พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: orange332 ที่ 03-04-2014 15:03:35

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 03-04-2014 15:03:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

.
.
.
.
.
.

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องชาวเล้าเป็ดก่อนแล้วกันนะจ๊ะ เป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่พึ่งเคยเอาเรื่องสั้นมาลงในนี้เป็นเรื่องแรก

หลังจากที่ได้อ่านกฏการโพสและข้อปฏิบัติต่างๆในการใช้บอร์ดเล้าแล้วก็เลยตัดสินใจอยากจะลองโพสดู ^^

ขอความกรุณาผู้อ่านทุกท่านแล้วก็แอดมินหรือผู้ดูแลต่างๆ อ่านด้วยความสนุกสนานแล้วก็ติชมได้จ๊ะ

ภาษาในเรื่องอาจจะดูรุนแรงไปมาก ... ถ้ามันดูไม่เหมาะสมจนเกินไปอยากจะให้แอดมินหรือผู้ดูแลเตือนได้เลยจ่ะ

อ่านกฏแล้วกฏเยอะพอสมควรเลยเขียนชี้แจ้งไว้ตรงนี้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในกรณีที่มีข้อผิดพลาด

ยังไงก็ขอให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้แล้วกันนะจ๊ะ ^^

.
.
.
.
.
 

แสงแดดอ่อนๆกับร่มไม้ในมหาลัยของตัวเองวันนี้ทำให้อยากจะเดินกลับหอแล้วไปนอนตีพุงในห้องซะให้ได้เลยจริงเชียว … อ้าว สวัสดีทุกคน แฮ่ะๆ อ่านมาถึงตรงนี้ยังไม่รู้สินะผมเป็นใคร … ชื่อมาร์ค ตอนนี้เรียนอยู่ ปีสาม คณะมนุษย์เอกภาษา อย่าถามว่าสกิลที่เรียนมาเอาไปทำอะไรได้บ้าง บอกก่อนเลยว่ามันช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดๆ T T ส่วนหน้าตา ก็ไม่มีอะไรมาก ก็ธรรมดา ธรรมด๊า ธรรมดา อย่าคาดหวังเลย โอเคเลิกเพ้อเจ้อเพียงเท่านี้ กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่คณะก่อนที่จะสายกับวิชาอาจารย์ต่างชาติ … 

แต่ในขณะที่วิ่งๆอยู่ก็ต้องหยุดเพราะเสียงเรียกของใครคนนึง ที่คุ้นเคยมาตลอดสามปี … แล้วมึงจะมาเรียกกูทำไมตอนนี้เนี่ย ไอธัน …

“มาร์ค รอก่อนนนนนนน หยุดโว้ยยยย มึงจะรีบไปไหน” มันวิ่งตามมาข้างหลังผม ก่อนจะเอามือหนาๆของมันมาจับบ่าผมไว้เพื่อให้ผมหยุด

“มึงคือกูรีบ อีดอก เข้าใจกูหน่อย กูรีบบบบบบบบบ มึงดูนาฬิกาอีเหี้ย โอ้ยจะสายแล้ว” รีบสะบัดตัวไปหามันก่อนที่ จะโวยวาย คือมึง ถ้ากูโดนตัดคะแนนคือความผิดมึงอีเหี้ยธันวา

“มึงลืมขนม กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่า จะสายขนาดไหนก็มาเอาขนมกูก่อน ทำไมชอบทำร้ายจิตใจกูวะ”

หลังจากมันพูดจบก็ต้องทำให้ผมนิ่งไป ก็เพราะอะไรน่ะเหรอ … หึ น่าแปลกไหมละ ตั้งแต่ปี 1 ที่เรารู้จักกันมันก็ทำแบบนี้กับผมมาตลอดชอบพูดจาแบบนี้ พูดในแบบที่ทำให้ใครอีกคน คิดกับมันไปเกินกว่า “เพื่อน” เราสนิทกันมากกว่าเพื่อน… ในความรู้สึกของผมเองแต่ว่าไอธันก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เท่านั้นตัวผมเองยังเป็นเหตุให้ไอธันต้องเลิกกับแฟนตอนปี 2 อีกด้วย แม้จะเป็นแบบนั้น มันไม่เคยมีอะไรชัดเจนเลย ในความสัมพันธ์ของเราทั้ง 2 คน

 …. ย้อนกลับไป ตอน ปี 2 ที่หน้าตึกวิศวะ

มานั่งรอ ไอธันหน้าตึกคณะมัน ที่จริงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคณะนี้เลยด้วยซ้ำ แต่คือมานั่งรอไอธันเรียนวิชาเอกของมันเสร็จ พอขึ้นปี 2 เริ่มแยกกันเรียนมากขึ้นไม่ค่อยได้เรียนวิชาหลักด้วยกันเพราะมันเริ่มจะหมดแล้วเริ่มก้าวเข้าสู่ความจริงอันโหดร้ายที่ต่างคนต่างต้องพบเจอ ผมกับไอธันรู้จักกันตั้งแต่งานรับน้อง ตอนปี 1  นั่นคือจุดเริมต้นความสัมพันธ์ มันเป็นคนหล่อมาก สูงยาวเข่าดีเกินมาตรฐานเกินชายไทยสุดๆ ผิวไม่ดำไม่ขาวจนเกินไปสมกับความเป็นชายมากๆ หน้าตานี่แบบ มึงหล่อไปปะ สันจมูกเป็นคม ตาก็คมแบบมีเสน่ห์ ยิ้มทีโลกทั้งโลกก็เปลี่ยนไป หุ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง บ้ากล้ามมาตั้งแต่ ม.ปลาย ไม่กล้ามปูแต่หุ่นนี่นายแบบที่สุด = = ได้ข่าวว่าเคยไปถ่ายแบบด้วย ทุกอย่างคือเพอร์เฟค บ้านก็รวย (กูก็รวย) เป็นถึงลูกนักธุรกิจใหญ่ เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่จะมีทั้ง เก้ง กวาง บ่างชะนี กระทิงลิงควาย ทั้งหลายเข้าหามันด้วยแรงเสน่ห์หาสุดหัวใจ แต่คนพวกนั้นคงต้องฝันสลายเพราะได้ข่าวว่า มันมีแฟนที่คบมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้วก็เรียนสาขาแล้วก็คณะเดียวกับมันด้วย ซึ่ง ทั้ง 2 คนก็ได้เป็นดาวและเดือนคณะคู่กันซึ่งใครๆก็รู้ แต่ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ ความสัมพันธ์เริ่มร่อแร่ ก็ไม่รู้ทำไมถึงเป็นแบบนั้น  แต่ก่อนจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น อยู่ดีดีก็ยินเสียงทะเลาะกันดังมากมาจากทางบันไดในตึก และด้วยความคุ้นหูของเสียงบวกกับความอยากรู้อยากเห็นเลยลองไปยืนตรงหัวมุมเสาของตึกที่ใกล้ๆกับทางเดินบันไดก่อนจะค่อยๆตั้งใจฟังเสียงสนทนาของ 2 คนนั้น

“ธัน มิ้นไม่ยอมจริงๆนะที่ธันจะสนใจเพื่อนมากกว่า มิ้น หลังๆนี่มันไม่ใช่แล้ว ธันเลิกเรียนธันก็ไปหาเพื่อน มิ้นต้องไปไหนมาไหนคนเดียว นี่ธันยังเห็นมิ้นเป็นแฟนอยู่หรือเปล่า” มิ้นครับ คนนี้แล่ะดาวคณะวิศวะที่สวยตั้งแต่หน้ายันหุ่นแต่มาเรียนวิศวะ ….???
 
“ก็ธันบอกแล้วว่าธันไปเที่ยวกับเพื่อน มิ้นจะกลัวอะไรธันไม่ได้มีใคร เสาร์อาทิตย์ธันก็ยังให้เวลากับมิ้นเหมือนเดิม แล้วมิ้นต้องการอะไร ทำไมช่วงนี้มิ้นงี่เง่าไม่เหมือนที่เคยเป็นเลย” ไอธันครับ มันเถียงขึ้นมาเสียงดังเหมือนกัน

“ใครกันแน่ที่งี่เง่า ธันน่ะล่ะไม่รู้เหรอว่าธันเปลี่ยนไปมากช่วงสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา จากที่ธันเคยอยู่กับมิ้น ธันก็ไปอยู่มาร์ค ธันเคยไปรับไปส่งมิ้น แต่ธันกลับต้องตื่นทุกเช้าไปซื้อขนมร้านดังหน้ามหาลัยที่มาร์คชอบ ไปให้ที่หอทุกเช้า จนไม่มีเวลาไปส่งมิ้น ที่ทำไปทั้งหมดคิดว่ามิ้นไม่รู้เหรอ มิ้นให้เพื่อนสืบมาหมดแล้ว ทำไมจะเปลี่ยนจะชอบผู้หญิง ไปชอบตุ๊ดอย่างไอมาร์คมันแล้วเหรอ!!!!!!”

เอ้าอีเหี้ยยยย มาด่ากูเป็นตุ๊ดไปอีก เออคือก็จริง กูเป็นเกย์ที่สาวมากสุดชีวิตก็จริงแต่แบบ กูเกี่ยวไรวะ แล้วกูจะรู้ปะวะว่ามึงไม่มีเวลาให้กัน เพราะไอธันไม่เคยเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมิ้นกับมันเลย แล้วถ้ามันไม่เล่าตัวผมเองก็ไม่ค่อยอยากถามเพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา แล้วถ้าไอธันมันบอกกูว่าจะมีปัญหามากมาย จะถวายตัวมันไปให้อยู่กับผู้หญิงแบบมึงเนี่ยแล้วกูก็ไม่ได้คิดจะเอาไอธันมากกสักหน่อยกูก็มีเวลาอยู่กับเพื่อนกูเหมือนกันนะเว้ยกลุ่มกูก็มี 

“มิ้น อย่ามาว่าไอมาร์คแบบนั้นนะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”

“เห็นไหม แตะต้องไม่ได้ กับมันนี่ไปกันถึงขั้นไหนละ ถึงต้องปกป้องขนาดนี้ วิปริต !!! ”

“หยุด นะ … !!!!!!!!!!!! ”

“เดี๋ยวก่อน ….” ไอธันกำลังจะตวาดมิ้นอีกครั้ง แต่ผมก็เดินออกไปก่อน

“หึ มาละเหรอ พวกแย่งผัวชาวบ้าน !!” อีมิ้น = = ยังไม่ทันไรนี่ด่ากูแย่งผัวชาวบ้านแล้ว

“ไหน ใครแย่ง นี่กูแย่งเหรอ ??” ตีหน้าตาย ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

“ใช่ มึงนั่นล่ะ อีหน้าด้าน”

“เอ๊า อีดอก นี่ถ้ากูแย่งนี่มึงจะได้ยืนกอดแขนไอธันอยู่แบบนั้นมะ”

“ก็ของของกู ใครก็เอาไปไม่ได้” มันพูดก่อนจะหันมาชี้หน้าผมแล้วยึดแขนไอธันแน่นกว่าเดิม

“มึงฟังนะ อีมิ้น กูจะไม่พูดดีกับมึงอีกต่อไป อีห่าจิก หวงธันมากใช่ไหม ได้งั้นกูจะทำให้มึงไม่มีธันอีกต่อไปโทษฐานที่มึงลามปามกูมากนัก มึงอย่าคิดว่ากูไม่เคยเห็นมึงไปกับผู้ชายคนอื่นนะ พี่ปี 3 นิเทศ คณะกูล่ะมึงเอาไว้ไหน ไหนจะพี่ที่ชมรมของมึงอีกล่ะ อย่า อย่าอีดอก อย่ามาอ้าปากค้าง !!!! เงียบอีสัส ไม่ต้องกรี้ส แค่นี้ยังไม่พอ แล้วเมื่อสองสามวันก่อนมึงไปทำเหี้ยไรบนหอพี่เขา มึงคงไม่ได้ขึ้นไปกินปาท่องโก๋ ตอนตี 2 ใช่ไหมอีควาย”

นี่ไม่เคยด่าใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ (ตอแหลมาก) แม่งอีผู้หญิงน่าส้นตีน มึงนี่นะ ไอมิ้นมันอยู่ชมรมเต้นเดียวกับผมเนี่ยล่ะ แต่ว่าไม่ค่อยได้คุยกันหรอกเพราะอยู่คนละกลุ่มแถบจะไม่ได้เฉียดมาคุยกันเลยเพราะต่างคนต่างซ้อมแค่เห็นหน้ากันก็เท่านั้น แต่ว่าประมาณ 2 3 อาทิตย์แล้วล่ะที่เห็นเหตุการณ์แบบที่ด่ามันไป คือก็ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์รักของเพื่อนต้องแตกหักปะวะก็เลยไม่พูด แต่ได้ ถ้ามึงคิดว่ากูขนาดนี้ก็จัดไป !!

“จริงเหรอวะ มาร์ค ??” ไอธัน มองมาที่ผมด้วยความสงสัย

“มึงคิดว่าตลอดปีนึงที่คบกันมา กูคุยกับมึงทุกเรื่องไหมล่ะ …. ”

ผมทิ้งระเบิดไว้เท่านั้นและนั่นก็คือความจริง ผมกับธันคุยกันทุกเรื่องจริงๆ ก่อนจะเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด และได้ยิน เสียงยัยมิ้นกรี๊ดๆ ตามหลังมา

หลังจากนั้น 2 วัน ก็เป็นข่าวไปทั่วเลยจนมาถึงคณะผมข่าวนั้นก็คือ ธันและมิ้นเลิกกัน โดยหลังจาก 2 วันที่มันเลิกกัน มิ้นก็คบกับรุ่นพี่อีกคนในชมรมเต้นในทันทีซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้ไอธันดูสลดแม้แต่น้อย แต่เหมือนมันจะดีใจยังไงไม่รู้ แล้วหลังจากนั้นมันก็ตัวติดกับผมมากขึ้น มากซะจนทุกคนคิดว่า ผมกับธันคบกัน จากได้กินแค่ขนมตอนเช้า (ซึ่งก็แค่บ่นว่าชอบกินปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ มันก็ซื้อมาให้ตั้งแต่เรารู้จักกันได้อาทิตย์เดียว = =) ธันก็มารับส่งเช้าส่งเย็น เราคุยกันมากขึ้นมากกว่าตอนที่ธันยังคบกับมิ้น อยู่ด้วยกันจนทุกคนคิดว่าเราคบกัน

“มาแล้วค้า เจ้าชายมาแล้ว….” นางนิวเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มพูดดังๆแล้วเหล่ตามาหาผมเป็นนัยบางอย่าง

“เออจริง แม่ง คนมีผัวนี่มันดีจริงๆเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น” นางพลอยอีกคน แม่งปากมึงนี่นะ

“หวัดดีครับสาวๆ ทำอะไรกันอยู่” ไอธันมาถึงก็เท้าโต๊ะไม้ที่พวกผมนั่งอยู่ก่อนะหว่านเสน่ห์ให้ชะนี 2 3 ตัวในกลุ่มแล้วพวกมันก็เคลิ้มกันไปตามๆกัน

“แหมธันมารับมาร์คล่ะสิ อะเอาไป ผูกโบอาบน้ำตัดขนเรียบร้อยแล้ว รับรองหอม ว่าแต่ไม่รับชะนีสักที่สองที่เหรอธัน” อีดอกพลอย …

“เป็นเหี้ยไรพลอย ! อีดอก”

“อย่ามาทำเป็นหวงผัวต่อหน้าพวกกูเลย แรดนัก ไปๆๆ รีบไปได้แล้ว” พลอยมันรีบดันผมให้ลุกขึ้น

“ไปเหอะมึง ปะๆๆๆ ” ผมรีบดึงมือไอ้ธันที่มัวแต่ยิ้มชอบใจก่อนที่จะโดนผมรากออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“เออ ถ้ามึงไม่ไป กูจะไปแทน กูอยากได้ ผัวเพื่อนคือผัวกู มึงเคยได้ยินสำนวนนี้เปล่า” หลังจากจบเสียงตะโกนของไอมิ้นแล้วก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ที่ผมลุก มึงหัวเราะกูกันทำไม กูหน้าด้านใช่ไหมถึงล้อกูกลางคณะแบบนี้


ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาไม่ว่าใครจะพูดอะไรเรื่องความสัมพันธ์ ธันจะทำแค่ยิ้มให้กับทุกคน ซึ่งต่างจากผมที่จะทำหน้าหงุดหงิด หน้ายู่บ้าง…. เราคุยกันจนผมเองมีความรู้สึกบางอย่าง มันก่อขึ้นมาในใจตัวเองแบบไม่รู้ตัว…. ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่เคยบอกไป ไม่อยากจะบอกไปออกไป ไม่อยากให้ความสุขนี้หายไปเพราะแค่คำว่า “กูชอบมึงว่ะ” 


.
.
.



한번 보면 두 번 더 보고 싶어 두번 세번 보면 너를 더 안고 싶어
너와 커플링 커플링 손에 끼고서 함께 이 길을 걷고 싶어 난
มองเธอเพียงครั้งเดียว ก็อยากจะมองเธออีกเป็นครั้งที่ 2 พอครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็อยากจะกอดเธอไว้อีก เมื่อได้ใส่แหวนคู่กับเธอ ฉันเองก็อยากจะร่วมเดินไปในทางนี้กับเธอ


“มึงๆ ยิ้มอะไรอยู่คนเดียววะ” ไอธันเขย่าตัวผมก่อนที่จะถาม ผมดึงสติกลับมาในทันทีก่อนจะแสดงพิรุธไปมากกว่านี้ คงด้วยเห็นผมยิ้มอยู่คนเดียวพร้อมกับมองถุงขนมนี้

“ยิ้มเหี้ยไร มึงประสาทละ เออๆขอบใจนะเว้ยเดี๋ยวไปกินตอนเรียน” ผมบอกมันพร้อมกับเขย่าถุงไปมา

“เดี๋ยวมึงก็โดนอาจารย์ด่าหรอก เออๆกูไปละมีเรียนเหมือนกัน” มันบอกผมก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอีกทาง พร้อมกับชูนิ้วแล้วชี้มาที่แหวนวงนึงที่อยู่ที่นิ้วตัวเอง

ผมยกแหวนที่มีเหมือนกันในนิ้วชี้ขึ้นมาดูก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาเหมือนกัน ไม่ค่อยรู้ความหมายเหมือนกันเวลามันบอกให้ดูแหวน แต่ตั้งแต่ปี 1 เทอม 2  อยู่ดีดีวันนึง มันก็เอาแหวนทองคำขาวที่เป็นแหวนคู่มาให้ แล้วบอกผมว่า

‘มึงมันสวยดีอะ กูเลยซื้อมา 2 วง มึงใส่นะใส่เป็นเพื่อนกู มันเป็นแหวนผู้ชายอะ จะให้มิ้นใส่กับกูก็ไม่เข้าอะ’

ด้วยเหตุผลตลกๆแค่นี้ก็ทำให้ผมยอมใส่แหวนเป็นเพื่อนมัน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้นี่สิ …

ถ้าเกิดวันนึงเจ้าของแหวนมาขอแหวนคืนมันจะเป็นยังไงวะ … จะเจ็บมากแค่ไหนถ้าเขาคิด … จะเอาแหวนไปให้คนอื่น

ยอมรับว่าตอนนี้ผมรักมันก็ว่าได้ แต่คำว่าเพื่อนมันค้ำคอมันทำอะไรไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นหน้ามันอยากจะกอด อยากจะเดินจูงมือไปไหนมาไหนด้วยกัน อยากจะทำอะไรที่ ‘คนรักกัน’ เขาทำกันได้ …


.
.
.
.


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 03-04-2014 15:25:37
매일 매일 봐도 난 더 좋아져 두번 세번 나의 볼을 꼬집어 봐도
마치 dreaming dreaming 꿈을 꾸는 듯 생각만 해도 난 미소가
ยิ่งเห็นเธอทุกวัน ฉันก็ยิ่งชอบใจ ลองหยิกแก้มตัวเองอยู่หลายครั้ง มันเหมือนฝันไปเลยจริงๆ แค่คิดก็ยิ้มได้



-   ธันวา


วันนี้ผมมาเฝ้าให้ตัวแสบซ้อมเต้นแล่ะ เห็นว่าอีกไม่นานจะงานเชื่อมสัมพันธ์คณะวิศวะกับคณะมนุษย์ แล้วไอเจ้าตัวแสบของผมมันก็จะต้องเต้นอยู่ละเพราะอยู่ชมรมเต้น แถมกิจกรรมทุกอย่างก็ทำมันหมด ปกติมันเป็นทำเนียมอยู่แล้วล่ะครับที่คณะแต่ละคณะจะมีงานเชื่อมสัมพันธ์กัน เมื่อเดือนก่อนคณะผมพึ่งมีงานกับคณะวิทยาศาสตร์ไปแล้วคราวนี้ถึงเวลากับคณะมนุษย์แล้วสักที คุณอยากรู้ใช่ไหมล่ะครับว่าไอตัวแสบของผมคือใคร โน่น เต้นดุ๊กดิ๊กๆอยู่โน่น ไอมาร์คนั่นแล่ะ มันเป็นคนน่ารักมากนะครับ ตอนปี 1 ที่มีงานรับน้องร่วมคณะผมเจอกับมันเพราะนั่งข้างกันพอดี มันเรียนเอกภาษาเกาหลี ผมเรียนไฟฟ้า นั่งติดกันพอดี ความสัมพันธ์ของผมกับมันก็เริ่มต้นขึ้น เราคุยกันถูกคอมาก ไอมาร์คมันเป็นแบบ เอ่อ … จะว่ายังไงดี มันก็เป็นเกย์อ่านะ ถ้าผมจะเสียมารยาทเรียกมันว่าตุ๊ดก็ไม่น่าจะแปลกแต่มันคือคำจำกัดความที่น่าจะทำให้ทุกคนได้เข้าใจได้ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจดูถูกเพื่อนนะครับ แม้มันจะอารมณ์ผู้หญิงมากก็จริง แต่มันแมนกว่าผมอีกในบางเรื่อง

ไม่เพียงแต่ความสดใสที่มีให้ทุกคนมันยังเป็นคนมีเหตุผลรวมไปถึงไม่มีงี่เง่าเกินผู้หญิง นิสัยหลายๆอย่างของมันทำให้ผมรู้สึกลงตัว และรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ แต่นั่นคงไม่ใช่เหตุผลหลักแต่เหตุผลหลักก็คือ “ผมตกหลุมรักผู้ชายคนนึงตั้งแต่แรกเห็นตั้งหาก” อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาและแรงดึงดูดจากสายตาหวานๆและตาโตๆคู่นั้นก็ได้ที่ยิ้มให้ผมก่อนทันทีทันทีที่เราหันหน้ามาเจอกันตอนรับน้อง ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เท่าไหร่ครับ แต่หลังจากผมเลิกกับมิ้นไป มันทำให้ผมแน่ใจ ว่าใจผมอยู่กับคนตัวเล็กตรงนั้นที่กำลังเดินไปเดินมาหัวเราะกับเพื่อนอยู่ มันช่างสดใสจริงๆเลยสำหรับผม แต่เอาจริงๆผมก็ยังเป็นผู้ชายนะครับยังชอบมองผู้หญิงสวยๆอยู่ แต่นะ เว้นคนนี้ของผมไว้คนนึงละกันเนอะ !

“ยิ้มไรวะ ธัน” อยู่ดีดีมันก็มานั่งข้างหน้าผม แล้วก็ทำหน้ายิ้มแฉ่งใส่ผมซะงั้น

“เปล่า ไม่ได้ยิ้มไร มึงตาฝาดละมาร์ค” บอกปัดไปเดี่ยวมันรู้ว่าผมยิ้มทำไม

“ไอเหี้ย ฝันตอนเย็นแน่ๆ ไหนๆให้กูหยิกแก้มดูหน่อย เผื่อมึงฝันอะไรไม่เข้าท่า” พอมันพุดเสร็จมันก็จับหน้าผมมับ ! แล้วก็หยิกไปหยิกมา

“โอ้ยไอสัด เจ็บ มึงหยุดเลย กูยังตื่นอยู่ให้เหี้ย” รีบดึงมือนิ่มๆนั้นออกก่อนที่จะผมเองเนี่ยล่ะจะสติหลุดอยากทำอะไรไปมากกว่านี้ แต่สงสัยคงจะแรงไปหน่อย เจ้าตัวแสบมันเลยลงไปจ้ำเบ้าเอาซะ

“แค่นี้ต้องเล่นแรงด้วยเหรอวะ แม่ง เจ็บนะ” เอาละงานเข้ากูละ

“โอ๋ๆ ขอโทษเจ็บไหม” ผมรีบลุกขึ้นมานิดนึงเพราะเห็นไอตัวแสบจ้ำเบ้าลงไป แอบจับมือมันนิดนึงคือมือมันนิ่มมาก

“พอเลยไอเหี้ย ไม่เล่นด้วยแล้ว” ดูแม่งพูด T T

“เห้ยมึงไม่ได้ตั้งใจเอาจริงๆ กูแค่เจ็บก็เลยสะบัดออกเฉยๆ”

“กูไม่ได้มือควายขนาดนั้น”

“โอเคกูยอม กูผิด เลี้ยงนม จบไหม”

“โอเค” ไอเหี้ยเอ้ย หันมายิ้มแฉ่งคือไร ของกินแม่งชนะทุกสิ่ง แต่ไม่เป็นไรความสุขของ “คนที่รัก” แค่นี้จิ้บจ้อยมาก

หลังจากทะเลาะกันไปแบบหอมปากหอมคอ มาร์คมันก็กลับเข้าไปซ้อมต่อคราวนี้ผมก็ต้องนั่งรอจนมันซ้อมเสร็จนั่นล่ะครับซึ่งบางวันก็ดึก หอผมกับหอไอมาร์คมันก็อยู่ใกล้กันเลยไม่ค่อยรำบากเท่าไหร่ผมจึงหาเรื่องไปรับส่งมันทุกวันเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับมัน
จะว่าไปช่วงนี้ไอมาร์คมันแปลกๆนะสำหรับผม ช่วงอาทิตย์ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ จากที่ผมไปรับไปส่งมาร์คทุกวันแต่กลายเป็นเหลือแค่ไม่กี่วัน บางวันมันก็บอกว่าไปกับเพื่อน บางวันมันก็บอกว่ากลัวผมเหนื่อย อ้างไปเรื่อย แต่ก็ไม่ไดอยากจะคัดค้านอะไรบางทีมันก็คงอาจจะอยากมีเวลาเล่นกับเพื่อนๆบ้าง แต่พอมาวันนี้ ผมกลับรู้ที่มาขอสาเหตุที่มันดูแปลกๆไป และผมคิดว่ามันน่าจะใช่สำหรับผม

ก่อนที่ไอมาร์คจะเดินมาหาผมมีผู้ชายคนนึงครับ น่าจะเรียนคณะเดียวกับผมเนี่ยล่ะเพราะใส่เสื้อช๊อปมา แล้วก็เอาน้ำกับขนมมายื่นให้ไอมาร์คมันแล้วมาร์คมันก็รับไว้แล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะคุยอะไรกันสองสามคำแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม

ทำไมรู้สึกหงุดหงิด …. ทำไมหัวใจกระตุกแปลกๆ … จากที่เป็นคนไม่ค่อยโกรธใคร ทำไมกูอยากชกหน้าไอเหี้ยนั่นจังวะ …
ผู้ชายที่เดินเข้ามาหาไอมาร์คหน้าตาคุ้นๆเหมือนผมเคยเห็นที่คณะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพี่เค็น พี่เดือนคณะปี 4 พี่คนนี้เขาโครตฮ๊อตอะพูดจริง พี่เขามีแต่คนเข้าหาแล้วก็ที่อันตรายคือ พี่เขาเป็น ’ไบ’ แม่งโครตอันตราย

ทำได้แต่ข่มใจไว้แล้วมองภาพตรงหน้าให้บาดตาไปเล่นๆ …..
หลายครั้งที่มีคนถามผมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมาร์คผมก็ทำได้แต่ยิ้มซึ่งตั้งแต่ผมเลิกกับมิ้นไป ข่าวก็แพร่ไปเร็วมากว่าผมหันมาคบผู้ชาย ผมเป็นเกย์ โน่นนั่นนี่แต่ปกติผมไม่ค่อยแคร์ใครอยู่แล้วจึงไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แต่สาเหตุจริงๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรให้มันชัดเจนก็คือ ผมแค่กลัว จะเสียคนตรงหน้าไป กลัวจะเสีย … เสียหัวใจของผมไป

หลังจากที่มันซ้อมเสร็จผมก็กับมันก็บึ่งกันไปร้านนมประจำกันทันทีเลยครับ พอถึงปุ๊ป เจ้าตัวแสบมันก็สั่งใหญ่สั่งจนล้นสั่งจนไม่เหลือที่ให้โต๊ะเลย นี่มึงจะกินหรือมึงจะยัดก็ไม่รู้ไอมาร์คเอ้ย !!


부드러운 감촉 잊을 수 없어 화끈거리는 내 얼굴 빨개지는 걸
It’s so lovely lovely 사랑스러워 난 네가 자꾸만 좋아져
สัมผัสที่นุ่มนวลไม่อาจลืมเลือน มันทำให้หน้าของฉันแดงขึ้นทันที
It’s so lovely lovely เธอช่างน่ารัก ฉันนั้นชอบเธอมากขึ้นไปทุกที


พอมาถึงร้านนมไอธันก็บอกว่าให้ผมสั่งทุกอย่างได้เต็มที่มื้อนี้มันเลี้ยง สภาพก็เลยเป็นแบบทีเห็น… คือเต็มโต๊ะไปหมดเลยฮาๆๆ ก็เจ้ามือมันรวยอะช่างแม่งเหอะแดกไปไม่สะเทือนขนขามันสักเส้นนึงจริงๆ
ร้านนี้ส่วนตัวดีมากครับทำเหมือนคล้ายๆร้านกาแฟแล้วก็แบ่งไว้เป็นห้องๆให้ทุกคนที่เข้ามาได้มีพื้นที่ส่วนตัวกันสุดๆบรรยากาศก็ดีปกติคนจะแน่นมากแต่ว่าวันนี้วันธรรมดาคนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่


“มึงๆกูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

ผมกะจะบอกเรื่องนี้กับมันหลายวันแล้วล่ะครับแต่ยังไม่กล้าบอกรวบรวมความกล้าอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจว่าจะบอกมัน ประจวบกับวันนี้พี่เค็นมาหาที่ห้องซ้อมด้วยแล้วผมก็เห็นว่าไอธันมันเห็นก็จะบอกเลยก็แล้วกัน ว่าแต่ … ทำไมใครจะจีบผมแล้วต้องไปบอกมันด้วยวะ ?

“เรื่องอะไรวะ”
“คือ จริงๆแล้วกูแบบ มีคนมาจีบกูว่ะ”

ตัดใจบอกออกไปด้วยเสียงเบาๆ แต่คงไม่เบาขนาดไอธันไม่ได้ยิน พอมันได้ยินมันก็สำลักขนมปังที่มันกินเลย ทำไมวะ มันน่ากลัวตรงไหน = = หรือมันประหลาดตรงไหนวะ

“เหรอ ? แล้วใครวะมาจีบมึง” กูรู้มึงรู้ไอเหี้ย ทำหน้าตาบ้องแบ๋วตอแหลสัส

“ไอเหี้ยหยุดทำหน้าแบบนั้นเลย ตอแหลสัส กูรู้มึงเห็นวันนี้ … ”

“อ๊อ คือถ้ากูไม่เห็นก็จะไม่บอก ? ” ไอเหี้ยนี่เริ่มดราม่าละ …

คือธันมันเป็นคนห่วงผมไปซะทุกอย่างตั้งแต่เรารู้จักกันมา คือแบบไอเหี้ยมึงดูแลกูดีกว่าที่แม่กูดูแลกูอีก มีอยู่ครั้งนึงผมซ้อมเต้นแล้วข้อขามันพลิกไอเหี้ยธันแม่งโวยวายเหมือนโลกกำลังจะแตก ไอเหี้ยด่าตั้งแต่พาขึ้นรถไปส่งจนถึงห้องพยาบาลก็ยังด่า ด่าจนพยาบาลขำอะ แล้วด่าแบบด่าวนไปมา ‘มึงแม่งโง่ไอเหี้ยเต้นไงให้ขาพลิกวะ’ ‘แล้วนี่จะเต้นได้อีกไหมครับพี่พยาบาล’ ‘แม่งใช่เรื่องมะโง่จริงๆกูต้องพามาหาหมอเนี่ย’ แล้วแต่ละคำพูดนี่คือใส่อารมณ์สุดๆไปเลย !!  เอออ มึงโมโหไรวะ จริงๆ กูงง … ที่จริงก็แอบอยากเข้าข้างตัวเองอ่านะว่าแบบ เขา….. เป็นห่วงเรา


“ไม่ใช่เว้ยคือกูแบบ ….. เออไอเหี้ย กูลีลาเองแล่ะขอโทษที่ไม่ได้บอก” โปรดสังเกตใบหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไป

หลายครั้งที่ธันทำตัวเดือดร้อนในเรื่องของผมมากๆ มากซะจนอดจะคิดไม่ได้ว่า ตกลงแล้ว … มึงก็รักกูเหรอวะธัน ?


“เออพูดง่ายๆมึงอะผิดทำไมมึงไม่บอกกูก่อนไหนมึงเคยสัญญาว่าถ้ามึงมีใครมึงจะบอกกูคนแรก” ผมเคยบอกไอธันไว้ตอนปีหนึ่งว่าแบบ ถ้ามีแฟนแล้วผมจะบอกมันคนแรกเลยนะในฐานะที่เราเป็น ‘เพื่อนสนิทกัน’


“ก็นี่ไงกำลังจะบอก แล้วมึงเป็นเหี้ยไรเนี่ยทำไมต้องทำเสียงหงุดหงิดด้วย” มันเริ่มส่งเสียงงี่เง่าออกมามากๆจนผมเริ่มจะรำคาญละ เป็นคนไม่ชอบให้ใครงี่เง่าใส่

“ก็พี่เค็นเขามาขอเบอร์กูเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วคือพี่เขาก็หล่อนะ ดูสุภาพดีด้วยแล้วมีเหตุผลอะไรที่กูจะไม่ให้เขาวะ แฟนกูก็ยังไม่มี” ประโยคสุดท้ายทำไมตัวเองต้องพูดเสียงเบาขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้แม่ง

“เออ ก็เรื่องของมึงจะให้เขาก็ให้ไป ตัวมึงจะให้ใครก็ได้นิสิทธิ์ของมึง” ไอเหี้ยแล้วจะมาขึ้นเสียงทำโครตพ่อโครตแม่มึงเหรอ กูชักจะเริ่มโมโหละ

“เออไอเหี้ยตัวกู กูจะถวายขึ้นเตียงให้เขาก็เรื่องของกู แล้วมึงเป็นเหี้ยไรมาขึ้นเสียงใส่กู”

“กูไม่ได้เป็นไร มึงนั่นล่ะมาบอกกูช้า”

“กับเรื่องแค่นี้มึงต้องโมโหด้วยเหรอวะ”

“เออ โมโห กูหวง มึงไม่รู้ไง” ตะโคกกูเหรอ ได้ !

“มึงจะหวงส้นตีนไรล่ะ กูเป็นอะไรกับมึง มึงถึงต้องมาหวงตัวกูเพื่อนเหี้ย !!” ผมก็ตะคอกกลับ พอรู้สึกได้สติตัวเองก็รู้สึกว่า …. ไอมาร์คเอ้ย …. แม่งพูดไรออกไปวะ

ทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์ไม่มีการโต้เถียงเกิดขึ้นผมแล้วก็ไอธันต่างหันหน้าไปคนละทาง ไม่มีแม้กระทั่งการมองหน้ากัน

“กูขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบนึง”

ไม่ทันที่ผมจะขานรับมันก็ดิ่งออกไปเลย

ผมยอมรับนะว่าผมอยากจะลองคบกับพี่เค็นดูเพราะยังไงซะก็เป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเองด้วย เพราะผมเองก็อยากจะลองมีความสักคนนึงมาอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน อยากมีใครสักคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนและเป็นห่วงผมดูแลผมปฏิบัติกับผมเหมือนกับผมเป็นคนสำคัญผมกับไอธันเป็นแค่เพื่อนกันคิดแบบนี้ …. แต่พอเห็นหน้าไอธันทีไรแม่งแบบ …. ทำไมความคิดนั้นถูกทิ้งไปทันทีแล้วกลับถูกแทนด้วยความคิดที่ว่า “นี่ไงกูก็มีแล้วนี่นา”

ปวดหัวว่ะ สิ่งที่เรียกว่าความรัก

Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~ 온몸에 난 힘이 풀려
내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요 I’m falling falling for your love
Mr. Chu~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ ช่างหวานจับใจ Chu~ ร่ายกายของฉันมันหมดเรี่ยวแรง หัวใจฉันสั่นไปหมด เธอทำให้ฉันใจสั่น I’m falling falling for your love



-   ธันวา


ผมเดินออกมาจากห้องที่เราสองคนนั่งด้วยกันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพลั้งพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ แม่งโครตอึดอัดว่ะ อยากจะพูดก็พูดไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ มาร์ค มึงไม่รู้สึกอะไรกับกูเลยเหรอวะ มึงไม่เคยคิดจะแบ่งสักเสี้ยวความรู้สึกมาให้กู ไม่คิดจะมองกู ไม่คิดจะรู้สึกกับกูเกินกว่าคำว่าเพื่อนหน่อยเหรอวะ .. มึงดูไม่ออกจริงๆเหรอว่าที่กูทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร …  หรือกูผิดเองที่กูไม่ยอมบอกมึงว่ากูรู้สึกยังไง

ผมยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำสักแปบเพื่อจัดการกับความคิดในหัวตัวเองที่ตีกันมั่วไปหมด นี่กำลังหึงไอมาร์คอยู่ ?
ผมเอามือลองน้ำควักใส่หน้าสักส 2 3 ทีก่อนจะจัดการอารมณ์ตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปหาไอมาร์คที่นั่งอยู่ในห้อง

“มึง กลับกันเหอะ สามทุ่มแล้ว” ผมเปิดประตูเข้าไปแล้วรีบชิงตัดบทก่อนที่มันจะพูดอะไร ผมเองก็ยังไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน รู้สึกยังทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี

มันก็ไม่พูดไม่จาอะไรเก็บกระเป๋าแล้วก็เดินนำออกไป ผมก็เดินตามออกมาก่อนจะเช็คบิลอะไรให้เรียบร้อยแล้วก็พามันไปขึ้นรถแล้วก็ตรงไปที่หอโดยปกติถ้ากลับหอดึกๆผมจะลงไปส่งมันถึงหน้าห้อง

วันนี้ก็เช่นกัน ผมก็เดินตามมันขึ้นไป เราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันได้แต่เดิน เดินให้ความเงียบปกคลุมพวกเราทั้งสองคนไว้ เราสองคนเดินมาจนถึงชั้น 3 ชั้นที่ห้องไอมาร์คอยู่ มันกำลังหากุญแจ พอมันหาเจอ มันดันทำล่วง ผมด้วยความหวังดีก็ก้มลงไปเก็บให้แต่ไหงเงยหน้าขึ้นมา หน้าของเราสองคนถึงจะชนกัน มันใกล้กันเกินไป

ปลายจมูกเล็กๆนั้นจนกับปลายจมูกของผม เราสองคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ทุกอย่างหยุดยิ่ง มันเงียบ เงียบจนผมได้ยินหัวใจตัวเองมันเต้นแรงแค่ไหนเมื่ออยู่กับคนตรงหน้าในระยะห่างเพียงเท่านี้ เหมือนอยู่ดีดีสติก็กลับมา เราสองคนต่างก้มหน้าไม่พูดอะไร …..

พอเห็นแบบนั้น มาร์คมันก็รีบเอากุญแจไขเข้าห้องไป ห้องสีขาวที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมันเดินเข้าเอาทุกอย่างเข้าไปเก็บในห้องนอนแล้วเดินออกมา

“มึงจะกลับกี่โมง นั่งพักก่อนเปล่า” มันถามผมแต่มันไม่มองหน้าผม

“เออเดี๋ยวกูนั่งผักแปบนึง แล้วเดี่ยวกลับ”

ผมเดินมาที่โซฟาที่ผมเองก็นั่งเป็นประจำเปิดดูทีวีขนาด 40 กว่านิ้วที่เจ้าตัวแม่งลงทุนขนมาจากบ้านเพราะอยากดูการ์ตูน = =  มาร์คมันก็มานั่งข้างๆผมพร้อมกับแย่งรีโมตก่อนจะเปลี่ยนช่องไปดูช่องทีวีน้ำเน่าของมันที่มันดูประจำ

ผมนั่งดูหนังไปพร้อมกับมัน โดยที่มีมันอยู่ในแขนอีกข้างที่ผมกลางไปตามแนวของขอบโซฟา เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับที่มาร์คมันจะเข้ามานั่งซบผมแบบนี้ …  แต่ก็แปลกดีท่านี้มันเอาไว้ให้คนที่เป็นแฟนกันนั่งดูหนังด้วยกันไม่ใช่เหรอวะ …

คิดได้แบบนั้นผมเลยเปลี่ยนมือมาโอบไหล่คนตัวเล็กข้างๆแทน ปกติถ้าทำแบบนี้ไอมาร์คมันจะต้องดิ้นทำเป็นเล่นตัวนิดหน่อยแล้วบอกว่า ‘กูเสียหายนะมีผู้ชายมาจับตัวแบบนี้’ แม่งแรดอะ ฮาๆๆแต่ก็นั่งกอดกันแบบนี้ทุกครั้ง แต่คราวนี้พอผมจับไปกับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ผมสงสัยจึงหันไปมอง อ่าว …..

หลับไปแล้ว สงสัยคงเป็นเพราะซ้อมหนักไปเลยเหนื่อยแถมยังเรียนมาทั้งวันอีก เห็นแบบนั้นมันเป็นภาพที่รักมากเลยทีเดียวแล่ะครับ จมูกเชิดหน่อยๆแม้มันจะไม่ได้แหลมแต่ก็โด่งเลยทีเดียว ตาโตหวานๆที่ปิดสนิทปากรั้นๆที่หน้างับซะเสียให้เข็ด

สมองหรืออะไรสั่งการก็ไม่ทราบ เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลทำให้ผมต้องโน้มตัวลงไปใบหน้าหวานๆนั่นก่อนจะบรรจงจูบและขบเบาๆที่ริมฝีปากนั้น แต่ก็ต้องตกใจชั่วขณะเมื่อริมฝีปากเล็กๆนั้นตอบรับสัมผัสจากผมก่อนจะมือเรียวๆนั้นจะค่อยยกขึ้นมาคล้องคอผม

มันไม่ได้ลึกซึ้ง และไม่ได้เนิ่นนาน แต่มันไมรู้สึก หวาน หอมไปหมด ….

เหมือนได้สติ เราสองคนต่างผละออกจากกันด้วยความตกใจ ก่อนผมจะรีบขอตัวออกจากตรงนั้นไม่งั้นทุกอย่างได้พังหมดแน่ๆ

“เอ่อมาร์คกูกลับก่อนนะ”

“อือ”

มันตอบแค่นั้น ก่อนผมจะเดินออกไปแล้วปิดประตูให้เจ้าของห้องพร้อมกับหันหลังชนประตูด้านนอกเพื่อสงบสติอารมณ์สักหน่อย

“นี่กูทำไรลงไปวะเนี่ย”


Hey you~ 입술 위에 Chu~ everyday with you~널 보면 내 눈이 감겨
몰래 살짝 다가와 또 키스해줄래 내 꿈결 같은 넌 나만의
Hey you~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ everyday with you~ เมื่อมองเธอ ตาฉันก็ปิดลง ช่วยเข้ามาช้าๆแล้วจูบชั้นหน่อยได้ไหม เธอผู้เป็นดั่งฝันของฉัน เธอเท่านั้น Mr. Chu~ ของฉัน


เสียงประตูห้องปิดลง คนตัวสูงเมื่อกี้ได้เดินออกไปแล้ว ทำไมหัวใจมันยังเต้นเต้นขนาดว่าแถบจะหลุดออกมาจากอกเต้นแบบควบคุมไม่อยู่

เมื่อกี้ …. ไอธันจูบเรา … มันจูบเรา เพื่ออะไร ?

มึงบอกกูได้ไหมธันว่ามึงก็คงจะชอบกูเหมือนกัน หรือกูแค่คิดไปเอง มึงแค่เหงาเลยมาลงที่กูแค่นั้นเหรอ ?

ผมยังคงนั่งเอามือลูบไล้บริเวณริมฝีปากของตัวเอง สัมผัสอุ่นๆเมื่อกี้ยังคงอยู่ นี่กูฝันหรือเปล่า หรือว่ายังไง …. มันยังคงตราตรึงอยู่ในสิ่งที่อยู่ในอกด้านซ้ายแล้วก็กำลังเต้นแรงๆอยู่นี้

ก่อนอะไรมันเลยเทิดไปมากกว่านี้ผมก็จัดการตัวเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะรีบดิ่งลงเตียงนอนไม่งั้นพรุ่งนี้ไม่ตื่นไปเรียนตอนเช้าแน่ๆให้ตายเถอะ

จะว่าไป … สัมผัสแบบเมื่อกี้ ….

อยากได้อีกสักครั้งจัง

ไม่ว่ามันจะมาจากความรู้สึกไหนในใจไอธันก็ตาม..

ผมตื่นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปเรียนตั้งแต่ตอนเก้าโมง เมื่อวานผมส่งเมสเสจไปบอกไอธันแล้วว่าไม่ต้องมารับวันนี้บอกว่าจะไปเอง มันก็บอกมันไม่เชื่อนึกว่าไอพี่เค็นจะมารับ คือมึง มีสติก่อนมะ ?  = =

แล้วทำไมมึงต้องหวงกูขนาดนี้ มึงแปลกไปนะช่วงนี้ แต่ลึกๆผมเองก็รู้สึกดีใจ ทำไมถึงดีใจ นี่กำลังทรยศกำแพงหัวใจตัวเองที่ปิดกั้นไม่ให้รักใครคนนึงทั้งๆที่รักหมดหัวใจ …

รู้สึกเรียนไม่รู้เรื่องทั้งเช้าวันนี้เพราะเรื่องเมื่อคืนยังคงสติลอยู่ในหัวอย่างช่วยไม่ได้ มันยังคงคิดถึง แค่หลับตาภาพเมื่อวานก็ผุดขึ้นมา จนทำอะไรไม่ถูกในสมองเหมือนเครื่องเล่นเทปที่กอกลับซ้ำไปซ้ำมาภาพเดิมอยู่แบบนั้น จนรู้สึกเริ่มทนไม่ไหวก่อนจะนัดพวกไอนิวไอพลอยออกมาปรึกษาเรื่องนี้ …

“เห็นไหมพลอยกูบอกแล้วว่าแบบไอมาร์คแม่งต้องชอบธันจริงๆด้วย” หลังจากผมเล่าทุกอย่างและระบายสิ่งที่เกิดในใจผมให้เพื่อนฟังแล้วก็ตามที่มันบอกจริงๆ

“กูว่านะมาร์คมึงควรเปิดใจ มึงกับธันมันเกิดเพื่อนไปแล้ว เกินไปซะจนกูอิจฉาที่มึงดูแลกันดีขนาดนี้”

ธันดูแลผมดีจริงๆแล่ะ ไปรับไปส่งพาไปกินข้าวเจ็บป่วยอะไรก็มานอนเฝ้าเป็นห่วงตลอดเวลาติดต่อกันไม่เคยขาด มันก็มากกว่าเพื่อนคนนึงจะทำให้กันได้จริงๆ

“แต่กูกลัวเสียเพื่อน มึงกูอาจจะคิดไปเองก็ได้นะเว้ย”

“มึงเชื่อกูเหอะมาร์ค รักต้องลองเสี่ยงไม่เสี่ยงมึงจะได้รักนั้นมาไหม”

“ไอพลอยพูดถูกนะเว้ย มึงทำตามใจตัวเองเหอะ เสียงหัวใจสำคัญที่สุดสำหรับความรัก เพราะว่ารักต้องใช้หัวใจ”

พอฟังๆมันแล้วก็มีเหตุผลนะครับ ถ้ารักต้องใช้หัวใจ แล้วถ้าปิดกั้นหัวใจแล้วเราจะรักใครได้อย่างหมดใจได้อย่างไรกัน

“กูแนะนำให้มึงสารภาพรักไอธันซะวันนี้มึงเชื่อกู ไม่งั้นนะมึงเต้นไม่ได้แน่ๆเพราะมึงไม่มีสมาธิ แล้วนี่ก็ใกล้ถึงวันงานสัมพันธ์วิศวะมนุษย์แล้วด้วย มึงยิ่งต้องซ้อมหนักไปกว่าเดิมแล้วถ้ามึงไม่มีสมาธิซ้อมงานพังนะมึงมึงเป็นเมนนะเว้ย ดูจากสารรูปวันนี้ในห้องเรียนแล้วแบบ อนาถสัด”

ที่จริงก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แล้วมันก็เป็นแบบที่ไอพลอยว่า วันนี้จดอะไรไม่ได้สักหน้านึงฟังอาจารย์ต่างชาติพูดก็ไม่รู้เรื่องคืออาการหนักมากจริงๆ

“ก็ได้ กูจะไปสารภาพรักไอธัน มึงว่ามันจะเกลียดกูไหมวะนิว” ผมถามไอนิวที่กำลังนั่งดูดน้ำสบายใจเชิบ มึงไม่ได้สนใจกูเลยอีเพื่อนเหี้ย

“เผลอมึงจะได้ผัวมาแทนน่ะสิ ฮิๆ” ดูแม่งขำ

“มึงเดี๋ยวก่อน แล้วกูเห็นคนที่ชื่อพี่เค็นอะไรนั่นเขามาตามจีบมึงเขาไม่มาแล้วเหรอวะ” อยู่ดีดีไอพลอยก็ถามขึ้นมา เออนี่กูลืมมันไปแล้วนะเนี่ย

“เออจริงด้วยว่ะ คือหลังจากมันมาหาที่ห้องซ้อม สองสามวันนั้นมันก็ไม่โพล่หน้ามาอีกเลย กูงงมาก คิดจะหายก็หายไป” เอาจริงๆก็ไมได้สนใจอะไรมาก คือแบบอยู่ดีดีก็หายไปเลย คือมึงจะหายไปแบบนี้เลย เออก็ได้ กูก็ไม่สนใจ แต่ตอนนี้เรื่องไอธันอะ …

เอาไงดีอะ สารภาพรักวันนี้ ? เออเอาก็เอา พูดเลย = =

หลังจากเรียนช่วงบ่ายเสร็จผมจึงเดินไปซื้อเค้ก ก้อนเล็กๆก้อนนึงรสวลิลาที่ไอธันชอบกินก่อนจะไปนั่งรอมันที่ม้าหินหน้าคณะมัน แต่ว่า ….

2 ชม ก็แล้ว
3 ชม ก็แล้ว

ทั้งๆที่ส่งข้อความไปบอกแล้วว่าจะมานั่งรอ ปกติไอธันไม่เคยให้ผมนั่งรอขนาดนี้ช้าสุดที่เคยรอคือ 15 นาทีจริงๆ = =

ด้วยความเบื่อผมเลยไปเดินเล่นรอบๆคณะมันซึ่งปกติจะมาแต่หน้าคณะ ในคณะมันใหญ่มากๆจริงๆตอนนี้ก็ 2 ทุ่มแล้วคนก็ไม่ค่อยจะมีแล้วเขากลับบ้านกันหมดผมเดินชมโน่นชมนี่ในติกวิศวะไปเรื่อยจนเดินไปถึงหลังคณะ ซึ่งตรงหลังคณะไม่มีคนเลย มันจึงเงียบมาก ทำให้ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินตามเสียงนั้นเข้าไป

“ธันคะ หมิวรักธันมานานแล้วนะคะ”

“เอ่อ หมิวแต่ผม … ”

“แค่จูบเดียวนะคะ นะ”

ก็ไม่ทันจะจบเสียงนั้น ร่างของหญิงสาวคนนึงซึ่งมองจากด้านหลังก็น่าจะสวยเลยทีเดียวแล่ะก็กำลังประกบปากกับไอธันอยู่ ซึ่งแล้วกูควรทำยังไง ?

“ไอธัน” … ผมเรียกมันด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก จะว่าไงดีล่ะ จะโกรธก็โกรธ หวงไหมก็หวง รู้สึกไม่อยากฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น มือจับถุงเค้กที่ถือมาซะยับเยินไปหมด

“มาร์ค !! ”

“ว๊าย !!! ” ผู้หญิงคนนั้นพอเห็นผมมายืนดูฉากเลิฟซีนสุดซอกหลืบของพวกมันก็ตกใจหันกลับมาแล้วเดินไปหลบอยู่ข้างหลังไอธัน

“มาร์ค คือมัน …”

“มันไม่ใช่เหี้ยไร ? ”

“มีงฟังกูก่อน กูขอโทษที่ทำให้มึงรอ ”

“อ๊อ นี่คือมึงคิดว่าที่กูกำลังโมโหนี่เพราะมึงทำให้กูรอ คำตอบคือ ใช่ ไอเหี้ยเอ้ย มึงเป็นเหี้ยไรมากปะ!!!”

ผมตะหวาดจะหวาดซะเสียงดังไปทั่วโถงข้างล่างตึก แต่โชคดีที่มันไม่มีใครอยู่แล้ว

รู้สึกโกรธ ให้รอกูรอได้แต่ที่กูต้องรอ เพราะมึงกำลังจูบกับคนอื่นอยู่ นี่หรือว่ากูต้องรอมึงเอากับมันเสร็จก่อนแล้วกูค่อยมาบอกได้ว่า มึงกูชอบมึงแบบนี้เหรอ ?

“กูกำลังจะไปหามึงแต่หมิวเขาเรียกกูมาเพราะเขามีเรื่องอยากจะบอกกู”

“บอก บอกทำส้นตีนหัวดออะไรล่ะนี่อะนะบอก บอกแบบแลกลิ้นเลียหน้าเงี้ยเหรอ ไอห่านี่มึงเอากันได้มึงก็เอากันไปแล้วปะ”

ผมไม่รออะไรอีกแล้ว รู้สึกเจ็บแน่นในหน้าอกไปหมดสมองมันตัน น้ำในตาเริ่มเอ่อขึ้นมาแบบหาสาเหตุไม่ได้ ความรักของกู คือต้องรอให้มึงเอากับใครอีกคนก่อนแล้วค่อยมาฟังกู … คิดได้ดังนั้นก็กำลังจะย้ายตัวเองออกจากตรงนั้นแต่ไม่ทันไรก็มีมือหนาๆของใครอีกคนมารั้งไว้

“มึงฟังกูก่อน”

“ฟังเหี้ยไร ! ฟังว่ามึงเอากับมันเสร็จแล้ว แล้วปล่อยให้กูรองี้ใช่มะ ?  ทั้งๆที่กูบอกมึงแล้วว่ากูมีเรื่องสำคัญจะบอกมึง หรือยังไง ความรักของกูต้องมาหลังความเงี่ยนมึงใช่ไหม ? ”

โกรธ โมโห มันถมเข้ามาหมด มันรู้สึกเหมือนกำแพงที่เคยกั้นทุกอย่างไว้กำลังจะพัง สิ่งที่เก็บอยู่ในใจเรื่อยมากำลังจะพังลงในอีกไม่กี่วินาทีนี้

“มึง ….. ”

“ไม่ต้องมาเรียกกูไอเหี้ย ไหนๆมันก็จะพังขนาดนี้แล้ว ก็ได้ ไอธันกูจะบอกมึงไว้ตรงนี้ กูชอบมึง กูรักมึง มันเกิดขึ้นมานานแล้ว นานมาก นานซะจนกูต้องมาเห็นเหี้ยไรอะไรแบบนี้ !!  ”

ไม่ตะโกนเปล่า ผมขว้างเค้กที่อยู่ในมือใส่หน้ามัน ทั้งๆที่ตั้งใจจะซื้อมาให้ แต่ก็ต้องให้ด้วยวิธีนี้ ก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนั้น วิ่งไปที่ไหนก็ได้ วิ่งออกไปให้ไกลที่สุด ไกลซะจนไม่ต้องเห็นอะไรอีกหรือเจออะไรอีกก็ได้

เจ็บแบบนี้มันเรียกว่าอกหกหรือเปล่า …

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 03-04-2014 15:36:19
내 소원을 들어줘요 영원한 사랑 이뤄주길
짜릿짜릿한 느낌 절대 맘 변하지 않기
평생 나만 바라봐줘 baby
ช่วยรับฟังความปราถนาของฉันหน่อย ทำให้รักนี้เป็นนิรันดร์
ความรู้สึกสั่นคลอนจะไม่ทำให้หัวใจนี้เปลี่ยนไป
ทั้งชีวิต มีแค่ฉันคนเดียวได้ไหม baby


โอ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ยชีวิต …. ถามว่าดีใจไหมที่ผมรู้ว่าคนที่ผมรักเขากีใจให้ผมมานานแล้วเหมือนกัน มันดีใจซะยิ่งกว่าดีใจซะอีก แต่คือ … โดนเค้กป่าใส่หน้าเต็มๆแถมโดนเข้าใจผิดอีก นี่แล้วผมควรทำยังไงจะปฏิบัติการง้อว่าที่แฟนยังไงดีวะเนี่ย

“ไอ้ลี มึงออกมาหากูหน่อย ด่วนไอเหี้ยเร็วๆ ที่คณะเออแค่นี้นะ” โทรไปเร่งสุดๆ กูหมดที่พึ่งแล้วโว้ยยย เร็วๆ

ไม่ถึง 10 นาทีมันก็มาถึงก็หอมันใกล้อยู่แค่นี้ คือไอ้ลีเป็นเพื่อนสนิทผมตั้งแต่เข้ามาที่นี่อีกคนนึงเหมือนกันครับมันสนิทกับผมมากๆตั้งแต่รับน้องคณะ แล้วผมก็คอยเล่าเรื่องอะไรมากมายให้มันฟังเกี่ยวกับไอตัวแสบของผมจนมันเค้นให้ผมสารภาพให้ได้นั่นล่ะว่าผมชอบมาร์คมัน แต่มีแค่มันคนเดียวจริงๆที่รู้ (ขนาดเจ้าตัวยังไม่รู้เลยเห้อ กู  = =)

“มึงเป็นเหี้ยไร ทำไมนั่งหน้าซีดแบบนี้วะ ”

มันถามผมแต่ผมแบบเบลอๆ ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน หลังจากมาร์คมันวิ่งออกไปผมก็ไล่หมิวออกไปทันที ยอมรับครับว่าตอนนั้นก็โมโหมากเหมือนกันที่มีผู้หญิงคนนึงมาทำรายความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างผมกับคนที่ผมรัก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ จริงๆ ผมจึงทำได้แต่ไล่เธอกลับไปแล้วก็ตัดขาดการติดต่อกัน

“มึง มาร์คมันมาบอกชอบกู”

“เฮ้ยยยย !!!!! จริงดิ มึงกูดีใจด้วย”

“ดีใจกับผีสิ แม่งดันมาเห็นกูจูบกับ หมิวอะดิ”

“อ่าว พ่อมึงสิ หมิวเด็กบัญชี ? แล้วมึงไปจูบกับเด็กบัญชีได้ไงวะ”

“ก็เขามาบอกชอบกู แล้วบอกกูว่าขอจูบกูทีนึงแล้วจะไม่มายุ่งกับกูอีก”

“ไอควายเอ้ย แล้วมึงก็ให้เขาจูบ ???”

“กูกำลังจะปฏิเสธแต่ …” แต่มันก็มาเห็นนี่สิกูละกลุ้ม อยากจะเอาหัวกระแทกกำแพง = =

“เป็นมหาซวยของมึงจริงๆว่ะไอธัน กำลังจะได้เมียแท้ๆ ควาย ละนี่จะเอาไง ?? ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ”

“กูว่ากูรู้ว่ะมึง ว่าจะทำยังไงดี …. ” 

หลังจากที่ผมได้ฟังแผนการ ของไอ้ลีหมดแล้วนั้นก็ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาเลยทีเดียวกับปฏิบัติการง้อว่าที่แฟนครั้งนี้ ผมหันไปหารูปเกียร์หน้าคณะ ซึ่งเขาบอกว่า ถ้าคนที่กำลังมีปัญหาความรักมาขอพรล่ะก็ ปัญหาต่างๆก็จะหมดไป ผมภวานาในใจให้เกียร์หน้าคณะช่วยทำให้ผม ได้สิ่งสำคัญของผมคืนมาด้วยเถอะ

.
.
.

Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~온몸에 난 힘이 풀려
내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요 I’m falling falling for your love
Mr. Chu~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ ช่างหวานจับใจ Chu~ ร่ายกายของฉันมันหมดเรี่ยวแรง I’m falling falling for your love
หัวใจฉันสั่นไปหมด เธอทำให้ฉันใจสั่น I’m falling falling for your love


เหลืออีกแค่วันเดียวงานสัมพันธ์สองคณะก็จะมีขึ้นแล้ว ผมเองที่วันนี้ก็มาห้องซ้อมที่คณะปกติ หลังจากวันนั้นที่เกิดเรื่องเป็นเวลาอาทิตย์นึงแล้วไอธันหายไปจากสาระบบผมเลยทีเดียว ไม่มาหาไม่ไลน์มาไม่โทรหา ไม่มารับ หึ …. คือกูคิดไปเองสินะว่ามึงจะชอบกู แต่ก็เอาเถอะคิดไปก็ปวดหัวททำหน้าที่ตัวเองก่อน คิดได้แบบนั้นแต่ก็ต้องไม่วายเจอเรื่องปวดหัวเมื่ออีมิ้น เมียเก่าไอธันเดินมาหาผมขณะที่ผมกำลัง พักกินน้ำระหว่างซ้อมอยู่

“ว่าไงหล่อน ได้ข่าวไปเห็นธันจูบผู้หญิงอื่นมาดีใจไหมล่ะ ?”

“เสือก …” พูดไปแค่นั้นแล่ะจริงๆ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับชะนีบ่างหน้าด้าน รำคาญ

“รับให้ได้หน่อยสิ แหม ที่ตอนแย่งธันไปจากกูมึงไม่เห็นหน้าซีดแบบนี้เลย”

“น่าสมเพศนะ ชะนีโดนผัวที่ตัวเองเกาะถีบออกมาแล้วต้องโล่ปีนต้นไม้ข้ามไปเกาะผัวใหม่แบบรวดเร็วเพราะคันคะเยอคารามายเอาไม่อยู่นี่ เห้ออ ให้กูเรียกว่าอะไรดีวะ”

“กรี๊ดดดด อีพวกผิดเพศ นี่มึงด่ากูเหรอ”

“เออกูอะผิดเพศ มึงอะผิดปกติอีสันขวาน ไปเช็คสมองไป๊ !!!!!!! ” ผมไล่มันก่อนที่ตัวเองจะเดินออกไปเข้าห้องน้ำ แม่งวันนี้ซ้อมใหญ่ต้องรันคิวทุกกลุ่มต้องมาซ้อมรวม เห้อเบื่อ = = เจออีชะนีหลงป่านี่แล้วปวดหัวสิ้นดี

ออกไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนจะเข้ามาซ้อมใหม่แต่เหมือน กลุ่มผมหน้าซีดกันเป็นไก่ต้มเลย เหมือนงานจะเข้า รู้สึกได้ เลยเดินเข้าไปถามไอพลอยที่นั่งอยู่หน้าบูดเชียว

“พลอยมีไรวะ”

“มึง คือแบบ พี่ปอเอาลิสเพลงสุดท้ายมาให้พวกเรา คือมึงเขาจะให้พวกเราเต้นเพลงนี้ …. ” แล้วมันก็ให้ผมดูชื่อเพลง เห็นละแบบ เอ่อะ กูเป็นลมดีกว่า

“มึงคือมันไม่แบ๋วไปเหรอวะ คือกูควรแบ๋วขนาดนี้เลยใช่ไหม = = !” เอามือก่ายหน้าผาก ปกติเต้นแต่เพลงแรงๆแล้วนี่จะให้แบ๋วขนาดนี้ กูจะทำได้ไหม

“ไม่รู้อะมึงคือเขารีเควสมา”

“แล้วทำไมพึ่งมารีเควสวันนี้วะ” ผมบ่นไอพลอยที่ทำหน้างงพอๆกับผมตอนนี้

“กูก็ไม่รู้ว่ะพี่ปอให้มา แต่แบบคงต้องเต้นอะมึง ฝั่งวิศวะรีเควสมา ”

“เออ ไอเหี้ย รีเควสมาวันนี้ Kเหอะ แต่ช่างแม่ง ซ้อมเหอะ เต้นๆๆ ดีนะกูเอาคอมมาแกะท่าได้”

และแล้วภาระกิจการซ้อมกระทันก็เริ่มขึ้นไปยันเช้า = = !!!

โชคดีที่งานมีตอนเย็นพวกผมซ้อมเสร็จกันตอนตีห้าแต่กว่าจะลงความเห็นกันได้ว่าใครเป็นเซ็นเตอร์นั่นก็คือ ผม = = คือมีผมเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเลยให้เป็นเซ็นเตอร์จะได้ดูเด่นสุด …. พอซ้อมกันเสร็จก็ แยกย้ายกันไปนอนสักแปบนึงแล้วก็มารวมตัวกันบ่ายโมง ที่ห้องที่คณะวิศวะจัดไว้ให้ก่อนจะเริ่มแต่งตัวกัน

ชุดเต้นวันนี้ก็ไม่มีไรมาก ของพวกผมเป็นชุดกางเกงดำขาสั้นพร้อมกับเสื้อนิสิตแขนยาวตัวใหญ่กว่าปกติหน่อยให้มันดูฮิปฮอปนิดนึง แล้วก็เป็นรองเท้าผ้าใบ ชุดวันนี้เน้นเรียบง่ายแต่เต้นแรงไว้ก่อน ฮาๆ

“มึงธันฝากนี่มาให้” ไอนิวครับ เดินเอากล่องไม่ใหญ่มากกับโน้ตเล็กๆมาให้ คือดีใจมากที่มันฝากของมาให้ เพราะในใจก็ยอมรับว่าคิดถึงอยากเจอ อยากคุย แต่ก็นะ เขาคงไม่ได้ชอบเราเท่าไหร่ ที่หายไปก็คงไปทำใจว่าเพื่อนสนิทชอบตัวเองคงรับไม่ได้นั่นล่ะ ผมเปิดโน้ตขึ้นมาดูก่อนจะเห็นข้อความที่เขียนไว้

‘สู้ๆนะมึง วันนี้เต้นเอ็กซ์ๆหน่อย กูชอบ’

ไอเหี้ย ดูแม่งเขียนมาดิส้นตีนอะ  !!

“ยิ้มไรวะมาร์ค” ไอพลอยถาม

“มันจะยิ้มไรล่ะ มันก็ยิ้มที่ผัวมันเขียนอะไรมาให้อ่าดิ” หุบยิ้มแถบไม่ทันอีพวกเพื่อนเวรนี่แม่งรู้ทัน

“แล้วในกล่องนั้นมีอะไรวะมึง” พลอยมันชี้ไปที่กล่องขณะหนีบผมให้ไอนิวอยู่

ผมเปิดกล่องออกมา ก็เป็นนมกับขนมปังที่ผมชอบกินในเซเว่นธันมันคงรู้ว่าผมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้ามันเลยซื้อใส่กล่องมาให้กินลองท้องก่อนจะถึงงานเพราะในงานมีโต๊ะจีนมันต้องกะอยู่แล้วว่าผมจะไปกินของฟรี (เออกูจะแดกของฟรี) แล้วประเด็นคือมึงรู้ได้ไงวะว่ากูทำอะไรอยู่ทีไหนทั้งๆที่มึง หายไปเป็นอาทิตย์


เวลาล่วงเลยจนมาถึงตอนเย็นงานเริ่มครับ พิธีเปิด คณบดี ของทั้งสองคณะก็มากล่าวเปิดงานก่อนจะเริ่มการแสดงจากเด็กๆทั้งสองคณะคือไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่าคณะตัวเอง การแสดงนี่สุดยอดกว่าวิศวะมากๆ
วิศวะนี่แม่งเอาผู้ชายมาเต้นเอาฮาอย่างเดียวอะเอาดีดี แต่พอสาวๆ จากมนุษย์ออกมาเต้นนี่เสียงปรบมือ วี๊ดวิ้ว เกรียวกลาวอย่าได้บอกใครเชียว แม่งเหมือนลิงออกมาจากกรงได้อะ อีพวกนี้โครตเหมือน
ระหว่างอยู่ข้างเวทีก่อนแสดงผมก็พยายามจะมองหาใครสักคนนึงที่คิดถึงมาเป็นอาทิตย์ และแล้วผมก็เจอก่อนจะต้องหลบสายตาไปทางอื่นเพราะมันหันมายิ้มให้แล้วก็โบกมือ  มึงนี่แม่งทำเหมือนไม่รู้เหี้ยไรสักอย่างไอผู้ชายหน้าส้นตีน

การแสดงหลายจุดผ่านไปจนมาถึงจุดของพวกผม ถึงเวลาต้องโชว์ฝีมือกันสักหน่อยแล้ว …
พอก้าวขึ้นเวทีเท่านั้นแล่ะเสียงผิวปากเสียงปรบมือนี่ดังกันสนั่นก็แน่แล่ะแค่ไอพลอยกับไอนิวก็กินขาดและ หน้าก็สวยอกก็บึ้ม หืมมมมมม แม่ง แดกขาดทุกชุด แล้วไหนจะกระดุมเสื้อที่ปลดลงมาให้เห็นล่องอกอีกโอยยล่อเสือล่อตะเข้กันให้เป็นฝูงละคราวนี้
พอเพลงเริ่ม พวกเราก็โชว์ลีลาที่ซ้อมกันมาแบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียวคนดูนี่อึ้งกันไปเป็นแถบๆ รู้สึกภูมิใจมากที่เราทำกันเต็มที่แล้วทุกคนชอบ …

สองเพลงผ่านไปจนมาถึงเพลงสุดท้ายที่ซ้อมกันเมื่อคืนสดๆ เห้อนี่ถึงเวลาต้องแอ๊บแบ๊วกันแล้วใช่ไหม ก่อนจะแบ๊วพวกผมก็ต้องรีบลงไปเปลี่ยนเชิ้ตขาวเป็นเชิ้ตสีชมพูก่อน ก็เลยมีพิธีกรมาขั้นรายการไว้สักแปบนึง

"อ้าวว่าไงคะ หนุ่มๆ โชว์เมื่อกี้เผ็ดถึงใจไหม " พิธีกรคุยเล่นกับผู้เข้าร่วมงานทุกคน ก็ได้เป็นเสียงกรี้สเสียงผิวปากมาเป็นคำตอบแทน

“เอาล่ะเรามาเปลี่ยนอารมณ์กันมั่งเราเจอของเผ็ดแซบไปแล้วเรามาดับร้อนด้วยความน่ารักจากน้องๆทีมเมื่อกี้กันอีกรอบดีกว่า น้องๆพร้อมหรือยังคะ ”

พี่พิธีกรถามผมเลยให้สัญญาณว่าโอเค ก่อนจะออกไปยืน จัดโซนเพื่อเตรียมตัวแสดง แต่ก่อนแสดงแม่งมีเสียงจะตะโกนขึ้นมา

“เฮ้ย น้องคนตรงกลางแม่งโครตน่ารักเลยว่ะ !!!” แล้วเสียงกรี้สดังๆก็ตามกันมา

“เห็นไหมมึงกูบอกแล้วได้ผลไอนิว”

“จริงด้วยว่ะ แม่งล่อตะเข้ล่อเสือได้ดีกว่าพวกกูอีก” ไอพลอยกูได้ยินนะเว้ยไอเหี้ยย !!

และแล้วการแสดงชุดสุดท้ายก็เริ่มขึ้น

A-PINK – MR.CHU

http://www.youtube.com/watch?v=fS9xABgSk_g (แนะนำให้ฟังเพลงประกอบ)

한번 보면 두 번 더 보고 싶어 두번 세번 보면 너를 더 안고 싶어
너와 커플링 커플링 손에 끼고서 함께 이 길을 걷고 싶어 난
มองเธอเพียงครั้งเดียว ก็อยากจะมองเธออีกเป็นครั้งที่ 2 พอครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็อยากจะกอดเธอไว้อีก เมื่อได้ใส่แหวนคู่กับเธอ ฉันเองก็อยากจะร่วมเดินไปในทางนี้กับเธอ


ท่อนนี้เองผมพยายามจะโชว์แหวนให้ตรงกับความหมายของเพลง แต่คนที่อยากจะให้ดูก็ไม่อยู่ซะแล้ว แอบเสียเซลฟ์ไปนิดนึงแต่การแสดงก็ยังคงต้องดำเนินต่อผมจึงปั้นหน้าแสดงต่อไป

매일 매일 봐도 난 더 좋아져 두번 세번 나의 볼을 꼬집어 봐도
마치 dreaming dreaming 꿈을 꾸는 듯 생각만 해도 난 미소가
ยิ่งเห็นเธอทุกวัน ฉันก็ยิ่งชอบใจ ลองหยิกแก้มตัวเองอยู่หลายครั้ง มันเหมือนฝันไปเลยจริงๆ แค่คิดก็ยิ้มได้

Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~ 온몸에 난 힘이 풀려
내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요 I’m falling falling for your love
Mr. Chu~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ ช่างหวานจับใจ Chu~ ร่ายกายของฉันมันหมดเรี่ยวแรง

Hey you~ 입술 위에 Chu~ everyday with you~널 보면 내 눈이 감겨
몰래 살짝 다가와 또 키스해줄래 내 꿈결 같은 넌 나만의 Mr. Chu~
Hey you~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ everyday with you~ เมื่อมองเธอ ตาฉันก็ปิดลง ช่วยเข้ามาช้าๆแล้วจูบชั้นหน่อยได้ไหม เธอผู้เป็นดั่งฝันของฉัน เธอเท่านั้น Mr. Chu~ ของฉัน

부드러운 감촉 잊을 수 없어 화끈거리는 내 얼굴 빨개지는 걸
It’s so lovely lovely 사랑스러워 난 네가 자꾸만 좋아져
สัมผัสที่นุ่มนวลไม่อาจลืมเลือน มันทำให้หน้าของฉันแดงขึ้นทันที
It’s so lovely lovely เธอช่างน่ารัก ฉันนั้นชอบเธอมากขึ้นไปทุกที

Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~ 온몸에 난 힘이 풀려
내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요 I’m falling falling for your love
Mr. Chu~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ ช่างหวานจับใจ Chu~ ร่ายกายของฉันมันหมดเรี่ยวแรง หัวใจฉันสั่นไปหมด เธอทำให้ฉันใจสั่น I’m falling falling for your love

Hey you~ 입술 위에 Chu~ everyday with you~널 보면 내 눈이 감겨
몰래 살짝 다가와 또 키스해줄래 내 꿈결 같은 넌 나만의
Hey you~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ everyday with you~ เมื่อมองเธอ ตาฉันก็ปิดลง ช่วยเข้ามาช้าๆแล้วจูบชั้นหน่อยได้ไหม เธอผู้เป็นดั่งฝันของฉัน เธอเท่านั้น Mr. Chu~ ของฉัน

내 소원을 들어줘요 영원한 사랑 이뤄주길
짜릿짜릿한 느낌 절대 맘 변하지 않기
평생 나만 바라봐줘 baby
ช่วยรับฟังความปราถณาของฉันหน่อย ทำให้รักนี้เป็นนิรันดร์
ความรู้สึกสั่นคลอนจะไม่ทำให้หัวใจนี้เปลี่ยนไป
ทังชีวิต มีแค่ฉันคนเดียวได้ไหม baby

Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~온몸에 난 힘이 풀려
내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요 I’m falling falling for your love
Mr. Chu~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ ช่างหวานจับใจ Chu~ ร่ายกายของฉันมันหมดเรี่ยวแรง I’m falling falling for your love
หัวใจฉันสั่นไปหมด เธอทำให้ฉันใจสั่น I’m falling falling for your love


ผมเต้นมาถึงตรงนี้มันกำลังจะจบเพลง ท่อนฮุคสุดท้ายกำลังจะขึ้น อยู่ดีดีไฟและเพลงก็ดับลง ทั้งงานมืดสนิทก่อนมีมือหนาๆของใครสักคนนึงมาเกี่ยวเข้ากับเอวของผมก่อนจะผลิกตัวผมแล้วมอบสัมผัสที่คุ้นเคยแตะลงบนริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว …..  มันทำให้ตัวผมแทบหมดแรง มันทำให้หัวใจที่อยู่ในอกสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหวซะอีก !!


  - ธันวา


ผมเดินผ่านความมืดเข้าไปข้างหลังไอตัวแสบของผมก่อนจะสวมกอดเข้าด้านหลังแล้วจับไอตัวแสบหันหน้ามาหาผมแล้วมอบสัมผัสนี้ที่คุ้นเคยให้อีกครั้งนึง  สปอร์ตไลทตัวใหญ่สาดลงมาที่ผมกับไอตัวแสบก่อนเสียงผิวปากและเสียงกรี๊ดจะดังไปทั่วฮอล !

“มึง !!! ” มันร้องครับด้วยความตกใจแล้วหันไปมองคนข้างล่างเวทีที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันใหญ่ให้กับผมแล้วก็ไอมาร์คมัน

“เออกูนี่ล่ะ ”

“มึงคนมาเยอะมากก มึงอย่าทำแบบนี้”

“กูทำอะไรเขาเห็นกันทั่วงานแล้วจะทำก็ไม่เสียหายนะเว้ย … ”

“มึงไม่เสียแต่กูเสีย ไอธัน ธันวา นายธันวา ปล่อยยย เดี๋ยวนี้ !! กูอาย”

“มาร์ค …….. ”

ผมปล่อยมันก่อนจะจับมือมันขึ้นมา แล้วค่อยๆถอดแหวนจากนิ้วชี้ข้างขวาของมันออก มันหน้าถอดสีที่เห็นผมถอดแหวนคงกลัวว่าผมจะเอาไปให้คนอื่นนั่นล่ะ

“มึงถอดแหวนกูทำไม …”

ทุกคนในห้องประชุมเงียบ เงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ ทุกคนต่างรอฟังผมและไอมาร์คว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

ก่อนจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ผมจับมือเรียวยาวข้างซ้ายขึ้นมาก่อนจะ สวมแหวนที่ถอดออกไปที่นิ้วนางเรียวนั้น

“มึง เป็นแฟนกับกูนะ” ……

คนฟังถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงกร่ำก่อนจะค่อยๆฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้า … น้ำใสๆค่อยๆไหลออกจากดวงตาสวยคู่นั้นแต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าแต่มันคือน้ำตาแห่งความยินดี  มึงรอกูมานานมากเลยใช่ไหม

ผมยกมือซ้ายขึ้นเช่นกัน ก่อนจะทำท่าชี้แหวนท่าประจำที่ทำให้มันดู แหวนของผมเอง ตอนนี้ก็มาอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายแล้วเหมือนกัน

ทุกครั้งที่ผมชี้แหวนให้มันดู ผมต้องการแค่จะบอกมันว่า  .. 'คิดถึงกูด้วยนะ'

“เออ กว่าจะมาขอ รอนานชิบหาย !” พอไอตัวเล็กพูดจบทั้งฮอลก็ส่งเสียงดีใจกันออกนอกหน้า กันสุด ๆ

แล้วอยู่ดีดีมันก็ถอยห่างผมออกไปก่อนดนตรีจะเริ่มอีกครั้งนึง

Hey you~ 입술 위에 Chu~ everyday with you~널 보면 내 눈이 감겨
몰래 살짝 다가와 또 키스해줄래 내 꿈결 같은 넌 나만의 Mr. Chu~


เพลงท่อนสุดท้ายก่อนจะจบขึ้นมา ไอตัวแสบของผมออกลีลาต่อ มันน่ารักมาก คิดไม่ผิดจริงๆที่ผมเลือกเพลงให้มันเต้น น่ารักจนผมอยากจะเข้าไปกอดไว้แนบกาย ไม่อยากปล่อยออกไปไหน นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าความสุขจากคนที่เรารัก …

พอเพลงจบ อยู่ดีดีไอมาร์คก็พูดขึ้นมาว่า

“มึงรู้ความหมายท่อนนี้ไหม”

“กูรู้ ” ผมตอบมัน กูเลือกเพลงให้มึงกูไปอ่านมาแล้วความหมายเพลงน่ะ

“งั้นมึงก็ทำซะ …. ” ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง

Hey you~ บนริมฝีปากของเธอ Chu~ everyday with you~ เมื่อมองเธอ ตาฉันก็ปิดลง
ช่วยเข้ามาช้าๆแล้วจูบชั้นหน่อยได้ไหม เธอผู้เป็นดั่งฝันของฉัน เธอเท่านั้น Mr. Chu~ ของฉัน


ไอตัวแสบของผมหลับตาลง ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะคว้าเอ็วเล็กๆของไอตัวแสบที่หลับตานิ่งเข้ามาใกล้ตัว มันเอามือมาคล้องคอผมไว้ผมโน้มตัวลงไปแต่ก็ต้องหยุดไว้เพราะไอตัวแสบเอานิ้วเรียวๆของมันมาแตะปากผม

“ Chu ~~~ ไม่ต้องทำเดี๋ยวทำเอง ”

ช่างเป็นริมฝีปากที่หวานจับใจเหลือเกิน ….



THE END :)


จบแล้วกับเรื่องสั้นเรื่องนี้ เป็นอย่างไรรบกวนติชมให้มาร์คกับธันวาด้วยนะจ้า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: me_toey ที่ 03-04-2014 17:35:42
น่ารํก  :mew1: :mew1: :mew1:

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-04-2014 18:49:11
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-04-2014 22:31:11
 :hao7: กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย
ฟินนนนนนนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่อยากจะเชื่อว่าเขียนเรื่องแรก
เราเขียนดีมากอ่ะ อิน ฟิน แทบจะเก็บไปเพ้อเลยทีเดียว
เราแอบอยากให้เป็นเรื่องยาวซะด้วยซ้ำ
เรื่องมันน่ารักมากๆ น่ารักทั้งธันและมาร์คเลยอ่ะ  :กอด1:

ขอให้คนเขียนนำพาความฟินมาเสิร์ฟเรื่อยๆนะ
จะขอมากไปไหม ถ้าอยากให้มีตอนพิเศษอ่ะ  :mew1:

ปอลิง: ตอนสุดท้ายล่อเอาส่งเสียงดังแทบทะลุห้องเลยทีเดียว  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 04-04-2014 12:42:07
น่ารักจังเลยอ่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-04-2014 15:09:18
 :mew3: :mew3:

 :-[ :-[ :-[

น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yooaraofhellovenus ที่ 04-04-2014 20:31:20
เริ่ดมากๆ ช่วงนี้เรากำลังคลั่งไคล้สาวๆสีชมพูอยู่พอดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 04-04-2014 20:40:57
แหมมมมมมมมมมม  เอะใจตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว  พอเพลงท่อนแรกมาเท่านั้นแหละ ใช่เลย   :laugh3:

มีนโยบายเพิ่มตอนพิเศษไหม?   :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 04-04-2014 22:28:10
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 05-04-2014 03:14:37
ตอบนักอ่านทุกท่าน

คุณ  me_toey

- ขอบคุณมากๆเลยสำหรับครับชมนะจ๊ะ ^^

คุณ roseen

- ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับคำชม >< 

คุณ IsDeer

- เขินขนาดนั้นเลยเหรอ คิคิ ตอนเข้ามาอ่านคอมเม้นต์ของคุณ IsDeer คือแบบนั่งยิ้มเลย นี่เราแต่งได้อินขนาดนั้นจริงๆใช่ไหม T T ขอบคุณมากๆเลยนะจ๊ะ มีแพลนจะเอา มาร์คและธันที่เป็นตัวละคนจาก MR.CHU มาทำเรื่องยาวเหมือนกันโดยจะคงคาแรคเตอร์เปรี้ยวๆ ของหนูมาร์ค แล้วก็คาแรคเตอร์ กวนๆ แต่หล่อบาดใจ ของธันวาไว้เหมือนกันจ๊ะ

คุณ =นีรนาคา=

- ขอบคุณนะจ๊ะ

คุณ golove2

- กราบงามๆ ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับคำชม

คุณ yooaraofhellovenus

- ตอนเปิดฟังเพลงนี้แล้วพ็อตขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวก็เขียนเลย ไม่รู้ว่าเขียนได้ดีไหม ยังไงก็ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามจ้า

คุณ MK

- ได้พ๊อตขึ้นมากระทันหันเลยได้เรื่องนี้ออกมา คิคิ ว่าแต่ สนตอนพิเศษใช่ม๊าาาาา คิดดูก่อนนะจ๊ะ คิคิ แต่จริงๆก็แบบว่า ... 

คุณ liza sarin

-  :impress2:

ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องและก็สไตล์การเขียนผู้อ่านทุกคนอ่านแล้วจะสนุกแค่ไหน เพราะยังอ่อนหัดมากๆกับการเขียนนิยาย
เพราะฉะนั้นฝากทุกคนติดตามชมด้วยนะจ๊ะ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ มาร์คกับธันวาในอีกหลายๆเรื่องด้วยนะ ^^
คอมเม้นต์ติชม(แต่อย่าด่าคนเขียนน้า :) ) คุยเกี่ยวกับตัวละครกันได้นะจ๊ะ เพราะนั่นคือกำลังใจของ ผู้เขียนเช่นกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 05-04-2014 10:19:51
น่ารักมากกกก สะใจตอนมาร์คด่ายัยมิ้นมากค่ะ555
  เจอคำผิดพอประมาณเลย ลองตรวจทานดูนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: azulajane ที่ 05-04-2014 11:04:41
รู้สึกเต็มอิ่มกับความแรดของมาร์ค ? /อัลไลนะแกร์
555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 05-04-2014 13:14:44
หวานอ่ะ ชอบๆ เพลงนี้ไม่เคยฟังแต่พอมาอ่านสงสัยคงต้องไปฟังมั่งแล้ว
ปล. ถ้ามีตอนพิเศษจะดีมากนะเออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 05-04-2014 16:24:10
เข้ามาเพราะเพลง Mr Chu ~>
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-04-2014 20:16:21
 :hao7: อร๊ายยยยยยย เข้ามารอโปรเจคทำเป็นเรื่องยาวของมาร์คกับธัน
ขออารมณ์ประมาณเรื่องนี้นะจ๊ะ ฟินแบบไม่เลี่ยน
มีความสุขมากกกกก ยิ้มแก้มปริ

ถ้าทำเป็นเรื่องยาว เราขอให้แต่งให้จบนะ กลัวอ่านแล้วค้างอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
จะติดตามจ้า เป็นกำลังใจให้จ้า

ปอลิง: ถ้าเรื่องยาวมาแล้ว PM มาเตือนด้วยจิ กลัวหาไม่เจอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-04-2014 08:55:13
น่ารักมากค่า ฟินนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-04-2014 13:17:14
น่าร้ากกก
เขินแทน :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: zatannn ที่ 09-04-2014 17:42:58
กริ๊ดดด ตอนแรกไม่ชอบ เพราะไม่ค่อยอินกับนายเอกแรงๆ สาวมากๆไรงี้ แต่อ่านไปอ่านไป โฮกมาก น่ารักสุดฤทธ์ เปิดตัวอลังการล้านแปด ไม่ต้องมีหนุ่มคนไหนมาติดน้องมาร์คอีกเลย 55
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2014 19:00:09
น่ารักมากกกกกก(ลากยาวๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 09-04-2014 20:27:09
น่ารักมากกกกกกก สำหรับเรื่องแรกถือว่าโอเคเลยน๊า ดีๆ แต่บางตอนจะงงๆหน่อย เอตอนนี้ใครพูด

หนุกมากจ้า รอตอนพิเศษ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: khun_Kling ที่ 09-04-2014 21:30:23
미스터츄  ^___^ เรื่องน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 10-04-2014 12:33:08
ฟินนนนนน น่ารักมากก :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 10-04-2014 14:28:41
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักมากค่ะ   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 17-04-2014 12:30:20
งึ้ยยยยยยยยยย ชอบเคะเต้นโคฟสุดๆ น่ารักเว่อร์ เจอมาหลายวงมีแต่คนเฟรนลี่น่ารักๆ ชอบมากครับ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 17-04-2014 13:27:55
เข้ามาเพราะรู้สึกคุ้นกับชื่อนิยาย...แบบธรรมดาชอบฟังเพลงเกาหลีมากกกก :hao7: :hao7:

พอมาเจอเป็นนิยายแล้วมันฟินอ่ะ :haun5: :haun5:

นักเขียนแต่งเรื่องได้น่ารักมาก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 17-04-2014 15:14:40
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 17-04-2014 16:54:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: P2W1990 ที่ 18-04-2014 00:22:11
:3123:ว้าาาาาาาา จบซะแล้ว เก็บเอาไปฟินต่อในความฝันได้ไหมคราฟฟฟฟฟ ผม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-04-2014 08:02:04
เรื่องนี้น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 20-04-2014 02:41:00
ตอบคอมเมนต์ ทุกท่านนะจ๊ะ

PJansam

ขอบคุณมากเลยจ้าไว้จะลองตรวจทานดูอีกรอบนึง ><

azulajane

มาร์คก็ไม่ได้แรดขนาดนั้นนะ ฮาาา

Benten

ขอบคุณมากเลยนะจ้า

Nemasis

ขอบคุณจ้า

IsDeer

เรื่องยาวมีแน่นอนจ้า อดใจรอหน่อยน้า เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาเสริฟก่อน คิคิ

HISY

ขอบคุณจ้า

mukmaoY

ขอบคุณมากจ้า

zatannn

แจงเหตุผลที่อยากลองแต่งนายเอกออกมาสาวๆดูคือ ในโลกความเป็นจริงไม่ใช่แค่เกย์ แมนๆเท่านั้นจะมีความรักบางที
เคะในอุดมคติอาจจะไม่มีจริง ส่วนมากเคะจะสาว แต่จะสาวแบบไหนขึ้นอยู่กับบุคคลิกอีกอย่างในตัวละครของมาร์คเองคือ
คาแร็คเตอร์จะเป็นอารมณ์สมจริงหน่อยเราสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่ไม่ใช่แบบว่าใส่กางเกงรัดติ้วหน้าขาวโพลนแบบนี้ไม่ใช่
เป็นเคะที่หน้าตาที่จัดไปในทางดีหวานปนหล่อเลยทีเดียวแล้วก็มี Look เป็นของตัวเองไม่ดูเกย์แบบรัดติ้วแบบที่เห็นได้ทั่วไป
คือมีลุคผู้ชายอยู่แต่ความเคะไม่เข้ากับลุคแค่นั้นเอง ความเคะจะไปกับหน้าตาซะมากกว่า

B52

ขอบคุณมากจ้า

punchnaja

ขอบคุณมากจ้าจะนำไปปรับปรุง ><

khun_Kling

ขอบคุณมากจ้า

kikikiki

ขอบคุณมากจ้า

ap08572290

คิคิ ขอบคุณมากเลยจ้า

buathongfin

พูดงี้แปลว่าไปดูงานโคฟบ่อยนะเนี่ย ><

lolitar

รอติดตามตอนพิเศษด้วยน้า

poterdow

ขอบคุณจ้า

Baruda

ขอบคุณจ้า

P2W1990

ไปฟินต่อเลยจ้า

aoihimeko

ขอบคุณจ้า


แถลงการสักนิด มาคอนเฟิร์มว่าตอนพิเศษมาแน่นอนจ้า แล้วก็มาร์คกับธันจะมีโปรเจคทำเป็นนิยายตอนยาวให้ทุกคนได้ฟินกันต่อ
โดยเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปแต่มาร์คกับธันก็มาคู่กันเหมือนเดิม อยากรู้จากทุกคนว่า หน้าตาของมาร์คกับธันในอุดมคติของทุกคนเป็นอย่างไร ส่งคำตอบมาได้ในข้อความส่วนตัวได้นะจ๊ะ มาสนุกกันขำๆ ระหว่างรอตอนพิเศษ แล้วก็ นิยายตอนยาวเนอะ ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 20-04-2014 10:42:09
น่ารักมากๆ อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 20-04-2014 22:48:57
แอร๊ยยยยยยย ฟินมากกก ^^"
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: RnSoMzZ9 ที่ 20-04-2014 23:38:34
 :katai5: อุ้ยยยย น่ารักมากเลยค่ะ >w<

ตอนสารภาพรักนี่ สงสัยต้องเขินกันจนม้วน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 28-06-2014 00:21:45
น่ารักจัง  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 28-06-2014 17:21:47
น่ารักจังง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) แถลงการ + ตอบเม้นต์ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 10-07-2014 17:25:31
Intro ตอนพิเศษ


บางทีความรักมันไม่ใช่ เรื่องของแค่ คนสองคน แต่ความรักยังเป็นเรื่องของใครอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนคู่นั้นๆอีกด้วย ?
จากนิยามข้างบนนั้นผมไม่เคยเชื่อ ว่าสิ่งที่คนหลายคนพูดจะเป็นจริงจนมาวันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ความรักของผมมันไม่ได้มีแค่ผมและธันเท่านั้นที่ตัดสินใจแต่ยังมีใครอีกหลายคนที่คอยจะตัดสิน ปัญหาและความรักให้กับเราทั้งคู่ ทั้งๆที่มั่นใจว่าความรักของเราจะพาทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ทำไม …  ทุกอย่างถึงเริ่มแย่ลงจนผมเอง ไม่สามารถจะทนรับและแบกรับทุกอย่างไว้ได้ ผมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวที่เก็บธันไว้กับตัวทั้งๆที่เขาเองน่าจะมีอนาคตหรือสิ่งที่ดีกว่า ในชีวิต สิ่งที่ดีกว่าผม ที่เป็นแค่สิ่งผิดปกติและสังคมให้นิยามไว้ด้วยความตลก ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรก ว่าความรักของคนอย่างผม จะสามารถให้ความสุขให้กับคนอย่างเขาได้จริงๆหรือเปล่า …

ณ โถงของคณะวิศวะที่ใหญ่เอาการเลยทีเดียว ปกติในเวลากลางวันจะมีนักศึกษามากมายเดินไปเดินมากเพื่อที่จะขึ้นไปเรียนตามห้องต่างๆในตึกที่ตัวเองต้องเรียน แต่ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว ในตัวอาการก็แถบจะไม่เหลือใคร แต่ที่ผมต้องเดินมานี่เพราะมีบางอย่างอยากจะบอกคนที่ผมหลบหน้าไปเป็นอาทิตย์ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แต่ทุกอย่างดูสับสนไปหมด แต่สุดท้าย ผมก็เรื่อง ที่จะทำแบบนี้

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น 4 ชม


ผมกดเบอร์ศัพท์โทรหาบุคคลที่โทรหาผมเป็นพันสายตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะผมไม่ได้กลับหอและหลบหน้าเขาไปอยู่ที่บ้านของผมเอง

“ฮัลโหล มาร์ค !!!!!!!!!!!!  มึงไปอยู่ไหนมา มึงรู้ไหมกูเป็นห่วงขนาดไหน มึงทำไมหายไปแบบนี้ มะ....”

“เย็นนี้เจอกัน ทุ่มนึงที่ใต้โถงคณะมึงนะ เดี๋ยวกูไปหา”


ตึ๊ด .....


ก่อนมันจะพูดอะไรมากไปกว่านั้นผมตัดบทชิงบอก เวลาและสถานนี่นัดให้มันก่อนจะรีบตัดสายไป

 ผมรออีกสักแปบนึงก็มีเสียงวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากบันไดเยื้องๆข้างหน้าผม และสิ่งที่ผมเห็นคือร่างของคนที่ผมคุ้นเคยดี รีบวิ่งลงมาพร้อมหอบหนังสือที่ยังไม่ได้เก็บลงกระเป๋าดีนักมากมายยืนหอบตัวโยนอยู่ตรงต้นบันไดก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหาผม

“มึงหายไปไหนมา ! มึงรู้ไหมว่ากูนอนไม่หลับมากี่วัน มึงเป็นอะไรมึงบอกกูได้ไหม”

เจ้าของร่างที่สิ่งมายังกับกลัวผมจะหายไปไหนอีกรีบคว้าตัวผมเข้าไปกอดทิ้งทั้งกระเป๋าและหนังสือ
ลงพื้นทั้งหมดอย่างไม่ใยดีราวกับว่า สิ่งของนั้นไม่สำคัญ ไม่สำคัญเท่าตัวผมที่มันกำลังกอดอยู่ตอนนี้

“กูมาที่นี่ …. เพื่อที่จะบอกบางอย่างกับมึง”

ผมซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่แสนอบอุ่นนั่นก่อนจะรวบรวมความกล้าและพูดมันออกไป

“อะไรมึง มึงจะบอกอะไร มึงเป็นอะไรมึงบอกมา ขอแค่มึงอย่าหายไปแบบนี้ !! ”

มันพูดกับผมด้วยหน้าตาทั้งตื่นและซีด เหมือนมันกลัวไปหมด กลัวทุกอย่างกลัวว่าผมจะหายไปจริงๆ

ใช่ธัน กูจำเป็น … จำเป็นที่จะต้องหายไปจากมึง




“เราเลิกกันเถอะ ”



To be Continue
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / Intro ตอนพิเศษ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 10-07-2014 23:49:54
มาทิ้งดราม่าให้เค้าทำไม  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / Intro ตอนพิเศษ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 12-07-2014 02:21:53

ตอนพิเศษ : 1

ความสุขในชีวิตนี้คนเราจะสามารถหาได้จากไหนกันบ้าง… แต่สิ่งหนึ่งสำหรับตัวผมเองคือการได้มีคนรักอยู่ข้างๆกันแบบนี้ ขอแค่นี้มันก็เป็นทุกวันที่มีสีสันได้ไม่ยากเลยจริงๆล่ะครับ ตั้งแต่เราสองคนตัดสินใจที่จะคบกัน (เพราะสถานการณ์ที่ไอ้ธันได้สร้างไว้ตอนงานเชื่อมสัมพันธ์นั่นล่ะ) ไอ้ธันก็ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่หอเดียวกับผมนั่นก็คือย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับผมนั่นเอง = = การย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับผมทำให้ห้องที่เคยสงบสุขต้องกลายเป็นเหมือน สนามรบ สนามเด็กเล่น ร้านเกม และ อื่นๆอีกมากมายที่สามารถจะเป็นได้

ตัวอย่างเช่น

“มึงๆ กูอยากกินกระเพาไข่ดาว ทำให้กินหน่อยน้า นี่ซื้อของมาแล้วทำเร็วๆ”

“มึงๆ ง่วงนอนแล้ว อาบน้ำก่อนนะ รีดชุดไปเรียนพรุ่งนี้ให้ด้วยนะ”

.
.
.

“ไอเหี้ยธัน ทำไมถอดเสื้อแล้วไม่รู้จักใส่ตะกร้า นี่บอกเป็นพันรอบแล้ว”

“โอ้ย !! มึงอย่าบ่นนนนน หูกูจะแตกแล้ว เก็บให้หน่อยดินะ นะ นะ ”

“ไม่ !!! มึงเก็บ เก็บเดี๋ยวนี้ถ้าไม่เก็บกูจะเอา กกน. ยัดปากมึงเดี๋ยวนี้ เร็ว !!!!”
.
.
.

“มึงคุยกับใครอะมาร์ค”

“เพื่อนที่คณะ”

“ตอแหล มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่หัดตอแหล บอกมาเดี๋ยวนี้คุยกับใคร”

“โอ้ย อีดอกกกก หยุดก่อนได้ไหม !!  งานกลุ่ม เพื่อน ทำงานด้วยกัน เข้าใจ ??? ”

“ไม่ !!! กูไม่เข้าใจ มึงโกหกกู มึงโกหกกู มึงโกหกกู !!!!!”

และอีกมากมายสารพัดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตตั้งแต่ที่ตกลงตัดสินใจคบกัน ผมไม่เคยรำคาญแม้มันพึ่งจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เราพึ่งได้เรียนรู้กันกันและกัน เราต่างเป็นสีสันของชีวิตให้กันและกันเรามีหลายๆอย่างไม่เหมือนกัน แต่เราก็รู้สึกยินดีและพร้อมที่จะเรียนรู้และยอมรับกันและกัน ตั้งแต่เราเริ่มความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนโกหกจริงๆ แต่เขาว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็ว … จริงใช่ไหม ? ไม่อยากให้ความสุขหายไปเลยอยากจะมีความสุขนับตั้งแต่วันนี้และจากนี้ตลอดไป ผมไม่ได้ขออะไรมากไปใช่หรือเปล่า ?


ใกล้สอบใกล้ปิดเทอมแล้วช่วงนี้ ไม่เพียงแต่พวกเราที่นั่งอ่านหนังสือกันจนตาจะหลุดแล้วเด็กๆทั้งมหาลัยก็ยังตกอยู่ในสภาพซอมบี้ผีคุมเมือง เดินไปทางซ้ายทางขวานี่ใต้ตาดำกันเป็นแถวเลยทีเดียวเชียวเถอะ คิดได้แบบนั้นก็เอามือถือเครื่องสวยขึ้นมาเปิดกล้องส่องหน้าตาตัวเอง ว่าแบบ ฉันกลายเป็นซอมบี้ไปหรือยัง …

“พลอยมึงดูหน้ากูดิ หน้ากูไปและ ตาเตอนี่ไม่ต้องพูดถึงพังแบบยับเยินมาก” ผมบอกไอพลอยที่ไม่ได้เดือดร้อนกับหน้าตาผมสักเท่าไหร่แถมกินขนมอย่างสบายใจ

“นอนค่ะ นั่นคือสิ่งเดียวที่จะทำให้สภาพหน้าอันยับเยินกลับมาเป็นปกติ” ดูคำตอบไม่ได้ช่วยเหี้ยไรเลยจริงๆ

“มึงไม่ต้องตอบกูก็รู้ไหมว่าต้องนอน ช่วยห่าไรไม่ได้เลยแม่ง”

“แล้วมึงทำอะไรไม่นอน …. ” มันพูดทิ้งเสียงก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์เชิงเหย้าหยอกมาหาผม

“อะ...อะไร ก็ทำการบ้านไงมึงเห็นไหมวิชานี้อะ เนี่ยๆๆๆๆๆ ” อะไร ทำไมต้องมองแบบนั้นมึงคิดอะไร กูเปล่าคิดทะลึ่งนะ

“มึงคิดอะไรอะ ทำไมต้องหน้าแดง” ไอ้มิวมันสวนมาทันที่เห็นหน้าผมเริ่มแดงขึ้น

“ปะ... เปล่า อะไรมึง เหี้ยอะ ไปๆไปแดกข้าว” ผมรีบตัดบทก่อนจะชวนทุกคนไปกินข้าว

มื้อกลางวันเป็นมื้อที่ดูวุ่นวายที่สุดในคณะของผม เพราะเด็กทุกคนจะต้องลงมารวมมะรุมมะตุ้มที่ร้านในคณะซึ่งมีอยู่ประมาณถึง 5-6 ร้านด้วยกัน นั่นจึงทำให้การใช้เวลา ในการกินข้าวของเด็กคณะผมนานเป็นพิเศษแถมในบางวันเด็กตึกวิศวะที่มีทางเชื่อมมาถึงคณะผมก็แว๊บมากินกันเยอะเลยทีเดียวเพราะที่คณะวิศวะนั้นร้านอาหารน้อยกว่าตรงคณะผมมากเลยทีเดียว และซึ่งวันนี้ก็คือวันนั้น วันที่เด็กสองคณะแห่กันมากินข้าวที่เดียวกัน … แต่จะบอกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วันนี้
เด็กทั้งสองคณะมารวมกันเยอะจนทำให้เห็นอะไรที่ผิดสังเกตได้บางอย่าง …

“มาร์คนั่นมันธันไม่ใช่เหรอ … ! ” ผมหันหน้าไปตามทางที่ไอ้พลอยชี้ที่จริงก็เห็นละล่ะตั้งแต่เดินมา แต่ว่าไม่ทักแต่มึงดันทักอีกไอ้พลอย !

“กูเห็นแล้ว”

“แล้วนั่นธันนั่งอยู่กับชะนีที่ไหนวะมึง ไม่ใช่เด็กในมหาลัยแน่ๆอะ คือดูดีเชียว” ไอ้มิว คือมึงก็เป็นชะนีอะไปเรียกเขาชะนีอีก

“ไม่รู้อะ สนใจทำไม”

“นึ่มึงสนใจหน่อยไหม นั่นสามีนะคะ สามี แล้วดูนางนั้นสิ จะแดกผู้ชายของมึงอยู่แล้วดูตาก็รู้” โอ้ยมิวมึงไม่ต้องพยายามตอกย้ำอะไรที่กูคิดแล้วพยายามไม่คิดได้ไหมวะเฮ้ย !

ที่จริงก็แอบสงสัยหรือแคลงใจอะไรมาสักพักเหมือนกันว่าช่วงนี้ไอ้ธันชอบคุยโทรศัพท์กับใครบ่อยๆ คุยนานๆแล้วบางทีอยู่กับผมก็ยังคุย แต่จากที่ฟังจากบทสนาที่เคยได้ยิน(แบบไม่ได้ตั้งใจ) ก็ดูไม่น่าจะมีอะไรเลยซะด้วยซ้ำแต่ติดว่าคุยนานและบ่อย .. แต่ด้วยความที่คนรักกันเราต้องไว้ใจกัน ก็เลยพยายามที่จะไม่คิดอะไรมากทั้งๆที่ลึกๆแล้วตัวเองเป็นคนขี้หึ่งมากตั้งหาก ….. ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ไหมว่ามีใครกำลัง ‘หวง’ อยู่

วันทั้งวันผ่านไปไวเหมือนโกหกนี่ตกเย็นรู้ตัวอีกที ก็กลับมาอยู่ห้องกันแล้วผมนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะอีกตัว ส่วนไอ้ธันกำลังนั่งเครียดกับสูตรการคำนวณมากมายและไม้วัดเครื่องวัดอะไรตามหลักวิศวะของมันเต็มไปหมดอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมเห็นเจ้าตัวเองทำหน้าเครียดเลยอยากจะช่วยผ่อนคลายให้กับเจ้าตัวสักหน่อย

ผมค่อยๆเดินเบาๆเข้าไปจากข้างหลังของมันก่อนจะค่อยใช้แขนสองข้างเกี่ยวคอใหญ่ๆไว้และเอาหน้าเกยไปกับไหล่กว้างนั่น

“เหนื่อยมากเลยเหรอ” ผมไม่พูดเปล่าเอาแก้มตัวเองแนบกับแก้มที่ไรนวดเริ่มขึ้นบางๆนั่น บอกให้โกนบ่อยๆก็ไม่โกน แต่มันก็ดูเข้มไปอีกแบบนะ

“นิดหน่อยอะ เครียดไม่รู้จะทำยังไงกับโจทย์ คิดเท่าไหร่ก็ไม่ตรง คำนวณเท่าไหร่ก็เบี้ยว” ไม่พูดเปล่ามันเอาแขนข้างที่ผมเอาหน้าเกยไว้อยู่มาโอบรอบหัวผมก่อนจะ ลูบหัวเล่นผมไปมา

เวลาไอ้ธันเครียดมันจะชอบลูบอะไรไปมา เหมือนเป็นการผ่อนคลายอย่างนึง ตั้งแต่คบกันมาได้ไม่นาน มันจะชอบเอามือมาลูบผมผมเล่นหรือไม่ก็ชอบขอกอดแล้วซุกหน้าไว้ตรงซอกคอ

“พักไหมเดี่ยวทำอะไรให้กิน หิวหรือเปล่า”

“ไม่หรอก อยากอยู่แบบนี้สักพักอะ … ขออยู่แบบนี้ได้ไหม แค่อยากได้ความอบอุ่น”

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ใกล้ชิดให้มากกว่าเดิมไม่รู้จะส่งผ่านความรู้สึกเป็นห่วงนี้ไปให้มันได้ยังไงได้แต่อยู่ให้ใกล้ที่สุดประชิดให้มากที่สุด กอดให้แน่นที่สุดให้อีกคนรู้ว่าคนข้างๆกำลัง ‘เป็นห่วงนะ’

“ตัวหอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ ?” อยู่ดีดีก็หันมาถามด้วยเสียงแปลกๆ ยังไม่ได้อาบ มาชมว่าตัวหอมเฉย..

“ยังไม่ได้อาบ”

“อยากอะ …”

“ไอ้ธัน ทะลึ่งและอยากเหี้ยไร” ผมพูดพร้อมกับฟาดแขนมันไปทีนึง ทะลึ่งนักไอนี่นิ บรรยากาศเสียหมด แต่ก็ยังคงเกาะนึบอยู่ที่คอมันอยู่ดี

“โอ้ย !! อยากหอมแก้มเฉยๆตัวหอมดี อยากหอมแก้มอยากโดนหอมแก้ม นะนะนะ” ทำตาหวานเยิ้มแล้วก็เอาแก้มมาถูกับแก้มผม โอ้ยย แก้มมึงอะสากมากพูดเลยไอ้แฟนเวร

“อย่าถูแรงดิจักจี้”

“หอมแก้มหน่อย”

‘ฟอด’

“หอมแล้ว เอาไรอีก”

“หอมตรงนี้ด้วย” มันชี้ไปที่หน้าผาก

‘ฟอด’

“หอมแล้ว”

“แก้มซ้ายด้วย” ผมเบี่ยงหน้าไปที่ไหล่อีกข้างนึงก่อนจะหอมแก้มซ้ายมัน

‘ฟอด’

“หอมแล้ว”

“ตรงนี้ด้วย”

จู่ๆ มันก็ชี้ไปที่ริมฝีปากตัวเอง  โอ้ยยยย ถ้ามึงจะบอกว่าจูบก็คือจูบไม่ใช่บอกให้หอมแล้วชี้ปากตัวเอง คนทำเขินไหมให้ทายย

“ไม่เอาอะ ปากเหม็น เดี๋ยวเชื้อราติดกลัวไม่มีปากใช้ทำอย่างอื่นอะ”

“โหยไรวะ เร็วๆดิอย่าเรื่องมาก หอมมาทั้งหน้าแล้วนะ เหลือที่เดียวเอง”

“เออ ก็ได้ หันเก้าอี้มา”

พอผมบอกออกไปแบบนั้นมันก็รีบทำหน้าระลื่นหมุนเก้าอี้มาพร้อมกับหลับตาพริ้ม เห้อ เปลืองตัวว่ะเอาใจผู้ชายเนี่ย

ผมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าหล่อนั่นอย่างช้าๆแต่ยังไม่ทันจะได้แตะริมฝีปากหนาๆนั่นอีกฝ่ายดันลืมตาขึ้นมาแล้วใช้ปลายจมูกเขี่ยเข้ากับปลายจมูกมนๆของผม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้ามา เหมือนโดนสะกดเหมือนมีข้อความบางอย่างบอกให้หยุดแล้วจ้องเข้าไป มองเข้าไปให้เห็น

“รักนะครับคนดี … รักมากไม่รู้ทำไมรักมากขนาดนี้”

“รักเหมือนกัน แล้วก็รักมานานแล้ว”

ริมฝีปากของใครอีกคนทาบลงบนริมฝีปากของผม ก่อนจะมอบสัมผัสเบาๆให้กันและกันไม่เนิ่นนานแต่ก็ไม่สั้นไปริมฝีปากหนานั่นขบเบาๆที่ปลายริมฝีปากของผมก่อนเจ้าตัวจะผละออกแล้วยิ้มจนตาปิด

“มีความสุขจังเลย … พอมีความสุขแล้วหิวข้าวจังอยากกินข้าว” ทำหน้าตากวนส้นพระบาทก่อนจะร้องหิวข้าว กระโดดถีบดีไหม

“หึ … แล้วใครบอกว่าไม่หิว ไปทำแดกเองเลยดีไหม”

“โอ๋ๆ ไม่เอาน้า หิวข้าวแล้วคนดี วันนี้อยากกินต้มยำ !!! ”

“โอ้ยอีเหี้ย ทำแดกเองเหอะ ของไม่มี ไอ้ธันอย่ากวนตีนเร็วๆเอาเมนูที่ของในตู้มี”

“โอเค กูยอมกินอะไรก็ได้ แต่ขออร่อยๆน้า นะจ๊ะนะจ๊ะ” พูดจบก็ยักคิ้วกวนส้นเท้าแล้วก็หันไปทำงานต่อ ผมเองก็ได้แต่ยิ้มให้มันแล้วก็เดินออกจากตรงนั้นไปที่เค้าเตอร์เพื่อจะทำกับข้าวให้ไอ้ลิงวิศวะนั่นกิน

มีคนรักมันมีความสุขแบบนี้นี่เองเนอะ !!

.
.
.
.
.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

เอาตอนแรกของตอนพิเศษในนิยายเรื่อง มิสเตอร์ชู่วมาให้ทุกคนอ่านแล้วนะจ๊ะอินโทรเจ็บปวดใช่ไหมล่ะ คิคิ แต่เรื่องในตอนพิเศษนี้จะเป็นอย่างไรติดตามกันได้นะจ๊ะน่าจะมี หลายยยยยยยยยยยยยยย ตอนอยู่ตามที่คนเขียนได้มองๆไว้ คิคิ เอาง่ายๆเลยตอนพิเศษน่าจะเป็นมินินิยายได้ก่อนจะไปเจอกับเรื่องยาวของมาร์คกับธันวา ยังไงก็ฝากติชมมาร์คแล้วก็ธันวา รวมถึงฝากติดตามสองหนุ่มในฟิคยาวด้วยนะจ๊ะ ><

เม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 1 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-07-2014 22:23:33
เรื่องเกิดเพราะชะนีมือที่สามเหรอเนี่ย  :katai1:
ถ้าธันมันเล่นด้วยนะ ชั้นจะ  :beat: :beat: :beat: :beat:

มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 1 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 14-07-2014 02:10:31
กุ๊กกิ๊กน่ารักที่สุด แบบชอบอารมณ์เวลาที่เราชอบใครแล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะใจตรงกับเรามั้ย
จบพาร์ทเรื่องสั้นได้น่ารักมากค่ะ ธันแอบหวานน้า มีเซอร์ไพรส์ด้วย

พาร์ทพิเศษ ตกลงธันนี่จะยังไง นอกใจมาร์คเหรอ แล้วตอนอินโทรที่มาร์คบอกเลิกนี่เพราะอะไร
ไม่อยากมาม่าน้า งื้อ ลุ้นอีกอะไรอีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 1 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 24-07-2014 01:46:55
ตอนพิเศษ : 2

วันนี้เป็นวันที่เรียนแล้วย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ออกมาตั้งแต่ แปดโมงครึ่งตอนนี้ สี่โมงเย็นเรียนแบบไม่ได้พักกลางวันกินข้าวกันเลยทีเดียว ทำไมอาจารย์ต่างชาติช่างทำร้ายจิตใจผู้ชายน่ารักตัวน้อยๆอย่างผมได้ T T
ด้วยความที่เลิกเรียนแล้วหิวมากเพราะเนื่องจากเมื่อกลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะวันนี้มีเมคอัพคราสแทนของวันพรุ่งนี้เลยเรียนยาวงดพักกลางวันทำให้ผมซึ่งหิวมากสุดรีบวิ่งลงจากตึกเรียนชั้นแปดโดยไม่ใช้ลิฟและไม่คิดชีวิตไดๆเพื่อที่จะไปซื้อข้าวหลังคณะกิน ในขณะที่ผมกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินก็ต้องหยุดลงตรงทางโค้งก่อนจะเลี้ยวลงไปที่ลานร้านอาหารของคณะ เสียงที่ผมคุ้นเคยกำลังคุยอะไรกับใครสักคนหนึ่งอยู่กำลังเดินสวนมาจากอีกทางที่มีกำแพงบังผมและเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะชวนให้คนที่เขามาด้วยนั่งลง


“ธันพี่ว่า ธันควรเลิกนะ”


ผมที่ยืนพิงกำแพงอยู่ตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินจากบทสนทนานั้นแม้จะมีคนในคณะเดินประปรายบ้างไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าปกติเยอะเลยทีเดียวอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นเวลาสีโมงเย็นแล้วนั่นจึงทำให้ผมได้ยินเสียงได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเขยิบตัวออกมาอีกสักนิดเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต


“พี่เม ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันเข้าใจแล้ว”

“แต่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจไงธัน”

เอ๊ะเดี่ยวนะ …. พี่เมงั้นเหรอ ? เหมือนถ้าจำไม่ผิด ธันเคยบอกว่ามีพี่สาวคนนึงเรียนอยู่เมืองนอกชื่อเมษาแล้วพี่เมษาคือผู้หญิงที่นั่งคุยกับธันอยู่เนี่ยเหรอ ? ว่าแต่เขาคุยเรื่องอะไรกันนะ ?

“ผมบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าผมยังยืนยันคำเดิม ผมรักมาร์คและผมจะไม่ไปดูตัว”

“แต่แกเป็นผู้ชายธัน แกจะมาคบผู้ชายด้วยกันไม่ได้ พี่รู้พี่เข้าใจว่าเราสองคนรักกัน แต่ความรักของพวกแกมีผลต่อภาพลักษณ์ ถ้าเทียบกับหน้าพ่อและแม่ของเราที่ต้องยังคงไปไหนมาไหนในวงการธุรกิจ”

“แล้วพี่จะเอาภาพลักษณ์ของพ่อแม่มาตัดสินใจหัวใจผมได้ยังไง ในเมื่อผมรัก ผมยินดีและมีความสุขที่จะอยู่กับคนคนนี้” ไอ้ธันเริ่มขึ้นเสียงกับพี่สาวตัวเองแล้ว

“ยังไงก็ตามแต่พี่มาตามแกให้กลับบ้านสิ้น เดือนนี้เจอกันที่บ้าน ถ้าแกยังไม่กลับอีก พี่คงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าพ่อจะลงมาหาแกด้วยตัวเอง ”

ยังไม่ทันที่สองคนนั้นจะลุกไปไหนผมที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็จงใจที่จะเดินสวนออกไป ผมไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสองคน แต่ผมรู้ว่าทันทีที่ผมเดินออกไป เขาทั้งสองคนตกใจแค่ไหนที่เห็นผมเดินออกมาทันทีที่บทสนทนาของพี่น้องได้จบลง


“มาร์คๆๆ เดี่ยวก่อนจะไปไหน กินข้าวเหรอ ไปๆเดี๋ยวธันพาไปกินนะ”


ไอ้ธันมักจะแทนตัวเองว่าธันในเวลาที่มักจะใช้อ้อนผมหรือทำอะไรผิด ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าธัน รู้สึกได้ว่าผมอาจจะได้ยินเรื่องราวที่เขาพูดกับพี่สาวของเขาเกี่ยวกับการดูตัวและเรื่องความรัก”ของเรา” 


โดยปกติผมเองเป็นคนเซ็นซิทีฟกับหลายเรื่องมากแต่กับเรื่องนี้ผม … ไม่รู้สิมันพูดอะไรไม่ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมาลืมนึกถึงทุกอย่าง ผมนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองโดยไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงเลยสักนิดว่าจริงๆแล้ว การคบกันของเราจะสร้างปัญหาหรือสร้างความลำบากให้ใครหรือเปล่า ผมดูเห็นแก่ตัวใช่หรือเปล่า ?

“สวัสดีจ๊ะน้องมาร์ค” อีกเสียงที่ผมไม่คุ้นเคย ส่งเสียงมาจากข้างหลังผมซึ่งนั่นทำให้ผมต้องหันกลับไปตามเสียงเพื่อเป็นมารยาท

“สวัสดีฮะ เรารู้จักกันหรือเปล่าเอ่ย ?” และทันทีที่ผมหันไปผมก็เห็นผู้หญิงร่างเพรียวสูงเยี่ยงนางแบบหน้าตาดีเลยทีเดียวยือยู่ข้างหลัง และปริศนาที่ผ่านมาก็คลี่คลายว่าผู้หญิงคนที่ผมเห็นอยู่กับธันบ่อยๆเป็นใคร ผมปั้นหน้ายิ้มให้ดีที่สุดแม้ในใจจะสับสนและกำลังงงๆกับเหตุการณ์เกี่ยวกับบทสนทนาที่ทำให้ผมเองถึงขนาดหน้ามืดได้ก็ตาม

“มาร์คนี่พี่สาวกูเอง พี่เม” ธันที่รีบเอาของในมือผมไปถือไว้ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของมัน

“หน้าตาน่ารักกว่าที่ธันโม้ไว้อีกนะเนี่ย พี่ชื่อเมษา เป็นพี่สาวของธันเองจ๊ะ” พี่เขาส่งยิ้มหวานๆมาให้ราวกับว่าไม่ได้รังเกียจหรืออะไรผม แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างมันส่งออกมาจากบทสนทนาเมื่อกี้หรือเปล่า ?

“ไม่หรอกฮะพี่เม ว่าแต่พี่เมมาทำอะไรที่มหาลัยเหรอฮะ ? ” ผมก็ทำเป็นใจที่สู้เสื้อไปงั้นแล่ะ ถามไปตามมารยาท

“อ่อ พอดีพี่มีธุระกับธันนิดหน่อยเลยแวะมาแต่เดี่ยวจะกลับแล้วล่ะ เราสองคนก็ไปใช้เวลากันสองคนเถอะจ้ะ >o^ พี่ไม่กวนและ อย่าลืมที่คุยกันไว้นะธัน”


พี่เมพูดเสร็จก็เดินจากไปเฉยๆ เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนจากธันสักพักแล้วล่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆที่ได้ยินเมื่อกี้มันแบบทิ้งความหนักใจที่ใหญ่เท่ากับภูเขาสักสิบลูกไว้ที่อกของผม ผมไม่รู้จริงๆว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรแล้วมันต้องการอะไรจากผม ตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรมาก ปล่อยอารมณ์ไปตามสายลมไปก่อนละกัน ก่อนผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมออกจากภวังค์


“มาร์คกินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว ” ไอ้ธันเรียกผมกินข้าว ผมมองหน้ามันก่อนที่จะยิ้มบางๆให้แล้วก็กำลังจะเดินไปกับมัน แต่เจ้าตัวดันเอามือหนาๆนั่นมากุมมือผมไว้ ผมมองหน้ามันสลับกับมือที่จับอยู่ด้วยความสงสัย  โดยปกติแล้วหลายๆคนเขาก็รู้แล่ะว่าผมกับธันเป็นอะไรกันแต่เราก็ไม่ได้แสดงออกกันมากขนาดนั้น แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ที่แปลกนี่ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่มันรู้สึก อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  .. มันกระชับมือผมแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะออกแรงเบาๆดึงผมไป


“มึงได้ยินใช่หรือเปล่าเมื่อกี้ …” ผมเลือกที่จะเงียบและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทนสิ่งที่ไอ้ธันถามมา

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มึงจำไว้นะมาร์ค กูจะมีแค่มึง มึงเท่านั้นคือลมหายใจของกู ” มันพูดแบบนั้น ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยกับเรื่องที่รู้สึกเป็นกังวลอยู่ มันไม่ได้หันหน้ามาหาผม แต่เดินหันหน้ามุ่งหน้าไปยังร้านขายข้าว ตลกดี แฟนใครวะ :3

หลังจากกินข้าวรับประทานโน่นนั่นนี่หลังคณะกันเสร็จแล้วเราสองคนต่างพาตัวเอง กลับมายังห้องอันรกครึ่งไม่รกครึ่ง นั่นก็เป็นเพราะครึ่งห้องที่ไม่รกเป็นของผมและครึ่งห้องที่รกเป็นของไอ้ผู้ชายหน้าหล่อที่พอผมเปิดประตูเข้ามาก็ยืนยื้มแหยๆ อยู่เพราะรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คืออะไร


“ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!! นายธันวา สิงหวดี !!!!!!! ไอ้แฟนเฮงซวย มึงทำห้องรกแบบนี้ได้ยังไง !!!!!!!!!” นี่แล่ะที่จะเกิดขึ้น โดนวีนไปเลยไหมล่ะ !!!! อย่างงี้ต้องเอาให้ตายไปข้าง คือผมเป็นคนเกลียดสิ่งที่สกปรกและรกห้องมากๆมันทำให้ผมรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวนอนไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่างเมื่อเจอความสกปรก และไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป ผมก้าวเข้าไปประชิดตัวก่อนจะดึงหูไอ้ตัวสกมกเข้ามาในห้อง

“โอ้ย !!! มึงใจเย็นๆ กูขอโทษ ปล่อยหูกูก่อนนะ นะ นะ เจ็บอะมึง” ผมรากมันมาถึงตรงที่มันทำรกและสกปรกไว้

“แหกตาดู แหกดูซะ ว่าทั้งเสื้อผ้า กางเกงใน รองเท้า ทำไมมากองอยู่หน้าโต๊ะกับข้าวแล้วก็หน้าโต๊ะทำงาน และก็นี่ตรงนี้มัน @$##%%@$%$#$!!$#%#%#$ ”

ผมบ่นไปประมาณสามสิบนาทีได้ก่อนตัวเองเนี่ยล่ะจะหมดแรงผมจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำโดยมีไอ้ลิงหน้าหล่อนี่ตามเข้ามาอาบด้วย คือเอาจริงๆแม่งไม่เคยสลดเหี้ยไรเลยพอโดนด่าเสร็จก็ยิ้มล่าถอดเสื้อโชว์กล้าม(-////-) เดินเข้าห้องน้ำมา แต่ทุกคนอย่าคิดลึกไปนะไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆแค่อาบน้ำเท่านั้นเองเพราะฉะนั้น ปล่อยผ่านความคิดทีมันไม่ดีไปนะจ๊ะทุกคน
วันนี้ระหว่างทางกลับหอไอ้ธันแวะตลาดนัดใกล้ๆหอแปบนึงซื้อของมาตุนเข้าตู้เย็นเพราะมันบอกว่ามันจะอ่านหนังสือและรับรองว่าต้องหิวแน่ และก็เป็นหน้าที่ผมเช่นเคยที่ต้องมาทำกับข้าวให้มันกิน มันเข้าไปนั่งเครียงานพักใหญ่ๆก่อนจะตะโกนออกมาว่าอยากกิน ข้าวผัดกุ้ง คงใช้พลังงานในการอ่านหนังสือมากถึงขั้นร้องซะดังว่าให้ทำกับข้าวให้กิน ผมจัดการเข้าครัวหั่นผักหั่นทุกอย่างเสร็จ ก่อนจะลงมือทำกับข้าว หลังจากทำเสร็จผมก็เรียกไอ้ธันมานั่งกินที่โต๊ะ
มันเดินมาที่โต๊ะ นั่งกินข้าวไปสักพักนึงผมก็เก็บกวาดซากอารยธรรมโบราณที่คุณชายท่านทิ้งไว้แล้วก็มาหย่อนตัวข้างๆไอ้ธันที่หย่อนตัวลงไปนั่งโซฟาเปิดทีวีดูละครก่อนหน้าผมซะเรียบร้อยแล้ว
แต่ดูเหมือนมีรางสังหรณ์บ่างอย่างอยู่ดีดีเรื่องที่ผมไม่คาดคิดน่าจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

“มึงกูมีไรจะบอก” มันพูดพร้อมกับวาดมือมาเกี่ยวไหล่ผมให้เข้าไปในอ้อมกอดวงแขนใหญ่ๆของมัน

“ว่าไง ข้าวผัดกูไม่อร่อยเหรอ เออดีงั้นเลิกกันเลยไปหาแฟนใหม่” ผมหันไปบีบจมูกมันพร้อมกับพูดติดตลก แต่จริงๆ ก็แอบรู้สึกหวั่นๆกับเรื่องที่มันจะพูดออกมา

“เฮ้ยย !! ไม่ใช่ไม่เลิกเลิกไม่ได้ ไม่เอา อย่า ไม่เลิก หยุดเลยแม่ง มึงอะ คนละเรื่องและเหี้ยเหอะ ตั้งใจฟังหน่อยดิ นี่จริงจังนะ” มันตะโกนออกมาดังมาก คือมึงจะตะโกนทำไมกูพูดเล่น = = แล้วก็เริ่มหน้ายู่และสงสัยคงต้องตั้งใจและจริงจังจะฟังละ

“อะว่ามาไหนมีเรื่องอะไร”

“กูต้องไปดูตัว......”

เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจและไม่รู้จะพูดอะไรอะไรต่อ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเงียบซะจนได้ยินเสียงอากาศที่วิ่งไหลถ่ายเทอยู่ภายในห้องด้วยเครื่องปรับอากาศและมีเพียงแค่เสียงจากทีวีที่ดังออกมาจากตัวของมันเอง  อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ผมก็คิดมาแต่เย็นแล้วล่ะครับที่พี่เมษาบอกให้ธันเลิกกับผม และคุณพ่อคุณแม่ของธันให้ธันไปดูตัว นี่คือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า ธันควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผมใช่หรือไม่ ความรักของคนอย่างผมจะมีค่าและทำให้ธันมีความสุขได้จริงๆเหรอ


“มาร์ค เป็นไรเปล่า อย่าเงียบดิมึงกูใจไม่ดี” เพราะเสียงของมันทำให้ผมออกจากภวังค์เมื่อกี้ได้

“อะไรมึง เป็นอะไรใจไม่ดี ส่งพี่เบิร์ดดิ ซ้อมด้ายยยยยยยยยย ” ผมก็ทำใจดีสู้เสือไป ไม่อยากให้มันคิดมากและตัวผมเองก็ไม่อยากคิดมากเหมือนกัน

“มึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า ถ้ากูจะไปดูตัวตามคำสั่งพ่อ”

“เฮ้ย มึงคิดไรมากกูไม่เป็นไรหรอก ”

“มึง ที่กูบอกมึงเพราะกูรักมึงมาก …. มากซะจนคิดว่าชีวิตนี้กูคงขาดมึงไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นแค่เวลาไม่กี่เดือนที่เราคบกันจริงจัง แต่มึงรู้จักกับกูมาสามปีแล้วความรักที่มีมันมากจนมันล้นออกมากูไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้ากูขาดรอยยิ้มของมึงไปชีวิตกูจะเหี้ยขนาดไหน” มันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง นัยน์ตาของผู้ชายคนนี้กำลังสั่นไหว …  นี่ผมมีค่าต่อธันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ?? แต่คือมึง โรแมนติกกว่านี้ได้ปะวะ คือกูฟังแล้วโครตฮาร์ดคอร์

“แล้วต้องไปดูตัวเมื่อไหร่ ?”

“สอบเสร็จสิ้นเดือนนี้ก็จะไป .... มาร์คมึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า คือ ... มึงกูรักมึงคนเดียวจริงๆนะ แต่กูก็ขัดพ่อไม่ได้แต่กูสัญญากูจะปฏิเสธทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้และกูจะเอามึงไปหาพ่อกับแม่ให้ได้” มันบอกอีกครั้ง ธันพยายามที่จะย้ำ ย้ำให้ผมเชื่อว่ามันรักผมมากแค่ไหน ทั้งสีหน้าแววตา ผมเชื่อว่ามันไม่โกหกผมหรอก มันไม่มีทางที่จะโกหกผม

“กูรู้แล้ว กูเชื่อใจมึงเสมอแล่ะ ”
ความไว้ใจและเชื่อใจสิถึงจะทำให้ความรักของเราไปรอด ผมยินดีที่จะเชื่อและมั่นคงกับธันเหมือนที่ธันเองก็จะมั่นคงและเชื่อใจผม อุปสรรคครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยความรักที่เรามีให้กัน … มั้ง

“ขอบคุณนะเว้ยที่เชื่อใจ กูสัญญานะมึง ว่ากูเนี่ยล่ะจะทำให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่เปลี่ยมไปด้วยความมั่นใจมาให้ผมพร้อมกระชับกอดจากวงแขนนั้นให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่า มันเนี่ยล่ะจะปกป้องผมเอง และผมเองก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน :)
 

บรรยากาศการสอบปลายภาคเริ่มขึ้นมาสักพักแล้วจนตอนนี้ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ซึ่งสภาพหน้าทั้งผมแล้วก็ไอ้ธันช่างเหมือนศพซะจริงๆเลยให้ตายสิ ก่อนสอบที่อ่านหนังสือกันนั่นว่าเหมือนตายแล้วพอตอนสอบนี่เหมือนตายไปแล้ว แล้วโดนทรมานอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกันต์กันเลยทีเดียว T T ใบหน้าอันแสนงามของตัวเองต้องกลายเป็นเยี่ยงศพขนาดนี้ต้องรีบไปฟื้นฟูโดยด่วน !
ผมกับไอ้ธันนัดกันว่าวันนี้สอบเสร็จแล้วเราจะไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกันเพื่อเป็นการแก้เครียด หาดเหรอก็เอาแบบไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่หาดใกล้มหาลัยเนี่ยล่ะ ! ผมที่สอบเสร็จเป็นคนแรกก็รีบกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาของเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะขับมอเตอร์ไซน์ออกไปซื้อไรมากินลองท้องนิดหน่อยแล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือในสวยสาธารณะมหาลัย ผมใช้เวลาสักพัก จู่ๆโทรศัพท์เครื่องสวยของผมก็ส่งเสียงเรียกเข้า และหน้าจอก็เป็นเบอร์ของคนที่ผมคาดไว้ไม่ผิด

‘ธันวา’

“ฮัลโหลว่าไง แฟนใครโทรมา”

“อยู่ไหนอ่า คิดถึง มาหาหน่อย”

“อยู่สวนมหาลัย ยังไม่ตอบเลยแฟนใครโทรมา” ก็แกล้งแหย่มันไปงั้นแล่ะ นานๆทีอยากมีเวลาสวีทหวานน้ำตาลมดกับเขาบ้าง

“กูไม่มีแฟนนะ มึงไม่รู้เหรอ” ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!! นี่แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ โอ้ยยยคนฟังจะน้ำตาตกดีไหม แต่ก่อนผมจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นอยู่ดีดีมันก็แทรกมาด้วยประโยคที่ว่า

“กูไม่มีแฟน กูมีแต่คนที่กูรักหมดใจ”

อีเหี้ยยยยยยยยยยยย พอก่อนไหม !! คนฟังก็จะทำอะไรได้ก็นั่งเขินน่ะสิ ปลายสายหลังจากปล่อยหมัดฮุกวงในมาขนาดนี้ก็ขำเสียงเล็กเสียงน้อย คงจะรู้แล่ะว่าผมเองก็เขินทำอะไรไม่ถูก

“พะ ... พอเลิกเล่นได้แล้วสอบเสร็จแล้วใช่ไหมไปอาบน้ำที่หอเลยเร็วเข้า แค่นี้นะ”

ผมสั่งมันก่อนปลายสายจะขานรับแค่คำว่า ครับผม แล้วตัดสายไป เห้อมีแฟนเคยหน้าม่อมาก่อนพอมาเจอลูกหยอดลูกอ้อนนี่บางทีก็แทบพังเหมือนกันนะ ที่พังน่ะหมายถึงหัวใจนะครับ หัวใจจะวายตายรับความหวานไม่ทัน เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายคนถึงหลงคารมณ์ไอ้หน้าหล่อนี่   

ผมเองก็ยังนั่งยิ้มไม่หุบก่อนจะพับหนังสือเก็บกระเป๋าแล้วรีบขับมอเตอร์ไซน์คู่ใจไปที่หาดล่วงหน้าเนื่องจากผมเองก็แต่งตัวเสร็จแล้ว เอาแค่หนังสือกับกระเป๋าออกมาแค่นั้น

บรรยากาศชายหาดบางแสนช่วงห้าโมงเย็นนี่ในฤดูนี้นี่มันช่างสวยงามซะจริงๆ แม้น้ำจะไม่ได้ใสมากเหมือนหาดอื่นๆแต่บรรยากาศและความร่มรื่นก็ไม่แพ้กันเลยทีเดียว พระอาทิตย์สีแดงฉานที่กำลังค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีส้มอ่อนๆ ส่องทั่วฟ้าในเวลาห้าโมงเย็นตัดกับเส้นขอบฟ้ารวมไปถึงแสงที่สะท้อนกับน้ำไปมาวิบวับ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังไงก็บอกไม่ถูก ><  ผมกับธันนัดกันไว้ริมหาดบางแสนซึ่งต้องขับรถจากวงเวียนปลาโลมาแสนน่ารักออกมาอีกสักระยะนึง ผมกับธันจะชอบมาเดินเล่นกันเวลาที่เราอยากจะผ่อนคลายหรือใช้เวลาร่วมกัน ธันเคยบอกว่า “ทะเลก็เหมือนกับมึง เวลาสงบก็นิ่งซะเดาไม่ถูก เวลาคลื่นแรงนี่ก็ซัดเอาซะกระเด็น (ตกลงมึงชมกูปะวะไอ้แฟนหน้าลิง = = ) แต่ยังไงก็ตาม มึงก็ยังเหมือนทะเลที่สวยงามไม่ว่ายังไงก็ยังคงจะต้องอยู่ อยู่เป็นสีสันและความสวยงามให้กับชีวิตกู” ขณะที่ผมกำลังปล่อยอารมณ์ไปกับลมเย็นๆ และทะเลแสนสงบยามเย็นอยู่นั้นอยู่ดีดีก็มีใครก็ไม่รู้โพลมากอดจากด้านหลัง ดัง

‘หมับ ! ’

“เฮ้ย !! ใครอะ” ผมร้องลั่นเลย ตกใจอยู่ดีดีก็มีคนมาคว้าจากทางด้านหลังเนี่ย

“แฟนคนสวยแถวนี้แล่ะ คิคิ” หัวเราะ หัวเราะ ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“คนสวยหอกไรล่ะ เล่นแบบนี้ตกใจถ้าเกิดหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำไงวะ” ผมด่ามันแต่ก็ยอมให้มันกอดยกไปยกมาอยู่อย่างงั้นแล่ะ(ก็ทำไงได้แม่งตัวใหญ่ ผู้ชายเหี้ยไรหุ่นดีเชียว =,.= เห็นบ่อยแล้วนะแต่ไม่ชินอะ เขินแปบ) แม่งเล่นเหี้ยไรแบบนี้พอดีกัน เกิดพกมีดไว้ป้องกันตัวไม่ชักออกมาแล้วแทงว่าที่สามีในอนาคตตายห่าไปละเหรอ (นี่มั่นใจจะเอามันสร้างอนาคตจริงๆใช่มะ คิดใหม่แปบ)

“เตรียมอะไรเซอร์ไพร้ไว้ตรงโน้นนนนนน หลับตาก่อนแล้วเดี่ยวพาเดินไป” ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็หลับตาแบบไม่แอบมอง(จริงๆนะ) ตามไอ้คนที่จูงมือเดินไปตามหาดที่มีเม็ดทรายนี้ เดินไปได้สักพักมันก็บอกให้ผมลืมตาซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ….  โต๊ะดินเนอร์ ที่จัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา พร้อมกับอาหารทะเลขนาดย่อมๆที่พอจะกินได้สักสองสามคนรวมไปถึงซุ้มที่ห่อด้วยผ้าสีขาวทำเหมือนซุ้มในห้องนอนของเจ้าหญิงในเทพนิยาย

“ชอบเปล่า นี่ไปจ้างร้านตรงโน้นนนนนนนนน มาจัดโต๊ะดินเนอร์ให้เลยนะ” พูดแบบภูมิใจพร้อมกับชี้ไปไกลโพ้น กูนึกว่ามึงจัดเองแสดดด

“เห้อ มีแฟนหรือมีห่าไรวะเนี่ย ทำห่าไรให้กูประทับใจไม่ได้สักอย่าง” ผมแกล้งทำหน้ายู่แต่จริงๆก็แค่ชอบแหย่ คิคิ

“มึงไม่ชอบเหรอ” ไอ้ธันพูดเสียงอ่อยเลยครับ เออได้ผลว่ะ แต่เลิกแกล้งและคือหิวข้าว ผมเลยเดินทำหน้าดุเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะ …..

‘จุ๊บ’

“ขอบคุณนะธัน” พูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะรีบวิ่งไปที่โต๊ะ เจ้าตัวก็เอ๋อๆก่อนจะยิ้มซะแก้มปริแล้ววิ่งตามมาที่โต๊ะก่อนที่พวกเราจะเริ่มทานอาหารเย็นแสนโรแมนติก ? ที่คุณแฟนสุดหล่อจัดให้ผม ><
เรากินกันไปพักใหญ่คุยเรื่องข้อสอบคุยเรื่องคะแนนคุยนั่นคุยนี่มันช่างมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกผมรับรู้ได้ถึงความสุขที่มาจากคนตรงหน้า ความรักทีได้รับมันมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน ช่วงเวลาที่เราคบกันมาธันไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยจริงๆธันเป็นแฟนที่ดีเป็นผู้ชายที่ดีและให้เกียรติผมเสมอ เราหัวเราะกันใหญ่โตก่อนที่บรรยากาศมันจะต้องดูพังลงสักหน่อยเมื่อธันพุดเรื่องนี้ขึ้นมา

“มึงพรุ่งนี้กูต้องกลับไปบ้านเพื่อดูตัวแล้วนะ” ธันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเองก็ยังไม่ได้ทันตั้งตัวก็ชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน

“อื้มไปดิมึง เดี๋ยวกูรออยู่ที่นี่ล่ะกูรู้มึงเครียได้” ผมก็ตอบไปแต่ไม่ได้สบตาคนตรงหน้า ผมเองก็ไม่อยากแสดงความหวั่นไหวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ สิ่งที่อยากทำคือ อยากจะเชื่อใจธัน เชื่อมั่นในตัวธันให้มากๆ

“แต่ว่ามึง”

“อะไรล่ะ ทำหน้าจริงจังแบบนั้นมีไร”

“กูจะพามึงไปหาพ่อกับแม่ด้วย”
.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาแล้ว รอกันนานหรือเปล่า ดูเหมือนจะไม่มีใครอ่านนิยายเขาเลยเพราะไม่มีใครเม้นเลย ฮาาาา
ขอโทษด้วยนะจ๊ะถ้านิยายมันไม่สนุก เราเขียนสุดความสามารถแล้วจริงๆเพื่อมาร์คกับธันวา ยังไงก็แสดงความคิดเห็นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะจ๊ะ ><  แอบเศร้าเบาๆไม่มีใครเม้นนิยายเรา ㅜ ㅜ

อัพเดทนิดนึง เห็นเพื่อนๆหลายคนบอกว่าที่คนไม่อ่านคงเพราะเราเขียนหัวข้อไม่ดีเอง คนเลยไม่ีค่อยรู้
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆนะจ๊ะ จะทำให้ดีกว่านี้ ><

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 2 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 24-07-2014 02:48:24
พ่อแม่ที่คิดถึงแต่หน้าตาทางสังคมของตัวเองมากกว่าความสุขของลูก สุดท้ายก็อาจจะสูญเสียทุกอย่างไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 2 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 24-07-2014 07:10:26
 :sad4: :sad4:

น่าสงสารน้องมาร์ค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 2 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 24-07-2014 09:50:31
ว้าว มีตอนพิเศษด้วย
คือมันไม่เด้งอะนะคะว่าอัพ  เลยเพื่งมาอ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป ... (จบ) / UPDATED ตอนพิเศษ 2 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-07-2014 22:43:16
ห้องนิยายจบแล้ว คนเข้ามาอ่านน้อยอ่ะ แถมไม่ได้ลงวันที่ไว้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีตอนใหม่

สงสัยจะโดนพ่อแม่ดราม่าใส่แน่ๆเลย
อย่าไปแคร์ เราสวยซะอย่าง ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-07-2014 23:48:51
ไหนว่าจบแล้วหง่าาาา ค้าาางงงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-07-2014 00:27:30
สงสารทั้งคู่เลย :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 25-07-2014 09:47:06
 :mew1: น่ารักมาก  เพลงก็เพราะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 26-07-2014 20:48:36
ชอบค่ะ น่ารักดี ธันกับมาร์ค^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 26-07-2014 22:09:49
มาร์คอย่างน่ารักอ่าาาา~~
วิธีของธันแบบ...ชอบอ่าาา
ง้อและประกาศเป็นแฟนไปในตัวเลย อิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 2 23/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 29-07-2014 21:39:37

ตอนพิเศษ : 3


และแล้ววันที่ผมเป็นกังวลมากที่สุดก็มาถึง วันที่ธันต้องไปพบพ่อแม่แล้วก็เตรียมที่จะไปดูตัวเช้าวันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนก็นอนไม่หลับ มันคิดอะไรต่อมิอะไรมากมายเมื่อคืน นี่ตื่นมาหน้าตายังกับหมีแพนด้าขอบตาดำหน้าเหี่ยวนี่ถ้าไปบ้านไอ้ธันสงสัยหน้าแก่กว่าแฟนชัวร์ = = ! ผมตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าและก็อาบน้ำรอไอ้ผู้ชายที่นอนน้ำลายไหลใส่หมอนตื่น คือขอเผาแฟนตัวเองนิดนึงเวลามันนอนใช่มะ น้ำลายแม่งชอบไหล คือภาพลักษณ์สุดหล่อที่มีในมหาลัยคือหมดและกลายเป็นเหี้ยมากจริงๆ มีหลายเช้านะที่ผมตื่นมาเพราะรู้สึกเปียกๆ ที่หลังไอ้ธันแม่งน้ำลายไหลใส่เสื้อ ผมเลยต้องลุกมาเปลี่ยนเสื้อแล้วเอาทิชชู่มามาเช็ดให้ ผมจัดแจงเตรียมกระเป๋าอะไรต่อมิอะไรที่จำเป็นเสร็จก่อนจะรีบเดินไปปลุกได้คนนอนน้ำลายยืดอยู่ และเหมือนเดิมผมต้องถือทิชชู่ไปด้วยไปเช็ดน้ำลาย ฮาๆๆๆๆๆ

“ไอ้ธันตื่นเร็วใกล้เวลาแล้ว เดี่ยวออกสายไปอาบน้ำ” ผมเดินอ้อมไปที่หัวเตียงก่อนจะค่อยๆนั่งลงข้างๆ เจ้าของศรีษะที่หลับไม่รู้เรื่องน้ำลายไหลอยู่

“อื้อ ....” มันครางเบาๆ ก่อนจะพลิกตัวไปมาทำหน้าพริ้มไปอีก

“ตื่นเร็วธัน เดี๋ยวไม่ทันนะ ข้าวเช้าก็เสร็จแล้วไปอาบน้ำ” ผมเริ่มเขย่าตัวมันเบาๆและไอ้นี่มันขี้เกียจเวลาจะตื่นเกือบไปสอบสายก็เพราะแบบนี้ล่ะ

“ขอห้านาทีนะ ง่วง”

“ง่วงอะไร ตื่นเร็ว”

“มอร์นิ่งคิส”

“มอร์นิ่งคิสอะไรวะ”

“เร็วๆสิ เดี๋ยวเจ้าชายนิทราไม่ตื่น”

คือไอ้ธันเวลานี้เนี่ยนะ มึงอยากโดนพ่อหรือแม่มึงแดกหัวก่อนหรือไงโอ้ยอีดอก(คำนี้ไม่ได้มานาน) ผมก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันนี่ปวดหัว ง่วงนอนก็ง่วง ปวดหัวก็ปวด แถมต้องมาเห็นไอ้ผู้ชายบนเตียงทำปากจุ๋กวนส้นตีนหลับตางุ้งงิ้งอีก เฮ้อ = =

“ไม่ทำเหรอ …..” เอาและมันเริ่มดราม่าและ

“คือมะ ....”

“กูเข้าใจ มึงคงไม่รักกูหรอก”

“มึงมันไม่ใช่อย่างงั้น คือมึงเข้าใจเปล่าว่า ...”

“เออ.. กูไปอาบน้ำแล้ว”

มันทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องเจอผมกดลงเตียงเหมือนเดิมพร้อมกับขึ้นไปคล่อมเลย โมโห !

“มึงฟัง ไอ้ผู้ชายขี้มโน กูไม่ใช่ผู้ชายกูยังไม่ขี้มโนเท่ามึงเลย”

ผมจ้องหน้ามันและพุดด้วยสีหน้าจริงจัง มันเองก็ยังคงทำหน้าบู้บี้อยู่ เฮ้อ = =

“กูแค่อยากให้มึงเตรียมตัวไปให้ดี แค่อยากจะบอกมึงว่า กูเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว กูไม่อยากให้แฟนกูขาดตกบกพร่องอะไรและกูเองก็ไม่อยากจะทำตัวให้ขาดตกบกพร่อง เดี๋ยวพ่อแม่มึงเขาจะหาว่ากูสู้คนที่เขาหามาไม่ได้”

ผมไม่พูดเปล่าก่อนจะก้มลงไปแตะริมฝีปากหนาๆนั่นเบาๆ ก่อนจะค่อยถอนออกจากริมฝีปากนั่น ไอ้คนได้มอร์นิ่งคิสแล้วก็ทำหน้ายิ้มแป้นมีความสุขจนแบบหน้าหมั่นไส้อะ

“จะไปอาบน้ำแล้วอะ” มันบอกผมที่หันหน้าไปทางอื่นอยู่ ไม่อยากมองหน้า เขิน = //// =

“ก็ไปดิ”

“แต่มึงอะ ....” มันเอามือมันมาจับมือผมไว้คือมาจับทำไมวะมึงจะทำไรเนี่ย

“อะ...อะไร” ผมหันกลับมามอง ทันทีที่มันเอามือมาจับมือผมไว้

“คือหนักอะ ลุกหน่อยได้เปล่าจะไปอาบน้ำ”


โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยธันวา อีดอก !!!!


หลังจากที่ตบตีให้พ่อพระเอกประจำงานวันนี้ได้กินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วเราก็ออกจากหอพักของคุณชาย(ที่จริงมันหอกูนะ)ด้วยบีเอ็มคันสวยของมัน ระหว่างทางไอ้ธันดูไม่มีท่าทีที่จะตื่นเต้นหรืออะไรเลยดูออกจะผ่อนคลายและอารมณ์ดีซะด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นผมเองที่รู้สึกเครียดรู้สึกได้จริงๆว่ามือตัวเองเย็นมาก ทำไมกังวลอะไรขนาดนี้ขนาดจะสอบยังไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้เลยจริงๆ นี่ผมกลัวมากไปหรือวิตกกังวลมากไปหรือเปล่าจริงๆมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ไอ้ธันเองก็อาจจะ แก้ปัญหาได้แบบที่มันบอกก็ได้ แต่ถ้ามันแก้ไม่ได้ล่ะ โอ้ยยยยย ทำไมปวดหัวตุบๆแบบนี้ มันอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ เราก็แค่วิตกกังวลเกินกว่าเหตุ เหมือนไอ้ธันจะผิดสังเกตผมเลยเอามือหนาๆนั่นมากุมมือผมไว้ ซึ่งวันนี้มือมันอุ่นกว่าทุกวันจริงๆ หรือเพราะมือผมเย็น ?

“เป็นอะไรทำไมมือเย็นแบบนี้ กลัวเหรอ ?” มันจับแล้วก็บีบมือผมไปมาซึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นแต่ไม่คลายความในเครียดในใจไปได้เลย

“เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบมันทั้งๆที่ผมเองก็ยังมองออกไปนอกหน้าต่างไร้จุดหมาย

“อะไรวะ คนเก่งแบบมึงที่ล่อด่าแฟนเก่ากูซะกระเชิงจะมากลัวตอนไปเจอพ่อแม่กูเนี่ยนะ ”

มันพูดล้อๆผม ก็แหมคือมึงเข้าใจมะว่ามันคนละฟิลแสดดดดด

“ส้นตีนเหอะ เงียบๆแล้วขับรถไปได้แล้ว”

ผมสะบัดมือมันออกก่อนจะเอามากอดไว้ที่อก แต่มันก็ยังเอามือมันมาล้วงมือผมคืนไปจับไว้แล้วก็ขับรถสบายใจมุ่งหน้าไปสู่บ้านคุณชายท่าน

สองชั่วโมงผ่านไปกับการนั่งรถอยากจะบอกว่า รถติดมากๆผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่ได้เป็นเด็กรุงเทพแม้จะเข้ากรุงเทพบ่อยก็ตามแต่ก็ไม่ชินกับรถติดสักที ไอ้คุณชายธันวาบ้านมันอยู่แถวเอกมัยครับจากทางด่วนมานี่ก็ใกล้จะถึงบ้านมันแล้วยิ่งรถคันหรูวิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่ ผมเองก็ยิ่งเป็นกังวล กดดัน และไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อต้องเจอหน้าพ่อแม่ธัน พ่อแม่ธัน อยากให้ลูกชายท่านเลิกกับผมซึ่งเอาตรงๆแล้วผมก็เข้าใจเหตุผลของท่านแล่ะ ตัวผมเองไม่ได้เป็นแม้ผู้ชายด้วยซ้ำในสังคม … ตัวผมเองเป็นเหมือนมุมเล็กๆในสังคมกว้างใหญ่นี้ ความหดหู่และความกดดันจากสังคมภายนอกที่มีต่อความรักอย่างของผมและธันรวมไปถึงเพศสภาพอย่างผมที่ใครๆก็คงไม่อยากจะยอมรับให้เข้าไปอยู่ในชีวิต ผมเองตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยคิดนึกถึงความจริงที่มันจะเกิดขึ้นถ้าผมยังต้องอยู่กับผู้ชายที่พร้อมทั้งฐานะ หน้าตา และสังคมอย่างธัน ผมเองก็ไม่ใช่ไม่มีฐานะหรือหน้าตาทางสังคมพ่อแม่ของผมอาจจะไม่ได้รวยหรือมีความใหญ่โตเท่าบ้านธัน แต่ก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมระดับหนึ่งก็ว่าได้แต่ก็อย่างว่า แม้ฐานะ หน้าตา หรือสังคมจะเทียบกันได้ การยอมรับเพศสภาพที่ผิดแปลกจากปกติเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันในบ้าน ในฐานะพ่อแม่ที่มีลูกชายและฝากความหวังไว้กับเขาแล้วล่ะก็ คงจะไม่ใช่เรี่องน่ายินดีเอาซะเลย


และแล้วเวลาแห่งโชคชะตาอันเลวร้ายในชีวิตผมก็มาถึง ไอ้ธันขับบีเอ็มของมันมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งถูกตกแต่งไว้ในสไตล์โมเดิร์นพื้นที่โอ่งโถงและกว้างขวางร่มรื่นด้วย ธันลงจากรถไปกดเครื่องรับข้อความหน้าบ้านก่อนที่ประตูไฟฟ้าจะค่อยๆเปิดอย่างช้าๆและเผยให้เห็นคฤหาสน์สิงหวดีสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า รถคันสวยค่อยๆเคลื่อนเข้าไปก่อนจะจอดสนิทในโรงเก็บรถ


“มึงพร้อมยัง” ไอ้ธันหันมาถามผม

“อืม ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วล่ะ”


ทันทีที่ผมตอบก็เปิดประตูรถลงไปเลย ณ จุดจุดนี้ ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และในที่สุดตัวผมเองก็มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลสิงหวดี ธันเดินมาข้างๆผมก่อนจะโอบไหล่แล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน พวกเราเดินมาจนถึงประตูทางเข้าบ้านวินาทีแรกที่เหยียบตัวพื้นหินอ่อนเย็นๆของบ้านก็ทำให้ผมรู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยจริงๆ


“ป๊าม๊า สวัสดีครับ”

ทันทีที่เดินเข้าบ้านธันก็ยกมือไหว้ชายหญิงวัยกลางคนที่ดูมีภูมิฐานและหน้าเกรงขามในบ้านที่นั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมประดับไว้ด้วยทีวีขนาด เกินเจ็ดสิบนิ้วได้ มาดของผู้หญิงและผู้ชายวัยกลางคนตรงนั้นแม้จะดูเกรงขามแต่กลับยิ้มให้อย่างอบอุ่นและเป็นมิตรทั้งกับผมแล้วก็ธัน

“อ้าว ธัน มาแล้วเหรอลูก มาๆ มากินของว่างกับ ป๊า ม๊าก่อน แล้ว ข้างๆลูกนั่นใครล่ะ เพื่อนลูกเหรอ”

คุณแม่ของธัน ทันทีที่เห็นไอ้ธันเดินเข้ามาในบ้านก็รีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาลูกชายโดยทันที

“สวัสดีฮะ คุณน้า” ผมยกมือไหว้ คุณแม่ของไอ้ธันทันทีทีท่านเดินเข้ามาประชิดตัว

“โอ้ย ไม่ต้องเรียกคุณน้งคุณน้าอะไรหรอกลุก เรียกม๊าเหมือนธันเนี่ยล่ะ” คุณแม่ของธันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะเอามือนิ่มๆของท่านมาลูบหัวผมไปมา

“ธัน ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้ ป๊ารู้จักหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มๆจากชายวันกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาส่งมาถึงธันที่กำลังยืนยิ้มให้ผมกับม๊าที่กำลังคุยกันนิดหน่อย

“ครับ ป๊า ม๊า นี่มาร์ค เพื่อนที่มหาลัยของธันเอง ”

“สวัสดีครับ ป๊า สวัสดีม๊าอีกครั้งนะครับ” ผมไหว้บุคคลที่นั่งอยู่ตรงโซโฟ ก่อนจะหันมาไหว้ผู้หญิงตรงหน้าอีกรอบ

“น่ารักกว่าที่เมษาเล่าอีกคุณ คุณคิดแบบนั้นไหม” ม๊าของธันลูบหัวผมปอยๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะให้ไปยิ้มให้กับป๊าของธันที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหน

“น่าเอ็นดูจริงๆ แบบที่เมษาบอกแล่ะ” ป๊าพูดก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆเป็นการขอบคุณสำหรับคำชมนั้น

“เด็กๆ เอาเสื้อผ้าไปเก็บบนห้องก่อนแล้วกันเนอะ แล้วลงมากินของว่าง เดี๋ยวม๊าให้ป้าเพ็ญเขาเตรียมของมาให้”

“ธัน แต่เดี๋ยวแกอยู่คุยกับป๊าม๊าก่อนนะ น้องมาร์คเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บได้เลยนะลูก ห้องธันอยู่ทางขวาขึ้นไปห้องแรกเลย ไม่ต้องเกรงใจทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านเลยนะ”

คุณป๊าบอกให้ผมเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บก่อนพร้อมกับส่งยิ้มให้ ซึ่งดูก็รู้แล้วว่าจะคุยเรื่องอะไรกัน ผมที่เป็นคนนอกจึงได้แต่ยิ้มแล้วก็พยักหน้าเป็นการตอบรับแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนใหญ่ของธัน เอาจริงๆการสนทนาเริ่มต้นไปได้ด้วยดีไม่น่ากลัวแบบที่ผมคิดตั้งแต่แรก แต่อะไรจะเกิดต่อจากนี้ไปผมเองก็คงจะต้องมีสติ และพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปสินะ


ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่ตกแต่งไว้ด้วยสีน้ำตาลอ่อนๆดูสบายตา ฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ดูใหม่ไม่มีฝุ่นจับเลยแม้แต่นิดเดียวคงเพราะมีคนทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนจะเอากระเป๋าไปจัดแจงเอาของและเสื้อผ้าออก หลังจากจัดของโน่นนั่นนี่เสร็จแล้วผมก็เดินสำรวจห้องนอนใหญ่ของธันมัน ผมเหลือบไปเห็นรุปครอบครัวที่ตั้งไว้บนหัวเตียง เป็นรูปที่มีผู้หญิงและผู้ชายสองคนที่ดูมีภูมิฐานอยู่อยู่พร้อมกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักและเด็กผู้ชายหน้าตาหน้าหยิกในชุดเดรสและชุดสูท นี่คงเป็นรูปครอบครัวที่นานมาแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ในทันทีว่าเด็กผู้ชายใส่สูทสีน้ำตาลโบว์สีแดงเป็นใคร จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ธันนั่นเอง ตอนเด็กๆหน้าตาน่าขย้ำมาก >< น่ารักที่สุด หลังจากผมเดินสำรวจห้องเสร็จแล้วก็ตั้งใจว่าจะลงไปข้างล่างผมจึงเปิดประตูกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาจากห้องโถงข้างล่างซะก่อน จึงเสียมารยาทแอบฟังจากตรงระเบียงหน้าห้อง 


“ตกลงน้องมาร์คเป็นแฟนแกจริงๆใช่ไหม” เสียงทุ้มๆของชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามธันเอ่ยขึ้น จะเป็นใครไปซะอีกล่ะก็คุณป๊าของมันนั่นล่ะ

“ถ้าใช่ ป๊าจะให้ธันเลิกกับคนรักจริงๆหรือไง”

“ม๊ากับป๊าไม่อยากพูดแบบนั้นนะธัน แต่ธันเป็นผู้ชาย ธันจะคบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง”

“แต่ธันก็รักของธัน ธันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับมัน ม๊าห้ามคนรักกันไม่ได้หรอก”

จุดนี้ ธันมันเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเหมือนไม่พอใจ ผมที่กลัวคนข้างล่างจะผิดสังเกตจึงเดินถอยมาพึงประตูห้องแต่ก็ยังคงฟังบทสนทนาจากคนข้างล่างอยู่ดี

“แต่ครอบครัวเราทำธุรกิจธัน บ้านเราต้องมีสังคมมากมายที่ต้องเจอ ธันไม่สามารถทำตามใจชอบอย่างเดียวได้ ธันต้องนึกถึงหน้าป๊าหน้าม๊าด้วย”

“ผมไม่สนว่าธุรกิจหรือสังคมของป๊าจะต้องใช้หน้าตาขนาดไหน แต่ถ้าผมต้องเลิกกับมาร์คจริงๆ ผมจะไม่สนอะไรเหมือนกัน” โอ้ย ! ธันวา มึงไปยื่นคำขาดกับพ่อแม่แบบนั้นได้ยังไง

“ป๊าเองก็ไม่สนเหมือนกันว่าแกจะรักกันขนาดไหน แกจะต้องหมั้นกับคนที่ป๊าหาให้ และเย็นนี้ คู่หมั้นของแกจะมาทานข้าวที่บ้าน มีเวลาจนกว่าจะเย็น อยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน”

และดูเหมือนบทสนทนาทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น ผมยืนอยู่สักแปบก่อนจะกลั้นใจเดินลงไปข้างล่าง ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น มีแค่ม๊า กับธันที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่

“ธัน พามาร์คไปเที่ยวเล่นสิลูกแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าวเย็นกันที่บ้าน .. ”

“แต่ม๊า …..”

“ไปเถอะ แล้วเจอกันตอนเย็นที่บ้าน”

ม๊าพูดแค่นั้นก่อนจะเดินคล้อยหลังเข้าครัวไป การที่ม๊าอยากให้ผมกับธันออกไปนอกบ้านคงเพราะ อยากจะให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างพ่อลูก ซึ่งมี ผม เป็นต้นเหตุนั่นเองแล่ะครับ ผมที่ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่หันไปยิ้มให้ธันที่ทำหน้าเป็นกังวลไม่น้อยก่อนจะเดินเข้าไปจับมือมัน

“ไปพาราก้อนกัน อยากกิน  อาฟเตอร์ยูว์ ” พร้อมกับเขย่ามือมันเบาๆเป็นการอ้อน ทำให้คนตรงหน้ายิ้มได้หน่อยนึง เย็นนี้มึงต้องเจออะไรกูรู้ดี เพราะฉะนั้น ตอนนี้กูเองก็ไม่อยากทำให้มึงลำบากใจเหมือนกัน

“ก็ได้ ไปกินของหวานให้มึงอ้วนกันดีกว่า” มันพูดแค่นั้นก็จะขยี้หัวผมซะฟู และเราสองคนก็จูงมือกันกลับไปขึ้นรถ บีเอ็มคันหรูคันเดิมก่อนจะแล่นออกไปที่ห้างดังย่านสยาม

ใช้เวลาไม่นานจากคฤหาสน์ในซอยเอกมัยเนื่องจากเป็นวันธรรมดรถจึงไม่ค่อยติดมากแล้วเวลาตอนนี้ก็ยังพึ่งบ่ายนิดๆเอง มาจนถึงสยามธันเข้าไปจอดรถเสร็จสรรพในห้างเรียบร้อย  ผมก็เดินนำริ่วไปเลยทีเดียวเพราะอยากไปดูกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองก่อน ผมกวักมือเรียกไอ้ธันจ้อยๆ ให้มันรีบตามมา เราสองคนเดินดูนั่นดูนี่ในห้างกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว เพราะผมเองก็อยากคลายเครียดด้วยการมาเสียเงินเหมือนกัน ผมเดินซื้อนั่นซื้อนี่ไอ้ธันก็แบกของตามผมต้อยๆ ผู้คนที่เดินผ่านเราไปมาก็มองพร้อมกับอมยิ้มกับภาพที่พวกเขาเห็น นั่นก็คือไอ้ธันที่ถือของเต็มมือแต่ผมรากมันไปโน่นไปนี่แบบไม่ได้ห่วงมันเลยว่ามันจะหนักหรือเปล่า นี่ยังไม่รวมปากเสียงระหว่างการซื้อของที่เถียงกันไปเถียงกันมาแบบไม่ได้แคร์ใครเขาสักนิดเลย ฮาๆ


ได้ฤกษ์สักทีที่เราจะไปกินอาฟเตอร์ยูว์กันหลังจากออกจากช็อปเสื้อผ้าเราก็ลงบันไดเลื่อนมาเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดินที่ตั้งของต่ำแหน่งร้าน พอมาถึงร้านพนักงานก็กดบัตรคิวให้ผมยืนรอหมายเลขตามที่รันคิวเพื่อที่จะได้เข้าไปนั่งในร้าน ร้านนี้นี่มันอะไรกันก็ไม่รู้ทำไมคนอยากกินหนักหนาร้านขนมบ้าไร คือคนต่อคิวเยี่ยงจะมาแย่งของเซลล์ในร้านซึ่ง อีก 10 คิว ร้องไห้แปบ


ในระหว่างที่กำลังยืนรออยู่นั้นก็มีเสียงของใครคนนึงเรียกไอ้ธันมาจากข้างหลังของพวกเรานั่นล่ะครับ



“อ้าว ธัน ! ”

.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

มาอัพตอนที่ 3 แล้วจ้า เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับความรักของคนทั้งสอง มาร์คและธันวาจะต้องเจอกับอะไรอีก ยังไงก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยรวมไปถึง มาร์คกับธันวาด้วยนะจ๊ะ ใกล้จะจบตอนพิเศษแล้ว ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 3 29/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-07-2014 00:41:10
เสียงเรียกนั่นเป็นของน้องนีล่ะมั้ง อาจจะเป็นคู่หมั้นก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 3 29/07/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 06-08-2014 18:17:21

ตอนพิเศษ : 4




“อ้าว ธัน !”


ผมกับธันหันไปตามเสียงเรียกของคนข้างหลังพอหันไปก็พบกับผู้หญิงคนนึง หน้าตาน่ารักใช้ได้เลย ผิวพรรณสะอาดสะอ้านดูเป็นคนเรียบร้อยน่ารักเลยทีเดียวแล่ะครับ (แต่คือในใจนี่คิดว่า กิ๊กคนที่เท่าไหร่ของไอ้ธัน)


“เฮ้ย !! เมอร์เมด ! ” ไอ้คนถูกเรียกพอหันไปเจอเจ้าตัวก็ถึงกับตาโตตกใจยกใหญ่ (สรุป ชะนีนี่มันเป็นใครวะ = = !)

“ธันวา จริงๆด้วย จำเมดได้ใช่ไหม ดีใจจัง เราไม่ได้เจอกันนานมาก !! ”

เธอชื่อเมอร์เมดครับ ดูท่าแล้วคงรู้จักกับไอ้ธันอยู่ไม่น้อยไม่งั้นคงไม่ใช้คำพูดแบบนี้ แต่แบบชื่อเมอร์เมด อีดอก ของทำปากเป็นรูปสระอิแปบ = = !


“ใช่ๆ นี่เมดกลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอ เรียนจบแล้ว ?”

“ใช่ๆ เมดพึ่งเรียนจบน่ะ พอดีอยากรีบจบเลยเรียนเร็วไปหน่อย คิคิ ”

“โห ดีจัง นี่ธันพึ่งอยู่ ปีสาม แต่เมดเรียนจบแล้ว ดีอะ ธันขี้เกียจเรียนแล้ว” แล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าแบบใกล้ตาย (เดี๋ยวมึงได้ตายแน่ๆ)

“เดี๋ยวก็จบแล้วน่ะ ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ ว่าแต่ …. ธันจะไม่แนะนำเพื่อนคนนั้นให้เมดรู้จักหน่อยเหรอ ”

เธอพูดพรางชี้ยิ้มๆ มาที่ผมที่ยืนกดโทรศัพท์ทำเป็นไม่สนใจ แต่จริงๆกูฟังทุกบทสนทนาแล่ะ หึ !

“อ๊อ ไอ้นี่อะเหรอ …. มัน ชะ …. ”

“หมายเลข เอสองร้อยสิบห้า คุณธันวาค่ะ” แต่ก่อนมันจะพูดจบพนักงานก็เรียกเบอร์ของโต๊ะเราซะก่อน

“ไปนั่งด้วยกันไหมเมด จะได้ไม่ต้องรอคิว เมดมาคนเดียวใช่เปล่า” ไอ้ธัน มึงจะมาชวนเขาทำไมตอนนี้ กูจะกินมึงเห็นหน้ากูไหมเร็ว ช้า อีดอก กูรีบ หงุดหงิดโว้ย !

“ใช่ๆ เมด มาคนเดียว เพื่อนธันจะไม่ว่าอะไรใช่เปล่า ”

“อ๊อ ไม่ว่าอะไรหรอก แค่ขัดจังหวะเฉยๆ” รู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อยถึงปานกลาง ก็เลยตอบออกไปแบบนั้น เจ้าตัวที่ได้ยินก็ถืงกับหน้าเสียไปเบาๆเหมือนกัน

“มาร์คไปพุดแบบนั้นได้ไง !  ” ไอ้ธันกระซิบเชิงดุผมว่าไปพูดกับผู้หญิงแบบนั้นได้ไง ! ผมก็ได้แต่ทำหน้ายู่เบะปากเป็นเชิงบอกมันให้รู้ มึงเห็นกูสบอารมณ์มากเลยเหรอ หึ !!!

“ไปนั่งด้วยกันนะเมด ปะๆ เดี๋ยวพนักงานเขารอ น่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว” ไม่พูดเปล่าคว้าแขนชะนีใสแจ๋วเดินเข้าไปทิ้งให้ผมที่เป็นแฟนยืนอยู่เฉยๆแล้วเดินตามเข้าไป ? คือสรุปมึงพาเขามากินหรือพากูมากินวะ


ผม ธัน แล้วก็นางสาวทีไม่ได้รับเชิญ(ในความคิดผม) อย่างเมอร์เมดก็เข้ามาจัดแจงเก้าอี้นั่งกันเสร็จ พนักงานในชุดสีเข้มจัดแจงช้อนซ้อมพร้อมอธิบายวิธีการสั่งให้ก่อนจะเดินจากไป 


“เมดอยากกินอะไร เดี๋ยวธันไปสั่งให้” หึ พ่อมึงเหอะ ถามกูสิว่ากูอยากแดกไร แม่งทำไมตอนนี้ทำกูอารมณ์เสียจังเลยวะ (คนเขียนนั่งทำตา ปริบๆ)

“เมดเอา ฮันนี่โทสธรรมดาก็พอ ฝากด้วยนะธัน” ยัยเจ้เมอร์เมดสงสัยได้รับพลังรังสีมารชั่วจากตัวผมเลย รีบบอกธันก่อนจะยิ้มบางๆและนั่งกินน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

“ถามกูบ้างสิ ว่ากูจะแดกอะไร... เฮ้ยยย !! ” ยังไม่ทัน จะพูดจบเลยแม่งลากผมออกจากเก้าอี้ไปเค้าเตอร์กับมันเลย จับเบาๆก็ได้ปะวะ กูเจ็บนะ

“ธันมึงเป็นบ้าไร กระชากซะแรงเจ็บนะเว้ย” ผมโวยมันก่อนจะเอาข้อมือตัวเองมาดู แม่ง กระชากขนาดนั้นข้อมือขาดขึ้นมาทำไงวะ

“มึงเป็นบ้าไร วันนี้เนี่ย ไม่ได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเหรอ ไปจิกเมอร์เมดเขาทำไม” มันพูดด้วยเสียงเบาๆในระหว่างที่รอคิวสั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์กับผม

“แล้วไง มึงรู้ได้ไงว่ากูจิก กูเปล่ากูเคยจิกใครด้วยเหรอ ” กรอกตาไปมาทำไม่รู้เรื่อง ก็ไม่รู้เว้ย กูเห็นผู้หญิงเข้าใกล้มึงแล้วกูหมั่นไส้ รำคาญ อยากโวยวาย มีอะไรไหมละ !!!!!!!!!

“หึงกูล่ะสิ ใช่มะๆ” มันเอาศอกมากระทุ้งเอวผม เป็นเชิงล้อๆว่า มึงหึงกูๆๆๆๆ

“กูเปล่า เดี๋ยวมึงก็ต้องแต่งงานแล้ว กูทำใจก่อน จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง” ทำไมคำตอบนี้มันแบบ เจ็บใจแปลกๆวะ

“มาร์ค !! ”  ไอ้ธันจ้องหน้าผมเขม็งเลย พร้อมทำเสียงดุใส่ด้วย แต่ผมก็ยังทำเป็นไม่สนใจอะไร

“คิวต่อไปเชิญเลยค่ะ” แล้วเสียงระฆังก็มาช่วยชีวิต เพราะพนักงานเรียกให้พวกเราไปสั่งขนมแล้ว !


ผมกับไอ้ธัน เลือกขนมที่อยากได้แล้วก็จัดแจงสั่งเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดไร ผมเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังเล่นมือถืออยู่พอพวกเราเดินไปก็สั่งยิ้มให้ธันคนเดียว = = ! ผมไม่ค่อยสบอารมณ์เลยบอกทั้งคู่ไปว่า


“ขอตัวไปห้องน้ำแปบนึงนะ อยากล้างหน้า พอดีเหม็นขี้หน้า .. !”



- ธันวา


เฮ้อออออออ นี่ผมจะเป็นลมสลบคาโต๊ะร้านอยู่แล้วนะเนี่ย ไอ้มาร์คเล่น ใส่เป็นชุดให้เมอร์เมดเพื่อนสนิทผมขนาดนี้แม่ง กูจะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย คือผมดูก็รู้แล่ะว่ามาร์คมันหึง แต่คือ ทำไมแม่งหึงได้ถูกที่ถูกเวลาจังวะ เวลามีคนอื่นที่ดูออกจะเปรี้ยวสวยเผ็ดกว่านี้มาเกาะแกะผมแม่งไม่เห็นจะสนใจหรือปริปากด่าอะไรเลย นี่พอแม่งมาเจอเมอร์เมดก็อาระวาดตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย เกิดไรขึ้นกับมันวะ แล้วนี่ไม่วายทิ้งระเบิดใส่หน้าเมอร์เมดไว้อีกก่อนจะเดินหายริ่วๆ ออกจากร้านไป



“เฮ้ออ ….”  ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่นี่ไม่รู้จะมุดหน้าเอาไปไว้ตรงไหนของโต๊ะดี

“เป็นอะไรเหรอ ธัน” เมอร์เมดถามผม คือทำไมสีหน้าเมอร์เมดดูกั้นขำจะไม่อยู่แบบนั้น

“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะเมดคือ มันคงอารมณ์ไม่ดีอะไรมาอะ อย่าถือสามันเลยนะ” ผมที่กลัวเมอร์เมดคิดมากเลยบอกขอโทษเธอไปตรงๆดีกว่า

“นี่เมดคิดว่า จะไม่รอดเงื้อมือแฟนธันซะแล้วนะ นี่คิดว่าจะต้องโดนปาดคอตายคาร้านอาฟเตอร์ยูว์แน่ๆ แฟนธันน่ากลัวมาก คิคิคิ ”

เจ้าตัวไม่พูดเปล่าพร้อมหลุดขำออกมาซะผมเองก็งงๆ แฟนผม ทำเรื่องไว้ ทะ … เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ แฟน แฟน เฮ้ยยยยยยยย เมดรู้ได้ไง ?

“เมดรู้ ?” ผมถามออกไปด้วยสีหน้าตกใจที่สุดคือ เมดรู้ได้ยังไง ??


“อ้าวนี่เมดพูดผิดเหรอ ? ฮิฮิ ดูไม่ออกเลยเนอะ ฮาๆ ก็ธันชอบมอง มาร์คด้วยสายตาที่เอ็นดู ขนาดนั้น ในสายตาของธันมันมีแต่คนข้างๆตลอดเวลาเลย พอมองมาร์คธันก็ชอบอมยิ้ม ไม่รู้ตัวเหรอ เป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนกันนะเนี่ย ฮิฮิ นี่ไม่รวมที่มาร์คหึงธันจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วยนะ นี่ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ! ”


“แล้วเมดไม่รังเกียจธันเหรอ ที่ธันชอบผู้ชาย”


ผมถามออกไปด้วยเสียงไม่สู้ดีนักคือผมไม่ได้ต้องการจะปิดอะไรหรอกครับแต่คืออยากทำให้มันดูจริงจังแล้วก็เป็นทางการกว่านี้หน่อยเวลาบอกใครๆจะได้พูดได้อย่างเต็มปาก อีกอย่าง ผมยังไม่ได้เครียปัญหากับพ่อแม่ด้วยเลยพูดได้ไม่เต็มปากว่าไอ้มาร์ค มีความสัมพันธ์อย่างไรกับผมตอนนี้


“ไม่หรอก ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยที่เห็นธันเปลี่ยนรสนิยมแต่เอาจริงๆ ที่อเมริกาก็เยอะแยะ เพื่อนเมดก็เยอะแยะที่เป็นแบบนี้ แล้วมาร์คเองก็หน้าตาน่ารักมากเลยด้วย เหมาะกับธันสุดๆไปเลย เมดเป็นคนใจกว้างนะ ยอมรับแล้วเข้าใจอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ธันก็รู้นิ ”

เมดเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะครับ ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอก็เป็นผู้หญิงจิตใจดีแบบนี้ น่ารักสดใส คิดบวกอยู่เสมอแล้วก็เป็นที่รักของทุกคนจริงๆ แล้วก็ไม่แปลกที่ผมจะเคยชอบเธอมาก่อนเช่นกัน แต่ก็ต้องอกหัก เพราะเธอดันไม่รับรักผมซะงั้น (แกคิดไหมว่าถ้ามาร์คได้ยิน แกจะเหลือคออยู่บนบ่าไหมธันวา : คนเขียน )


“นี่สงสัยที่ไปเข้าห้องน้ำคือข้ออ้างที่จะเดินงอนออกจากร้านนั่นแล่ะ ไม่รู้ป่านี้ไปตรงไหนแล้ว” ผมบ่นลอยๆไปงั้นแล่ะครับ นี่อยากไปง้อนะ แต่มันไม่รู้จะทำไงวินาทีนี้ = = !

“ดูธันจะรักมาร์ค มากเลยนะ ” เธอยิ้มใส่ผมอย่างล้อๆ

“ใช่แล่ะ ธันรักมันมากจริงๆ ” ผมได้แต่มองถ้วยน้ำที่วางอยู่ข้างๆกันบนโต๊ะก่อนจะเผลอยิ้มออกมา แมนๆแบบผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะครับ

“พูดแค่นี้ต้องเขินด้วยเหรอ คิคิ มาร์คก็รักธันมากเหมือนกันแล่ะเมดดูออก”

“รายนั้น ความรักขึ้นลงเร็วเป็นปรอทเลย เดี๋ยวก็เมินเดี๋ยวก็หวาน เดี๋ยวก็โวยวาย”

“ดูท่าแล้วมาร์คน่าจะเป็นคนปากแข็งเอาเรื่องอยู่นะ แต่เชื่อเถอะธัน เมดดูออกมาร์ครักธันไปไม่น้อยกว่าที่ธันรักหรอก”

“แต่ตอนนี้ธันกำลังกลุ้มใจเรื่องบางเรื่องอยู่น่ะสิ” ผมได้ทีก็อยากจะหาที่ปรึกษาซะเลย ถ้าไปปรึกษาไอ้มาร์คสงสัยรายนั้นได้น้ำตาท่วมจอแน่ๆเลย

“เรื่องอะไรเหรอธัน ?”

“เย็นนี้ ธันมีนัดดูตัวกับคนที่ป๊าหามาให้”

“เฮ้ออออ ...” ทันทีที่ผมพูด เมอร์เมดถึงกับถอนหายใจลงเฮือกใหญ่เลย

“ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่า เมดก็ถูกจับไปดูตัวเหมือนกัน” ดูจากรูปการแล้วน่าจะใช่แล่ะ

“ถูกต้องเลย เมดถึงหนีออกจากบ้านมาห้างนี่ไง เพราะไม่อยากไปดูตัวแต่สุดท้ายคงห้ามอะไรไม่ได้น่ะ ”

เธอยิ้มเศร้าๆให้ผม ก่อนจะตักขนมกินต่อไป นี่ทำไมเราสองคนถึงต้องมาตกชะตากรรมลำบากเหมือนกันด้วยเนี่ย !!

“ขอโทษด้วยนะธัน เรื่องนี้ให้คำปรึกษาไม่ได้ มืดแปดด้านเหมือนกัน”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก แต่ก็นะ กลุ้มจริงเราสองคน” ผมเองก็ต้องนั่งกุมขมับเหมือนกันแล่ะงานนี้ เฮ้อ !! 





ผมเองที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำ (มันคือข้ออ้าง !) ยังคงมองกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำที่สะท้อนภาพตัวเองทำหน้าตาบูดเบี้ยวไม่เป็นชิ้นดีเลยจริงๆ ทำไมต้องรู้สึกหวงอะไรขนาดนี้ เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่อยากให้เข้าใกล้ธันเลยจริงๆ ปกติไม่ใช่คนกัดชะนีอะไรขนาดนั้นแต่นี่แบบถึงขนาดเสียมารยาทต่อหน้าธันเลยคือต้องเกิดอะไรผิดปกติกับตัวเองแน่ๆ !
ผมตัดสินใจรวบรวมสติก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วมุ่งหน้าไปที่โต๊ะเหมือนเดิม


จากน้องร้านผมมองเห็น ธันแล้วก็เมอร์เมดคุยกันอย่างออกรสออกชาติสนุกสนานสดใส พอเห็นภาพแบบนั้นแล้วความคิดๆชั่วๆที่เอาไว้ทำร้ายตัวเองก็ผุดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไมได้ ‘ทำไมเขาดูเหมาะสมกันจัง’ เพียงช่วงวินาทีเดียวที่ความคิดแบบนี้แล่นเข้ามาในหัว อยู่ดีดีน้ำตาก็เอ่อในตาแบบบอกไม่ถูก ทำไมวันนี้เกิดงี่เง่าอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ทำไมอยู่ดีดีก็รู้สึกไม่ดีที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้ธันมากๆแบบนี้ไม่รู้


ผมปาดน้ำตาที่มันเกือบจะไหลออกมาอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะปั้นหน้าเดินกลับเข้าไปหาทั้งสองคนที่นั่งหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่


“อ้าวมึงมาแล้วเหรอ” ไอ้ธันทันทีที่เห็นผมเดินมาก็ขยับเก้าอี้จัดแจงให้ผมนั่งซะดิบดี ทำดีผิดปกตินะมึงต่างจะเมื่อกี้เลยสัส !

“มาร์คทานหรือยัง เมื่อกี้เมดกับธันกินกันซะจนเหลือนิดเดียวเอง ขอโทษที สั่งใหม่ไหมเดี๋ยวเมดเดินไปสั่งให้” จะมาพูดดีกับกู
ทำม่ะ โครตไม่สบอารมณ์ แต่ก็ทำได้เพียงพูดในใจ


“อ๊อไม่เป็นไรหรอก มาร์คหน้ามืดนิดหน่อย เริ่มกินอะไรไม่ค่อยลงแล้วอะ เมดกับธันกินให้หมดเลยก็ได้ ” ผมบอกปัดๆไปก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูนู่นดูนี่แทน

“มึงไม่สบายเปล่ามาร์ค กูพากลับบ้านก็ได้นะ ” ธันพูดจบยังไม่ทันดี เสียงโทรศัพท์ในเคสสีชมพูเพชรก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ย

~ก็เสียงหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าต้องใจเธอ~

“ธัน มาร์ค เดี๋ยวขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะ” เจ้าหล่อนหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกไปจากร้านเพื่อไปคุยโทรศัพท์ ณ ตอนนี้ ก็มีผมกับไอ้ธันอยู่กันสองคน

“มึงเป็นไรเปล่า มาร์ค” ไอ้ผู้ชายข้างๆผมอยู่ดีดีก็ถาม ก่อนจะเอามือหนาๆของมันมาโอบไหล่ผมให้เข้าไปในวงแขนมัน

“ไม่ได้เป็นไร....” ขี้เกียจอธิบาย เหนื่อยใจแปลกๆตอนนี้

“อย่าโกหกดิ ดูหน้าก็รู้ว่าเป็น” มันไม่พูดเปล่าเอาอีกมือที่ยังว่างอยู่มาจับมือผม เริ่มใจอ่อนแล้วอะ ทำไงดี

“ก็เป็นนิดหน่อย … มั้ง”

“เป็นไรคนดีของธัน ….. ” เริ่มหวานใส่และ ภูมิต้านทานเริ่มลดลงเรื่อยๆ

“อย่ามาหวานตอนนี้เลย คนอยู่เยอะแยะ”

“ไม่เห็นเป็นไรก็เรารักกันนี่นา” มันเริ่มเขยิบเข้ามาในเก้าอี้ผมแล้ว แต่โชคดีเหลือเกินก่อนที่อะไรมันจะมากไปกว่านี้

“ธัน มาร์ค คือ ……” เมอร์เมดครับ เจ้าหล่อนเดินเข้ามาตอนที่ไอ้ธันกำลังคิดจะทำมิดีมิร้ายผมพอดี แล้วคาดว่าคงเห็นไอ้ธันจะทำไรนั่นล่ะ หน้าเมอร์เมดดูแดงๆผิดปกติ

“คือ เมดจะมาบอกว่าเมดต้องไปแล้วเดี๋ยวจะไปนัดดูตัวกับคุณแม่ไม่ทันตอนเย็นยังไงก็ไว้เจอกันใหม่นะ ธันยังใช้เบอร์เดิมใช่ไหม เดี๋ยวไว้ติตด่อไป” เมดทำท่าเขินอะไรแปลกๆก่อนจะบอกพวกผมแค่นั้นและรีบหยิบกระเป๋าแล้วจ้ำอ้าวออกไปทันที

ผมเองที่มองตามหลังเธอไปจนลับหายไปในฝูงชนในห้างก็มองหน้ากันพร้อมดูเวลาที่ข้อมือว่ามันกี่โมงแล้ว ปรากฏ เวลาที่แสดงตอนนี้คือ



17.20





ธัน คือมึงมีนัดกันตอนหกโมงนะเว้ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาอัพตอนที่ 4 แล้ว เข้ามาถึงกับช๊อคที่ไม่มีใครเม้นเลย โอเค เข้าใจแล้วล่ะว่ามันคงไม่สนุกจริงๆ T T แต่ยังไงซะก็จะส่งมาร์คกับธันให้ถึงฝั่งให้ได้ ส่วน Project เรื่องยาวคงขอเขียนเงียบๆไปพัฒนาฝีมือก่อนแล้วกันเนอะ ลงเมื่อไหร่ยังไม่รู้ T T ทุกคนอาจจะมองว่าที่เขียนอะไรแบบนี้อาจจะอยากเรียกร้องความสนใจ แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย ต้องการฟี๊ดแบ็คของนิยายเพื่อไปปรับปรุงเท่านั้นเอง แต่เข้าใจแล้วว่ามันไม่สนุกจริงๆ จะพยายามเขียนให้มากขึ้น และดีขึ้นไปอีก

ขอบคุณคุณ IsDeer มากๆที่อ่านแล้วก็แสดงความคิดเห็นอินกับนิยายของเรามาเสมอ สัญญาว่าจะเขียนให้ดีขึ้นไปกว่านี้

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 4 06/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-08-2014 20:03:12
มีหึงซะด้วยมาร์ค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 4 06/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 06-08-2014 20:29:19
รอตอนต่อจ๊ะ มาด่วนๆ อยากรู้ว่าจะตกลงยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 4 06/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2014 22:04:06
หึงแรงดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 4 06/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-08-2014 22:24:28
ได้แต่หวังว่ามาร์คจะแรงคงเส้นคงวาและไม่ดราม่า

เมดนี่ต้องถูกจับมาคู่ธันแน่ๆเลย แต่ใจนึงก็แอบอยากให้ดราม่ายาวๆไปเลยจะได้อ่านหลายตอน
ลากยาวไปทำวัยทำงานเบย อิอิ

ปอลิง เม้นน้อยน่าจะเป็นเพราะอยู่ในห้องจบแล้ว มันเลยไม่เด่น แต่เห็นวิวยังวิ่งขึ้นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 4 06/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 09-08-2014 23:48:55
ตอนพิเศษ : 5



หลังจากที่เดินเถียงกันมาตลอดทางจนขึ้นรถและจนมาถึงบ้านด้วยตีนผีของไอ้ธัน พวกเรามาถึงบ้านธันภายในเวลายี่สิบนาทีซึ่งทำให้ตอนนี้พวกเราทั้งสองคนพอที่จะมีเวลาอาบน้ำทำตัวให้สะอาดก่อนหกโมง

ผมที่อาบเสร็จเป็นคนแรกภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็มานั่งทาหน้าทาตาด้วยครีมบำรุงระดับพรีเมี่ยม(ที่แดกเงินในกระเป๋าผมไปทุกๆสามและสี่เดือน แกรบแสดดด) เป็นผู้ชาย ?? ยุคนี้ต้องดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี แต่แล้วความคิดเหี้ยๆของตัวเองก็แล่นเข้ามาตอนที่ผมกำลังจะเปิดกระปลุกครีมแสนแพงและทามันลงบนหน้า

‘ถ้าธันมันชอบคู่หมั้นของมันแล้วผมจะเป็นยังไงวะ ?’

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดจัญไรแบบนั้นออกไปจากหัวก่อนจะรีบทาหน้าทาตาให้เสร็จ ประจวบกับพอดีที่ธันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
เราสองคนช่วยกันเร่งแต่งตัว ผมให้ธันใส่เสื้อโปโลสีขาวมีลายพาดเป็นเส้นสีน้ำเงินและเหลือเล็กๆ ของ Playboy ซึ่งเข้ากับให้ร่างสูงตรงหน้าผมอย่างดีเลยทีเดียว ก่อนจะหยิบกางเกงยีนที่พึ่งซื้อมาเมื่อกี้นี้ของ Lee รวมไปถึงเข็มขัด Louise Vitton ของผมที่ผมซื้อมาใช้เอง (แต่ไอ้เหี้ยตรงหน้าแม่งชอบเอาไปใช้ ส้นตีนมาก )

ส่วนผมเองก็อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลแล้วก็เสื้อเชิ้ต Playboy สีขาวมีลายกระต่ายตรงกลางเสื้อเหมือนกัน พร้อมกับเสื้อคลุมยืนผับแขนขึ้นมาถึงตรงข้อศอกวันนี้ไม่ได้ทำอะไรกับตัวเองมากแต่งตัวสบายๆ พร้อมไปกินข้าวกับคุณป๊าและคุณม๊าของไอ้ธันข้างล่างไอ้ธันพอเห็นผมแต่งตัวเสร็จก็มา ยืนข้างๆแล้วก็มองหัวจรดเท้าแล้วชมผมว่า ‘น่ารักอะ’ คือแม่งอยู่ดีดีก็ชมกูเขิน

“พร้อมยัง ?”ธันจับมือผมพร้อมกับมองผมในกระจกเป็นเงาสะท้อนเราสองคนอยู่ในนั้น

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วล่ะ เฮ้อ อีดอก กูว่านะกูต้องเป็นลมคาโต๊ะอาหารแน่เลยว่ะ”

“มึงเก่งจะตายด่าแฟนเก่ากูซะเปิงมารขนาดนั้น มึงไม่ตายหรอกแค่เจอคนที่มาดูตัวกับกูเนี่ย”


ก๊อก ๆ ๆ


จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ครับ ” ไอ้ธันตะโกนตอบเสียงเค๊าะประตูนั้น

“คุณมาร์ค คุณธันวาคะ คุณผู้หญิงให้ป้าลงมาตามไปที่โต๊ะอาหารค่ะแขกมาถึงกันครบแล้วค่ะ” ป้าเจียมแม่บ้านของบ้านธันเดินขึ้นมาตามพวกผมที่อยู่ในห้องนั่นเอง


“ไปกันเถอะ”



ธันไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นก่อนจะจูงมือผมไปที่ประตูแล้วก็เปิดออก เราสองคนเห็นทางข้างหน้าที่เป็นทางเดินต่อไปยังบันไดชั้นสองของบ้าน ผมที่เพียงเห็นแค่บันไดก็รู้สึกใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกตัวเองขี้ขลาดอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ผมกับไอ้ธันค่อยๆ เดินลงบันไดไปเรื่อยๆ พอมาถึงชั้นหนึ่งเราสองคนก็เดินตรงไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกและทันทีที่เข้าไปถึงข้างใน สิ่งที่ผมกับไอ้ธันเห็นแล้วต้องช็อค พอๆกับที่อีกฝ่ายก็ช๊อคไม่แพ้กันก็คือ



“เมอร์เมด !!!!!!!!!! ”


“ธัน มาร์ค !!!!!!!!!!! ”



พวกเราทั้งสามคนต่างตะโกนออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตกใจ ตกใจมาก มากถึงมากที่สุด มากยิ่งกว่ารู้ว่าเรือไททานิกแม่งล่มที่ไหนซะอีก มากยิ่งกว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน โอ้ยยยยย ชีวิตกู พังๆๆๆๆๆๆ พังแบบพังพินาศ (ตกลงใครกันแน่ที่หมั้นวะ : ธันวา)

“อ้าว นี่เด็กๆรู้จักกันอยู่ก่อนแล้วเหรอ ” คุณป๊าของธันทำหน้าฉงนทันทีที่เห็นพวกผมสามคนอึ้งแดกรับประทานกันทุกคนตอนนี้
 
“ค ... ค่ะ คุณลุง ธันเป็นเพื่อนตั้งแต่ม.ปลายของหนูเองค่ะ ” เป็นเมอร์เมดครับที่รีบตอบออกไป

“โอ๊ย ! ดีเลยค่ะเมอร์เมด อย่างงี้เด็กๆก็น่าจะสนิทกันง่ายขึ้นนะคะ ว่าไหมคะคุณวิเชียร ” ผู้หญิงร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้างๆเมอร์เมดพูดขึ้น นั่นคงเป็นคุณแม่ของเมอร์เมดสินะ

“ครับคุณหญิงผกา ผมว่าเด็กๆจะต้องไปด้วยกันได้ดีแน่นอน  เอ๊าเด็กๆ ยืนอยู่ทำไมมานั่งนี่เร็ว” คุณป๊าพูดเสร็จก็หันมาทางพวกผมที่คงยังยืนสติไม่สมประกอบอยู่ ก่อนจะกวักมือเรียกให้มานั่งโซฟาที่ว่างอยู่ข้างๆกับของท่าน

“คุณหญิงผกาจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้าลูกชายดิฉันจะพาเพื่อนมาร่วมโต๊ะคืนนี้ด้วย”คุณม๊าของธันยื่นมือมาจับมือผมก่อนจะหันไปทางแม่ของเมอร์เมดเพื่อถามเป็นเชิงขออนุญาติ

“สวัสดีครับ คุณน้า ผมชื่อมาร์คครับ เป็นเพื่อนกับธัน ” ผมเลยไม่อยากเสียมารยาทเลยสวัสดีผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับแนะนำตัวไป


“ได้แน่นอนค่ะคุณพี่ คนกันเองทั้งนั้น แล้วหนูคนนี้ก็หน้าตาน่ารักมากเลยด้วย มีแฟนหรือยังจ๊ะพ่อหนุ่ม เดี๋ยวน้าแนะนำหลานสาวให้สักคนดีไหม” คุณน้าแกพูดจบก็หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อยตามคุณหญิงสไตล์ของนางนั่นล่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วก็ได้แต่กรอกตาขึ้นข้างบนพร้อมอยากจะตะโกนบอกคุณน้าแกไปว่า น้าครับ ข้างๆกูเนี่ย แฟนนผมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
“งั้นเราไปที่ห้องอาหารกันเลยดีกว่านะคะ”



สิ้นสุดคำพูดทุกคนก็พากันลุกจากตรงโซฟา ไปห้องอาหาร ผมแอบสังเกตเห็นสีหน้าทั้งธันแล้วก็เมอร์เมดทั้งสองคนตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวสุดๆ หน้านี่แบบหนักใจเหมือนยกภูเขาไฟฟูจิไว้ในอกเลยทีเดียว ทั้งร้อนทั้งหนัก พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ ไม่แน่ใจว่าผมตาฝาดหรือเปล่า แต่เหมือนมีแว๊บนึงที่เมอร์เมดมองมาที่ผม แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมสบตาเจ้าหล่อนพอดี เหมือนสายตาของเมอร์เมดหลุบต่ำลงกว่าเดิมพร้อมแสดงความเศร้าออกมายิ่งกว่าเดิม ??


ทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้น ถ้าให้คิดๆดูผมเกี่ยวข้องอะไรกับ เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างงั้นเหรอ ?


เราทุกคนเดินมาถึงที่โต๊ะอาหารจัดแจงตำแหน่งการนั่งก็จะเป็น คุณพ่อของธันอยู่หัวโต๊ะถัดมาทั้งสองฝั่งเป็นคุณม๊าและคุณแม่ของเมอร์เมดและเป็นธันและเมอร์เมด และก็เป็นผมที่นั่งเป็นส่วนเกินออกมา (แต่ผมนั่งติดกับธันนะ !! )


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มขึ้น ผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็คุยกันตั้งแต่เริ่มมื้ออาหารเลยครับ ส่วนธันกับเมอร์เมดก็มองหน้าสลับกันไปมาแล้วก็ทำท่าเหมือนกินข้าวไม่ลง แต่พอสักพักเมอร์เมดก็เริ่มชวนธันคุยโน่นนั่นนี่ เท่าที่ผมได้ยิน ธํนคุยกับเมอร์เมดในเรื่องที่ผมไม่รู้ทั้งนั้นเลยไม่ว่าจะเป็น เรื่องสมัยประถม มัธยม ที่ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนกันด้วยเสียงหัวเราะเปลี่ยนไปจากบรรยากาศอึมครึมเมื่อตอนแรก แถมในบางทียังมีผู้ใหญ่ทั้งสามท่านมาผสมโรงคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆธันกลับกลายเป็นเหมื่อนธาตุอากาศไปเลย ผมไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทั้งสองตระกูลคุยกัน ผมเป็นได้แค่คนนอกที่นั่งอยู่เพื่อทรมานตัวเองด้วยภาพที่ทั้งธันและเมอร์เมดต่างอมยิ้มให้กันไปมาพร้อมกับตักอาหารให้กัน มันเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมากขนาดไหน



ตั้งแต่อยู่ที่อาฟเตอร์ยูว์ผมเองก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเมอร์เมดเอามากๆ และมีรางสังหรณ์บางอย่างบอกอยู่แล้วว่าถ้าเจอผู้หญิงคนนี้จิตใจผมต้องพังทลายลงมาแน่ๆ แล้วก็เป็นเรื่องจริง ผมได้แต่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาโดยไม่ตักเข้าไปสักคำในขณะที่ผมกำลังสติหลุดไปอยู่ไหนก็ไม่รู้อยู่ดีดีก็มีเสียงนึงแทรกขึ้นมา


“มาร์ค …. ”ไอ้ธันครับ ว่าแต่มันเรียกผมทำไม

“อือ ว่าไง... ” ผมตอบไปทั้งๆที่ไม่ได้มองเจ้าของใบหน้าเสียงทุ้มนั่น

“กูขอออกไปข้างนอกกับเมอร์เมดแปบนึงนะ ที่สวนเนี่ย” มันพูดเชิงขออนุญาตผม แต่ มึงจะขอกูทำไมวะจะไปก็ไปเลยก็ได้
“อือ ไปดิ ”

“ขอยืมตัวธันแปบนึงนะ มาร์ค” ผมเงยหน้าไปตามเสียงนั่นก่อนจะ จะเห็นใบหน้าหวานยิ้มล่า ก่อนจะขยิบตาให้ผมทีนึง คือต้องการอะไร ? เยาะเย้ย ? ประกาศสงคราม ? หรืออะไร ?

ทั้งสองขออนุญาตผู้ใหญ่ในโต๊ะด้วยเช่นกัน ผู้ใหญ่เห็นดังนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเลยทีเดียว แล้วทั้งสองก็เดินออกจากโต๊ะอาหารหายไปที่สวนข้างๆบ้าน ลับตาผมไป

ผมเองที่ไม่รู้จะอยู่ต่อบนโต๊ะอาหารต่อไปทำไมเหมือนกัน เพราะตอนนี้กินเหี้ยไรก็ไม่ลงหน้าแบบจะตายแล้วเจ็บปวดแปลกๆแบบไม่เคยเป็นมาก่อน มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มๆแล้วกระทืบหัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันพูดไม่ออก มันกลืนไม่ได้มันคายไม่ออก มันบอกไม่ถูกจริงๆมันเป็นความอึดอัดที่ผมพึ่งเคยได้รับมากที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบพบเจอมา ในเมื่ออยู่ต่อไปก็ไร้ค่า ผมเลยขออนุญาตคุณแม่ของธันออกไปข้างนอกเช่นกัน

"ม๊าครับๆ ผมขอออกไปข้างนอกแปบนึงนะครับ"

“อ้าว กินเสร็จแล้วเหรอมาร์ค ม๊าไม่เห็นข้าวมันพร่องเลย”

“ไม่ค่อยหิวน่ะครับ เดี๋ยวผมมานะครับ” บอกแค่นั้นแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะไปมุ่งหน้าไปทางสวนของบ้านซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับตรงที่ธันไป

ผมเปิดประตูกระจกบานใหญ่ออกมาก่อนจะเดินสำรวจสวนที่ถูกจัดไว้เป็นอย่างดี พื้นหญ้าที่ถูกปูไว้อย่างสวยงามจนหน้ากระโดดลงไปนอนเล่น รวมไปถึงลักษณะของการจัดสวนที่แซมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ รวมไปถึงต้นไม้มีดอกสีสันสวยงามเต็มไปหมด ผมเห็นศาลาไม้ทรงไทยหลังนึงที่ตั้งไว้อยู่ตรงเกือบมุมของสวน พร้อมกับโต๊ะเหล็กลายดอกไม้สไตล์ยุโรปที่ประดับไว้ใกล้กันมองก็พอจะรู้ครับว่าตรงนั้นเป็นมุมจิบชา ผมเดินเอื่อยๆไปที่ตรงมุมนั้นเพราะดูแล้วน่าจะเป็นที่สงบสุขที่สุดในบ้านหลังนี้ ณ เวลาตอนนี้ พร้อมแสงจันทร์ที่ทอดลงมาจากฟ้า บรรยากาศตรงนั้นคงทำให้ผมสงบได้มากขึ้น

ผมหย่อนตัวลงพร้อมกับพิงพนักในศาลารู้สึกโล่งไปเปราะนึงที่ไม่ต้องเห็นอะไรที่ทำให้อึดอัดสายตาหรือหัวใจไป อย่างน้อยวินาทีนี้ขอให้ใจและสมองได้พักสักแปบก็ยังดี ผมผาดทั้งตัวไปกับพนักพิงเลยครับ มันหมดแรงอย่างบอกไม่ถูกผมไม่รู้จะแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ยังไงโดยให้ทั้งธันและผมไม่เดือดร้อน ผมไม่ได้เก่งอย่างที่ใครเข้าใจ ผมไม่ได้เข็มแข็งเหมือนที่ตัวเองคิด และผม ยังอ่อนหัดเหลือเกินกับการใช้ชีวิตบนโลกใบใหญ่นี้
ในขณะที่ผมกำลังทอดอารมณ์ไปกับแสงจันทร์และลมอ่อนๆนั้น อยู่ดีดีก็มีเสียงใครสักคนเดินขึ้นมาบนศาลาเล็กๆนี้จนทำให้ผมต้องลืมตาและ เมื่อลืมตามาก็ต้องตกใจมากกว่าเก่า

“มาร์คหิวไหมลูก ม๊าเอานมอุ่นๆมาให้ เห็นไม่อยากกินข้าวกินนมหน่อยก็แล้วกัน” หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเอาแก้วนมสีขาวสดวางไว้ให้ผมบนโต๊ะไม้ที่อยู่ใจกลางศาลาก่อนจะยิ้มให้ผม

“ขอบคุณครับม๊า ว่าแต่ม๊าออกมาแบบนี้จะดีเหรอครับเห็นเมื่อกี้คุยกับคุณแม่ของเมอร์เมดอยู่” ผมถาม อันนี้สงสัยจริงๆแล่ะครับไมได้กวนหรือประชดอะไรเพราะอยู่ดีดีก็ออกมาจากวงสนทนา

“ม๊าเห็นเราหน้าไม่ค่อยดีเลยตามออกมาดูหน่อย ตัวเล็กๆบางๆแบบนี้เดี๋ยวเป็นอะไรไปแล้วจะแย่เอา”

“ขอบคุณนะครับม๊า” ผมยิ้มตอบไปพร้อมกับยกแก้วนมมาดื่มนิดหน่อยไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจคนตรงหน้า

“มาร์ค ม๊าถามอะไรหน่อยสิ” อยู่ดีดีผู้หญิง ตรงหน้าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“คะ... ครับ”

“มาร์ครักธันมานานแล้วเหรอ”

ผมแถบสำลักนมที่กำลังดื่มอยู่ ห๊ะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ทำไมอยู่ดีดีมาถามคำถามนี้วะ นี่จะถึงเวลาเปิดศึกแม้ผัวลูกสะใภ้ ? แล้วเหรอวะ แต่ก็เอาเถอะไม่มีเหี้ยไรจะต้องเสียอีกแล้วเสียมากสุดก็แค่เสียใจแล้วก็เสียไอ้ธันไป ยังไงซะผมเองก็ไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน จะไฟท์ก็ต้องไฟท์แล่ะวะงานนี้

“ตั้งแต่ ปี 2ครับ ” ผมก็มองคุณม๊าของไอ้ธันกลับด้วยสายตาแน่วแน่เช่นกัน เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า กูก็พร้อมจะไฟท์แล้วเหมือนกันนะ แม้จะผู้ใหญ่ก็เถอะ

“แล้วตอนนี้คบกันหรือเปล่า ”

“ถ้าผมบอกว่าคบ ม๊าจะว่ายังไงล่ะครับ”

“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก ม๊าแค่ถามดูเฉยๆน่ะ” ม๊าของธันเปลี่ยนมายิ้มอ่อนๆให้ผมแทน

“ครับ” ผมได้แต่หยิบนมมากินแก้อาการไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป

“งั้นม๊าขอถามอีกคำนึงได้ไหม ”

“ครับม๊า ” ผมยิ้มอ่อนๆให้ก่อนจะวางแก้วนมลง

“มาร์คเลิกกับธันให้ม๊าได้ไหม ”

ฉึก!!! คำถามนี้ทำเอาผมตั้งตัวแทบไม่อยู่เหมือนกัน แต่พูดเลยว่าไม่ยอมแพ้ ในเมื่อกล้าคุยกันถึงขนาดนี้แล้ว ขอสู้สุดใจแล้วกัน

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เลิกล่ะครับ”

“ม๊าจะอธิบายให้มาร์คฟังนะ สังคมในอนาคตที่ธันต้องไปเจอ คือการรับช่วงต่อจากธุรกิจและหน้าตาทางสังคมต่อจากป๊าและม๊า และครอบครัวของเราก็ยังคงจำเป็นต้องใช้สิ่งตรงนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของธุรกิจไว้ ธันเองก็เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวเรา ม๊าและป๊าก็อยากจะฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่กับธัน”

ผมที่ได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่นั่งก้มหน้าหลบในความมืด ผมหน้าของผมที่ยาวลงมาพอดีประจวบกับการก้มหน้าทำให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่อาจจะเห็นได้ว่าน้ำตาของผมไหลลงมาอย่างช่วยไมได้

ทำไมมันรู้สึกสะเทือนไปถึงข้างใน เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างแล่นเข้ามาพร้อมๆกันทั้งความเจ็บปวดความเสียใจความกดดัน
ทุกอย่างที่ม๊าของธันพูดมาทุกอย่างคือถูกต้อง ผมเป็นอะไรไม่ได้เลยสำหรับธันและครอบครัวของมัน ผมเป็นได้แค่อะไรก็ไม่รู้ที่มายุ่มย่ามในชีวิตและครอบครัวของธัน ผมเหมือนไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำในสายตา ของผู้ใหญ่ทั้งสอง หรือแม้กระทั่งสังคมภายนอก แต่ถึงอย่างไรซะ เมื่อผมได้ยินอย่างงั้น ผมเองก็จะไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อให้ใครมาเหยียบย่ำได้เหมือนกัน


“มาร์ครู้ไหมว่า ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่คือการเห็นลูกๆของเขานั้นประสบความสำเร็จมีความสุขมีชีวิตที่ดี และเพราะอย่างงั้นแล่ะ ป๊าและม๊าจึงทุ่มเททุกอย่างให้ธันและเมษาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเท่าที่จะทำได้”


“และเพราะแบบนั้นแล่ะ ม๊าเลยจะบอกมาร์ค วะ .... ”


และด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและความเสียใจทั้งหมดที่ก่อขึ้นในจิตใจอย่างช่วยไม่ได้นั้นทำให้ผมพูดคำนั้นออกไป !

“มาร์คจะเลิกกับธันให้ครับ” ผมเงยหน้ามาสบตากับผู้หญิงตรงหน้า แว๊บเดียวเท่านั้นที่คนตรงหน้าเห็นสีหน้าของผมจากรอยยิ้มสดใสก็กลายเป็นสีหน้าตกใจอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้านั่นมันจะทำให้ป๊าและม๊ารวมไปถึงธันได้เจอสิ่งที่ดีกว่านี้และมีความสุข มาร์คก็จะเลิกให้ครับ”

ผมเองที่พยายามกลั้นทุกอย่างเอาไว้แต่สุดท้าย น้ำตาก็อาบใบหน้าอย่างที่แสงจันทร์ส่องลงมา ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงตรงหน้าถึงได้ตกอกตกใจนักทั้งๆที่นั่นมันก็คือความต้องการของเขา

พอผมเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างผมรีบปาดน้ำตาลวกๆ  พร้อมกับหน้าช้ำๆนั้นวิ่งออกจากตรงนั้นแต่ผมยังได้ยินเสียงเรียกจาก ด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของคุณม๊าไอ้ธันนั่นเอง

ผมไม่ได้สนใจฟังเสียงอะไรทั้งสิ้นรีบวิ่งตึงตังขึ้นไปบนห้องก่อนจะกวาดทุกอย่างที่เป็นของตัวเองลงกระเป๋า ให้เร็วที่สุดก่อนไอ้ธันหรือใครก็ตามจะมาขวางไม่ให้ผมออกจากบ้านนี้ ผมแบกเป้สะพายขึ้นไหล่ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปตามห้องโถง ผ่านประตูบานใหญ่ซึ่งมีไอ้ธันกับเมอร์เมดสวนเข้ามาพอดี ไอ้ธันพอเห็นผมแบกเป้พร้อมกับน้ำตาอาบน้ำแบบนั้นมีเหรอจะรอด มันรีบรั้งตัวผมไว้ในธันที

“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย มาร์ค มึงเป็นไร ร้องไห้ทำไม นี่มึงจะไปไหน” มันรีบ ดึงแขนผมทันทีที่ผมผ่านหน้ามัน ซึ่งข้างๆก็มีเมอร์เมดที่ยืนก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“ปล่อยกู ฮึก ฮึก ”

“ไม่ กูไม่ปล่อย มาร์คมึงเป็นอะไรทำไมร้องไห้ขนาดนี้ใครทำอะไรบอกกูมา !! ”

“กูบอกให้ปล่อยไง !!!!!!!!!! ” ผมเริ่มตวาด ดังไปทั่วบ้าน ทั้งคนใช้แล้วก็ป๊าไอ้ธันรวมไปถึงม๊าไอ้ธันที่ตามมาติดๆ กำลังเดินเข้ามาหาผมจากไกลๆ

“มาร์ค มึงใจเย็นๆดี มึงหยุดก่อน !” ไอ้ธันหน้าเสียมากครับ เพราะตัวผมเองน้ำตาก็ไหลจนท่วมทั้งใบหน้าไปหมดแล้วไม่รู้มันมาจากไหนนักเหมือนกันมันพยายามจะแย่งกระเป๋าจากบ่าผมแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จสักเท่าไหร่

“ไม่กูไม่ฟัง มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูบอกให้ปล่อย !!!! ”ผมกระทืบเท้ามันอย่างแรง ก่อนที่มันจะร้องโอ้ยไปลั่นบ้าน

 ผมรีบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้านอย่างรวดเร็วหลังจากหลุดออกมาจากไอ้ธัน ภาพข้างหลังยังคงเป็นคุณม๊าของมันแล้วก็ตัวมันเองที่พยายามจะวิ่งมาหยุดผม เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงพุ่งออกทางประตูเล็กที่ไม่ได้ล็อคไว้ ประจวบเหมาะพอดีที่แท็คซี่ผ่านมาคนนึง ผมที่เห็นไอ้ธันวิ่งตามมา ก็รีบโบกแทคซี่พร้อมกับตะโกนบอกแทคซี่ในทีว่า

“พี่ไปไหนก็ได้ ไปให้พ้นจากตรงนี้ ออกรถเดี๋ยวนี้ !!! ”

และรถก็ออกจากหน้าบ้านหลังใหญ่นั้นในที่สุด ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือไอ้ธัน พยายามวิ่งตามรถแทคซี่ก่อนที่ผมจะไม่สามารถทนอะไรได้ไปมากกว่านี้ ผมกอดเป้ใบโปรดของผมพร้อมกับซุกหน้าลงไปแล้วปล่อยความเสียใจทั้งหมดอย่างไม่อายคุณลุงคนขับรถเลยทีเดียว

มันเจ็บเกินไป เจ็บเกินจะทนไหว มันหนักหนาสาหัดเกินไปสำหรับผม !

.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

กลับมาแล้ว ตอนนี้ พยายามจะดราม่าแล้วไม่รู้ดราม่าไหม กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อีกไม่กี่ตอนก็หมดตอนพิเศษแล้ว T T ฝากติดตามที่เหลือด้วยนะจ๊ะ

เป็นกำลังใจให้มาร์คกับธันวาด้วย >< !
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 10-08-2014 02:16:59
หน่วงตั้งแต่พี่เมมาคุยกับธันแล้ว เครียดเลย
แล้วไม่ชอบจริงๆเวลาที่ผู้ใหญ่เอ็นดู แต่ในใจก็ไม่ได้รับเต็มร้อยงี้ โอ๊ย คือหน่วง
สงสารมาร์ค สงสารธัน แล้วเมดก็คงไม่ได้อย่างแต่งงานกับธันหรอก
แล้วมาร์คจะหนีไปไหนได้นะ ต้องเลิกทั้งๆที่ยังรักนี่มันยากมากนะ
พ่อแม่ธันนี่ไม่รักลูกเหรอ เอาจริงๆ ถ้าไม่บังคับนะ ซักวันก็อาจจะเลิกกับมาร์ค อาจจะแต่งงานกับผู้หญิงก็ได้
บังคับไปงี้ก็ไม่มีอะไรดี แถมยังเรียนอยู่ ไม่น่าพูดถึงเรื่องแต่งงาน คู่หมั้น ดูตัวไรงี้เลย

อยากจะบอกว่าจริงๆแต่งตอนพิเศษยาวขนาดนี้ ไม่น่าเรียกว่าตอนพิเศษนะคะ
ไม่น่าบอกรีบจบแล้วให้ย้ายเข้าห้องนิยายจบแล้วเลย บางทีคนอ่านไม่ค่อยเข้ามาเจออ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-08-2014 02:34:20
หน่วงกันเลยทีเดียว แอบน้ำตาคลอเบาๆ สงสารทั้งคู่เลย
แอบเห็นด้วยกับคุณ AeRoMoZa เรื่องกดจบนิยายและตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-08-2014 16:59:02
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆค่ะ
รอตอนต่อไปนะค๊าาาา
ขอไปซับน้ำตาก่อน ฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 10-08-2014 20:04:13
โห ลุ้นจังเลย  ไม่ต้องเสียใจนะคะ ก็เขียนใช้ได้แล้วนะแต่นี่ก็เพิ่งเห็นว่าอัพอะค่ะเลยเพิ่งมาอ่าน คือมันไม่เด้งให้เห็นจริงๆ  ยังไงจะคอยแวะว่าดูเผื่ออัพตอนใหม่แล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 10-08-2014 21:57:03
ไม่รู้หรอกนะว่าคุณแม่ตั้งใจยังไงกันแน่

แต่ใจเราชักอยากให้ดราม่ากว่านี้ เอาแบบมาร์คหนีไปจากธัน
ให้ธันมันตามหา และยืนหยัดกับครอบครัวว่ารักมาร์คจริงๆอะไรงี้

หวังว่าชะนีเงือกจะไม่มาอยากได้ปั๋วอะไรตอนนี้นะ

หึ๋ย ถึงยังไงก็เหอะ ธันมันทำอี๋อ๋อกับผู้หญิงเกินหน้าเกินตามาสองครั้งแล้วนะ  :fire: :fire:
ถึงจะบอกว่าเพื่อน แต่ยังงี้มันไม่ดีนะเฟ้ยยยยยยยยย

ขอให้มาร์คแรงเข้าไว้ จัดการมานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :m31:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 5 08/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 15-08-2014 00:33:42
ตอนพิเศษ : 6


-   ธันวา

ผมกับเมอร์เมดออกมาเดินที่สวนหลังบ้าน เนื่องจากเมอร์เมดชวนผมออกมาเพราะบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมกับเมอร์เมดเดินมาหยุดที่ชิ่งช้าไม้ตรงสวนอีกฝั่งของบ้านเพื่อไม่ให้ใครรบกวน เมอร์เมดทันทีที่เห็นชิ่งช้าก็รีบวิ่งไปนั่งอย่างร่าเริงทันที

“ธันๆ มานั่งนี่เร็ว” เมอร์เมดกวักมือเรียกผม ผมเองที่ปฏิเสธอะไรกับรอยยิ้มน่ารักๆแบบนั้นไม่ได้ (มึงไม่รู้ชะตากรรมตัวเองซะแล้วสินะธันวา : คนเขียน) ผมได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินตามไป


“ว่าไง คนสวย มีเรื่องอะไรถึงให้ออกมาคุยกันข้างนอก” ผมหยอกเธอเล่นครับ (จริงๆแม่งไม่รู้ชะตากรรมตัวเองจริงๆ ไว้อาลัยแด่ธันว่า สามวิ #สงบนิ่ง : คนเขียน)

“ปากหวานอีกแล้ว ฮิๆ ธัน .... เมดว่าเมดได้วิธีการจัดการกับเรื่องที่พวกเราต้องหมั้นกันแล้วนะ”


“ห๊ะ !! จริงเหรอเมด ทำไงอะๆ ” ผมถามด้วยความตื่นเต้นครับ ดีใจมาก ที่จะไม่ต้องฝืนอะไรแบบนี้อีก เมดเป็นคนฉลาดครับผมเชื่อว่าวิธีของเมดจะต้องได้ผลแน่ๆ !!


“ก็ไม่ยังไง เมดจะพาแฟนเมดไปหาคุณแม่ที่บ้าน แล้วก็บอกยกเลิกงานหมั้นซะ !”

“อ๊อ พาแฟนไปหา คุณ มะ ...  เฮ้ย เดี๋ยวดิ เมดมีแฟนแล้วเหรอ ?”โอ้ย ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องทำให้ผมตกใจอะไรขนาดนี้ จะช๊อคตายหลายเรื่องแล้ว = =

“มีแล้ว แหมธันยังมีได้เลย เมดก็มีเหมือนกันแล่ะ ฮิๆ เอาเป็นว่า เมดจะไปขู่คุณแม่เอง ถ้าเขายังจะจับเมดแต่งงานกับธันเมดจะหนีไปอยู่อเมริกาเหมือนเดิม คุณแม่ท่านทนไม่ได้หรอกที่ไม่ได้เห็นหน้าเมด”

“มันจะได้ผลเหรอเมด” ผมถามไปด้วยความสงสัย

“ต้องได้ผลอยู่แล้วล่ะ เมดไม่เคยขัดใจแม่เลย แต่ถ้าเมดขัดใจเมื่อไหร่ คุณแม่จะยอมทุกอย่าง ฮิๆ”

“เฮ้ออออออออ งั้นก็โล่งอกแล้วล่ะ ถ้าเมดจัดการได้แบบนี้ ขอบคุณนะ” ผมพิงชิงช้าไปเลยครับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

"คราวนี้ก็เหลือแต่ ธันต้องไปเครียกับพ่อแม่ธันแล้วนะ"

“เครียกับพ่อแม่ตัวเองนี่แล่ะธันว่า ธันจะไม่ไหว ฮาๆๆ ” ผมยิ้มเจื่อนๆให้เมดไป มันก็จริงนะครับเครียกับพ่อแม่ตัวเองเนี่ยล่ะคืองานลำบากสำหรับผม แต่ก็โล่งใจไปเปาะใหญ่เลยที่งานหมั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว

"เมดเป็นห่วงมาร์คจังเลยอะ ธัน"

อยู่ดีดี เมอร์เมดก็พูดถึงไอ้มาร์คขึ้นมา ก็จริงครับ ผมเป็นห่วงมันจะแย่อยู่แล้ว จากที่แอบรอบสังเกตุโดยที่มันไม่รู้ตัวบนโต๊ะอาหารเมื่อกี้ ข้าวสักเม็ดแม่งไม่แตะเลย ทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตายแล้ว ผมเข้าใจนะครับว่ามันคงเครียดมากจริงๆ แต่ไม่เป็นไรนะมึง กูจะทำเพื่อมึงทุกอย่างเลย


แค่มึงอย่าไป อย่าหายไปจากกูก็พอ


“ธันก็เป็นห่วง เมื่อกี้เห็นหน้ามันแล้วธันจะขาดใจอยู่แล้ว ” ผมได้แต่พูดเสียเศร้าออกไปครับ มันไม่มีความรู้สึกอื่นๆแทรกเข้ามาเลย จริงๆ

“งั้นเรากลับเข้าไปในบ้านกันไหม ไปดูใจว่าที่ลูกสะใภ้บ้านธันกันดีกว่า >o^ ” เมอร์เมดเอาศอกมากระทุ้งๆ ผมเป็นการล้อผมนั่นแล่ะ ร้ายนักนะเพื่อนตัวแสบเนี่ย

“บ้า มาล้อธันทำไมเนี่ย ไปๆ เข้าหน้าบ้านดีกว่า เดี๋ยวธันจะไปหยิบของด้วย”

ผมกับเมดตัดสินใจเดินอ้อมกันไปหน้าบ้านเพื่อที่จะเข้าทางประตูใหญ่เนื่องจากผมจะไปหยิบหนังสือที่วางไว้ที่ชั้นหน้าบ้านสักหน่อย พวกผมเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงประตูจนกำลังจะก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทันเลยทีเดียว


ไอ้มาร์คที่วิ่งจากบันไดชั้นสองลงมาแล้วกำลังมุ่งหน้ามาทางผม ใบหน้าของคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งมาทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาและ ตาแดงกร่ำ  ใคร ?!!!! ?! ใครทำอะไรคนของผม !! ใคร !!!!!!!


ในใจตอนนี้ของผม ทั้งโกรธและรู้สึกใจหายลงไปที่ตะตุ่มเลยครับ ในขณะที่ไอ้มาร์คกำลังวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมได้จังหวะจึงจับแขนคนตัวเล็กที่กำลังจะวิ่งผ่านผมไปพร้อมกับพยายามจะปลดกระเป๋าเป้ใบสวยของมันที่มันสะพายอยู่ ดูสภาพก็รู้ว่าพร้อมจะออกจากบ้านในทันที


“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย มาร์ค มึงเป็นไร ร้องไห้ทำไม นี่มึงจะไปไหน” ทันทีที่ผมจับมันได้ ผมก็ร้องถามลั่น ด้วยความตกใจ  ใครทำอะไรมึงวะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้

“ปล่อยกู ฮึก ฮึก … ” มันสะอื้นซะตัวโยนเลยครับ ผมก็มือสั่นไปเลย ไม่เคยเห็นมาร์คมันร้องไห้ขนาดนี้

“ไม่ กูไม่ปล่อย มาร์คมึงเป็นอะไรทำไมร้องไห้ขนาดนี้ใครทำอะไรบอกกูมา !! ” ผมผลิกตัวมันเข้ามาประจันหน้ากับผม แต่ไอ้เจ้าตัวเล็กตรงหน้านี่ก็ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ดิ้นได้สุดแรงเกิดเลยจริงๆ

“กูบอกให้ปล่อยไง !!!!!!!!!! ” มันตวาดผมซะเสียงดังไปทั่วโถง จนคนอื่นๆได้บ้างเริ่มเดินออกมาดูแล้วครับ

“มาร์ค มึงใจเย็นๆดิ มึงหยุดก่อน !” ผมยังพูดไม่ทันจบดี

“โอ้ย !!!! ” ไอ้ร่างบางๆตรงหน้าก็กระทืบเท้าผมซะเต็มรักเลย ทำให้ผมต้องปล่อยเจ้าตัวก่อน ที่มันจะรีบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน

“มาร์คเดี๋ยวก่อน !!!!!!!!!!!!!!!” ผมรีบพยายามกึ่งวิ่งกึ่งเดิน พร้อมกับความเจ็บที่ปลายเท้า ไปที่หน้าบ้าน พยายามจะตามคนตัวเล็กให้ทันแต่ก็ไม่ทัน

บังเอิญมีแท็คซี่ผ่านมา คันนึงที่หน้าบ้านผม และเป็นโอกาสให้ไอ้มาร์คซะดิบดีรีบกระโดดขึ้นรถแล้วรถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ผมพยายามแล้วที่จะวิ่งตามรถคันนั้นแต่ก็ไม่เป็นผล เท้าก็เจ็บ เหนื่อยก็เหนื่อย แม่งเอ้ย !!!!!!!!!!

“โธ่เว้ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ” ผมตะโกนลั่นซอยเลยครับ พร้อมกับภาพรถที่ไอ้มาร์คนั่งหายไปในความมืด

“ธัน ๆๆๆ หนูมาร์คไปไหนแล้วลูก ” ม๊าผมที่วิ่งหน้าตื่นออกมาไม่แพ้ผมก็หันมาถามผม

“ธันไม่รู้ม๊า.... ”ผมได้แต่ตอบด้วยเสียงที่ไม่สู้ดีนัก ผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ  แม่งมึงเป็นเหี้ยไรวะมาร์คบอกกูดิทำไมไม่บอกกูใครทำอะไรมึงทำไมมึงไม่พูดมาวะ โว้ยยยยยยยย !!

“ธัน ไปเอารถออกเร็วไปตามหนูมาร์คกลับมานะลูกนะ ”ม๊าผมที่ดูจะหน้าเสียมากเหมือนกันซึ่งผมก็ไม่รู้สาเหตุที่ม๊าเป็นแบบนั้น แต่ทำไมม๊าต้องให้ผมไปตามมาร์คกลับมาด้วย แม้ผมจะสงสัยแต่ความสงสัยก็ไม่เท่ากับความสับสนทีเกิดขึ้นในใจผมตอนนี้ ผมยอมรับเลยจริงๆว่าผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว

"ธันไม่เป็นไรใช่ไหม …. คุณน้าคะหนูว่าเข้าไปคุยกันในบ้านก่อนเถอะค่ะตามไปตอนนี้คงไม่มีประโยชน์" เมอร์เมดที่วิ่งตามออกมา บอกให้ผมและม๊าเข้าบ้าน

เมอร์เมดที่วิ่งตามผมออกมาเป็นผู้คุมสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียวแล่ะครับ ทั้งผมแล้วก็ม๊าของผมเองก็ต่างรู้สึกตกใจแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ม๊าผมเขาเป็นคนอ่อนไหวมากๆอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเห็นใครเศร้าหรือร้องไห้หรือเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะสงสารมากๆ จนบางทีม๊าเองก็ร้องไห้ออกมาเลยก็มี และผม การที่เห็นคนที่รักหนีหายไปอย่างไม่ใยดีกันเลยสักนิดนั่นแล่ะคือสิ่งที่ทำให้ลูกผู้ชายอกสามศอกแบบผมต้องถึงขั้นทรุดลงไปกับพื้นเลย ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมาร์คถึงวิ่งร้องไห้และหนีผมออกไปแบบนี้ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ?

พวกเราทยอยกันเข้ามาในบ้าน พร้อมกับป๊าผมที่สั่งให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องมาสนใจ เมอร์เมดเองที่เป็นห่วงผมจึงลบเล้าคุณแม่ของเธอให้กลับไปก่อน ในตอนแรกคุณแม่ของเธอเหมือนจะไม่ยอมเพราะอยากทราบเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้วยแต่เมอร์เมดก็ทำสำเร็จส่งคุณแม่เธอขึ้นรถส่วนตัวกลับไปก่อนพร้อมบอกว่า เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอเองที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง

ผม เมอร์เมด คุณป๊าและคุณม๊าของผม พากันเดินเข้ามาในห้องรับแขก โดยมีป๊าที่คอยพยุงม๊าที่น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่สวยนั้นไม่หยุด พวกเราจัดแจงที่นั่งกันก่อนที่ป๊าจะเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องทุกอย่างขึ้นมา

"ธัน ทำไมหนูมาร์ควิ่งออกไปแบบนั้น "

"ธันไม่รู้ป๊า ธันยังไม่ได้คุยอะไรกับไอ้มาร์คเลย ธันมาถึงธันก็เห็นมันวิ่งร้องไห้ออกมาจากบนบ้านแล้ว" ผมที่นั่งกุมขมับตัวเองอยู่ก็ได้แต่ส่งเสียงตอบป๊าไปแบบนั้น ณ จุดๆนี้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

"เพราะเมดหรือเปล่าธัน ... " อยู่ดีดีเมดก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เศร้าผิดถนัดไปเลย เธอคงเข้าใจดีถึงสิ่งที่ไอ้มาร์คเองกำลังเจอ เมดเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นก็ไม่แปลกที่เมดจะคิดมากตามไปด้วย

"ไม่ใช่หรอกเมด อย่าโทษตัวเองแบบนั้นดิ " ผมที่เห็นเมดดูเศร้าไปถนัดตาก็อดไม่ได้ที่จะเอามือไปกุมเพื่อให้กำลังใจเธอและเป็นการแสดงให้เธอรู้ว่า เธอเองก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย

ม๊าผมที่ฟังมาถึงตรงนี้ อยู่ดีดีก็ร้องไห้ออกมาซึ่งทำให้ทั้งผม เมอร์เมด และ ป๊าตกใจกันอีกระรอกนึง

"คุณๆ เป็นอะไรร้องไห้ทำไม" ป๊าที่เห็นม๊าร้องไห้จึงรีบเข้าไปสวมกอดทันที

"มันคงเป็นเพราะฉันเองแล่ะค่ะคุณ ฮึก ฮึก ... " ม๊าผมที่ได้แต่งนั่งเอาเท็ดชู่เช็ดน้ำตา ทำให้ผมงงไปหมดตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ??????

"ทำไมม๊า ม๊าพูดอะไรกับมาร์คเหรอครับ !!?? " ผมที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกระลุกพรวดเดินไปนั่งข้างๆม๊า เพื่อจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

"ม๊าแค่ พยายามจะอธิบายให้มาร์คเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องเจอถ้าต้องอยู่กับธันในอนาคต ม๊าเองแค่เป็นห่วงว่ามาร์คกับธันจะเจ็บปวดกับสังคมภายนอกที่ต้องเจอนับจากนี้ ม๊าแค่อยากให้เราทั้งคู่มีความสุขม๊าเลยไปคุยกับมาร์คเป็นการส่วนตัวข้างนอก แต่ดูเหมือนม๊าจะผิดเอง ที่ทำร้ายจิตใจของเด็กคนนึงได้ขนาดนั้น ม๊าผิดเองที่ไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นทั้งๆที่เขาก็มีหัวใจเหมือนกับที่ม๊ามี" ม๊าพูดไปก็สะอื้นไปด้วย ผมเห็นภาพนี้แล้วก็เจ็บปวดจับใจเลยครับ

"ม๊าเล่าได้ไหมว่าม๊าคุยอะไรกับมาร์คไปบ้าง" ผมถามไปแค่นั้นก่อนที่ม๊าจะเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อกี้พร้อมน้ำตาอีกครั้ง



“มาร์ค ม๊าถามอะไรหน่อยสิ”
“คะ... ครับ”
“มาร์ครักธันมานานแล้วเหรอ”
“ตั้งแต่ ปี 2ครับ
“แล้วตอนนี้คบกันหรือเปล่า ”
“ถ้าผมบอกว่าคบ ม๊าจะว่ายังไงล่ะครับ”
“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก ม๊าแค่ถามดูเฉยๆน่ะ”
“ครับ”
“’งั้นม๊าขอถามอีกคำนึงได้ไหม ”
“ครับม๊า ”
“มาร์คเลิกกับธันให้ม๊าได้ไหม ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เลิกล่ะครับ”
“ม๊าจะอธิบายให้มาร์คฟังนะ สังคมในอนาคตที่ธันต้องไปเจอ คือการรับช่วงต่อจากธุรกิจและหน้าตาทางสังคมต่อจากป๊าและม๊า และครอบครัวของเราก็ยังคงจำเป็นต้องใช้สิ่งตรงนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของธุรกิจไว้ ธันเองก็เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวเรา ม๊าและป๊าก็อยากจะฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่กับธัน”

“มาร์ครู้ไหมว่า ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่คือการเห็นลูกๆของเขานั้นประสบความสำเร็จมีความสุขมีชีวิตที่ดี และเพราะอย่างงั้นแล่ะ ป๊าและม๊าจึงทุ่มเททุกอย่างให้ธันและเมษาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเท่าที่จะทำได้”

“และเพราะแบบนั้นแล่ะ ม๊าเลยจะบอกมาร์ค วะ .... ”




ม๊าเล่ามาถึงตรงนี้ ผมถึงกับทำอะไรไม่เป็นไรเลยครับ นี่ไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันโลกแตกห่าเหวอะไรที่ชีวิตผมถึงต้องมาเจอความขัดแย้งขั้นสุดเนี่ย อีกข้างนึงก็แฟน อีกข้างนึงก็พ่อแม่ ผมไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำยังไงเลยเนี่ย

"ม๊า ทำไมม๊าไปพูดกับมาร์คมันแบบนั้นล่ะ"

ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรม๊าเลยที่ไปพูดกับมาร์คแบบนั้นแต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร ทั้งๆที่ผมต้องการจะค่อยๆทำทุกอย่างให้มันเป็นไปตามระเบียบระบบ แต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นได้

"ม๊า ฮึก ฮึก แค่หวังดี ฮึก ฮึก กับเด็กๆ ทะ ... ทั้งสองคนนะ ฮึก ฮีก "

"ธัน ป๊าถามตรงๆนะ"

"ครับป๊า ! "

"ธันคิดว่า ความสัมพันธุ์แบบนี้จะช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขได้งั้นเหรอ?" ป๊าผมถามมาเสียงเรียบเลยครับและนี่คงเป็นโอกาสที่จะได้เปิดใจพูดสักที

"ธันไม่รู้ ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แล้วธันก็ไม่รู้ว่าความสุขในนิยามของป๊าคืออะไรกันแน่ แต่สำหรับธัน มาร์คคืออนาคต มันคือความสดใสที่มอบให้ธันในทุกๆวัน ความสุขของธันเกิดจากคนคนนี้ และทุกวันของธันตอนนี้ก็มีความสุข ธันไม่รู้เลยจริงๆครับว่าอนาคตจะมีอะไร แต่ธันรู้แค่ ธันมีแล้ว มีคนที่พร้อมจะดูแลธันและก้าวไปพร้อมกับธัน มาร์คอาจจะไม่ใช่คนที่ป๊าและม๊าต้องการ แต่ธันเชื่อ ว่าสักวัน ป๊าและม๊าจะต้องเข้าใจ และยอมรับในตัวคนที่ธันรักและรักธันได้ "

ผมยืนขึ้น ก่อนจะอธิบายทุกอย่างให้ป๊าฟังอย่างตั้งใจ ใช่ครับ ผมและมาร์คเราไม่รู้เลยจริงๆว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมไม่รู้ว่าความสุขในแบบของป๊าและม๊าที่พวกท่านต้องการคืออะไร แต่ความสุขของผมสะกดได้เป็น ' ม า ร์ ค ' ครับ ถ้าผมไม่มีคนนี้ แล้วความสุขในแบบของผมจะเกิดขึ้นได้ยังไง ...

"แล้วถ้าเกิด เขาทิ้งแกล่ะธัน แล้วถ้าเกิดแกเจอคนที่ดีกว่าเขาล่ะ ?" ป๊าผมถามกลับ เป็นคำถามที่ดีครับ

"คนที่ดีสำหรับธัน ไม่ใช่คนที่ดีและพร้อมไปทุกสิ่งอย่าง คนที่ดีสำหรับธันคือคนที่พอดีกับธัน และมาร์คคือคนนั้น ผมคงไม่เจอคนที่ดีกว่านี้แล้วครับป๊า หรือถ้าเจอ มันคงเป็นส่วนผสมที่เกินจนไม่พอดี เหมือนอย่างป๊าดื่มกาแฟ ถ้าป๊าปรุงรสที่ไม่ชอบ ป๊าก็ไม่ดื่มใช่ไหมล่ะครับ ส่วนมาร์คจะทิ้งธันไหม อันนี้ธันตอบไม่ได้จริงๆครับ ถ้าวันนึงเราจะต้องเดินจากกันธันก็จะมีแค่มาร์คอยู่ข้างใน เหมือนที่ป๊าบอกม๊าเสมอ 'ถ้าเราจากกันแล้วคุณจะอยู่ในนี้กับผมเสมอ' ไงครับ " พร้อมกับทำท่าชี้ไปที่ก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในหน้าอกข้างซ้ายของผมเอง

ป๊าทำสีหน้าขึมจนผมเองก็เกร็งไปเล็กน้อยเหมือนกันครับ แต่ทั้งหมดที่ผมตอบป๊าไปคือเรื่องจริงผมรู้สึกแบบนั้นและผมเองก็ไม่คิดจะรักใครแล้วนอกจากความสุขของผม

"แกพร้อมเหรอ ที่จะต้องโดนคนนินทา รวมไปถึงความลำบากในอนาคตถ้าแกยังจะมีความสัมพันธ์แบบนี้อยู่"

"แล้วป๊าคิดว่า ลูกชายป๊าจะเหมือนป๊าไหมล่ะครับ นิสัยที่กล้าได้กล้าเสียนี่มาจากใครล่ะ " ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลนั้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของผม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอแค่มีคนที่รักอยู่ข้างๆ ผมเองก็พร้อมจะเดินก้าวต่อไป

"ฉันล่ะยอมใจแกจริงๆเลยว่ะ ธันวา" ป๊าพูดแค่นั้นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

"ป๊าหมายความว่าไง " ผมที่เห็นป๊ายิ้มแล้วก็สงสัยตกลงว่าจะเอายังไงกันแน่วะเนี่ย !!!


"เมื่อตอนเย็น ม๊าแกเขามาคุยกับป๊า เรื่องของแกกับหนูมาร์คนั่นล่ะ ป๊ากับม๊าเองถ้าให้ยอมรับแบบแมนๆเลยรู้สึกถูกชะตากับหนูมาร์คมากเหมือนกัน แต่อย่างที่ธันรู้เรามีหน้าตาทางสังคมและแวดวงธุรกิจที่จะต้องประคับประครองและทำให้มันพัฒนามากขึ้น แต่ทั้งป๊าและม๊าเองก็อยากเห็นลูกๆทุกคนมีความสุข ม๊าแกมาเตือนสติป๊าว่า 'ความสุขของคนในบ้านมีค่ามหาศาลมากกว่าเงินทองทั้งหมดที่เรามี' ป๊าเลยตัดสินใจที่จะไม่ให้แกหมั้นกับหนูเมอร์เมดตั้งแต่แรกแล้วและป๊าจะให้โอกาสพวกแกสองคนได้พิสูจน์ ว่ารักแท้ มันมีอยู่จริงไหมสำหรับโลกใบนี้ .... " ป๊าพูดแค่นั้นก่อนจะยิ้มอ่อนๆมาให้ผม


"ม๊ารักธันมาก ม๊าไม่อยากเห็นใครสักคนในบ้านต้องเจ็บปวดเพราะการกระทำของคนในครอบครัวเดียวกัน ที่ม๊าทำไปทั้งหมด ม๊าแค่อยากรู้ว่าลูกชายม๊าเลือกคนไม่ผิดใช่ไหม และนั่นก็คือความจริง ลูกชายม๊าเลือกคนไม่ผิด เพราะถ้าเป็นม๊า ม๊าก็จะวิ่งหนีไปแบบนั้นเหมือนกัน "

"แล้วทำไม มาร์คมันต้องหนีธันไปแบบนั้นด้วยม๊า " ผมก็ยังคงไม่เข้าใจคำพูดของม๊าเหมือนกัน ถ้าม๊าบอกว่ามาร์คคือคนที่ใช่สำหรับผม แล้วทำไมมาร์คไม่คิดจะอยู่กับผมเพื่อต่อสู้ปัญหานี้ไปด้วยกัน

"เขายอมได้ ที่จะเสียธันเพื่อให้ธันมีชีวิตที่ดีกว่ายังไงล่ะ" อยู่ดีดีเมอร์เมดก็แทรกขึ้นมาครับ

"คนเรานะธัน ความรักไม่ใช่แค่ครอบครองความเสียสละคือความรักที่ยิ่งใหญ่ คุณน้าคงแค่อยากลองใจมาร์คเฉยๆ แต่มันดันบานปลายกลายเป็นทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายแทนยังไงล่ะ"

ผมที่ได้ยินดังนั้นถึงกับวิ่งเข้าไปกอด ม๊าและป๊าที่นั่งอยู่ตรงหน้าท่านทั้งสองเอามือลูบหัวผมปอยๆ ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีมากขึ้นแล้ว จริงๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่มอบสิ่งที่วิเศษขนาดนี้ให้ผม นั่นคือครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจและพร้อมมอบโอกาสให้ผมเสมอ

"ม๊าขอโทษนะธันที่ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายแบบนี้" ม๊าผมก้มลงมากอดผมด้วยไอรักเต็มอ้อมกอด ผมรู้ครับว่าม๊าไม่ได้ตั้งใจและเป็นห่วงผมมากเท่านั้นเอง

"ม๊าไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ม๊าไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหอมแก้มนิ่มๆของม๊าไปทีเพื่อเป็นการปลอบขวัญ

"เอาล่ะธัน ถึงเวลาแล้วนะ"

"เวลาอะไรอะป๊า "

"ถึงเวลาไปตามว่าที่ลูกสะใภ้ป๊ากับม๊ากลับบ้านได้แล้วน่ะสิ !"


.
.
.
.

TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

มาแล้ว หายไปซะหลายวันกลับมาอัพแล้วคิคิ งุงิ เห็นมีหลายคนพูดถึงเรื่องตอนพิเศษว่าทำไมมันยาวจัง

คำตอบง่ายๆเลยคือ คนเขียนติดลมมาก ตอนแรกว่าจะซัก 3 ตอนดราม่ากรุบกริบ แต่มันมันส์จนเขียนยาวมาขนาดนี้

นี่เห็นด้วยกับทุกคนว่ามันควรจะไปเป็นตอนยาว 5555 แต่คือเรื่องใหม่ของมาร์คกับธันวา มีพล๊อตแล้วบอกใบ้เลยว่า กางเกงน้ำเงิน 55555555555  ที่ยังคงอยากใช้มาร์คกับธันอยู่เพราะ รู้สึกวา นี่คือตัวละครตัวแรก ที่สร้างขึ้นมาเลยอยากให้มาร์คกับธันได้รับบทในอีกเรื่องด้วย เรื่องยาวจะพยายามเขียนให้สนุกมากกว่านี้

ขอบคุณที่ติดตามฮะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-08-2014 02:12:31
ไปตามมาร์คกลับมาให้ได้น้าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 15-08-2014 08:27:48
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-08-2014 08:47:50
เพิ่งเห็นว่ามาต่อตอนพิเศษให้

แต่แล้วมาร์คก็ดันมาหายไปซะนี่

เรื่องนี้คุณม๊าผิดเต็มๆ ถึงจะลองใจก็เถอะ

ธันไปตามกลับมาให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 15-08-2014 09:36:38
ตามกลับมาๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-08-2014 01:25:24
หนีไปไกลๆเลย ให้รู้ซะบ้างว่าความรู้สึกคนไม่ใช่ของเล่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 6 15/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 22-08-2014 19:55:00
ตอนพิเศษ : 7


เรื่องคืนนี้มันอาจจะเหมือนฝันร้ายสำหรับผมเลยก็ว่าได้ ผมที่ไม่เคยเผชิญกับความรู้สึกกดดันและไม่เป็นตัวเองขนาดนั้นทำให้ความอดทนที่เป็นฟางเชือกสุดท้ายขาด ทุกความเสียใจถูกถ่ายทอดผ่านน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่โตๆของผมเอง ผมไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ในตอนนี้

"หนู เป็นอะไรมากหรือเปล่า" ลุงขับแทคซี่ที่ขับออกมาจากซอยเอกมัยจอดรถที่หน้าปากซอย ก่อนจะหันมาถามผมด้วยความห่วงใย

"มะ .... ฮึก ฮึก ไม่เป็นไรครับ ลุง " ผมตอบไปทั้งๆที่น้ำตายังเปื้อนอยู่บนใบหน้าเต็มไปหมด

"แล้วนี่จะไปไหน นี่ก็ สี่ทุ่มกว่าแล้ว" ลุงถามผม

"กลับบ้านครับลุง ... ฮึก ฮึก ลุงช่วยอ้อมเข้าขนส่งเอกมัยทีนะครับ " ผมที่เริ่มควบคุมสติได้ก็บอกให้ลุงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่บอก ซึ่งจากซอยเอกมัยตรงนี้ไปถึงขนส่งใช้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นเอง


แทคซี่สีเขียวสดจอดเทียบท่าเข้ากับสถานนีขนส่งเอกมัยในเวลา สี่ทุ่มห้าสิบนาทีพอดี ผมซื้อตั๋วกลับรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่งก่อนจะเดินไปรถที่ชานชลา นั่งรอได้สักพัก ไม่ถึงสิบห้านาที คนตรวจตั๋วที่อยู่ในชุดสีฟ้า ก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้น
ผู้โดยสารทุกคนเข้ามานั่งประจำนี่ของตัวเองจนเสร็จสิ้นก่อนที่รถจะมุ่งหน้าไปกลับบ้านของผม


ตลอดเวลาที่นั่งรถผมทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ใช้เวลารวบรวมทั้งสติและภาพต่างๆที่เกิดขึ้น


'นี่ตัวเราจะต้องเลิกกับธันมันจริงๆใช่ไหม'


คำถามที่แย้งอยู่ในใจนี้ถูกประมวลคำตอบด้วยเหตุผลที่มาจากสมองทันทีว่า 'ใช่'


ในระหว่างทางที่รถวิ่งเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง ในสมองมีแต่ภาพความทรงจำของผมและธันวา สลับกับเสียงของคุณม๊าธันที่พึ่งพูดกับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น การตัดสินใจแบบนี้แล้วหนีออกมาจากปัญหาที่อยู่ตรงหน้าคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม ? ผมทำแบบนี้คงจะถูกต้องที่สุดแล้ว ธันสมควรเจอคนที่ดีกว่าผมอย่างเช่นเมอร์เมด ธันควรจะมีสิ่งที่ดีกว่าผมนั่นคืออนาคตที่พ่อแม่มอบให้ และธันควรจะไม่มีผมในชีวิตอีกต่อไป ถ้านั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ธันวาก้าวหน้าแล้วก็มีความสุข ยอมเสียใจซะตั้งแต่ตอนนี้ ยอมเสียสละเพื่อใครสักคนนึงตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้มันถลำลึกมากไปกว่านี้จริงๆ ไม่ต้องแลกด้วยอะไรมากมาย ก็แค่หัวใจทั้งดวงของผม พังไม่มีชิ้นดีแค่นั้นเอง


เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงที่รถวิ่งมาเลื่อยๆตามทางของถนนจนมาถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ บ้านของผม ผมลงป้ายหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางอำเภอที่ผมอยู่ก่อนจะมองหน้ามอร์ไซด์ซักคนเพื่อเรียกรถเข้าไปในบ้าน เพราะจากตรงนี้เข้าไปถึงบ้านผมก็ช่างแสนไกลเหลือเกินแล้วดึกๆเวลากว่าเกือบตีหนึ่งนี้ไม่ดีแน่ๆที่ผมจะเดินเข้าไปเปลี่ยวๆคนเดียว
พี่วินที่ผมเรียกมาผมมาส่งหน้าบ้านหลังใหญ่ของผมอย่างปลอดภัย ผมสำรวจบ้านหลังสีขาวใหญ่ๆนี้ที่ไม่ได้กลับมาในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมานี้อีกครั้ง ไฟในบ้านเปิดไว้สลัวแสดงให้เห็นว่าคนในบ้านคนหลับไปแล้ว
ผมเปิดประตู้รั้วบานใหญ่ก่อนจะปิดมันลงแล้วใส่แม่กุญแจไว้แบบเดิม ทันทีที่ย่างกลายเข้ามาในส่วนของสวนในบ้านที่เป็นที่ราบกว้างกว่าอีกเกือบกว่า สองร้อยเมตรก่อนจะถึงตัวบ้านเสียงเห่าดัง 'โฮ่งๆ' ก็โพล่มาจากโรงรถที่มีรถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่



"ไอ้กี้ เห่าอะไรของแก อ้าวมาร์คลูก !! " ผู้หญิงมีอายุคนนึงเปิดประตูออกมาจากบ้านหลังใหญ่นั่นก่อนจะหันมาเห็นผม

"คุณแม่ !!!! " ผมไม่พูดเปล่า ทิ้งทุกอย่างลงพื้นทั้งหมดพร้อมวิ่งไปสวมก่อนหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างคนึงหาที่สุด และแทนคำพูดมากมายจากความรู้สึกผม กลับเป็นน้ำตาและเสียงแห่งความเสียใจที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมดอย่างไม่อายใครเลยจริงๆ

"มาร์คเป็นอะไร !!!!!! ร้องไห้ทำไมลูก ใครทำอะไรลูกแม่บอกมาสิ๊" หญิงคนที่ว่านี้ก็คือแม่ของผมเอง แม่ผมก็ดูตกใจมากเช่นกันที่เห็นอาการที่สาหัสสากันของผม

ไม่มีเสียงตอบรับจากคำถามที่แม่ถามผม ผมปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดไปกับอ้อมก่อนของผู้หญิงพียงคนเดียวในโลกที่ไม่เคยแม้แต่จะทอดทิ้งผมไปไหน เอาใจใส่ผมและรับฟังผมทุกอย่าง

ผมร้องไห้จนตัวโยนร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาอีก บนชุดนอนของแม่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของผมที่ไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่เก็บของทุกอย่างก่อนจะเห็นผมที่เริ่มร้องไห้ไม่ออกแล้ว ก็พาเข้าบ้านจัดแจงให้ตัวผมที่อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจได้นั่งตรงโซฟาอย่างสบายตัวพร้อมกับแก้วน้ำเย็นๆและไอ้ตูบในบ้านผมตัวนึงที่มานั่งร้องหงิงๆ ที่เห็นใบหน้าผมแบบยับเยินยิ่งกว่ากระดาษโดยขยำซะอีก


"กินน้ำก่อน มาร์ค " แม่ยื่นแก้วน้ำให้ผม ก่อนที่ผมจะค่อยๆบรรจงดื่มทีละเล็กละน้อยทดแทนน้ำตาที่เสียไปเมื่อกี้

"...................." ผมยังคงเงียบและไม่อยากพูดอะไร

"เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแม่"  พอแม่ถามออกมาแบบนั้นผมเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

"มาร์ค !! " แม่เริ่มกดเสียงต่ำลงเพี่อขุ่ผม แม่เป็นพวก ทนอะไรไม่ได้นานสำหรับเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวผมหรือทำให้ผมเสียใจเสียน้ำตาเรื่องพวกนี้แม่จะความอดทนต่ำมาก ถ้าไม่ได้จากปากผมก็จะต้องได้ข้อมูลจากที่อื่นมาจนได้


"มาร์คผิดใช่ไหมแม่ ที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชายปกติทั่วไป... " ผมถามออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ


ใช่ ! มันน่าน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆที่สังคมปัจจุบันของเราทำเหมือนจะยอมรับกับเพศทางเลือกที่มีมากขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่คุณๆคิดกันผิดแล้วล่ะครับ นั่นมันก็แค่ฉากหน้าของพุ่มไม้สวยงามที่ถูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม สังคมของเราใช้คำว่าใจกว้างเข้ามาทำให้โลกนี้ดูสวยงามมากขึ้น แต่เปล่าเลย ใจคนเรากว้างไม่เท่ากัน คนบางคนก็แคบเหลือเกินแต่สำหรับเขามันคือกว้างที่เขามี สำหรับบางคนมันแคบสำหรับตัวเขาแต่กว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรสำหรับคนอื่นๆ ความสวยหรูในสังคมที่ถูกเคลือบไปด้วยการปรุงแต่งและจินตนาการเอาเองว่า จริงๆแล้ว เราสามารถอยู่ร่วมกับใครและรักใครก็ได้ตามที่เราต้องการ แต่ความจริงกับแตกต่างออกไป เราไม่สามารถรักใครได้แบบเต็มหัวใจ ในเมื่อยังมีเส้นแบ่งกั้นของ ฐานะ สังคม เพศสภาพ ที่เป็นตัวบ่งชี้และแบ่งแยกคนในสังคมให้เห็นด้วยอัตลักษณ์บ้าบอนี่ ผมที่ไม่เป็นแม้แต่ธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา หรือจะเรียกได้ว่าอะไรดี ความผิดพลาดของธรรมชาติ ? คนอย่างผม สมควรแล้วใช่ไหมที่ไม่ควรจะได้แม้แต่โอกาสที่จะมอบหัวใจให้ใครสักคนนึง

"แล้วมาร์คคิดว่า มาร์คผิดไหมล่ะ แต่สำหรับแม่ มาร์คไม่เคยผิดนะ มาร์คเจ็บได้ มาร์คร้องไห้เป็น มาร์คมีสองมือมาร์คมีสองตาและทำอะไรได้ดีกว่าใครหลายๆคน อะไรกันที่เรียกว่าผู้ชายปกติ อะไรกันที่เรียกว่าผู้หญิงธรรมดา สำหรับแม่ มาร์คคือคุณลูกแสนธรรมดาที่หน้าตาออกจะน่ารักและเป็นที่รักของทุกคนจะตายไป"


ผมที่ได้ฟังแม่พูดแบบนั้นพร้อมกับไออุ่นจากมือหยาบๆที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรในชีวิตมาบ้างกว่าจะทำให้ผมและครอบครัวมีทุกวันนี้  ถึงกับน้ำตาไหลเป็นก๊อกที่สองของวันเลยก็ว่าได้

"เข้าเรื่องสักทีมาร์ค แม่พร้อมจะจัดการทุกอย่างที่สามารถทำให้มาร์คได้ แม่สัญญาว่าถ้าแม่ทำให้ได้ ทำให้ลูกของแม่หายเจ็บแม้เพียงสักนิดเดียวก็ยังดีตอนนี้ แม่ก็พร้อมจะทำ" แม่เอามืออีกข้างมาจับแก้มผมไว้ก่อนจะค่อยๆปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบหน้าผมอีกครั้งอย่างช้าๆและอ่อนโยน


"มาร์คพึ่งออกมาจากบ้านของคนคนนึงแม่ คนคนนั้นเป็นคนที่มาร์คคิดว่า มาร์คน่าจะอยู่กับเขาได้ เป็นคนที่มาร์คอยากจะอยู่ข้างๆเขาเวลาเขาเจอปัญหา เป็นคนที่มาร์คคิดว่าทุกเช้ามาร์คอยากจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าแล้วให้เขายิ้มกับสิ่งที่มาร์คทำให้ และสุดท้าย เขาเป็นคนที่มาร์ครักอะแม่"

"รักเขาแล้วหนีเขามาทำไม" แม่ผมย้อน

"วันนี้มาร์คไปเจอครอบครัวเขามาน่ะแม่ สิ่งที่มาร์คเสียใจที่สุดไม่ใช่การที่มาร์คโดนคนอื่นดูถูก หรือเหยียดอะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งที่มาร์คเสียใจที่สุดคือ มาร์คเป็นอะไรให้เขาไม่ได้เลยตั้งหากแม่ ........."


แม่ผมเงียบไปก่อนจะค่อยลูบหัวผมไปมาเป็นสัญญาณให้ผมระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมดสิ้น ผมที่กอดแม่ไว้อยู่แล้วเริ่มซุกกับตัวแม่มากกว่าเดิมรู้สึกขาดความอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก แต่เป็นเพราะแม่ทำให้ทุกอย่างดูสบายขึ้นและดีขึ้น แม่เป็นแบบนี้เสมอแม่ทำให้ผมสบายใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมก่อนผู้หญิงคนนี้เสมอ


"มาร์คไม่คู่ควรกับเขาทั้งทางสังคมและฐานะ เขาทั้งดูดีและมีค่า มีค่าเกินกว่ามาร์คจะดึงเขาลงมาแปดเปื้อนหรือเป็นข้อครหาของสังคม มาร์คเป็นไม่ได้แม้กระทั่งความสุขของเขาแม่ ในจุดที่เขายืนอยู่ แม้แค่ความสุข มาร์คก็ให้เขาไม่ได้แม่ เพราะมาร์คเป็นแบบนี้ใช่ไหม เป็นความสกปรกของสังคม มันถึงทำให้อะไรๆก็ดูแย่ไปซะหมด .... " ไม่สะอื้นไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาจากตาบวมๆของผมยังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง


"มาร์คฟังแม่นะ"

"....................."


"แม่ไม่สน ว่าสังคมนี้จะเรียกมาร์คว่าอะไร จะทำให้มาร์คดูน่ารังเกียจขนาดไหน แม่ไม่เคยสนใจว่ามาร์คจะเป็นอะไร ที่แม่สนอย่างเดียวคือ ลูกแม่ต้องมีความสุข และลูกแม่ต้องไม่น้อยหน้าใคร ..... แม่ยอมให้หนูเป็นหนู ยอมให้มาร์คเป็นตัวเองเพื่อความสุข แม่ไม่เคยบังคับมาร์คให้ทำอะไรที่มาร์คไม่ชอบ แม่ไม่เคยแม้แต่คิดจะเสียใจที่ลูกแม่เป็นแบบนี้ และแม่ไม่เคยอายใครที่ลูกชายแม่รักในสิ่งที่ตัวเองเป็น แม่กับภูมิใจ ภูมิใจที่เห็นมาร์คเติบโตมาด้วยภูมิต้านทานที่แข็งแรง ทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย มาร์ค ทั้งโลกล้วนมีทั้งสองด้านขาวและดำ แม่ไม่รู้ว่ามาร์คมีความสัมพันธ์ขนาดไหนกับคนที่มาร์คพูดถึงนี้ แต่แม่ขอพูดเลยว่า ความรักที่แม่ทุ่มเททั้งชีวิตให้มาร์คไปจะต้องไม่ใช่น้ำตาในวันนี้ แม่อยากให้มาร์คเข้มแข็งและเชื่อมั่น เชื่อแม้ไม่มีความหวัง เวลามาร์คล้ม มาร์คจะเห็นแม่ เห็นปาป๊า เห็นน้องเอสยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนะมาร์ค แม่ไม่ทิ้งหนูและแม่ก็จะรักหนูรักหนูให้มากกว่าที่หนูรักใครที่ทำให้หนูเสียใจแบบนี้ หนูรู้ใช่ไหมว่าป๋ากับแม่รักหนูขนาดไหน ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่าคิดมากไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนนะ "


ผมที่ได้ยินคำพูดของแม่แล้วก็หยุดร้องไห้ไปในทันที แม่พูดถูก พูดถูกทุกอย่าง แม่สามารถให้ความรักที่มากกว่าใครจะให้ผมได้ทั้งโลกความรักของแม่ต้องไม่ใช่น้ำตาที่ผมต้องเสียไปเพื่อใครสักคนนึงตอนนี้ มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระที่ผมเก็บมาใส่ใจ
ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ผมก็ยังคงเป็นผมที่ยืนอยู่และไม่มีใครสามารถมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก  ผมยังมีครอบครัวที่อบอุ่นและเพื่อนฝูงอีกมากมาย แค่คำสบประมาทนิดหน่อยถึงกับทำให้ผมคิดมากถึงชนาดนี้ เอาล่ะมาร์ค ถึงเวลาใช้ความคิดกับตัวเองพร้อมกับหาคำตอบและทางออกของเรื่องนี้สักที



.
.
.



เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาเช้ากว่าปกติ ปกติหกโมงครึ่งแบบนี้ยังไม่ตื่นหรอก เมื่อคืนก็นอนน้อยแต่ไม่รู้ว่าร่างกายมันทรยศผมทำไมปลุกให้ผมตื่นตั้งแต่ไก่โฮ่แบบนี้ ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาดูว่ามีอะไรอัพเดทหรือมีอะไรเข้ามาหรือเปล่า แต่ลืมไปว่าเมื่อวานปิดเครื่องเลยจัดแจงเปิดเครื่องให้เรียบร้อย ทันทีทีเปิดเครื่องขึ้นมานั้น

'คุณมีสายที่ไม่ได้รับ 450 สาย หมายเลข 083-****-**** '



เป็นข้อความจากค่ายโทรศัพท์ที่ผมใช้อยู่เนี่ยล่ะครับ มันแสดงให้ผมดูว่าเบอร์นี้โทรมาทั้งหมดกี่ครั้ง และดูจากเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอไอโฟนของผมก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าใครโทรมา มันเป็นเบอร์ที่ผมกดเป็นประจำ ลองจากเบอร์ปาป๊า คุณแม่ แล้วก็ไอ้เอส น้องชายตัวแสบเลยก็ว่าได้

เช้าวันจันทร์ของอาทิตย์ใหม่เริ่มขึ้นด้วยเสียงนกร้องอย่างสดใส แต่ใจผมกับไม่สดใสเอาซะเลยจริงๆหลังจากเห็นข้อความในโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นเวลา ตอนนี้ก็หกโมงสิบห้าแล้ว ผมตัดสินใจที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ก่อนจะรีบแต่งตัวในชุดนิสิตเพื่อจะออกไปมหาลัย อาทิตย์นี้ทุกคณะในมหาลัยมีกิจกรรมพิเศษรวมไปถึง การชดเชยบางวิชาสำหรับช่วงปลายภาคที่กำลังจะมาถึง ปิดเทอมสามอาทิตย์ไม่ได้ให้กูพักผ่อนเลย ให้กูหยุดอาทิตย์ เว้นอาทิตย์ เรียนอาทิตย์ทำกิจกรรมอาทิตย์โอ้ย ถ้ามันจะหนักหน่วงเจียนตายขนาดนี้ ไม่ต้องให้หยุดก็ได้  = =


ผมวิ่งจากชั้นสองลงมาข้างล่าง ตอนนี้ก็เป็นเวลา สัก เจ็ดโมงกว่าๆได้แล้วหลังจากที่ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ผมลงมาก็เห็นไอ้เอสในชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินที่กำลังนั่งกินข้าวแก้มตุ้ยๆอยู่ พร้อมกับแม่ที่กำลังจัดสำรับข้าวอีกชุดนึงไว้ซึ่งนั่นต้องเป็นของผมแน่ๆ

"แม่จัดข้าวให้ใครอีกที่นึงอะ แม่กินไม่อิ่มเหรอ ?" ไอ้เอสมันถามแม่ที่กำลังง่วนจัดอาหารอยู่

"พี่มาร์คกลับมานอนบ้าน เมื่อคืน"

"ห๊ะ !! ไอ้มาร์คกลับมานอนบ้านเหรอ ไหนอะ มันอยู่ไหน ? " มันทำท่าหาผมไปทั่วบ้าน ผมเลยเดินกระทืบเท้าลงมาจากบนบ้านให้มันได้ยิน

"เฮ้ยยยยยยยยยย เจ้กลับมาบ้านด้วยเว้ย " พอมันเห็นผมเท่านั้นแล่ะรีบวิ่งไปรอบบ้านเลย มึงดีใจอะไรของมึงเนี่ย แล้วสาเหตุที่มันเรียกผมว่าเจ้ก็ไม่ต้องแปลกใจ กูผู้ชายเต็มร้อยซะเมือไหร่ล่ะกูมันผู้ชายน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก

"เป็นห่าไร ไม่เคยเห็นฉันกลับบ้านเหรอ" ปกติผมจะแทนตัวเองกับน้องว่าฉัน และแทนชื่อตัวเองกับแม่

"เปล่า ไม่ได้กลับมานานอะ กำลังอยากกินของฟรีพอดีเลย เย็นนี้พาไปกินฟูจิหน่อยดิ" เสร็จแล้วมันก็วิ่งถลามากอดขาผมกลางบ้านพร้อมกับอ้อนให้พาไปกินฟูจิ = = ! ไอ้น้องเวรตะไล

"พอเลยทั้งสองคนลุกมากินข้าวดีดี เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด แล้วมาร์คแต่งตัวจะไปมหาลัยเหรอลูก " แม่ถาม เพราะดูจากสภาพชุดนิสิตเต็มยศขนาดนี้ ฮาๆ โชคดีที่ที่บ้านมีชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมไว้ครบเลยมีใส่ไปมหาลัย   

อาทิตย์ป่วยๆของมหาลัยในช่วงปิดกลางภาคที่อาจารย์เรียกไปเมคอัพคราสนิดหน่อยและกิจกรรมในมหาลัย หวังว่าอาทิตย์นี้คงจะมีสีสันบ้างแล่ะ


"ใช่แล้วแม่ เดี๋ยวมาร์คขับรถไปนะ ส่วนแกไอ้เอส เย็นนี้กลับจากโรงเรียนช้าอดแดกฟูจิแน่ !! แม่ไปแล้วน้า สวัสดีฮะ เดี๋ยวจะรีบกลับ" ผมบอกแม่แค่นั้นก่อนจะรีบทานข้าวบนโต๊ะที่จัดไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่รอช้าหยิบกุญแจรถดิ่งออกจากบ้านทันที


ผมขับรถจากบ้านมามหาลัยใช้เวลาประมาณสักยี่สิบนาทีน่าจะได้ แต่ในช่วงยี่สิบนาทีนั้นเป็นอะไรที่ปั่นป่วนเหี้ยๆเลยล่ะครับท่านผู้ชม คนที่ผมยังไม่ประสงค์จะเจอหน้าตอนนี้แม่งโทรมา พอมันโทรติดมันก็โทรไม่หยุดเลยโทรจนผมต้องปิดเสียงโทรศัพท์ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจหรือผมไม่รักธันแล้ว แต่ตอนนี้ไม่พร้อม ไม่พร้อมจะคุยอะไรเลยจริงๆ ผมยังคงมีความคิด ความคิดที่จะปล่อยธันไปเจอสิ่งที่ดีกว่า พร้อมให้ธันได้เจอคนที่ดีกว่าโดยแลกกับความเสียใจทั้งหมดที่ผมได้เจอ มันอาจจะดูน้ำเน่า แต่นั่นก็เป็นเพราะผมรักธันมาก แม้มันจะแค่ไม่กี่เดือนแต่ความสัมพันธ์ตลอดสองสามปีที่ผ่านมามันเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีว่าผู้ชายคนนี้สำคัญกับผมมากแค่ไหน ความสุขของเขาถ้านั่นคือสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยหัวใจที่ยับเยินของผม ก็เอาเถอะครับผมจะให้ ......

จะบอกว่า มาเมคอัพคราสกับอาจารย์ต่างชาติ บอกเลยจริงๆว่าฟังไม่รู้เรื่องเลย ไม่ใช่เพราะสกิลตกต่ำจนอับจนหนทางแก่การเรียนหรืออย่างไร แต่ไม่มีสมาธิเลย เพราะโทรศัพท์ผมยังคงขึ้นหน้าจอเตือนว่ามีผู้โทรเข้ามาในโทรศัพท์เพื่อต้องการติดต่อผม ตั้งแต่ผมขับรถมาจนถึงตอนนี้ มันก็ยังโทรมาตอนนี้ราวๆสักสองร้อยสายได้แล้ว จนไอ้หมิวที่นั่งเรียนข้างๆผมถึงขนาดมากระซิบด่าว่ารำคาญ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์แฟน ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบรรดานังเพื่อนๆตัวดีก็จับสังเกตุได้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับผมและธันมา (แม่งโครตขี้เสือกอะแสดด)


หลังจากเรียนเสร็จไอ้นิวกับไอ้พลอยก็ลากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมจากชั้นแปดของตึก(โดยไม่ให้ขึ้นลิฟลงมาด้วยนะ) มาหลังคณะ เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัยอย่างผม

"มึงมีปัญหาอะไรกับธัน " ไอ้เหี้ยพลอยย มึงจะเสือกอะไรวะโอ้ยยยย อีด๊อกกก พอก่อนคำถามตรงเกินไป

"กูไม่ได้มีปัญหาอะไรนิ" ผมตอบปัดๆไป

"ไม่ค่อยมีเลยเนอะ ดอกกก ไม่รับโทรศัพท์เขาตลอดสองร้อยสายที่เขาโทรมาเนี่ย"

"ขยายมามึง มอยยย มอยให้พวกกูฟังว่ามึงทะเลาะอะไรกับธันวาสุดหล่อของกู"

"เออ เล่าก็ได้ๆๆๆ "

หลังจากนั้นผมก็เล่าสิ่งที่อัดอั้นตันใจเกี่ยวกับเรื่องที่ผมไปบ้านไอ้ธันแล้วดันมีปัญหาตรงที่พ่อแม่เขาอยากให้ผมเลิกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเขารวมไปถึงปัญหาคู่หมั่นคู่หมายและปัญหาคุณป๊าคุณม๊าของไอ้ธันที่ดูแล้วไม่น่าจะปลื้มผมสักเท่าไหร่ให้พวกมันฟัง พวกมันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะครับตั้งใจฟังมาก .....

"โอ้ยย มึง ชีวิตมึงแม่งดราม่าว่ะ" ไอ้พลอยถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว

"แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ มาร์ค " นิวถามผม







"กูว่ากูจะเลิกว่ะ"





TO BE CONTINUE

ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน


มาอัพแล้วคิดถึงเขาหรือเปล่า หรือคิดถถึงธันวาอย่างเดียว ใกล้จะจบแล้วคาดว่าอีก 3 ตอนจบพอดี ฮาาา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแม้จะไม่มีคอมเม้นก็ตาม แต่ยังไงซะก็ขอบคุณมากๆนะฮะ

เจอกันตอนที่ 8

ปล ฝากนิยายอีกเรื่อวที่พิ่งเปิดด้วยน้า

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43343.0

:: อลหม่านกางเกงน้ำเงิน ( TIME TO SHOW HOW MUCH I ♥ U )

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 7 22/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-08-2014 22:12:24
เรื่องนี่ล่ะอยากให้พ่อกับแม่ธัน มันได้รับความเจ็บปวดจริงๆที่มันกำลังจะทำชีวิตลูกชายตัวเองพัง  :z2:
มั่นเข้าไว้มาร์คในเมื่อตัดสินใจแล้ว
อีกอย่างทำไมไม่รู้ ฉันยังไม่เชื่อใจอิธันมัน คือยังไงมันก็อี๋อ๋อกับยัยเมอร์เมดป๊ะ  :fire:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 7 22/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-08-2014 12:06:51
โฮๆๆๆ มาร์คน่าสงสารอ่ะ
เรื่องพ่อแม่นี่เป็นปัญหาโลกแตกจริงๆนะ
คู่ไหนที่พ่อแม่ครอบครัวเข้าใจนี่โครตโชคดีอ่ะ เฮ้อออ...

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปจ้า  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 7 22/08/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 02-09-2014 17:30:09


ตอนพิเศษ : 8


- ธันวา -


สายที่หมื่น มันก็ไม่รับโทรศัพท์ผมโว้ยยยยย จะเอายังไงกับกูครับคุณเมียที่เคารพรัก กูจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ... !! ตั้งแต่วันเกิดเรื่องเมื่อวานนี้ ผมก็กระหน่ำโทรหาไอ้มาร์คแบบยิกๆๆเลยโทรไปจะพันสายได้แล้วมั้ง เมื่อวานผมอยู่บ้านวันนี้ขับรถกลับมาจากบ้านเพื่อมาที่มหาลัย มาใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมกลางภาคที่หยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์เพราะอาทิตย์ขั้นกลางนี้มีกิจกรรมในมหาลัยรวมไปถึงคราสชดเชยนิดหน่อยของทุกคณะ ผมเองวันนี้ไม่มีก็เลยขับรถออกจากบ้านช่วงเที่ยงๆมาถึงมหาลัยก็บ่ายๆ  ระหว่างขับรถผมก็โทรนะครับ คราวนี้เปิดเครื่องไม่ปิดเครื่องเหมือนเมื่อวาน แต่ไม่รับ ผมโทรตลอดทางที่วิ่งรถกลับจาก บ้านมามหาลัยก็ยังไม่รับ กลับไปที่หอก็ไม่มีล่องลอยเข้ามาใช้ห้องเลย ผมเปิดประตูห้องเข้ามาก็ไปนั่งลงที่โซฟาสีขาวตัวโปรดของเราสองคนที่จะชอบมานั่งดูทีวีกันบ่อยๆเวลาเราว่างกัน ผมมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่จอนั้นดับสนิทอยู่ พร้อมภาพของคนที่เคยอยู่ข้างๆผมในห้องนี้ตลอดเวลา



'มาร์ค มึงหายไปไหนวะ'

'มึงกำลังใจเข้าใจผิด กลับมาเหอะนะ กลับมาให้กูได้อธิบายให้มีงเข้าใจ'




ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่ก็ไม่รู้หลังจากที่เข้าเอาเสื้อผ้ามาเก็บที่ห้องนอนแล้วก็จัดแจงอาบน้ำอาบท่านอนคิดอะไรบนเตียง รู้ตัวตื่นมาอีกทีก็ห้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ผมมองไปรอบๆห้องเห็นรูปครอบครัวที่ไอ้มาร์คเอามาตั้งไว้ข้างๆรูปที่ผมกับมันถ่ายคู่กันวันงานสานสัมพันธ์คณะ ... เดี๋ยวนะ ครอบครัว .... ไอ้มาร์คเคยพูดว่า


'เวลากูเหนื่อยๆนะมึง กูจะชอบหนีกลับไปนอนกอดแม่ที่บ้าน ไปเล่าโน่นเล่านี่ให้แม่ฟัง'



ใช่แล้ว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้มาร์คต้องหนีกลับไปบ้านแน่ๆ ถ้าไปตามที่บ้านต้องเจอ ต้องได้คุยแน่ๆ

ผมคิดได้ดังนั้นก็รีบหยิบกุญแจรถและกระเป๋าตังค์ทันทีแล้วรีบลุกจากที่นอน แต่ก็มาสะดุดนึกขึ้นได้ว่า




กูไม่รู้จักบ้านไอ้มาร์คนี่หว่า !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ผมขับรถออกมาด้วยความเซ็ง เพราะไม่มีข้อมูลบ้านไอ้มาร์คเลยหลังจากที่ลองค้นๆดูในห้อง ผมก็ลืมไปสนิทเลยว่าไอ้มาร์คยังไม่เคยพาผมไปบ้านเลยสักครั้งแต่เหมือนมันเคยบอกว่า บ้านอยู่ถัดไปอีกอำเภอใกล้ๆไม่ถึงสิบกิโลจากมหาลัยผมก็นึกออกอยู่แค่ที่เดียวก็เลยลองขับมาดูก็คิดว่าน่าจะใช่ทีนี่แล่ะผมลองขับวนๆไปตรงนั้นตรงนี้ในตัวอำเภอมันเล็กน่ะครับมีนิดเดียวเอง ขับประมาณ 30 นาทีก็ไปทุกซอกทุกมุมแล้ว ผมก็เลยยอมจอดที่ห้างใจกลางอำเภอซึ่งดูเหมือนจะใหญ่สุดตรงนี้
ผมจอดรถเสร็จสับก็เดินเข้ามาปล่อยอารมณ์ในห้างขนาดกลางที่มีครบครันทุกสรรพสิ่งตั้งแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงหนัง ร้านอาหารใหญ่ๆ เต็มไปหมด ถ้ารู้ว่ามันจะใกล้และสะดวกขนาดนี้ไม่ดักดานอยู่แถวมหาลัยมาจนถึงตอนนี้ หรอก = =


ตอนนี้ก็หกโมงกว่าแล้วผมก็เริ่มจะหิวเลยเดินขึ้นไปชั้นสามเพื่อไปหาร้านอาหารสักร้านนั่งกินก่อนจะกลับไปหอเพราะพรุ่งนี้มีชดเชยเช้า คงต้องรีบไปนอนเอาแรง บ่ายต้องไปว๊ากน้องที่คณะอีกเดี๋ยวพลังกูหมดแล้วกูทำห่าไรไม่ได้ ยิ่งอารมณ์เสียเรื่องแฟนตัวเองอยู่ด้วย


บ่นทันหมียังไม่ได้กินผึ้ง ผมที่กำลังจะเลี่ยงเดินไปอีกด้าน หลังจากสุดบันไดเลื่อนแล้ว สายตาผมก็หลุบไปเห็นใบหน้าคุ้นเคยที่ผมโทรตามมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมรีบหันกลับไปจ้องแต่เจ้าตัวกำลังเดินหันหลังให้ผมอยู่ แต่แม้จะเป็นแค่ข้างหลังทำไมผมจะจำไม่ได้ว่านั่นใคร


ไอ้มาร์ค !!!!!!!!!!!!!!!!!!


ผมที่กำลังจะเดินเข้าไปหาก็ต้องชะงักเพราะ . ..... ข้างๆคนตัวเล็กของผมมีเด็กนักเรียนน่าจะอยู่สัก ม.5 ม. 6 อยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินที่ดังที่สุดในย่านนี้ ไอ้เด็กนั่นก็ให้แฟนผมเกาะแขนคุยกันสนุกสนานหัวเราะร่า ดวงตาฉายแววความสุข ต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือคนของผมน้ำตาอาบหน้ามีแต่แววตาที่เจ็บปวดและทรมาน แต่วันนี้ เขากลับยิ้มแถมยังสบายดีและดูมีความสุขมาก เขากลับมีความสุขกับใครอีกคนที่ไม่ใช่ผม กับได้เด็กเหี้ยคนนั้น ไอ้เด็กคนนั้นก็หน้าตาไม่จัดว่าธรรมดาเลยครับ จัดว่าดีมากเลยซะด้วยซ้ำ ตอนนี้ทุกอย่างในหัวผมตีกันให้วุ่น  ผมกำลังจะเดินเข้าไปกระชากสองคนตรงหน้าให้แยกออกจากกันแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ผมเปลี่ยนความคิดเป็นเดินตามไปแทนเพื่อดูว่าคนของผมพยายามที่จะทำอะไรกันแน่ พยายามจะปั่นหัวผม พยายามที่จะลืมผม พยายามที่จะทำร้ายผม ?


ผมเห็นทั้งสองคนเดินตรงมาทางมุมร้านอาหารต่างๆในชั้นสามก่อนจะชี้โน่นชี้นั่นกันสักพัก แม่งโครตหน้าหมั่นไส้ไอ้เด็กเหี้ยนั่นก็อะไรไม่รู้ หัวเราะต่อกระซิกแฟนผมอยู่นั่นแม่งอยากเดินไปต่อยให้ปากแตกสักที่สองที่ สัส หงุดหงิด !!


เหมือนเลือกร้านกันอยู่แล้วพวกมันสองคนก็เดินเข้าฟูจิไปอย่างสบายอารมณ์ ผมทิ้งระยะห่างให้ทั้งสองคนเดินเข้าไปได้สักพักก่อนจะเดินตามเข้าไปนั่งหมือนกัน  พอเข้ามาผมพยายามมองหา สองคนนั้นและแล้วก็เจอ ทั้งสองนั่งอยู่ที่โต๊ะติดริมกระจก ผมเลยมองหาองศาโต๊ะแถวๆนั้นที่จะแอบมอง ทั้งสองคนได้อย่างไม่มีพิรุธ โต๊ะมันมุมอับครับแล้วก็ไม่ไกลจาก โต๊ะของสองคนนั้นมากด้วยเลยทำให้ผมสามารถได้ยินบทสนทนาของสองคนได้อย่างชัดเจน
ผมจัดแจงสั่งอาหารให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งเงียบๆ ฟังไอ้สองคนนั้นคุยกันโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา ว่ามันคุยอะไรกันอยู


"พี่มาร์ค อยากกินแซลม่อนอะ" อ้อน ไอ้หอกหัก อ้อนอะไรนักหนา !!

"กินดิ มื้อนี้ฉันจ่ายอยู่ละนิแกจะสั่งไรก็สั่ง รีบกินๆ เดี๋ยวจะได้กลับบ้านเรากัน" หึ เลี้ยงไอ้เด็กนี่ด้วย ! นี่อยู่กับผมนะไม่เคยจ่ายเลยไอ้ผมก็ควักจ่ายๆ

แต่เดี๋ยวนะ อะไรนะ

บ้านของเรา บ้านของเรา

เฮ้ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

นี่มันสองคนอยู่ด้วยกันเหรอ อะไรยังไงวะ !!!  ??

ผมที่ได้ยินบทสนทนานั้นก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ โมโห หึง หวง ทุกอย่างมันปนเปกันสารพัดเต็มไปหมด ผมรู้สึกตัวอีกนี่ก็เพราะปวดฟันกรามที่กัดเข้าไปเพราะแรงโมโหนั่นล่ะครับ

"โหยเจ้ จะรีบกลับไปไหนอะ แม่ไม่ว่าหรอก ก็บอกแม่ไว้ละไงว่ามากินข้าวอะ"

"เดี๋ยวป๊าด่า กลับบ้านดึกดื่นแกก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบให้กลับบ้านดึก"

สนิทกันมากขนาดนั้น .... รู้จักกันมากขนาดนี้ นี่รู้จักกันมานานขนาดไหนแล้ว หรือ รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนจะคบกับผมซะอีก ไอ้เด็กเหี้ยเนี่ยแม่งเป็นใครวะ บทสนทนาระหว่างไอ้ตัวยุ่งของผมกับไอ้เด็กเหี้ยนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่รู้เรื่องเลย ทำไมผมถึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไอ้มาร์คเลยวะ ทำไมพอเห็นเขาสนิทสนมกันขนาดนั้น มันทำให้ผมอดน้อยใจไม่ได้เลยว่า ทำไมเหมือนผมไม่รู้จักไอ้มาร์คเลย ทั้งๆทีมั่นใจว่าผมรู้จักมันดี แต่มันกลับมีอีกมุมที่ทำไมผมไม่เคยรู้ อย่างเช่น เรื่องครอบครัว ตลอดเวลาที่คบกันมามาร์คไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวหรือเรื่องที่บ้านให้ฟัง จะมีก็พูดถึงแต่แม่และป๊าของมัน ไม่เคยพาผมไปรู้จักที่บ้าน ไม่เคยบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน ไม่เคยแม้แต่จะพูดถึง ความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำไมผมเหมือนรู้จักมาร์คแค่ด้านเดียว แต่ไอ้เด็กที่มันนั่งคุยด้วยเหมือนรู้ทุกอย่าง ? ความคิดมากมายตีกันจนผมไม่ได้สนใจอาหารตรงหน้าที่ค่อยๆทยอยมาเสริฟเลยครับ


"เจ้แซลม่อนมาแล้ว ซูชิมาแล้ว ป้อนเอสหน่อยๆๆ !! " ดูแม่งทำ ไอ้เด็กเหี้ยยยยยยยย ถ้ามึงไม่หยุดอ้อนให้เมียกูป้อนข้าวป้อนน้ำมึงนะ กูจะพังโต๊ะฟูจิเดี๋ยวนี้แล่ะไอ้สัส !

"อะๆ เดี๋ยวเอาซอสใส่ถ้วยก่อน ไม่เอาวาซาบิด้วยใช่ไหม " คนดีของผมก็บ้าจี้ว่าตาม จัดแจงเทซอส เอาซูชิจิ้มซอสพร้อมป้อนเต็มที่

"เจ้รู้ใจเอสเสมอแล่ะ ฮิๆ" โตเป็นควาย หน้าก็หล่อ แม่งแอ๊บแบ๊วชิบหาย สัส !

"ก็พี่รักแกไงล่ะ" พูดแค่นั้นก่อนจะส่งซูชิเข้าปากไอ้เด็กเปรตที่นั่งตรงข้าม แล้วก็เอามือไปลูบๆ หัว
รักงั้นเหรอ รักงั้นเหรอ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักที่มึงให้กูคือไรวะมาร์ค ... มึงเปลี่ยนใจรักใครง่ายๆได้ขนาดนี้เลยเหรอ


... มึงไม่เคยรู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกเลยเหรอ มึงไม่เจ็บปวด ไม่คิดถึงกู ..... จริงเหรอวะ


ผมเองที่ได้แต่มอง ภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เจ็บปวด แว๊บนึงที่เหมือนไอ้มาร์คจะมองๆ สอดส่ายสายตามาทางผมแต่ผมก็ก้มหน้าทำเป็นกินข้าวไปไม่ได้สนใจจนเจ้าตัวเลิกสนใจและไปสนใจ คนร่วมโต๊ะของตัวเองต่อ


ชั่วโมงนึงผ่านไปทั้งสองคนตรงโต๊ะที่ผมแอบมองอยู่เหมือนจะอิ่มแล้ว ไอ้มาร์คเหมือนจะเรียกพนักกงานมาคิดเงินค่าอาหารก่อนมันจะจัดแจงจ่ายค่าอาหารให้ไอ้เด็กนั่นด้วย หลังจากเครียค่าอาหารไอ้เด็กนั่นก็หยิบกระเป๋านักเรียนยืนเต็มความสูงก่อนจะ ทำแขนคล้องเป็นวงเหมือนส่งสัญญานให้อีกฝ่ายว่า 'เกาะเลยพี่'  ไอ้มาร์คแม่งก็บ้าจี้ เห็นไอ้เด็กเวรนั่นทำแล้วก็เอามือเรียวๆไปคล้องแขนก่อนจะพากันเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกจากร้าน


พอไอ้สองคนนั้นเดินไป สาวออฟฟิศสองคนที่นั่งโต๊ะข้างๆผมก็เริ่มเม้าส์ทันทีเลยครับ


"แกๆ เห็นเด็กผู้ชายสองคนที่เดินควงกันออกไปเมื่อกี้มะ" สาวออฟฟิศในเสื้อสีขมพูพูดขึ้น

"เห็นๆ หน้าตาดีทั้งคู่เลยอะแก คนที่ใส่ชุดนิสิตโครตน่ารัก" สาวออฟฟิศอีกคนที่อยู่ในเสื้อขาวรัดรูปบอกเพื่อนตัวเองด้วยหน้าตาเคลิ้มสุดๆ

"แต่ฉันว่าน้องคนที่ใส่ชุดนักเรียนหล่ออะ คือแกว่าสองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันใช่มะ"

"แหม ดูจากท่าทางก็รู้แล้วปะ เล่นป้อนข้าวป้อนน้ำกันขนาดนั้น "

"เสียดายทรัพยากรผู้ชายในโลก แต่ทั้งคู่ดูเหมาะกันมากอะ ไม่เป็นไรฉันอภัย"

ผมที่ทนฟัง บนสนทนาละคายหูได้สักครู่ก็โมโหหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะควักแบงค์พันในกระเป๋าพร้อมตบโต๊ะปัง แล้วเดินไปหาสาวออฟฟิศ โต๊ะข้างๆ


"คนนั้นแฟนผมตั้งหาก !!!!!!!!!!! ไม่ใช่ของไอ้เด็กยักษ์นั่น !!!!!!!!!!!!!!!!!!! "



หลังจากโวยวายในร้านอาหารเสร็จผมก็วิ่งออกมาด้วยอารมณ์ที่แม่งโครตเหี้ยๆจะเสีย เพราะต้องตามติดไอ้สองคนที่เดินควงกันออกมาเมื่อกี้ แถมแม่งต้องได้ยินเรื่องส้นตีนอะไรแบบนี้อีกไม่เคยโมโหจนปวดหัวแบบนี้มาก่อน 


ผมรีบวิ่งออกมาจากร้านพร้อมมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นไอ้สองคนนั้นแล้ว ก็เลยวิ่งลงบันไดเลื่อนมาก มุ่งไปยังสตาร์บัคเพราะว่า ไอ้มาร์คเป็นคนติดสตาร์บัคถ้ากินเสร็จเมือไหร่มันต้องไปหาของหวานกินแน่ๆ เมือ่กี้ตอนเข้ามาก็เห็นว่าที่นี่มีสตาร์บัคผมเลยวิ่งตามไปดู แล้วก็เจอไอ้ตัวปัญหายืนซื้อสตาร์บัคอยู่ตามที่คาดไว้ ผมเลยหยิบมือถือโทรเข้าเครื่องไอ้มาร์คดูว่ามันจะรับสายผมไหมไม่นานนักมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะ เก็บกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม แม่งไอ้เหี้ยเอ้ย ทำไมมึงไม่รับวะมาร์ค มึงไม่รักกูแล้วเหรอวะ ... !


ไม่นานนักไอ้สองคนนั้นก็เดินออกจากสตาร์บัคแล้วเดินทะลุไปยังลานจอดรถ ผมเห็นดังนั้นก็เลยวิ่งไปอีกทางเพื่อขึ้นไปอ้อมดักรอดูว่ามันจอดรถไว้ที่ไหน ผมทิ่วิ่งนำหน้าไปก็เห็นมินิคันสวยสีเทาของไอ้มาร์คจอดอยู่ และโชคทีที่ผมจอดรถไว้แค่ชั้นถัดไปจากมัน ผมเลยวิ่งขึ้นไปอีกชั้นด้วยบันไดลานจอดรถแล้วรีบถอยรถอ้อมลงมาอีกชั้นนึง และก็เป็นไปตามคาดไอ้มาร์คกำลังจะขับลงไปชั้นล่างเพื่อมุ่งสู่ทางออก โชคทีที่ก่อนหน้ารถผมมีรถอีกสองสามคันกั้นอยู่ไอ้มาร์คคงไม่สังเกตุเห็นรถผมหรอก


หลังจากออกจากห้างมาผมก็ค่อยๆขับตามแบบเว้นระยะไม่ให้รถไอ้มาร์ครู้ตัว ผมขับตามมันเข้ามาในตรอกตามซอยเข้ามาเลื่อยๆ เลี้ยวไปเลี้ยวมา จนมาเจอบ้านหลังใหญ่สีขาวหลังนึง ผมมองเข้าไปในบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางก็เห็นมินิของไอ้มาร์คจอดอยู่ จึงค่อนข้างมั่นใจแล้วล่ะว่านี่คือบ้านไอ้ตัวแสบของผม


ดูเวลาตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้วผมยังคงนั่งอยู่ในรถตัวเองที่จอดตรงข้ามบ้านไอ้มาร์ค เนื่องจากถนนมันไม่ใหญ่มาก ผมเลยถอยรถมาไม่ให้ตรงกับประตูใหญ่ของบ้านหลังมหึมาสีขาวฝั่งตรงข้าม เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกตุ ผมยังคงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆครับว่าไอ้มาร์คจะลืมผมได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ คนเคยรักกัน มันจะลืมรักของกันและกันได้เร็วขนาดนั้นจริงๆเหรอ  แล้วไอ้เด็กที่มาควงไอ้มาร์คเป็นใคร รู้จักกันตอนไหน ... ทำไมมันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย


ด้วยความเครียดผมเปิดลิ้นชักในรถแล้วเอาบุหรี่ซองออกมา หยิบขึ้นมาหนึ่งมวนพร้อมไฟแช็ค แล้วเปิดประตูรถพิงรถคันเก่งก่อนจะสูบมันเข้าไปเพื่อคลายความเครียด  เอาจริงๆแล้วผมเลิกบุหรี่มาพักใหญ่แล้วล่ะครับ ไอ้มาร์คมันขอว่าไม่อยากให้สูบเพราะสุขภาพจะเสียเอา ผมก็ทำตามอย่างว่าง่ายพยายามเลิกอยู่เป็นเดือนแล้วก็สำเร็จ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะผมรักมันมาก และผมก็พร้อมจะเสียสละทุกอย่างที่ทำให้มันมีความสุขได้ ทำไมทุกอย่างต้องกลายเป็นแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ผมที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ก็เห็นผู้หญิงคนนึงเดินออกมาที่หน้าประตูใหญ่ของบ้านดูจากสภาพแล้วก็น่าจะเป็นสาวใช้ในบ้านแล่ะครับ ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามให้แน่ใจว่า นี่คือบ้านของไอ้มาร์คจริงๆหรือเปล่า ไม่ใช่มานอนกกอยู่บ้านไอ้เด็กยักษ์เมื่อกี้ !


"ขอโทษนะครับ" ผมเอ่ยทักผู้หญิงสาวใช้ที่กำลังจะปิดประตูใหญ่ของบ้าน

"คะ คุณ ?"

"ที่บ้านนี้มีคนชื่อมาร์คปะครับ "

"หมายถึง คุณมาร์คเหรอคะ ? คุณหนูของบ้านใช่หรือเปล่าคะ"

"ใช่ครับๆ อยู่บ้านนี่ใช่หรือเปล่า"

"ใช่ค่ะคุณ มีธุระอะไรกับคุณหนูหรือเปล่าคะ"

ในจังหวะที่ผมกำลังจะบอก ก็มีผู้หญิงอีกเสียงนึงแทรกขึ้นมาซะก่อน






"คุยกับใครน่ะนวล"


TO BE CONTINUE




ช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่าน

เขากลับมาแล้วทุกคน ขอโทษที่ไม่ได้มาอัพซะนานเลยพอดีช่วงที่ผ่านมาอีเว้นท์เยอะออกงานบ่อย 5555
เลยหายหน้าหายตาไปเลย กลับมาอัพแล้วน้า เม้นให้เขาด้วย กดบวกให้เขาด้วย T T
คือเข้ามากี่รอบเม้นก็น้อยมาก นี่แบบเอ๊อออออออ 5555555555555555 มันร้างเกินไปหรือเปล่าท่านผู้ช๊มมมม

แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-09-2014 01:42:35
ธันเอ๋ยนี่แกเห็นแค่นี้ทำเป็นโกรธ
ตอนมาร์คเห็นแกอี๋อ๋อกับเมอร์เมด ต่อหน้สแถมไม่สนใจมาร์คอีก ตั้งสองครั้งสองครา
แถมยังมีออกไปด้วยกันสองต่อสองอีก
ที่แกเจอยังน้อยไป คุณพ่อคุณแม่ไล่มันกลับบ้านมันไปเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 03-09-2014 23:41:52
ธนเอ้ย ไม่ลองคิดตอนที่มาร์คเห็นแกอยู่กับเมดบ้างละ
แล้วอีกอย่างถ้าอยากรู้ก็เข้าบ้านไปถามเลย เข้าไปคุยกับพ่อแม่เค้าซะ
ลูกผู้ชาย อยากเป็นเขยก็กล้าๆหน่อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-09-2014 08:03:05
อุ๊ยกลับมาแล้วววววววว
รีบๆไปเคลียร์เล้ยยยยย   
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-09-2014 03:45:43
เอาล่ะซิ จะเป็นไงต่อ ลุ้นๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปนะค๊าบบบบ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-10-2014 01:08:47
อยากให้มาต่อจังเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-10-2014 14:49:34
ยังรอนะค๊าาาา  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / UP ตอนพิเศษ 8 02/09/14
เริ่มหัวข้อโดย: orange332 ที่ 23-11-2014 01:08:34
ชี้แจงนิดหน่อยจากคนเขียน ><

ทุกคนมาแล้ววววววววว สวัสดี เราหายไปนานเราขอโทษ เราขอโทษจริงๆ T T

รู้สึกผิดไปยันลูกบวชเลยเราขอบอก T T คือตลอเกือบสองเดือนที่ผ่านมาเรามีงานด่วนแล้วก็เรียนด้วยการบ้านเยอะเกินไป

ทำไมเราไม่สามารถมาต่อ ธันวา มาร์คได้ แต่ไม่ได้ทิ้งไปไหนน้า เรายังอยากมาต่ออยู่ และคงมาต่อได้เร็วๆนี้

ขอบคุณหลายๆคนที่ยังติดตามอยู่แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม แต่เราจะมาต่อให้เร็วที่สุดไม่ได้หายไปไหนนะ T T

รอ มาร์คกับ ธนัวาด้วยนะทุกคน T T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-11-2014 07:46:27
แค่รู้ว่าคนเขียนไม่ได้หายไปไหนก็อุ่นใจแล้วค่ะ
รอได้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 30-11-2014 08:38:39
ตอนนี้เครียดแทนธันละ555
ค้างตอนที่ธันจะได้เจอหน้าแม่ยายพอดี โอ๊ย รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] MR.CHU ~ รักนี้เงียบไว้หรือบอกไป.. (จบ) / ชี้แจงนิดหน่อย 23/11/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-12-2014 20:41:01
รอรอรอรอรอ  :katai5: