...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 308919 ครั้ง)

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 728
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ชอบๆ ชอบมากด้วย
อ่านกี่ทีก็ยิ้มเหมือนคนบ้า
ถ้าสมัยก่อนมีเรื่องแบบนี้จริง...
หึหึหึ คงต้องโดนเฆี่ยนกันน่าดู(เหรอ?)
 :pig4:   :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

:::: Author's Talk :::::

กราบบบบบ สวัสดีมิตรรักแฟนเพลงเจ้าค่ะ  :mew1:
เปิดตัวนิยายเรื่องใหม่มาจนถึงตอนที่ ๑๑ แล้ว เลยคิดว่าน่าจะมาทักทาย แนะนำตัวกันหน่อย (ใครเค้าอยากรู้จักแกห้ะ :ruready)

ก่อนอื่นขอกราบแนบอกมิตรรักแฟนเพลงที่ติดตาม The Timeless Tide มาจนถึงตอนนี้ ก็ปาเข้าไปตอนที่ ๑๑แล้ว
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้น้องธีร์กับคุณหลวง และพี่แช่ม (ชอบชื่อนี้จริงๆ :laugh:)

ตอนแรกที่แต่งเรื่องนี้เพียงแค่อยากสนองนี๊ดตัวเองเพราะชอบแนวพีเรียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (คิดว่าชาติที่แล้วคงเกิดในวัง แต่จะเป็นอะไรนั้นยังไม่รู้แน่  :laugh:)

ส่วนตัวแล้ว ยอมรับว่าฝีมือและภาษายังอ่อนหัดนักสำหรับการแต่งแนวพีเรียดแบบนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยจริงๆเพราะไม่เคยแต่งนิยายที่ตัวละครเป็นคนไทยมาก่อน เพราะงั้นหากมีอะไรที่ควรแก้ไขปรับปรุงก็ยินดีรับคำติชมทั้งหมดค่ะ  :-[
ผู้แต่งจะนำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นตามลำดับ อิอิ

:::คุยเรื่องนิยายกันบ้างดีกว่า:::

เดินทางมาไกลพอสมควรสำหรับนิยายเรื่องนี้ เพราะตอนแรกที่แต่งไม่คิดว่าจะแต่งได้ยาวขนาดนี้ (ช่วงนี้ว่างเลยต้องรีบปั่น :katai4:) เนื้อเรื่องอาจจะเอื่อยๆไปบ้าง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะเจ้าคะ ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะ

อาจจะมีการแทรกตอนของแชมป์และของตัวละครอื่นๆเพื่ออรรถรสในการอ่านและความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง แต่คุณหลวงกับน้องธีร์ยังไม่หนีไปไหนแน่นอนค่า

สำหรับเรื่องภาษาในการเขียน ผู้แต่งพยายามเรียบเรียงให้ถูกหลักภาษาไทยมากที่สุดในช่วงบรรยาย ส่วนบทสนทนาของน้องธีร์และน้องแชมป์ขอสงวนไว้เป็นภาษาพูดเพื่อเพิ่มอารมณ์และอรรถรสในการอ่านค่ะ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของลักษณะการพูดของคนในยุคปัจจุบันและอดีต

สำหรับคาแรคเตอร์ของตัวละคร คงไม่ได้เอาอิมเมจมาลงเป็นรูปเป็นร่างเพราะเราเชื่อว่าตัวละครในจินตนาการของผู้อ่านแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน การนำภาพมาลงอาจทำให้จินตนาการในตัวละครนั้นๆผิดเพี้ยนไป เพราะงั้น สุดแท้แต่จินตนาการของมิตรรักแฟนเพลง ว่าจะสรรสร้างน้องธีร์กับคุณหลวงออกมาแบบไหน (แต่ถ้าถามผู้แต่ง นังน้องธีร์เป็นผู้ชายแมนๆค่ะ ติดหน้าหวานแต่ไม่ใช่หวานแบบผู้หญิง ส่วนคุณหลวงแก้วนี่ก็ตามสไตล์พระเอกละครพีเรียดแหละเนอะ จะหนีไปไหนไกลได้ อิอิ)

เรื่องนี้ขอบอกว่าเป็นนิยายที่ทำการบ้านค่อนข้างเยอะมาก เพราะส่วนตัวแล้วความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่ค่อยเข้มแข็งค่ะ (โง่ก็บอกเค้าไปเหอะแกรรรร) ซึ่งผู้แต่งก็พยายามทำการบ้านและหาข้อมูลที่ใกล้เคียงความจริงในยุคนั้นมากที่สุด แต่บางเรื่องที่ไม่สามารถหาข้อมูลได้ก็ต้องจินตนาการเอากันหน้าด้านๆ

สุดท้ายแล้ว ขอฝากน้องธีร์กับคุณหลวงไว้ในอ้อมใจแม่ยกทั้งหลายด้วยนะเจ้าคะ สัญญาว่าจะแต่งต่อจนจบถึงจะไม่มีใครอยู่อ่านแล้วก็ตาม 555

แล้วพบกันใหม่ตอนที่ ๑๒ ค่ะ

กราบบบบบบบบบบ :call: :call: :call:

meili run

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๑๒...เมื่อได้ยินเสียงหัวใจ...


เป็นเวลาสามวันแล้วหลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้น และก็เป็นเวลาสามวันที่ผมไม่ได้ไปเรือนเจ้าคุณไพศาล เหตุเพราะช่วงนี้ที่กรมมีงานมาก ทั้งเจ้าคุณไพศาลและหลวงพิสิษฐจึงต้องเข้ากรมกันทุกวัน ผมเลยขนเอกสารทั้งหมดที่เป็นภาษาอังกฤษมาช่วยแปลล่วงหน้า เหลือแค่รอให้หลวงพิสิษฐนำไปคัดลอกให้สวยงาม...


...และมันก็เป็นเวลาสามวันแล้วที่ผมกับเขาไม่ได้เจอกัน...


"พ่อธีร์"เสียงหวานเรียกชื่อผมที่กำลังมีสมาธิกับตัวอักษรตรงหน้า ผมมานั่งทำงานอยู่ที่ศาลาไม้สักเหมือนเคยเพราะไม่ชอบนั่งอุดอู้อยู่ในห้อง

"คุณพิกุล...มีอะไรรึเปล่าครับ"ผมถามกลับเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกคือลูกสาวเจ้าของเรือน...คุณพิกุลไม่ได้สวยแบบสาวสมัยใหม่ในยุคของผม...แต่เธอสวยคมแบบสาวไทยแท้...ผิวสีน้ำผึ้งเนียนใสยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่น

"ยุ่งอยู่รึ"เธอถามเพียงสั้นๆเมื่อเห็นกองหนังสือและเอกสารมากมายกระจัดกระจายบนโต๊ะ

"ไว้ทำทีหลังก็ได้ครับ คุณพิกุลมีอะไรให้ผมทำรึเปล่า"ผมไม่ค่อยได้เจอเธอเท่าไหร่นัก เพราะปกติเธอจะลงไปอยู่ที่โรงครัว หรือนั่งเย็บปักถักร้อยอยู่บนเรือน ส่วนผมถ้าไม่ได้ออกไปเรือนเจ้าคุณไพศาลก็จะไปนั่งเล่นริมท่าน้ำหรือไปเตร่อยู่แถวๆเรือนบ่าวแทน

"ไม่มีหรอก...เราแค่มีเรื่องอยากถามพ่อธีร์"ผมมองคนตัวเล็กที่นั่งลงบนม้านั่งฝั่งตรงข้าม...กิริยามารยาทสมกับเป็นชาววัง เพราะขนาดเข้ามาคุยกับผมเธอยังเว้นระยะห่างไม่ให้ดูน่าเกลียด

"พ่อธีร์บอกเราได้รึไม่ว่าพ่อธีร์กับพ่อแช่มหายไปไหนมาเสียนาน"เสียงหวานเอ่ยถาม แต่ผมไม่รู้จะสรรหาคำตอบไหนมาอธิบายให้เธอเข้าใจได้

"เราถามพ่อแช่มก็มิยอมบอก...มัวแต่อ้ำอึ้งอย่างกับคนมีความลับ"ถูกของเธอ พวกผมมันเป็นพวกคนมีความลับ...ที่แม้อยากจะบอกคนอื่นแค่ไหนก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่อ

"ผมเองก็บอกคุณพิกุลไม่ได้มาก แต่ผมกับมันไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายครับ...คุณพิกุลวางใจได้"หากคำตอบของผมจะทำให้เธอมั่นใจในตัวของพวกผมขึ้นมาได้บ้าง ผมก็พอใจแล้ว

"ปากหนักเหมือนกันเสียนี่กระไร"ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาจากคนตรงหน้า...นี่ก็เป็นอีกคนที่พวกผมทำให้เธอต้องเป็นห่วง...จะเป็นเพราะว่าพวกผมเป็นคนในเรือน หรือมีเหตุผลอื่นอยู่ด้วยผมก็ไม่อาจรู้ได้

"ถ้าเช่นนั้นเราขอตัวก่อนนะพ่อ เพื่อนพ่อธีร์เขารบเร้าให้เราช่วยสอนทำของหวาน ป่านนี้นั่งรอเสียแล้วกระมัง"แล้วนี่หูผมฝาดไปหรือเปล่า ไอ้แชมป์เนี่ยนะจะเรียนทำขนม...ไอ้นี่มันช่างสรรหามุกมาจีบเขาจริงๆให้ตายสิ


"คุณพิกุลครับ"เสียงเรียกของผมทำให้คนตัวเล็กหันมามองด้วยความสงสัย

"เพื่อนผมมันอาจจะดูบ้าๆบอๆ แต่มันก็เป็นคนดีคนนึงนะครับ"คนตัวเล็กยิ้มหวาน พยักหน้าตอบแล้วเดินจากไป...จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นอย่างไร...แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้...เพื่อนผมเลือกคนไม่ผิด...เธอเป็นผู้หญิงที่งามพร้อมทั้งกิริยา วาจา และจิตใจ...จะเหลือก็แต่ เธอ จะคิดอย่างไร แล้วยังมีเจ้าคุณจิตรากับคุณหญิงสร้อยที่อยากได้'ใครบางคน'มาเป็นเขยอีก...และในสายตาของท่าน พวกผมมันก็แค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่จะไปไหนมาไหนก็ไม่บอกกล่าว


...แต่อย่างน้อย...ผมก็ยังเห็นแสงแห่งความหวังของทั้งสองคน...


...ถึงแม้แสงนั้นมันจะริบหรี่เพราะที่ที่ผมจากมาก็ตาม...


ไม่เหมือนกับตัวผม...แม้ผมจะแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง...แม้ผมจะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณพิกุล...แต่ก็ไม่มีทางเลยที่ทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดี...'เขา'ยังคงเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่วันหนึ่งก็ต้องแต่งงานออกเรือนกับคนที่เหมาะสม...ส่วน'ผม'ก็คงต้องกลับไปยังที่ของผมในไม่ช้า...โลกของเราสองคนไม่มีทางมาบรรจบกันได้


...ผมคิดเช่นนั้นมาตลอด...

...และผมก็พอใจ ที่จะหยุดอยู่ตรงนี้...

...เพราะผมไม่สามารถไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว...


เย็นวันนั้นผมมีบุญได้ชิมฟักทองแกงบวชฝีมือไอ้แชมป์ ที่ได้คุณครูมือหนึ่งอย่างคุณพิกุลช่วยสอนให้...ผมเห็นฟักทองในถ้วยแล้วก็ขำพิลึก...บางชิ้นแกะสลักอย่างบรรจงสวยงาม...ส่วนบางชิ้นเห็นได้ถึงความพยายามแต่หน้าตาประหลาดสิ้นดี...ดูก็รู้ว่าฝีมือใครเป็นใคร

"ฝีมือเอ็งรึอ้ายแช่ม...รสชาติดีแต่หน้าตาประหลาดแท้"คุณหญิงสร้อยว่าพลางตักชิ้นฟักทอง'รูปหัวใจ'ในถ้วยของตนให้ดู...มันได้แต่หัวเราะแหะๆ

"ก็ได้คุณพิกุลเนี่ยแหละครับ ปกติผมไม่เคยทำอาหารเลย"ว่าแล้วก็หันไปยิ้มเผล่ให้คุณครูคนสวยที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างคุณหญิง...จะว่าไปผมก็เคยมีบุญได้ชิมฝีมือมันอยู่ครั้งหนึ่งตอนย้ายไปอยู่หอใหม่ๆ มันมาทำไข่เจียวนิโกรให้ผมกินตอนผมไม่สบาย...คิดดูสิว่าแค่ไข่เจียวมันยังทอดให้ไหม้ได้

"เป็นผู้ชายแท้ๆกลับสนใจเรื่องกับข้าวกับปลานะเอ็ง"คุณหญิงสร้อยว่าพลางตักชิ้นฟักทองเข้าปากอีกคำ...คุณหญิงแกจะรู้ไหมว่ามันไม่ได้สนใจเรื่องของกินมากไปกว่าลูกสาวคุณหญิงหรอกครับ หึหึ

"เป็นอะไรของเอ็งอ้ายธีร์ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"สงสัยคิดดังไปหน่อยคุณหญิงเลยหันมาถามเข้าให้...ผมเห็นไอ้แชมป์ยักคิ้วกวนให้ผมอย่างอารมณ์ดี...หาทางจีบลูกสาวเขาแล้วยังเข้าทางแม่เขาอีกนะมึง...



"มึงว่า...กลับไปคราวนี้ป๊ากับม๊ากูจะไล่กูออกจากบ้านป่าววะ"มันถามขึ้นขณะนั่งเกาะขอบหน้าต่างห้องนอน...วันนี้ข้างขึ้น พระจันทร์ดวงโตสาดแสงนวลสว่าง...ลมเย็นพัดเอื่อยให้ความรู้สึกสบายไม่ต้องอาศัยแม้แต่พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ

"คงไม่"ผมลืมเล่าให้มันฟังว่าตอนกำลังจะมาที่นี่ผมยังสติดีเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาอานิดและป๊ากับม๊าไอ้แชมป์เรียบร้อยภายในเสี้ยวนาทีด้วยข้อความสั้นๆว่า...'ธีร์กับแชมป์ไปอยู่หอซักพักครับ ไม่ต้องเป็นห่วง' เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

"หู้ยยยย ฉลาดนะมึงนิ่!"ชมผมแต่น้ำเสียงมันแดกดันพิกล

"นี่ถ้าหมาบางตัวมันไม่เมาหัวทิ่มจนกูต้องแบกกลับมาคงมีเวลาส่งมากกว่านี้"ได้ทีผมเลยหันไปแขวะมันกลับ มันเลยได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ

"ดีนะมึง...อยู่นู่นมีมือถือ จะไปไหนก็ส่งเมสเสสบอกกันได้...แต่อยู่ที่นี่..."มันหยุดคำพูดไว้แค่นั้นซึ่งผมเองก็รู้ดีว่ามันต้องการจะสื่ออะไร...

