{CH 28 Shootout}
อูย ไอ้บ้า ตาแก่โรคจิต ไอ้มนุษย์ถึก แม้ม … สะโพกกูเคลื่อนแล้วมั่ง ฮือ ไอ้บ้า!!!!
“มองหน้าแบบนี้อยากโดนดีหรือไง”
“ฮึ ไอ้บ้า” ผมบุ้ยปากก่อนจะมุมหัวเข้ารถที่มาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เจ้าแฝดที่นั่งเล่นกันดั้มของเล่นใหม่พากันหัวเราะคิกคักและเอาของเล่นมาชนกันแกร็กๆ ไม่ได้สนใจอาการเจ็บของผม คนบ้าอะไรถึกซะผมหลับไปไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ไอ้ตาแก่บ้าบอคอแตก บุ้ยๆ
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกทำให้ผมกันไปมองและต้องขมวดคิ้วย่นหน้าใส่ตาแก่โรคจิตที่ทำท่าทางอารมณ์ดีเหลือเกินนะ ผมหันหน้ามาอีกข้างอย่างไม่สนใจ หึ แย่งกันดั้มไอ้แฝดเล่นซะดีไหมล่ะ มันเล่นไม่ห่วงพี่มันเลย ป๊าดโธ่!
วืดดดดดดดดด ผมหันขวับมา เฮ้ย ทำไมกระจกมันเลื่อนเปิดเองได้ง่ะ ผมหันไปค้อนเรกกี้ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถตาเจ้าเล่ห์เหล่มองกระจกมองหลังมาอย่างขำๆ พอกันทั้งบ่าวทั้งนาย
“อีกสามวันเจอกัน”
“หึ” ผมเชิดคอกอดอกหันมาทางอื่น ไอ้คนบ้า เห็นคนเค้ายอมหน่อยทำเป็นได้ใจ จำไว้เลยนะ จำไว้เลย
“ฝ้ายๆ ดูนี้ ….อ่ะ ฝ้ายหน้าแดง ไม่สบายหรอ” เจ้าทัพที่นั่งข้างๆผมเหมือนจะเรียกให้ดูอะไรสักอย่าง และด้วยความไร้เดียงสา เลยทำให้ผมต้องก้มหน้างุดไม่ได้ไอ้แก่โรคจิตเห็นร่องรอยในใจที่สะท้อนออกบนหนังหน้าหนาๆของผม -/////-
“หึหึ ไหนหันหน้ามามองกันหน่อย” ผมไม่ทำตามและเอามือตะปบไปที่ปิดกระจกกระจกเลื่อนขึ้นแต่แล้วก็ต้องชะงักมือเมื่อมือหนาๆยื่นมาวางไว้บนหัวผมอย่างอ่อนโยน
“จะรีบไปหา” ผมกัดฟันพยายามจะไม่ยิ้ม หันไปหน้างอคอหักใส่ไอ้แก่โรคจิตและพูดขึ้นอย่างแง่งอน
“ถ้าไม่รีบมาจะงอนให้นานๆๆๆๆๆๆๆ เลย” ผมว่าและหันมาส่งสายตาอาฆาตให้เรกกี้ที่ไม่ออกรถสักทีไม่รู้รออะไร
“บ๊ายบายฮะ คุณลุง พวกผมไปเที่ยวก่อนนะ ฮิฮิ” ไอ้แฝดพูดพร้อมกัน ก่อนที่กระจกจะเลื่อนขึ้น ผมหันไปมองตาแก่ผ่านทางกระจกมองข้าง จนสุดทางโค้งและลับตาไปในที่สุด … ตามมาเร็วๆนะตาแก่ …
.
.
.
