ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558  (อ่าน 98288 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ชิ พีท หนีไปให้ไกลๆเลย
เขียนดีแล้วงับ เพราะเขียนจนทำให้คนอ่านอินกับตัวละครได้ ถือว่าผ่านนะ
อยากให้พีทไปอยู่กับคุณปู่จริงๆ เผื่อบางคนจะกล้ามากกว่านี้

kjkjji

  • บุคคลทั่วไป
ฮู่วว พี่ฮั่นคะ  :เฮ้อ:
วันไหนน้องเป็นของคนอื่นขึ้นมาแล้วพี่จะรู้สึก
ทำไมไม่มีความกล้าเลยเนี่ยย เห็นพี่ฮั่นเป็นแบบนี้แล้วหงุดหงิดหัวใจ
สงสารน้อง  :m15: เราเป็นพีทนี่คงเซ็งพี่ฮั่นไปแล้วอ่ะ ทำเงิบมาหลายรอบละ เป็นเราคงสะบัดบ็อบใส่ไม่ใยดีอะไรอีพี่ฮั่นอีกต่อไปแล้ว (นี่มองในมุมมองน้องที่ไม่รู้ว่าพี่ฮั่นมันคิดอะไรอยู่นะ เห็นแล้วท้อใจแทน)
นี่ถ้าน้อง(ยอม)ถอยห่างออกมาพี่ฮั่นมันจะตามกลับไปป่ะ? หรือคิดว่า เออ ดีแล้ว ปล่อยไป ?

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้อ นี่รอว่าสักวันจะมีชายหนุ่มรูปงามมาคลุกคลีน้องพีทให้อีพี่ฮั่นมันปั่นประสาทเล่นเลยนะ ใช้ผู้หญิงดาเมจมันคงจะน้อยไป เชอะ  :m19:

ปล. คนแต่งแต่งดีแล้วค่ะ พี่ฮั่นก็เป็นคนดีค่ะ คือเป็นตัวละครที่ดี แล้วที่โดนด่านี่ก็ไม่ใช่เพราะความเลวอ่ะค่ะ 5555 แค่เป็นตัวละครที่น่าหมั่นไส้เฉยๆ แบบคิดเยอะไปไหนจ๊ะพ่อ บางเรื่องที่พี่ฮั่นทำก็นะ..เจ็บแทนน้องพีทจริงๆ ไว้ตัวเองโดนบ้างแล้วจะรู้สึก!
ไม่ใช่ว่าพี่ฮั่นไม่ดีนะ แต่เราแค่เอ็นดูน้องพีทมากเกินไปแค่นั้นเองงงงงง  :m3: กร๊ากกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2014 15:06:34 โดย kjkjji »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ zenixs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ฮั่นเป็นคนดีในหลายเรื่องๆ เข้าใจเหตุผลนะว่าพีทเป็นลูกของผู้มีพระคุณ
แต่บางครั้งถ้าจะต้องเก็บความรู้สึกแล้วเจ็บทั้งสองฝ่าย สู้ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคที่จะเข้ามาด้วยกันดีกว่ามั้ย
เห็นเป็นแบบนี้แล้วมันหน่วง  :hao5:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่า เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
มาให้กำลังใจน้องพีททท!!!

รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2014 10:56:32 โดย Pe๊aNu๊T »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
49. ปล่อยมือ


คนที่รีบออกจากห้องออกกำลังกายจนแทบวิ่งนั้นกลับไปที่บ้านริมสระ ตรงไปที่ห้องนอนส่วนตัว  ปิดประตูเสียงดัง  พิงร่างสูงใหญ่ของตนกับประตูบานใหญ่   
   
นี่เขาทำอะไรลงไป  เขารู้ว่าเขาสามารถเลี่ยงคำสั่งนั้นได้  แต่เขากลับเผลอปล่อยหัวใจไป  เขาลืมตัว!

ก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วต้องถอนหายใจแรง  เสื้อยูโดหลุดลุ่ยไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกเปลือยเปล่าของตัวเองไว้  รับรู้แรงสั่นสะเทือนข้างใต้นั้น  อารมณ์วาบหวามเมื่อครู่ยังตกค้างอยู่ในร่างกาย  เขาตรงไปยังห้องน้ำเปิดน้ำเย็นรดตัวเอง
 
อีกนิดเดียวเท่านั้น  ถ้าพีทไม่ดิ้นเพราะหายใจไม่ทันเขาคงจะเผลอทำอะไรมากกว่านี้

ไม่ได้! จะทำแบบนั้นไม่ได้  ทำไม่ได้  นั่นน้องนะ  ครอบครัวของเขาเอง  เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้  เรื่องนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก

เขาได้แต่พร่ำเตือนตัวเองไม่ให้ทำแบบนี้ราวกับว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นความผิดมหันต์   แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกร้อน ๆ ที่เพิ่งผ่านมากลับยังติดแน่นลึกลงไปในใจ
 
ช่วงเวลานั้น  ช่วงเวลาที่ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีพี่ไม่มีน้อง ไม่มีความถูกต้องมาคอยเตือน เป็นช่วงเวลาที่ได้ทำตามที่ตัวเองปรารถนามาแสนนาน  ความปรารถนาอันลึกลับได้เผยออกจากที่ซ่อนที่ลึกที่สุดของใจ  ผลักดันให้เขาทำตามความต้องการของตน
 
เขาเองก็ต้องการไม่ต่างกัน เพียงแต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นเขาต้องบังคับตัวเองแค่ไหน  พีทไม่มีวันเข้าใจ....

น้ำตาร้อน ๆ ไหลปนออกมากับน้ำเย็นจากฝักบัว  ร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดยูโดอันเปียกชุ่มพิงหลังกับผนังห้องน้ำ  ทรุดตัวลงนั่งชันเข่ากับพื้น  ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว   

ช่วงขณะที่เผลอตัวความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกปลดปล่อยออกมามันมหาศาลเกินกว่าที่เขาคิดไว้มากมายนัก   

มันล้นจนเขาเก็บไว้ต่อไปไม่ไหว  เขาต้องการบอกน้องเช่นกันว่าเขารู้สึกอย่างไร 

อยากจะกอดน้องไว้ในอ้อมแขนไม่ให้ห่างไปไหน 

อยากจะบอกว่ารัก...มากล้นเพียงใด 

ช่วงเวลาที่พวกเขามีแต่กันและกันในอ้อมแขน เขาอยากจะพูดมันออกไป  คำที่เขาเก็บไว้มานาน

แต่เขากลับได้สติเมื่อตาเหลือบไปเห็นภาพในกรอบขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังในห้องออกกำลังกาย  ภาพน้องชายใส่ชุดยูโดกำลังชูเหรียญทองในมือยืนเคียงข้างกับลุงคริสที่ส่งยิ้มสดใส  แววตาภาคภูมิใจในความสำเร็จของลูกชาย  ภาพนั้นกระชากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ปลิวหายไปให้กลับมา 
 
เขาหักหลังลุงคริสไม่ได้!

เจ็บปวดเมื่อต้องพูดออกไปเช่นนั้น  ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นใช้มีดอันแหลมคมจ้วงแทงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ปรานี  ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้กระทั่งปลายเล็บ

“โธ่โว้ย!” 

เขาตะโกนอย่างเหลืออด  ทุบกำปั้นลงกับพื้นกระเบื้องห้องน้ำจนมือแตก  เลือดสีแดงละลายไหลไปกับสายน้ำที่เปิดรดตัวเอง 

เขาทำไม่ได้  เขาทำลายอนาคตน้องไม่ได้

“พีท...พีท  พี่ขอโทษ”   ได้แต่พูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

น้ำเย็นจากฝักบัวยังคงรินรดคนที่นั่งอย่างหมดแรงในห้องน้ำ ดวงตาแดงก่ำ  เขายังจำภาพลุงคริสที่เดินเข้ามาในบ้านของพ่อได้  เมื่อลุงคริสปรากฏตัว  ชีวิตเหมือนพลิกจากจุดต่ำสุดขึ้นมาอีกครั้ง  เขายังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดี  ไม่เคยลืมเลย



เสียงเคาะประตูบ้านดังเบา ๆ ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออก  ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ  แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางประตูทำให้เด็กชายที่เดินออกมาจากด้านในมองแขกแปลกหน้าไม่ชัดเพราะแสงจ้าที่ส่องเข้ามา

ในสายตาของเด็กวัยเกือบแปดขวบตอนนั้น  ร่างที่เดินเข้ามาพร้อมกับแสงแห่งรุ่งอรุณที่ฉายมาจากด้านหลังทำให้ลุงคริสดูราวกับทูตสวรรค์ลงมาบอกข่าวดีกับเขาและแม่ที่กำลังลำบาก 

เวลานั้นเขากำลังเสียขวัญเพราะพ่อเพิ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายจากความเครียด  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  พวกเขาเป็นหนี้มหาศาลเพราะค่าเงินที่ลอยตัว  ถูกยึดบ้าน  ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดไปหมด  แม่กลายเป็นบุคคลล้มละลายทั้งที่ยังจัดการเรื่องงานศพคุณพ่อไม่เสร็จ  ญาติพี่น้องที่เหลืออยู่ก็หันหน้าหนี  แม่ต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือเพื่อนเก่าหลายคนแต่ทุกคนก็ปฏิเสธหมด

จนกระทั่งลุงคริสมาที่บ้านในวันสุดท้ายก่อนที่จะต้องย้ายออก  ลุงคริสมาช่วยกอบกู้ธุรกิจที่กำลังล้มและช่วยปลดหนี้ให้แม่  และสาเหตุนี้ที่ทำให้ลุงคริสต้องขายหุ้นให้อาของตัวเอง  แล้ว ‘มัน’ ก็ใช้เงื่อนไขนี้มาขู่ลุงคริสตอนที่ลักพาตัวเขาไปทรมาน  มันขู่ว่าจะถอนหุ้นคืน  ลุงคริสจึงต้องยอมที่จะไม่รับเขาเป็นบุตรบุญธรรมเพราะกลัวธุรกิจที่กำลังก้าวหน้าจะต้องล้มครืนทั้งหมด

คนที่หมดหวังทุกอย่างในชีวิตอย่างแม่และเขา เหมือนคนที่ลอยเคว้งอยู่กลางมหาสมุทร  ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว  กำลังอ่อนแรงลงทุกขณะ  พวกเขากำลังจะหมดแรงจมลงสู้ก้นทะเลลึก  แล้วทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาฉุดเขาและแม่ขึ้นไป 

