SPECIAL
R.E.V.E.N.G.E
EIGHT
YACHT
ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นกลางดึกเพราะมีบางอย่างรบกวนการนอนของผม สติสัมปชัญญะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ก่อกวนให้ผมตื่นจากการหลับใหลขยับเคลื่อยกายอยู่ใต้ผ้านวม บางอย่างที่ขยับเสียดสีร่างกายของผมคล้ายการเลื้อยส่งผลให้ผมตัวแข็งทื้อไม่กล้าขยับตัว ผมลืมตามองแต่จับจ้องไปที่จุดเดียวคือช่วงหน้าอกของตัวเอง
แทบไม่ต้องจินตนาการว่ามันคือตัวอะไร เป็นงูแน่นอน งูจริงๆ งูตัวเป็นๆ
ผมไม่รู้จะทำอย่างไร สติแตกกระเจิงหลุดออกจากร่างทำอะไรไม่ถูก ส่วนหัวของมันเลื้อยขึ้นสูงเรื่อยๆมาถึงแผ่นอก ขนกายลุกชัน เลือดในกายวิ่งพล่านจากความกลัว ร่างลื่นๆเลื้อยขยับตัวขึ้นสูงอีกจนมาถึงลำคอ และโผล่หัวขึ้นออกมาจากผ้านวมผืนหนาที่ทำหน้าที่ปิดคลุมร่างกาย ดวงตาสีแดงวาววับท่ามกลางความมืด ดวงตาทั้งสี่ข้างสองคู่จ้องผมก่อนที่ลิ้นของมันจะแลบถี่ๆออกจากปาก
ผมยังไม่ทันที่จะได้ขยับตัวหรือแม้แต่จะคิดถึงสิ่งใด ร่างงูสีเงินสองหัวก็หายวับไปกลายเป็นชายหนุ่มตัวใหญ่โตหนักอึ้งอยู่บนร่างกายแทน
“คุณ!” ตาของผมขยายกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นใบหน้าของคนบนตัวอย่างชัดเจน
“ชู่ว” เอเดนยกนิ้วชี้จ่อปากไม่ให้ผมเสียงดัง ผมปัดมือเขาทิ้งทันที ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่
เกือบไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เอเดนแต่เป็นงูจริงๆผมจะเป็นอย่างไร แต่เอาเข้าจริงนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะวางใจได้เลย เพราะปัญหามันอยู่ที่ว่าเอเดนเข้ามาในห้องผมได้ยังไงแล้วทำไมเขาถึงทำกับผมอย่างนั้น ถ้าผมหัวใจวายช็อคตายขึ้นมาเขานั่นแหละที่จะรู้สึก และผมก็จะโกรธจะเกลียดเขายันชาติหน้า
“คุณเข้ามาในห้องผมทำไม ผมบอกแล้วไงว่าห้ามคุณเข้ามาในห้องผมโดยไม่ได้รับอนุญาต!” น้ำเสียงที่ใช้เต็มไปด้วยความโมโห มือทั้งสองข้างก็ดันเขาออกห่างจากตัว เอาเดนไม่ได้คร่อมผมเอาไว้ แต่เขานอนทับผมจนแทบจะหายใจไม่ออก ร่างของเราทั้งคู่แนบชิดสนิทกันจนไร้ช่องว่าง ผมพยายามขยับตัวและดิ้นรนให้เขาลุกออกไป แต่เอเดนกลับกระชากแขนทั้งสองข้างของผมชูขึ้นเหนือหัว และกดทิ้งน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” เขาถาม ผมขยับหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ใคร?” ผมหยุดดิ้น มันทำให้ผมหายใจไม่ออก เอเดนเหมือนจะรู้ ยอมผ่อนแรงทับแต่ก็ยังคงไม่ถอยออก
“ก็ไอ้คนที่มาส่งคุณไง มันเป็นใคร” เขาทำตาขวาง ผมนึกคิดก่อนจะเข้าใจคำถาม
“เขาเป็นลูกค้า คุณลักลอบเข้าห้องผมเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ” ผมกรอกตามองเพดาน คุณกริน ลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งจะเซ็นสัญญาซื้อขายไวน์กับทางไร่ศิลาของเราเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อไปขายที่ร้านอาหารที่มีบาร์ไวน์ในจังหวัดข้างเคียง วันนี้ผมไปคุยกับเขาเพื่อโน้มน้าวให้เขายอมตกลงเซ็นสัญญา เพราะนอกจากจะได้ลูกค้ารายใหม่แล้วอย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้ผมก็มีแหล่งส่งไวน์เป็นประจำเป็นหลักเป็นแหล่งเพิ่มอีกหนึ่งที ยอดกำไรปีนี้จะต้องเพิ่มขึ้นผมมั่นใจ
“มันไม่แค่นี้นะยอร์ช มันเป็นเหมือนผม!” เอเดนตวาดใส่ผม เขาใส่อารมณ์ไม่พอใจด้วยการกระชับมือที่กำรอบข้อมือของผมทั้งสองข้างกระแทกลงกับที่นอน เขาไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ แต่เขาทำให้ผมหงุดหงิด
“เหมือนยังไง” ผมออกแรงอีกครั้งหลังจากหายเหนื่อยทั้งดันทั้งถีบให้เอเดนออกไปจากตัว ร่างของเอเดนถอยห่างออกไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้ผมขยับลุกขึ้นนั่งไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การกักขัง เอเดนมองผมเขม็ง ผมยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็กระโจนใส่ผมอีกรอบ
“เอเดน! ปล่อยผม” ผมกดเสียงต่ำให้เขารู้ตัวว่าผมเริ่มโกรธแล้วจริงๆ แต่เอเดนไม่สนใจสักนิดถึงสัญญาณที่ผมเตือน
เขาแย้มยิ้มหยัน “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณไม่ฉลาด”
“หมายความว่ายังไง”
“มันเป็นนากินีไงเล่า!” เขาบอก ผมอึ้งเล็กน้อย
“คุณรู้ได้ยังไง อีกอย่างคุณไม่ควรเรียกเขาว่ามันนะ” ผมตีรวนตำหนิถึงความไม่สุภาพของเขา ตอนนี้เราต่างเล่นสงครามประสาท เรื่องพูดกันดีๆด้วยเหตุผลน่ะเหรอลืมไปได้เลย
“คุณปกป้องมันเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามผม มองมองสบตากับเขาแต่ไม่ตอบ ซึ่งการกระทำของผมเป็นเสมือนคำตอบที่ไม่ต้องพูด ผมยั๊วะเอเดนสำเร็จ แต่พลาดไปนิดเมื่อบลงโทษที่ได้ไม่ได้อยู่การคาดการณ์
เขาปิดปากของผมด้วยปากของเขา แรงกระแทกแรงพอให้เจ็บจนชา ผมชะงักและเมื่อตั้งสติได้ก็ออกแรงพลักเขาออก แต่มันไม่ได้ผล เอเดนแรงเยอะมากกว่าคนปกติอย่างผม ผมเพิ่งรู้ว่าถ้าเขาเอาจริงผมก็ทำอะไรเขาไม่ได้ต่อให้ตัวเองเป็นคนแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม
ผมพยายามเม้มปากแน่นไม่ให้เขานำลิ้นเข้ามารุกล้ำในปากของผม แต่แรงบดเบียดทำให้ผมเจ็บและรู้สึกชาที่ริมฝีปากจนบังคับไม่ได้ ปากผมอ้าเผยอเพราะหมดแรงทำให้เอเดนจูบผมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“อ๊ะ...” ผมครางสะดุ้งเมื่อลิ้นของเขาแตะโดนลิ้นของผม เหมือนไฟฟ้าช็อต ร่างกายหยุดต่อต้านชั่วขณะ เขากลืนกินริมฝีปากผมอย่างจาบจ้วง แต่กลับรู้สึกดี ผมเคยจูบกับผู้หญิงมาก่อนแต่เหลือเชื่อว่ามันไม่หวามไหวเท่านี้ ผมเคลิ้มไปกับรสจูบของเขา แต่อ้าริมฝีปากขยับตามการชักจูงของผู้นำ มือยกขึ้นวางบนบ่าหนา แลกลิ้นตอบอย่างไม่น้อยหน้า
“ยอร์ช...” เอเดนครางเรียกชื่อผม ริมฝีปากเขายังคงแนบชิดไม่ได้ผละห่าง
แรงกดทับบนตัวค่อยๆเบาลง คงเพราะเอเดนเห็นว่าผมให้ความร่วมมือ ผมยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อได้จังหวะผมก็ยกขาขึ้นถีบเอเดนเต็มแรง คนร่างใหญ่ไม่ทันตั้งตัวปลิวตกลงไปกระแทกกับพื้นปลายเตียง ผมขยับลุกขึ้นนั่งทันทีเตรียมตั้งรับไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีก เอเดนเหมือนจะงงๆ แต่หลังจากที่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ตีหน้ายักษ์ขุ่นเคืองใส่ผม
“ยอร์ช นี่คุณกล้าถีบผมเหรอ!” เขาลุกขึ้นยืนตรงหน้าผม ท่าทางคุกคามเอาเรื่อง
“เออ แล้วคุณทำบ้าอะไรไม่ทราบ!” ผมขึ้นเสียงกลับ อย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะโกรธเป็นคนเดียว ถึงผมจะเผลอรู้สึกดีกับจูบเมื่อตะกี้ แต่ก็ไม่ได้หมายว่าผมยินยอมพร้อมใจให้เขาทำเต็มร้อย
“ก็จูบคุณไงเล่า” แต่เอเดนกลับตอบกลับหน้าด้านๆ เขาคงคิดว่าสิ่งที่เขาทำไปมันไม่ผิด
“คุณไม่ควรทำแบบนี้” ผมเอ่ยเตือนเขา หอบหายใจแรง
“ทำไม คุณเองก็จูบตอบผม” เขายักคิ้วใส่ว่าตัวเองเป็นต่อ
ผมชักสีหน้า “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
เอเดนกรอกตาไปมา สีหน้าที่เขาแสดงไม่ต่างกับการด่าผมว่าผมมันงี่เง่า เข้าใจอะไรยาก
“ยอร์ช ผมบอกไปแล้วนะว่าผมคิดยังไงกับคุณนะ และบอกตามตรงผมโมโหคุณมากๆด้วย”
“เหอะ เอาเป็นว่าคุณมาจูบผมผมก็ถีบคุณ ถือว่าหายกัน” ผมตัดจบบท ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ผมเหนื่อยมาทั้งวัน แทนที่จะได้พักกลับต้องมาสู้รบปรบมือกับเอเดนกลางดึกดื่น มันใช่เรื่องเหรอถามหน่อย
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย” แต่เอเดนยังคงไม่ยอมหยุด “ผมโกรธที่คุณให้ไอ้หมอนั่นมาส่ง แถมยังพูดจาปกป้องมันอีก คุณต้องอยู่ข้างผมสิ”
ผมหลับตาข่มอารมณ์ หากผมยังอยู่กับเอเดนต่อไปเรื่อยๆ ผมคงไม่แก่ตายเพราะวันหนึ่งผมถอนหายใจมากกว่าสิบครั้ง
“นี่คุณเอเดนครับ ไม่ทราบว่าคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่มีข้างใครทั้งนั้นแหละ เขาก็อยู่ส่วนเขา คุณก็อยู่ส่วนคุณ”
ผมรู้ว่าโลกเรามันไม่ปกติ มนุษย์เช่นเอเดนปะปนอยู่กับมนษย์ธรรมดาอย่างผม ผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นแบบไหน คุณกรินอาจจะเป็นคนดีและถึงแม้เขาจะเป็นนากินี ควรเหรอที่จะแบ่งแยกและตัดความสัมพันธุ์เพียงเพราะเขาไม่เหมือนผม มนุษย์ธรรมดามีทั้งดีทั้งชั่ว นากินีก็คงไม่ต่าง ดูอย่างอาซากับเอเดนสิ ยังต่างกันเลย
“นี่คุณกะจะควบทั้งผมและเขาเลยเหรอ” เอเดนกำลังทำให้ผมประสาทเสีย เขาหลงประเด็นไปกันใหญ่แล้ว
“ผมว่าคุณควรกลับไปพักผ่อน คุณชักจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้วนะเอเดน” ผมลุกออกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้อง แต่ผมชะงักมือก่อนแล้วหันไปทางเอเดน
“คุณเข้าห้องผมทางไหน” ผมถาม
เอเดนทำเป็นไม่มองผม ตอบเสียงขุ่น “หน้าต่าง”
ผมเดินไปที่หน้าต่างแทน เปิดออกกว้างแล้วพยักหน้าให้เขาลงไป
“ออกไป ผมจะพักผ่อนแล้ว”
“ทางหน้าต่างเนี่ยนะ” เขาทำหน้าเหรอ
“แล้วไง ก็คุณเข้ามาทางไหนก็ต้องออกทางนั้น เร็ว” ผมเร่งหน้าดุ เอเดนบ่นเสียงเบาแต่ก็ยอมเดินทางที่หน้าต่าง เขามองหน้าผมที่เพยิดหน้าให้เขาลงไปจะด้วยวิธีไหนก็ตามแต่
“ยอร์ช ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่” เขาพูดเข็ญเขี้ยว และก็ก้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากผมอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนที่ตัวของเขาจะกลายเป็นงูแล้วเลื้อยออกทางหน้าต่างไป
หน้าต่างถูกปิดไล่หลังเขาดังปัง ล็อคลงกลอนอย่างแน่นหนา มือยกจับปากก้าวเดินกลับไปที่เตียง คอยดูเถอะ พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างมาทำหน้าต่างใหม่ เอาให้หาช่องโหว่เข้ามาทำรุ่มร่ามกับผมไม่ได้อีก
สองวันต่อมา คุณกรินมาขอเยี่ยมชมไร่องุ่น เมื่อวานผมเพิ่งส่งไวน์ล็อตแรกไปให้เขาที่ร้าน เห็นว่าผลตอบรับคิอนข้างดี วันนี้เลยอยากจะมีเยี่ยมชมไร่อย่างจริงจังเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติม
“มันมาทำไมอีก คุณอยากจะทะเลาะกับผมให้ได้สินะ” เอเดนละมือจากหน้าที่ของตัวเองเดินมาหาผมหน้าถามอย่างหาเรื่อง
ผมทำหน้านิ่ง มองคุณกรินที่กำลังลองตัดพวงองุ่นอยู่กับคนงาน
“ระวังตัวไว้เถอะยอร์ช คุณยั่วโมโหผมมากๆเมื่อไหร่ ผมจะจับคุณผสมพันธุ์โดยไม่รอคำว่ารักจากปากคุณ” เอเดนคำรามในลำคอ
“คิดว่าทำได้งั้นเหรอ” ผมยักคิ้วกวน แต่ก็หวั่นอยู่ไม่น้อย
“คุณคิดว่าอย่างผมเนี่ยทำไม่ได้เลย มนุษย์ตัวน้อยๆ” เอเดนยิ้มแยกเขี้ยวข่มขู่ผม
“ทำไมต้องเป็นผม ทำไมคุณไม่ไปหางูตัวเมียผสมพันธุ์เล่า” ผมว่ากลับ หน้าร้อนวูบวาบเหมือนถูกไฟนาบแก้ม
เอเดนกระตุกยิ้มกวนประสาท โน้มมาเข้าใกล้จนใบหน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ “ผมผสมพันธุ์กับงูตัวเมียมาทั้งชีวิตแล้ว อยากลองผสมพันธุ์กับมนุษย์ผู้ชายน่ารักๆดูบ้าง”
ผมพลักเขาออกห่าง
“คุณไม่ควรชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักนะเอเดน โดยเฉพาะผม” ผมกัดฟันพูด รู้สึกไม่ชอบใจกับคำชื่นชม
“เพราะคุณเขินสิถึงไม่อยากให้ผมพูด” เอเดนยกมือลูบแก้มผมเบาๆ ผมปัดมือเขาออกอย่างหงุดหงิด เอเดนเลยชี้หน้าคาดโทษ ผมเลยพ่นลมออกจากจมูกใส่
“คุณยอร์ชครับ ผมอยากเข้าไปดูส่วนของการทำไวน์แล้ว” คุณกรินเดินกลับมาหลังจากที่สนุกสนานกับการทดลองตัดพวงองุ่นที่สุกได้ที่พร้อมนำไปทำไวน์
“ผมได้มาหลายพวงเลยครับ” คุณกรินชูกระบะไม้สนที่ใส่พวงองุ่นจนเต็มให้ผมดี
“เหอะ แค่นี้ทำมาอวด” เอเดนพูดลอยๆ ผมตวัดตามองเอเดนเขม็ง
“อะไรนะครับ” คุณกรินถามเอเดน เขาทำหน้าสงสัยต่างกับเอเดนที่ทำหน้าเหมือนจะเข้าไปชกอีกฝ่าย
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณกริน เราไปกันเถอะ” ผมผายมือให้คุณกรินเดินไปทางโรงผลิตไวน์ “เอเดน คุณกลับไปทำงานของคุณได้แล้ว”
“เดี๋ยว” เอเดนไม่ฟังผม เขาตะโกนเรียกคุณกรินที่เดินห่างออกไปไม่กี่ก้าว ผมกำลังจะเอ่ยปากห้ามเอเดนไม่ให้พูดอะไร แต่เขายกมือขึ้นขัดไม่ให้ผมพูด
