[เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14  (อ่าน 25298 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เรื่องนี้น่ารักดีนะ

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอบคอมเมนต์ ทุกท่านนะจ๊ะ

PJansam

ขอบคุณมากเลยจ้าไว้จะลองตรวจทานดูอีกรอบนึง ><

azulajane

มาร์คก็ไม่ได้แรดขนาดนั้นนะ ฮาาา

Benten

ขอบคุณมากเลยนะจ้า

Nemasis

ขอบคุณจ้า

IsDeer

เรื่องยาวมีแน่นอนจ้า อดใจรอหน่อยน้า เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาเสริฟก่อน คิคิ

HISY

ขอบคุณจ้า

mukmaoY

ขอบคุณมากจ้า

zatannn

แจงเหตุผลที่อยากลองแต่งนายเอกออกมาสาวๆดูคือ ในโลกความเป็นจริงไม่ใช่แค่เกย์ แมนๆเท่านั้นจะมีความรักบางที
เคะในอุดมคติอาจจะไม่มีจริง ส่วนมากเคะจะสาว แต่จะสาวแบบไหนขึ้นอยู่กับบุคคลิกอีกอย่างในตัวละครของมาร์คเองคือ
คาแร็คเตอร์จะเป็นอารมณ์สมจริงหน่อยเราสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่ไม่ใช่แบบว่าใส่กางเกงรัดติ้วหน้าขาวโพลนแบบนี้ไม่ใช่
เป็นเคะที่หน้าตาที่จัดไปในทางดีหวานปนหล่อเลยทีเดียวแล้วก็มี Look เป็นของตัวเองไม่ดูเกย์แบบรัดติ้วแบบที่เห็นได้ทั่วไป
คือมีลุคผู้ชายอยู่แต่ความเคะไม่เข้ากับลุคแค่นั้นเอง ความเคะจะไปกับหน้าตาซะมากกว่า

B52

ขอบคุณมากจ้า

punchnaja

ขอบคุณมากจ้าจะนำไปปรับปรุง ><

khun_Kling

ขอบคุณมากจ้า

kikikiki

ขอบคุณมากจ้า

ap08572290

คิคิ ขอบคุณมากเลยจ้า

buathongfin

พูดงี้แปลว่าไปดูงานโคฟบ่อยนะเนี่ย ><

lolitar

รอติดตามตอนพิเศษด้วยน้า

poterdow

ขอบคุณจ้า

Baruda

ขอบคุณจ้า

P2W1990

ไปฟินต่อเลยจ้า

aoihimeko

ขอบคุณจ้า


แถลงการสักนิด มาคอนเฟิร์มว่าตอนพิเศษมาแน่นอนจ้า แล้วก็มาร์คกับธันจะมีโปรเจคทำเป็นนิยายตอนยาวให้ทุกคนได้ฟินกันต่อ
โดยเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปแต่มาร์คกับธันก็มาคู่กันเหมือนเดิม อยากรู้จากทุกคนว่า หน้าตาของมาร์คกับธันในอุดมคติของทุกคนเป็นอย่างไร ส่งคำตอบมาได้ในข้อความส่วนตัวได้นะจ๊ะ มาสนุกกันขำๆ ระหว่างรอตอนพิเศษ แล้วก็ นิยายตอนยาวเนอะ ><

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
น่ารักมากๆ อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย

ออฟไลน์ kamikame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ RnSoMzZ9

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :katai5: อุ้ยยยย น่ารักมากเลยค่ะ >w<

ตอนสารภาพรักนี่ สงสัยต้องเขินกันจนม้วน ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Intro ตอนพิเศษ


บางทีความรักมันไม่ใช่ เรื่องของแค่ คนสองคน แต่ความรักยังเป็นเรื่องของใครอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนคู่นั้นๆอีกด้วย ?
จากนิยามข้างบนนั้นผมไม่เคยเชื่อ ว่าสิ่งที่คนหลายคนพูดจะเป็นจริงจนมาวันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ความรักของผมมันไม่ได้มีแค่ผมและธันเท่านั้นที่ตัดสินใจแต่ยังมีใครอีกหลายคนที่คอยจะตัดสิน ปัญหาและความรักให้กับเราทั้งคู่ ทั้งๆที่มั่นใจว่าความรักของเราจะพาทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ทำไม …  ทุกอย่างถึงเริ่มแย่ลงจนผมเอง ไม่สามารถจะทนรับและแบกรับทุกอย่างไว้ได้ ผมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวที่เก็บธันไว้กับตัวทั้งๆที่เขาเองน่าจะมีอนาคตหรือสิ่งที่ดีกว่า ในชีวิต สิ่งที่ดีกว่าผม ที่เป็นแค่สิ่งผิดปกติและสังคมให้นิยามไว้ด้วยความตลก ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรก ว่าความรักของคนอย่างผม จะสามารถให้ความสุขให้กับคนอย่างเขาได้จริงๆหรือเปล่า …

ณ โถงของคณะวิศวะที่ใหญ่เอาการเลยทีเดียว ปกติในเวลากลางวันจะมีนักศึกษามากมายเดินไปเดินมากเพื่อที่จะขึ้นไปเรียนตามห้องต่างๆในตึกที่ตัวเองต้องเรียน แต่ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว ในตัวอาการก็แถบจะไม่เหลือใคร แต่ที่ผมต้องเดินมานี่เพราะมีบางอย่างอยากจะบอกคนที่ผมหลบหน้าไปเป็นอาทิตย์ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แต่ทุกอย่างดูสับสนไปหมด แต่สุดท้าย ผมก็เรื่อง ที่จะทำแบบนี้

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น 4 ชม


ผมกดเบอร์ศัพท์โทรหาบุคคลที่โทรหาผมเป็นพันสายตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะผมไม่ได้กลับหอและหลบหน้าเขาไปอยู่ที่บ้านของผมเอง

“ฮัลโหล มาร์ค !!!!!!!!!!!!  มึงไปอยู่ไหนมา มึงรู้ไหมกูเป็นห่วงขนาดไหน มึงทำไมหายไปแบบนี้ มะ....”

“เย็นนี้เจอกัน ทุ่มนึงที่ใต้โถงคณะมึงนะ เดี๋ยวกูไปหา”


ตึ๊ด .....


ก่อนมันจะพูดอะไรมากไปกว่านั้นผมตัดบทชิงบอก เวลาและสถานนี่นัดให้มันก่อนจะรีบตัดสายไป

 ผมรออีกสักแปบนึงก็มีเสียงวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากบันไดเยื้องๆข้างหน้าผม และสิ่งที่ผมเห็นคือร่างของคนที่ผมคุ้นเคยดี รีบวิ่งลงมาพร้อมหอบหนังสือที่ยังไม่ได้เก็บลงกระเป๋าดีนักมากมายยืนหอบตัวโยนอยู่ตรงต้นบันไดก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหาผม

“มึงหายไปไหนมา ! มึงรู้ไหมว่ากูนอนไม่หลับมากี่วัน มึงเป็นอะไรมึงบอกกูได้ไหม”

เจ้าของร่างที่สิ่งมายังกับกลัวผมจะหายไปไหนอีกรีบคว้าตัวผมเข้าไปกอดทิ้งทั้งกระเป๋าและหนังสือ
ลงพื้นทั้งหมดอย่างไม่ใยดีราวกับว่า สิ่งของนั้นไม่สำคัญ ไม่สำคัญเท่าตัวผมที่มันกำลังกอดอยู่ตอนนี้

“กูมาที่นี่ …. เพื่อที่จะบอกบางอย่างกับมึง”

ผมซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่แสนอบอุ่นนั่นก่อนจะรวบรวมความกล้าและพูดมันออกไป

“อะไรมึง มึงจะบอกอะไร มึงเป็นอะไรมึงบอกมา ขอแค่มึงอย่าหายไปแบบนี้ !! ”

มันพูดกับผมด้วยหน้าตาทั้งตื่นและซีด เหมือนมันกลัวไปหมด กลัวทุกอย่างกลัวว่าผมจะหายไปจริงๆ

ใช่ธัน กูจำเป็น … จำเป็นที่จะต้องหายไปจากมึง




“เราเลิกกันเถอะ ”



To be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2014 11:17:01 โดย orange332 »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
มาทิ้งดราม่าให้เค้าทำไม  :hao5:

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ตอนพิเศษ : 1

ความสุขในชีวิตนี้คนเราจะสามารถหาได้จากไหนกันบ้าง… แต่สิ่งหนึ่งสำหรับตัวผมเองคือการได้มีคนรักอยู่ข้างๆกันแบบนี้ ขอแค่นี้มันก็เป็นทุกวันที่มีสีสันได้ไม่ยากเลยจริงๆล่ะครับ ตั้งแต่เราสองคนตัดสินใจที่จะคบกัน (เพราะสถานการณ์ที่ไอ้ธันได้สร้างไว้ตอนงานเชื่อมสัมพันธ์นั่นล่ะ) ไอ้ธันก็ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่หอเดียวกับผมนั่นก็คือย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับผมนั่นเอง = = การย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับผมทำให้ห้องที่เคยสงบสุขต้องกลายเป็นเหมือน สนามรบ สนามเด็กเล่น ร้านเกม และ อื่นๆอีกมากมายที่สามารถจะเป็นได้

ตัวอย่างเช่น

“มึงๆ กูอยากกินกระเพาไข่ดาว ทำให้กินหน่อยน้า นี่ซื้อของมาแล้วทำเร็วๆ”

“มึงๆ ง่วงนอนแล้ว อาบน้ำก่อนนะ รีดชุดไปเรียนพรุ่งนี้ให้ด้วยนะ”

.
.
.

“ไอเหี้ยธัน ทำไมถอดเสื้อแล้วไม่รู้จักใส่ตะกร้า นี่บอกเป็นพันรอบแล้ว”

“โอ้ย !! มึงอย่าบ่นนนนน หูกูจะแตกแล้ว เก็บให้หน่อยดินะ นะ นะ ”

“ไม่ !!! มึงเก็บ เก็บเดี๋ยวนี้ถ้าไม่เก็บกูจะเอา กกน. ยัดปากมึงเดี๋ยวนี้ เร็ว !!!!”
.
.
.

“มึงคุยกับใครอะมาร์ค”

“เพื่อนที่คณะ”

“ตอแหล มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่หัดตอแหล บอกมาเดี๋ยวนี้คุยกับใคร”

“โอ้ย อีดอกกกก หยุดก่อนได้ไหม !!  งานกลุ่ม เพื่อน ทำงานด้วยกัน เข้าใจ ??? ”

“ไม่ !!! กูไม่เข้าใจ มึงโกหกกู มึงโกหกกู มึงโกหกกู !!!!!”

และอีกมากมายสารพัดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตตั้งแต่ที่ตกลงตัดสินใจคบกัน ผมไม่เคยรำคาญแม้มันพึ่งจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เราพึ่งได้เรียนรู้กันกันและกัน เราต่างเป็นสีสันของชีวิตให้กันและกันเรามีหลายๆอย่างไม่เหมือนกัน แต่เราก็รู้สึกยินดีและพร้อมที่จะเรียนรู้และยอมรับกันและกัน ตั้งแต่เราเริ่มความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนโกหกจริงๆ แต่เขาว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็ว … จริงใช่ไหม ? ไม่อยากให้ความสุขหายไปเลยอยากจะมีความสุขนับตั้งแต่วันนี้และจากนี้ตลอดไป ผมไม่ได้ขออะไรมากไปใช่หรือเปล่า ?


ใกล้สอบใกล้ปิดเทอมแล้วช่วงนี้ ไม่เพียงแต่พวกเราที่นั่งอ่านหนังสือกันจนตาจะหลุดแล้วเด็กๆทั้งมหาลัยก็ยังตกอยู่ในสภาพซอมบี้ผีคุมเมือง เดินไปทางซ้ายทางขวานี่ใต้ตาดำกันเป็นแถวเลยทีเดียวเชียวเถอะ คิดได้แบบนั้นก็เอามือถือเครื่องสวยขึ้นมาเปิดกล้องส่องหน้าตาตัวเอง ว่าแบบ ฉันกลายเป็นซอมบี้ไปหรือยัง …

“พลอยมึงดูหน้ากูดิ หน้ากูไปและ ตาเตอนี่ไม่ต้องพูดถึงพังแบบยับเยินมาก” ผมบอกไอพลอยที่ไม่ได้เดือดร้อนกับหน้าตาผมสักเท่าไหร่แถมกินขนมอย่างสบายใจ

“นอนค่ะ นั่นคือสิ่งเดียวที่จะทำให้สภาพหน้าอันยับเยินกลับมาเป็นปกติ” ดูคำตอบไม่ได้ช่วยเหี้ยไรเลยจริงๆ

“มึงไม่ต้องตอบกูก็รู้ไหมว่าต้องนอน ช่วยห่าไรไม่ได้เลยแม่ง”

“แล้วมึงทำอะไรไม่นอน …. ” มันพูดทิ้งเสียงก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์เชิงเหย้าหยอกมาหาผม

“อะ...อะไร ก็ทำการบ้านไงมึงเห็นไหมวิชานี้อะ เนี่ยๆๆๆๆๆ ” อะไร ทำไมต้องมองแบบนั้นมึงคิดอะไร กูเปล่าคิดทะลึ่งนะ

“มึงคิดอะไรอะ ทำไมต้องหน้าแดง” ไอ้มิวมันสวนมาทันที่เห็นหน้าผมเริ่มแดงขึ้น

“ปะ... เปล่า อะไรมึง เหี้ยอะ ไปๆไปแดกข้าว” ผมรีบตัดบทก่อนจะชวนทุกคนไปกินข้าว

มื้อกลางวันเป็นมื้อที่ดูวุ่นวายที่สุดในคณะของผม เพราะเด็กทุกคนจะต้องลงมารวมมะรุมมะตุ้มที่ร้านในคณะซึ่งมีอยู่ประมาณถึง 5-6 ร้านด้วยกัน นั่นจึงทำให้การใช้เวลา ในการกินข้าวของเด็กคณะผมนานเป็นพิเศษแถมในบางวันเด็กตึกวิศวะที่มีทางเชื่อมมาถึงคณะผมก็แว๊บมากินกันเยอะเลยทีเดียวเพราะที่คณะวิศวะนั้นร้านอาหารน้อยกว่าตรงคณะผมมากเลยทีเดียว และซึ่งวันนี้ก็คือวันนั้น วันที่เด็กสองคณะแห่กันมากินข้าวที่เดียวกัน … แต่จะบอกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วันนี้
เด็กทั้งสองคณะมารวมกันเยอะจนทำให้เห็นอะไรที่ผิดสังเกตได้บางอย่าง …

“มาร์คนั่นมันธันไม่ใช่เหรอ … ! ” ผมหันหน้าไปตามทางที่ไอ้พลอยชี้ที่จริงก็เห็นละล่ะตั้งแต่เดินมา แต่ว่าไม่ทักแต่มึงดันทักอีกไอ้พลอย !

“กูเห็นแล้ว”

“แล้วนั่นธันนั่งอยู่กับชะนีที่ไหนวะมึง ไม่ใช่เด็กในมหาลัยแน่ๆอะ คือดูดีเชียว” ไอ้มิว คือมึงก็เป็นชะนีอะไปเรียกเขาชะนีอีก

“ไม่รู้อะ สนใจทำไม”

“นึ่มึงสนใจหน่อยไหม นั่นสามีนะคะ สามี แล้วดูนางนั้นสิ จะแดกผู้ชายของมึงอยู่แล้วดูตาก็รู้” โอ้ยมิวมึงไม่ต้องพยายามตอกย้ำอะไรที่กูคิดแล้วพยายามไม่คิดได้ไหมวะเฮ้ย !

