ใช่ ปีชง จากเป๋ห่าวสลับเปลี่ยนมาเป็นแขนเดี้ยงแทน
^^
***************************************
จิระxจิระ
ตอน 15 Shin up
ว่ากันว่าเวลาคนตกหลุมรัก มักจะอ่อนแอ
ผมคิดว่าตนเองสะสมภูมิต้านทานเรื่องนี้ไว้มากพอตัว
ต่อให้เจอจังๆ ก็คงไม่มีปัญหา
จิระของผมแอบร้องไห้กลางดึก
วันนั้นผมไปช่วยเพื่อนในห้องอัด บันทึกเสียงทำเดโมส่งค่ายเพลง
หาประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ กึ่งเปิดหูเปิดตาทักษะทางดนตรี
รับน้าจุ๋ยมาอยู่เป็นเพื่อนคนป่วยแล้วจึงออกไปหาเพื่อน
เสร็จเกือบตี 3 นอนบ้านก่อนสะดุ้งตื่นกลับมาหาจิระของผมในเวลารุ่งสาง
เห็นนอนน้ำตาไหลเงียบๆ อยู่คนเดียว
“เฮ้คนเก่ง เกิดอะไรขึ้นครับ ชู่...” ผมมาถึงเกือบ 6 โมงเช้า
“ไอ้เชรี่ยเจฟ มึงหายหัวไปไหนมาทั้งคืน” ซุกเข้ากอดผม
“ไปช่วยเพื่อนอัดเสียงอย่างที่บอกไง ไม่เป็นไรผมอยู่นี่แล้ว” กดร่างสั่นเทาแนบร่างผม
น้าจุ๋ยน่าจะออกไปข้างนอกเพราะประตูห้องน้ำแง้มอยู่ไม่ถูกใช้งาน
“เออว่ะลืม แล้วมาทำไมแต่เช้า เสร็จแล้วเหรอ ได้เข้าบ้านรึเปล่า...ซู้ด!” สูดน้ำมูกฟืด
ห้องอัดอยู่แถวบ้านรู้จักกันดี กีตาร์ผมก็ซื้อที่ร้านนั้น
“สับสวิตช์สมองหน่อยดีกว่า...ฟอด” ผมฉวยโอกาสหอมแก้มลงโทษ
คนเป่าปี่เมื่อครู่จ้องผมตาแป๋วกลับทั้งน้ำตายังคลอหน่วย
“...ตลอดล่ะ” มุบมิบซ่อนซอกคอผม
“ยังไม่ตอบเลย เป็นอะไรครับ”
“แค่ฝันร้ายนิดเดียวเอง...” เด็กหัวเกรียนสารภาพ
“ฟู่...ผมปล่อยคุณไว้ไม่ได้เลยใช่ไหม” บีบปลายจมูกแดงเชิดรั้น ตกใจหมด ปาดน้ำตาให้ก่อนป้อนน้ำดื่ม
“ใครว่า” มุบมิบจิบน้ำ ค้อนด้วย
“Please, give me a hug...เช้าแล้ว ตื่นแล้ว จิระของผมแค่ฝันนะครับ”
โน้มเข้าไปกอดปลอบ จูบขมับนุ่มนวลให้หนุนพิงหัวไหล่ขณะลูบหลังเขาเบาๆ
“เจฟ...”
“หือ?”
“ในฝันขากูไม่มีแรง วิ่งไม่ได้ หวดลูกแล้ววืดผ่านอากาศเหมือนผีน้อยแคสเปอร์ แล้วจู่ๆ ก็แฟบเป็นลูกโป่งเหี่ยวๆ ติดสตั๊ดไว้เฉยๆ คนทั้งสนามหัวเราะเยาะใหญ่เลย โคตรน่ากลัว”
“โจ๊กของผมยังวิ่งได้ หายแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย ไหนขยับเท้าซิ” ดึงหมอนซ้อนให้นั่งบนเตียงดีๆ
“อืม จริงด้วยแฮะ” ขยับใหญ่ มือขวาข้างปกติดึงผ้าออกดูนิ้วเท้าตัวเองดุกดิกจนพอใจ
“เย็นนี้กลับมาจะซื้อลูกฟุตบอลมาให้เดาะ ห้ามทำของพังเป็นพอ”
“ได้เหรอ”
“อือหึ โรงพยาบาลนี้ผมเส้นใหญ่นะ” จูบมุมปากเจ้าหนูจำไม
“กวนว่ะ พ่อมดเกินไปล่ะ เอะอะสามารถ แกว่งไม้คทาเอ็กซ์เพสโตรนุม ฟิ้ว!” หน้าแดงถึงหู น่ารักมากครับ
“หึหึ พระเอกต่างหาก...จุ๊บ” ละเลียดจูบแก้มเค็มๆ
...ผมที่เขายอมให้กอด
...ผมที่เขามองหา
...ผมที่เขาเรียกชื่อ
หากสั่งตัวเองให้พอใจแค่นี้ไม่ได้ ผมจะจัดการห้ามใจอย่างไรดี
...
“เจฟ ถ้าเกิดกูเล่นบอลไม่ได้ล่ะ เขาเลิกทุน ไม่ได้เรียนต่อ...”
“ชู่...ไม่มีทางเชื่อซิ กระดูกแค่หักไม่ได้แตกจนต้องผ่าตัดเอาออก แป๊บเดียวก็หาย” ผมดึงร่างผอมรวบไว้ในอ้อมแขน
ความกลัวเสมือนเมล็ดพิษ ฝังอยู่ในจิตใจเมื่อไหร่จะเติบโตรวดเร็ว
ใครคนอื่นล้วนไม่สามารถหยุดได้ มีเพียงผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น
ที่จะถอนพืชแห่งความชั่วร้ายนั้นทิ้งเสียเอง
“กูแค่...กลัว”
“Shin up, honey...” เชยคางให้เงยขึ้น “ลูกแก้ววิเศษบอกว่าเบอร์ 13 ของผมจะนักฟุตบอลได้จริงๆ เพราะฉะนั้น...เราจะผ่านมันไปด้วยดีแน่นอน”
“แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดล่ะ ถ้าจะเลิกไม่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ กูเป็นคนขี้ขลาด เฮียจะเสียใจ เจ๊จะ...”
“เฮ้คนดี น้าจุ๋ยกับน้าจอมไม่ใช่คนอย่างนั้น รู้ไม่ใช่เหรอ”
ถึงผมสัมผัสแค่ไม่กี่วันก็ทราบ สายใยครอบครัวนี้อบอุ่นแน่นหนาเกินใคร
จิระของผมไม่เอางานซ่อมรถจักรยานยนต์ หากน้าจอมหรือเจ๊ไม่ว่า
กลับเต็มใจสนับสนุนทางที่หลานเลือกเองเต็มที่
ไม่หลงรักผู้คนครอบครัวนี้ก็บ้าล่ะ
เด็กถึงอ้อมแอ้มกล้าเปิดเผยว่าที่บ้าน
โดยเฉพาะน้าจุ๋ยตัดสินใจกู้เงินลงทุนทำร้านขายรถจักรยานยนต์เพิ่มเติมจากอู่ซ่อมธรรมดา
เนื่องจากอยากให้หลานมีกิจการรองรับ ไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนต่อที่ไหนอย่างไร เดาไม่ยากครับ
...
“กูไม่ได้เรื่องใช่ไหม ทำให้พวกเขาผิดหวัง”
“ชู่...คนเก่ง คุณน่าจะรู้จักพวกเขาดี น้ารักจิระของผมที่สุดนะครับ” ปลอบเด็กวิตกเสียจริต
“แค่อยากทำให้เขาเห็นว่าไม่ต้องคิดมากเรื่องกูนะ กูเอาตัวรอดได้”
“ผมห้ามความคิดคุณไม่ได้ คุณรู้จักตัวคุณเองดีกว่าใคร แต่ถ้าเครียดจนหัวหดแบบนี้ ตา น้าจอมกับน้าจุ๋ยเองคงเสียใจแย่”
“เขาเป็นยิ่งกว่าพ่อแม่ของกูอีกนะ เลี้ยงกูมา ถ้าไม่มีสองคนนั้นกูคงไม่มีวันนี้”
ถ้าแลกได้ จะยอมทุกอย่างเพื่อจุดรอยยิ้มสดใสกลับคืน
“มีนิทานจะเล่าให้ฟัง”
“นิทานจริงดิ?”
“กาลครั้งหนึ่ง มียักษ์ชอบเล่นบาสเกตบอล”
“หัวแดงๆ ด้วยไหม โธ่ๆ ไม่ใช่นิทานสักนิด”
“555 โอเคก็ได้...ตอนผมขาเจ็บคิดว่าแย่แล้ว ความหวัง NBA เรียนยูในเมกา ตายให้จบๆ ไปน่าจะง่ายกว่า แต่พอหยุดคิดก็รู้ว่าจริงๆ แล้วมีหลายอย่างที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ เล่นกีตาร์ขั้นเทพ แบกเป้เที่ยวทั่วโลก โตเป็นผู้ใหญ่ อ้อ...มีความรักกับใครสักคน”
“เหรอ...”
“อืม...พอคิดชิลๆ การนั่งเป็นกองเชียร์ข้างสนาม คอยตบมือดังๆ ก็ให้ความรู้สึกดีได้เหมือนกัน”
“มันจะเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ เหรอเจฟ”
“ผมอาจเป็นคนขี้ขลาดหาทางเผื่อเลือกไว้ให้ตัวเอง แต่ลองสมมุติว่าในอนาคตถ้าได้ไปถึงลีคบาสอาชีพอย่างที่หวัง อยู่มาวันนึงเกิดเจ็บแบบนี้อีก แค่นิ้วซ้นนิ้วเดียวคงทรมานใจจนแทบอยากเลิกเล่น ถึงตอนนั้นบาสที่รักหนักหนาจะยังน่าหลงใหลเหมือนตอนนี้อยู่หรือ คำตอบคือไม่”
“ก็นั่นน่ะ...”
“แต่ถ้าเป็นกีตาร์ ต่อให้ถูกตัดมือทิ้งต้องใส่ตะขอเป็นกัปตันฮุคก็ยังจะเล่นไม่อาย”
“ขนาดนั้นเลย” ดวงตาสีนิลจ้องมองอย่างไม่เชื่อ
“บางทีพรสวรรค์จริงๆ อาจซ่อนอยู่ตรงนี้...(ทาบมือลงอกซ้ายอีกคนเบาๆ) โดยที่เด็กน้อยของผมไม่รู้ตัวก็ได้”
“อืม...” พยักหน้าเห็นด้วย
“เพราะฉะนั้นไม่แปลกถ้าจะเปลี่ยนแปลง คนที่รักเรา เชื่อเถอะว่าเขาก็ยังรักเราอยู่วันยังค่ำนั่นล่ะ”
“เขาต้องรักกูแหงอยู่แล้ว มีอยู่คนเดียว” ค่อยคลี่ยิ้มกว้าง
“ถูกต้อง แมวดื้ออย่างจิระมีแค่ตัวเดียวในโลก ไม่รักก็บ้าล่ะ” ผมยิ้มบ้าง
“โจ๊กซะอย่าง” ความคิดแกว่งไปมาเหมือนเด็ก หน้านิ่วเมื่อครู่กลับสว่างไสวกลายร่างเป็นจิระผู้สดใสส่องสว่าง
ผมตกหลุมรักเขาจนไม่อาจถอนตัว
ผมคอยมองหาคนตัวเล็กหัวเกรียนท่าทางกวนบาทาคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
สาเหตุน่าจะเกิดจากน้องน้อยที่ผมติดตาคนหนึ่ง
คนที่อยู่ในกาลเวลาล่องลอยเหมือนความฝัน
ซึ่งผมชักจะจำไม่ได้แล้วว่าคือใคร
จำได้ว่าวันแรกเราพบกันนั้นหัวเกรียนคนนี้ทำเป็นกร่างหวงก้าง
คิดจะจับน้องคนที่ผมหมายตากินหรืออย่างไรไม่ทราบ
ผมฉุนขาดไม่ชอบใจ 'คิดในใจเดี๋ยวมึงเจอกูแน่จิระ'
จำชื่อปักที่อกเสื้อนักเรียนแม่นยำตั้งแต่วินาทีแรก
ไม่นานนัก...เด็กน้อยกาลเวลาที่ว่าคล้ายสายลมพัดผ่าน
จากไปไกลและเลือนหายลับไม่มีทางจับต้องได้อีก
หากมีจิระคนนี้เข้ามาแทนที่ในคลองสายตา
จุดกำเนิดที่ผมเริ่มมองเห็นตัวตนของเขา
ผมมองเห็นเขาเป็นคนแรกเนื่องจากท่าทีกวนโอ๊ยสุดติ่งไม่เหมือนใคร
พอๆ กับตาคมคู่นั้นก็มองขวับมาที่ผมเช่นกัน
เราต่างหาอีกฝ่ายเจอในทันทีแม้ในฝูงชนพลุกพล่าน
เป็นความสนุกปนสะใจอยู่ลึกๆ ที่เห็นหัวเกรียนเต้นแรงเต้นกาอยู่ฝ่ายเดียวขณะที่ผมท้ายทายอย่างนิ่งเงียบ
ผมติดใจปฏิกิริยาของเขา
ผมเสพติดตัวตนของเขา
มากขึ้น และมากขึ้นทุกวัน
หากมีเหตุการณ์พลิกผัน
สวรรค์คงรำคาญหรืออยากเล่นตลกกับเราทั้งคู๋
ผมขาเจ็บ ทุกอย่างพังครืนลงต่อหน้าต่อหน้าในวันที่หมิ่นเหม่จวนเจียนจะสำเร็จ
ขณะกำลังจะเรียบจบ ขณะกำลังจะวิ่งออกตามฝันได้เป็นนักบาสเกตบอลลีคอาชีพ
กำลังจะในหลายๆ อย่าง
เศร้า เซ็ง เสียใจ ไม่อยากเชื่อ สูญเสียศรัทธา
ใช่แล้ว วันที่ฟ้าพลิกโชคชะตาที่ว่านั่น
ผมพบเขามีน้ำตากลางพุ่มต้นไฮเดรนเยียที่สวนหย่อมโรงเรียนเรา
คนนี้กำลังเสียใจอย่างรุนแรง
ร้องไห้ปาดป้ายขี้มูกโป่งสะอึกสะอื้นไม่อาย
ผมยืนพิงผนังแอบฟังเสียงความโศกเศร้านั้นราวกับเป็นของตนเอง
ทราบภายหลังว่าจิระตาคมเพิ่งเสียญาติผู้ใหญ่คนสำคัญไป
...เราช่างคล้ายกัน
...เราต่างเหมือนกัน
...เราทั้งคู่
ผมมองเขาเปลี่ยนแปลงไปจากวันนั้น
แล้วฟ้าก็เล่นตลกไม่เลิก
ถ้ำของผมกลายเป็นห้องของเขาโดยบังเอิญ
สุดวิสัยจริงๆ ครับไม่ได้โม้ แต่ผมชอบแฮะ
ฮ่าๆ ใช่
ผมถูกใจมากจริงๆ
เขาเป็นจิระของผม
เขาต้องเป็นของผมคนเดียว
แล้วพ่อมดจึ่งเริ่มร่ายมนตรา
...โอม...
“มองผม...” เชยคางมนอีกครั้ง
“...” ดวงตาสีนิลกะพริบไหว
“ผมรักคุณ...ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเองโจ๊ก”
************* ซี ยู ออน มันเดย์
edit : สิบโมงเช้า
เจอแล้ว tuckky เติมเป็น กระดูกหักแต่ไม่แตก พลาดไป
แทงกิ้ววัน fine day ขอให้มีความสุข ใจร่มๆ เน้อ