ตอนที่ 39ผมนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา มือขวาถือรีโมท นิ้วกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย ส่วนอีกมือก็วางพาดไว้เหนือศีรษะ รู้สึกเย็นสบายเพราะแอร์ในห้องไม่เกเรเหมือนหลายวันก่อนที่อากาศร้อนตับแตกภายนอกแทรกเข้ามาถึงในห้องได้
อ้าปากหาวเป็นรอบที่ล้านแล้วแต่ตาก็ยังไม่ยอมปิดเสียที
แกร๊ก!
เสียงลูกบิดประตูถูกบิดให้คลายล็อค ผมเหลือบสายตามองเล็กน้อยแล้วเมินมาดูทีวีต่อ พี่ทองกลับมาเวลานี้เกือบทุกวันอยู่แล้ว ชีวิตเขาถ้าไม่มีผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนจืดชืดที่ชีวิตวันๆ หนึ่งไปกลับแค่โรงพยาบาลสัตว์กับหอพักตัวเอง ดึกดื่นมาก็นั่งทำวิจัย สรุปเคส เขียนอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปตามประสา
“กินข้าวยัง”
ตอบยังไงไม่ให้ซ้ำซากกับคำถามที่ได้ยินแทบทุกวันดีนะ แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกว่าควรตอบอะไรกลับไปดีนอกจากความจริงที่ว่า รอกินพร้อมกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ “ยัง”
“งั้นเดี๋ยวเฮียอาบน้ำเสร็จแล้วเราค่อยไปกินข้าวกัน”
“อืม”
ผมขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็แรงพอที่จะทำให้ผ้าผืนบางที่ใช้ปิดกลางลำตัวไว้เลื่อนหล่นไปกองกับพื้น
“ถ้าไม่สบายจะทำยังไงหืม” พี่ทองจากที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนทิศทางเดินมาทางผมแทน เขามายืนอยู่หน้าโซฟาแล้วก้มหน้าลงมามองด้วยสายตาที่ทำให้ผมขยับขาออกห่างจากกันเล็กน้อยแล้วยิ้มใส่นัยน์ตาคมของเขาไป
“ดีสิ เฮียจะได้หยุดแล้วมาดูแลผมบ้าง”
“ใครจะดูแลคนพูดไม่ฟังวะ ทำไมถึงไม่ชอบใส่เสื้อผ้า เกิดมีใครหน้ามืดบุกเข้ามาข่มขืนชงโคนี่เฮียไม่ขาดใจตายเลยเหรอ”
“ก็ร้อน”
“จะเอาแอร์เพิ่มอีกกี่ตัวก็ว่ามา เย็นจนนึกว่าเปิดให้นกเพนกวินอยู่แล้ว ยังบ่นร้อนอีก”
“เฮียนั่นแหละขี้บ่น”
ผมย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเข้าไปใกล้แล้วยกสองแขนโอบรอบคอของพี่ทองไว้ เขาโอบเอวผมตอบกลับมาทันที
“แถวบ้านเรียกทอดสะพาน” พี่ทองอมยิ้ม ซุกไซ้จมูกลงบนซอกคอของผม ในขณะที่นิ้วยาวๆ ของเขาก็คลึงอยู่บริเวณช่องทางข้างหลัง ผมบิดตัวเล็กน้อย ยกขาขึ้นเพื่อให้นิ้วของเขาสอดเข้าไปได้
“รัดแน่นจังที่รัก ยั่วขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่เฮียจะได้เข้าไปจริงๆ สักที”
“ไม่บอก”
“เด็กไม่ดี”
“ดีเกินไปเดี๋ยวเฮียจะเบื่อ” ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะจูบเข้าที่คางของพี่ทอง พร้อมกับกัดเบาๆ “เข้ามาอีกสิครับเฮีย รักผมได้แค่นี้เหรอ”
ผมส่ายสะโพกเล็กน้อยเมื่อพี่ทองกดนิ้วเข้ามาจนสุดความยาว นิ้วทั้งสามนิ้วของเขาขยับเข้าออกโดยไร้สารหล่อลื่น แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย เทียบกับตรงนั้นของเขาแล้ว...ความรู้สึกทั้งตึงทั้งอึดอัดนี้ยังเทียบกันไม่ได้สักนิด
ผมตั้งใจครางเบาๆ อยู่ข้างๆ หูของเขา อยากให้เขาได้ยิน ได้รู้ว่าผมสุขมากขนาดไหน แต่พี่ทองก็เหมือนจะแกล้ง เพราะยิ่งเสียงของผมดังมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้นเท่านั้น แต่พอผมจะระบายอารมณ์ของตัวเองด้วยการจับเจ้าสิ่งที่กำลังถูอยู่กับหน้าท้องของพี่ทอง เขาก็ปัดมือผมออกพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปิดปากทางไว้
“เฮียอย่าแกล้ง...เฮีย ผม...ไม่ไหว...อื้ออออ เฮีย ปล่อย...ขอร้อง ให้ผม...ให้ผม...”
“หิวข้าวแล้วว่ะ หึหึ”
ผมแทบจะข่วนหน้าเขาเมื่ออารมณ์ที่กำลังทะยานขึ้นสูงกลับดิ่งวูบราวกับถูกฆาตกรอำมหิตผลักให้ตกจากเหว พี่ทองชักนิ้วออก ก่อนจะผละออกห่างจากผมที่แทบจะทรุดไปกองกับพื้น
เขามัน...ใจร้าย
หน้าของผมคงเปลี่ยนสีไปแล้วตอนนี้ อยากจะด่า อยากจะอาละวาดให้มันหายหงุดหงิด แต่ก็ทำได้เพียงมองหน้าเขาอย่างแค้นเคืองเท่านั้น ในขณะที่เขาเลิกคิ้วมองมา
“อยากให้เฮียทำอะไรต่อรึเปล่า หืม?”
ผมมองหน้าเขา โกรธจนน้ำตาคลอเบ้า ไม่คิดว่าจะมีแฟนกวนตีนมากขนาดนี้ อยากข่วนหน้า อยากหยิก แต่ไอ้น้องชายที่กำลังชี้ตัวคนร้ายที่ฆ่าแล้วลืมข่มขืนด้วยน้ำตาไหลออกมาเป็นสายอย่างนี้มันกลับทำให้รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
“เฮียมันบ้า!” ผมตวาดเสียงดัง กระชากคอเสื้อเขา เงื้อมือจะต่อยลงไปสักหมัดแต่ก็ถูกจับไว้
“คิดจะต่อยรึไง โกรธขนาดนั้นเชียว”
ผมพยายามกระทืบเท้าเขา แต่เขาก็หลบได้ รูปร่างผมก็ไม่ได้เสียเปรียบเขานัก แต่ทำไมถึงทำอะไรเขาไม่ได้เลย โธ่เว้ย!
“อึก!”
ผมร้องแทบไม่ออก เมื่อถูกผลักให้นั่งลงบนโซฟา พี่ทองก้มตามลงมา จับขาผมพาดไว้บนไหล่ แม้สีหน้าจะยังกวนๆ แต่นัยน์ตาคู่ที่มักจะมองมาด้วยความอ่อนโยนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความต้องการ
“แกล้งเล่นนิดเดียวเอง ตามใจเกินไปกลัวจะเบื่อ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่ทองทำให้ผมต้องตีไหล่เขาไปเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาสอดมือเข้าไปในเรือนผมของเขาแทนเมื่อน้องชายที่กำลังร้องไห้ถูกริมฝีปากของเขาครอบครอง หนำซ้ำช่องทางข้างหลังก็ถูกนิ้วทั้งสามของเขาแทรกเข้ามา
แม้มันจะน่าอายมากขนาดไหนที่ริมฝีปากของผมเอาแต่เปล่งเสียงร้องแปลกๆ แต่ก็ไม่อาจกลั้นได้เมื่อพบว่ามันสุขเกินไป เป็นสุขที่นับวันผมก็ยิ่งติดใจและต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
พี่ทอง...ทำอะไรกับร่างกายของผมกันนะ...ทำไมในแต่ละครั้งถึงได้ต้องการเขามากขึ้นขนาดนี้
“ดีไหมชงโค” พี่ทองถาม เขาผละออกห่างจากตัวผมเล็กน้อยเมื่อดูดซับน้ำของความต้องการจากผมไปจนหมด เขาเลิกคิ้วมองมา จากมุมนี้เขาคงเห็นไปถึงไหนต่อไหน แต่ผมก็คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น พิงหลังกับโซฟาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พี่ทองยกขาผมออกจากไหล่ ยืดตัวขึ้นมาหา
“เฮียถามว่าดีไหม”
ผมให้จูบเป็นคำตอบแทน บอกไม่ถูกหรอกว่าดีหรือไม่ดี เพราะมันมึนไปหมด ราวกับกำลังมัวเมาไปกับของต้องห้าม
“อื้มมมม พอแล้ว ผมอยากอาบน้ำ”
“อืม งั้นเดี๋ยวเฮียไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้” พี่ทองบอก แต่ผมรีบจับแขนเขาไว้พลางส่ายหน้า
“ที่บอกว่าอยากอาบ...ผมอยากอาบให้เฮีย ให้ผมอาบให้นะ”
“โอยยย ทูนหัวของเฮีย จัดไปครับจัดไป”
ผมหัวเราะออกมาพร้อมๆ กับพี่ทอง ก่อนจะยอมให้เขาอุ้มเข้ามาในห้องน้ำ
“เบาๆ ด้วยนะ เฮียไม่เคย”
ผมทุบไหล่เขาไปหนึ่งที เพราะท่าทางกวนๆ แบบนี้มันน่าหมั่นไส้ที่สุดเลย
“จะฟ้องเดซี่ว่าแม่ทำร้ายพ่อ”
“คนขี้ฟ้อง” ผมแกล้งทำหน้างอ บู้ปากใส่ เลยโดนพี่ทองบีบแก้มทั้งสองข้างจนปากจู๋แล้วก็โดนเขาจูบเข้าให้ ถอนจูบออกแล้วยังมายิ้มขยิบตาให้อีก
อ่า...น่ารักจัง
“คนขี้งอน”
“ก็แฟนชอบง้อ เลยงอนบ่อยๆ”
“ต่อไปจะไม่ง้อแล้ว ให้งอนเองหายเอง”
“ผมรู้ว่าเฮียทำไม่ได้หรอก ถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งอย่างนี้เลยรึไง”
พี่ทองอมยิ้ม อ้าแขนออกกว้าง แล้วมองหน้าผมอย่างสื่อความหมาย
“ถอดให้หน่อย”
“ได้ทีล่ะใช้เลยนะ”
เอาเถอะ ยังไงเวลาที่อาบน้ำด้วยกันผมก็จะถอดให้เขาทุกทีนั่นแหละครับ
“ก็เฮียชอบเวลาชงโคถอดเสื้อผ้าให้ มันเหมือนมีพริตตี้มาเต้นรูด...โอ้ย!”
นี่เขาเคยให้พริ้ตตี้เต้นรูดมาก่อน? ที่ไหน อะไร ยังไง! อยากจะหยิกให้เนื้อหลุดติดเล็บมาเลยจริงๆ แต่ก็ต้องสงบใจไว้ครับ เดี๋ยวจะโดนหาว่างี่เง่า หึงอะไรไม่เข้าเรื่อง
“อย่างผมไม่เป็นพริตตี้เองหรอกนะ จะมีเมียเป็นพริตตี้รู้ไว้ด้วย!”
พี่ทองทำตาโต พร้อมกับมองหน้าผมด้วยสายตาเขินอาย
เอ๋? เขากำลังเข้าใจอะไรผิดกันนะ
“ชงโคคงไม่อยากให้เฮียนุ่งสั้นๆ ในงานมอเตอร์โชว์ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเมียพริตตี้...”
อะไรทำให้พี่ทองเข้าใจว่าผมจะเอาเขาเป็นเมีย =_=;
“อย่าให้ผมต้องคิดว่าร่างถึกๆ อย่างเฮียจะยัดตัวเองลงในชุดเดรสรัดรูปสีชมพูได้เลยนะครับ มันเสื่อม”
“ก็ชงโคบอกว่าจะมีเมียเป็นพริตตี้ เฮียก็จะยอมเป็นให้ไง ไม่ดีเหรอ?” พี่ทองทำหน้ากวนๆ ดีดตัวไปมาอย่างสะดีดสะดิ้งจนน่าถีบ
“เอาตรงๆ คือถ้าผมจะต้องรุกใครสักคนนี่ผมก็ไม่เอาคนที่ตัวใหญ่กว่า ถึกกว่ามาเป็นเมียหรอกนะครับ”
“-..- อยากให้เธอลอง... โอกาสดีๆ อย่างนี้จะมีอีกกี่หน จะเป็นไปได้ไหมให้เราสองคนได้มา...”
“ร้องเพลงอะไรของเฮียเนี่ย”
“เขินเหรอ”
ผมไม่ยอมตอบ กลับก้มหน้าซุกเข้าหาอกกว้างๆ ของเขา
“ขี้อ้อนเนอะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้ไปกินข้าว”
“เฮียกินผมยังไม่อิ่มเหรอ” ผมช้อนตาขึ้นมอง พี่ทองโอบกระชับตัวผมให้แนบกับตัวเขามากยิ่งขึ้น
“ยังไม่อิ่ม...อีกอย่าง ชงโคยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“เฮียให้ผมกินไหม”
“แล้วอยาก...กิน...ตรงไหนล่ะครับ”
ผมอมยิ้ม ไม่ตอบคำถามของเขา แต่ก็ใช้มือควานหาของที่ผมอยากกินแทน
“เด็กเฮียร้ายจริงๆ” พี่ทองพูดเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับซี้ดปากเบาๆ
ผมร้ายได้กว่านี้อีกนะ...ถ้าเฮียยังไม่รู้ หึหึ
.
.
.
“ซ้อ เดี๋ยวเพชรเข้าไปเลือกหนังสือนะ ซ้อจะไปด้วยกันหรือจะไปรอที่ร้านกาแฟ” น้องเพชรหรืออาหมวยใหญ่ของบ้านหันมาถามผมที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว เพิ่งเคยมางานขายหนังสือ BL ครั้งแรก ก็ไม่คิดว่าคนจะเยอะอย่างนี้ มันเป็นที่นิยมกันแล้วเหรอครับเนี่ย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
“เดี๋ยวไปรอที่ร้านกาแฟ”
น้องเพชรรับคำแล้วก็เดินแยกจากผมมุ่งตรงไปยังบูทขายหนังสือทันที ส่วนผมก็เดินตรงมายังร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็คนแน่นร้านเลย แต่ก็ยังพอจะมีที่นั่งให้พอนั่งได้อยู่บ้าง
ผมยกมือเสยเส้นผมที่ยาวมาปรกตา ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่ส่งสายตามองมา พร้อมกับขยับแว่นกันแดดที่ใส่อยู่เล็กน้อย
วันนี้ผมก็แต่งตัวตามปกติแหละครับ พี่ทองนี่แทบจะกราบเลยที่ผมเลือกเสื้อยืดมาใส่แทนเสื้อกล้ามตัวบาง เขาบอกว่าดีแล้วที่แต่งตัวสุภาพแบบนี้ แต่พอเห็นกางเกงยีนของผมเขาก็แทบจะล็อคประตูไม่ให้ออกจากห้อง สุดท้ายก็ได้ใส่กางเกงยีนที่ขาดน้อยที่สุดมาแทน
คนหัวโบราณที่ชอบมีผ้าขาวม้าคาดที่เอวแบบเขานี่ไม่เข้าใจเทรนของวัยรุ่นซะเลย -*-
“ลาเต้แก้วหนึ่งครับ” หลังจากเลือกเมนูที่ต้องการได้ก็จัดแจงสั่งกับพนักงานที่ยิ้มหวานทำหน้าเขินอายส่งมาให้
“รบกวนรอสักครู่นะคะ”
“ครับ”
ผมเดินมานั่งรอที่โต๊ะ ยกขาไขว่ห้างก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
ไม่มีมิสคอล ข้อความอะไรก็ไม่มี เซ็งจริงๆ ชอบทำเป็นห่วงอย่างนั้น หวงอย่างนี้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยจะโทรมาเช็คโทรมาตามหรอก เป็นผมซะเองที่ต้องถามว่าอยู่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไร บลาๆๆๆๆ
ผมกดเบอร์พี่ทองที่จำได้ขึ้นใจก่อนจะกดโทรออก ฟังเสียงสัญญาณอยู่สักพัก เขาก็รับสาย
(ครับ)
“เฮีย อยู่ไหนอ่ะ”
(อยู่หอดิ เพิ่งตื่น)
“เมื่อเช้ากลับไปนอนต่ออีกเหรอ”
(อืม)
“สนใจมาเที่ยวไหม ผมนั่งอยู่ร้านกาแฟ”
(แล้วหมวยใหญ่ล่ะ)
“เลือกหนังสืออยู่”
(อือ)
“ง่วงเหรอ”
(อืม)
“ห้ามหลับ ตื่นได้แล้ว ไปหาข้าวกินเลย เร็วๆ จะเที่ยงแล้วนะ”
(อือ เดี๋ยวค่อยไป)
เสียงง่วงๆ ของพี่ทองทำให้ผมนึกอยากแกล้ง รู้หรอกว่าวันหยุดเพียงวันเดียวของเขาเขาจะตื่นตอนบ่ายๆ เลย แต่เพราะเมื่อคืนผมบอกว่าจะออกมาทำธุระกับน้องเพชร เขาก็เลยฝืนสังขารตื่นมาเพื่อพิจารณาการแต่งตัวของผม -_-
“เฮีย รู้ไหมว่าตอนนี้มีผู้ชายมองขาผมด้วย จ้องใหญ่เลย...อ่า ทำไงดีนะ เขาน่ารักจังเลยเฮีย”
ผมนึกหน้าพี่ทองแล้วก็กลั้นหัวเราะไปด้วย ตอนนี้คงตาสว่างแล้วแหงๆ
“เฮีย เขาเดินมาหาผมแล้ว เขาต้องขอเบอร์ผมแน่ๆ เลย ทำไงดี...”
(เด็กบ้านี่ ถ้าขอแล้วจะให้รึไง บอกไปเลยว่ามีผัวแล้ว)
“หยาบอ่ะ ผมเป็นผู้ชายจะมีผัวได้ยังไง”
(อ๋อเหรอครับน้องชงโค แล้วไอ้ที่นอนด้วยกันทุกวันนี่ใคร ตอไม้รึไงวะ)
เสียงห้วนๆ ของพี่ทองทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมล้อเล่น ใครจะมามองขาผู้ชายล่ะ บ้ารึเปล่า”
(ไม่บ้า เพราะผู้ชายอย่างเฮียคนหนึ่งล่ะที่มอง)
“หื่นเนอะ”
(ยอมรับ)
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มหัวขอบคุณพนักงานที่เอาลาเต้ที่สั่งไปมาเสิร์ฟให้
(เสียงใครอ่ะ)
“พนักงานร้านกาแฟ ทำไมครับ เฮียคิดว่าผมนัดเดทกับผู้หญิงรึไง”
(เปล๊า!)
ตอบเสียงสูงอย่างนี้ใครจะเชื่อลง คนซื่อๆ อย่างพี่ทองน่ะโกหกไม่เก่งหรอก
“เฮีย”
(ครับ)
“ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวปวดท้องเอานะ”
(แล้วชงโคจะไม่กลับมาก่อนเที่ยงเหรอ วันนี้วันหยุดเฮียทั้งทีก็หนีไปเที่ยวกับหมวยใหญ่ ทิ้งเฮียเฝ้าห้องคนเดียว)
เมื่อเช้าผมถามย้ำไปห้ารอบว่าจะมาด้วยกันรึเปล่า เขาก็ปฏิเสธด้วยหน้าอึนๆ แล้วกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างเดียว แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าทิ้งได้ยังไง เอ้อ เอาใจยากจริงๆ เลย
“ไม่อยากอยู่คนเดียวก็ออกมา”
(ก็ได้)
ผมอมยิ้มกับเสียงอ่อนๆ ของพี่ทอง สงสารเขาอยู่หรอกนะ แต่นานๆ ทีก็ออกมาเที่ยวบ้าง ไม่ใช่ขลุกอยู่แค่ที่หอพักกับโรงพยาบาลสัตว์ ชีวิตน่ะ ผ่อนคลายบ้างก็ได้นะครับ ตึงมากเกินไปก็ไม่ดี แต่หย่อนมากไปก็ไม่ดีเหมือนกันนะ เอาแบบพอดีๆ ดีกว่าครับ
บอกพิกัดที่อยู่ของตัวเองไป พี่ทองก็วางสายเพื่อขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนผมก็กดมือถือเล่นต่อ แม้ช่วงนี้ TheTenth จะไม่ค่อยออนไลน์ให้ได้แชทถามไถ่สุขภาพของโบจังเลย แต่ตัวผมในโลกโซเชียลก็มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ที่คุยกันทุกวันก็แมวน้อยที่ชีวิตดูจะไม่มีความสุขเอาเสียเลย คอยเลียบๆ เคียงๆ ถามผมเรื่องโบจังแทบทุกวัน เพราะต่อหน้าหลินแมวก็ดูจะเกรงอกเกรงใจจนไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อของโบ ผมเคยถามแมวนะว่าทำไมถึงไม่เลิกกับหลิน เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังฝืน ในเมื่อไม่มีความสุขแล้วทำไมไม่หยุด แต่คำตอบที่ได้ก็ทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน
‘แมวสับสนจังเลยชงโค...แมวไม่รู้จะต้องทำยังไง แมวรู้สึกดีๆ กับหลิน แต่แมวก็ลืมโบจังไม่ได้ แมวจะทำยังไงดี แมวเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้มากเลย’
ผมไม่รู้หรอกว่า...จะต้องทำยังไง ความรู้สึกดี...มันจะกลายเป็นความรักได้ไหมก็ยังไม่มีใครรู้ ตอนนี้แมวอ่อนแอ อาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องเดินไปทางไหน แต่ผมก็เชื่อว่าสักวัน...เมื่อถึงที่สุดแล้ว ทางออกของเรื่องนี้ก็จะปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน
‘ชงโคจ๋า โบจังจะกลับมาไหม’
‘ผมไม่รู้’
ผมไม่กล้ายืนยันว่าโบจังจะกลับมา เพราะผมไม่อยากให้แมวมีความหวัง พวกเขาเลิกกันด้วยความไม่เข้าใจ เลิกกันทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังรัก แต่ก็แค่ไม่เปิดใจให้กัน ...แมวคงยังรอ รอให้โบจังกลับมา แล้วอย่างนั้น...หลินคนที่เดินอยู่ข้างๆ จะมีความหมายอะไร
หัวใจที่สับสนอาจจะทำให้ใครหลายๆ คนเจ็บ...ผมว่าคนที่รู้ดีที่สุดก็คือหลิน แต่ในเมื่อหลินยังคงเลือกที่จะเจ็บไปพร้อมๆ กับเพื่อนทั้งสองคนนั้น...ผมก็คงห้ามไม่ได้ ถ้าแค่เตือนแล้วฟัง หัวใจของใครหลายๆ คนคงไม่ต้องเจ็บซ้ำเจ็บซาก ถูกทำร้ายเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจำ
“ขอเบอร์ได้ไหมครับ” เสียงทุ้มๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ คิ้วขมวดอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะหันไปหาผู้กล้าในวันนี้ กำลังจะบอกว่าคงไม่ได้ มีแฟนแล้ว แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ
“ได้สิครับ แต่เอาเป็นเบอร์ห้องแทนดีไหม” ผมอมยิ้มพลางเลิกคิ้วให้ ผู้ชายใจกล้าที่เดินมาขอเบอร์ทำหน้าบึ้งก่อนจะส่งมือมาผลักหน้าผากผม
“กล้ามาก เดี๊ยะๆ” พี่ทองทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ผมเลยสอดมือเข้าไปกอดแขนเขาไว้
“ก็ถ้าบอกว่ามีแฟนแล้วกลัวจะไม่เชื่อไง เลยให้ไปเจอแฟนที่ห้องเอง”
“ลื่นเชียวนะ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แหม”
“ไม่ได้ชม”
ผมหัวเราะกับสีหน้าของพี่ทอง ก่อนจะพิงศีรษะกับไหล่ของเขาอย่างเอาใจ
“หมวยใหญ่ล่ะ”
“อยู่ในนั้นอ่ะ”
ผมชี้มือไปที่บูทขายหนังสือ ในขณะที่พี่ทองพยักหน้าแล้วคว้าลาเต้ของผมไปดูด
“หวานป่ะ”
พี่ทองส่ายหน้า “ขมนิดๆ”
“อ้าว ขมเหรอ” ผมแสร้งทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ทอง ดึงหลอดดูดออกมาจากปากของเขาพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากเล็กน้อย พี่ทองมองหน้าผมนิ่งๆ ในขณะที่ผมกำลังดูดลาเต้แล้วมองตอบเขากลับไป
“หวานนะ...หรือมันจะหวานแค่เฉพาะที่อยู่ในปากผม เฮียอยากชิมไหม”
พี่ทองยิ้มเครียด ยกมือบีบแก้มผมแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟัน “กลับห้องเมื่อไหร่ โดน”
“คืนนี้อาม่าชวนไปค้างที่บ้าน เฮียไปด้วยไม่ได้นี่นา หึหึ”
พี่ทองต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้าครับ ถ้าไปค้างที่บ้านของเขาก็คงต้องแหกตาตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง หุหุ เวลาได้เห็นสีหน้าทรมานของเขาแล้ว ไม่รู้ทำไมผมสุขใจ
“ชงโค”
“จ๋าเฮีย”
ผมยิ้มกว้าง พร้อมกับสอดมือเข้าไปลูบกล้ามท้องของพี่ทองเบาๆ เขาเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะจับมือผมไว้
“อยากโดนที่นี่ไหม หรือในห้องน้ำ ให้เลือกเลยตอนนี้”
“ไม่เลือก ไม่อยากโดน”
“ถ้างั้นก็อย่ายั่ว”
“ยั่วที่ไหน แค่แกล้งเล่น”
“เฮียจะลงโทษเด็กคนนี้ยังไงดีนะ”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าโกรธจริงหรือแกล้งโกรธไปอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่กลัวหรอก ^^
“แล้วแต่เฮีย ผมยอม”
“พอแล้วไหม แฟนเป็นคนนะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่หยุดคงได้เล่นหนังสดกลางร้านกาแฟ”
“เอาเลยสิ...ถ้าเฮียไม่หวง เสียงของผม...ร่างกายของผม อยากให้คนอื่นได้ยินได้เห็นด้วย...ก็เอาเลย”
พี่ทองแทบจะจับหัวผมโขกกับโต๊ะ แต่เขาก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
“ฮ่าๆๆ พอแล้วก็ได้ ไม่แกล้งละ น้องเพชรมานู่นแล้ว ไปกันเถอะครับ”
ผมลากพี่ทองออกจากร้านกาแฟ ก่อนจะเดินตรงไปหาน้องเพชรที่ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองเดินอยู่ข้างๆ ผม
“เฮียมาทำไมอ่ะ”
“มาหาเมีย”
“อืม”
น้องเพชรตอบสั้นๆ ความเข้าใจอย่างรวดเร็วนี้ทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเราดำเนินต่อไปอย่างเรียบเรื่อย น้องสาวของพี่ทองคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งสวย แต่ทว่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้นกลับยิ่งพูดน้อยลง เทียบกับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันแล้วน้องเพชรแทบจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คงเพราะมีพี่ชายที่ดูขาดๆ เกินๆ และน้องสาวที่เป็นเจ้าหนูจำไมก็ได้ล่ะมั้งครับ ถึงส่งผลให้น้องเพชรออกมาในรูปแบบนี้แทน
อาหารกลางวันวันนี้ผมยกหน้าที่ให้น้องเพชรเป็นคนเลือก แต่น้องกลับหันมาถามพี่ชายของตัวเองว่าอยากกินอะไร พอพี่ทองบอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยว น้องก็หันมาบอกผมว่าจะกินก๋วยเตี๋ยว
อ่า...เป็นน้องสาวที่น่ารักจังเลยนะครับ
ตอนนี้ก็เลยมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ผมคีบต้นหอมที่พี่ทองไม่ชอบออกจากถ้วยของเขาแล้วเอามาใส่ถ้วยตัวเองแทน พี่ทองยิ้มน้อยๆ แล้วลูบหัวผมเบาๆ ในขณะที่น้องเพชรคีบลูกชิ้นปลาใส่ถ้วยให้พี่ชายตัวเอง จนถ้วยของน้องมีแต่เส้นกับผัก
“เพชรรู้ว่าเฮียชอบ” น้องบอกแค่นั้นก็ก้มหน้าก้มตากิน พี่ทองน่ะยิ้มแก้มแทบแตกเลย ยื่นมือไปขยี้หัวน้องสาวก็โดนปัดทิ้ง เขาก็เลยเปลี่ยนมาคีบเนื้อปลาใส่ถ้วยน้องเพชรแทน
“เฮียก็รู้ว่าเพชรชอบ”
จะว่าไปแล้ว...ผมกับบิ้ว แม้จะเป็นพี่น้องคนละแม่กัน แต่ก็อยากสนิทให้ได้เหมือนอย่างนี้จังเลยนะ... ผมควรต้องหาเวลาไปอยู่กับบิ้วบ้างแล้วล่ะครับ
“อันนี้ชงโคชอบ เฮียรู้”
ผมมองเกี๊ยวหมูสี่ห้าชิ้นที่พี่ทองคีบใส่ถ้วยของผมแล้วหันไปยิ้มกว้างๆ ให้
“ขอบคุณครับ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”
“หืม? เป็นอะไรครับ”
พี่ทองคลี่ยิ้ม แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “เป็นตัวชงโคได้ไหม”
หึหึ ทองคำเอก ทำหน้าลุ้นขนาดนี้เพื่ออะไรกันนะ
“ผมอนุญาตตั้งนานแล้ว ยั่วจนไม่รู้จะยั่วยังไง เฮียก็ยังกลัวที่จะใส่เข้ามา”
พี่ทองอ้าปากค้าง มองผมอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะยิ้มกว้าง “ไม่เห็นรู้เลย”
“ทั้งตัวทั้งหัวใจของชงโคน่ะ เป็นของเฮียมานานแล้วนะ กล้าๆ หน่อยสิครับ”
“อ่า...เฮียโง่เนอะ”
“มาก”
“งั้นคืนนี้...”
“ไม่ได้ครับ ผมจะไปนอนที่บ้านเฮีย รับปากอาม่าแล้ว”
“ใจร้าย หลอกให้อยากแล้วตีจาก”
ผมทำเพียงแค่ยิ้ม ในขณะที่พี่ทองบู้ปากแล้วบ่นเบาๆ เหลือบมองดูน้องเพชรอีกทีก็พบว่าน้องเลือดกำเดาไหลซึมออกมาจากจมูก
“เพชรแค่ร้อน ไม่ได้ยินที่เฮียกับซ้อคุยกันเลยนะ จริงๆ”
อ่า... ผมว่าน้องเพชรได้ยินแน่ๆ
“เอ้านี่ ผ้าเช็ดหน้า เงยหน้าขึ้นด้วยครับ” ผมเลยต้องเดินอ้อมโต๊ะไปรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ข้อหาทำให้น้องเพชรฟินจนเลือดกำเดาไหล
เฮ้อ...อันตรายจริงๆ จินตนาการของผู้หญิงเนี่ย คงกำลังคิดเรื่อง เรท ฉ อยู่แน่ๆ เลยน้องสาวของพี่ทอง -_-
..............................................To be continue.........................................................
O_o!!! ชงโค!!!! ทำไมหนูทำอย่างนี้ลูก!!! น่าตีจริงๆ เชียววววว -..-
ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น และทุกๆ การติดตามค่า
ปล. ชงโคยังอยู่ระหว่างรอการสอบแอดมิชชั่นค่ะ
ปล2. เรื่อยๆ อย่างนี้เบื่อไหมคะ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ วันเสาร์นะ ^^
http://ask.fm/TCHONG_K < ถามได้ค่ะ