ผมเดินออกมาพร้อมกับแมวที่เดินตามหลัง จนมาถึงรถเราก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แมวขึ้นมานั่งข้างๆ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็นั่งเงียบมาตลอด ผมก็ไม่ได้ชวนคุยเพราะก็ตามปกติของผม แต่คงไม่ปกติของแมวเพราะไม่บ่อยที่คนๆ นี้จะนั่งเงียบ
ขับรถมาจนถึงบ้าน ผมจอดรถที่หน้าบ้านของแมว แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมลง
“ถึงบ้านแล้ว ไม่ลงรึไง”
“ไม่ได้ไปหาผิงมาจริงๆ เหรอ”
“ถ้าจะคุยเรื่องนี้ แมวลงไปเถอะ”
“ก็แมวอยากรู้! โบเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ไม่รักก็บอกกันมาตรงๆ ทำไมต้องใจร้ายกับแมวอย่างนี้ด้วย!”
“แมวลงไปเถอะ โบปวดหัว”
“ไม่ลง! ต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ แมวจะบ้าตายอยู่แล้วนะโบ”
“...”
“แมวรักโบนะ อย่าทำอย่างนี้เลย ไม่อยากทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่เอาแล้วนะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ขอร้อง”
มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีของเราเลยจริงๆ มันแย่จนจำแทบไม่ได้แล้วว่าที่ผ่านมาเรารักกันมากแค่ไหน มีแต่ความไม่แน่ใจว่าตอนนี้เรายังรักกันอยู่รึเปล่า ผมไม่เหลืออนาคตที่จะไปต่อ ในขณะที่แมวกำลังจะมีใครอีกคนที่พาเดินต่อไปได้
“แมวอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม แล้วความรู้สึกของแมวยังเหมือนเดิมอยู่ไหม กับหลินน่ะ...ถึงขั้นไหนกันแล้ว”
“มัน...ไม่ใช่...หลินมาเกี่ยวอะไรด้วย”
ผมไม่อยากเห็นใบหน้าซีดเผือดของแมว ไม่อยากเห็นมือที่กำลังกำกันแน่น ไม่อยากเห็นความหวาดวิตกและไม่อยากให้แมวหลบตาผมแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าแมวกำลังจะโกหกผม
“หลินไม่เกี่ยวงั้นเหรอ”
“ชะ...ใช่ แมวกับหลินเป็นเพื่อนกันนะ โบหึงเหรอ แมวก็แค่ไปเป็นเพื่อนหลินซื้อของเท่านั้น โบก็รู้ว่าหลินไม่ได้สนิทกับเพื่อน
กลุ่มอื่นนี่นา แต่ถ้าโบไม่ชอบแมวไม่ไปกับหลินแล้วก็ได้นะ”
ผม...ไม่รู้สึกเลยว่ารอยยิ้มของแมวคือรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ ถ้ามันฝืนมากนัก...ก็แค่ไม่ต้องยิ้มออกมา ผมไม่ได้บังคับอะไรเลย
“ช่างเถอะ ลืมเรื่องที่เราพูดกันไปซะ แมวลงไปได้แล้วล่ะ โบจะเอารถไปเก็บที่บ้าน”
“งั้นเดี๋ยวแมวไปหานะ”
“อืม”
ผมจอดรถเรียบร้อยพร้อมๆ กับที่แมวเปิดประตูเล็กที่เชื่อมระหว่างรั้วบ้านของพวกเราเข้ามาพอดี แมวยิ้มให้ผม พร้อมกับเดินถือถุงใส่อะไรสักอย่างมาด้วย ผมปล่อยให้แมวกอดแขนผมไว้ พาเดินขึ้นมาบนห้อง ก่อนจะแยกย้ายเข้ามุมโปรดของตัวเอง แมวมาอยู่กับผมบ่อยๆ ถึงได้มีหนังสือการ์ตูน แผ่นหนัง แผ่นเกมที่ตัวเองชอบปะปนกับของๆ ผมด้วย ส่วนผมมักจะมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวโปรดของผม เราเป็นอย่างนี้มาสิบกว่าปีแล้วและไม่เคยเปลี่ยนเลย แล้วมันจะเป็นยังไงกันนะ หากว่าคนใดคนหนึ่งไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ผมควรจะให้แมวเดินจากไปก่อนดีกว่าไหม เพราะผมไม่อยากให้แมวต้องมานั่งเหงาอยู่ในที่ตรงนี้เพียงลำพัง แต่มัน...ก็ต้องใช้ความกล้ามากทีเดียว ซึ่งผมบอกตรงๆ เลยว่าผมยังไม่พร้อมจะปล่อยแมวไป
ต่อให้ในตอนนี้จะรู้แล้วว่า...แมวพร้อมที่จะไปแล้วก็ตาม
“โบจัง ดูหนังกันนะ วันนี้แมวไปซื้อมาล่ะ หลินบอกว่าสนุกมากๆ นี่แมวไม่รู้เลยนะว่าหลินก็ชอบดูหนังโรแมนติกด้วย ปกติชอบทำตัวเถื่อนๆ โหดๆ ใส่แมวตลอดเลย ไม่คิดว่าจะมีมุมอย่างนี้อ่ะ โบจังเอาหมอนคิตตี้ไปไว้ไหนแล้วอ่า แมวหาไม่เจอ”
“ให้ป้าแม่บ้านเอาไปซักแล้ว”
“อ๋อๆ แล้วนี่โบจังรู้รึเปล่า หลินอ่ะชอบของหวานมากๆ เลยนะ แล้วก็รู้จักร้านเค้กอร่อยๆ เยอะด้วย วันหลังเราไปกันนะ”
“ให้หลินพาไปสิ”
“ไม่เอา แมวอยากไปกับโบจังนี่นา”
ผมไม่ได้ต่อบทสนทนาอีก แต่ก็ทำหูทวนลมกับเสียงของแมวไม่ได้เหมือนกัน เพราะคำพูดพวกนั้นราวกับมีดคมๆ ที่กรีดใจผมทีละน้อย
ทำไมถึงทำหน้ามีความสุขแบบนั้นเวลาที่พูดถึงหลิน ทำไมรอยยิ้มพวกนั้น...พักหลังมานี้ถึงไม่เคยมีให้กับผมเลย คงเพราะผมพูดหวานๆ แบบหลินไม่ได้ ทำตัวอ่อนโยนอย่างที่หลินทำไม่เป็น ...แมวถึงเริ่มเปลี่ยนไป
ผมดูหนังกับแมวจนถึงเย็น ดูบ้างหลับบ้างเพราะไม่ใช่หนังแนวที่ผมชอบ แต่แมวดูไปอินไป ร้องไห้ไป แม้ผมจะรู้สึกสงสัยว่ามันเศร้าตรงไหน แต่ก็ยื่นทิชชู่ให้แมวเช็ดน้ำตา คงเพราะอย่างนี้ก็ได้มั้ง ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่แมวมักจะอินไปกับหนังรักโรแมนติกทุกเรื่องที่ดู แล้วก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ ผมถึงได้ไม่ชอบหนังแนวนี้เลย หรือที่จริงผมไม่ชอบน้ำตาของแมวมากกว่า ผมเป็นประเภทตัวแข็งทื่อและหงุดหงิดใจเวลาเห็นคนที่รักร้องไห้ ไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไง ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน ก็เลยทำได้แค่มอง หรือแย่ที่สุดก็ขู่ให้หยุดร้องไห้ก็เท่านั้น
“ว่าไงหลิน อือ อยู่กับโบจัง อะไรเล่า ก็แฟนกันอ่ะ อยู่ด้วยกันไม่ได้รึไง โอ้ยยย ไอ้หลินบ้า ไม่ต้องมางอนเลย เออๆ คืนนี้เหรอ ไม่ไปอ่ะ ไม่ๆๆๆ ไม่ไปเด็ดขาด จะอยู่กับโบ แน่นอนสิ คืนดีกันแล้ว ไม่ได้ทิ้งซะหน่อย หลินก็ยังเป็นเพื่อนไง ไม่ได้เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนนะ ไม่ต้องน้อยใจเลย งั้นก็ได้ มารับก็แล้วกัน เดี๋ยวลองชวนโบด้วย ทำไมเล่า! อย่ามากะล่อนนะหลิน เออๆ ไม่ชวนก็ได้ งั้นวางแล้วนะ โบจังนอนอยู่ เสียงมันรบกวน อือๆ จ้าๆ แล้วเจอกันจ้า”
แมวคงวางสายจากหลินแล้ว ถึงได้มานอนหนุนแขนผมต่อ ร่างเล็กๆ ที่เบียดเข้ามาทำให้ผมต้องพลิกตัวเข้าหาแล้วดึงเข้ามากอดไว้
“แมวทำให้ตื่นเหรอ”
“อืม”
“ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร”
“โบ”
“หืม”
“เย็นนี้แมวไปเที่ยวกับเพื่อนนะ”
“อืม”
“จะรีบกลับ ไม่เกินเที่ยงคืนแน่นอนจ้า”
“โอเค”
ผมไม่ถามหรอกว่าเพื่อนคนไหน ในเมื่อถ้าแมวอยากให้รู้ก็คงบอกชื่อออกมาแล้ว ผมถึงได้ไม่ถามเพราะไม่อยากได้ยินคำโกหก คุณปู่ที่เสียไปของผมเคยบอกไว้ว่า ถ้าหากไม่อยากให้ใครโกหกเรา ก็ไม่ควรถามในเรื่องที่เขาไม่อยากให้รู้
ผมเผลอหลับไปอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นแมวแล้ว เหลือบมองนาฬิกาก็เที่ยงคืนนิดๆ พักหลังมานี้ผมมักจะนอนนานเกินจำเป็น ตั้งแต่บ่ายสามจนถึงตอนนี้ก็น่าตกใจเหมือนกันที่หลับแบบไม่รู้เรื่องมาได้หลายชั่วโมง ลุกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก่อนจะเปิดม่านที่หน้าต่างเพื่อดูว่าบ้านข้างๆ มีใครกลับมาแล้วหรือยัง แต่รถของหลินที่จอดอยู่หน้ารั้วบ้านของแมวทำให้หัวใจผมเหมือนถูกก้อนหินหนักเป็นตันหน่วงเอาไว้ ผมหยิบมือถือมากดโทรหาแมวก็ไม่รับสาย จึงต้องเดินไปที่บ้านของแมวเอง
ไม่บ่อยที่ผมจะมาที่นี่ เพราะส่วนใหญ่แมวจะไปหาผมที่บ้าน แต่ผมก็ไม่ได้ลืมว่าห้องของแมวอยู่ตรงไหน ถึงอย่างนั้นความรู้สึกไม่สบายใจที่คอยกัดกินอยู่ลึกๆ กลับทำให้ผมก้าวขาไม่ค่อยออก
ดึกดื่นป่านนี้...ทำไมหลินถึงยังไม่กลับไป
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงหน้าห้องของแมวตั้งแต่ตอนไหน ประตูที่เปิดแง้มไว้ กับแสงไฟจากภายในห้อง ทำให้หัวใจผมเต้นรัว ความกลัวอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุผุดพรายขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ก่อนมือข้างหนึ่งจะค่อยๆ ผลักประตูให้เปิดออก
ภาพที่กำลังเห็นทำให้เนื้อตัวผมสั่นเทา ผมเดินตรงดิ่งไปยังร่างสองร่างที่กอดรัดกัน แมวตัวน้อยในอ้อมกอดของคนอื่นเป็นภาพที่ผมไม่อยากเห็นที่สุดในชีวิต คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้ใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงเถือก ตากลมโตที่หลับพริ้มอย่างเต็มใจรับจูบของผู้ชายคนอื่นทำให้ผมต้องรีบกระชากคนที่กล้าล้ำเส้นคนนี้ออกมาแล้วก็ต่อยมันไปแรงๆ หนึ่งทีจนมันล้มคว่ำไป
ผลัวะ!
“ไอ้เหี้ยหลิน! มึงทำเหี้ยอะไรวะ!”
เสียงที่ดังลั่นของผมเหมือนจะทำให้คนสองคนสร่างเมา แมวมองหน้าผมด้วยใบหน้าซีดเผือด ในขณะที่หลินเช็ดเลือดที่มุมปาก
แล้วมองผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“โบ...มัน...ไม่ใช่อย่างที่โบคิดนะ”
ผมเกลียดน้ำตาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็พร้อมจะไหลลงมาของแมวจริงๆ เพราะต่อให้มันจะไหลลงมามากแค่ไหน ก็ลบรอยจูบของหลินที่คอของแมวไม่ได้ ผมไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ใช่ไหม ไม่ควรมาขัดขวางความสุขของพวกเขาใช่รึเปล่า...
“แมวขอโทษ ขอโทษนะโบ”
“ทำมากี่ครั้ง”
“...”
“กูถามว่าพวกมึงทำแบบนี้กันมากี่ครั้ง! ตอบสิวะไอ้หลิน! มึงเงียบทำเหี้ยอะไร!”
“กูขอโทษ”
ต่อให้ผมกระทืบมันจนตาย มันก็คงพูดแค่คำว่าขอโทษเท่านั้น หมดแล้วกับความเชื่อใจของผม จบแล้วกับความรักหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็คงดีแล้วที่มันจบแบบนี้ ผมจะได้ไม่ต้องนึกเสียดายที่ต้องจากไป ไม่ต้องนึกกังวลว่าคนข้างหลังเขาจะต้องเสียใจอีก
“ยินดีด้วยว่ะเพื่อน”
ผมเคยพูดแล้วว่าผมจะยินดีกับมัน ถึงแม้ในใจผมจะไม่ได้รู้สึกยินดีไปด้วยก็ตาม แต่ผมคงไม่รั้งใครไว้อีก
“โบ! แมวขอโทษ อย่าทิ้งแมวนะ ไม่เอาแบบนี้นะ ฮืออออ ไม่เลิกกันนะ แมวขอโทษ ไม่ทำอีกแล้ว แมวขอโทษนะโบ”
ผมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินต่อเพราะถูกแมวกอดไว้ข้างหลัง ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับแมว แล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มให้กับคนตรงหน้า นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำ...
“พอแล้วแมว”
จะเปลี่ยนใจก็ไม่ผิดหรอก ในเมื่อมีคนที่ดีกว่าผม ดูแลได้เก่งกว่าผมอยู่ข้างๆ ผมมันไม่มีอนาคตจะไปต่อแล้ว ไปกับคนอื่นได้ผมก็ควรจะดีใจ
“ขอบคุณสำหรับหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้พอแล้วล่ะ เราคงไม่ได้รักกันแล้ว”
“ไม่...ไม่ใช่! แมวรักโบ แต่โบต่างหากที่ไม่รักกันแล้ว!”
ใครกันแน่ที่เปลี่ยนไป...แต่ไม่เป็นไร ให้แมวเข้าใจไปอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขความเข้าใจผิดอะไรอีกทั้งนั้น
“อยู่กับหลินเถอะ อย่าฝืนอะไรอีกเลย โบไปนะ”
ผมรู้ว่าต่อให้ผมทิ้งให้แมวร้องไห้เสียน้ำตามากแค่ไหน ก็คงมีหลินที่คอยเช็ดน้ำตาให้ได้อยู่แล้ว... ส่วนตัวผม...ไม่เป็นไร ผมยังไหวแม้ว่าจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม
........................................................End Special......................................................
ย้อนเวลาไปจนถึงตอนี่ชงโครักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ที่ชงโคบอกไว้คร่าวๆ นั่นเราเอามาขยายในช่วงนี้นะคะว่าทำไมโบถึงแปลกไป และถ้าอารมณ์มันไม่ปะติดปะต่อรบกวนอ่านใหม่ค่า แฮ่ๆ อ่านตอนที่ 38 นะคะ จะเป็นตอนที่โบคุยกับชงโค โบไม่ได้ปล่อยแต่จำเป็นต้องปล่อยมากกว่า ฮี่ๆ

ไม่รู้จะไม่ใครเข้าใจเขามากน้อยแค่ไหน