ที่นี่ไม่มีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าเหมือนกรุงเทพในยุคปัจจุบัน...จะมีก็แต่จดหมาย หรือถ้าอยากแจ้งข่าวอะไรก็ต้องไปหากันด้วยตัวเอง...ผมเคยได้ยินเจ้าคุณไพศาลท่านว่าตอนที่หลวงพิสิษฐไปเรียนต่างประเทศ กว่าจะรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายก็ต้องรอกันเป็นเดือน เพราะติดต่อกันได้ทางจดหมายเท่านั้น แล้วกว่าจดหมายแต่ละฉบับจะมาถึงก็ใช้เวลานานอยู่...ต่างกับปัจจุบันที่ต่อให้ส่งลูกส่งหลานไปเรียนไกลแค่ไหน เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์กริ๊งเดียวก็ได้ยินเสียงกัน หรือแม้แต่ช่องทางการสื่อสารออนไลน์อื่นๆที่ทำให้โลกทั้งใบอยู่ใกล้กันนิดเดียว...แต่ก็น่าแปลก...ทั้งที่เทคโนโลยีทำให้คนอยู่ไกลได้ใกล้กันมากขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้คนใกล้ตัวถอยห่างออกจากกัน...บ่อยครั้งที่ผมได้เห็นครอบครัวทานข้าวพร้อมหน้า แต่ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าก้มตาสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเอง...บ่อยครั้งที่ได้เห็นรูปภาพตามสื่อโซเชียลมีเดีย แต่ก็เป็นเพียงภาพที่ลงเพื่อเรียกความสนใจจากคนอื่นๆบนโลกออนไลน์

"วันหลังก็เขียนใส่กระดาษแปะไว้บนโต๊ะดิ"ผมพูดลอยๆ แต่หันไปเห็นประกายวิบวับในตามันแล้วรู้สึกแปลกๆ

"เออว่ะ! มึงนี่ ฉลาดกว่าที่กูคิดนะ"

"กูล้อเล่น มึงจะเอาจริงเหรอ"เอากับมันสิ ผมแค่พูดเล่นไม่คิดว่ามันจะจริงจัง

"เออดิวะ เค้าจะได้ไม่เป็นห่วง"

"เค้าน่ะใคร"ผมหันไปยิ้มให้มันอย่างรู้ทัน

"ชักจะกวนตีนใหญ่แล้วนะครับพี่ธีร์"มันหันกลับมาด่าแต่หน้ามันแดงแจ๋ หน้าขาวๆของมึงเวลาเขินมันดูออกง่ายจะตายนะไอ้แชมป์




...เช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องไปเรือนเจ้าคุณไพศาลเสียที...วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เจ้าคุณไพศาลเองก็อยู่ที่เรือนไม่ได้ออกไปไหนเช่นกัน...ผมไปถึงตอนสายเพราะโดนไอ้แชมป์ลากไปใส่บาตรแต่เช้า...ไม่รู้มันนึกครึ้มอะไรปลุกผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง...แต่พอเห็นคนที่ท่าน้ำเท่านั้นแหละ ผมเลยไม่ถามอะไรมันต่อ...จะมาทำบุญด้วยกันแล้วจะลากผมไปเป็นก้างขวางคอทำไมวะครับ

"หลวงแกใช้งานหนักไหมพ่อธีร์"เจ้าของเรือนถามขึ้น ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับทั้งสองในห้องรับแขก

"ไม่เลยครับ คุณหลวงซะอีก ทำงานหนักกว่าผมเยอะ"ผมตอบกลับ...ตั้งแต่มาถึงผมไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย...ไม่ได้โกรธอะไร แต่พอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วพาลไม่มีอะไรจะคุยเอาเสียดื้อๆ

"วันนี้มิต้องทำหรอก...วันหยุด พักผ่อนเสียบ้าง"อ้าว ไม่ให้ทำงาน แล้วผมจะมาทำอะไรที่เรือนเจ้าคุณล่ะครับ

"ไม่เป็นไรครับ ไหนๆก็มาแล้ว"

"เอาเถิด ไว้วันพรุ่งค่อยทำ วันนี้ข้าจักให้หลวงแกไปทำธุระ พ่อธีร์ไปเสียด้วยแล้วกัน"จะให้คุณหลวงไปทำธุระ แล้วจะเอาผมไปด้วยทำไมเล่า!...ผมหันไปมองคุณหลวงหนุ่ม นึกแปลกใจตั้งแต่มาถึงเพราะเขาแต่งตัวเต็มยศ ที่แท้ก็จะออกไปข้างนอกนี่เอง

"ไปไหนเหรอครับ"ผมถามกลับ...ตั้งแต่มาที่นี่ผมไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากเรือนเจ้าคุณทั้งสอง สภาพของพระนครที่ได้เห็นก็เพียงแค่ตอนที่นั่งเรือผ่านเท่านั้น

"เรือนเจ้าพระยาเดโช ท่านว่าจักปรึกษาเรื่องงานเลี้ยงรับรองคณะทูตจากฝรั่งเศสที่จักมาถึงเดือนหน้านี้"

"ผมไปก็คงไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เดี๋ยวผมกลับเรือนเจ้าคุณจิตราก็ได้นะครับ"

"ไปเถิด จักได้แนะนำพ่อธีร์ให้คุณพระรู้จัก...เผื่อภายหน้ามีงานใดที่ต้องทำร่วมกัน"คนที่วันๆเอาแต่ขลุกอยู่กับกองเอกสารอย่างผมจะไปมีงานอะไรที่ทำร่วมกับคนอื่นอีก นอกจากคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆนี่กันล่ะ...แต่ในเมื่่อเจ้าคุณไพศาลยืนกรานผมก็เลยปฏิเสธไม่ได้


ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
...วันนี้ผมได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินทางทางเรือมาเป็นรถลากคันใหญ่แทนเพราะเรือนเจ้าพระยาเดโชอยู่ไม่ไกลนัก...เจ้าคุณไพศาลเล่าว่า เจ้าพระยาเดโชศรีวิศาลเป็นขุนนางใหญ่ฝ่ายกรมวัง มีหน้าที่คอยจัดการงานราชพิธีต่างๆ แต่คราวนี้ด้วยเพราะเป็นงานเลี้ยงคณะทูต พระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงโปรดเกล้าให้ฝ่ายกรมการต่างประเทศเข้าร่วมด้วยเพราะเป็นสายงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง...เจ้าคุณไพศาลเลยให้หลวงพิสิษฐไปช่วยให้คำปรึกษา...

"เป็นอะไรรึ เราเห็นพ่อเงียบมาตั้งแต่เช้า"เสียงนุ่มเอ่ยถามขณะที่ล้อเกวียนยังหมุนไปตามพื้นถนน

"เปล่าครับ"ผมตอบแต่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย

"เห็นเจ้าคุณจิตราว่าพ่อธีร์มิเคยออกไปไหน นอกจากมาที่เรือนเจ้าคุณไพศาลรึ"ผมพยักหน้าตอบ...พยายามทำตัวเป็นปกติ แต่มันยากเสียจริง

"ถ้าเช่นนั้น ไว้เสร็จงานจากเรือเจ้าคุณท่านแล้วเราจักพาไปเที่ยว"เอาเรื่องเที่ยวมาล่อ...คิดว่าผมจะหลงกลรึ...คิดถูกแล้วล่ะคุณหลวง! ก็ตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่เคยได้ออกไปไหนเลยน่ะสิ เพราะงั้นถึงได้ยิ้มออกมาได้บ้าง

"อารมณ์ดีขึ้นแล้วซีนะ"คนตัวสูงที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาผมหุบยิ้มแทบจะทันที...อุตส่าห์เก๊กมาได้ตั้งแต่เช้า ดันเตลิดเพียงเพราะจะได้เที่ยวเสียนี่
.

.

เรือนเจ้าพระยาเดโชเป็นเรือนไม้สักทรงโบราณคล้ายเรือนเจ้าคุณจิตรา หากแต่ดูใหญ่โตกว่ามากด้วยตำแหน่งทางราชการที่สูงกว่า...แล้วยังจำนวนบ่าวไพร่ในเรือนที่ผมเห็นก็น่าจะเกิน30คนได้...เห็นทีที่เจ้าคุณไพศาลว่าท่านเป็นคนใหญ่คนโตในกรมท่าจะจริง...

ผมเดินตามหลวงพิสิษฐขึ้นไปบนเรือนด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ มันก็ตื่นเต้นนะครับ จะได้พบกับข้าราชการระดับสูงทั้งที แถมตัวเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรติดตัวมากมาย มารยาททางสังคมแบบโบราณนี่ไม่ต้องพูดถึง...ติดลบครับ...

"ไม่ต้องกลัวไปหรอกพ่อ เจ้าคุณท่านใจดี"เหมือนคนที่เดินนำอยู่จะอ่านความคิดของผมออกเลยหันมายิ้มโปรยปลอบใจ

แต่มันใช่อย่างที่คุณหลวงว่าไว้เสียที่ไหน เพราะเจ้าของเรือนที่นั่งสง่าอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไม่ได้มีอะไรที่ใกล้เคียงกับคำว่า'ใจดี'เลยแม้แต่น้อย...เจ้าพระยาเดโชดูมีอายุมากแล้ว น่าจะสัก50ปีได้ หากแต่แววตายังคงแข็งกร้าว ดุดัน ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ...ท่านเป็นชายร่างใหญ่ค่อนไปทางท้วม แต่ยังดูแข็งแรงนัก...เรือนผมสีดอกเลาแต่ยังดกหนา เช่นเดียวกับไรหนวดสีเดียวกัน...ครั้งแรกที่ผมเห็นพาลนึกไปถึงตัวร้ายในละครย้อนยุคที่ผมเคยดูกับอานิดบ่อยๆ...อดคิดไปไกลไม่ได้ว่าถ้าผมทำอะไรขัดใจท่านเพียงนิดคงได้โดนลงหวายเป็นแน่...


...นั่นก็เวอร์ไปครับไอ้ธีร์...


"เจ้าคุณไพศาลให้กระผมมาช่วยเรื่องงานเลี้ยงรับรองคณะทูตจากฝรั่งเศสขอรับ"คุณหลวงหนุ่มที่นั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของเรือนพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อม...ผมเองก็ได้แต่ไหว้ท่านตาม

"นึกว่าเจ้าคุณไพศาลจักมาเองเสียอีก"น้ำเสียงดุดันของเจ้าของเรือนทำเอาผมเงียบกริบทั้งๆที่ตั้งแต่มาก็ยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ

"เจ้าคุณมีงานด่วนขอรับ เลยให้กระผมมาแทน"หากแต่น้ำเสียงนุ่มนวลของคนข้างๆไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวเลยแม้แต่น้อย

"งานใหญ่แท้ๆ กลับให้คนที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้โดยตรงเป็นคนจัดการ...ใช้ไม่ได้"น้ำเสียงดุดันเย้ยหยัน...จนผมเองเริ่มหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งเงียบอยู่เฉยๆ

"เจ้าคุณท่านให้กระผมมาแจ้งรายละเอียดเบื้องต้น ส่วนเจ้าคุณจักมาพบท่านเจ้าคุณด้วยตัวเองภายหลังขอรับ"น้ำเสียงนอบน้อมของหลวงพิสิษฐเอ่ยตอบ...หนึ่งในข้อดีหลายๆข้อของคุณหลวงหนุ่มคือแกมีความอดทนเป็นเลิศและสามารถจัดการกับปัญหาตรงหน้าได้ดี...แม้แต่ในเวลาเช่นนี้

"แล้วนั่นใคร"สายตาคมปราดมองมาที่ผมที่กำลังนั่งตัวลีบอยู่ข้างคุณหลวง...คนตัวสูงปรายตามองผมเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบ

"นี่พ่อธีร์...ผู้ช่วยของกระผมขอรับ"

"สังกัดอยู่กรมไหน ข้ามิเคยเห็นหน้า"แม้ผมนั่งก้มหน้าแต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาดุดันที่จ้องอยู่

"พ่อธีร์มิได้สังกัดกรมใดขอรับ เพียงแต่มาช่วยงานกระผมเท่านั้น"

"วะ! ไอ้กรมนี้นี่มันอย่างไร จักจัดงานใหญ่กลับส่งใครไม่รู้มาคุยกับข้า"เสียงตวาดลั่นจากเจ้าของเรือนทำเอาผมสะดุ้งโหยง หากแต่คนข้างๆยังคงนิ่ง

"พ่อธีร์เขามีความรู้มาก รู้หนังสือและภาษาต่างประเทศ กระผมเลยให้มาช่วยงานขอรับ"อยากจะสะกิดบอกเจ้าตัวเหลือเกินว่าพยายามพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกกับคนแบบนี้...แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะสายตาคมกริบยังปราดมองมาไม่วางตา

"หากเสียการเสียงานขึ้นมาจักมาหาว่าเป็นเพราะกรมวังไม่ได้ล่ะ"น้ำเสียงเย้ยหยันจากเจ้าของเรือน...นี่ถ้าผมลุกไปต่อยได้...ผมทำไปแล้วครับ...ความอดทนผมมันไม่ค่อยจะมีเหมือนชาวบ้านเค้า เพียงแต่เกรงใจคนข้างๆว่าจะเสียงาน เลยได้แต่นั่งเงียบ...แต่มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ

"เอ้า มีอะไรก็ว่ามา ชักช้าเสียเวลาข้า"เถียงกันอยู่นานกว่าจะเข้าเรื่องได้...หลวงพิสิษฐเลยแจ้งข้อมูลของคณะทูตฝรั่งเศสที่จะมาถึงเดือนหน้าให้เจ้าพระยาเดโชฟัง...ก่อนจะอธิบายรายละเอียดของรูปแบบงานที่เจ้าคุณไพศาลและเจ้านายฝ่ายกรมการต่างประเทศได้คิดไว้ เพื่อเป็นแนวทางให้ฝ่ายกรมวังนำไปสานต่อ...ส่วนท่านเจ้าคุณเจ้าปัญหานี่ก็เอาแต่คอยขัด...ไอ้นั่นก็ไม่ดี...ไอ้นี่ก็ไม่ควร แต่คนข้างๆผมก็ยังวางเฉยได้...ผมล่ะนับถือเขาจริงๆ



