สามสิบนาทีหลังจากนั้น วารินในชุดนอนขายาวสีขาวผ้านิ่มเนื้อดี กำลังยืนชงกาแฟดำอยู่ที่ห้องครัว นึกเกลียดคำว่า ‘กาแฟ’ ของคนสั่งจริง ๆ เอาขึ้นไปให้ทีไรไม่เคยได้กลับลงมา ต้องป้อนกันถึงปากเสียทุกครั้ง
เผลอแอบคิดว่าวันนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ธาราธารทำงานมาทั้งวันคงจะเหนื่อยและหมดพลังไปแล้ว เผลอๆอาจจะนอนหลับไปแล้วด้วยซ้ำ
“กำลังนึกว่าพรุ่งนี้จะให้ช่างมาติดแอร์ที่ห้องเล็กหลังบ้านอยู่พอดี”
กาแฟร้อนหอม ๆถูกบรรจงวางลงบนโต๊ะ เขานั่งรออยู่ที่ห้องหนังสือ วารินมองดูหนังสือที่เขากำลังอ่าน ตำราแพทย์เล่มโตเนื้อหาทางกายภาพวิทยา นึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจกลับมายังต้องมานั่งอ่านหนังสือเรียนอีก
“ถ้าบอกให้ขึ้นมานอนข้างบนพี่คงไม่ยอม งั้นตึกเล็กติดแอร์มันเสียทุกห้องเลยก็แล้วกัน”
“ธารนอนเถอะนะ ดึกมากแล้ววันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อดีไหมหนังสือน่ะ”
“พี่ทราย” วารินว่าแล้วจะเดินกลับออกไปแต่เขาเรียกเอาไว้ก่อน
“ผมลืมมือถือไว้ใต้หมอน เดินเข้าไปเอาให้หน่อยสิ”
ห้องหนังสืออยู่ติดกันกับห้องนอนของเขา เพียงแค่เปิดบานประตูเชื่อมออกก็สามารถเดินเข้าออกระหว่างสองห้องนี้ได้เลย วารินหันมองเขานิดหน่อยก็จำใจเดินไปที่ประตูเชื่อมเปิดมันออก แสงไฟหรี่สีส้มที่หัวเตียงถูกจุดไว้รออยู่แล้วกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ระรวยรินทั่วห้อง ขณะวารินก้มลงหยิบหยิบโทรศัพท์ที่ใต้หมอนใบนุ่มออกมา ไม่ทันจะได้เดินพ้นจากขอบเตียงด้วยซ้ำ มือใหญ่เข้าผลักร่างเล็กกดลงบนที่นอนหนานุ่มของเขาด้วยความรวดเร็ว
“ธาร!”
“บอกไว้แล้วนี่ วันนี้จะลงโทษหนัก เพราะพี่ไม่ยอมให้ผมทำที่นั่น ความผิดพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เอาธาร พี่เหนื่อยง่วงนอน”
“อย่ามาโกหก เหนื่อยอะไรกันเห็นคุยกับใครสีหน้าร่าเริงขนาดนั้น? อย่าคิดว่าผมไม่เห็นนะ ท่าทางสนิทสนมกันมากเลยนี่”
เขาว่าแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ กอดเอววารินไว้แน่น ไม่ยอมให้อีกคนลุกได้
“บอกผมหน่อยสิ พี่คุยกับใครเหรอ? ผู้หญิงคนนั้น” เขาแกล้งกัดไหล่เล็กเบา ๆ ผ่านเสื้อนอนบาง ๆ ที่วารินสวมใส่
“เพื่อนเก่าน่ะ ไม่เจอกันเป็นสิบปีแล้ว”
“แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าเป็นแฟนเก่า”
วารินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่คิดจะบอกออกไปหรอกว่าเคยชอบฟางข้าวถึงขนาดถ่อไปขอเบอร์มาแล้ว นี่ขนาดแค่คุย เขายังถามซอกแซกขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเคยชอบผู้หญิงคนนี้ รับรองคืนนี้โดนจัดจนถึงเช้าแน่
“นอนนี่แหละนะ นอนด้วยกัน ง่วงแล้ว”
เขาพูดว่าง่วงแล้วแต่ปลายจมูกโด่งแสนซนของเขาเริ่มฝังลงซุกไซ้กับซอกคอหอมกลิ่นนม ขณะที่ฝ่ามืออุ่นเริ่มล้วงผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้เอวบางอย่างนุ่มนวล
ที่จริงแล้ววารินควรจะสะท้านกับรสสัมผัสของเขามากกว่านี้ แต่เพราะคำพูดแบบนั้นของชนาธิปที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว จึงทำให้ความรู้สึกดี ๆ ที่ควรจะมีหดหายไปหมด ร่างกายเริ่มต่อต้านเขาขึ้นมา
“ธาร”
วารินเรียกแล้วลุกขึ้น มือเล็กยันร่างเขาไว้ ธาราธารชะงักแล้วเงยหน้ามองทันที
“เข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ” ว่าแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป
ในห้องน้ำที่มีแท่นดินปั้นเล็ก ๆ จุดเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์กลิ่นรวยรินกระจายไปถึงด้านนอก วารินมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้า ในสมองยังเต็มไปด้วยคำบอกเล่าของชนาธิป ยิ่งธาราธารมาทำแบบนี้ด้วยก็ยิ่งคิดมาก
“พี่ทราย”
เสียงทุ้มดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำที่วารินไม่ได้ปิดเอาไว้ เรียกให้วารินต้องหันขวับไป
“เป็นอะไรรึเปล่า? สีหน้าพี่ไม่ค่อยดีนะ” เขายืนเท้าแขนกับกรอบประตูมองคนที่ยืนอยู่ด้านใน เขาช่างสังเกตมากจริง ๆ
“เปล่า ไม่มีอะไร” วารินค่อยแทรกกายเดินผ่านออกมา
“ธาร พี่ลงไปนอนข้างล่างได้ไหม คือว่า....” ยังว่าไม่ทันจบแขนเล็กก็ถูกเขากระชากแล้วดึงไปเหวี่ยงลงบนเตียงทันที ร่างกายสูงใหญ่ขึ้นทาบทับอย่างไม่รอช้า
“เป็นอะไร”
วารินเลี่ยงไม่อยากมองเขา “เปล่า ใจเย็น ๆ ธาร”
“ถ้าเปล่าจริง ๆ ก็ต้องนอนที่นี่”
“อย่าธาร ไม่เอา” วารินปัดมือเขาออกทันทีที่เขาทำท่าจะแกะกระดุมเสื้อของวารินออก
“ทำไม?” คราวนี้เขาหน้าเครียดขึ้นมาแล้วจริง ๆ “หรือว่าอยากจะให้ผมใช้กำลังเหมือนเมื่อก่อนอีก”
“พี่...ไม่มีอารมณ์น่ะ”
“ไม่เป็นไรนะ เชื่อมือผมเถอะ เดี๋ยวจะทำให้ร้องดัง ๆ เลยดีไหม”
พอวารินตอบออกมาแบบนั้นเขาดูผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อยกระตุกยิ้มนิดๆ มือไม้เริ่มสอดเข้าลูบไล้เรือนกายนุ่มนิ่ม ส่งเสียงกระซิบลงที่ริมหูเล็ก “ไม่ใช้มือแกะแล้วก็ได้ เดี๋ยวใช้ปากค่อย ๆ แกะดีกว่านะ”
วารินจนใจที่จะขัดขืน หลับตาลงปล่อยให้เขาใช้ริมฝีปากค่อย ๆ ปลดเปลื้องกระดุมออกที่ละเม็ด ทีละเม็ด ในที่สุดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายก็หลุดออกมาจากร่าง เขายืดตัวขึ้นถอดเสื้อที่สวมใส่ออกทางศีรษะ นัยน์ตาคมกริบกวาดมองร่างเปลือยเปล่างดงามอย่างชื่นชมหลงใหล ในขณะที่วารินยังคงพริ้มตาแน่น
หัวใจทำไมต้องเฝ้านึกถึงแต่คำพูดบ้า ๆ แบบนั้นของชนาธิปด้วยก็ไม่รู้
“พี่ทราย” ธาราธารพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าขณะสอดมือเข้าที่แผ่นหลังเนียนแล้วรั้งร่างเล็กขึ้นมาแล้วจูบลงที่ซอกคอขาวเนียนไล่ขบเม้มไปจนถึงริมฝีปากสวย เขาตักตวงความหอมหวานของกลีบปากนุ่มและเรียวลิ้นเล็กอย่างอ่อนหวานระคนเร่าร้อน
จูบของเขาทำให้วารินอ่อนระทวยเหมือนทุกครั้งก็จริงแต่จิตใจกลับไม่อาจมีความสุขไปกับรสสัมผัสที่เขามอบให้เลยเมื่อนึกไปถึงว่าเขาเพิ่งจะมอบจูบที่เร่าร้อนแบบนี้ให้กับใครอีกคน
จู่ ๆ ดวงหน้าสวยน่ารักก็พลิกหลบจุมพิตดื่มด่ำของเขา ธาราธารชะงักทันทีจ้องมองกิริยานั้นอย่างงงงัน โดยเฉพาะเมื่อวารินพลิกตัวนอนตะแคงดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายส่วนล่างแล้วหันหลังให้เขา
“พี่ทราย?” เสียงทุ้มครางเรียก หากแต่วารินไม่ยอมตอบ ธาราธารชั่งใจครุ่นคิดก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากกับลาดไหล่เนียน ค่อย ๆ ไล้ไปตามเรียวแขนสวย
“ธาร” เสียงเล็กเรียกสั่นพร่า ในยามที่เขาลากไล้ริมฝีปากลงไปจนถึงเอวบางเนียนนุ่ม
“กับชนาธิปธารก็ทำแบบนี้ด้วยเหมือนกันใช่ไหม? จูบที่เร่าร้อนแบบนี้ ธารชอบจูบคนที่ธารนอนด้วยทั้งเนื้อทั้งตัวทุกคนนี่นะ”
ธาราธารละตัวขึ้นทันที ขยับขึ้นมาดึงไหล่บางให้พลิกกลับมาหาเผชิญหน้ากับเขาไม่เบาเลย จ้องหน้าวารินนิ่ง
“คุยอะไรกับชนาธิปมาใช่ไหม” เขาถามเสียงเข้ม
“เมื่อกี้ที่งานเลี้ยงก่อนผมจะเดินเลี่ยงไปห้องน้ำเห็นชนาธิปเดินเข้าไปหาพี่ คุยเรื่องอะไรกัน เขาพูดอะไรให้ฟังใช่ไหม”
วารินหันไปอีกทางไม่อยากตอบเขา ปัดมือเขาออก
“พี่หึง?”
“ไม่ได้หึง”วารินสวนขึ้นทันที
“อย่ามาโกหก ไม่หึงแล้วจะงอนผมแบบนี้ทำไม”
“พี่ไม่ได้งอนนะ ธารนั่นแหละ มีคนของตัวเองอยู่แล้วจะมายุ่ง.....”
“ปากพี่นี่ยั่วผมได้ดีเยี่ยมจริง ๆ เลยนะ ตลอดอ่ะ ว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงแล้วแต่ก็โดนยั่วเข้าจนได้” วารินพูดไม่ทันจบเขากดไหล่เล็กลงที่เตียงทันที กระชากผ้าห่มออกไปให้พ้นร่างกายคนใต้ร่างอย่างนึกรำคาญ
“ฟังนะ ฟังดี ๆ วันนั้นผมจูบกับเขาจริง ผมเมามากเห็นหน้าเขาเป็นหน้าพี่ตั้งหลายหน แต่เราไม่มีอะไรกัน แค่จูบ”
“แต่ธารกอดเขา นอนกอดเขาไว้ทั้งคืน”
“ใช่ ผมกอดเขาจริง ผมผิด โอเคจบนะ”
“ธารขี้โกง”
“อย่าพูดเรื่องคนอื่นเลยได้ไหม เลิกคิดเลิกพูดเรื่องเครียดๆ ผมอยากให้พี่รู้ไว้นะ ผมไม่เคยมีใครอื่นอีกนับตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจบอกรักพี่แล้ว”
วารินเบิกตามองเขาทันที ธาราธารไม่เคยเอ่ยคำๆนี้กับเขานานแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่องจนเขาคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ฟังมันจากปากของเขาคนนี้อีกแล้ว
“เชื่อใจผม”
.....เชื่อมั่นในความรักของผม..... “...ธาร...”
“วินาทีนี้ผมเป็นของพี่แล้ว อย่านึกถึงคนอื่น อย่าคิดถึงคำพูดใคร ผมคนนี้เป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น...พี่ทราย”
วารินสะท้านน้อย ๆ ทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น ริมฝีปากร้อนงับเม้มลงบนจุดชีพจรบนลำคอขาว สัมผัสที่สร้างความรู้สึกเสียวซ่านบาดอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ร่างเล็กเปลือยเปล่าบิดสะท้านขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง พร้อมๆกับเสียงครางผะแผ่วในลำคอถูกระบายออกมาอย่างซาบซ่านในอารมณ์
เขาละริมฝีปากร้อนออกจากซอกคอหอมกรุ่น ไล่พรมจุมพิตไปทั่วทั้งร่างและมาหยุดลงที่ยอดอกชูชัน ตั้งใจเก็บเกี่ยวความหอมหวานให้สาสมกับที่รอคอยมาตลอดทั้งวัน ริมฝีปากร้อนและเรียวลิ้นนุ่มดูดดึงอย่างเร่าร้อนกระหายหิว ร่างเล็กแอ่นสะท้านราวกับจับไข้ เสียงหวานครางเครือต่อเนื่องกับความไม่รู้จักอิ่มของเขา
วารินหน้าแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์เสน่หา มองเห็นแล้วว่าเขากำลังค่อยเคลื่อนตัวต่ำลง จนกระทั่งเรียวขาสวยถูกมือแข็งแรงดันให้แยกห่างออกจากกัน หน้านวลยิ่งซับสีหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นนัยน์ตาคมกริบจับจ้องนิ่งอยู่ที่ปราการทางด้านหลังขณะที่แท่งสวยชูชันชุ่มเยิ้มไปด้วยหยาดหยดน้ำค้างใส
“ยะ..อย่ามองนะธาร”
อายจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว เมื่อได้เห็นสายตาทอดนิ่งของเขาเฝ้ามองสิ่งหวงแหนของตนอย่างหลงใหล
“อายทำไม ผมเห็นไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว เพิ่งจะมาอายเอาป่านนี้?”
เขาว่ายิ้มๆ ขณะมือผลักสองขาเรียวที่พยายามจะหุบเข้าหากันให้แยกกว้างออกยิ่งกว่าเดิมเพื่อให้เขาได้เห็นอย่างเต็มสายตา เอื้อมตัวมาเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงหยิบอะไรบางอย่างออกมา
วารินหลับตาลงแน่น ไม่อยากมองแล้วว่าเขากำลังจะทำอะไรอีกบ้างจนกระทั่งรับรู้ถึงสัมผัสเย็นจากปลายนิ้วแข็งแรงที่กรีดไล้ตรงรอยแยก นวดวนอยู่รอบ ๆ ก่อนจะค่อยแทรกสอดปลายนิ้วร้อนเข้ามาผ่านผนังนุ่มนิ่ม ขณะเดียวกันมีบางอย่างนุ่มชื้นแตะสัมผัสเข้าที่ส่วนชูชันและครอบลงจนจบมิดขณะที่นิ้วร้ายเริ่มขยับเข้าออก เขาโจมตีจุดอ่อนไหวพร้อมกันอย่างไม่ปราณีส่งผลให้ร่างบอบบางแอ่นเกร็งสะท้านไปกับความเสียวปลาบรุนแรง ยิ่งเขาใช้ริมฝีปากร้อนดูดดึงที่ส่วนหัวจนเกิดเป็นเสียงน่าอาย วารินยิ่งสะท้านครางเสียงออกมาอย่างเต็มที่กับรสสัมผัสแสนรัญจวน
เขาถอนริมฝีปากออกจากส่วนนั้นเมื่อเห็นว่าวารินเริ่มจะไม่ไหว ยังไม่อยากให้ไปถึงเส้นของฟ้าก่อนอยู่ฝ่ายเดียว ปลายลิ้นร้อนกวาดไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้วของซอกนุ่มหยุ่น น้ำค้างใสยังคงไหลปริ่มออกมาอย่างน่าตีเป็นที่สุด
“กลั้นไว้ก่อน รอไปพร้อมผม” เขาเงยหน้าขึ้นมากระซิบสายตาเต็มไปด้วยไฟเสน่หา วารินส่ายหน้าอย่างทนไม่ไหว เขาบอกให้กลั้นเอาไว้ก่อนหากแต่ไม่ยอมละเรียวนิ้วร้ายกาจที่สอดแทรกเข้า ๆ ออกๆอยู่ที่ส่วนอ่อนไหวนั้น
“ผมไม่อยากให้พี่เจ็บมาก อดทนนิดนึงนะ”
“อ้ะ...” นิ้วที่สองที่สอดแทรกตามเข้ามาสร้างความคับตื้อเพิ่มขึ้นอีก วารินเกร็งร่างเมื่อเขาเริ่มขยับปลายนิ้วอีกครั้ง ขณะที่ริมฝีปากตรงเข้ารูดรั้งทั้งดูดทั้งเล็มเร่งเร้าไปทั้งสองอย่างควบคู่กัน วารินเสียวซ่านแทบขาดใจ
“ธ...ธาร พี่ไม่ไหว”
เสียงครางเร่าร้อนท่อนขาเรียวรัดไหล่เขาไว้แน่น เมื่อรู้สึกถึงเกลียวคลื่นที่พัดวนรุนแรง สัญญาณที่บ่งบอกว่าจุดสุดยอดแห่งความปรารถนากำลังจะมาเยือน
“ชู่ว์อย่าเพิ่งไป รอผมก่อน”
เขาเลื่อนกายขึ้นมากระซิบจับวารินพลิกคว่ำเปลี่ยนท่วงท่า ดวงตากลมลืมขึ้นอย่างงุนงง ภาพสะท้อนดวงหน้าแดงก่ำของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่หน้าตูเสื้อผ้าทำเอาวารินถึงกับอึ้งไป เขาเปลี่ยนมาทำที่มุมนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ธาร....ธาร...”
เสียงเล็กพึมพำเรียกชื่อเขา สายตาจับภาพสะท้อนของร่างสูงใหญ่ในกระจกกำลังรั้งสะโพกมนของตัวเองยกสูงขึ้น กว่าที่วารินจะได้ตั้งตัว บางสิ่งที่ร้อนแรงและอลังการกว่านิ้วมือมากมาย ก็สอดแทรกเข้ามาภายในกายอย่างดุดัน วารินผวาเฮือกมือเล็กกำจิกผ้าปูที่นอนแน่นพร้อมส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด “อื้ออ..”
“พี่ทราย” เขาโน้มใบหน้าลงมากระซิบ “เจ็บนิดเดียวนะ ผมไม่ไหวแล้ว ร่างกายพี่ทำผมแทบคลั่ง ทนนิดนึงนะครับคนดี”
“ธ...ธาร...”
วารินข่มความเจ็บปวด ตอบเขาด้วยน้ำเสียงขาดห้วงเป็นระยะตามแรงที่เริ่มขยับ แรงบีบรัดจากช่องทางคับแคบที่ถูกล่วงล้ำเข้าไปบีบรัดเขาแน่นเหลือเกิน อีกทั้งเจ้าของร่างนุ่มนิ่มยังเกร็งตัวกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา มือหนานวดคลึงบั้นท้ายอวบอิ่มเพื่อให้อีกคนผ่อนคลาย จนกระทั่งเมื่อเขารู้สึกได้ว่าอาการเกร็งของอีกฝ่ายลดลงแล้ว จึงกระชับจับเอวบางไว้มั่นก่อนจะกระแทกร่างเข้าหาถี่ ๆ เพื่อนำพาตัวเองไปจนสุดทาง
“ธาร!” วารินร้องลั่นเรียกชื่อเขา ใบหน้าเล็กฟุบลงไปกับที่นอนนุ่ม “ธาร..อื้ออ...อื้อ..”
“ทำแบบนี้ ทำแบบนี้แล้วจะไม่เจ็บ” ธาราธารหยุดขยับสะโพก แต่ยังไม่ยอมถอนร่างออกไป ดึงแขนเล็กจับบังคับให้สอดผ่านเข้าใต้ร่างเจ้าตัว มือใหญ่เข้าประคองมือเล็กให้รูดรั้งแก่นกายเร่าร้อน
“ขยับนะ แล้วจะไม่เจ็บ ทำไปพร้อม ๆ กับผม”
เสียงครางเสียวซ่านจากคนตัวเล็กที่เขาจับบังคับให้ทำกับตัวเอง ดังลั่นขึ้นเป็นเท่าตัว ความรู้สึกเจ็บปวดจุกแน่นถูกแทนที่ด้วยความกระสันเสียวไปตามหน้าท้องลามลงไปจนถึงปลายขา เขายังจับมือเล็กเข้ารูดรั้งอยู่ไม่ห่างขณะที่สะโพกแกร่งเริ่มขยับไปพร้อม ๆ กัน
“พี่ทราย..” เสียงสั่นพร่าดังจากด้านหลัง “เงยหน้าขึ้นหน่อย ผมอยากเห็นหน้าพี่”
วารินเงยหน้าขึ้นตามที่เขาบอก ดวงตาสวยแดงก่ำด้วยฤทธิ์พิศวาส
“มองไปที่กระจก มองผมให้เต็ม ๆ ตา”
เขาบอกวารินเช่นนั้น แต่เป็นตัวเขาต่างหากที่กำลังจับสายตาคมดั่งเหยี่ยวอยู่ที่ร่างกายเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับตัวเขา วารินหน้าร้อนผ่าว ยิ่งเห็นก็ยิ่งอายรีบเบือนสายตาหลบไปทางอื่น
“อายเหรอ? ไม่ต้องอายหรอก ดูซิเราสองคนทำอะไรกันอยู่”
เขาโถมร่างกายใส่ เอ่ยเสียงปนหอบ ภาพสะท้อนที่กระจกแสดงถึงบทรักเร่าร้อน มือใหญ่จับเอวขอดกระชากรั้งให้ขยับรับแรงกระแทกถี่เร็วตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้น วารินครางออกมาอย่างลืมแล้วซึ่งความอาย มือเล็กขยับรูดรั้งส่วนเร่าร้อนของตัวเองทั้งแรงทั้งเร็ว จนใกล้จะถึงจุดแตกดับ
“ธาร...อื้อ..ธาร..” เสียงเล็กครางอ้อนวอน เขาโอบท่อนแขนรั้งตัวบอบบางให้ยืดตัวขึ้นจูบลงไปที่ต้นคอหอม กระซิบชิดลงที่ริมหูเสียงกระเส่า
“ไปพร้อมกัน...อ่าา”
นัยน์ตาคู่สวยฉ่ำปรือ มองสบดวงตาคมที่สะท้อนอยู่ในเงาของกะจก เห็นเขากัดฟันข่มกรามแน่น ดวงหน้าคมเข้มบิดเบี้ยวด้วยความทรมานระคนกระสันรุนแรงไม่ต่างไปจากตัวเอง สะโพกแข็งแกร่งถูกเร่งจังหวะจนถึงขีดสุด เสียงครางต่ำดังลั่นห้อง กลีบนุ่มนิ่มตอดรัดร้อนผ่าวด้วยแรงเสียดสีของความแข็งแกร่งกำยำ
เขาปัดมือเล็กของวารินที่ขยับของตัวเองออกแล้วเข้าปรนแปรอให้ด้วยฝ่ามือองเขา จังหวะที่เขามอบให้ทั้งสองจุดร้อนทำเอาวารินครางฮือขึ้นมาอีกหน ร่างกายเล็กมิอาจทานทนต่อรสพิศวาสของเขาได้อีกต่อไปแล้ว เสียงกรีดร้องแห่งความสุขสันต์ดังระงมเมื่อเขาสวนกายกระแทกเข้าหาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่หัวใจดวงเล็กจะโค้งสูงแตะเส้นขอบฟ้า ธารรักร้อนแรงพวยพุ่งออกมาเลอะเต็มมือของเขา
ธาราธารเองก็ไม่ต่าง เขาปล่อยเสียงครางลั่นยาว ขณะที่ความเร่าร้อนภายในกายฉีดพล่านพุ่งเข้าสู่ความอ่อนนุ่มที่บีบรัดความแข็งแกร่งของเขาอยู่ ร่างกายเบาโหวงราวกับว่ากำลังจะหลุดลอยไป กายหนาขยับทาบทับลงไปที่แผ่นหลังเนียนนุ่มที่ฟุบคว่ำลงไปกับที่นอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง อ้อมแขนแกร่งตวัดกอดรัดร่างกายบอบบางนั้นไว้ราวกับว่าเป็นของรักของหวงที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลกหล้า ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ไหล่ขาวเนียน เขาชอบขบไหล่เล็กเล่นมากจริง ๆ
“นี่คือบทลงโทษ” เขากระซิบ
“ลงโทษ?”วารินทวนคำพยายามจะหันมามอง
“ลงโทษคนที่ชอบยั่วให้ผมโมโห ยั่วให้ผมโกรธ ลงโทษคนขี้หึงแล้วยังปากแข็งว่าตัวเองไม่ได้หึง”
จมูกซุกซนของเขาซอกแซกแถว ๆ ต้นคอเล็ก วารินย่นคอหนีอีกฝ่ายก็ยังตามมาไม่ยอมปล่อยให้ห่าง
“ไม่คิดอะไรมากแล้วใช่ไหม เรื่องชนาธิปผมยืนยันได้ผมไม่มีอะไรกับเขาแน่นอน เชื่อใจผมต่อไปขึ้นมานอนกับผมที่นี่นะ ได้ใช่ไหมครับ”
“ธาร” พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น วารินรีบลุกขึ้น ยื้อกายออกจากวงแขนของเขา ธาราธารมองตามอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ธารต้องการพี่ ๆจะขึ้นมาหา แต่ถ้าหากจะให้พี่ขึ้นมานอนที่นี่กับธารพี่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ พี่อยากให้ธารตระหนักถึงสถานะของเราทั้งคู่ด้วย”
“คืออะไร??”
“ธารเคยบอกไว้เองว่าพี่อยู่ที่นี่ในฐานะคนรับใช้ เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เวลาที่ธารอยากและต้องการ คำพูดของธารพี่....”
....พี่ไม่เคยจะลืมลงได้เลย.... “พี่ทราย...”
ดวงตาคมกริบแดงก่ำเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่เขาเคยพูดทำลายหัวใจคนที่เขารักไปแบบนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าเล็ก
เขารู้...ในตอนนั้น เขาเคยพูดสิ่งเลวร้ายมากมายกับคน ๆ นี้
เขารู้...เขาทำเรื่องไม่ดีและรุนแรงมากมายใส่ เพียงเพื่อให้ตัวเองได้ระบายความโกรธแค้น
คำพูดเลวร้ายรุนแรงถูกระบายออกมาเพื่อความสะใจเท่านั้น
ทว่าตอนนี้ ถ้อยคำที่วารินพูดออกมานั้นเต็มไปด้วยแววตัดพ้อ....น้อยใจ
“ธาร สถานะของเรา....”
“ไม่เอา ไม่พูดแล้ว” เขาปรามไม่ให้พูดต่อ รั้งแขนเล็กให้ร่างบอบบางลงมานอนแนบชิดกันอีกครั้ง “ลืมมันไปให้หมดได้ไหม สิ่งไม่ดีที่ผ่านเข้ามาระหว่างเรา พี่จะลืมมันไปได้รึเปล่า”
“ธาร!”
“ถ้าพี่สัญญาว่าจะลืมมันได้ เรื่องราวไม่ดีของพี่ผมเองก็จะทำใจให้ลืมมันไปเหมือนกัน ผมจะพยายาม...พี่ทราย”
วารินหันไปมองหน้าเขาชัด ๆ สบในตาคมคู่นั้นนิ่ง เห็นชัดถึงประกายหนักแน่นและจริงใจ ปะปนไปกับความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก มือแกร่งเชยคางมนขึ้นมาจูบแผ่วเบา
“...ผมเป็นของพี่....” กระซิบลงที่ริมหูเล็ก จ้องหน้าวารินนิ่ง
...โปรดเชื่อใน ‘รัก’ ของผม.... ตากลมโตยังจับอยู่ที่ดวงหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ยอมขยับไปไหน ในดวงตาคมของเขานั้นเหมือนกำลังร้องขอให้วารินทำอะไรสักอย่างกับคำพูดจากหัวใจที่เขาเพิ่งกลั่นมันออกมา
ในที่สุดมือเล็กค่อยเอื้อมไปกอดเอวเขาไว้ เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจดวงโตได้กลับมาสดใสขึ้นอีกครั้ง
“พี่ก็เป็นของธาร”
วงแขนใหญ่รวบเอาร่างเล็กเข้าแนบชิดกอดเอาไว้ทั้งตัวอย่างรักใคร่ เฝ้าจูบลงที่เรือนผมหอมซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้จะกล่าวคำขอบคุณกับใครเมื่อวารินเอ่ยคำๆนี้ออกมา
สักวันหนึ่ง......
เขาจะเอ่ยคำว่า ‘รัก’ มอบให้กับคนในอ้อมกอดด้วยใจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
วันเวลาจะช่วยให้เขาลืมเลือนเรื่องไม่ดีที่ผ่านเข้ามาได้...และเมื่อถึงตอนนั้น
คนในอ้อมกอดนี้จะได้คำว่า ‘รัก’ จากเขาอย่างเต็มหัวใจ และไม่มีอะไรเคลือบแฝงอีก เขาอยากจะรอจนถึงวันนั้นแล้วเขาจะเอ่ยมันออกมา
ขณะที่วารินหลับตาลงแน่น รับรู้ถึงความอุ่นซ่านที่กระจายอยู่ทุกอณูเนื้อ...อ้อมกอดจากเขา...ถ้อยคำที่มีความหมายมากมายจากเขา
.....ขอบคุณนะธาร ขอบคุณที่ยังรักพี่อยู่ ทั้งที่พี่ทำเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้น ธารก็ยังคิดที่จะให้อภัย.....
.....พี่เองก็เป็นของธาร....
.....เป็นตั้งแต่วันแรกที่ตกลงรับปากจะดูแลธารแล้ว....
.....เป็นพี่เลี้ยง......ไม่ใช่คนรัก....
Tbc.
*ทำไมตอนนี้มันยาวงี้ล่ะ อ่านอาทิตย์นึงนะ*
*ในที่สุดพระเอกก็ออกได้สักที อ๊ะ! ล้อเล่นนนน น้องธารฉันจะถูกจับกดเหรอนี่!!
*ตกลงว่าธารได้กินไหม กาแฟ!
*เขียนบทอีโรติกแล้วมันเพลิดเพลินจริง ๆ ยาวไปเรื่อยเลย อิอิ ถ้ารู้สึกว่ามันหยาบคายทักท้วงได้ทันทีเลยนะเดี๋ยวเราแก้ไขให้*
*ตอนนี้ไฟในตัวกำลังมอด.......T.T*