“หัวหน้า สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักบุคคลที่ใส่ชุดไพรเวทสบายๆด้วยกางเกงยีนขายาวเสื้อคอปก การแต่งตัวที่ค่อนข้างจะแปลกตาคงเพราะผมไม่เคยเจอหัวหน้าในวันหยุดมั้ง เขามานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว
“นั่งสิ” ผมนั่งลงตรงข้าม เหลือบตามองบรรยากาศโดยรอบนิดหน่อยขณะขยับตัวอย่างอึดอัด ด้วยหนึ่งผมไม่ค่อยได้มานัดตามโรงแรมหรู(แน่ล่ะ ต่างจังหวัดแบบนี้จะมีโรงแรมหรูสักกี่ที่กัน) และสองเจ้าของนัดทำหน้าตาเคร่งขรึมจนผมหายใจลำบาก
“สั่งอะไรก่อนมั้ย”
“เอ่อ ตามแต่หัวหน้าเลยครับ”
“นอกเวลางานไม่ต้องเรียกผมว่าหัวหน้าก็ได้” ผมขยับตัวอย่างอึดอัดอีกครั้ง
“ผมชินเรียกหัวหน้าแล้วล่ะครับ” เขาจ้องมองผมนิ่งอย่างหยั่งเชิง ก่อนจะถอนหายใจหนักอย่างยอมแพ้ในที่สุด
“ตามใจละกัน” หัวหน้าว่าแค่นั้นก่อนเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองซึ่งผมเพิ่งทานอาหารฝีมือใหญ่ก่อนจะออกมายังไม่หิวเลย แต่หัวหน้าคงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ตามมารยาทแล้วผมก็ควรจะทานเป็นเพื่อนเขา
“ตกลงคุณมีคนรักแล้วเหรอ” ผมแทบสำลักเม็ดข้าวตายอยู่ๆก็ถามโพล่งขึ้นมาขณะทานอาหารไม่ให้ตั้งตัวเลยสักนิด
“เอ่อ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” ผมวางช้อนลง
“แล้วคุณมาเอ่ยปากให้โอกาสผม??” หัวหน้ามีสีหน้าไม่พอใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอาแล้วไง
“ตอนนั้นเรายังไม่ได้คบกันน่ะครับ มีแต่ผมที่ชอบเขาข้างเดียว เอ่อ...อย่างที่คุณได้ยินผมชอบเขาก่อน” ผมเกาหัวเก้อๆ “ผมเลยอยากให้โอกาสคุณเพราะเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน แต่สุดท้ายเมื่อรู้ตัวว่ายังไงก็เปลี่ยนใจไปจากเขาไม่ได้จึงมาบอกหัวหน้านี่แหละครับ”
ผมไม่ได้โกหกนะ ผมรีบมาบอกหัวหน้าแล้ว แต่ช่วงแรกที่ปล่อยทิ้งไว้สักพักก็เพราะมันต้องเตรียมใจรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบ้างใช่มั้ยล่ะ
“ถ้าผมบอกว่าไม่ยอมแพ้ล่ะ” เอาแล้วไง ขอให้เป็นแค่การพูดลองใจทีเถอะ นายหมาตูบของผมเซ่อซ่ากว่าจะมาประมือกับผู้ชายที่ขึ้นเป็นผู้บริหารทั้งอายุยังน้อยนะ!
“แหะๆ อย่าเลยครับ ผมว่าสักวันจะเจอคนที่ดีกว่าผมแน่ๆ”
“คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงประสบความสำเร็จได้เร็วนัก”
“ครับ??” อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องให้ผมมึนงงไปหมด เริ่มจะตามไม่ค่อยทันแล้วนะ
“ผมมักจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อมีเป้าหมายก็ต้องรู้จักวางแผน แน่วแน่มั่นใจแล้วก้าวไปตามแพลนชีวิตที่ออกแบบไว้” เขายกน้ำขึ้นจิบก่อนวางลงแล้วพูดต่อ
ส่วนผมก็เสหลบสายตาจริงจังที่จ้องมองมา
“ผมไม่เคยมองอุปสรรคระหว่างการไปสู้เป้าหมายว่ายากเลยสักนิด ตรงข้ามมันกลับท้าทาย” ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มมุมปากทำให้ผมรู้สึกประหม่าจนต้องยกแก้วน้ำส้มที่เหลืออยู่มากระดกดื่ม
“ถ้าเส้นทางไปสู่เป้าหมายไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผมก็แค่ปรับใหม่ บางอย่างถ้าใช้แต่ความถูกต้องแล้วมันไม่ใช่ก็ต้องมีพลิกแพลงกันบ้าง”
สองมือผมบีบเข้าหากันแน่น เหงื่อเริ่มผุดพราย เขาต้องการจะสื่ออะไรกับผมกันแน่นะ??
คราวนี้เขาประสานมือลงบนโต๊ะก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มสุภาพที่มักปรากฏบนใบหน้าเขาจนชินตาบัดนี้มันกลับเต็มไปด้วยเล่ห์กล
“คุณว่ามั้ย เส้นทางที่ถูกต้องมันก็แค่คำสวยหรูที่ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อซื้อใจคนก็เท่านั้นแต่ความจริงแล้วมันเป็นหนามเล็กๆที่น่าหงุดหงิดรำคาญใจซะมากกว่า รู้มั้ยเพราะอะไร”
“พะ...เพราะอะไรครับ” ถึงในอกจะสั่นไหวเพียงใดแต่ผมก็พยายามข่มเสียงออกมาอย่างปกติที่สุด บางอย่างกำลังบอกว่าวันนี้เขาไม่ได้นัดผมเพื่อมาเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาเพียงแค่นั้น
“เพราเส้นทางที่ถูกต้องมักไปถึงเป้าหมายช้าหรือไม่ก็ล้มเหลว คุณคงไม่คิดว่าผมมีอย่างทุกวันนี้ได้เพราะเส้นทางบ้าบอนี่ใช่มั้ย”
มุมปากแสยะยิ้ม ผมสะดุ้งเฮือก ความร้อนรุ่มแล่นพล่านในกาย เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดพรายทั่วใบหน้า ไม่ใช่...มันไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองธรรมชาติของร่างกาย ยอมรับว่าตื่นกลัวแต่มันไม่มากขนาดที่ทำให้ผมควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เช่นนี้ เหมือนถูกกระตุ้นด้วยสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำก็รู้สึกเบลอไปหมด
รู้ว่าถูกลากถูกชักจูง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย...บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้เลย....
ฟึ่บ!!
ร่างกายถูกโยนโครมลงบนเตียง ก่อนสองมือจะถูกรวบขึ้นเหนือหัวแล้วมัดไว้กับหัวเตียง ในใจผมเต้นรัวด้วยความตื่นกลัวกู่ร้องโหยหวน ทุกส่วนในร่างกายเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ความรู้สึกเหมือนถูกผีอำ พยายามขยับก็ขยับไม่ได้ จะเปล่งเสียงร้องลำคอก็เหมือนถูกบีบตีบตัน มีเพียงลูกตาที่สามารถกรอกไปมาได้เท่านั้น
โสตประสาทรับรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่โดนพามาที่ลิฟท์ เขาห้อง จนจบลงบนเตียง แต่ไม่สามารถบังคับร่างกายได้เลย
ไม่คิดเลยว่าคนที่กำลังกระทำสารเลวกับผมจะเป็นหัวหน้าที่เคารพนับถือมาโดยตลอด
“คุณเลือกเองนะ” เมื่อมัดมือผมติดกับหัวเตียงมันก็ขยับลงมานอนข้างผม ตะแคงท้าวศอกลงบนเตียง มืออีกข้างลูบไล้มาบนใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา...ชวนขนลุก
ผมส่งเสียงอื้ออึงในลำคอพลางจ้องใบหน้านั้นอย่างตื่นกลัว ช่วยด้วย ใครก็ได้มาช่วยผมที
“ผมจริงจังกับคุณนะ คุณคือยอดดวงใจ คือรักแรกพบที่พาหัวใจผมสั่นไหว เพียงแค่คุณรับรักผมก็จะกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก ผมจะดูแลคุณ ให้ความรัก เอาใจใส่...” มันพูดเสียงละเมอเพ้อพบขณะที่มือก็ไล้ไปตามใบหน้าลงมาลำคอก่อนลากไล้ปลายนิ้วมาปลดกระดุมเสื้อผมช้าๆแล้ววกกลับมายังใบหน้าอีกครั้ง
“แต่คุณก็ปฏิเสธมัน!!” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวให้ผมสะท้านเฮือก ร่างที่นอนอยู่ผุดลุกขึ้นก่อนลงแรงบีบที่สันกรามจนความเจ็บปวดแล่นริ้ว แม้ร่างกายภายนอกที่นิ่งเฉยเริ่มสั่นเทิ้ม อวัยวะภายในบีบรัดแน่นขัด “...ไปเลือกไอ้พ่อค้าขายบะหมี่ซมซ่อ!!”
เฮือก!!! มันรู้...มันรู้แล้ว...แสดงว่านัดผมมาเพื่อจัดการผมโดยเฉพาะ แล้วใหญ่ล่ะ!! มันจะทำอะไรใหญ่มั้ย...ไม่นะ!!
“แต่วางใจเถอะ...” น้ำเสียงมันกลับปรับโทนอ่อนนุ่มอีกครั้ง แต่ไม่ได้ทำให้ความกลัวในใจผมลดลงเลย “...ไม่ต้องกลัว...ผมรักคุณมากขนาดนี้จะทำร้ายคุณได้ยังไง...” มันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบซองบางอย่างขึ้นมาก่อนจะเปิดปากถุงเทของในนั้นลงบนฝ่ามือ แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างหยิบขึ้นมา...เป็นเม็ดสีขาว...เหมือนยา...ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่
“กินซะที่รัก...แล้วเราจะได้มีความสุขกัน” เม็ดยาถูกยัดลงเข้ามาระหว่างรอยแยกของริมฝีปาก ผมพยายามกัดฟันแต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นผล ผมควบคุมมันไม่ได้ “กลืนซะ...อย่างนั้นแหละเด็กดี...”
ร่างกายผมกลืนเม็ดยาลงไป มันยกยิ้มพอใจก่อนค่อยๆปลดเสื้อผ้าตัวเองออกจนเหลือเพียงแค่ชั้นในอย่างไม่รีบร้อน เหมือนรอเวลา...
จากนั้นความสนใจก็หันเหมาที่ร่างกายผม ลงมือปลดเสื้อออก...ร่างกายรู้สึกถึงความร้อนรุ่ม...เมื่อกางเกงถูกดึงหลุด...ผิวเนื้อที่ถูกสัมผัสลูบไล้สะท้านเฮือกและเรียกร้อง...
แม้ในใจกู่ร้องรังเกียจหลีกหนี...แต่ร่างกายกลับเบียดรัดเข้าหาอย่างต้องการ
“เป็นไงที่รัก เริ่มขยับตัวได้แล้วใช่มั้ย นั่นแหละ เดี๋ยวผมจะปลดข้อมือคุณนะ เราจะได้สัมผัสกันและกัน....”
ไม่...ใครก็ได้หยุดผมที...ผมไม่ต้องการแบบนี้...ไม่อยากได้สัมผัสอันน่ารังเกียจนี้...
น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างทุกข์ทม...แต่กลับเปล่งเสียงร้องครางอย่างสุขสมออกมา
กริ๊ก!!
โครม!!ในขณะที่สองร่างกำลังซุกไซ้โรมรันเสียงทุบบางอย่างตามมาด้วยเสียงประตูที่เปิดออกกว้างกระทบผนังโดยแรง ร่างด้านบนลุกพรวดขึ้นแต่มือผมกับไขว่คว้าหาสัมผัสนั้นอย่างน่าสมเพช
“คุณเล็ก!!” เสียงเรียกดังกังวานอันคุ้นหูดึงให้ผมหันกลับไปมอง ดวงตาที่พร่าเลือนด้วยกามารมณ์สว่างขึ้นทันตา และวินาทีต่อมาก็ถูกบดบังด้วยทำนบเขื่อนน้ำตามากมาย
“ใหญ่...ใหญ่...ใหญ่” ผมส่งเสียงเรียกเขาไม่ขาดปาก หัวใจอุ่นวาบอย่างรู้สึกปลอดภัย พยายามรวบรวมสติของตัวเองกลับมา
“มะมึง...เข้ามาได้ยังไง!!” เสียงตวาดกร้าวอย่างโมโห พร้อมนิ้วสั่นระริกด้วยความเกรี้ยวโกรธชี้ไปยังร่างสูงใหญ่ของผู้บุกรุกที่หน้าตาดุดันไม่ต่างกัน มองไปยังกลอนประตูก่อนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
ประตูตรงหน้าที่ถูกเปิดออกมีรอยโหว่ตรงส่วนลูกบิด เลื่อนสายตามาจึงพบว่าลูกบิดประตูพร้อมส่วนล็อกรูปทรงบิดเบี้ยวทั้งยวงหลุดคามือเจ้าของร่างสูงใหญ่ผิวเข้มตรงหน้า
เป็นไปไม่ได้...โรงแรมหรูแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ทำไมถึงปล่อยไอ้ขี้คากแต่งตัวมอซอเข้ามาได้ และยังสามารถทำให้ประตูมีรอยโหว่จากการกระชากลูกบิดออก...เหมือนทำให้แหลกด้วยมือเปล่า...จะเป็นไปได้ยังไง
ร่างของนายพชรถอยกรูด ถึงมันจะตัวสูงใหญ่แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับร่างใหญ่โตตรงหน้า ผมข่มความร้อนรุ่มในกายแล้วเบิกตากว้าง ไม่...สายตาคมคู่นั้น...ว่างเปล่า...ลุกโชน...
ใหญ่ไม่พูดอะไรย่างสามขุมเข้าไปหานายพชร ผมกำลังจะเปล่งเสียงร้องเมื่ออีกฝ่ายคว้าปืนจากในลิ้นชักออกมาแต่ก็ช้ากว่าใหญ่ที่สะบัดมือออกไปทีเดียวปืนก็หลุดออกลอยขึ้นไปในอากาศและตกลงมาอยู่ในความครอบครองของเขา
“กะแก...” มันเบิ่งตาโตอย่างตกใจก่อนร่างกายจะเริ่มสั่นเทิ้มและลนลานอย่างเห็นได้ชัด “กูจะเรียก รปภ. จะแจ้งตำรวจ!!”
ปัก!!
เหมือนใหญ่ไม่รับรู้อะไรแล้ว เขาใช้สันปืนตบลงไปบนขมับฝ่ายตรงข้ามจนล้มลง ยกปืนขึ้น แต่ไม่!!...ใหญ่ไม่ได้เหนี่ยวไก กลับคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อนั่งลงตรงหน้าร่างที่ถดตัวหนีไปด้านหลังทุบกำปั้นเข้าตรงลิ้นปี่จนมันร้องอั่กก่อนแน่นิ่งไป โยนปืนขึ้นมาบนเตียง คว้าจับข้อมือก่อนกดลงบนพื้นบังคับฝ่ามือนั้นให้แบออกนาบขนานกับพื้นไม้แล้วใช้กำปั้นของตัวเองทุบลงไปบนนิ้วอีกฝ่ายโดยแรง ผมได้ยิน...ได้ยินเหมือนเสียงกระดูกแตก
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”
แล้วใหญ่ก็ทุบเช่นนั้นกับทุกนิ้ว...ทีละนิ้ว...ผมตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้ยินเสียงกระดูกแตกหักสลับเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด เมื่อครบเขาก็ละไปยังมืออีกข้างแล้วก็เริ่มทุบ...
“อ๊ากกกกกกกกกก”
“พอ...ใหญ่พอแล้ว...” ผมเปล่งเสียงสั่นเทิ้ม แต่เหมือนเขาไม่ได้ยิน...จดจ่ออยู่กับร่างกายที่ดิ้นทุรายตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าแข็งกร้าว
หลังครบนิ้วทั้งสิบ เขาก็เริ่มจัดการตามข้อต่อสำคัญๆของร่างกาย เริ่มด้วยข้อศอกเขาใช้มือทั้งสองข้างหักมันไปอีกด้านอย่างฝืนธรรมชาติจนมันผิดรูปร่าง ทำให้ผมนึกถึงตอนเด็กๆที่หักตะเกียบเล่น
“อ๊ากกกกก พอ!! ปล่อยฉัน ขอร้อง ใครก็ได้ ช่วยที อ๊าก!!” ร่างที่ถูกกระทำขอร้องด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด หว่างขามีน้ำเหลวใสไหลออกมา
ไม่!! ผมจะปล่อยให้เขาทำร้ายคนอื่นมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“ไม่...พอ...หยุดเถอะ...ขอร้อง หยุดนะ” ผมเพิ่มเสียงพลางตะกายร่างไปเพื่อรั้งเขาไว้ แต่เหมือนจะไม่ได้ผล ใหญ่หลุดไปอีกโลกที่ผมเข้าไม่ถึง
“หยุดซะ”กึก
มือที่กำลังจะจัดการกับขาทั้งสองข้างนิ่งชะงัก ผมหันกลับไปมองเจ้าของเสียงก็เจอเข้ากับชายหนุ่มหน้าสวยลูกค้าประจำของร้าน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ใหญ่นิ่งงัน หยุดชะงัก ก่อนลุกขึ้น...เหมือนสติเขากลับมาแล้ว แววตาว่างเปล่าดุดันกลับมาสะท้อนเงาเหมือนอย่างเคย
ก่อนจะไหววูบเมื่อเห็นผม “คุณเล็ก...” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างสะท้อนใจก่อนเดินเข้ามาใช้ผ้าคลุมร่างผมไว้แล้วช้อนอุ้มขึ้น
ผมซกลงบนอกอุ่นอย่างโหยหา ในจังหวะที่ก้าวผ่านชายร่างสวย เจ้าของเสียงนุ่มหวานก็เอ่ยขึ้น “ไปพักห้องผมก่อนเถอะอยู่ข้างๆนี่เอง”
ผมจ้องมองเขาอย่างฉงนสงสัย และเหมือนเขาจะรู้ตัว
“ผมได้ยินเสียงโครมครามเลยมาดูก็เท่านั้น ไปเถอะ”
ใหญ่เดินตามเสียงนั้นไปอย่างว่าง่าย ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอก สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไม...เพียงแค่เขาใช้เสียงนุ่มหวานโทนปกติไม่ได้ดังไปกว่าเสียงของผม แต่ทำไมเมื่อเป็นเขาร้องห้าม...ใหญ่ถึงหยุด...เพียงแค่เสียงแว่วหวานก็ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา
ทำไมกัน...
“พาเขาเข้าไปในห้องน้า น่าจะช่วยได้”
“ขอบคุณ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง” ชายหน้าสวยพยักหน้าก่อนเดินออกไปด้านนอกและช่วยปิดประตูให้ ตอนนี้จึงเหลือแค่ใหญ่ที่วางผมลงในอ่างอาบน้ำ...และผมที่ความร้อนรุ่มกลับมาครอบงำอีกครั้ง
“ใหญ่ช่วยฉัน...ช่วยฉันหน่อย” พอเป็นใหญ่ผมก็ไม่คิดจะกักเก็บความทรมานอีกแล้ว กระโจนตัวลุกขึ้นเข้าเรียกร้องสัมผัส เขาจูบตอบผมกลับมา ลิ้นที่เกี่ยวพันเรียกให้รู้สึกต้องการจนต้องเลื้อยมือเข้าไปช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขา
แต่ใหญ่ก็รั้งผมออกก่อนกดร่างลงแช่ในน้ำเย็นๆ
“ใหญ่...” ผมมองด้วยแววตาเว้าวอน เขาตรึงผมไว้แน่นจนไม่อาจขยับตัวเข้าหา
“คุณเล็ก อดทนนะ อีกเดี๋ยวก็จะทรมานน้อยลงแล้ว น้ำเย็นๆจะช่วยคุณให้ดีขึ้น”
“ไม่ใหญ่...ฉันทรมาน...สัมผัสฉันนะ...นะ” มือผมพยายามไขว่คว้าเกี่ยวรั้งแต่ก็ถูกผลักดันกดลงในอ่างน้ำเย็นมากขึ้น
“คุณเล็ก ฟังผม...เพียงคุณอดทนและผ่านมันไปได้ หลังจากนี้ถ้าคุณยังต้องการที่จะให้ผมกอด...ผมก็จะกอดคุณ...”
เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมสงบนิ่งได้มากขึ้น กัดริมฝีปากแน่นอย่างข่มกลั้น ภายในใจกลับเต็มตื้นด้วยความตื้นตัน
กระดึ๊บๆเข้ามาอย่างเงียบเชียบ หายไปนานจังเนอะ แหะๆ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยย่อนหลังนะคะไปเที่ยวไหนกันมาบ้างเอ่ย ส่วนมด...ไม่ได้ไปไหนเฝ้าน้องเหมียวอย่างเดียว
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำต่างๆเรื่องน้องเหมียวนะคะ ตอนนี้น้องเพิ่งไปเย็บแผลมาอีกรอบด้วยความซน ส่วนลูกๆตายหมดเลยค่ะ T______T
คุณ butter.juliet เรื่องเนื้อหายืดเยื้อต้องขออภัยด้วยค่ะ ไม่โกรธๆค่ะ เราเป็นคนอ่านมีสิทธิ์ออกความเห็นเป็นเรื่องปกติค่าา แต่ที่วางเนื้อเรื่องไว้คือเนื้อหาจะเรื่อยๆอย่างนี้ไปจนถึงตอนที่ 15 หลังจากนั้นปมก็จะค่อยๆคลายออก ทนหน่อยนะคะ แหะๆ
คุณ tardirus คะ ขอสารภาพค่ะ เค้าแบ่งประเภทเรื่องสั้นเรื่องยาวไม่เป็น ฮืออออออออออ คิดแค่ว่านิยายตัวเองประมาณ 20 ตอนน่าจะเป็นเรื่องสั้น ส่วนผิดถูกยังไงขอผู้รู้โปรดชี้แนะค่าาาาา
คุณ ิbook มาแนวให้เค้าสะอึกเล็กน้อยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไหร่ ขออภัยด้วยค้าบบบ แหะๆ แต่รู้สึกดีมากค่ะที่คุณชอบและติดตามงานเขียน ขอชี้แจงเรื่องนิยายนะคะ มดลงนิยายในเล้าทั้งหมด 4 เรื่อง
1. [เรื่องสั้น] รักหมดใจ...พี่ชายของผม << จบแล้ว
2. what the hell รักร้าย << เรื่องนี้ก็จบแล้วเช่นกันค่ะ จะมีมาลงก็ตอนพิเศษตามวาระโอกาสที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาหลัก ที่ยังไม่ได้ย้ายไปห้องนิยายจบเพราะต้องการชี้แจงเรื่องรวมเล่มค่ะ พอดีมดไม่มีเพจ กลวย้ายไปห้องจบแล้วจะไม่เห็นกัน แหะๆ
3. มากกว่าพี่ได้ป่ะวะ << อันนี้ยอมรับว่ากำลังอยู่ในช่วงตีบตัน
4. [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด << เรื่องนี้จบแน่นอนค่ะ ที่ตั้งไว้คือไม่เกินเดือน พค.คือจบ มีทั้งหมด 20 ตอน
สุดท้าย....แลทุกคนอินเรื่องเก็บค้าคุ้มครองมาก ว๊ากกกกก
ขอบคุณทุกเป็ด ทุกเม้น เพราะทุกคนคือกำลังใจที่สำคัญ