รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ  (อ่าน 345282 ครั้ง)

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
คนปากหนักสองคน เปิดใจกันแล้ว

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
โอ๊ยยยย..ละลายยยยยยย :impress2:
เปิดอกคุยกันซะที เฮ้อออออ...ลุ้นซะปัสสาวะเหนียว 5555

"ดอง"คือคำที่ทิ่มแทงใจ...แต่ก็จะรอนะครับ
 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ howru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
อ่านช่วงหลังคือ ยิ้มปริ่ม
ทำไมทั้งคู่น่ารักอย่างนี้

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
26 ตอน
ตอนนี้ฟินสุดล่ะ 555

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
สนุกมากเลยค่ะ ตาม :katai5:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3

ออฟไลน์ arakanji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อ่านไปได้ 2 ตอนขอเม้นก่อนค่ะ
นี่มันใช่เลย  ชอบมากๆ แนวนี้ก็เคยอ่านมาบ้าง
แต่ไม่สนุกเท่า
ขอไปตอนที่ 3 ก่อนนะค่ะ

kakoku_kin

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีขอรับ

นานมากแล้วที่ไม่ได้แสดงความเห็น

แนวทางความรักที่ค่อยๆเติบโตจากสายใยแห่งความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้กัน
ทักทอที่ละนิดจนรู้จักสนิทใจจนผูกพันใจทั้งสองดวงใจไว้ด้วยกัน
เป็นความรักที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความรู้สึกผิดพลาด
แล้วตัองรับผิดชอบ แล้วจบไป
ฟีเรียสที่บอกว่าไม่ใช่ความผิดที่เจ้าชายคนเดียว
ตนเองก็ยอมด้วย แม้ไม้ได้บอกเหตุผลว่าตนยอมเพราะเจ้าชายคือคนที่ตนแอบชอบก็เถอะ
ชอบในเจ้าชายรามิเรสพยายามค้นหาความชัดเจนจากความรู้สึกที่ติดใจของตนเอง
พอแน่ใจในความรู้สึกก็ยกเลิกหมั้นทำตัวเองให้ซื่อตรงชัดเจนและถูกต้อง
เพื่อจะได้บอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนทึ่ตนรักได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
พอแน่ในหัวใจว่าทรงรักฟีเรียส
ก็จีบเรื่อยๆอย่างมั่นคง
และที่สำคัญถ้ารักกันแต่แรก
ความรักของทั้งคู่คงไม่ดูมีค่ามั่นคงและมีความหมายขนาดนี้
ค่อยเป็นค่อยไปค่อยๆมีความหมาย
พอสุดท้ายเปิดใจกัน
ความรักของทั่งคู่เลยดูสวยงามสมจริง
ความรักมันดูมีที่มาที่ไป
ชอบแนวความรู้สึกที่
ยังไม่แน่ใจยังไม่ใช่ก็ปฏิเสธชัดเจน
ยังไม่รักก็บอกไม่รักไม่รู้สึก
พอแน่ใจรักก็ว่ารัก
ความรักเลยดูซื่อตรงกินใจ
ไม่ใช่รักที่ฉาบฉวย
ไม่ใช่รักจากความสัมพันธ์ทางกาย
แต่เป็นรักทีค่อยๆเกิดจากความผูกพันทางใจ
ทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรักที่จริงใจ เกิดจากสองคนที่รักกันจากใจจริง

ขอบคุณคุณมากๆสำหรับนิยายดีดีแบบนี้

ขอบคุณขอรับ
คิน

ปล.จะติดใจจนต่้องตามไปอ่านเวลาสะแล้ว^^

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
บทที่ ๒๗


เรื่องที่ควรต้องรู้ ไม่นานก็มีคนรู้กันทั่ว ปฏิกิริยาตอบรับจากบรรดามหาดเล็กและองครักษ์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็เป็นไปตามคาด คือมีทั้งคนที่เข้าใจ ยอมรับได้ และคนที่ไม่เข้าใจ ฟีเรียสรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่แค่เห็นหน้าเจ้าชายหนุ่มทุกวัน คุยกันวันละนิดละหน่อย อาการคิดมากของเขาก็ค่อยๆ หายไปเอง

ยิ่งเจ้าชายหกทรงพาเขาไปด้วยเวลาไปเข้าเฝ้าเจ้าชายเฮเดส และเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณธามบ้าง ความรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติกว่าคนทั่วไปก็ไม่มีเหลือ

โรดีอัสไม่ได้บอกว่าเขาเข้าใจ แต่ก็ยืนยันอย่างที่เคยพูดมาแล้ว ว่าเขายอมรับได้

“เห็นเจ้ามีความสุข ข้าก็ดีใจว่ะ แต่เจ้าแน่ใจนะ ว่าเจ้าชายหกจะทรงจริงจังกับเจ้า ยังไงท่านก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”

โรดีอัสยังคงหาเรื่องมาให้เพื่อนรักได้วิตกกังวลอยู่เหมือนเดิม แต่ฟีเรียสเข้าใจว่าเพราะอีกฝ่ายหวังดี ชายหนุ่มคิดว่าความคิดความอ่านของเขาคงจะเติบโตขึ้นบ้าง เมื่อตอบไปว่า

“ข้าเชื่อ เพราะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นคนที่เชื่อถือได้ ถ้าเจ้ากลัวว่าต่อไปพระองค์จะไปชอบผู้หญิงคนอื่นมันก็ไม่แปลก ต่อให้ข้าชอบผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาสักคน โอกาสที่นางจะไปชอบผู้ชายคนอื่นก็มีเท่าๆ กัน มันไม่ได้อยู่ที่ข้าชอบผู้ชายหรือผู้หญิง ชอบเจ้าชายหรือชอบผู้หญิงธรรมดา มันก็แค่ ข้าชอบคนนี้ แล้วก็พร้อมจะเสี่ยง”

โรดีอัสนิ่งไปนาน

“เจ้าพูดฟังยากไปหน่อยว่ะ แต่ข้าคิดว่าข้าเข้าใจ”

เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับความเป็นเพื่อน

ฟีเรียสยอมรับว่าเขาหวั่นใจเรื่องความแน่นอน เมื่อเขากลั้นใจถามเรื่องนี้กับคุณธาม ฝ่ายนั้นก็ตอบมาแบบให้เขาอิจฉาเล่นๆ ว่า

“ข้าเคยกลัวยิ่งกว่าเจ้า แต่ข้าผ่านจุดที่ต้องคลางแคลงใจมาแล้ว จะไม่กลับไปที่จุดนั้นอีก”

หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะผ่านจุดนั้นมาเหมือนกับอีกฝ่าย






“ในที่สุดก็ลงเอยกันได้เสียที ข้าลุ้นจนเหนื่อย”

เจ้าของคำพูดประโยคนั้นคือมิทรอส คุณชายหนุ่มจะรู้เรื่องนี้จากใครฟีเรียสไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือฝ่ายนั้นมา ‘แสดงความยินดี’ กับเขาอย่างออกนอกหน้า

จุดเริ่มเรื่องคือมาชวนเจ้าชายหกกินเหล้า พอเหล้าเข้าปากแล้วก็เผาเจ้าชายรามิเรสให้เขาฟังเสียเกรียม ว่าพระองค์เคยทรงกังวลจนต้องปรึกษาเขาเรื่องอะไรบ้าง

ที่น่าแปลกก็คือ เจ้าชายหนุ่มไม่ยักกะกริ้วที่ถูกแฉ แค่พระพักตร์ขาวๆ นั่นดูจะมีสีเรื่อๆ ขึ้นมาบ้างเท่านั้น ซึ่งฟีเรียสก็ไม่รู้อีกว่าเป็นเพราะเหล้าหรือเป็นเพราะทรงอาย แต่ที่แน่ๆ ก็คือ คนที่รู้สึกว่าร้อนจนสุกแล้วก็เกรียมไปทั้งตัวกลับกลายเป็นเขาเอง

ทั้งที่คุณชายหนุ่มพูดถึงความ ‘เป็นเอามาก’ ของเจ้าชายหกแท้ๆ และทั้งที่เขาก็พยายามจะตีหน้านิ่งๆ เอาไว้ให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็เป็นคนที่ต้องหน้าแดงมากที่สุดทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักหยด

คืนนั้นมีหลายเรื่องที่ฟีเรียสได้รู้ รวมทั้งเรื่องที่เจ้าชายหกทรงดื่มเหล้าเก่งมาก

แต่เรื่องเดียวที่เขาจดจำฝังหัวไม่รู้ลืมก็คือ

เหล้าเป็นสิ่งอันตราย แค่รับรสผ่านปลายลิ้นของเจ้าชายหก ก็ทำให้เขาเมามายจนไม่เป็นผู้เป็นคนได้แล้ว






สิ่งหนึ่งที่รับรองความเป็นคน ‘เชื่อถือได้’ ของเจ้าชายหกแห่งไมซีน ก็คือพระองค์ทรงจัดการเรื่องถอนหมั้นได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้สำเร็จเพราะรับสั่งบอกกับหญิงสาวไปตามตรงว่าพระองค์ชอบผู้ชาย

อันธียาถึงกับตกตะลึงเพราะเหตุผลที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นไปได้

เสนาบดีคลังมีเหตุผลพอจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ส่วนคุณหญิงมารดาของหญิงสาวก็ตาโตกับค่าชดเชยเพื่อแสดง ‘ความเสียใจ’ ที่เจ้าชายหนุ่มประทานให้ และเตรียมแนะนำบุตรสาวให้รู้จักกับชายหนุ่มคนใหม่ในเร็วๆ นี้

ขณะที่อันธียาทำอะไรไม่ถนัดนัก จำต้องยอมรับการถอนหมั้นด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อ ข้อหนึ่งคือนางเป็นคนกราบทูลเจ้าชายหกเอง ว่าหากเวลาผ่านไปแล้วพระองค์ยังทรงรักนางไม่ได้จริงๆ นางจะยอมถอนหมั้นแต่โดยดี อีกข้อคือมารดาขอร้องให้นางยอมรับการถอนหมั้นเพื่อจะได้นำเงินค่าชดเชยไปใช้หนี้การพนัน และข้อสุดท้ายก็คือ พระมารดาของเจ้าชายรามิเรสออกเดินทางไปแสวงบุญ ไม่อยู่ให้นางได้พึ่งอย่างคราวที่แล้วอีก

ในทางตรงกันข้าม ฟีเรียสกลับโล่งใจเหลือเกินที่แม่ชีไม่อยู่ตอนนี้ และไม่น่าจะกลับจากแสวงบุญในเร็วๆ นี้ เพราะเจ้าชายหนุ่มทรงหมายมั่นเหลือเกินว่าจะทรงพาเขาไปให้พระมารดาทรงรู้จัก แต่เขายังไม่พร้อม ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทรงให้ความเชื่อมั่นว่า

“แม่ของข้าจะต้องชอบเจ้าแน่” ก็ตาม

มีแม่ที่ไหนชอบใจบ้างเล่า ที่ลูกชายจะรักชอบผู้ชายด้วยกัน แม้แต่แม่ของเขาเองก็เถอะ






องครักษ์ใหม่ขอทูลลากลับบ้านเมื่อถึงกำหนดที่เขาได้หยุดพัก ที่จริงแล้วเขาไม่ต้องทูลลาก็ได้ เพราะตารางการทำงานขององครักษ์ทุกคน เรจินเป็นคนจัดการ เมื่อถึงเวลาออกเวรหรือหยุดพัก แค่บอกเรจินไว้ก็พอ แต่เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่องครักษ์อย่างเดียว จะไปไหนจึงต้องทูลรายงานด้วย

เจ้าชายรามิเรสตรัสถามกำหนดการของพระองค์เองจากองครักษ์คนสนิท ครั้นพบว่ามีบางรายการไม่สามารถเลื่อนได้ ก็โปรดให้เลื่อนเวรของฟีเรียสแทน ขณะที่องครักษ์ใหม่ควบตำแหน่งคนรักของเจ้านายกำลังงุนงง พระองค์ก็ทรงเฉลย

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

ถามเขาก่อนสักคำมั้ย ว่าเขาอยากให้ไปด้วยรึเปล่า

“จะได้รู้จักครอบครัวของเจ้าเสียที”

“แม่กับน้องของกระหม่อมเป็นชาวบ้านธรรมดา”

คนฟังทรงขำ

“ข้าก็ไม่คิดว่าพวกนางจะเป็นเชื้อพระวงศ์”

“บ้านของกระหม่อมก็เป็นบ้านนอก”

“ข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยวพระราชวังของแคว้นไหน”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ตั้งแต่เป็น ‘คนรัก’ กันมา เขาก็สังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป คลับคล้ายคลับคลาว่าแต่ก่อนอีกฝ่ายไม่ขยันทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบ หงุดหงิดหัวใจแบบนี้

“ฝ่าบาทจะเสด็จประพาสหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไปรู้จักแม่กับน้องของเจ้า”

ฟีเรียสเหลือบมองเรจิน ถ้าไม่เกรงใจระคนอายอีกฝ่าย เขาคงจะทูลถามให้ชัดเจนไปแล้วว่าไปรู้จักในฐานะอะไร เจ้านาย เจ้าหนี้ หรือว่า... เจ้าหัวใจของเขา

องครักษ์หนุ่มเกือบจะถอนหายใจออกมาแล้ว เขาก็เก่งกล้าแค่ในความคิดเท่านั้นเอง ต่อให้อยู่กันตามลำพังเขาก็ไม่กล้ากราบทูล ไม่ทูลแน่ๆ

“ถ้าเจ้าอนุญาต ก็ว่าจะขอแนะนำตัวในฐานะคนรักของเจ้าด้วย”

คนฟังมองพระพักตร์ตาแทบถลน หันขวับไปมองหัวหน้าหน่วยของตนทันที และเรจินก็ไม่คิดจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเลยสักนิด มองมาทางเขาตรงๆ ซ้ำยังเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเสียอีก ว่าตกใจอะไร

จู่ๆ ฟีเรียสก็รู้สึกเหมือนถูกรุมแกล้งยังไงชอบกล

“ขอประทานพระกรุณาให้กระหม่อมเป็นผู้แนะนำเองเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ว่าข้าเป็นคนรักของเจ้า”

“เป็นเจ้าชีวิตพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าหัวใจด้วยมั้ย”

คนถูกถามหน้าร้อนเหมือนจะระเบิด เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวลอย่างพระอารมณ์ดี

“สรุปว่าเราจะไปบ้านเจ้าด้วยกันอาทิตย์หน้า”

ตกหลุมพรางจนได้สิน่า






การเดินทางของเจ้าชาย ต่อให้มีคำว่า ‘ส่วนพระองค์’ ต่อท้าย ก็ยังต้องมีองครักษ์ตามเสด็จไม่ต่ำกว่าสิบนายอยู่ดี คราวนี้เรจินจัดองครักษ์ตามเสด็จไปสิบห้านาย รวมตัวเขาเองและฟีเรียสด้วย โชคดีที่ทุกคนจะจัดหาที่พักกันเอง และเรจินก็รับปากว่าจะทำให้ครอบครัวของเขาตกใจน้อยที่สุด

โรดีอัสได้หยุดพักตรงกัน องครักษ์หนุ่มอยากจะไปด้วย ฟีเรียสไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทูลขอประทานพระอนุญาตเจ้าชายหกก่อน ทั้งที่สถานที่ที่จะไปเป็นบ้านของเขาแท้ๆ

“ไปสิ ข้าจะทูลชวนเจ้าพี่เฮเดสด้วย”

“ทูลชวนทำไมพระเจ้าค่ะ”

“พักก่อนทรงเปรยว่าอยากจะพาธามไปเที่ยว ทูลชวนไปพร้อมกับเราเลยน่าจะดี ตอบแทนที่พระองค์ทรงเป็นพ่อสื่อให้เราด้วย”

ฟีเรียสอยากจะทูลค้านตั้งแต่รับสั่งจบสองประโยคแรก พอฟังประโยคสุดท้ายจบเท่านั้นก็เป็นอันว่าพูดไม่ออก อยากจะทูลถามขึ้นมาเป็นกำลังว่าอดีตองค์รัชทายาททรงเป็นพ่อสื่อตอนไหน แต่ก็กลัวว่าจะได้คำตอบที่ทำให้ต้องอายอีกจึงไม่พูด

และไม่มีวันได้รู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงหมายพระทัยว่าจะทำให้โรดีอัสต้องคอยดูแลเจ้านาย จะได้ไม่มีเวลามาพูดคุยใกล้ชิดกับ ‘คนรัก’ ของพระองค์มากนัก

โชคดีเป็นของฟีเรียส เมื่อเจ้าชายเฮเดสทรงปฏิเสธคำทูลชวนของพระอนุชา

องครักษ์หนุ่มสงสัยอยู่อย่างเดียว




... ใครเป็นคนชวนคุณชายมิทรอสมา...






