แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างบานเล็กในห้องแคบ
หนึ่งในเจ้าของห้องปรือตาน้อยๆ กระพริบตาสองสามทีปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง
สปายเหลือบไปดูนาฬิกาที่ผนังห้อง
…หกโมง…
นาฬิกาปลุกในร่างกายสั่งให้ตื่นเวลานี้ทุกวัน
สปายบิดตัวน้อยๆ แต่ไม่มีเวลาให้อู้มากนัก
คนตัวเล็กกลั้นใจเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอน หันไปมองโซดาที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉาอยู่ในใจ
…แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาอิจฉาว่าใครมีเวลานอนเยอะกว่ากัน
สปายจำใจลุกขึ้นจากที่นอน เดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย
สปายใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นาน หยิบกระเป๋านักเรียนได้ก็วิ่งไปใส่รองเท้า
…พร้อมเดินทางไปโรงเรียน
สปายเดินจากห้องพักไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย
ตอนเช้าแบบนี้มีอาหารรถเข็นตั้งเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง
กลิ่นอาหารโชยเข้าจมูกเป็นระยะ เหลือบมองหน้าตาของอาหารแต่ละชนิดแล้วได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย
มือน้อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควักสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมา
ธนบัตรสีแดงสองใบคือสิ่งที่อยู่ในมือ
ทั้งที่วันก่อนเพิ่งได้จากเจ๊เป็ดมาสามใบแท้ๆ
แต่อย่างว่า…ผ่านมาตั้งสองวัน สิ่งที่เรียกว่าเงินก็ต้องถูกใช้ไปตามความจำเป็น
เงินสองร้อยที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะต้องเผื่อใช้อีกกี่วัน
ตอนนี้เขาก็ลาออกจากร้านของเจ๊เป็ดมาแล้ว
…งานใหม่ที่เพิ่งไปทำก็ไม่รู้เจ้าของร้านมันจะว่ายังไง
ให้เขาทำงานต่อแล้วจะให้เงินเขาต่อไหม
…คุณน้ำแข็งอะไรนั่นบอกว่าให้เขาทำงานรับผิดชอบนี่!
สปายมองเงินที่อยู่ในมือสลับกับหมูปิ้งนมสดที่อยู่บนเตาใกล้ๆ กลิ่นหอมน่าทานโชยเข้ามา สปายกัดริมฝีปากล่างน้อยๆ กลั้นใจเก็บเงินนั่นเข้ากระเป๋ากางเกงคืน
เท้าเล็กจ้ำอ้าวหนีกลิ่นเชิญชวนของอาหารที่ตั้งเรียงรายเต็มข้างทาง
จนกระทั่งหนีได้พ้น สปายลดความเร็วของการเดิน อ้าปากหาวน้อยๆ
…กว่าจะเลิกงานก็ตีสอง กว่าจะถึงห้องพัก ไหนจะต้องตื่นหกโมงเช้า
ยังไงเขาก็หนีความง่วงไม่พ้นแน่ๆ
สปายเดินเลียบไปตามตรอกซอกซอยที่นำไปสู่โรงเรียน
รถยนต์หลายคันเข้าจอดเทียบบริเวณหน้าโรงเรียน ทุกคันจะมีเด็กนักเรียนลงจากรถก่อนเดินเข้าโรงเรียนไป บางคันไม่ได้จอดหน้าโรงเรียนแต่ขับเข้าไปในโรงเรียนเลยก็มี ไม่รู้คันไหนรถผู้ปกครองคันไหนรถนักเรียน
สปายหาววอดๆเดินเข้าประตูโรงเรียนไป
“สปาย!” เสียงใสที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สปายหันขวับอย่างตกใจ
มีคนรู้จักเขาด้วยเหรอวะ?
คำถามในใจของสปายถูกตอบด้วยรอยยิ้มน่ารักของใครบางคนที่นั่งอยู่ในรถที่ถูกลดกระจกลงพร้อมโบกทักทาย
รถคันนั้นยังไม่ทันจอดสนิทดี คนที่โบกมือให้สปายก็เปิดประตูวิ่งลงมา
“คุณหนู!” คนขับกระวีกระวาดลงจากรถ ยืนค้าง ตกใจที่คุณหนูพรวดพราดลงไปเอง
“กลับดีๆนะครับ” คนที่ถูกเรียกว่า ‘คุณหนู’ หันไปโบกมือลาคนที่ยืนค้างอยู่ข้างรถ ก่อนออกวิ่งไปหาคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
“สปาย….มาโรงเรียน…แต่เช้าเหมือนกันนะนี่” พูดไปก็หอบไป
“มิน..ก็มาเช้าเหมือนกันน่า”
มินอมยิ้มน้อยๆ
สปายเหลือบมองรถที่มินเพิ่งวิ่งลงมา หันกลับมามองคนข้างๆที่เดินด้วยกัน
ผิวขาวใสกระจ่างตาของมินเหมือนว่าจะสว่างแข่งกับแสงอาทิตย์ ผมซอยสั้นถูกเซทมาอย่างดี เสื้อผ้าที่ใส่ถูกรีดจับกลีบสวยงาม รองเท้าที่สวมแทบไร้คราบสกปรก กระเป๋าที่สะพายแทบไร้รอยฝุ่น
เหลือบมองรองเท้าผ้าใบคู่เก่งของตัวเองที่ใส่อยู่แล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
…ทำไมถึงดูต่างกันขนาดนี้นะ
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงของมินทำเอาสปายคืนสติ ปั้นยิ้มน้อยๆตอบไป
“เรา…ไม่ได้เป็นอะไร เออใช่ แล้ว….” สปายพยายามนึกถึงอีกคนที่วันนั้นอยู่กับมิน … ชื่ออะไรนะ?
“อ๋อ ไอ้โชกุนน่ะเหรอ …” มินเห็นท่าทางพยักหน้ารัวของสปายแล้วอดดีใจไม่ได้ที่เดาถูก มินถอนหายใจน้อยๆก่อนเอ่ยต่อ “ไอ้นั่นมันมาหลังจากคาบแรกเริ่มไปแล้วสิบนาทีทุกวันนั่นล่ะ”
เป็นอย่างที่มินว่าจริงๆ..
หลังจากที่สปายกับมินมาถึงห้องเรียน …ไม่นานคาบแรกก็เริ่มขึ้น แล้วสิบนาทีหลังจากนั้น โชกุนก็ถลาเข้าห้องเรียนมา
การเรียนของสปายวันนี้ออกจะลำบากไม่น้อย
เมื่อร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ อาการเหนื่อยล้าก็ตามมา สปายหาวแล้วหาวอีกระหว่างเรียน ถ้าคาบไหนทนไม่ไหวจริงๆก็ฟุบลงกับโต๊ะไป
เวลาพักเที่ยงคือช่วงเวลาที่สปายรอคอยมาทั้งวัน
มินกับโชกุนชวนสปายไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร แต่ความง่วงมีมากกว่าความหิว สปายเลยได้แต่ปฏิเสธไป อีกอย่าง ถ้าเวลาพักเที่ยงไม่ต้องเสียเงินซื้ออะไรกิน ก็ประหยัดเงินได้ด้วย
แต่กระเพาะที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้าก็ประท้วงขึ้นมาจนได้
สปายควักโทรศัพท์มือถือจอขาวดำมากดดูเวลา
…อีกสิบห้านาทีก็เริ่มคาบบ่ายแล้ว จะหาอะไรกินทันไหมเนี่ย
เสียงร้องโครกครากดังมาเป็นระยะ
ถ้าเป็นแบบนี้อีกทั้งบ่ายคงไม่ดีแน่
สุดท้ายเที่ยงวันนั้นสปายยอมเสียสละเงินสิบบาทแลกกับนมหนึ่งกล่องประทังชีวิตไปอีกวัน
การเรียนคาบบ่ายให้ความรู้สึกไม่ต่างจากช่วงเช้ามากนัก
สปายพยายามควบคุมความง่วงที่เริ่มครอบงำทีละนิด
บังคับให้สติจดจ่อกับสิ่งที่ครูกำลังสอน
ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
....คงอีกสักพักถึงจะชินกับอาการแบบนี้
ทันทีที่เสียงออดจบคาบสุดท้ายดังขึ้น สปายกระวีกระวาดเก็บของลงกระเป๋า ตั้งท่าจะวิ่งออกจากห้อง แต่เสียงใสของใครบางคนเรียกไว้ก่อน
“สปาย เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงที่สปายเริ่มคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง
สปายหันไปมอง เห็นคนถามสะพายกระเป๋าเตรียมออกจากห้องแล้ว
“เราไม่ได้เป็นอะไร” สปายยิ้มให้น้อยๆ แต่มินไม่ได้เชื่อเท่าไรนัก ค่อยๆเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โต๊ะสปาย
“ไม่จริงอ่ะ สปายดูง่วงๆ ไม่สบายหรือเปล่า?” มินถามอีกครั้ง สปายได้แต่ส่ายศีรษะน้อยๆ ยิ้มจางๆ
“ยังไงไปหาหมอไหม เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”โชกุนตามมาสมทบ
สปายเงยหน้ามองทั้งคู่ ได้แต่ยิ้มให้น้อยๆ
“เราไม่เป็นไรจริงๆ … เดี๋ยว…เรากลับก่อนนะ” สปายลุกขึ้น โบกมือให้ทั้งสองคนก่อนจ้ำอ้าวออกไป
เขาไม่มีเวลาไปไหนทั้งนั้นนอกจากทำงาน
เขารู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ได้ป่วย ถึงป่วยจริง…อย่างไรเสีย เขาก็ต้องไปทำงานอยู่ดี
เขาอยากลองให้เวลากับเพื่อนใหม่ แต่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้
เขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจริงใจมากแค่ไหนกับคำว่าเพื่อน จะบอกว่าเขาไม่ไว้ใจก็ได้
เขาไม่รู้ว่าถ้าคนพวกนั้นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วเขาจะต้องทำตัวยังไง
อย่าสนิทกันเลย … ดีที่สุด
สปายเดินเท้ากลับห้องพักเหมือนเคย ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย
โซดาอยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกไปทำงานเหมือนทุกครั้ง
สปายเห็นอย่างนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดบ้าง พอออกจากห้องน้ำมา โซดาก็เตรียมกับข้าวไว้แล้ว
“วันนี้มีผัดผักบุ้ง” โซดายิ้มแป้น แกะกับข้าวถุงเทใส่จาน ก่อนหันไปแกะข้าวสวยที่อยู่ในถุง
สปายได้กลิ่นหอมๆของผัดผักบุ้งแล้วก็กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ รีบไปแต่งตัวให้เรียบร้อยจะได้มากินข้าวเร็วๆ
วิ่งมานั่งข้างโซดาได้แล้วก็ต้องเอะใจ พิจารณาเสื้อผ้าที่โซดาสวมใส่
“แกไม่ร้อนเหรอวะ?” ตักข้าวใส่ปากไปคำหนึ่งแล้วก็ถามออกมา
โซดาส่ายหน้ารัว “ร้อนตรงไหน อากาศออกจะเย็น”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ร่างกายกลับไม่ได้รับกับคำพูดเลย .. สปายแอบเห็นหยดน้ำผุดตามใบหน้าของเพื่อนตัวเล็ก
โซดาอยู่ในชุดเสื้อสีเทาแขนยาวคอเต่ากับกางเกงขายาวสีดำเข้าชุด ยังไม่หมดแค่นั้น มีเสื้อกั๊กสีเทาสวมทับไว้อีกตัว
สปายไม่ได้ถามอะไรต่อ ต่างคนต่างกินข้าวไปเงียบๆ
จนกระทั่งถึงเวลาไปทำงาน
สตูดิโอผับตั้งอยู่ในย่านดังใจกลางเมืองใหญ่
ถนนสายหลักตัดผ่านหน้าร้าน หากแต่ไร้รถประจำทางวิ่งบนถนนเส้นนั้น แม้แต่รถแท็กซี่ยังหายาก
สปายกับโซดาใช้บริการรถโดยสารประจำทางมาลงที่ถนนที่ใกล้ร้านที่สุด เดินเข้าซอยอีกพักใหญ่จึงจะถึงร้านที่ทำงาน
ทั้งสองคนมาถึงก่อนเวลาเปิดร้าน ช่วยพี่ๆในร้านจัดของให้เข้าที่ เตรียมโต๊ะ เก้าอี้ ให้พร้อม
ทันทีที่เปิดร้าน ลูกค้าทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย
ผู้คนที่แวะเวียนมาที่ร้านนี้ส่วนใหญ่มารถส่วนตัวกันทั้งนั้น รถยนต์บ้าง รถจักรยานยนต์บ้าง บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มากันเป็นกลุ่ม
สปายแอบคิดว่า...ผู้คนที่นี่ไม่ต่างอะไรกับที่โรงเรียนของสปายนักหรอก
สปายกับโซดาวิ่งทำงานในส่วนของตัวเอง
พิมพ์วิ่งวุ่นอยู่ในส่วนเคาน์เตอร์บาร์ พนักงานคนอื่นวิ่งเข้าวิ่งออกเคาน์เตอร์เป็นว่าเล่น
สปายวิ่งไปรับออเดอร์แล้วลิ่วกลับมาที่เคาน์เตอร์
พี่เออยู่ตรงนั้นพอดี
“พี่เอครับ” สปายยื่นกระดาษที่มีออเดอร์ลูกค้าไปให้
เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องดื่มพวกนั้นเท่าไรหรอก เขาไม่รู้ว่ามันรุ่นไหนยี่ห้ออะไร พี่พิมพ์บอกว่าอย่าเพิ่งจัดเอง ให้จดออเดอร์มาแล้วบอกบาเทนเดอร์
“อันนี้ของน้องสปาย” เอยิ้มหวานให้รุ่นน้อง ยื่นถาดที่เตรียมเสร็จแล้วให้สปาย สปายยิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณ
คนตัวเล็กประคองถาดในมือไปยังลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เป็นเจ้าของเครื่องดื่มพวกนี้
เท่าที่สปายสังเกตมา ลูกค้าบางคนก็ชอบเข้าไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์แล้วก็ถือออกมาเอง บางคนก็เรียกพนักงานให้ไปเสิร์ฟ
ถ้าพื้นที่ในร้านพอมีที่เดินได้บ้าง จะให้ยกไปเสิร์ฟก็ไม่ลำบากเท่าไร แต่เมื่อไรที่ในร้านแออัดมากขึ้น ต้องใช้แรงพอสมควรกว่าจะยกเสิร์ฟถึงที่ได้
สปายประคองถาดเครื่องดื่มมาถึงที่หมายได้ในที่สุด มือบางยกขวดหลากสีวางลงบนโต๊ะ วางถังน้ำแข็งไว้ใกล้ๆ
คนตัวเล็กทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยไม่รู้สึกถึงสายตาของกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่
สปายกำลังจะหมุนตัวกลับออกไป พลันมือน้อยๆถูกฉุดไว้เสียก่อน
สปายสะบัดออกทันทีตามสัญชาตญาณ ท่าทางที่เรียกเสียงโห่ฮาได้จากคนทั้งโต๊ะ
สปายกวาดสายตามองคนกลุ่มนั้น
ผู้ชายไม่น้อยกว่าห้าคนนั่งอยู่ตรงนั้น บางคนตัวเล็กบางคนตัวใหญ่ แต่ตัวเล็กในที่นี้ไม่ได้เล็กกว่าสปายเลย
“ที่นี่มีบริการนั่งดริ๊งค์นี่ มาๆนั่งดื่มด้วยกันก่อน” คนที่จับมือสปายพูดออกมา คนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น
ถึงจะมีบริการที่ว่า แต่เขาไม่ได้ทำหน้าที่นั้น!
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมไปตามให้” กลั้นใจพูดอย่างสุภาพ ไม่อยากให้มันมีเรื่องเหมือนเมื่อวาน
สปายตั้งใจจะหันไปเรียกพี่ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น แต่ร่างบางกลับถูกฉุดลงบนเก้าอี้บุนวมเสียก่อน
“จะไปตามใครเล่า ฉันต้องการให้เธอนั่งดื่มเป็นเพื่อน” ชายคนนั้นบุ้ยปากไปที่เครื่องดื่มตรงหน้า
สปายไม่ชอบใจเท่าไรนักหรอกกับคำพูดแบบนี้!
“ขอโทษครับ” สปายพยายามแกะมือหนาของคนที่จับมือเขาไว้แน่น
ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะหัวเราะทำไม คิดว่าเขาเล่นตลกอยู่หรือไงวะ
“ไม่เอาสิ นั่งด้วยกันก่อนน้า ชงเหล้าให้พี่หน่อยสิ” ชายคนนั้นเริ่มไล้มือไปตามเอวบาง สปายออกแรงดิ้นทันที
“ไม่เห็นหรือไงว่ากูเป็นผู้ชาย! มึงวิปริตกันหรือไงวะ?!” สุภาพดีๆแล้วไม่ชอบ ชอบแบบหยาบคายกันใช่ไหม!
“อู้ววว” เสียงหัวเราะมาอีกระลอกใหญ่ เหมือนว่าคนพวกนั้นไม่ได้สนใจคำพูดของสปายเลยแม้แต่น้อย
สปายเหลือบมองผู้ชายคนอื่นๆในโต๊ะ คนพวกนั้นส่งสัญญาณเรียกพี่ๆผู้หญิงในร้าน แล้วสปายก็เข้าใจว่าพี่ผู้หญิงพวกนั้นถูกเรียกมาทำไม
“นั่นน่ะ ทำแบบนั้น ทำให้พี่หน่อยสิ” คนที่จับมือสปายไว้เอ่ยออกมาพลางบุ้ยปากไปทางพี่ผู้หญิงที่เพิ่งมานั่งร่วมโต๊ะ มือหยาบกร้านของชายคนนั้นไล้เอวสปายไม่หยุด
สปายเบ้หน้าอย่างขยะแขยง พยายามส่งสายตาเว้าวอนไปทางพี่ผู้หญิงสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ และความพยายามของสปายก็เป็นผลเมื่อหนึ่งในสองคนนั้นสบตาสปายพอดี
แต่เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะพี่คนนั้นเพียงบุ้ยปากไปที่แก้วเปล่า ใช้สายตาบอกสปายว่าให้ทำๆไปเถอะ
มือบางเอื้อมไปหยิบแก้วเปล่ามา คีบก้อนน้ำแข็งกระแทกแก้วแรงๆ เทของเหลวสีทองลงในแก้ว ยื่นให้ผู้ชายข้างๆ
“เพียวๆเลยเหรอจ๊ะ จะมอมพี่หรือไงเนี่ย” ชายคนนั้นกลั้วหัวเราะเบาๆ พี่ผู้หญิงคนเดิมหันมาชี้ไปที่โซดาข้างๆขวดเหล้า สปายอ่านปากได้ว่า ‘ใส่โซดาด้วย’
สปายเอื้อมมือไปหยิบโซดามาเทลงไป ไม่ได้สนใจว่ามันเยอะหรือน้อย สปายไม่รู้วิธีกิน ไม่รู้ว่าเขากินกันยังไง ต้องทำยังไง ใส่อะไรมากน้อยแค่ไหน ให้สปายใส่โซดาด้วย เขาก็ใส่แทบทั้งขวด … ได้ยินผู้ชายที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เอ้า มาๆ กินอย่างนี้ก็ได้” สปายวางแก้วที่ ‘ชง’ ไว้ตรงหน้าชายคนนั้น ตั้งท่าจะลุกหนี แต่ยังไม่ทันได้ลุกไปไหนก็ถูกฉุดรั้งไว้อีกครั้ง
“อะไรกัน ให้พี่กินคนเดียวได้ไง” ชายคนนั้นยกแก้วที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาซดจริงๆ หันไปชนแก้วกับเพื่อน แต่มือก็ยังจับสปายไว้แน่น คนตัวเล็กได้แต่ยู่หน้า
แก้วที่ของเหลวหายไปเกือบครึ่ง ถูกชายคนนั้นเทน้ำสีทองเพิ่มลงไปจนเกือบล้น
“ตาน้องกินแล้วนะจ๊ะ” ยกแก้วใบนั้นมาจ่อริมฝีปากบาง สปายเม้มปากกัดฟันแน่น หันหน้าหนีแก้วที่ชายคนนั้นตามมายื่นป้อน
“กินๆเข้าไปเถอะน่า จะได้นั่งคุยกันยาวๆ” ตามมาป้อนปากสปายไม่ลดละ มือบางออกแรงดันแก้วนั่นออกห่างจากปาก
ใครจะกินน้ำเปลี่ยนนิสัยนี่กันวะ!
สปายไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ และไม่คิดจะดื่ม ใครๆก็รู้สรรพคุณของเครื่องดื่มพวกนั้นดี และเพราะสปายไม่เคยดื่ม เขารู้ตัวแน่ๆว่าตัวเองน่ะเป็นพวกคออ่อน แล้วไอ้บ้านี่ยังจะบังคับให้เขากินอยู่ได้ โธ่เว้ย!
“ไม่กิน!” สปายออกแรงดันแก้วนั่นสุดแรง แต่คงออกแรงมากไป
…ของเหลวสีทองนองพื้น เศษแก้วกระจายทั่ว
“มึง!!” เสียงทุ้มแหบกร้าวจากคนที่พยายามป้อนน้ำสีทองนั่นให้สปาย
สปายตกใจกับเสียงนั้น เผลอเงยหน้ามองเจ้าของเสียงแล้วก็ได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย
…ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้!
“มันจะอะไรนักวะ แค่กินเหล้าเนี่ย!! ทำเป็นดีดดิ้นเล่นตัว!!! น่าหมั่นไส้!!” เสียงสบถกร้าวมาจากผู้ชายคนเดิม
สปายขมวดคิ้วแน่นกับคำพูดนั้น
“กูบอกแล้วว่าไม่กิน แต่มึง!!!....”
“ทำไม!!! กูทำไม?!!!! มึงจะบอกว่ากูผิดใช่ไหม!!! อะไรกันวะพนักงานร้านนี้ น่ารำคาญ!!!”
สปายกำมือแน่น พยายามกลั้นใจไม่มีเรื่องกับคนตรงหน้า
“ยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะ! ทำความสะอาดซะสิ!!” ว่าจบ ชายคนนั้นเบี่ยงตัวออกจากโต๊ะไป สปายเห็นผู้ชายคนอื่นในโต๊ะวิ่งตามไปด้วย
ร่างบางกัดริมฝีปากล่างแน่น
ทำไมต้องทำเหมือนเขาผิดด้วยวะ!!
สปายก้มลงเก็บเศษแก้ว หาถุงพลาสติกที่หล่นอยู่แถวนั้นได้ก็เอามาใส่เศษแก้วพวกนี้
ถ้าทำความสะอาด ยังไงก็เป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
เขาไม่ได้มานั่งให้คนอื่นลูบล้วงตามใจชอบนี่!
“โอ๊ย!” เสียงหวานร้องเบาๆ
…เศษแก้วทิ่มมือเข้าจนได้
พี่ผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะได้แต่ส่งสายตาเห็นใจมาให้สปาย
สปายฝืนยิ้มให้น้อยๆ
ในโต๊ะยังมีคนรอให้พี่สองคนนั้นบริการอยู่ จะให้ลุกมาช่วยสปายเก็บเศษแก้วก็คงดูแปลกๆ
สปายก้มลงเก็บเศษแก้วต่อไป
โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคมของใครอีกคนจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากห้องทำงาน
MOONLIGHT
มาแล้วค่ะ ^///////////^
ฮี่ๆๆๆ
ทำไงดี ...หลงรักพี่น้ำแข็งเข้าแล้ว

เจอกันตอนต่อไปค่ะ >////////<