DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 636589 ครั้ง)

ออฟไลน์ pornwicha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ยิ่งนานวัน ความรักก็เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา

สู้ๆนะค่ะ

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ขอบคุณจ้า รอตอนต่อไปจ้า.  :mew1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :กอด1: ขยายตอนก้อดีจ้ะ เพราะเราว่าเรื่องของยอร์ชกับเอเดนนี่ ท่าทางจะยาวน่ะ ไม่อยากให้ห้วนน่ะ  :o8:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ้ายยยย มาแล้วววว

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
R.E.V.E.N.G.E

THIRTEEN





YACHT
        วางกดวางสายของเอเดนที่โทรมากวนเวลานอนหลับ กวนจิตใจผมมาทั้งวันยังไม่พอยังจะมากวนเวลาพักผ่อนอีก จากที่นอนหลับสนิทจากอาการเหนื่อยล้าอันแสนสาหัสจากร่างกาย ตอนนี้ดวงตาของผมเปิดโพล่งทางกลางความมืด ยากที่จะข่มตาให้หลับได้อีกครั้ง ซึ่งสาเหตุก็เพราะว่าสมองเอาแต่คิดวนเวียนถึงคนที่อยู่อีกฝากฝั่งโลก
        “คุณไม่ควรมีอิทธิพลต่อผม ไม่ควรเลยจริงๆ”
        ทั้งความคิดและจิตใจ ในตอนนี้ มีแต่ชื่อเอเดนลอยเต็มไปหมด
        คิดว่าผมจะรู้สึกยังไงเมื่อตื่นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าคนที่นอนอยู่กับผมหายไปพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนไว้แค่ว่าจะไปทำธุระที่นิวยอร์ก อีกไม่กี่วันก็จะกลับ มีแค่เพียงข้อมูลเท่านี้ที่เขาบอกให้ผมรู้ ซึ่งผมพยายามเข้าใจว่าคนเราก็ต้องมีธุระส่วนตัวที่ต้องสะสาง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เรื่องอะไรถึงทำให้เขารีบร้อนไปโดยไม่บอกผมด้วยตัวเองเช่นนี้
        ผมพยายามไม่คิดอะไร ผมควรเป็นเช่นนั้น แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ผมคิดถึงแต่เอเดนทั้งวัน ผมตัดสินใจโหมงานทุกอย่าง ลงมือเองทุกขั้นตอนจนคนในไร่งงกันไปหมด วิธีนี้ก็พอจะทำให้ลืมคนชื่อเอเดนได้อยู่บ้าง
        กลับถึงบ้านอาบน้ำกินข้าวเย็นที่แม่ครัวทำเตรียมไว้ให้คนเดียว บ้างดูเงียบเหงาไปถนัดเมื่อมีเพียงแค่ผม พ่อยังคงสนุกอยู่กับการเที่ยวกับเพื่อนๆ มีโทรกลับมาบ้างตามแต่ท่านจะสะดวก ส่วนใครอีกคน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะทำอะไรอยู่
        ผมกดโทรศัพท์ต่อสายหาน้องชายสุดที่รัก พักหลังมานี่ผมกับโยชิคุยกันไม่ทุกวันเหมือนแต่ก่อน แต่โยชิก็ยังคงแสดงออกอย่างค่อนข้างชัดเจนว่าไม่พอใจในตัวเอเดนผ่านน้ำเสียงที่ทำให้พอจะเดาสีหน้าออก
        “พี่ยอร์ช โยคิดถึง”เสียงใสมาเลย ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ ผมโชคดีที่ได้อาซาเป็นน้องเขย เพราะเขาดูแลโยชิได้ดีจริงๆ เผลอๆดีกว่าคนเป็นพี่ชายอย่างผมด้วยซ้ำ
        “คิดถึงพี่ไม่เห็นจะกลับมาหาพี่บ้างเลย” ผมแกล้งทำเสียงงอนใส่แต่ริมฝีปากยิ้มกว้าง ผมเอนกายเอาแขนข้างหนึ่งรองหนุนหัวบนเตียง หน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้มีสายลมอ่อนๆพัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านปลิวไสว ร่างกายและจิตใจค่อยๆผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า
        “ก็โยมีเรียนทุกวันเลยนี่น่า ปีสองแล้วงานก็เยอะ อยากปิดเทอมจะแย่แล้วเนี่ย” โยชิทำเสียงโอดโอยจนน่าหมั่นเขี้ยว
        ผมหัวเราะ ได้ยินเสียงแบบนี้แล้วอยากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงหอมแก้มนุ่มให้หนำใจ แต่คงจะเป็นไปยากสักหน่อย เพราะอาซาหวงเหลือเกิน หวงแม้กระทั่งคนเป็นพี่ชายอย่างผม
        “แล้ว ไม่ได้กลายร่างเป็นงูออกไปเกเรที่ไหนใช่ไหม” ผมถาม เรื่องมนุษย์กลายร่างเป็นสัตว์เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากที่จะรับรู้ แต่ผมก็พยายามที่จะยอมรับความเป็นจริง ซึ่งตอนนี้ก็พอจะมองเป็นเรื่องปกติได้บ้างในบางครั้ง หากเป็นคนใกล้ตัว
        “จะให้โยออกไปเลื้อยเล่นที่ไหนได้เล่า เดี๋ยวก็ได้โดนคนจับเข้าสวนสัตว์พอดี”
        “ดีแล้วล่ะ ระวังตัวด้วยนะพี่เป็นห่วง”
        “ครับ แต่โยต้องไปหาหมอและทำการประเมินสภาวะร่างกายทุกสองอาทิตย์ เซ็งมากเลย” เด็กน้อยบ่น
        “ไปโรงพยาบาลปกติได้ด้วยเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
        “โรงพยาบาลของแอชยูนั่นแหละพี่ยอร์ช รักษามนุษย์กลายร่างโดยตรง และที่จริงก็มีโรงพยาบาลข้างนอกอีกสองสามแห่งที่แอบเปิดรักษามนุษย์กลายร่างแบบลับๆไม่ให้คนธรรมดาทั่วไปรู้”
        “อ่า” ผมครางรับรู้ “ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีปัญหา”
        ผมเองก็กลัวเหมือนกัน ถ้าหากว่าความลับของพวกเขาจะถูกเปิดเผยให้คนอื่นรู้แล้วจะนำภัยมาให้ แน่นอนละถ้าหากว่าโลกนี้รู้ว่ามีคนแบบพวกเขาอยู่คงไม่มีใครยอมรับ ดีไม่ดีอาจก่อเกิดเป็นสงครามขึ้น แต่สำหรับผมแล้วไม่ว่าโยชิจะเป็นอะไร ความจริงก็คือเขาเป็นน้องชายของผม
        “พี่ยอร์ช”
        “หืม”
        “เรื่องเอเดน”
        “ทำไม มีอะไรเหรอ”
        “เขาไปแล้วใช่ไหม คนของอาซาบอกว่าเขาขึ้นเครื่องกลับนิวยอร์กไปแล้ว”
        “อ่อ อืม” เรื่องนี้เองเหรอ ผมก็คิดว่าเรื่องอะไร
        “โยรู้ว่าพี่ยอร์ชหวั่นไหวกับเอเดนและคงชอบเขาไปแล้ว แต่ปล่อยเขาไปเถอะพี่ ถ้าเขาอยากจะไปก็ปล่อยเขาไป อย่างพี่ยอร์ชจะหาผู้หญิงสวยๆหรือผู้ชายหน้าตาดีๆนิสัยดีและเป็นคนดีได้ยิ่งกว่าเขาได้อยู่แล้ว อย่าเสียใจเลยนะ” คำปลอบประโลมของโยชิทำให้ผมงุนงงไม่น้อย
        “เดี๋ยวนะโยชิ คือพี่งง เราพูดถึงเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ” ผมถามน้องชายอีกครั้ง ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกกับเสียงสะอื้นเล็กน้อย ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่ละ
        “พี่ยอร์ชอย่าเสียใจเลยนะ ฮึก คนเลวๆแบบนั้นไม่เหมาะกับพี่หรอก” โยชิยังคงพูดไปสะอื้นไปไม่ฟังอะไร ผมต้องรีบเบรคเด็กขี้แยก่อนที่จะเรื่องราวบานปราย
        “โยชิ ฟังพี่ เอเดนไม่ได้ทิ้งพี่ โอเค๊ เขาแค่กลับไปทำธุระที่นิวยอร์ก” ผมบอกไปตามข้อความที่เอเดนทิ้งไว้ให้
        “ไม่ ไม่จริง เขาต้องหลอกพี่แน่ๆ”
        แม้ว่าในใจจะหวั่นว่าจะเป็นแบบที่โยชิคิดก็ตาม แต่ทว่า เมื่อคิดดูอีกที เอเดนไม่มีความจำเป็นต้องโกหก คนอย่าเอเดนถ้าคิดจะทิ้งผมไปจริงๆ ถ้าเขาเบื่อคนอย่างผมเขาก็คงพูดว่าเบื่อและจากไปโดยที่ไม่ต้องแสร้งโกหกอะไร เขาเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมถึงมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าเขาจะต้องกลับมา
        “หึหึ เด็กน้อย ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่นะครับ แต่ว่า เอเดนน่ะติดกับพี่เข้าเต็มๆ เขาไปไหนไม่รอดหรอก สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ดี”
        “เอาจริงๆเหอะ โยไม่อยากให้เขากลับมาเลย โยไม่อยากให้เขาเป็นแฟนพี่ โยไม่อยากยอมรับ โยขอโทษแต่โยไม่ชอบเขาเลยจริงๆ”
        “...” ผมไม่พูดอะไรได้แต่นิ่งฟังน้องชายระบายความรู้สึก
        “เขาเคยจะฆ่าอาซา เขามันร้าย โยไม่ชอบเขาเลย แต่...ฮึก แต่ถ้าพี่ยอร์ชชอบเขา โยยอมก็ได้”
        “ยอมจริงเหรอ”
        สิ่งที่สำคัญกว่าความรู้สึกของตัวเอง ก็ความรู้สึกของคนในครอบครัวเนี่ยแหละ ทั้งพ่อและโยชิ ถ้าผมจะรักใครผมก็อยากให้พวกเขารักด้วย
        “ก็ยอม แต่ขอเวลาโยทำใจหน่อยนะ บางทีอารมณ์มันอาจจะขึ้นบ้าง แต่โยจะไม่ขัดขวางหรอก ไม่ขัดขวางแล้ว โยอยากให้พี่ยอร์ชมีความสุข โยรักพี่ยอร์ชนะครับ รักมาก”
        “พี่ก็รักโยชิมากนะครับเด็กน้อยของพี่”
        “ฮึก คิดถึงพี่ยอร์ช”
        “ฮ่าๆๆ งอแงอะไรกัน เป็นนากินีงอแงได้ด้วยเหรอไง” ผมแกล้งกระเซ้า
        โยชิสูดน้ำมูกเสียงดังตอบเสียงอู้อี้ “งอแงได้เพราะเป็นห่วงพี่ยอร์ช”
        น้องชายผมจะน่ารักเกินไปแล้ว
        ครับๆ พี่รู้แล้วว่าน้องเป็นห่วง แล้วนี่อาซาอยู่ด้วยไหม” ผมถามหาถึงคนรักของน้อง
        “อยู่ ฮึก อยู่ข้างๆเนี่ยแหละ”
        “ขอพี่คุยกับอาซาหน่อยสิ” ผมบอก เสียงสะอื้นของโยชิเบาลง แทนที่ด้วยเสียงแหบแห้งที่ฟังแล้วรู้สึกว่าคนๆนี้มีเสน่ห์
        “ไฮ” คำทักทายของอาซายังคงนิ่งและสั้นเหมือนเดิมไม่หลุดคอนเซ็ป
        “ฝากโยชิด้วยนะ ส่วนเรื่องเอเดนฉันขอโทษด้วย” ผมเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นเดียวกันที่ความต้องการของตัวเองทำให้คนอื่นๆพลอยลำบากใจไปด้วย
        “ผมไม่คิดอะไรแล้วครับ ไม่เคยอะไรมาตั้งแต่แรก ถ้าเขากลับตัวได้ผมก็โอเค”
        “อืม ขอบคุณนะ ฝากปลอบโยชิแทนผมที” ผมฝากฝัง
        “ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลเขาเอง”
        “ขอบคุณอีกครั้งนะ”
        ผมวางสาย กลับมาคิดทบทวนว่าควรจะเอายังไงต่อดีกับเรื่องของผมและเอเดน ตั้งแต่เล็กจนโตมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจมากมาย แต่ไม่มีครั้งไหนยากเท่าครั้งนี้
        ผมผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย แต่ตกดึกนั่นแหละถึงได้โดนก่อกวนจากคนที่ทำให้ผมต้องครุ่นคิดเรื่องของเขาเป็นร้อยๆรอบ และครั้งนี้ผมก็ได้คำตอบให้ตัวเองแล้วว่าควรจะเลือกอะไรระหว่างความรักกับความถูกต้อง
        โยชิเป็นกังวลเรื่องเอเดนมากผมรู้และเข้าใจ เพราะผมเองก็กังวลไม่ต่างกัน ไม่ใช่เรื่องสิ่งที่เขาเคยทำ แต่เป็นสิ่งที่จะเกิดหลังจากนี้ต่างหากที่ทำใหผมกังวลจนไม่กล้าที่จะยอมรับว่าผมก็รู้สึกเหมือนกันกับเขา