"พ่อเจษฎ์...กลับมาแล้วรึ"น้ำเสียงดุดันของเจ้าของเรือนแทรกขึ้นระหว่างการสนทนาเมื่อเหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมา...รูปร่างสูงกำยำ ผิวกร้านแดด...ใบหน้าคมแต่แฝงแววเจ้าเล่ห์...แววตาดุดันไม่ต่างจากคนตรงข้ามผมเลยแม้แต่นิด

"นึกว่าใคร"ร่างสูงนั้นปราดตามองคนข้างๆผมก่อนจะส่งเสียงเย้ยหยัน

"สวัสดีหลวงเจษฎ์"ไอ้หน้าตาแบบนี้เขาเป็นคุณหลวงกันได้ด้วยเหรอครับ...มองมุมไหนก็ตัวโกงในละครชัดๆ...แถมฉายแววหนักกว่าเจ้าของเรือนเสียอีก

"สวัสดีขอรับเจ้าคุณพ่อ"ไม่ตอบรับคำทักทายจากอีกฝ่ายแต่กลับไปทักทายเจ้าของเรือนแทน...มารยาทดีเสียจริง

"ไปไหนมาตั้งแต่เช้า"ท่านเจ้าคุณผู้เป็นพ่อเอ่ยถามจนเจ้าตัวได้แต่อึกอัก...แต่ดูท่าผู้เป็นพ่อจะรู้จักนิสัยลูกชายดีเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ มีเพียงแค่แววตาดุดันที่ส่งให้ลูกชายเท่านั้น

"แล้วนี่มาทำอะไรที่เรือนข้า"เมื่อเถียงเจ้าของเรือนไม่ได้เลยหันมาลงกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้มาเยือนแทน

"เรามาคุยธุระกับเจ้าคุณท่าน"ตอบกลับเพียงสั้นๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์

"เป็นแค่หลวง มีธุระอะไรกับเจ้าพระยา"ถ้าผมจะเปลี่ยนใจจากต่อยหน้าพ่อมาเป็นต่อยปากลูกก่อนจะโดนจับเข้าคุกไหมครับ

"พ่อเจษฎ์"น้ำเสียงดุของผู้เป็นพ่อเอ่ยปราม จนอีกฝ่ายเงียบลงได้บ้าง ก่อนจะหันมาสบตากับผมที่นั่งเป็นใบ้ตั้งแต่มาถึง...แววตาเจ้าเล่ห์จ้องผมนิ่งพลางยกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ

"นั่นใครรึหลวงแก้ว"ถามอีกคนแต่จ้องหน้าผมนิ่ง...คนถูกถามหันมามองเล็กน้อย

"ผู้ช่วยเราเอง"ตอบกลับเสียงเรียบเช่นเคย

"งั้นรึ"ไอ้น้ำเสียงนี่มัน น่าต่อยนะครับ

"ชื่ออะไรเล่าพ่อ"แล้วยังมีหน้ามาถามชื่ออีก

"ชื่อธีร์ครับ"ด้วยมารยาทที่ยังพอมีผมเลยตอบกลับแต่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย

"ชื่อเพราะ"ยังคงยิ้มยั่วไม่เลิก

"พ่อเจษฎ์ มีอะไรก็ไปทำเสียก่อน พ่อจักคุยธุระ"เจ้าของเรือนกระแอมขัดขึ้น ลูกชายเลยได้แต่มองหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป...ก่อนที่แกจะหันกลับมาคุยธุระต่อ...

.

.

.

กว่าจะได้ลงจากเรือน ผมก็นั่งเกร็งจนเหน็บกิน...พอลงมาได้ถึงกับโพล่งออกมาเสียงดังอย่างโล่งใจ

"เป็นอะไรรึ"แล้วยังมีหน้ามาถามอีก...ไม่รู้เจ้าคุณไพศาลคิดอะไรถึงได้ให้ผมตามมาด้วยทั้งๆที่ผมเอาแต่นั่งนิ่งเป็นตอไม้ตั้งแต่ขึ้นเรือนจนได้ลงมานี่

"อึดอัดน่ะสิ ไม่รู้เจ้าคุณไพศาลจะให้ผมมาด้วยทำไม"ผมขมวดคิ้วแน่น...ให้มานั่งฟังธุระผมเองก็ไม่ได้มีปัญหา ติดที่สองพ่อลูกเจ้าของเรือนนี่ล่ะ...ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างๆ

"ขำอะไรครับ"

"ขำพ่อธีร์น่ะซี"ยังคงกลั้นหัวเราะ

"มีอะไรน่าขำ"ผมเลิ่กคิ้วถาม แค่เจอสองพ่อลูกนั่นยังหงุดหงิดไม่พอ ต้องมาหัวเราะเยาะกันอีก

"ไม่มีอะไร ฮ่ะๆ"ไม่มีอะไรแล้วก็หยุดขำเสียทีสิเว้ย

"คุณหลวง!"หันไปดุเข้าให้...เลยเงียบเสียงลงได้บ้างแต่ยังคงอมยิ้มอยู่

"แล้วหลวงคนนั้นเป็นใครครับ"ผมนึกถึงหน้ากวนๆของลูกชายท่านเจ้าคุณเจ้าของเรือนแล้วอดถามถึงไม่ได้...ไม่ได้พิสวาทอะไรนะครับ...แต่ไม่ถูกชะตา...สายตา ท่าทางเหมือนไอ้รุ่นพี่ตอนม.ปลายนั่นไม่มีผิด

"หลวงเจษฎารังสรร ลูกชายคนโตของท่านเจ้าคุณ สังกัดกรมเดียวกับท่านนั่นแหละ"

"หน้าตาดูไม่น่าเป็นหลวงเลยนะครับ"แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คุณหลวงหนุ่มหลุดหัวเราะออกมา

"ผมไม่ได้เล่นตลกให้ดูนะครับ ขำอยู่ได้"

"ก็เราตลกนี่ เมื่อกี้ใครนะที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่บนเรือนเจ้าคุณท่าน"เสียงหัวเราะเบายังลอยมาตามลม ชวนให้หงุดหงิดหนักกว่าเดิม

"จะเดินไปต่อยให้หน้าหงายก็เกรงว่าคุณหลวงจะเสียงานน่ะครับ"

"โถพ่อ...เขายังมิได้ทำอะไรให้พ่อเลย จักไปต่อยเขาเสียแล้ว ฮ่ะๆ"ยังขำไม่เลิก

"สมัยผมแค่เห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตาก็ต่อยกันได้ครับ"คนตัวสูงชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของผม

"สมัยพ่อรึ"

"เอ้อ ผมหมายถึงที่ที่ผมอยู่น่ะ"อ้อมแอ้มตอบ แถเสียจนสีข้างแทบไหม้

"กรุงเทพน่ะรึ"ผมพยักหน้ารับ...แต่อีกฝ่ายยังคงหรี่ตามองอย่างสงสัย

"ที่กรุงเทพอันธพาลคงเยอะล่ะซี พ่อถึงว่าแค่เห็นหน้ากันก็มีเรื่องกันได้เสียแล้ว"

"ก็ทำนองนั้น"ผมตอบพาลนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย...อันธพาล...หลวงพิสิษฐจะรู้ไหมนะว่าอีกร้อยกว่าปีสยามจะเต็มไปด้วยคนอย่างที่หลวงแกว่า

"แล้วคุณหลวงจะพาผมไปเที่ยวไหนครับ"นึกขึ้นได้เลยหันกลับไปถาม

"อยากไปที่ไหนล่ะพ่อ"

"ไม่รู้เหมือนกัน คุณหลวงพาไปไหนผมก็ไป"

"ที่ไหนก็ได้รึ"ผมเห็นรอยยิ้มกวนของอีกฝ่ายแล้วชักไม่แน่ใจ...นี่ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่านะ
.

.

.
"คุณหลวงครับ"ผมเอ่ยเรียกคนตัวสูงเมื่อรถลากมาหยุดอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง...หลวงพิสิษฐหันมามองเป็นเชิงถาม

"ที่บอกว่าจะพามาเที่ยวเนี่ย"

"พามาเที่ยววัดนี่นะครับ?"อยากจะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยาให้มันรู้แล้วรู้รอด...มองออกไปข้างทางเห็นอุโบสถสีขาวนวลกับหลังคาทรงแหลมโผล่พ้นขอบกำแพงสูง

"ไม่ดีรึ"น้ำเสียงยียวนตอบกลั้วเสียงหัวเราะ

"ด้านในเขามีงาน...จักพาไปดู"แล้วไป นึกว่าจะพามาไหว้พระ

"งานอะไรครับ"ผมขมวดคิ้วถาม

"ช่างซักเสียจริงนะพ่อ...มาเถิด เดี๋ยวพ่อก็เห็น"ว่าพลางก้าวลงจากรถลากแล้วหันมา...มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าหมายจะช่วยผมให้ลงจากรถได้ง่ายขึ้น...ผมลังเล...หัวใจที่เต้นเป็นปกติมาได้เสียทั้งวันกลับระส่ำไม่เป็นท่า

"ไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ"บ่ายเบี่ยงตอบ...คนตัวสูงเลยชักมือกลับ

"เฮ้ยยยยย!"แล้วก็คิดได้ว่าเมื่อกี้ควรจะยื่นมือไปจับเสียก็ดี เพราะขณะที่ผมกำลังก้าวขาลงจากรถลากคันใหญ่ เท้าดันไปสะดุดกับขอบไม้ด้านข้างจนเซไม่เป็นท่า...คนตัวสูงที่เห็นเหตุการณ์รีบยื่นมือออกมารับทันที...ผมหลับตาด้วยความกลัวเพราะคิดว่าคงเจ็บตัวเป็นแน่ หากแต่ได้ท่อนแขนแกร่งของอีกฝ่ายที่รั้งตัวผมไว้ได้เสียก่อน

"เป็นอะไรหรือเปล่าพ่อ"เสียงนุ่มเอ่ยถาม...รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นข้างๆหู...ผมรีบผละออกทันทีเพราะใจที่เต้นระส่ำอยู่ตอนนี้...รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า...เมื่อเห็นภาพตัวเองซุกอยู่กับอกกว้างนั้น

"ม่ะ...ไม่เป็นไรครับ"รีบตอบกลับจนลิ้นพันกัน...ไม่กล้ามองหน้า แล้วเดินนำหน้าไปทันที

...เกือบไปแล้วไอ้ธีร์เอ๋ย...


เดินผ่านประตูใหญ่หน้าวัดเข้ามาก็ต้องตื่นตาไปกับภาพตรงหน้า...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น...งานวัดสมัยโบราณ...ก็ไม่เชิงเป็นงานวัดหรอกครับเพราะเขาจัดกันตั้งแต่กลางวัน ออกจะเหมือนตลาดเสียมากกว่า เพราะเห็นมีชาวบ้านมาตั้งซุ้มขายของกันเต็มพื้นที่...ทั้งขนม ของเล่น หรือแม้แต่ผลไม้ก็ยังมี...เรียกได้ว่าใครใคร่ขายอะไรก็เอามาขายกัน...ผมเดินมองร้านนั้นร้านนี้อย่างตื่นตาด้วยความที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน...จริงอยู่ว่าประเทศไทยสมัยนี้ก็ยังพอมีงานวัดให้เราได้เดินชมอยู่บ้าง แต่ก็หาได้น้อยเหลือเกินที่จะทำได้ย้อนยุคสมจริงเหมือนภาพที่ผมเห็นอยู่ในขณะนี้

ผมเดินนำคนตัวสูงพลางหยุดดูร้านนั้นทีร้านนี้ที อีกฝ่ายก็ไม่บ่นอะไรเพียงแค่เดินตาม ส่วนพวกพ่อค้าแม่ค้าพอเห็นผมหยุดยืนหน้าร้านหน่อยก็ส่งเสียงหวานชักชวนให้เข้าไปชม...ทั้งขนมโบราณรูปร่างแปลกตาที่แม้แต่ปัจจุบันก็หาทานไม่ได้แล้ว ผมก็มีโอกาสได้ลิ้มลอง...ฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ ยิ่งได้เห็นวิธีทำกันสดๆด้วยแล้วก็ยิ่งทึ่งในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษยิ่งนัก เพราะกว่าจะออกมาเป็นขนมแต่ละชิ้น คนทำต้องใส่ใจในรายละเอียดและประดิษฐ์ออกมาให้งามทั้งรูปและรส...เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆ

"มาถึงวัดทั้งที เข้าไปไหว้พระเสียหน่อยเถิด"เสียงหลวงพิสิษฐชักชวนหลังจากผมเดินดูจนรอบ ผมเลยเดินตามเข้าไปในอุโบสถของวัด...พระประธานองค์ใหญ่สีทองอร่ามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า...อีกทั้งลวดลายตามฝาผนังด้านในก็วิจิตรบรรจงยิ่งนัก...ผมนั่งลงพับเพียบตามด้วยคนตัวสูงที่นั่งลงข้างๆเช่นกัน...สองคนพนมมือตั้งจิตอธิษฐาน...ผมไม่รู้หรอกว่าเขากำลังอธิษฐานอะไรอยู่...แต่ผมก็เพียงขอพรพระท่านในใจเช่นกัน...


"ชอบรึไม่พ่อ"เจ้าของร่างสูงที่เดินตามอยู่ด้านหลังถามขึ้นเมื่อเดินออกมาถึงรถลากที่จอดรออยู่

"ชอบมากครับ"ผมพยักหน้าตอบ

"คราวหน้าจักพาไปงานภูเขาทอง...ใหญ่โตกว่านี้มาก จัดกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเชียว"พูดให้ผมอยากจะไปมันเสียพรุ่งนี้เลย...ผมเคยได้ยินเรื่องงานภูเขาทองมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสไปตอนเขามีงานกันสักที เคยก็แค่ขึ้นไปไหว้ตอนกลางวันกับอานิดเท่านั้น...ชักอยากจะเห็นงานภูเขาทองสมัยนี้ว่าจะงดงามเพียงใด


"แต่มิรู้ว่าป่านนั้นพ่อจักอยู่หรือไม่"แต่น้ำเสียงเรียบเฉยนั้นทำเอาผมนิ่งไป...ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...เลยทำได้เพียงสูดหายใจลึกแล้วส่งยิ้มโปรยไปให้


"ต้องอยู่สิครับ"คำพูดที่ทำเอาอีกฝ่ายเผลอยิ้มออกมา...ตัวผมเองก็เช่นกัน...แม้ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงไหม แต่ถ้าให้ผมเลือกตอนนี้...ผมเลือกที่จะอยู่...อยู่ข้างๆแบบนี้โดยไม่ต้องการคำตอบอะไรอีกเลย...


...นั่นคือคำอธิษฐานของผม...

.................................................................


จบไปอีกตอน...แอร๊ยยยย! วันนี้น้องธีร์มาเจ้าค่ะ  :hao7:

น้องธีร์ : อิเจ้...ยืดเยื้อออออ
อิเจ้ : โถพ่อคุณ ใจเย็นๆ
น้องธีร์ : มีเพลงจะร้องให้ฟัง
อิเจ้ : (คิดในใจ) เพลงไรฟระ
น้องธีร์ : เมื่อไหร่จะเข้าใจ...เมื่อไหร่จะรักกันนนนนนน (เพี้ยนสูง)
อิเจ้ : (ยกมืออุดหู) พอค่ะลูก! รอเป็นม๊ายยยยย
น้องธีร์ : รอมา 12ตอนแล้วเนี่ย
อิเจ้ : งั้นตอนหน้าจับกดเลยดีมั้ยคะลูก
น้องธีร์ : เอา!
อิเจ้ : เฮ้ยแกร! ใจเย็น คนอ่านตกใจหมด อิมเมจค่ะลูก อิมเมจ
น้องธีร์ : แหมมันลืมตัว (ยกมือขยี้หัวอย่างเขินอาย)
อิเจ้ : ไปๆ ไปนอนฝันถึงคุณหลวงต่อ ชิ้วๆ
น้องธีร์ : ไปก็ได้ ชริ (สะบัดตูดขึ้นเรือน)

อิเจ้ : สงสัยลูกอิชั้นจะเก็บกด  :mew5:

กร้ากกกกก ไปดีฝ่าาาาาาาา ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2014 18:56:51 โดย Vivid_Vuitton »

meili run

  • บุคคลทั่วไป
กดเลยค่ะ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
คงต้องคอยอีกหลายเพลากว่าจะได้รักกัน  :katai5:
.
.
.
หลวงเจษฎ์อะไรนั่นต้องชอบพ่อธีร์แน่ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ลุ้นค่ะะะะะะะะะะ
เอาเลยธีร์ ปล้ำ ชักช้าอยู่ใย กร้ากกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เมนท์2ตอนรวดเลยนะคะ แหม คราวนี้พ่อธีร์มีการส่งเมสเสจได้ทัน คงไม่อยากหูชามากเวลากลับไป(เมื่อไหร่ล่ะ?) ทำไมพ่อแก้วถึงดูตึงๆไป คิดถึง เป็นห่วงเค้าก็บอก ไม่ใช่เอางาน เอาผู้ใหญ่มาบังหน้า เชอะ! พ่อแช่มกับคุณพิกุลนี่ชักจะยังไง ว่าแต่คุณหญิงจะไม่รู้สึกแปลกๆเหรอ สมัยนั้นผู้ชายที่ไหนเข้าครัวเล่า เอ้อ   แอบงงเจ้าคุณไพศาลทำไมถึงให้เปิดตัวพ่อธีร์ อาจจะพาออกงานรึเปล่าหว่า พูดภาษาอังกฤษได้นี่นา พ่อเจษฎ์ออกมาปุ๊บ โอ๊ย ตัวร้ายมาแล้วค่า ได้มีเหตุการณ์ลุ้นระทึกในตอนต่อๆไปแหงๆ ตอนนี้พ่อธีร์นี่ชัวร์แล้วใช่มั้ยว่าชอบพ่อแก้ว แต่พ่อแก้วนี่ ให้คำนึงนะคะ "อ่อย!" โอ๊ย จะขี้อ่อยไปถึงไหน อ่อยพ่อธีร์จนคนอ่านจะเขินตัวบิดแล้ว จริงๆนะ พอเจอสายตาพ่อแก้วปุ๊บ โอ๊ย บิดเลย เขินแทน โอ๊ย อยากจะบ้า นี่ไม่ได้อยากแย่งพ่อแก้วมาจากพ่อธีร์นะ แต่จะขอเป็นพ่อธีร์เองเลย กร๊ากกก

กำลังคิดอยู่ว่าตัวละครในอดีต อาจมีซักคนเป็นคุณทวดของพ่อธีร์รึเปล่า...

ไปๆมาๆก็แอบวูบคิด รีบเปิดย้อนไปตอนแรกๆ -กลับมาหาเราเถิด...เราคิดถึงพ่อธีร์เหลือเกิน- เหย มันแปลว่า ท้ายที่สุด พ่อธีร์ก็จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันงั้นเหรอ เอ้า หน่วงเลยทีนี้

ขอโทษที่เมนท์เยอะและใส่ความคิดในการคาดเดาของเราเข้าไปเยอะมากอีกแล้ว
รออ่านต่อนะคะ บอกเลยว่าชอบเรื่องนี้มากจริงๆ

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
พ่อเจษฎ์นี่ไม่ค่อยน่าไว้ใจแฮะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชักช้าขนาดนี้คงได้กินหรอกหลวงแก้ว

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๑๓...โอ้เจ้าจอมขวัญ (Champ's Vision)


...แสงแดดอุ่นยามเช้าทอแสงลอดบานหน้าต่างไม้ในห้อง ไม่ต่างอะไรกับนาฬิกาปลุกที่ทำให้ผมรู้สึกตัว...ผมขยับตัวไปมาพลางบิดขี้เกียจไล่ความงัวเงียก่อนจะลืมตาตื่น...คนที่นอนอยู่ข้างๆไม่อยู่แล้ว คงจะไปอีกเรือนตั้งแต่เช้าเหมือนเคย...มันตื่นก่อนผมเสมอเพราะต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควรกว่าจะไปถึงเรือนของพระยาไพศาลราชวราการ...ส่วนผมสบายหน่อยเพราะไม่ต้องเสียเวลานั่งเรือไปไหนต่อไหน...แค่ลุกมาอาบน้ำ แปรงฟัน ก็พร้อมจะเริ่มต้นวันใหม่ได้ง่ายๆ

...วันนี้เจ้าคุณจิตราต้องเข้ากรม...ท่านเลยฝากงานกองโตไว้ให้ผมทำเช่นเคย...หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมาก...แค่แปลเอกสารภาษาฝรั่งเศสให้ท่าน เพราะท่านเองไม่ได้เรียนมา...แต่ระดับพระยาจิตรานุวัตรใช่ว่าจะไม่มีความรู้ ท่านเรียนทั้งภาษาอังกฤษ เยอรมัน หรือแม้แต่ภาษาโปรตุเกส ที่ในสมัยผมจะหาคนพูดภาษานี้ในประเทศก็นับว่ายากเต็มที...แต่เจ้าคุณก็พอพูดได้บ้าง

...ชีวิตประจำวันของผมก็อย่างที่เห็น...ตื่นเช้า กินข้าว หมกตัวอยู่ในห้อง หรือเบื่อหน่อยก็ออกไปนั่งที่ท่าน้ำ แต่ที่ที่ชอบไปมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น...โรงครัว...หยุดครับ ผมไม่ใช่พวกเห็นแก่กินที่วันๆเอาแต่ไปเฝ้าหาของกินในครัว...แต่ที่ไปเพราะอย่างอื่นต่างหากล่ะ

"คุณพิกุลเจ้าคะ น้ำเดือดแล้วเจ้าค่ะ"เสียงของอ่อน บ่าวผู้หญิงในโรงครัวดังขึ้น เรียกให้เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งสลักริ้วลายลงบนมะเขือลูกเล็กชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะผละจากงานตรงหน้าเพื่อเดินไปดู...วันนี้เห็นว่าจะทำน้ำพริกกับแกงคั่วส้ม ผมเองก็ไม่รู้จักหรอกว่ามันคือแกงอะไร เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้ยิน แต่คงเป็นแกงกะทิแน่ เพราะเห็นบ่าวผู้หญิงอีกคนเตรียมขูดมะพร้าวคั้นน้ำกะทิอยู่ไม่ไกล

"เดือดกำลังดี เอ็งเอาปลาช่อนลงต้ม แล้วอย่าทิ้งไว้นานเนื้อมันจักแข็ง"หันกลับไปบอกบ่าวผู้หญิงคนเดิม...ก่อนจะเดินมาดูทางฝั่งป้าน้อยที่กำลังนั่งโขลกเครื่องแกงอย่างหนักมืออยู่บนแคร่หน้าโรงครัว

"เบามือหน่อยป้าน้อย เดี๋ยวแหลกเสียหมดแกงมันจักไม่ข้นเอา"ป้าน้อยเลยลดระดับมือลงมาได้บ้าง ปกติป้าน้อยแกเป็นแม่ครัวใหญ่ประจำเรือน แต่พอลูกสาวเจ้าของเรือนกลับมาเลยกลายมาเป็นลูกมือเสียแทน

"อ้ายแช่ม เอ็งยุ่งอยู่หรือไม่ เอาผักบุ้งนี่ไปล้างให้ข้าที"เสียงป้าน้อยที่เหลือบมาเห็นผมนั่งอยู่ไม่ไกลตะโกนเรียก...ป้าแกก็คงเห็นแหละครับว่าผมไม่ได้ทำอะไร แต่จะเรียกใช้เลยก็คงเกรงใจเพราะช่วงนี้ผมต้องทำงานให้เจ้าคุณจิตราเกือบทุกวัน

"ว่างครับป้า...ไหนๆ มีแค่นี้เหรอ"ผมตอบรับพลางเดินไปยกกระจาดผักบุ้งที่วางอยู่บนแคร่ข้างๆแก ก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ในครัว...ผมชอบมองเวลาเธอทำกับข้าว...มันดูเนิบนาบแต่ชวนมอง...เธอไม่ได้รีบร้อนอะไรเลย ทำให้อาหารของเธอออกมาปราณีตบรรจงแถมรสชาติยังหาที่ติไม่ได้

"เอ้าอ้ายนี่ มัวแต่ยืนเหม่อ...รีบไปเข้าเดี๋ยวคุณพิกุลแกต้องใช้"เสียงเรียกของป้าน้อยทำเอาผมได้สติ ก่อนจะเดินไปตักน้ำในโอ่งใกล้ๆโรงครัวแล้วเอาผักบุ้งลงไปแช่...อันที่จริงฝีมือการทำอาหารของผมนี่ต้องบอกว่า...สอบตกครับ...ผมทำกับข้าวไม่เป็นเลยเพราะตั้งแต่เด็กม๊าเป็นคนทำตลอด หรือถ้าม๊าไม่อยู่ผมก็โทรสั่งเอา หรือไม่ก็แค่เดินออกไปปากซอยก็มีของกินให้เลือกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่...

"ผักบุ้งได้หรือยังพ่อแช่ม"เสียงหวานเรียกขึ้น ผมหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่...วันนี้เธอห่มสไบสีกลีบดอกบัวตัดกับโจงกระเบนสีเปลือกมังคุด คาดทับด้วยเข็มขัดนากเส้นโต...ผมยาวประบ่าถูกเสยรวบเผยกรอบหน้าหวานฉ่ำ

"เสร็จแล้วครับ"ผมว่าพลางยกถาดผักบุ้งขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำก่อนจะถือตามเธอเข้าไปในโรงครัว

"นี่เขาเรียกแกงคั่วส้ม ใช้หัวกะทิผัดกับพริกแกงและเนื้อปลาช่อนให้หอม แล้วจึงเติมหางกะทิ ส่วนเนื้อปลาที่เหลือหั่นไว้เป็นแว่นแล้วใส่ตาม ผักบุ้งนี่ก็เช่นกัน"เธออธิบายวิธีทำยาวเหยียดที่ผมเองก็จำไม่ได้หรอก แต่ไม่ได้ขัดเพราะเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเธอเวลาคุยเรื่องกับข้าวกับปลาแล้วมันพาลอารมณ์ดีตามไปเสียนี่


...คุณว่าผมอาการหนักไหมครับ?...

...ผมเองก็คิดแบบนั้น...


ตั้งแต่กลับมาที่เรือนเจ้าคุณจิตราได้อาทิตย์กว่า ผมก็ใช้ชีวิตประจำวันแบบนี้มาตลอด...การได้นั่งมองหน้าลูกสาวเจ้าของเรือนเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมต้องทำทุกวัน...จะหาว่าผมบ้าก็ได้...แต่วันไหนไม่ได้เห็นหน้าสวยๆนี่แล้วมันพาลหงุดหงิดทำงานไม่รู้เรื่องไปเสียอีก...


อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบทำเวลาอยู่ว่างๆก็คือการได้ใช้ความรู้ที่ผมเรียนมา...ก็การวาดรูปนั่นแหละ...จนถึงตอนนี้ผมวาดเสร็จไปสิบกว่ารูปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพบ่าวในโรงครัว เรือนไม้สัก หรือท่าน้ำ...แต่ที่วาดบ่อยที่สุดก็เห็นจะเป็น...นางแบบเฉพาะกิจของผมคนนี้นี่แหละ...แต่อย่าเอ็ดไปนะครับ เจ้าตัวเขาไม่รู้หรอก เพราะผมชอบแอบมานั่งวาดของผมอยู่ไกลๆ...อย่างตอนนี้ผมก็มานั่งอยู่ริมท่าน้ำวาดนู่นวาดนี่ไปพลางๆ

"ชอบมานั่งที่ท่าน้ำเสียจริง"เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง

"ก็ไม่มีที่ไหนให้ไปนี่ครับ...จะไปโรงครัวก็กลัวบางคนจะเบื่อหน้า"ผมเริ่มคุ้นเคยกับบทสนทนาพวกนี้ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมกับเธอก็มีโอกาสได้คุยกันบ่อย...เพราะผมชอบไปเสนอหน้าให้เธอเห็นบ่อยๆเองล่ะครับ

"ป้าน้อยรึ"ถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะ

"ไอ้มิ่งน่ะครับ"ผมตอบแก้เก้อ คนตรงหน้าเลยยิ่งยิ้มหวานหนักเข้าไปอีก

"พรุ่งนี้คุณพิกุลจะไปวัดเหรอครับ"ผมถามขึ้นเพราะได้ยินเธอสั่งพวกบ่าวในครัวให้เตรียมของใส่บาตรพรุ่งนี้เช้า

"ใช่...วัดใกล้ๆเรือนนี้เอง"

"มีคนไปด้วยรึยังครับ"ผมถามต่อ

"มีแต่พวกบ่าว...ถามทำไมรึ"

"เผื่ออยากให้ไปด้วย"ผมสังเกตเห็นพวงแก้มใสมีสีระเรื่อแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

"แล้วจักไปหรือไม่เล่า"

"แหม่ ไม่น่าถาม...ไปสิครับ"ว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวเกรียนๆของตัวเองแก้เก้อ...คุณพิกุลเธอเป็นสาวแรกแย้ม งามตามแบบหญิงไทยสมัยโบราณ...ซึ่งหาไม่ได้แล้วในกรุงเทพยุคปัจจุบัน...ก็เด็กสาวสมัยนี้อายุ18 บางคนก็เข้าผับเข้าบาร์ มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หรือขั้นย้ายไปอยู่กับแฟนก็มี...แต่คุณพิกุลแกตรงกันข้ามเพราะคุณหญิงสร้อยแกส่งเข้าไปอยู่ในวังตั้งแต่ยังเล็ก เธอเลยได้เรียนรู้มารยาทชาววังมาครบถ้วน...ทั้งกิริยา วาจา แล้วยังฝีมือการทำอาหาร...จนถึงตอนนี้แม้ผมกับเธอจะสนิทกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้แม้แต่คิดจะแตะเนื้อต้องตัวเธอเลยแม้แต่น้อย...เพราะผมให้เกียรติ...ด้วยเธอเป็นผู้หญิงที่สมควรได้รับเกียรติเสียเหลือเกิน


ผมเคยถามเธอเรื่องหลวงพิสิษฐเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ที่ผมได้ยินเรื่องเธอกับคุณหลวงแรกๆ...เธอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

'มีแต่คนถามเรา ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ เจ้าคุณไพศาล นี่พ่อแช่มก็ยังถามเราอีกคนรึ'อยากรู้ก็ต้องถามสิครับ ก็ผมชอบเสือก เอ๊ย! เอาเถอะ จะเรียกอะไรก็ช่าง

'เรากับหลวงแก้วเห็นกันมาแต่เล็ก เรานับถือหลวงเธอเหมือนพี่ชายเพราะเราเองมีแต่พี่สาว ส่วนเรื่องออกเรือน ถ้าผู้ใหญ่ท่านเห็นสมควร เราก็ขัดอะไรมิได้'พูดถึงตรงนี้สีหน้าเธอเจื่อนลงเล็กน้อย

'แล้วคุณพิกุลไม่มีคนที่ชอบอยู่เหรอครับ'ผมถามแบบไม่คิดอะไร เพราะต่อให้เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอย่างไร เรื่องความรู้สึกบางทีมันก็ห้ามกันไม่ได้

'เราอยู่แต่ในวัง ข้าหลวงของหม่อมท่านก็มีแต่ผู้หญิง จักไปแลชายใดได้'คำตอบที่ทำเอาผมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง

'ชายแถวนี้ก็ยังมีอยู่ทั้งคน'ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง

'พ่อว่ากระไรนะ'แต่เหมือนอีกคนจะได้ยินเสียนี่ เลยต้องรีบปฏิเสธพัลวัน


หลายครั้งที่ผมคิดว่า...ควรจะหยุดความคิดของผมไว้เท่านี้...เพราะตัวผมเองไม่รู้เลยว่าวันไหนที่ผมจะต้องกลับไปยังที่ของผม...แล้วถ้าถึงวันนั้นจริงๆผมกับเธอจะเป็นอย่างไร...แต่ทุกครั้งที่ผมได้เห็นใบหน้าหวานกับรอยยิ้มกระจ่างนี้...มันทำให้ผมตัดใจไม่เคยได้เสียที...ผมยังคงไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวโรงครัวทุกครั้งที่เธอลงครัวทำอาหาร...แอบนั่งมองเธอเย็บปักถักร้อยบนเรือน จนบางทีคุณหญิงสร้อยแกสงสัย ต้องออกโรงขัดคออยู่บ่อยๆ...แน่ล่ะครับ ผมมันแค่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาอาศัยเรือนเขาอยู่...ยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรก็ไม่มี...ใครเขาจะอยากยกลูกสาวให้กันล่ะ


หากแต่ความสัมพันธ์ของผมกับเธอมันก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ...ผมรู้สึกดีที่ได้เห็นหน้าหวานๆนี่ทุกวันโดยที่ไม่คิดแม้แต่อยากจะแตะต้อง...น่าตลกตัวเองสิ้นดี...ไอ้แชมป์ที่เวลาไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนทีก็ได้หญิงกลับบ้านแทบทุกครั้ง หรือแม้แต่สาวๆในมหาวิทยาลัยบางคน ผมก็เคยได้มาแล้ว...ไม่ได้ชั่วนะครับ แต่บางทีตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดัง...แต่มาดูผมตอนนี้สิ...แค่ได้นั่งมองหน้าของคนตัวเล็กนี่ทั้งวัน ผมกลับมีความสุขจนไม่อยากได้อะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว...


วันที่ผมคิดว่าผมรู้ความรู้สึกของเธอ...คือวันที่ผมกลับมาจากโลกปัจจุบันอีกครั้ง...เช้าวันรุ่งขึ้นเธอเข้ามาคุยกับผมด้วยสีหน้าเครียด...ถามว่าผมหายไปไหนมา ซึ่งผมเองก็ไม่มีคำตอบอะไรให้เธอ...สีหน้าเธอตอนนั้นดูผิดหวัง...ไม่เชิงโกรธแต่เหมือนน้อยใจเสียมากกว่า...ผมเหลือบเห็นดวงตาเธอรื้นด้วยน้ำตาแต่ก็พยายามสะกดมันไว้...และวินาทีนั้นเอง...ที่ผมเอื้อมมือออกไปเกลี่ยหยาดน้ำตานั้นเพียงแผ่วเบา...นั่นเป็นครั้งแรกทีผมได้สัมผัสเธอ...และเธอไม่มีมีท่าทีรังเกียจอะไร...ทำให้ผมได้รู้...ว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว...


แต่เรื่องเดียวที่ผมกังวลมาตลอด...ผมจะปิดคนตัวเล็กนี้ได้อีกนานแค่ไหนถึงที่มาที่ไปของผม...ถ้าวันหนึ่งผมต้องกลับไป...เธอจะเป็นอย่างไร...แล้วถ้าผมไม่ได้กลับมาอีกล่ะ...
.
.
.
.
ไอ้ธีร์กลับมาถึงเรือนตอนใกล้ค่ำ...เมื่อวานตอนมันกลับมาดูมันอารมณ์ดีพิกล แต่ถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกผมแค่มันออกไปเที่ยวงานวัดมา...ผมล่ะอยากถีบมันจริงๆ ได้ออกไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ ดูผมสิ ได้แต่นั่งแกร่วอยู่กับบ้าน

"มึง"ผมเรียกมันขณะที่เราสองคนอยู่ในห้อง...นี่ก็อีกกิจกรรมประจำวัน ต้องกวนตีนกันก่อนไม่งั้นนอนไม่หลับ...ผมล้อเล่นครับ ก็แค่คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสา...ไอ้คนถูกเรียกที่กำลังนั่งเช็ดผมยาวๆของมันอยู่หันกลับมามอง

"มึงว่าเราควรบอกคนที่นี่เรื่องที่เรามาจากอนาคตดีป่ะวะ"มือที่เช็ดผมของมันอยู่ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตามองผมอย่างสงสัย

"คนที่นี่ของมึงน่ะใคร โปรดระบุ"ยักคิ้วกวนให้ผมอีกที...เดี๋ยวนี้ผมว่ามันชักจะกวนประสาทขึ้นทุกวัน

"ก็คนที่นี่อ่ะ...เจ้าคุณ คุณหญิงสร้อยไรงี้"ผมพยายามบ่ายเบี่ยง

"อยากบอกพ่อเค้าหรือลูกสาวเค้า เอาให้แน่"มันหัวเราะเบาๆ...ไอ้ธีร์รู้เรื่องผมมากกว่าใคร ถึงแม้มันไม่เคยถามและผมไม่เคยเล่า...แต่ผมก็รู้ว่ามันดูออก...เหมือนที่ผมเองรู้เรื่องของมันกับใครบางคนโดยที่มันก็ไม่เคยเล่าให้ผมฟังเช่นกัน แล้วผมก็ไม่คิดจะถามเพราะผมรู้นิสัยปากหนักของมันดี ถ้าไล่ไม่จนยังไงมันก็ไม่ปริปากพูด เลยได้แต่แซวกันไปแซวกันมาอย่างที่เห็น

"ตกลงจะบอกลูกหรือบอกพ่อ"มันยังถามซ้ำเมื่อผมเงียบไป

"พ่อคงไม่เชื่อป่ะวะ บอกลูกก่อนมั้ย"ผมเนียนตอบ

"ถุ้ยยย ไม่เนียนนะมึง"นั่นไง โดนมันโบกอีกจนได้

"บอกไปเค้าก็ไม่เชื่อมึงหรอก มึงจะเดินดุ่มๆไปบอกเค้าเหรอไง...คุณพิกุลครับ แชมป์มาจากอีกร้อยกว่าปีข้างหน้า...เค้าได้หาว่ามึงบ้า"ถูกของมัน...แต่ผมไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้...ถ้าวันหนึ่งผมหายไปอีกล่ะ

"กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงกับคุณพิกุลน่ะยังไง...แต่ทำอะไรก็คิดดีๆ...วันนึงเราก็ต้องไปนะแชมป์...มึงอย่าลืม"พูดมาถึงตรงนี้ผมเห็นหน้ามันเองก็เจื่อนลงไม่แพ้กัน...ตัวมันเอง ก็คงพยายามไม่น้อยไปกว่าผม...

"กูไม่เคยเป็นงี้เลยว่ะ กูเครียด"

"มึงโตขึ้นไงแชมป์...มึงเป็นผู้ใหญ่แล้วเพราะมึงรู้จักคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง"คำพูดเรียบๆเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ถ้าเป็นคนที่รู้นิสัยมันดี ผมเข้าใจว่ามันเป็นห่วง


"ก๊อกๆ"เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไอ้ธีร์เลยเป็นคนลุกไปเปิดเพราะตอนนี้ผมขึ้นมานอนแอ้งแม้งบนเตียงเรียบร้อย...แล้วก็ต้องลุกพรวดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าประตู

"คุณพิกุล...มาหาใครเหรอครับ"ไอ้ธีร์ถามขึ้นก่อนจะหันมายักคิ้วกวนให้ผม

"จักมาบอกพ่อแช่มว่าพรุ่งนี้เราจักไปแต่เช้าให้รีบตื่น"เสียงหวานเอ่ยตอบ ผมพยักหน้ารับ


"อ้าว จะไปไหนวะธีร์"ผมส่งเสียงเรียกคนที่ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง

"อาบน้ำดิ จะให้นอนทั้งเหม็นๆงี้เหรอ"ได้ยินเสียงหัวเราะของมันเบาๆแล้วอยากจะลุกไปยันโครมเข้าให้...ไม่เนียนเลยนะมึงนี่ ออกไปอาบน้ำทั้งที่เพิ่งสระผมมา แถมหัวยังเปียกซ่ก


"ทำไมยังไม่นอนครับ"ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู คงไม่งามเท่าไหร่ถ้าจะให้เธอเข้ามาในห้องยามวิกาลเช่นนี้

"กำลังจะไปนอน นึกขึ้นได้เสียก่อนว่ายังไม่ได้บอกว่าจักออกแต่เช้า"เสียงหวานเอ่ยตอบ

"เราไปนอนก่อน พบกันวันพรุ่งนะพ่อ"ว่าพลางเอื้อมมือมาดึงประตูห้องให้ปิดลง แต่ผมฉวยข้อมือเล็กนั้นไว้เสียก่อน...เธอช้อนสายตามองผมเล็กน้อยเป็นเชิงถาม

"ผมมีอะไรจะให้"ว่าพลางปล่อยข้อมือเล็กนั่นแล้วเดินมายังโต๊ะหน้ากระจกที่มีเศษกระดาษวางเกลื่อน อีกฝ่ายยังคงมองตามมือผมที่ค้นหาอะไรบางอย่างก่อนจะที่เจอเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่ง...ผมหยิบมันขึ้นมาม้วนอย่างดีแล้วเดินกลับมายื่นให้คนตรงหน้า

"อะไรรึ"

"หลายอย่าง...คุณพิกุลเปิดดูเองละกันนะครับ"ผมยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าสงสัย

"คุณพิกุลครับ..."เรียกชื่อขึ้นอีกครั้ง...คนตัวเล็กช้อนสายตาขึ้นมองหน้า

"วันนึงผมอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว...ถ้าวันนั้นมาถึง...ผมขอให้คุณพิกุลอย่าลืมผมนะครับ"ใบหน้าหวานของอีกฝ่ายระเรื่อด้วยสีชมพู แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม

"พ่อแช่มจักไปไหน"

"ผมไม่อยากไปครับ...แต่ถ้าถึงเวลาก็ต้องไป"คำตอบที่ไม่ได้ช่วยให้ความกระจ่างเลยแม้แต่น้อย

"ถ้าวันนั้นมาถึง...ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะครับ"ผมยิ้มหวานให้...คนตัวเล็กที่ยังคงมีแต่คำถามแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

"อีกอย่าง..."

"ผมอยากให้คุณพิกุลเรียกชื่อผม"คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย

"พ่อแช่ม"เรียวปากบางเรียกชื่อออกมาเบาๆ

"ไม่ใช่ครับ......ผมชื่อแชมป์..."

"แชมป์...รึ"เพียงแค่ครั้งเดียวที่ผมบอกชื่อ เธอก็เรียกมันได้ไม่ผิดเพี้ยน

"ครับ...ผมชื่อแชมป์...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"ผมยิ้มหวานให้อีกครั้ง ยิ่งทำให้คนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้างุด

"เราไปนอนได้รึยัง"ถามกลับเสียงเบาแต่ไม่ยอมสบตา

"ได้แล้วครับ...พรุ่งนี้เจอกันนะครับ...ฝันดี"เอื้อมมือไปแตะแก้มใสสีชมพูระเรื่อนั้นเบาๆ ก่อนที่มือเรียวเล็กจะดึงบานประตูให้ปิดลง...ผมได้แต่ยิ้มตามกับสิ่งที่เพิ่งทำไปทั้งหมด


...ผมทำได้แค่นี้...

...ถ้าวันหนึ่งผมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว...ผมก็ยังอยากเห็นเธอมีความสุข...





