(ต่อ)
*************
JEFFRY's
กลับมาที่ผมสักครู่ครับ...
ผมออกมาหลังจิระตัวป่วนนอนดูหนังเคลิ้มหลับไปแล้ว
“เจฟฟรี่ เด็กบ้านมึงดูมีน้ำมีนวลจังวะ”
“สัด!” ผมสบถฟักแฟงแตงโมแจกสหาย เราคุยกันภาษาอังกฤษโปรดเข้าใจตามนั้น
กำลังเดินอยู่ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งเพื่อจัดการธุรกรรมสัญญา เพื่อนว้อนท์อยากลองของด้านอสังหาริมทรัพย์วัดรอยตามเส้นทางแด๊ดของมันโดยมีผมร่วมเป็นหุ้นส่วนเงาอยู่ข้างหลังอีกที
เหยี่ยวขาวกับผมเสมือนขาวกับดำ ผมชอบพ่อมดชักใยอยู่เบื้องหลัง เหยี่ยวชอบโชว์ออกเบื้องหน้า ภายนอกคล้ายต่างคนต่างสไตล์หากทว่าลึกๆ แล้วเราคล้ายคลึงกันมากอย่างน่าประหลาดใจ
...เหยี่ยวเป็นเพื่อนตายของผม
...ผมก็เป็นเพื่อนตายของเหยี่ยว
“ปอร์เช่ไม่ได้มากับเจ้าสัวหรอก สบายใจได้”
“กูไม่ได้อะไร” I don’t ผมยักไหล่ไม่ยี่หระ
“รู้ มึงน่ะอาเฮียเรียกพ่อ เหี้ยชัดๆ”
“หึหึ” ผลักหัวเพื่อนคะมำ เหยี่ยวหันมาแว้งกัดด้วยหมัดแย๊บใส่ซี่โครงเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะพอเป็นพิธี
ผมไม่มีชิพความจำเก็บช่วงเวลาในอดีตช่วงนั้นเสียด้วย เพราะจิระตาคมของผมครอบครองเต็มสี่ห้องหัวใจ
“ไม่ปลุกมาด้วยกัน ที่นี่จัดเทศกาลซี่โครงแกะ เด็กบ้านมึงคงเปรม ท่าทางชอบกิน” เหยี่ยวยิ้มๆ อารมณ์ดีขณะผ่านล็อบบี้เลาช์พอดี
“ไม่ ค่อยซื้อกลับ”
“อ๋อครับผม เทคโฮมห่อกลับไปกินข้าวบ้าน แต่กำลังพบผู้ใหญ่กรุณาเรียบร้อยบ้างนะ เสื้อผ้าให้มิดชิดบ้างไรบ้าง”
เหยี่ยวแกล้งดึงปกเสื้อเชิ้ตของผมแรงๆ คงเห็นรอยฟันที่ลาดไหล่ไม่มากก็น้อย ผมเปิดเสื้อโชว์หราติดกระดุมไม่กี่เม็ด
“เรื่อง”
“โอ๊ย” เหยี่ยวหลุดร้อง OUCH จนแขกโรงแรมแถมนั้นหันมองเราเป็นตาเดียว “เมื่อคืนคนของมึงแม่งกวนตีนมาก พูดมาได้ยังไง ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น ลูกผู้ชายมาก! มว้าก!”
“555” ผมขำ ใจเต้นแรงยามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“อ้อเกือบลืม เมื่อคืนรู้ไหมหลังจากกูลงมาข้างล่างแล้วเจอใคร”
“ใคร?” ผมเรื่อยๆ หากเหยี่ยวกระตือรือร้นอยากเล่าถึงถามชง who
“ปอร์เช่”
“อืมหึ แล้ว?”
เหยี่ยวกับผมเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ หลังฉากของผับนั้น
พี่พงศ์คือผู้จัดการซึ่งเป็นพนักงานเก่าจากอาทิตย์กรุ๊ป เหยี่ยวช่วยออกไอเดียตั้งแต่ก่อสร้าง ตกแต่งภายใน เริ่มต้นงานเองแทบทั้งสิ้น เปิดกิจการทำกำไรแค่ไม่นานเหยี่ยวก็ยกให้พี่พงศ์ดูแลจัดการแทน
ทุกอย่างเกิดจากความเฮี้ยนส่วนตัว เพื่อนขาโจ๋อยากมีที่เที่ยวกลางคืนแบบส่วนตัวชิลๆ จึงก้าวกระโดดใหญ่ด้วยการเป็นเจ้าของซะอย่างนั้น
ต้นเหตุลึกๆ เนื่องจากผมหนุนหลัง...
‘ทำเลยอย่าช้า เดี๋ยวกูเอาด้วย’ จำได้ว่าบอกเพื่อนตอนนั้น ตอนนี้ถึงต้องร่วมหอลงโรงโปรเจคคอนโดนี่อีก สนุกดีครับ
...
...
“น้องโดนดีในห้องน้ำสภาพดูไม่จืด คิสมาร์กเต็มคอ ปากเจ่อน่าจะถูกจูบจนเลือดซิบ เซออกมาเลย กูกับพี่พงศ์เจอน้องที่โต๊ะแล้ว แล้วทายซิว่าเราเจอใครอีกคน” เหยี่ยวเล่าประเด็นฮอต
“ใคร?”
“โครมันยองเชษฐ์” เหยี่ยวยักคิ้ว “มันมากับพวกอาโป ส่วนปอร์เช่มาเที่ยวกับเพื่อน พี่ชายยังไม่มาเลยเจอดีซะก่อน”
โครมันยองอีกแล้ว แมวคิตตี้กรอกหูเพื่อนผมจนติดสมญาใหม่เสร็จสรรพ สงสัยผมต้องหมายหัวเหยี่ยวขาวอีกคน รู้ว่าเพื่อนไม่แตะของๆ ผมแน่นอนแต่ใกล้กันทีไรสองคนนี้สนิทสนมเป็นปี่เป็นขลุ่ยมากขึ้นทุกทีจนผมกลายเป็นหมาหัวเน่าซะเอง ไม่ได้การณ์
“เด็กในห้องน้ำว่าไง?”
“ไม่ว่าไง แวบไปเอาของกลับมาเจอคนซี้ดซ่าอยู่ในห้องน้ำเลยไม่กล้าเคาะเรียก เปิดมาเป็นปอร์เช่เด็กก็ตกใจวิ่งออกมาตามพี่พงศ์ จังหวะมึงพาคนของมึงกลับล่ะมั้ง สักพักพี่จากัวร์ก็เข้ามาเอาน้องชายแกกลับ”
“สถานการณ์?” ผมถาม
“น่าจะสมยอม น้องเล่นนั่งตักสโลว์ซบอกไอ้โครมันยองอย่างเดียว ถามอะไรก็ไม่ตอบ โอ๋กันจนกูกับพี่พงศ์ไม่กล้าพูดมาก แถมใส่เสื้อไอ้มนุษย์หินฟรินซ์สโตนนั่นด้วยนะเว้ย”
“เสื้ออะไร?”
“เสื้อบาสเก่า พิชัยเชษฐ์เบอร์ 30 หรา ปอร์เช่เสื้อขาด ข่าวว่าไอ้บ้านั่นเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยปอร์เช่ไว้หรือไงนี่แหละ”
“แปลก” ผมพึมพำเรื่อยตามน้ำไม่ติดใจ ปอร์เช่อายุไม่ถึงแต่เงินถึง พี่พงศ์ผู้จัดการไม่น่าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้
เหยี่ยวตื่นเต้นพูดเบาๆ พอได้ยินกับผม “...แต่เด็กมันเห็นแวบๆ ว่าคนที่ตามออกมาจากห้องน้ำเดียวกับปอร์เช่คือไอ้เชษฐ์ว่ะเจฟฟรี่”
“หึหึ” เอาแล้วไง “แล้วพี่จากัวร์ไม่เอาเรื่องมึงวะเหยี่ยว”
“ไม่อยากเซด กูกับพี่พงศ์หัวเกือบหลุดจากบ่า มึงก็รู้พี่จากัวร์หวงน้องฉิบหาย ปอร์เช่อ้อนพี่ชายจะกลับท่าเดียวเลยรอด” เหยี่ยวถอนหายใจเฮือกเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“ก็ดีแล้วนี่ เหตุการณ์สงบเรียบร้อย”
“เกือบตาย” เหยี่ยวส่ายหน้ายอมแพ้
ไม่ขุดคุ้ยต่อ เรื่องของใครก็เรื่องของคนนั้นไม่เกี่ยวกัน ผมไม่สนใจปอร์เช่หรือข่าวคาวๆ ในผับ ติดใจสรรพคุณบุคคลนามพิชัยเชษฐ์มากกว่า
...
“เหยี่ยว เด็กบอกให้กูช่วยเหลือไอ้โครมันยองนั่น” ผมเข้าเรื่องร้อนหมาดๆ
“กูว่าแล้วมึงต้องพูด” เหยี่ยวใช้คำว่า must
เพื่อนแชทบอกผมตั้งแต่เช้า รายงานแมวดื้อถามเส้นทางการทำเงิน เล่าประวัติเชษฐ์ให้เหยี่ยวฟังก่อนผม จนถึงเมาโวยวายว่าหายหัวไปไหนทำไมไม่มารับสักที ปลื้มไม่หายสักที
“ยังไงก็ได้ ถ้ามึงไม่ก็ไม่” ผมทราบเหยี่ยวไม่ชอบขี้หน้าเชษฐ์ก่อนใคร ส่วนผมแค่ระเบิดลงใส่คนๆ เดียวกันเท่านั้นเอง
“อยากรู้นิสัยสันดานของหมอนี่เหมือนกันว่ะ” เหยี่ยวออกความเห็น
“หมัดลุ่นๆ ต่อยกูเร็วมาก ตรงๆ หน้าเลยทั้งที่รุ่นพี่อยู่เต็มสนาม เด็กทุนกีฬาอีกต่างหาก”
“ถามจริงประเด็นมาจากไหน เด็กบ้านมึงพูดกับมึงใช่ไหม?”
“Ya.” ผมรับไม่ติดขัด พยายามกลั้นยิ้มเขินไว้อย่างยิ่งยวด หัวเกรียนส่งอิทธิพลกับผมเหลือเกิน
“นั่นเล่าความจริงให้กูฟังเหมือนกัน เล่นเอากูเกลียดไอ้ควายนั่นไม่ลงเลย แล้วแต่ละกันเพื่อน” เหยี่ยวรับความจริง บอกแล้วว่าเพื่อนผมใช้ได้ ถ้ารู้ว่าผิดเหยี่ยวพร้อมจะปรับทัศนคติได้ใหม่ทันทีทันใดเสมอ ข้อดีของมัน
“โทรบอกอาโปมีคนเล่นให้มัน อย่าให้รู้ว่าเป็นเรา” ผมบอกข้อตกลงกึ่งมัดมือชกบังคับลงเรือลำเดียวกัน
“ห่า มึงไม่ตัดสินใจมาจากบ้านล่ะวะเจฟฟรี่” เหยี่ยวโวย “กูยังเหม็นขี้หน้ามันอยู่นะโว้ย”
“แต่กูต่อยปากมัน”
“เหรอครับท่านเจฟเฟอร์สันผู้ยิ่งใหญ่!”
“เออซิ”
“เด็กมึงแม่ง...โคตรจะมีอิทธิพลกับเพื่อนกูตายชัก ฝากบอกมันด้วย วันหลังนัดต่อยกะกูหน่อยก็ได้ ว่าง” เหยี่ยวฉุนแกล้งๆ
“แล้วจะบอกให้ 555”
...
เราไม่มีความลับต่อกัน เหยี่ยวขาวนกรู้นานแล้วแต่เลือกไม่ปริปาก อดไม่ไหวเอ่ยถามหลังรับน้องโควตาเสร็จใหม่ๆ ตาคมดื่มเหล้าเมาเฮี้ยนวิ่งลงทะเลเป็นผมช่วยชีวิตไว้ กลับบ้านถึงมีโอกาสล้วงความลับ...
‘คนของมึง?’
‘เออ ของกูเอง ห้ามยุ่ง’ ผมยืดอก
‘กูไม่ยุ่งหรอกมึงก็รู้’ เหยี่ยวยิ้มๆ เป็นต่อ
‘แต่มึงต้องไม้กันหมาให้กู’
‘อ้าว ซะงั้น 555’
เราเช็กแฮนด์จับมือกันในความเงียบ ผมไม่พูด เหยี่ยวก็ไม่พูด
...
“ผู้อาศัยบ้านมึงน่ารักดีว่ะ ขี้โวยวายแต่ซื่อดี มีน้ำใจ กูชอบ”
“น่ารัก...ชอบ?” ผมหยุดเท้ายืนขวางทางพลางเลิกคิ้วถาม
“เปล่า! กูชอบนิสัยมัน เกรียนดี ของๆ เพื่อนกูไม่แตะหรอกน่าเชื่อซิ”
“กูเชื่อ แต่อยู่ใกล้มึงทีไรเขาติดนิสัยกะล่อนกลับบ้านทุกวัน เดี๋ยวนี้มีอะไรเสือกบอกมึงก่อนด้วย”
“อ้าวๆๆ กูหล่อ กูดูดีเฟรนด์ลี่ที่สุดในสามโลก ความผิดโน่นเลยไม่ใช่กู อ๊าซ เจฟฟรี่!”
เราชกกันอุกอัก ซัดซ้ายป่ายขวาเล่นๆ จนพนักงานโรงแรมและแขกละแวกนั้นหันมามอง
เหยี่ยวหัวเราะร่วน ด่าผมเป็นสัตว์ประหลาดขนฟูคู่หูของฮัล โซโลในหนังภาพยนตร์สตาร์ วอร์
“F*ck!” ผมผลักหัวเพื่อนจนเซไปข้างหน้า
“Doggie, doo ba doo!”
“S*bit berdie!”
“Very bad chewie, bad! bad! 555”
*************มันเดย์