เมื่อจอมใจลับตาไปแล้ว เจ้าจอมจึงหันกลับมาขึ้นรถคันที่จอดเตรียมไว้อีกด้านและออกคำสั่งให้กลับกรุงเทพให้ไวที่สุดโดยทันที โดยไม่ทันสังเกตว่ารถเก๋งคันเก่าๆ ได้ขับตามฝ้ายและแฝดออกไปด้วย
ทางด้านฝ้ายที่ออกเดินทางมาได้สักพักใหญ่ๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักช่วงคราวที่เจ้าจอมจัดการให้ โดยมีบอดิการ์ดตามติดไปด้วย 5 คนรวมคนสนิทขอเจ้าจอมทิ้งไว้ให้คอยอารักขาอยู่ไม่ห่าง ฝ้ายเองที่นั่งมองสองแฝดเล่นอยู่สักพักก็หลับตาลงด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากเกมรักที่ร้อนแรงเมื่อคืนของเค้าและจอมร้าย
“อะ ฝ้ายหลับๆ ฮิฮิ อาเรกกี้ครับ ผมขอโทรศัพท์ถ่ายรูปโหน่ยยยยย คุณลุงบอกให้ถ่ายไปให้ดู และจะได้หุ่นยนต์ อิอิ”
เสียงตะแง้วๆนั้นทำให้เรกกี้ที่ขับรถอยู่เผลอปล่อยคิกคักออกมา ถึงเมื่อคืนเจ้าสองแฝดจะป่วนเขาจนไม่ได้หลับได้นอนแต่ด้วยความน่ารักของแฝด เค้าจึงไม่ถือสาหาความอะไร เพราะตอนสุดท้ายพยาบาลสาวแสนสวยก็เข้ามาช่วยเข้าสงบศึกอยู่ดี ขืนปล่อยไปห้องโน้นได้ นายเหนือหัวอย่างจอมร้ายต้องฆ่าเขาตายแน่ๆ
“พวกยูจะแล้งพี่ยูง๊านเหรออออ”
“อารายน๊า” ขุนทัพชะเง้อชะแง้ทำหน้าเหรอหรามา แกล้งฝรั่งหลงเมืองที่เลิกคิ้วมองหน้าตากลมดิกที่หัวเราะคิกคักผ่านทางกระจกหลังและหัวเราะออกมาบ้างเมื่อรู้ว่าแฝดกำลังหยอกล้อกับเค้าอย่างน่ารักน่าชัง
“โผ้มถามมาพวกเจ้าตัวน้อยอย่างยู จะแกล้งพี่ชายยูจริงๆเหรอ”
“ต้องงี้สิพี่เรกกี้ พี่เรกกี้ต้องพูดช๊าดช๊าดน๊า จะได้มีแฟนเป็นสาวไทยได้ อิอิ” เจ้าแฝดขุนพลพูดขึ้นบ้าน
ไม่พอยังเอากันดั้มมาชนแขนเค้าเหมือนอยากจะเล่นด้วยเต็มแก่ ซึ่งแน่นอนตลอด2 วันที่ผ่านมาพี่เลี้ยงจำเป็นฝรั่งเพื่อนซี้ของสองแฝดเป็นเพื่อนเล่นที่ดีมากๆ เล่นตามเกมสองแฝดตลอด มีกันดั้มเล่นกันดั้ม ไม่มีอะไรก็แบกสองแฝดเล่นขี่ม้าคนล่ะรอบ เหมือนที่ฝ้ายเคยทำตลอดมา
“ฮ่าๆๆๆๆ ไออยากมีน้องแบบพวกยูจัง อะนี้ครับ” ว่าแล้วก็ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำของตัวเองส่งให้สองแฝด เจ้าแฝดมือฉมังและฉลาดเกินไว จำได้ทุกขั้นตอนที่เรกกี้เคยสอนเอาไว้ก่อนหน้าที่ และแชะภาพหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มส่งไลน์ไปหาเจ้าจอมไม่หลงส่งไปให้ผิดคน
“อ่ะ ลุงตอบกลับมาแล้ว ‘น่ารัก’ อิอิ เขิน”
“เขินอะไรพล ลุงจอมชมฝ้ายนะ” เจ้าทัพหน้าซื่อตาใสเอียงคอถามอย่างสงสัย เจ้าพลหันมาก่อนจะมะเหงกหัวน้องชายไปเบาๆหนึ่งที
“เขินแทนฝ้ายน่ะสิ ลุงจอมชมฝ้ายแบบนี้แสดงว่าลุงจอมเลิฟๆฝ้ายนะ อิอิ”
“งั้นทัพก็เลิฟๆฝ้ายเพราะทัพก็มองว่าฝ้ายน่ารัก อิอิ เลิฟๆ พลด้วย แถมยังเลิฟๆเรกกี้ด้วยนะ”
“โธ่ ทัพนี้เด็กจริงๆ”
เจ้าเด็กน้อยทัพส่ายหัวไปมาวางท่าเป็นผู้ใหญ่ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเรกกี้ที่นั่งมองอยู่อย่างยิ้มๆ และหันมาซุกฝ้ายหลับตาลง พอเจ้าทัพเห็นแบบนั้นเลยไม่ยอมแพ้ดุกดิกๆอยู่อยู่ในซอกอีกข้างของฝ้ายที่นั่งคอทับคออ่อนอยู่และโอบกอดพี่ชายของตนไว้อย่างรักใคร่ เรกกี้มองผ่านกระจกหลังและอยากจะจอดรถไปนอนซุกด้วยเพราะมันช่างอบอุ่นซะจริงๆ
-ฝ้าย- “คุณฝ้ายครับ คุณฝ้าย” ผมงึมงำลืมตาขึ้น … ถึงแล้วหรอ ฮ๊าวววววว ง่วงจัง…
ผมลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อนจะชะงัก และค่อยๆขยับตัวห็สองแฝดที่พิงผมอยู่กันคนล่ะข้าง นอนลงบนตักดีๆ นี้นอนพิงผมอย่างงี้กันนานเท่าไหร่แล้วเนี้ย เดี๋ยวก็ได้ปวดตัวกันพอดี เฮ้อ
พอจัดการท่าทางของสองแฝดเสร็จก็เงยหน้ามองที่ประตูรถที่มีนายบอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่านายร่างยักษ์คนนี้ชื่ออะไร เพราะหมอนี้ผมเพิ่งเห็นตอนมาขึ้นรถนี้แหละ เค้ายื่นผ้าเย็นให้ผมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่เหงื่อกายแตกซิกไปหมด … สงสัยอากาศจะร้อนแหละมั่ง
“ขอบคุณครับ … ถึงแล้วหรอครับ”
“ยังครับ แต่ครึ่งทางแล้ว แวะเข้าห้องน้ำก่อนได้นะครับ …”ผมพยักหน้าและมองไปที่นายเรกกี้ที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดอยู่ไม่ไกลจากรถนัก
“ฝากน้องผมด้วย” ผมค่อยๆวางหัวของแฝดลงบนเบาะอย่างเบามือ ก่อนจะเดินไปหานายเรกกี้อย่างนึกเอะใจ … มีอะไรรึเปล่า …
“แล้วตอนนี้ … อ่า แค่นี้ก่อนนะยู ว่าไงครับคุณฝ้ายตื่นแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงเปร่งๆของฝรั่งที่ไม่ยอมพูดไทยชัดสักทีอย่างนายเรกกี้ดูนิ่งสงัดเหมือนพยายามจะไม่ลนให้ผมเกิดสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่นี้ครับ” พูดไปก็ยิ้มไป…โกหกไม่เก่งเลยนายฝรั่งขี้นก หึ ต้องให้เจ้านายจอมหื่นไปอบรมลูกน้องเรื่องจิตวิทยาหน่อยแล้วมั้ง
“ถ้าไม่บอกเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” ผมเขย่งเอามือวางบนบ่าที่บางไม่ต่างจากผมแต่กลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ไม่ใหญ่โตเหมือนคู่หูอีกคน ชื่ออะไรนะ อเดลใช่ไหม ผมบีบลงบนบ่านั้นอย่างแรง ก่อนจะคลายมือออกโดนเร็ว … หึเซ้นต์ผมแม่นฉิบหายเลยนะบอกให้
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่คร้าบ อ่ะ … คะ คือ…” นายเรกกี้นั้นเหยียดยิ้มกว้างผมจ้องตาดุใส่จนนายนี้เริ่มขนลุก … ถ้าไม่พูดผมจับทุ้มแน่
“จะพูดดีๆ หรือจะพูดด้วยน้ำตา”
“เราจับคนใช้ภายในบ้านที่พยายามจะทำร้ายคุณหญิงได้ครับ” ผมลืมตาโตมองหน้านายเรกกี้ ใคร … ใครกล้าทำกับท่านได้ขนาดนี้ ถ้าจะมีก็มีคนเดียวนั้นแหละ
“ใคร”
