ตอนที่ 25“ หมออิน หมออิน " มือที่เขย่าตัวผมเงยหน้าขึ้นมองคนอีกคน แพรก็ส่งยิ้มมาให้ " เป็นอะไรทำไมมายืนเหม่ออยู่ตรงนี้ เอ้านี่ชุดทำงานค่ะ ไม่เปลี่ยนซะนะ คุณตินฝากมากให้ "
“ ขอบคุณนะ "
“ เป็นอะไร วันนี้มันต้องสดใสร่าเริงไม่ใช่เหรอ ไปนอนบ้านคุณโรมมาเป็นไงบ้าง " สายตาที่อยากรู้ผมเบือนหน้าหนีจากมัน จะพูดว่าอะไรดีในเมื่อทุกอย่างที่มันต้องเซงแบบนี้ก็ทำตัวเองทั้งนั้น ตั้งแต่ตอนนั้นไอ้โรมไม่พูดกับผมเลยครับ ถามคำก็ตอบคำ ส่งอลิซเสร็จมันก็มาส่งผมจบแค่นั้น .. ขี้งอนชิบหายพูดแค่นี้ ทำเป็นโกรธ
“ นี่ แพร "
“ ว่าไง "
“ เปล่า " ผมส่ายหน้าก่อนจะเดินเอาเสื้อผ้าไปใส่ในห้องน้ำ แต่งตัวออกมาด้วยหน้าเซงๆมือที่ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ผมอยากจะกดโทรออกแต่ก็ตัดใจเก็บมันไว้ในกระเป๋าอย่างเดิม
“ วันนี้มีผู้ป่วยพิเศษด้วยนะคะคุณหมอ "
“ หื้ม ? “ หันไปตามสายตาแพรที่เชิดหน้าไปทางเก้าอี้ผู้ป่วยหน้าห้อง ไฟท์อุ้มอลันไว้ มันยิ้มให้ผม " คิวที่เท่าไหร่เหรอ "
“ กลางๆนะคะ "
“ โอเค ผมพร้อมแล้วนะ "
ผมตรวจเด็กคนแล้วคนเล่าจนมาถึงคิวกลาง ไอ้ไฟท์อุ้มอลันเดินยิ้มเข้ามาหาผม มันนั่งลงตรงหน้าแต่เด็กน้อยก็ไม่หันมาหาผมเลยครับ
“ เป็นอะไรครับ อลันให้อาอินตรวจหน่อยนะ "
“ อลันทำไงอาอินก่อน "
“ สวัสดีครับ " เสียงอ่อนๆยกมือไหว้ผม หน้าซีดๆของอลัน ปากแห้งเหมือนจะแตก กับเบ้าตาที่ยุบลงไป
“ อลัน ท้องเสียใช่มั๊ย กินอะไรก็อ้วกออกมาตลอด "
“ มึงรู้ได้ไงว่ะ "
“ เอาอลัน มานี่ " ผมอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานอนบนเตียงเจาะให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือด มันเป็นภาวะขาดเกลือแร่ที่น่าจะมาจากโรคไวรัสลงกระเพาะ " อลันป่วยมากี่วันแล้วไฟท์ "
“ ก็สองวัน "
“ ลูกฉี่บ่อยรึเปล่า "
“ ไม่รู้วะ มันฉี่มันก็ไปฉี่เองไม่ได้บอกกูนี่ " คำตอบของมันผมหันไปมองไอ้ไฟท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ มึงต้องสังเกต ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ อลัน หรืออะเดลก็ตาม เด็กนะเค้าไม่รู้หรอกว่าเค้าเป็นอะไร เค้าไม่ได้สังเกตอาการเล็กๆน้อยๆของเค้า ที่มันเป็นหน้าที่มึง "
“ กูต้องหาเมียสักคนแล้วมั้ง "
“ หาเมียเพื่อให้เค้าเลี้ยงลูกให้มึง ตระกะประหลาด "
“ พ่อหม้ายก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้นละ " พูดแค่นั้นมันนั่งลงข้างเตียง ลูบหัวลูกชายมันก่อนจะหันมามองผม " แล้วกับพ่อหม้ายลูกหนึ่งคนนั้นเป็นยังไงบ้าง เค้าชื่ออะไรนะ "
“ ชื่อโรม "
“ เป็นไงบ้างละ "
“ ก็เพิ่งทะเลาะกัน " บอกมันแค่นั้น ผมเปิดม่านให้มันกับอลันนั่งอยู่ด้านใน
“ อิน "
“ กูจะตรวจเด็กต่อ ให้อลันนอนสักพักเถอะ ร่างกายแกขาดเกลือแร่นะ "
“ งั้นเดี๋ยวค่อยคุย " มันว่าแค่นั้นผมก็เริ่มตรวจเด็กต่อ คนไข้คนแล้วคนเล่าที่ผมตรวจผ่านไปจนได้เวลาพัก เปิดม่านเข้าไปหามันที่นั่งอยู่ข้างๆลูกตัวเอง
“ เป็นไงบ้าง "
“ ก็อย่างที่เห็น " เชิดหน้าไปหาอลัน ผมเดินเข้าไปใกล้มองดูหน้าของหนูน้อยที่เริ่มสีขึ้นมาบ้าง ลูบเหงื่อบนหน้าผากให้ก่อนจะพิงตัวเองกับเก้าอี้ข้างเตียง
“ ไฟท์..”
“ ทะเลาะอะไรกันมาละ "
“ กูปากหมาเอง " ผมยอมรับออกไปแบบนั้นถอนหายใจออกมา ไอ้ไฟท์ก็หัวเราะ
“ เพื่อนกูเคยวิตกตอนทำแฟนโกรธด้วยเหรอวะ ปกติได้ยินมึงพูดแค่ว่า ช่างหัวมันถ้ากูสำคัญเดี๋ยวมันก็ต้องมาง้อ "
“ ก็เหมือนมันจะง้อ " ผมบอกออกไปแบบนั้น ไฟท์ดึงผมมายืนอยู่ตรงหน้าของมัน " มันไม่พูดกับกูเลย ตั้งแต่ที่ทะเลาะกัน "
“ แล้วมึงไปปากหมากับมันเรื่องอะไร "
“ เรื่อง..” อยากจะพูดให้ฟังอยู่หรอกนะแต่ว่าตอนนี้เหมือนน้ำท่วมปากตัวเองไปแล้ว ผมมองหน้าไอ้ไฟท์ลังเลจนต้องกัดปากตัวเอง
“ มีอะไรกันแล้ว อย่างงั้นเหรอ "
“ เอ่อ อื้ม " พยักหน้าให้มันไอ้ไฟท์เงียบไป
“ เร็วนะมึง "
“ เร็วเหี้ยอะไร เมื่อก่อนถูกใจคืนเดียวกูก็ไปนอนด้วยแล้ว " ก้มลงมองหน้ามันไอ้ไฟท์ยกยิ้ม " ยิ้มอะไร "
“ เป็นไงบ้างละ "
“ เจ็บ "
“ หึ อย่าลืมพามันมาแนะนำกับกูละ " เอื้อมมือมาจับมือผมมันกุมมือของผมไว้แบบนั้น แกว่งมือไอ้ไฟท์ไปมา ผมแค่กำลังคิด
“ ไฟท์ จริงเหรอที่มึงพูดว่า พ่อหม้ายส่วนใหญ่ก็หาเมียใหม่เพื่อมาดูแลลูกให้เค้า "
“ อิน ความรักมันไม่ใช่เรื่องของมึงคนเดียวนะ ก็ในเมื่อมึงรักเค้าแล้ว เรื่องของเค้าก็คือเรื่องของมึง เรื่องของมึงก็คือเรื่องของเค้า มันอยู่ที่ว่ามึงนะ รับเรื่องของเค้ามาเป็นเรื่องของมึงได้รึเปล่า เลิกคิดถึงแค่ตัวเองสักทีเถอะ "
“ มึงบอกตัวเองมั๊ย " ผมสวนกลับไอ้ไฟท์เงียบลง
“ เพราะกูรู้ว่ากูเห็นแก่ตัว กูเลยบอกให้มึงไปรักกับคนที่เค้าไม่เห็นแก่ตัวเถอะ กูนะอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ก็กูมันเห็นแก่ตัวนี่ อีกอย่างนะ กูว่าพอมึงรักเค้า เรื่องของลูกเค้า ก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไรหรอก ก็ถ้ามึงรักเค้า มึงก็ต้องรักลูกของเค้าด้วย "
“ ไฟท์กูอยากรู้ "
“ ว่าอะไร "
“ มึงไม่คิดอะไรกับกูจริงๆเหรอ "
“ แล้วมึงไม่รู้เหรอว่ากูคิดอะไรกับมึง " สายตาเราจ้องมองกัน ผมรู้นะว่ามันคิดอะไร เหมือนกับรู้แต่ไม่ยอมรับว่ารู้ ผมรู้ว่าถ้าคบกันมันผมเองต้องไม่มีความสุข เหมือนมีความสุขที่จะอยู่กับโรมมากกว่าเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ หาข้ออ้างต่างๆมายืดเวลา ตอนนี้ก็เหมือนอยากจะรั้งๆมันไว้ ทั้งๆที่ขาก็เดินไปทางไอ้โรมแล้ว แต่พอเหมือนเห็นว่ามันกับวาดสนิทกันเกินไป ก็ไม่ชอบใจขึ้นมาดื้อๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนนึง มันก็เท่านั้น.. กับไฟท์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไฟท์กับโรมคงเป็นของที่ผมซื้อมาในเวลาใกล้เคียงกัน ผมเลือกที่จะใช้โรม และกับไฟท์ที่ไม่ได้ใช้ก็ไม่อยากจะให้ใครทั้งนั้น
“ ก็รู้ใช่มั๊ย " มันถามผมเองก็พยักหน้า " สำหรับเรา เพื่อนกันคงจะดีสุด ในเมื่อทางที่กูเดินกับทางที่มึงเดินมันมาบรรจบกันไม่ได้ แบบนี้ก็ดี เพราะอินที่เป็นเพื่อนกูนะดีที่สุดแล้ว "
“ ทำไมวะ "
“ มึงจะได้ไม่ต้องกังวล ทำหน้าเครียดๆว่าความรู้สึกระหว่างเราคืออะไร มึงกับกูจะเป็นอะไรกันในอนาคต จะคบ หรือจะเลิก ถ้าคบจะดีมั๊ย หรือถ้าเลิกจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า ตอนนี้มึงก็ไม่ได้มีความคิดพวกนี้แล้วใช่มั๊ยละ "
“ ทำไมเราถึงเดินทางเดียวกันไม่ได้นะ..”
“ กูให้ความสุขมึงแบบที่มึงอยากได้ ไม่ได้หรอก เพราะกูไม่ได้กล้าถึงขนาดบอกใครๆได้ว่า เราเป็นอะไรกัน "
“ ทำไมเจอหน้ามึงทีไร ต้องพูดเรื่องนี้ทุกที "
“ งั้นมาพูดเรื่องของมึง ทะเลาะกับเค้าเรื่องอะไรละ ปากหมานะ ไปปากหมาเรื่องอะไร "
“ เมื่อเช้ากูบอกมันไปว่า มีอะไรกันครั้งเดียว กูไม่เอามาผูกมัดหรอก "
“ สมควรจะโดนโกรธ เป็นกู กูจะฟันแล้วทิ้งให้ดู จะได้สมพรปากมึง " ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไอ้ไฟท์ลุกขึ้นขึ้นมาตรงหน้าผม มือที่ยกขึ้นมาขยี้หัวนั้นเหมือนหลายๆครั้งที่มันชอบปลอบตอนเป็นเด็ก ประโยคปลอบใจที่มักขึ้นต้นด้วยคำว่า " ไม่เป็นไรหรอก ก็ไปง้อเค้าสิ "
“ นั่นเหละที่ยาก กูเคยง้อใครที่ไหน "
“ กูไง คนที่มึงเคยง้อ "
“ ก็นั่นมันมึง " พอเป็นไฟท์แล้วอะไรๆก็เหมือนเกรงใจไปซะหมด ผมรักษาน้ำใจไฟท์เสมอ แต่ไม่เคยรักษาน้ำใจคนอื่นเลย ก็หมือนกับไอ้โรมตอนนี้
“ ถ้าเค้าสำคัญก็แค่ไปง้อ.. ง้อคนสำคัญมันไม่ได้ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรอก ก็นั่นมันคนสำคัญของเรานิ จริงมั๊ย "
...............................................
' คนสำคัญ ' ผมทวนประโยคนี้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากจัดการย้ายอลันไปห้องผู้ป่วยเด็ก มือถือที่กำลังถืออยู่ถูกยกขึ้นมากดรหัส ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะกดโทรออกหาอีกคน
“ ครับ " ตอบเสียงทุ้มๆแบบไม่ใช่ตัวมันที่ใช้ทักทายผม " อิน มีอะไร "
“ คือ วันนี้จะให้กูไปรับอลิซให้รึเปล่า "
“ ไม่ต้องหรอก กูจัดการเอง แค่นี้นะกูจะทำงาน " พูดแค่นั้นก่อนจะสายจะถูกตัดไปโดยไม่ให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น มองโทรศัพท์ที่ดับลงผมถอนหายใจออกมา
“ ไอ้คนขี้งอน "
“ มายืนบ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว " เสียงของตินทักผม หันไปมองอีกคนที่ยืนทำหน้าสงสัยอยู่ตรงหน้า " ทำไมมีอะไร "
“ เปล่า "
“ วันนี้ไม่ไปรับลูกรึไง "
“ พ่อมันงอนกูอยู่จะไปรับลูกเค้าได้ไง " พูดออกไปเซงๆ ตินก็หัวเราะ
“ อะไรว่ะ คู่ข้าวใหม่ปลามันแบบมึงมาทะเลาะกันได้ไง หรือว่า.. "
“ หรือว่าอะไร "
" กูว่าที่ทะเลาะกันเพราะเค้าทนไม่ได้กับคำพูดคำจา แบบหมาๆของมึงแน่ๆ "
“ ไม่อยากฟังอะไรจากมึงเลย เงียบไปเลยนะ เงียบไป " เอามือปิดปากมัน ไอ้ตินหัวเราะดังลั่นทางเดิน ผมถอนหายใจเซงๆ ก็ไม่เคยง้อใครเลยครับ ถ้าไม่นับไฟท์ มันก็เป็นคนแรกที่ผมโทรไปหาก่อน
“ ไปง้อซะสิ "
“ กูไปได้ที่ไหนทำงานอยู่ "
“ ก็เห็นเดินร่อนไปร่อนมา " มันเหล่ผมที่ถอนหายใจออกมา
“ มาส่งอลันที่ห้อง อลันเข้าโรงพยาบาล "
“ ลูกไอ้ไฟท์อะนะ " พยักหน้าให้ตินก็หันไปทางห้องที่ผมเดินออกมา " เป็นอะไร "
“ เชื้อไวรัสลงกระเพาะ แต่ตอนนี้อาการคงที่ละ คงนอนที่นี่สักสองสามวัน "
“ งั้นเหรอ ต้องไปดูสักหน่อยละ " มันยกมือขึ้นลูบหัวผม " เลิกงานแล้วก็รีบไปง้อซะละ ทำหน้าหนักใจมากๆเดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นหรอก "
“ นี่ติน เวลาที่มึงทะเลากับพี่ลูกปัดนะ ทำยังไงเค้าถึงหายโกรธมึงเหรอ "
“ ก็แค่พูดในสิ่งที่อยากจะพูดละมั้ง คิดยังไงก็บอกไปแบบนั้น แต่สำหรับมือใหม่.. ก็ยากหน่อยนะ ที่จะง้อ ก็มึงไม่เคยง้อใครเลยนี่ คบกับใครคนนั้นตามมึงต้อยๆตลอด ก็ดี จัดว่าจะได้ดัดสันดานมึงบ้าง "
“ พูดแบบนี้หมายว่าไง กับวาดแล้วหวง กูมันตัวอะไร น้องมึงเหมือนกันนะติน "
“ น้องเหมือนกันแต่สกิลเรื่องผู้ชายนี่ต่างกันเยอะ คนนึงไม่ประสา อีกคนโชกโชนเหลือเกิน "
“ ถ้ากูเป็นแบบวาดก็ได้ขึ้นคานแบบวาดพอดี "
“ แล้วเป็นแบบมึง ทำให้เค้ารักและอยู่กับมึงได้สักคนรึยัง " เบือนหน้าหนีใส่คำพูดตรงๆของติน แต่ก็อย่างที่มันพูดไม่เถียงเลยสักคำ ผมคบผู้ชายมาหลายคน จะแบบเจอกันครั้งแรกแล้วถูกใจ หรือคบนานๆ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็ไม่เคยคบกันได้ตลอดรอดฝั่งสักคน อาจเพราะนิสัยของผม เพราะไม่ว่าใครมันก็ไม่ถูกใจ หรือเพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ก็ไม่รู้
สองชั่วโมงสุดท้ายของการทำงาน เลทไปนิดหน่อยเพราะติดคนไข้กลุ่มสุดท้ายกับเครสด่วนที่เข้ามา ผมออกจากโรงพยาบาลนั่งบีทีเอสมาลงที่อโศกเพราะรถของผมเมื่อวานแม่ก็ขับไปไว้ที่บ้านแล้ว
“ สวัสดีครับ " ผลักประตูเข้าไปลมเย็นของห้องทำงานที่เงียบสงบปะทะเข้ากับหน้าของผม คนสามคนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง ไอ้พุธเหลือบมองไอ้ปัน ก่อนทั้งสองคนจะเหลือบมองไอ้ฮิม
“ พี่อิน สวัสดีครับ "
“ เอ่อ.. กูซื้อขนมมาฝากด้วยนะ " ชูถุงขนมให้พวกมันผมตั้งไว้บนโต๊ะ " เป็นอะไรกันวะ ทำไมดูพวกมึงเครียด "
“ ขนมมาแล้ว กำลังโหยหาเลย " ไอ้พุธไอ้ปันวิ่งเข้ามามันเปิดถุงขนมของผม
“ เป็นอะไรกันวะ ทำไมพวกมึงดูแปลกๆ "
“ ก็เฮียดิพี่อิน ไม่รู้เป็นไร อารมณ์เสียทั้งวันเลย พูดกันก็ไม่ได้ ไปกินข้าวกลับมาสายสองนาทีก็ด่า ด่าแรงด้วย เหมือนพ่อผมไปเหยีบยตาปลาพี่แก ไม่รู้ไปโกรธใครมา " ไอ้ปันว่าอีกคนก็เสริม
“ แล้วพอพูดถึงพี่อินก็โดนด่าด้วย บอกว่าให้เงียบปากไปเลย " มันหยิบขนมให้ถุง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกมา " ขอโทษครับ "
“ แต่จริงๆก็ทะเลาะกันนิดหน่อย "
“ รีบเคลียร์เลยพวกผมเดือดร้อนขั้นสุดจริงๆ ขนาดพี่ฮิมยังโดน เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงก็ประชุมแล้ว ถ้าเฮียยังเป็นแบบนี้อยู่ เฮียเอาผมตายแน่ๆถ้าผมไม่มีความคิดเห็นอะไร " เสียงบ่นโหยหวนของมันไม่ได้ทำให้ผมสงสารแต่ทำให้ผมกลัวซะมากกว่า
“ มึงก็แค่เสมอความคิดเห็นมันจะยากอะไรวะ ปกติกูเห็นพูดมาก " ไอ้ฮิมว่าไอ้พุธที่หน้าหงอยลง
“ ก็เวลาเฮียโกรธ ผมแม่งชอบพูดไม่ออกทุกทีเลย "
“ นี่พวกมึง " เสียงที่ดังออกมาจากห้องทำงานที่ถูกเปิดออกมา คนที่ก้มหน้าอ่านแฟ้มพับมันลงทันทีตอนที่เห็นหน้าผม มันมองเลยไปที่ไอ้พุธไอ้ปันที่ยืนอยู่ข้างๆ " นี่มันใช่เวลาพักของมึงเหรอ ถึงมายืนกินขนมกันนะ "
“ ไม่ใช่ครับ "
“ ไม่ใช่ครับแล้วปากมึงแดกอะไรอยู่ "
“ ขนม " ตอบกันเสียงเศร้าผมหันไปหาไอ้โรมที่ไม่ได้มองมาที่ผมเลย
“ กูเอามาฝากมันเองละ "
“ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลากิน " ก็ยังไม่มองมาที่ผมอยู่ดี หัวหน้างานที่เอาแต่ดุลูกน้องด้วยสายตา ครั้งแรกเหมือนกันที่ผมเห็นมันเป็นแบบนี้ทั้งๆที่ปกติมันจะเป็นคนที่ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ แต่ก็ผมเองที่ทำให้มันหงุดหงิดแบบนี้
“ โรม อยากคุยด้วยหน่อย "
“ ขอโทษนะ แต่ตอนนี้กูไม่ว่างทำงานอยู่ " หันมาพูดกับผมแบบส่งๆเหมือนไม่ใส่ใจ ผมเองที่ไม่เคยง้อใครอยากจะบอกให้มันรู้ว่า ความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดและผมเองก็คงไม่ทนถ้ามันจะเป็นอยู่แบบนี้
“ ไอ้คนขี้งอน!! มึงนะ มันขี้งอน! " ผมตะโกนออกไปดังจนทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันมามอง ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะของไอ้พุธไอ้ปันแต่ตอนนี้ผมเองก็เอาแต่จ้องหน้าไอ้โรมไม่มองไปทางไหน " ใช่ กูพูดแบบนั้นมันฟังแล้วก็น่าโกรธอยู่หรอก แต่มึงเอาแต่เงียบแบบนี้มึงคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กัน สิบสี่เหรอสัด ที่พอแฟนพูดอะไรไม่เข้าหูแล้วงอนไม่พูดด้วยนะ กูโทรมาก็ทำเข้มใส่ เมื่อเช้าไปส่งที่ทำงานก็ไม่พูดด้วย พอมาง้อก็ทำเป็นไม่สนใจอีก หันมามองหน้ากูเลยนะ " ผมดึงมันให้หันมามองหน้าผมโกรธจริงๆครับรู้เลยว่าตัวเองหน้าแดงสุดๆทั้งโกรธทั้งเขิน " โกรธก็พูดออกมาสิ บอกกูว่าโกรธทีหลังอย่าพูดแบบนี้ แล้วเมื่อเช้าอยู่ๆมึงเข้ามากอดแล้วบอกว่า มึงเป็นของกูแล้วนะ กูเขินไม่เป็นเหรอสัด กูก็เขินเป็นเหมือนกันนะ ส่วนเรื่องนั้น..ขอโทษที่พลั้งปากพูดออกไป "
“ คิกคิกคิก " เสียงหัวเราะจากไอ้สองตัวข้างๆผม ไอ้โรมหันไปมองมันสองคนที่เงียบลงไปทันทีพอถูกจ้อง
“ หัวเราะเชี้ยไร ไปทำงาน " ว่าพวกมันสองคนแค่นั้นก่อนจะหันมาหาผม " ส่วนมึงก็มานี่ ตังยุ่งจริงๆ "
“ ไม่ได้ยุ่งสักหน่อย "
ปิดประตูลงมองออกไปด้านนอกพวกไอ้พุธไอ้ปันแล้วก็ไอ้ฮิมกำลังขำกันอย่างบ้าคลั่งเลยครับ ไอ้โรมกดม่านฝั่งที่ผมเห็นนั่นลงห้องทั้งห้องกลายเป็นห้องทึบๆมันจ้องหน้าผม
“ หายงอนได้ยัง พ่อคนขี้งอน "
“ ยัง " เดินเข้ามาหามันดันตัวผมพิงกับโต๊ะทำงาน มือของมันทั้งสองข้างกั้นตัวของผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน " เพราะงั้นคนมาง้อก็ช่วยง้อต่ออีกหน่อยนะ "
“ ไม่ง้อแล้วเว้ย " เบือนหน้าไปอีกทางผมนั่งพิงกับโต๊ะทำงานของมันก่อนจะหันไปทางอื่น
“ อย่าคิดว่า กูจะเอามึงทำเมียนะ แค่กูเอากับมึงคืนเดียวนะ " เสียงนิ่งๆที่พูดออกมาผมมองหน้ามัน " เจ็บบ้างมั๊ยอินที่กูพูดแบบนี้นะ เจ็บบ้างรึเปล่า เวลาที่มึงจริงจังกับใครสักคนแล้วคนที่มึงจริงจังด้วยพูดกับมึงแบบนี้ มึงจะโกรธรึเปล่า เอากันครั้งเดียวอย่าเอากูไปผูกมัด เหอะ.. กูคงเป็นไอ้บ้าที่จริงจังกับมึงแค่คนเดียวสินะ คงมีกูคนเดียวที่คิดว่าจริงจังกับเรื่องของเรา “
“ ไม่ใช่แบบนั้น " ก้มหน้าลงมาซบไปอกของมัน " ขอโทษ "
“ อย่าพูดแบบนั้นอีก " เชยคางผมขึ้นมามองตา โรมจ้องผมอยู่แบบนั้น " มึงเป็นของกูแล้ว เพราะงั้นถ้ามึงจะหวังหนีไปหาใครละก็ มันคนนั้นเจ็บแน่เข้าใจมั๊ย เพราะกูไม่ใช่คนที่เอาหนเดียวแล้วผ่านกูตัดสินใจเอากับใครแล้วคนนั้นคือ คนของกู "
“ ถามจริงมึงทำตัวแบบนี้ตั้งแต่เรียนรึเปล่า "
“ เปล่าทำกับมึงคนเดียว "
“ อ้าว แล้วทำไม "
“ ก็เพราะว่ากูจริงจังกับมึงไง เลยไม่อยากให้ไปเป็นของใครคนอื่นอีก ตอนนี้มึงเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น " คางที่ถูกเชยขึ้นของผม ตาที่สบกันของเราโรมก้มมาจูบผมอย่างดูดดื่ม ผ่อนลมหายใจออกมารอยจูบของเราผละออกจากกันมันไล่จูบเบาๆลงที่ต้นคอของผม
“ จริงจังกับคนแแบบกูนะ มันจะดีเหรอโรม " เสียงแผ่วๆของผมถามมันออกมา รอยยิ้มที่ยิ้มตอบกลับมาหาผมนั้น โรมเอาจมูกของมันมาแนบกับจมูกของผมไว้ เขินครับทั้งเขินและรู้สึกดี
“ แล้วทำไมแฟนกูถึงเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้นะ "
“ ไม่รู้สิ " เว้นเสียงไปสักพักผมดึงหน้าตัวเองให้ออกห่างจากมัน " บางทีดูเอง ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวกูเลย "
“ ไม่ต้องพยายามหาคำตอบหรอก ว่าใครคือคนที่ใช่ เพราะคนที่ใช่มันไม่ได้มาจากสมอง แต่มันมาจากความรู้สึก มีความรู้สึกมากกับใครเป็นพิเศษ ก็คนนั้นละ คนที่มึงรัก "
“ แล้วถ้าวันนึงมันไม่่ใช่มึงละ "
“ บอกกูก่อนที่กูจะรักมึงไปมากกว่านี้ กูขอเท่านี้ก็พอ "
ไม่มีคำตอบจากผม ไม่มีเสียงใดๆจากมัน มีแต่สองมือของผมที่เลื่อนขึ้นไปกอดคอของมันไว้ รอยยิ้มของโรมก้มลงมาใกล้จนริมฝีปากจรดลงบนริมฝีปากของผม ความอุ่นที่เราแนบชิด ลิ้นชื้นที่ผลัดกันเข้าไปควานหาความรู้สึกภายใน เสียงดูดดื่มของน้ำลายที่ผมได้ยิน ใบหน้าของเราเอียงรับความเหนียวลื่นเหล่านั้น
มือของโรมล้วงเข้ามาในเสื้อของผม ไล้ขึ้นมาสูงจนถึงหัวนมมันคลึงหัวนมของผม ผละปากออกจากกันจูบลงที่ข้างแก้มก่อนจะไล่ลงมาเป็นต้นคอ
“ นี่โรม " เสียงแผ่วๆของผม เนคไทถูกดึงลงออกจากเสื้อพร้อมกับกระดุมเสื้อด้านบน เสื้อร่อนลงจากไหล่ โรมไล่มาจูบลงบนผิวของผม
“ อิน.. “ เสียงลุ่มหลงไล่จูบขึ้นมาจนถึงใบหูของผม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูบอกถึงคนใหม่ที่กำลังเข้ามา แต่ทั้งผมทั้งมันกลับไม่มีใครหยุดทุกอย่างยังคงดำเนินไป เหมือนไม่ได้ยินก็ไม่ใช่ แต่แค่มันหยุดไม่ได้ก็เท่านั้น
“ เอ่อ.. ขอโทษนะครับ แต่ว่า เฮียอีกสิบนาทีประชุม "
“ เออขอบใจ " พูดแค่นั้นแต่มันยืดตัวกอดผมไว้ ไอ้ฮิมเดินออกไปโรมก็เริ่มจูบผมอีกครั้ง
“ อีกสิบนาทีมึงประชุม "
“ อีกตั้งสิบนาที "
“ ไปเตรียมตัวได้แล้ว " ดึงตัวเองให้ออกห่างแต่มันก็ยังดึงดันจะเข้ามาหา " โรม "
“ งั้นคืนนี้นอนที่บ้านกูเถอะ "
“ กูไม่มีเสื้อผ้า " ผมบอกแบบนั้นก่อนจะดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาใส่ไว้ให้เหมือนเดิม มองดูผิวของตัวเองที่มีเสื้อผ้าปกปิดผมพบว่ารอยจูบมากมายฝังอยู่ตามร่างกายของผม
“ เดี๋ยวไปรับอลิซแล้วกูจะพามึงไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน "
“ นอนก็ได้ แต่ไม่ทำเรื่องแบบนั้นนะ " พูดเสียงนิ่งๆออกไป ไอ้โรมนิ่งไปสักพักก่อนจะก้มลงมากอดผม
“ อินใจร้าย ทำไมอินใจร้ายกูแบบนี้ "
“ ใจร้ายเหี้ยอะไร ของเมื่อคืนยังทำกูเจ็บอยู่เลย " ยกมือขึ้นลูบหลังมันไอ้โรมก็ยังกอดผมอยู่แบบนั้น ปากก็พ่นคำว่าใจร้ายออกมาซ้ำๆ
“ อินใจร้าย อินใจร้าย อินใจร้ายกับกูมากเลยนะ " ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้มาเห็นมุมนี้ของมึง ไอ้คนตัวโตๆที่กอดกูไว้แล้วพูดคำว่า กูใจร้ายแค่เพราะว่าไม่ให้เอานี้ ท่าทางของมันเหมือนตอนอลิซอยากได้ขนมเลยครับ
“ เดี๋ยวคืนนี้กูให้นอนกอดถ้ามึงยอมว่าเอาแค่นั้น กูก็จะไปนอนด้วยก็ได้ "
“ คนใจร้าย " มันกระซิบพูดข้างๆหูผมก่อนจะงับ
“ คนขี้งอน " ว่ามันกลับบ้าง ผมหอมแก้มมัน เราจ้องหน้ากันก่อนที่ผมจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
" แล้ววันนี้อลิซไปไหน "
" เรียนพิเศษเปียโน "
" ปกติเรียนวันนี้เหรอ "
" ก็วันนี้กูมีประชุมตอนเย็นก็เลย ลงเรียนแทรกให้อลิซไปก่อน ก็.. "
" ก็เพราะเราทะเลาะกัน จำไว้นะโรม ต่อให้เราทะเลาะกันหรือใครจะโกรธกับใครก็ช่าง เรื่องของอลิซไม่เกี่ยวเรื่องของอลิซอยู่เหนืออารมณ์ของเราตกลงมั๊ย กูไม่อยากให้มึงเอาไปลงกับลูก เหมือนงอนกูแล้วไม่อยากให้กูไปรับอลิซให้ กูว่ามันไม่ใช่ "
“ โอเคครับ ว่าที่คุณแม่ ผมขอโทษ คราวหลังจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว "
“ งั้นก็เอากุญแจรถมา "
“ จะไปไหน "
“ ไปรับอลิซที่เรียนพิเศษ "
“ ก็เดี๋ยวไปด้วยกัน "
“ เลิกประชุมกี่โมงเถอะ " มันมองเวลาก่อนจะทำท่าคิด " ชั่วโมงนึง โดยประมาณ "
“ เอากุญแจรถมาให้กู ถ้าเผื่อมึงยังประชุมไม่เสร็จกูจะออกไปรับอลิซเอง " โรมยื่นกุญแจรถมาให้ผม มันหันไปจัดเอกสารของมันที่จะเข้าประชุม
“ นั่งอยู่ในห้องนี้ ถ้าหกโมงเย็นกูยังไม่ออกมาก็ไปรับอลิซได้เลย "
“ อลิซเลิกเรียนกี่โมง "
“ หกโมงเย็น " ดีงาม ลูกเลิกเรียนหกโมงเย็น ไปรับหกโมง พ่อแม่แบบนี้มีที่ไหน บอกเลยครับว่า ที่นี่ " เจอกันครับ " จูบผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง
ผมนั่งลงบนโซฟารู้สึกมีกลิ่นอายประหลาดเกิดขึ้นกับชีวิตยังไงก็ไม่รู้ครับ รู้สึกถึงความเป็นครอบครัว รู้สึกถึงความรัก รู้สึกเหมือนมันคือคนที่ผมแคร์ รู้สึกว่าต้องมาง้อเพราะว่าแคร์และอยากให้มันคงอยู่ รู้สึกว่าดีใจที่ในที่สุดก็เข้าใจกันได้ .. มันประหลาดหรือเพราะว่าผมไม่เคยมี ความรัก ก็ไม่อาจทราบได้
.............................................
เมื่อกี้อัพนิยายผิด.. ยังไม่มีตอนที่ 25 ดันไปอัพตอนที่ 26
ตอนที่ 25 ของแท้ ต้องตามนี้
ยังคงอยู่ในช่วงของโรมอิน แต่ตอนหน้าจะมีพี่ไฟท์ทั้งตอนเลย
สุดท้ายนี้อยากบอกอินว่า ถ้ามันใช่ มันก็ใช่เหละ
ฝากแท็ก #Choiceต้องเลือก ด้วยคร่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์