{CH 22 the long }
จอมร้ายวิ่งเข้ามาในสนามบินที่คนพลุกพล่านเข้ารีบมาในทันทีที่ลูกน้อยรายงานว่าไฟล์บินครั้งล่าสุดมีชื่อของฝ้ายและสองแฝดบินจากประเทศไทยมุ่งสู่รัฐฟลอริด้าประเทศสหรัฐอเมริกา ทันทีที่เค้าได้รู้ข่าวหัวใจที่ด้านชาก็กระตุกสั่นอย่างแรง ใครจะนึกฝันที่หัวใจที่เฝ้าดูแลรักษาเก็บไว้ดั่งไข่ในหิวจะถูกล้วงเอาไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“คุณจอมครับ” ร่างสูงชะงักหยุดหันไปมองลูกน้องคู่กายสองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นมาหาเค้าหนึ่งในนั้นคือเรกกี้
“คุณฝ้ายเดินทางไปแล้วครับ เรามาช้าไปครับ”
เรกกี้รายงานเป็นภาษาอังกฤษมือหนาของเจ้าจอมกำแน่นภายใต้ดวงตาที่เคยเรียบเฉยกลับแสดงความรู้สึกกลัวออกมาอย่างชัดเจน … รัฐฟลอริด้าคือรัฐเดียวที่เค้าไม่มีเครือข่ายอยู่ในอเมริกา ถือว่าราชาเล่นเกมได้แยบยล กะจะไม่ให้เค้าหาฝ้ายกับสองแฝดเจอแม้แต่เงา
“ตามหาฝ้าย ต่อให้พลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาให้เจอ”
“ครับ”
อเดลหนุ่มลูกขึ้นฝรั่งเศสขานรับก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายออกไปทันที เจ้าจอมหันไปมารอบๆคลายความหงุดหงิดใจ ก่อนจะหรี่ตามองเมื่อเห็นใครบางคนกำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋าในชุดสูทสีดำตัดน้ำเงินมองมาที่เค้าและกำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ท่ามกลางฝูงชนที่ขวักไขว่ … ราชา
เค้าปรี่เข้าไปหาสายเลือดที่เค้าเฝ้าปฏิเสธมาตลอด ก่อนร่างสูงตระหง่านมายืนประจันหน้ากับราชาผู้โหยหาแต่ทรัพย์สินเงินทอง จนหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป ชายผู้นี้เคยทิ้งได้แม้กระทั่งครอบครัวเพื่อนำพากิจการธุรกิจสู่ประเทศอันมั่นคง
“ไงไอ้ลูกชาย ไม่เจอกันตั้งนาน หึหึ อย่าทำหน้ายักษ์ใส่ป๋าแบบนั้นสิ” ราชาเหยียดยิ้มก่อนจะโหมเข้ากอดร่างสูงของลูกชาย แต่เจ้าจอมกลับปฏิเสธ และเบี่ยงตัวหลบทำให้ราชาวืดไปหน้าเกือบทิ่มลงพื้น เรกกี้กับอเดลวิ่งตามมาสมบท พร้อมกับลูกน้องของราชาเองก็เข้ามายืนด้านหลังเช่นกัน
“แหมใจร้ายจังนะ หึหึ ปีกกล้าขาแข็งซะเหลือเกิน”
“เอาเค้าไปไว้ที่ไหน”
“ใครหรอ ป๋าไม่รู้เรื่อง”
“อย่ากะล่อน เอาฝ้ายกับน้องๆไปไว้ที่ไหน!!!”เจ้าจอมตวาดลั่นจนคนรอบข้างหันมามองและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่แถวนั้นก็เริ่มตื่นตัวและตรงดิ่งเข้ามา ราชาเหยียดยิ้มก่อนจะผายมือเชื้อเชิญลูกชายให้เดินนำออกไปเสียก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าจอมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินนำผู้เป็นพ่อออกไป
-เจ้าจอม- ผมถูกพามาบ้านหลังเก่าที่เราเคยอยู่กันสามคนแม่ลูกในสมัยที่ครอบครัวยังสมบูรณ์ดี มันคือสมบัติคุณยาย แต่เมื่อคุณยายเสียลงบ้านหลังนี้ก็ถูกทิ้งร้างเมื่อแม่รู้ความจริงว่าพ่อของผมแต่งงานกับเธอเพราะเรื่องธุรกิจ และหย่าร้างกันผมได้สืบทอดธุรกิจหลายร้อยล้านแลกกับครอบครัวที่สมบูรณ์ ผมยังจำได้วันที่แม่ร้องไห้แทบเป็นแทบตายอยู่ในห้องเพียงลำพัง ในขณะที่อีกฝ่ายที่เค้าเคยเรียกว่าพ่อหวังเพียงลาบทรัพย์สินเงินทองและนางบำเรอ
“คิดถึงวันคืนเก่าๆจังน๊า … เนอะไอ้ลูกชาย” ผมเหลือบมองก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยไม่เคยคิดถึงวันคืนดีๆที่เคยอบอุ่นจากคนจอมปลอมอย่างหมอนี้หรอก ผมจำแต่ความเจ็บใจที่คนพันธุ์นี้สร้างไว้แค่นั้น
“คุณเอาฝ้ายไปไว้ที่ไหน” ผมเดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวที่เคยนอนเล่นตอนเด็ก … ฮึ
“หึ ฉันก็แค่บอกจะยกหนี้ทั้งหมดให้ขอแค่เค้าเลิกยุ่งกับแก ฮ่าๆๆ รู้ไหมไอ้เด็กนั้นไม่ปฏิเสธสักคำ รีบตกลงและไปเลย ใครจะไม่ดีใจล่ะว่ะ หนี้ก็ไม่มีแถมได้ไปอยู่ต่างประเทศอีก แกหาเมียได้เห็นแก่เงินหน้าดูเลยนะไอ้จอม” ผมกำหมัดแน่น … ไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อ
“คุณมันปิศาจ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ แกมันก็เหมือนกันแหละอย่าคิดนะว่าทำอะไรอยู่ฉันไม่รู้”ผมเหยียดยิ้ม
หึ รู้ก็ดี สิ่งที่มันผิดผมก็แค่ทำให้มันถูก โดยการเทหุ้นดำมืดที่ผิดกฎหมายทิ้งให้หมด รื้อฟื้นสิ่งที่ตาเคยทำไว้แทน ธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในด้านสรรพสิ่งที่ผิดกฎหมายกลายเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายทั้งหมดทำให้บริษัทเสียหายไปหลายร้อยล้านบาท … สะใจดีพิลึกที่เห็นไอ้แก่นี้ชักดิ้นชักงอเมื่อเห็นเลขบัญชีหายไป ช่วยไม่ได้อยากยกบริษัทให้ผมและหนีปัญหาไปสำเริงสำราญเอง
“ความจริงคุณต้องขอบคุณผมที่ทำไม่ให้บริษัทต้องยับเยินไปมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” ผมว่าก่อนจะเดินออกมา เสียเวลาชะมัดไม่ได้เข้าสาระที่ผมจะรู้เลยด้วยซ้ำ ยังไงก็ตาม ผมต้องหาฝ้ายกับสองแฝดจนเจอต่อให้ต้องทิ้งทุกอย่าง ก็ยอม
“อ๋อ … และถ้าอยากจะทวงบริษัทคืนก็ตามใจ ก็เอาไปเลยนะถ้าคิดว่าแน่จริงว่าจะบริหารได้” ผมหันไปพูดทิ้งท้ายกับชายผู้ที่ผมไม่มีความนับถืออีกต่อไป
“แกต้องแต่งงานกับหนูมณี ผู้หญิงที่ฉันเลือกให้” ผมเหยียดยิ้มอย่างเยาะเย้ยก่อนจะเดินออกมา … กับคนพันธุ์นี้แค่สะกิดทิ้งก็จมลงไปในกองขยะแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจมากนัก
“คุณจอมครับเราให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงออกไปดักรอที่สนามบินปลายทางแล้วครับ” ไอ้เรกกี้พูดทันทีที่ผมก้าวขึ้นไปบนรถ … ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองหน้าบ้านที่ตาแก่ราชากำลังยืนมองผมอยู่ในมือมีแก้วเหล้าสีอำพัน … หึ อยากจะลองเชือนคมกันดูสักตั้งก็เอา
“ให้คนดักสนามบิน…ทั่วทั้งประเทศไทย”
“คุณจอมครับผมว่า …”
“ทำตามที่บอก” ไอ้แก่นี้ … ไม่เผยไต๋ให้ผมรู้ง่ายๆหรอก ผมรู้ดีสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ถ้ารู้จักผมพอ … คงจะรู้ดีว่าผมฉลาดแค่ไหน แต่ไอ้แก่นั้นไม่เคยรู้จักผม ก็คงผวาเขี้ยวเล็บซะให้พอใจ
“เทหุ้นของสยามรัฐทิ้งให้หมด”
“คุณจอม…” ผมเหลือบสายตาไปมองไอ้อเดลที่จะค้านผม
…มันเม้มปากก่อนจะก้มลงกดโทรศัพท์เพื่อทำตามคำสั่งผม … นี้แค่เบาะๆ … อย่าให้ต้องโมโหไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน ณ.ตอนนี้ ผมคือประธานบริษัทอำนาจอยู่ในมือของผม และจะไม่มีวันตกไปอยู่ในมือของใหญ่ถ้าผมไม่เซ็นอนุมัติ ผมไม่ใช่เบี้ยมล่ามของไอ้คนเห็นแก่ตัวอีกแล้ว … คิดจะกลับมาดัดหลังกันงั้นสิ … เสียใจด้วยนะคุณราชา
-ฝ้าย- “นี้คือบ้านที่คุณต้องอยู่” ผมพยักหน้า…
เครื่องมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ เมืองที่ผมคิดไว้ว่าจะมาสักครั้ง แหมฟลุคได้มาซะอย่างงั้น บรื๋อ! หนาวอ่ะ
ผมกับน้องถูกพาขึ้นเขามาบนดอยในป่าที่ค่อนข้างห่างใกล้จากผู้คน แต่ต้องยอมรับว่าบ้านไม้หลังนี้สวยจริงๆการตกแต่งไม่ได้หรูหรามากแต่ผมกับน้องคงอยู่ด้วยกันได้ไม่ลำบากอะไร … แต่สิ่งที่ผมและน้องต้องเสียไปมันหนักหนาจนผมทำใจไม่ได้ …น้องผมไม่ได้เรียนอีกต่อไป นั้นคืออย่างแรกที่ผมนั่งคิดมาตลอดทาง เราจะอยู่กันแค่สามคนพี่น้องคือชะตากรรมที่ผมต้องเผชิญ มันน่าเสียดายที่ทุกอย่างมันกำลังจะดี แต่แล้วทุกอย่างก็จบลงเพียงไม่กี่นาที … ถึงแบบนั้นแค่แฝดยังอยู่กับผมก็พอ … พอแล้ว
“ฝ้าย ทัพหนาว”
“พลก็หนาว”
“เข้าบ้านไปก่อนนะ” ผมบอกสองแฝดที่สั่นงกๆ
ขนาดซื้อเสื้อกันหนาวอย่างดีให้แล้วแท้ๆยังเอาไม่อยู่ น่าสงสาร สองแฝดคงไม่ชินกับสภาพอากาศแบบนี้ คนใช้ชาวเหนือที่ขึ้นเขามาพร้อมกันพาสองแฝดเข้าไปในบ้าน ขณะที่ผมหันไปมองลูกน้องของคุณราชาที่ยืนปั้นหน้านิ่งอยู่
“คุณชื่ออะไร”
“ปริญญาครับ”
“ชื่อเล่น”
“ทิมครับ”
“ผมถามได้ไหมทิม ผมต้องอยู่ที่นี้นานแค่ไหน แฝดต้องเรียนหนังสือนะ”
“ส่วนนานแค่ไหนผมไม่ทราบอาจจะเดือนสองเดือนหรือนานกว่านั้นถ้าหากคุณจอมยังตามหาคุณอยู่”
“… ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ”
“ครับ”
“แล้วถ้า …” ผมเดินไปรอบๆตัวนายทิมก่อนจะเอื้อมตัวขึ้นมากระซิบข้างหูของนายนั้นเสียงกระเส่านายนั้นเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะหันมามองหน้าผมตรงๆ …หึ หลงกันสิ จงอย่าลืมผมเคยทำอาชีพอะไร
“ฉันหนีไปล่ะ” ว่าแล้วผมก็ใช้นิ้วเรียวของตัวเองสะกิดปลายคางของนายทิม
“ถ้าคุณหนีไป คุณราชาจะไม่ปราณี เค้าไม่เคยยอมแพ้อะไร”
“แล้วนายล่ะ … แพ้อะไรบ้าง” ผมยิ้มหน้ายั่วยวนใช้มือลูบไล้ไปตามแผงอกหนาใต้สาปเสื้อสูท นายนั้นไม่พูดอะไรแต่จับข้อมือผมและวางมาลงข้างตัว
หึ … อีกไม่นานมึงจะต้องหลงกู ละครนางซินไม่เคยทำให้ผมผิดหวังอยู่แล้ว อิสรภาพคือสิ่งที่ผมต้องได้มา เพื่อน้องจะได้มีโรงเรียนดีๆเข้า มีบ้านอุ่นๆอยู่ ถึงตอนนี้จะต้องหมดสูญแล้วทุกอย่างแต่น้องไม่ใช่ … เค้ายังมีอนาคตและผมก็ไม่มีทางยอมให้มันหมดลง
“นายนอนที่นี้ก็ได้นะทิม มานอนเป็นเพื่อนกันหน่อย” ผมว่าและส่งสายตายั่วยวนอีกทีก่อนจะเดินขึ้นมาบนบ้านที่ยกสูงเหนือจากพื้น ด้านในค่อนข้างอุ่นแต่แฝดก็ยังต้องห่มผ้าไว้ตลอดเวลาภายในมีห้องนอนห้องรับแขกและห้องน้ำ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น มันคือกระท่อมน้อยที่ซ่อนของไอ้ฝ้าย …
เจ้าจอม ถ้าคุณได้ยินผม ผมอยากบอกรักคุณ อยากกอดคุณ ผมอยากร้องไห้ในอกของคุณ … แต่ตอนนี้ผมต้องเข้มแข็ง… เพื่อให้น้องๆเห็นว่าผมปกป้องเค้าได้ เราจะได้เจอกันไหมผมไม่รู้แต่ผมจะสวดมนต์ให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีทุกวัน ผมจะบอกรักคุณทุกวัน … ถึงแม้คุณจะอยู่กับใครแล้วก็ตาม ถ้าหากคุณลืมผมได้ … ก็ขอให้ลืมผมไปนะครับ ผมกับน้องจะเริ่มชีวิตใหม่ … ใช่ โดยไม่มีคุณ …
“ฝ้ายกอดหน่อย” สองแฝดเดินลากผ้าห่มเป็นผีน้อยแคชเปอร์มาหาผมโดยมีคนรับใช้สาวยืนมองอยู่ห่างๆ ผมก้มลงไปหอมขมับทั้งคู่ก่อนจะกอดเอาไว้แนบอกทั้งคู่
“เรามาเที่ยวกันที่นี้หรอ พลไม่ชอบเลย พลกลัว” ผมเม้มปากกลั้นน้ำตาแน่น … ไม่ได้ผมห้ามร้องไห้
“พรุ่งนี้ฝ้ายจะพาไปเที่ยวนะ วันนี้เย็นมากแล้วอยากกินอะไรเดี๋ยวฝ้ายทำให้”
“แต่ที่นี้ไม่มีห้องครัว” เจ้าทัพค้านขึ้น
“ฝ้ายเรียนวิชาลูกเสือมาน๊า หึ แต่แฝดยังไม่ได้เรียนว๊ายๆๆๆๆ” ผมล้อเลียนขึ้นหวังให้น้อยลืมความหวาดกลัวเจ้าแฝดมองหน้ากันก่อนจะเบะปากซบลงที่อกผมอีกครั้งและพูดขึ้นพร้อมกัน
“ฝ้ายทำข้าวให้เรากินนะ ไม่งั้นเราสองคนต้องอดตายแน่ๆ” หึ … ฝ้ายไม่ปล่อยให้แฝดเป็นอะไรหรอกน๊า แหมทำเป็นอ้อน … ไม่ต้องห่วงนะแฝด ฝ้ายจะพาออกไปจากที่นี้ให้ได้ …
ตาแก่จอมร้าย เราคงเจอกันที่ไหนสักแห่ง ในสักที… ใช่ไหม…
.
.
.
ร่างสูงแตะมือลงหน้าจอสมาทโฟนหรูที่มีรูปของฝ้ายและสองแฝดกำลังนอนแผ่หลาอยู่ด้วยกันใบหน้าไร้เดียงสาที่หลับสนิทอยู่นั้นทำให้มือหยาบกร้านที่เคยแข็งแกร่งสั่นเทา ขายาวพาดกายลงบนโต๊ะโซฟาตัวเล็กด้านหน้า แขนทั้งสองข้างวางไว้บนพนังพิงอย่างเหนื่อยล้า สูทหรูถูกเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดีทิ้งคราบทิ้งคราบนักธุรกิจไปช่วงขณะในเวลาที่หัวใจจอมร้ายอ่อนแอเมื่อชิ้นส่วนสำคัญได้ขาดหายไป เค้าทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ ...
“ไม่ว่ายังไง จะต้องหาให้เจอ อดทนหน่อยนะฝ้าย ขุนพล ขุนทัพ” เสียงแสบพร่านและสั่นเทาที่ไม่เคยมีใครดังขึ้นภายในห้องคอนโดหรูกลางเมืองหลวง …
ครืดดดดดดดดดดด ครืดดดดด
สายเรียกเข้าดังขึ้นทำให้เจ้าจอมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหน้าจอเปลี่ยนรูปไปเป็นคุณหญิงรสกร แม่ของเค้าที่กำลังไปเที่ยวกับเพื่อนอยู่ต่างจังหวัด ตั้งแต่ที่หย่าร้างกับสามี คุณหญิงรสกรก็ใช้ชีวิตเที่ยวเล่นและสังสรรค์ใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเหงาดั่งสาวแรกรุ่น หลายต่อหลายครั้งที่คุณหญิงมีหนุ่มรุ่นลูกยันนักธุรกิจหมื่นล้านมาติดพันและจริงจังด้วยแต่เธอก็ไม่แม้จะชายตามอง
“ครับแม่” จอมร้ายกดรับสาย
“ตาจอมมมม เป็นยังไงบ้างลูก แม่ได้ข่าวจากราชาแล้ว เค้าไม่ได้ทำอะไรลูกใช่ไหม”
“เปล่าครับ … เค้าไม่ได้ทำอะไรผม… แต่เค้าทำหัวใจผมแหลกสลาย”
เสียงตัดพ้อนั้นทำให้คนปลายสายสะอื้นแทนลูกชายขึ้นมาในทันที … เจ้าจอมเคยเป็นเด็กชายที่มีทุกอย่าง แต่ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปหลายต่อหลายครั้ง ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายกว่าเด็กคนอื่นๆจนไม่เคยมีช่วงเวลาสนุกสนานในวัยเด็กมากนัก ความสุขหนึ่งเดียวที่พึ่งจะมีกับเค้าก็ถูกพรากไปอย่างหน้าตาเฉย …
“เจ้าจอม ฟังแม่นะลูกหนูฝ้ายเป็นเด็กดี เราจะต้องหาเค้าจนเจอ และถึงเวลานั้น จะไม่มีใครพรากหนูฝ้ายไปจากเจ้าจอมได้ อดทนนะลูก เดี๋ยวแม่จะกลับไปหานะ” เจ้าจอมเหยียดยิ้มก่อนที่สายจะถูกตัดไป …
“ใช่แล้วฝ้ายเป็นเด็กดี … เด็กดีที่ต้องรับกรรมมากมายที่ไม่ได้ก่อ” จอมร้ายพึมพำก่อนที่บุหรี่ราคาแพงจะจุดขึ้นดับความเครียดทั้งมวลลงไป
‘ตาแก่บ้า จะสูบอะไรนักหนามันเหม็นนะ’ เสียงหวานใสที่เคยแว๊ดๆใส่เขาดังขึ้นในโสนประสาท ก่อนที่หยดน้ำจากดวงตาคมจะค่อยๆไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มือหนาปิดตาของตัวเองทั้งสองข้างก่อนหวังให้มันกลับคืนไป
แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น …
=======================
พ่อลูกเค้าจะงัดข้อกันแหละ เขียนแนวนี้ต้องคิดหนัก ฮ่าๆๆๆๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
เพจติดตามความเคลื่อนไหวนะก๊ะ