“น้อยครับ” แม่เว้ย คิดแล้วไม่ผิด ให้ตายสิ น้ำหน้าอย่างยายน้อยนี้ เลี้ยงเชื่องจริงๆ ผมล่ะปวดหัว อะไรไปดลใจให้ทำกับคุณหญิงแบบนั้นถึงจะโกรธจะเกลียดผม แต่ก็ไม่น่าไปทำแบบนั้น แถมยังหลงจอมร้ายหัวปักหัวปลำอีกต่างหาก เป็นบ้าอะไรขึ้นมากันแน่…
“แล้วจะจัดการยังไงกับยายน้อย”
“ตอนนี้ผมไม่มีหน้าที่ที่จะรู้ครับ แต่อเดลคงจักการได้”
“นายสองคนนี้นะ คุยกันทุกเรื่องเลยเนอะ”
“ใช่คร้าบ เราสองคนสนิทกันม๊ากมาก แต่โผ้มมักจะคนพูดซะส่วนใหญ่” ผมมองหน้าแล้วอดขำไม่ได้เหมือนเด็กตัวน้อยๆที่
พูดถึงเพื่อนสนิทหรือไม่ก็ป๊อบบี้เลิฟ หึหึ บางทีวัฒนธรรมของไทยกับต่างชาติจะไม่เหมือนกันแหละมั้ง เอ๊าเถอะ เดี๋ยวก็รู้
ผมยืนฟังนายเรกกี้พล่ามเรื่องอเดลอยู่พักนึงก่อนจะรู้สึกมีลูกกรอกมาเกาะแข็งเกาะขาอยู่เลยต้องพาไอ้ลูกกรอกจอมงอแงทั้งสององค์ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำจุดพักรถและหาอะไรลงกระเพราะน้อยๆของลูกกรอกที่บ่นหิวๆตะแง้วๆทั้งที่เพิ่งกินเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้วแท้ๆ
พอกินเสร็จยังไม่ทันจะขึ้นรถ เจ้าแฝดก็พอกันจูงมือนายเรกกี้วิ่งวุ่นเข้าไปซื้อขนมในร้ายสะดวกซื้อ ผมเลยทำหน้าที่นั่งจิบน้ำเต้าหู้สบายใจเฉิบด้านหน้าโดยมีนายตัวยักษ์ยืนขนาบข้างอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมแหงะเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะนึกขำที่ใบหน้านั้นยังคงบึ้งตึงไม่ผิดกับเจ้านายตัวเอง จะดึงไปไหนนักหนา หน้าเนี้ย พูดแล้วก็คิดถึงจัง หึหึ
“นายชื่ออะไรนายตัวยักษ์” ผมถามขึ้น ก่อนจะดื่มน้ำเต้าหู้ไปอึกใหญ่ๆ อร่อยนะแต่หวานไปหน่อยเดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไร นึกถึงหน้าดุๆของจอมร้ายทีไร อะไรก็หว๊านวาน ฮ่าๆๆๆๆ อ้วกแปป
“ชื่อโบ้ครับ”
“คนไทยหรือ” ถามต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ก็อยากรู้คนเราจะอยู่ด้วยกันไม่คุยกัน บ้ารึเปล่าเนอะๆ
“ครับผม”
“แล้วมาเป็นลูกน้องจอมร้ายแบบนั้นได้ยังไง”
“ผมไปสมัครที่บริษัทครับ แต่กว่าจะเป็นได้ต้องผ่านการอบรมของคุณอเดล … ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด ต่อให้ต้องแรกด้วยอะไรผมไม่ยอมกลับไปอบรมอีกเด็ดขาด” นายนั้นพูดน้ำเสียงเด็ดขาด ดูจริงจังมาก แต่ตัวผมกลับหัวเราะออกมาเสียดัง ก็มันตลกอ่ะ อะไรจะขนาดนั้น ดูท่าจะจำฝั่งใจจริงๆ
“ทำไมหนักมากเลยหรอไง ถ้าอย่างผมไปจะเป็นยัง”
“โอ้ บรรลัยสิครับ โอ๊ะ ขอโทษนะครับพอดีผม …”
“ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ถือ ผมก็ไม่ใช่คนสุภาพอะไรนักหรอก” ผมเรียกเค้าพร้อมกับหันไปมองเจ้าแฝดที่กำลังช่วยกันถือถุงช็อกโกแลตกับขนมห่อใหญ่ โดยมีนายเรกกี้ถือถุงเครื่องดื่มตามมาด้านหลัง แหม พอได้ขนดแล้วนี้ยิ้มกันแก้มแทบจะปิดตาเลยนะไอ้เด็กแสบ
“แล้วคุณฝ้าย …”
“อ่ะเจ้าแฝดมาล่ะ เตรียมตัวเจอแฝดรุมสะกำได้เลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ยังไม่ทันขาดคำเจ้าขุนพลก็พุ่งใส่นายโบ้ดังอั๊ก
ปีนขึ้นไปอยู่บนคอเหมือนลิงเผือกและยิ้มหวานส่งสายตาน่ารักน่าชังขอความเห็นใจจากนายโบ้ที่ยืนแข็งเป็นหิน ผมมองไปอย่างขุนพลที่ยืนถือถุงข้างนึงของถุงขนมที่วางอยู่ที่พื้นค้างติ่งอยู่คิ้มขมวดปมเหมือนคิดอะไรอยู่ แหงล่ะ ก็เจ้าขุนทัพดันหนีไปเล่นก่อนทิ้งให้รับหน้าที่อยู่คนเดียวนี้น่า
ผมหัวเราะก่อนจะเดินไปหยิบถุงมาถือซะเอง เจ้าตัวน้อยบ่นอะไรพึมพัมๆ และก็วิ่งพุ่งเข้าไปหานายโบ้บ้าง มีคนแบ่งเบาภาระนายเรกกี้แล้ว ฮ่าๆๆๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะแฝดอยากรู้อยากเห็นว่าผมคุยกับใคร สนิทกับใครและใครก็ตามที่ผมทำท่าทีไว้วางใจได้ เจ้าแฝดก็จะใส่สกิลไม่ยั้ง
“เมื่อกี้นายโทรมาให้บอกคุณว่าเค้าถึงสนามบินกำลังจะขึ้นเครื่องแล้วนะครับ” ผมพยักหน้าแต่ไม่สนใจอะไร ความจริงผมก็มีโทรศัพท์นะ แต่ผมไม่ชอบใช้มันนักอีกอย่างแบตก็หมด เดี๋ยวถึงที่พักแล้วจะชาตโทรหาแล้วกัน จอมร้ายของผมสายแข็งดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
“ฝ้ายยยยยยยยย พวกเราอยู่บนนี้มองเห็นยอดตึกเลยยยยยยยยยย” ไอ้เด็กนี้ก็เวอร์กันซะ
หลังจากขับออกมาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลหลังเดียวที่ผมเคยมากับจอมร้ายสองคน พอเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับสองแฝดที่หลับอยู่คาไหล่ของผมก็ต้องเหยียดยิ้ม เมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำดีๆของผมและจอมร้าย มันฟรุ้งฟริ้งและหวานละมุนจนผมหยุดยิ้มไม่ได้สักที
“เดี๋ยวผมพาสองแฝดไปนอนไหมครับ”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวปลุกเลย เย็นล่ะนอนมากเดี๋ยวไม่สบาย”
“งั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้อกับข้าวกับปลามาให้นะครับ”
“โอ้ย ไม่ต้องดูแลผมดีขนาดนี้ก็ได้ ผมเคยมาที่นี้แล้ว เดี๋ยวผมไปเอง ปลาสดๆ ผู้ชายแข็งกระด่างอย่างพวกคุณเลือกไม่ถูกหรอก” ผมว่าพร้อมหัวเราะคิกคักจะก่อนจะเดินพาเจ้าแฝดไปที่โซฟาและจัดการวางลงอย่างเบามือ ผมนั่งมองความเรียบร้อยของไอ้เด็กลิงขี้เซาที่นอนพุงป่องเป็นลูกหมู
จะว่าไปผมก็ผู้ชายมากแมนทั้งแท่งนะ แต่แหม ผมเชื่อว่าผมมีความเป็นกุลสตรีมากกว่าสองหนุ่มตาใสนี้แล้วกัน ขื่นให้ไปกันแค่สองคน น้องผมและตัวผมเองคงได้กินอาหารทะเลอืดๆนั้นแหละ
“ไว้ผมออกไปก่อนแล้วค่อยปลุกนะครับ” ผมว่าแล้วก็เดินไปหน้าประตูบ้านโดยมีนายโบ้เดินตามหลังมาด้วย
