โทรศัพท์ผมปรากฏเบอร์โทรที่ไม่ได้รับมากกว่าสามสิบสาย ผมทำเพียงมองแล้วปล่อยมันทิ้งไว้ไม่คิดจะโทรกลับ ถ้าอยากคุยกับผมจริงๆก็กลับมาคุยกันที่นี่สิ
“ขำอะไรเหรอครับคุณยอร์ช” เสียงบุคคลที่นั่งฝั่งตรงข้ามดังขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณริชาร์ด” ผมตอบ
“งั้นก็เลือกอาหารเถอะครับ” คุณริชาร์ดเจ้าของร้านอาหารชื่อดังเลื่อนเมนูอาหารมาให้ผม
“ที่จริงไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” ผมเปิดเมนูอาหารไปพลางพูดไปพลาง
“ผมเกรงใจนะครับที่ต้องโทรไปขอให้คุณยอร์ชเอาองุ่นมาส่งให้กระทันหันในเวลาที่จำกัดแบบนี้ ให้ผมเลี้ยงข้าวเพื่อตอบแทนเถอะครับ” คุรริชาร์ดแสดงคำขอโทษผ่านทางสีหน้าและแววตา
ผมสั่นหัวเบาๆ “อย่าคิดมากครับ เรื่องแค่นี้เองไม่ได้หนักหนาเลย”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ แต่ผมไม่สบายใจ”
“งั้น ขอเป็นเมนูเด็ดของร้านแล้วกันครับ” ผมปิดเมนูแล้ววางลงกับโต๊ะ
“ได้ครั้บ งั้นรอสักครู่ผมจะไปทำมาให้ รอแปบเดียวนะครับ” คุณริชาร์ดรีบลุกออกไปจากโต๊ะ วิ่งไปในครัวเพื่อทำอาหารมาให้ผม
เมื่อช่วงสายได้รับสายด่วนจากเขากะทันหันขอให้เอาองุ่นและไวน์มาส่งให้ที่ร้านเพราะของขาดและร้านก็ใกล้ได้เวลาเปิด ผมที่ติดพันงานที่ไร่ต้องวางมือแล้วนำของมาส่งให้คุณริชาร์ด พอจะกลับเขาก็เลยรั้งผมเอาไว้เพื่อที่จะเลี้ยงมื้อกลางวันเป็นการตอบแทน
ระหว่างที่นั่งรอคุณริชาร์ด โทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ต่างจากครั้งก่อนๆตรงที่ว่า สายที่โทรมาเป็นเบอร์โทรศัพท์หมายเลขประเทศไทย และชื่อที่บันทึกเอาไว้ก็เป็นชื่อของเอเดน
ผมกดรับสายแต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร จนกระทั่งปลายสายจะทนไม่ไว้ ใช้น้ำเสียงดุดันพูดขึ้น
“ออกมาจากร้านเลยตอนนี้ ผมจะรออยู่ข้างนอก”
ผมอยากจะมองออกไปดูว่าเขาอยู่จริงหรือเปล่า แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นนั่งนิ่งเพื่อรอดูอะไรบางอย่าง ขอผมพิสูจน์อีกสักหน่อยให้แน่ใจ คงจะไม่ว่ากันนะเอเดน
“ไม่ ผมจะอยู่ทานข้าวก่อน” ผมพูดชิลล์ๆ
“ยอร์ช ผมบอกว่าให้ออกมา” เขาเน้นน้ำเสียงหนัก
“ผมไม่ออก หิวข้าวไหม มาทานด้วยกันสิ”
“ออกมาสิ เดี๋ยวผมพาไปทานที่อื่น” เสียงสั่งของเอเดนช่างน่ากลัว แต่ผมทำเป็นข่มใจไม่รู้สึกอะไร
“ทานที่นี่ก็ได้นี่”
“ยอร์ช”
“เมนูเด็ดของร้านมาแล้วครับยอร์ช” เสียงของคุณริชาร์ดนำมาก่อนที่ตัวของเขาจะเดินถือถาดใส่อาหารมาเสิร์ฟให้ผมถึงที่ด้วยตัวเอง
“ขอบคุณมากครับ” ผมเงยหน้าพูดกับคุณริชาร์ด เขายิ้วกว้างแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม “แค่นี้ก่อนนะผมจะทานข้าว”
ผมกดตัดสาย วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก้มมองอาหารใจจาน แต่ความสนใจทั้งหมดเพ่งไปยังใครคนที่ถูกผมยั่วโมโหทางสายโทรศัพท์ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูร้าน เสียงก้าวเดินในขณะที่ผมกำลังใช้ส้อมพันเส้นพาสต้าสูตรเฉพาะของร้านที่ทำเองรสชาติและความเหนียวนุ่มต่างจากที่อื่นเพื่อที่จะเอาเข้าปาก
หมับ!
ข้อมือผมถูกมือหนารั้งเอาไว้ ปากที่อ้าค้างก็เลยได้แต่รับลม ผมช้อนตาขึ้นมองเอเดน เอาเข้าจริงผมนับถึงแค่เลขเก้าเองด้วยซ้ำ เข้ามาไวกว่าที่คิด
ที่ผมทำแบบนี้ ผมอยากรู้ว่าเอเดนจะทำยังไงกับผม อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องที่เขาให้ลูกน้องของเขาจับตาดูผมอยู่ตลอดเวลาจนให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นคนร้ายที่ต้องมีผู้คุมคอยจับตามอง แต่ที่ไม่พูดไม่ทักท้วงก็เพราะว่าผมเข้าใจเจตนาของเขาที่นอกเหนือไปจากอยากรู้ว่าผมไปไหนกับใครและไปทำอะไรก็คือเขาเป็นห่วงผม
ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาจะเข้าใจผมมากน้อยแค่ไหน จะรับฟังเหตุผลของผมเหมือนที่ผมเป็นไหม เรื่องนี้สำคัญสำหรับผมมาก ผมก็แค่อยากจะแน่ใจ และในตอนนี้ที่ผมแค่จะกินข้าวในร้านอาหารของเพื่อนคนหนึ่ง มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรให้เขาแสดงอาการฟาดงวงฟาดงา ถึงเขาจะรักจะชอบผม แต่ผมก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมอยากให้เขารู้ว่าผมไม่ต้องการให้เขาควบคุมชีวิตผม แต่ผมอยากให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมให้ได้ ผมมีสังคมของผมและเขาก็ต้องทำความเข้าใจเหมือนที่ผมพยายามเข้าใจสังคมของเขามาโดยตลอด ไม่ใช่จะห้ามผมเข้าใกล้คนอื่นแม้แต่คนรู้จัก ผมว่าแบบนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก เขาอาจจะหวง แต่ผมจะทำให้เขารู้ว่าคนอย่างยอร์ชไว้ใจได้ อาจจะมีใครต่อใครมาชอบผม แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะสนใจตอบ ถ้าผมคิดจะคบใครสักคน ผมก็จะคบแค่คนเดียว ซึ่งเอเดนในขณะนี้ขี้หวงเกินกว่าที่จะเข้าใจในจุดนี้
คุณริชาร์ดมองผมสลับกับเอเดนด้วยความงุนงนเล็กน้อย ผมส่งยิ้มให้เขา เลยได้เสียงขู่คำรามในลำคอจากผู้มาใหม่แทน
“ปล่อยครับ ผมจะทาน”
“...” เอเดนยังคงจ้องผมนิ่ง และเมื่อผมยังไม่ยอมทำตามความต้องการของเขา คือกลับไปพร้อมเขาเดี๋ยวนี้ เอเดนเลยเบนเป้าหมายไปหาเจ้าของร้านแทน
“ไฮ” คุณริชาร์ดก็อัธยาสัยดีเกินไป ทั้งๆที่สายตาของเอเดนแทบจะเขมือบหัวเขาได้อยู่แล้ว
“เขาทักทายคุณอยู่นะเอเดน” ผมวางส้อมในมือลง พักเรื่องอาหารเอาไว้ก่อน
“ไฮ” เอเดนทักกลับ แต่ใบหน้าบึ้งตึง มือของเขายังคงจับที่ข้อมือผมอยู่ ผมดึงแขนตัวเองออก เขาไม่พอใจถลึงตาใส่ผม ผมเลยจ้องตาเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ยอร์ชครับ คือ...มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” คุณริชาร์ดเปิดปากถามตามที่ตัวเองสงสัย
“ไม่มีอะไรครับ นี่เอเดน ผู้ช่วยของผม” ผมแนะนำเองเสียเลย ถ้าให้เอเดนอ้าปากก่อนคงต้องรอชาติหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอเดน ผมเป็นเจ้าของร้านนี้แหละเป็นเพื่อนกับคุณยอร์ชด้วย” คุณริชาร์ดลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปเพื่อทักทายอย่างเป็นทางการ แต่เอเดนยังคงนิ่ง เอาแต่มองหน้าผม เขาคงรู้สึกไม่ชอบที่ผมแนะนำเขาไปแบบนั้น
ผมยื้อข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ได้สำเร็จ ก้มหน้าเริ่มทานอาหารตรงหน้าอีกครั้งทำเป็นไม่สนใจว่าเอเดนจะทำอะไร
เอาสิ ทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ
“ยินดีมากเช่นกันครับ” เสียงของเอเดนเอ่ยช้าๆและเน้นน้ำหนักทีละคำอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์
“ทานอะไรไหมครับ ผมจะได้ไปทำมาให้” คุณริชาร์ดรีบอาสา แต่ถูกเอเดนขัดเอาไว้
“ไม่ต้อง ผมไม่หิว” เขาพูด ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม ขยับเก้าอี้เข้ามาเสียใกล้
“งั้นรับเป็นเครื่องดื่มอะไรไหมครับระหว่างรอคุณยอร์ช” คุณริชาร์ดยังคงนำเสนอ ผมคนกลางก็อยากจะหลุดขำ คุณริชาร์ดที่เป็นชาวต่างชาร์ตมาอยู่เมืองไทยก็คงอยากจะทำความรู้จักกับชาวต่างชาติด้วยกัน เหมือนคนไทยไปต่างประเทศแล้วเจอคนชาติเดียวกัน แต่เอเดนเนี่ยสิไม่สนใจอะไรเลย เอาแต่นั่งกดดันผม
“ไม่ต้องครับ” เขาพูดเสียงแข็งกับริชาร์ด “รีบๆทานเลยยอร์ชก่อนที่ผมจะหมดความอดทนแล้วลากคุณออกจากร้าน” เอเดนกระซิบให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
“ก็ทำสิ กล้าหรือเปล่า” ผมท้า เพิ่งประกายไฟในดวงตาสีเขียวเข้ม
“ผม...”
ผมรอฟังว่าเขาจะพูดว่าอะไร เอเดนมองนิ่งแล้วถอนหายใจ หลุบตาลงต่ำ วางมือไว้บนหน้าขาผม ออกแรงบีบเบาๆเหมือนจับไว้เป็นหลักยึด
“ผมขอร้อง ทานเร็วๆเถอะนะ” เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
และบททดสอบของผมก็จบลง ผมวางส้อมในมืออีกครั้งเพราะคราวนี้คิดว่าคงต้องกลับจริงๆเสียที
“ผมคิดว่าผมต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อแล้วครับ ยังไงไว้วันหลังผมจะมาชิมฝีมือคุณริชาร์ดใหม่นะครับ” ผมเอ่ยกับเจ้าของร้าน คุณริชาร์ดทำหน้าเสียดายเล็กน้อยที่ผมยังไม่ทันแตะต้องอาหารของเขาแม้แต่คำเดียว
“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าต้องมาให้ได้นะครับ คุณเอเดนด้วย ผมถือว่าผมชวนแล้วนะ”
“ด้วยความเต็มใจครับ” ผมตอบรับคำชวน แล้วก็เดินนำคนตัวโตหน้าเข้มออกจากร้าน เพียงพ้นประตูร้านเท่านั้น เอเดนรีบคว้ามือผมไว้แล้วดึงให้เดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดเตะสายตาชาวบ้าน ผมยื้อตัวเอาไว้เพราะผมก็เอารถมา แต่พอหันไปมองที่ๆเคยมีรถกระบะของไร่จอดอยู่ก็พบว่าเป็นรถคันอื่นไม่ใช่ของผม
“รถผมไปไหน” ผมถาม
“ผมให้คนงานที่ไร่มาเอากลับไปแล้ว” เอเดนตอบพลางดันผมเข้าไปในรถสปอร์ตป้ายแดงคันหรูที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
เอเดนเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ไม่พูดไม่จาออกรถตรงกลับไร่ ผมมองสำรวจรอบๆรถ ราคาหลายล้านแน่นอน ลองใช้มือจับนู่นสัมผัสนี่ ถ้าอยากจะลองขอเจ้าของขับดูบ้างเขาจะให้ผมไหม
“ผมคิดว่าคุณจะอาละวาดจนร้านพังเสียอีก” ผมพูดขึ้น ลอบมองเสี้ยวหน้าคนด้านข้างไปด้วย
“อยากให้ผมกลับไปทำแบบนั้นไหมล่ะ” เขากัดฟันถาม ดูก็รู้ว่าอารมณ์เสียเอามากๆ
“คุณริชาร์ดเขาเป็นลูกค้าผม เราไม่มีอะไรกัน ถ้าคุณจะมองแบบคนฉลาดสักนิด”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่รับสายผม”
คราวนี้ผมไม่ตอบ แต่หันไปยิ้มให้เขาแทน
“ทำไมกลับมาไว” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม
“อย่ามาพูดทำเหมือนตัวเองไม่รู้ไปหน่อยเลยยอร์ช คุณทำให้ผมเป็นบ้า!”
“อ่อ เหรอ”
“คุณรู้จักผมน้อยไปยอร์ช” เอเดนพูดประโยคสุดท้ายและหลังจากนั้นระหว่างเราก็ไม่มีการโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น
ด้วยสมรรถภาพรถที่ออกแบบมาให้เป็นรถแข่งอยู่แล้ว มันจึงพาผมกลับมาที่ไร่ในเวลาที่เร็วกว่ารถของผมถึงสองเท่า
ผมลงจากรถเดินกลับเข้าบ้าน เอเดนเดินตามมาติดๆ ผมคว้าแขนผมไว้ ทำหน้าดุใส่อีกต่างหาก
“ผมบอกคุณว่าไง ไม่ให้ไปยุ่งกับใครใช่ไหม” เอเดนเริ่มเปิดประเด็น ผมหันกลับไปมองเขาตรงๆ เอเดนขยับเข้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างเราค่อยๆลดลง ผมไม่ได้ถอยหลังหนี ยืนนิ่งดูว่าเขาจะทำอะไร
“ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับใคร” ผมพูดความจริง เอเดนแสยะยิ้มเหมือนไม่เชื่อ เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดอะไรบางอย่างให้ผมดู เป็นรูปผมกับแอนนาที่นั่งคุยกันในร้านอาหารและที่สนามบิน รวมไปถึงภาพที่ผมแวะคุยกับคนรู้จักเวลาเข้าไปในตัวเมือง ผมหลุบตามองต่ำข่มความโกรธที่กำลังจะปะทุขึ้น
“คุณจะอธิบายว่ายังไงยอร์ช” มือทั้งสองข้างของเอเดนคว้าเข้าที่ไหล่ผมและบีบเอาไว้แน่น ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแต่ก็อึดอัด
ผมพยายามจะเข้าใจความรู้สึกของเอเดน เผื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
“หึงเหรอ” ผมถาม
เอเดนอึ้งชะงักไปกับคำถามของผม เอาอึกอักก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด “ก็ใช่นะสิ คุณเป็นของผมน่ะ ไปนั่งหัวเราะกับผู้หญิงคนอื่นได้ไง คุณชอบเขาเหรอ”
“ขี้โวยวาย” ผมบ่น “จะฟังผมไหม ถ้าผมเล่าแล้วจะเชื่อผมหรือเปล่า” ผมถาม
เอเดนปล่อยมือออกจากไหล่ไปท้าวเอว
“ว่าไง จะเชื่อผมไหม” ผมถามย้ำอีกครั้ง
“ถ้าคุณพูดความจริงผมจะเชื่อคุณ แต่ผมขอบอกคุณเอาไว้อย่าง ผมให้ใจกับคุณไปแล้ว ต่อให้คุณโกหกผมก็ต้องเชื่ออยู่ดี” น้ำเสียงของเขาเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ผมกับแอนนาเราเคยเป็นแฟนกัน” ผมพูดแค่ประโยคนี้ ดวงตาก็เอเดนก็เหมือนมีประกายไฟลุกโชนน่ากลัว
“เขามีปัญหาก็เลยมาที่นี่ ผมเป็นเพื่อนก็เลยไปนั่งเป็นเพื่อนเธอ ฟังเธอระบายและให้คำปรึกษาก็แค่นั้น ไม่มีอะไรที่คุณจะต้องคิดมากเลยสักนิดเอเดน แอนนามีแฟนแล้วและพวกเขากำลังจะแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้า ผมกับแอนนาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“คุณยังรักเธอไหม” ปากพูดแต่ใช้สายตามองเพื่อหาคำตอบจากดวงตาของผม ผมจึงมองตอบด้วยความจริงใจ
“ผมเคยคิดว่าผมยังรักเธอ”
“...” ดวงตาสีเขียวสวยหม่นแสงลง
“แต่ผมคิดผิดมาตลอด ผมไม่ได้รักเธอแล้ว ผมรู้สึกดีๆกับเธอในฐานะเพื่อน ในฐานะคนเคยมีช่วงเวลาดีๆด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านี้ หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าผมอาจจะรักคนอื่นอยู่ก็ได้”
“ใคร” คราวนี้ถามเสียงเขียวเชียว
“ใครดีล่ะ” ผมย้อนถามกลับยิ้มๆ
เอเดนรั้งเอวผมไปกอดเอาไว้ “รักผมสิ”
ดูเป็นประโยคที่เอาแต่ใจนะว่าไหม
“คุณแน่ใจแล้วเหรอเอเดนที่เลือกจะรักผม ผมเป็นแค่มนุษย์ธรรมดานะ อีกไม่กี่สิบปีผมก็จะแก่และตาย ผมไม่ได้มีอายุยืนยาวแบบคุณ คุณรับได้เหรอ ผมแก่ลงได้ทุกวันและเมื่อผมอายุหกสิบ คุณจะทำยังไงกับตาแก่อย่างผมในขณะที่คุณยังคงดูหล่อเหลาเป็นหนุ่ม มีอะไรรับประกันได้บ้างว่าสุดท้ายแล้วมันจะโอเค”
ผมรู้สึกไม่มั่นใจเลยตลอดเวลาที่พูด ผมบอกกล่าวความกลัวของผมให้เขารู้ ผมอยากรู้ว่าเขาจะจัดการกับความคิดของผมอย่างไร จะทำยังไงให้ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่รักเขา
“คุณอาจจะไม่เชื่อผมนะยอร์ช แต่ว่าผมรู้จักตัวเองดี ผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ และผมรู้ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปยังไง ผมไม่ได้รักคุณที่รูปลักษณ์ภายนอก ผมรักคุณที่ข้างใน คุณทำให้คนเลวๆอย่างผมอยากเป็นคนที่ดีพอที่จะอยู่ข้างๆคุณ คุณอาจจะยังไม่ต้องเชื่อในตอนนี้ แต่ขอให้ผมได้พิสูจน์ ผมอาจนิสัยเสียบ่อยครั้ง แต่นั่นเพราะคุณมีอิทธิพลต่อผมมากเหลือเกิน”
“...”
“ขอแค่คุณใจตรงกับผม ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
“มันจะดีใช่ไหม ผมคิดมาตลอด ผมไม่ได้อยากเล่นตัว แต่ผมกลัว ผมไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ผมเป็นคนธรรมดาส่วนคุณเป็นากินี เราจะรักกันได้ยังไง”
“แล้วคุณรักผมไหม”
ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน และทำให้เอเดนยิ้มกว้างทั้งตา
“คุณอาจจะรู้ตัวหรืออาจจะไม่รู้ตัว แต่ผมอยากจะขอบคุณคุณ ขอบคุณที่คุณสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต เรียนรู้ความสวยงามของโลกใบนี้ ให้ผมได้เห็นในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เป็นในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น”
ในขณะที่เขาพูด ผมสามารถสัมผัสได้จริงๆว่าเขารู้สึกเช่นนั้น
“แล้วรู้สึกยังไง” ผมถาม เป็นฝ่ายลดระยะห่างเสียเองด้วยการยกมือขึ้นกอดเขา
“ผมภูมิใจในตัวเองมาก และภูมิใจที่สุดที่ได้รักคุณ” เขาใช้สายตาหวานเชื่อมมองเข้ามาในดวงตาของผม
ผมอยากบอกกับเขาเช่นกันว่าผมก็ภูมิใจที่เขาไม่ทำให้โอกาสที่ผมหยิบยื่นให้สูญเปล่า ผมเดิมพันความรู้สึกตัวเองกับเอเดนไว้สูงมาก ถ้าเขาไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ หรือไม่ได้ต้องการที่จะอยู่กับผมจริงๆ ผมคงเจ็บปวดที่ยอมรับความรู้สึกตัวเองและคงปวดใจ
“ยอร์ช เป็นแฟนผมนะ”
“คุณไม่อยากรอแล้วเหรอ” ผมดันตัวเองออกห่างเพราะรู้สึกเมื่อยที่ต้องยืนท่านั้นนานๆ
“ใช่ผมไม่อยากรอ” เอเดนตอบเสียงหนักแน่น ความจริงจังสะท้อนผ่านแววตา “คนเราจะมีพรุ่งนี้อีกกี่วัน คุณก็บอกเองว่าคุณแก่ลงได้ทุกวัน และถึงผมจะเป็นนากินีที่มีอายุยืนยาว แต่ไม่ใช่ว่าจะตายไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผมเท่านั้น เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้เรื่องระหว่างเรามันสายไป ผมอยากใช้วันพรุ่งนี้กับคุณ ”
ผมสบตาเอเดน ดวงตาของเขาช่างน่าหลงใหล เกิดคำถามขึ้นในใจหลายต่อหลายครั้งว่าภายใต้ดวงตาที่แสนจะลึกล้ำน่าค้นหานี้มีอะไรซ่อนอยู่ วันนี้สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เงาสะท้อนของตัวผม
“คุณจะไม่ทำใหผมผิดหวังใช่ไหม” ผมถามอีกครั้งเพิ่มเติมความมั่นใจให้ตัวเอง
“ขอใช้ชื่อเอเดนเป็นประกัน ผมรักใครรักจริง และจะรักจนวันตาย”
“น่าจะยากนะนั่น” ผมพูดติดตลก ความจริงคือพูดแก้เขิน
“เป็นแฟนกับผมนะยอร์ช”
“...”
“Please be my babe”
คำวิงวอนอ้อนขอความรักกับแววตาที่แสนจะออดอ้อน ถ้าหากใจร้ายได้มากกว่านี้ ผมคงจะปฏิเสธ แต่ทว่า ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้น
“yeah, I am yours”
หลังจบประโยคตอบรับ ผมคาดหวังเล็กน้อยที่จะเห็นท่าทางกระโดดโลดเตhนของเอเดน แต่เปล่าเลย เขากลับยิ้มกว้างและหันหลังให้ผมเสียอย่างนั้น ผมเลิกคิ้วอย่างฉงนใจ ตอนนี้ผมเห็นแค่แผนหลังที่สั่นเทา ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเอเดนเป็นอะไร
ผมระบายยิ้ม สวมกอดเขาจากด้านหลัง ปล่อยให้เขาร้องไห้เงียบๆ
ความรักของผมกับเขาในวันนี้มันอาจไม่ถูกต้อง แต่รักครั้งนี้กลับใช่ในความรู้สึกจนไม่อาจปฏิเสธ และผมหวังว่าเขาจะทำให้มันพิเศษคุ้มค่าที่ผมกล้าที่จะเสี่ยง
...............................................
คงไม่ต้องบอกเนอะว่ายอร์ช คือ “เมียงู” และเอเดนคือ “งูกลัวเมีย” 55555
นี่เป็นตอนพิเศษของเอเดนยออร์ชตอนสุดท้ายที่ริริจะนำมาลงที่เว็บให้ได้อ่านนะคะ เนื้อหาต่อจากนี้อ่านได้แค่ในหนังสือเท่านั้นค่ะ ซึ่งหากใครสนใจอย่างได้หนังสือชุดนี้เก็บไว้ยังคงเปิดให้จอง-โอนอยู่ ดูรายละเอียดได้ที่หน้าแรกนะคะ
ต่อไปจะเป็นตอนพิเศษของเติร์ดและปุยเมฆนะคะ
ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามอ่านค่ะ