีเว้นระยะห่างเล็กน้อย กลายเป็นนั่งเบียดคุณชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่โดยปริยาย
คุณมรกตพอเห็นพี่ชายเพชรไม่อยู่ประจำตำแหน่งสารถี ก็หันมาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่คิดมาก่อนว่าคุณชายจะนั่งข้างหลัง
“พี่ชายไม่ได้ขับรถหรือค่ะ” คุณชายไม่ตอบ เพราะคำตอบมาทันที อเนกบอดี้การ์ดส่วนตัว
เปิดประตูทำหน้าที่สารถีอย่างรู้จังหวะ คุณมรกตเธอถึงกับหน้าเหวอไปทีเดียว
ไม่รู้คนขับรถจะเป็นเอนก เธอไม่ทันสังกตนึกว่าคุณชายเพชรขับรถมาเอง
ถึงได้ชิงขึ้นนั่งด้านหน้าก่อนใคร ส่วนหญิงมุก รีบเอามือปิดปาก แอบหัวเราะน้ำตาเล็ดไปแล้วเรียบร้อย
มีแต่เปลวที่รู้สึกขำปนเขิน ไม่รู้อาการหน้าแดงจนดูสุกปลั่งขณะนี้ เป็นเพราะกลั้นหัวเราะไม่ให้หลุดรอดออกมา
หรือเป็นเพราะว่ากำลังเขินจัด ที่นั่งแนบชิดตัวติดอยู่กับคุณชายเพชร
จนสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแกร่งของต้นขาที่เบียดกับขาของตัวเอง เล่นเอาหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำไปแล้วก็ไม่รู้
ส่วนคุณชายเพชรสีหน้าไม่บ่งบอกอะไร ใบหน้าหล่อยังคงเรียบนิ่ง น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกับอเนกปกติ
“กลับวัง” อเนกขานรับ
“ขอรับ” แค่นั้นที่คุณชายเอ่ย เปลวเหลือบมองรูปหน้าด้านข้าง เห็นเสี้ยวหน้าคมสันปลายจมูกโด่ง
ก็ต้องรีบเบือนหนีไปมองนอกหน้าต่างทางฝั่งคุณหญิงมุกแทน เพราะหัวใจพลันรู้สึกแปลกๆ
หารู้ไม่การกระทำที่แอบมองแล้วรีบเบือนหลบ หางตาคุณชายเพชรเธอสังเกตเห็นโดยตลอด
มุมปากหยักได้รูปสวยกระตุกยิ้มเล็กน้อย ถ้าเปลวเกิดเห็นเข้าคงอายหนักกว่าเดิมเป็นแน่
ทำไมประมุขวังมณีรมย์จะไม่รู้ ว่าร่างบางที่แนบชิดอยู่ในอาการแบบไหนกัน เปลวเกร็งจนตัวลีบ
แต่พื้นที่ในรถบังคับให้ต้องเบียดมาทางคุณชาย เพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้กับคุณหญิงมุกดา
ผลจึงออกมาในลักษณะเปลวเบียดชิดติดกับคุณชายตั้งแต่ต้นขายันไหล่
นั่งตัวเกร็งหน้านี่แดงแปร๊ดสุกแทบระเบิดไปแล้วมั้ง..หน้าหล่อแม้จะนิ่งแต่กลับอมยิ้มนิดๆ
มาอัพแล้วนะคะ ตอนหน้าทุกคนได้สงสารน้อมหนิม และได้แอบหวานคุณนิล อิอิ