ไม่ปล่อยให้คาดสายตาจริงๆ แต่มอนี้ก็ทำตัวเป็นเงาดีๆนี้แหละ ไม่มาก่อกวนผมให้น่ารำคาญ เลือกข้าวปลาได้สบายใจ มันไม่อบอุ่นใจเหมือนตอนอยู่กับจอมร้ายจริงๆ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ถึงกรุงเทพแล้วทำอะไรต่อกันนะ … เมื่อไหร่จะมาหากันสักที
‘ช่วยพ่อด้วย’ ผมเผลอปล่อยผักที่กำลังเลือกอยู่ลงบนแผงอย่างแรง จนแม่ค้ามองหน้า จนต้องก้มหัวขอโทษและหยิบผักนั้นยื่นให้แม่ค้าจ่ายเงิน … อีกปัญหาก่อกวนใจที่ผมพยายามที่จะลืมไม่สนใจแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าผมเป็นห่วงตาแก่ที่ทิ้งผมกับน้องไปไม่ได้ … ป่านนี้จะเป็นยังไง เค้าจะเป็นยังไงบ้าง … จอมร้ายจะจัดการได้ไหม ผมไม่รู้เลย … ใจนึงผมก็อยากให้เค้าปลอดภัย อีกใจก็ยากจะให้อภัย หึ เราสองคนคงเหมือนพรมลิขิตที่ทำให้มีปัญหากับทางฝ่ายพ่อด้วยกันทั้งคู่ และไม่จบไม่สิ้นสักที เฮ้อ …
“คุณฝ้าย หลบ!!!!!”
ปัง โครม!!!! แรงกระแทงของอะไรสักอย่างพุ่งมากลางตัวผมจนผมล้มไปกระแทกแผงผัก เสียงวี๊ดร้องดังขึ้นระงม… อะไร เสียงปืนงั้นหรอ ให้ตายสิผมจุกเป็นบ้า
“ไม่เป็นไรนะครับ มอบไว้ก่อน” เสียงตื่นตระหนกของนายโบ้ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ก่อนตัวผมจะโล่งและเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกสองสามนัดจนผมต้องเอามือปิดหูตัวเอง กายลั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ อะไรอีก เกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมต้องเป็นผมทุกที แฝด ป่านนี้สองแฝดจะเป็นบ้างว่ะ โธ่เว้ย ห่าเหวอะไรว่ะเนี้ย!!!!
“ไปครับ อยู่ที่นี้ไม่ได้แล้ว” แรงกระชากจนตัวผมลอยขึ้นทำให้ผมไม่มีเวลาพีรี้พีไรรีบวิ่งตามนายโบ้ออกมาทันที จอมร้าย คุณจอม ช่วยผมด้วย …
.
.
.
อีกฝากฝั่งหนึ่งบ้านใหญ่จัดเตรียมกำลังไว้อย่างแน่นหนา มีคนคุ้มกันตั้งแต่หน้าประตูบ้านกว่า 10 นาน และด้านในไม่ต่างอะไรจากค่ายกักกันดีๆนี้เอง
คุณหญิงรสกรใช้แพรไหมสีชมพูอ่อนโอบกายมองดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับฟ้าลงไปทุกขณะผ่านกระจกชั้นบนคฤหาสน์หรู แววตาหวานเหม่องมองนิ่งสงัดเชื่อมั่นและมั่นใจว่าศึกครั้งนี้จอมร้ายจะต้องชนะ … พอกันทีกับปัญหาที่เรื้อรังมาเนินนาน … พอกันทีความเจ็บปวดที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจของเธอ …
อเดลยืนมองดูท้องที่นอนหมดแรงจากการขาดน้ำขาดอาหารเกือบ 20 ชั่วโมง ถูกผูกติดกับเสาไม้ภายในห้องพักของเธอเอง แม้
ว่าจะพูดความจริงเท่าไหร่หรืออ้อนวอนแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่คนใจแข็งอย่างอเดลจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
.
.
.
