เสื้อกาวน์หมอไม่อุ่นเท่าเสื้อช๊อปวิศวะ #2
เสียงพูดคุยจ๊อกแจกดังไปทั่วในช่วงเวลาพักกลางวันที่โรงอาหารตึกวิศวะกรรมศาสตร์ถือเป็นเรื่องปกติที่สุด แม้จะโวยวายไปมากกว่าของคณะอื่นก็ตาม ถึงอย่างไรเสีย เด็กวิศวะเองก็ไม่ใช่พวกเรียบร้อยหงุมหงิมเหมือนอย่างเด็กคณะอื่นอยู่แล้วเหมือนกัน คุณจะเห็นนักศึกษาวิศวะผู้หญิงที่สวยราวนางฟ้าแต่สถุลราวกับนางนรกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไร
กลุ่มนักศึกษาด้านในนั้นดูท่าจะเป็นการรวมตัวกันของที่สุดและที่สุดแห่งวิศวะ เพราะนอกจากจะรวมนักศึกษารุ่นพี่รุ่นน้องเกือบทุกชั้นปีเอาไว้แล้ว ยังจะเสียงดังที่สุดอีกด้วย แม้จะโวยวายไปบ้าง แต่ก็เป็นการรวมตัวกันของตัวเด่นประจำคณะเกือบทั้งโต๊ะ ..
“แล้วไงต่อ”
“ห๊ะ เชี่ยบาสน่ะเหรอ แม่งก็ล้มอะดิ ล้มแบบพระเอกมากอะมึง ท่าสวยจนพวกกูอยากจะอัดวีดีโอเอาไว้”
“เออ คนจะล้มบ้าอะไรวะชูสองนิ้วกลิ้งสามตลบแล้วพึ่งมารู้ตัวว่าปวดข้อมือจนขยับไม่ได้จนต้องไปโรงบาลตอนสี่ทุ่ม มันล้มตั้งแต่หกโมงเย็น ข้อมือนี่ม่วงจนตกใจ”
“เออ กูก็ว่าสมควรแล้ว แล้วข้อมือขวามันเป็นแบบนั้น มันจะเรียนยังไงวะ”
“อาจารย์บอกให้มันดูเพื่อนทำงานไปก่อนพี่ แล้วแขนหายดีแล้วมาตามส่งทีหลังได้ มันเป็นลูกรักว่ะพี่”
“เออ ก็ดีแล้ว”
คนที่ถูกเอ่ยถึงไม่ได้สนใจบทสนทนา แต่กำลังอารมณ์เสียอยู่กับการตักข้าวในชาม เพราะว่าใช้มือได้แค่ข้างเดียว แถมยังเป็นข้างที่ไม่ถนัด การกินข้าวราดแกงในจานเหมือนคนปกติจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ขาก็บวม แขนก็หัก คงเป็นไอ้เป๋แบบนี้ไปอีกเกือบเดือนเลยทีเดียว
“แล้วทำไมมันเงียบแบบนั้นวะ หมอเค้าผ่าหมาในปากมาให้มึงเป็นของแถมเหรอวะบาส โรงพยาบาลไหนวะ กูจะให้พ่อกูไปบริจาคเพราะหมอแม่งทำหน้าทีดีมาก”
“กินข้าวอยู่พี่ เอาตาไปมองที่ไหนวะ ทำไมถ้าผมผ่าหมาออกแล้วพี่จะไปผ่าด้วยงั้นเรอะ”
เถียงกลับจนเรียกเสียงหัวเราะไปทั้งกลุ่ม คนโดนย้อนยิ้มเหี่ยม “มึงเคยเห็นจานลอยได้ไหมวะบาส”
“ก๊ากๆ เอาน่ะพี่ หมาผมยังอยู่ดีในปากไม่ได้หายไปไหนสักตัวหรอก แต่ตอนนี้ขอกูกินข้าวก่อนได้ไหมครับพี่ ไม่ได้แดกอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”
“เออ แดกไปให้เยอะๆเลยมึง ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสได้แดกอีก แล้วเสื้อช๊อปมึงไปไหน ไอ้แกะขาว” เปรียบเทียบได้ดีเพราะในโต๊ะนี้มีแค่เขาคนเดียวที่ใส่เสื้อนักศึกษาแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ที่ไม่ได้ซักมาเกือบเดือนสีเข้ม เรื่องอะไรจะซักง่ายๆ ตัวนี้ซื้อมาแพง กางเกงยีนส์นี่ยิ่งซักยิ่งผ้าเสื่อมนะ สีจะซีด ผ้าจะยืด ไม่ทนทาน ถามเด็กวิศวะได้ ยีนส์กับเรา มันเป็นของคู่กัน ..
“ลืมไว้ที่โรงบาล” ตอบสั้นๆ ไม่ใส่ใจ
“ลืมหรือทิ้งไว้อ่อยใครที่โรงบาลวะ เสื้อช๊อปไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้านะเว้ยมึง”
ไม่ตอบ ก้มหน้าลงพุ้ยข้าวเข้าปาก คิ้วขมวดเมื่อคิดถึงเสื้อช๊อปของตัวเองบนร่างของใครอีกคนที่นอนคอพับคออ่อนอยู่ที่ล็อบบี้โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ โรงพยาบาลที่เขาไปเมื่อวานเป็นของมหาวิทยาลัย และเขาก็แอบสืบถามกับเภสัชกรห้องจ่ายยาเรียบร้อยแล้วว่าหมอหน้าอ่อนที่นอนคอพับคออ่อนอยู่ที่ล็อบบี้เป็นใคร แม้ไม่ได้ข้อมูลที่เยอะเท่าที่ใจอยากรู้ แต่ก็ช่วยได้เยอะ อย่างน้อยก็รู้ว่าหมอต่ายเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5
แก่กว่านิดนึง แต่ก็ดี เขาก็ไม่ได้ชอบเด็กง๊องแง๊งน่ารำคาญอยู่แล้ว หมอต่ายดูซื่อๆ นิ่งๆ แต่ทุกครั้งที่เขาพูดจากวนๆใส่ ก็จะถูกมองด้วยหางตา สายตาที่เหมือนจะตำหนิแต่ไม่ได้พูดออกมา ดวงตาเรียวมีแพขนตาหนาและยาวล้อมกรอบดูเข้ากับหน้าสวยๆนั่นอย่างประหลาด เอาจริงๆก็ไม่ได้คิดจะจริงจังหรอก เขาไม่ได้เป็นประเภทนั้นและหมอต่ายเองก็ดูไม่น่าใช่ด้วยเหมือนกัน ว่าที่คุณหมอตัวสูงพอๆกันกับเขาด้วยซ้ำ แต่คนเป็นหมอมักดูเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน เก็บอารมณ์เก่ง ว่าที่คุณหมอเลยดูเป็นคนในอุดมคติของวงการ
ไม่ยอมรับว่าจะจีบ แต่ยอมรับว่าสนใจ ถึงต้อง ‘อ่อย’ โดยการทิ้งเสื้อช๊อปอันเป็นสัญลักษณ์ของวิศวะไว้ ถึงไม่เอามาคืนก็ไม่เป็นไร เสื้อช๊อปแค่เดินไปซื้อที่สหกรณ์คณะใหม่ก็ได้ ไม่เล่นด้วยก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ ... หึ! เรื่องนี้ชักน่าสนใจ!
.
.
เป็นคนป่วยแขนหักมันดีแบบนี้เอง เขาเดินผิวปากฮัมรอลิฟท์ลงจากตึกเรียนด้วยความอารมณ์ดีจนเพื่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหมั่นไส้ เพราะนอกจากที่อาจารย์จะละเว้นการบ้านเขาเป็นพิเศษแล้ว ยังได้สิทธิพิเศษอีกหลายๆอย่าง ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่แขนเดี้ยงแบบนี้ทำอะไรๆได้เองก็บุญโข
“หมอนัดอีกทีเมื่อไรวะ”
“อีกหนึ่งอาทิตย์มั้ง ไม่แน่ใจว่ะ ใบนัดอยู่ที่ห้อง”
“เออดี แล้วนี่มึงจะไปไหน เดี๋ยวพวกกูจะไปลานกิจกรรม มึงจะกลับหอมั้ย ให้ไอ้ปันไปส่ง”
“ไม่อะ ไปกับพวกมึงอะ กลับหอก็ไม่มีอะไรทำ”
ลงลิฟท์และเดินออกมานอกอาคารเรียนไม่เท่าไร ก็จะถึงลานกิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ โต๊ะหินเรียงรายอยู่ล้อมรอบถูกจับจองโดยบรรดานักศึกษาที่นั่งเล่นบ้าง ทำงานบ้าง ลานกิจกรรมวันนี้ไม่ได้คึกคักเท่าไร ผ่านพ้นช่วงรับน้องไปแล้วแต่ก็ยังมีพี่ว๊ากบางคนที่ไล่เบี้ยกับรุ่นน้องอยู่บ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของวิศวะไปแล้ว คิดถึงตอนปีสองที่เพื่อนสองคนเป็นหัวหน้าและรองว๊ากประจำคณะ แต่ตัวเขาเองกลับไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้นเท่าไร หน้าเป็นเกินไปมันก็ไม่ดีแบบนี้แหล่ะ รุ่นน้องไม่กลัว เพราะงั้นพี่สันธนาการแผนกปลอบใจที่ดูตุ๊ดที่สุดในวิศวะเลยกลายเป็นเขาแทน ร่างสูงเดินกะเผลกตรงไปที่โต๊ะนั่งประจำ เจ๊าะแจ๊ะทักทายรุ่นพี่รุ่นน้องตามประสาคนอารมณ์ดีพอเป็นกระษัย
“แดกเหล้ามั้ยมึง วันนี้พวกพี้โจ้นัดกันที่เดิม” เพื่อนในกลุ่มที่นั่งอยู่ก่อนแล้วบอกขึ้นทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะหินอ่อน
“ดูก่อนว่ะ ช่วงนี้เบื่อๆ แดกยาแล้วแม่งง่วงด้วย”
“แล้วมึงจะกลับไปเอาเสื้อมั้ยวะ พรุ่งนี้คาบอ.บดินทร์ ดุชิบหายเลยนะเว้ยไม่ใส่ช๊อปอ่ะ ไปลืมทิ้งไว้ได้ไงวะ”
“เมื่อวานหมอบอกให้ถอดเอ็กซเรย์หัวไหล่ด้วย มันเลยต้องถอดออก แล้วคงพาดๆไว้ แต่เออ ตอนกูเดินไปรับยาให้มึงยังอยู่เลยนี่หว่า สงสัยคงหล่นแถวห้องจ่ายยา”
“ว่าไงจะไปเอาคืนมั้ย กูไปเอาให้ก็ได้” ปันเสนอขึ้นด้วยความใจดี จริงๆทั้งกลุ่มนี่ก็มีมันนี่ล่ะที่ใจดีสุดๆแล้ว คนอื่นอย่างหวังอะไรกับพวกมันเลย
บาสมองนาฬิกาข้อมือ เห็นเป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้วก็ถอนหายใจ “ไม่ต้องอะมึง กลับไปเอาก็ไม่รู้จะไปตามกับใคร ไปซื้อใหม่เหอะ สหกรณ์ยังไม่ปิด”
“งั้นเดี๋ยวพวกกูไปซื้อให้ อาร์มมันจะไปซื้อของทำงานพอดี ตังค์อะ” แบมือขอจนต้องล้วงกระเป๋าเงินส่งๆไปให้
.
.
เสียงฮือฮาดังไปทั่วลานกิจกรรมของวิศวะจู่ๆก็เงียบลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนข้อมือหักสนใจเท่าไร ยิ่งเจ็บแบบนี้ยิ่งทำอะไรลำบากเป็นบ้า มัวแต่ก้มมองข้อมือที่ถูกห้อยอยู่กับคอ พยายามขยับด้วยความหงุดหงิดโดยที่ไม่ได้เอะใจที่เสียงโวยวายกลายเป็นเสียงคุยกันกระซิบมาเป็นทอดๆ
เสียงรองเท้าหนังที่กระทบกับพื้นซีเมนต์ส่งเสียงที่แปลกประหลาดกว่ารองเท้าผ้าใบ คนที่ก้มหน้าอยู่อดจะเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้เมื่อเห็นขากางเกงผ้านักศึกษาแบบถูกระเบียบเป๊ะ ไม่ออกเดปหรือยีนส์แบบที่เด็กวิศวะนิยมใส่ รองเท้าหนังสีดำถูกขัดจนขึ้นเงานี่ยิ่งแปลกตากว่ากางเกง
เมื่อไล่สายตามึงขึ้นไปเรื่อยก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ และยิ่งเห็นมือที่ถือถุงใส่เสื้อช๊อปสีน้ำเงินเข้ม กับใบหน้าคมที่เชิดหน่อยๆ หน้าเนียนมีแว่นกรอบสีดำแบบเว้นขอบบนประดับอยู่ ดวงตาสวยนิ่งเฉย แต่ทำไมไม่รู้ว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายประหม่าน้อยๆ ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้มเกือบดำธรรมชาติถูกเซตเปิดข้าง ใบหน้าดูสดชื่นกว่าที่เห็นเมื่อวาน
“สวัสดีครับหมอต่าย เอาเสื้อมาคืนผมเหรอครับ”
.
.