"พระเอกสัส"

"เชี่ยธีร์!"โอ๊ย มึงนะมึง กูยังซึ้งได้ไม่ถึงสองนาที มายืนพิงประตูเก๊กหน้าหล่ออีก...แล้วนั่น คำพูดเมื่อกี้...แสดงว่ามึงแอบฟังอยู่สินะ

"แอบฟัง...สันดานนะ"ผมด่ากลับแต่รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนวูบ...หมดกันชีวิตไอ้แชมป์ อุตส่าห์เก๊กกวนตีนมันมาได้ตั้งนาน

"กูป่าว เพิ่งนึกได้ว่าลืมของ แต่มึงมีแขกกูก็เลยต้องยืนรอมึงคุยกันเสร็จก่อน หึหึ"เห็นหน้ากวนๆของมันแล้วผมขอยันโครมให้สักที...ไอ้คนตรงประตูเซไปเล็กน้อยเมื่อเจอลูกถีบของผม มันหันมาชี้หน้าปรามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"ว่าแต่...พี่แชมป์ครับ"แล้วมันรีบแถเข้ามากอดคอผมที่นั่งอยู่บนเตียง

"อะไรของมึงอีกเนี่ย"แค่นี้กูก็เขินจะตายห่าแล้วครับ...เลิกแซวสักทีเห๊อะ

"มึงให้อะไรเค้าวะ"แล้วไอ้สีหน้าอยากรู้อยากเห็นนี่ใครมันสอนให้ทำวะ

"เสือกกกกกกครับ...ไปๆนอน ยุ่งนะมึงนิ่"หันไปพูดใส่หน้ามันเต็มๆก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงหันหลังให้มันไม่อยากต่อปากต่อคำ...ได้ยินแค่เสียงหัวเราะหึหึของมัน...แต่ผมขี้เกียจเถียง...แกล้งตายดีกว่า...พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปวัดด้วย



...ป่านนี้คนตัวเล็กคงกำลังดูของที่ผมเพิ่งให้เธอไป...

...ภาพวาดของเธอที่กำลังหันมายิ้มหวานให้ผมจากโรงครัว...พร้อมกับข้อความเพียงสั้นๆใต้ภาพที่เธอคงไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ใครบนเรือนนี้ก็ตาม...



...je t'aime mon amour...ผมรักคุณนะที่รักของผม...

...................................................................

พี่แช่มเขากลัวน้อยหน้าเลยต้องออกโรงบ้าง  :hao7: :hao7: :hao7:

ฝากพี่แช่มไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ นานๆจะมีโมเม้นหวานๆนะเอ้อ ปกติกวนตล๊อดดดดด

((นังน้องธีร์นั่งหน้าเป็นตูดอยู่ แชมป์ออกตอนเดียวฟินาเล่เลย  :hao7:))

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สุดยอดเลยพ่อแช่ม  :laugh:

meili run

  • บุคคลทั่วไป
หวานมิน้อยหย้าผู้ใด นายธีย์ รีบจัดการซะ เรารู้ นายทำได้ (ทำไรว่ะ?)  :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao5:


น้ำตาจะไหล อึนๆ ฟ้าหม่นๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตอนนีหวานแต่พอคิดถึงอนาตคที่ไม่รู้จะยังไงแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กรี๊ดกร๊าดดด ชอบเหลือเกิน  ชอบนิยายแนวนี้จัง
คุณหลวงของบ่าววว  เขิลแทนพ่อธีร์เหลือเกินเลย  อบอุ่นใจดี
พ่อแช่มของเราก็ใช่ย่อย หวานซะ เรื่องมันจะหวานก็ไม่ทั้งหมด
ออกแนวหน่วงๆทำร้ายจิตใจคนอ่านกันเล่น เพราะรุ้ว่ายังไงก็อยุ่ด้วยกันไม่ได้
แต่แบบอาจจะได้ไปเจอกันในยุคปัจจุบันก็ได้น้าา คุณหลวงกลับชาติมาเกิด
ละแบบยังมีความทรงจำของชาติก่อนอยุ่ไรงี้  ก็ได้แต่มโนไป  รอตอนหน้าจ้ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ก็คิดอยู่ว่าแชมป์จะเป็นบรรพบุรุษของธีร์รึเปล่า ว่าแต่เจ้าคุณจิตราฯทำงานเป็นอะไรนะเกี่ยวกับการทูตมั้ยอ่ะ(ถ้าใช่ก็เข้าเค้านะ)
สงสัยนิดหน่อยตอนลูกชายพระยาเดโช(ผู้ชายสมัยก่อนไม่น่าจะเป็นไบเยอะนะ) ตกลงว่าพ่อธีร์เป็นผู้ชายหน้าสวยเหรอ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
พี่แชมป์คะ แหมๆ มาทีหลัง ฟินกว่านะคะ ทำคะแนนไปถึงไหนต่อไหน โอ๊ย แอบหมั่น555 คุณพิกุลก็ช่างมีใจ แต่นั่นแหละ เรื่องจะจบยังไง กลับไม่กลับยังไง ยังไม่รู้เลย เฮ้อ
พ่อธีร์จ๊ะ อย่าพึ่งงับหัวคนเขียนนะ คนอ่านรออ่านอยู่ ไม่ใช่พ่อธีร์ทนไม่ไหว จับพ่อแก้วกด เอ๊ะ เหมือนพี่ไผ่น้องริว คนที่คิดว่าเป็นนายเอก ดันเป็นคนจับกดซะได้ ไม่นะ หวังว่าคงไม่ใช่แบบนี้ เราชอบความนิ่งๆ แอบเจ้าเล่ห์(?)ของพ่อแก้วนะ เอาเข้าจริงสงสัยว่าพ่อธีร์จะตามพ่อแก้วไม่ทันในเรื่องนี้555

รออ่านต่อนะคะ คืนนี้จะมาต่อมั้ยน้า

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แชมป์คะ นานๆมาทีแต่มาทีก็หวานซ่ะ เกินคู่หลักนะคะเนี่ย 55

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ก็คิดอยู่ว่าแชมป์จะเป็นบรรพบุรุษของธีร์รึเปล่า ว่าแต่เจ้าคุณจิตราฯทำงานเป็นอะไรนะเกี่ยวกับการทูตมั้ยอ่ะ(ถ้าใช่ก็เข้าเค้านะ)
สงสัยนิดหน่อยตอนลูกชายพระยาเดโช(ผู้ชายสมัยก่อนไม่น่าจะเป็นไบเยอะนะ) ตกลงว่าพ่อธีร์เป็นผู้ชายหน้าสวยเหรอ?

ตอบค่า : น้องธีร์เป็นผู้ชายสูงขาวหน้าออกตี๋ เลยค่อนข้างเด่นเมื่อเทียบกับหนุ่มๆหน้าคมสมัยนั้น อิอิ
ส่วนเรื่องหลวงเจษฎ์ ต้องติดตามต่อน้า
เจ้าคุณจิตราและเจ้าคุณไพศาลทำงานด้านการทูตค่ะ ส่วนคุณหลวงไม่ได้ทำแค่โดนดึงตัวมาช่วยงานเฉยๆเพราะเป็นคนสนิทเจ้าคุณไพศาลค่ะ

ปล.วันนี้ไม่ลงนะเจ้าคะ นังน้องธีร์งอนไม่ยอมเข้าฉาก ผิดดดด :hao7:
วันนี้ติดธุระ คอมอยู่บ้านลงไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้ชดเชยให้น๊าาา ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2014 23:24:21 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๑๔...บุคคลอันตรายและความหมายที่ซ่อนเร้น...



รุ่งเช้าเวียนมาอีกครั้ง...เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ผมกลับมาอยู่ที่นี่...และเป็นอีกวันที่ผมได้แต่ภาวนา...ว่าขอให้ได้อยู่เห็นรุ่งเช้าของพระนครให้นานอีกสักหน่อย...แว่วเสียงนกร้องอยู่ด้านนอกหน้าต่าง...แสงแดดอ่อนเริ่มทอแสง และลมเอื่อยพัดไหวจนผ้าม่านปลิวตามเพียงแผ่วเบา...ผมชอบยามเช้าที่นี่...ชอบสูดกลิ่นน้ำค้างเย็นฉ่ำที่ลอยมาเตะจมูก...กลิ่นดอกไม้ที่บานรับแสงอรุณ...และ...


...เสียงกรนของไอ้คนข้างๆ...


แม่งเอ๊ย! กำลังอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ดันกรนเสียงดังอย่างกับรถแทรกเตอร์...หมดอารมณ์กันพอดี...

"โอ๊ยยยย! อะไรของมึงเนี่ย"โมโหไอ้ตัวก่อมลภาวะทางเสียงเลยยันโครมเข้าให้...มันสะดุ้งตื่นหันมาโวยวายเสียงดัง

"ไม่ตื่นไปวัดเหรอไง"ถามกลับเสียงเรียบ...นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วก็อดขำไม่ได้...ไอ้ตัวแสบที่มันคอยกวนประสาทผมตั้งแต่เด็ก...ตอนนี้กลายเป็นแมวเชื่องๆเพราะตกหลุมรักลูกสาวท่านเจ้าคุณ...แหม่ มันน่าเอาไปแต่งเป็นนิยายเสียจริง

"ปลุกดีๆก็ได้นะครับ เชี่ยยยย"ท้ายประโยคหันมาใส่ผมเต็มๆ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าเดินออกไปอาบน้ำ...เขินแรงตลอดครับไอ้นี่...แต่จะว่าไป...ผมก็อดทึ่งในความหน้าด้านของมันไม่ได้...ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ไอ้ที่มันเล่นบทโรแมนติกกับคุณพิกุลเมื่อวานนั่นแหละ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกนะ แต่ไม่รู้จะไปหลบอยู่แถวไหนดีก็เลยยืนรออยู่แถวนั้น หึหึ...ได้ยินหมดเลยครับไอ้คุณแช่ม


"ไปนานป่ะวะ"ผมถามขึ้นเมื่อมันเดินกลับเข้ามาในห้อง

"คงไม่ แค่ไปใส่บาตรแล้วก็กลับ...มึงมีไร"วันนี้แต่งเสียหล่อ เสื้อสีฟ้าน้ำทะเลกางเกงแพรสีดำ

"พี่สนชวนไปตลาด แกบอกจะพาไปเปิดหูเปิดตา"

"เฮ้ยๆ รอกูด้วยดิ อยากไปด้วย"โลภนะมัน จะไปทั้งวัดทั้งตลาด

"เออเดี๋ยวกูบอกแกให้...รีบไปได้แล้วมึงอะ หมั่นไส้ว่ะ หึหึ"แซวมันอีกรอบเพราะรู้ว่ามันต้องเขินหน้าแดง แต่ต้องปากเสียใส่ผมก่อนถึงจะหายเขิน

"-วย"นั่นไง ผิดคำผมที่ไหน


อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาที่เรือนบ่าวตามปกติ...บอกพี่สนแกให้รอไอ้แชมป์กลับจากวัดแล้วค่อยออกไปกัน...แต่แกก็บ่นอุบ บอกว่าถ้าไปสายตลาดจะวายเสียก่อน...ผมเองไม่เคยเห็นตลาดในพระนครก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเปิดกันถึงกี่โมง...แต่แกว่าให้รีบไป แถมทิ้งท้ายว่าจะชวนไอ้แชมป์ไปด้วยกันอีกวันหลัง ผมเลยตกลง...วันนี้ก็อดไปแล้วกันครับมึง ไปทำบุญร่วมชาติกับลูกสาวท่านเจ้าคุณก่อนแล้วกัน...


"ตลาดอยู่ไกลมั้ยพี่"ผมถามขึ้นขณะที่แกใช้ไม้พายดันเรือออกจากท่าน้ำ...เห็นแกว่าอยู่เลยคุ้งน้ำข้างหน้าไปหน่อยไม่ไกลมาก

"ดีนะที่วันนี้เอ็งไม่ต้องไปเรือนเจ้าคุณไพศาล...ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องออกมาคนเดียว"พี่สนบ่นอุบเพราะโดนป้าน้อยใช้ให้ออกมาซื้อของ ตอนแรกแกว่าจะชวนมิ่งแต่มิ่งต้องไปส่งเจ้าคุณจิตราที่กรมเสียนี่

"ช่วงนี้ทางนั้นเค้ายุ่งอ่ะพี่"เพราะงานเลี้ยงรับรองคณะทูตจากฝรั่งเศสที่ใกล้เข้ามาทุกที ทำให้ทั้งเจ้าคุณไพศาลและคุณหลวงคนสนิทต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างกรมกับเรือนเจ้าพระยาเดโชเกือบทุกวันหลังจากนี้...ผมเลยได้มีเวลาหยุดหายใจอยู่เฉยๆบ้าง

"แล้วจะไปอีกเมื่อใดวะ"พี่สนถามขึ้น

"เห็นว่าอีกสามวัน...พี่ว่างไปส่งผมป่ะ"

"อีกสามวันรึ ถ้าเจ้าคุณไม่ใช้ให้ข้าไปที่ใด ข้าก็ไปได้"ผมพยักหน้ารับ...นั่งคุยกับแกได้ครู่เดียว แกก็พายเรือมาจอดเทียบท่าตรงตลาด...ช่วงเช้านี่คนพลุกพล่านน่าดู...แม้แต่ท่าน้ำใหญ่โตของตลาดยังมีเรือมาผูกเทียบท่าเสียเต็ม


"ป้าน้อยจะเอาอะไรมั่ง"ผมถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงตลาดใหญ่ริมน้ำ...ได้ยินเสียงชาวบ้านที่พากันตั้งร้านรวงอยู่ริมทางเรียกลูกค้าเข้าร้านกันไม่ขาด...ผักสด ผลไม้สด หรือแม้แต่ปลาสดๆวางเรียงรายเต็มสองทาง

"ก็พวกของสด เอ็งเดินตามมาเดี๋ยวข้าจัดการเอง"เออครับ มาตลาดสดคงจะเอาของแห้งล่ะมั้ง ผมนี่ไม่น่าถาม

"เอ้าพี่! ไหนบอกจะมาซื้อของ"ผมท้วงขึ้นเมื่อแกเดินนำลิ่วมาจนถึง...ซุ้มยาดอง...หน้าตามันก็ไม่ต่างจากซุ้มยาดองสมัยผมเท่าไหร่หรอกครับ...แล้วจะได้ซื้อของกันไหมวันนี้

"น่า ข้าขอสักกรึ้บ จักได้มีแรงแบกของ"ไม่ค่อยอ้างเลยครับพี่น้อง ว่าแล้วแกก็จัดแจงสั่งยาดองสูตรโปรดของแก แถมยังเผื่อแผ่ให้ผมอีก

"เห้ยพี่ กินไรแต่เช้า พี่เอาเหอะตามสบาย"ผมรีบปฎิเสธเสียงดัง ข้าวปลายังไม่ได้กินจะให้มาซัดยาดองแต่เช้านี่ก็ไม่ไหวนะครับ...ว่าแต่ คนที่นี่เขาจัดยาดองกันแต่เช้าแบบนี้กันเลยรึ เห็นลูกค้านั่งกันเกือบเต็ม


"แม่ลำดวน...ของพี่สูตรเดิมนะจ๊ะ"เสียงโหวกเหวกมาแต่ไกลจนผมต้องหันกลับไปมอง...ชายสามคนที่เพิ่งเดินมาถึงร้านยาดองที่ผมกับพี่สนยืนอยู่...ไอ้ตัวเล็กสองคนท่าทางอันธพาลนั่นผมไม่เคยเจอ...แต่คนข้างหน้านี่ แค่เจอครั้งเดียวก็ไม่ลืมครับ...รู้สึกตาขวาเขม่นนิดๆ สงสัยวันนี้จะซวย...

"อ้าว นึกว่าใคร พ่อคนสวยนี่เอง วันนี้มาเที่ยวหรือพ่อ"แล้วดูมันเรียก...ผมมองหน้าคนตัวใหญ่เจ้าของตำแหน่งหลวงเจษฎารังสรรที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้า ไม่อยากจะเสวนาด้วยแต่ก็ต้องยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้

"ไม่ต้องไหว้พี่หรอก...พี่ไม่ถือ"เป็นญาติกูตั้งแต่ตอนไหนครับ แล้วมาส่งเสียงอ่อนเสียงหวานแถมแสยะยิ้มน่ารังเกียจให้อีก...ส่วนพี่สนที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่เงียบกริบ เพราะตำแหน่งของอีกฝ่ายเป็นถึงหลวง จะไปต่อปากต่อคำก็ใช่เรื่อง

"นี่พ่อจักไปที่ใดต่อ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม"

"ไม่เป็นไรครับ พี่!เสร็จยัง ไปเหอะ"ผมตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะหันไปเรียกพี่สน แกรีบยกแก้วยาดองแก้วที่สองขึ้นกระดกก่อนจะหันมาพยักหน้าให้

"มากับบ่าวรึ พี่ก็นึกว่ามาคนเดียว"ไอ้พวกคนแบบนี้มันมีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนะครับเนี่ย ผมเองก็เพิ่งจะรู้

"เอ็งน่ะ จักไปไหนก็ไป ประเดี๋ยวข้าจักพาพ่อคนสวยนี่ไปส่งที่เรือนเอง"หลวงเจษฎ์หันไปออกคำสั่งกับพี่สนที่ได้แต่ยืนก้มหน้า แกดูมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย...แล้วมันว่าใครสวยวะครับ

"ไม่ต้องครับ ผมมากับพี่เค้า ผมก็ต้องกลับกับพี่เค้า"

"โถๆ เรียกบ่าวว่าพี่ แล้วพี่เจษฏ์นี่ล่ะจ๊ะ พ่อจักเรียกว่ากระไร"ก็มีคำให้เรียกอยู่...แต่ไม่พูดดีกว่ากลัวจะมีปัญหาเสียก่อน ผมเลยลากแขนพี่สนให้เดินหนีไปอีกทาง แต่ก็ยังโดนไอ้สองคนที่เดินตามหลังมาเมื่อครู่ยืนขวางหน้าไว้เสียก่อน

"มึงนี่ ไม่ได้ยินที่หลวงแกสั่งหรือไงวะ หลวงแกว่าจักไปส่งคุณเขาเอง มึงจักไปไหนก็ไป"ผมไม่รู้หรอกว่าตำแหน่งของสองคนนี้คืออะไร แต่ดูก็รู้ว่าคงทำงานในกรมเช่นกัน ไม่ใช่บ่าวแน่ๆ

"เอ้า ยังยืนบื้ออยู่อีก ฟังภาษาคนมิรู้เรื่องหรือวะ โง่เสียจริงบ่าวไพร่พวกนี้"แม้จะถูกด่าทอขนาดไหนอีกฝ่ายก็โต้ตอบอะไรไม่ได้ ด้วยศักดินาที่ต่างกันลิบลับ ทำให้พี่สนได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง

"พี่เค้าเป็นคนของผม เค้าฟังแต่คำสั่งผม ขอตัวนะครับ"ผมรีบดึงแขนแกให้เดินออกไปจากตรงนั้น เห็นไอ้สองคนทำท่าจะเดินตามแต่ถูกคนตัวใหญ่ห้ามไว้เสียก่อน เหลือบไปเห็นสายตาน่ารังเกียจที่ยังจ้องมาไม่เลิก



"ใครวะ อ้ายธีร์ ข้าล่ะตกใจหมด"พี่สนโพล่งขึ้นหลังจากเดินออกมาได้ไม่ไกลนัก แกลูบหน้าลูบอกตัวเองพลางถอนหายใจยาว

"ลูกชายเจ้าพระยาเดโชอ่ะ"

"เอ้า แล้วเขารู้จักเอ็งได้เยี่ยงไรเล่า"

"เรื่องมันยาวอ่ะพี่ จะซื้ออะไรก็รีบซื้อเหอะ จะได้รีบกลับ"ผมรีบไล่แกให้ไปซื้อของตามที่ป้าน้อยสั่ง...ว่าจะออกมาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย ดันเจอมลภาวะเสียได้...
.

.

.

ที่ผมเคยบอกไว้ว่าเขม่นตาขวา...มันไม่ใช่แค่วันนั้นวันเดียวนะครับ เพราะอีกสองวันถัดมาผมก็เห็นไอ้คนตัวสูงนี่มานั่งเสนอหน้าคุยกับเจ้าคุณจิตราถึงเรือน...ผู้มาเยือนมีท่าทีแปลกใจที่เห็นผม แต่ก็ยังไม่วายแสยะยิ้มน่ารังเกียจให้

"พ่อเจษฏ์เขามาคุยเรื่องงานเลี้ยงทูตแทนท่านเจ้าคุณน่ะแม่สร้อย"เสียงเจ้าคุณจิตราบอกคุณหญิงสร้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ

"เจ้าคุณพ่อท่านมีงานมาก ให้กระผมมาแทนขอรับ"น้ำเสียงแข็งกร้าวหากแต่ยังนอบน้อมเพราะคุยกับผู้ใหญ่ตอบกลับ

"ไม่นึกว่าพ่อจักอยู่เรือนนี้...ช่างบังเอิญเสียจริง"ว่าแล้วก็หันมาทางผมที่นั่งเงียบอยู่นาน จนไอ้แชมป์หันมามองหน้าผมเหรอหรา

"รู้จักกันแล้วรึ"เจ้าของเรือนเอ่ยถาม ถึงอีกฝ่ายจะเป็นแค่หลวงแต่ด้วยบารมีของพ่อที่ใหญ่นัก แม้แต่เจ้าคุณจิตราเองก็ดูเกรงใจผู้มาเยือนไม่น้อย

"ได้พบเมื่อคราที่หลวงพิสิษฐไปพบเจ้าคุณพ่อที่เรือนขอรับ"แล้วไม่บอกไปด้วยล่ะว่าเคยเจอที่ตลาดแถมยังมารยาททรามใส่อีก

"ประเดี๋ยวเจ้าคุณไพศาลคงมาถึง รอคุยเสียทีเดียวก็แล้วกันพ่อเจษฏ์"เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ


ผมขอปลีกตัวเดินลงมาจากเรือนเพราะไม่อยากอยู่ร่วมวงสนทนากับผู้ชายไม่มีมารยาทคนนั้น...ไอ้แชมป์เองก็รีบวิ่งลงเรือนตามหลังมา แต่มันไม่ได้ถามอะไรคงเพราะเห็นว่าผมกำลังหงุดหงิด มันเลยเดินไปทางโรงครัวแทน...ไม่ต้องถามนะครับว่ามันไปทำอะไร...

ส่วนผมจะไปที่ไหนได้นอกจากศาลาไม้สักข้างเรือน...เวลาผมเบื่อผมมักจะมานั่งเล่นที่นี่ นั่งมองซุ้มดอกมะลิที่ขึ้นอยู่ข้างๆ...ดอกมะลิที่ใครบางคนเคยหยิบเศษของมันที่ปลิวมาติดผมออกให้...


"อยู่นี่เองหรือพ่อ"แล้วไอ้มลพิษทางเสียงนี่...จะหนีอย่างไรก็ไม่พ้นสินะ

"มีอะไรครับหลวงเจษฎ์"ผมถามกลับ...อีกฝ่ายยังคงแสยะยิ้มหวานส่งมาให้

"พี่แค่อยากคุยกับพ่อคนสวยดีๆ แต่พ่อคนสวยทำเหมือนไม่อยากคุยกับพี่เสียได้"อยากคุยดีๆก็ช่วยเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกผมก่อนเป็นอย่างแรกจะเป็นพระคุณมากทีเดียว

"ผมชื่อธีร์ครับ"ตอบกลับเสียงเรียบ

"แต่พี่อยากเรียกพ่อคนสวยนี่"มีคำไหนที่มันยิ่งกว่าคำว่า'หน้าด้าน'ไหมครับคุณผู้อ่าน ผมจะได้เอามาด่ามันเสียตรงนี้เลย

"ผมขอตัวก่อนนะครับ มีงานต้องทำ"เมื่อไม่อยากสนทนาด้วยก็เลยได้แต่หาเรื่องปลีกตัว รีบหันหลังหมายจะขึ้นเรือน แต่กลับถูกอีกฝ่ายกระชากแขนเอาไว้เสียก่อน...ถูกแล้วครับ เขากระชากผมจนตัวแทบปลิว ผมพยายามสะบัดมือที่ฉวยแขนของผมเอาไว้แน่น ทั้งที่ตัวผมก็ไม่ใช่เล็กๆหากแต่ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้เลย

"พี่มีอะไรจักบอกเสียหน่อย"ว่าพลางยื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ...ผมพยายามขืนตัวหนีออกมาแต่แรงบีบที่แขนกลับกดหนักขึ้นกว่าเดิม

"พ่อนี่งามกว่าสาวๆในพระนครเสียอีก...ถูกใจพี่เสียจริง"ว่าพลางแสยะยิ้มน่ารังเกียจ...แรงกดที่แขนเพิ่มหนักขึ้นจนผมรู้สึกชา...ผมไม่เคยกลัวผู้ชายแบบนี้แม้แต่น้อย...ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอ...แต่สิ่งที่ทำให้ผมอึดอัด คือท่าทางวางอำนาจของเขา ที่ถือเพียงแค่ว่ามีเจ้าพระยาเป็นพ่อแล้วจะทำเช่นนี้กับใครก็ได้...ผมรังเกียจ...ตั้งแต่วันแรกที่เจอ...แม้แต่วันที่ไปตลาด ท่าทีที่เขาแสดงออกต่อพี่สน ถึงแม้พี่สนจะเป็นแค่บ่าวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่คน...ผมรังเกียจ...คนที่คิดว่าอยากได้อะไรก็จะได้...เพียงเพราะตัวเองมีอำนาจ...



"นั่นพ่อเจษฏ์รึ"เสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อนทำให้หลวงเจษฏ์ที่จับแขนผมเอาไว้แน่นต้องคลายมือออก เหลือเพียงรอยแดงที่ขึ้นชัดบนต้นแขน

"สวัสดีขอรับเจ้าคุณไพศาล"เสียงทักทายทำให้ผมที่ยืนหันหลังอยู่รู้ว่าเป็นเจ้าคุณที่เพิ่งมาถึง

"มากับเขาด้วยรึ หลวงแก้ว"น้ำเสียงเย้ยหยันทักทายอีกคนทำให้ผมต้องหันไปกลับมอง...หลวงพิสิษฐ ที่เดินตามหลังเจ้าคุณไพศาลมา...ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่สายตาที่จ้องอยู่นั้น มันขึงขังผิดปกติ

"สวัสดีหลวงเจษฎ์"น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับ

"เอ้าพ่อธีร์ ไม่เจอเสียหลายวัน สบายดีนะ"เจ้าคุณไพศาลทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม...ผมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

"มาทำอะไรกันตรงนี้เล่า"เจ้าคุณยังถามต่อ ผมเห็นคนตัวใหญ่ข้างๆยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจในสายตาของผม

"เดี๋ยวผมขึ้นไปบอกเจ้าคุณจิตราให้นะครับว่าเจ้าคุณมาถึงแล้ว"ผมรีบบอกผู้มาถึงใหม่ก่อนจะปลีกตัวเดินขึ้นเรือนทันที...หากใบหน้าเรียบเฉยของคุณหลวงหนุ่มยังคงติดตา


หลังจากคุยธุระเสร็จ...คุณหญิงสร้อยก็ชักชวนแขกทั้งสามให้อยู่ทานข้าวด้วยกันเช่นเคยตามมารยาทที่ดีของเจ้าบ้าน...ส่วนผมกับไอ้แชมป์ขอตัวลงมากินกับพวกพี่สนที่เรือนบ่าวเพราะไม่อยากร่วมวงกับใครบางคน

"นั่นหรือวะ หลวงเจษฏ์ที่เอ็งเคยเล่าให้ฟัง"มิ่งหันไปถามพี่สนทั้งที่ยังเคี้ยวปลาทูอยู่เต็มปาก

"เออ คนนี้ล่ะ ที่ข้าเจอที่ตลาดกับอ้ายธีร์"คำตอบของพี่สนทำเอาไอ้แชมป์หันมามองหน้าผมอีกครั้ง เพราะผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังตั้งแต่กลับมาจากตลาดวันนั้น

"กร่างเสียเต็มประดา คงถือว่ามีพ่อเป็นเจ้าพระยา"พี่สนว่าต่อ

"ข้าเคยได้ยินเรื่องคุณหลวงคนนี้มาจากคนที่ตลาด เขาลือกันให้ทั่ว"เป็นป้าน้อยที่ร่วมวงสนทนาบ้าง

"ลืออะไรหรือป้า"มิ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย

"เขาว่าหลวงคนนี้รสนิยมแปลกนัก"

"แปลกยังไงอ่ะป้า"ไอ้แชมป์ที่นั่งเงียบอยู่นานจนทนไม่ได้เลยต้องถามบ้าง

"เขาว่าแกเจ้าชู้"

"โอ๊ยป้า แล้วมันแปลกยังไงอ่ะ ผู้ชายเจ้าชู้ก็เป็นเรื่องปกติ"ไอ้แชมป์บ่นอุบ แถมยังหันไปค้อนขวับใส่ป้าน้อย

"ฟังให้จบซีวะ เอ็งนี่...เขาว่าหลวงแกมีรสนิยมประหลาด...ชอบเด็กผู้ชาย"ทั้งวงกับข้าวอื้ออึงด้วยเสียงอุทานด้วยความตกใจ...จะมีก็แต่ผมคนเดียวที่นั่งเงียบตั้งแต่แรก

"จริงหรือป้า แต่หลวงแกมีเมียแล้วนี่ ก็คุณเดือนลูกสาวพระพินิจที่เคยมาเล่าเรียนการเรือนกับคุณหญิงไม่ใช่รึ"มิ่งยังคงถามต่อ

"มีเมีย แล้วชอบผู้ชายไม่ได้หรือวะ...ข้าน่ะ ได้ยินมาเต็มสองหู พวกที่ตลาดเขาลือกันว่าหลวงแกชอบพาเด็กหนุ่มๆไปที่เรือนแพริมน้ำที่เจ้าพระยาท่านสร้างให้ นังเจิมบ่าวที่เรือนท่านเจ้าคุณเล่าให้ฟังเองเชียวนะโว้ย ไม่เชื่อข้าก็ตามใจ มันว่าท่านเจ้าคุณก็รู้ แต่เพราะเป็นลูกชายคนเดียวท่านเลยไม่กล้าว่าอะไร"เสียงฮือฮายังคงดังอย่างต่อเนื่อง...ส่วนผมยังนั่งตักปลาทูชิ้นโตเข้าปากไม่ได้สนใจอะไร...ผมไม่ได้แปลกใจ เพราะท่าทีน่ารังเกียจนั่นมันแสดงออกให้เห็นหมดแล้ว

"สงสัยจริงอย่างที่ป้าเล่า วันนั้นหลวงนั่นก็พูดจาเกี้ยวพาอ้ายธีร์เสียเต็มที"คราวนี้ทั้งวงสนทนาหันมามองผมกันเป็นตาเดียว...ขอบคุณครับพี่สนที่โยนระเบิดมาให้...แต่ถามผมก่อนก็ได้นะว่าอยากรับไว้รึเปล่า

"จริงหรือวะอ้ายธีร์"มิ่งรีบถามขึ้นทันที แต่ผมเพียงแค่ยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

"ขนาดเอ็งยังไม่เว้นเชียวรึ ตัวก็สูงเยี่ยงนี้"ขอบคุณครับป้าน้อยที่ยังพอเห็นความเป็นชายในตัวผมอยู่บ้าง...ส่วนไอ้แชมป์มันได้แต่นั่งมองผมตาปริบๆ สงสัยอยากจะถามเต็มทีแต่ยังไม่มีจังหวะ


หลังกินข้าวกันเสร็จผมก็ยังเตร่อยู่แถวเรือนบ่าวไม่ไปไหน...เพราะไม่อยากเห็นหน้าไอ้หมอนั่น...ถึงผมอยากจะเห็นหน้าใครอีกคนมากกว่าก็ตาม...แต่ก็ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปที่เรือนเจ้าคุณไพศาลอยู่ดี...ไอ้แชมป์มันรีบลากผมไปถามเสียยกใหญ่...ผมก็ตอบตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดตรงศาลาเมื่อครู่...

"แม่งเลวว่ะ"ด่ามาเต็มหน้าผมเลยทีเดียว

"มึงไม่ต่อยมันซักทีวะ กูโมโหแทน"

"เจ้าคุณแกยังต้องปรึกษางานกับเจ้าพระยาเดโชอยู่ ถ้ากูต่อยก็เป็นเรื่องดิ"

"แสดงว่ามึงคิด หึหึ"มันถามกลับอย่างรู้ทัน...ถูกอย่างที่มันว่า ถ้าเป็นคนอื่นเข้ามาแบบนี้โดนผมไปแล้วครับ เหมือนไอ้รุ่นพี่ตอนม.ปลายนั่น ถึงผมจะโดนรุมแต่มันก็เจ็บตัวไม่น้อยอยู่...ผมไม่เคยรังเกียจเพศที่สาม แต่ผมไม่ชอบเป็นรายบุคคลไป คนดีๆน่าคบก็มีเยอะ อย่างบางคนที่เข้ามาแบบมีมารยาทผมก็จะปฎิเสธแบบมีมารยาท...แต่ถ้าเข้ามาแบบนี้ส่วนใหญ่จะจบไม่สวยเท่าไหร่


ผมเหลือบไปเห็นเจ้าคุณไพศาลเดินลงมาจากเรือนพร้อมคนตัวสูงที่ผมอยากเจอมาหลายวัน...ตามด้วยผู้มาเยือนอีกคน ผมเลยไม่ได้เดินไปส่งเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ กลัวจะระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้...ได้แต่ยืนมองจนแกลงเรือไป

...ไม่เป็นอะไร...พรุ่งนี้ก็ได้เจอกัน...
.

.

.

.
"คุณหลวง ตรงนี้เขียนผิดนะครับ"ผมยื่นกระดาษแผ่นที่ห้าของวันนี้ที่ต้องแก้ไขกลับไปให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ...เจ้าตัวเพียงแต่รับมันมาแล้วแก้ตามที่ผมบอก

"พักหน่อยมั้ยครับ ท่าทางเหนื่อยๆ"ถามออกไปเมื่อเห็นว่าจุดที่ต้องแก้ไม่ใช่คำแปลที่ผิด แต่เป็นตัวอักษรต่างหากที่เขียนผิด ซึ่งไม่ใช่วิสัยของคนทำงานรอบคอบอย่างเขาเลยสักนิด

"ไม่ต้องหรอก จักได้รีบทำให้เสร็จ"เห็นนั่งเงียบทำงานมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้ว ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน

"หิวมั้ยครับ...เดี๋ยวผมไปบอกป้าชื่นหาอะไรมาให้กิน"ส่ายหน้าตอบ...วันนี้แปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร

"ป้าชื่นบอกว่าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอครับ"...เงียบ...

"คุณหลวงครับ"

"พ่อธีร์"

"ครับ"

"เราจักทำงาน ไม่มีสมาธิ"...เงียบกว่า...ได้แต่นั่งนิ่งบนเก้าอี้หวายข้างๆมองคนตัวสูงทำงานต่อไป


"ถ้าพ่อธีร์เบื่อจักกลับเรือนก่อนก็ได้ เราจักให้บ่าวไปส่ง"ไอ้อาการมึนตึงแบบนี้มันคืออะไร...นั่งเงียบใส่ผมตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ใกล้เย็นเต็มที...ถามคำตอบคำ...ไม่ถามก็ไม่ตอบ

"คุณหลวงเป็นอะไรครับ"...แถมบางทีถามไปก็ไม่ยอมตอบอีก

"คุณหลวงครับ"

"พรุ่งนี้เราต้องไปเรือนเจ้าพระยาเดโช พ่อจักไปกับเราหรือไม่"อยากรู้เรื่องตอนนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับพรุ่งนี้กันเล่า

"ไม่ไปครับ"ตอบกลับเสียงเรียบจนอีกฝ่ายหันมามอง...นัยน์ตาคมกริบฉายแววอะไรบางอย่างที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้

"ไม่ไปหาคนที่พ่อธีร์อยากเจอรึ"หาาาา?...คนที่ผมอยากเจอ...ใครวะ?...มีใครที่ผมอยากเจอมากไปกว่าคนตรงหน้านี่อีกหรือไง

"คุณหลวงพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ"ผมขมวดคิ้วแน่น ถามกลับด้วยความสงสัย

"เห็นเมื่อวานดูสนิทสนมกันดี พรุ่งนี้ไปกับเราก็ได้ หลวงแกคงดีใจที่ได้เจอพ่อ"เริ่มจับต้นชนปลายถูก...แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

"คุณหลวงหมายถึง หลวงเจษฎ์เหรอครับ"แต่ก็ยังถามต่อให้แน่ใจ...อีกฝ่ายจ้องหน้านิ่ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจตัวหนังสือตรงหน้าต่อ...นี่มันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่า

"คุณหลวงกำลังเข้าใจผิดนะครับ...ผมกับหลวงเจษฎ์..."แล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมของอีกฝ่ายที่ตอนนี้แข็งกร้าวดูน่ากลัว...ทำไมถึงมองผมแบบนี้

"เราเข้าใจพ่อธีร์...หลวงแกก็รูปงามนัก ถ้าพ่อจะพึงใจก็มิใช่เรื่องแปลก"น้ำเสียงเรียบเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนใครเอาหินก้อนใหญ่มาฟาดหัวผมอย่างแรง...ทั้งเจ็บ...ทั้งมึน...ทั้งไม่เข้าใจ...ไอ้หลวงน่ารังเกียจคนนั้นน่ะเหรอรูปงาม...เขาใช้อะไรคิด...แล้วใช้อะไรมาตัดสินผมแบบนี้

"แต่จะทำอะไรก็อย่าให้ประเจิดประเจ้อเกินไปล่ะพ่อ ถึงเป็นผู้ชายด้วยกันคนอื่นเขาก็สงสัยเอาได้"และเขาก็กำลังดูถูกผม...ผู้ชายที่ผมไม่เคยคิดว่าจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้ กำลังดูถูกผม...เพราะความเข้าใจผิด

"อีกอย่าง หลวงแกก็ออกเรือนแล้ว หากใครรู้เข้ามันจักมิงาม..."คำพูดพรั่งพรูจากคนตรงหน้าไม่ได้ซึมเข้ามาในหัวผมเลยแม้แต่น้อย...เพราะตอนนี้แผลที่ถูกหินก้อนนั้นฟาดเมื่อครู่มันกำลังออกฤทธิ์...เลือดกำลังไหลซึมออกมาไม่หยุด...ผมเจ็บ...เจ็บกับคำพูดของคนตรงหน้าและท่าทีเฉยชาเหมือนไม่รู้สึกอะไร

"ปึง!"ไวกว่าความคิด มือที่ตบโต๊ะอย่างแรงจนกองเอกสารร่วงกระจัดกระจายลงบนพื้น

"อย่ามาดูถูกผม!"ตวาดเสียงดังลั่น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่ง...ผมเจ็บ...เจ็บที่มือ...เพราะแรงที่ฟาดลงไป...แต่ที่เจ็บกว่า...คือข้างใน

"คุณมีสิทธิ์จะคิดอะไรก็ได้...แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินและพูดจาดูถูกผมแบบนี้"คนๆนี้เป็นใคร...ตัดสินคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ความจริง...ทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูด...ผู้ชายอ่อนโยนที่เคยนั่งอยู่ตรงนี้หายไปในพริบตา เหลือเพียงใครบางคนที่ผมไม่รู้จัก...และไม่คิดอยากรู้จักอีกแล้ว

"เราเอง..."เขาลุกขึ้นยืน...มองหน้าผมที่กำลังยืนหอบเพราะอารมณ์ที่ปะทุแรงเมื่่อครู่



"เราเองก็ดูพ่อธีร์ผิดไปเช่นกัน"



ราวกับมีใครเอาไม้มาฟาดซ้ำแผลเดิมอีกรอบ...แล้วก็ปล่อยให้เลือดมันไหลเป็นทางอยู่แบบนั้น...หลวงพิสิษฐเดินออกจากห้องไปแล้ว...และได้นำบางอย่างตามหลังเขาออกไปเช่นกัน...



...ผู้ชายคนแรกที่ผมรัก...ไม่มีตัวตนอยู่จริงบนโลกนี้...ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต...


...................................................................................


กินมาม่ากันหน่อยมั้ยตัวเธอออออ :hao7: :hao7: :hao7:
เมื่อวานไม่ได้ลง คิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย อิอิ :mew1:

ฝากตอนนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ กราบบบบบบ :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2015 22:06:05 โดย Novemberist »

meili run

  • บุคคลทั่วไป
จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ไปกันใหญ่  :mew5:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
หลวงเจษฎ์แท้ๆฮึย!!!!!!!!
แต่คุณหลวงหึงแรงไปรึเปล่า
ผู้ชายคนแรกที่ธีร์รัก แบบบบบบฮืออออ
มาโยนมาม่าทิ้งไว้ตู้มเลยนะค่าาา

ปล.คิดถึงสิคะ รออ่านฉากหวานๆ
แต่ได้มึนตึงแทนก็ถือเป็นอีกรูปแบบค่ะ55555

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 728
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
คุณหลวงไม่ยอมฟังธีร์เลย
อย่ามโนไปเองสิครัช
เหตุผลน่ะมีไว้ฟังนะลุง
ชอบมโนจริง -ตบๆๆ-
ธีร์กลับปัจจุบันไปเลยไป
ให้คุณหลวงนั่งมโนกับงานกองโตๆไปเหอะ
เซ็งเลอ จั๊ดง่าวจริงคุณหลวง
ปล.มาต่อไวๆต่อมดราม่าเพิ่งได้ทำงาน
 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
หลวงเจษฎ์ โอ๊ย อะไร มาทำงี้ไม่ได้นะ พ่อธีร์เค้ามีหลวงแก้วอยู่แล้ว ไม่งั้นเค้ามานี่ไม่ได้หรอก เชอะ หลวงเจษฎ์นิสัยไม่ดีมากๆอ่ะ รุ่มร่าม! เคืองอ่ะ
ส่วนหลวงแก้วคะ มองพ่อธีร์ผิดยังไงคะ พ่อธีร์เค้าไม่ได้เล่นด้วยกับหลวงเจษฎ์นะ ตาถั่ว หรือความหึงหวงมันบังตาคะ สงสารพ่อธีร์ หลวงแก้วมัวแต่หึงหวง พ่อธีร์ทำไรไม่ได้เลยต้องระเบิดอารมณ์
ไม่อยากให้มาม่านานเลยอ่า เครียด

รออ่านตอนต่อไปละ555

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :a5:  :serius2: :katai1:
อ๊ากกกก คุณหลวงทำไมกระทำเยี่ยงนี้ละเจ้าคะ คำพูดแต่ละคำฟังแล้วเจ็บแทนพ่อธีร์   :sad4:
เพราะไอ้หลวงเจษนั้นแหละ :z6: โอยยย หงุดหงิดๆ คุณหลวงนะคุณหลวง ฟังพ่อธีร์ก่อนก็ไม่ได้  :m16:
อย่างนี้มันต้องโดนทิ้งกันบ้างแหละ แต่ถ้าจะให้ลากพ่อแช่มเรากลับไปด้วยก็สงสาร
กำลังหวานได้ที่กับคุณพิกุล เฮ้ออออ แต่ตอนนี้ ให้พ่อแช่มกลับไปปลอบใจพ่อธีร์กันที่ปัจจุบันก่อนดีกว่า
สงสารพ่อธีร์ งืออออ อาการนี่เรียกได้ว่าสาหัส อยากอ่านต่อแล้วอ่าาาา มาต่อเร็วๆนะคะ  :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด