“ต้นกล้าลูก....”
“ครับแม่”
“เอ่อ.....เค้าไปไหนแล้วล่ะลูก”
“ไม่รู้สิครับ คงออกไปเมาอีกตามเคย”
"เหรอจ๊ะ"
เด็กหนุ่มส่งยิ้มเนือย ๆให้แม่ของเขาอย่างปราศจากพิรุธ วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยเสียจนไม่มีอารมณ์จะมานั่งตื่นกลัวกับอะไรทั้งนั้น
“แม่ไปอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวจานพวกนี้ผมล้างเอง”
“แต่วันนี้ลูกดูเหมือนไม่ค่อยสบายเลยนะ เดี๋ยวแม่จัดการเอง ไปพักเถอะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมไม่เป็นไร พอดี....มันออกไปแต่เช้าน่ะ ผมเลยมีเวลานอนทั้งวัน”
“นอนมากร่างกายก็อ่อนเพลียได้นะลูก”
เด็กหนุ่มเฝ้ารอ.....
รอจนกระทั่งแม่ของเขาเข้านอน
คืนนี้ยังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะเลยทีเดียว
“กี๊”
“คืนนี้อยู่บนนี้ไปก่อนนะ.....กินเสียให้เต็มที่ล่ะ จะได้ไม่ต้องไปไล่จับหนูกินอีก”
“กิ๊....กิ๊”
ต้นกล้าเอาชิ้นส่วนของไอ้ชดที่เหลือใส่ลงในกล่อง พร้อมกับพาเจ้าตัวประหลาดขึ้นมาซ่อนบนห้องใต้หลังคา เพียงแค่ข้ามพ้นช่วงวัน มันก็กัดกินเครื่องในของไอ้ชดจนเกือบหมด ตอนนี้ไอ้สารเลวที่เขาแสนเกลียด เหลือเพียงแค่หัว กับแขนขาเท่านั้น ที่ยังมีเนื้อห่อหุ้ม
“กินเก่งเหมือนกันนะมึง.....เหมือนตัวจะโตขึ้นเลยนะ”
“กิ๊”
เด็กหนุ่มลูกหัวของมันอย่างเอ็นดู มันหยุดแทะเลยเงยหน้าขึ้นจ้องเขาตาใส
“เอาไว้กูจะตั้งชื่อให้มึงนะ.......กูต้องไปแล้ว”
เขาบอกราตรีสวัสดิ์มัน
..................................................
....................................
.........................
...............
.......
วันที่ 3“มึงนอนในห้องกูได้....ไม่ต้องอยู่ในกล่องแล้ว แต่ห้ามทำเลอะเทอะล่ะ เข้าใจไหม”
ไอ้ตัวประหลาดที่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังคิดชื่อให้มันไม่ออก ดูเชื่องและเชื่อฟังเขามากขึ้น หลังจากที่กินผู้ชายตัวใหญ่หนักเกือบร้อยกิโลเข้าไปจนเหลือเพียงกองกระดูกขาวโพลน ตอนนี้ดูมันไม่กลัวเขาอีกแล้ว(แต่เขายังคงกลัวมันอยู่ดี) เด็กหนุ่มแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงยังรอดชีวิตได้อยู่ ทั้งที่ควรจะเป็นรายแรกที่ถูกมันเขมือบ
คงเพราะชายแก่คนนั้นยกมันให้แก่เขา และตอนนี้เขาก็คือเจ้านายของมัน
“ขี้มึงเหม็นเป็นบ้าเลยรู้ไหม.....ก็สมควรหรอก แดกเข้าไปขนาดนั้น”
ต้นกล้าโดดเรียนในช่วงเช้า เพื่อที่จะจัดการกับเศษซากของไอ้ชด รวมถึงอุจจาระของเจ้าสิ่งนั้นที่ออกมาเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายกับดินปั้นขนาดใหญ่ กลิ่นแรงเป็นบ้าเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มเอาก้อนหินทุบกะโหลกของไอ้ชดจนแตกกระจายไม่มีดี เขาเก็บทุกชิ้นส่วนของไอ้ปิศาจร้ายตนนั้น รวมกับขี้กองโตของเจ้าสัตว์ประหลาดและก้อนหินอีกจำนวนหนึ่งในถุงกระสอบใบใหญ่ซ้อนกันสองชั้น มัดอย่างแน่นหนาแล้วโยนลงบ่อเกรอะหลังบ้าน เสี่ยงเกินไปที่จะเอาออกไปทิ้งไกล ๆ อาจมีคนเห็นและสงสัยก็เป็นได้
คนเลว ๆอย่างไอ้ชด อยู่ในที่เหม็น ๆ แบบนั้นก็เห็นจะเหมาะสมดีแล้ว
.
.
.
.
.
ที่โรงเรียน
เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงสองสามวันมานี่ ต้นกล้าจึงแทบจะไม่มีสมาธิที่จะเรียน จนถูกอาจารย์ประจำวิชาตำหนิอยู่หลายครั้ง เขาไม่ใช่เด็กเรียนเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หัวสมองปานกลาง ค่อนไปทางไม่ฉลาด ซึ่งตลกดีที่ต้องมานั่งทำการบ้านหรือรายงานให้พวกเด็กเกเรทั้งแก๊งค์
สุดท้ายเขาก็โดนอาจารย์ไล่ออกไปยืนเฉย ๆ นอกห้องเป็นการทำโทษ เนื่องจากลืมหยิบหนังสือเรียนวิชาสังคมมา
ที่โรงเรียน.....มีแต่คนที่เขาเกลียดทั้งนั้น ทั้งพวกอาจารย์ที่ดีแต่ทำเป็นสอนคนอื่น แต่ความจริงแล้วกลับไม่เคยใส่ใจนักเรียนเลยด้วยซ้ำ พวกเพื่อน ๆที่เห็นเขาเป็นตัวตลก กลุ่มไอ้เสือทั้งกลุ่ม ที่หาเรื่องรังแกเขาไม่เว้นแต่ละวัน แทนที่ครูจะช่วย กลับเห็นเป็นเรื่องตลก บางทีเขากลับถูกดุอย่างไร้เหตุผล แต่พวกมันกลับได้รับการยกเว้น ไม่มีอาจารย์คนไหนกล้าเสี่ยงกับสวะพวกนั้นหรอก
“ไง......วันนี้เบลอนะ นอนดึกเหรอ”
“อ้าว.....ออกมาได้ไงเนี่ย”
“โดนไล่ออกมาเหมือนกันน่ะสิ”
จะมีก็แต่คน ๆนี้ล่ะมั้งที่ดีกับเขา แม้จะด้วยความสงสารก็ตามที
“ลูกเต๋า” เด็กผู้ชายตัวขาว รูปร่างสูงโปร่งพอๆกับเขา หน้าตาน่าเอ็นดูและเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ เพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ตอนเทอมสอง เป็นคนเดียวที่ยอมเป็นเพื่อนกับเขาโดยไม่แคร์คนรอบข้าง บ่อยครั้งที่ลูกเต๋าถูกพวกไอ้เสือเขม่น แต่ลูกเต๋าก็ไม่เคยโดนแกล้งแรง ๆ อย่างเขาเสียที คงเพราะลูกเต๋าไม่เคยแสดงทีท่าว่ากลัวด้วยกระมัง นั่นทำให้ต้นกล้ารู้สึกอิจฉาเพื่อนคนนี้ขึ้นมานิดหน่อย
คนหน้าตาดี ดูโดดเด่น ใคร ๆก็รักใคร่เอ็นดู บุคลิกและการวางตัวทุกอย่างนั้นดูเพียบพร้อมไปเสียหมด ผิดกับเขา ที่จะมีก็แต่ไอ้เหี้ยชดเท่านั้นแหละมั้งที่นึกพิศวาส
น่ารัก.....ลูกเต๋าน่ารักชะมัด ผิดกับเขาที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างเดียว ผิวขาวซีดดูอมโรค หน้าตาจืด ๆ เห่ยๆ แถมยังนิสัยไม่น่าคบ ซื่อ ๆบื้อๆ แหยๆ ถามคำตอบคำ ใครต่อใครถึงได้เข้ามาแค่ชั่วประเดี๋ยวแล้วเมินหน้าหนีกันไปหมด
“เฮ้ยมองหน้าเราทำไม”
“เปล่าหรอก....คิดอะไรเพลิน ๆน่ะ”
“อุตส่าห์หาเรื่องออกมาอยู่ด้วยนะเฮ้ย.....ยิ้มหน่อยเด้”
“อื่อ”
เขายิ้ม แล้วอีกฝ่ายนั้นก็หัวเราะเขา หน้าเขาคงตลกมากเลยสินะ เขาไม่ค่อยยิ้ม เพราะรู้ว่ายิ้มไปมันก็ไม่เป็นธรรมชาติ ในใจของเขามันไม่มีความสุขพอที่จะฉายแววออกมาหรอก
“ทำหน้าตาอมโรคทั้งวัน ใครจะกล้าคุยด้วย รู้มั้ย....บางครั้ง....นาน ๆครั้งที่นายยิ้ม มันดูดีมากเลยนะ”
“เหรอ.....ไม่รู้เลย.....ไม่มีใครบอก”
“เย็นนี้ไปกินไอติมกัน”
“ห๊ะ......กินติม? กับใครวะ......เอ่อ....หมายถึงไปกันเยอะมั้ย?”
“จะกับใคร.....ก็กับคนชวนดิ ไปกับเราสองคน.....เดทไงคะที่รักขา”
“บ๊ะไอ้ทุเรศนี่”
ลูกเต๋าทำให้เขาหัวเราะได้เสมอ พวกเขาคงส่งเสียงดังมากไปหน่อย จนอาจารย์สอนวิชาสังคมซึ่งเป็นหญิงวัยใกล้เกษียณต้องโผล่หน้าออกมาดุ
“นี่!!! พวกเธอสองคน ที่ชั้นให้ออกมายืนนอกห้องเนี่ย เพื่อให้สำนึกที่ไม่ตั้งใจเรียนนะยะ ยืนเงียบ ๆ ไม่ใช่ให้ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนเค้า เดี๋ยวไล่ให้ลงไปยืนที่สนามกีฬาเลย”
“ครับ”
“ครับ”
หลังจากเจ้าหล่อนกลับเข้าไปแล้ว พวกเขาก็แอบขำกันเบาๆ
.
.
.
.
.
“ทำไมไม่กินล่ะ ไม่อยากกินเหรอ”
ลูกเต๋าถามเขา พร้อมกับส่งยิ้มกว้างที่ดูแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน รอยยิ้มของลูกเต๋าดูเปิดเผยและจริงใจมากที่สุดเท่าที่ต้นกล้าเคยเห็นเลยก็ว่าได้ คอยดูเถอะ ต่อไปหากขึ้นมหาวิทยาลัย ได้ไว้ผมยาวกว่านี้สักหน่อย หมอนี่คงได้ถ่ายหนังสือแฟชั่นไม่ก็แสดงเอ็มวีแหง ๆ เผลอๆอาจได้เป็นดารา
เขาเหมือนไอ้งั่งที่นั่งร่วมโต๊ะกับเด็กหนุ่มที่ดูเจิดจ้าจนแสบตา สายตาหลายคู่รุมจ้องมองพวกเขา แต่ทว่าลูกเต๋าไม่ยี่หร่ะกับคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ผิดกับต้นกล้า.....ที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร
“อายที่นั่งกินกับเราแค่สองคนเหรอ”
“เฮ้ย....เปล่านะ”
“งั้นก็กินสิ”
“มันก็เขิน ๆนิดหน่อยน่ะ ไม่คิดว่าจะต้องกินถ้วยเดียวกัน”
“แบบนี้คุ้มกว่าเว้ย....แถมได้กินทุกรสที่ชอบเลยนะ....นี่ถามจริง พวกไอ้เสือเนี่ย....คอยหาเรื่องนายตลอดเลยเหรอ”
"เออน่ะ....อย่าพูดถึงมันได้ไหม"
"นายก็หัดสู้คนเสียบ้างสิ"
ก่อนลูกเต๋าจะมา เขาโดนหนักกว่านี้ ถูกจับแก้ผ้าต่อหน้าคนทั้งห้องก็เคยมาแล้ว แต่พอได้เป็นเพื่อนกับลูกเต๋า พวกมันก็แกล้งเขาได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าพอสบโอกาส พวกมันก็จัดเสียสาสมอย่างเมื่อวันก่อนโน้น เขาอยากสู้เหมือนที่ลูกเต๋าสู้ แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว เขายอมพวกมันมานาน.....นานมากเกินไป จนไม่รู้จะสู้อย่างไรแล้ว ทำได้แค่หนีเท่านั้นแหละ
ต้องฆ่า
มีทางเดียวเท่านั้น
ต้องฆ่าพวกมันให้หมด
ต้นกล้านิ่งอยู่นาน จนลูกเต๋ายื่นมือมาตบกันเสียงดังตรงหน้าเขา เรียกสติเด็กหนุ่มให้กับคืนมา ลูกเต๋าชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ เขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เวลาที่ลูกเต๋าพูดจ้อแบบนี้มันยิ่งดูมีเสน่ห์ เสียงใส ๆนั่นก็ชวนฟัง แถมยังยิ้มไปด้วยขณะพูดอีก ทำเอาเคลิ้มจนแทบไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้นเลยทีเดียว
“อร่อยดีนะ”
“ใช่ม๊ะ”
“ขอบใจนายมากเลยนะ.....ที่ยอมเป็นเพื่อนกับเรา”
“เปล่า.....ไม่ได้ยอมสักหน่อย เต็มใจต่างหาก”
“อ่า.....เหรอ....งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ”
“วันหลังให้เราไปเที่ยวบ้านนายนะ”
“เอ่อ....ได้สิ”
"กลับดีๆนะที่รัก"
"ไอ้บ้า....ขนลุกนะ"
อืม ถ้าลูกเต๋ามาที่บ้าน....คงต้องหาอะไรมาล่ามกล่องเสียแล้วล่ะ
“โชคดี”
“เช่นกัน”
.