ที่จริงก็แอบสงสัยหรือแคลงใจอะไรมาสักพักเหมือนกันว่าช่วงนี้ไอ้ธันชอบคุยโทรศัพท์กับใครบ่อยๆ คุยนานๆแล้วบางทีอยู่กับผมก็ยังคุย แต่จากที่ฟังจากบทสนาที่เคยได้ยิน(แบบไม่ได้ตั้งใจ) ก็ดูไม่น่าจะมีอะไรเลยซะด้วยซ้ำแต่ติดว่าคุยนานและบ่อย .. แต่ด้วยความที่คนรักกันเราต้องไว้ใจกัน ก็เลยพยายามที่จะไม่คิดอะไรมากทั้งๆที่ลึกๆแล้วตัวเองเป็นคนขี้หึ่งมากตั้งหาก ….. ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ไหมว่ามีใครกำลัง ‘หวง’ อยู่

วันทั้งวันผ่านไปไวเหมือนโกหกนี่ตกเย็นรู้ตัวอีกที ก็กลับมาอยู่ห้องกันแล้วผมนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะอีกตัว ส่วนไอ้ธันกำลังนั่งเครียดกับสูตรการคำนวณมากมายและไม้วัดเครื่องวัดอะไรตามหลักวิศวะของมันเต็มไปหมดอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมเห็นเจ้าตัวเองทำหน้าเครียดเลยอยากจะช่วยผ่อนคลายให้กับเจ้าตัวสักหน่อย

ผมค่อยๆเดินเบาๆเข้าไปจากข้างหลังของมันก่อนจะค่อยใช้แขนสองข้างเกี่ยวคอใหญ่ๆไว้และเอาหน้าเกยไปกับไหล่กว้างนั่น

“เหนื่อยมากเลยเหรอ” ผมไม่พูดเปล่าเอาแก้มตัวเองแนบกับแก้มที่ไรนวดเริ่มขึ้นบางๆนั่น บอกให้โกนบ่อยๆก็ไม่โกน แต่มันก็ดูเข้มไปอีกแบบนะ

“นิดหน่อยอะ เครียดไม่รู้จะทำยังไงกับโจทย์ คิดเท่าไหร่ก็ไม่ตรง คำนวณเท่าไหร่ก็เบี้ยว” ไม่พูดเปล่ามันเอาแขนข้างที่ผมเอาหน้าเกยไว้อยู่มาโอบรอบหัวผมก่อนจะ ลูบหัวเล่นผมไปมา

เวลาไอ้ธันเครียดมันจะชอบลูบอะไรไปมา เหมือนเป็นการผ่อนคลายอย่างนึง ตั้งแต่คบกันมาได้ไม่นาน มันจะชอบเอามือมาลูบผมผมเล่นหรือไม่ก็ชอบขอกอดแล้วซุกหน้าไว้ตรงซอกคอ

“พักไหมเดี่ยวทำอะไรให้กิน หิวหรือเปล่า”

“ไม่หรอก อยากอยู่แบบนี้สักพักอะ … ขออยู่แบบนี้ได้ไหม แค่อยากได้ความอบอุ่น”

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ใกล้ชิดให้มากกว่าเดิมไม่รู้จะส่งผ่านความรู้สึกเป็นห่วงนี้ไปให้มันได้ยังไงได้แต่อยู่ให้ใกล้ที่สุดประชิดให้มากที่สุด กอดให้แน่นที่สุดให้อีกคนรู้ว่าคนข้างๆกำลัง ‘เป็นห่วงนะ’

“ตัวหอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ ?” อยู่ดีดีก็หันมาถามด้วยเสียงแปลกๆ ยังไม่ได้อาบ มาชมว่าตัวหอมเฉย..

“ยังไม่ได้อาบ”

“อยากอะ …”

“ไอ้ธัน ทะลึ่งและอยากเหี้ยไร” ผมพูดพร้อมกับฟาดแขนมันไปทีนึง ทะลึ่งนักไอนี่นิ บรรยากาศเสียหมด แต่ก็ยังคงเกาะนึบอยู่ที่คอมันอยู่ดี

“โอ้ย !! อยากหอมแก้มเฉยๆตัวหอมดี อยากหอมแก้มอยากโดนหอมแก้ม นะนะนะ” ทำตาหวานเยิ้มแล้วก็เอาแก้มมาถูกับแก้มผม โอ้ยย แก้มมึงอะสากมากพูดเลยไอ้แฟนเวร

“อย่าถูแรงดิจักจี้”

“หอมแก้มหน่อย”

‘ฟอด’

“หอมแล้ว เอาไรอีก”

“หอมตรงนี้ด้วย” มันชี้ไปที่หน้าผาก

‘ฟอด’

“หอมแล้ว”

“แก้มซ้ายด้วย” ผมเบี่ยงหน้าไปที่ไหล่อีกข้างนึงก่อนจะหอมแก้มซ้ายมัน

‘ฟอด’

“หอมแล้ว”

“ตรงนี้ด้วย”

จู่ๆ มันก็ชี้ไปที่ริมฝีปากตัวเอง  โอ้ยยยย ถ้ามึงจะบอกว่าจูบก็คือจูบไม่ใช่บอกให้หอมแล้วชี้ปากตัวเอง คนทำเขินไหมให้ทายย

“ไม่เอาอะ ปากเหม็น เดี๋ยวเชื้อราติดกลัวไม่มีปากใช้ทำอย่างอื่นอะ”

“โหยไรวะ เร็วๆดิอย่าเรื่องมาก หอมมาทั้งหน้าแล้วนะ เหลือที่เดียวเอง”

“เออ ก็ได้ หันเก้าอี้มา”

พอผมบอกออกไปแบบนั้นมันก็รีบทำหน้าระลื่นหมุนเก้าอี้มาพร้อมกับหลับตาพริ้ม เห้อ เปลืองตัวว่ะเอาใจผู้ชายเนี่ย

ผมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าหล่อนั่นอย่างช้าๆแต่ยังไม่ทันจะได้แตะริมฝีปากหนาๆนั่นอีกฝ่ายดันลืมตาขึ้นมาแล้วใช้ปลายจมูกเขี่ยเข้ากับปลายจมูกมนๆของผม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้ามา เหมือนโดนสะกดเหมือนมีข้อความบางอย่างบอกให้หยุดแล้วจ้องเข้าไป มองเข้าไปให้เห็น

“รักนะครับคนดี … รักมากไม่รู้ทำไมรักมากขนาดนี้”

“รักเหมือนกัน แล้วก็รักมานานแล้ว”

ริมฝีปากของใครอีกคนทาบลงบนริมฝีปากของผม ก่อนจะมอบสัมผัสเบาๆให้กันและกันไม่เนิ่นนานแต่ก็ไม่สั้นไปริมฝีปากหนานั่นขบเบาๆที่ปลายริมฝีปากของผมก่อนเจ้าตัวจะผละออกแล้วยิ้มจนตาปิด

“มีความสุขจังเลย … พอมีความสุขแล้วหิวข้าวจังอยากกินข้าว” ทำหน้าตากวนส้นพระบาทก่อนจะร้องหิวข้าว กระโดดถีบดีไหม

“หึ … แล้วใครบอกว่าไม่หิว ไปทำแดกเองเลยดีไหม”

“โอ๋ๆ ไม่เอาน้า หิวข้าวแล้วคนดี วันนี้อยากกินต้มยำ !!! ”

“โอ้ยอีเหี้ย ทำแดกเองเหอะ ของไม่มี ไอ้ธันอย่ากวนตีนเร็วๆเอาเมนูที่ของในตู้มี”

“โอเค กูยอมกินอะไรก็ได้ แต่ขออร่อยๆน้า นะจ๊ะนะจ๊ะ” พูดจบก็ยักคิ้วกวนส้นเท้าแล้วก็หันไปทำงานต่อ ผมเองก็ได้แต่ยิ้มให้มันแล้วก็เดินออกจากตรงนั้นไปที่เค้าเตอร์เพื่อจะทำกับข้าวให้ไอ้ลิงวิศวะนั่นกิน

มีคนรักมันมีความสุขแบบนี้นี่เองเนอะ !!

.
.
.
.
.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

เอาตอนแรกของตอนพิเศษในนิยายเรื่อง มิสเตอร์ชู่วมาให้ทุกคนอ่านแล้วนะจ๊ะอินโทรเจ็บปวดใช่ไหมล่ะ คิคิ แต่เรื่องในตอนพิเศษนี้จะเป็นอย่างไรติดตามกันได้นะจ๊ะน่าจะมี หลายยยยยยยยยยยยยยย ตอนอยู่ตามที่คนเขียนได้มองๆไว้ คิคิ เอาง่ายๆเลยตอนพิเศษน่าจะเป็นมินินิยายได้ก่อนจะไปเจอกับเรื่องยาวของมาร์คกับธันวา ยังไงก็ฝากติชมมาร์คแล้วก็ธันวา รวมถึงฝากติดตามสองหนุ่มในฟิคยาวด้วยนะจ๊ะ ><

เม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เรื่องเกิดเพราะชะนีมือที่สามเหรอเนี่ย  :katai1:
ถ้าธันมันเล่นด้วยนะ ชั้นจะ  :beat: :beat: :beat: :beat:

มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
กุ๊กกิ๊กน่ารักที่สุด แบบชอบอารมณ์เวลาที่เราชอบใครแล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะใจตรงกับเรามั้ย
จบพาร์ทเรื่องสั้นได้น่ารักมากค่ะ ธันแอบหวานน้า มีเซอร์ไพรส์ด้วย

พาร์ทพิเศษ ตกลงธันนี่จะยังไง นอกใจมาร์คเหรอ แล้วตอนอินโทรที่มาร์คบอกเลิกนี่เพราะอะไร
ไม่อยากมาม่าน้า งื้อ ลุ้นอีกอะไรอีก

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอนพิเศษ : 2

วันนี้เป็นวันที่เรียนแล้วย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ออกมาตั้งแต่ แปดโมงครึ่งตอนนี้ สี่โมงเย็นเรียนแบบไม่ได้พักกลางวันกินข้าวกันเลยทีเดียว ทำไมอาจารย์ต่างชาติช่างทำร้ายจิตใจผู้ชายน่ารักตัวน้อยๆอย่างผมได้ T T
ด้วยความที่เลิกเรียนแล้วหิวมากเพราะเนื่องจากเมื่อกลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะวันนี้มีเมคอัพคราสแทนของวันพรุ่งนี้เลยเรียนยาวงดพักกลางวันทำให้ผมซึ่งหิวมากสุดรีบวิ่งลงจากตึกเรียนชั้นแปดโดยไม่ใช้ลิฟและไม่คิดชีวิตไดๆเพื่อที่จะไปซื้อข้าวหลังคณะกิน ในขณะที่ผมกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินก็ต้องหยุดลงตรงทางโค้งก่อนจะเลี้ยวลงไปที่ลานร้านอาหารของคณะ เสียงที่ผมคุ้นเคยกำลังคุยอะไรกับใครสักคนหนึ่งอยู่กำลังเดินสวนมาจากอีกทางที่มีกำแพงบังผมและเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะชวนให้คนที่เขามาด้วยนั่งลง


“ธันพี่ว่า ธันควรเลิกนะ”


ผมที่ยืนพิงกำแพงอยู่ตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินจากบทสนทนานั้นแม้จะมีคนในคณะเดินประปรายบ้างไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าปกติเยอะเลยทีเดียวอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นเวลาสีโมงเย็นแล้วนั่นจึงทำให้ผมได้ยินเสียงได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเขยิบตัวออกมาอีกสักนิดเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต


“พี่เม ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันเข้าใจแล้ว”

“แต่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจไงธัน”

เอ๊ะเดี่ยวนะ …. พี่เมงั้นเหรอ ? เหมือนถ้าจำไม่ผิด ธันเคยบอกว่ามีพี่สาวคนนึงเรียนอยู่เมืองนอกชื่อเมษาแล้วพี่เมษาคือผู้หญิงที่นั่งคุยกับธันอยู่เนี่ยเหรอ ? ว่าแต่เขาคุยเรื่องอะไรกันนะ ?

“ผมบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าผมยังยืนยันคำเดิม ผมรักมาร์คและผมจะไม่ไปดูตัว”

“แต่แกเป็นผู้ชายธัน แกจะมาคบผู้ชายด้วยกันไม่ได้ พี่รู้พี่เข้าใจว่าเราสองคนรักกัน แต่ความรักของพวกแกมีผลต่อภาพลักษณ์ ถ้าเทียบกับหน้าพ่อและแม่ของเราที่ต้องยังคงไปไหนมาไหนในวงการธุรกิจ”

“แล้วพี่จะเอาภาพลักษณ์ของพ่อแม่มาตัดสินใจหัวใจผมได้ยังไง ในเมื่อผมรัก ผมยินดีและมีความสุขที่จะอยู่กับคนคนนี้” ไอ้ธันเริ่มขึ้นเสียงกับพี่สาวตัวเองแล้ว

“ยังไงก็ตามแต่พี่มาตามแกให้กลับบ้านสิ้น เดือนนี้เจอกันที่บ้าน ถ้าแกยังไม่กลับอีก พี่คงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าพ่อจะลงมาหาแกด้วยตัวเอง ”

ยังไม่ทันที่สองคนนั้นจะลุกไปไหนผมที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็จงใจที่จะเดินสวนออกไป ผมไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสองคน แต่ผมรู้ว่าทันทีที่ผมเดินออกไป เขาทั้งสองคนตกใจแค่ไหนที่เห็นผมเดินออกมาทันทีที่บทสนทนาของพี่น้องได้จบลง


“มาร์คๆๆ เดี่ยวก่อนจะไปไหน กินข้าวเหรอ ไปๆเดี๋ยวธันพาไปกินนะ”


ไอ้ธันมักจะแทนตัวเองว่าธันในเวลาที่มักจะใช้อ้อนผมหรือทำอะไรผิด ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าธัน รู้สึกได้ว่าผมอาจจะได้ยินเรื่องราวที่เขาพูดกับพี่สาวของเขาเกี่ยวกับการดูตัวและเรื่องความรัก”ของเรา” 


โดยปกติผมเองเป็นคนเซ็นซิทีฟกับหลายเรื่องมากแต่กับเรื่องนี้ผม … ไม่รู้สิมันพูดอะไรไม่ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมาลืมนึกถึงทุกอย่าง ผมนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองโดยไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงเลยสักนิดว่าจริงๆแล้ว การคบกันของเราจะสร้างปัญหาหรือสร้างความลำบากให้ใครหรือเปล่า ผมดูเห็นแก่ตัวใช่หรือเปล่า ?

“สวัสดีจ๊ะน้องมาร์ค” อีกเสียงที่ผมไม่คุ้นเคย ส่งเสียงมาจากข้างหลังผมซึ่งนั่นทำให้ผมต้องหันกลับไปตามเสียงเพื่อเป็นมารยาท

“สวัสดีฮะ เรารู้จักกันหรือเปล่าเอ่ย ?” และทันทีที่ผมหันไปผมก็เห็นผู้หญิงร่างเพรียวสูงเยี่ยงนางแบบหน้าตาดีเลยทีเดียวยือยู่ข้างหลัง และปริศนาที่ผ่านมาก็คลี่คลายว่าผู้หญิงคนที่ผมเห็นอยู่กับธันบ่อยๆเป็นใคร ผมปั้นหน้ายิ้มให้ดีที่สุดแม้ในใจจะสับสนและกำลังงงๆกับเหตุการณ์เกี่ยวกับบทสนทนาที่ทำให้ผมเองถึงขนาดหน้ามืดได้ก็ตาม

“มาร์คนี่พี่สาวกูเอง พี่เม” ธันที่รีบเอาของในมือผมไปถือไว้ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของมัน

“หน้าตาน่ารักกว่าที่ธันโม้ไว้อีกนะเนี่ย พี่ชื่อเมษา เป็นพี่สาวของธันเองจ๊ะ” พี่เขาส่งยิ้มหวานๆมาให้ราวกับว่าไม่ได้รังเกียจหรืออะไรผม แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างมันส่งออกมาจากบทสนทนาเมื่อกี้หรือเปล่า ?

“ไม่หรอกฮะพี่เม ว่าแต่พี่เมมาทำอะไรที่มหาลัยเหรอฮะ ? ” ผมก็ทำเป็นใจที่สู้เสื้อไปงั้นแล่ะ ถามไปตามมารยาท

“อ่อ พอดีพี่มีธุระกับธันนิดหน่อยเลยแวะมาแต่เดี่ยวจะกลับแล้วล่ะ เราสองคนก็ไปใช้เวลากันสองคนเถอะจ้ะ >o^ พี่ไม่กวนและ อย่าลืมที่คุยกันไว้นะธัน”


พี่เมพูดเสร็จก็เดินจากไปเฉยๆ เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนจากธันสักพักแล้วล่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆที่ได้ยินเมื่อกี้มันแบบทิ้งความหนักใจที่ใหญ่เท่ากับภูเขาสักสิบลูกไว้ที่อกของผม ผมไม่รู้จริงๆว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรแล้วมันต้องการอะไรจากผม ตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรมาก ปล่อยอารมณ์ไปตามสายลมไปก่อนละกัน ก่อนผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมออกจากภวังค์


“มาร์คกินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว ” ไอ้ธันเรียกผมกินข้าว ผมมองหน้ามันก่อนที่จะยิ้มบางๆให้แล้วก็กำลังจะเดินไปกับมัน แต่เจ้าตัวดันเอามือหนาๆนั่นมากุมมือผมไว้ ผมมองหน้ามันสลับกับมือที่จับอยู่ด้วยความสงสัย  โดยปกติแล้วหลายๆคนเขาก็รู้แล่ะว่าผมกับธันเป็นอะไรกันแต่เราก็ไม่ได้แสดงออกกันมากขนาดนั้น แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ที่แปลกนี่ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่มันรู้สึก อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  .. มันกระชับมือผมแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะออกแรงเบาๆดึงผมไป


“มึงได้ยินใช่หรือเปล่าเมื่อกี้ …” ผมเลือกที่จะเงียบและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทนสิ่งที่ไอ้ธันถามมา

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มึงจำไว้นะมาร์ค กูจะมีแค่มึง มึงเท่านั้นคือลมหายใจของกู ” มันพูดแบบนั้น ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยกับเรื่องที่รู้สึกเป็นกังวลอยู่ มันไม่ได้หันหน้ามาหาผม แต่เดินหันหน้ามุ่งหน้าไปยังร้านขายข้าว ตลกดี แฟนใครวะ :3

หลังจากกินข้าวรับประทานโน่นนั่นนี่หลังคณะกันเสร็จแล้วเราสองคนต่างพาตัวเอง กลับมายังห้องอันรกครึ่งไม่รกครึ่ง นั่นก็เป็นเพราะครึ่งห้องที่ไม่รกเป็นของผมและครึ่งห้องที่รกเป็นของไอ้ผู้ชายหน้าหล่อที่พอผมเปิดประตูเข้ามาก็ยืนยื้มแหยๆ อยู่เพราะรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คืออะไร


“ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!! นายธันวา สิงหวดี !!!!!!! ไอ้แฟนเฮงซวย มึงทำห้องรกแบบนี้ได้ยังไง !!!!!!!!!” นี่แล่ะที่จะเกิดขึ้น โดนวีนไปเลยไหมล่ะ !!!! อย่างงี้ต้องเอาให้ตายไปข้าง คือผมเป็นคนเกลียดสิ่งที่สกปรกและรกห้องมากๆมันทำให้ผมรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวนอนไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่างเมื่อเจอความสกปรก และไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป ผมก้าวเข้าไปประชิดตัวก่อนจะดึงหูไอ้ตัวสกมกเข้ามาในห้อง

“โอ้ย !!! มึงใจเย็นๆ กูขอโทษ ปล่อยหูกูก่อนนะ นะ นะ เจ็บอะมึง” ผมรากมันมาถึงตรงที่มันทำรกและสกปรกไว้

“แหกตาดู แหกดูซะ ว่าทั้งเสื้อผ้า กางเกงใน รองเท้า ทำไมมากองอยู่หน้าโต๊ะกับข้าวแล้วก็หน้าโต๊ะทำงาน และก็นี่ตรงนี้มัน @$##%%@$%$#$!!$#%#%#$ ”

ผมบ่นไปประมาณสามสิบนาทีได้ก่อนตัวเองเนี่ยล่ะจะหมดแรงผมจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำโดยมีไอ้ลิงหน้าหล่อนี่ตามเข้ามาอาบด้วย คือเอาจริงๆแม่งไม่เคยสลดเหี้ยไรเลยพอโดนด่าเสร็จก็ยิ้มล่าถอดเสื้อโชว์กล้าม(-////-) เดินเข้าห้องน้ำมา แต่ทุกคนอย่าคิดลึกไปนะไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆแค่อาบน้ำเท่านั้นเองเพราะฉะนั้น ปล่อยผ่านความคิดทีมันไม่ดีไปนะจ๊ะทุกคน
วันนี้ระหว่างทางกลับหอไอ้ธันแวะตลาดนัดใกล้ๆหอแปบนึงซื้อของมาตุนเข้าตู้เย็นเพราะมันบอกว่ามันจะอ่านหนังสือและรับรองว่าต้องหิวแน่ และก็เป็นหน้าที่ผมเช่นเคยที่ต้องมาทำกับข้าวให้มันกิน มันเข้าไปนั่งเครียงานพักใหญ่ๆก่อนจะตะโกนออกมาว่าอยากกิน ข้าวผัดกุ้ง คงใช้พลังงานในการอ่านหนังสือมากถึงขั้นร้องซะดังว่าให้ทำกับข้าวให้กิน ผมจัดการเข้าครัวหั่นผักหั่นทุกอย่างเสร็จ ก่อนจะลงมือทำกับข้าว หลังจากทำเสร็จผมก็เรียกไอ้ธันมานั่งกินที่โต๊ะ
มันเดินมาที่โต๊ะ นั่งกินข้าวไปสักพักนึงผมก็เก็บกวาดซากอารยธรรมโบราณที่คุณชายท่านทิ้งไว้แล้วก็มาหย่อนตัวข้างๆไอ้ธันที่หย่อนตัวลงไปนั่งโซฟาเปิดทีวีดูละครก่อนหน้าผมซะเรียบร้อยแล้ว
แต่ดูเหมือนมีรางสังหรณ์บ่างอย่างอยู่ดีดีเรื่องที่ผมไม่คาดคิดน่าจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

“มึงกูมีไรจะบอก” มันพูดพร้อมกับวาดมือมาเกี่ยวไหล่ผมให้เข้าไปในอ้อมกอดวงแขนใหญ่ๆของมัน

“ว่าไง ข้าวผัดกูไม่อร่อยเหรอ เออดีงั้นเลิกกันเลยไปหาแฟนใหม่” ผมหันไปบีบจมูกมันพร้อมกับพูดติดตลก แต่จริงๆ ก็แอบรู้สึกหวั่นๆกับเรื่องที่มันจะพูดออกมา

“เฮ้ยย !! ไม่ใช่ไม่เลิกเลิกไม่ได้ ไม่เอา อย่า ไม่เลิก หยุดเลยแม่ง มึงอะ คนละเรื่องและเหี้ยเหอะ ตั้งใจฟังหน่อยดิ นี่จริงจังนะ” มันตะโกนออกมาดังมาก คือมึงจะตะโกนทำไมกูพูดเล่น = = แล้วก็เริ่มหน้ายู่และสงสัยคงต้องตั้งใจและจริงจังจะฟังละ

“อะว่ามาไหนมีเรื่องอะไร”

“กูต้องไปดูตัว......”

เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจและไม่รู้จะพูดอะไรอะไรต่อ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเงียบซะจนได้ยินเสียงอากาศที่วิ่งไหลถ่ายเทอยู่ภายในห้องด้วยเครื่องปรับอากาศและมีเพียงแค่เสียงจากทีวีที่ดังออกมาจากตัวของมันเอง  อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ผมก็คิดมาแต่เย็นแล้วล่ะครับที่พี่เมษาบอกให้ธันเลิกกับผม และคุณพ่อคุณแม่ของธันให้ธันไปดูตัว นี่คือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า ธันควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผมใช่หรือไม่ ความรักของคนอย่างผมจะมีค่าและทำให้ธันมีความสุขได้จริงๆเหรอ


“มาร์ค เป็นไรเปล่า อย่าเงียบดิมึงกูใจไม่ดี” เพราะเสียงของมันทำให้ผมออกจากภวังค์เมื่อกี้ได้

“อะไรมึง เป็นอะไรใจไม่ดี ส่งพี่เบิร์ดดิ ซ้อมด้ายยยยยยยยยย ” ผมก็ทำใจดีสู้เสือไป ไม่อยากให้มันคิดมากและตัวผมเองก็ไม่อยากคิดมากเหมือนกัน

“มึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า ถ้ากูจะไปดูตัวตามคำสั่งพ่อ”

“เฮ้ย มึงคิดไรมากกูไม่เป็นไรหรอก ”

“มึง ที่กูบอกมึงเพราะกูรักมึงมาก …. มากซะจนคิดว่าชีวิตนี้กูคงขาดมึงไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นแค่เวลาไม่กี่เดือนที่เราคบกันจริงจัง แต่มึงรู้จักกับกูมาสามปีแล้วความรักที่มีมันมากจนมันล้นออกมากูไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้ากูขาดรอยยิ้มของมึงไปชีวิตกูจะเหี้ยขนาดไหน” มันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง นัยน์ตาของผู้ชายคนนี้กำลังสั่นไหว …  นี่ผมมีค่าต่อธันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ?? แต่คือมึง โรแมนติกกว่านี้ได้ปะวะ คือกูฟังแล้วโครตฮาร์ดคอร์

“แล้วต้องไปดูตัวเมื่อไหร่ ?”

“สอบเสร็จสิ้นเดือนนี้ก็จะไป .... มาร์คมึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า คือ ... มึงกูรักมึงคนเดียวจริงๆนะ แต่กูก็ขัดพ่อไม่ได้แต่กูสัญญากูจะปฏิเสธทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้และกูจะเอามึงไปหาพ่อกับแม่ให้ได้” มันบอกอีกครั้ง ธันพยายามที่จะย้ำ ย้ำให้ผมเชื่อว่ามันรักผมมากแค่ไหน ทั้งสีหน้าแววตา ผมเชื่อว่ามันไม่โกหกผมหรอก มันไม่มีทางที่จะโกหกผม

“กูรู้แล้ว กูเชื่อใจมึงเสมอแล่ะ ”
ความไว้ใจและเชื่อใจสิถึงจะทำให้ความรักของเราไปรอด ผมยินดีที่จะเชื่อและมั่นคงกับธันเหมือนที่ธันเองก็จะมั่นคงและเชื่อใจผม อุปสรรคครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยความรักที่เรามีให้กัน … มั้ง

“ขอบคุณนะเว้ยที่เชื่อใจ กูสัญญานะมึง ว่ากูเนี่ยล่ะจะทำให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่เปลี่ยมไปด้วยความมั่นใจมาให้ผมพร้อมกระชับกอดจากวงแขนนั้นให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่า มันเนี่ยล่ะจะปกป้องผมเอง และผมเองก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน :)
 

บรรยากาศการสอบปลายภาคเริ่มขึ้นมาสักพักแล้วจนตอนนี้ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ซึ่งสภาพหน้าทั้งผมแล้วก็ไอ้ธันช่างเหมือนศพซะจริงๆเลยให้ตายสิ ก่อนสอบที่อ่านหนังสือกันนั่นว่าเหมือนตายแล้วพอตอนสอบนี่เหมือนตายไปแล้ว แล้วโดนทรมานอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกันต์กันเลยทีเดียว T T ใบหน้าอันแสนงามของตัวเองต้องกลายเป็นเยี่ยงศพขนาดนี้ต้องรีบไปฟื้นฟูโดยด่วน !
ผมกับไอ้ธันนัดกันว่าวันนี้สอบเสร็จแล้วเราจะไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกันเพื่อเป็นการแก้เครียด หาดเหรอก็เอาแบบไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่หาดใกล้มหาลัยเนี่ยล่ะ ! ผมที่สอบเสร็จเป็นคนแรกก็รีบกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาของเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะขับมอเตอร์ไซน์ออกไปซื้อไรมากินลองท้องนิดหน่อยแล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือในสวยสาธารณะมหาลัย ผมใช้เวลาสักพัก จู่ๆโทรศัพท์เครื่องสวยของผมก็ส่งเสียงเรียกเข้า และหน้าจอก็เป็นเบอร์ของคนที่ผมคาดไว้ไม่ผิด

‘ธันวา’

“ฮัลโหลว่าไง แฟนใครโทรมา”

“อยู่ไหนอ่า คิดถึง มาหาหน่อย”

“อยู่สวนมหาลัย ยังไม่ตอบเลยแฟนใครโทรมา” ก็แกล้งแหย่มันไปงั้นแล่ะ นานๆทีอยากมีเวลาสวีทหวานน้ำตาลมดกับเขาบ้าง

“กูไม่มีแฟนนะ มึงไม่รู้เหรอ” ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!! นี่แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ โอ้ยยยคนฟังจะน้ำตาตกดีไหม แต่ก่อนผมจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นอยู่ดีดีมันก็แทรกมาด้วยประโยคที่ว่า

“กูไม่มีแฟน กูมีแต่คนที่กูรักหมดใจ”

อีเหี้ยยยยยยยยยยยย พอก่อนไหม !! คนฟังก็จะทำอะไรได้ก็นั่งเขินน่ะสิ ปลายสายหลังจากปล่อยหมัดฮุกวงในมาขนาดนี้ก็ขำเสียงเล็กเสียงน้อย คงจะรู้แล่ะว่าผมเองก็เขินทำอะไรไม่ถูก

“พะ ... พอเลิกเล่นได้แล้วสอบเสร็จแล้วใช่ไหมไปอาบน้ำที่หอเลยเร็วเข้า แค่นี้นะ”

ผมสั่งมันก่อนปลายสายจะขานรับแค่คำว่า ครับผม แล้วตัดสายไป เห้อมีแฟนเคยหน้าม่อมาก่อนพอมาเจอลูกหยอดลูกอ้อนนี่บางทีก็แทบพังเหมือนกันนะ ที่พังน่ะหมายถึงหัวใจนะครับ หัวใจจะวายตายรับความหวานไม่ทัน เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายคนถึงหลงคารมณ์ไอ้หน้าหล่อนี่   

ผมเองก็ยังนั่งยิ้มไม่หุบก่อนจะพับหนังสือเก็บกระเป๋าแล้วรีบขับมอเตอร์ไซน์คู่ใจไปที่หาดล่วงหน้าเนื่องจากผมเองก็แต่งตัวเสร็จแล้ว เอาแค่หนังสือกับกระเป๋าออกมาแค่นั้น

บรรยากาศชายหาดบางแสนช่วงห้าโมงเย็นนี่ในฤดูนี้นี่มันช่างสวยงามซะจริงๆ แม้น้ำจะไม่ได้ใสมากเหมือนหาดอื่นๆแต่บรรยากาศและความร่มรื่นก็ไม่แพ้กันเลยทีเดียว พระอาทิตย์สีแดงฉานที่กำลังค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีส้มอ่อนๆ ส่องทั่วฟ้าในเวลาห้าโมงเย็นตัดกับเส้นขอบฟ้ารวมไปถึงแสงที่สะท้อนกับน้ำไปมาวิบวับ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังไงก็บอกไม่ถูก ><  ผมกับธันนัดกันไว้ริมหาดบางแสนซึ่งต้องขับรถจากวงเวียนปลาโลมาแสนน่ารักออกมาอีกสักระยะนึง ผมกับธันจะชอบมาเดินเล่นกันเวลาที่เราอยากจะผ่อนคลายหรือใช้เวลาร่วมกัน ธันเคยบอกว่า “ทะเลก็เหมือนกับมึง เวลาสงบก็นิ่งซะเดาไม่ถูก เวลาคลื่นแรงนี่ก็ซัดเอาซะกระเด็น (ตกลงมึงชมกูปะวะไอ้แฟนหน้าลิง = = ) แต่ยังไงก็ตาม มึงก็ยังเหมือนทะเลที่สวยงามไม่ว่ายังไงก็ยังคงจะต้องอยู่ อยู่เป็นสีสันและความสวยงามให้กับชีวิตกู” ขณะที่ผมกำลังปล่อยอารมณ์ไปกับลมเย็นๆ และทะเลแสนสงบยามเย็นอยู่นั้นอยู่ดีดีก็มีใครก็ไม่รู้โพลมากอดจากด้านหลัง ดัง

‘หมับ ! ’

“เฮ้ย !! ใครอะ” ผมร้องลั่นเลย ตกใจอยู่ดีดีก็มีคนมาคว้าจากทางด้านหลังเนี่ย

“แฟนคนสวยแถวนี้แล่ะ คิคิ” หัวเราะ หัวเราะ ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“คนสวยหอกไรล่ะ เล่นแบบนี้ตกใจถ้าเกิดหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำไงวะ” ผมด่ามันแต่ก็ยอมให้มันกอดยกไปยกมาอยู่อย่างงั้นแล่ะ(ก็ทำไงได้แม่งตัวใหญ่ ผู้ชายเหี้ยไรหุ่นดีเชียว =,.= เห็นบ่อยแล้วนะแต่ไม่ชินอะ เขินแปบ) แม่งเล่นเหี้ยไรแบบนี้พอดีกัน เกิดพกมีดไว้ป้องกันตัวไม่ชักออกมาแล้วแทงว่าที่สามีในอนาคตตายห่าไปละเหรอ (นี่มั่นใจจะเอามันสร้างอนาคตจริงๆใช่มะ คิดใหม่แปบ)

“เตรียมอะไรเซอร์ไพร้ไว้ตรงโน้นนนนนน หลับตาก่อนแล้วเดี่ยวพาเดินไป” ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็หลับตาแบบไม่แอบมอง(จริงๆนะ) ตามไอ้คนที่จูงมือเดินไปตามหาดที่มีเม็ดทรายนี้ เดินไปได้สักพักมันก็บอกให้ผมลืมตาซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ….  โต๊ะดินเนอร์ ที่จัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา พร้อมกับอาหารทะเลขนาดย่อมๆที่พอจะกินได้สักสองสามคนรวมไปถึงซุ้มที่ห่อด้วยผ้าสีขาวทำเหมือนซุ้มในห้องนอนของเจ้าหญิงในเทพนิยาย

“ชอบเปล่า นี่ไปจ้างร้านตรงโน้นนนนนนนนน มาจัดโต๊ะดินเนอร์ให้เลยนะ” พูดแบบภูมิใจพร้อมกับชี้ไปไกลโพ้น กูนึกว่ามึงจัดเองแสดดด

“เห้อ มีแฟนหรือมีห่าไรวะเนี่ย ทำห่าไรให้กูประทับใจไม่ได้สักอย่าง” ผมแกล้งทำหน้ายู่แต่จริงๆก็แค่ชอบแหย่ คิคิ

“มึงไม่ชอบเหรอ” ไอ้ธันพูดเสียงอ่อยเลยครับ เออได้ผลว่ะ แต่เลิกแกล้งและคือหิวข้าว ผมเลยเดินทำหน้าดุเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะ …..

‘จุ๊บ’

“ขอบคุณนะธัน” พูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะรีบวิ่งไปที่โต๊ะ เจ้าตัวก็เอ๋อๆก่อนจะยิ้มซะแก้มปริแล้ววิ่งตามมาที่โต๊ะก่อนที่พวกเราจะเริ่มทานอาหารเย็นแสนโรแมนติก ? ที่คุณแฟนสุดหล่อจัดให้ผม ><
เรากินกันไปพักใหญ่คุยเรื่องข้อสอบคุยเรื่องคะแนนคุยนั่นคุยนี่มันช่างมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกผมรับรู้ได้ถึงความสุขที่มาจากคนตรงหน้า ความรักทีได้รับมันมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน ช่วงเวลาที่เราคบกันมาธันไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยจริงๆธันเป็นแฟนที่ดีเป็นผู้ชายที่ดีและให้เกียรติผมเสมอ เราหัวเราะกันใหญ่โตก่อนที่บรรยากาศมันจะต้องดูพังลงสักหน่อยเมื่อธันพุดเรื่องนี้ขึ้นมา

“มึงพรุ่งนี้กูต้องกลับไปบ้านเพื่อดูตัวแล้วนะ” ธันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเองก็ยังไม่ได้ทันตั้งตัวก็ชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน

“อื้มไปดิมึง เดี๋ยวกูรออยู่ที่นี่ล่ะกูรู้มึงเครียได้” ผมก็ตอบไปแต่ไม่ได้สบตาคนตรงหน้า ผมเองก็ไม่อยากแสดงความหวั่นไหวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ สิ่งที่อยากทำคือ อยากจะเชื่อใจธัน เชื่อมั่นในตัวธันให้มากๆ

“แต่ว่ามึง”

“อะไรล่ะ ทำหน้าจริงจังแบบนั้นมีไร”

“กูจะพามึงไปหาพ่อกับแม่ด้วย”
.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาแล้ว รอกันนานหรือเปล่า ดูเหมือนจะไม่มีใครอ่านนิยายเขาเลยเพราะไม่มีใครเม้นเลย ฮาาาา
ขอโทษด้วยนะจ๊ะถ้านิยายมันไม่สนุก เราเขียนสุดความสามารถแล้วจริงๆเพื่อมาร์คกับธันวา ยังไงก็แสดงความคิดเห็นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะจ๊ะ ><  แอบเศร้าเบาๆไม่มีใครเม้นนิยายเรา ㅜ ㅜ

อัพเดทนิดนึง เห็นเพื่อนๆหลายคนบอกว่าที่คนไม่อ่านคงเพราะเราเขียนหัวข้อไม่ดีเอง คนเลยไม่ีค่อยรู้
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆนะจ๊ะ จะทำให้ดีกว่านี้ ><

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2014 00:48:17 โดย orange332 »

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
พ่อแม่ที่คิดถึงแต่หน้าตาทางสังคมของตัวเองมากกว่าความสุขของลูก สุดท้ายก็อาจจะสูญเสียทุกอย่างไป

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ PJansam

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ว้าว มีตอนพิเศษด้วย
คือมันไม่เด้งอะนะคะว่าอัพ  เลยเพื่งมาอ่าน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ห้องนิยายจบแล้ว คนเข้ามาอ่านน้อยอ่ะ แถมไม่ได้ลงวันที่ไว้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีตอนใหม่

สงสัยจะโดนพ่อแม่ดราม่าใส่แน่ๆเลย
อย่าไปแคร์ เราสวยซะอย่าง ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh3:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ไหนว่าจบแล้วหง่าาาา ค้าาางงงงงงง

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ lahlunla

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew1: น่ารักมาก  เพลงก็เพราะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ชอบค่ะ น่ารักดี ธันกับมาร์ค^^

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
มาร์คอย่างน่ารักอ่าาาา~~
วิธีของธันแบบ...ชอบอ่าาา
ง้อและประกาศเป็นแฟนไปในตัวเลย อิอิ :hao7:

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ตอนพิเศษ : 3


และแล้ววันที่ผมเป็นกังวลมากที่สุดก็มาถึง วันที่ธันต้องไปพบพ่อแม่แล้วก็เตรียมที่จะไปดูตัวเช้าวันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนก็นอนไม่หลับ มันคิดอะไรต่อมิอะไรมากมายเมื่อคืน นี่ตื่นมาหน้าตายังกับหมีแพนด้าขอบตาดำหน้าเหี่ยวนี่ถ้าไปบ้านไอ้ธันสงสัยหน้าแก่กว่าแฟนชัวร์ = = ! ผมตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าและก็อาบน้ำรอไอ้ผู้ชายที่นอนน้ำลายไหลใส่หมอนตื่น คือขอเผาแฟนตัวเองนิดนึงเวลามันนอนใช่มะ น้ำลายแม่งชอบไหล คือภาพลักษณ์สุดหล่อที่มีในมหาลัยคือหมดและกลายเป็นเหี้ยมากจริงๆ มีหลายเช้านะที่ผมตื่นมาเพราะรู้สึกเปียกๆ ที่หลังไอ้ธันแม่งน้ำลายไหลใส่เสื้อ ผมเลยต้องลุกมาเปลี่ยนเสื้อแล้วเอาทิชชู่มามาเช็ดให้ ผมจัดแจงเตรียมกระเป๋าอะไรต่อมิอะไรที่จำเป็นเสร็จก่อนจะรีบเดินไปปลุกได้คนนอนน้ำลายยืดอยู่ และเหมือนเดิมผมต้องถือทิชชู่ไปด้วยไปเช็ดน้ำลาย ฮาๆๆๆๆๆ

“ไอ้ธันตื่นเร็วใกล้เวลาแล้ว เดี่ยวออกสายไปอาบน้ำ” ผมเดินอ้อมไปที่หัวเตียงก่อนจะค่อยๆนั่งลงข้างๆ เจ้าของศรีษะที่หลับไม่รู้เรื่องน้ำลายไหลอยู่

“อื้อ ....” มันครางเบาๆ ก่อนจะพลิกตัวไปมาทำหน้าพริ้มไปอีก

“ตื่นเร็วธัน เดี๋ยวไม่ทันนะ ข้าวเช้าก็เสร็จแล้วไปอาบน้ำ” ผมเริ่มเขย่าตัวมันเบาๆและไอ้นี่มันขี้เกียจเวลาจะตื่นเกือบไปสอบสายก็เพราะแบบนี้ล่ะ

“ขอห้านาทีนะ ง่วง”

“ง่วงอะไร ตื่นเร็ว”

“มอร์นิ่งคิส”

“มอร์นิ่งคิสอะไรวะ”

“เร็วๆสิ เดี๋ยวเจ้าชายนิทราไม่ตื่น”

คือไอ้ธันเวลานี้เนี่ยนะ มึงอยากโดนพ่อหรือแม่มึงแดกหัวก่อนหรือไงโอ้ยอีดอก(คำนี้ไม่ได้มานาน) ผมก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันนี่ปวดหัว ง่วงนอนก็ง่วง ปวดหัวก็ปวด แถมต้องมาเห็นไอ้ผู้ชายบนเตียงทำปากจุ๋กวนส้นตีนหลับตางุ้งงิ้งอีก เฮ้อ = =

“ไม่ทำเหรอ …..” เอาและมันเริ่มดราม่าและ

“คือมะ ....”

“กูเข้าใจ มึงคงไม่รักกูหรอก”

“มึงมันไม่ใช่อย่างงั้น คือมึงเข้าใจเปล่าว่า ...”

“เออ.. กูไปอาบน้ำแล้ว”

มันทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องเจอผมกดลงเตียงเหมือนเดิมพร้อมกับขึ้นไปคล่อมเลย โมโห !

“มึงฟัง ไอ้ผู้ชายขี้มโน กูไม่ใช่ผู้ชายกูยังไม่ขี้มโนเท่ามึงเลย”

ผมจ้องหน้ามันและพุดด้วยสีหน้าจริงจัง มันเองก็ยังคงทำหน้าบู้บี้อยู่ เฮ้อ = =

“กูแค่อยากให้มึงเตรียมตัวไปให้ดี แค่อยากจะบอกมึงว่า กูเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว กูไม่อยากให้แฟนกูขาดตกบกพร่องอะไรและกูเองก็ไม่อยากจะทำตัวให้ขาดตกบกพร่อง เดี๋ยวพ่อแม่มึงเขาจะหาว่ากูสู้คนที่เขาหามาไม่ได้”

ผมไม่พูดเปล่าก่อนจะก้มลงไปแตะริมฝีปากหนาๆนั่นเบาๆ ก่อนจะค่อยถอนออกจากริมฝีปากนั่น ไอ้คนได้มอร์นิ่งคิสแล้วก็ทำหน้ายิ้มแป้นมีความสุขจนแบบหน้าหมั่นไส้อะ

“จะไปอาบน้ำแล้วอะ” มันบอกผมที่หันหน้าไปทางอื่นอยู่ ไม่อยากมองหน้า เขิน = //// =

“ก็ไปดิ”

“แต่มึงอะ ....” มันเอามือมันมาจับมือผมไว้คือมาจับทำไมวะมึงจะทำไรเนี่ย

“อะ...อะไร” ผมหันกลับมามอง ทันทีที่มันเอามือมาจับมือผมไว้

“คือหนักอะ ลุกหน่อยได้เปล่าจะไปอาบน้ำ”


โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยธันวา อีดอก !!!!


หลังจากที่ตบตีให้พ่อพระเอกประจำงานวันนี้ได้กินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วเราก็ออกจากหอพักของคุณชาย(ที่จริงมันหอกูนะ)ด้วยบีเอ็มคันสวยของมัน ระหว่างทางไอ้ธันดูไม่มีท่าทีที่จะตื่นเต้นหรืออะไรเลยดูออกจะผ่อนคลายและอารมณ์ดีซะด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นผมเองที่รู้สึกเครียดรู้สึกได้จริงๆว่ามือตัวเองเย็นมาก ทำไมกังวลอะไรขนาดนี้ขนาดจะสอบยังไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้เลยจริงๆ นี่ผมกลัวมากไปหรือวิตกกังวลมากไปหรือเปล่าจริงๆมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ไอ้ธันเองก็อาจจะ แก้ปัญหาได้แบบที่มันบอกก็ได้ แต่ถ้ามันแก้ไม่ได้ล่ะ โอ้ยยยยย ทำไมปวดหัวตุบๆแบบนี้ มันอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ เราก็แค่วิตกกังวลเกินกว่าเหตุ เหมือนไอ้ธันจะผิดสังเกตผมเลยเอามือหนาๆนั่นมากุมมือผมไว้ ซึ่งวันนี้มือมันอุ่นกว่าทุกวันจริงๆ หรือเพราะมือผมเย็น ?

“เป็นอะไรทำไมมือเย็นแบบนี้ กลัวเหรอ ?” มันจับแล้วก็บีบมือผมไปมาซึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นแต่ไม่คลายความในเครียดในใจไปได้เลย

“เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบมันทั้งๆที่ผมเองก็ยังมองออกไปนอกหน้าต่างไร้จุดหมาย

“อะไรวะ คนเก่งแบบมึงที่ล่อด่าแฟนเก่ากูซะกระเชิงจะมากลัวตอนไปเจอพ่อแม่กูเนี่ยนะ ”

มันพูดล้อๆผม ก็แหมคือมึงเข้าใจมะว่ามันคนละฟิลแสดดดดด

“ส้นตีนเหอะ เงียบๆแล้วขับรถไปได้แล้ว”

ผมสะบัดมือมันออกก่อนจะเอามากอดไว้ที่อก แต่มันก็ยังเอามือมันมาล้วงมือผมคืนไปจับไว้แล้วก็ขับรถสบายใจมุ่งหน้าไปสู่บ้านคุณชายท่าน

สองชั่วโมงผ่านไปกับการนั่งรถอยากจะบอกว่า รถติดมากๆผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่ได้เป็นเด็กรุงเทพแม้จะเข้ากรุงเทพบ่อยก็ตามแต่ก็ไม่ชินกับรถติดสักที ไอ้คุณชายธันวาบ้านมันอยู่แถวเอกมัยครับจากทางด่วนมานี่ก็ใกล้จะถึงบ้านมันแล้วยิ่งรถคันหรูวิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่ ผมเองก็ยิ่งเป็นกังวล กดดัน และไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อต้องเจอหน้าพ่อแม่ธัน พ่อแม่ธัน อยากให้ลูกชายท่านเลิกกับผมซึ่งเอาตรงๆแล้วผมก็เข้าใจเหตุผลของท่านแล่ะ ตัวผมเองไม่ได้เป็นแม้ผู้ชายด้วยซ้ำในสังคม … ตัวผมเองเป็นเหมือนมุมเล็กๆในสังคมกว้างใหญ่นี้ ความหดหู่และความกดดันจากสังคมภายนอกที่มีต่อความรักอย่างของผมและธันรวมไปถึงเพศสภาพอย่างผมที่ใครๆก็คงไม่อยากจะยอมรับให้เข้าไปอยู่ในชีวิต ผมเองตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยคิดนึกถึงความจริงที่มันจะเกิดขึ้นถ้าผมยังต้องอยู่กับผู้ชายที่พร้อมทั้งฐานะ หน้าตา และสังคมอย่างธัน ผมเองก็ไม่ใช่ไม่มีฐานะหรือหน้าตาทางสังคมพ่อแม่ของผมอาจจะไม่ได้รวยหรือมีความใหญ่โตเท่าบ้านธัน แต่ก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมระดับหนึ่งก็ว่าได้แต่ก็อย่างว่า แม้ฐานะ หน้าตา หรือสังคมจะเทียบกันได้ การยอมรับเพศสภาพที่ผิดแปลกจากปกติเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันในบ้าน ในฐานะพ่อแม่ที่มีลูกชายและฝากความหวังไว้กับเขาแล้วล่ะก็ คงจะไม่ใช่เรี่องน่ายินดีเอาซะเลย


และแล้วเวลาแห่งโชคชะตาอันเลวร้ายในชีวิตผมก็มาถึง ไอ้ธันขับบีเอ็มของมันมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งถูกตกแต่งไว้ในสไตล์โมเดิร์นพื้นที่โอ่งโถงและกว้างขวางร่มรื่นด้วย ธันลงจากรถไปกดเครื่องรับข้อความหน้าบ้านก่อนที่ประตูไฟฟ้าจะค่อยๆเปิดอย่างช้าๆและเผยให้เห็นคฤหาสน์สิงหวดีสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า รถคันสวยค่อยๆเคลื่อนเข้าไปก่อนจะจอดสนิทในโรงเก็บรถ


“มึงพร้อมยัง” ไอ้ธันหันมาถามผม

“อืม ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วล่ะ”


ทันทีที่ผมตอบก็เปิดประตูรถลงไปเลย ณ จุดจุดนี้ ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และในที่สุดตัวผมเองก็มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลสิงหวดี ธันเดินมาข้างๆผมก่อนจะโอบไหล่แล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน พวกเราเดินมาจนถึงประตูทางเข้าบ้านวินาทีแรกที่เหยียบตัวพื้นหินอ่อนเย็นๆของบ้านก็ทำให้ผมรู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยจริงๆ


“ป๊าม๊า สวัสดีครับ”

ทันทีที่เดินเข้าบ้านธันก็ยกมือไหว้ชายหญิงวัยกลางคนที่ดูมีภูมิฐานและหน้าเกรงขามในบ้านที่นั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมประดับไว้ด้วยทีวีขนาด เกินเจ็ดสิบนิ้วได้ มาดของผู้หญิงและผู้ชายวัยกลางคนตรงนั้นแม้จะดูเกรงขามแต่กลับยิ้มให้อย่างอบอุ่นและเป็นมิตรทั้งกับผมแล้วก็ธัน

“อ้าว ธัน มาแล้วเหรอลูก มาๆ มากินของว่างกับ ป๊า ม๊าก่อน แล้ว ข้างๆลูกนั่นใครล่ะ เพื่อนลูกเหรอ”

คุณแม่ของธัน ทันทีที่เห็นไอ้ธันเดินเข้ามาในบ้านก็รีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาลูกชายโดยทันที

“สวัสดีฮะ คุณน้า” ผมยกมือไหว้ คุณแม่ของไอ้ธันทันทีทีท่านเดินเข้ามาประชิดตัว

“โอ้ย ไม่ต้องเรียกคุณน้งคุณน้าอะไรหรอกลุก เรียกม๊าเหมือนธันเนี่ยล่ะ” คุณแม่ของธันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะเอามือนิ่มๆของท่านมาลูบหัวผมไปมา

“ธัน ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้ ป๊ารู้จักหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มๆจากชายวันกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาส่งมาถึงธันที่กำลังยืนยิ้มให้ผมกับม๊าที่กำลังคุยกันนิดหน่อย

“ครับ ป๊า ม๊า นี่มาร์ค เพื่อนที่มหาลัยของธันเอง ”

“สวัสดีครับ ป๊า สวัสดีม๊าอีกครั้งนะครับ” ผมไหว้บุคคลที่นั่งอยู่ตรงโซโฟ ก่อนจะหันมาไหว้ผู้หญิงตรงหน้าอีกรอบ

“น่ารักกว่าที่เมษาเล่าอีกคุณ คุณคิดแบบนั้นไหม” ม๊าของธันลูบหัวผมปอยๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะให้ไปยิ้มให้กับป๊าของธันที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหน

“น่าเอ็นดูจริงๆ แบบที่เมษาบอกแล่ะ” ป๊าพูดก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆเป็นการขอบคุณสำหรับคำชมนั้น

“เด็กๆ เอาเสื้อผ้าไปเก็บบนห้องก่อนแล้วกันเนอะ แล้วลงมากินของว่าง เดี๋ยวม๊าให้ป้าเพ็ญเขาเตรียมของมาให้”

“ธัน แต่เดี๋ยวแกอยู่คุยกับป๊าม๊าก่อนนะ น้องมาร์คเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บได้เลยนะลูก ห้องธันอยู่ทางขวาขึ้นไปห้องแรกเลย ไม่ต้องเกรงใจทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านเลยนะ”

คุณป๊าบอกให้ผมเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บก่อนพร้อมกับส่งยิ้มให้ ซึ่งดูก็รู้แล้วว่าจะคุยเรื่องอะไรกัน ผมที่เป็นคนนอกจึงได้แต่ยิ้มแล้วก็พยักหน้าเป็นการตอบรับแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนใหญ่ของธัน เอาจริงๆการสนทนาเริ่มต้นไปได้ด้วยดีไม่น่ากลัวแบบที่ผมคิดตั้งแต่แรก แต่อะไรจะเกิดต่อจากนี้ไปผมเองก็คงจะต้องมีสติ และพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปสินะ


ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่ตกแต่งไว้ด้วยสีน้ำตาลอ่อนๆดูสบายตา ฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ดูใหม่ไม่มีฝุ่นจับเลยแม้แต่นิดเดียวคงเพราะมีคนทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนจะเอากระเป๋าไปจัดแจงเอาของและเสื้อผ้าออก หลังจากจัดของโน่นนั่นนี่เสร็จแล้วผมก็เดินสำรวจห้องนอนใหญ่ของธันมัน ผมเหลือบไปเห็นรุปครอบครัวที่ตั้งไว้บนหัวเตียง เป็นรูปที่มีผู้หญิงและผู้ชายสองคนที่ดูมีภูมิฐานอยู่อยู่พร้อมกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักและเด็กผู้ชายหน้าตาหน้าหยิกในชุดเดรสและชุดสูท นี่คงเป็นรูปครอบครัวที่นานมาแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ในทันทีว่าเด็กผู้ชายใส่สูทสีน้ำตาลโบว์สีแดงเป็นใคร จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ธันนั่นเอง ตอนเด็กๆหน้าตาน่าขย้ำมาก >< น่ารักที่สุด หลังจากผมเดินสำรวจห้องเสร็จแล้วก็ตั้งใจว่าจะลงไปข้างล่างผมจึงเปิดประตูกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาจากห้องโถงข้างล่างซะก่อน จึงเสียมารยาทแอบฟังจากตรงระเบียงหน้าห้อง 


“ตกลงน้องมาร์คเป็นแฟนแกจริงๆใช่ไหม” เสียงทุ้มๆของชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามธันเอ่ยขึ้น จะเป็นใครไปซะอีกล่ะก็คุณป๊าของมันนั่นล่ะ

“ถ้าใช่ ป๊าจะให้ธันเลิกกับคนรักจริงๆหรือไง”

“ม๊ากับป๊าไม่อยากพูดแบบนั้นนะธัน แต่ธันเป็นผู้ชาย ธันจะคบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง”

“แต่ธันก็รักของธัน ธันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับมัน ม๊าห้ามคนรักกันไม่ได้หรอก”

จุดนี้ ธันมันเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเหมือนไม่พอใจ ผมที่กลัวคนข้างล่างจะผิดสังเกตจึงเดินถอยมาพึงประตูห้องแต่ก็ยังคงฟังบทสนทนาจากคนข้างล่างอยู่ดี

“แต่ครอบครัวเราทำธุรกิจธัน บ้านเราต้องมีสังคมมากมายที่ต้องเจอ ธันไม่สามารถทำตามใจชอบอย่างเดียวได้ ธันต้องนึกถึงหน้าป๊าหน้าม๊าด้วย”

“ผมไม่สนว่าธุรกิจหรือสังคมของป๊าจะต้องใช้หน้าตาขนาดไหน แต่ถ้าผมต้องเลิกกับมาร์คจริงๆ ผมจะไม่สนอะไรเหมือนกัน” โอ้ย ! ธันวา มึงไปยื่นคำขาดกับพ่อแม่แบบนั้นได้ยังไง

“ป๊าเองก็ไม่สนเหมือนกันว่าแกจะรักกันขนาดไหน แกจะต้องหมั้นกับคนที่ป๊าหาให้ และเย็นนี้ คู่หมั้นของแกจะมาทานข้าวที่บ้าน มีเวลาจนกว่าจะเย็น อยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน”

และดูเหมือนบทสนทนาทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น ผมยืนอยู่สักแปบก่อนจะกลั้นใจเดินลงไปข้างล่าง ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น มีแค่ม๊า กับธันที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่

“ธัน พามาร์คไปเที่ยวเล่นสิลูกแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าวเย็นกันที่บ้าน .. ”

“แต่ม๊า …..”

“ไปเถอะ แล้วเจอกันตอนเย็นที่บ้าน”

ม๊าพูดแค่นั้นก่อนจะเดินคล้อยหลังเข้าครัวไป การที่ม๊าอยากให้ผมกับธันออกไปนอกบ้านคงเพราะ อยากจะให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างพ่อลูก ซึ่งมี ผม เป็นต้นเหตุนั่นเองแล่ะครับ ผมที่ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่หันไปยิ้มให้ธันที่ทำหน้าเป็นกังวลไม่น้อยก่อนจะเดินเข้าไปจับมือมัน

“ไปพาราก้อนกัน อยากกิน  อาฟเตอร์ยูว์ ” พร้อมกับเขย่ามือมันเบาๆเป็นการอ้อน ทำให้คนตรงหน้ายิ้มได้หน่อยนึง เย็นนี้มึงต้องเจออะไรกูรู้ดี เพราะฉะนั้น ตอนนี้กูเองก็ไม่อยากทำให้มึงลำบากใจเหมือนกัน

“ก็ได้ ไปกินของหวานให้มึงอ้วนกันดีกว่า” มันพูดแค่นั้นก็จะขยี้หัวผมซะฟู และเราสองคนก็จูงมือกันกลับไปขึ้นรถ บีเอ็มคันหรูคันเดิมก่อนจะแล่นออกไปที่ห้างดังย่านสยาม

ใช้เวลาไม่นานจากคฤหาสน์ในซอยเอกมัยเนื่องจากเป็นวันธรรมดรถจึงไม่ค่อยติดมากแล้วเวลาตอนนี้ก็ยังพึ่งบ่ายนิดๆเอง มาจนถึงสยามธันเข้าไปจอดรถเสร็จสรรพในห้างเรียบร้อย  ผมก็เดินนำริ่วไปเลยทีเดียวเพราะอยากไปดูกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองก่อน ผมกวักมือเรียกไอ้ธันจ้อยๆ ให้มันรีบตามมา เราสองคนเดินดูนั่นดูนี่ในห้างกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว เพราะผมเองก็อยากคลายเครียดด้วยการมาเสียเงินเหมือนกัน ผมเดินซื้อนั่นซื้อนี่ไอ้ธันก็แบกของตามผมต้อยๆ ผู้คนที่เดินผ่านเราไปมาก็มองพร้อมกับอมยิ้มกับภาพที่พวกเขาเห็น นั่นก็คือไอ้ธันที่ถือของเต็มมือแต่ผมรากมันไปโน่นไปนี่แบบไม่ได้ห่วงมันเลยว่ามันจะหนักหรือเปล่า นี่ยังไม่รวมปากเสียงระหว่างการซื้อของที่เถียงกันไปเถียงกันมาแบบไม่ได้แคร์ใครเขาสักนิดเลย ฮาๆ


ได้ฤกษ์สักทีที่เราจะไปกินอาฟเตอร์ยูว์กันหลังจากออกจากช็อปเสื้อผ้าเราก็ลงบันไดเลื่อนมาเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดินที่ตั้งของต่ำแหน่งร้าน พอมาถึงร้านพนักงานก็กดบัตรคิวให้ผมยืนรอหมายเลขตามที่รันคิวเพื่อที่จะได้เข้าไปนั่งในร้าน ร้านนี้นี่มันอะไรกันก็ไม่รู้ทำไมคนอยากกินหนักหนาร้านขนมบ้าไร คือคนต่อคิวเยี่ยงจะมาแย่งของเซลล์ในร้านซึ่ง อีก 10 คิว ร้องไห้แปบ


ในระหว่างที่กำลังยืนรออยู่นั้นก็มีเสียงของใครคนนึงเรียกไอ้ธันมาจากข้างหลังของพวกเรานั่นล่ะครับ



“อ้าว ธัน ! ”

.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

มาอัพตอนที่ 3 แล้วจ้า เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับความรักของคนทั้งสอง มาร์คและธันวาจะต้องเจอกับอะไรอีก ยังไงก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยรวมไปถึง มาร์คกับธันวาด้วยนะจ๊ะ ใกล้จะจบตอนพิเศษแล้ว ><

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เสียงเรียกนั่นเป็นของน้องนีล่ะมั้ง อาจจะเป็นคู่หมั้นก็เป็นได้

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ตอนพิเศษ : 4




“อ้าว ธัน !”


ผมกับธันหันไปตามเสียงเรียกของคนข้างหลังพอหันไปก็พบกับผู้หญิงคนนึง หน้าตาน่ารักใช้ได้เลย ผิวพรรณสะอาดสะอ้านดูเป็นคนเรียบร้อยน่ารักเลยทีเดียวแล่ะครับ (แต่คือในใจนี่คิดว่า กิ๊กคนที่เท่าไหร่ของไอ้ธัน)


“เฮ้ย !! เมอร์เมด ! ” ไอ้คนถูกเรียกพอหันไปเจอเจ้าตัวก็ถึงกับตาโตตกใจยกใหญ่ (สรุป ชะนีนี่มันเป็นใครวะ = = !)

“ธันวา จริงๆด้วย จำเมดได้ใช่ไหม ดีใจจัง เราไม่ได้เจอกันนานมาก !! ”

เธอชื่อเมอร์เมดครับ ดูท่าแล้วคงรู้จักกับไอ้ธันอยู่ไม่น้อยไม่งั้นคงไม่ใช้คำพูดแบบนี้ แต่แบบชื่อเมอร์เมด อีดอก ของทำปากเป็นรูปสระอิแปบ = = !


“ใช่ๆ นี่เมดกลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอ เรียนจบแล้ว ?”