“แผนเป็นไปตามที่คิดเลยนะครับคุณจอม” ภายในรถตู้ติดฟิมล์ดำสนิทที่จอดแน่นิ่งอยู่ในตรอกซอกซอยที่เงียบสงัดสองข้างทางเป็นป่าหญ้าคาสูงจรด
จะมีใครรู้ว่ากลเกมร้ายจะโดนหักคอด้วยแผนสลับเปลี่ยนตัวอย่างแนบเนียน … ไม่มีจอมร้ายที่สนามบิน ไม่มีจอมร้ายที่วิ่งไปเข้าปากราชาจอมกระหายเลือด ทุกอย่างจะต้องจบ … จบลงให้ไวที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเนื้อร้ายไปมากกว่านี้
เสียงโซนต่ำกระซิบบอกเบาหวิวรายงานให้ร่างสูงโปร่งของจอมร้ายที่นั่งไขว่ห้างกุมขมับท่าทางเคร่งเครียดในชุดสูทสีดำสนิท ภายในใจเต้นระทึกกับแผนการล่อเสือออกจากถ้ำและเค้ารู้ดีว่ามันไม่เป็นการดีนักที่ใช้แผนการที่เสี่ยงต่อการคลาดชีวิตของจอมใจ …
“มีใครเป็นอะไรไหม” จอมร้ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มีความรู้สึกนึกคิดแต่ภายในใจนั้นกับเป็นห่วงเสียยิ่งกว่าอะไร
“ไม่มีครับ ตอนนี้คุณฝ้ายกำลังย้ายที่ไปที่ที่จัดเตรียมไว้ครับ”
“จัดกำลังคุมเข้มให้หนัก ทั้งฝั่งนี้และฝั่งบ้านใหญ่ จากนั้น … ปิดประตูตีแมวซะ” จอมร้ายประกาศกร้าวพร้อมแววตาที่กระหายที่จะเห็นความวอดวายไปเสียให้สิ้น
.
.
.
“ไอ้เด็กนั้น มันไม่รู้หรอกว่าเล่นกับใครอยู่” ฝ่าเท้าหนักๆกระแทกลงบนหลังของชายกลางคนที่นอนมอบอยู่ที่พื้นในเสื้อผ้าสีสันอย่างนักเที่ยวกลางคืนขาดเวิ่น หน้าตาพังยับเยินจากการถูกซ้อมเพราะเล่ห์กลที่มักจะหนีอย่างสุนัขจนตรอกแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ในทุกๆครั้ง
“จัดการถล่มมันให้ย่อยยับ!!!!!” เสียงของราชาประกาศกร้าว ลูกน้องข้างกายรีบต่อสายตรงไปยั่งทุกฝ่ายที่ประจำการรับทราบ
“ทางนี้ … กูจะให้ลูกได้เห็นพ่อมันตายต่อหน้าต่อตาดีไหมไอ้พงศ์ฮ่าๆๆๆๆ” ปืนกระบอกสีเงินถูกจ่อที่ศีรษะชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพงศ์ ใบหน้าพังยับนั้นจะเงยขึ้นมามองหน้าตาอันน่าเกลียดน่ากลัวเต็มไปด้วยความโลภโมโทสะของราชา
ก่อนที่รอยยิ้มมุมปากจะสแยะยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยั่นและถากถาง ก่อนที่แสงกระทืบจะกระแทงลงมากลางหลังเค้าอีกครา ลิ่มเลือดสีแดงสดกระอั๊กออกมาเปื้อนพื้นเบื้องหน้า …
“กูจะฆ่าให้หมด … ไม่ให้เหลือสักคน” ราชากัดกรอดฟันตาแดงฉานด้วยความโกรธที่ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจ …
ถ้ามันจะกลายเป็นสงคราม ก็ต้องมีใครสักคนตาย สงครามจึงจะสงบ ไม่มีการเจรจา ไม่มีคำว่าประนีประนอม ไม่มีคำว่าสายเลือด ไม่มีอะไรทั้งสิน วินาทีนี้ มีแค่ศัตรูกับศัตรูเท่านั้น
========================
หายไปนาน แอมซอรี่จ้า ติดธุระ ฮ่าๆๆๆๆ
เจอกันตอนหน้าจ้า 
ฝากเพจน๊า
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