        ผมไม่ใช่โยชิที่เป็นเหมือนอาซา
        ผมเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีอายุขัยเต็มที่ก็แต่100กว่าปีตามสถิติคนที่อายุมากที่สุดในโลก
        สำหรับมนุษย์เราแล้วอายุเท่านั้นเรียกกว่ามากเกินความคาดหมายด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์กลายร่าง เอเดนมีอายุตั้งเท่าไหร่ มากกว่าผมกี่เท่าตัว แต่เขายังดูหนุ่ม มองจากภายนอก เขาเหมือนคนอายุสามสิบต้นๆด้วยซ้ำ ต่างจากผมที่อายุน้อยกว่า แต่อีกไม่นานมก็จะแก่กว่าเขา ผมจะไม่เหมือนเดิม จะเป็นคนแก่คนหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้น จะให้ผมเดินเคียงคู่กับเขาน่ะเหรอ ใครมองก็คงคิดว่าพ่อกับลูกเดินคู่กัน และอีกอย่าง หากผมตายจากไปล่ะ
        ในเช้าวันต่อมาผมทำทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งช่วงเช้าผมต้องเขาตัวเมืองไปส่งของด้วยตัวเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นหลังจากที่ผมส่งของเสร็จ ผมคิดว่าจะเป็นเอเดนที่โทรมา แต่ไม่ใช่ เมื่อผมรับสาย เสียงหวานใสที่เคยก้องกังวานอยู่ในอกดังลอดโทรศัพท์ออกมาให้ได้ยินอีกครั้ง
        “ฮัลโหล ยอร์ชใช่ไหม แอนนาเองนะ”
        “แอนนา” ผมตกใจไปเล็กน้อย เกือบจะเหยียบเบรคไม่ทันเพราะไฟจราจรที่เปลี่ยนมาเป็นสีแดงในจังหวะที่ผมเหม่อลอย
        “ใช่ แอนนาเอง ยุ่งอยู่ไหม” เธอถามเสียงติดจะเกรงใจ และที่มากไปกว่านั้นเสียงของเธอเหมือนคนกำลังเศร้า
        “ขับรถอยู่นะมีอะไรหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถึงจะเลิกรากันไปแล้ว แต่ความรู้สึกดีๆที่ผมเคยมีให้แอนนานั้นยังเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ใช่อย่างคนรัก ตอนนี้เธอคือเพื่อนผมคนหนึ่ง
        “ตอนนี้แอนนาอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่” เธอตอบ
        “มาเที่ยวเหรอ”
        “ก็ ไม่เชิงน่ะ” เสียเธอฟังดูไม่ดีจริงๆ “ว่างไหม มารับที่สนามบินหน่อยสิ”
        “ได้สิ” ผมตอบทันที เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังสนามบินประจำจังหวัด ไปถึงเธอออกมายืนรอพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็กหนึ่งใบคนเดียว ผมเปิดกระจกบอกให้เธอขึ้นรถ
        แอนนาผอมลงไปมากนับจากที่เราเจอกันครั้งล่าสุด ใบหน้าของเธอเศร้าและใต้ตาดำคล้ำเล็กน้อยเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ แต่ถึงอย่างนั้น โดยรวมก็จัดว่ายังสวยอยู่ดี
        “พาไปหาอะไรกินหน่อยสิ หิวมากเลย” แอนนาหันหน้ามาบอกผม
        “อยากกินอะไรล่ะ” ผมถาม แอนนาคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดี เธอไม่ใช่คนเชียงใหม่ แต่ว่าตลอดช่วงเวลาที่คบกัน ผมพาเธอสำรวจทนทั่วจังหวัด อาจมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ไม่ได้ห่างไกลจากที่เคยเป็น
        “อยากไปกินข้าวจิบกาแฟที่คาเฟ่อะไรสักอย่างที่ยอร์ชเคยพาไปน่ะ จำชื่อไม่ได้แล้ว”
        “ได้สิ” ผมจำได้ว่าเป็นร้านไหน เพราะเป็นร้านที่โยชิเองก็ชอบเหมือนกัน”
        ผมขับรถพาแอนนาไปหาอะไรกินที่คาเฟ่ชื่อดังของเมือง เป็นร้านสไตล์โมเดิร์นผสมวิจเทจ แต่งร้านด้วยอุปกรณ์และสิ่งของที่ชาวฮิปสเตอร์ชอบ เดี๋ยวนี้ใครๆก็ชอบอะไรแบบนี้ พวกเขาเรียกการมาจิบกาแฟในร้านคาเฟ่สวยๆว่าการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ผมเองไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า บางทีการได้มานั่งทอดอารมณ์จิบเครื่องดื่มที่ชอบในที่ๆสบายหูสบายตาก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆเช่นกัน
        แอนนาสั่งอาหารเช้าพร้อมสลัดและกาแฟมอคค่าแบบที่ชอบมาทาน ส่วนผมทานข้าวเช้าและกาแฟมาแล้วจากบ้าน แต่ก็ยังคงสั่งลาเต้มาดื่มอีกแก้ว
        ผมคอยลอบสังเกตสีหน้าและท่าทางของแอนนา ทุกการกระทำและคำพูดเธอยังคงเป็นแอนนาคนเดิมที่มีรอยยิ้มที่สวยและร่าเริงแจ่มใส แม้ผมจะดูออกก็ตามว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ในอก
        “แอนนา” ผมเรียกเมื่อเธอทานเสร็จ
        เธอรู้สิ่งที่ผมต้องการรู้ มือเรียวสั่นเทาเล็กน้อยค่อยๆวางแก้วกาแฟลง ริมฝีปากสีชมพูดอ่อนเม้มเข้าหากันก่อนจะคลายออกเป็นยิ้มบางที่ไม่สอดคล้องกับแววตาสั่นไหว
        “เรากำลังจะแต่งงานกับบอส” เธอพูดถึงเรื่องทีน่ายินดีด้วยใบหน้าที่สวนทาง
        “ก็ดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงทำหน้าไม่มีความสุขล่ะ”
        ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย หากพวกเขากำลังจะแต่งงานกันด้วยความรัก น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่าที่จะเศร้าเสียใจ
        “ไม่อยากแต่งงานเหรอ” ผมถาม
        แอนนาส่ายหน้า “อยากสิ อยากแต่งจะตาย แต่ว่า...บอสยังไม่อยากมีลูก เมื่อสองวันก่อนเราลองเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เราอยากมีลูกแต่บอสกลับบอกว่าไม่อยากมี”
        “ทำไมล่ะ”
        “ไม่รู้” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าเป็นยอร์ช ยอร์ชอยากมีลูกไหม”
        ผมคิดตามที่เธอถาม ภาพที่เกิดขึ้นในหัวก็คือ ใครจะเป็นคนท้องในเมื่อผมกับเอเดนเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ถ้าผมมีแฟนเป็นผู้หญิงล่ะก็ ต้องมีมีลูกที่น่ารักแน่ๆ
        “อยากสิ” ผมตอบตามที่ใจคิด
        “แล้วทำไมบอสถึงไม่อยากมีล่ะ” เธอถามผมจริงจัง ผมส่ายหน้า จะไปรู้ได้ยังไงผมไม่ใช่เขานิ
        “ถามเหตุผลเขาหรือยัง คุยกันละเอียดแล้วเหรอว่าทำไม”
        “ไม่รู้”
        “อ้าว”
        “เราก็ถามเขานะยอร์ชว่าทำไมไม่อยากมี เขาตอบแค่ว่ายังไม่พร้อม ทั้งที่บอสก็เป็นคนชอบเด็ก แต่เราไม่เข้าใจว่าไม่พร้อมคืออะไร ทั้งที่เราก็โตกันแล้ว งานการก็มี เงินทองก็มี บ้านก็มี พอเราถามเขาก็พูดแค่ว่าไว้ก่อนๆ เขาไม่รีบ เรารีบเหรอ ก็ต้องรีบสิ เราอายุจะสามสิบแล้วนะ ถ้าท้องตอนอายุมากกว่านี้มันก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก บอสเองก็รู้ แต่ก็ยังคงยืนยันว่ายังไม่อยากมีตอนนี้ พอเราถามว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่ หนึ่งปีพอไหม เขากลับเงียบ ทั้งๆที่อีกสองเดือนข้างหน้าเรากำลังจะแต่งงานกันแล้วแท้ๆ”
        ผมได้แต่รับฟังแอนนาระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจโดยที่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจหรือช่วยแก้ปัญหายังไงดี เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนแค่สองคน ผมเข้าใจแอนนาว่าเธอรู้สึกยังไง คงมีแต่ความไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนของเธอถึงไม่มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ให้
        “เราผิดเหรอยอร์ชที่เราอยากมีลูก”
        “ไม่ผิดหรอก อย่าคิดแบบนั้น ใจเย็นๆยอร์ชคิดว่าเขาคงมีเหตุผลของเขาแหละ ให้เวลาเขาหน่อยก็แล้วกัน แอนนามีเหตุผลว่าทำไมถึงอยากมีลูกเร็วๆ เขาก็คงมีเหตุผลของเขาว่าทำไมถึงยังไม่อยากมีลูกตอนนี้ เมื่อถึงเวลาเขาก็คงบอกเองนั่นแหละ”
        “เฮ้อ” ร่างเล็กทิ้งตัวลงกับพนักเก้าอี้ “ยอร์ช คิดเหมือนกันไหมว่า ถ้าหากเราไม่เลิกกัน ป่านนี้เราจะน่าจะมีลูกไปแล้วนะ ว่าไหม”
        ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินแอนนาพูดแบบนั้น เธอยิ้มให้ผมแบบไม่มีความหมายแฝง
        “แล้วบอกเลิกเราทำไมล่ะ จะมาเสียดายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ” ผมยักคิ้วกวนๆใส่ แอนนาหัวเราะเสียงดังใส่ผม ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น แอนนาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือออกมาดู ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็หายไปในวินาทีต่อมา ผมคิดว่าคนที่โทรมาคงเป็นคนที่เราพูดถึงอยู่
        ผมผายมือให้เธอคุยกับเขาซะ หันหลังให้กันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น แอนนาถึงได้ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกร้าน ผมมองตามเธอก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ แต่เพราะว่าส่งของเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว และคงไม่มีธุระอะไรให้ต้องใช้จึงไมได้คิดจะไปเอา
        แอนนากลับมาด้วยใบหน้าที่ดีขึ้น เธอไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าจะกลับกรุงเทพแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะมาถึงเชียงใหม่ได้ไม่เกินสองชั่วโมง ผมคิดว่าเธอคงได้รับข่าวดีจากคนของเธอ ซึ่งผมก็ได้แต่แสดงความยินดีและตอบรับว่าจะไปร่วมงานแต่งของเธอในอีกสองเดือนข้างหน้า
        ผมขับรถไปส่งแอนนาที่สนามบินอีกครั้ง ผมอยู่เป็นเพื่อนเธอเพื่อซื้อตั๋วใหม่ และรอจนกระทั่งเช็คอิน ผมส่งกระเป๋าเดินทางของเธอให้เมื่อได้เวลา
        “ไว้จะโทรมาบอกเรื่องงานแต่งอีกทีนะ”
        “อืม เดินทางดีๆแล้วก็คุยกันดีๆล่ะ” ผมบอก
        “ขอบใจมากนะยอร์ชที่ช่วยรับฟังเรา”
        “เรื่องเล็กน้อยน่า”
        “ขอกอดหน่อยได้ไหม” เธอถาม
        ผมยิ้ม อ้าแขนออกกว้าง “มาสิ”
        เธอเดินเข้ามากอดผม ผมยกมือขึ้นกอดตอบ ผมเคยคิดว่าผมยังไม่ลืมแอนนา ผมยังคงรักเธอแต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่า เรื่องระหว่างผมกับแอนนามันจบลงแล้วจริงๆ ไม่หลงเหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวตะกอนของความรู้สึกทางชู้สาว เหลือไว้เพียงความรู้สึกดีในฐานะเพื่อนเท่านั้น


[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld

        โทรศัพท์ผมปรากฏเบอร์โทรที่ไม่ได้รับมากกว่าสามสิบสาย ผมทำเพียงมองแล้วปล่อยมันทิ้งไว้ไม่คิดจะโทรกลับ ถ้าอยากคุยกับผมจริงๆก็กลับมาคุยกันที่นี่สิ
        “ขำอะไรเหรอครับคุณยอร์ช” เสียงบุคคลที่นั่งฝั่งตรงข้ามดังขึ้น
        “ไม่มีอะไรหรอกครับคุณริชาร์ด” ผมตอบ
        “งั้นก็เลือกอาหารเถอะครับ” คุณริชาร์ดเจ้าของร้านอาหารชื่อดังเลื่อนเมนูอาหารมาให้ผม
        “ที่จริงไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” ผมเปิดเมนูอาหารไปพลางพูดไปพลาง
        “ผมเกรงใจนะครับที่ต้องโทรไปขอให้คุณยอร์ชเอาองุ่นมาส่งให้กระทันหันในเวลาที่จำกัดแบบนี้ ให้ผมเลี้ยงข้าวเพื่อตอบแทนเถอะครับ” คุรริชาร์ดแสดงคำขอโทษผ่านทางสีหน้าและแววตา
        ผมสั่นหัวเบาๆ “อย่าคิดมากครับ เรื่องแค่นี้เองไม่ได้หนักหนาเลย”
        “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ แต่ผมไม่สบายใจ”
        “งั้น ขอเป็นเมนูเด็ดของร้านแล้วกันครับ” ผมปิดเมนูแล้ววางลงกับโต๊ะ
        “ได้ครั้บ งั้นรอสักครู่ผมจะไปทำมาให้ รอแปบเดียวนะครับ” คุณริชาร์ดรีบลุกออกไปจากโต๊ะ วิ่งไปในครัวเพื่อทำอาหารมาให้ผม
        เมื่อช่วงสายได้รับสายด่วนจากเขากะทันหันขอให้เอาองุ่นและไวน์มาส่งให้ที่ร้านเพราะของขาดและร้านก็ใกล้ได้เวลาเปิด ผมที่ติดพันงานที่ไร่ต้องวางมือแล้วนำของมาส่งให้คุณริชาร์ด พอจะกลับเขาก็เลยรั้งผมเอาไว้เพื่อที่จะเลี้ยงมื้อกลางวันเป็นการตอบแทน
        ระหว่างที่นั่งรอคุณริชาร์ด โทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ต่างจากครั้งก่อนๆตรงที่ว่า สายที่โทรมาเป็นเบอร์โทรศัพท์หมายเลขประเทศไทย และชื่อที่บันทึกเอาไว้ก็เป็นชื่อของเอเดน
        ผมกดรับสายแต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร จนกระทั่งปลายสายจะทนไม่ไว้ ใช้น้ำเสียงดุดันพูดขึ้น
        “ออกมาจากร้านเลยตอนนี้ ผมจะรออยู่ข้างนอก”
        ผมอยากจะมองออกไปดูว่าเขาอยู่จริงหรือเปล่า แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นนั่งนิ่งเพื่อรอดูอะไรบางอย่าง ขอผมพิสูจน์อีกสักหน่อยให้แน่ใจ คงจะไม่ว่ากันนะเอเดน
        “ไม่ ผมจะอยู่ทานข้าวก่อน” ผมพูดชิลล์ๆ
        “ยอร์ช ผมบอกว่าให้ออกมา” เขาเน้นน้ำเสียงหนัก
        “ผมไม่ออก หิวข้าวไหม มาทานด้วยกันสิ”
        “ออกมาสิ เดี๋ยวผมพาไปทานที่อื่น” เสียงสั่งของเอเดนช่างน่ากลัว แต่ผมทำเป็นข่มใจไม่รู้สึกอะไร
        “ทานที่นี่ก็ได้นี่”
        “ยอร์ช”
        “เมนูเด็ดของร้านมาแล้วครับยอร์ช” เสียงของคุณริชาร์ดนำมาก่อนที่ตัวของเขาจะเดินถือถาดใส่อาหารมาเสิร์ฟให้ผมถึงที่ด้วยตัวเอง
        “ขอบคุณมากครับ” ผมเงยหน้าพูดกับคุณริชาร์ด เขายิ้วกว้างแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม “แค่นี้ก่อนนะผมจะทานข้าว”
        ผมกดตัดสาย วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก้มมองอาหารใจจาน แต่ความสนใจทั้งหมดเพ่งไปยังใครคนที่ถูกผมยั่วโมโหทางสายโทรศัพท์ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูร้าน เสียงก้าวเดินในขณะที่ผมกำลังใช้ส้อมพันเส้นพาสต้าสูตรเฉพาะของร้านที่ทำเองรสชาติและความเหนียวนุ่มต่างจากที่อื่นเพื่อที่จะเอาเข้าปาก
        หมับ!
        ข้อมือผมถูกมือหนารั้งเอาไว้ ปากที่อ้าค้างก็เลยได้แต่รับลม ผมช้อนตาขึ้นมองเอเดน เอาเข้าจริงผมนับถึงแค่เลขเก้าเองด้วยซ้ำ เข้ามาไวกว่าที่คิด
        ที่ผมทำแบบนี้ ผมอยากรู้ว่าเอเดนจะทำยังไงกับผม อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องที่เขาให้ลูกน้องของเขาจับตาดูผมอยู่ตลอดเวลาจนให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นคนร้ายที่ต้องมีผู้คุมคอยจับตามอง แต่ที่ไม่พูดไม่ทักท้วงก็เพราะว่าผมเข้าใจเจตนาของเขาที่นอกเหนือไปจากอยากรู้ว่าผมไปไหนกับใครและไปทำอะไรก็คือเขาเป็นห่วงผม
        ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาจะเข้าใจผมมากน้อยแค่ไหน จะรับฟังเหตุผลของผมเหมือนที่ผมเป็นไหม เรื่องนี้สำคัญสำหรับผมมาก ผมก็แค่อยากจะแน่ใจ และในตอนนี้ที่ผมแค่จะกินข้าวในร้านอาหารของเพื่อนคนหนึ่ง มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรให้เขาแสดงอาการฟาดงวงฟาดงา ถึงเขาจะรักจะชอบผม แต่ผมก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมอยากให้เขารู้ว่าผมไม่ต้องการให้เขาควบคุมชีวิตผม แต่ผมอยากให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมให้ได้ ผมมีสังคมของผมและเขาก็ต้องทำความเข้าใจเหมือนที่ผมพยายามเข้าใจสังคมของเขามาโดยตลอด ไม่ใช่จะห้ามผมเข้าใกล้คนอื่นแม้แต่คนรู้จัก ผมว่าแบบนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก เขาอาจจะหวง แต่ผมจะทำให้เขารู้ว่าคนอย่างยอร์ชไว้ใจได้ อาจจะมีใครต่อใครมาชอบผม แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะสนใจตอบ ถ้าผมคิดจะคบใครสักคน ผมก็จะคบแค่คนเดียว ซึ่งเอเดนในขณะนี้ขี้หวงเกินกว่าที่จะเข้าใจในจุดนี้
        คุณริชาร์ดมองผมสลับกับเอเดนด้วยความงุนงนเล็กน้อย ผมส่งยิ้มให้เขา เลยได้เสียงขู่คำรามในลำคอจากผู้มาใหม่แทน
        “ปล่อยครับ ผมจะทาน”
        “...” เอเดนยังคงจ้องผมนิ่ง และเมื่อผมยังไม่ยอมทำตามความต้องการของเขา คือกลับไปพร้อมเขาเดี๋ยวนี้ เอเดนเลยเบนเป้าหมายไปหาเจ้าของร้านแทน
        “ไฮ” คุณริชาร์ดก็อัธยาสัยดีเกินไป ทั้งๆที่สายตาของเอเดนแทบจะเขมือบหัวเขาได้อยู่แล้ว
        “เขาทักทายคุณอยู่นะเอเดน” ผมวางส้อมในมือลง พักเรื่องอาหารเอาไว้ก่อน
        “ไฮ” เอเดนทักกลับ แต่ใบหน้าบึ้งตึง มือของเขายังคงจับที่ข้อมือผมอยู่ ผมดึงแขนตัวเองออก เขาไม่พอใจถลึงตาใส่ผม ผมเลยจ้องตาเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
        “ยอร์ชครับ คือ...มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” คุณริชาร์ดเปิดปากถามตามที่ตัวเองสงสัย
        “ไม่มีอะไรครับ นี่เอเดน ผู้ช่วยของผม” ผมแนะนำเองเสียเลย ถ้าให้เอเดนอ้าปากก่อนคงต้องรอชาติหน้า
        “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอเดน ผมเป็นเจ้าของร้านนี้แหละเป็นเพื่อนกับคุณยอร์ชด้วย” คุณริชาร์ดลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปเพื่อทักทายอย่างเป็นทางการ แต่เอเดนยังคงนิ่ง เอาแต่มองหน้าผม เขาคงรู้สึกไม่ชอบที่ผมแนะนำเขาไปแบบนั้น
        ผมยื้อข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ได้สำเร็จ ก้มหน้าเริ่มทานอาหารตรงหน้าอีกครั้งทำเป็นไม่สนใจว่าเอเดนจะทำอะไร
        เอาสิ ทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ
        “ยินดีมากเช่นกันครับ” เสียงของเอเดนเอ่ยช้าๆและเน้นน้ำหนักทีละคำอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์
        “ทานอะไรไหมครับ ผมจะได้ไปทำมาให้” คุณริชาร์ดรีบอาสา แต่ถูกเอเดนขัดเอาไว้
        “ไม่ต้อง ผมไม่หิว” เขาพูด ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม ขยับเก้าอี้เข้ามาเสียใกล้
        “งั้นรับเป็นเครื่องดื่มอะไรไหมครับระหว่างรอคุณยอร์ช” คุณริชาร์ดยังคงนำเสนอ ผมคนกลางก็อยากจะหลุดขำ คุณริชาร์ดที่เป็นชาวต่างชาร์ตมาอยู่เมืองไทยก็คงอยากจะทำความรู้จักกับชาวต่างชาติด้วยกัน เหมือนคนไทยไปต่างประเทศแล้วเจอคนชาติเดียวกัน แต่เอเดนเนี่ยสิไม่สนใจอะไรเลย เอาแต่นั่งกดดันผม
        “ไม่ต้องครับ” เขาพูดเสียงแข็งกับริชาร์ด “รีบๆทานเลยยอร์ชก่อนที่ผมจะหมดความอดทนแล้วลากคุณออกจากร้าน” เอเดนกระซิบให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
        “ก็ทำสิ กล้าหรือเปล่า” ผมท้า เพิ่งประกายไฟในดวงตาสีเขียวเข้ม
        “ผม...”
        ผมรอฟังว่าเขาจะพูดว่าอะไร เอเดนมองนิ่งแล้วถอนหายใจ หลุบตาลงต่ำ วางมือไว้บนหน้าขาผม ออกแรงบีบเบาๆเหมือนจับไว้เป็นหลักยึด
        “ผมขอร้อง ทานเร็วๆเถอะนะ” เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
        และบททดสอบของผมก็จบลง ผมวางส้อมในมืออีกครั้งเพราะคราวนี้คิดว่าคงต้องกลับจริงๆเสียที
        “ผมคิดว่าผมต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อแล้วครับ ยังไงไว้วันหลังผมจะมาชิมฝีมือคุณริชาร์ดใหม่นะครับ” ผมเอ่ยกับเจ้าของร้าน คุณริชาร์ดทำหน้าเสียดายเล็กน้อยที่ผมยังไม่ทันแตะต้องอาหารของเขาแม้แต่คำเดียว
        “ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าต้องมาให้ได้นะครับ คุณเอเดนด้วย ผมถือว่าผมชวนแล้วนะ”
        “ด้วยความเต็มใจครับ” ผมตอบรับคำชวน แล้วก็เดินนำคนตัวโตหน้าเข้มออกจากร้าน เพียงพ้นประตูร้านเท่านั้น เอเดนรีบคว้ามือผมไว้แล้วดึงให้เดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดเตะสายตาชาวบ้าน ผมยื้อตัวเอาไว้เพราะผมก็เอารถมา แต่พอหันไปมองที่ๆเคยมีรถกระบะของไร่จอดอยู่ก็พบว่าเป็นรถคันอื่นไม่ใช่ของผม
        “รถผมไปไหน” ผมถาม
        “ผมให้คนงานที่ไร่มาเอากลับไปแล้ว” เอเดนตอบพลางดันผมเข้าไปในรถสปอร์ตป้ายแดงคันหรูที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
        เอเดนเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ไม่พูดไม่จาออกรถตรงกลับไร่ ผมมองสำรวจรอบๆรถ ราคาหลายล้านแน่นอน ลองใช้มือจับนู่นสัมผัสนี่ ถ้าอยากจะลองขอเจ้าของขับดูบ้างเขาจะให้ผมไหม
        “ผมคิดว่าคุณจะอาละวาดจนร้านพังเสียอีก” ผมพูดขึ้น ลอบมองเสี้ยวหน้าคนด้านข้างไปด้วย
        “อยากให้ผมกลับไปทำแบบนั้นไหมล่ะ” เขากัดฟันถาม ดูก็รู้ว่าอารมณ์เสียเอามากๆ
        “คุณริชาร์ดเขาเป็นลูกค้าผม เราไม่มีอะไรกัน ถ้าคุณจะมองแบบคนฉลาดสักนิด”
        “แล้วทำไมคุณถึงไม่รับสายผม”
        คราวนี้ผมไม่ตอบ แต่หันไปยิ้มให้เขาแทน
        “ทำไมกลับมาไว” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม
        “อย่ามาพูดทำเหมือนตัวเองไม่รู้ไปหน่อยเลยยอร์ช คุณทำให้ผมเป็นบ้า!”
        “อ่อ เหรอ”
        “คุณรู้จักผมน้อยไปยอร์ช” เอเดนพูดประโยคสุดท้ายและหลังจากนั้นระหว่างเราก็ไม่มีการโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น
        ด้วยสมรรถภาพรถที่ออกแบบมาให้เป็นรถแข่งอยู่แล้ว มันจึงพาผมกลับมาที่ไร่ในเวลาที่เร็วกว่ารถของผมถึงสองเท่า
        ผมลงจากรถเดินกลับเข้าบ้าน เอเดนเดินตามมาติดๆ ผมคว้าแขนผมไว้ ทำหน้าดุใส่อีกต่างหาก
        “ผมบอกคุณว่าไง ไม่ให้ไปยุ่งกับใครใช่ไหม” เอเดนเริ่มเปิดประเด็น ผมหันกลับไปมองเขาตรงๆ เอเดนขยับเข้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างเราค่อยๆลดลง ผมไม่ได้ถอยหลังหนี ยืนนิ่งดูว่าเขาจะทำอะไร
        “ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับใคร” ผมพูดความจริง เอเดนแสยะยิ้มเหมือนไม่เชื่อ เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดอะไรบางอย่างให้ผมดู เป็นรูปผมกับแอนนาที่นั่งคุยกันในร้านอาหารและที่สนามบิน รวมไปถึงภาพที่ผมแวะคุยกับคนรู้จักเวลาเข้าไปในตัวเมือง ผมหลุบตามองต่ำข่มความโกรธที่กำลังจะปะทุขึ้น
        “คุณจะอธิบายว่ายังไงยอร์ช” มือทั้งสองข้างของเอเดนคว้าเข้าที่ไหล่ผมและบีบเอาไว้แน่น ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแต่ก็อึดอัด
        ผมพยายามจะเข้าใจความรู้สึกของเอเดน เผื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
        “หึงเหรอ” ผมถาม
        เอเดนอึ้งชะงักไปกับคำถามของผม เอาอึกอักก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด “ก็ใช่นะสิ คุณเป็นของผมน่ะ ไปนั่งหัวเราะกับผู้หญิงคนอื่นได้ไง คุณชอบเขาเหรอ”
        “ขี้โวยวาย” ผมบ่น “จะฟังผมไหม ถ้าผมเล่าแล้วจะเชื่อผมหรือเปล่า” ผมถาม
        เอเดนปล่อยมือออกจากไหล่ไปท้าวเอว
        “ว่าไง จะเชื่อผมไหม” ผมถามย้ำอีกครั้ง
        “ถ้าคุณพูดความจริงผมจะเชื่อคุณ แต่ผมขอบอกคุณเอาไว้อย่าง ผมให้ใจกับคุณไปแล้ว ต่อให้คุณโกหกผมก็ต้องเชื่ออยู่ดี” น้ำเสียงของเขาเบาจนแทบไม่ได้ยิน
        “ผมกับแอนนาเราเคยเป็นแฟนกัน” ผมพูดแค่ประโยคนี้ ดวงตาก็เอเดนก็เหมือนมีประกายไฟลุกโชนน่ากลัว
        “เขามีปัญหาก็เลยมาที่นี่ ผมเป็นเพื่อนก็เลยไปนั่งเป็นเพื่อนเธอ ฟังเธอระบายและให้คำปรึกษาก็แค่นั้น ไม่มีอะไรที่คุณจะต้องคิดมากเลยสักนิดเอเดน แอนนามีแฟนแล้วและพวกเขากำลังจะแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้า ผมกับแอนนาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
        “คุณยังรักเธอไหม” ปากพูดแต่ใช้สายตามองเพื่อหาคำตอบจากดวงตาของผม ผมจึงมองตอบด้วยความจริงใจ
        “ผมเคยคิดว่าผมยังรักเธอ”
        “...” ดวงตาสีเขียวสวยหม่นแสงลง
        “แต่ผมคิดผิดมาตลอด ผมไม่ได้รักเธอแล้ว ผมรู้สึกดีๆกับเธอในฐานะเพื่อน ในฐานะคนเคยมีช่วงเวลาดีๆด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านี้ หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าผมอาจจะรักคนอื่นอยู่ก็ได้”
        “ใคร” คราวนี้ถามเสียงเขียวเชียว
        “ใครดีล่ะ” ผมย้อนถามกลับยิ้มๆ
        เอเดนรั้งเอวผมไปกอดเอาไว้ “รักผมสิ”
        ดูเป็นประโยคที่เอาแต่ใจนะว่าไหม
        “คุณแน่ใจแล้วเหรอเอเดนที่เลือกจะรักผม ผมเป็นแค่มนุษย์ธรรมดานะ อีกไม่กี่สิบปีผมก็จะแก่และตาย ผมไม่ได้มีอายุยืนยาวแบบคุณ คุณรับได้เหรอ ผมแก่ลงได้ทุกวันและเมื่อผมอายุหกสิบ คุณจะทำยังไงกับตาแก่อย่างผมในขณะที่คุณยังคงดูหล่อเหลาเป็นหนุ่ม มีอะไรรับประกันได้บ้างว่าสุดท้ายแล้วมันจะโอเค”
        ผมรู้สึกไม่มั่นใจเลยตลอดเวลาที่พูด ผมบอกกล่าวความกลัวของผมให้เขารู้ ผมอยากรู้ว่าเขาจะจัดการกับความคิดของผมอย่างไร จะทำยังไงให้ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่รักเขา
        “คุณอาจจะไม่เชื่อผมนะยอร์ช แต่ว่าผมรู้จักตัวเองดี ผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ และผมรู้ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปยังไง ผมไม่ได้รักคุณที่รูปลักษณ์ภายนอก ผมรักคุณที่ข้างใน คุณทำให้คนเลวๆอย่างผมอยากเป็นคนที่ดีพอที่จะอยู่ข้างๆคุณ คุณอาจจะยังไม่ต้องเชื่อในตอนนี้ แต่ขอให้ผมได้พิสูจน์ ผมอาจนิสัยเสียบ่อยครั้ง แต่นั่นเพราะคุณมีอิทธิพลต่อผมมากเหลือเกิน”
        “...”
        “ขอแค่คุณใจตรงกับผม ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
        “มันจะดีใช่ไหม ผมคิดมาตลอด ผมไม่ได้อยากเล่นตัว แต่ผมกลัว ผมไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ผมเป็นคนธรรมดาส่วนคุณเป็นากินี เราจะรักกันได้ยังไง”
        “แล้วคุณรักผมไหม”
        ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน และทำให้เอเดนยิ้มกว้างทั้งตา
        “คุณอาจจะรู้ตัวหรืออาจจะไม่รู้ตัว แต่ผมอยากจะขอบคุณคุณ  ขอบคุณที่คุณสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต เรียนรู้ความสวยงามของโลกใบนี้ ให้ผมได้เห็นในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เป็นในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น”
        ในขณะที่เขาพูด ผมสามารถสัมผัสได้จริงๆว่าเขารู้สึกเช่นนั้น
        “แล้วรู้สึกยังไง” ผมถาม เป็นฝ่ายลดระยะห่างเสียเองด้วยการยกมือขึ้นกอดเขา
        “ผมภูมิใจในตัวเองมาก และภูมิใจที่สุดที่ได้รักคุณ” เขาใช้สายตาหวานเชื่อมมองเข้ามาในดวงตาของผม
        ผมอยากบอกกับเขาเช่นกันว่าผมก็ภูมิใจที่เขาไม่ทำให้โอกาสที่ผมหยิบยื่นให้สูญเปล่า ผมเดิมพันความรู้สึกตัวเองกับเอเดนไว้สูงมาก ถ้าเขาไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ หรือไม่ได้ต้องการที่จะอยู่กับผมจริงๆ ผมคงเจ็บปวดที่ยอมรับความรู้สึกตัวเองและคงปวดใจ
        “ยอร์ช เป็นแฟนผมนะ”
        “คุณไม่อยากรอแล้วเหรอ” ผมดันตัวเองออกห่างเพราะรู้สึกเมื่อยที่ต้องยืนท่านั้นนานๆ
        “ใช่ผมไม่อยากรอ” เอเดนตอบเสียงหนักแน่น ความจริงจังสะท้อนผ่านแววตา “คนเราจะมีพรุ่งนี้อีกกี่วัน คุณก็บอกเองว่าคุณแก่ลงได้ทุกวัน  และถึงผมจะเป็นนากินีที่มีอายุยืนยาว แต่ไม่ใช่ว่าจะตายไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผมเท่านั้น เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้เรื่องระหว่างเรามันสายไป ผมอยากใช้วันพรุ่งนี้กับคุณ ”
        ผมสบตาเอเดน ดวงตาของเขาช่างน่าหลงใหล เกิดคำถามขึ้นในใจหลายต่อหลายครั้งว่าภายใต้ดวงตาที่แสนจะลึกล้ำน่าค้นหานี้มีอะไรซ่อนอยู่ วันนี้สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เงาสะท้อนของตัวผม
        “คุณจะไม่ทำใหผมผิดหวังใช่ไหม” ผมถามอีกครั้งเพิ่มเติมความมั่นใจให้ตัวเอง
        “ขอใช้ชื่อเอเดนเป็นประกัน ผมรักใครรักจริง และจะรักจนวันตาย”
        “น่าจะยากนะนั่น” ผมพูดติดตลก ความจริงคือพูดแก้เขิน
        “เป็นแฟนกับผมนะยอร์ช”
        “...”
        “Please be my babe”
        คำวิงวอนอ้อนขอความรักกับแววตาที่แสนจะออดอ้อน ถ้าหากใจร้ายได้มากกว่านี้ ผมคงจะปฏิเสธ แต่ทว่า ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้น
        “yeah, I am yours”
        หลังจบประโยคตอบรับ ผมคาดหวังเล็กน้อยที่จะเห็นท่าทางกระโดดโลดเตhนของเอเดน แต่เปล่าเลย เขากลับยิ้มกว้างและหันหลังให้ผมเสียอย่างนั้น ผมเลิกคิ้วอย่างฉงนใจ ตอนนี้ผมเห็นแค่แผนหลังที่สั่นเทา ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเอเดนเป็นอะไร
        ผมระบายยิ้ม สวมกอดเขาจากด้านหลัง ปล่อยให้เขาร้องไห้เงียบๆ
        ความรักของผมกับเขาในวันนี้มันอาจไม่ถูกต้อง แต่รักครั้งนี้กลับใช่ในความรู้สึกจนไม่อาจปฏิเสธ และผมหวังว่าเขาจะทำให้มันพิเศษคุ้มค่าที่ผมกล้าที่จะเสี่ยง
   


        ...............................................
        คงไม่ต้องบอกเนอะว่ายอร์ช คือ “เมียงู” และเอเดนคือ “งูกลัวเมีย” 55555  :impress2:
        นี่เป็นตอนพิเศษของเอเดนยออร์ชตอนสุดท้ายที่ริริจะนำมาลงที่เว็บให้ได้อ่านนะคะ เนื้อหาต่อจากนี้อ่านได้แค่ในหนังสือเท่านั้นค่ะ ซึ่งหากใครสนใจอย่างได้หนังสือชุดนี้เก็บไว้ยังคงเปิดให้จอง-โอนอยู่ ดูรายละเอียดได้ที่หน้าแรกนะคะ
        ต่อไปจะเป็นตอนพิเศษของเติร์ดและปุยเมฆนะคะ
        ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามอ่านค่ะ
  :mew1:


       

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ในที่สุดก็เป็นแฟนกันสักที เอเดนใจเย็นลงมากแล้ว

ออฟไลน์ บี๋น้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกม๊ากภาษาสวย จะไปสอยหนังสือเเน่ๆคร๊าไม่พลาด จะไปอ่านงูเกี้ยวกัน1เดือน :haun4: งานนี้เลือดเตรียมพร้อมละ :oo1:

ออฟไลน์ painture

  • work hard play hard <3
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮือ นางปี่แตก เอเดน เจ้าช่างน่ารักน่าตี 5555 คิดถึงๆทุกคน ทุกๆตัวะครเลย
ตอนยอร์ชคุยกับโยชิ นี่เรามีความรู้สึกว่าคิดถึงแบบ ไม่ได้เจอกันนาน 5555 อินทำไม

สุดท้ายก็ลงเอยกันด้วยดี อร้ายยย
นี่นึกเติร์ดและปุยเมฆไม่ออกเลย
นางแมวยั่สวาทแน่ๆ ติดตามค่ะ
และขอบคุณนะคะ
 :mew1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โถถถถถถถถ น้ำตาท่วมเลยเนาะพี่งู
แต่เรายังมีหนทางเปลี่ยนพี้ยอร์ชใช่ไหมน้าาาา
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ pornwicha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อือหือออพี่งูถึงขั้นร้องไห้ :heaven

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ้ายยย รออ่านในเล่มต่ออออ รักคู่ เมียงู งูกลัวเมีย ฮือออ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โอ้ยยย หวานสุดๆ ผู้ชายเถื่อนๆอย่างเอเดนก็หวานได้เนาะ

ออฟไลน์ monkeytwin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นคนที่โคตรจะกลัวงูเลย แต่ก็อ่าน

เพราะ "ความสนุก" มันมีมากกว่า "ความกลัว"

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ในที่สุดพี่งูของเราก็ชนะใจพี่ยอร์ชได้
แถมยังร้องไห้ด้วย
น่ารักจิงๆเลย
ยินดีด้วยน้าเอเดนพี่ยอร์ชช

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เอเดนคืิอนากินีผู้แข็งแกร่ง และกลัวเมียมากค่ะ

ปรบมือให้กับความมันคงของท่านค่ะ

เจอกันตอนต่อไปในหนนังสือนะค่ะ จุ๊บบบ!!

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ตอนจบนี่รุ้สึกว่าเอเดนนางน่ารักมาก5555

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
คงต้องเก็บตังถอยหนังสือซะแล้ว อร้ายยย  :impress2:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชอบตรงงูกลัวเมีย  :hao7:

ออฟไลน์ PRINCESSPRIME

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณคุณริริมากค่ะ... :pig4:

แต่ว่า...เหมือนมันขาดไปอย่างนะคะ

...ขาด NC...  :oo1:


อุ๊บส์ ! สายหื่น  :m20:

ออฟไลน์ mukkai

  • a Day dreamer
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณนะคะคุณริริที่เอามาให้อ่านกัน :pig4:


ปลื้มเเทนเอเดน ตื้นตันใจมากแน่ๆที่ยอร์ชตอบตกลง
คนอ่านก็ลุ้นเหมือนกัน กลัวยอร์ชจะเปลี่ยนใจไม่โอเคด้วยซะเเล้ว

ออฟไลน์ Pawana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อเลก ผู้กำความลับ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
คำเตือน : ตอนพิเศษของน้องปุยและพี่เติร์ด ริริจะลงเพียงห้าตอนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสิบกว่าตอนที่เหลือจะอยู่ในหนังสือนะคะ ดังนั้นแล้วหาตอนที่ลงจะไม่ครอบคลุมเนื้อหาถึงตอนที่ทั้งคู่ลงเอยกันนะคะ เลยขอแจ้งเอาไว้ก่อน


SPECIAL
F.L.U.F.F.Y

ONE






        PUIMEK
        สวัสดีครับ ผมชื่อบราวนี่ ผมเป็นแมว ผมรู้ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมมีชีวิต แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมกลับแตกต่างไปจากแมวตัวอื่นๆทั่วไป ผมไม่รู้ว่าแมวตัวอื่นจะเป็นเหมือนผมไหม แต่ผมเข้าใจภาษามนุษย์มากกว่าห้าเปอร์เซ็นต์ ภาพที่ผมมองเห็นชัดเจนต่างจากตอนเด็กๆ
        และเมื่อวันเวลาผ่านไปจากหนึ่งปีเป็นห้าปี ห้าปีเป็นสิบปีและยาวนานไปจนถึงปีที่สิบหก ผมยังคงเป็นแมวที่ตัวโตจากเดิมเพียงนิดเดียว เจ้าของของผมที่เป็นยายแก่ๆเก็บผมมาเลี้ยงไว้ เธอตายจากไปเพราะวัยที่ล่วงเลยไปเกือบจะอายุแปดสิบ ผมกลายเป็นแมวเร่ร่อน เพราะแม้แต่เพื่อนซึ่งก็คือแมวตัวอื่นๆก็พากันตายจากไปเพราะอายุขัยที่แสนจะสั้น
        ผมเริ่มสงสัยในตัวเอง ผมไม่เพียงแต่ไม่แก่ ผมเหมือนแมวที่เพิ่งจะโตได้แค่สามเดือนเท่านั้น ทั้งๆที่ผมอยู่บนโลกใบนี้มาสิบหกปีแล้ว
        นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่สุด ร่างกายผมเกิดปฏิกริยาต่อต้านต่อดวงจันทร์ที่กลมโตส่องแสงสีเหลืองนวล หากร่างกายผมต้องแสงจันทร์ บางอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่มันหลบซ่อนอยู่ข้างในตัวผมจะประท้วง ผมจะเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย กระดูกคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ กล้ามเนื้อที่มีอยู่ไม่มากเจ็บเหมือนเกิดแผลปริแตก
        ผมทรมานทุกค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง และทรมานขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งวันหนึ่งผมอาการกำเริบและสลบไป รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีก็เจอใบหน้าของผู้ชายหน้าตาใจดีคนหนึ่ง
        ผมสะดุ้งตกใจกับกลิ่นสาปของสัตว์ใหญ่ที่น่าเกรงขาม ผมกลัวจนตัวสั่นเตรียมจะหนี แต่มือของชายแปลกหน้าจับตัวผมเอาไว้เสียก่อน
        “ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว”
        ผมไม่ได้อยากกลัว แต่มันเป็นไปเองตามสัญชาติญาณเวลาเจอสัตว์ที่ใหญ่กว่า ผมเองก็แปลกใจที่ร่างกายเกิดการต่อต้านต่อผู้ชายตรงหน้าทั้งๆที่เขาเป็นมนุษย์
        ‘เมี๊ยววววว’
        ‘คุณเป็นใคร’
        อยู่ๆผมก็อยากจะลองถามเขาดู แม้ว่าเสียงที่ผมเปล่งออกไปจะเป็นแค่เสียงร้องของแมวธรรมดาที่ไม่ว่ามนุษย์หน้าไหนก็ไม่มีทางเข้าใจ แต่ถ้าคนๆนี้ไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น แต่เพราะกลิ่นของสัตว์ใหญ่ที่ออกมาจากตัวเขาซึ่งไม่ควรจะมีทำให้ผมสงสัย
        “หึหึ” เขาหัวเราะ ใช้มือใหญ่ลูบหัวผมเหมือนมนุษย์ที่เอ็นดูสัตว์เล็ก “ฉันเป็นสัตว์แพทย์ ชื่อของฉันก็คือ ปฐวีร์ หรือหมอวีร์ เราละชื่ออะไรตัวเล็ก”
        ผมขยับตัวถอยห่างมือใหญ่เมื่อเขาตอบในสิ่งที่ผมถาม ถึงแม้ผมจะฟังออกแค่คำว่า...ฉันเป็น...ก็เถอะ แต่นั่นก็หมายว่าเขาฟังผมออกอยู่ดี
        ‘บราวนี่’
        “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกแมวน้อย เพราะเราเป็นพวกเดียวกัน แต่ถึงไม่ใช่พวกเดียวกัน ฉันก็ไม่ทำอะไรเธออยู่ดี” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
        ‘ม๊าววว เมียววว’
        ‘พวกเดียวกัน หมายความว่ายังไงครับ’
        ผมมองประเมินคนตรงหน้า เขาดูไม่มีพิษมีภัย ไม่น่าจะเป็นคนไม่ดี แต่ว่า พวกมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตไม่น่าไว้วางใจ วันหนึ่งเป็นอย่างอีกวันเป็นอย่าง มนุษย์เพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจและรักก็คือคุณยายที่เลี้ยงดูผม นอกนั้นก็มันจะกลั่นแกล้งผมเพียงเพราะผมเป็นแมวตัวเล็กที่ไม่อาจตอบโต้
        “เธอไม่ใช่แมวธรรมดา แต่เธอเป็นครึ่งคนครึ่งแมว”
        ‘คุณล้อผมเล่นเหรอ’
        “หน้าฉันเหมือนคนล้อเล่นหรือยังไง”
        ‘ผมไม่เชื่อ ผมเป็นแค่แมว คุณอย่ามาพูดบ้าๆ’
        “งั้นฉันจะให้ดูอะไรเอาไหม”
        ‘…’
        นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นสิ่งที่น่าตกใจที่สุดเท่าที่ชีวิตเคยพบเจอมา คุณหมอกลายร่างเป็นเสือได้ และเขาก็กลับคืนสู่ร่างคน พร้อมกับบอกว่าผมเป็นเหมือนเขา เพียงแต่ผมเป็นแมว และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสัตว์อีกหลายประเภทที่เป็นเหมือนเรา ไม่ว่าจะเป็น งู หมาป่า หรือสิงโต
        แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ ผมเชื่อว่าเขาเป็นเสือ แต่กับตัวเองผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าสิ่งที่คุณหมอพูดจะเป็นเรื่องจริงเพราะว่าผมไม่เคยกลายร่างเป็นคนได้เลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา
        พี่หมอวีร์ทำให้ผมรู้จักกับตัวเองมากขึ้น สอนให้ผมใช้ความสามารถของตัวเอง เริ่มต้นจากการให้ผมดื่มเลือด ตอนนั้นผมวิ่งหนีพล่านเพราะไม่อยากดื่มและไม่คิดว่าจะต้องดื่ม แต่เพียงแค่หยดสองหยดที่กระเด็นเข้าปากโดยไม่ทันระวังร่างกายที่เป็นปกติก็เกินปฏิกริยาบางอย่าง สุดท้ายความสามารถที่แท้จริงของผมก็เปิดเผยออกมาให้ได้รู้ แต่มีอย่างหนึ่งที่พี่หมอวีร์ไม่สามารช่วยผมได้ก็คือให้ผมกลายร่างเป็นคน ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรมาก เป็นแมวแบบนี้ก็สบายดี ตอนนี้ผมทำอะไรได้หลายอย่าง แยกร่างได้และสังเกตตัวเองมากขึ้นว่าผมสามารถจดจำสิ่งที่ได้ยินหรือเห็นแม้ว่าสิ่งนั้นจะผ่านหูผ่านตาแค่ครั้งเดียวก็ตาม
        หลังจากนั้นผมก็สนิทกับคุณหมอมาเรื่อยๆแต่ผมก็ยังคงเป็นแมวจรจัดแม้ว่าเขาจะอยากรับเลี้ยงผมไว้ก็ตาม  ผมคิดว่ายังหาเจ้าของๆตัวเองไม่เจอ ของแบบนี้สัญชาตญาณจะเป็นตัวบอกเราเอง และตอนนี้มันบอกผมว่าคนๆนั้นไม่ใช่คุณหมอ แต่เป็นใครบางคนที่ผมเจอโดยบังเอิญตอนที่เดินเตร็ดเตร่เป็นแมวหลงทางในมหาวิทยาลัยชื่อดัง
        เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ดูแบดๆแต่บางมุมเขาก็ขี้เล่น บางมุมเขาก็ดูเก๊กๆ แต่ว่าผมชอบดวงตาของเขา ดวงตาที่หนักแน่นปนอ่อนโยน ผมรู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาจะดูแลผมได้
        แต่ผมกลายเป็นแมวที่ขี้ขลาดที่จะเข้าหาเขาโดยตรง ผมจึงลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆจนได้เจอกับเพื่อนของเขาที่เป็นผู้หญิง และเธอดูจะรักสัตว์มากเลยทีเดียว
        ผมก็เลยไปเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวๆหน้าอาคารสูงๆที่พี่สาวคนนี้อาศัยอยู่ จนเธอเดินมาถึงและกำลังจะเข้าหอผมก็เลยออกจากพุ่มไม้ เธอเห็นผมแล้วทำหน้าประหลาดใจ จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้ามาลูบหัวลูบหางผมเล่น ผมโอนอ่อนทุกอย่างแม้จะไม่ใช่นิสัยจนเธอเก็บผมไปเลี้ยงและตั้งชื่อใหม่ให้ผมว่า ‘ปุยเมฆ’
        ผมไม่เคยมีเหตุผลให้อยากเป็นมนุษย์ ไม่อยากใช้ชีวิตที่สลับซับซ้อน ผมพอใจที่จะเป็นแค่แมวตัวเล็กๆ ที่นั่งมองการเปลี่ยนไปของโลก มองพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งต่างๆรอบตัว ผมพอใจที่จะทำเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมได้เจอกับเขา
        มนุษย์ผู้ชายที่ชื่อว่า เติร์ด ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแม้แต่ใจของผม
        พี่นิกกี้พาผมไปพบกับเพื่อนๆของเขา ซึ่งก็คือพี่เติร์ดกับพี่อีกคนที่ชื่อโยชิ กว่าผมจะสามารถฟังและจำชื่อของพี่ๆได้ก็ใช้เวลานาน ในวันนั้น ตอนที่พี่เติร์ดลูบหัวผม ความรู้สึกบางอย่างก่อขึ้นในจิตใจ ผมชอบมือของเขายามที่โดนตัวผม มือของเขาไม่นุ่ม แต่มือของเขาใหญ่พอที่จะปกป้องผมได้
        ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้ได้อยู่กับพี่เติร์ด เพราะตอนนี้ผมอยู่กับพี่นิกกี้ และการอยู่กับพี่นิกกี้ก็มีความสุขดี ผมสัมผัสได้ถึงความรัก ผมก็เลยคิดว่าอยู่กับพี่นิกกี้ก็ได้ เพราะต่อให้ผมชอบพี่เติร์ดยังไงผมก็คงทำได้แค่ชอบ เพราะผมเป็นแมว
        ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผมรับรู้ได้ว่าพี่เติร์ดชอบพี่นิกกี้ ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้าแต่ผมก็ดีใจ เพราะทั้งสองคนคือคนที่ผมรัก แต่แล้วพี่นิกกี้ก็มาจากผมไป ในตอนแรกผมไม่รู้เหตุผล ผมเสียใจมาก ทำไมคนที่ผมรักต้องจากผมไปทุกคน มีคนหนึ่งที่ช่วยปลอบโยนผมก็คือพี่เติร์ด เขาตัดสินใจรับเลี้ยงผมต่อ ตอนนั้นผมก็ดีใจมาก และก็เสียใจมากเช่นกันที่เขาเลี้ยงผมไม่ใช่เพราะเขาอยากเลี้ยง แต่เพราะเขารักพี่นิกกี้เลยไม่อยากทิ้งขว้างผม
        ผมเป็นแมวที่แย่ที่รู้สึกอิจฉาพี่นิกกี้ ผมไม่ควรรู้สึกแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่พี่เติร์ดพูดว่าผมเป็นแค่ตัวแทนพี่นิกกี้ผมก็จะเสียใจ
        ผมได้แต่ขอโทษพี่นิกกี้อยู่ในใจ ขอโทษที่รักผู้ชายคนนี้ คนที่เห็นผมเป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่เอาไว้ดูต่างหน้าแทนผู้หญิงที่เขารัก
        อยู่ๆผมก็อยากจะเป็นมนุษย์ขึ้นมาเมื่อได้รู้ว่า...พี่เติร์ดไม่ได้ชอบแค่ผู้หญิง แต่เขาก็ชอบผู้ชายเช่นกัน ผมได้ยินเขาคุยกับเพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่พี่โยชิ
        และผมรู้สึกมีความหวัง...ถ้าผมกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ผมกับพี่เติร์ดอาจรักกันได้
        ผมไปปรึกษาพี่หมอวีร์ว่าทำยังไงผมถึงจะกลายร่างได้ พี่หมอวีร์ส่ายหน้าแล้วบอกว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะปลุกตัวตนผมขึ้นมาได้ ผมได้แต่เดินกลับห้องของพี่เติร์ดซึ่งเป็นคอนโดเดียวกันกับพี่เติร์ดด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
        ความหวังของผมดับลงอย่างรวดเร็วแล้วก็พุ่งพรวดในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน โอกาสที่ผมได้รับมาก็คือต้องช่วยพี่อาซาแฟนของพี่โยชิสืบเรื่องสำคัญเพื่อแลกกับยาที่ช่วยทำให้ผมกลายร่างได้ ผมตอบตกลงอย่างไม่ลังเล แม้ว่าตอนแรกไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง โดยเฉพาะอีกฝ่ายที่เป็นมนุษย์งู ผมตกใจมากที่รู้ว่าแฟนของพี่ยอร์ชเป็นอะไร แต่นับตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าผมเป็นอะไรและพี่หมอวีร์เป็นอะไรก็พอจะทำให้ปรับตัวยอมรับได้อย่างรวดเร็ว
        และมาตอนนี้ที่ผมทำงานสำเร็จแล้ว ผมได้ยาที่จะช่วยให้กลายร่างมาอยู่ในมือพร้อมกับคำเตือนที่พี่อาซาทิ้งท้ายเอาไว้ 
        ‘ยานี้หากกินเข้าไปจะทรมานมาก ช่วยให้กลายร่างเป็นคนได้จริง แต่ถ้าจะกลับคืนสู่ร่างเดิมนายจะต้องอาศัยความสามารถของตัวเอง ยานี้เป็นยาอันตราย ถ้ายังไงคิดให้ดีก่อนจะกิน’
        ผมลังเลเมื่อได้ยินคำเตือน เอาไปให้พี่หมอวีร์ดู เขาตกใจถามเสียใหญ่โตว่าผมไปเอายานี้มาได้ยังไง ผมไม่บอกแม้ว่าเขาจะถามซักไซ้หลายรอบก็ตาม จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้แต่สั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้ผมกิน ยานี้ถ้าไม่ได้อยู่ในความควบคุมของหมออาจเกิดผลข้างเคียงได้ ร้ายแรงอาจถึงตาย ผมฟังแล้วก็ได้แต่คอตก หมอบอกว่าจะเก็บยานี้ไว้ให้ ผมกลับห้องด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า
        “น้องปุย ไปไหนมา” เสียงเข้มเรียกถาม ผมเงยหน้ามองพี่เติร์ดที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูระเบียง ที่ๆเป็นทางให้ผมออกไปเที่ยวเล่น แม้ว่าพี่เติร์ดจะล็อคยังไงผมก็ออกไปได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องใช้ความสามารถพิเศษอะไร แค่ตะครุบผ้าม่านขึ้นไปให้ได้ระดับเดียวกับที่ล็อก ยื่นขาหน้าไปงัดตัวล็อคขึ้นจากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยๆให้ประตูเปิดออก แค่นี้เอง สบายมาก ผมฝึกตั้งแต่อยู่กับคุณยายแล้ว
        ‘เมี๊ยวววว’
        ผมเดินเข้าไปคลอเคลียที่ท่อนขายาว เอาตัวถูไถด้วยความคิดถึงหวังให้พี่เติร์ดอุ้มผมไปกอด แต่พี่เติร์ดกลับนิ่ง ผมเงยหน้ามองพี่เติร์ดอีกครั้ง หน้าโหดๆจ้องผมดุดัน ผมใช้ลูกอ้อนเข้าช่วย เงยหน้านั่งลงแล้วร้องเรียกความสนใจ
        ‘หม่าวววว เมียวว’
        และเป็นดังเช่นทุกครั้งที่พี่เติร์ดไม่เคยทนได้ ย่อตัวลงนั่งลงลูบหัวผมก่อนจะอุ้มผมขึ้นเบามือแล้วกอดผมไว้ให้อยู่แนบอกกว้างที่อบอุนสำหรับผมเสมอ
        “พี่ต้องให้ช่างมาเปลี่ยนประตูระเบียงใหม่ไหม เราจะไม่ได้ออกไปข้างนอก ปีนระเบียงมันอันตรายนะน้องปุย ตกลงไปตายจะทำยังไง ไม่ใช่ชั้นสองชั้นเว้ย”
        บ่นอีกแล้ว พี่เติร์ดขี้บ่นตลอด แต่ผมก็ชอบให้พี่เติร์ดบ่นอยู่ตลอดเหมือนกัน  อย่างน้อยๆมันก็แสดงให้ผมเห็นว่าพี่เติร์ดเป็นห่วงผม
        ผมแลบลิ้นเล็กเลียมือเลียแขนพี่เติร์ด และเขาก็ยกตัวผมขึ้นเสมอหน้าแล้วจุ๊บปากผมหนึ่งที ถ้าผมเป็นมนุษย์หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ นึกคิดไปว่า หากผมเป็นคนแล้วไม่สามารถกลับร่างเป็นแมวได้ ผมอาจจะไม่มีวันถูกจุ๊บแบบนี้แน่นอนหากพี่เติร์ดไม่ชอบผมในร่างของคน
        บางทีการเป็นแมวแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ไม่เลว หรือเปล่า
        “เราออกไปเที่ยวได้ พี่ก็จะออกไปเที่ยวบ้าง คืนนี้อยู่บ้านคนเดียวไปละกันนะน้องปุย” พี่เติร์ดดีดนิวใส่จมูกผมด้วยความหมั่นไส้ แต่ทว่าแรงไม่น้อย ผมเจ็บก็เลยเอาขาหน้าเล็กๆของตัวเองตบไปที่แก้มขึ้นไรหนวดแล้วกระโจนลงพื้น เดินหนีคนขี้แกล้ง พี่เติร์ดหัวเราะเสียงดังแล้วก็หายเข้าไปในห้อง
        ผมกระโดดขึ้นโซฟานอนกลางวันไปจนถึงตอนเย็นที่ได้กลิ่นของอาหาร ผมวิ่งกระกระดุกกระดิกไปในครัว ร้องเรียกพี่เติร์ดที่กำลังอยู่หน้าเตา
        “ตื่นแล้วเหรอแมวขี้เซา หิวสิท่าตามกลิ่นมาเลย”
        ‘ม๊าววววว’
        ผมกระโดดไปมาอย่างดีใจที่จะได้กินของโปรดอีกแล้ว ปลาสีส้มย่าง ของโปรดของผม พี่เติร์ดรู้ใจตลอดเลย วิ่งเล่นรอไม่นานของโปรดของผมก็ถูกนำมาวางไว้ในชามอาหารของผม ผมรีบกินทันทีพร้อมส่งเสียงร้องขอบคุณพี่เติร์ดไปด้วย เลยได้รับฝ่ามือใหญ่ๆลูบหัวเป็นของรางวัลที่ผมกินเก่ง
        “กินซะ คืนนี้พี่ไม่อยู่ห้องนะ เป็นเด็กดีห้ามหนีออกไปเที่ยวรู้ไหม” พี่เติร์ดบอกเสียงร่าเริง
        ผมหยุดกินทันที เงยหน้าร้องประท้วงไม่อยากให้พี่เติร์ดออกไป อยากให้อยู่กับผม
        “ไม่ต้องมาร้องเลย ทีตัวเองหนีไปเที่ยวได้ คืนนี้พี่ก็จะหนีเที่ยวเหมือนกัน” พี่เติร์ดพูด ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วเดินออกไปจากห้องครัว “เฮ้อ คืนนี้ไปหาสาวๆหนุ่มๆแก้เหงาหน่อยดีกว่า
        อะไรนะ หาสาวๆหนุ่มๆเหรอ
        ผมทิ้งตัวนอนแหมะ ของโปรดถูกทิ้งเอาไว้อย่างนั้นทั้งๆที่ยังกินไปไม่ถึงครึ่ง พี่เติร์ดยังไม่มีใครในใจ เพราะคนที่พี่เติร์ดรักคือพี่นิกกี้ที่จากไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ
        สักพักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมเสียงปิด พี่เติร์ดออกไปแล้ว ผมเดินไปดูที่หน้าประตู ดมกลิ่นพี่เติร์ดแถวๆนั้น ผมเป็นแมวที่ใช้ชีวิตกินและนอนไปวันๆ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือ รอเจ้าของกลับมา
        รอแล้วรอเล่าก็ไม่กลับ พื้นที่ผมนอนเริ่มเย็น เลยย้ายตัวเองกลับไปนอนรอบนเตียงที่ทั้งนุ่มและอุ่น แต่ไม่สบายเท่าข้างกายของใครบางคน
        ผ่านไปค่อนคืนและผ่านเข้าวันใหม่มาได้สี่ชั่วโมง ในที่สุดพี่เติร์ดกลับมาแล้ว ผมเงยหัวขึ้นมองพี่เติร์ดที่เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แล้วไม่นานก็ออกมาในสภาพที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันเอวเอาไว้ก่อนที่มันจะลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วร่างกายก็ถูกปกคลุมด้วยกางเกงขาสั้นผ้ายืดแทน
        ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงจนเกือบจะทับผม กลิ่นเหล้าลอยหึ่ง พี่เติร์ดกระเถิบตัวนอนดีๆแต่ก็ยังเกือบจะทับผมหลายรอบ ผมขยับหนีจนตกลงไปที่พื้น ผมคิดว่าพี่เติร์ดจะรู้สึกตัวแล้วรีบอุ้มผมขึ้น เปล่าเลย พี่เติร์ดไม่สนใจผมเลยสักนิด นอนหายใจนิ่งหลับสนิท
        ผมกระโดดขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าพี่เติร์ดจะอาบน้ำแล้ว แต่ว่าบนตัวของเขา นอกจากกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ผมชอบแล้ว ยังมีกลิ่นเหล้าและอีกหนึ่งกลิ่นแปลกปลอมที่ผมไม่คุ้น เป็นกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นตัวของคนอื่น ผมไม่ชอบ มันเหม็น
        คืนนี้ผมเลยลงไปนอนที่เบาะของตัวเอง จนกระทั่งตื่นในตอนเช้า พี่เติร์ดก็ยังคงนอนหลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมขึ้นไปปลุกแบบที่น้อยครั้งจะทำเพราะปกติพี่เติร์ดจะตื่นก่อนแล้วออกไปวิ่ง ผมไปยืนบนหน้าอกของเขา เหยียบๆย่ำๆ แต่ก็ไม่ตื่น ผมเลยใช้สองขาหน้าตะกุยๆที่หน้าอกของพี่เติร์ดเหมือนเวลาที่ผมตะกุยลังกระดาษที่พี่เติร์ดซื้อมาให้เล่น คราวนี้ได้ผล พี่เติร์ดตื่นและหน้าอกของเขาก็แดงเป็นรอยเล็บผม
        “น้องปุย พี่เจ็บนะ!” พี่เติร์ดโวยใส่ผมหงุดหงิด ปัดตัวผมลงจากตัวแล้วพลิกตัวหันหนี ผมตกใจรีบเดินอ้อมไปอีกทาง มองใบหน้าของพี่เติร์ดแล้วเลียเบาๆเป็นการขอโทษ ก็ผมอยากให้เขาตื่นมาเล่นกับผมนี่นา ผมสัญญาเลยว่าวันนี้ผมจะเป็นเด็กดีไม่ออกไปเที่ยวเล่นที่อื่น
        ‘เมี๊ยวววว’
        ‘พี่เติร์ด ตื่นมาเล่นกับน้องปุยหน่อย’
        ผมไถลขานอนแหมะอยู่ตรงหน้าเขา ส่งเสียงร้องเรียกเบาๆ บางครั้งก็เอาขาหน้าไปสะกิด ผ่านไปสักพักพี่เติร์ดก็ลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดและฟัด ถึงจะชอบแต่ว่าวันนี้พี่เติร์ดตัวเหม็นมากจริงๆ มีแต่กลิ่นที่ผมไม่ชอบติดอยู่บนร่างกายสูงใหญ่
        จุ๊บๆๆๆ
        พี่เติร์ดหอมหน้าผมหัวผมไปหมดก่อนจะเอาขาข้างหนึ่งของผมไปงับหนึ่งที
        “กวนตลอดเลยนะตัวเล็ก พี่ไปเมามานะเมื่อคืน ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้หรือยังไง” เขาบ่น
        ผมอยากบอกว่าไม่มีใครใช้ให้เขาไปเมาสักหน่อย
        “กี่โมงแล้ววะเนี่ย” พี่เติร์ดเอียงหน้ามองนาฬิกาก่อนจะสบถเบาๆว่าสายๆอะไรสักอย่าง เขาดีดตัวลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่สนใจผมอีกต่อไป
        ผมเดินออกจากห้องนอนไปรอในครัว ปลาสีส้มยังคงอยู่ในชามข้าวเพราะไม่มีใครเก็บ ไม่นานพี่เติร์ดก็วิ่งออกมาในขณะที่ถือโทรศัพท์แนบหูเอาไว้
        “พี่ขอโทษนะครับน้องบิว เดี๋ยวพี่จะรีบไปหาเลยนะ พี่ตื่นสายนิดหน่อย ดีนะที่แมวพี่ปลุกไม่งั้นพี่ผิดนัดเราแน่ๆเลย ครับๆ พี่จะรีบไปเลยนะครับเบบี๋”
        ผมมองพี่เติร์ดที่วิ่งพล่านปากก็พูดกับคนในสาย ผมฟังออกไม่ทุกคำ แต่จับจำเสียงได้ว่าอ่อนโยน คล้ายว่าคนในสายจะมีความสำคัญมากจนผมอยากรู้ว่าคนที่พี่เติร์ดคุยด้วยเป็นใคร
        แล้ว...เบบี๋...คืออะไร
        “ปุยเมฆ วันนี้กินอาหารเม็ดนะพี่รีบมากเลย นัดเดทครั้งแรกก็สายแล้วกู” พี่เติร์ดเดินไปหยิบอาหารเม็ดในตู้แล้วเทใส่ชามใบใหม่ให้ผม เอาชามใบเก่าที่มีปลาสีส้มอยู่เต็มโยนใส่อ่างล่างชามโดยที่ไม่ทักท้วงหรือบ่นสักคำที่ผมกินอาหารไม่หมด
        แปลก...พี่เติร์ดแปลกไป ทำไมไม่บ่นผมล่ะ
        ชามอาหารวางลงตรงหน้าผมบนโต๊ะทานข้าว ผมดมๆแต่ไม่นึกอยากกิน พี่เติร์ดบ่นอะไรอีกสองสามคำไม่รู้แล้วรีบออกไป ทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้ว เป็นเสาร์อาทิตย์ที่น่าเบื่อที่สุดเมื่อผมต้องการเป็นแมวที่นอนเหงาอยู่คนเดียว ได้แต่หวังว่าพี่เติร์ดจะกลับมาไวๆ
        ผมเหงาจนอยากจะลงไปเล่นกับคุณหมอที่ห้อง แต่ผมก็กลัวว่าพี่เติร์ดกลับมาแล้วจะไม่เห็น ผมก็เลยเลือกที่จะรออยู่ในห้องอย่างใจจดใจจ่อ
        แต่สุดท้ายวันนี้พี่เติร์ดก็ไม่กลับห้องเลยทั้งคืนยันเช้า ผมอดคิดไม่ได้ว่าพี่เติร์ดคงอยู่กับคนที่เรียกให้พี่เติร์ดออกไปทั้งคืน




        ……..
      เหอะๆๆ ยังไงทาสแมวก็คือทาสแมว ทิ้งน้องได้อีกไม่นานหรอกไอ้พี่เติร์ด!
ขอบคุณสำหรับุกคอมเม้นนะคะ  :mew1:




       

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
คำว่าทาสแมวนั้นตรงตัวมาก ไม่นานพี่เค้าก็ต้องสยบให้กับน้องปุย  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด