ปฏิญญาพิเศษ : บทแทรกน้ำข้นพิเศษ
กาลเวลาหมุนผ่านเปลี่ยนแปรผัน
ใจคนนั้นแปรเปลี่ยนได้ด้วยรัก
เวลาเป็นตัวช่วยให้สมัคร
ให้ตระหนักถึงความจริงภายในใจ
หลังจากที่เข้ามาอยู่ในตำหนักวสันตมาลี ทุกค่ำคืนก็มีแต่ตกอยู่ใต้ร่างของสุริยาผู้ครอบครอง เจ็บปวดทุกราตรีถึงรุ่งสาง อ่อนแรงลงเพียงใดถ้ายังมิเต็มอิ่มก็มิทรงปล่อยให้ได้พักหายใจ แม้จะพยายามไม่คิดอะไร แต่บางครั้งก็ทรงอดที่จะตัดพ้อในโชคชะตาของตนไม่ได้
ไม่มีสิทธิ์จะขัดขืน ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ได้แต่ทน ทน และทน
สิ่งที่ยึดหัวใจดวงนี้เอาไว้ ก็คงเป็นสัญญาที่ได้รับมา... แม้อาจจะไม่ได้อย่างที่คำมั่น แต่อย่างน้อย.. ก็เป็นที่พึ่งทางใจ
เฝ้ารอ... รอวันที่จะได้กลับไปอยู่ใต้ปีกที่คอยปกป้องภัยอันตรายจากภายนอกของเจ้าพี่ที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของพระองค์
แม้นจะไม่สมกับชายชาตรี... แต่นั่นก็เป็นความเคยชินที่สั่งสมมามากกว่าสิบปี... ยากนักจะเปลี่ยนผัน
“โอสถเพคะ”ถ้วยแล้ว ถ้วยเล่า ทั้งขมทั้งฝาด สุดจะเบื่อ สุดจะทานทน... แต่จำยอมต้องดื่มทุกอรุณ ด้วยหน้าที่... ที่ไม่ได้เต็มใจจะรับมัน
ร่างเพรียวก้าวออกมาจากห้องสรง กวาดพระเนตรแลเห็นผู้เป็นเจ้าของตำหนักก้าวออกไปด้านนอก พระองค์อดที่จะแอบถอนหายใจไม่ได้...
อย่างน้อยก็ทนรับแต่ยามค่ำคืน
“องค์ศศินเพคะ”เสียงที่ไม่คุ้นหูดึงความสนใจของผู้ที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง “องค์ศศิน หม่อมฉัน น้อย เพคะ ฝ่าบาททรงส่งหม่อมฉันให้มารับใช้พระองค์เพคะ”
“องค์อินทัชส่งเจ้ามาหรือ”
“เพคะ”นางขานรับเสียงใส นางกำนัลวันแรกรุ่น ผิวขาวเนียน ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู เหมาะกับรอยยิ้มที่สดใสยิ่งนัก แม้นจะไม่ได้สวยหยาดเยิ้มปานนางสวรรค์ แต่ก็มองดูเพลินตา ชุดที่สวมใส่แต่งต่างจากนางกำนัลที่เดินไปมาอยู่บ้างด้วยมีเครื่องเงินประดับกาย มิใช่ทองแดงเช่นนางอื่น นั่งคุกเข่าอยู่ข้างพระองค์อย่างเรียบร้อย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะน้อย”รอยยิ้มอ่อนโยนคลี่ส่งให้อย่างเป็นมิตร พาลเอาหัวใจดวงน้อยพองโต “ต่อจากนี้ข้าก็ขอรบกวนหน่อยนะ”
“มิได้เพคะ”บ่าวตัวน้อยหมอบกายลงกับพื้นอย่างกลัวเกรง “หม่อมฉันมีหน้าที่รับใช้พระองค์อยู่แล้ว มิได้รบกวนอันใด”
ดวงตากลมโตฉายแววตกอกตกใจ นางหมอบตัวสั่นระริกจนร่างเพรียวอดไม่ได้ที่จะย่อกายลงไปลูบไล้หลังนวลเพื่อปลอบโยน
นางกำนัลวัยสาวแอบเหลือบตาขึ้นมองผู้เป็นนายอย่างฉงน องค์ชายผู้มียศศักดิ์สูงศักดิ์ แม้ว่าจะทรงเป็นเชลยจากต่างแดน แต่ก็ทรงได้รับสิทธิให้อยู่ในตำหนักที่กว้างใหญ่ ได้รับเกียรติ์ที่สูงเชื้อพระวงศ์ต่างแดนองค์อื่น ๆ มากมายไม่น้อยเลย
แต่ก็มิทรงถือองค์ว่ายิ่งใหญ่ อีกทั้งยังทรงลดองค์ลงมาหานางกำนัลธรรมดาอย่างนางด้วย...
การได้มารับใช้องค์ชายต่างแดนอาจจะดีกว่าที่คิดเอาไว้ก็เป็นได้กระมัง
“เราจะไปเดินรอบ ๆ เสียหน่อย เจ้าจะไปกับเราไหม น้อย”เสียงอันอ่อนโยนเอ่ยถามนาง หลังจากที่นางหายสั่นและยันกายขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างพระวรกายพระองค์แล้ว
“ไปเพคะ องค์ชาย”น้อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ สุภาพ เรียบร้อย สมกับเป็นกุลสตรีชาววังที่ได้รับการอบรมอย่างดีตั้งแต่ยังเล็ก
องค์ศศินแย้มยิ้มบาง ก่อนที่จะทรงก้าวเดินออกไปนอกพระตำหนัก สู่สวนพฤกษาที่สวยงาม ทั้งพืชดอก ไม้ผล ถูกปลูกไว้ และหมั่นจัดแต่งให้งดงาม สมเป็นพระราชวังแห่งอุษณกร เมืองที่มั่งคั่ง และเปี่ยมอำนาจที่สุดในแดนดิน
“ดอกไว้ที่นี่มีมากมายนัก”รอยยิ้มอ่อนโยนฉาบทับบนดวงหน้าหวาน “หลากหลายพันธุ์ยิ่งกว่าที่วสุนธรารวมกันทั้งเมืองเสียอีก”
“เช่นนั้นหรือเพคะ”น้อยทวนถามอย่างสนใจ แต่เล็กมานางมิเคยได้รับรู้ถึงเมื่ออื่น ๆ เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ กระตุ้นต่อมนางนัก
“ใช่แล้วล่ะ”ศศินตอบกลับอย่างแผ่วเบา ดวงเนตรที่ฉายแววเศร้าหมองเหม่อมองมวลบุปผาตรงหน้าอย่างอาลัย “ที่วสุนธรานั้นหนาวเย็นเกินกว่าที่จะปลูกอะไรได้มากมาย พืชพันธุ์หลายชนิดเมื่อโดนกระแสลมอันโหดร้ายก็พากันล้มตาย แห้งเหี่ยวไปเสียเยอะ”
“เช่นนั้นแล้ว... จักมีพืชพรรณใดให้ชาวบ้านได้เก็บกินหรือเพคะ”ในอุษณกรที่นางอยู่นั้น ไม่ว่าจะเมื่อใดก็มีผลไม้ให้ได้เก็บมาทานกันเสมอ แต่ถ้าต้นไม้ล้มตาย... จะมีอะไรตกถึงท้องคนที่ไม่มีฐานะกันเล่า
“ธรรมชาติมิได้โหดร้ายถึงขนาดที่ไม่เหลืออะไรให้เลยนะ น้อย ยังพอมีพืชผลบางชนิดทนต่อความหนาวเย็น ออกดอกออกผลให้ได้ประทังชีวิต แม้จะมิได้มีมากมายเท่าที่แห่งนี้ แต่ก็พอจะให้ผ่านพ้นวันคืนอันโหดร้ายไปได้”จ้าวจันทราเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“แต่ถึงกระนั้น ก็คงยากลำบากมากใช่ไหมเพคะ”นางกำนัลสาวน้อยจำไมถามกลับไปอีก ก่อนที่จะสะดุ้ง เมื่อรู้ตัวว่าถามอะไรที่เกินขอบเขตของนายบ่าวมากเกินไป “หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉัน...”
“แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างจะดูเลวร้าย แต่ถ้าเราทำใจกว้างยอมรับในสิ่งที่เกิด ทำใจรับในสิ่งที่มี ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ลำบากเพียงไหน เราก็จะผ่านมันไปได้”ร่างเล็กดูสูงใหญ่ขึ้นทันทีในสายตาของนางกำนัลรับใช้ ในคราแรกนางคิดอยู่ว่าเจ้านายของนางผู้นี้คงเป็นองค์ชายผู้อ่อนแอต่างเมืองธรรมดา... เท่านั้น “น้อย ชีวิตไม่ได้สวยหรู ถ้าไม่รู้จักคำว่ายากลำบาก ก็มิรู้จักคำว่าสุขสบายเช่นกัน พวกเจ้าถือกำเนิดในเมืองที่อุดม ถือเป็นบุญที่ทำมาแต่ปางก่อน... แต่ถ้าเจ้ายึดมั่นกับสิ่งที่เห็น สิ่งที่มี ยามที่เจ้าต้องทุกข์ ก็คงยากจะก้าวพ้น”
“องค์ชาย...”รอยยิ้มบางเบาคลี่ส่งให้นาง ก่อนที่จะหันหลังให้
“เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ เราอยู่แถวนี้ล่ะ”
“เพคะ”
ร่างเพรียวก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางที่รายรอบด้วยมวลบุปผางดงาม กลิ่นหอมจรุงใจ แต่ก็ไม่อาจทำให้ใจที่ฟุ้งซ่านสงบลงได้...
แม้จะดูนิ่งเฉยอยู่แทบจะตลอดเวลา แต่ใช้ว่าใจของพระองค์จะสงบ อยากส่งข่าวให้พระมารดาและพระเชษฐารู้เรื่องราว แต่ก็อับจนหนทางที่จะทำดังใจ...
หรือจะทรงคิดมากเกินไป
ถ้าบอกตามตรงกับสุริยภาสวรไปว่าทรงต้องการส่งข่าว ก็อาจจะได้รับอนุญาต และช่วยเหลือในการส่งข่าวก็เป็นได้...
ไม่ลองก็คงไม่รู้กระมัง
แล้ว... ในเวลานี้องค์ภาสวรจะทรงประทับอยู่ที่ใดกันนะ
ศศินคคนานต์ย่างก้าวเดินไปเรื่อย ๆ จนเข้ามาในเขตที่แปลกตา กลิ่นดอกไม้รุนแรงขึ้นกว่าข้างนอกที่เดินผ่าน สีสันก็สดสวย ยั่วยวนนัก... หรือเป็นเขตของนางห้าม?
แม้จะทรงเอะพระทัย แต่ความอยากรู้ก็มีมากกว่าสิ่งอื่นใด เจ้าจันทราต่างถิ่นจึงเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ข้างหน้าเป็นศาลากลางแจ้งหลังงามกลางบ่อบัวที่มีดอกบัวหลากสีสันแข่งกันชูช่อ มีต้นไม้ใหญ่ในความร่มเย็นมากมาย เป็นการดีที่พระองค์ได้แอบดู
ความสามารถที่แม้แต่เจ้าพี่ก็มิทรงทราบ... มือเรียวยึดเกาะ ขาส่งแรง ปีนป่ายต้นไหมใหญ่ขึ้นไปนั่งมอง ใช้ใบสีเขียวขจีนั้นพรางกาย
สาวงามร่างเปลือยเปล่าทอดกายอย่างยั่วยวน ขาเรียวงามนั้นอ้ากว้างให้บุรุษหนึ่งเดียวในที่แห่งนั้นได้ล่วงล้ำเสียงครางกระเส่า กรุ่นกลิ่นกามาแผ่กระจาย
เสียงกรีดร้องอย่างสุขสมดังขึ้น ก่อนที่เสียงนวลเนื้อกระทบกันจะหยุดลง หญิงสาวที่พระองค์ทรงเห็นใบหน้าได้ชัดเจนกว่าบุรุษที่หันหลังให้นั้น หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะลุกขึ้นหมอบกายให้กับผู้ที่สูงศักดิ์กว่าอย่างนอบน้อม
แม้จะเห็นแค่เพียงแผ่นหลัง ใช่ว่าพระองค์จะจำมิได้ว่าคนผู้นั้นคือใคร...
ผู้ที่ให้สัญญากับเขาว่าจะจะเลิกมากรัก จะไม่ทอดทิ้งพระองค์
ผู้ที่เขากำลังตามหา...
เจ้าของตัวเขา... สุริยภาสวร
น่าน้อยใจนักเชียว...
++++++++++++++++++++
มาก่อน 50% 55555 อืดมากมาย TT
// วิ่งหลบรองเท้า ใกล้จะฉาก... ละค้า ฟฟฟฟ