ตอนที่ 18“สงสารแต่ลูก ต้องมาคร่ำครวญร้องไห้ ลูกเอ๋ยแม่จากเจ้าไปพ่อยังเลี้ยงได้นะลูกยา ถึงแม้พ่อมียศจ่าโท สองบั้งไม่ใหญ่ไม่โต เจ้าไม่ต้องกลัวน้อยหน้า พ่อจะส่งเสียให้เจ้าได้รับการศึกษา ต่อไปในภายภาคหน้า เจ้าจะได้มีวิชาติดตัว”
มอออออออ มอออออออออออออ มอออออออออออ มออออออออออออออออ
ก็ว่าแล้วเชียวว่าจ่าที่ไหนมาแหกปากร้องเพลงเสียงดังอยู่หน้าบ้านของผม
พี่ทองในชุดนักศึกษามีเสื้อกาวน์พาดบ่า กำลังพยายามทัดดอกชงโคไว้ที่หูของเดซี่ ปากที่ซ่อนอยู่หลังผ้าปิดจมูกก็เปล่งเสียงร้องเพลงกล่อมลูกสาวของเขาไปด้วย
“แม่หนูน่ะใจร้าย ไปรับของจากผู้ชายแปลกหน้ามา ทั้งๆ ที่มีพ่อกับหนูอยู่แล้ว ก็ยังจะไปทำความรู้จักกับคนอื่น นี่เดซี่ พ่อไม่หล่อเลยเหรอ ทำไมแม่ถึงไม่ยอมรับรักพ่อสักทีล่ะหือ”
ผมกำลังแปลกใจตัวเองที่ในหลายๆ ครั้งแอบคิดว่าพี่ทองก็มีมุมหล่อเท่เหมือนอย่างคนอื่นเขาบ้าง ทั้งๆ ที่มีไม่กี่คนบนโลกนี้หรอกที่เอาแก้มไปถูกับแก้มของวัวแล้วก็พูดด้วยเป็นวรรคเป็นเวร
“แก้มนุ่มไม่เปลี่ยนเลยน้า วันนี้พ่อเห็นหนูโดนจีบด้วย อย่าเชียวนะลูก อายุยังน้อยอย่าไปยุ่งกับตัวผู้ ไว้โตกว่านี้พ่อจะหาพ่อพันธุ์ดีๆ ขนงามๆ มาให้นะ”
ยืนกอดอกมองพี่ทองอยู่ห่างๆ เพื่อรอดูว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกออเซาะเดซี่สักที แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังคุยงุ้งงิ้งกับเดซี่ที่เอาแต่ร้องมอๆ อยู่อย่างนั้น ผมเห็นว่าถ้าไม่เข้าไปขัดจังหวะเขาก็คงจะเพ้อเจ้ออยู่อย่างนี้ทั้งคืน ก็เลยเดินเข้าไปสะกิดไหล่เขาแรงๆ เพื่อเรียกสติที่หลุดลอยหายไปของเขาให้กลับมา
“อ้าว” ยังจะมาอ้งมาอ้าวอีก
‘มาแล้วทำไมไม่รีบขึ้นบ้าน’
“ก็เจ้าบ้านยังไม่ได้เชิญ” ไปกินอะไรเข้าถึงได้ทำตัวมีมารยาทขึ้นมา แต่ผมว่าพี่ทองก็แค่อยากจะกวนตีนผมเท่านั้นแหละ เพราะพอพูดจบเขาก็จูงเดซี่ไปใต้ถุนบ้าน ล่ามเชือกไว้กับเสาต้นหนึ่งแล้วเดินเฉิดฉายขึ้นบันไดไปโดยไม่รอผมเลย
“ไหนเค้ก” พี่ทองหันมองซ้ายมองขวาไปทั่วห้องรับแขก ในขณะที่ผมอยากโดดเตะก้านคอซะจริงๆ มาหาของกินในห้องอย่างนี้จะเจอเหรอ ผมก็เอาไปแช่ตู้เย็นไว้ในห้องครัวบ้างเหอะครับ -*-
‘ไปอาบน้ำก่อนไป เค้กอยู่ในตู้เย็น เดี๋ยวผมไปเอามาให้’
“ยังไม่ได้กินไปจริงๆ เหรอ น่ารักว่ะ ^^”
‘ผมไม่ชอบของหวานๆ’
พี่ทองยิ้มกว้าง โน้มหน้าเข้ามาใกล้แต่ผมก็ถอยห่างซะก่อน จะเอาหน้าที่เพิ่งไปแนบกับแก้มของเดซี่มาถูกแก้มผมไม่ได้หรอกนะ ผมรู้ว่าเดซี่น่ะสะอาด แต่วันนี้ก็ไปผจญกับเชื้อโรคกันมาทั้งวัน แล้วใครล่ะจะอยากให้เข้าใกล้ -*-
‘ไปอาบน้ำไป’
“เจอไอ้เดือนกิ๊กก๊อกนั่นไม่เท่าไหร่ ก็เปลี่ยนใจเป็นอื่น” เอ้า ผู้ชายอย่างผมนี่ยังต้องมีประเด็นนอกใจเพราะผู้ชายคนอื่นด้วยเหรอเนี่ย หลินเขาไม่ได้หล่อถึงขนาดจะเปลี่ยนผู้ชายแท้ๆ อย่างผมให้เป็นสาวน้อยไปได้หรอกนะ
คงมีแต่คนบ้าๆ แนวๆ อย่างพี่เท่านั้นแหละที่ทำได้
‘จะเปลี่ยนใจได้ยังไง ใจผมยังไม่เคยให้ใครเลย จนถึงตอนนี้มันก็ยังอยู่กับผม...พี่อย่ามางี่เง่าไม่เข้าเรื่อง’
“เออ กูมันงี่เง่า”
พี่ทองหน้าบึ้งมาก เขามองหน้าผมอย่างโกรธๆ ก่อนจะเดินตึงตังลงบันไดไป
เอ้า! ดันเป็นเรื่องขึ้นมาอีก =_=;
“กลับกันเถอะลูก จะได้พาพี่จุ๊บแจงกลับบ้านด้วยนะ พ่อทิ้งพี่เขาไว้ที่หน้าปากซอย รู้สึกเป็นห่วง”
ผมตามลงมาทันพอดี พี่ทองกำลังจูงเดซี่ไปที่ประตูรั้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปหา จับแขนเขาไว้ แต่พี่ทองก็ทำเพียงแค่มองมานิ่งๆ
‘ดึกแล้ว ขับกลับบ้านก็ไม่ได้นอนพอดี’
พี่ทองเวลากำลังโกรธนี่จะทำหน้ามึนๆ ไม่เข้าใจภาษามือที่ผมกำลังใช้อยู่เลย
‘ผมขอโทษ’
“...”
‘เดซี่ก็ไม่อยากกลับหรอก’
พี่ทองค่อยๆ คลี่ยิ้ม แต่พอเห็นว่าผมมองอยู่ก็รีบตีหน้าบึ้งเหมือนเดิม
“เห็นแก่เดซี่ จะยอมอยู่ต่อก็ได้”
แหม ผมก้มกราบในความกรุณาของเขาดีไหมครับเนี่ย
ท่าทางสบายๆ ชิวๆ กลับมาสิงสถิตย์ร่างของพี่ทองอีกครั้ง เขาพาเดซี่ไปล่ามไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินมาหาผมที่ยืนรออยู่
‘ทำไมไม่เอาจุ๊บแจงมาด้วย รถเก่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครขโมยไปนะ แถมยังชอบเสียบกุญแจคาไว้อีก’
“ก็คิดว่าเดี๋ยวจะกลับไปเอา พาเดซี่เดินออกกำลังกายก่อน”
‘ใช้งานจุ๊บแจงตลอด แต่ความใส่ใจนี่ไม่ได้มีเท่าที่ให้กับเดซี่เลย’
“ใส่ใจเหมือนกันเหอะ แต่ไม่ค่อยแสดงออก”
ขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว คอยดูเถอะ ถ้าจุ๊บแจงหายไป คนที่จะเสียใจคนแรกน่ะก็คงไม่พ้นพี่ทอง -*-
ผมเดินออกมาเป็นเพื่อนพี่ทองเพื่อไปเอาจุ๊บแจงมาจอดไว้ในบ้านให้เรียบร้อย สองข้างทางก็ยังคงเปลี่ยวและวังเวงเหมือนเดิม ไฟถนนสองต้นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนไม่มีแสงยังไง มาวันนี้ก็ยังไม่มีอยู่อย่างนั้น เจ้าหน้าที่คงขี้เกียจมาเปลี่ยนแล้วเพราะหลอดไฟที่มาเปลี่ยนใหม่ไม่เคยใช้งานได้เกินอาทิตย์เลยสักครั้ง เด็กเกเรซอยข้างๆ มักจะพากันมาทดลองฝีมือตัวเองเสมอ วันดีคืนดีก็มาจับกลุ่มกันสูบบุหรี่อยู่ที่ตู้โทรศัพท์บ้าง เมื่อก่อนถ้ากลับจากโรงเรียนมาดึกๆ ก็เจอครับ โดนพวกมันไถตังค์ไปก็บ่อย ขาประจำที่นำขบวนการกลุ่มเด็กแว๊นก็พวกไอ้แบ็คที่เดี๋ยวนี้มันไปเรียนช่างกลระดับ ปวส. ที่โรงเรียนเทคนิคใกล้ๆ คงไประรานแถวอื่นอยู่ล่ะมั้งครับ ช่วงนี้เลยไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย แต่ไม่ใช่ว่าผมคิดถึงมันหรอกนะ แค่ว่าเห็นถังขยะเทศบาลข้างทางแล้วพาลให้นึกถึงหน้ามันขึ้นมา
“แล้วไอ้เดือนกิ๊กก๊อกนั่นมันหล่อมากไหม” พี่ทองที่เดินสบายๆ แขนคล้องอยู่ที่ต้นคอของผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
‘ไม่รู้ ผมมองผู้ชายไม่เป็น’
“แต่มึงเคยบอกว่าไอ้โปรดหล่อกว่ากู”
‘ก็นั่นเขาหล่อจริงๆ พี่ไม่คิดว่าเขาหล่อหรือไง’
“ทำไมกูต้องไปคิดว่าคนอื่นหล่อกว่าตัวเองด้วยล่ะ ไร้สาระ”
=_= พี่นั่นแหละที่ไร้สาระ มั่นใจมากขนาดนี้สินะถึงได้กล้าแต่งหญิงไปเต้นโชว์ความสามารถเหมือนเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีให้กรรมการดูตอนคัดเลือกรอบสุดท้าย แมวไม่ได้บอกผมหรอกครับเรื่องนี้ เพราะข่าวที่แมวได้มาน่ะ พี่ทองคำเอกนั้นแสนจะหล่อเริด นอกจากธีมหนุ่มบ้านไร่กับวัวคู่ใจแล้ว ก็ไม่มีใครพูดถึงการแสดงอื่นอีก เพราะผู้หญิงแต่ละคนก็คงกล่อมให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นแค่ความฝันนั่นแหละครับ ที่ผมรู้น่ะ พี่บีทเล่าให้ฟังต่างหาก
ปึง! โครม! โป๊กกกก! ปึง! ปึง!
เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ต้นเสียงคงมาจากกลุ่มคนที่กำลังใช้ไม้ทุบตี...จุ๊บแจง! เฮ้ยยย! จุ๊บแจง!!!
“ไม่...ไม่นะ! ไม่! ไอ้พวกเวร! พวกมึงทำอะไรวะ!!!” พี่ทองรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่ได้ดูเลยว่าอีกกลุ่มเป็นพวกมีอาวุธครบมือ ทั้งท่อนไม้ท่อนเหล็ก พกกันมาเหมือนจะเตรียมทุบบ้านคนสักหลัง และสามคนในกลุ่มพวกมันผมก็จำได้ดี ไอ้แบ็คกับลูกสมุนซ้ายขวา มันดูหน้าแก่มากเมื่ออยู่ในชุดเสื้อช็อปของเด็กช่าง
“ฮายยย พี่ชายยย จำพวกผมได้ไหมคร้าบบบบ” ผมอยากจะบอกไอ้แบ็คว่าหน้าตาเอกลักษณ์อย่างมันคงไม่มีใครลืมลง เสียแต่ว่าจะสับสนระหว่างคนหรือหมาพันธุ์ปั๊กก็เท่านั้น
“มึง...” พี่ทองคงโกรธมาก เขาตัวสั่น พูดแทบไม่ออก เลือดเข้าตาขนาดนี้เขาคงไม่สนว่าอีกฝ่ายมีห้าคนแถมแต่ละคนนี่ก็เด็กนักเลงหัวไม้กันทั้งนั้น
“จะมาโกรธพวกกูไม่ได้นะเว้ย ก็อีแก่นี่มาจอดขวางทางเอง ช่วยไม่ได้” ไอ้แบ็คลอยหน้าลอยตาพูด มันชะล่าใจเกินไปถึงโดนพี่ทองซัดด้วยหมัดหนักๆ จนล้มกลิ้ง ท่อนเหล็กในมือกระเด็นหลุด พี่ทองก้าวยาวๆ เข้าไป ก้มลงหยิบท่อนเหล็กขึ้นมา
“ลูกพี่!!” ไอ้จินกับไอ้แจมตะโกนขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะรีบฉุดแขนไอ้แบ็คให้ลุกขึ้น รอดจากท่อนเหล็กของตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในมือของพี่ทองไปอย่างหวุดหวิด
“มา...เรียงหน้ากันเข้ามา กูจะฟาดให้รู้ถึงความเจ็บปวดของลูกสาวคนโตของกู”
นักเลงหัวไม้หน้าละอ่อนที่เหมือนเพิ่งริลองจับดาบจับปืนหน้าหดกันเป็นแถว ศึกนี้คงเพิ่งเป็นศึกแรกเลยดูท่าทางตื่นสนาม ในขณะที่ไอ้แบ็คเริ่มลนลานมองลูกน้องคนนั้นทีคนนี้ที มันคงจำได้ว่าไอ้บ้าที่กำลังจะเอาท่อนเหล็กฟาดมันนี่ครั้งหนึ่งเคยถือปืนขู่จะยิงมันมาก่อน
ผลัวะ!
ผมขยับถอยหลังเมื่อทุกอย่างเริ่มชุลมุน ไม่อยากโดนลูกหลงสักเท่าไหร่ แต่เห็นพี่ทองกำลังจะโดนรุมแล้วก็อดไม่เข้าไปยุ่งไม่ได้
ปึก!
ผมถีบเข้าไปกลางหลังของไอ้แจมที่กำลังจะยกไม้ฟาดหัวพี่ทอง มันล้มลงไปกองกับพื้น แต่พอหันกลับมาแล้วรู้ว่าใครเป็นคนถีบก็แสยะยิ้มแล้วพยายามจะลุกขึ้นมาโต้ตอบ แต่ผมก็ถีบเข้าที่หน้ามันอีกครั้งทันที ผมน่ะ...ปกติไม่ชอบมีเรื่องกับใครหรอกนะ ไม่เคยอยากสู้เพื่อตัวเองสักที แต่ถ้ามีคนจะมาทำร้ายคนที่ผมรัก...ผมบอกเลยนะว่าผมสู้ตาย ผมไม่อยากต้องเสียใครไปโดยที่ตัวเองได้แต่ยืนมองอีกแล้ว
ปึก!
เกือบกัดลิ้นตัวเองเพราะตกใจ มีใครสักคนถีบเข้าที่เอวของผม ก่อนคนๆ นั้นจะโดนพี่ทองซัดจนหมอบไป
“เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหน เจ็บตรงไหน” พี่ทองลนลานมาก เขาเข้ามาถาม จับใบหน้าผมไว้ด้วยมือที่สั่นเทา
เสียงโอดโอยจากพวกไอ้แบ็คดังแผ่วๆ พวกมันแต่ละคนนอนกระจัดกระจาย บางคนพยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้น ในขณะที่สภาพของพี่ทองก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่เลย เขาหัวแตกอีกแล้วทั้งๆ ที่แผลเดิมเพิ่งจะถูกตัดไหมไป
“ทำไมไม่กลับบ้าน...มายุ่งด้วยทำไม เด็กบ้า” พี่ทองกำลังปัดรอยรองเท้าออกจากเสื้อให้ ผมรู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่มาก และอีกไม่นานคงเป็นรอยช้ำน่าเกลียด
“อย่าทำผมเลยครับลูกพี่ ผมกลัวแล้ว” ไอ้แบ็คร้องโอดครวญ ดวงตายังปิดสนิท มันคงกำลังมโนภาพว่าพี่ทองไม่หยุดทุบมัน
“ไสหัวไปไกลๆ ตีนกูเลยนะ ถ้าโผล่มาสร้างความเดือดร้อนที่ซอยนี้อีก คราวหน้ากูยิงหัวมึงทิ้งแน่” อย่าบอกนะว่าพี่จะไปขโมยปืนของอากงมาอีก -_-
“กราบขอโทษษษษ พวกผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ ยกโทษให้ผมด้วยยยย” ไอ้แจมคลานเข่าเข้ามาก่อนจะกราบท่าเบญจางคประดิษฐ์อย่างสวยงามลงกับพื้น ในขณะที่พี่ทองรีบกระโดดหลบทันที
“เฮ้ยยยยย มากราบกูทำไมไอ้ห่า กลับไปไหว้พ่อกับแม่มึงที่บ้านนู่น ไปทำตัวเป็นคนดีของสังคมซะ แล้วก็จ่ายค่าซ่อมแซมลูกสาวกูมาด้วย รวมค่าทำขวัญ ตกคนละห้าพัน!”
“นี่ยังจะเอาค่าเสียหายอะไรอีกเหรอ ห้าพันนั่นให้เป็นค่ายาพวกผมไม่ได้รึไง”
“มึงเถียงกูเหรออออ!!”
ไอ้แบ็คหุบปากฉับ ก่อนจะเดินไปช่วยไอ้แจมกับไอ้จินประคองลูกน้องหน้าละอ่อนสองคนของพวกมันขึ้นมา
“ไม่มีเงินอ่ะ เฮ้ย! ไอ้ชงโค เอาเงินมาแบ่ง...”
“อย่ามายุ่งกับเด็กกูไอ้สัด!”
“คะ...แค่ล้อเล่น ก็ไม่ได้เจอเพื่อนเก่าตั้งนาน อยากทักทายเฉยๆ”
ผมไม่เคยนับไอ้แบ็คเป็นเพื่อนนะ ผมเรียนอยู่ห้องกิฟท์ ส่วนมันน่ะอยู่ห้องท้ายๆ โน่น ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันทางอื่นนอกจากจะเจอมันมาขูดรีดเงินนั่นแหละ
“ไปให้พ้นหูพ้นตากูได้ละ แล้วก็อย่าเบี้ยวไม่จ่าย กูมีวิธีตามถึงบ้าน ไป!” พี่ทองยกอาวุธในมือขึ้นขู่ พวกไอ้แบ็คเลยสลายตัวกันไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ของใครของมันแล้วขับออกไป
ผมมองตามไฟท้ายรถ ก่อนจะหันกลับมามองสภาพของจุ๊บแจงที่เห็นแล้วก็อยากจะเรียกไอ้แบ็คกลับมาเพื่อซัดหน้ามันให้ยับอีกครั้งจริงๆ กระจกแตก กระโปรงหน้าบุบ ไฟท้ายกับไฟหน้าก็ไม่เหลือ แบบนี้อาการหนักไม่แพ้พ่อของมันเลย ถึงจะซัดคนอื่นเอาซัดคนอื่นเอา ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่โดนอะไร หัวแตก หน้าเยิน แถมไม่รู้ว่ามีกระดูกส่วนไหนหักอีกรึเปล่า ให้กลับบ้านไปสภาพนี้ได้โดนม๊าจับขังลืมแน่ๆ
‘ไปโรงพยาบาลกันนะ ผมพาไป’
“อืม เอาจุ๊บแจงไปไว้ที่บ้านก่อน มึงไปนั่งที่กระบะนะ ข้างหน้าคงมีแต่เศษกระจก”
พี่ทองคงเสียใจมากแน่ๆ ถึงได้ดูซึมๆ ลงไปมากขนาดนี้ ผมควรจะทำยังไงดีนะ...ในตอนที่เขากำลังเศร้าอย่างนี้ ผมควรจะทำยังไงดี...
พวกเราเอาจุ๊บแจงมาเก็บที่โรงจอดรถของบ้านผมเป็นที่เรียบร้อย ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้พี่ทองใช้ห้ามเลือด ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปเอากุญแจรถ กระเป๋าตังค์ ไม่ลืมหยิบเสื้อคลุมแขนยาวมาสวมทับเสื้อนอนที่ตอนนี้ก็ยังคงเปื้อนรอยรองเท้า
ระหว่างที่ขับรถพาพี่ทองมาโรงพยาบาล เขาก็นั่งเงียบตลอดทาง ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจเป็นพักๆ เขานั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง มือข้างหนึ่งก็ใช้กดผ้าเพื่อห้ามเลือดจากบาดแผลไว้
ผมพาพี่ทองมาที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ เขาถูกเย็บไปสิบกว่าเข็ม มากกว่าครั้งที่ผมใช้ไม้เบสบอลตีเขามาก เฮ้อ...หัวโดนตีบ่อยๆ แบบนี้ ติ๊งต๊องขึ้นมาเตี่ยกับม๊าคงลำบาก -_-
รับยาแล้วก็ไปชำระเงิน อยากจะตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกซี่ไหนหักอยู่เหมือนกัน แต่พี่ทองยืนยันว่าเขาไม่เป็นไรและอยากกลับบ้านแล้ว ผมก็เลยไม่ได้คะยั้นคะยออะไรอีก เรากลับมาถึงบ้านเกือบๆ ตีหนึ่ง คราวนี้ไม่ต้องไล่ไปอาบน้ำ พี่ทองก็ไปเองโดยไม่มีอิดออด ผมคิดว่าเขาควรมีอะไรกินรองท้องสักหน่อยก่อนกินยาก็เลยเดินมาหยิบเค้กจากในตู้เย็นมาให้ ไม่นานพี่ทองก็ออกมาจากห้องน้ำ ผมจึงรีบนำเสนอเค้กชิ้นใหญ่ที่ได้รับมาจากหลิน พี่ทองมองพลางขมวดคิ้วยุ่ง
“ไม่กินได้ไหม จะนอนแล้ว” ผมล่ะไม่ชอบเลยเวลาที่เขาทำท่าซึมๆ แบบนี้ มันทำให้ผมพลอยไม่สบายใจไปด้วย
ผมวางจานเค้กลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนจะดึงพี่ทองให้นั่งลง
‘กินรองทองสักนิดก็ได้ จะได้กินยา’
“อือ” เขาว่าง่าย นั่งตักเค้กเข้าปากคำเล็กๆ ในขณะที่ผมก็ลุกมาหายาหม่องเพื่อเอามาทารอยช้ำตามตัวให้เขา เพราะผมเพิ่งทาที่เอวของตัวเองไปเหมือนกัน
“อิ่มแล้ว”
‘งั้นก็กินยา’
ผมนั่งทายาหม่องให้พี่ทองจนครบทุกจุดที่มีรอยช้ำ คิดว่าครบนะ เพราะสำรวจทั่วแล้วไม่มีตรงไหนอีก
‘ปวดหัวไหม คืนนี้ผมนอนโซฟาก็ได้นะ กลัวนอนแล้วมือไปฟาดโดนหัวพี่’
“ไม่โดนหรอก...”
‘อาจจะโดนก็ได้ พี่ก็รู้ว่าผมนอนดิ้น’
“ถ้ากอดไว้ก็ดิ้นไม่ได้แล้ว”
พี่ทองคลี่ยิ้มนิดๆ แต่เพียงไม่นานก็กลับไปซึมต่อ
‘จุ๊บแจงไม่เป็นไรหรอก ช่างที่อู่ของเตี่ยซ่อมได้อยู่แล้ว’
“แต่ก็คงไม่เหมือนเดิม" พี่ทองพูดเสียงแผ่วเบา เขามองหน้าผมแล้วเริ่มพูดต่อ "จุ๊บแจงเป็นรถคันแรกที่อากงเก็บตังค์ซื้อได้ ตอนนั้นยังเป็นแค่สิบตำรวจเงินเดือนน้อยที่ริอ่านไปรักกับลูกเจ้าของร้านทอง อากงน่ะพาอาม่านั่งจุ๊บแจงไปเที่ยวตลอด แล้วก็เป็นรถที่พาอาม่าหนีมาด้วย มันเป็นของสำคัญนะ เพราะฉะนั้นกูถึงอยากให้มันคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่ครอบครัวเรายังไม่มีเงินมากพอที่จะซ่อมมัน อาม่าก็รักจุ๊บแจง แต่ก็ยังไว้ใจให้กูดูแล แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับมัน...ทุกอย่างมันเพราะกูทั้งนั้นอ่ะ”
พี่ทองกำลังเสียใจมาก ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรักรถคันเก่าๆ อย่างจุ๊บแจงมากขนาดนี้...นั่นเพราะเขารักอาม่า รักอากงของเขา รักในสิ่งที่พวกท่านรักและให้ความสำคัญกับมัน บางครั้งอาจจะละเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้วเขาจะไม่รู้สึกอะไร
‘ต่อไปพี่ก็ต้องดูแลจุ๊บแจงให้ดีนะ หรือไม่ว่าจะเป็นอะไร มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ในเมื่อพี่รักและให้ความสำคัญกับมันแล้ว พี่ก็อย่าละเลยแบบนี้อีก มันไม่ได้มีความโชคดีอยู่บนโลกนี้เสมอไป แล้วเห็นไหม...ครั้งนี้มันโชคร้าย’
“จะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ไม่ว่าจะกับเดซี่ จุ๊บแจง หรือทุกๆ อย่างที่สำคัญกับกู รวมทั้งมึงด้วย ชงโค...กูจะไม่ละเลยเด็ดขาด...”
ผมยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบแก้มของพี่ทองเบาๆ เขาเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือของผม ก่อนจะจูบลงตรงกลางฝ่ามือ
“เหม็นยาหม่อง โอยย แสบตา ชงโค เมื่อกี้ไปล้างมือมารึยัง”
เอ่อ ขอโทษครับพี่ ผมลืมล้าง แถมยังเอามือที่ใช้ทายาหม่องให้เขาเมื่อกี้ไปลูบแก้มเขาอีก อยากก้มกราบแนบอกจริงๆ แฮ่ๆ ผิดไปแล้วจ้า T_T
“แสบตาอ่ะ ชงโค มึงอยู่ไหน หาอะไรมาเช็ดให้หน่อยเด้!” พี่ทองหลับตาร้องโวยวาย มีน้ำตาไหลซึมออกจากทางหางตาด้วย ผมเลยรีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เขา
“โอ้ น้ำตาลูกผู้ชายที่รินไหล T_T” ไหลเพราะยาหม่องนี่อย่าเพิ่งมาทำหน้าดราม่าใส่ผมได้ป่ะ มันไม่อิน -*-
“เธอทำให้ฉันร้องไห้” พี่ทองยังคงตัดพ้อ ผมเลยออกแรงเช็ดหน้าเขาให้แรงขึ้นอีก
“จะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ เจ็บอ่ะ ทำเบาๆ หน่อยสิ”
ขี้โวยวายจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าทำหน้าซึมแบบเมื่อกี้หลายเท่า
‘แล้วเค้กอร่อยไหม’
พี่ทองเหลือบตาแดงๆ มามองผม แล้วเบะปากนิดๆ
“พอกินได้ แต่กูรู้จักร้านที่อร่อยกว่านี้อีก วันเสาร์จะพาไปกินนะ”
‘เสาร์นี้ไม่ว่าง พี่รหัสนัดไปเลี้ยงสาย’
“ไม่ว่างอีกแล้ว! เคยมีเวลาให้กันบ้างไหมหือออออ”
‘พี่ก็แค่อยากหาเรื่องว่าผม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ต้องไปที่โรงพยาบาล อย่ามาเยอะ’
“รู้ตารางชีวิตดีแบบนี้ เป็นน้องหรือเป็นเมียครับ ^^”
‘เป็นคนที่ไม่อยากมีผัวอย่างพี่ ชัดไหม’
พี่ทองรวบมือของผมไว้ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิม
“ได้จูบแล้ว ได้กอดแล้ว...แถมยังเกือบได้... แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับกันสักทีล่ะชงโค เพราะคนอื่นหรือเพราะไม่รักจริงๆ กันแน่”
คำถามของพี่ทองแฝงไว้ด้วยความจริงจัง เขายกตัวผมขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัก ความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้นทำให้หัวใจผมเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่อยู่
‘จำเป็นด้วยเหรอที่พี่ต้องรู้ว่าเพราะอะไร อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ไม่ดีหรือไง’
“ไม่ดี...”
‘ทำไม?’
“เพราะเวลามีใครถาม...เราก็เรียกกันว่าแฟนได้ไม่เต็มปาก หึงหวงก็ไม่ได้ กอดจูบก็ไม่ได้ ไม่เห็นจะดี”
‘ขนาดรู้ว่าไม่ได้พี่ก็ยังทำทุกอย่างตามใจตัวเอง’
ผมจูบเบาๆ ลงบนปลายคางของพี่ทอง ก่อนจะพิงหัวลงกับไหล่กว้างๆ ของเขา ในขณะที่พี่ทองก็ยกมือขึ้นโอบรอบเอวของผมไว้
“แล้วทำไมถึงไม่ห้ามล่ะ ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งหึงหวง ถ้าไม่ชอบก็บอกสิ จะได้ไม่ทำ”
ผมกัดไหล่พี่ทองอย่างหมั่นไส้ ก็ไม่ใช่ว่าชอบหรอกเหรอ ผมถึงได้ปล่อยให้ทำอยู่น่ะ
“เด็กบ้าเอ้ย น่ารักเกินไปละ ขอชิมมากกว่าครั้งก่อนได้ไหมนะ”
‘โสดเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากัน...ผมรอให้มาชิมอยู่แล้วล่ะ ^^’
“พอแล้วทูนหัวอย่ายั่วอีกเลย แค่นี้ก็อยากปู้ยี้ปู้ยำจะตายอยู่แล้ว”
ผมหัวเราะให้กับประกายในดวงตาของพี่ทอง มันมีทั้งความต้องการและความออดอ้อน แต่ยังไม่ให้หรอกนะ...ขอผมไปศึกษาวิธีดูก่อน ไม่รู้ว่าจะเจ็บอย่างที่เคยไปไล่อ่านตามเว็บบอร์ดมาหรือเปล่า เห็นบางคนบอกว่าถึงกับฉีกขาดและมีเลือดออกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาด แล้วผมจะไม่แย่เอาเหรอ...ก็ของพี่ทองมัน...
“คืนนี้ใช้ปากให้เฮียได้ไหม... ทำเหมือนอย่างที่เฮียเคยทำให้ชงโค นะ...ทำให้หน่อย”
ผมถึงกับเหวอไปทันทีกับคำขอที่สุดแสนจะน่าอายของพี่ทอง
“กว่าจะมาเจอได้อีกทีก็วันอาทิตย์เลยนะ...ขอกำลังใจทำงานหน่อยไม่ได้เหรอ”
‘แต่ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง’
“แค่เอาเข้าปาก...แล้วใช้ลิ้น”
-///- ทำไมไม่รู้เลยว่าที่ผมพูดไปมันเป็นแค่ข้ออ้าง พี่ไม่ต้องบอกวิธีก็ได้อ่ะ มันไม่จำเป็นเลย...
‘ถ้าผมเผลอกัดล่ะ’
“ไม่เป็นไร...แค่ทำให้ ชงโคจะกัดจะเลีย เฮียไม่ว่าทั้งนั้น เฮียตามใจ...คืนนี้จะให้เป็นของเล่นของชงโคดีไหม”
ผมไม่ได้บอกเลยว่าต้องการของเล่นแบบนี้ แถมมันจะดีจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้... อีกอย่าง...จะเอาเข้าปากหมดรึเปล่าก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่...
.
.
.
‘ชงโคโอโอโอโอโอ!! ทำไมพี่ทองคำเอกถึงถ่ายรูปหน้าตอนหลับของชงโคได้หืออออ พี่ทองของแมวไปค้างด้วยใช่ไหม บอกแมวมาน้า’ แมวไลน์มาหาแต่เช้าเลย แล้วรูปอะไร? ทำไมผมไม่รู้เรื่อง แต่เพราะพี่ทองออกไปตั้งแต่ตอนเช้ามืดแล้ว ผมก็เลยไม่รู้จะถามเขาได้ยังไงเลยให้แมวส่งรูปผ่านมาทางไลน์ให้แทน
แล้วพอเห็นรูปเท่านั้นแหละ ความร้อนก็ไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาบนผิวหน้า ไอ้พี่ทองบ้า! กล้าโพสรูปที่ตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อคู่กับผมที่นอนห่มผ้าเห็นแค่หน้าได้ยังไง ยอดคนฟอลโล่ไอจีของเขามันน้อยซะที่ไหน
‘รีบๆ มาที่มอเลยยยย แมวรอสัมภาษณ์อยู่’
ถ้าผมรู้ว่ารอสัมภาษณ์แล้วจะรีบไปทำไมล่ะ
‘ผมมีเรียนบ่าย ตอนเที่ยงจะไปกินข้าวด้วยละกัน’
‘แต่แมวอยากรู้เรื่องของพี่ทองอ่ะ รูปนี้มีความเป็นมาอย่างไรหรือ พี่ทองคำเอกของแมวตอนนอนน่ารักไหมอ่า’
‘อย่าพิมพ์มาว่าของแมวสิ สงสารโบ’
‘ชงโคหึงเหรอ’
‘ก็บอกว่าสงสารโบ’
‘ชงโคคนปากแข็ง ฮี่ๆ แล้วตกลงพี่ทองตอนนอนเป็นยังไงอ่า ว่างๆ ชงโคถ่ายวิดีโอไว้บ้างดิ ลงโซเชียลแคมก็ได้ เห็นคนกำลังฮิตกันเลย’
‘เวลาส่วนตัวจะเอาให้คนอื่นดูทำไม’
‘นั่นแน่ งั้นไม่ใช่แค่นอนอย่างเดียวเหรอ >///< เขินอ๊า!!’
‘ไปเขินไกลๆ เลย ไม่มีอะไรหรอก แค่ตอนนอนใครจะบ้าถือกล้องอยู่ล่ะ เวลานอนก็ต้องนอนสิ’
ใช่...เวลานอนก็ต้องนอน คำนี้ฝากไปบอกพี่ทองด้วยนะ ครั้งหน้าถ้าทำให้ตาผมเป็นหมีแพนด้าอีกจะกัดให้ขาดเลย -///-
‘ให้นอนจริงๆ เถ๊ออออ'
'ขอให้โบจังมีชู้'
'โอ้ย ไม่เอานะ ไม่แซวแล้วก็ได้'
'ดีแล้ว'
'ชงโคจ๋า โบจังฝากซื้อดินสอ 4H มาสองแท่งน้า ตอนเที่ยงอย่าลืมมากินข้าวด้วยกันล่ะ เดี๋ยวแมวต้องไปเข้าเรียนแล้ว ถ้าชงโคมาถึงก่อนก็มาหาโบจังที่หอสมุดนะ เดี๋ยวโบจังจะไปนอนหลับที่นั่น’
ห้องสมุดสำหรับโบคงมีประโยชน์แค่นั้นสินะ
‘โอเค แล้วเจอกัน’
คุยไลน์กับแมวเสร็จ ผมก็ยกมือถือขึ้นถ่ายรูปข้าวผัดกุนเชียงฝีมือของตัวเอง ตกแต่งหน้าตาให้น่าทานเพื่อล่อใครบางคนที่ตอนนี้คงกำลังวุ่นวายอยู่กับบรรดาสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่อยู่ พอได้ภาพเรียบร้อยก็ส่งไปให้พี่ทองทันที
‘น่ากินไหม’
ไม่กี่วินาทีพี่ทองก็ตอบกลับมาว่า ‘มากกกกกกกกกกกกกก’
‘งั้นก็รีบๆ มาหานะ แล้วจะทำให้กิน’
‘เด็กบ้านี่ยั่วเก่งจริงๆ’
‘ไม่ได้ยั่ว...ก็แค่อยากให้มาหา’
‘รู้ว่าเฮียไม่มีเวลาก็อ้อนใหญ่เลย พออยู่ใกล้ล่ะไม่เห็นว่างี้บ้าง’
‘ก็อยู่ใกล้แล้ว...ไม่จำเป็นแล้วไง’
‘คิดถึงแล้วว่ะ อยากกอด อยากจูบ อยาก...’
‘... ?’
‘อยากให้ทำเหมือนเมื่อวานทุกๆ คืน’
‘ทำไร? เอายาหม่องป้ายตาพี่น่ะเหรอ’
‘ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ อ่า...ต้องไปแล้วล่ะ ไว้จะโทรหานะ ถึงกูไม่ได้ยินเสียงมึง...แต่ให้มึงได้ยินเสียงกูก็ยังดี ดีรึเปล่า’
‘ก็ดีอยู่หรอก แต่จะดีกว่านี้ถ้ารีบๆ มาหา ^^’
‘ก็รู้ว่าไปไม่ได้แล้วยังจะมายั่ว เดี๋ยวเถอะ -*- เจอหน้าโดนดีแน่’
‘แบร่!

’
พี่ทองส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีโกรธ ก่อนจะตามมาด้วยตัวอักษรโอแอลโอที่พอพิมพ์เป็นตัวพิมพ์เล็กแล้วออกมาหยาบคายสิ้นดี ผมเลยส่งสติ๊กเกอร์หมีกระโดดเตะให้ไปหนึ่งตัวแล้วลงมือทานข้าวผัดที่คงเย็นหมดแล้ว
อ่า...เช้านี้อากาศสดใสจริงๆ เลยนะ...ว่าไหมว่าช่วงนี้โลกเราดูน่าอยู่ขึ้นนะครับ...
........................................To be continue.........................................
ขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณอีกที ขอบคุณในความหวังดี ที่มีให้คนที่มืดมัววววววววววววววว ไม่ๆ ไม่มืดมัว กำลังแจ่มใส
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ แฮ่ๆ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ ถ้าพรุ่งนี้เกินสามทุ่มแล้วยังไม่มาก็คือไม่มาแล้วนะคะ เพราะต้องไปทำธุระค่ะ กลัวจะกลับมาไม่ทัน แจ้งไว้ก่อน แต่ถ้าทันก็จะมานะ

***แก้ไขคำผิดครั้งที่ 1
http://ask.fm/TCHONG_K อยากถามให้ถาม