“ใช่ๆ เมดพึ่งเรียนจบน่ะ พอดีอยากรีบจบเลยเรียนเร็วไปหน่อย คิคิ ”

“โห ดีจัง นี่ธันพึ่งอยู่ ปีสาม แต่เมดเรียนจบแล้ว ดีอะ ธันขี้เกียจเรียนแล้ว” แล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าแบบใกล้ตาย (เดี๋ยวมึงได้ตายแน่ๆ)

“เดี๋ยวก็จบแล้วน่ะ ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ ว่าแต่ …. ธันจะไม่แนะนำเพื่อนคนนั้นให้เมดรู้จักหน่อยเหรอ ”

เธอพูดพรางชี้ยิ้มๆ มาที่ผมที่ยืนกดโทรศัพท์ทำเป็นไม่สนใจ แต่จริงๆกูฟังทุกบทสนทนาแล่ะ หึ !

“อ๊อ ไอ้นี่อะเหรอ …. มัน ชะ …. ”

“หมายเลข เอสองร้อยสิบห้า คุณธันวาค่ะ” แต่ก่อนมันจะพูดจบพนักงานก็เรียกเบอร์ของโต๊ะเราซะก่อน

“ไปนั่งด้วยกันไหมเมด จะได้ไม่ต้องรอคิว เมดมาคนเดียวใช่เปล่า” ไอ้ธัน มึงจะมาชวนเขาทำไมตอนนี้ กูจะกินมึงเห็นหน้ากูไหมเร็ว ช้า อีดอก กูรีบ หงุดหงิดโว้ย !

“ใช่ๆ เมด มาคนเดียว เพื่อนธันจะไม่ว่าอะไรใช่เปล่า ”

“อ๊อ ไม่ว่าอะไรหรอก แค่ขัดจังหวะเฉยๆ” รู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อยถึงปานกลาง ก็เลยตอบออกไปแบบนั้น เจ้าตัวที่ได้ยินก็ถืงกับหน้าเสียไปเบาๆเหมือนกัน

“มาร์คไปพุดแบบนั้นได้ไง !  ” ไอ้ธันกระซิบเชิงดุผมว่าไปพูดกับผู้หญิงแบบนั้นได้ไง ! ผมก็ได้แต่ทำหน้ายู่เบะปากเป็นเชิงบอกมันให้รู้ มึงเห็นกูสบอารมณ์มากเลยเหรอ หึ !!!

“ไปนั่งด้วยกันนะเมด ปะๆ เดี๋ยวพนักงานเขารอ น่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว” ไม่พูดเปล่าคว้าแขนชะนีใสแจ๋วเดินเข้าไปทิ้งให้ผมที่เป็นแฟนยืนอยู่เฉยๆแล้วเดินตามเข้าไป ? คือสรุปมึงพาเขามากินหรือพากูมากินวะ


ผม ธัน แล้วก็นางสาวทีไม่ได้รับเชิญ(ในความคิดผม) อย่างเมอร์เมดก็เข้ามาจัดแจงเก้าอี้นั่งกันเสร็จ พนักงานในชุดสีเข้มจัดแจงช้อนซ้อมพร้อมอธิบายวิธีการสั่งให้ก่อนจะเดินจากไป 


“เมดอยากกินอะไร เดี๋ยวธันไปสั่งให้” หึ พ่อมึงเหอะ ถามกูสิว่ากูอยากแดกไร แม่งทำไมตอนนี้ทำกูอารมณ์เสียจังเลยวะ (คนเขียนนั่งทำตา ปริบๆ)

“เมดเอา ฮันนี่โทสธรรมดาก็พอ ฝากด้วยนะธัน” ยัยเจ้เมอร์เมดสงสัยได้รับพลังรังสีมารชั่วจากตัวผมเลย รีบบอกธันก่อนจะยิ้มบางๆและนั่งกินน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

“ถามกูบ้างสิ ว่ากูจะแดกอะไร... เฮ้ยยย !! ” ยังไม่ทัน จะพูดจบเลยแม่งลากผมออกจากเก้าอี้ไปเค้าเตอร์กับมันเลย จับเบาๆก็ได้ปะวะ กูเจ็บนะ

“ธันมึงเป็นบ้าไร กระชากซะแรงเจ็บนะเว้ย” ผมโวยมันก่อนจะเอาข้อมือตัวเองมาดู แม่ง กระชากขนาดนั้นข้อมือขาดขึ้นมาทำไงวะ

“มึงเป็นบ้าไร วันนี้เนี่ย ไม่ได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเหรอ ไปจิกเมอร์เมดเขาทำไม” มันพูดด้วยเสียงเบาๆในระหว่างที่รอคิวสั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์กับผม

“แล้วไง มึงรู้ได้ไงว่ากูจิก กูเปล่ากูเคยจิกใครด้วยเหรอ ” กรอกตาไปมาทำไม่รู้เรื่อง ก็ไม่รู้เว้ย กูเห็นผู้หญิงเข้าใกล้มึงแล้วกูหมั่นไส้ รำคาญ อยากโวยวาย มีอะไรไหมละ !!!!!!!!!

“หึงกูล่ะสิ ใช่มะๆ” มันเอาศอกมากระทุ้งเอวผม เป็นเชิงล้อๆว่า มึงหึงกูๆๆๆๆ

“กูเปล่า เดี๋ยวมึงก็ต้องแต่งงานแล้ว กูทำใจก่อน จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง” ทำไมคำตอบนี้มันแบบ เจ็บใจแปลกๆวะ

“มาร์ค !! ”  ไอ้ธันจ้องหน้าผมเขม็งเลย พร้อมทำเสียงดุใส่ด้วย แต่ผมก็ยังทำเป็นไม่สนใจอะไร

“คิวต่อไปเชิญเลยค่ะ” แล้วเสียงระฆังก็มาช่วยชีวิต เพราะพนักงานเรียกให้พวกเราไปสั่งขนมแล้ว !


ผมกับไอ้ธัน เลือกขนมที่อยากได้แล้วก็จัดแจงสั่งเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดไร ผมเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังเล่นมือถืออยู่พอพวกเราเดินไปก็สั่งยิ้มให้ธันคนเดียว = = ! ผมไม่ค่อยสบอารมณ์เลยบอกทั้งคู่ไปว่า


“ขอตัวไปห้องน้ำแปบนึงนะ อยากล้างหน้า พอดีเหม็นขี้หน้า .. !”



- ธันวา


เฮ้อออออออ นี่ผมจะเป็นลมสลบคาโต๊ะร้านอยู่แล้วนะเนี่ย ไอ้มาร์คเล่น ใส่เป็นชุดให้เมอร์เมดเพื่อนสนิทผมขนาดนี้แม่ง กูจะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย คือผมดูก็รู้แล่ะว่ามาร์คมันหึง แต่คือ ทำไมแม่งหึงได้ถูกที่ถูกเวลาจังวะ เวลามีคนอื่นที่ดูออกจะเปรี้ยวสวยเผ็ดกว่านี้มาเกาะแกะผมแม่งไม่เห็นจะสนใจหรือปริปากด่าอะไรเลย นี่พอแม่งมาเจอเมอร์เมดก็อาระวาดตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย เกิดไรขึ้นกับมันวะ แล้วนี่ไม่วายทิ้งระเบิดใส่หน้าเมอร์เมดไว้อีกก่อนจะเดินหายริ่วๆ ออกจากร้านไป



“เฮ้ออ ….”  ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่นี่ไม่รู้จะมุดหน้าเอาไปไว้ตรงไหนของโต๊ะดี

“เป็นอะไรเหรอ ธัน” เมอร์เมดถามผม คือทำไมสีหน้าเมอร์เมดดูกั้นขำจะไม่อยู่แบบนั้น

“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะเมดคือ มันคงอารมณ์ไม่ดีอะไรมาอะ อย่าถือสามันเลยนะ” ผมที่กลัวเมอร์เมดคิดมากเลยบอกขอโทษเธอไปตรงๆดีกว่า

“นี่เมดคิดว่า จะไม่รอดเงื้อมือแฟนธันซะแล้วนะ นี่คิดว่าจะต้องโดนปาดคอตายคาร้านอาฟเตอร์ยูว์แน่ๆ แฟนธันน่ากลัวมาก คิคิคิ ”

เจ้าตัวไม่พูดเปล่าพร้อมหลุดขำออกมาซะผมเองก็งงๆ แฟนผม ทำเรื่องไว้ ทะ … เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ แฟน แฟน เฮ้ยยยยยยยย เมดรู้ได้ไง ?

“เมดรู้ ?” ผมถามออกไปด้วยสีหน้าตกใจที่สุดคือ เมดรู้ได้ยังไง ??


“อ้าวนี่เมดพูดผิดเหรอ ? ฮิฮิ ดูไม่ออกเลยเนอะ ฮาๆ ก็ธันชอบมอง มาร์คด้วยสายตาที่เอ็นดู ขนาดนั้น ในสายตาของธันมันมีแต่คนข้างๆตลอดเวลาเลย พอมองมาร์คธันก็ชอบอมยิ้ม ไม่รู้ตัวเหรอ เป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนกันนะเนี่ย ฮิฮิ นี่ไม่รวมที่มาร์คหึงธันจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วยนะ นี่ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ! ”


“แล้วเมดไม่รังเกียจธันเหรอ ที่ธันชอบผู้ชาย”


ผมถามออกไปด้วยเสียงไม่สู้ดีนักคือผมไม่ได้ต้องการจะปิดอะไรหรอกครับแต่คืออยากทำให้มันดูจริงจังแล้วก็เป็นทางการกว่านี้หน่อยเวลาบอกใครๆจะได้พูดได้อย่างเต็มปาก อีกอย่าง ผมยังไม่ได้เครียปัญหากับพ่อแม่ด้วยเลยพูดได้ไม่เต็มปากว่าไอ้มาร์ค มีความสัมพันธ์อย่างไรกับผมตอนนี้


“ไม่หรอก ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยที่เห็นธันเปลี่ยนรสนิยมแต่เอาจริงๆ ที่อเมริกาก็เยอะแยะ เพื่อนเมดก็เยอะแยะที่เป็นแบบนี้ แล้วมาร์คเองก็หน้าตาน่ารักมากเลยด้วย เหมาะกับธันสุดๆไปเลย เมดเป็นคนใจกว้างนะ ยอมรับแล้วเข้าใจอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ธันก็รู้นิ ”

เมดเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะครับ ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอก็เป็นผู้หญิงจิตใจดีแบบนี้ น่ารักสดใส คิดบวกอยู่เสมอแล้วก็เป็นที่รักของทุกคนจริงๆ แล้วก็ไม่แปลกที่ผมจะเคยชอบเธอมาก่อนเช่นกัน แต่ก็ต้องอกหัก เพราะเธอดันไม่รับรักผมซะงั้น (แกคิดไหมว่าถ้ามาร์คได้ยิน แกจะเหลือคออยู่บนบ่าไหมธันวา : คนเขียน )


“นี่สงสัยที่ไปเข้าห้องน้ำคือข้ออ้างที่จะเดินงอนออกจากร้านนั่นแล่ะ ไม่รู้ป่านี้ไปตรงไหนแล้ว” ผมบ่นลอยๆไปงั้นแล่ะครับ นี่อยากไปง้อนะ แต่มันไม่รู้จะทำไงวินาทีนี้ = = !

“ดูธันจะรักมาร์ค มากเลยนะ ” เธอยิ้มใส่ผมอย่างล้อๆ

“ใช่แล่ะ ธันรักมันมากจริงๆ ” ผมได้แต่มองถ้วยน้ำที่วางอยู่ข้างๆกันบนโต๊ะก่อนจะเผลอยิ้มออกมา แมนๆแบบผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะครับ

“พูดแค่นี้ต้องเขินด้วยเหรอ คิคิ มาร์คก็รักธันมากเหมือนกันแล่ะเมดดูออก”

“รายนั้น ความรักขึ้นลงเร็วเป็นปรอทเลย เดี๋ยวก็เมินเดี๋ยวก็หวาน เดี๋ยวก็โวยวาย”

“ดูท่าแล้วมาร์คน่าจะเป็นคนปากแข็งเอาเรื่องอยู่นะ แต่เชื่อเถอะธัน เมดดูออกมาร์ครักธันไปไม่น้อยกว่าที่ธันรักหรอก”

“แต่ตอนนี้ธันกำลังกลุ้มใจเรื่องบางเรื่องอยู่น่ะสิ” ผมได้ทีก็อยากจะหาที่ปรึกษาซะเลย ถ้าไปปรึกษาไอ้มาร์คสงสัยรายนั้นได้น้ำตาท่วมจอแน่ๆเลย

“เรื่องอะไรเหรอธัน ?”

“เย็นนี้ ธันมีนัดดูตัวกับคนที่ป๊าหามาให้”

“เฮ้ออออ ...” ทันทีที่ผมพูด เมอร์เมดถึงกับถอนหายใจลงเฮือกใหญ่เลย

“ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่า เมดก็ถูกจับไปดูตัวเหมือนกัน” ดูจากรูปการแล้วน่าจะใช่แล่ะ

“ถูกต้องเลย เมดถึงหนีออกจากบ้านมาห้างนี่ไง เพราะไม่อยากไปดูตัวแต่สุดท้ายคงห้ามอะไรไม่ได้น่ะ ”

เธอยิ้มเศร้าๆให้ผม ก่อนจะตักขนมกินต่อไป นี่ทำไมเราสองคนถึงต้องมาตกชะตากรรมลำบากเหมือนกันด้วยเนี่ย !!

“ขอโทษด้วยนะธัน เรื่องนี้ให้คำปรึกษาไม่ได้ มืดแปดด้านเหมือนกัน”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก แต่ก็นะ กลุ้มจริงเราสองคน” ผมเองก็ต้องนั่งกุมขมับเหมือนกันแล่ะงานนี้ เฮ้อ !! 





ผมเองที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำ (มันคือข้ออ้าง !) ยังคงมองกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำที่สะท้อนภาพตัวเองทำหน้าตาบูดเบี้ยวไม่เป็นชิ้นดีเลยจริงๆ ทำไมต้องรู้สึกหวงอะไรขนาดนี้ เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่อยากให้เข้าใกล้ธันเลยจริงๆ ปกติไม่ใช่คนกัดชะนีอะไรขนาดนั้นแต่นี่แบบถึงขนาดเสียมารยาทต่อหน้าธันเลยคือต้องเกิดอะไรผิดปกติกับตัวเองแน่ๆ !
ผมตัดสินใจรวบรวมสติก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วมุ่งหน้าไปที่โต๊ะเหมือนเดิม


จากน้องร้านผมมองเห็น ธันแล้วก็เมอร์เมดคุยกันอย่างออกรสออกชาติสนุกสนานสดใส พอเห็นภาพแบบนั้นแล้วความคิดๆชั่วๆที่เอาไว้ทำร้ายตัวเองก็ผุดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไมได้ ‘ทำไมเขาดูเหมาะสมกันจัง’ เพียงช่วงวินาทีเดียวที่ความคิดแบบนี้แล่นเข้ามาในหัว อยู่ดีดีน้ำตาก็เอ่อในตาแบบบอกไม่ถูก ทำไมวันนี้เกิดงี่เง่าอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ทำไมอยู่ดีดีก็รู้สึกไม่ดีที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้ธันมากๆแบบนี้ไม่รู้


ผมปาดน้ำตาที่มันเกือบจะไหลออกมาอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะปั้นหน้าเดินกลับเข้าไปหาทั้งสองคนที่นั่งหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่


“อ้าวมึงมาแล้วเหรอ” ไอ้ธันทันทีที่เห็นผมเดินมาก็ขยับเก้าอี้จัดแจงให้ผมนั่งซะดิบดี ทำดีผิดปกตินะมึงต่างจะเมื่อกี้เลยสัส !

“มาร์คทานหรือยัง เมื่อกี้เมดกับธันกินกันซะจนเหลือนิดเดียวเอง ขอโทษที สั่งใหม่ไหมเดี๋ยวเมดเดินไปสั่งให้” จะมาพูดดีกับกู
ทำม่ะ โครตไม่สบอารมณ์ แต่ก็ทำได้เพียงพูดในใจ


“อ๊อไม่เป็นไรหรอก มาร์คหน้ามืดนิดหน่อย เริ่มกินอะไรไม่ค่อยลงแล้วอะ เมดกับธันกินให้หมดเลยก็ได้ ” ผมบอกปัดๆไปก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูนู่นดูนี่แทน

“มึงไม่สบายเปล่ามาร์ค กูพากลับบ้านก็ได้นะ ” ธันพูดจบยังไม่ทันดี เสียงโทรศัพท์ในเคสสีชมพูเพชรก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ย

~ก็เสียงหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าต้องใจเธอ~

“ธัน มาร์ค เดี๋ยวขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะ” เจ้าหล่อนหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกไปจากร้านเพื่อไปคุยโทรศัพท์ ณ ตอนนี้ ก็มีผมกับไอ้ธันอยู่กันสองคน

“มึงเป็นไรเปล่า มาร์ค” ไอ้ผู้ชายข้างๆผมอยู่ดีดีก็ถาม ก่อนจะเอามือหนาๆของมันมาโอบไหล่ผมให้เข้าไปในวงแขนมัน

“ไม่ได้เป็นไร....” ขี้เกียจอธิบาย เหนื่อยใจแปลกๆตอนนี้

“อย่าโกหกดิ ดูหน้าก็รู้ว่าเป็น” มันไม่พูดเปล่าเอาอีกมือที่ยังว่างอยู่มาจับมือผม เริ่มใจอ่อนแล้วอะ ทำไงดี

“ก็เป็นนิดหน่อย … มั้ง”

“เป็นไรคนดีของธัน ….. ” เริ่มหวานใส่และ ภูมิต้านทานเริ่มลดลงเรื่อยๆ

“อย่ามาหวานตอนนี้เลย คนอยู่เยอะแยะ”

“ไม่เห็นเป็นไรก็เรารักกันนี่นา” มันเริ่มเขยิบเข้ามาในเก้าอี้ผมแล้ว แต่โชคดีเหลือเกินก่อนที่อะไรมันจะมากไปกว่านี้

“ธัน มาร์ค คือ ……” เมอร์เมดครับ เจ้าหล่อนเดินเข้ามาตอนที่ไอ้ธันกำลังคิดจะทำมิดีมิร้ายผมพอดี แล้วคาดว่าคงเห็นไอ้ธันจะทำไรนั่นล่ะ หน้าเมอร์เมดดูแดงๆผิดปกติ

“คือ เมดจะมาบอกว่าเมดต้องไปแล้วเดี๋ยวจะไปนัดดูตัวกับคุณแม่ไม่ทันตอนเย็นยังไงก็ไว้เจอกันใหม่นะ ธันยังใช้เบอร์เดิมใช่ไหม เดี๋ยวไว้ติตด่อไป” เมดทำท่าเขินอะไรแปลกๆก่อนจะบอกพวกผมแค่นั้นและรีบหยิบกระเป๋าแล้วจ้ำอ้าวออกไปทันที

ผมเองที่มองตามหลังเธอไปจนลับหายไปในฝูงชนในห้างก็มองหน้ากันพร้อมดูเวลาที่ข้อมือว่ามันกี่โมงแล้ว ปรากฏ เวลาที่แสดงตอนนี้คือ



17.20





ธัน คือมึงมีนัดกันตอนหกโมงนะเว้ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาอัพตอนที่ 4 แล้ว เข้ามาถึงกับช๊อคที่ไม่มีใครเม้นเลย โอเค เข้าใจแล้วล่ะว่ามันคงไม่สนุกจริงๆ T T แต่ยังไงซะก็จะส่งมาร์คกับธันให้ถึงฝั่งให้ได้ ส่วน Project เรื่องยาวคงขอเขียนเงียบๆไปพัฒนาฝีมือก่อนแล้วกันเนอะ ลงเมื่อไหร่ยังไม่รู้ T T ทุกคนอาจจะมองว่าที่เขียนอะไรแบบนี้อาจจะอยากเรียกร้องความสนใจ แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย ต้องการฟี๊ดแบ็คของนิยายเพื่อไปปรับปรุงเท่านั้นเอง แต่เข้าใจแล้วว่ามันไม่สนุกจริงๆ จะพยายามเขียนให้มากขึ้น และดีขึ้นไปอีก

ขอบคุณคุณ IsDeer มากๆที่อ่านแล้วก็แสดงความคิดเห็นอินกับนิยายของเรามาเสมอ สัญญาว่าจะเขียนให้ดีขึ้นไปกว่านี้

ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2014 18:22:06 โดย orange332 »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
รอตอนต่อจ๊ะ มาด่วนๆ อยากรู้ว่าจะตกลงยังไง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ได้แต่หวังว่ามาร์คจะแรงคงเส้นคงวาและไม่ดราม่า

เมดนี่ต้องถูกจับมาคู่ธันแน่ๆเลย แต่ใจนึงก็แอบอยากให้ดราม่ายาวๆไปเลยจะได้อ่านหลายตอน
ลากยาวไปทำวัยทำงานเบย อิอิ

ปอลิง เม้นน้อยน่าจะเป็นเพราะอยู่ในห้องจบแล้ว มันเลยไม่เด่น แต่เห็นวิวยังวิ่งขึ้นอยู่นะ

ออฟไลน์ orange332

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอนพิเศษ : 5



หลังจากที่เดินเถียงกันมาตลอดทางจนขึ้นรถและจนมาถึงบ้านด้วยตีนผีของไอ้ธัน พวกเรามาถึงบ้านธันภายในเวลายี่สิบนาทีซึ่งทำให้ตอนนี้พวกเราทั้งสองคนพอที่จะมีเวลาอาบน้ำทำตัวให้สะอาดก่อนหกโมง

ผมที่อาบเสร็จเป็นคนแรกภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็มานั่งทาหน้าทาตาด้วยครีมบำรุงระดับพรีเมี่ยม(ที่แดกเงินในกระเป๋าผมไปทุกๆสามและสี่เดือน แกรบแสดดด) เป็นผู้ชาย ?? ยุคนี้ต้องดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี แต่แล้วความคิดเหี้ยๆของตัวเองก็แล่นเข้ามาตอนที่ผมกำลังจะเปิดกระปลุกครีมแสนแพงและทามันลงบนหน้า

‘ถ้าธันมันชอบคู่หมั้นของมันแล้วผมจะเป็นยังไงวะ ?’

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดจัญไรแบบนั้นออกไปจากหัวก่อนจะรีบทาหน้าทาตาให้เสร็จ ประจวบกับพอดีที่ธันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
เราสองคนช่วยกันเร่งแต่งตัว ผมให้ธันใส่เสื้อโปโลสีขาวมีลายพาดเป็นเส้นสีน้ำเงินและเหลือเล็กๆ ของ Playboy ซึ่งเข้ากับให้ร่างสูงตรงหน้าผมอย่างดีเลยทีเดียว ก่อนจะหยิบกางเกงยีนที่พึ่งซื้อมาเมื่อกี้นี้ของ Lee รวมไปถึงเข็มขัด Louise Vitton ของผมที่ผมซื้อมาใช้เอง (แต่ไอ้เหี้ยตรงหน้าแม่งชอบเอาไปใช้ ส้นตีนมาก )

ส่วนผมเองก็อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลแล้วก็เสื้อเชิ้ต Playboy สีขาวมีลายกระต่ายตรงกลางเสื้อเหมือนกัน พร้อมกับเสื้อคลุมยืนผับแขนขึ้นมาถึงตรงข้อศอกวันนี้ไม่ได้ทำอะไรกับตัวเองมากแต่งตัวสบายๆ พร้อมไปกินข้าวกับคุณป๊าและคุณม๊าของไอ้ธันข้างล่างไอ้ธันพอเห็นผมแต่งตัวเสร็จก็มา ยืนข้างๆแล้วก็มองหัวจรดเท้าแล้วชมผมว่า ‘น่ารักอะ’ คือแม่งอยู่ดีดีก็ชมกูเขิน

“พร้อมยัง ?”ธันจับมือผมพร้อมกับมองผมในกระจกเป็นเงาสะท้อนเราสองคนอยู่ในนั้น

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วล่ะ เฮ้อ อีดอก กูว่านะกูต้องเป็นลมคาโต๊ะอาหารแน่เลยว่ะ”

“มึงเก่งจะตายด่าแฟนเก่ากูซะเปิงมารขนาดนั้น มึงไม่ตายหรอกแค่เจอคนที่มาดูตัวกับกูเนี่ย”


ก๊อก ๆ ๆ


จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ครับ ” ไอ้ธันตะโกนตอบเสียงเค๊าะประตูนั้น

“คุณมาร์ค คุณธันวาคะ คุณผู้หญิงให้ป้าลงมาตามไปที่โต๊ะอาหารค่ะแขกมาถึงกันครบแล้วค่ะ” ป้าเจียมแม่บ้านของบ้านธันเดินขึ้นมาตามพวกผมที่อยู่ในห้องนั่นเอง


“ไปกันเถอะ”



ธันไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นก่อนจะจูงมือผมไปที่ประตูแล้วก็เปิดออก เราสองคนเห็นทางข้างหน้าที่เป็นทางเดินต่อไปยังบันไดชั้นสองของบ้าน ผมที่เพียงเห็นแค่บันไดก็รู้สึกใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกตัวเองขี้ขลาดอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ผมกับไอ้ธันค่อยๆ เดินลงบันไดไปเรื่อยๆ พอมาถึงชั้นหนึ่งเราสองคนก็เดินตรงไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกและทันทีที่เข้าไปถึงข้างใน สิ่งที่ผมกับไอ้ธันเห็นแล้วต้องช็อค พอๆกับที่อีกฝ่ายก็ช๊อคไม่แพ้กันก็คือ



“เมอร์เมด !!!!!!!!!! ”


“ธัน มาร์ค !!!!!!!!!!! ”



พวกเราทั้งสามคนต่างตะโกนออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตกใจ ตกใจมาก มากถึงมากที่สุด มากยิ่งกว่ารู้ว่าเรือไททานิกแม่งล่มที่ไหนซะอีก มากยิ่งกว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน โอ้ยยยยย ชีวิตกู พังๆๆๆๆๆๆ พังแบบพังพินาศ (ตกลงใครกันแน่ที่หมั้นวะ : ธันวา)

“อ้าว นี่เด็กๆรู้จักกันอยู่ก่อนแล้วเหรอ ” คุณป๊าของธันทำหน้าฉงนทันทีที่เห็นพวกผมสามคนอึ้งแดกรับประทานกันทุกคนตอนนี้
 
“ค ... ค่ะ คุณลุง ธันเป็นเพื่อนตั้งแต่ม.ปลายของหนูเองค่ะ ” เป็นเมอร์เมดครับที่รีบตอบออกไป

“โอ๊ย ! ดีเลยค่ะเมอร์เมด อย่างงี้เด็กๆก็น่าจะสนิทกันง่ายขึ้นนะคะ ว่าไหมคะคุณวิเชียร ” ผู้หญิงร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้างๆเมอร์เมดพูดขึ้น นั่นคงเป็นคุณแม่ของเมอร์เมดสินะ

“ครับคุณหญิงผกา ผมว่าเด็กๆจะต้องไปด้วยกันได้ดีแน่นอน  เอ๊าเด็กๆ ยืนอยู่ทำไมมานั่งนี่เร็ว” คุณป๊าพูดเสร็จก็หันมาทางพวกผมที่คงยังยืนสติไม่สมประกอบอยู่ ก่อนจะกวักมือเรียกให้มานั่งโซฟาที่ว่างอยู่ข้างๆกับของท่าน

“คุณหญิงผกาจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้าลูกชายดิฉันจะพาเพื่อนมาร่วมโต๊ะคืนนี้ด้วย”คุณม๊าของธันยื่นมือมาจับมือผมก่อนจะหันไปทางแม่ของเมอร์เมดเพื่อถามเป็นเชิงขออนุญาติ

“สวัสดีครับ คุณน้า ผมชื่อมาร์คครับ เป็นเพื่อนกับธัน ” ผมเลยไม่อยากเสียมารยาทเลยสวัสดีผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับแนะนำตัวไป


“ได้แน่นอนค่ะคุณพี่ คนกันเองทั้งนั้น แล้วหนูคนนี้ก็หน้าตาน่ารักมากเลยด้วย มีแฟนหรือยังจ๊ะพ่อหนุ่ม เดี๋ยวน้าแนะนำหลานสาวให้สักคนดีไหม” คุณน้าแกพูดจบก็หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อยตามคุณหญิงสไตล์ของนางนั่นล่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วก็ได้แต่กรอกตาขึ้นข้างบนพร้อมอยากจะตะโกนบอกคุณน้าแกไปว่า น้าครับ ข้างๆกูเนี่ย แฟนนผมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
“งั้นเราไปที่ห้องอาหารกันเลยดีกว่านะคะ”



สิ้นสุดคำพูดทุกคนก็พากันลุกจากตรงโซฟา ไปห้องอาหาร ผมแอบสังเกตเห็นสีหน้าทั้งธันแล้วก็เมอร์เมดทั้งสองคนตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวสุดๆ หน้านี่แบบหนักใจเหมือนยกภูเขาไฟฟูจิไว้ในอกเลยทีเดียว ทั้งร้อนทั้งหนัก พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ ไม่แน่ใจว่าผมตาฝาดหรือเปล่า แต่เหมือนมีแว๊บนึงที่เมอร์เมดมองมาที่ผม แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมสบตาเจ้าหล่อนพอดี เหมือนสายตาของเมอร์เมดหลุบต่ำลงกว่าเดิมพร้อมแสดงความเศร้าออกมายิ่งกว่าเดิม ??


ทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้น ถ้าให้คิดๆดูผมเกี่ยวข้องอะไรกับ เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างงั้นเหรอ ?


เราทุกคนเดินมาถึงที่โต๊ะอาหารจัดแจงตำแหน่งการนั่งก็จะเป็น คุณพ่อของธันอยู่หัวโต๊ะถัดมาทั้งสองฝั่งเป็นคุณม๊าและคุณแม่ของเมอร์เมดและเป็นธันและเมอร์เมด และก็เป็นผมที่นั่งเป็นส่วนเกินออกมา (แต่ผมนั่งติดกับธันนะ !! )


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มขึ้น ผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็คุยกันตั้งแต่เริ่มมื้ออาหารเลยครับ ส่วนธันกับเมอร์เมดก็มองหน้าสลับกันไปมาแล้วก็ทำท่าเหมือนกินข้าวไม่ลง แต่พอสักพักเมอร์เมดก็เริ่มชวนธันคุยโน่นนั่นนี่ เท่าที่ผมได้ยิน ธํนคุยกับเมอร์เมดในเรื่องที่ผมไม่รู้ทั้งนั้นเลยไม่ว่าจะเป็น เรื่องสมัยประถม มัธยม ที่ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนกันด้วยเสียงหัวเราะเปลี่ยนไปจากบรรยากาศอึมครึมเมื่อตอนแรก แถมในบางทียังมีผู้ใหญ่ทั้งสามท่านมาผสมโรงคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆธันกลับกลายเป็นเหมื่อนธาตุอากาศไปเลย ผมไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทั้งสองตระกูลคุยกัน ผมเป็นได้แค่คนนอกที่นั่งอยู่เพื่อทรมานตัวเองด้วยภาพที่ทั้งธันและเมอร์เมดต่างอมยิ้มให้กันไปมาพร้อมกับตักอาหารให้กัน มันเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมากขนาดไหน



ตั้งแต่อยู่ที่อาฟเตอร์ยูว์ผมเองก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเมอร์เมดเอามากๆ และมีรางสังหรณ์บางอย่างบอกอยู่แล้วว่าถ้าเจอผู้หญิงคนนี้จิตใจผมต้องพังทลายลงมาแน่ๆ แล้วก็เป็นเรื่องจริง ผมได้แต่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาโดยไม่ตักเข้าไปสักคำในขณะที่ผมกำลังสติหลุดไปอยู่ไหนก็ไม่รู้อยู่ดีดีก็มีเสียงนึงแทรกขึ้นมา


“มาร์ค …. ”ไอ้ธันครับ ว่าแต่มันเรียกผมทำไม

“อือ ว่าไง... ” ผมตอบไปทั้งๆที่ไม่ได้มองเจ้าของใบหน้าเสียงทุ้มนั่น

“กูขอออกไปข้างนอกกับเมอร์เมดแปบนึงนะ ที่สวนเนี่ย” มันพูดเชิงขออนุญาตผม แต่ มึงจะขอกูทำไมวะจะไปก็ไปเลยก็ได้
“อือ ไปดิ ”

“ขอยืมตัวธันแปบนึงนะ มาร์ค” ผมเงยหน้าไปตามเสียงนั่นก่อนจะ จะเห็นใบหน้าหวานยิ้มล่า ก่อนจะขยิบตาให้ผมทีนึง คือต้องการอะไร ? เยาะเย้ย ? ประกาศสงคราม ? หรืออะไร ?

ทั้งสองขออนุญาตผู้ใหญ่ในโต๊ะด้วยเช่นกัน ผู้ใหญ่เห็นดังนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเลยทีเดียว แล้วทั้งสองก็เดินออกจากโต๊ะอาหารหายไปที่สวนข้างๆบ้าน ลับตาผมไป

ผมเองที่ไม่รู้จะอยู่ต่อบนโต๊ะอาหารต่อไปทำไมเหมือนกัน เพราะตอนนี้กินเหี้ยไรก็ไม่ลงหน้าแบบจะตายแล้วเจ็บปวดแปลกๆแบบไม่เคยเป็นมาก่อน มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มๆแล้วกระทืบหัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันพูดไม่ออก มันกลืนไม่ได้มันคายไม่ออก มันบอกไม่ถูกจริงๆมันเป็นความอึดอัดที่ผมพึ่งเคยได้รับมากที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบพบเจอมา ในเมื่ออยู่ต่อไปก็ไร้ค่า ผมเลยขออนุญาตคุณแม่ของธันออกไปข้างนอกเช่นกัน

"ม๊าครับๆ ผมขอออกไปข้างนอกแปบนึงนะครับ"

“อ้าว กินเสร็จแล้วเหรอมาร์ค ม๊าไม่เห็นข้าวมันพร่องเลย”

“ไม่ค่อยหิวน่ะครับ เดี๋ยวผมมานะครับ” บอกแค่นั้นแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะไปมุ่งหน้าไปทางสวนของบ้านซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับตรงที่ธันไป

ผมเปิดประตูกระจกบานใหญ่ออกมาก่อนจะเดินสำรวจสวนที่ถูกจัดไว้เป็นอย่างดี พื้นหญ้าที่ถูกปูไว้อย่างสวยงามจนหน้ากระโดดลงไปนอนเล่น รวมไปถึงลักษณะของการจัดสวนที่แซมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ รวมไปถึงต้นไม้มีดอกสีสันสวยงามเต็มไปหมด ผมเห็นศาลาไม้ทรงไทยหลังนึงที่ตั้งไว้อยู่ตรงเกือบมุมของสวน พร้อมกับโต๊ะเหล็กลายดอกไม้สไตล์ยุโรปที่ประดับไว้ใกล้กันมองก็พอจะรู้ครับว่าตรงนั้นเป็นมุมจิบชา ผมเดินเอื่อยๆไปที่ตรงมุมนั้นเพราะดูแล้วน่าจะเป็นที่สงบสุขที่สุดในบ้านหลังนี้ ณ เวลาตอนนี้ พร้อมแสงจันทร์ที่ทอดลงมาจากฟ้า บรรยากาศตรงนั้นคงทำให้ผมสงบได้มากขึ้น

ผมหย่อนตัวลงพร้อมกับพิงพนักในศาลารู้สึกโล่งไปเปราะนึงที่ไม่ต้องเห็นอะไรที่ทำให้อึดอัดสายตาหรือหัวใจไป อย่างน้อยวินาทีนี้ขอให้ใจและสมองได้พักสักแปบก็ยังดี ผมผาดทั้งตัวไปกับพนักพิงเลยครับ มันหมดแรงอย่างบอกไม่ถูกผมไม่รู้จะแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ยังไงโดยให้ทั้งธันและผมไม่เดือดร้อน ผมไม่ได้เก่งอย่างที่ใครเข้าใจ ผมไม่ได้เข็มแข็งเหมือนที่ตัวเองคิด และผม ยังอ่อนหัดเหลือเกินกับการใช้ชีวิตบนโลกใบใหญ่นี้
ในขณะที่ผมกำลังทอดอารมณ์ไปกับแสงจันทร์และลมอ่อนๆนั้น อยู่ดีดีก็มีเสียงใครสักคนเดินขึ้นมาบนศาลาเล็กๆนี้จนทำให้ผมต้องลืมตาและ เมื่อลืมตามาก็ต้องตกใจมากกว่าเก่า

“มาร์คหิวไหมลูก ม๊าเอานมอุ่นๆมาให้ เห็นไม่อยากกินข้าวกินนมหน่อยก็แล้วกัน” หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเอาแก้วนมสีขาวสดวางไว้ให้ผมบนโต๊ะไม้ที่อยู่ใจกลางศาลาก่อนจะยิ้มให้ผม

“ขอบคุณครับม๊า ว่าแต่ม๊าออกมาแบบนี้จะดีเหรอครับเห็นเมื่อกี้คุยกับคุณแม่ของเมอร์เมดอยู่” ผมถาม อันนี้สงสัยจริงๆแล่ะครับไมได้กวนหรือประชดอะไรเพราะอยู่ดีดีก็ออกมาจากวงสนทนา

“ม๊าเห็นเราหน้าไม่ค่อยดีเลยตามออกมาดูหน่อย ตัวเล็กๆบางๆแบบนี้เดี๋ยวเป็นอะไรไปแล้วจะแย่เอา”

“ขอบคุณนะครับม๊า” ผมยิ้มตอบไปพร้อมกับยกแก้วนมมาดื่มนิดหน่อยไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจคนตรงหน้า

“มาร์ค ม๊าถามอะไรหน่อยสิ” อยู่ดีดีผู้หญิง ตรงหน้าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“คะ... ครับ”

“มาร์ครักธันมานานแล้วเหรอ”

ผมแถบสำลักนมที่กำลังดื่มอยู่ ห๊ะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ทำไมอยู่ดีดีมาถามคำถามนี้วะ นี่จะถึงเวลาเปิดศึกแม้ผัวลูกสะใภ้ ? แล้วเหรอวะ แต่ก็เอาเถอะไม่มีเหี้ยไรจะต้องเสียอีกแล้วเสียมากสุดก็แค่เสียใจแล้วก็เสียไอ้ธันไป ยังไงซะผมเองก็ไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน จะไฟท์ก็ต้องไฟท์แล่ะวะงานนี้

“ตั้งแต่ ปี 2ครับ ” ผมก็มองคุณม๊าของไอ้ธันกลับด้วยสายตาแน่วแน่เช่นกัน เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า กูก็พร้อมจะไฟท์แล้วเหมือนกันนะ แม้จะผู้ใหญ่ก็เถอะ

“แล้วตอนนี้คบกันหรือเปล่า ”

“ถ้าผมบอกว่าคบ ม๊าจะว่ายังไงล่ะครับ”

“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก ม๊าแค่ถามดูเฉยๆน่ะ” ม๊าของธันเปลี่ยนมายิ้มอ่อนๆให้ผมแทน

“ครับ” ผมได้แต่หยิบนมมากินแก้อาการไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป

“งั้นม๊าขอถามอีกคำนึงได้ไหม ”

“ครับม๊า ” ผมยิ้มอ่อนๆให้ก่อนจะวางแก้วนมลง

“มาร์คเลิกกับธันให้ม๊าได้ไหม ”

ฉึก!!! คำถามนี้ทำเอาผมตั้งตัวแทบไม่อยู่เหมือนกัน แต่พูดเลยว่าไม่ยอมแพ้ ในเมื่อกล้าคุยกันถึงขนาดนี้แล้ว ขอสู้สุดใจแล้วกัน

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เลิกล่ะครับ”

“ม๊าจะอธิบายให้มาร์คฟังนะ สังคมในอนาคตที่ธันต้องไปเจอ คือการรับช่วงต่อจากธุรกิจและหน้าตาทางสังคมต่อจากป๊าและม๊า และครอบครัวของเราก็ยังคงจำเป็นต้องใช้สิ่งตรงนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของธุรกิจไว้ ธันเองก็เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวเรา ม๊าและป๊าก็อยากจะฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่กับธัน”

ผมที่ได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่นั่งก้มหน้าหลบในความมืด ผมหน้าของผมที่ยาวลงมาพอดีประจวบกับการก้มหน้าทำให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่อาจจะเห็นได้ว่าน้ำตาของผมไหลลงมาอย่างช่วยไมได้

ทำไมมันรู้สึกสะเทือนไปถึงข้างใน เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างแล่นเข้ามาพร้อมๆกันทั้งความเจ็บปวดความเสียใจความกดดัน
ทุกอย่างที่ม๊าของธันพูดมาทุกอย่างคือถูกต้อง ผมเป็นอะไรไม่ได้เลยสำหรับธันและครอบครัวของมัน ผมเป็นได้แค่อะไรก็ไม่รู้ที่มายุ่มย่ามในชีวิตและครอบครัวของธัน ผมเหมือนไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำในสายตา ของผู้ใหญ่ทั้งสอง หรือแม้กระทั่งสังคมภายนอก แต่ถึงอย่างไรซะ เมื่อผมได้ยินอย่างงั้น ผมเองก็จะไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อให้ใครมาเหยียบย่ำได้เหมือนกัน


“มาร์ครู้ไหมว่า ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่คือการเห็นลูกๆของเขานั้นประสบความสำเร็จมีความสุขมีชีวิตที่ดี และเพราะอย่างงั้นแล่ะ ป๊าและม๊าจึงทุ่มเททุกอย่างให้ธันและเมษาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเท่าที่จะทำได้”


“และเพราะแบบนั้นแล่ะ ม๊าเลยจะบอกมาร์ค วะ .... ”


และด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและความเสียใจทั้งหมดที่ก่อขึ้นในจิตใจอย่างช่วยไม่ได้นั้นทำให้ผมพูดคำนั้นออกไป !

“มาร์คจะเลิกกับธันให้ครับ” ผมเงยหน้ามาสบตากับผู้หญิงตรงหน้า แว๊บเดียวเท่านั้นที่คนตรงหน้าเห็นสีหน้าของผมจากรอยยิ้มสดใสก็กลายเป็นสีหน้าตกใจอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้านั่นมันจะทำให้ป๊าและม๊ารวมไปถึงธันได้เจอสิ่งที่ดีกว่านี้และมีความสุข มาร์คก็จะเลิกให้ครับ”

ผมเองที่พยายามกลั้นทุกอย่างเอาไว้แต่สุดท้าย น้ำตาก็อาบใบหน้าอย่างที่แสงจันทร์ส่องลงมา ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงตรงหน้าถึงได้ตกอกตกใจนักทั้งๆที่นั่นมันก็คือความต้องการของเขา

พอผมเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างผมรีบปาดน้ำตาลวกๆ  พร้อมกับหน้าช้ำๆนั้นวิ่งออกจากตรงนั้นแต่ผมยังได้ยินเสียงเรียกจาก ด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของคุณม๊าไอ้ธันนั่นเอง

ผมไม่ได้สนใจฟังเสียงอะไรทั้งสิ้นรีบวิ่งตึงตังขึ้นไปบนห้องก่อนจะกวาดทุกอย่างที่เป็นของตัวเองลงกระเป๋า ให้เร็วที่สุดก่อนไอ้ธันหรือใครก็ตามจะมาขวางไม่ให้ผมออกจากบ้านนี้ ผมแบกเป้สะพายขึ้นไหล่ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปตามห้องโถง ผ่านประตูบานใหญ่ซึ่งมีไอ้ธันกับเมอร์เมดสวนเข้ามาพอดี ไอ้ธันพอเห็นผมแบกเป้พร้อมกับน้ำตาอาบน้ำแบบนั้นมีเหรอจะรอด มันรีบรั้งตัวผมไว้ในธันที

“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย มาร์ค มึงเป็นไร ร้องไห้ทำไม นี่มึงจะไปไหน” มันรีบ ดึงแขนผมทันทีที่ผมผ่านหน้ามัน ซึ่งข้างๆก็มีเมอร์เมดที่ยืนก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“ปล่อยกู ฮึก ฮึก ”

“ไม่ กูไม่ปล่อย มาร์คมึงเป็นอะไรทำไมร้องไห้ขนาดนี้ใครทำอะไรบอกกูมา !! ”

“กูบอกให้ปล่อยไง !!!!!!!!!! ” ผมเริ่มตวาด ดังไปทั่วบ้าน ทั้งคนใช้แล้วก็ป๊าไอ้ธันรวมไปถึงม๊าไอ้ธันที่ตามมาติดๆ กำลังเดินเข้ามาหาผมจากไกลๆ

“มาร์ค มึงใจเย็นๆดี มึงหยุดก่อน !” ไอ้ธันหน้าเสียมากครับ เพราะตัวผมเองน้ำตาก็ไหลจนท่วมทั้งใบหน้าไปหมดแล้วไม่รู้มันมาจากไหนนักเหมือนกันมันพยายามจะแย่งกระเป๋าจากบ่าผมแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จสักเท่าไหร่

“ไม่กูไม่ฟัง มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูบอกให้ปล่อย !!!! ”ผมกระทืบเท้ามันอย่างแรง ก่อนที่มันจะร้องโอ้ยไปลั่นบ้าน

 ผมรีบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้านอย่างรวดเร็วหลังจากหลุดออกมาจากไอ้ธัน ภาพข้างหลังยังคงเป็นคุณม๊าของมันแล้วก็ตัวมันเองที่พยายามจะวิ่งมาหยุดผม เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงพุ่งออกทางประตูเล็กที่ไม่ได้ล็อคไว้ ประจวบเหมาะพอดีที่แท็คซี่ผ่านมาคนนึง ผมที่เห็นไอ้ธันวิ่งตามมา ก็รีบโบกแทคซี่พร้อมกับตะโกนบอกแทคซี่ในทีว่า

“พี่ไปไหนก็ได้ ไปให้พ้นจากตรงนี้ ออกรถเดี๋ยวนี้ !!! ”

และรถก็ออกจากหน้าบ้านหลังใหญ่นั้นในที่สุด ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือไอ้ธัน พยายามวิ่งตามรถแทคซี่ก่อนที่ผมจะไม่สามารถทนอะไรได้ไปมากกว่านี้ ผมกอดเป้ใบโปรดของผมพร้อมกับซุกหน้าลงไปแล้วปล่อยความเสียใจทั้งหมดอย่างไม่อายคุณลุงคนขับรถเลยทีเดียว

มันเจ็บเกินไป เจ็บเกินจะทนไหว มันหนักหนาสาหัดเกินไปสำหรับผม !

.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาแล้ว ตอนนี้ พยายามจะดราม่าแล้วไม่รู้ดราม่าไหม กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อีกไม่กี่ตอนก็หมดตอนพิเศษแล้ว T T ฝากติดตามที่เหลือด้วยนะจ๊ะ

เป็นกำลังใจให้มาร์คกับธันวาด้วย >< !

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด