ในวันพักผ่อนประจำสัปดาห์ที่แสนจะธรรมดา ผมยังคงทำหน้าที่ในตำแหน่งพ่อบ้านของตัวเอง หลังจากกินอาหารเช้าและจัดการกับเรื่องส่วนตัวเสร็จ ผมก็หยิบตะกร้าผ้าออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของไอ้แทมต่อ โดยไม่ได้เคาะประตูตามมารยาทอย่างที่ควรทำ ถึงจะไม่ใช่งานที่ชอบหรือถนัด แต่ความเคยชินก็ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกแย่จนทนไม่ได้
ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้อง ก็เห็นไอ้แทมกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง ผมสบตากับมันเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าผ้าของเจ้าของห้อง ทว่าบทสนทนาที่ได้ยิน ก็ทำให้ผมต้องละล้าละลังที่จะเดินออกจากห้องในทันที
“ฮ่าๆ พูดแค่นี้ก็ต้องงอนด้วยหรือครับดาร์ลิ้ง”
ผมปรายตาไปมองเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาตงิดๆ พลางจัดของที่เป็นระเบียบอยู่แล้วอย่างต้องการถ่วงเวลาด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยได้ยินไอ้แทมคุยกับใครเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้มาก่อน
“ถ้าคิดถึงกันขนาดนี้ จะรีบไปหาเลยครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมเลยเดินไปดึงผ้าห่มของคนที่ยังนอนอยู่ออก ไอ้แทมมองผมด้วยความแปลกใจ แล้วลุกจากเตียง ก่อนที่มันจะหันไปสนใจสายในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
"แทม ผ้าผืนใหม่อยู่ไหน" ผมถามขึ้น หลังจากดึงผ้าปูที่นอนออก
"อยู่ในตู้นั้น ลองหาดู" ไอ้แทมบอก พร้อมกับชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกด้านของห้องนอน
"มึงไปหา จะได้เสร็จเร็วๆ" ผมบอกเสียงเรียบ แล้วโยนผ้าที่ไม่ใช้แล้วลงใส่ตะกร้า
"งั้นแค่นี้ก่อน ค่อยเจอกันที่ห้อง" ไอ้แทมบอกปลายสาย ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบผ้าปูที่นอนชุดใหม่ออกมา "วันนี้ขยันจังเลยนะ'
"หึ...มึงปูเองแล้วกัน กูจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ" ผมบอก พร้อมกับหยิบตะกร้าผ้าขึ้น ที่จริงแล้วผมก็แค่จะมาเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของมันไปส่งร้านซักรีดเท่านั้น แต่ที่ทำเป็นจัดของ แล้วก็เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เพราะความอยากรู้ที่ผสมความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
"จะรีบไปไหน มาช่วยกันก่อน" ไอ้แทมร้องบอก พร้อมกับทำหน้ายุ่งออกมา "พี่เคยทำเองซะที่ไหน"
แล้วกูเคยทำหรือไง?
ผมบ่นกลับในใจ แต่ก็รับผ้าปูที่นอนที่ไอ้แทมส่งมาให้ ก่อนจะคลี่ผ้าผืนใหญ่ที่พับอยู่ออก แล้วเราสองคนก็ช่วยกันสวมมุมผ้าที่เป็นยางยืดเข้ากับมุมเตียงแต่ละด้านจนเสร็จเรียบร้อย ไอ้แทมก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงต่อ
“เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอก” ไอ้แทมพูดขึ้น พลางมองผมที่กำลังใส่ปลอกหมอนอยู่ “เตยไปด้วยกันไหม”
“ไม่” ผมตอบเสียงเรียบ แล้วปาหมอนใส่ไอ้แทม ก่อนจะใส่ปลอกหมอนข้างต่อ ถ้าผมเดาไม่ผิด มันคงจะไปหาคนที่เพิ่งคุยกันเมื่อครู่นี้แน่ แต่มันจะชวนผมไปด้วยทำไม
“แต่วันนี้จะต้องไปซื้อของด้วยนี่ ของกินหมดแล้ว” ไอ้แทมบอก พร้อมกับกอดหมอนที่ผมเพิ่งปาใส่เอาไว้
“มึงก็ซื้อเข้ามาเลยแล้วกัน” ผมตอบไปตามเรื่อง ก่อนจะผูกเชือกที่ปลายปลอกหมอนข้างให้เรียบร้อย
“ไม่เอาอ่ะ” ไอ้แทมบอกเสียงอ่อน พร้อมกับดึงหมอนข้างที่ผมกำลังถืออยู่ เพราะผมไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเซถลาไปหามัน และเมื่อผมส่งสายตาไม่พอใจไปให้ คนตรหงน้าก็ยิ้มออกมา “ไปด้วยกันเถอะ”
ผมสบนัยน์ตาสีดำสดใสที่กำลังมองผมไม่ละสายตาเพียงครู่เดียว ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น แล้วปรับท่าทีที่เริ่มผิดปกติของตัวเอง
“เออ” ผมตอบรับเสียงแข็ง ก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าผ้าที่วางทิ้งไว้ แล้วเดินออกจากห้อง
ผมถอนหายใจออกมา เมื่อปิดประตูที่เพิ่งผ่านมาลง ก่อนจะจัดการงานบ้านที่ต้องทำต่อ ทั้งที่เสียงหัวใจยังร้องบอกความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
+++++++++
ถึงแม้ไม่อยากจะสนใจ แต่ไม่อาจห้ามความรสงสัยและไม่พอใจบางอย่างได้อยู่ดี
ไอ้แทมพาผมนั่งรถราวๆ สี่สิบห้านาที ก่อนจะขับรถเลี้ยวเข้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง แล้วบอกกับผมว่า ค่อยไปซื้อของกับกินมื้อเย็นตอนกลับเลยทีเดียว
เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินตามไอ้แทมเข้าไปด้านใน หลังจากนั้นเราสองคนก็ขึ้นลิฟต์ แล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องหมายเลขสามศูนย์สอง ก่อนที่มันจะเคาะเรียกจ้าของห้อง
ทว่าทันทีที่ประตูตรงหน้าเปิดออก ผมก็ต้องอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้ชายผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่ในขุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีเขียวเข้ม และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ นัยน์ตาสีน้ำทะเลสวยกับเรือนผมสีบอลนด์ทองสะดุดตา
ฝรั่ง...?
ถึงรูปลักษณ์จะไม่ใช่หนุ่มน้อยตัวเล็กน่ารักอย่างที่คิดเอาไว้แบบที่มันชอบ แต่คนครงหน้าก็จัดว่าหน้าตาดีเข้าขั้น เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ถ้ามันยังขอบผมได้ ผู้ชายชาวต่างชาติคนนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร
“Hi! Baby I miss you!”ไอ้แทมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ก่อนจะเข้าไปกอดคนที่ยืนอยูตรงหน้า ถ้าหากเจ้าของห้องไม่ยื่นเท้ายันออกมาต้อนรับก่อน
“Damn! เมื่อไหร่มึงจะเลิกกวนประสาทกูแบบนี้สักที” เจ้าของห้องว่าด้วยน้ำเสียงอือมระอา พร้อมกับโต้ตอบภาษาไทยกลับอย่างชัดเจนจนผมทึ่งอีกรอบ
“มิเชลอ่ะ พูดแบบนี้แทมเสียใจนะครับ” ไอ้แทมตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่กลับดูกวนประสาทถึงที่สุด
“Fuck you!” เจ้าของห้องสบถออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเป็นการเชื้อเชิญ โดยมีไอ้แทมที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเดินตามเข้าไปด้านใน
เพื่อน...
ผมคิดกับตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามหลังไอ้แทมเข้าไปในห้องด้วยความรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วมองรายละเอียดรอบตัวอย่างสำรวจ
“ห้องยังรกเหมือนเดิม สมกับเป็นหนุ่มเวอร์จิ้น” ไอ้แทมพูดขึ้น แล้วเข้าไปนั่งบนโซฟา
“กูเลือก ไม่ได้มั่วแบบมึง” เจ้าของห้องว่า แล้วหันมามองผมพลางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย “เตยใช่ไหม พี่ชื่อไมค์ อยู่กับไอ้แทมคงลำบากน่าดู”
“มิเชลพูดอะไร กูดูแลเป็นอย่างดีว่ะ” ไอ้แทมพูดขึ้น แล้วหันมายักคิ้วให้ผม “จริงไหมครับ?”
“ดูแลแบบไหนวะ” พี่ไมค์ถามกลับด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาทางผมอีกครั้ง “ทำตัวตามสบาย เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้”
ผมก็แค่พยักหน้า ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา แล้วหันไปมองไอ้แทมที่ขยับเข้ามานั่งใกล้ด้วยความประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
ช่วงนี้ผมดันเกิดอาการประหลาดไม่กล้าสู้หน้ามันขึ้นมาครับ บางครั้งเวลาที่เราสบตากัน ผมจะรู้สึกร้อนวูบวาบแล้วก็ปั้นสีหน้าของตัวเองไม่ค่อยถูกเท่าไร คงเป็นเพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผมนั่นแหละ
“จำมิเชลไม่ได้หรือ” ไอ้แทมถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ทำไม” ผมถามกลับ แล้วมองใบหน้าเปื้อนยิ้มเพียงเล็กน้อย “พี่เขาชื่อไมค์ไม่ใช่หรือไง”
“เรียกมิเชลมันน่ารักกว่านี่ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ... มิเชลมันชอบน้องแอร์คนนั้นอยู่ล่ะ” ไอ้แทมบอก พร้อมกับอมยิ้มออกมา
“พี่แอร์?” ผมย้อนถาม พลางนึกถึงใบหน้าของรุ่นพี่หน้าหวานที่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว “แต่พี่แอร์มีแฟนแล้ว”
ทว่าไม่ทันที่ไอ้แทมจะได้โต้ตอบอะไร พี่ไมค์ก็ยกชามะนาวกับกาแฟเย็นมาเสิร์ฟ ทำให้คนที่เพิ่งนินทาเพื่อนของตัวเองต้องหันไปพูดเอาใจเจ้าของห้องแทน
“มิเชลรู้ใจแทมที่สุดว่ะ” ไอ้แทมพูดขึ้นอย่างถูกใจ พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน ซึ่งทำให้ผมเริ่มรู้สึกตงิดๆ อีกครั้ง
ถึงจะรรู้ว่าไอ้แทมแค่แกล้งทำ เพื่อยั่วประสาทเพื่อนเล่น แต่เห็นแบบนี้แล้ว ผมก็ชักไม่ค่อยชอบสักเท่าไร
ผมหันไปบอกขอบคุณพี่ไมค์ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มตอบแทนกลับมา แล้วยกแก้วชามะนาวขึ้นดื่มตามมารยาทของแขกที่ดี
“เฮ้ยๆ นั่งยิ้มให้เด็กกูอยู่ได้ หวงนะเว้ย” ไอ้แทมหันไปว่าด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ พร้อมกับวางแก้วกาแฟเย็นที่เหลือค่อนแก้วลง “แล้วมึงมีอะไรจะอวดกูวะ”
“หึ... เดี๋ยวกูมา” พี่ไมค์บอก ก่อนจะลุกออกไปอีกครั้ง
เมื่อพ้นสายตาของเจ้าของห้อง ผมก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้ คนที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่ไอ้แทมก็แค่ส่งยิ้มยียวนมองผมอย่างไม่สนใจเท่านั้น
ถึงจะไม่ค่อยชอบคำว่า ‘เด็กกู’ ที่มันเพิ่งพูดออกมา แต่คำว่า ‘หวง’ ก็พอจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น
ในขณะที่ผมกำลังจะคุยกับไอ้แทมอีกครั้ง พี่ไมค์ก็เข้ามา พร้อมกับดึงความสนใจทั้งหมดในทันที ก่อนที่ผมจะมองสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้าของห้องด้วยความประหลาดใจ
“นี่มัน....” ไอ้แทมพูดขึ้น พลางมองสิ่งมีชีวิตที่พี่ไมค์กำลังถืออยู่ตาไม่กะพริบ “ของมึง?”
“เออ กูเพิ่งได้มาเมื่อวันก่อน น่ารักไหมล่ะ” พี่ไมค์บอกด้วยรอยยิ้ม
“มิเชลเลี้ยงเต่า!” ไอ้แทพูดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ต้องการตอกย้ำตัวตนของตัวเองหรือไงวะ”
“กูนึกถึงมึงเลยซื้อมาเลี้ยงต่างหาก ไอ้เต่าแทม” พี่ไมค์โต้กลับ แล้วยกยิ้มขึ้น
“ไอ้มิเชล” ไอ้แทมว่าอย่างขอไปที ทั้งที่สายตายังจ้องมองเต่าที่อยู่ในมือของพี่ไมค์ไม่ละสายตา “ขามันมีจุดสีแดงๆ ด้วย ติดโรคหรือเปล่ววะ”
“เป็นลักษณะพันธุ์ของมันต่างหาก!” พี่ไมค์บอกเสียงเข้ม ก่อนจะส่งสายตาเหนื่อยหน่ายไปให้คนใส่ร้ายสัตว์เลี้ยงของตัวเองต่อ “เต่าพันธุ์เรคฟุตหนึ่งปี ตัวผู้ ชื่อจอห์น”
“ชื่อเห่ยว่ะ” ไอ้แทมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “มึงวางมันลงบนโต๊ะสิวะ กูจะเล่นกับจอห์นหน่อย”
“จะเล่นหรือจะแกล้งมันกันแน่” พี่ไมค์บ่น แต่ก็ยอมวางสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของตัวเองลงบนโต๊ะรับแขก และทันทีที่จอห์นได้รับอิารภาพ มันก็ค่อยๆ เดินต้วมเตี้ยมอย่างน่ารัก
“แล้วมึงจะเลี้ยงรอดหรือวะ” ไอ้แทมพูดขึ้น ก่อนจะเอามือบังเส้นทางของจอห์นที่กำลังก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงด้วยความสนุกสนาน
“มันเลี้ยงง่าย กินผักกับผลไม้ได้ทุกอย่าง อาจจะลำบากเรื่องปรับสภาพแวดล้อมนิดหน่อย” พี่ไมค์บอก แล้วมองเพื่อนของตัวเองด้วยความเอือมระอา “แล้วอย่าลืมว่ากูเป็นว่าที่สัตวแพทย์”
“เออว่ะ” ไอ้แทมตอบรับ ก่อนจะเลิกสนใจจอห์น เมื่อเอาของมาวางขังเต่าน้อยเอาไว้ไม่ให้มันเดินไปไหนได้อีก ก่อนจะหันไปคุยเรื่องอื่นต่อ
ผมไม่ได้สนใจบทสนทนาของไอ้แทมกับพี่ไมค์อีก แต่มองความพยายามของสัตว์ตัวเล็กที่ถูกไอ้แทมรังแกอย่างนึกสงสาร ก่อนจะยกตัวมันมาวางที่ฝ่ามือของตัวเอง แล้วมองอย่างพิจารณา จอห์นเหมือนตุ๊กตาเต่าที่เคลื่อนไหวได้ และพอมองดูสักพัก ผมก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีเหมือนกัน
“เตยชอบหรือ” ไอ้แทมถามขึ้น แล้วยิ้มมองผม
“ก็น่ารักดี” ผมบอกไปตามตรง แล้วใช้ปลายนิ้วลูบกระดองของมันอย่างเบามือ
“มิเชลกูขอซื้อต่อ” ไอ้แทมหันไปพูดกับพี่ไมค์ต่อ ผมก็ได้แต่มองมันนิ่งๆ
“จะบ้าหรือไงวะ กูไม่ขาย!” พี่ไมค์ตอบกลับทันที โดยไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของไอ้แทม
“ตัวนี้กูขอให้เตย มึงไปซื้อตัวใหม่แล้วกันนะมิเชลที่รัก” ไอ้แทมบอกหน้าตาย
“กูไม่ได้อยากได้” ผมพูดขัดขึ้น แล้วลอบถอนหายใจออกมา พร้อมกับส่งจอห์นที่ควรจะกลับไปพักผ่อนตามประสาเต่าได้แล้วให้พี่ไมค์ “อย่าไปสนใจแทมเลยครับ”
“พี่ทำเพื่อเตยเลยนะ” ไอ้แทมหันพูดกับผมด้วยสีหน้าน้อยใจ “เตยชอบไม่ใช่หรือ”
“ก็แค่ชอบ แต่ไม่ได้อยากได้” ผมบอก แล้วมองคนที่นั่งข้างกันด้วยสายตาตำหนิ
“งั้นหรือ ไม่เหมือนพี่เลย” ไอ้แทมตอบรับ แล้วยกแก้วกาแฟเย็นดูดต่อ “อะไรที่พี่ชอบ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ แล้วก็ต้องได้ด้วยสิ”
“ก็มึงนิสัยเสียไง” พี่ไมค์ว่า แล้วหันมามองผมแทน “ตอนนี้ก็จะบ่ายสองแล้ว หิวหรือยัง กะว่าจะสั่งพิซซ่า กินหน้าอะไรได้บ้างล่ะ”
“อะไรก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา” ผมตอบ ก่อนพี่ไมค์จะพยักหน้ารับ
“เตยกินง่ายเลี้ยงง่ายยิ่งกว่าเด่ากิ๊กก๊อกของมึงอีก” ไอ้แทมพูดขึ้น แต่พี่ไมค์ก็แค่หันมาส่งนิ้วกลางให้ แล้วเดินเข้าไปด้านในห้อง
ผมลอบถอนหายใจ แล้วมองไอ้แทมที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น ก่อนจะนึกถึงคำพูดของมันที่เพิ่งเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้อย่างครุ่นคิด ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็ยังดังอยู่ในความคิดของผม
ชอบ...อยากได้...ต้องได้
ถ้าได้แล้ว...
มึงจะทำยังไงต่อวะ แทม...
TBC ++++++++++
Marionetta ::: ดี

ค่ะ! ยังรออยู่ใช่ไหมค่ะ แฮะๆ
ตอนนี้ก็เป็นการเพิ่มความหวานของน้องเตยค่ะ ก็น้องเขายอมรับแล้วนี่ อิอิคงเหลือแต่พี่แทมที่ยังต้องเดาใจกันต่อไป ฮ่าๆ พร้อมกับพี่ไมค์ที่หายไปนาน กว่าจะหาบทให้ได้ (พิศวาสส่วนตัวค่ะ ^^) หวังว่าจะทำให้กระชุ่มกระชวยกันได้บ้าง
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจมากเลยค่ะ เพิมพลังแรงปั่นได้เยอะจริงๆ ^^ ช่วงนี้พาน้องเตยมาเรียกคะแนน อิอิ ตอนนี้นอกจากจะไม่สบายเท่าไหร่แล้ว ก็เริ่มยุ่งด้วยค่ะ ก็คงจะช้าหน่อย แต่ไม่หายไปแน่นอน ยังไงก็ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ
ปล. ตอนหน้า...น้องเตยจะออกตัวแล้วล่ะค่ะ กร๊ากกก >///<