.
.
.
.
“เมี้ยววววววววววว”
เฮ้ย....บ้าจริง ต้นกล้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นอกจากไอ้สัตว์ประหลาดแล้ว(ตอนนี้ก็ยังคิดชื่อไม่ออกอยู่ดี) เขายังมีเจ้าแมวนักเลงนั่นอีกตัวที่คอยมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว
เสียงร้องของเจ้าแมวดังขึ้น ทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน ขณะกำลังถอดรองเท้านักเรียน เด็กหนุ่มนึกถึงเสียงร้องของมันตอนที่ดมกลิ่นกล่องของเจ้าตัวประหลาดนั่น เสียงแบบเดียวกันนี่แหละ ต้นกล้าทิ้งกระเป๋านักเรียน แล้ววิ่งขึ้นไปดูอย่างร้อนรน
“ห้ามกินแมวนะเว้ยยยยยยย” เด็กหนุ่มแหกปากตะโกนลั่น
สภาพในห้องนั้นไม่ได้เละเทะอย่างที่คิด หน้าต่างห้องที่เขาแน่ใจว่าปิดแน่นหนาแล้วเปิดอ้า ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ตัวประหลาดที่มีเพียงแค่สองแขนจะทำเรื่องยาก ๆ อย่างเช่นเปิดหน้าต่างได้ เขาคิดว่ามันทำเป็นแค่กินกับขับถ่ายเสียอีก
ประเมินมันต่ำไปหน่อยแล้วกระมัง ทั้งๆที่อุตส่าห์ย้ายโต๊ะเขียนหนังสือไปอยู่อีกมุมหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้เขาเห็นเก้าอี้นั่งตั้งอยู่ตรงหน้าต่าง มันคงลากมา
ที่มุมห้อง เจ้าแมวสีเทากำลังขู่ฟ่อใส่บางอย่างที่กำลังซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงนอน หางของเจ้าแมวตั้งชันขนชี้ฟูฟ่อง หรือว่ามันจะกลัวแมว....
“กิ๊กิ๊”
“ออกมาเถอะ.....เอ่อ.....เฮ้อ.....กูเรียกมึงว่าโจ๊กก็แล้วกัน มึงแม่งเละเหมือนโจ๊ก”
มันค่อย ๆ คลานออกมา ก่อนจะวิ่งมาหลบหลังเขา......วิ่ง.....ใช่มันวิ่ง
“เฮ้ย.....ทำไมมึงมีขาได้วะ” เขาอุ้มมันขึ้น พลิกดูเท้าน้อย ๆกับขาสั้น ๆกำลังดิ้นกระแด่ว
“มึงกำลังโตขึ้น....โตเร็วเหลือเชื่อ.....มึงเปิดให้มันเข้ามาเหรอ”
“กิ๊”
“เก่งนี่หว่า....แล้วไหงถึงได้หลบไปอยู่ใต้เตียงล่ะ.....กลัวรึไง เปิดให้เค้าเข้ามาแล้วเสือกกลัวเองเนี่ยนะ”
“กิ๊กิ๊กิ๊กิ๊”
“หึหึหึ.....ไหนมึงทำให้กูดูสิ....ลองปิดให้ดูหน่อย”
ทันทีที่เขาสั่ง มันวิ่งด้วยสองขาสั้น ๆไปยังหน้าต่าง ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้วกระโดดขึ้นไปเกาะบนขอบหน้าต่างอย่างง่ายดาย เพียงแต่คราวนี้มันยากกว่าตอนเปิดนิดหน่อย มันไม่มีแรงพอที่จะดึงหน้าต่างแบบบานพับวิทโก้ให้กลับเข้ามา อีกทั้งรูปร่างของมันยังทำให้ทรงตัวลำบาก แต่สุดท้ายมันก็พยายามที่จะดึงหน้าต่างเข้ามาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
สุดท้ายมันก็ทำสำเร็จ ทว่าตอนนี้ตัวมันห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น ขาของมันดันเตะเก้าอี้จนล้ม กลายเป็นว่ามันเกาะมือจับหน้าต่างเอาไว้แน่น แต่ไม่กล้ากระโดดลงมา ได้แต่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เป็นครั้งแรกที่ต้นกล้าได้หัวเราะออกมาดังๆแบบนี้ เขาเดินไปอุ้มมันลงมา มันจ้องหน้าเขาอย่างออดอ้อนเหมือนลูกหมา
“นี่....มึงสองตัวทำความคุ้นเคยกันเสียสิ....แล้วก็ห้ามกินล่ะเข้าใจไหม กูจะหาอาหารมาเลี้ยงมึงเอง เพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องฆ่าใครอีกแล้ว กูรู้ว่ามึงฟังกูเข้าใจ.....ไอ้โจ๊ก”
ดูท่ามันจะชอบชื่อนี้ พอเขาเรียกมันว่าโจ๊ก.....มันก็หัวเราะชอบใจ เสียงหัวเราะมันฟังพิลึก คล้ายกับกำลังเลียนแบบเขา เขาอุ้มมันไปวางไว้ใกล้ ๆเจ้าแมวสีเทา ที่บัดนี้ก็ยังไร้ชื่อ
เจ้าแมวตาเดียวดูเหมือนจะคลายความกลัวลงไปบ้างแล้ว ต้นกล้าลูบหัวมันเบา ๆ และเจ้าโจ๊กก็พยายามจะลูบหัวเจ้าแมวด้วยเช่นกัน
“เป็นเพื่อนกันแล้วนะโจ๊ก....ไอ้แมว”
“เมี้ยวววว”
“กิ๊”
“ถ้าแดกแมวล่ะก็กูไม่เลี้ยงมึงจริง ๆนะเว้ย จับส่งตำรวจแม่มเลย”
“กิ๊....แม๊.....แม๊....แมมมมม....แมมมมมมม”
ให้ตายสิ มันเรียนรู้ไวเป็นบ้า นอกจากจะเลียนเสียงหัวเราะของเขาแล้ว ยังพยายามพูดตามอีก
ฉลาดมากนะไอ้โจ๊ก มึงนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เด็กหนุ่มลูบหัวมันอย่างเอ็นดู
.
.
.
.
.
ตกดึกคืนนั้นเอง
ตึ๊งตึ่ง
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทั้งเขาและมัน(ที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา.....ใช่.....ตัวมันนุ่มนิ่มน่ากอดดี เขาอดไม่ได้ที่จะกอดมันแทนตุ๊กตา และดูมันก็ชอบเสียด้วย) ต่างก็ตกใจตื่นขึ้นมาพร้อม ๆกัน
“ห่าเอ้ย.....ลืมปิดเสียง....ใครส่งไรมาวะแม่ง”
เด็กหนุ่มเปิดดู บนหน้าจอนั้นระบุว่าลูกเต๋าเป็นคนส่ง คลิปวิดิโองั้นหรือ
ต้นกล้าเกร็งมือแน่น.....นี่มันอะไรกัน จะเกินไปแล้วนะ เด็กหนุ่มโกรธจนหน้าแดงก่ำ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นที่ใบหน้า หายใจติดขัดไปหมด ในคลิปวิดีโอเขาเห็นเพื่อนเพียงคนเดียว กำลังถูกย่ำยีอย่างทารุณโดยพวกไอ้เสือที่ดูเหมือนกำลังเมายาได้ที่
ไอ้สัตว์นรกนั่นพยายามบังคับลูกเต๋าให้ใช้ปากให้มัน โดยมีพรรคพวกคอยส่งเสียเชียร์ แต่ลูกเต๋าขัดขืน มันเลยเปลี่ยนมาซ้อมแทน ทั้งเตะและต่อยจนลูกเต๋าลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นท่า สุดท้ายเหมือนกับว่ามีคนสักคนมาเห้นเข้า และตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกมันจึงแยกย้ายกันเผ่นหนีไป
เจ้าโจ๊กเองก็มองคลิปนั่นไปพร้อม ๆกับเขาด้วย เด็กหนุ่มลูบหัวเจ้าตัวประหลาด ก่อนจะกดภาพค้างเอาไว้ ภาพของไอ้เสือ
“มึงดูหน้ามันไว้นะโจ๊ก.....”
ต้นกล้ายิ้มเหี้ยม หัวเราะอย่างคนโรคจิต ความปรารถนาลึกๆที่จะสังหารฉายแววขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ชัดเจน และมีจุดมุ่งหมาย ต่างไปจากทุกครั้ง
“นี่แหละอาหารของมึง”
.
.
.
.
.
To be con
น้องโจ๊กมีขาแล้ว.....ต่อไปคงโตขึ้น....โตขึ้น
