ตอนที่ 10.2
วันนี้เป็นวันที่เจ็ดซึ่งครบกำหนดที่ผมต้องพาหมาไปส่งคืนที่เดิมของมัน กระเป๋าเป้ใบเล็กยัดเสื้อผ้าที่ผมซื้อให้ พร้อมเครื่องเขียน ผมไม่ได้พูดอะไรตอนกินโจ๊กมื้อเช้า มันก็พยายามชวนคุยแต่ก็ยิ้มแห้งๆหัวเราะแกนๆ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกโหวงเหวง นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ มันเหมือนอยากคุยอะไรกับผม ผมก็เหมือนกัน แต่… พูดไม่ออก
อยากจะบอกให้อยู่ต่อ ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ก็กลัวจะดูเป็นตาลุงแก่หวังจะเคลมเด็ก มันอาจจะหวาดผวาจนวิ่งหนีผมไปเลยก็ได้ เดี๋ยวก็ได้เจอกันน่า
“ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมอยู่ด้วย”
“อ๋อ ไม่เป็นไร”
ผมไม่ได้มองมัน จ้องไปแค่ถนนข้างหน้าที่เริ่มเห็นหอมันแล้ว
“งั้น … ไว้ไปกินข้าวกันนะครับ”
“ได้สิ โธ่ทำมาพูดเพราะ คิดถึงอ่ะดิ”
“โห่ว ใครจะคิดถึงลุง ไม่มีทั้งนั้นอ่ะ”
เงียบอีกครั้ง ผมน่าจะตอบมันต่อไม่น่าเงียบ มันเลยเงียบ เฮ้อ … คุยไม่เก่งเลยวะกู ผมด่าตัวเองไปมาจนกระทั่งเสียงริงโทนเพลงร็อควัยรุ่นดังขึ้น
“แหะๆ แม่โทรมา ขอรับนะครับ”
“อือฮึ”
“โหลม๊า ว่าไงอ่ะ ว่างๆคุยได้เช้าไม่มีเรียน อ๋อออ อั๊วขาหักอ่ะ กลับบ้านก็ลำบากหน่อยเพราะต้องไปรถทัวร์ไง ไว้ดีขึ้นแล้วอั๊วไปหา โอ้ยๆ ไม่ต้องมา มีเพื่อนอยู่เพียบ ไอ้เชนไงม๊า เออเชนห้องวิทย์นั่นแหละรูมเมทอั๊วไง ม๊าก็เคยเจอนี่ แล้วม๊ามีเรื่องไรอ่ะ อ๋อ … ไอ้บูบู้หรอ มันทำไมอ่ะม๊า มันแอบวิ่งไปบ้านลุงชาติอีกแล้วหรอ ห๊ะ … อะไรนะม๊า !!!!!!!!!!!!!!”
ผมสะดุ้งกับเสียงตะโกนมัน เกิดอะไรขึ้น? ผมหันไปมองตาเรียวก็น้ำตาคลอหน่วยแดงก่ำ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก ไม่รู้อีกฝ่ายพูดอะไรแต่มันได้แต่พยักหน้าส่งเสียงอือในลำคอ จนกระทั่งวางสายมันถึงหันมาสบตาผม
“ละ.. ลุง … บูบู้ … น้องสาวผม … ฮือออออออออออ”
มันปี่แตกร้องไห้ออกมาน้ำตาเม็ดโตๆไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายจนผมตกใจ
“เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ แล้วตอนนี้บูบู้อยู่ไหน ?”
“อยู่โรงบาล ฮือออ แม่บอกอาการหนักมาก ทำไงดีลุง .. ถ้า .. ถ้าเกิด บูบู้กลับมาเดินไม่ได้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
มันยกมือปิดหน้าตัวสั่นพร่าผมเลยดึงมันเข้ามากอดแน่นๆ
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปเยี่ยมบูบู้กัน โอเคมั้ย อย่าร้องไห้ ถ้าบูบู้เห็นเขาจะไม่มีกำลังใจ”
มันพยักหน้าหงึกๆ สองมือกำเสื้อผมขยำยู่ยี่ ผมลูยหัวทุยๆโยกตัวไปมาเหมือนโอ๋เด็กจนเจ้าตูบมันเริ่มนิ่ง
“ลุงพาผมไปจริงนะ …”
“ไปสิ เดี๋ยวโทรลางานเสร็จไปกัน บ้านอยู่ไหนล่ะ?”
“อยุธยาครับ …”
ผมขับรถออกมาจากหอพักไอ้ตูบมุ่งตรงสู่อยุธยา อย่างน้อยผมก็เป็นหมอถ้าเกิดโรงพยาบาลที่อยุธยาอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ไม่พอ ผมจะได้ติดต่อส่งตัวมาที่กรุงเทพ ผมจัดการลางานโดยให้เหตุผลว่ามีผู้ป่วยด่วนขอไปดูอาการ ซึ่งทางโรงพยาบาลก็เข้าใจ
เพราะมีเคสแบบนี้ที่หมอต้องไปดูเองอยู่บ้าง
เจ้าตูบนั่งกัดเล็บคิ้วขมวดแน่นตั้งแต่ขับรถออกมาจนผมต้องดึงมือมันมากุมไว้หลวมๆ
“อย่ากัดเล็บ”
“ผม … กังวล ผมกลัว …”
“อย่าเครียด เข้าใจมั้ย ถึงมือหมอแล้วยังไงก็ปลอดภัย”
“ขอบคุณครับลุง .. ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนผม ไม่งั้นผมอาจจะยังยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นก็ได้ ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ”
ผมบีบมือมันเบาๆ มันก็ยกมืออีกข้างเช็ดน้ำตาป้อยๆให้ผมปลอบกระงุ้งกระงิ้งอีกสักพัก มันก็สัปปะหงกหลับไปหัวชนกระจกตุ้บๆ จนผมทนไม่ไหว จอดข้างทางเอื้อมตัวปรับเบาะให้มัน หยิบสูทที่แขวนด้านหลังมาห่าให้อีกชั้น
“เฮ้อ … เลี้ยงหมามันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง”
- ---------------------------------------------------------------------- --
ขอโทษจริงๆค่ะที่มาสั้นๆ พอดีตอนนี้ช่วงรับน้องค่ะ ต้องอยู่ในมหาลัยดึกทุกวันเลย T^T ไม่โกรธกันน้า