เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD  (อ่าน 218023 ครั้ง)

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
 :sad2: :sad2:ปล่อยตะวันไว้คนเดียวอีกแล้ว พี่ขุน ฉายก้อต้องไปเรียน กทม อีก แล้วตะวันจะอยู่ได้ไหมอะ

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่ฉายจะสมหวังกะเคาซะทีนะ

 :a6: :a6: :a6: :a6:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
อ่านทีไรก็สงสารฉาย ทำไมไม่หาแฟนที่กรุงเทพฯ ไปเลย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 11

ความรัก ก็ยังคงเป็นความรัก


หกปีผ่านไป ไวยิ่งกว่าโกหก เพราะกระพริบตาตื่นอีกที ผมก็ได้ปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมาครอง...

แล้วเกิดอะไรขึ้นในช่วง หกปีที่ผ่านไป ไวยิ่งกว่าโกหกนั้นบ้าง...

จบปีหนึ่ง...ผมยังรักและนอนฝันถึงพี่ตะวัน...และพี่ขุนกลับมาหาพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟ

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...พี่ขุนกลับมาหาพี่ตะวัน พร้อมปลาปักเป้าเป่าลมหลายสิบตัวที่ต่อไฟพร้อมแขวนแล้วเสร็จสรรพ...มันไม่น่าใช่การง้อ แต่น่าจะเป็นการประชดซะมากกว่า...พี่ตะวันเลยแขวนไว้เต็มเพดานบ้านไม่สะทกสะท้านกับการประชดนั้นเลยสักนิด...แล้วใครเดือดร้อน?...ก็พี่ขุนน่ะสิ ได้เดินสายไฟให้พี่ตะวันซะรอบบ้านเลย...

...พี่ตะวันยังเพียรโทรศัพท์หาผม และค่าโทรศัพท์ก็ยังพุ่งปี๊ด จนผมได้ยินเสียงแม่บ่นมาตามสายควบคู่กับเสียงพี่ตะวันทุกครั้ง แล้วครั้งหนึ่งพี่ตะวันก็บอกแม่ว่า

“ไม่เป็นไรน้าโอ๋...ถือว่าตะวันใช้มรดกของฉายล่วงหน้าแล้วกัน!”แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่ตะวันร้องโวย คาดว่าน่าจะโดนแม่ตบกะโหลก...

จบปีสอง...ผมก็ยังรักและยังคงฝันถึงพี่ตะวัน...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟ...กับแฟนใหม่

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...พี่ตะวันเอาโคมไฟปลาปักเป้าไปแขวนที่ร้านพี่ขุน และมันก็เข้าตาลูกค้าเลยขายดี...แล้วพี่ขุนก็พัฒนามันไปอีกขั้นโดยให้พี่ตะวันใช้สีเพ้นท์แก้วเพ้นท์ลายในตัวปลาปักเป้า พอเปิดไฟปุ๊บ ลายเพ้นท์ฝีมือพี่ตะวันก็ไปเต้นระบำอยู่บนผนัง...ขายดีจนทำไม่ทัน... พอช่วงไหนของขาด ก็ปลดปลาปักเป้าบนเพดานบ้านนั้นแหละไปขาย...

...ผมร้องขอค่าไอเดีย...พี่ตะวันเลยเอาเหรียญหนึ่งบาทห่อกระดาษ โยนใส่กล่องส่งไปรษณีย์มาให้ผม...

จบปีสาม...ผมก็ยังรักและฝันถึงพี่ตะวันเหมือนเดิม...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวันเช่นกัน...ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟกับแฟนใหม่เช่นเคย

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...องค์การโทรศัพท์ช่วยผมรักษามรดกด้วยการเปิดบริการ1234

“น้าโอ๋เชย เดี๋ยวนี้เค้ามี1234 โทรทางไกลแค่นาทีละบาท!”ผมได้ยินพี่ตะวันหันไปบอกแม่ หลังจากได้ยินเสียงแม่บ่นพี่ตะวัน...และพอแม่น่าจะคล้อยหลัง พี่ตะวันก็บอกผมว่า...แค่นี้นะ

“อ้าว! ทำไมล่ะ?”ผมถาม ก็เพิ่งคุยกันแค่ครึ่งชั่วโมงเอง

“ก็ลืมกดน่ะสิ!”พี่ตะวันตอบ แบบผมผิดอีกตามเคยว่าแค่นี้ก็ต้องถาม

แล้วพี่ตะวันก็ลืมเป็นประจำ จนตอนหลังพี่ขุนเลยแก้ปัญหาโดยการย้ายโทรศัพท์ไปวางไว้ที่กระจกหน้าห้องน้ำ แล้วเอาเมจิกกันน้ำเขียนติดหน้าผากพี่ตะวันไว้ว่า 1234...

จบปีสี่...ผมยังรักและก็ยังฝันถึงพี่ตะวันเหมือนเดิม...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็อินเลิฟกับแฟนใหม่อีกเหมือนเดิม

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...โคมไฟปลาปักเป้าเกลื่อนเมือง เพราะขั้นตอนการคิดน่ะแสนยาก แต่ขั้นตอนการก๊อปน่ะแสนง่าย...พี่ตะวันเลยขึ้นรถมาหาผมเพื่อขอเงินหนึ่งบาทค่าไอเดียคืน...ผมเลยให้ไปห้าบาทไม่ต้องทอน...บาทแรกถือเป็นเงินต้น บาทสองถือเป็นดอกเบี้ย ส่วนอีกสามบาทเป็นเงินสมทบทุนค่าตั๋วรถไฟที่พี่ตะวันอุตส่าห์นั่งรถไฟกว่าเจ็ดร้อยกิโลมาหาผมเพื่อทวงเงินหนึ่งบาทคืน...ผมนึกอยากถามพี่ตะวันว่า... จริงๆคิดถึงฉายใช่ไหมล่ะ?...เพราะผ่านปิดเทอมไปสองครั้งแล้วที่ผมไม่ได้กลับบ้านเลย...แต่ผมก็ทำได้แค่นึก ไม่ได้ถาม ...ทำไมน่ะเหรอ?...ก็พี่ขุนมากับพี่ตะวันด้วยน่ะสิ...