แม้บรรดาองครักษ์ที่ตามเสด็จมาจะหาที่พักกันเองได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วฟีเรียสก็อาสาจัดการให้ทุกคนได้พักที่ฟาร์มม้าของวอลเซนส์ เขาเกรงใจเพื่อนอยู่บ้าง ทว่าชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มม้าบอกให้เขาสบายใจว่าเขายินดีให้พักได้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ

“ดีเสียอีกที่ได้ช่วยเจ้าตอบแทนบุญคุณของเจ้าชาย ที่พักมีเหลือเฟือ ไม่พอก็คอกม้า แค่เพื่อนองครักษ์ของเจ้าไม่มาอวดเบ่งใส่ข้าเป็นใช้ได้”

ฟีเรียสรับรองความประพฤติของทุกคนได้ แม้จะมีวิลตามเสด็จมาด้วยก็ตาม องครักษ์รุ่นพี่ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขามาก่อนคนนี้ถึงจะมีท่าทางประหลาดๆ อยู่บ้าง แต่ฟีเรียสก็มั่นใจว่าฝ่ายนั้นไม่ได้โกรธเคืองเขาแล้ว เขาเคยถามความคืบหน้าเรื่องแหวนเพชร ฝ่ายนั้นอ้อมแอ้มตอบว่ายังคงหาไม่เจอ แต่เจ้าชายหกทรงออกค่าแหวนเพชรวงใหม่ประทานให้แล้ว ครั้นเขายืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าไม่ได้ขโมยจริงๆ เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ก็เพียงแต่พยักหน้า ไม่ตอบว่าอะไร ดูลำบากใจที่จะพูดกับเขาอย่างไรชอบกล ฟีเรียสจึงพูดกับอีกฝ่ายเท่าที่จำเป็น

เมื่อถึงบ้านสีขาวหลังใหม่ของเขา คณะเดินทางก็เหลือเพียงห้าคน ประกอบด้วยฟีเรียส เจ้าชายรามิเรส เรจิน มิทรอส และโรดีอัส
ฟีเรียสเขียนจดหมายมาบอกล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งเรเซียและเฟย์จึงไม่มีใครตกใจ ถึงกระนั้นก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แม่และน้องสาวของเขาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม่ของเขาตัดผมใหม่ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบ ส่วนเฟย์ก็ถักเปียพันรอบศีรษะ เก็บผมอย่างเรียบร้อยและยอบกายถวายความเคารพอย่างพยายามให้เรียบร้อยนุ่มนวลที่สุด

ฟีเรียสรับหน้าที่แนะนำให้เจ้าชายหนุ่มรู้จักกับแม่และน้องสาวของเขา การเสด็จมาครั้งนี้อาจไม่มีอะไรแอบแฝง แต่เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อนึกถึงว่ากำลังแนะนำให้คนรักรู้จักกับคนในครอบครัว

“ฟีเรียสจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ข้าว่างอยู่พอดีเลยขอตามมาเที่ยวด้วย ขอรบกวนสักหลายๆ วันนะครับ ท่านน้า”

องครักษ์หนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายรับสั่งถึงคำว่า ‘ว่างพอดี’ แต่พอได้ยินว่าพระองค์ทรงเรียกแม่ของเขาว่าอะไร ก็พลันเบิกตาโพลง รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันขึ้นมาเต็มอก ขณะที่เรเซียเองก็ตกใจ

“อย่าทรงเรียกข้า... เอ่อ... หม่อมฉันว่าท่านน้าเลยเพคะ หม่อมฉันกลัวเหาจะกินหัว หม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะที่ได้ตอบแทนพระคุณของเจ้าชายบ้าง ท่านมีพระคุณกับพวกเราเหลือเกิน จะพักอยู่สักกี่วันเราก็ยินดีต้อนรับเพคะ”

“ขอบคุณครับ”

ถ้ามารดาของเขาสาวกว่านี้สักสิบปี ฟีเรียสคงคิดไปแล้วว่าเจ้าชายหกกำลังยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่นาง

“ในที่สุดเราก็ได้พบกันเสียทีนะ”

ขอถอนความคิด น้องสาวของเขาต่างหากที่กำลังถูกโปรยเสน่ห์ใส่ แค่พระองค์แย้มพระสรวลให้ นางก็หน้าแดงเรื่อเสียจนเขาคิดว่าถ้าวอลเซนส์มาเห็นก็คงออกอาการหึงหวงขึ้นหน้าขึ้นตากันบ้าง

“เจ้าชายทรงพระหล่อกว่าที่หม่อมฉันคิดเอาไว้มากเลยเพคะ”

“หล่อเท่าพี่ชายของเจ้ามั้ย”

“หล่อกว่ามากเพคะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล ขณะที่ฟีเรียสคิดว่าเขาคงไม่ต้องห่วงแล้วว่าน้องสาวของเขาจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเจ้าชาย






บ้านหลังใหม่ของฟีเรียสมีห้องนอนห้าห้อง เป็นห้องของเจ้าของบ้านสามห้อง และห้องพักแขกสองห้อง ฟีเรียสคิดมาแล้วว่าจะให้เจ้าชายรามิเรสและมิทรอสได้พักห้องพักแขกตามลำพัง ส่วนเรจินกับโรดีอัส ฟีเรียสขอให้มาพักรวมกับเขาที่ห้อง และภาวนาให้คนที่ใหญ่ที่สุดในคณะอย่าทำตัวมีปัญหา

โชคดีที่เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงแย้งอะไร เพียงแต่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้การตบไหล่องครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทพร้อมกับรับสั่งว่า

“ฝากด้วยนะ”

นั่นมันหมายความว่ายังไงกัน!

สุดท้ายก็รู้ว่าคงจะหมายถึงการที่เรจินจัดให้เขานอนคนเดียวบนเตียงที่ผู้ชายสามคนควรจะนอนด้วยกันได้ ส่วนตัวเขาเองปูฟูกนอนบนพื้น และให้โรดีอัสนอนบนพื้นถัดออกไปอีก เขาจะนอนคุยกับโรดีอัสบ้างก็ไม่ได้ เพราะต้องเกรงใจคนที่นอนคั่นกลาง






ฟีเรียสตื่นแต่เช้ามาช่วยน้องสาวรดน้ำผลไม้ในสวน เรจินรู้สึกตัวตื่นทันทีที่องครักษ์หนุ่มตื่น เขาจะออกไปเป็นเพื่อนด้วยทว่าฟีเรียสขอให้นอนต่อ ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าชายรามิเรสก็เสด็จมาที่สวนผลไม้โดยมีองครักษ์ประจำพระองค์ตามเสด็จมาด้วย

“มีอะไรให้ข้าช่วยบ้าง”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ”

“กลัวข้าทำไม่ได้เรื่องหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ แต่ฝ่าบาททรงเป็นแขก”

“ข้าเป็นแค่แขกของเจ้า”

มองสีพระพักตร์ สบสายพระเนตรแล้ว ฟีเรียสก็ตระหนักว่าถ้าตอบไม่ดีอาจมีปัญหาได้ เขาก็ไม่ได้อยากทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แต่ความเป็นจริงก็คือ

“ไม่ใช่แค่แขก แต่ยังทรงเป็นเจ้าชายด้วยพระเจ้าค่ะ”

“เป็นคนรักของเจ้าด้วย”

“นั่นก็... ใช่พระเจ้าค่ะ”

เขาไม่ถนัดพูดอะไรทำนองนี้เอาเสียเลย ยิ่งต่อหน้าบุคคลที่สามยิ่งไม่อยากพูด ทว่าเมื่อได้เห็นรอยแย้มพระสรวลอย่างพอพระทัยของอีกฝ่าย เขาก็คิดว่าดีแล้วที่พูด

“คนรักของเจ้าอยากช่วยเจ้าทำงาน”

ให้ตายเถอะ! ถ้าจะรับสั่งขนาดนี้ ทำไมไม่เสด็จมาแค่องค์เดียวล่ะ จะโปรดให้คุณเรจินตามเสด็จมาเป็นพยานด้วยทำไม

“ถ้าอย่างนั้นทรงช่วยเฟย์เก็บผลไม้ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

โชคดีที่เจ้าชายหนุ่มไม่ทรงเรื่องมาก ยอมเสด็จไปพร้อมกับองครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทแต่โดยดี เพราะมีพระประสงค์จะทำความรู้จักกับน้องสาวของฟีเรียสให้มากขึ้นอยู่แล้ว






เมื่อแดดเช้าเริ่มแรง ฟีเรียสก็รดน้ำต้นไม้เสร็จ ส่วนเฟย์กับเจ้าชายรามิเรสและเรจินก็เก็บผลไม้เสร็จเรียบร้อยพอดี ฟีเรียสกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำและเข้าครัว เรจินกับองครักษ์อีกสามนายรอคนที่จะมารับผลไม้ไปขายต่อที่ตลาด ส่วนเจ้าชายรามิเรสก็เสด็จกลับพร้อมเฟย์

“พี่ชายของเจ้าเข้าครัวเองเสมอเลยหรือ”

“เพคะ พี่ฟีเรียสทำอาหารอร่อยมากเลยนะเพคะ หม่อมฉันสู้ไม่ได้เลย”

“ผู้หญิงคนไหนได้แต่งงานกับเขาคงโชคดี”

“โชคดีมากๆ เลยล่ะเพคะ มีคนรอเป็นคนโชคดีอยู่หลายคนด้วยนะเพคะ ที่แน่ๆ ก็แอนจิเทียคนหนึ่งล่ะเพคะ นางถามหม่อมฉันทุกครั้งที่หม่อมฉันไปซื้อขนมปังร้านนางเลยนะเพคะ ว่าพี่ฟีเรียสเป็นยังไงบ้าง ใกล้จะติดยศแล้วหรือยัง นี่ถ้าพี่ฟีเรียสแต่งเครื่องแบบองครักษ์ไปให้นางเห็นสักครั้ง นางก็คงจะปลื้มอกปลื้มใจมากเลยล่ะเพคะ”

“เจ้าอยากได้นางเป็นพี่สะใภ้หรือ”

“ได้ก็ดีนะเพคะ นางนิสัยดี แล้วหม่อมฉันกับนางก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วด้วย”

“ฟีเรียสสนใจนางไหม”

“อืม ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเพคะ พี่ฟีเรียสชอบบอกว่ายังไม่อยากคิดเรื่องความรัก อยากจะตั้งใจเรียนแล้วก็เก็บเงินให้ได้มากๆ ก่อนเพคะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวลออกมาอย่างอดไม่อยู่ แม้จะพยายามหุบยิ้มแล้วก็ยังหุบไม่ลง

“ต้องเก็บเงินให้ได้มากแค่ไหนถึงจะพอ”

“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ แต่แต่งงานก็ต้องใช้เงินมากเหมือนกัน”

“เขาว่าจะเก็บเงินไว้แต่งงานหรือ”

“พี่ฟีเรียสไม่ได้พูดหรอกเพคะ หม่อมฉันคิดเอาเองว่าผู้ชายทุกคนก็ต้องคิดเรื่องแต่งงาน เจ้าชายไม่คิดหรือเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ตรัสตอบเนิบๆ

“คิด”

“นั่นน่ะสิเพคะ”

“แต่คนอย่างเขาอาจจะได้แต่งสักตอนอายุเก้าสิบ”

เฟย์หันมองพระพักตร์อย่างงุนงง

“เพราะต้องหาเงินมาใช้คืนข้าให้หมดเสียก่อน”

“เจ้าชายทรง... รีบใช้เงินหรือเพคะ”

คนถูกถามแย้มพระสรวล

“เปล่า ข้าอยากจะให้เปล่าเสียด้วยซ้ำ แต่พี่ชายของเจ้าไม่รู้จักการรับอะไรจากใครง่ายๆ ถ้าเจ้าช่วยบอกให้เขาคิดให้น้อยลงบ้างได้ ข้าจะดีใจมาก”

หญิงสาวยิ้มอย่างโล่งใจและภูมิใจระคนกัน

“เรื่องนี้หม่อมฉันคงช่วยไม่ได้หรอกเพคะ พี่ฟีเรียสบอกหม่อมฉันเสมอเพคะว่าเจ้าชายมีบุญคุณกับครอบครัวของเรามาก ถึงเงินจะมากแต่ก็ต้องใช้คืนให้ครบ ถ้าพี่ตายแล้วยังใช้คืนไม่หมด หม่อมฉันก็ต้องใช้แทน”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงพระสรวล

“อย่างนั้นพี่ชายของเจ้าคงไม่ได้แต่งงานไปชั่วชีวิตแล้วล่ะ เจ้าอาจจะไม่ได้พี่สะใภ้” แต่ได้พี่เขยแทน

“แต่ถ้าแต่งงานกับแอนจิเทียก็อาจจะมีเงินมาใช้หนี้เจ้าชายนะเพคะ เพราะนางเป็นลูกสาวคนเดียวของลุงเฮอร์ ยังไงลุงเฮอร์ก็ต้องยกร้านขนมปังให้นางอยู่แล้ว”

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรมองสีหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวอย่างเอ็นดู

“ข้าเป็นเจ้านายของเขา เต็มใจให้เขาโดยที่ข้าไม่เดือดร้อนเขายังไม่เอา แล้วจะยอมรับเงินของนางได้หรือ”

“สามีภรรยาถือเป็นคนคนเดียวกันนี่เพคะ”

“เจ้าคิดว่าอย่างนั้นหรือ”

“เพคะ”

ถ้าอย่างนั้น พระองค์กับฟีเรียสคงจะต้องเป็น ‘สามีภรรยา’ กันก่อนสินะ คนรักศักดิ์ศรียิ่งชีพถึงจะยอมคิดว่าเงินของพระองค์ก็เหมือนเงินของเขา ไม่ต้องคิดมากอย่างทุกวันนี้อีก

“ข้าชักอยากจะเห็นหน้านางบ้าง”

“หม่อมฉันตั้งใจจะพาพี่ฟีเรียสไปซื้อขนมปังร้านนางให้ได้ ถ้าเจ้าชายอยากเห็นก็ไปพร้อมกันเลยสิเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มตอบรับด้วยการแย้มพระสรวล



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
มารดาของฟีเรียสกำลังตัดดอกไม้อยู่ในสวนหน้าบ้าน เจ้าชายรามิเรสเสด็จเข้าไปหาและอาสาช่วย เรเซียกราบทูลให้เสด็จไปสรงน้ำเสียก่อน จะได้เสด็จลงมาทันเวลาอาหารเช้าพอดี

“ขอช่วยสักเดี๋ยวเถอะครับ เรื่องตัดดอกไม้นี่ข้าพอจะถนัดอยู่บ้าง”

หญิงวัยกลางคนดูจะประหลาดใจ

“ตัดที่วังหรือเพคะ”

“ที่บ้านพักนอกเมืองครับ" รับสั่งพลางยิ้มขัน “มีคนใช้ให้ไปตัด”

“ท่านแม่ของเจ้าชายใช่ไหมเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงสั่นพระเศียร “มาครับ ข้าช่วย”

หากว่าเมื่อวานนี้มารดาของฟีเรียสจะรู้สึกเกร็งๆ เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘เจ้าชาย’ อยู่บ้าง เช้าวันนี้ความรู้สึกเช่นนั้นก็ได้หายไปแล้วเมื่อได้พูดคุยกับพระองค์ตามลำพัง

ลูกชายของนางโชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายที่มีพระจริยวัตรงดงามเช่นนี้






พอถึงวลาอาหารเช้าเท่านั้น เรเซียก็พลันคิดว่า พระจริยวัตรของเจ้าชายหกแห่งไมซีนดูจะ ‘งาม’ เกินไปบ้าง เมื่อพระองค์ถึงกับตักอาหารประทานให้ลูกชายของนางด้วย ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นหลายครั้ง ถึงจะตักประทานให้นางด้วยก็ตาม

ฟีเรียสมองไปทางมารดาอย่างกลัวถูกจับได้ เขาพยายามส่งสายตาทูลห้ามแล้ว ทว่าอีกฝ่ายทรงทำเหมือนไม่เข้าพระทัย จึงจำใจต้องกราบทูลตรงๆ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมตักเองดีกว่า”

เจ้าชายรามิเรสไม่รับสั่งอะไร เพียงแย้มพระสรวลบางๆ และไม่ได้ทรงตักประทานให้อีก

ฟีเรียสเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เขาอ่อนไหวง่าย รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นเก่ง ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเจ้าชายรามิเรสทรง ‘ชอบ’ เขา เพราะเขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่อยากจะเจ็บปวดลึกล้ำ ทว่าเมื่อรู้แล้วว่าพระองค์ทรงมีใจให้ ตอนนี้ เขาก็รู้เช่นกันว่าพระองค์คงไม่พอพระทัยนักที่เขาพยายามจะปกปิด ทั้งที่พระองค์ทรงพยายามแสดงออก

เจ้าชายหกหันไปรับสั่งกับแม่ของเขาแล้ว คุณชายมิทรอสชวนน้องสาวของเขาคุย คุณเรจินนั่งกินเงียบๆ ตามนิสัย ส่วนโรดีอัส...

“เอ้า กินเข้าไปเยอะๆ ของโปรดเจ้านี่หว่า”

ก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีได้อย่างไม่รู้เวลาเอาเสียเลย

ฟีเรียสหันไปมองคนประทับหัวโต๊ะอย่างระแวง เจ้าชายหกทรงหันมามองเขากับโรดีอัสดังคาด แล้วก็หันไปแย้มพระสรวลพลางรับสั่งกับแม่ของเขาดังเดิมราวกับไม่ได้ทรงติดพระทัยอะไร ทว่าฟีเรียสไม่สบายใจ เขาตักอาหารชนิดเดียวกับที่โรดีอัสเพิ่งตักให้ไปไว้ในจานของเจ้าชายหนุ่ม เจ้าชายรามิเรสทรงหันมามอง

“กระหม่อมชอบกินพระเจ้าค่ะ”

คนฟังยกมุมพระโอษฐ์ขึ้น สายพระเนตรฉายประกายอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาไม่กล้ามองตอบนาน หูทั้งสองข้างรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล โดยเฉพาะเมื่อได้ยินรับสั่งทุ้มนุ่ม

“ดีใจที่รู้เพิ่มขึ้นว่าเจ้าชอบอะไรอีก นอกจากสตรอว์เบอร์รี่”

“เจ้าชายทรงทราบด้วยหรือเพคะ ว่าพี่ฟีเรียสชอบสตรอว์เบอร์รี่”

คนถูกถามแย้มพระสรวล “แล้วก็ชอบนมด้วย ใช่ไหม”

“ใช่เพคะ ทำไมทรงทราบ”

“เห็นเขาดื่มอยู่สองสามครั้ง ท่าทางน่าอร่อย”

เฟย์พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ “แล้วเจ้าชายชอบทานอะไรบ้างล่ะเพคะ”

“เจ้าจะทำให้ข้ากินหรือ”

หญิงสาวส่ายหน้า “ให้พี่ฟีเรียสทำให้เพคะ หม่อมฉันทำไม่เก่ง”

“โธ่ พี่คิดว่าจะได้กินฝีมือเฟย์” มิทรอสหยอด ขณะคนอื่นๆ ยิ้มอย่างเอ็นดู

“พี่ชายของเจ้าจะยอมทำให้ข้าหรือ”

“ทำไมถึงจะไม่ทำให้ล่ะเพคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วพลางหันไปทางพี่ชายเป็นเชิงถาม ฟีเรียสที่เพิ่งจะโล่งใจว่าคนอื่นไม่ได้สนใจเขาเท่าใดนักพลันตกเป็นเป้าสายตาทันที องครักษ์หนุ่มอึกอัก ขณะตัวการทรงเลิกพระขนงขึ้นนิดหนึ่งเป็นเชิงถามสำทับราวกับไม่ได้ทรงทำอะไรผิด

“ฝ่าบาทโปรดอะไรเล่าพระเจ้าค่ะ” แน่นอนว่าคนอย่างเขาต้องป้องกันตัวเองไว้อย่างดีด้วยการขยายความ "ฝ่าบาททรงเป็นแขก กระหม่อมย่อมยินดีทำถวายในฐานะเจ้าบ้านที่ดีพระเจ้าค่ะ"

   "แล้วถ้าเป็นฐานะอื่นล่ะ จะยอมไหม"   

เสียงผิวปากเบาๆ ดังขึ้นจากคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมทันที

มิทรอสเป็นคนเดียวกล้าส่งเสียง ส่วนคนอื่นๆ เงียบกริบ เรเซียและเฟย์สงสัย เรจินรอดูสถานการณ์ ส่วนโรดีอัสเครียดรองจากฟีเรียส เมื่อกี้เขาอุตส่าห์พยายามช่วยกลบเกลื่อนว่าการตักอาหารให้กันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วเชียว แต่เจ้าชายรามิเรสกลับยังไม่ทรงยอมรามือ

ฟีเรียสนึกอยากจะโพล่งถามออกไปเหมือนกันว่าฐานะอะไร แต่ก็ ‘กลัวใจ’ จึงไม่เสี่ยง

"ฝ่าบาททรงเป็นเจ้านายและเจ้าหนี้ กระหม่อมยินดีพระเจ้าค่ะ"

เจ้าชายหกแย้มพระสรวล ทราบในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่พร้อมจะเปิดเผย

เอาเถอะ พระองค์ทรงยอมก็ได้

"ทำให้กินไปตลอดชีวิตเลยนะ" แต่ก็แค่คนละครึ่งทางเท่านั้น

องครักษ์หนุ่มชะงัก ปลายสายตาเห็นคุณชายมิทรอสร้อง 'ว้าว' โดยไม่ออกเสียง สีหน้าดูทึ่งปนขำ ส่วนตัวเขาเองนั้นทั้งที่ควรจะเครียดจนไมเกรนขึ้นสมองไปแล้ว กลับพบว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวเสียอย่างนั้น เขาเครียด เขากลัว แต่สายพระเนตรอ่อนโยนขนาดนั้น... เขาทานทนไม่ได้

ฟีเรียสไม่รู้จะตอบว่าอะไร ดีที่เฟย์เอ่ยช่วย

"เจ้าชายจะให้พี่ฟีเรียสทำอะไรให้ทานหรือเพคะ เมื่อกี้ยังไม่ได้บอกเลยว่าชอบทานอะไร"

เจ้าชายหนุ่มทรงหันไปแย้มพระสรวลกับหญิงสาว ตรัสตอบนาง แต่ปรายสายพระเนตรไปทางพี่ชายของนาง

"นม"

"อะไรนะเพคะ"

"ข้าชอบนม"

เฟย์ทำหน้าประหลาดขึ้นมาทันที

"นม... นมสด นมวัวเนี่ยนะเพคะ"

"อืม"

"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันอุ่นให้ดื่มก็ได้นะเพคะ ไม่เห็นต้องใช้ความสามารถอะไรเลย เอ๊ะ หรือว่าพี่ฟีเรียสมีเคล็ดลับพิเศษอะไร"

เมื่อน้องสาวหันมามองอย่างต้องการคำตอบ ฟีเรียสก็จำใจต้องตอบ

"ไม่มี"

"อ้าว" คราวนี้หญิงสาวหันไปทางเจ้าชายหนุ่มแทน ชักจะงงหนัก

"ความจริงแล้วข้าไม่เคยชอบนมมาก่อน เห็นพี่เจ้ากินน่าอร่อยก็เลยกินพร้อมกับเขาครั้งหนึ่ง" ขณะรับสั่ง เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรหน้าน้องสาวของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มองมาทางเขาเลย แต่เมื่อทรงเว้นจังหวะให้คาดเดา หัวใจของฟีเรียสก็เต้นผิดจังหวะ รวนหนักยิ่งกว่าเดิม "มันอร่อยมากจนข้าคิดว่า... คงจะต้องกินบ่อยๆ"

"แหม รับสั่งเหมือนกับว่ามันอร่อยเพราะว่าคนที่กินด้วยกันคือพี่ฟีเรียสเลยนะเพคะ"

พูดเอง แล้วก็ฉุกใจคิดเอง หญิงสาวมองพระพักตร์อย่างระแวงแต่ไม่เห็นพิรุธใดๆ ครั้นหันไปทางมารดาก็เห็นว่านางมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก บางทีอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องเดียวกัน

แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน






   หลังอาหารเช้า เจ้าบ้านก็พาแขกไปเที่ยวชมฟาร์มม้าของวอลเซนส์ เจ้าชายรามิเรสรับสั่งเรื่องม้าๆ กับเจ้าของฟาร์มได้อย่างถูกคอ ทว่าในที่สุดเจ้าชายหนุ่มก็ทรงหาโอกาสแยกตัวมาขี่ม้าเล่นกับองครักษ์ใหม่ได้

“ขี่ม้าแข่งกันมั้ย” เจ้าชายหกทรงท้า ฟีเรียสชะงัก เขาตั้งใจว่าจะคุยเรื่องที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารกับพระองค์ ทว่าเนื่องจากเป็นคนที่ทนคำท้าทายในเรื่องที่คิดว่าตัวเองก็พอมีฝีมืออยู่ไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพยักหน้า

“จากตรงนี้ ลงเนินไป อ้อมต้นไม้ใหญ่สุดนั่น แล้วกลับมาตรงนี้ ตกลงมั้ย”

“พระเจ้าค่ะ”

“ต้องต่อให้รึเปล่า”

องครักษ์หนุ่มทำสีหน้าเหมือนถูกดูถูกอย่างจัง กราบทูลเสียงแข็ง

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

“จะไม่ต่อให้ข้าสักหน่อยจริงหรือ”

ฟีเรียสงุนงงไปวูบ อารมณ์ดีขึ้นเมื่อรู้ว่าแปลความหมายของอีกฝ่ายผิดไป แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายทรงสู้เขาไม่ได้

“แค่ฝ่าบาทไม่ทรงออมมือให้กระหม่อม ก็เป็นพระกรุณามากแล้วพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล

“เจ้าอาจประเมินฝีมือข้าสูงไป เจ้านับ หรือข้านับ”

“ฝ่าบาทเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ตกลง พร้อม” ฟีเรียสพยักหน้า “หนึ่ง... สอง... หนึ่ง!”

ฟีเรียสทะยานออกไปแล้ว... ก่อนจะนึกได้ องครักษ์หนุ่มหยุดม้าอย่างกะทันหัน เบนหัวม้ากลับมาเพื่อจะพบว่า

“ฮ่ะๆๆๆๆ” เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงพระสรวลลั่น ดวงพระเนตรเป็นประกายพราวสดใสอยู่ในแสงแดดอ่อนอุ่นยามสาย หล่อเหลา... จับตา ทว่าคนมองไม่มีอารมณ์จะชื่นชม

“ขอโทษๆ” คนรับสั่งพยายามจะกลั้นเสียงสรวล เมื่อทอดพระเนตรเห็นหน้างอๆ ขององครักษ์ประจำพระองค์ “ข้าแค่อยากจะแกล้งเจ้าเล่น”

“แต่กระหม่อมจริงจัง” คนจริงจังไม่ยอมชักม้าเข้ามาใกล้ด้วยซ้ำ เจ้าชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้แทน

“นั่นล่ะที่ข้าอยากจะบอก แค่แข่งกันเล่นๆ ก็พอ อย่าจริงจังนักเลย ตกลงไหม”

สีหน้าของคู่แข่งดูไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมตอบ “ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“คราวนี้เจ้านับก็แล้วกัน” คนช่างแกล้งทรงเอาใจ ฟีเรียสยังมีสีหน้าตึงๆ อยู่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“พร้อมนะพระเจ้าค่ะ”

“อืม”

“หนึ่ง... สาม!... ย้า!”

องครักษ์หนุ่มทะยานออกไปแล้วด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มอารมณ์ดี เจ้าชายหนุ่มทรงเป็นฝ่ายถูกแกล้งจึงออกตัวช้ากว่า ทว่าพระองค์กลับพระอารมณ์ดีกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก

การแข่งขันใช้เวลาไม่นานนักก็รู้ผล เนื่องจากไม่มีกรรมการจึงตัดสินยากว่าใครเป็นฝ่ายชนะ ฟีเรียสรู้สึกว่าเจ้าชายหนุ่มทรงถึงพร้อมๆ กับเขาเลยทีเดียว และเมื่อทูลถาม คำตอบก็คือ

“เสมอกันดีไหม”

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงออมมือให้กระหม่อมแน่นะพระเจ้าค่ะ”

“ออมมือให้” คนจริงจังหน้านิ่ว “แต่ไม่มาก ข้าแค่อยากถึงพร้อมๆ กับเจ้า อยู่ข้างๆ เจ้าไปตลอดทาง”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง ความคิดแรกที่วาบเข้ามาก็คือ ทำแบบนี้บ่อยไหม พูดแบบนี้กับผู้หญิงมาแล้วกี่คน แต่ก็คิดว่าไม่ควรจะถาม ถึงจะเป็น ‘คนรัก’ แต่ก็เพิ่งจะเริ่มคบหากันในสถานะนี้ คำถามเช่นนั้นคงจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไป

“อยากจะพูดอะไร”

“รับสั่งแบบนี้ เคยใช้กับผู้หญิงมาก่อนรึเปล่าพระเจ้าค่ะ”

อา... ในที่สุดเขาก็พูด และเสียใจแทบจะทันทีที่พูดจบ เพราะสีพระพักตร์แบบ ‘ยิ้มๆ’ ของอีกฝ่ายหายไปแล้ว

“ไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม ใต้ต้นไม้นั่นน่าจะดี”

ฟีเรียสได้แต่พยักหน้า

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

รับสั่งถาม หลังจากฟีเรียสจัดหาที่นั่งให้ตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว คือนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้า หันหน้ามาทางพระองค์ซึ่งประทับแบบเดียวกัน

“ขอประทานอภัย ถือว่ากระหม่อมไม่ได้ทูลถามเถิดพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าเป็นคนคิดมาก แต่บางทีความคิดของเจ้าอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง คำถามของเจ้าข้าอยากตอบ แค่อยากรู้ก่อนเท่านั้นว่าเพราะอะไรเจ้าถึงคิดอย่างนั้น”

“กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ แค่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมา เพราะว่าเมื่อก่อน... ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเป็นอย่างนี้”

“จริงหรือ”

ถูกถามอย่างนี้ฟีเรียสก็ชักจะลังเล

“เมื่อก่อนข้าไม่เคยหยอดเจ้าหรือ”

ที่จริง... ไม่ต้องรับสั่งออกมาตรงๆ ก็ได้ว่าหยอด พอรับสั่งแบบนี้เลยไม่รู้ว่าจะเครียดหรือจะเขินดี ที่ทำได้คือตีหน้าตายแล้วทูลตอบตรงๆ

“ฝ่าบาทไม่ได้รับสั่งบ่อย”

“นั่นเพราะข้ากับเจ้าเป็นแค่เพื่อน ข้ายังไม่มั่นใจในตัวเอง ส่วนเจ้าก็ยังไม่ได้ให้ความมั่นใจกับข้า แต่พอเราเป็นคนรักกันแล้ว ข้าก็อยากจะพูดให้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่ได้ตั้งใจจะหยอดเจ้า ข้าแค่พูดในสิ่งที่ข้ารู้สึก”

ใช่ รับสั่งได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เพราะอย่างนี้มันถึงได้น่ากลัวเหลือเกิน เขากลัวว่าตัวเองจะตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ไม่เคยพูดแบบนี้กับผู้หญิง หรือผู้ชายคนไหนสักคน อันธียาเป็นแค่คู่หมั้นตามความเหมาะสม ข้าไม่ได้รัก ส่วนผู้หญิงอื่น... ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เจ้าหึงย้อนหลังหรือ”

“ปะ... เปล่าพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่ได้หึง แค่... สงสัย” ฟีเรียสหลบสายพระเนตร ขณะเจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ไม่ได้รับสั่งคาดคั้น

“มีอะไรสงสัยอีกไหม”

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้า

“อย่างนั้นข้าถามเจ้าบ้าง”

ฟีเรียสตั้งใจฟัง

“เจ้าไม่อยากให้แม่เจ้ารู้ ว่าเราเป็นคนรักกันหรือ”

เรื่องแบบนี้ คนพูดก่อนได้เปรียบจริงๆ เขาตั้งใจจะพูดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พอพระองค์รับสั่งขึ้นก่อน เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิดขึ้นมา

“กระหม่อม...ยังไม่พร้อมพระเจ้าค่ะ”

“กลัวนางเสียใจหรือ”

“...พระเจ้าค่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่

“แล้วคิดจะบอกนางไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า

“เมื่อไหร่”

เขาไม่รู้ อย่าบังคับเขาเลย

“ถ้าเจ้าบอกแล้วนางรับไม่ได้ ต้องการให้เจ้าเลือกระหว่างนางกับเจ้า เจ้าจะเลือกข้าไหม”

องครักษ์หนุ่มอึดอัดใจ ลังเล ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเสียพระทัย แต่คำตอบที่เขาตอบได้ในตอนนี้ก็คือ

“กระหม่อม...เลือกแม่พระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงชะงักไปหลายอึดใจ ฟีเรียสไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้นนาน เขารู้ว่าความรู้สึกของเจ้าชายหกอาจจะยิ่งแย่ลงอีก แต่เขาก็พรั่งพรูออกมา

“กระหม่อมรักแม่มากพระเจ้าค่ะ ตอนที่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายก็ทุกข์ใจ แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแม่อยากให้กระหม่อมแต่งงานกับผู้หญิง กระหม่อมก็จะแต่ง”

เจ้าชายรามิเรสยังทรงนิ่งเงียบ ทำเอาองครักษ์หนุ่มยิ่งใจคอไม่ดี

“แต่ว่าตอนนี้...” พูดแล้วก็เงียบนาน

“ตอนนี้อะไร”

“ตอนนี้กระหม่อมคิดว่าจะพยายามทำให้แม่เข้าใจและยอมรับให้ได้ ว่ากระหม่อมคงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้ แต่กระหม่อมอยากจะค่อยๆ บอก หาวิธีที่ทำให้แม่ไม่ตกใจพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนทอดพระเนตรสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ทรงคิด ว่าเจ้าตัวจะรู้บ้างไหม ว่ากำลังทำหน้าขอความเห็นใจได้น่ามองขนาดไหน

“แล้วใช้วิธีของข้าไม่ดีหรือ ที่ข้าทำเมื่อเช้า”

“กระหม่อมตั้งตัวไม่ทันพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบไปอีก ไม่ได้สะเทือนพระทัยอะไรนัก เพียงแต่เพิ่งทรงตระหนักว่า ความบันเทิงใจของพระองค์เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งแล้ว แม้ไม่ปรารถนาจะยอมรับ แต่ก็ทรงปฏิเสธไม่ได้ ว่าการแกล้งให้ฟีเรียสมีสีหน้าทุกข์ใจกึ่งๆ อ้อนวอนนี่ทำให้พระทัยพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด

“ฝ่าบาท...”

น้ำเสียงแบบนี้ก็ด้วย มองปากคนเรียกแล้วก็นึกอยากจะจูบขึ้นมาเป็นกำลัง แต่ก็ต้องตัดพระทัยเพราะตรงนี้เป็นที่โล่งแจ้ง

“เอาเถอะ ข้าให้เวลาเจ้า ขออย่างเดียว ต่อไปถ้าข้าถามเจ้าอีกว่าจะเลือกใครระหว่างข้ากับแม่ของเจ้า เจ้าอย่าตอบเร็วนักเลย ถึงจะไม่เปลี่ยนใจ แต่ก็ทำเป็นคิดนานๆ หน่อยก็ได้...ข้าเห็นแล้วเสียใจ”

องครักษ์หนุ่มเบิกตากว้างขึ้น ดวงหน้าคมคายค่อยๆ เป็นสีก่ำขึ้นจนคนทอดพระเนตรเห็นอดยิ้มออกมาไม่ได้






ตกบ่าย เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ได้ทรงรู้จักกับแอนจิเทีย ลูกสาวเจ้าของร้านขายขนมปังตรงหัวมุมถนนเป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารักและอัธยาศัยดีทีเดียว ดูเป็นหญิงสาวที่ไม่มีจริตมารยา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ทั้งสีหน้าและสายตาดูออกง่ายมากว่าชื่นชอบและชื่นชม ‘พี่ฟีเรียส’ มากขนาดไหน องครักษ์หนุ่มพูดด้วยไม่กี่ประโยคก็หน้าแดงจนเหมือนจะระเบิดออก

“ขนมปังพวกนี้นางทำเองหมดเลยนะเพคะ” เฟย์กราบทูลเจ้าชายหนุ่ม “นอกจากทำขนมปังเก่งแล้วยังทำอาหารเก่งด้วยนะเพคะ ขนมอื่นๆ ก็ทำได้ เรียกได้ว่าถ้าใครได้ไปเป็นภรรยาล่ะก็สบายไปทั้งชาติ เรื่องอาหารการกินนี่ไม่ต้องห่วงเลย”

“เฟย์”

หญิงสาวที่ถูกชมซึ่งหน้ากระตุกแขนเสื้อเพื่อนผู้อ่อนวัยกว่า หน้าแดงก่ำยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็เหลือบตาขึ้นมองพี่ชายของนางว่าทำสีหน้าแบบไหน

เจ้าชายรามิเรสเพิ่งทรงทราบว่าองครักษ์ใหม่ของพระองค์ดูจะเป็นคนยิ้มง่ายเมื่อสนทนากับผู้หญิง

“ข้าต้องไปฝึกทำขนมกับทำอาหารไหม”

เจ้าชายหนุ่มตรัสถาม ในจังหวะที่แอนจิเทียเข้าไปเตรียมจานและมีดกับส้อมให้ทุกคน โดยมีเฟย์ตามเข้าไปช่วยด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็อยู่ใกล้ๆ กัน น่าจะได้ยินคำถามของพระองค์กันทุกคน แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฝึกทำไมพระเจ้าค่ะ”

“อยากให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง นี่ถ้าเขาเป็นคนปากไวคงโพล่งออกไปแล้ว ว่าพระองค์อยากจะเป็น ‘ภรรยา’ ของเขาเรอะ ดีที่ปกติเป็นคนปากหนัก ถึงได้เพียงแต่ถลึงตาใส่คนที่รับสั่งถามแบบไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย

“ขอได้ทรงโปรดอย่าล้อกระหม่อมเล่น กระหม่อมไม่ขำพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“ข้าก็ไม่ได้พูดให้เจ้าขำ ก็แค่กลัวเท่านั้น”

องครักษ์หนุ่มยังไม่ได้ทูลถามว่ากลัวอะไร เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสถามเสียก่อน

“ในสายตาเจ้า นางเป็นยังไงบ้าง”

ไม่ต้องบอกว่านางไหน ฟีเรียสก็นึกรู้ได้เอง “ก็เป็นผู้หญิงที่ดีพระเจ้าค่ะ ขยัน กตัญญู”

“แค่นั้นหรือ”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าจะต้องพูดอะไรเพิ่มเติมอีก

“เจ้าว่าข้าต้องกลัวนางไหม”

“กลัวทำไมพระเจ้าค่ะ”

“กลัวจะมาเป็นคู่แข่งหัวใจ”

มาถึงตรงนี้ ฟีเรียสต้องเหลือบตามองคนอื่นๆ อย่างระแวง แต่ทุกคนดูเหมือนจะรู้จักกาลเทศะดี คุณเรจินเดิน ออกไปรอนอกร้านซึ่งมีโต๊ะสำหรับนั่งกินแล้ว ส่วนคุณชายมิทรอสก็ชวนโรดีอัสไปเดินเลือกขนมปังตรงมุมอื่น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะได้ยิน และเอียงๆ หูมาทางนี้ทั้งสองคนก็เถอะ แต่เขาไม่พูดเสียอย่าง ยังไงก็ไม่ได้ยิน

ที่เขาทำก็แค่...ส่ายหน้า

“แปลว่าอะไร”

ถ้าใครถามเขาว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นคนยังไง ฟีเรียสตอบได้ตอนนี้เลย ว่าเรื่องมาก และเอาแต่ใจเป็นที่สุด ดูสีพระพักตร์ก็รู้ว่าพระองค์ทรงทราบว่าเขาหมายความว่ายังไง ได้คืบยังจะเอาศอก ที่จริงแล้วเขาคิดว่าพระองค์ทรงแกล้งเขาเสียด้วยซ้ำ ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างอย่างพระองค์ยังจะต้องทรงกลัวเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรือ อยากจะปิดปากเงียบต่อไป แต่เพราะพระองค์ทรงยอมให้เวลาเขาเรื่องแม่ เขาก็เลย...ก็แค่อยากจะเอาใจคนที่ดูเหมือนจะจริงจังกับคำตอบของเขาเหลือเกินเท่านั้น ถึงได้ตอบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวพระเจ้าค่ะ”

รอยแย้มพระสรวลของเจ้าชายรามิเรสยังไม่เท่าไร ฟีเรียสพอจะต้านทานได้ แต่ไอ้เสียงผิวปากดังวี้ดวิ้วกับเสียงเปรยๆ ของคุณชายมิทรอสนี่มันอะไร





“เจ้าว่าขนมปังร้านนี้ใส่น้ำตาลมากไปรึเปล่า โรดีอัส”







**************************



คาดว่าเรื่องนี้จะจบได้ในบทที่ 33 นะคะ

ที่จริงแล้วชุนจะมาชวนไปงานฟิคน่ะค่ะ แต่จะมามือเปล่าก็เกรงใจ เลยเอาบทที่ 27 มาฝากแก้เขินด้วย

วันเสาร์ที่ 25 ต.ค. นี้จะมีงานฟิคที่อาคาร Thai CC Convention Hall ค่ะ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

ถ้าใครอยู่ใกล้ๆ หรือไม่ใกล้แต่อยากไปเที่ยวงานก็เชิญชวนนะคะ

-   วันเสาร์ที่ 25 ตุลา เวลา 11.30-16.30 น.
-   อาคาร Thai CC Convention Hall ชั้น 12
-   ค่าบัตรเข้างาน 70 บาท สามารถซื้อได้ที่หน้างาน
-   มีนิยายวายขายเพียบเลย ส่วนใหญ่จะเป็นฟิค แต่ที่ไม่ใช่ฟิคก็น่าจะมีเยอะพอสมควรนะคะ (เดาเอา ชุนไม่เคยไปหรอกค่ะ อยากไปเหมือนกัน แต่ปีนี้ขอผัดไปก่อน อยู่ต่างจังหวัดด้วย แล้วก็...ยังไม่ทันจะสิ้นเดือนเลย เงินเดือนหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ :mew2:)
-   ชุนสั่งพิมพ์เรื่อง “เวลา” ไปวางขายด้วยค่ะ สามารถหาซื้อได้ที่บูธ A16 ในราคา 380 บาท
-   รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูและสอบถามได้ที่นี่ค่ะ
https://www.facebook.com/NanaNaRiSshop?fref=ts

-   ถ้าไม่สะดวกไป ก็ยังสามารถสั่งจองกับที่ร้านได้นะคะ รายละเอียดตามนี้เลย
https://www.facebook.com/notes/nananaris-shop/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-by-%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%A8/763418607033964


จบการโฆษณาขายของแต่เพียงเท่านี้

ป.ล.ถ้าผิดกฎเล้า (เรื่องการลง link การประชาสัมพันธ์ หรือการขายหนังสือ) ก็ช่วยเตือนด้วยนะคะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชอบตอนนี้มาก  พอเขาลงเอยกันกล้ว มันก็มีความสุข
มิทรอสนี่ก็ตัวชงทีเดียว  แต่สู้รามิเรสไม่ได้สักนิด นี่ก็ตัวดีเลย ชอบ ๆ ๆ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ฟีเรียสยังคงเป็นคนคิดมากเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ยอมๆ เจ้าชายไปเหอะ :-[

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากๆเลยค่ะ อมยิ้มตลอดเลยยยย หายคิดถึงไปได้เลย อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ววว รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ดีใจที่มาต่อตอนใหม่แล้ว ตอนนี้ดูคุณเจ้าชายหน้ามึนมากๆ น่ารักดี

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เจ้าชายอย่ามาน่ารัก :ling1:

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
พอตกลงเป็นคนรักกันแล้ว
เจ้าชายหกน่ารักมาก เดี๋ยวหยอดเดี๋ยวหวานตลอดๆๆๆ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เจ้าชายหรือคนขายขนมครกเนี่ย?...หยอดตลอด
คุณชายมิทรอสก็นะ..แซวจริง
แอบนึกว่าจิ๊กโก๋ปากซอยแซวสาว 555555555
หวานๆละมุนอุ่นๆกับตอนนี้
เหมือนกินคาปูฯคู่ปาท่องโก๋อ่ะ
มีความสุขจัง :heaven

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เจ้าชายทำเราเขินนนนนน หยอดได้หยอดดี :-[

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เจ้าชาย น่ารักจัง

อ่านตอนนี้ อมยิ้ม ตลอด ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เจ้าชายหยอดเก่งเหมือนกันนะเนี่ย   :laugh:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
องค์ชายหกน่ารักได้อีก 55
ตอนนี้รู้สึกหวานอวลมาในใจเลยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 องค์ชายหกหนักแน่นจริงจัง และแอบหวานขนาดนี้
อ่านแล้วเขินแทนฟีเรียสเลย :-[
หวังว่าแม่และน้องจะเอาไปคิดต่อ
อย่างน้อยก็จะได้ทำใจรอจนกว่าเจ้าตัวจะยอมบอก

มิทรอสถูกใจมากคร่ะ เอาอีกๆๆ o13

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
มาเยอะแบบสะใจ
แหม น่ารักกันซะ :impress2: :-[

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
หยอดตลอดๆๆ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
องค์ชาย หยอดเก่งนะเพคะ

น่าชวนไปทำขนมครก  :laugh:

มีความสุข ฟรุ้งฟริ้งดีจัง



ออฟไลน์ loyal_mook

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งื้อออออ ตอนนี้องค์ชายเต๊าะฟีเรียสไม่เลี้ยงเลยเพคะ
อ่านแล้วมันก๊าวววใจจริงๆ  :o8:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
ตอนนี้ยาวสะใจ
อ่านไปอมยิ้มไป
เก็บเงินรอตอนรวมเล่มล่ะ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
เจ้าชายดูทรงสำราญมาก  :hao3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เจ้าชายรามิเรสนี่หยอดทุกจังหวะจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด