ตอนพิเศษ : 7เรื่องคืนนี้มันอาจจะเหมือนฝันร้ายสำหรับผมเลยก็ว่าได้ ผมที่ไม่เคยเผชิญกับความรู้สึกกดดันและไม่เป็นตัวเองขนาดนั้นทำให้ความอดทนที่เป็นฟางเชือกสุดท้ายขาด ทุกความเสียใจถูกถ่ายทอดผ่านน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่โตๆของผมเอง ผมไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ในตอนนี้
"หนู เป็นอะไรมากหรือเปล่า" ลุงขับแทคซี่ที่ขับออกมาจากซอยเอกมัยจอดรถที่หน้าปากซอย ก่อนจะหันมาถามผมด้วยความห่วงใย
"มะ .... ฮึก ฮึก ไม่เป็นไรครับ ลุง " ผมตอบไปทั้งๆที่น้ำตายังเปื้อนอยู่บนใบหน้าเต็มไปหมด
"แล้วนี่จะไปไหน นี่ก็ สี่ทุ่มกว่าแล้ว" ลุงถามผม
"กลับบ้านครับลุง ... ฮึก ฮึก ลุงช่วยอ้อมเข้าขนส่งเอกมัยทีนะครับ " ผมที่เริ่มควบคุมสติได้ก็บอกให้ลุงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่บอก ซึ่งจากซอยเอกมัยตรงนี้ไปถึงขนส่งใช้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นเอง
แทคซี่สีเขียวสดจอดเทียบท่าเข้ากับสถานนีขนส่งเอกมัยในเวลา สี่ทุ่มห้าสิบนาทีพอดี ผมซื้อตั๋วกลับรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่งก่อนจะเดินไปรถที่ชานชลา นั่งรอได้สักพัก ไม่ถึงสิบห้านาที คนตรวจตั๋วที่อยู่ในชุดสีฟ้า ก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้น
ผู้โดยสารทุกคนเข้ามานั่งประจำนี่ของตัวเองจนเสร็จสิ้นก่อนที่รถจะมุ่งหน้าไปกลับบ้านของผม
ตลอดเวลาที่นั่งรถผมทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ใช้เวลารวบรวมทั้งสติและภาพต่างๆที่เกิดขึ้น
'นี่ตัวเราจะต้องเลิกกับธันมันจริงๆใช่ไหม'
คำถามที่แย้งอยู่ในใจนี้ถูกประมวลคำตอบด้วยเหตุผลที่มาจากสมองทันทีว่า
'ใช่'ในระหว่างทางที่รถวิ่งเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง ในสมองมีแต่ภาพความทรงจำของผมและธันวา สลับกับเสียงของคุณม๊าธันที่พึ่งพูดกับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น การตัดสินใจแบบนี้แล้วหนีออกมาจากปัญหาที่อยู่ตรงหน้าคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม ? ผมทำแบบนี้คงจะถูกต้องที่สุดแล้ว ธันสมควรเจอคนที่ดีกว่าผมอย่างเช่นเมอร์เมด ธันควรจะมีสิ่งที่ดีกว่าผมนั่นคืออนาคตที่พ่อแม่มอบให้ และธันควรจะไม่มีผมในชีวิตอีกต่อไป ถ้านั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ธันวาก้าวหน้าแล้วก็มีความสุข ยอมเสียใจซะตั้งแต่ตอนนี้ ยอมเสียสละเพื่อใครสักคนนึงตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้มันถลำลึกมากไปกว่านี้จริงๆ ไม่ต้องแลกด้วยอะไรมากมาย ก็แค่หัวใจทั้งดวงของผม พังไม่มีชิ้นดีแค่นั้นเอง
เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงที่รถวิ่งมาเลื่อยๆตามทางของถนนจนมาถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ บ้านของผม ผมลงป้ายหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางอำเภอที่ผมอยู่ก่อนจะมองหน้ามอร์ไซด์ซักคนเพื่อเรียกรถเข้าไปในบ้าน เพราะจากตรงนี้เข้าไปถึงบ้านผมก็ช่างแสนไกลเหลือเกินแล้วดึกๆเวลากว่าเกือบตีหนึ่งนี้ไม่ดีแน่ๆที่ผมจะเดินเข้าไปเปลี่ยวๆคนเดียว