จบปีห้า จนกระทั่งปีหก ทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง...ผมยังรัก และฝันถึงพี่ตะวัน เช่นเดียวกับพี่ตะวันและพี่ขุนที่ยังคงรักกันและกัน...เช่นเดียวกันกับพี่กบที่มีแฟนคนใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง

เหตุการณ์สำดัญในสองปีนี้...

เรื่องเป็นไงมาไงไม่รู้...รู้แต่ว่า พี่ตะวันถ่ายเงินจากบัญชีน้าโอ๋ น้ามะ เทมาใส่บัญชีตัวเองหมด

“เผื่อวันหลังกลับมา จะไปไหนจะได้ขออนุญาตพี่ก่อน”พี่ตะวันบอกผมอย่างนั้น

“นายขุนเป็นคนแนะ!...นายคนนี้ชักจะไว้ใจไม่ได้...”ส่วนอันนี้แม่มาบ่นกับผม...แต่พี่ขุนก็ไว้ใจไม่ได้แค่สองวันเท่านั้น เพราะพอวันที่สาม บัญชีพี่ขุนก็โดนพี่ตะวันริบหมด...

“วันหลังพี่ขุนจะได้ทิ้งตะวันไปไหนไม่ได้อีก...”ไม่ใช่พี่ตะวันพูดกับผม แต่ผมเดาว่า พี่ตะวันน่าจะพูดกับพี่ขุนประมาณนี้

“สม!...ปลาหมอตายเพราะปาก!”ส่วนอันนี้แม่พูด...ผมเลยเปิดดูบัญชีธนาคารของตัวเอง เผื่อวันหน้าพี่ตะวันจะอยากริบสมุดบัญชีผมไว้บ้าง...


ผมปฏิบัติงานเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ที่ยังคงผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหกอีกหนึ่งปี...และทุกอย่างยังเหมือนเดิมทั้งผม พี่ขุน พี่ตะวัน และพี่กบที่ยังหมั่นโทรมาเอาใจพี่ตะวันว่าจะกลับๆทั้งที่ระริกๆอยู่กับแฟนใหม่คนที่เจ็ด ...

และหลักสูตรเฉพาะทางที่ผมเลือกจะเรียนต่อนั้น แม้จะใช้เวลานานถึงสี่ปี แต่โชคดี ผมต้องผ่านการปฏิบัติงานเพื่อชดใช้ทุนก่อนสองปี และผมจับฉลากได้ที่เชียงใหม่...ดังนั้นจึงถึงเวลาทวงพี่ตะวันของผมคืนสักที!

ผมชื่อตะวันฉาย เก็บกระเป๋ากลับบ้านตอนอายุยี่สิบสี่กว่าๆ ทันทีที่หิ้วกระเป๋ากลับถึงบ้าน วางกระเป๋า ไหว้พ่อ ไหว้แม่เสร็จ ผมก็เดินไปเคาะประตูบ้านพี่ตะวัน...แน่นอนเพื่อทวงพี่ตะวันของผมคืน...ส่วนจะด้วยวิธีไหน ไม่ได้คิด...แต่เมื่อเคาะประตูจนมือเจ็บ แม่ก็เดินมาบอกว่า พี่ตะวันไปวาดรูปกับพี่ขุน ที่เมืองปาย แม่ฮ่องสอน อีกอาทิตย์ถึงจะกลับ...

ผมเลยต้องรอต่อไปอีกหนึ่งอาทิตย์...

จบ ความรัก ก็ยังคงเป็นความรัก

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
นายกรินกรณ์จะออกมาตอนไหนอ่ะ
ฉายเรียนจบแล้วเนื้อเรื่องคงจะเข้มข้นขึ้นอีกละนะ :m1: :m1:

[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป
ตอนแรกนึกว่า6ปีจะทำให้ฉายเปลี่ยนใจซะอีกอ่ะ

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะรู้!!



ที่แท้!!



โคมไฟปลาปักเป้า



ตะวันฉายเป็นคนคิดนิเอง



 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ฉายสู้ๆ

ทวงคืนด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


อิเจ้   :oni2:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ฉายหวง.....ฉายมาทวงของฉายคืนนนนน


555555555555

ได้เวลาฉายออกศึก   พี่ขุนระวังไว้

รอตอนต่อไปครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ได้เวลา ทวงคืนแล้ว อิอิ

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
ฉายกลับมาแล้ววววววว  :oni1:

แต่จะได้ ตะวัน คืนจริงๆหรอ   o7

hustsu

  • บุคคลทั่วไป
เกลียดตะวัน สงสารฉาย หมั่นไส้ขุน

ultramanzaku

  • บุคคลทั่วไป
ฉายน่ารักอ่ะ

 :m1: :m1: :m1:


เกลียดขุน ชิเชอะ

 :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 12

ความรัก ความไม่ลับ


เวลาสิบกว่าปีไม่ทำให้ความรักที่ผมมีต่อพี่ตะวันลดน้อยลง ถึงจะฟังแล้วไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ก็เหอะ เพราะแม้แต่ตัวผมยังไม่นึกคิดว่า ความรักข้างเดียวแบบของผมที่ไม่เหมือนต้นฉบับที่มีมาเลยสักนิด เพราะมันช่างไร้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอันเป็นรสชาติของการรักใครข้างเดียวนั้น จะยาวนานและมั่นคงได้ขนาดนี้

หากแต่ความฮึกเหิมของการช่วงชิงพี่ตะวันคืนจากพี่ขุนนั้น...แค่อาทิตย์เดียว ใจมันกลับฝ่อ...

ไอ้ที่เคยคิด ยังไงซะ พี่ตะวันก็เลือกผม...ผมชักจะลังเล...ไม่ใช่กลัวว่าพี่ตะวันจะไม่เลือกผม แต่คิดๆดู อย่างพี่ตะวัน ยังไงซะก็ต้องเอาให้ได้ทั้งสองคน ไอ้ที่จะยื่นข้อเสนอ...ถ้าเลือกพี่ขุนผมจะไป...ไม่แคล้วคงต้องได้นั่งวิดน้ำตาของพี่ตะวันออกจากบ้าน แล้วสุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง...

ไม่ต้องดูอื่นไกล...พี่กบไปไหนรอด?...ปากก็บอกว่าไม่รู้รักพี่ตะวันที่ตรงไหน...ปากก็บอกว่ามีแฟนแล้ว ...แต่โทรคุยกันทีไร พูดถึงแฟนใหม่สองประโยคแล้วก็จบ ที่เหลือคุยเรื่องอื่น แต่ก็วกกลับมาถึงพี่ตะวันทุกที...ตอนแรกๆผมก็คิดว่า เพราะพี่ตะวันเป็นตัวเชื่อมระหว่างผมกับพี่กบ ในเมื่อเรารู้จักพี่ตะวันทั้งสองคน จึงไม่แปลกที่คุยกันแล้วจะมีชื่อพี่ตะวัน...ต่อมาคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะพี่กบลืมไปแล้วมั๊ง ว่าพี่ขุน น่ะใคร...แล้วผมเคยนั่งข้างๆพี่ตะวันตอนคุยโทรศัพท์กับพี่กบ ผมว่าพี่กบลืมไปด้วยแหงๆว่า...ไอ้ฉาย น่ะมันใคร!...

“อยากย้ายกลับเชียงใหม่...”เป็นประโยคที่ได้ยินจนชินหูจากพี่กบ...ตอนแรกผมนึกว่าพี่กบตอแหลเอาใจพี่ตะวันไปงั๊นๆ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ แต่ย้ายกลับมาไม่ได้ต่างหาก...

ผมไม่อยากรักข้างเดียวไปตลอดชีวิต ถึงมันจะไม่เจ็บปวดก็เหอะ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นอย่างพี่กบไปตลอดชีวิต ถึงจะบอกไม่ได้ก็เถอะว่า เป็นแบบพี่กบ นี่คือเป็นยังไง...เพราะยังไงซะผมก็ไม่ใช่พี่กบ ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆพี่กบรู้สึกยังไงบ้าง...

หนึ่งอาทิตย์ที่ผมกลับมาอยู่เชียงใหม่ แต่พี่ตะวันกลับไปอยู่ปายกับพี่ขุน

หนึ่งอาทิตย์ที่ทำหัวใจโตๆของผมฝ่อลงจนลีบเรียบ

“ตะวันเลือกฉายอยู่แล้ว!”พี่กบบอกเมื่อผมโทรไปปรึกษาปัญหาหัวใจที่เริ่มฝ่อ

“พี่รู้ได้ไง?”ผมถาม ต้องยอมรับ ไอ้ที่พี่กบพูดน่ะ ผมก็คิด แต่ยิ่งพี่กบย้ำ ผมยิ่งได้ใจ เหมือนมีคนมาเป่าลมให้หัวใจฝ่อๆ มันพองลมขึ้นมานิด

“อันนี้เป็นความลับเลยนะ! จริงๆไม่อยากบอก บอกแล้วมันเจ็บใจ เลยเงียบไว้...”พี่กบเกริ่นซะผมใจเต้น จนตอนนี้หัวใจมันพองไม่หลงเหลือความฝ่อสักกะติ๊ด เพราะฟังแล้วดูพี่ตะวันน่าจะให้ความสำคัญกับผมอย่างมากมาย

“ไอ้ขุนมันก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่มันก็เงียบใช่ม๊า? พี่ว่ามันก็รู้สึก แต่ไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก ให้ตะวันรู้ตัวว่าให้ความสำคัญกับฉายขนาดไหน”พี่กบเกริ่นไม่เลิก ยิ่งฟังผมยิ่งน่าจะสำคัญตัวได้

“อะไรล่ะ?...”ผมถามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่อยากเอาหัวมุดหูโทรศัพท์ไปบีบคอให้พี่กบพูดออกมาเสียเร็วๆ

“ไม่อยากบอกเลยว่ะ นึกแล้วยังเจ็บใจ!”พี่กบพูด น้ำเสียงดูจะเจ็บใจจริงๆ

“อะไรจะขนาดนั้น เวอร์ซะ!...”ผมพูด บังคับให้ตัวเองแกล้งหัวเราะด้วยความขำ ทั้งๆที่จริงๆผมหัวเราะด้วยความเขิน

“ฉายไม่ใช่พี่นี่!”พี่กบต่อว่าเหมือนจะน้อยใจ และความอดทนของผมก็เริ่มจะน้อยตามใจพี่กบไปติดๆ

“ผมเห็นพี่ตะวันอะไรๆ ก็พี่กบ พี่กบ...”ผมพูดปลอบใจ แต่จริงๆคือเอาใจอยากให้พี่กบพูดซะเร็วๆ

“จริงสิ?..แต่.เวลาอยู่กับพี่ พี่เห็นตะวันอะไรๆ ก็ฉาย...”พี่กบว่า

“จริงสิ?”ผมถาม ลูบหน้าแดงๆของตัวเอง

“จริงสิ!”

“อืม...ไม่รู้สิ...”ผมชักปิดบังความเขินไม่มิดแฮะ

“พูดแล้วช้ำ แค่นี้นะ...”พี่กบว่า ทำท่าจะตัดสายไปซะงั๊น

“เดี๋ยวสิพี่ ประเด็นสำคัญล่ะพี่ ประเด็นสำคัญน่ะ?”ผมต้องลืมอาย ลืมฟอร์ม เพราะพี่กบทำท่าจะลืมเรื่องที่ตัวเองอุตส่าห์เกริ่นซะยาว

“ประเด็นอะไร?”พี่กบถาม ถ้าไม่รู้จักกันมานาน ผมคงคิดว่าลืมจริง แต่นี่ผมรู้ว่าแกล้งลืมเห็นๆ

“ก็ไอ้ที่พี่ว่าเก็บเงียบไว้น่ะ...”ผมทวนความ จะมากกว่านั้นก็เขินปาก

“อ๋อ...พูดแล้วมันเจ็บใจไม่หายจริงๆนะ”พี่กบ เริ่มแบบเดิมเด๊ะ และคงเกริ่นกันอีกยาวถ้าผมจะร่วมแรงแกล้งเขินอีกรอบ

“เล่าเลยเหอะพี่ เกริ่นมามากแล้ว!”ผมพูดตัดบท ขืนมัวเขิน ได้กลับไปเริ่มใหม่แต่ต้นแน่ๆ

“ก็ฉาย จำลอยกระทงปีที่ฉายเป็นเด็กเตรียมเอนท์ได้ไหม?”

“ได้”ผมตอบ เพราะเป็นปีแรกที่ไม่ได้ไปลอยกระทงกับพี่ตะวัน ไม่ใช่เพราะมัวคร่ำเคร่งอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่เพราะพี่ตะวันเอาประทัดแดงห้าลูก มาเสียบใส่ดอกกล้วยไม้ห้าดอก จากกล้วยไม้ห้าต้นของแม่แล้วจุดพร้อมๆกันโดยมีผมเป็นผู้ช่วย..

ผลข้อแรกที่เห็นคาตา คือดอกกับต้นไปกันคนละทิศ...

ผลข้อที่สองที่เห็นทีหลังแต่หนักกว่าข้อแรกคือ...กล้วยไม้เป็นกล้วยไม้รอส่งประกวด ราคาคงไม่ต้องบอกว่าน่าจะหลายหลักถ้าผ่านการประกวดแล้ว แต่โชคดีที่มันยังแค่รอส่งประกวด มันเลยยังเป็นแค่กล้วยไม้ธรรมด๊า...ธรรมดา เพียงแต่ว่า...มันไม่ใช่ของแม่...

‘รองเท้าน้าโอ๋สวยกว่าตั้งแยะ’พี่ตะวันแก้ตัวแบบกะเอาใจ ฟังแล้วคล้ายจะไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยว เพราะกล้วยไม้ที่ตอนนี้เหลือแต่ลำต้นคากระถางคือ...รองเท้านารี... ที่ตอนแม่หิ้วมา แม่ยังบอกว่า... มองยังไงก็ไม่ซาบซึ้งความงาม...แต่เมื่อพี่ตะวันเห็นด้วย แม่กลับทำท่าจะหักคอผมกับพี่ตะวันเสียบใส่กระถางคืนเจ้าของดอกไม้ถ้าพ่อไม่ห้ามไว้...
แม่สั่งห้ามผมกับพี่ตะวันไปเที่ยวงานลอยกระทงคืนนั้น ผมเลยอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ส่วนพี่ตะวันแอบปีนหน้าต่างหนีไปเที่ยวกับพี่กบกับพี่ขุน ทิ้งผมได้หน้าตาเฉย...

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่...”ผมบอก ความเขินเริ่มลอยหายไปกับสายลม เพราะแค่เริ่ม ก็นึกไม่ออกแล้ว มีอะไรที่พี่ตะวันจะนึกถึงผม

“ก็ในงาน เขามีลูกชิ้นหมูฟูทอด แบบทอดลูกเดียวเต็มกะทะเลย! คนเข้...”พี่กบเริ่มเล่า

“กะทะเล็กน่ะสิ!”ผมขัดตามความน่าจะเป็น

“อย่าขัดสิ!...กะทะปกตินี่แหละ!... คนเข้าคิวซื้อเลยนะ ตะวันบอกว่าอยากกิน เลยยืนรอเป็นชั่วโมง กว่าไอ้ขุนจะเดินเหงื่อแตกออกมาบอกว่าได้สองลูกสุดท้ายพอดี”

“แล้ว?”ผมงง ไม่เห็นมีตรงไหนมีชื่อผมแทรกเข้าไปได้

“ตะวันบอกว่า จะเอากลับไปให้ฉายลูกนึง”พี่กบเฉลย...และผมได้ยินเสียงคล้ายลมถูกปล่อยออกจากหัวใจพองๆของตัวเอง...

“แล้วอีกลูกล่ะ”ผมถาม เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ขุนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ตะวันกินน่ะสิ”พี่กบตอบด้วยน้ำเสียงว่าผมน่าจะรู้โดยไม่ต้องถาม... ซึ่งก็จริง

“ไหนว่าลูกเดียวเต็มกะทะ ทำไมไม่แบ่งกันกิน?”ผมถามไปงั๊นๆ

“ก็พอขึ้นจากกะทะ มันเหลือนิดเดียว...จากเท่าไข่ห่าน เหลือแค่ไข่มด!”ไม่รู้พี่กบตั้งใจเปรียบให้เห็นภาพ หรือต้องการปกป้องอาการหวงกินของพี่ตะวันกันแน่ แต่อย่างพี่ตะวันจะไข่มดหรือไข่ห่าน ถ้าลองคิดจะกินก็กินคนเดียวได้จนหมด จนแม่ยังเคยสงสัย...ตะวันเอาไปยัดไว้ตรงไหน...

“แล้วถ้าบังเอิญมันมีแค่ลูกเดียวล่ะ?”

“ตะวันก็กินน่ะสิ”พี่กบตอบ แบบที่ผมก็เห็นจริง และใครๆก็คงเห็นจริงถ้าลองรู้จักพี่ตะวัน...เพียงแต่ยังมีความจริงอีกบางข้อที่พี่กบควรรับรู้

“พี่รู้แล้วเงียบไว้นะ!...จริงๆผมไม่อยากพูดเลยนะเนี่ย ”ผมพูดก่อนแกล้งถอนหายใจ

“อะไร?”พี่กบถามอย่างอยากรู้

“ตอนเด็กๆ ตะวันหลอกผมกินลูกชิ้นหมูเน่าๆ...ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลิกกินลูกชิ้นไปเลย ทั้งลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อหรือลูกชิ้นปลา... ตั้งแต่บัดนั้น ยันบัดนี้ ไม่เว้นแม้แต่วันลอยกระทง ปีที่เป็นเด็กเอนท์ด้วย แล้วก็เชื่อเหอะ...ตะวันไม่เคยลืม!”ผมบอกพี่กบแล้วก็วางสาย

ผมชื่อตะวันฉาย แก่กว่าตอนที่แล้วไม่กี่วัน

ความลับของพี่กบทำให้ผมอึ้ง...

แต่ผมว่าความลับของผมทำให้พี่กบอึ้งกว่า...

แต่ก็นั่นแหละ พี่ตะวันล่ะ...

ลูกชิ้นหมูลูกเดียวมันไม่ทำให้ผมรักพี่ตะวันน้อยลงหรือมากขึ้น...ถึงขนาดมันจะเท่าไข่ห่านหรือว่าเท่าไข่กบ... พี่กบก็คงจะเหมือนกัน แม้พี่ตะวันจะซ่อนลูกชิ้นหมูไว้กินคนเดียวทั้งถุง ผมว่าพี่กบก็คงไม่เลิกรักพี่ตะวันหรอก...

เพียงแต่บางครั้ง ความลับมันก็น่าจะปล่อยให้เป็นความลับตลอดไป...เพราะบางครั้งเมื่อความลับเปิดเผย เราก็รู้สึกตัวว่า...เสียเวลาฟังจริงๆ !

จบ...ความรัก ความไม่ลับ

ออฟไลน์ MayMaMee

  • ต้องอ่านนิยายวายทุกวัน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อยากเป็นคนแรกกะเค้ามั่ง

...

หลงรักฉายจิงๆ อะไรจะจิตใจมั่นคงเยี่ยงนี้ หามิได้อีกแล้ว

โอ้ ว่าแต่ พี่กบ หรือ พี่ขุนก็ด้วยนี่

พี่ตะวันมีอะไรยอดเยี่ยมนี่ ต้องรออ่านต่อไปชิมิจ้ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2008 18:46:52 โดย MayMaMee »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
555
มีมุขมาให้ขำเล็กๆ ทุกตอน น่ารักดี

รออ่านต่อเน้อ

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ตะวัน
ตะกละ...... o12
เสียเวลาฟังอย่างที่ฉายว่าจริงๆ :sad2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
สรุปตะวันมีอะไรดีมั้งเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่เข้าใจจิงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออออออออ นึกว่าจะได้ลุ้นสุดท้ายตะวันก็ทำเพื่อตัวเอง

gagagaa122

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้จะลงเอยยังไงกันนะ


ตะวันนี่จริงๆเล้ยย  o12
เห็นด้วยกับความคิดเห็นบนๆ ตกลงตะวันมีไรดีมั่งเนี่ย 55

รักฉาย รักฉายย ><

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ตะวันนี้ติสแตกจิงๆเลย แต่ก้อน่ารักดี อิอิ สู้เค้านะฉายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

christiyaturnm

  • บุคคลทั่วไป
 o13

เปนแนวที่แปลกและแตกต่างจากเรื่องอื่นๆในเล้า



การใช้ภาษาลื่นไหล อ่านเข้าใจง่าย  มีอารมณ์ขันสลับเศร้าเคล้ากันไป


ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิกเด่นชัดดี



อ่านแล้วก็หดหู่และอมยิ้มไปในเวลาเดียวกัน

ผู้แต่งคนนี้ คราวหลังต้องคุยด้วยหน่อยแล้ว

ขอแอดเมลลหน่อยคร้าบๆๆๆๆๆ



ชอบๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ขำฉายอ่ะ  อุตส่าห์รอลุ้นตั้งนาน   :m20: :m20:

ตะวันก้อ ทำไปได้   :laugh: :laugh:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้อ่านแล้ว ขำดีตอนคุยโทรศัพท์กับพี่กบ  :m20:

แต่พอตอนท้าย ก็เศร้าหน่อยๆนะ  :m15:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
555555 ที่แท้ตะวันก็จะเก็บลูกชิ้นไว้กินคนเดียวนี่เอง :m20:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 13

ความรัก ของเขา เราก็รัก


พี่ตะวันกลับมาแล้ว พร้อมยิ้มหน้าบานเป็นตะวันฉายเหมือนเคย

“ดอกบัวตองส็วย สวย”พี่ตะวันบอก พลางกระโดดมานั่งลงข้างๆผม

“บานเต็มภูเขาเลย!”พี่ตะวันพูดอีก เมื่อผมนั่งหน้าเฉย

“เทศกาลดอกบัวตองน่ะ มันเดือนธันวา...ดอกบัวตองบ้านตะวันสิ บานเต็มภูเขาตอนหน้าร้อน!”ผมขัดคอ หยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องทีวี สนใจก็แต่จอทีวี ไม่สนใจหน้าพี่ตะวัน

“ทำไมจะไม่บาน นี่ไง!”พี่ตะวันว่า พลางโยนโปสการ์ดให้ผม

“โธ่เอ๊ย...แค่นี่ทำเป็นคุย ที่กรุงเทพก็บานเต็มโปสการ์ดเลย อ๋อเซเว่นหน้าปากซอยก็บาน!”ผมว่า พลางเขี่ยโปสการ์ดที่ใช้แค่หางตาแลให้พ้นตัว มองก็แต่จอทีวี

“งั๊นก็ช่างหัวมัน!”พี่ตะวันพูด ก่อนหยิบโปสการ์ดขึ้นมาฉีก แล้วก็ฉีก แล้วก็ฉีก แล้วก็โยนใส่ผมก่อนกระแทกเท้าโครมๆออกจากบ้าน โดยมีพี่ขุนมองตาม

“ไม่ใช่ภาพถ่ายนะ...ปีที่แล้วตะวันเป็นคนวาด...เขาเอามาทำเป็นโปสการ์ด...เป็นโปสการ์ดทำมือ ขายแต่ที่ปาย ชื่อภาพ...ตะวันฉาย”พี่ขุนบอกก่อนเดินตามพี่ตะวันออกไป ผมถึงได้ก้มมองเศษโปสการ์ดที่ถูกฉีกจนเกือบละเอียด...มันเป็นภาพวาดจริงๆ ภาพวาดที่ดูสีสันจะจัดจ้าน หากแต่ก็ไม่เกินงาม เพราะมันยังมองคล้ายสีสันของความจริง

ผมหยิบมันมาลองเรียงๆดู...อยากเห็นชื่อของภาพ...ที่มักจะอยู่ด้านล่างของภาพ หรือไม่ก็ด้านหลัง ผมเลยเพิ่งได้เห็น...น่าจะเป็นลายมือพี่ตะวันเขียนอะไรไว้สักอย่าง...

“ไม่เห็นต้องฉีกซะละเอียดขนาดนี้เลย...”ผมว่า มองดูเศษโปสการ์ดที่พยายามนั่งเรียงมาร่วมชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากเศษที่เรียงยังไงก็ไม่เต็มส่วน

สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเดินไปหาพี่ตะวันที่บ้าน

“น่า...อย่างี่เง่าน่า...”เสียงพี่ขุนพูด สลับกับเสียงพี่ตะวันสะอื้น

พี่ขุนนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆพี่ตะวัน...แม้ไม่ใช่มุมที่ชัดนัก แต่ก็พอดูออกว่าแขนข้างหนึ่งของพี่ขุนโอบเอวพี่ตะวันไว้

“ก็เสียดายนี่นา...ไม่น่าฉีกทิ้งเลย!...ไอ้บ้าฉาย คนอุตส่าห์ซื้อมาให้!”พี่ตะวันว่า

“ก็เสียดายแล้วไปฉีกทิ้งทำไมเล่า?”พี่ขุนถาม พยายามรั้งเอวพี่ตะวันให้เข้ามาใกล้ แต่พี่ตะวันไม่ยอม

“ก็ตอนนั้นมันโมโหนี่นา!”พี่ตะวันให้เหตุผลอันสมควรแก่ตัวเองเห็นจริงได้คนเดียว

“โมโหอะไร เห็นคุยกันแค่สองคำ!”

“ก็...ก็ฉายไม่ยอมมองนี่นา!”

“แล้วไงล่ะ แล้วต้องฉีกทิ้งด้วยหรือไง?”

“พี่ขุนเข้าข้างฉาย ก็ไปอยู่กับฉายเลย!”พี่ตะวันยังพาลไม่เลิก และคราวนี้พี่ขุนถอนหายใจและลุกขึ้น

“ไปไหน?”พี่ตะวันถามเสียงขุ่น เมื่อพี่ขุนทำท่าจะเดินจากไปจริงๆ

“ไป...ชักว่าว...”แต่พี่ขุนตอบแล้วยิ้ม ก่อนเดินเอื่อยๆออกไปจากห้องแล้วก็ขึ้นบันไดไปชั้นบนเงียบๆ โดยไม่หันมามองพี่ตะวันเลย

ผมลังเลว่าจะเข้าไปหาพี่ตะวันดีหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันตัดสินใจ พี่ขุนก็ตะโกนลงมา

“ตะวัน!...จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ลงไปลากขึ้นมา?”แม้จะตะโกน หากแต่ก็จับน้ำเสียงได้ว่า พี่ขุนไม่ได้อารมณ์เสียอะไร

“ลงมาลาก!”พี่ตะวันตะโกนตอบ และแม้จะตอบไปแบบนั้นแต่ก็กระแทกเท้าโครมๆเดินขึ้นไปชั้นบนแต่โดยดี

แล้วเสียงร้องไห้ของพี่ตะวันก็กลายเป็นเสียงหัวเราะที่ได้ยินมาจากบ้านชั้นบน...

ผมเลยเดินกลับบ้านตัวเอง...กลับไปนั่งเรียงเศษโปสการ์ดต่อไปเงียบๆ...

ผมไม่รู้ว่าพี่ขุนกับพี่ตะวันจะต้องการเวลาส่วนตัวกันนานสักเท่าไหร่ ผมถึงจะไปเคาะประตูทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านพี่ตะวันได้...

ผมเคยดูหนังเอ๊กซ์กับเพื่อน แต่เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง...ผมก็ดูตาแฉะ เพราะก่อนเผลอหลับ เป็นคู่นึง พอเพื่อนสะกิดให้ลืมตาตื่นขึ้นมาดูก็กลายเป็นอีกคู่ พอสติชักจะหลุดไปอีกรอบก็เป็นอีกคู่ จนเพื่อนสะกิดปลุกให้ตื่นอีกครั้งว่าจบแล้ว ก็คลับคล้ายจะเห็นเป็นอีกคู่...ดูจบไปเรื่องหนึ่ง ผมก็รู้ซึ้งถึงเหตุของผลที่ประชากรล้นโลกอยู่ทุกวันนี้...

เพื่อนมันล้อว่าผมน่ะพวกคงแก่เรียน หรือไม่ก็ตายด้าน ผมได้แต่หัวเราะและคิดในใจว่า...จะกี่คนก็ไม่เห็นสู้พี่ตะวันของผมได้ตรงไหน...

ฝันเปียกตอนหลับก็ยากจะประเมินเวลาว่ากินเวลานานเท่าไหร่ หรือจะฝันเคลิ้มๆตอนตื่น แต่อาศัยนารีทั้งห้า เวลามันก็เลยไม่มากมายเท่าไหร่...ผมเลยไม่รู้ว่า เมื่อร่วมแรงแถมร่วมมือ พี่ขุนกับพี่ตะวันจะต้องการเวลากันนานเท่าไหร่แน่...

เมื่อไม่รู้ ผมเลยไม่กล้าไปเคาะประตู...เมื่อไม่รู้ ผมเลยได้แต่นั่งเรียงเศษโปสการ์ดไปเงียบๆ จนเสร็จ...

...ตะวัน- ฉาย...ชื่อภาพเขียนเอาไว้

...ฉลองฉายเรียนจบ ปลายปีนี้ไปนู้ดท้าลมหนาวกัน!...ลายมือเขี่ยๆของพี่ตะวันเขียนไว้ที่ด้านหลังโปสการ์ด...พี่ตะวันคงตั้งใจให้ผมหัวเราะ ผมเองก็อยากหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก

ผมไม่เคยเห็นดอกบัวตองของจริง ไม่เคยคิดอยากเห็น แต่ตอนนี้นึกอยากเห็น...อยากเห็นมันพร้อมๆพี่ตะวัน...

จากหน้าต่าง ผมเห็นพี่ตะวันกับพี่ขุนลงมาจากชั้นบนแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งมองโปสการ์ดอยู่ที่เดิม

จากหน้าต่าง ผมเห็นพี่ตะวันกับพี่ขุนช่วยกันรดน้ำดอกไม้ที่ในสวน ที่เมื่อหลายๆวันที่ผ่านมาเป็นผมที่ต้องเป็นคนไปช่วยรดให้

จากหน้าต่าง ผมเห็นละอองน้ำกระจาย เมื่อพี่ตะวันฉีดน้ำจากสายยางขึ้นไปบนท้องฟ้า...ละอองน้ำสะท้อนแดดจนเป็นสีรุ้งพาดเหนือทานตะวันดอกใหญ่ที่ ริมหน้าต่าง...พาด เหนือร่างพี่ขุนที่ก้มลงจูบแก้มพี่ตะวันเบาๆที่ใกล้ๆทานตะวันดอกใหญ่ดอกนั้น...ผมเลยนั่งมองดูโปสการ์ดอยู่ที่เดิม

ผมนั่งมองโปสการ์ดอยู่ๆเงียบๆ ถามตัวเองเบาๆในใจ...จะยังบอกรักพี่ตะวันอยู่หรือเปล่า?...กล้าไหม ที่จะผิดหวัง?...และผมตอบตัวเองไม่ได้ทั้งสองคำถาม...เลยนั่งมองโปสการ์ดต่อไปเรื่อยๆ

เย็นนั้นพี่ตะวันไม่ได้มากินข้าว...เป็นพี่ขุนที่หิ้วของฝากมาให้ตอนค่ำๆ

“เมาหลับไปแล้วครับ!”พี่ขุนบอกอย่างนั้น ก่อนยกมือไหว้แม่กับพ่อ ลากลับบ้านตัวเองวันสองวัน

“เมาเนี่ยะนะ! ตะวันนี่ชักจะเหลวไหลใหญ่!”แม่บ่นเมื่อพี่ขุนคล้อยหลังไปแล้ว ส่วนพ่อก็ยิ้ม และแม่ไม่บ่นว่าอะไรต่อ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าที่พ่อยิ้มน่ะ มีความหมายอะไร...และผมเองก็รู้เช่นกัน

‘มองตาแป๋วเลยนะ อยากลองสักกรึ๊บไหมล่ะ ฉาย?’น้าโอ๋ถามผม ครั้งที่ผมยังเป็นเด็กชายตะวันฉาย และตายังแป๋ว

น้าโอ๋ถามก็เพราะผมนั่งมองน้าโอ๋กับแม่กับน้ามะนั่งซดเหล้ากันตาแป๋ว...ส่วนตาพี่ตะวันไม่แป๋ว เพราะนอนหลับ หายใจดังฟี๊ดๆ อยู่ใกล้ๆวงเหล้า เพราะเมาเหล้าแค่อึกสองอึกที่น้าโอ๋แกล้งเอาให้กิน


แม่กับน้าโอ๋กับบางทีก็มีน้ามะ ตั้งวงเหล้ายามเย็นกันทุกวันๆ จนวันหนึ่งพ่อก็ถามว่า

‘แล้ววันหลังจะสอนลูกยังไง?’พ่อถาม พลางมองหน้าแม่สลับกับมองผมที่นั่งมองตาแป๋ว กับมองพี่ตะวันที่วันนี้นอนวาดรูปเล่นอยู่ข้างๆเก้าอี้น้าโอ๋

‘สอนวาดรูปเหล้า...วันนี้ตะวันวาดรูปมีกลิ่นเหล้า!’พี่ตะวันบอกพ่อ พลางลุกขึ้นเอารูปที่ตัวเองวาดไปให้พ่อดม

‘เดี๋ยวน้าเจดดูนะ...เดี๋ยวคนนี้เขาจะเมาแล้วก็หัวเราะกิ๊กกั๊กๆ เหมือนแม่กับน้าโอ๋ เพราะตะวันเอาเหล้าผสมสีระบายเขา’พี่ตะวันบอกพ่อ พลางชี้มือให้พ่อดูคนตัวเล็กๆในรูปวาด

แม่มองพ่อหน้าเจื่อนๆ แล้วพ่อก็อุ้มผมกับพี่ตะวันเข้าบ้าน...นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นแม่กับน้าโอ๋นั่งก๊งกัน...แบบเปิดเผย...

เพราะหลังจากนั้น แม่ก็แอบแบ่งกันคนละกรึ๊บกับน้าโอ๋ที่ในครัว...และพฤติกรรมนั้นก็ต้องหยุดเมื่อวันหนึ่งพ่อพาพี่ตะวันเข้ามาหาแม่กับน้าโอ๋ที่ห้องนั่งเล่น

‘ไหนตะวันลองทำให้น้าโอ๋กับแม่ดูสิว่าเหมือนไหม?’พ่อพูดกับพี่ตะวันที่ยืนยิ้มภูมิใจ ก่อนจะทำท่ายกไหล่หัวเราะกิ๊กกั๊กและเทแบ่งกันคนละกรึ๊บของแม่กับน้าโอ๋ได้เหมือนเดี๊ยะ

‘ตะวันทำอะไร?’แม่แกล้งถาม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

‘ทำแบบน้าโอ๋กับแม่ไง!’พี่ตะวันตอบ แถมทำให้ดูอีกรอบ

‘ตะวันพูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง!’แม่ยังทำหน้าซื่อถาม

‘พูดความจริงไง!’แต่พี่ตะวันตอบซื่อกว่า ยังยกไหล่ หัวเราะกิ๊กกั๊ก และเทแบ่งคนละกรึ๊บ ให้ดูอีกหลายๆรอบ

ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้น แม่กับน้าโอ๋ไปแบ่งกันกรึ๊บที่ไหนต่อหรือเปล่า แต่พ่อเล่าว่า วันหนึ่งแม่ก็เลิกเหล้าขาด เพราะกลับบ้านมาเจอผมกับพี่ตะวัน แอบเอาเหล้าของแม่มาแบ่งกันคนละกรึ๊บจนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในครัว

‘ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น...ไปตื่นโน้นโรง’บาล ไอ้ตะวันยังมีหน้า ทำท่ายักไหล่หัวเราะกิ๊กกั๊ก แบ่งคนละกรึ๊บให้หมอดู...แม่น่ะอายแทบแทรกแผ่นดินหนี...วันนั้นยายโอ๋กับนายมะไม่อยู่ แม่เลยซวยคนเดียว!’อันนี้แม่เป็นคนเล่าต่อ ด้วยความเจ็บใจ

ดังนั้นวันนี้เมื่อพ่อยิ้ม แม่เลยไม่กล้าบ่นอะไรต่อ

“จะให้ไปดูหน่อยไหม พี่ขุนไม่อยู่นี่?”ผมอยากไป แต่แกล้งถามแม่ก่อน

“ไปดูหน่อยไป...แล้วนี่ฉายเจอตะวันหรือยัง?”แม่ถาม และผมพยักหน้ารับ ก่อนเดินออกมา

บ้านพี่ตะวันเงียบกริบ ประตูบ้านล็อคไว้...แต่ผมรู้พี่ตะวันกับพี่ขุนซ่อนกุญแจสำรองไว้ตรงไหน...แน่นอนมันไม่ใช่ความลับ ผมได้รับอนุญาตให้หยิบและใช้ไขเข้าไปในบ้านได้ตลอดเวลา ยกเว้นก็เพียงเวลาที่พี่ตะวันหรือพี่ขุนอยู่...

“ตะวัน...”ผมตะโกนเรียกเบาๆ และคำขานรับคือความเงียบ

ผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอนพี่ตะวันเข้าไปเงียบๆ...

ไฟในห้องนอนพี่ตะวันปิดสนิท เหลือก็แต่แสงไฟจากห้องน้ำที่พี่ขุนคงเปิดทิ้งไว้ให้เผื่อพี่ตะวันตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน

ผมกดสวิทช์ไฟเปิด มองดูพี่ตะวันที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ลายดอกทานตะวัน...ที่แม่เป็นคนซื้อผ้ามาเย็บให้

“ตะวัน...”ผมเรียกเบาๆ แต่ดูพี่ตะวันจะไม่รู้สึกตัว

“ตะวัน...”ผมเรียกดังขึ้นอีกนิด และพี่ตะวันยังเงียบเฉยเหมือนเดิม

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ นั่งลงที่ริมเตียงอย่างเบาที่สุด...พี่ตะวันยังคงนอนหลับสบาย

ผมลองเขย่าพี่ตะวันเบาๆ พี่ตะวันก็แค่ขยับตัวคล้ายจะรำคาญ

“ตะวัน...”ผมเรียกและลองเขย่าตัวดูอีกครั้ง

“ตะวันจะนอน...พี่ขุนอย่ายุ่งสิ!”พี่ตะวันพูดเสียงงัวเงียก่อนขยับตัวหนี

“ฉายต่างหาก ไม่ใช่พี่ขุน...”ผมพูด แกล้งเอานิ้วเขี่ยแก้มพี่ตะวัน

“ฉาย...รักตะวันนะ...”ผมก้มลงกระซิบข้างๆหูพี่ตะวัน

พี่ตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดเสียงงัวเงีย

“ตะวันก็รักพี่ขุน...”

“...ฉายต่างหาก...”ผมพูดเบา เบาจนพี่ตะวันคงไม่ได้ยิน...

ผมนั่งอยู่ที่เดิม นั่งมองดูพี่ตะวันที่ยังหลับสบาย...แล้วผมก็เห็นพี่ตะวันยิ้ม...เห็นพี่ตะวันหัวเราะ...เห็นพี่ขุนหอมแก้มพี่ตะวัน...แล้วพี่ตะวันก็บอกว่า...ตะวันก็รักพี่ขุน...

“ฉายก็รักตะวัน...รักมาก่อนพี่ขุนอีก...”ผมกระซิบข้างหูพี่ตะวันอีกครั้ง ก่อนลุกเดินไปปิดไฟ ก้าวเท้าออกจากห้อง...

แล้วผมก็เปลี่ยนใจ...

ผมเดินกลับเข้าไปหาพี่ตะวัน...

แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...แล้วก็ทำสิ่งที่ตัวเองเฝ้าคิด...เฝ้าฝันถึงมาร่วมสิบปี...

“พี่ขุน...ทำไมทำตะวันเจ็บ!”พี่ตะวันพูด พลางใช้มือผลักผม

“ตะวันบอกว่าเจ็บไง!”พี่ตะวันพูดปนสะอื้นเบาๆ

“ก็ไม่เคยนี่นา!”ผมบอก แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได้...พี่ตะวันกอดผมแน่น แต่ปากก็ยังเรียกแต่พี่ขุน...พี่ขุน...

ผมชื่อตะวันฉาย...กำลังจินตนาการบรรเจิด...ซึ่งจริงๆก็ยังไม่บรรเจิดเท่าไหร่ เพราะถ้าจะให้บรรเจิดจริง พี่ตะวันต้องเรียกชื่อผมสิ ไม่ใช่พี่ขุน...

ห้าหกบรรทัด ข้างบนโน้น นั่นแค่คิด เพราะในความเป็นจริง ผมทำได้แค่ยืนกลืนน้ำลายเอื๊อก มองพี่ตะวันหลับสบายไม่รู้เรื่องรู้ราว

ไม่ใช่ไม่อยาก...แต่มันไม่ถูก...

ก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีอะไร...ถ้าเป็นนายงามนายอื่นล่ะก็เสร็จผมไปแล้ว

แต่นี่เป็นพี่ตะวัน...เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมนับรองจากพ่อและแม่...เป็นความรักที่ผมไม่อยากให้จบลงที่บนเตียง...ซึ่งอาจมีอายุแค่คืนเดียว เกิดพี่ตะวันไม่แฮปปี้กับสิ่งที่ผมทำ...

ผมกับพี่ตะวัน...เราเป็นของกันและกันมาตลอดชั่วชีวิตผม...ถึงยังไม่ได้ผูกพันกันอย่างคนรัก แต่ผมก็รู้ว่าความผูกพันของเรามันยิ่งกว่านั้น

ทั้งหมดที่คิด มันไม่ใช่คุณความดีในใจ แต่มันเป็นคำพยายามเตือน สิ่งชั่วร้ายในใจตัวเองให้สงบลง..

ผมเลยเดินคอตกออกจากห้อง...เพื่อให้หัวใจตัวเองได้มีโอกาสพองโตขึ้นมาได้อีกครั้งในเวลาที่เช้าวันใหม่มาถึง เพื่อที่จะได้ยิ้มรับรอยยิ้มหน้าบานของพี่ตะวันได้อย่างมีความสุข...

พระเจ้าคงรู้ว่าสิ่งที่ผมทำน่ะยากยิ่ง...ขอผลแห่งความดีที่สุดจะข่มใจทำในวันนี้ ทำให้รักของผมสมหวัง...เถิด...สาธุ

จบ...ความรัก ของเขา เราก็รัก

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
นึกว่าฉายจะทำจริง 555  แอบลุ้นเล็ก เอิ๊กๆ  หื่นอ่า

รออ่านต่อๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
น้ำตาจะไหล

สงสารฉายเป็นที่สุด

 :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด