ถึงวันที่ผมกับไฟและทุกคนได้ไปวัดทำบุญพร้อมกัน ทีแรกเกือบจะไม่ได้ไปกันทุกคนเพราะติดงาน แต่สุดท้ายก็ได้วินขู่บังคับพวกสิงห์ให้ไปจนได้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกผมเท่านั้น ยังมีเฟยจิ้งและราตรีขอตามไปทำบุญด้วยคน ซึ่งทำเอาพระ เณร และเด็กในวัดพากันแตกตื่นเพราะพวกเราไปกันกลุ่มใหญ่มากครับ แต่ก็ยังดีที่ไฟได้เลือกวัดที่อยู่ตามชนบทห่างไกลผู้คน จึงไม่มีนักข่าวแห่ตามมาทำข่าวให้มันวุ่นวาย ทว่าการมาทำบุญครั้งนี้ สิงห์กับจีนแทบไม่มองหน้าผมเลยซักนิดเดียว แถมไม่ยอมคุยตอนที่ผมเข้าไปทักทายอีกด้วย
คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ...โชคยังดีที่ลีโอกับกระต่ายพอจะคุยกันรู้เรื่อง จึงสามารถหันหน้ามาคุยกันได้ตามปกติเสมือนตอนที่ผมยังเป็นวีรวัฒน์ไม่มีผิด ส่วนเฟยจิ้งกับราตรีนั้น สองคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปหรือรังเกียจผมเลยซักนิด แถมยังเข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับผมอย่างสนุกสนาน
“สมัยนั้นคุณวีร์ทำงานได้แม่นยำเฉียบคมและเด็ดขาด ผมแทบยกย่องคุณเลยคุณวีร์”
“ชมกันเกินไปแล้ว ผมไม่เก่งถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็แค่นำความรู้ที่เรียนมาออกมาใช้ควบคู่กับการทำงานเท่านั้นเอง” ไม่ต้องสงสัยหรอกนะครับว่าทำไมผมถึงใช้คำสรรพนามในการแทนตัวเองว่าผมกับเฟยจิ้งอยู่ นั่นก็เป็นเพราะว่าผมยังอายุน้อยในสายตาคนภายนอก ขืนใช้ฉันมีหวังคนอื่นได้หาว่าแก่แดด พูดจาไม่สุภาพกับผู้ใหญ่เอาได้ครับ “อ๊ะ อย่าคิดโยนตำแหน่งผู้นำมังกรให้ผมเชียวนะ ผมขอล่ะ เพราะผมจะไม่รับงานนี้”
ส่วนอีกฝ่ายพอได้ยินที่ผมพูดปฏิเสธ ถึงกับหัวเราะลั่นเลยครับ
“ฮะๆ กะแล้วเชียวว่าคุณต้องไม่เอา ว่าแต่คุณจะทำงานอะไรหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย”
ผมยิ้มกริ่ม เบนสายตาไปยังไฟที่ยืนจับมือผมอยู่เคียงข้างก่อนจะวกกลับมาทางเฟยจิ้งต่อ “ผมกะว่าเรียนจบแล้วจะเข้าไปสมัครทำงานที่บริษัทของไฟ เอ่อ พยัคฆ์น่ะครับ"
อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงทันที ก่อนจะพยักหน้าอมยิ้มอย่างเข้าใจ
“อ้อ ที่แท้ก็อยากจะเข้าไปทำงานที่เดียวกับคนรักนี่เอง หึๆ”
“มัวแต่คุยกันอยู่ได้ ไม่ไปทำบุญถวายสังฆทานแล้วรึไงครับ” จู่ๆเสียงของสิงห์ก็พูดขัดจังหวะ ทำเอาผมกับเฟยจิ้งหันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะเห็นสิงห์ยืนปรายตามองมาทางพวกผมสามคนอย่างไม่พอใจ (ส่วนคนอื่นๆเดินขึ้นกุฏิไปแล้ว) ซึ่งสิงห์มองพวกผมซักพักก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นกุฏิไปอย่างฉุนเฉียว
“ตั้งแต่รู้ว่าพวกคุณสองคนเป็นใคร เด็กคนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือ” เฟยจิ้งกระซิบถามผมกับไฟ ซึ่งผมได้แต่ถอนหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อน ช่วงนี้ผมเองก็พยายามเข้าหาสิงห์อยู่เหมือนกันครับ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเจอหน้าผม จะเรียกว่าหนีหน้าตลอดเลยก็ว่าได้ “แต่ผมก็เข้าใจเขานะครับ คนที่ตัวเองชอบ กลับเป็นปู่ของตัวเองที่กลับชาติมาเกิด ถ้านับทางด้านสายเลือด เห็นทีคงจะรักกันไม่ได้ มีแต่ต้องตัดใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
ใช่ ต้องตัดใจเพียงอย่างเดียว...ส่วนเรื่องของจีนนั้นผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกันแน่ แต่ไฟบอกว่าจีนแอบชอบผม ซึ่งทำเอาผมตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจีนจะชอบคนอย่างผมได้ (ก็ในเมื่อผมดันไปแกล้งเขาไว้ซะเยอะ) พอคุยเสร็จก็พากันเดินขึ้นกุฏิไปพร้อมกันเพื่อทำบุญถวายสังฆทาน แน่นอนว่าพอเดินขึ้นมานั่งพับเพียบต่อหน้าพระแล้ว จู่ๆท่านก็มองหน้าผมสลับกับไฟทันที
“โยมทั้งสองคนคงจะเป็นวีรวัฒน์ อดีตผู้นำตระกูลสิงห์รุ่นที่สอง กับอัคคี อดีตผู้นำตระกูลเสือรุ่นที่สองสินะ” คำพูดของท่านทำเอาทุกคนถึงกับสะดุ้งตกใจกันเป็นแถว “ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมอาตมาถึงรู้ได้ยังไง การเวียนว่ายตายเกิดเป็นผลบุญผลกรรมแต่ชาติปางก่อนส่งผลให้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งแล้วแต่ว่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการกระทำในครั้งอดีต อย่างเช่นโยมทั้งสองคน คงจะทำบุญไว้มากพระเจ้าจึงให้พรพวกเจ้าได้กลับชาติมาเกิดใหม่ แถมยังมาพร้อมกับความทรงจำครั้งอดีตด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่ความดีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกโยมได้มีโอกาสกลับมาพบกันใหม่อีก แต่มีความชั่วปะปนติดมาด้วย ก็เหมือนกรรมแต่ปางก่อน ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมติดมาถึงชาติหน้าด้วย อย่างเช่นโยมวีร์ยังไงล่ะ”
ท่านหันมาทางผมก่อนจะพูดต่อ
“ถึงแม้จะกลับชาติมาเกิดแล้วได้เจอะเจอกับคนที่โยมรัก แต่ก็ต้องได้เจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันหลายๆอย่าง ซึ่งอาตมาคงไม่ต้องบอกโยมนะว่าอาตมาหมายถึงอะไร”
“ครับหลวงตา” ผมยกมือขึ้นพนมตอบ ก่อนที่ท่านจะหันไปทางไฟต่อ
“ส่วนโยมอัคคี นิสัยใจร้อนสมชื่อ ถึงแม้จะเกิดใหม่พร้อมความทรงจำครั้งอดีต ก็ยังมีนิสัยร้อนเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่อาตมาอยากจะบอกให้โยมรู้ ว่าการกลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีหรอก หมั่นหัดทำบุญทำทาน เรื่องบุญคุณความความแค้นก็ให้อโหสิกรรมแล้วๆกันไปอย่างที่โยมคิดนั่นแหละ เพราะชาติหน้าจะไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาใช้กรรมร่วมกันอีก”
“ครับหลวงตา ผมจะจดจำไม่มีวันลืม” ไฟยกมือขึ้นพนมตอบ หลังจากนั้นพวกผมก็สวดมนต์ตามที่หลวงตาสวดก่อนจะนำน้ำไปกรวดใต้ต้นไม้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนกำลังเตรียมจะไปปล่อยปลาในแม่น้ำ กลับมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน
“เสียงมือถือของผมเองครับ” เฟยจิ้งบอกพลางล้วงมือถือขึ้นมากดรับแล้วแนบหูฟัง “มีอะไร ฉันกำลังทำบุญอยู่ที่...อะไรนะ! หายไปงั้นหรือ ทำไมไม่อยู่เฝ้าดีๆวะ! ไม่ต้องพูดแก้ตัว กลับไปฉันลงโทษพวกแกแน่”
ติ๊ด!เฟยจิ้งกดวางสายก่อนจะขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณเฟยจิ้ง” ผมถามด้วยความสงสัย รู้สึกใจหายชอบกล แต่อีกฝ่ายกลับอึกอักจนผมต้องถามย้ำอีกรอบ “พูดมาสิครับคุณเฟยจิ้ง!”
“ใจเย็นๆวีร์” ไฟบอกผม ซึ่งผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
“ว่ายังไงครับคุณเฟย...” ผมพูดยังไม่ทันจบ เฟยจิ้งก็พูดชิงตอบเสียก่อน
“คุณแม่ข้าวของคุณวีร์ เอ่อ โดนคนที่เป็นมือขวาตัวปลอมของไป่เต๋าลักพาตัวไปจากบ้านน่ะครับ”
!!!!!!
........................