-29-
http://www.youtube.com/watch?v=TSseYFijH8Qคิด....ไปเอง II
ผ่านไปจนเป็นอาทิตย์หนึ่งที่ผมไม่ได้เจอเขา ผมอยากออกบ้านแทบตายแต่พ่อไม่ให้ผมออก โทรศัพท์ผมก็ไม่มี เรื่องอินเตอร์เน็ตนี่ตัดทิ้งได้เลย
เวลาผ่านไปจนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวบอกพ่อผมไปว่าผมมีงานต้องทำ
“งานอะไร คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ยิ่งทำก็มีแต่จะยิ่งเสีย”
“แต่ผมสัญญาไว้แล้วกับอาจารย์กับพี่ผู้จัดการ ถ้าคุณยังคิดว่าผมควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปคุณก็ควรคิดด้วยสิว่าคนที่ผมสัญญาไปแล้วเขาจะคิดกับผมอย่างไร เขาจะคิดถึงตระกูลจิราเดชโภคินยังไง”
“...”
“เขาคงมองว่าคนในตระกูลนี้ผิดสัญญา ไร้ความรับผิดชอบ”
“เออ จะทำอะไรก็ทำ” เรื่องแค่นี้เอง ทำไมผมคิดไม่ออกอยู่เสียนานนะ เรื่องงานผมไม่ได้โกหกแต่เป็นงานที่ผมจะเริ่มทำตอนไหนก็ได้เพราะอาจารย์ไม่ได้กำหนดวันเริ่ม ส่วนพี่เป้าเองผมก็รู้จักพี่เขามานิดหน่อย เพราะปีที่แล้วผมก็ทำงานร้านพี่เขา พี่แกถูกใจผมด้วยแหละผมเลยได้รับอภิสิทธิ์เข้าเริ่มงานเมื่อไหร่ก็ได้
ผมขอโทรศัพท์คืนและออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่มีอะไรติดตัวนอกจากเสื้อผ้าโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน พอออกจากบ้านได้ผมก็ตรงไปหาแรมถึงคอนโดกะจะเซอร์ไพร์ส แต่เขาไม่อยู่... พอโทรถามก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ห้างXXXกับน้องเม ผมรู้แล้วว่าอะไรทำให้แรมยอมมาเดินห้างเป็นเพื่อนน้องเขา
เพราะเมอ้างว่าผมใช้ให้เธอมาเป็นเพื่อนแรม
ผมไม่ได้บอกความจริงกับแรมหรอก แต่ก็ไม่ไว้หน้าเมเท่าไหร่เหมือนกัน ผมชวนแรมไปทำอาหารที่คอนโดเขาเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พอผมได้โทรศัพท์คืนก็มีสายเรียกเข้ามากมายเหลือเกินเมื่อเปิดดูก็พบว่ามีสายของอาจารย์และพี่เป้าอยู่ด้วย(เห็นสายของแรมด้วยแค่นี้ผมดีใจแล้วที่เขายังไม่ลืมผม) ผมโทรกลับหาอาจารย์ อาจารย์แกก็บอกให้ผมมาช่วยได้แล้วเพราะกำลังคนไม่พอ ผมเลยตอบไปว่าจะไปช่วยแกวันพรุ่งนี้ พอๆกับพี่เป้าที่โทรเข้ามาเพราะมีลูกจ้างลากออกไปสองคนทำให้พนักงานไม่พอเลยอยากให้ผมรีบไปช่วยในวันพรุ่งนี้
เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องใช้เวลาในวันนี้ที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด แม้ว่าเมจะให้แรมไปส่งเธอพร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เธอเคยเล่าให้ผมฟังแล้วซ้ำอีก คงเพราะอยากให้ผมแน่ใจว่าเธอทำอย่างนั้นกับแรมจริงๆ พอถึงบ้าน ผมพาลนึกไปถึงเรื่องที่น้องเคยบอก ‘ปรสิตน่ารังเกียจที่หลอกเขามาตลอด’ นั่นทำให้ผมจุกจนแทบพูดไม่ออก แม้สุดท้ายผมจะพอข่มอารมณ์นั้นเก็บไว้ได้และแสดงอารมณ์ร่าเริงอย่างที่เคยทำมาตลอด ผมไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะต้องยิ้มเสมอของผมง่ายๆหรอกครับ
พอถึงคอนโดเขาจะรู้ไหมว่าผมคิดถึงเขาแทบบ้า ผมดีใจแค่ไหนที่เขากอดผม ผมดีใจแค่ไหนที่เขายอมทำตามคำขอของผม และผมดีใจแค่ไหนที่เขาอนุญาตให้คนอย่างผมนอนกับเขาได้อีก
หลังจากที่โดนเมตอกย้ำเรื่องความจริงมานั้นทำให้ผมเกรงเขาไปแปปนึงก่อนจะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด อยู่กับเขาให้นานที่สุดอย่างที่ผมต้องการ ผมกอดเขาตอนนอน ฟังเสียงหัวใจของเขาที่ทำให้ผมสงบได้เสมอนั้นก่อนผล็อยหลับไปอย่าง่ายดาย
ผมตื่นเช้ากว่าเขาเล็กน้อย พอมานึกว่าผมโชคดีแค่ไหนที่ได้ตื่นมาเจอคนรักอย่างเขามันก็อดไม่ได้ที่จะจูบเขา ผมอยากแสดงความเป็นเจ้าของ อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นของผมและผม...ก็เป็นของเขา
...............แต่ดูเหมือนเขาจะไม่คิดอย่างนั้น
อยู่กับเขาตอนเช้าได้ไม่นานนักผมก็ต้องไปทำงานตามที่รับปากไว้ งานที่ช่วยอาจารย์แกเป็นงานไม่ยากแต่เยอะครับ ต้องคอยไปห้องสมุดหาข้อมูลนู่นนี่นั่นโน่นให้อาจารย์มากมาย กว่าจะทำให้เสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องไปทำงานที่ร้านอาหารพี่เป้าพอดี ผมทำงานที่ร้านอาหารตั้งแต่สี่โมงเย็นจนถึงสี่ทุ่มครับ มารทอนสุดๆแต่เพราะเงินดีแถมพี่เป้าใจดีเลยยอมครับฮ่าๆ
วงจรชีวิตผมเป็นอย่างนี้สักพักจนเห็นแรมเข้ามานั่งกินข้าวร้านพี่เป้า นั่นทำให้ผมตกใจไม่น้อยเลยล่ะครับ เราได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์อยู่บ้างแต่สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ชิงหลับก่อน การที่เขามาหาผมถึงที่นี่เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าผมใจพองโตแค่ไหน แค่นี้ก็มีกำลังใจในการทำงานต่อมากโขแล้วครับ!
แต่เขาก็ไม่ได้มาหาผมบ่อยนักหรอกครับ ผ่านไปหลายวันแล้วแต่ผมก็ยังไม่เห็นเขาเสียที แม้จะรู้ว่าเขาคงไม่ว่างมาทุกวันหรอกแต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบหวังจะเจอเขาอยู่ดี
คิดถึงจังเลย....
เป็นเอามากนะตัวผมเนี่ย ไม่ได้เจอไม่กี่วันก็คิดถึงแทบคลั่ง ช่วยไม่ได้นี่ก็ผมรักเขามากขนาดนี้
...
พออยู่คนเดียวนานเข้าผมก็เริ่มสติแตก มันแย่เอามากๆจริงๆนะครับที่เวลาอยู่คนเดียวแล้วคิดฟุ้งซ่านอยู่นั่น โดยเฉพาะคำพูดของเมที่ยังตามมาหลอกหลอนผมทุกครั้งที่ผมเหม่อ ผมยอมรับว่าผมกลัว...กลัวแรมรู้ว่าที่จริงแล้วผมไม่ได้มีอะไรเลย ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคม ผมกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องนี้แล้วความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไปไหม เมื่อผมไม่ใช่คนเลิศเลอสมบูรณ์แบบอย่างที่เขาคิด...
ผมฟุ้งซ่านอีกแล้ว...
ผมเชื่อใจเขานะครับ ป้าสิเคยบอกว่าสิ่งสำคัญของคนรักกันคือการเชื่อใจ เพราะงั้นผมเชื่อว่าเขาคงไม่รังเกียจผมหรอก......มั้ง ง่ะ ถึงจะเชื่อเขาแต่ก็อดหวั่นๆไม่ได้อยู่ดีนี่นา ไม่ ไม่ ผมควรเชื่อเขา แม้ว่าผมจะไม่ได้มีฐานะดีอะไรอย่างที่เขานึกแต่เขาต้องไม่รังเกียจผมแน่ๆ ก็เขาเป็นคนดีเสียขนาดนั้น
เฮ้ออ... เรื่องนี้เพื่อนๆของผมก็ไม่มีใครรู้ยกเว้นไอ้ซัน ผมในความคิดของพวกเขาคือคิดที่เก่งสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่ากลุ้มใจในชีวิตเลยสักนิด แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่เลย... บางทีผมก็อึดอัดที่ต้องเป็นคนในความคิดของพวกเขาแบบนี้ แต่ผมก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะบอกความจริง แม้จะมั่นใจว่าเพื่อนทุกคนที่ผมคบมาต้องไม่รังเกียจผมแน่ๆถ้ารู้ความจริง แต่ผมกลัวสิ่งที่ตามมาต่างหาก
กลัวว่าพวกเขาจะสงสาร...
ซึ่งนั่นผมไม่ต้องการ
ผมคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยหลังจากที่ลูกค้าน้อยๆไม่ค่อยมีอะไรให้ผมทำแล้ว ผมเริ่มเหงาและนี่มันไม่ดีเลย ผมอยากร้องไห้ชะมัด
“คิด เลิกงานได้ละ วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยดีกว่า คนน้อย”
“ห้ะ”
“ฮ่าๆๆ เอ๋อไรไอ้บ้านี่ เลิกงานแล้วเว้ย กลับๆๆๆ” จู่พี่เป้าก็มาไล่ผมที่นั่งเหม่ออยู่ในร้าน บทสรุปคือพี่แกจะปิดร้านเร็วหน่อยนั่นแหละครับผมดูคนไม่น่าจะมากันแล้ว งี้ผมก็เลิกงานแล้วอ่ะดิ!
ดูเวลาก็พบว่านี่พึ่งสองทุ่ม! ไม่รอช้าผมรีบโทรไปหาแรมทันที ในใจหวังว่าจะได้เจอเขาเสียที แต่สุดท้ายก็แป้วเพราะแรมบอกไม่ว่างเสียอย่างนั้น ผมเลยโทรหาคนอื่นๆ ทั้งไอ้นัน ไอ้เปอร์ไอ้ฟุ้งไอ้ส้นหรือแม้แต่ซิงกับโฟร์ที่ไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่
แต่ทุกคนกลับไม่ว่างเหมือนกันหมดเลย
ผมเศร้าหน่อยๆนะที่พอตัวเองว่าแต่คนอื่นดันไม่ว่างเนี่ย แต่ไม่เป็นไรยังเหลือไอ้ซันอีกคน...ไอ้ซันหรือจริงๆชื่อซีซังเป็นเพื่อนเก่าสมันมอปลายของผมครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากดื่มแอลกอฮอล์ขนาดนี้ อาจจะเพราะผมเหงา? ผมอยู่คนเดียวนานเกินไป? หรือเพราะคำพูดของเมที่ทำให้ผมอยากดื่มเหล้าย้อมใจ
อันที่จริงมันถูกทุกข้อแหละครับ
อารมณ์มันหม่นๆมัวๆมานานหลายวันแล้วครับ ถ้าได้ปลดปล่อยคงจะดี
“ฮัลโหลววววววว”
“ว่าไงไอ้ลูกชาย”
“ฮ่าๆๆ ซันว่างมั้ยคืนนี้”
“หืม มีไรป่ะ?”
“อยากแดกเหล้า”
“ไอ้เด็กใจแตกกกก ฮ่าๆๆๆ จะมามั้ยล่ะ ตอนนี้กูอยู่ร้านXXเนี่ย หรือให้กูไปรับ”
“เอ้ยยยไม่ต้อง มึง...แดกกับเพื่อนๆมึงอยู่หรอ งั้นไม่เป็-”
“เห้ยยย ไม่เอากูว่าง มานี่มาอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปรับ”
“เอาจริงดิ.....ไม่ต้องมารับกูหรอก เดี๋ยวไปเอง บอกที่หน่อย”
“เออโอเคๆ อยู่....” ไอ้ซันอธิบายร้านของมัน ผมฟังไปฟังพาก็พอนึกออกอยู่ เพราะอยู่แถวๆร้านพี่โดมพี่ศิษย์เก่าที่คณะน่ะครับ ผมโบกรถไปไม่นานก็มาถึง
“ไอ้คิดๆๆ มานี่ๆ” ผมมองหาไอ้ซันอยู่สักพักก่อนเห็นมันโบกมืออยู่ที่โต๊ะ ผมเดินไปหามัน
“มาเจอกันทั้งทีนี่มึงไม่คิดจะสูงขึ้นหน่อยเลยหรอวะ” ไอ้ซันว่าพลางเอามือลูบหัวผม
“สัด!” กูสูงได้กว่านี้กูทำไปนานแล้ว วุ้ว อย่าเอาปมด้อยมาล้อดิ
เห็นหน้ามันแล้วอารมณ์ดีขึ้นหน่อยๆ ไอ้ซันเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุดแล้ว และก็เป็นมันนี่แหละที่ห่วงผมเสียยิ่งกว่าใครๆ ถ้าไม่ติดว่ามันชอบผู้หญิงผมคงจีบแม่งไปแล้ว (อ๊ะ แต่ตอนนี้ผมมีแรมแล้วไม่นอกใจหรอกครับ) ผมรู้จักกับมันจากเหตุบังเอิญหลายๆอย่าง จากที่เป็นคนรู้จักก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันเฉย ผมว่าผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอมันในชีวิตนี้ ถึงจะจัญไรไปบ้างแต่มันเป็นคนโคตรดี หลายๆคนแซวว่าผมเป็นลูกมันซึ่งนั่นไม่ได้เกินจริงอะไรเลย ไอ้ซันดูแลผมเหมือนลูกมันจริงๆจนผมนึกสงสัยเล่นๆว่าใครเป็นจะแม่ผมวะ ฮ่าๆๆๆ
มันเป็นคนเดียวที่รู้ถึงครอบครัวผม มันไม่ได้รังเกียจอย่าที่ผมกลัว และไม่ได้ทำตัวสมเพชหรือสงสารผมด้วย กลับกัน มันยังคงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่ามันเอ็นดูผมมากจริงๆนะ
“อ้ะๆ มึงหยุดเลยนั่นแก้วกู เอานี่ไปของมึงกูสั่งให้แล้ว” ไอ้ซันว่าพลางยื่นขวดสปายสีฟ้ารสใหม่ให้ผม...สปายย สปายยย!! สปายอ่ะนะ!! แค่สปายเองผมจะไปเมาได้ไงเล่า
“เพื่อนมึงหรอไอ้ซัน แนะนำกูหน่อยดิ้”
“เออเพื่อนสมัยมอปลายกูชื่อคิดมีผัวแล้ว”
“พ่อง!!!!!”
“อ้าว ยังหรอ เห็นไอ้นันว่ามึงลงเอยกับแรมแล้วนี่”
“ก็ใช่ แต่...แต่ยังเว้ยย สัสนี่” ผมโวยวายใส่มัน ผมเป็นแฟนกับแรมเฉยๆนะ ไม่ใช่ผัวเมีย มันเหมือนกันนะครับ!!
“ฮ่าๆๆๆๆ เออวุ้ย ไอ้คิดนี่เพื่อนที่คณะกู ไม่ต้องไปจำชื่อพวกแม่งหรอก รกสมอง”
“อ้าวๆ ไมพูดงี้วะ”
“ยุ่งไร แล้วมึงเป็นไรวะนึกอยากแดกเหล้ากับกู คิดถึงป๋าหรอจ้ะ”
“ครับ คิดถึงป๊ามากเลย เมื่อไหร่จะหาแม่ให้คิดซะทีอ่ะ” ผมว่าแบ๊วๆกวนตีนมันกลับ
“สัส พอ! ไม่เล่นก็ได้” ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ผมขำกร๊ากเมื่อพูดถึงแม่สมมติของผม ไอ้ซันเห็นเป็นคนดีอย่างนี้แต่หาแฟนไม่ได้สักทีครับ เพราะมันดีเกินไปนั่นแหละ ช่วยเหลือชาวบ้านเขาไปทั่วจนคนที่มันเคยจีบนึกว่ามันแค่ชอบช่วยเหลือเฉยๆ ไม่ได้จีบเขา นึกแล้วขำ
“แล้วนึกครึ้มอะไรมาแดกเนี่ย เพื่อนมึงอยู่ไหนกัน”
“พวกแม่งไม่ว่างอ่ะ ติดธุระกันหมด” ผมว่าพลางเริ่มจิบสปายในมือ โถ่ไอ้ซันอ่ะ ผมอยากดื่มเหล้ามากกว่านะ
“อื่ม” ไอ้ซันว่าแค่นั้นก่อนจะเอื้อมมือมันมาลูบหัวผมเบาๆ เพราะไม่ได้เจอใครเลยรึเปล่านะ พอมันมาลูบหัวผมแล้วรู้สึกดีจัง
เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืน ไอ้ซันบอกให้ผมพอได้แล้วเมื่อดื่มสปายไปขวดที่หก ผมยังไม่เมานะจริงๆ แค่มึนๆนิดหน่อย ไม่เมานะจริงๆกะอีแค่สปายเอง ไอ้ซันพาผมนั่งซ้อนมอไซค์มันโดยกำชับว่าให้จับมันให้แน่น ห่วงอะไรขนาดนั้นวะ ผมไม่เมาสักหน่อย ถ้าผมเมาป่านนี้คงร้องไห้จ้าไปแล้ว....
ว่าแล้วก็คิดถึงแรมจัง....ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ ทำธุระเสร็จหรือยัง? ผมไปหาเขาได้ไหม?
คิดถึงไอ้พวกเพื่อนบ้าๆนี่ด้วย ทำไมไม่ว่างมาเจอผมสักคนเลยนะ นึกหงุดหงิดที่ตัวเองว่างไม่ตรงกับชาวบ้านเหมือนกันแต่ช่วยไม่ได้นี่นา ผมต้องใช้เงินนี่ ไม่งั้นคงมีเวลาไปนั่งก๊งกับพวกมันแล้วล่ะ
คิดถึงจัง....คิดถึง...ทุกคนเลย....คิดถึง......
ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย
มันเหงา
...
ไอ้ซันขับมาจอดรอไฟแดงตรงทางแยกเล็กๆที่หนึ่ง ผมเบื่อที่จะนั่งมองไฟจราจรนี่เฉยๆเลยหันไปมองวิวรอบๆแทน... ตรงข้างซ้ายเป็นร้านพี่โคมอย่างที่ผมรู้ ร้านยังคงคึกคักเหมือนเดิมแม้จะเที่ยงคืนแล้ว แล้วผมก็สังเกตเห็นเงาคนที่คุ้นเคยอย่างดี คนที่ผมเฝ้ามองมาตลอด
แรม.......
กับเม...
ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ ทำไมล่ะ ผมขอให้เขาไม่ไปไหนมาไหนกับเมแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมล่ะ..?
เมเบียดสีแรมอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะโต๊ะที่เขานั่งมันอยู่แถวๆหน้าร้านริมถนนด้วยล่ะมั้งผมถึงเห็นพวกเขาชัดขนาดนี้...... ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ด้วยกัน ไหนแรมบอกว่าติดธุระ? หรือธุระที่เขาว่าคือมาเที่ยวที่นี่กับเม?
ผมลงจากรถมอเตอร์ไซค์ แม้ว่าจะติดไฟแดงอยู่ก็ตาม ไอ้ซันตะโกนโวยมาข้างหลังแต่ผมไม่ได้สนใจ ในเมื่อคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดอยู่ตรงหน้าผมเสียขนาดนี้ ผมอยากเจอเขาเหลือเกิน
พอเดินเข้าร้านไปร้านที่น่าจะเปิดเพลงเสียงดังหนวกหูกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเมื่อภาพตรงหน้าแทบตัดทุกประสาทสัมผัสของผม ภาพเมจูบแรม และเขาก็ไม่เห็นมีท่าทีสะดุ้งเหมือนอย่างที่ผมจูบเขาเลย... แรมนั่งนิ่ง นิ่งมากปล่อยให้เมประกบปากเขาอยู่นานก่อนจะผละออกช้าๆ
ผมเจ็บ…
...ผมผิดหวัง
ทุกอย่างดูเงียบมากขึ้นเมื่อแรมเห็นผม และไม่ใช่แค่แรมคนเดียวที่อยู่ที่นี่.... เพื่อนๆ เพื่อนๆของผมก็ต่างอยู่ที่นี่กันหมด ทำไมล่ะ ไหนว่าไม่ว่างไง? ไหนว่าต้องกลับบ้านไง ไหนไอ้ฟุ้งว่ามีนัดกับเพื่อนเก่าไง แล้วทำไม....? ทำไม...ถึงมาอยู่ที่นี่กันหมดเลยล่ะ
ทำไมทั้งๆที่ทุกคนอยู่กันครบ.....ทำไมถึงไม่มีผมล่ะ?
ทำไมล่ะ?
ผมพยายามยิ้มให้พวกเขา ยิ้มให้แรมที่ทำหน้าอึ้งเสียจนผมอยากตลก เอาน่าเรื่องขำๆ ก็แค่...ไม่มีผมอยู่ในวง จะมานึกน้อยใจทำไมกัน ก็แค่พวกมันแอบผมมากินเหล้าเหมือนทุกทีเพราะไม่มีใครอยากดูผมตอนเมา ก็แค่เหตุผลตลกๆแค่นี้
ทำไมผมถึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่กันนะ
ยิ่งมองภาพยิ่งเบลอขึ้นทุกที ผมพยายามยิ้ม สูดลมหายใจเข้าไปช้าๆแม้ทีแรกเกือบจะลืมวิธีหายใจไปแล้วก็ตาม
“ฮะๆ มากันไม่ชวนกูเลยนะ” ทั้งๆที่อยากให้มันเป็นเรื่องขำๆแค่นั้น ก็แค่ทุกคนรวมหัวบอกผมว่าไม่ว่างแล้วมานั่งสุมหัวกันอยู่ตรงนี้ แค่นั้นเอง
ทำไมเสียงถึงสั่นขนาดนี้นะ
“...อะ.. คิด...”
“...คิดครับ”
“....แรม” ผมหันไปหาเขา เห็นเขาลางๆกับเมที่กอดเขาแน่นอยู่ ผมเสียใจ
“คิด...ผม...”
“...แรมทำอย่างนี้ทำไม....”
“คิด คือว่าผม...”
“แรม...ผิดสัญญาคิดทำไม? ....แรม....โกหกคิดทำไม? แรม.......ทำแบบนี้ทำไม” ไม่เห็นต้องถามซ้ำเลยเมื่อคำตอบมันน่าจะเป็น เพราะผมคงสำคัญไม่พอ ไม่สำคัญพอจะให้รักษาคำสัญญา ไม่สำคัญพอที่จะพูดคำสัตย์ ไม่สำคัญ.....
กับเพื่อนๆก็คงเหมือนกัน....
ทั้งๆที่ผมคิดว่าพวกเขาสำคัญที่สุดในชีวิตผมแท้ๆ ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น คิดว่าพวกเขาก็คงเห็นผมสำคัญเหมือนกัน .....ทำไมผมถึงคิดว่าตัวเองสำคัญพอที่จะไปนั่งในวงเหล้านั่นกันนะ แล้วกะอีแค่ไม่มีผมอยู่ในวงเหล้าทำไมมันถึงทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออกได้ขนาดนี้กัน
ตลกดีจัง...
“คิด พวกกู....”
“ฮะๆๆ เอาเถอะ ขำๆ ...ก็แค่มาแดก...เหล้าโดยที่...ไม่มีกู....กูรู้.....พวกมึงคงไม่อยากให้กูเมา....กูรู้...ว่าไม่มีใครอยากดูกูหรอก...กูรู้ว่ามัน.....น่ารำคาญจะตาย....ฮึก”
ก้อนสะอื้นที่ผมพยายามอั้นมันไว้กลับทรยศออกมา
“ก็แค่...ก็แค่ทุกคนบอกกูว่าติดธุระ ฮึก...ฮะๆๆๆ ฮะ...”
“คิด กู..กู....” ไอ้นันทำท่าจะเข้ามาหาผมแต่ผมถอยหนี
ผมคงไม่ใช่....ไม่ใช่คนสำคัญพอของพวกมันอย่างที่ตัวเองคิดไปเอง เป็นแค่ตัวถ่วงน่ารำคาญอย่างที่พ่อกับเมว่า
“คิดครับ”
แรมคว้าจับข้อมือผมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ผมสะดุ้งเฮือก เขามองผมด้วยสีหน้าอย่างไหนกันนะ ภาพมันเบลอมากจนผมดูไม่ออกเลย ผมพยายามยิ้มให้เขา ยิ้มสิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ห้ามร้องไห้นะ.......ทำไมครั้งนี้ถึงทนไม่ได้กัน
“แรม...พอ...พอเถอะครับ....พอแล้ว” พอแล้ว....เมชนะ ชนะผมอีกแล้ว
ทั้งๆที่ผมเชื่อใจแรมแท้ๆ
ทั้งๆที่เชื่อใจเขามาเสมอว่าเขาจะไม่ทรยศผม ไม่โกหกผม
ทำไมประสบการณ์ที่อยู่กับครอบครัวผมไม่ทำให้ผมสำนึกสักทีนะ คงเพราะผมทำตัวเป็นไอ้โง่ขาดความรักมาตลอด พอเจอเขาผมก็แทบไม่เผื่อใจถึงเรื่องที่เขาจะโกหกผมได้เลย
ผมควรจะหยุด
ทำไมกัน...ทั้งๆที่รักแรมมากขนาดนี้ ทั้งๆที่รักเขามานานขนาดนี้ ทั้งๆที่...คิดถึงเขามาตลอดแท้ๆ....
ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
ผมแกะมือแรมออกอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ผมคิดว่าจะพาผมออกจากที่บ้าๆนี้ได้ เขาคงหน้าเสียที่เห็นผมตอนนี้ อันที่จริงผมไม่ควรโผล่มาในตอนนี้เท่าไหร่ ทุกคนคงคิดอย่างนั้น
ปล่อยให้ผมโง่อยู่ในความคิดของตัวเองก็ดีแล้วแท้ๆ คิดว่าตัวเองจะมีโลกใหม่ มีคนที่รักมากมาย มีเพื่อนฝูงดีๆห้อมล้อม ผมคงคิดไปเองอยู่คนเดียวในเมื่อสิ่งที่พวกเขากระทำมามันตรงกันข้ามกับความคิดผมสิ้นเชิง...
คิดผิด...อีกแล้ว...
“คิดครับ มันไม่ใช่...คิดฟังผมนะครับ” เสียงของเขาดังแว่วๆข้างหู ผมเงยหน้าขึ้นไปหาเขา ดูเหมือนเขาจะพยายามพูดอะไรต่อ
“แรมทำแบบนี้ทำไม.....” สิ่งที่ทำให้ผมทรมานที่สุด...
“แรมจูบเมทำไม.....”
“...คิดคร-”
“นั่นน้องคิดนะ!” ถึงผมจะไม่ชอบเมแต่เธอก็เป็นน้องผม เป็นน้องสาวคนเดียว แต่ผมไม่ได้นึกเป็นห่วงเมอะไรมากไปกว่าการที่เขากล้าทำกับเมทั้งๆที่รู้ว่าเป็นน้องผม
ทั้งๆที่เรายังคบกันอยู่...
“เราคบกันอยู่จริงๆหรอ?.....แรมยังรักเราอยู่รึเปล่า”....เป็นสิ่งที่ผมคิดในใจและโพล่งถามมันออกไปพร้อมๆกัน
ผมน้อยใจ.... ที่ผ่านมามีแต่ผมที่ดูเหมือนจะรุกเขาเป็นบ้าอยู่คนเดียวโดยที่เขาไม่เคยทำอะไรให้ผมก่อนเลย...มีแต่ผมที่เข้าหา เข้าหาจนบางทีผมยังรู้สึกรำคาญตัวเองที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขามากขนาดนี้ แต่แม้ว่าเขาจะไปเคยทำอะไรเพื่อผมก่อนผมก็ยังปักใจเชื่อเขาอยู่ดี ว่าเขารักผมจริง...
คิดผิดอีกแล้วหรือเปล่า........?
สำคัญตัวผิดอีกแล้วรึเปล่า....?
น้ำตาหลายหยดเอ่อล้นทะลักออกมาโดยที่ผมไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ผมร้องไห้เหมือนคนบ้า ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยล่ะ แค่อยากจะมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างผมไม่มีสิทธิ์นั้นเลยใช่ไหม ทำไมล่ะ ทำไม ทั้งๆที่พยายามมากขนาดนี้แล้วแท้ๆ
พยายามตั้งใจเรียนให้ได้เกรดดีๆเผื่อว่าพ่อจะชื่นชมผมบ้าง
พยายามทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนให้ได้จบปริญญาสูงๆ
พยายามเป็นคนดีเพื่อนๆจะได้ชอบจะได้รักจะได้เป็นที่พึ่งพาของทุกคน
พยายามเป็นคนรักที่ดีทั้งๆที่ไม่เคยคบกับใครมาก่อน
พยายามไม่งอแงอะไรมากทั้งที่ใจจริงอยากจะหึงอาละวาดไปทั่ว
พยายามทำความเข้าใจว่าเขาเป็นคนซื่อตามใครไม่ทัน
พยายามเปิดใจเชื่อใจทุกคนที่เป็นเพื่อน
ทำไมล่ะ? ผมยังพยายามไม่พอหรอ?
แล้วต้องทำอีกแค่ไหนกัน? ถึงจะมีโลกที่ผมอยู่ได้
ผมควร....ทำอะไรต่อไป?
“คิดพอแล้ว” เสียงไอ้ซันดังมาจากข้างหลังก่อนมันจะคว้าผมเข้ากับอกมัน
“.............ซ....ซัน......”
“.......ซัน...กู...กู...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเปอร์ นัน ไม่ต้องพูดแล้ว”
“....กู..”
“คิดครับ”
เสียงคนเคยคุ้นเคยยังคงดังไม่หยุด ผู้คนที่ผมคิดถึงจากใจจนอยากเข้าไปกอดให้ทั่ว แต่คงทำไม่ได้แล้ว ในเมื่อไม่มีใครต้องการแล้วนี่...
‘เกิดมาก็รกโลก’ คำพูดของพ่อดังก้องในหัวผม ประโยคที่ผมปฏิเสธพ่อมาตลอด ผมเชื่อว่าทุกชีวิตบนโลกนี้มีค่า ผมก็แค่ปลอบใจตัวเอง...
เมื่อไม่มีใครต้องการผมอีก...
ผมจะเกิดมาทำไม?
หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจากมือที่มองไม่เห็น มันแน่นไปหมด และมันก็เจ็บ... เจ็บจนทุกประสาทสัมผัสหยุดทำงานรับรู้ได้อยู่ที่เดียว
ใจสลายเป็นยังไง...
...ตอนนี้ผมรู้ซึ้งมันดีแล้ว
_________________________________________________________

จริงๆเมื่อวานกะจะอัพสักเที่ยงคืนน่ะค่ะ แต่เมนส์เล่นงานจนปวดท้องนอนแหมบตายไปก่อน orz
ขอโทษคนที่รอด้วยนะคะะะะะะ
สำหรับเรื่องพ่อคิด
เพราะพ่อคิดเป็นคนที่แคร์สังคมมากกว่าทุกสิ่งค่ะ
พอทำแม่คิดท้องแล้วตัวเองก็ถูกประนามเลยเกลียดคิดแบบสุดๆ แย่เนอะ....
แต่เราเชื่อว่าคนแบบนี้มีมากในประเทศไทยนะคะ

เลยหยิบยกมาเขียน
ส่วนทางแม่คิดเองก็ไม่ต่างกันค่ะ ครอบครัวแม่คิดก็ไม่ยอมรับที่ลูกท้องแถมเป็นชู้ชาวบ้านเสียเท่าไหร่
แม่คิดเลยต้องมาทนอยู่กับพ่อคิดอย่างนี้
และเพราะแม้แต่ครอบครัวแม่ก็ไม่สนใจคิด จะไปขอใช้นามสกุลแม่เห็นทีคงทำไม่ได้น่ะค่ะ

ชีวิต....
คิดจมอยู่กับความเศร้าความผิดหวังมาตลอด
พอมาเจอแรมตัวเองก็หวังว่าจะได้มีความสุขกับเขาบ้าง แต่กลับโดนพระเอกเราทำร้ายกว่าเก่า
แงงงงงงงง
เรตติ้งพระเอกตกแบบไม่เหลือชิ้นดี โฮฮฮฮ *กอดทุยน้อย*
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะะะะ รักคนอ่านทุกคนนน

________________________________________________
ตอบเม้น เม้นที่889 นะคะ