พี่วินที่ผมเรียกมาผมมาส่งหน้าบ้านหลังใหญ่ของผมอย่างปลอดภัย ผมสำรวจบ้านหลังสีขาวใหญ่ๆนี้ที่ไม่ได้กลับมาในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมานี้อีกครั้ง ไฟในบ้านเปิดไว้สลัวแสดงให้เห็นว่าคนในบ้านคนหลับไปแล้ว
ผมเปิดประตู้รั้วบานใหญ่ก่อนจะปิดมันลงแล้วใส่แม่กุญแจไว้แบบเดิม ทันทีที่ย่างกลายเข้ามาในส่วนของสวนในบ้านที่เป็นที่ราบกว้างกว่าอีกเกือบกว่า สองร้อยเมตรก่อนจะถึงตัวบ้านเสียงเห่าดัง 'โฮ่งๆ' ก็โพล่มาจากโรงรถที่มีรถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่
"ไอ้กี้ เห่าอะไรของแก อ้าวมาร์คลูก !! " ผู้หญิงมีอายุคนนึงเปิดประตูออกมาจากบ้านหลังใหญ่นั่นก่อนจะหันมาเห็นผม
"คุณแม่ !!!! " ผมไม่พูดเปล่า ทิ้งทุกอย่างลงพื้นทั้งหมดพร้อมวิ่งไปสวมก่อนหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างคนึงหาที่สุด และแทนคำพูดมากมายจากความรู้สึกผม กลับเป็นน้ำตาและเสียงแห่งความเสียใจที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมดอย่างไม่อายใครเลยจริงๆ
"มาร์คเป็นอะไร !!!!!! ร้องไห้ทำไมลูก ใครทำอะไรลูกแม่บอกมาสิ๊" หญิงคนที่ว่านี้ก็คือแม่ของผมเอง แม่ผมก็ดูตกใจมากเช่นกันที่เห็นอาการที่สาหัสสากันของผม
ไม่มีเสียงตอบรับจากคำถามที่แม่ถามผม ผมปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดไปกับอ้อมก่อนของผู้หญิงพียงคนเดียวในโลกที่ไม่เคยแม้แต่จะทอดทิ้งผมไปไหน เอาใจใส่ผมและรับฟังผมทุกอย่าง
ผมร้องไห้จนตัวโยนร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาอีก บนชุดนอนของแม่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของผมที่ไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่เก็บของทุกอย่างก่อนจะเห็นผมที่เริ่มร้องไห้ไม่ออกแล้ว ก็พาเข้าบ้านจัดแจงให้ตัวผมที่อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจได้นั่งตรงโซฟาอย่างสบายตัวพร้อมกับแก้วน้ำเย็นๆและไอ้ตูบในบ้านผมตัวนึงที่มานั่งร้องหงิงๆ ที่เห็นใบหน้าผมแบบยับเยินยิ่งกว่ากระดาษโดยขยำซะอีก
"กินน้ำก่อน มาร์ค " แม่ยื่นแก้วน้ำให้ผม ก่อนที่ผมจะค่อยๆบรรจงดื่มทีละเล็กละน้อยทดแทนน้ำตาที่เสียไปเมื่อกี้
"...................." ผมยังคงเงียบและไม่อยากพูดอะไร
"เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแม่" พอแม่ถามออกมาแบบนั้นผมเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
"มาร์ค !! " แม่เริ่มกดเสียงต่ำลงเพี่อขุ่ผม แม่เป็นพวก ทนอะไรไม่ได้นานสำหรับเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวผมหรือทำให้ผมเสียใจเสียน้ำตาเรื่องพวกนี้แม่จะความอดทนต่ำมาก ถ้าไม่ได้จากปากผมก็จะต้องได้ข้อมูลจากที่อื่นมาจนได้
"มาร์คผิดใช่ไหมแม่ ที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชายปกติทั่วไป... " ผมถามออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
ใช่ ! มันน่าน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆที่สังคมปัจจุบันของเราทำเหมือนจะยอมรับกับเพศทางเลือกที่มีมากขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่คุณๆคิดกันผิดแล้วล่ะครับ นั่นมันก็แค่ฉากหน้าของพุ่มไม้สวยงามที่ถูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม สังคมของเราใช้คำว่าใจกว้างเข้ามาทำให้โลกนี้ดูสวยงามมากขึ้น แต่เปล่าเลย ใจคนเรากว้างไม่เท่ากัน คนบางคนก็แคบเหลือเกินแต่สำหรับเขามันคือกว้างที่เขามี สำหรับบางคนมันแคบสำหรับตัวเขาแต่กว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรสำหรับคนอื่นๆ ความสวยหรูในสังคมที่ถูกเคลือบไปด้วยการปรุงแต่งและจินตนาการเอาเองว่า จริงๆแล้ว เราสามารถอยู่ร่วมกับใครและรักใครก็ได้ตามที่เราต้องการ แต่ความจริงกับแตกต่างออกไป เราไม่สามารถรักใครได้แบบเต็มหัวใจ ในเมื่อยังมีเส้นแบ่งกั้นของ ฐานะ สังคม เพศสภาพ ที่เป็นตัวบ่งชี้และแบ่งแยกคนในสังคมให้เห็นด้วยอัตลักษณ์บ้าบอนี่ ผมที่ไม่เป็นแม้แต่ธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา หรือจะเรียกได้ว่าอะไรดี ความผิดพลาดของธรรมชาติ ? คนอย่างผม สมควรแล้วใช่ไหมที่ไม่ควรจะได้แม้แต่โอกาสที่จะมอบหัวใจให้ใครสักคนนึง
"แล้วมาร์คคิดว่า มาร์คผิดไหมล่ะ แต่สำหรับแม่ มาร์คไม่เคยผิดนะ มาร์คเจ็บได้ มาร์คร้องไห้เป็น มาร์คมีสองมือมาร์คมีสองตาและทำอะไรได้ดีกว่าใครหลายๆคน อะไรกันที่เรียกว่าผู้ชายปกติ อะไรกันที่เรียกว่าผู้หญิงธรรมดา สำหรับแม่ มาร์คคือคุณลูกแสนธรรมดาที่หน้าตาออกจะน่ารักและเป็นที่รักของทุกคนจะตายไป"
ผมที่ได้ฟังแม่พูดแบบนั้นพร้อมกับไออุ่นจากมือหยาบๆที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรในชีวิตมาบ้างกว่าจะทำให้ผมและครอบครัวมีทุกวันนี้ ถึงกับน้ำตาไหลเป็นก๊อกที่สองของวันเลยก็ว่าได้
"เข้าเรื่องสักทีมาร์ค แม่พร้อมจะจัดการทุกอย่างที่สามารถทำให้มาร์คได้ แม่สัญญาว่าถ้าแม่ทำให้ได้ ทำให้ลูกของแม่หายเจ็บแม้เพียงสักนิดเดียวก็ยังดีตอนนี้ แม่ก็พร้อมจะทำ" แม่เอามืออีกข้างมาจับแก้มผมไว้ก่อนจะค่อยๆปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบหน้าผมอีกครั้งอย่างช้าๆและอ่อนโยน
"มาร์คพึ่งออกมาจากบ้านของคนคนนึงแม่ คนคนนั้นเป็นคนที่มาร์คคิดว่า มาร์คน่าจะอยู่กับเขาได้ เป็นคนที่มาร์คอยากจะอยู่ข้างๆเขาเวลาเขาเจอปัญหา เป็นคนที่มาร์คคิดว่าทุกเช้ามาร์คอยากจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าแล้วให้เขายิ้มกับสิ่งที่มาร์คทำให้ และสุดท้าย เขาเป็นคนที่มาร์ครักอะแม่"
"รักเขาแล้วหนีเขามาทำไม" แม่ผมย้อน
"วันนี้มาร์คไปเจอครอบครัวเขามาน่ะแม่ สิ่งที่มาร์คเสียใจที่สุดไม่ใช่การที่มาร์คโดนคนอื่นดูถูก หรือเหยียดอะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งที่มาร์คเสียใจที่สุดคือ มาร์คเป็นอะไรให้เขาไม่ได้เลยตั้งหากแม่ ........."
แม่ผมเงียบไปก่อนจะค่อยลูบหัวผมไปมาเป็นสัญญาณให้ผมระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมดสิ้น ผมที่กอดแม่ไว้อยู่แล้วเริ่มซุกกับตัวแม่มากกว่าเดิมรู้สึกขาดความอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก แต่เป็นเพราะแม่ทำให้ทุกอย่างดูสบายขึ้นและดีขึ้น แม่เป็นแบบนี้เสมอแม่ทำให้ผมสบายใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมก่อนผู้หญิงคนนี้เสมอ
"มาร์คไม่คู่ควรกับเขาทั้งทางสังคมและฐานะ เขาทั้งดูดีและมีค่า มีค่าเกินกว่ามาร์คจะดึงเขาลงมาแปดเปื้อนหรือเป็นข้อครหาของสังคม มาร์คเป็นไม่ได้แม้กระทั่งความสุขของเขาแม่ ในจุดที่เขายืนอยู่ แม้แค่ความสุข มาร์คก็ให้เขาไม่ได้แม่ เพราะมาร์คเป็นแบบนี้ใช่ไหม เป็นความสกปรกของสังคม มันถึงทำให้อะไรๆก็ดูแย่ไปซะหมด .... " ไม่สะอื้นไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาจากตาบวมๆของผมยังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง
"มาร์คฟังแม่นะ"
"....................."
"แม่ไม่สน ว่าสังคมนี้จะเรียกมาร์คว่าอะไร จะทำให้มาร์คดูน่ารังเกียจขนาดไหน แม่ไม่เคยสนใจว่ามาร์คจะเป็นอะไร ที่แม่สนอย่างเดียวคือ ลูกแม่ต้องมีความสุข และลูกแม่ต้องไม่น้อยหน้าใคร ..... แม่ยอมให้หนูเป็นหนู ยอมให้มาร์คเป็นตัวเองเพื่อความสุข แม่ไม่เคยบังคับมาร์คให้ทำอะไรที่มาร์คไม่ชอบ แม่ไม่เคยแม้แต่คิดจะเสียใจที่ลูกแม่เป็นแบบนี้ และแม่ไม่เคยอายใครที่ลูกชายแม่รักในสิ่งที่ตัวเองเป็น แม่กับภูมิใจ ภูมิใจที่เห็นมาร์คเติบโตมาด้วยภูมิต้านทานที่แข็งแรง ทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย มาร์ค ทั้งโลกล้วนมีทั้งสองด้านขาวและดำ แม่ไม่รู้ว่ามาร์คมีความสัมพันธ์ขนาดไหนกับคนที่มาร์คพูดถึงนี้ แต่แม่ขอพูดเลยว่า ความรักที่แม่ทุ่มเททั้งชีวิตให้มาร์คไปจะต้องไม่ใช่น้ำตาในวันนี้ แม่อยากให้มาร์คเข้มแข็งและเชื่อมั่น เชื่อแม้ไม่มีความหวัง เวลามาร์คล้ม มาร์คจะเห็นแม่ เห็นปาป๊า เห็นน้องเอสยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนะมาร์ค แม่ไม่ทิ้งหนูและแม่ก็จะรักหนูรักหนูให้มากกว่าที่หนูรักใครที่ทำให้หนูเสียใจแบบนี้ หนูรู้ใช่ไหมว่าป๋ากับแม่รักหนูขนาดไหน ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่าคิดมากไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนนะ "
ผมที่ได้ยินคำพูดของแม่แล้วก็หยุดร้องไห้ไปในทันที แม่พูดถูก พูดถูกทุกอย่าง แม่สามารถให้ความรักที่มากกว่าใครจะให้ผมได้ทั้งโลกความรักของแม่ต้องไม่ใช่น้ำตาที่ผมต้องเสียไปเพื่อใครสักคนนึงตอนนี้ มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระที่ผมเก็บมาใส่ใจ
ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ผมก็ยังคงเป็นผมที่ยืนอยู่และไม่มีใครสามารถมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก ผมยังมีครอบครัวที่อบอุ่นและเพื่อนฝูงอีกมากมาย แค่คำสบประมาทนิดหน่อยถึงกับทำให้ผมคิดมากถึงชนาดนี้ เอาล่ะมาร์ค ถึงเวลาใช้ความคิดกับตัวเองพร้อมกับหาคำตอบและทางออกของเรื่องนี้สักที
.
.
.
เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาเช้ากว่าปกติ ปกติหกโมงครึ่งแบบนี้ยังไม่ตื่นหรอก เมื่อคืนก็นอนน้อยแต่ไม่รู้ว่าร่างกายมันทรยศผมทำไมปลุกให้ผมตื่นตั้งแต่ไก่โฮ่แบบนี้ ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาดูว่ามีอะไรอัพเดทหรือมีอะไรเข้ามาหรือเปล่า แต่ลืมไปว่าเมื่อวานปิดเครื่องเลยจัดแจงเปิดเครื่องให้เรียบร้อย ทันทีทีเปิดเครื่องขึ้นมานั้น
'คุณมีสายที่ไม่ได้รับ 450 สาย หมายเลข 083-****-**** 'เป็นข้อความจากค่ายโทรศัพท์ที่ผมใช้อยู่เนี่ยล่ะครับ มันแสดงให้ผมดูว่าเบอร์นี้โทรมาทั้งหมดกี่ครั้ง และดูจากเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอไอโฟนของผมก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าใครโทรมา มันเป็นเบอร์ที่ผมกดเป็นประจำ ลองจากเบอร์ปาป๊า คุณแม่ แล้วก็ไอ้เอส น้องชายตัวแสบเลยก็ว่าได้
เช้าวันจันทร์ของอาทิตย์ใหม่เริ่มขึ้นด้วยเสียงนกร้องอย่างสดใส แต่ใจผมกับไม่สดใสเอาซะเลยจริงๆหลังจากเห็นข้อความในโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นเวลา ตอนนี้ก็หกโมงสิบห้าแล้ว ผมตัดสินใจที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ก่อนจะรีบแต่งตัวในชุดนิสิตเพื่อจะออกไปมหาลัย อาทิตย์นี้ทุกคณะในมหาลัยมีกิจกรรมพิเศษรวมไปถึง การชดเชยบางวิชาสำหรับช่วงปลายภาคที่กำลังจะมาถึง ปิดเทอมสามอาทิตย์ไม่ได้ให้กูพักผ่อนเลย ให้กูหยุดอาทิตย์ เว้นอาทิตย์ เรียนอาทิตย์ทำกิจกรรมอาทิตย์โอ้ย ถ้ามันจะหนักหน่วงเจียนตายขนาดนี้ ไม่ต้องให้หยุดก็ได้ = =
ผมวิ่งจากชั้นสองลงมาข้างล่าง ตอนนี้ก็เป็นเวลา สัก เจ็ดโมงกว่าๆได้แล้วหลังจากที่ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ผมลงมาก็เห็นไอ้เอสในชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินที่กำลังนั่งกินข้าวแก้มตุ้ยๆอยู่ พร้อมกับแม่ที่กำลังจัดสำรับข้าวอีกชุดนึงไว้ซึ่งนั่นต้องเป็นของผมแน่ๆ
"แม่จัดข้าวให้ใครอีกที่นึงอะ แม่กินไม่อิ่มเหรอ ?" ไอ้เอสมันถามแม่ที่กำลังง่วนจัดอาหารอยู่
"พี่มาร์คกลับมานอนบ้าน เมื่อคืน"
"ห๊ะ !! ไอ้มาร์คกลับมานอนบ้านเหรอ ไหนอะ มันอยู่ไหน ? " มันทำท่าหาผมไปทั่วบ้าน ผมเลยเดินกระทืบเท้าลงมาจากบนบ้านให้มันได้ยิน
"เฮ้ยยยยยยยยยย เจ้กลับมาบ้านด้วยเว้ย " พอมันเห็นผมเท่านั้นแล่ะรีบวิ่งไปรอบบ้านเลย มึงดีใจอะไรของมึงเนี่ย แล้วสาเหตุที่มันเรียกผมว่าเจ้ก็ไม่ต้องแปลกใจ กูผู้ชายเต็มร้อยซะเมือไหร่ล่ะกูมันผู้ชายน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก
"เป็นห่าไร ไม่เคยเห็นฉันกลับบ้านเหรอ" ปกติผมจะแทนตัวเองกับน้องว่าฉัน และแทนชื่อตัวเองกับแม่
"เปล่า ไม่ได้กลับมานานอะ กำลังอยากกินของฟรีพอดีเลย เย็นนี้พาไปกินฟูจิหน่อยดิ" เสร็จแล้วมันก็วิ่งถลามากอดขาผมกลางบ้านพร้อมกับอ้อนให้พาไปกินฟูจิ = = ! ไอ้น้องเวรตะไล
"พอเลยทั้งสองคนลุกมากินข้าวดีดี เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด แล้วมาร์คแต่งตัวจะไปมหาลัยเหรอลูก " แม่ถาม เพราะดูจากสภาพชุดนิสิตเต็มยศขนาดนี้ ฮาๆ โชคดีที่ที่บ้านมีชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมไว้ครบเลยมีใส่ไปมหาลัย
อาทิตย์ป่วยๆของมหาลัยในช่วงปิดกลางภาคที่อาจารย์เรียกไปเมคอัพคราสนิดหน่อยและกิจกรรมในมหาลัย หวังว่าอาทิตย์นี้คงจะมีสีสันบ้างแล่ะ
"ใช่แล้วแม่ เดี๋ยวมาร์คขับรถไปนะ ส่วนแกไอ้เอส เย็นนี้กลับจากโรงเรียนช้าอดแดกฟูจิแน่ !! แม่ไปแล้วน้า สวัสดีฮะ เดี๋ยวจะรีบกลับ" ผมบอกแม่แค่นั้นก่อนจะรีบทานข้าวบนโต๊ะที่จัดไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่รอช้าหยิบกุญแจรถดิ่งออกจากบ้านทันที
ผมขับรถจากบ้านมามหาลัยใช้เวลาประมาณสักยี่สิบนาทีน่าจะได้ แต่ในช่วงยี่สิบนาทีนั้นเป็นอะไรที่ปั่นป่วนเหี้ยๆเลยล่ะครับท่านผู้ชม คนที่ผมยังไม่ประสงค์จะเจอหน้าตอนนี้แม่งโทรมา พอมันโทรติดมันก็โทรไม่หยุดเลยโทรจนผมต้องปิดเสียงโทรศัพท์ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจหรือผมไม่รักธันแล้ว แต่ตอนนี้ไม่พร้อม ไม่พร้อมจะคุยอะไรเลยจริงๆ ผมยังคงมีความคิด ความคิดที่จะปล่อยธันไปเจอสิ่งที่ดีกว่า พร้อมให้ธันได้เจอคนที่ดีกว่าโดยแลกกับความเสียใจทั้งหมดที่ผมได้เจอ มันอาจจะดูน้ำเน่า แต่นั่นก็เป็นเพราะผมรักธันมาก แม้มันจะแค่ไม่กี่เดือนแต่ความสัมพันธ์ตลอดสองสามปีที่ผ่านมามันเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีว่าผู้ชายคนนี้สำคัญกับผมมากแค่ไหน ความสุขของเขาถ้านั่นคือสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยหัวใจที่ยับเยินของผม ก็เอาเถอะครับผมจะให้ ......
จะบอกว่า มาเมคอัพคราสกับอาจารย์ต่างชาติ บอกเลยจริงๆว่าฟังไม่รู้เรื่องเลย ไม่ใช่เพราะสกิลตกต่ำจนอับจนหนทางแก่การเรียนหรืออย่างไร แต่ไม่มีสมาธิเลย เพราะโทรศัพท์ผมยังคงขึ้นหน้าจอเตือนว่ามีผู้โทรเข้ามาในโทรศัพท์เพื่อต้องการติดต่อผม ตั้งแต่ผมขับรถมาจนถึงตอนนี้ มันก็ยังโทรมาตอนนี้ราวๆสักสองร้อยสายได้แล้ว จนไอ้หมิวที่นั่งเรียนข้างๆผมถึงขนาดมากระซิบด่าว่ารำคาญ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์แฟน ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบรรดานังเพื่อนๆตัวดีก็จับสังเกตุได้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับผมและธันมา (แม่งโครตขี้เสือกอะแสดด)
หลังจากเรียนเสร็จไอ้นิวกับไอ้พลอยก็ลากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมจากชั้นแปดของตึก(โดยไม่ให้ขึ้นลิฟลงมาด้วยนะ) มาหลังคณะ เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัยอย่างผม
"มึงมีปัญหาอะไรกับธัน " ไอ้เหี้ยพลอยย มึงจะเสือกอะไรวะโอ้ยยยย อีด๊อกกก พอก่อนคำถามตรงเกินไป
"กูไม่ได้มีปัญหาอะไรนิ" ผมตอบปัดๆไป
"ไม่ค่อยมีเลยเนอะ ดอกกก ไม่รับโทรศัพท์เขาตลอดสองร้อยสายที่เขาโทรมาเนี่ย"
"ขยายมามึง มอยยย มอยให้พวกกูฟังว่ามึงทะเลาะอะไรกับธันวาสุดหล่อของกู"
"เออ เล่าก็ได้ๆๆๆ "
หลังจากนั้นผมก็เล่าสิ่งที่อัดอั้นตันใจเกี่ยวกับเรื่องที่ผมไปบ้านไอ้ธันแล้วดันมีปัญหาตรงที่พ่อแม่เขาอยากให้ผมเลิกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเขารวมไปถึงปัญหาคู่หมั่นคู่หมายและปัญหาคุณป๊าคุณม๊าของไอ้ธันที่ดูแล้วไม่น่าจะปลื้มผมสักเท่าไหร่ให้พวกมันฟัง พวกมันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะครับตั้งใจฟังมาก .....
"โอ้ยย มึง ชีวิตมึงแม่งดราม่าว่ะ" ไอ้พลอยถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว
"แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ มาร์ค " นิวถามผม
"กูว่ากูจะเลิกว่ะ"TO BE CONTINUEช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่านมาอัพแล้วคิดถึงเขาหรือเปล่า หรือคิดถถึงธันวาอย่างเดียว ใกล้จะจบแล้วคาดว่าอีก 3 ตอนจบพอดี ฮาาา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแม้จะไม่มีคอมเม้นก็ตาม แต่ยังไงซะก็ขอบคุณมากๆนะฮะ
เจอกันตอนที่ 8
ปล ฝากนิยายอีกเรื่อวที่พิ่งเปิดด้วยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43343.0:: อลหม่านกางเกงน้ำเงิน ( TIME TO SHOW HOW MUCH I ♥ U )