ตอนที่ 27“ชงโคจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ กับเหตุการณ์ในวันนั้น”
มันนานมากแล้ว...นานมากจริงๆ ที่ไม่มีใครถามคำถามนี้กับผม ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจถามคำถามนี้กับผมอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับไป...
“ถ้าจำอะไรได้...ก็ช่วยเล่าให้พี่ฟังด้วยนะครับ เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก”
ผมมองหน้าพี่ตั้มลูกชายคนเล็กของลุงพิภพอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้...ผมจำได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงลำดับเหตุการณ์ไม่ได้เลย...ผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหลัง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดผมกับแม่ถึงไปอยู่ที่นั่น ผมรู้เพียงแค่ว่า...เพราะผมร้องไห้โวยวาย เอาแต่เรียกหาพ่อ...แม่ถึงได้ตาย
ภาพสุดท้ายที่ยังคงเด่นชัดกว่าภาพอื่นๆ...มีแต่เพียงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของแม่ และรอยยิ้มเหี้ยมโหดของพวกสัตว์นรกนั่น...
ผมในตอนนั้นยังเด็ก...ยังไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว พวกมันบอกเพียงแค่ว่าถ้าผมเอาเรื่องนี้ไปพูดบอกใคร พวกมันจะฆ่าพ่อผมอีกคน... คิดไปแล้วก็น่าหัวเราะ เพราะเมื่อถึงวันที่ผมรู้ความจริง...ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว
“ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกครับ...พี่กับพ่อจะปกป้องชงโค ไม่ให้ใครมาทำอันตรายได้ ท่านเมฆาก็ลงมาดูแลคดีนี้เองเลยนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าชงโคคิดอะไรออก ก็ช่วยบอกกับพี่ด้วยนะ”
ท่านเมฆาที่ว่าคืออากงของพี่ทอง ผมเพิ่งทราบเรื่องจากพี่ตั้มที่เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของอากงว่าคดีนี้ถูกเบื้องบนเร่งให้ปิดคดี ทั้งๆ ที่ถูกผู้ใหญ่ที่รู้จักกับพ่อชะลอเรื่องไว้ คดีการตายของแม่ถึงยื้ดเยื้อมานานหลายปี
“ท่านเมฆาเป็นคนดีครับ ชงโคไว้ใจท่านได้ หลังจากที่ท่านลงมาดูแลคดีนี้เอง ตำรวจสองสามนายก็ถูกสั่งย้ายไปแล้ว” พี่ตั้มเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับกำลังพูดถึงซุปเปอร์ฮีโร่ “อย่าให้คุณน้าต้องจากไปโดยไม่ได้รับความยุติธรรม คนผิดก็ยังไม่ถูกลงโทษเลยนะครับ”
ในเมื่อมีคนที่อยากช่วยเหลือผมกับแม่มากขนาดนี้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องลังเล
‘งั้นถ้าผมจำอะไรได้บ้างแล้ว ผมจะบอกพี่นะครับ’
ไม่รู้ว่าคำพูดของผมจะมีน้ำหนักมากแค่ไหน คำให้การของพยานที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบขวบจะมีผลอะไรรึเปล่า เรื่องกฎหมายผมไม่รู้เลยจริงๆ คงต้องหวังให้ลุงพิภพกับพี่ตั้มคอยช่วย แต่ถ้าผมคิดอะไรขึ้นมาได้ก็จะบอกพวกเขาแน่นอน
“ขอบคุณมากครับ งั้นพี่กลับก่อนนะ ไว้ว่างๆ จะแวะมาเยี่ยม พอดีช่วงก่อนฝึกหนัก ไม่มีเวลามาหาเลย”
‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ตั้งใจทำงานนะครับพี่ ฝากด้วยนะครับ’
“เชื่อใจพี่ได้”
ผมพยักหน้า พลางยิ้มส่งพี่ตั้มที่รีบเดินไปขึ้นรถ
เฮ้อ...กะทันหันจริงๆ ใครจะไปคิดว่ากลับจากมหาลัยมาก็เจอลูกชายคนเล็กของลุงพิภพรออยู่ ผมไม่ทันเชิญเขาขึ้นบ้านก็มานั่งให้เขาสอบปากคำอยู่ที่ศาลากลางสวนนี่ซะก่อน
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น...ผมจำได้...และไม่คิดว่าจะลืมมันได้ไหมในชีวิตนี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าความจำของผมมันเหมือนกับจิ๊กซอว์ที่ยังไม่ถูกต่อให้เรียบร้อย ภาพมันถึงยังไม่สมบูรณ์ มีความจำในบางส่วนที่หายไป...และผมไม่รู้ว่าส่วนที่หายไปมันสำคัญมากแค่ไหน
เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องตื่นกลางดึกมาตัวสั่นเทา อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงเพียงเพราะความฝัน...ผมถึงเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทางจิตเวชอยู่หลายเดือน และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้แล้วว่าผม...ไม่เคยฝันร้ายอีกเลย
แต่การที่ต้องคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แม้เพียงสักนิด...มันก็ทำให้รู้สึกแย่มากจริงๆ
“เดซี่วัวน้อยน่ารัก พ่อทองมักเรียกหนูซี่จ๋า วันนี้พ่อพาหนูมาลั้ลลา อย่าช้านะมาๆ เต้นกัน โอ้ววว เย้!”
เห็นพี่ทองเขย่งก้าวกระโดด ท่าทางอารมณ์ดีผ่านประตูรั้วหน้าบ้านเข้ามา แถมยังท่องอะไรไม่รู้มาตามทางอีกด้วย แล้วนี่มายังไง เอาจุ๊บแจงไปจอดไว้ที่ไหนกันล่ะ -_-
ผมรีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วเดินไปหาพี่ทองที่มีผ้าปิดจมูกปิดไว้ครึ่งหน้า ตอนนี้เขากำลังถือวิสาสะตัดดอกกุหลาบจากแปลงที่ผมปลูกไว้อยู่
“เมื่อกี้เห็นรถใครไม่รู้ขับออกจากบ้านมึงไป เป็นผู้ชายซะด้วยนะ -*-”
‘ดีกว่าเป็นผู้หญิงไหมล่ะ’
“ไม่ดี จะเป็นใครก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ”
‘แล้วนี่เอาจุ๊บแจงไปจอดไว้ที่ไหน’
“หน้าปากซอย”
‘ไม่เข็ดเหรอ คราวก่อนก็โดนพวกไอ้แบ็ครุมทำร้าย’
“กลัวทำไม วันนี้กูพกปืน อีกอย่างเมื่อกี้ก็เจอพวกมันแว๊นมอเตอร์ไซค์ผ่านมาเลยฝากให้พวกมันเฝ้า ก็รับปากกูซะดิบดี”
‘ไม่ใช่ว่าตอนฝาก ยกปืนขึ้นขู่พวกมันหรอกนะ’
“รู้ใจกันขนาดนี้ เมื่อไหร่จะได้เสียกันสักทีจ้ะ”
เดี๋ยว...เดี๋ยวนะ วกเข้ามาเรื่องนี้ได้ไง -*-
“ว่าแต่ทำไมตาแดงๆ ร้องไห้เหรอ”
ผมส่ายหน้า แต่พี่ทองทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมจึงฉีกยิ้มกว้างแล้วหอมแก้มเขาไปหนึ่งที ‘ไม่ได้ร้อง แล้วกินอะไรมารึยัง’
“เปลี่ยนเรื่องเก่งนักนะมึง”
‘ไม่ได้เปลี่ยน แต่ถ้าพี่ยังไม่กินผมจะได้ไปทำกับข้าวให้’
“ไม่ต้องทำหรอก วันนี้มารับไปกินข้าวกับที่บ้าน จะได้พาเดซี่ไปส่งด้วย แล้วคืนนี้ก็ไปนอนที่หอ”
อ่า...นั่นสินะ ก็วันศุกร์พี่ทองบอกว่าจะมารับ ผมดันลืมไปเลย นึกว่าเขามาไร้สาระใส่เฉยๆ แล้วก็ไปเหมือนทุกทีซะอีก -_-
‘แล้วคืนนี้พี่โนนอนที่ไหนล่ะ’
“ห้องแฟนมันดิ ไปเก็บเสื้อผ้าเร็วๆ เสาร์อาทิตย์นี้ต้องอยู่กับกู อาทิตย์หน้ามึงจะทิ้งกูไปรับน้องแล้วนี่ มองหน้าทำไม กูรู้ก็แล้วกัน”
ผมก็คิดจะบอกเขาอยู่แล้วล่ะเรื่องรับน้องหนึ่งคืนสองวันที่ทะเลใกล้ๆ แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้พี่ทองจะมีญาณทิพย์ สามารถตรัสรู้ได้เองว่าผมทำอะไรอยู่ที่ไหน ไม่ต้องสืบหรอกว่ารู้ได้ยังไง ก็แมวเล่นอัพไอจีรายงานสถานะชีวิตของทั้งตัวเองและเพื่อนถี่มาก ถี่จนบางทีผมก็คิดว่าแมวเยอะเกินไป -*-
ผมขึ้นบ้านมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะเดินลงมาหาพี่ทองที่คุยจ้ะจ๋าอยู่กับลูกสาวของเขา ซึ่งบอกตามจริงว่าการได้เห็นคนๆ หนึ่งพูดกับวัวเป็นวรรคเป็นเวรก็ทำเอาอดทึ่งไม่หาย คือคุยให้ฟังทุกเรื่อง ลมฟ้าอากาศวันนี้เป็นยังไง เจอเหตุการณ์ระทึกอะไรมาบ้าง แม้กระทั่งเมื่อเช้าฉี่รดมือก็ยังเล่าให้ฟัง อืม...เดซี่...น่าสงสารจริงๆ
‘ทำไมพี่ถึงต้องคุยกับเดซี่ตลอดเลยล่ะ ไม่กลัวคนอื่นเขาว่าบ้าบ้างเหรอ’
ระหว่างที่เดินอยู่ข้างๆ พี่ทองเพื่อไปหาจุ๊บแจงที่จอดอยู่หน้าปากซอย ผมก็ใช้ภาษามือคุยกับเขา พี่ทองที่มีเชือกอยู่ในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างก็คล้องรอบคอผมไว้ หันมายิ้มให้ แล้วทำหน้านึกอะไรสักอย่าง
“กูไม่ได้แคร์คนที่ว่ากูบ้านี่ เพราะกูรู้ว่ากูไม่ได้บ้า” พี่ทองยังคงยิ้ม ผมจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา แล้วหันมองทางข้างหน้าเพื่อฟังที่เขาจะพูดต่อ “เดซี่ไม่มีโอกาสแม้จะกินนมแม่ของตัวเอง กูเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของมัน กูป้อนนมให้มันมาตั้งแต่มันยังเล็ก กูอยู่กับมันแทบทุกเวลา สามปีที่เราอยู่ด้วยกันมา มีแต่ความทรงจำดีๆ”
ผมสัมผัสได้ถึงความรักที่พี่ทองมีให้กับลูกสาวของเขา แม้ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม วัวจะถูกจัดเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดอยู่ในกลุ่มสุดท้าย แต่ผมก็คิดว่าเดซี่คงเข้าใจว่าพี่ทองรักมันมากแค่ไหน และมันก็คงรักพี่ทองมากเช่นกัน เวลาตากลมโตของมันจ้องมองมา ก็มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์
‘แล้วแม่แท้ๆ ของเดซี่...ตายยังไง’
“ถูกรถของไอ้เล้งชน แต่ไอ้เล้งมันไม่ใช่คนขับหรอก...แฟนมันขับ ไอ้บ้านั่นเมายา สติก็เลยไม่ค่อยมี ถึงได้ชนแม่ของเดซี่” พี่ทองเล่าต่อเรื่อยเปื่อย ราวกับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเจ็บปวดอะไร แต่แววตาของเขา...กลับไม่ได้เป็นเหมือนน้ำเสียงเรียบๆ นี้เลย “ที่จริงไอ้เล้งมันเป็นคนน่าสงสารนะ แฟนมันที่คบกันมาสามปี ต้องมาถูกบังคับให้เลิก เพราะถ้ามันไม่เลิก อาม่าก็จะตัดขาดกับมัน มันน่ะรักอาม่ามากก็เลยต้องยอม ไอ้เล้งถึงไม่ค่อยชอบขี้หน้ากูไงล่ะ แล้วก็พาลเกลียดมึงด้วย ที่จริงครอบครัวกู หมายถึงเตี่ย ม๊า แล้วก็น้องสาวของกูก็ไม่ใช่ที่ชื่นชอบของญาติๆ มากนักหรอก เพราะอาม่ากับอากงรักเตี่ยมากเกินไป พวกเราถึงได้ถูกหมั่นไส้”
แม้แต่ครอบครัวที่เห็นภายนอกว่าอบอุ่น ก็ยังมีปัญหาภายใน แล้วยังจะเรื่องของไอ้เล้งอีก...ผมนึกภาพออกนะว่ามันเป็นยังไง อาม่ารักพี่ทองมาก ท่านคงไม่นิ่งนอนใจเมื่อเห็นว่าหลานของท่านเสียใจมากแค่ไหนกับการตายของแม่เดซี่ มันอาจจะไม่ยุติธรรมกับไอ้เล้งเลย แต่อาม่าท่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รักไอ้เล้งหรอกครับ มองจากมุมผม ผมว่าผู้ชายที่ติดยาน่ะ...ไร้อนาคต ถ้าเป็นญาติพี่น้องผม ผมก็ไม่อยากให้ไปคบกับคนพรรค์นั้นหรอก
เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ! ผู้ชาย!!!
‘เล้งเป็นเกย์เหรอ’
“อือ เป็นเหมือนชงโคน่ะ” พี่ทองพยักหน้ารับซื่อๆ
‘อะไรคือเหมือนผม’
“ก็เป็นฝ่ายโดนสอดใส่ไง”
เพียะ!
ผมตีแขนพี่ทองไปแรงๆ จนเขากระโดดออกห่างผมทันที
“ตีทำไมเล่า! เจ็บนะ!”
‘พี่พูดน่าเกลียด’
“น่าเกลียดยังไง ไหนบอกมา”
ยังจะมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก ผมล่ะเบื่อกับความหน้ามึนของเขาซะจริงๆ
“ไม่เอาน่า ขี้อายอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้สอด โอ้ยยย! ดึงแก้มทำไม!”
‘ยังจะปากดีอีกไหม!’
พี่ทองยิ้มยั่ว แต่ปากก็พูดเสียงหวานว่า “ไม่แล้วจ้า ว่าแต่ดุอย่างกับแม่เสืออย่างนี้ เมื่อไหร่จะมาจับพ่อวัวกินบ้างนะ เนื้อหวานนะ จะบอกให้ ^^”
พี่ทองเป็นผู้ชายที่โคตรของโคตรอ่อย ทำไมถึงชอบทอดสะพาน แล้วทำท่าเชิญชวนนักก็ไม่รู้ เงื่อนไขมันก็มีอยู่ ไม่ทำตามแล้วจะให้ผมข้ามสะพานไปได้ยังไง!
“ลูกพี่คร้าบบบบ ผมจัดการปัดฝุ่น เช็ดถูน้องจุ๊บแจงของลูกพี่ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เป็นไงครับ ผลงานผม ดีเยี่ยมมากรึเปล่าครับลูกพี่”
ไอ้แบ็คตัวอ้วน กับลูกสมุนจินแจมก้าวขาหน้าตรงมาหา ท่าทางเริงร่าเหมือนหมาที่กระดิกหางเมื่อเจอเจ้าของ
“ทำได้ดี ทำได้ดี ไว้กูทำ DVD บ็อคเซ็ตของน้องโซระให้”
“ลูกพี่ผู้เยี่ยมยุทธ ในปฐพีนี้จะมีใครมาตีเสมอลูกพี่ได้อีก ฮี่ๆ แล้วผมจะรอนะครับ เอาที่อยู่ทางไปรษณีย์ไว้รึเปล่าครับ เผื่อตอนส่งของ...”
นี่พี่ทองไปตกลงอะไรกับไอ้หน้าตาตุ่มหมาแววตาหื่นพวกนี้กันล่ะ แล้วเขาไปเป็นลูกพี่ไอ้พวกบ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำหน้าอย่างไอ้แบ็คเคยให้ใครมีศักดิ์ใหญ่กว่าตัวอ้วนๆ ของมันซะที่ไหน -_-
“กูจะฝากชงโคไว้ให้ แล้วถ้ามึงรับปากว่าจะตรวจตราความปลอดภัยของเมียกู ริ้นไรไม่ให้ไต่ หมาตัวไหนก็ไม่ให้เข้าใกล้ล่ะก็ กูแถมอายูมิให้อีกคน ^^”
“ได้ครับได้ ไม่มีปัญหาครับ”
พี่ทองทำไมทำตัวเหมือนเด็กขายหนังโป๊ตามแม่สายที่ชอบมาดึงชายเสื้อหลอกขายหนังโป๊ให้อย่างนี้ล่ะ เขาอายุเท่าไหร่แล้ว! ไปยุ่งกับไอ้เกรียนพวกนี้ได้ยังไง
‘พี่ไปสนิทสนมกับพวกมันตอนไหน’
พี่ทองไม่ตอบ กลับพูดไปอีกเรื่อง “รีบไปกันดีกว่า อาม่าคงรอทานข้าวจนเงกแล้ว”
แล้วพี่ทองก็ลากพวกไอ้แบ็คไปคุยอีกมุม ปล่อยให้ผมถือเชือกที่จูงเดซี่อยู่เพียงลำพัง แค่เพียงไม่กี่นาทีก็กลับมาแล้วพาเดซี่ขึ้นหลังจุ๊บแจง ในขณะที่พวกไอ้แบ็คแว๊นมอเตอร์ไซค์ออกไป
“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นหรอก พวกมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่เปิดใจแล้วปรับมุมมอง แล้วมึงจะได้เห็นอะไรดีๆ อีกหลายอย่าง ^^”
ผมก็รู้ว่าพวกไอ้แบ็คมันไม่ใช่คนเลว พวกมันก็แค่เด็กเกเรที่ยังคิดว่าการรังแกคนที่อ่อนแอเป็นการแสดงถึงความเท่ แสดงถึงขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมันโคตรเพ้อเจ้อ แต่ที่ผมกังวลคือ...อะไรคือโซระ และอะไรคืออายูมิ ต่างหาก พี่ทองกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่รึเปล่านะ เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้ว...เขาน่ะเกเรยิ่งกว่าไอ้แบ็คซะอีก -*-
.
.
.
“อาชงโค ลื้อทานเยอะๆ ลองชิมนี่ดูนะ ม่าทำเอง ของโปรดเฮียเขา” อาม่าตักปลาหมึกตัวอ้วนที่ภายในบรรจุหมูกับวุ้นเส้นไว้จนเต็ม ผมยิ้มรับแล้วพยักหน้าขอบคุณอาม่าที่ตั้งแต่เริ่มต้นทานข้าวกันมา ท่านก็ตักนั่นตักนี่ให้ไม่ขาด
อาม่าเวลาพูดถึงพี่ทองต่อหน้าผม ท่านจะเรียกแทนว่าเฮียตลอด ท่านจะคอยบอกผมครับว่าพี่ทองชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำอย่างไหนพี่ทองถึงจะมีความสุข ผมจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อาม่าท่านก็บอกอย่างใจดีว่าอยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็จะรู้เอง แต่เพราะพี่ทองชอบให้คนเอาอกเอาใจ อาม่าก็เลยบอกผมว่า ผมต้องเอาใจเขามากๆ เขาจะได้ไปไหนไม่รอด อาม่าไม่อยากได้คนอื่นมาเป็นหลานสะใภ้ ฮ่าๆๆ ท่านบอกว่าท่านเข็ดกับพี่นิล ไม่เคยเจอะเคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน เห็นว่าเรื่องครั้งนั้น หลังจากจัดการสั่งสอนไอ้เล้งเสร็จท่านก็เผ่นเข้าบ้าน ปล่อยให้ม๊ารับมือกับพี่นิลอยู่คนเดียว
‘ถ้ามีเรื่องผู้หญิงมาอีก ม๊าจะตัดค่าขนมลื้อทั้งเดือน!’ นี่เป็นเพียงประโยคเดียวที่ได้ยินจากม๊าหลังจากที่กลับเข้ามาในบ้านเมื่อวันนั้นครับ พี่ทองแทบหมอบกราบลงไปกับพื้น ก่อนจะคลานเข่าไปหาม๊าแล้วเริ่มออดอ้อนเอาใจ จนม๊ายอมใจอ่อนไม่เอาความอะไรอีก ที่จริงผมก็แอบอยากรู้เหมือนกันว่าม๊าพูดอะไรกับพี่นิลไปบ้าง แต่ก็ไม่กล้าถาม -*-
“เฮียขา หมวยอยากกิงไอติม พุ่งนี้พาหมวยไปนะคะ” น้องพลอยที่กำลังเคี้ยวทาร์ตไข่ตุ้ยๆ พูดข้ามโต๊ะมา
“เฮียไม่ว่าง ให้ซ้อพาไปดิ ซ้อว่างอยู่แล้วพรุ่งนี้”
ผมพยักหน้าแข็งขันทันที เรื่องให้พาน้องพลอยไปกินไอติมผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว หรือให้พาไปไหนก็จะไปทั้งนั้น การได้อยู่กับน้องพลอยทั้งวันเป็นสิ่งที่ผมหวังไว้อยู่เหมือนกันนะช่วงนี้ เพราะน้องน่ารักมาก อยู่ด้วยแล้วคงมีความสุข
“หมวยเล็ก อย่าไปกวนอาซ้อ พรุ่งนี้ลื้อต้องไปเรียนพิเศษ” ม๊ายังคงเป็นผู้หญิงที่เข้มงวดกับลูกๆ เหมือนเดิม ถึงจะนึกขอบคุณที่เพราะม๊า เด็กสปอยอย่างพี่ทองถึงได้ยังเป็นผู้เป็นคนอยู่อย่างนี้ แต่การเห็นม๊าดุน้องพลอยแล้ว หัวใจผมก็แทบจะร่ำร้องให้ปกป้องเจ้าหญิงตัวน้อยๆ
‘พี่ทอง บอกม๊าทีสิว่าหลังเลิกเรียนผมไปรับน้องพลอยไปกินไอติมก็ได้ ให้ผมไปส่งแล้วก็รอน้องก็ได้นะ ผมว่าง’
“ทีกับกูไม่เห็นจะเสนอตัวอย่างนี้อ่ะ” พี่ทองเหลือบตามองมา แต่พอเจอสายตาของผม เขาก็ยอมหันไปพูดกับม๊าให้
“ไม่ต้องอยู่รอน้องก็ได้ลูก ตอนเช้าให้ลุงแสนไปส่งน้องเอง ชงโคค่อยมารับตอนเลิกก็แล้วกันนะ หอพักอาทองอยู่ไกล ไปกลับคงใช้เวลานาน”
งั้นผมนอนที่นี่ก็ได้ครับ...อยากพูดอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ก็เกรงใจเจ้าของบ้าน -*-
พอทานข้าวกันเสร็จ ผมกับพี่ทองก็ขอตัวกลับ อาม่ากับม๊าเดินมาส่งพวกผมที่รถ ในขณะที่เตี่ยรีบซิ่งรถส่งน้ำแข็งไปหาเดซี่ ส่วนวันนี้อากงติดธุระ ท่านเลยไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วย แต่ธุระที่ว่านั้นทั้งเตี่ยกับพี่ทองต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าพาเด็กสาวมหาลัยไปดินเนอร์ ม๊าจึงเขกหัวพวกเขาไปคนละที
“เอาลูซี่ไปแล้วก็ทิ้งจุ๊บแจงไว้ที่นี่” อาม่าบอกพลางยึดกุญแจของจุ๊บแจงไปจากพี่ทองแล้วยัดเอา...เอ่อ...กุญแจของลูซี่มาใส่มือให้แทน
“ไม่เอา เดี๋ยวลูซี่เปื้อน อั๊วเอารถเตี่ยไปนะม๊า”
ดูจากสีหน้าแล้ว นามปริศนาว่าลูซี่นั้นคงสำคัญประหนึ่งลูกสาวคนที่สอง เป็นลูกสาวที่ผมไม่เคยเห็นรูปโฉมแม้สักครั้งเลยครับ ชื่อเสียงเรียงนามก็เพิ่งจะเคยได้ยิน แต่ก็เดาไม่ยากว่าลูซี่น่าจะสิงสถิตย์อยู่ที่ไหน ในเมื่อมีโรงจอดรถแห่งเดียวที่ต้องสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าไป -_-
“ไม่ขับมันบ้าง เดี๋ยวก็พังเอาหรอก”
“ไม่พัง ห้ามพัง ไม่ให้พัง -*-”
ม๊าทำหน้าเอือมๆ ก่อนจะมองลูกชายสุดที่รักของท่านอย่างเอ็นดู “รีบกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ลื้อต้องตื่นแต่เช้านิ รีบๆ ไปนอน แล้วถ้าไม่เอาลูซี่ไป คืนนี้ม๊าจะเอาคัตเตอร์ไปกรีดให้เป็นรอยเลยดีไหม”
“ม๊าใจร้าย ม๊าไม่รู้หรอกว่ากว่าไอ้โปรดจะยอมขายให้ อั๊วต้องหน้าด้านตื้อมันมานานถึงสี่ปีเลยนะ!”
“คิดว่าม๊าสนในความลำบากที่ไร้สาระของลื้อไหมล่ะ ไปได้แล้ว ไม่ต้องมาเถียง”
“ไปเถอะ แล้วก็ขับรถดีๆ ด้วย วันอาทิตย์ก็พาอาชงโคมากินข้าวที่บ้านอีกนะ”
“ครับ รักอาม่านะ ฝันดีครับคนสวย ส่วนม๊า อั๊วไม่รักหรอก ม๊าใจร้าย แต่จะยอมรักนิดหนึ่งก็ได้ ไปละ”
ผมกับม๊าหันมายิ้มให้กัน ก่อนท่านจะลูบหัวผม แล้วบอกให้ผมเดินตามพี่ทองไป
ว่าแต่ว่า...ลูซี่นี่มัน... Maybach Exelero!!
เห็นสีดำเป็นมันเงาวับของมันแล้วผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ลูซี่...ลูกสาวตัวที่สองของพี่ทองนี่...จุ๊บแจงเทียบไม่ติดฝุ่น แต่ถ้านับเดซี่เป็นลูกสาวด้วย...ลูซี่ก็จะเป็นตัวที่สาม เออ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงอีตาพี่ทองแฟนผมเนี่ย
“ถ้าฝนตกจะทำไงอ่ะ แล้วถ้ามีน้ำเหม็นๆ อยู่บนถนน ถ้ามีขยะเกลื่อนตามทาง ทั้งฝุ่น ทั้งควัน และสารพัดมลพิษ ลูซี่ต้องแย่แน่ๆ ม๊าก็ไม่ยอมให้ยืมรถเตี่ย ขนาดไอ้โปรดมันซื้อมานานมันยังไม่ขับเลยนะ ลูซี่มีไว้เพื่อบูชา ม๊านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” เขาบ่นทำนองนี้มาซ้ำๆ กันหลายรอบแล้วครับ ซึ่งผมก็ไม่อยากใส่ใจเท่าไหร่หรอก ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้จะได้นอนที่โรงจอดรถนี่ =_=
“เอาคันอื่นไปดีกว่า ม๊าไม่รู้หรอกว่ากูเก็บกุญแจสำรองไว้ในนี้ หึหึหึ” พี่ทองเดินไปยังตู้เก็บกุญแจที่มีเรียงรายกันอยู่หลายดอก เขาคงจะไม่ขับจริงๆ นั่นแหละ เพราะหอพักของเขาก็ไม่ได้มีที่เก็บเว่อๆ อย่างนี้ เห็นท่าทางแล้วคงไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ลูซี่ตากแดดตากลมอยู่ที่ลานจอดรถโล่งๆ ของหอพักของเขาเป็นแน่
กว่าพี่ทองจะเลือกได้ว่าจะขับคันไหนไปก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็ได้รถของเตี่ยคันหนึ่งมาขับ เขาบอกว่าเขาปั๊มกุญแจรถของเตี่ยเก็บไว้เกือบทั้งหมด ซึ่งเตี่ยไม่รู้เรื่องนี้ แต่ม๊าน่ะไม่แน่ เพราะโรงจอดรถที่เขาใช้เก็บลูซี่และกุญแจรถคันอื่น มีแค่ม๊ากับเขาเท่านั้นที่เข้าออกได้
เรามาถึงหอกันเกือบตีหนึ่ง ถึงห้องผมก็รีบเตรียมเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำทันที บอกตามตรงว่าทั้งเหนื่อยทั้งง่วง อยากนอนมาก สู้ชีวิตมาทั้งวันแล้วขอผมได้พักบ้างเถอะครับ
อาบน้ำเสร็จ ผมก็มานั่งทาครีมอยู่หน้ากระจก ในขณะที่พี่ทองฮัมเพลงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมทาครีมตัวสุดท้ายลงบนผิวหน้า พี่ทองก็ออกจากห้องน้ำมาพอดี ตัวยังเปียกๆ อยู่เลย แต่ก็มายืนอยู่ข้างหลังแล้วเอาหน้าท้องมาแนบกับหลังผมจนเสื้อนอนเปียกตามไปด้วย
“มอง มอง มองเข้าไป หล่อมากใช่ไหม ผู้ชายของมึงน่ะ ^^”
‘หลงตัวเอง’
“ว่าไร มองกลับด้านมันงงนะ” พี่ทองอมยิ้ม เขาสบตากับผมในกระจกแล้วย่อตัวลงมา วางคางลงบนไหล่ “บอกว่าหล่อมากหรือเปล่า หึหึ”
ผมส่ายหน้า แต่ก็โดนพี่ทองกัดแก้มไปหนึ่งที “หมั่นเขี้ยว”
‘ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้ว’
ผมหันไปใช้ภาษามือกับพี่ทอง แต่เขาก็ยังยืนเฉย ผมก็เลยต้องเดินไปหาผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเช็ดตัวให้เขาแทน เพราะขืนปล่อยไว้นานๆ เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี
พี่ทองยืนนิ่งๆ ให้ผมเช็ดตัวให้ แต่แววตาที่มองมามันไม่ได้นิ่งด้วยเลย กลับกำลังสำรวจไปทั่ว ผมจึงพยายามไม่สบตากับเขา
“คิดถึงว่ะ คิดถึงมาก ทำยังไงถึงจะได้อยู่ด้วยกันมากกว่านี้”
ผมคลี่ยิ้ม พาดผ้าเช็ดตัวกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะยกแขนโอบรอบคอของพี่ทองไว้
“บอกวิธีหน่อยสิชงโค”
รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเราลดลงเรื่อยๆ ผมยังคงมองสบตาพี่ทองโดยไม่เบือนหลบ แม้ริมฝีปากที่แนบลงมากับริมฝีปากของผมจะร้อนแรงแค่ไหน...แต่ผมก็ละสายตาไปจากเขาไม่ได้
ที่จริง...ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่า ระหว่างความรักกับความหลงใหล อย่างไหนมันมากกว่ากัน ผมรู้แค่ว่าผมต้องการเขา ต้องการให้เขาสัมผัสผมให้มากกว่านี้...ต้องการให้เขาเข้ามาใกล้ให้มากกว่านี้ มันเป็นความน่าอายที่ยากจะยอมรับ ...ผมชอบที่เขาจูบ ชอบที่เขากอด ชอบที่ปลายนิ้วของเขาสำรวจไปทั่วทั้งตัว
“ให้รึเปล่า”
เสียงกระซิบถามแผ่วเบา ผมเอียงคอมอง อมยิ้มกับสีหน้าออดอ้อนของเขา ก่อนจะพยักหน้าแล้วครั้งนี้ผมก็เป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาก่อน พี่ทองทำตาโตนิดๆ งับริมฝีปากของผมเบาๆ แล้วผละริมฝีปากออกห่างเพียงเล็กน้อย
“ไม่กลัวเข็มแล้วเหรอ ถึงยอมให้ฉีดยา”
กลัว...แต่ก็...อยากลอง
..................................To be continue.........................................
ขอโทษค่ะ เพิ่งตื่นค่ะ T_T ขอโทษอีกทีค่ะ ย้ายออฟฟิศ ขนของกันจนเหนื่อย แทบสลบเลยค่ะ อยากกรีดร้อง
ขอบคุณที่ยังรอนะคะ ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ
http://ask.fm/TCHONG_Kปล. ตอนหน้ารู้ค่ะว่านางจะรอดไหม

เรื่อยๆ ไปอีกนิด