คุณกรินหันกลับมาทางเอเดนก่อนจะถาม “อะไรครับ” น้ำเสียงสุภาพไร้ที่ติ
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่”
คุณกรินนิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้าง “งั้นเหรอครับ แล้วผมคิดอะไรล่ะ”
“อยากลองดีว่างั้น” เอเดนขึ้นเสียงสูง
“หึหึ คนอย่างผมไม่กลัวพวกงูที่ทำได้แค่หวงเนื้อเสียด้วยสิครับ” คุณกรินยียวนกลับ หากคุณกรินเป็นนากินีก็พอกันทั้งคู่
ผมมองหน้าเอเดนขอร้องให้เขาหยุดแล้วเดินไปหาคุณกริน แต่เอเดนดึงข้อมือผมไว้ ผมสะบัดออกแต่เขาก็ยกจับอีก ก่อนจะยกมือผมขึ้นจูบ ผมตกใจรีบมองรอบตัวว่ามีใครสังเกตไหม
“อย่าอยู่ใกล้มันให้มากนัก จำเอาไว้ว่าผมไม่ชอบให้ตัวคุณมีกลิ่นของใครที่ไม่ใช่ผม”
ไอ้บ้านี่ชอบทำอะไรโจ่งแจ้งเสียจริงๆ น่าโมโหนัก!
ผมสลัดเอเดนออกจากหัว หันมาสนใจหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ผมคุณกรินเข้าไปในส่วนของโรงผลิตไวน์ ในนี้จะมีห้องสำหรับคั้นน้ำองุ่น ผมใช้เป็นเครื่องจักรไม่ได้ใช้แรงคนโดยการเหยียบองุ่นให้ได้น้ำ เมื่อได้น้ำองุ่นสำหรับทำไวน์เราก็จะเข้าไปในห้องถัดไปคือห้องหมักก่อนที่จะนำลงถังไม้โอ๊คแล้วนำไปเก็บไว้ในcellarหรือห้องบ่ม
“คุณกรินจะลองทำเองไหมครับ” ผมถามหลังจากที่อธิบายส่วนต่างๆของโรงผลิตไวน์ให้คุณกริน ความจริงโรงผลิตไวน์ของผมจัดว่าเป็นโรงผลิตขนาดเล็กมาก ไม่ได้ใหญ่โตหรือมีเครื่องไม้เครื่องที่เยอะนัก อาศัยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมเน้นค่อยๆเติบโตไปทีละนิด พออยู่พอเพียงไม่ได้ต้องการพัฒนาก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด คงเพราะแบบนี้แหละมั้ง เอเดนถึงด่าผมว่าผมทำไร่ไม่ก้าวหน้า
แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมลงมือทำด้วยตัวเองทุกกระบวนการ เข้าไปศึกษาเรียนรู้ทุกจุดอย่างจริงจัง แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่าถึงไร่ของผมจะเติมโตช้า แต่เติบโตอย่างมั่นคงแน่นอน
“ก็ดีครับ ผมอยากได้ไวน์ที่เป็นของตัวเองไว้เป็นที่ระลึก”
“มาครับ ผมจะสอน” ผมนำคุณกรินไปที่โต๊ะตัวยาว สอนให้คุณกรินล้างองุ่นและเด็ดขั้วออก ไม่อย่างนั้นไวน์ที่ได้จะมีรสฝาดมากจนเกินไป จากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาด หมดห่วงเรื่องสารเคมีเพราะไร่ผมไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ใช้แต่ของที่มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น จากนั้นก็ก็ให้คุณกรินเริ่มลงมือคั้นน้ำองุ่นด้วยมือโดยมีผมร่วมช่วยด้วย
เมื่อคั้นน้ำองุ่นจนได้ที่ก็เทใส่ลงในถังไม้ขนาดเล็ก ผมเตรียมถังไม้ไซต์เล็กไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะทำไวน์ของตัวเองเป็นที่ระลึก และเมื่อครบกำหนดผมก็จะจัดบรรจุลงขวดและตรีตราชื่อผู้ทำลงบนขวดเพื่อแสดงให้เห็นว่าไวน์ขวดนี้ใครเป็นคนทำและถูกทำเมื่อไหร่ จึงจัดส่งไปให้ถึงที่อยู่ ในส่วนนี้ค่อนข้างได้ผลตอบรับอย่างดี ทุกคนที่มาเที่ยวไร่ศิลามากขึ้นส่วนหนึ่งก็เพราะอยากได้ไวน์ที่ตนได้ทำเองเป็นที่ระลึก
“ถ้าคุณชอบหวานก็เติมน้ำตาลในปริมาณที่มากหน่อย แต่ถ้าชอบหวานนิดๆก็เติมแต่น้อย แต่ถ้าชอบรสชาติธรรมดาก็ไม่ต้องเติมก็ได้ครับ” ผมแนะนำ คุณกรินพยักหน้าเข้าใจ เติมน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะและเติมยีสต์ในสัดส่วนที่ผมแนะนำ
จบขั้นตอนของการหมักก็จะเป็นการนำไปบ่มในเซลล่าเป็นระยะเวลาสามเดือน โดยผมได้ให้คุณกรินเขียนชื่อ วันที่ผลิตติดลงบนถังไม้เพื่อจะได้รู้ว่าถังนี้เป็นของใคร เมื่อถึงระยะเวลาที่พอเหมาะก็จะเปิดไวน์ออกมาชิมว่ารสชาติเป็นที่พอใจหรือไม่
“ไว้เมื่อไวน์ได้ที่ผมจะโทรไปบอกนะครับ คุณกรินจะลงมารับเองหรือจะให้ผมส่งไปให้ที่นู่น” ผมถาม เราใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงในการทำไวน์
“ผมมาเอาเองดีกว่าครับ ผมอยากมาที่นี่เพราะผมชอบที่นี่” คุณกรินว่า มองผมอย่างที่เอเดนมอง ผมรู้ความหมายแต่เลือกที่จะมองเมินไม่สนใจ ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง แต่มีผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมเผลอใจให้
“ยอร์ช!” เสียงเข้มเรียกผมดังมาจากประตูโรงผลิตไวน์ เอเดนเดินหน้าเข้มเข้ามาใกล้ผมกับคุณกริน ผมลอบถอนหายใจ ผมอยากจะถามเขาเหลือเกินว่างานของเขาเสร็จแล้วหรือไง ถึงได้คอยตามติดผมตลอดทั้งวัน จะหวงอะไรกันนักกันหนา
“มีอะไร” ผมถาม เอเดนไม่มองผมเลย มองคุณกรินตาเขม็ง แต่คุณกรินมองแค่ผมเท่านั้น เข้าใจยั่วโมโหเอเดนจริงๆ เกิดเอเดนขาดสติชกเขาขึ้นมาผมช่วยคงช่วยอะไรไม่ได้
“ผมมาตามไปกินข้าว เที่ยงแล้ว” เอเดนพูดเสียงแข็งหน้าบึ้ง
“อ่อ เข้าใจล่ะ” ผมเป็นไกด์พาลูกค้าเที่ยวไร่เสียเพลินจนลืมดูเวลา “ทานข้าวด้วยกันไหมครับคุณกริน” ผมหันไปชวนแขก แต่ทำให้คนตัวโตไม่พอใจ
“งั้นผมขอฝากท้องสักมื้อนะครับ” คุณกรินตอบรับคำอย่างยินดี
ผมเดินนำเอเดนและคุณกรินไปที่พักที่คนงานต่างนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ ผมถามคุณกรินแล้วว่าสามารถนั่งทานกับพวกคนงานได้ไหม แต่จริงๆคือมีผม ผู้ช่วย เอเดนและคุณกรินเพียงสี่คนกินร่วมวงเดียวกัน ส่วนคนงานล้อมอีกวงอยู่ไม่ห่างนัก
“ผมทานได้ครับ ผมไม่ถืออยู่แล้ว ดีเสียอีก บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนครอบครัวแบบนี้ผมชอบ”
ผมยิ้มตอบ คุณกรินเป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดี และเป็นกันเองเป็นคนง่ายๆ นั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ตั้งแต่รู้จักเขา ผมรู้ว่าผมไม่อาจตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดีในเวลาแค่ไม่กี่วันที่ได้เจอกัน แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ควรตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดีตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เราต้องใช้วเลาศึกษาเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้จักเขาดีพอ
ดูอย่างเอเดนสิ เริ่มแรกที่ผมรู้จักเขา เขาก็ไมได้ดี เรียกได้ว่าเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ออกบ่อย แต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามเพราะแค่จุดสีดำที่เราเห็นอาจไม่ใช่ทั้งหมดในความเป็นเขา เขาอาจมีสีชาวซ่อนอยู่ ผมถึงให้โอกาสเขาในการพิสูจน์ตัวเอง และให้โอกาสตัวเองเรียนรู้เขาให้มาก
“ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เอเดนกระซิบบอกผม เขาจับแขนผมให้ลุกขึ้นออกจากวงทานข้าวเดินเลี่ยงห่างออกจากคนอื่นพอควร ผมเลือกต้นไม้ใหญ่เป็นกำแพงเราให้พ้นจากสายตาคนอื่น
“มีอะไร” ผมถาม
“ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับมัน” เอเดนเปิดประเด็นอย่างเอาแต่ใจ ก็ไม่ผิดจากที่คิดมากนัก
“ผมเลิกยุ่งไม่ได้ เขาเป็นลูกค้าผม คุณต้องเข้าใจเอเดน ผมทำธุรกิจจะไม่ให้ติดต่อกับลูกค้าได้ยังไง” ผมพูดอย่างใจเย็น ให้เอเดนเย็นนะเหรอ ผมเย็นเองเสียจะง่ายกว่า
เอเดนฮึดฮัด ยกมือเท้าเอวเตะฝุ่นระบายอารมณ์ “งั้นก็อยู่ห่างๆมันหน่อยเซ่”
ผมกอดอกเชิดมอง “ไหนลองบอกเหตุผลมาสิว่าทำไมคุณถึงอยากให้ผมอยู่ให้ห่างจากคุณกริน”
“มันเป็นนากินี” เอเดนตอบอย่างรวดเร็ว
ผมเลิกคิ้วว่าแค่นี้น่ะเหรอเหตุผลของเขา “ถ้าอย่างนั้น ผมก็ควรจะเลิกยุ่งกับคุณเพราะคุณเป็นนากินี”
“ไม่ใช่แบบนั้นยอร์ช คุณไม่เข้าใจ” เอเดนทำท่าจะเข้ามากัดหัวผม ผมเข้าใจความหมายของเขา แต่แกล้งทำเป็นมึน
“ก็ถูก ผมไม่เข้าใจ แค่เขาเป็นนากินี ผมไม่เห็นว่าจะใหญ่โตตรงไหนถ้าเขาเป็นคนดี หรือคุณจะบอกว่าไม่ใช่” ผมย้อนถามเอเดน
“แต่ผมดูออกว่ามันชอบคุณ ผมไม่ชอบ” เอเดนกัดฟันพูด
“แค่นั้น?”
“มันไม่แค่นั้นยอร์ช ผมจีบคุณอยู่ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาชอบคุณหรอก” ลูกแก้วเขียวสีสวยเพ่งจ้องผมจริงจัง
“คุณบังคับคนทั้งโลกไม่ได้ และการที่คุณกรินชอบผมก็ไม่ได้เสียหายที่ตรงไหน คุณต้องเข้าใจและแยกแยะให้ออกนะเอเดน เรื่องงานก็ส่วนเรื่องาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว ผมติดต่อสานสัมพันธ์กับเขาก็แค่เรื่องงานในฐานะลูกค้า และถ้าจะมากกว่ากว่านี้ก็แค่ฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ที่คุณทำที่คุณไปหาเรื่องเขา มันจะทำให้ผมเสียลูกค้า” ผมเริ่มสอนบทเรียนต่อไปให้เอเดน เขาต้องมีใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และหัดที่จะเชื่อใจ
“แต่เขาชอบคุณนอกเหนือจากงาน”
“ที่จริงก็ดีนะที่เขาชอบผม เรื่องธุรกิจก็จะง่าย”
มีคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียด นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่เอเดนเข้าใจไปแบบผิดๆ
“ทำไม คุณชอบมันงั้นเหรอ” เขาเริ่มจะหาเรื่องผมอีกรอบ
“ก็ชอบ” ผมแกล้งตอบ
เอเดนฟังแล้วก็ถลึงตาเข้าใส่ ขึ้นเสียงโวยวาย “ยอร์ช ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ ผมชอบคุณก่อนนะ!”
ผมลอบหัวเราะในใจ “ผมชอบเขาเพราะเขาก็ดูจะเป็นคนดีและเขาก็เป็นลูกค้าของผม ไม่ได้ชอบแบบนั้นหรอกนะ”
“แบบไหนก็ไม่เอา” เอเดนเบ้หน้า ดื้อเป็นเด็กๆ
แกล้งแค่นี้พอก่อนที่เขาจะโวยวายมากไปกว่านี้ ผมยังไม่อยากซวยหนักเพราะไปแหย่งูอารมณ์ร้ายให้สติขาด ผมว่าผมคงต้องปลอบใจเด็กโข่งสักหน่อย
“คุณจะคิดมากไปทำไม อย่างนั้นคนที่ผมยอมให้อยู่ใกล้ๆตลอดเวลา อยู่ในบ้านเดียวกันกับผมและยอมให้จีบก็มีอยู่แค่คนเดียว”
“ผมเหรอ” เขาถาม สีหน้าดีขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตที่ขุ่นเคืองเริ่มใสวาววับระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดที่ส่องลอดกลุ่มใบไม้ลงมา
“หมาล่ะงั้น”
“ไม่ใช่ งูต่างหากล่ะ” เขาก้าวหนึ่งก้าวหล่นระยะห่างตรงกลาง ก่อนที่สองมือของเขาจะโอบเอวผมแนบชิด ผมเกร็งตัวมองรอบด้าน ถึงเราทั้งคู่จะหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากสายตาคนอื่น
“ยืนยันหน่อยสิว่าผมพิเศษ” ดวงตาของเขาช่างอ้อนวอนจนน่าสงสาร
“ก็บอกไปแล้วไง” ผมขืนตัวไม่ให้ใกล้ร่างกายกำยำมากไปกว่านี้
“ไม่พอหรอก เขาว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด”
ผมเงียบ เสตามองไปทางอื่น
“ก็ได้ คุณไม่ทำผมทำเองนะ” เขาว่า ผมจึงมองตาเขาอีกครั้ง และพลาดมากที่ทำแบบนั้น เอเดนยิ้มล้อผมอยู่ ปล่อยมือข้างหนึ่งจากเอวไล้แก้มผมเล่น
“คุณเขินแก้มแดงแล้วน่ารัก กินองุ่นแดงเยอะเกินไปหรือไงหืม” เขากดใบหน้ากระซิบติดแก้ม กดจูบเน้นๆตามด้วยไรฟันขบกัดหยอกเอิน
“จูบนะ” เขาขอ ริมฝีปากเย็นเคลื่อนเข้าใกล้มุมปาก
ผมไม่ตอบแต่ไม่ได้ดิ้นหนี ยืนนิ่งให้เขาทำตามอำเภอใจ
และเอเดนก็ไม่โง่ที่จะไม่รู้คำตอบ “ขอบคุณครับ” เขาพูดและเริ่มทำตามในสิ่งที่เขาขอ
“อื้อ ห้ามใช้ลิ้น” ผมเบี่ยงหน้าหนีเมื่อเอเดนทำท่าจะลอดลิ้นเข้ามาในปากผม ผมยอมให้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ก็บอกแล้วไงว่าให้เป็นของรางวัลปลอบใจ เสียจูบอีกทีหนึ่งแลกกับการที่เขาจะไม่อาละวาดโวยวายให้ผมปวดหัวก็ดูจะคุ้มอยู่
.......................
เค้าว่าคู่นี่หวานไปแหระ เอามาม่าหน่อยไหม ฮ่าๆๆ ล้อเล่น
พี่ยอร์ชอ่อนให้เอเดนเยอะแล้ว แต่ก็ยังต้องเอาคืนเอเดนอีกเยอะ แต่การแก้แค้นดูมุ้งมิ้งไปหน่อยนะ อยากได้แบบเลือดสาดไหม น่าจะมัน 55555
อย่าลืมนะคะ ริริเปิดจองพี่งูแล้ว รายละเอียดตามโพสนี้ ขอให้อ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วนนะคะจะได้เข้าใจ
ป.ล. อ่านคอมเม้นแล้วปลื้มปลิ่ม กอดๆ