ลุงคริสกอดเขาและแม่ไว้  เขารู้ทันทีว่าเขาปลอดภัย  เหมือนคนที่รอดพ้นจากความตายอันหนาวเหน็บไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นและมั่นคง  ลุงคริสกลายเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้แม่และเขาที่กำลังไร้ที่พึ่ง  เป็นคนที่สร้างเขาให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้




“ลุงคริส”

เขาพึมพำเอ่ยชื่อคนที่เขารักเหมือนพ่อคนหนึ่ง  คนที่ทำเพื่อแม่และเขามากขนาดนี้  เขาต้องตอบแทน  และพีทเป็นลูกชายของลุงคริส  เป็นทายาทคนเดียวที่ต้องดูแลสืบทอดกิจการของตระกูลต่อไป  เขามีหน้าที่ทำให้พีทประสบความสำเร็จ 
 
เขารู้ดีว่าพีทต้องไม่ยอมรับความคิดนี้   ลุงคริสทำไปเพราะรักแม่และรักเขาอย่างลูกคนหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ไม่เคยคิดเรื่องบุญคุณหรือการตอบแทนอะไรแม้แต่น้อย   

พีทก็เหมือนพ่อ  พีทรับเขาเป็นพี่ชายด้วยความเต็มใจตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน  เชื่อใจและไว้ใจเขาเท่ากับที่ลุงคริสไว้ใจ ไม่เคยมีข้อสงสัยใดที่วันหนึ่งเขาก็เข้ามาเป็นลูกชายอีกคนของลุงคริส  เป็นลูกชายบุญธรรม  เป็นคนที่มาดูแลกิจการทั้งหมด  มีอำนาจดำเนินการทุกอย่างเทียบเท่าลุงคริส

เขารู้ว่าพีทต้องต่อต้านถ้าได้รู้ว่าเขาคิดเช่นนี้  เพราะน้องไม่เคยสนใจเรื่องบุญคุณอะไรเหล่านี้เลย   พีทไม่ต้องการการตอบแทนใด ๆ  แต่สิ่งที่น้องต้องการเขากลับทำให้ไม่ได้ 

แล้วจะให้เขาทำอย่างไร   

ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งข้างหน้า น้องจะเข้าใจ

------------------------------------------------



ล่วงเลยเข้าวันใหม่มาพอสมควร  เขาพยายามนอนมานานแล้วแต่กลับตาสว่างเฝ้าแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องออกกำลังกาย

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังรัวเร็ว  ร่างที่นอนลืมตาโพลงในความมืดหันไปมองอย่างสงสัยแต่เขาก็ลุกขึ้น   

พีทยืนอยู่หน้าห้อง  ดวงตาบวมช้ำ

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”   

เห็นดวงตาเจ็บปวดของน้องชายแล้วแทบทนไม่ได้  อยากจะเข้าไปปลอบให้หายเศร้าใจ  อยากจะอธิบาย...

เขากัดฟัน  กลั้นใจไว้ 
 
ไม่ได้!  นั่นน้องชาย

“นี่มันดึกแล้ว  มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้เถอะ”  เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับน้องจึงได้แต่หลบตา  ทำท่าจะปิดประตู  แต่พีทกลับเอื้อมมือมาจับขอบประตูไว้เหมือนจะท้าว่าเขาจะกล้าปิดประตูทับมือน้องรึเปล่า....

เขาไม่กล้า

“ผมพูดไม่นานหรอก”  เสียงราบเรียบนั้นบอกมา

“พี่คิดยังไงกับผม”

ดวงตาพีทมองตรงมาแน่วแน่เหลือเกิน   เขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายไม่กล้าสบตา

“พีท  ถามอะไร”   
 
“ผมถามว่าพี่คิดยังไง  ผมแค่อยากรู้เท่านั้น”   

เสียงคาดคั้นนั้นถามมาอีก พีทไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย  กลับถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตรงไปตรงมา ไม่ได้ถามด้วยอารมณ์  เหมือนพวกเขากำลังถกกันเรื่องทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มากกว่ากำลังถามกันเรื่อง  หัวใจ

“พีท พีทเป็นน้องพี่  เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”   เขามีคำตอบให้ได้เพียงเท่านี้ 

“นี่คือคำตอบของพี่ใช่ไหม”

“ใช่”

“แล้วจูบนั่นล่ะ  แบบนั้นมันเป็นพี่น้องเหรอ” 

คราวนี้เขาหันกลับไปมองหน้าคนถาม  พีทถามเหมือนรู้  รู้ว่าที่เขาทำลงไปทุกสิ่งนั้นไม่ได้เกิดจากคำสั่ง  มันเป็นความปรารถนาของเขาเองทั้งหมด 

เขาหลบตาน้องอีกครั้ง  กำมือแน่นเมื่อต้องโกหกซ้ำอีก

“พีท  พี่ทำตามที่พีทสั่งนะ  ตามสัญญาไงล่ะ” 

เขาเหลือบไปเห็นรอยช้ำสองสามจุดที่โผล่พ้นเสื้อยืด  บริเวณลำคอของคนที่เขาเพิ่งบอกว่าเป็นน้องชาย  เป็นคนในครอบครัว
 
มันเป็นรอยแดงช้ำชัดเจนทีเดียว  เขากำมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว 
 
รอยนั้น....ของเขาเอง

“ใช่ผมรู้  ก็แค่ทำตามคำสั่งเหรอ”   

เขาขบฟันแน่นก่อนจะต้องพูดอีกครั้ง

“ใช่  แค่นั้น  และมันก็จบไปแล้ว”   

“ผมเข้าใจแล้ว”

น้ำเสียงนิ่งเหมือนเดิมนั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ  ทำไมพีทไม่โกรธ 

ดวงตาของน้องชายที่มองมากลับราบเรียบว่างเปล่า  ท่าทีปกติเหมือนไม่มีความรู้สึกใด   

เหมือนมีใครมาเทน้ำเย็นจัดรดบนศีรษะ  ความเย็นยะเยือกไหลลามลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  ร่างกายเจ็บปวดเหมือนมีเข็มแหลมคมนับร้อยนับพันกำลังทิ่มแทงเขาอยู่  แค่แววตาที่ว่างเปล่าคู่นั้น 

ดวงตาคู่นั้นไม่มีเขาอยู่อีกแล้ว!

นั่นทำให้คนที่มองอยู่แทบหมดแรงเมื่อตระหนักในทันทีว่ามันกำลังจะสายไปแล้ว  กำลังจะสายเกินไป....

เขากัดฟันกรอด  มือสั่นจนต้องกำไว้แน่นเมื่อเกิดการต่อสู้ในจิตใจอย่างหนัก  ใจหนึ่งก็สั่งให้ทำตามหัวใจตัวเอง  ส่วนอีกใจหนึ่งก็สั่งให้มั่นคงต่อหน้าที่ของตน

พีทปล่อยมือที่จับขอบประตูช้า ๆ หันกลับเพื่อจะเข้าห้องตัวเอง

เหมือนโลกหมุนช้าลงกะทันหัน  ภาพน้องชายกำลังหันหน้ากลับไปอีกทางเกิดขึ้นดังภาพสโลว์โมชั่น   มือที่ปล่อยจากขอบประตูเคลื่อนลงไปข้างตัวทีละน้อย  ทีละน้อย 

ภาพพีทที่หันหลังให้กำลังก้าวไปยังห้องนอนของตัวเอง  มือแตะลงตรงที่จับประตู  ประตูเปิดช้า ๆ  ขาของน้องชายกำลังจะก้าวเข้าไป

‘พีทของเขา’  ราวกับกำลังจะหลุดจากมือเขาไปตลอดกาล 

ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป  วินาทีสุดท้ายนั้น  เขาก็ตัดสินใจได้

“พีท..”  เขาคว้าข้อมือน้องไว้ได้ทันก่อนที่พีทจะก้าวเข้าห้องส่วนตัว

ทุกอย่างกลับหยุดนิ่ง  โลกที่เคลื่อนที่ช้าลงนั้นหยุดหมุน  ไม่มีความเคลื่อนไหว  มีแต่ความเงียบที่แผ่ปกคลุม  เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของตัวเอง

“ปล่อยผม”   พีทตอบเสียงนิ่งดุจเดิม  ไม่หันกลับมามองสักนิด

“พีท...พี่..”   

“พี่บอกว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก  เพราะฉะนั้น...” 




“....ปล่อยมือจากผมซะ....”





------------------------------------------



“พี่โดม  ทำไมคุณชายสองคนเค้าดูแปลกไปล่ะ” 

หนึ่งในสามสาวที่มักมาชวนโดมไปกินข้าวบ่อย ๆ เอ่ยถาม  เวลานี้เลิกงานแล้ว  เขาถูกสามสาวนัดมากินกาแฟที่ร้านกาแฟเจ้าประจำใกล้โรงแรม ส่วนพีทขึ้นไปช่วยรองประธานสรุปผลการดำเนินงานก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมรับทราบ 

“แปลกยังไง”  โดมถามกลับ  เขาเองก็แปลกใจที่มีคนสังเกตเห็นความผิดปกติของสองคนนั้น

“ก็ดูเมินกันยังไงไม่รู้”  สาวคนที่สองว่า

“ใช่  พวกเราเห็นคุณชายพีทยิ้มนะ  แต่เวลามองรองประธานเหมือนมองผ่าน ๆ ยังไงไม่รู้  เหมือนกับมองแต่ไม่อยู่ในสายตา”   สาวคนแรกให้เหตุผลสนับสนุน

“นั่นสิ  คุณชายยืนข้างกันนะตอนที่ไปส่งนายกฯ ประเทศตะวันออกกลางกลับวันก่อนน่ะ  แต่ทำไมไม่มองหน้ากันก็ไม่รู้” สาวคนที่สามเล่าบ้าง  เธอฝึกงานฝ่ายต้อนรับอยู่ที่ล็อบบี้จึงเห็นเหตุการณ์

“นี่พวกเธอสังเกตกันขนาดนี้เลยเหรอ  คิดไปเองรึเปล่า” โดมพยายามเปลี่ยนความคิดสามสาว  แต่ในใจกลับรู้สึกเป็นห่วงแทนสองคนนั้น  ขนาดคนอื่นยังเห็นอะไรขนาดนี้

“ไม่คิดไปเองหรอกค่ะพี่โดม  พวกเราน่ะมองคุณชายมาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เวลาตรวจโรงแรมเห็นไปด้วยกันตลอด  คนน้องชอบเกาะไหล่  คนพี่ก็ชอบโอบไหล่ยังกะกลัวหาย  แล้วก็คุยกันตลอดเวลา  ทำเหมือนโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคนซะงั้น  แต่ช่วงนี้ไม่ไปไหนด้วยกันเลย  พวกที่ฝึกงานแผนกขนมบ่นว่าคุณชายทำให้พวกนั้นทำขนมไม่อร่อยแล้ว”

“หลายวันมานี่ดูพวกเขาหมางเมินกันนะ  ไม่คุยกัน ไม่เห็นหยอกกันเหมือนเดิม”

“แล้วคุณชายพีทก็เลิกยิ้มไปเลย  หน้านิ่งตลอด  พวกเราเห็นแล้วไม่สบายใจ”

“ใช่  พวกเราชอบเห็นคุณชายเค้าดีกันมากกว่า  เวลาพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วมันดู  อืมม..”

“...น่ารัก...”   

สามเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน  พูดแล้วสามสาวก็กลับไปสุมหัวกันเอง พูดคุยถึงความน่ารักในแบบที่โดมไม่เข้าใจ   เขาขมวดคิ้วมองสามสาวแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง

'สาวๆ พวกนี้หูตายังกะสับปะรดเลยนะนี่  เก็บข้อมูลกันละเอียดยิบขนาดนี้  นี่มาฝึกงานหรือมาสืบราชการลับกันแน่'

โดมคิดพลางส่ายหน้ากับตัวเอง  อันที่จริงตัวเขาก็เห็นอะไรที่ผิดปกติเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองพี่น้อง  พีทไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลยกลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างที่สามสาวสังเกตเห็น  ยังทำทุกอย่างตามปกติแต่เขารู้สึกว่ามันน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม

คืนที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ พีทร้องไห้หนัก  เจ็บปวดทรมานเหมือนคนที่ได้รับแผลสด  ขยับเพียงนิดเดียวก็ปวดแปลบปลาบไปทั่ว   แต่ผ่านมาสองสามวันนี้พีทกลับไม่มีแม้แต่ความเศร้าเสียใจ   กลับกลายเป็นเย็นชาเหมือนคนที่หัวใจเจ็บจนด้านชาจนไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีกแล้ว   แม้ว่าพีทยังพูดคุยกับเขาและเพื่อนร่วมงานตามปกติ   แต่เขาก็สังเกตได้ว่ามันเป็นแค่การแสร้งทำเท่านั้น

และเขารู้ดีทีเดียวว่าคนที่ทำให้พีทเป็นแบบนี้ก็คงเสียใจไม่แพ้น้องชายหรอก  พี่ฮั่นถึงกับโทรหาเขาให้ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนพีทคืนนั้นทั้งที่พีทบอกว่าพี่ฮั่นไม่ยอมรับความรู้สึกของเขา  แต่โดมกลับแปลกใจที่พี่ฮั่นเป็นเดือดเป็นร้อนจนทนไม่ได้

เขาคิดว่าพี่ฮั่นนั่นแหละทำตัวแปลกที่สุดแล้วตั้งแต่สั่งให้เขาคอยจับตาดูพีทและโทรรายงานเวลาพีทไปที่ไหนกับใคร   ตอนนี้เขาแทบจะต้องโทรรายงานความเคลื่อนไหวทุกชั่วโมงทีเดียว  สิ่งที่พี่ฮั่นทำให้น้องชายทั้งหมดมันเกินพี่ชายไปไกลโข  แต่กลับปฏิเสธพีท

ทำดีกับเขาทุกอย่าง  พอเขารักก็บอกไม่ให้รัก  แปลกดีไหมล่ะ


--------------------------------------------



มาแว้ว   :mew1: :mew1: :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2014 11:31:07 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zenixs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไชโย ตอนใหม่มาแล้ว  :mc4:

สุดท้าย ตอนนี้ก็เจ็บทั้งคู่ :o12:

คืนดีกันเร็วๆ นะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กล้าเสี่ยงหน่อยสิอิพี่ฮั่น ชิๆ
สงสารพีทมากกว่าอ่ะ

ออฟไลน์ green1313

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กล้าๆหน่อยซิ พี่ฮั่น

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พลาดเรื่องนี้ได้ไง

ขอบคุณคนแต่งสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ

รอตอนต่อไปจ้า  :L2:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
50. ตัดสินใจ


“ว้า  เสียดายจัง  วันนี้นึกอยากจิบชาในสวนกลับมีคนตัดหน้าไปซะแล้ว” 

เสียงบ่นของเฌอเบลล์ทำให้คนที่เหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างกระจกหันกลับมา

“มีอะไรเหรอ  เบลล์”   เขาถามอย่างไม่ใส่ใจนัก  แค่ถามตามมารยาทเท่านั้น

เฌอเบลล์วางโทรศัพท์ภายในลงบนแป้น  เงยหน้าสวยหวานขึ้นยิ้ม

“เบลล์อยากจิบชาน่ะค่ะ เลยโทรไปที่คอฟฟี่ช้อป จะให้พนักงานช่วยจองโต๊ะให้หน่อย  เพราะซุ้มกุหลาบมุมในสุดของสวนนั่นน่ะ  คนแย่งกันนั่งยังกับเล่นเก้าอี้ดนตรีเชียว  แต่พนักงานบอกว่ามีคนจองแล้วตั้งแต่เช้า  และเบลล์ก็ใช้สิทธิพิเศษขอเปลี่ยนเป็นโต๊ะอื่นให้แขกแทนไม่ได้ด้วย...” 

เฌอเบลล์ยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย  เมื่อเอ่ยต่อจนจบประโยค

“เพราะคนที่จองโต๊ะ  เป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของโรงแรมนี้...”

คนที่ไม่สนใจสิ่งใดรอบตัวหันกลับมารวดเร็ว แต่ก็เจอกับสายตารู้ทันของเฌอเบลล์เข้า  ชายหนุ่มถึงกับทำตัวไม่ถูก  เขารีบกลบเกลื่อนอาการนั้นทั้งที่ไม่จำเป็นสักนิดเพราะเฌอเบลล์จับตามองอยู่แล้วและสังเกตเห็นทันที

เฌอเบลล์ยิ้มให้กับคนปากแข็งที่เธอรู้จักดี

‘ยังจะมาทำไม่รู้ไม่เห็นอีก  ทั้งที่ตัวเองน่ะอยากรู้เต็มแก่แล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าทำไมน้องพีทถึงได้ไปจองโต๊ะในสวน’   สาวสวยคิดพลางยิ้มมากขึ้น

'เอาล่ะ เธอจะไม่แกล้งพี่ฮั่นต่อก็ได้ ให้เวลาคนปากแข็งได้จัดการอย่างที่เขาอยากทำเถอะ  ดูสิตอนนี้คงอยากแล่นลงไปดูเต็มทีแล้วว่าน้องพีทนัดกับใคร'   เฌอเบลล์คิดแล้วก็เอ่ยขอตัวไปทำงานต่อ
 
คนที่พยายามทำตัวปกติเห็นเฌอเบลล์เดินออกจากห้องแล้วก็กดโทรศัพท์ทันที 

ความรู้สึกหลังจากที่ได้รับข้อมูลนั้นหลากหลายปนกันไปหมด โล่งอกที่โดมบอกว่าพีทนัดกับเกรซ  แต่กลับเกิดความหวั่นใจขึ้นมาแทรกเมื่อคิดสงสัยต่ออีกว่าเหตุใดพีทจะต้องนัดเกรซไปคุยกันในที่ที่เหมาะสำหรับคู่รักมากกว่าจะนัดคุยกับเพื่อนสนิทธรรมดา?

------------------------------------------



พีทนัดเจอกับเกรซที่คอฟฟี่ช้อปที่โรงแรมสาขาใหม่ที่เขาฝึกงานอยู่  หลังจากได้ระบายความรู้สึกของตัวเองให้เกรซฟังที่ร้านวันก่อนแล้วเขาก็ไม่ได้เจอเพื่อนอีกเลย  และเมื่อวานเกรซก็โทรหาเขา  เสียงของเธอเศร้าสร้อย

“เกรซ  เป็นไง  ชอบสวนกุหลาบไหม”   

พีทถามพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจกับสวนกุหลาบของพ่อ  เขารู้ว่าแขกผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างประทับใจกับสวนกุหลาบที่ติดกับคอฟฟี่ช้อปนี้กันมาก  จึงอยากจะให้เกรซมาชมสวนกุหลาบที่นี่ด้วย   ดังนั้นซุ้มกุหลาบขาวสุดโรแมนติกที่อยู่ในสุดของสวนจึงถูกตั้งป้ายจองตั้งแต่เช้า

“ชอบมากเลย  กุหลาบพันธุ์นี้เราไม่เคยเห็นเลยพีท  สวยมาก  นี่ถ้าแม่เราเห็นนะ  คงจะกรี๊ดแน่  แม่ชอบกุหลาบมาก”

สีหน้าของเกรซดูสดใสขึ้นเมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานเต็มซุ้ม  ส่งกลิ่นหอมอ่อน  ดวงตากลมโตของเธอเอาแต่จ้องมองไปรอบสวนอย่างชื่นชม 

พีทยิ้มกว้างที่ทำให้เกรซมีสีหน้าดีขึ้น  พวกเขาคุยกันเรื่องสัพเพเหระกันครู่ใหญ่  เขากำลังรอคอยให้เพื่อนเล่าอะไรออกมา  ท่าทีของเกรซเหมือนคนที่มีเรื่องอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูด  เขามองหน้าเพื่อนก่อนจะตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้  แม้จะรู้ว่านี่เป็นการเสียมารยาทอย่างมากแต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซังมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“เกรซมีปัญหากับพี่แคนใช่ไหม?”

เกรซไม่โทรหาเขาแน่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร  และปัญหาเดียวในชีวิตคุณหนูเกรซคือเรื่องการแต่งงาน  นี่เป็นเรื่องแปลกระหว่างพวกเขา  เขากับเกรซคล้ายกันอย่างหนึ่งคือถ้ายังไม่ถึงเวลาจะยังไม่เล่าเรื่องใด แต่พอไม่ไหวจริง ๆ แล้ว  พวกเขาคุยเปิดอกกันทุกเรื่องทีเดียว 

ใบหน้าสวยคมนั้นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด  ก่อนจะยอมรับออกมาตามตรงเมื่อถูกถามตรงประเด็น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น  เล่าให้เราฟังได้ไหม” 

คราวก่อนเกรซก็รับฟังเรื่องของเขาแล้ว  คราวนี้เขาอยากฟังเรื่องของเกรซบ้าง 

เพื่อนคนสวยของเขาถอนหายใจก่อนจะเล่าทุกสิ่งให้เขาฟัง

“วันที่เราคุยกันไง   หลังจากที่นายกลับแล้ว ....”



หลังจากที่เด็กฮิปอกหักขอตัวกลับบ้าน  เกรซยังคงนั่งอยู่ที่เดิมก่อนที่  ชิน นักร้องนำคนใหม่จะทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม  ใบหน้าคมเข้มของเขามีแววเคร่งเครียด  มองเธออยู่นานจนเธอแปลกใจ

“ชิน  มีอะไรจะคุยรึเปล่า  มีปัญหาเรื่องร้องเพลงเหรอ” 

เกรซเอ่ยถามนักร้องประจำร้าน  ท่ามกลางเสียงดนตรีเพลงรักที่เปิดคลอในช่วงท้ายก่อนร้านจะปิด แม้จะใกล้เวลาปิดร้านแล้วแต่นักท่องเที่ยวยังคงหนาตา และหลายคนกำลังมองตรงมาที่เธอนั่งอยู่กับนักร้องสุดหล่อประจำผับแห่งนี้

“พี่ร็อกกี้บอกว่าคนที่เพิ่งลุกไปเมื่อกี้เป็นคนรักของคุณเกรซ” ชินกลับตอบด้วยประโยคที่เธอแปลกใจ

เกรซอมยิ้มกับความเข้าใจผิดที่ใครต่อใครก็เชื่อเช่นนั้น  เธอก็พอรู้มาบ้างเรื่องที่แทบทุกคนในร้านคิดว่าเธอกับพีทแอบคบกันอยู่  พวกเขาไม่รู้นี่นะว่าเธอกับพีทเกือบจะเป็นคู่หมั้นกันด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่หรอกค่ะ เกรซกับพีทเป็นเพื่อนกัน  เราไม่เคยคิดเรื่องคนรักอะไรกันเลย”

ชินมองหน้าเธอนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่หาได้ยากทำให้ใบหน้าคมนั้นดูละมุนลง สายตาและรอยยิ้มของเขาทำให้เกรซรู้สึกแปลกใจ ชินไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน  เวลาพวกเขาพูดคุยกันเขาก็พูดคุยกับเธออย่างสุภาพ ไม่เคยมีแววตาหรือท่าทางเจ้าชู้อะไรเลย

“ถ้างั้น  ผมก็มีความหวังอยู่”  เขาตอบพลางยิ้มพราวมากขึ้น

ใบหน้าสาวสวยดูอึ้งไปเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้

“ผมชอบคุณ”

ชินพูดแล้วมองสบตาเธอ  ยิ้มมุมปากราวกับพอใจอะไรบางอย่างก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไป

เกรซมองตามร่างสูงของนักร้องประจำร้านที่เดินออกไป ยังตกตะลึงอยู่กับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ 

แปลกจริง  เธอไม่เคยเอะใจสักนิดว่าชินคิดอะไรแบบนั้นกับเธอ  ก็เห็นเขาปฎิบัติต่อเธอเหมือนที่ปฏิบัติต่อคนอื่น อาจจะมีความเกรงใจบ้างเพราะเธออยู่ในฐานะนายจ้าง  แต่นอกนั้นแล้วเขาก็ทำตัวปกติ

เกรซเพิ่งสังเกตว่ารอบกายเธอตอนนี้มีสายตาหลายคู่จับจ้องมา  หลายคนกำลังซุบซิบกันอย่างสงสัยเพราะชินเป็นคนที่ไม่คุยสุงสิงกับใคร  ร้องเพลงเสร็จเขาก็นั่งอยู่ในกลุ่มนักดนตรี ไม่ค่อยออกมาทักทายแขกเท่าไรนัก แต่วันนี้กลับเดินตรงมานั่งตรงที่วีไอพีที่เธอนั่งอยู่  ท่ามกลางสายตาลูกค้าสาวหลายรายที่คอยเฝ้ามองเพราะอยากจะได้โอกาสแบบนั้นบ้าง

'เฮ้อ ทำไงดีล่ะ  ชินคงไม่รู้ว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว' 

คิดถึงคู่หมั้นแล้วเกรซก็ถอนหายใจอีกครั้ง  เธอคงไม่เหลือโอกาสให้ใครเพราะเธอถูกกำหนดแล้วว่าต้องแต่งงานกับนายแคน   

คิดแล้วดวงตากลมโตก็กลับร้อนผ่าวเกรซพยายามกล้ำกลืนน้ำตาของตนลงไป

'บ้าจริง จะร้องไห้ทำไม'  นั่นเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ  หน้าที่ของลูกที่ดี  หน้าที่อันเจ็บปวด

เมื่อกี้เธอเพิ่งปลอบใจเพื่อนเพราะเพื่อนไปรักคนที่ไม่ควรรักแต่ตอนนี้เธอกำลังเจ็บปวดเพราะเธอไม่สามารถรักใครได้เลย   
ไม่รู้ว่าอย่างไหนจะเจ็บกว่ากัน




“คุณนี่ดึงดูดแต่นักร้องนะ”

เสียงคุ้นหูดังขึ้นเมื่อเกรซเดินออกจากหลังร้านเพื่อกลับบ้าน เวลานี้ดึกมากแล้ว  มีเพียงพนักงานและการ์ดสองสามคนเดินผ่านไปมา เธอหันกลับไปตามเสียงก็พบคู่หมั้นตัวเองยืนกอดอกพิงกับกำแพงอยู่  ท่าทางเหมือนคอยอยู่นานแล้ว 

เกรซมองหน้าเขานิ่ง รู้สึกแปลบปลาบในหัวใจเมื่อได้ยินคำประชดประชัน  ใบหน้าที่เธอเห็นนิ่งเฉย สายตาคมกล้าที่มองมามีร่องรอยของความขุ่นใจมองตรงมาที่เธอไม่ยอมคลาดสายตา ความเฉยชานั้นทำให้เธอใจเสียอย่างไม่รู้สาเหตุ  เกรซหมุนตัวกลับ  ก้าวเท้ายาวตรงไปที่รถของตน

“จะไปไหนล่ะ”  คู่หมั้นหนุ่มคว้าแขนเธอไว้  ดึงให้เธอหันกลับไปเผชิญหน้า

เกรซควบคุมสติไว้เมื่อถูกจับแขนไว้แน่น  เธอเงยหน้าสบตาว่าที่คู่หมั้นของตนอย่างสงบ 

“คุณอย่าลืมสิว่าคุณมีคู่หมั้นแล้ว แล้วผมไม่ชอบให้คุณคุยกับคนอื่น” แคนพูดเสียงกัดฟัน 

ความเงียบของเธอคือคำตอบ  เกรซไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรแล้ว  ที่ผ่านมาเธอพยายามทำทุกอย่างตามที่ทุกคนต้องการ  พยายามยอมรับเส้นทางที่พ่อแม่กำหนดไว้ให้  พยายามทำหน้าที่ของตน  แต่การนิ่งเฉยของเธอกลับทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
เขากำมือรอบแขนเธอแน่นขึ้นจนเกรซนิ่วหน้า

“นาย  ฉันเจ็บ” 

“หึ  รู้สึกรู้สาอะไรด้วยรึไง ทำไมไม่ทำเฉยต่อล่ะ  คุณจะเมินเฉยกับผมไปอีกนานแค่ไหน”  คนตรงหน้าประชดกลับ

“คุณจะให้ฉันทำอะไรอีก ฉันพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว  คุณต้องการอะไร” 

เธอเอ่ยถามเสียงสั่น  ความแข็งแกร่งที่พยายามสร้างเป็นเกราะป้องกันตนเองเริ่มสั่นคลอนเมื่อไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายแคนต้องมาบีบคั้นอะไรเธออีก ในเมื่อเธอเพียงแค่คุยกับเพื่อน กับลูกจ้างของตน 

“ก็ทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นคู่หมั้นผมไง  ผมไม่ชอบ  แล้วก็เลิกเฉยชาสักที  คุณทำประชดผมใช่ไหม” 

“ฉันพยายามทำดีที่สุดแล้ว  ฉันทำได้เท่านี้  ถ้าคุณไม่พอใจฉันก็หมดปัญญา”  เธอตอบกลับ  รู้สึกแน่นหน้าอกกับความเสียใจของตน

“นี่เราจะพูดจาดี ๆ กันสักครั้งไม่ได้รึไง  ผมก็ขอโทษไปแล้วที่หลอกคุณ  คุณจะให้ผมทำอะไรอีก  บอกมาสิ  แล้วก็เลิกทำตัวแบบนี้สักที”

เกรซยังคงไม่มองหน้าคู่หมั้นของตน ใครกันแน่ที่ไม่พูดจาดี ๆ เขาเป็นฝ่ายต่อว่าเธอก่อนทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

แรงบีบที่แขนเพิ่มขึ้นทำให้เกรซต้องนิ่วหน้า แต่เธอไม่ยอมร้องออกมาอีก ได้แต่กัดฟันไว้

“คุณ ปล่อยมือเถอะ ไม่เห็นเหรอว่าคุณเกรซเจ็บน่ะ” พร้อมกับคำพูดนั้น มือของใครอีกคนจับแขนของแคนไว้เพื่อให้หยุด

“ชิน!!” 

เกรซครางเสียงเบา  ตกใจที่เห็นชินเข้ามาห้าม  เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร  เธอเหลือบตามองคู่หมั้นตัวเองด้วยดวงตาหวั่น ใบหน้าของแคนนิ่งแต่ดวงตาราวกับกำลังมีไฟสุมอยู่ในนั้น 

เขากำลังโกรธจัด!

“ผมไม่ได้ต้องการรบกวนพวกคุณ  แค่ไม่อยากให้คุณทำร้ายผู้หญิง”

ชินเอ่ยขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ชายหนุ่มสองคนสบตากันอย่างท้าทาย  เธอเห็นแคนกัดฟันเหมือนข่มอารมณ์  แต่ในที่สุดเขาก็ปล่อยแขนเธอ นักร้องหนุ่มหันมายิ้มให้เกรซก่อนจะเอ่ยลา

“หมดธุระของผมแล้ว  ขอตัวครับ” 

เกรซลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อชินหันหลังเดินจากไปด้วยท่าทีปกติ  แต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องใจหายวาบเมื่อสบตาคนตรงหน้า  แคนมองเธออยู่  แววตาเขาทั้งโกรธและเจ็บปวด  เขากำหมัดแน่น ไม่มีใครพูดอะไรต่อไป  เกรซก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วกับสถานการณ์อย่างนี้

ในที่สุดแคนก็เอ่ยขึ้น

“คุณคงรังเกียจผมมากใช่ไหม  คุณยิ้มแย้มพูดคุยกับทุกคน  แต่กับผม  คุณแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง  มันคงลำบากใจมากสินะที่ต้องหมั้นกับคนอย่างผม”

เกรซกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคู่หมั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขาไม่โวยวาย  ไม่ต่อว่าอะไรเธออีก  เธอเห็นเขาสูดลมหายใจลึกราวกับรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เธอไม่คาดคิด

“ผมจะปล่อยคุณไปก็ได้  ถ้าคุณเจอใครที่ดีกว่าผม  ถ้านักร้องนั่นดีกว่าผม ถ้าคนคนนั้นดีพอที่จะทำให้พ่อกับแม่คุณสบายใจผมจะถอนหมั้นให้” 

ทั้งที่เธอควรจะดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น  แต่ทำไมเธอกลับปวดร้าวจากคำพูดของเขา

แคนพูดแล้วก็หันหลังเดินจากไป




“หลังจากวันนั้นเขาก็หายไป  เราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโกรธ  เราไม่รู้จะทำยังไงแล้วพีท  เราพยายามทำทุกอย่างให้ดีแล้วทั้งที่เราไม่มีความสุขเลย เราจะทนไม่ไหวแล้ว”

เกรซพูดเสียงเครือ  น้ำตาเธอเจียนหยดแล้ว  มือเรียวรีบยกขึ้นปาดมันทิ้งรวดเร็ว

พีทได้แต่นั่งนิ่งเมื่อได้รับรู้เรื่องราว  รู้สึกเห็นใจเพื่อนอย่างมาก เกรซไม่เคยมีท่าทีเจ็บปวดต่อหน้าเขาแบบนี้มาก่อน  เขาเอื้อมมือวางบนหลังมือของเกรซบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

“เราทนไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว  แต่...”
 
เกรซก้มหน้า  กำมือแน่นอย่างชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่  สิ่งที่เธอคิดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา  เธอไม่เห็นหนทางใดแล้ว แต่เธอไม่กล้าเอ่ยเพราะ

...เพราะมันเกี่ยวข้องกับคนที่นั่งตรงหน้าเธอนี้โดยตรง

พีทมองท่าทีอึดอัดพูดไม่ออกของเพื่อน  เข้าใจสถานการณ์นี้ทันที

“เกรซคิดว่าคนที่ดีพอที่จะทำให้พี่แคนยอมถอนหมั้นคือเราใช่ไหม?”

เขาเอ่ยถามทั้งที่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้อง   

พีทเข้าใจ  เกรซคงมองไม่เห็นใครอื่นแล้วที่จะดีพอให้พี่แคนยอมถอนตัวไป 

เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่เกรซคงไม่ยอมแน่ถ้าเกรซจะแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสม   และเขาก็ดีเพียงพอที่จะดูแลลูกสาวของพวกเขาได้  เขากับเกรซเคยถูกวางตัวจะให้หมั้นหมายกันมาก่อนด้วยซ้ำ  แต่ตอนนั้นพวกเขารู้สึกต่อกันอย่างเพื่อน  อีกอย่างเกรซก็รู้ว่าเขาคงรักใครไม่ได้อีกแล้วในเมื่อความรักของเขามันเป็นไปไม่ได้  วันหนึ่งข้างหน้าเขาก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนเช่นกัน   

ดังนั้นความต้องการของเขากับเกรซคือสิ่งเดียวกัน

“ชะ ใช่  พีท...”   เกรซเงยหน้ารวดเร็วเมื่อพีทพูดเช่นนั้น   

“เรา เรา ไม่รู้จะทำยังไงแล้วพีท เราไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากนาย แต่เราอยากขอร้องให้นายช่วย...”

“ไม่เป็นไรหรอก  เราจะช่วยเธอเอง” พีทยิ้มให้  อย่างน้อยเขากับเกรซก็เป็นเพื่อนกัน  มันคงไม่ยากเท่าไร

เกรซกลับน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเขาตอบตกลง  เธอคิดกังวลอยู่นานหลายคืน  แต่พีทกลับตกลงใจอย่างง่ายดาย  เขาทำเหมือนกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา เธอเข้าใจดี  เพราะพีทไม่เหลือหัวใจจะให้ใคร ไม่เหลือหัวใจจะเจ็บปวดอีกแล้วสินะ
 
“พีท  เราขอบใจมากที่ยอมช่วยเรา  เราเหมือนเอาเปรียบนาย  วันหนึ่งข้างหน้าถ้าเกิดนายไปรักใคร  นายบอกเรานะ  เราจะหลีกทางให้” 

“บ้าน่า เธอก็รู้ว่าเราคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว” เขาตอบเกรซเสียงเศร้าเมื่อกลับมานึกถึงเรื่องของตัวเอง

พวกเขาเงยหน้ามามองกัน   สบตากันอย่างเข้าใจ

พีทมองหน้าเพื่อนแล้วนึกไปถึงคู่หมั้นของเกรซ  หวังว่าพี่แคนคงไม่โกรธเขา  แม้จะรู้ว่าพี่แคนคิดอย่างไรกับเพื่อนเขา  ถ้าเกรซไม่ได้รักพี่แคนเธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้  แต่เขาต้องมั่นใจเสียก่อน

“เกรซ  เราถามตามตรงนะ  คิดยังไงกับพี่แคน?”

ใบหน้าแสดงความตกใจของเกรซทำให้เขาถึงกับขำ  แต่เพียงไม่นานหน้าสวยคมนั้นก็เริ่มมีเลือดฝาด  เหมือนหัวใจกำลังเต้นแรงสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย  เกรซไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหน้าแดงเพียงใด  แล้วท่าทีอึกอักพูดไม่ออกแบบนี้ทำให้เขานึกไปถึงตอนที่เขาถามคำถามนี้กับพี่แคน 

อาการเดียวกัน!

“ชอบพี่แคนรึเปล่า” 

เขาถามย้ำอีก  ยิ่งทำให้เกรซทำตัวไม่ถูกมากขึ้น เธอก้มหน้านิ่ง

“เอ่อ...ไม่ ไม่รู้เหมือนกัน” ในที่สุดสาวน้อยก็ตอบออกมาเสียงเบาหวิว เหมือนไม่แน่ใจตัวเอง

“เอาแบบนี้ดีกว่า  เราเปลี่ยนคำถามนะ  ถ้าเกิดพี่แคนเค้าชอบเธออย่างจริงใจ  เธอจะว่าไง  จะยอมยกโทษ  จะให้โอกาสเขาไหม”

“เราไม่รู้  นายนั่นจะคิดอะไรกับเราล่ะ  เขาเห็นเราเป็นแค่ตัวตลกที่จะหลอกอะไรก็ได้  นึกจะทำอะไรก็ทำไม่เคยสนใจสักนิดว่าเราจะคิด  จะรู้สึกยังไง  แล้วเราก็ไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไงอีกแล้ว  เราอยากเป็นอิสระ”

“จะไม่ให้โอกาสพี่แคนหน่อยหรือ  มันก็เหมือนให้โอกาสตัวเองด้วยนะ  ถ้าวันหนึ่งเธอรู้สึกดีกับพี่แคน  ทุกอย่างก็จะลงตัว  เธอก็จะได้รักคนที่พ่อแม่ต้องการ”  เขาพยายามโน้มน้าว

'ถ้านายแคนมีความรู้สึกดี ๆ กับเธองั้นหรือ?  การกระทำแบบนั้นหรือที่แสดงออกว่าเขามีความรู้สึกดีต่อเธอ  อีกอย่างนายนั่นก็ไม่เคยพูด'

คำพูดของเพื่อนทำให้ความคิดเกรซต่อสู้กันอยู่ภายใน  ความดื้อดึงทำให้เธอยังดึงดันที่จะหลีกหนีโดยที่ไม่ยอมคิดตรึกตรองสิ่งใดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

ความเงียบของเกรซคือคำตอบ  เธอก้มหน้านิ่ง
 
“คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้  แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เสียใจทีหลังน่ะ”  พีทถามย้ำอีกครั้ง

“เราแน่ใจ”

----------------------------------------



คนที่นั่งเงียบ ๆ ที่ชานหน้าบ้านริมสระถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังทำลายความเงียบในเวลาดึกสงัดเช่นนี้   

เขาวางแก้วเหล้าที่ถืออยู่ในมือลงแล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

จากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง  ร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาในผับประจำที่เขามักนัดกับแคนเสมอ  แคนขอร้องให้เขามานั่งเป็นเพื่อนโดยที่ไม่อธิบายอะไรซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที   

สภาพเพื่อนรุ่นน้องดูโศกเศร้า  ทันทีที่เขาทรุดตัวนั่งลงแคนก็เอ่ยทันที

“พี่  ทำไมน้องพี่ทำแบบนี้ล่ะ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่  ผมทนไม่ไหวแล้วนะ ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกันไม่ได้คิดอะไรไง  แล้วนี่มันอะไรกัน  ทำไมพี่ปล่อยให้น้องพี่ทำอะไรแบบนี้  ทำไมพี่ไม่ห้ามล่ะ” 

“เฮ้ย  อะไรกัน  แคน  นายค่อย ๆ พูดสิ มันเรื่องอะไรกัน”

“นี่พี่ยังไม่รู้หรือ...” 

เสียงแคนเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนตั้งสติ  ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมดแล้วจึงเริ่มต้นเล่า

ช่วงเย็นที่ผ่านมาพีทกับเกรซนัดเจอเขา  แคนเล่าน้ำเสียงปวดร้าวว่าทั้งคู่ดูใกล้ชิดกันเป็นพิเศษ  พูดคุยหยอกล้อกันราวกับเป็นคนรักกัน โดยไม่สนใจใครทั้งนั้นแม้แต่เขาที่เป็นคู่หมั้น   ทั้งที่เขาเคยบอกไปแล้วว่าเขาไม่ชอบให้เธอพูดคุยกับคนอื่น 

แต่สิ่งที่เกรซเอ่ยออกมากลับทำให้เขาปวดร้าวยิ่งกว่า  ร่างกายชาไปหมดเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด



“คุณเคยบอกว่าถ้าเกรซเจอคนที่ดีกว่า  คุณจะยอมถอนหมั้น”   

“เกรซกับพีทตกลงกันแล้วค่ะ  พวกเราจะหมั้นกัน”   
 
“อะ  อะไรนะ  ไหนพีทบอกว่าเป็นเพื่อนกันนี่  แล้วจะหมั้นกันได้ยังไง” 

“ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่คะ คราวก่อนชั้นยังหมั้นกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนได้เลย  คราวนี้คนที่จะหมั้นด้วยรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว  เมื่อก่อนผู้ใหญ่ก็เคยเห็นดีเห็นงามจะให้หมั้นกันด้วยซ้ำ  พีทเขามาก่อนคุณนะ”     




คนที่ได้ยินข่าวนั้นถึงกับนิ่งไปนาน  เจ็บปวดแทบขาดใจ มือกำแน่น  กัดฟันจนเป็นสันนูน

พีทกับเกรซจะหมั้นกัน!  ตั้งแต่เมื่อไร  ไม่จริงใช่ไหม  แคนต้องพูดเล่นแน่ ๆ

ภาพสองหนุ่มสาวที่โน้มตัวเข้าหากันพลางกระซิบกระซาบอย่างใกล้ชิดในสวนกุหลาบวันก่อน  ภาพที่ยังติดตารบกวนจิตใจทำให้เขาปวดใจอยู่ลึก ๆ  ทั้งที่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน  ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าพีทไม่ได้มีใจกับใครอื่น  ทั้งที่เขาเป็นคนปฏิเสธน้องแต่เขาก็ยังเจ็บปวด   

เย็นนี้ที่พีทออกไปเพราะนัดเกรซไว้สินะ  พีทกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

เขาข่มใจจนสุดความสามารถก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรุ่นน้อง

“แคน  แล้วนายว่ายังไง”   

น้ำตาไหลจากหางตาแคนช้า ๆ แต่แคนไม่สนใจจะเช็ดมัน  เขาก้มหน้าต่ำก่อนจะตอบ

“ก่อนหน้านั้นผมไปหาเขาที่ร้าน  ผมเห็นเขานั่งคุยกับพีทอยู่นาน  พอพีทกลับออกไป  นักร้องคนใหม่ก็นั่งลงแทนที่  นั่นคู่หมั้นผมนะพี่  ตอนนั้นผมโกรธที่เขาคุยกับคนอื่นแต่ทำเฉยเมยกับผม  ผมไม่ชอบใจที่เห็นเขาพูดกับใคร”

“ผมเป็นคนพูดกับเขาเองว่าถ้าเขาเจอคนที่ดีกว่าผม คนที่พ่อแม่เขายอมรับ  ผมจะยอมถอนหมั้น  แต่ผมไม่คิดเลยว่าสองคนนั่นจะทำแบบนี้”

“จะให้ผมปฏิเสธได้อย่างไร  เพราะผมเป็นคนพูดเอง แล้วพีทเองก็เหมาะสมกับเกรซทุกอย่าง  ผมไม่รู้จะทำไงแล้วเหมือนกัน  พี่ช่วยอะไรผมได้ไหม  ช่วยพูดกับพีทให้ยกเลิกได้ไหม  ผมเครียดจะตายอยู่แล้ว”

----------------------------------

มีต่อค่ะ






 :mew1: :mew1: :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2014 10:05:20 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
50. ตัดสินใจ (ต่อ)



สายลมเย็นของฤดูหนาวพัดผ่านมาวูบหนึ่งทำให้ร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้นอนตัวโปรดที่ชานหน้าบ้านต้องกอดตัวเองแน่นขึ้น   

พีทนั่งครุ่นคิดอยู่ตรงนี้มานานแล้วหลังจากปรึกษากับเกรซทางโทรศัพท์เรื่องที่พวกเขาตัดสินใจร่วมกัน   

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าดำมืดเบื้องบน  ความคิดหมุนวนไปมาถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่  เขากำลังทำอะไร?  สิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม? 
 
‘เฮ้อ’  พ่นลมหายใจยาวเพียงลำพัง  ทำไมชีวิตมันถึงได้ยากขนาดนี้

เมื่อวานที่นัดเจอกับพี่แคน  พี่แคนมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดเมื่อได้รู้ว่าเขาตกลงใจจะหมั้นกับเกรซ   ทั้งที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าพี่แคนรู้สึกอย่างไรกับเกรซ  พี่แคนพยายามข่มอารมณ์ของตนไว้ก่อนจะขอเวลากับเกรซสักระยะก่อนจะตัดสินใจ  และรับปากว่าจะเป็นฝ่ายบอกผู้ใหญ่ด้วยตัวเอง
 
เขาเองก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้พี่แคนเจ็บปวด   แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองแล้วเช่นกัน  ตอนนี้เขาเหมือนคนที่เดินอยู่ท่ามกลางความมืดมิด  มองหาทางออกเท่าไรก็หาไม่เจอ ได้แต่คลำมะงุมมะงาหราไปตามสัญชาตญาณ

พีทนั่งอยู่นาน  จนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนเพื่อกลับเข้าห้องตนเอง  แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นพี่ฮั่นยืนอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

หลังจากวันที่เขาคุยกับพี่ฮั่นหน้าห้องนอน  เขาก็แทบไม่มองหน้าพี่ฮั่นอีกเลย  ต่างคนต่างก็หลบหน้ากัน  แต่คราวนี้พี่ฮั่นกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา

พีทเคยคิดว่าทำใจได้แล้วที่จะเลิกสนใจพี่ฮั่นอีกต่อไป  แต่เพียงแค่เห็นพี่ชายยืนอยู่หัวใจที่คิดว่าด้านชาไปแล้วกลับเต้นผิดจังหวะ  ปวดแปลบไปเสียทุกครั้งที่มันเต้นแรง

“มีความสุขจริงนะ” คนที่ยืนอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้น 

เขายืนมองพีทคุยโทรศัพท์มานานแล้ว  ทั้งที่ดูออกว่าทั้งสองคนนี้ต้องวางแผนกัน  แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ชอบใจเลยที่เห็นพีททำแบบนี้  ทั้งที่เคยบอกตัวเองว่าพีทต้องมีอนาคตที่ดี  มีคนที่คู่ควร  คนที่เหมาะสมกันทั้งฐานะและสถานภาพทางสังคม  แต่ตัวเขาเองกลับทนไม่ได้แค่รู้ว่าพีทจะหมั้นกับเกรซ  เขาก็ปัดความคิดนี้ออกจากสมองไม่ได้เลย  เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา  เลิกคิดไม่ได้แม้สักวินาที  กระทั่งข่มตานอนยังทำไม่ได้  แววตาว่างเปล่าของพีทคอยตอกย้ำเขาอยู่ตลอดเวลา  พีทคงไม่เหลือพื้นที่สำหรับเขาแล้ว 

เจ็บปวดเมื่อรู้ว่าสิ่งที่น้องตัดสินใจนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ห้าม  เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาใช้ย้ำเตือนตัวเองตลอดมาเช่นกัน   

หัวใจที่เต้นอย่างอ่อนแรงลงทุกขณะทำให้เขาตระหนักตอนนี้เองว่ามันไม่ง่ายเลย

“ครับ” 

พีทตอบอย่างไม่ยี่หระ ไม่ยอมมองหน้าเขา  คำตอบของน้องยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

“อย่าทำแบบนี้เลยพีท  สงสารแคนน่า”   

พีทไม่แปลกใจที่พี่ฮั่นรู้เรื่องนี้  พี่ฮั่นควรจะยินดีที่เห็นเขาได้เจอคนที่เหมาะสม

“มันก็อยู่ที่พี่แคนนั่นแหละ  ถ้าพี่แคนไม่มีใจกับเกรซก็ควรถอนหมั้นไปเสีย”

“พีทก็น่าจะรู้ว่าแคนคิดยังไงกับเกรซ  ทำแบบนี้ไม่ดีเลย”

“ใช่  ผมรู้ว่าพี่แคนคิดอย่างไรกับเกรซแต่เกรซไม่รู้นี่  พี่แคนไม่ยอมบอกอะไรเอง  ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”  พีทว่าแล้วก็เดินเลี่ยงไป  เขาไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรกับพี่ฮั่นอีก 

“เดี๋ยว  พีท”  พี่ฮั่นเดินเข้ามาขวางเขาไว้

พีทยืนนิ่งแต่ยังไม่ยอมมองหน้า  เสไปมองพื้นข้าง ๆ แทน

“เลิกทำแบบนี้เถอะ  เห็นแก่แคน”

“ผมบอกแล้วไงว่ามันอยู่ที่พี่แคน  ถ้าพี่แคนรักเกรซพี่แคนก็ควรทำให้เกรซเข้าใจว่าพี่แคนรู้สึกยังไง  แต่ถ้าไม่  พี่แคนก็ควรถอนตัวไป”

“ถ้าพี่แคนขี้ขลาดมากนัก  ก็ไม่คู่ควรกับเกรซหรอก”  เขาพูดแล้วมองตรงไปยังดวงตาของพี่ชายอย่างจะย้ำ

“พ่อแม่ของเกรซไม่ยอมหรอก”  พี่ชายใช้ผู้ใหญ่มาเป็นข้ออ้าง

“ทำไมจะไม่ยอม   ผมด้อยกว่าพี่แคนตรงไหน   พ่อแม่ของเกรซไม่สนหรอกว่าจะเป็นใคร   ขอแค่ดูแลลูกสาวของเขาได้ดี  มีฐานะทัดเทียมกัน  มีเกียรติเหมือนกัน  จะเป็นผมหรือพี่แคนก็คงไม่ต่างกัน”   

“ยังไงเกรซก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนอยู่ดี   มันคงจะดีกับเกรซถ้าคนที่เธอต้องแต่งด้วยเป็นผม  เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกัน  พ่อของเราก็เคยอยากให้เราหมั้นกันมาก่อนด้วยซ้ำ  มันไม่ยากสำหรับเราหรอก  เพราะถึงแม้เราไม่ได้รักกันแต่เราก็อยู่ด้วยกันอย่างเพื่อนได้” 

พีทคิดอย่างนั้นจริง ๆ  เขากับเกรซเป็นเพื่อนที่เข้าใจกันและกันดี  จนเขาคิดว่าถ้าเป็นเกรซ   เขาคงจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอได้ไม่ยาก  เกรซก็คิดเช่นนั้น  ในเมื่อผู้ใหญ่ต้องการให้เธอมีคนดูแล  พีทดูจะเป็นคนที่เธอสบายใจที่สุด  พวกเขาตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตตามที่ใจปรารถนาโดยไม่ก้าวก่ายกันและกัน 

วันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาอาจจะรักกัน

“พีท  นายจะบ้ารึไง  นายไม่ได้รักเกรซ!” 

คนพี่พูดเสียงสั่น  กำมือแน่นอย่างพยายามควบคุมตัวเอง  เขาอยากจับตัวพีทมาเขย่าแรง ๆ  สักสองสามทีแล้วสั่งให้เลิกทำตัวแบบนี้ซะ  แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์

“ใช่!  พี่ก็รู้ดีนี่ว่าผมรักใคร!”

พีทแทบตะคอกประโยคนั้นใส่คนตรงหน้า  พี่ฮั่นเป็นคนปฏิเสธเขาเอง  แล้วจะมีปัญหาอะไรถ้าเขาจะหมั้นกับคนอื่น 

เขาเห็นพี่ฮั่นนิ่งไปนิด  แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่านี้อีก  เขากลับเป็นฝ่ายที่เจ็บปวด 

ทำแบบนี้พี่ฮั่นคงยินดีกับเขาสินะ

เสียงพี่ฮั่นถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“นี่พีทประชดพี่ใช่ไหม”

“เปล่าครับ  ทำไมพี่คิดว่าผมจะประชดพี่ล่ะ  ผมพูดจริง  ผมรู้ว่ายังไงเรื่องของผมมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ผมเป็นทายาทของตระกูล มีหน้าตา มีชื่อเสียงต้องรักษา  ผมต้องคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่าตัวเอง” 

พีทใช้คำพูดของพี่ฮั่น  คำพูดที่เขาฟังจนเบื่อ  สิ่งที่พี่ฮั่นพร่ำบอกเขา

“ผมขอตัวไปนอนก่อน  ราตรีสวัสดิ์ครับ...” 

“...พี่ชาย...”

ท้ายประโยคเขามองตรงไปที่พี่ฮั่น   ย้ำคำนั้นให้คนเป็นพี่ได้ยิน  คำที่ตอนนี้เขาเกลียดมัน  คำที่ทิ่มแทงจิตใจเขา 

คราวนี้พี่ฮั่นปล่อยให้เขาเดินเข้าบ้านไปโดยไม่ขัดขวางอะไรเขาอีก



‘พี่ชาย’ ยืนกำหมัดแน่น ฟันขบกันจนเป็นสันนูน

ทำไม  ทำไมมันถึงเจ็บปวด  เจ็บทั้งที่เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว  แต่ทำไมเขาไม่มีความสุขเลย  เขาเคยคิดว่าเขาทนได้ที่จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในใจ  เพื่อตอบแทนบุญคุณของลุงคริส  เพื่อครอบครัวของเขา

แต่ตอนนี้เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว 

-----------------------------------



ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอตอนต่อไปครับ   

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
“ถ้าพี่แคนขี้ขลาดมากนัก  ก็ไม่คู่ควรกับเกรซหรอก” 

ประโยคนี้ น่าจะเหมาะกับพี่ฮั่นด้วยนะ อิอิ
เป็นไงล่ะ เจ็บมั้ยล่ะพี่ฮั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
จะให้บอกมั้ยว่าสมน้ำหน้า แคนก็ด้วยถ้ายังไม่ทำอะไรให้ชัดเจนก็สมน้ำหน้าด้วยอีกคนเอาแต่นั่งฟูมฟายแต่กลับไม่ทำอะไรเลย เอาพ่อแม่มาผูกมัด แต่กลับไม่ใช้หัวใจตัวเองผูกมัด

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
แปะไว้ก่อนค่ะ

เดี๋ยวสอบเสร็จมาอีดิทนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เฮ้อออออออออออออออ พูดไรไม่ออก
เมื้อไหร่จะดราม่าหมดนะ อ่านละใจจะขาดตามแต่ละคน

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
51. เหตุผลหรือความรู้สึก


ร่างสูงใหญ่ยันกายขึ้นนั่งบนเก้าอี้นอนริมสระ  เขายกมือลูบหน้าตัวเองพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  ตั้งแต่พูดกับพีทเมื่อคืน  เขาก็หมดแรงจะคิดทำสิ่งใด  ทำได้เพียงทรุดตัวนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ขยับไปไหน จิตใจว้าวุ่นแม้แต่จะข่มตานอนก็ทำไม่ได้ ได้แต่นั่งปล่อยจิตใจให้ลอยไปเรื่อยเปื่อย  จนกระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มจับที่ขอบฟ้า
 
พีทกับเกรซจะหมั้นกัน....คำพูดของน้องชายยังคงก้องอยู่ในหัวเขา พีทบอกอย่างไม่แคร์ว่าใครจะต้องเจ็บปวดจากการตัดสินใจของตัวเองบ้าง ไม่เฉพาะแคนที่เสียใจ  เขาเองก็ปวดร้าวไม่แพ้ใคร 


“ผมบอกแล้วไงว่ามันอยู่ที่พี่แคน ถ้าพี่แคนรักเกรซ พี่แคนก็ควรทำให้เกรซเข้าใจว่าพี่แคนรู้สึกยังไง  แต่ถ้าไม่  พี่แคนก็ควรถอนตัวไป”

“ถ้าพี่แคนขี้ขลาดมากนัก ก็ไม่คู่ควรกับเกรซหรอก” 



พีทพูดถูกทีเดียว  ถ้ารักก็ต้องบอกให้รู้  แต่พีทไม่เคยรู้เพราะเขาไม่เคยบอก  เขามันขี้ขลาด แม้พีทจะเคยถาม เขาก็กลับโกหก เพียงเพราะต้องการรักษาครอบครัว  เพราะเขาไม่อยากทำลายอนาคตที่งดงามของน้อง  พีทยังมีสิ่งที่ดีรออยู่


“ทำไมพี่คิดว่าผมจะประชดพี่ล่ะ  ผมพูดจริง  ผมรู้ว่ายังไงเรื่องของผมมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมเป็นทายาทของตระกูล ผมมีหน้าตา มีชื่อเสียงต้องรักษา  ผมต้องคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่าตัวเอง”

“พี่ชาย” 



ใบหน้าของพีทขณะที่เอ่ยคำนี้ตอกหน้าเขาเมื่อคืนยังติดตาเขาอยู่  น้องเรียกเขาว่าพี่ชาย  และเขารู้แน่ชัดว่าพีทหมายความตามที่พูดจริง ๆ 

ขณะนี้เขาเป็นเพียงแค่พี่ชาย   พี่.... 

นี่มันสายไปแล้วใช่ไหม  เขาปล่อย ‘พีทของเขา’ ให้หลุดมือไปแล้วใช่ไหม 

‘พีท....’  ได้แต่พร่ำเรียกชื่อนี้อยู่ในใจ

แรมโบ้ที่นอนอยู่ไม่ห่างเดินมานั่งใกล้เก้าอี้  ยกหัวอันใหญ่โตของมันมาวางบนเข่าของเขา  เหลือบตาสีน้ำตาลของมันขึ้นจ้องมองราวกับรู้ว่าเขากำลังไม่สบายใจ  เขาลูบขนนุ่มของมัน   ดวงตาเหม่อไปยังสระน้ำด้านหน้า
 
 
“พี่ก็รู้ดีนี่ว่าผมรักใคร”


ไม่ มันยังไม่สายเกินไป สิ่งที่เขาปล่อยให้หลุดมือไป เขาจะไขว่คว้ามันกลับมา  ถ้าพีทหมดรักเขาแล้ว  เขาก็จะทำให้น้องกลับมารักเขาเหมือนเดิม

เขาปล่อยมือจากแรมโบ้ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน

-------------------------------------



“โดม  นายอยู่ไหน” คำถามนี้แปลว่า  ‘พีทอยู่ที่ไหน  ทำอะไรและเป็นอย่างไร’

“ผมกับพีทมาเตรียมงานแต่งงานของลูกชายหัวหน้าพรรคอยู่ที่ศูนย์ประชุมครับ  กินข้าวเรียบร้อยแล้ว พีทก็เหมือนเดิมครับ”

โดมตอบมาเป็นชุดโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามซ้ำ  เพราะเขาต้องตอบคำถามนี้ทุกวัน  วันละหลายครั้ง

“ขอบใจนะ” 

รองประธานเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า  ใบหน้ากลับไปเคร่งเครียดกว่าตอนก่อนที่จะโทรศัพท์หาโดม  เขาลืมไปว่าเย็นนี้มีงานแต่งงานลูกชายของคุณโทนี่ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ลุงคริสเป็นสมาชิกอยู่และเย็นวันนี้ลุงคริสต้องมาร่วมงานด้วย

‘พีทจะบอกลุงคริสเรื่องที่จะหมั้นกับเกรซรึเปล่านะ’ 

เขารู้ดีว่า แม้ลุงคริสจะเดินทางบ่อย  ทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชายเท่าไร  แต่พ่อลูกก็ไม่เคยห่างไกลกัน  พวกเขารักและสนิทกันมาก  ลุงคริสรู้ทุกเรื่องของลูกชายและมักจะนำมาเล่าให้เขาฟังเสมอ   

เขามัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยไม่รู้ตัวเลยว่าได้เดินลงมาจนกระทั่งถึงสวนน้ำตกบริเวณหน้าศูนย์ประชุมแล้ว  ฮั่นเดินเข้าไปในสวนน้ำตกขนาดใหญ่  หยุดยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่ง

สวนนี้สร้างเป็นน้ำตกจำลองขนาดใหญ่สูงราวห้าเมตร  มีธารน้ำไหลวนไปรอบสวน  บริเวณนี้ปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้จนแน่นขนัด  บนคาคบไม้มีกล้วยไม้ป่าออกดอกสีสันสวยงามแปลกตา  เสียงน้ำตกสร้างบรรยากาศเสมือนอยู่ท่ามกลางป่าเขา  ละอองน้ำจากน้ำตกแตกกระจายสะท้อนแสงแดดเป็นสีรุ้ง 

บรรยากาศที่งดงามไม่ได้ทำให้ใจที่ร้อนรุ่มของเขาสงบลงได้เลย

ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังคนกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังวุ่นวายเตรียมงานแต่งงาน  ร่างสูงที่คุ้นตาเขาเดินติดต่องานไปมาไม่หยุดพัก  เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่แบบนี้ 

ตั้งแต่คืนวันนั้นที่พีท ‘หันหลัง’ ให้เขา  พวกเขาแทบไม่ได้เจอกันเลย  เขาพยายามหลบหน้าน้องเพราะความรู้สึกผิดที่ต้องโกหก  ทำให้น้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่พีทกลับเปลี่ยนไป   พีทไม่ได้มีท่าทีเสียใจอะไรเลย  กลับมีใบหน้าเรียบเฉย  ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด พีทพูดคุยกับเขาเฉพาะเรื่องงาน  ส่วนเรื่องอื่นกลับกลายเป็น ‘เรื่องส่วนตัว’ ทั้งสิ้น  ท่าทีเฉยชาเช่นนี้เป็นกับเขาคนเดียวเท่านั้น  กับคนอื่นพีทก็ยิ้มแย้มพูดคุยตามปกติดูจะร่าเริงกว่าเดิมด้วยซ้ำ   

เขาไม่คาดคิดเลยว่าท่าทีที่แปลกไปของน้องชายจะตามมาด้วยการตกลงหมั้นกับเกรซ   สิ่งนี้บีบหัวใจเขาตลอดเวลาตั้งแต่ได้รู้ข่าว   ปวดร้าวราวกับถูกใครเด็ดหัวใจไป   แล้วเมื่อคืนนี้พีทที่เผชิญหน้ากับเขาก็พูดถึงการหมั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ราวกับว่าเรื่องระหว่างเขากับน้องไม่เคยเกิด  วันนั้นในห้องออกกำลังกายราวกับฝันไป  บางทีพีทคงจะตัดเขาออกจากชีวิตไปแล้ว
 
เขาหันกลับไปที่หน้าห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง  เด็กฝึกงานเพียงสองคนของแผนกจัดประชุมต่างทำหน้าที่อย่างแข็งขัน   โดมกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยทั่วไป  ในมือมีแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ หนุ่มร่างอวบเดินมาคุยอะไรบางอย่างกับพีทท่าทางเครียด จากนั้นพีทจึงกดโทรศัพท์หาใครบางคนด้วยสีหน้าเป็นกังวล   

แม้จะยืนอยู่ในระยะไกลแต่เขาก็สังเกตได้ว่าทั้งคู่คงจะเหนื่อยและร้อนมาก  โดมยืนมองพีทโทรศัพท์  มือก็พับแขนเสื้อเชี้ตขึ้นเหนือศอกไปด้วย  เนคไทถูกรูดเก็บไปแล้ว  หนุ่มร่างอวบปลดกระดุมเปิดคอเสื้อให้กว้างเพื่อระบายความร้อน  ด้านหลังเสื้อเชิ้ตของโดมเปียกเหงื่อจนชุ่ม น้องชายเขาก็เช่นกัน  ดูท่าทางพีทคงจะร้อนมากเพราะเหงื่อไหลเป็นทางจากหน้าผากลงมาตามใบหน้า  หายเข้าไปในเสื้อเชิ้ตที่ยังติดกระดุมมิดชิด

เห็นอาการเช่นนั้นแล้วเขาก็นึกสงสารที่เห็นน้องวิ่งวุ่นไปมา  พีทเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงแรม กลับต้องมาจัดเตรียมงานแต่งงานซึ่งมีแต่รายละเอียดปลีกย่อยมากมายจนเหน็ดเหนื่อย  แล้วช่วงนี้อากาศก็อบอ้าวผิดปกติ   ดูเหมือนกำลังจะมีพายุใหญ่ภายในวันสองวันนี้  เขาล้วงโทรศัพท์ออกจากเสื้อสูทกดหาผู้จัดการแผนกจัดประชุม

“คุณเฉินครับ   ผมขอตัวพีทขึ้นมาช่วยงานหน่อยครับ  ครับ รายงานสรุปผลการดำเนินการประชุมผู้นำเศรษฐกิจที่ผ่านมาพีทเป็นคนทำ  แล้วพอดีมีปัญหานิดหน่อย ใช่ครับ  ตอนนี้ครับ  ให้โดมมาด้วยก็ดีครับจะได้ช่วยกัน   ขอบคุณครับ” 
 
วางสายแล้วก็กดโทรศัพท์อีกครั้ง

“คุณเดซี่ อีกสักพักพีทกับโดมจะขึ้นไปที่ห้องผมนะครับ ให้เขารอผมอยู่ที่นั่นก่อน  เดี๋ยวผมจะขึ้นไป  ขอบคุณครับ”

จากนั้นจึงหันหลังเพื่อกลับเข้าห้องทำงานตัวเองเสียที แต่เมื่อหันมา เขากลับต้องตกใจเมื่อพบเฌอเบลล์ยืนอยู่ 

‘มาตั้งแต่เมื่อไร?’

“ยืนมองใครอยู่เหรอคะ” 

ริมฝีปากสีสดนั้นถาม  เฌอเบลล์ยิ้มหวาน  แววตารู้ทัน 

เธอเห็นพี่ฮั่นมายืนอยู่ตรงนี้ก็แปลกใจเพราะปกติพี่ฮั่นจะทำงานอยู่ที่สำนักงาน  หรือไม่ก็ออกไปพบลูกค้ามากกว่าจะมายืนคุมงานเองแบบนี้  เธอจึงแอบย่องเข้ามาดูว่าพี่ฮั่นดูอะไรอยู่  แต่เมื่อมองตามสายตาของพี่ฮั่นก็ทำให้เธอยิ้มออกมา
 
คนถูกถามถอนหายใจหนักหน่วง  พูดไม่ออกเสียเฉย ๆ  ทำให้เฌอเบลล์แปลกใจ

“พี่ฮั่นเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหมู่นี้พี่ฮั่นดูเครียดจัง น้องพีทอีกคน หายหน้าหายตาไปเลย  เบลล์กลับจากญี่ปุ่นตั้งหลายวันแล้วยังไม่เจอเลย คิดถึงจัง”

ดวงตากลมโตของเฌอเบลล์หันไปมองหนุ่มน้อยที่ทำงานอยู่อีกด้าน แกล้งส่งสายตาเจ้าชู้ไปทางโน้น

“เบลล์!”

คนที่ทำหน้าสลดอยู่หันหน้ามารวดเร็วเมื่อได้ยินว่าเฌอเบลล์คิดถึงน้องชาย

“โถ พี่ฮั่น พูดแค่นี้ก็หึงแล้ว  ถ้าหึงขนาดนี้แล้วทำไมยังปล่อยให้เรื่องคาราคาซังแบบนี้ล่ะคะ  สงสารน้องพีท”

“เบลล์ พูดอะไร” เขาอึกอักพูดไม่ออกเพราะคิดไม่ถึงว่าเฌอเบลล์จะคาดเดาอะไรได้มากมายขนาดนี้

“นี่  พี่ฮั่นคิดว่าไม่มีใครรู้  ไม่มีใครเห็นอะไรหรือไงคะ  พี่ฮั่นน่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว  แล้วเบลล์ก็ดูออกด้วยว่าน้องพีทน่ะก็รักพี่ฮั่นมากเหมือนกัน ทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้คะ  คิดมากเรื่องอะไร”

“ไม่มีอะไรหรอกเบลล์”   

‘อธิบายไปเฌอเบลล์ก็คงไม่เข้าใจเขาหรอก’


“แหม  อย่ามาทำกลบเกลื่อนหน่อยเลย  พี่ฮั่นไม่กล้าใช่ไหมล่ะ นั่นลูกชายคุณคริสนี่  เด็กอนาคตไกล  ทายาทคนเดียวของตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่  ลูกชายเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรมระดับโลก ลูกชายผู้ว่าการรัฐคนใหม่  โอ๊ย! พี่คิดเรื่องพวกนี้ใช่ไหมถึงไม่กล้าทำอะไรน่ะ” 

เฌอเบลล์กำมือตัวเองเขย่าอย่างไม่ถูกใจ  นี่ถ้าอยู่ในห้องทำงานเป็นสัดส่วนละก้อเธอคงกระทืบเท้าด้วยความขัดใจไปแล้ว  พี่ฮั่นช่าง ‘แสนดี’ อะไรอย่างนี้ 

“เบลล์ รู้?”

คนช่างแสนดีเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนและหุ้นส่วนสำคัญอย่างแปลกใจที่เฌอเบลล์มองเขาได้ทะลุปรุโปร่ง

“รู้สิคะ  ถึงแม้เบลล์จะเป็นคนนอก  แต่เบลล์ก็รู้จักพี่ฮั่นพอสมควร เบลล์รู้ว่าพี่ฮั่นเป็นคนยังไง ไม่งั้นเราคงเป็นเพื่อนกันต่อไม่ได้หรอกค่ะ ขนาดพี่ฮั่นไม่เคยสนใจเบลล์แท้ ๆ  เป็นผู้ชายคนอื่นเบลล์เชิดใส่ไปนานแล้ว” 

สาวสวยกลับมายืนกอดอกทำท่า ‘เชิด’ ใส่พี่ฮั่นให้ดูซะเลย 

เธอถอนหายใจแล้วหันกลับมาหาคนตรงหน้า  มองตรงเข้าไปในดวงตาของคนที่เป็นทั้งเพื่อนชายที่เธอเคยหลงใหล   พี่ชายที่เธอนับถือและเพื่อนร่วมงานที่เธอให้การยอมรับ

“พี่ฮั่นทำอะไรถูกต้อง มีเหตุผลทุกอย่าง ไม่เคยทำสิ่งใดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ พี่จึงไม่เคยทำอะไรผิดพลาด  แต่พี่ฮั่นลืมไปรึเปล่า..ว่าเรื่องความรักน่ะ  เหตุผลใช้ไม่ได้หรอกนะคะ  มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ  บางทีเหตุผลก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ....”

มือเรียวเล็กเอื้อมมาจับแขนพี่ฮั่นไว้  สายตาที่มองชายหนุ่มตรงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ

“เลิกคิดมากเถอะนะคะ  พี่ฮั่นน่ะกลัวอะไรไปหมด  คิดแทนคนอื่นไปหมด  ทำไมไม่ลองถามตัวเองบ้างว่าสิ่งที่พี่ฮั่นทำเพื่อน้องน่ะ น้องพีทต้องการรึเปล่า  แล้วสิ่งที่น้องพีทต้องการคืออะไร”

“พี่ฮั่นกลัวน้องพีทผิดหวังเสียใจเพราะเบลล์  ถึงได้คอยตามกีดกันไม่ให้เบลล์สนิทสนมกับน้องพีทใช่มั้ยล่ะ  พี่ฮั่นเป็นห่วงน้องทุกเรื่อง  พี่ฮั่นเห็นแก่อนาคตของน้องพีท” 

“แต่พี่ฮั่นรู้ไหม  ไม่ใช่เบลล์หรอกค่ะที่จะทำให้น้องพีทเสียใจ...” 


“คนที่จะทำให้น้องพีทเสียใจมากที่สุดคือพี่ฮั่นเองนั่นแหละ  รู้ตัวบ้างรึเปล่า”

------------------------------------------

 :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ขอให้ทุกอย่างสายไปเรียกร้องอะไรกลับคืนไม่ได้ สมน้ำหน้าไอ่พี่ฮั่นมาก

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ยกนิ้วให้เบลล์เลยอ่ะ
รีบง้อน้องเลยนะพี่ฮั่น อิอิ
งานนงนี้พีทจิว่าไงนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด