รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ  (อ่าน 345307 ครั้ง)

ออฟไลน์ AKAMEBIKEI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
«ตอบ #690 เมื่อ24-11-2014 09:43:40 »

ฟินแบบหน่วงๆ แต่ก็ยังฟิน
เมื่อไหร่จะเปิดเผยกับทุกคนได้สักที
อยากฟินให้สุด แบบนี้ฟินก็จริงแต่ก็แอบกังวง แงๆ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
«ตอบ #691 เมื่อ25-11-2014 00:09:49 »

มันหวานปนเศร้าไงก็ไม่รู้ค่ะ  :z2:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #692 เมื่อ25-11-2014 18:44:57 »

บทที่ ๓๐


   เรเซียไม่สบายใจเลย ลูกชายของนางดูไม่มีความสุข ถึงแม้ว่าจะพยายามทำตัวเป็นปกติ แต่นางเป็นแม่ ย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ฟีเรียสระมัดระวังตัว เขาขมวดคิ้วอย่างกังวลเมื่อเจ้าชายหกทรงตักอาหารประทานให้ และเมื่อเขามองพระพักตร์อย่างร้องขออยู่ในที เจ้าชายรามิเรสก็ไม่ได้ทรงทำอีก

พรุ่งนี้เจ้าชายหกจะเสด็จกลับเมืองหลวงแล้ว แต่วันนี้พระองค์กลับอยู่บ้านกับมารดาและน้องสาวของฟีเรียส ปล่อยให้คนอื่นๆ ไปตกปลาที่ทะเลสาบกันตามสบาย

ฟีเรียสกังวลใจอยู่บ้าง ไม่แน่ใจว่าเจ้าชายหกจะทรงเปิดเผยอะไรกับแม่และน้องสาวของเขาบ้างหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเชื่อใจ เชื่อมั่นในการตัดสินพระทัยของพระองค์

“เมื่อคืนนี้เจ้าได้กินนมรึเปล่า”

โรดีอัสถามเพื่อนรักแทบจะทันทีที่ออกจากบ้าน

“...ถามทำไม” เป็นธรรมดาของฟีเรียสอยู่แล้วที่จะระแวงสงสัย ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีชนักติดหลังอยู่หรือไม่

“ถามไปงั้น เห็นว่าเจ้าชอบกินนม”

“...กิน” ตอบไปแบบนี้คงไม่เสียหายอะไร

“ข้าว่าแล้ว”

พูดแล้วก็หันไปมองเรจิน ฝ่ายนั้นมองตอบแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองลูกน้องที่มีฐานะเป็นคนรักของเจ้าชายอีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถูกหัวหน้าหน่วยของตัวเองมอง ถึงจะเป็นการมองธรรมดาๆ ฟีเรียสก็สงสัย

“มีอะไรหรือครับ”

“...เปล่า” ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ว่านมแก้วเดียวที่เขาดื่มเมื่อคืนนั้นมีที่มายังไง

“พวกเจ้าคุยอะไรกัน”

คุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมอยากมีส่วนเกี่ยวข้อง ทว่าเรจินไม่ตอบ ฟีเรียสไม่รู้เรื่อง จึงเหลือแต่โรดีอัสคนเดียวที่ตอบให้ว่า

“ไม่มีอะไรครับ” ตอบเหมือนไม่ได้ตอบ

อย่างไรก็ดี มิทรอสไม่ได้ติดใจอะไร เขามีประเด็นเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

“ฟีเรียส”

“ครับ”

“เจ้ามองพระพักตร์เจ้าชายหก แล้วเห็นอะไรผิดปกติบ้างไหม”

องครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า นึกอยู่สองสามอึดใจ

“ไม่เห็นครับ” หรือว่าจะประชวรที่ตรงไหน ไม่น่าจะใช่ เพราะกว่าเขาจะออกมาจากห้องบรรทมก็เกือบจะเช้าแล้ว พระองค์ก็ดูปกติดี ส่วนเขาก็โชคดีที่พอกลับเข้าห้อง ทั้งคุณเรจินและโรดีอัสต่างก็หลับอยู่

“ข้าว่าพระโอษฐ์ดูบวมๆ นะ เหมือนถูกอะไรกัด...เจ้าว่าไหม”

ฟีเรียสชะงักทันที เขาพลาด...คนที่เขาควรระวังไม่ใช่โรดีอัสหรือคุณเรจิน แต่เป็นคุณชายมิทรอส

...คุณชายร้ายกาจ...







วันนี้เฟย์จะทำขนม เรเซียเป็นคนสอน ส่วนเจ้าชายรามิเรสทรงอาสาเป็นลูกมือ มารดาของฟีเรียสคาดเดาอยู่ในใจว่าเจ้าชายหกอาจจะทรงหาโอกาสรับสั่งอะไรบางอย่างกับนาง ทว่าพระองค์กลับไม่ได้รับสั่งถึงเรื่องที่นางกลัวเลย แทบไม่ได้รับสั่งถึงลูกชายของนางเสียด้วยซ้ำ มีแค่ครั้งเดียวคือตอนที่พระองค์ทรงบีบครีม ‘เบาๆ’ แล้วครีมทะลักออกมาแทบจะหมดหลอด ทำกี่ครั้งๆ ก็เหลวตลอด เฟย์มองพระพักตร์ด้วยสีหน้าแหยๆ เพราะทูลให้กำลังใจมาหลายครั้งแล้วก็ไม่ดีขึ้น เจ้าชายหนุ่มจึงทรงพระสรวล

“เจ้าทำหน้าคล้ายๆ ฟีเรียส รายนั้นก็ชอบคิดว่าข้ามาช่วยแล้วมีแต่จะทำให้ยุ่งทุกที”

ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า น้ำเสียง หรือกระทั่งแววตา ก็ล้วนบ่งบอกว่าคนที่ถูกพูดถึงนั้นเป็นที่เอ็นดู

ตกบ่าย มีคนมาร่วมชิมขนมด้วยอีกสองคน คือวอลเซนส์และแอนจิเทีย

สองสาวเข้าไปทำขนมเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง รวมกับขนมที่แอนจิเทียนำมาฝากด้วยก็เป็นสามอย่าง

เรเซียไม่ได้อยากจะเสียมารยาท แต่รู้ตัวทีไร สายตาของนางก็เอาแต่จับจ้อง สังเกตปฏิกิริยาระหว่างนายเหนือหัวของลูกชาย กับหญิงสาวที่นางเคยคิดว่าอาจจะได้มาเป็นลูกสะใภ้อยู่เสมอ

แอนจิเทียดูจะไม่ได้ระแวงอะไร ขณะที่เจ้าชายหก...ก็ปกติเช่นกัน

มารดาของฟีเรียสคิดว่า หากฟีเรียสกับแอนจิเทียเป็นคนรักกันอยู่ นางคงกลัวแทนลูกชายว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจไปหลงเสน่ห์เจ้าชายหนุ่มแทน

สิ่งที่เจ้าชายรามิเรสทรงปฏิบัติต่อแอนจิเทีย คือทุกสิ่งที่ ‘สุภาพบุรุษ’ พึงกระทำต่อผู้หญิง

หรือว่านางจะวิตกกังวลไปเองจริงๆ

“ถ้าพี่วอลเซนส์แต่งงานกับเฟย์แล้ว ป้าเรเซียจะย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่วอลเซนส์ด้วยรึเปล่าคะ” หญิงสาวผู้มาเป็นแขกเอ่ยถามในจังหวะหนึ่งของบทสนทนา

“ก็คงจะไปๆ มาๆ น่ะจ้ะ”

“แต่เราอยากให้น้าไปอยู่ด้วยกันเลยนะครับ” เจ้าของฟาร์มม้าหนุ่มแย้งทันที และคนรักของเขาก็สนับสนุน

“ใช่จ้ะแม่”

เรเซียไม่อยากจะขัดใจลูกสาว แต่เมื่อมองพระพักตร์ของเจ้าชายหกแล้ว ประโยคหนึ่งก็หลุดออกมา

“ถ้าฟีเรียสแต่งงาน แม่คงต้องอยู่เป็นเพื่อนเมียของเขา”

“ฟีเรียสจะแต่งงานหรือครับ” วอลเซนส์ประหลาดใจ

“เอ่อ...ยังหรอกจ้ะ น้าเพียงแต่พูดเผื่อไว้ ว่าคงจะย้ายไปอยู่ด้วยเลยไม่ได้ วันหนึ่งถ้าฟีเรียสคิดจะแต่งการแต่งงาน เมียของเขาก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่กับเขาที่นี่ แต่เขาเป็นองครักษ์ คงไม่ได้กลับมาอยู่กับนางบ่อยๆ”

“แต่ถ้าเป็นลูกเขยร้านขายขนมปัง พี่ฟีเรียสอาจจะต้องย้ายไปอยู่บ้านพ่อตาแทนนะคะแม่ เพราะว่าเจ้าของร้านมีลูกสาวคนเดียว”

เฟย์พูดยิ้มๆ หมายจะสัพยอกว่าที่พี่สะใภ้ และก็ได้ผลดีมีเมื่อแอนจิเทียอายจนหน้าแดง พูดอุบอิบเป็นเชิงต่อว่าอย่างไม่จริงจังนักสองสามคำ วอลเซนส์ไม่ได้ผสมโรงด้วย เพราะถึงเขาจะเคยแซวเพื่อนด้วยเรื่องนี้ แต่ใจก็รู้ดีว่าฟีเรียสไม่ได้คิดเกินเลยกับแอนจิเทีย

เรเซียมองหญิงสาวผู้น่ารักในสายตานางเสมอยิ้มๆ แล้วก็ลอบสังเกตสีพระพักตร์ของเจ้าชายหกด้วย ครั้นเห็นว่าพระองค์ทอดพระเนตรนางอยู่ก่อนแล้วก็สะดุ้งใจนิดหนึ่ง แต่ก็คลายกังวลอย่างรวดเร็วเมื่อพระองค์แย้มพระสรวลนิดๆ ประทานให้ราวกับรู้สึกเอ็นดูแอนจิเทียด้วยเช่นกัน และเพราะไม่ได้เห็นสิ่งที่คิดว่าอาจจะได้เห็น เรเซียจึงเสริมว่า

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าเสียดาย เพราะว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีคนอยู่ ทั้งๆ ที่เจ้าชายอุตส่าห์มีเมตตา ให้ฟีเรียสยืมเงินตั้งมากเพื่อมาสร้างบ้านนะจ๊ะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น” ประโยคขึ้นต้นเหมือนกันไม่มีผิด แถมยังรับสั่งด้วยสีพระพักตร์ที่ไม่จางรอยแย้มพระสรวลเลยแม้แต่น้อย “ข้าก็ยินดีจะยกหนี้ทั้งหมดให้ แล้วใช้ที่นี่เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งครับ”

มารดาของฟีเรียสรู้สึกตัวทันทีว่านางพลั้งปาก พูดในสิ่งที่ไม่สมควรออกไปเสียแล้ว

ถ้าเจ้าชายหกเกิดกริ้วขึ้นมา และจะทรงยึดบ้านเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่นาง แต่ทั้งฟีเรียสและเฟย์จะต้องลำบากกันทั้งหมด เฟย์ยังไม่ได้แต่งงานกับวอลเซนส์ในวันสองวันนี้ และฟีเรียสก็เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายหนุ่ม ชีวิตและความเจริญก้าวหน้าในการงานล้วนขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระองค์

เจ้าชายรามิเรสยังแย้มพระสรวลนิดๆ อยู่ ทว่าเรเซียตระหนักเสียแล้ว ว่าคนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกกลัวได้ทั้งๆ ที่กำลังยิ้มนั้นเป็นยังไง
เพราะว่าเป็นเจ้าชายที่ดู ‘ใจดี’ มาตลอด นางจึงลืมไปว่าอำนาจของ ‘เจ้าชาย’ นั้นมีอะไรบ้าง

เฟย์เองก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี

“แม่เพียงแค่สมมติน่ะเพคะ ยังไงหม่อมฉันก็ไม่ถวายคืนหรอกเพคะ เพราะว่าหม่อมฉันรักบ้านหลังนี้มาก ฝันอยากจะมีบ้านแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พี่ฟีเรียสก็ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะสวนหน้าบ้าน สองสามเดือนก่อนยังเอาต้นไม้มาปลูกเพิ่มด้วยตัวเองเลยเพคะ กำชับให้หม่อมฉันอย่าลืมรดน้ำ ตอนนี้กำลังออกดอกสวยเลยเพคะ” ไม่รู้เป็นไร เพียงแต่รู้สึกขึ้นมาเอง ว่าถ้าพูดถึงพี่ชาย เจ้าชายหกคงจะพระอารมณ์ดี

“...ชื่อต้นใยรัก”

สถานการณ์คลี่คลายแล้ว

เจ้าชายหนุ่มไม่ได้มีพระประสงค์จะทรงข่มขู่มารดาของคนรัก เพียงแต่รับสั่งไปตามจริง

พระองค์ไม่ได้แสร้งทำเป็นพระทัยเย็น ไม่รับรู้ว่านางกำลังพยายามทำอะไร แต่พูดตามความสัตย์จริงก็คือ พระองค์ทรงสงสารนาง
พยายามไปเถิด ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ พระองค์ไม่ได้ทรงว่าอะไรเลย กับลูกสาวเจ้าของร้านขายขนมปังซึ่งไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย และยังคงมีความใฝ่ฝันอันแสนหวานอยู่ พระองค์ก็ทรงเอ็นดูนางจริงๆ

ทุกคนควรจะมีความหวังและความฝัน วันเวลาสำหรับความเป็นจริงไม่ควรจะมาถึงเร็วนัก

อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ายังไงฟีเรียสก็ต้องเป็นของพระองค์แน่นอน

เรเซียน่าจะรักลูกมากพอที่จะไม่ทำร้ายลูก หากว่าฟีเรียสยืนกรานหนักแน่นมั่นคงพอ นางก็คงไม่ใจแข็งพอที่จะฝืนใจ และนั่นทำให้นางกลัว จึงต้องมาพยายามกับพระองค์แทน

ส่วนคนที่กราบทูลพระองค์มาสองครั้งแล้วว่า ‘เลือกแม่’    พระองค์ก็ทรงเชื่อเช่นกัน ว่าเขาจะตัดใจปล่อยมือจากพระองค์ไม่ได้ ไม่ใช่เหตุผลเรื่องความรัก แต่เป็นนิสัยที่ฝังรากลึกของเจ้าตัว

ฟีเรียสแพ้คนใจดี ยิ่งใจดีกับเขามาก เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำให้เจ็บปวด

และพระองค์ก็รับสั่งบอกเขาอย่าง ‘ใจดี’ ไปสองครั้งแล้วเช่นกันว่า...เลือกแม่ของเจ้าก็ได้






“กลับกันมาแล้วเพคะ” เฟย์ร้องทูลอย่างดีใจ เมื่อเห็น ‘คณะตกปลา’ ขี่ม้าเข้ามาในบ้าน

“ได้มาเยอะไหม” วอลเซนส์ถามเพื่อน

ฟีเรียสยื่นถังใส่ปลาไปให้ดู

“ตัวใหญ่ๆ สักยี่สิบน่าจะได้ ตัวเล็กๆ อีกเพียบ” โรดีอัสว่าพลางยื่นถังของตัวเองให้เพื่อนใหม่ดูด้วย

“เจ้าลงทุนไปจับในทะเลสาบเองเลยหรือ” เจ้าชายรามิเรสตรัสถามพระสหายที่เปียกไปทั้งตัว

“ตัวมันใหญ่มากจนกระหม่อมเกือบจะดึงขึ้นมาไม่ไหวต่างหากพระเจ้าค่ะ ก็เลยพลาดไปหน่อย นี่ไงพระเจ้าค่ะ ตัวใหญ่สุดนี่ของกระหม่อม”

“แล้วก็ได้แค่ตัวเดียวนั่นแหละ” โรดีอัสแฉ ทำเอาถูกคุณชายหนุ่มเขม่นเข้าหน่อยๆ แบบมองก็รู้ว่าแกล้งทำ ไม่ได้จริงจังอะไร
มิทรอสกับเรจินอาสาเอาปลาไปไว้ในครัว และขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสียเลย ส่วนฟีเรียสกับโรดีอัสนั่งสนทนากับคนอื่นๆ

“เจ้าตกได้กี่ตัว” เจ้าชายหนุ่มตรัสถามคนรัก ฟีเรียสขยับปาก ทว่าวอลเซนส์ชิงหัวเราะและกราบทูลเสียก่อน

“องครักษ์ของฝ่าบาทคนนี้ใจบุญพระเจ้าค่ะ รักษาศีลเคร่งครัด ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”

คนเพิ่งทรงทราบดูจะประหลาดพระทัย โรดีอัสจึงทูลเสริม

“กระหม่อมก็เพิ่งทราบพระเจ้าค่ะ ไปด้วยกัน แต่ไม่ช่วยตกเลยสักตัว”

“กระหม่อมว่าอีกหน่อยมันคงไปบวชเป็นนักบวชในวิหารพระเจ้าค่ะ” วอลเซนส์เสริม

“จริงหรือ”

ฟีเรียสมองพระพักตร์แล้วก็ระอา ทรงทราบอยู่ว่าเพื่อนของเขาล้อเล่น ก็ยังจะมาตรัสถามเขาอย่างนี้อีก

“พระเจ้าค่ะ” ทูลตอบหน้าตาย

“ถามข้ารึยัง”

“...”

“ว่าข้าอนุญาตไหม”

พระมารดาของพระองค์...ถ้าพระบิดาของพระองค์ไม่อนุญาต ก็ออกบวชไม่ได้

“...”

“กว่าจะบวชก็คงจะแก่ๆ ไม่ได้เป็นองครักษ์ของฝ่าบาทแล้วนั่นแหละพระเจ้าค่ะ” วอลเซนส์ว่า

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล “งั้นข้ากลับไปเปลี่ยนกฎ ให้องครักษ์ปลดเกษียณได้ตอนอายุสักร้อยปี คงจะดี”

คนไม่รู้เรื่องอะไรอย่างวอลเซนส์หัวเราะเสียงดัง

“ถึงจะฝีมือดียังไง ถ้าอายุถึงร้อยปีก็คงยกดาบไม่ขึ้นแล้วพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกไม่รับสั่งว่าอะไร เรเซียจึงใช้จังหวะนี้บอกลูกชายและเพื่อนของลูกชาย

“กินขนมกันก่อนสิจ๊ะ น้องกับแอนจิเทียอุตส่าห์ทำไว้รอ”

โรดีอัสหยิบชิ้นที่เขาเคยกินจากร้านของแอนจิเทียแล้วรู้สึกชอบ ส่วนฟีเรียสกวาดตามองขนมสามสี่จานบนโต๊ะแล้วก็หยิบชิ้นที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดขึ้นมากินหน้าตาเฉย

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลละมุน ขณะเรเซียมีแววกังวลจับดวงหน้า
 






“พี่จะกลับบ้านอีกเมื่อไรจ๊ะ”

เฟย์เอ่ยถามขณะยืนส่งพี่ชายอยู่หน้าบ้าน พูดให้ถูกกว่านั้นคือส่งเสด็จเจ้าชายหกกลับเมืองหลวง

“ต้องแล้วแต่ว่าจะได้หยุดวันไหน แล้วพี่จะเขียนจดหมายมาบอก”

“อยากให้เขากลับเมื่อไรก็เขียนจดหมายมาบอกข้าก็ได้ ถ้าไม่มีงานเร่งด่วน ข้าจะอนุญาตให้เขากลับ”

“จริงนะเพคะ”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงพยักพระพักตร์ เฟย์ยิ้มแป้น ก่อนจะสลดลงนิดเมื่อเห็นสายตาข่มขู่อยู่ในทีของพี่ชาย ว่าอย่าได้ทำอย่างนั้นเป็นอันขาด

“แต่ข้าอาจจะมาด้วย เจ้าจะให้มาได้รึเปล่า”

“ได้สิเพคะ ทำไมจะไม่ได้ เจ้าชายทรงเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา แล้วยังจะลงทุนเปิดฟาร์มวัวนมกับพี่วอลเซนส์ด้วย”

ฟีเรียสไม่รู้ว่าเจ้าชายหนุ่มไปคุยกับเพื่อนของเขาตอนไหน แต่ตอนที่วอลเซนส์พูดออกมาว่าเจ้าชายหกโปรดนมสดมากจนเขาต้องรีดนมวัวตอนดึกดื่นเพื่อให้องครักษ์นำไปถวาย และเขารู้ชัดๆ ว่า ‘คืนไหน’ เขาก็หน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที รู้เดี๋ยวนั้นเองว่าโรดีอัสกับคุณเรจินคุยอะไรกัน

เจ้าชายหกทรงหันไปทางมารดาของคนรัก

“ขอบคุณครับ ท่านน้า ที่ดูแลข้าและคนของข้าอย่างดี”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเต็มใจ เจ้าชายทรงเป็นทั้งเจ้านายของฟีเรียสและเป็นผู้มีพระคุณ” แต่หากจะเป็นมากกว่านั้น...

“ท่านมีอะไรอยากจะพูดกับข้าก่อนกลับรึเปล่า”

เจ้าชายหนุ่มทรงเปิดโอกาส แต่คนมากมายขนาดนี้ เรเซียจะพูดอะไรได้ นอกเสียจาก

“หม่อมฉันขอให้เจ้าชายทรงเมตตาฟีเรียสด้วยนะเพคะ”

“ครับ” คงจะเมตตา...ได้จนสุดพระทัย

หันไปทอดพระเนตรเห็นสีหน้าหมองๆ ของเฟย์ พระองค์ก็แย้มพระสรวล ได้โอกาสรับสั่งกับนาง แต่เป้าหมายอยู่ที่มารดาของนาง

“ไม่ต้องเศร้าใจไป อีกไม่นานเขาก็กลับมา ข้าไม่ได้คิดจะเอาพี่ชายของเจ้าไปเป็นของตัวเอง...เพียงแต่เสนอตัวมาเป็นอีกคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าเท่านั้น”

เฟย์ไม่คิดอะไร ขณะเรเซียชะงัก ส่วนฟีเรียสก็มองพระพักตร์อย่างสะดุ้งอยู่ในใจ หันไปมองหน้ามารดา แล้วก็กังวล ครั้นหันกลับมามองสบสายพระเนตรอบอุ่น ความกังวลนั้นก็บรรเทาลง




******************************************


ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #693 เมื่อ25-11-2014 18:45:48 »

ความสัมพันธ์ระหว่างฟีเรียสกับวิล องครักษ์รุ่นพี่ที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมห้องและเคยมีคดีกันมานั้นดีขึ้นมาก ฟีเรียสคุยกับวิลตามปกติ เพราะฝ่ายนั้นเข้ามาคุยกับเขาก่อน ฟีเรียสไม่ได้พูดเรื่องแหวนอีก ไม่จำเป็นต้องย้ำบ่อยๆ ว่าเขาไม่ได้ขโมย แค่เท่าที่เคยพูดกันก็เพียงพอแล้ว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาพูดกับเขาเพราะเขาเป็นคนรักของเจ้าชายรามิเรสหรือไม่ หรือว่าชักจะเริ่มเชื่อเขาแล้ว ว่าเขาไม่ได้ทำจริง แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร แค่พูดคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงานได้เหมือนเดิมก็ดีแล้ว

เพราะคิดแบบนี้ ฟีเรียสจึงไม่เคยหวังว่าวันหนึ่งอีกฝ่ายจะมาขอโทษ แล้วสารภาพว่า

“ข้าลืมไว้ในกระเป๋าเสื้อที่บ้าน แม่ข้าเป็นคนเจอ”

“เจอตั้งแต่เมื่อไรครับ”

วิลอึกอัก แล้วก็บอกเวลา ซึ่งเป็นเวลาหลังจากเกิดเรื่องประมาณหนึ่งสัปดาห์

“ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะว่าข้าละอายใจ ขอโทษจริงๆ ว่ะที่มาบอกเอาตอนนี้”

“...ไม่เป็นไรครับ” ถึงจะเสียความรู้สึก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะซ้ำเติมคนผิดที่สำนึกตัวและมาขอโทษ เพียงแต่ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่

“แล้วท่านเอาแหวนวงไหนไปหมั้นคนรัก”

“วงเดิม” มองหน้าองครักษ์รุ่นน้องแล้วก็นึกรู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะรู้จริงๆ คือเรื่องไหน แล้วก็จริงเสียด้วย เพราะเมื่อเขาไม่พูด อีกฝ่ายก็ถาม

“แล้ววงใหม่ที่เจ้าชายหกประทานให้ล่ะครับ”

“ข้าถวายคืนไปแล้ว” ไม่ใช่แหวนเพชร แต่เป็นแหวนลม

“คืนตั้งแต่เมื่อไรครับ”

“เอ่อ... ข้าจำไม่ได้” ตอนที่เขาได้รับพระบัญชาผ่านคุณลีโตมาว่าให้มาสารภาพกับฟีเรียส ผ่ายนั้นก็ไม่ได้บอกเหตุผลหรือรายละเอียดอะไรกับเขาเลย “ข้ามาบอกเจ้าแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ”

ไม่ต้องเป็นคนคิดมากก็เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมีพิรุธ ฟีเรียสตัดสินใจขอเข้าเฝ้าเจ้าชายหกเพื่อทูลถาม ถึงจะอยู่ตำหนักเดียวกับอีกฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าเขานึกอยากจะเข้าเฝ้าเมื่อไรก็ทำได้ตามใจ ต้องทำตามขั้นตอนต่างๆ เหมือนกับองครักษ์คนอื่นๆ จึงได้พบที่ห้องทรงงาน

“เขาบอกเจ้าว่ายังไง”

นี่ก็มีพิรุธอีกเหมือนกัน เขาทูลถามก็แค่ตรัสตอบมาตรงๆ ทำไมจะต้องถามกลับ

“บอกว่าจำไม่ได้พระเจ้าค่ะ”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คงจะเป็นทันทีที่เขารู้ว่าเข้าใจผิด”

“แล้วทำไมฝ่าบาทถึงไม่รับสั่งบอกกระหม่อมพระเจ้าค่ะ” ทั้งที่ทรงทราบว่าเขาเครียดเรื่องนี้มาก เขาเกลียดการถูกใส่ความทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และเรื่องนี้ก็รู้กันทั้งพระตำหนัก ยังไงก็ต้องมีคนคลางแคลงใจในความบริสุทธิ์ของเขาบ้าง

“เจ้าคิดไม่ออกหรือ ว่าทำไม”

ฟีเรียสมองสบสายพระเนตร และคิด คิดจนหัวแทบแตกแล้วก็หาคำตอบได้แค่อย่างเดียว เป็นคำตอบที่หลงตัวเองมากเสียด้วย

“ฝ่าบาทรับสั่งบอกมาเถิดพระเจ้าค่ะ”

“เพราะข้าอยากให้เจ้ามาอยู่ใกล้ๆ”

อย่า...อย่าได้ทรงคิดเชียวนะ ว่ารับสั่งแค่นี้แล้วจะทำให้เขาหายโกรธ

“ฝ่าบาทเป็นคนตรัสสั่งไม่ให้เขาบอกความจริงกับกระหม่อมใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

“นั่นก็ใช่ แต่คนอื่นๆ ก็รู้ความจริงกันหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครหลงเข้าใจผิดอยู่”

ทรงทราบว่าเขากังวลเรื่องอะไร ทว่า...อย่าได้ทรงคิดว่าเขาจะหายโมโห

“ตอนนี้ก็คงเป็นฝ่าบาทอีก ที่รับสั่งให้เขามาบอกความจริงกับกระหม่อม”

“ใช่”

“เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ ทำไมถึงโปรดให้มาบอกเอาตอนนี้”

เพราะ ‘เพลิน’ กับการเป็นฝ่ายไล่ต้อน ฟีเรียสจึงไม่ได้คาดคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า ครั้นอีกฝ่ายตรัสตอบกลับมาว่า

“เพราะข้าอยากจะรู้ว่า เมื่อเจ้ารู้ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักข้าอีกแล้ว เจ้าจะขอกลับไปอยู่ที่ตึกพักองครักษ์รึเปล่า”

เขาก็เกือบจะหาทางไปต่อไม่เจอ

ฟีเรียสนิ่งเงียบไปนาน จะไม่มีสักครั้งบ้างเลยรึไงนะ ที่เขาชนะเจ้าชายรามิเรสได้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พระองค์เป็นฝ่ายผิดแท้ๆ อันดับแรกต้องรับสั่งขอโทษเขาก่อนสิ ทำไมถึงมาลงเอยตรงนี้ได้ มันจะลัดขั้นตอนเกินไปรึเปล่า

“ถ้ากระหม่อมไม่กลับไป...” ทำไมเสียงเขามันเบาๆ ล่ะเนี่ย ฟีเรียสปรับสีหน้าให้เรียบเฉย และกราบทูลเสียงดังขึ้นในประโยคถัดไป

“คนอื่นๆ คงจะคิดว่ากระหม่อมอาศัยฐานะ...พิเศษอื่น หาอภิสิทธิ์ให้ตัวเอง”

เพื่อความดูดี ว่าไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองคนเดียว องครักษ์หนุ่มจึงแถมไปอีกประโยคหนึ่ง

“แล้วฝ่าบาทก็อาจจะทรงถูกนินทา ว่า...หลงกระหม่อมจนไม่สนพระทัยกฎระเบียบ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล สายพระเนตรเป็นประกายพราวอย่างเอ็นดูคนพยายามดิ้นรน

“เรื่องนั้นเขาคิดกันตั้งแต่สองสามวันแรกที่เจ้าเข้ามาอยู่กับข้าแล้ว” เว้นไปครู่จึงรับสั่งเสริม “ดีไม่ดีอาจจะคิดไปถึงว่าข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์ก้าวหน้ากันทุกคืน”

อะไรคือความสัมพันธ์ก้าวหน้า แน่จริงก็รับสั่งมาให้ชัดเจน...แต่คิดอีกทีก็อย่าดีกว่า

“มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาไม่ควรเข้าใจผิดๆ”

“เจ้าโกรธเพราะพวกเขาคิด หรือโกรธเพราะมันไม่จริง”

ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ทำไมตรัสถามอะไรงงๆ มันต่างกันตรงไหน เป็นเรื่องเดียวกันแท้ๆ คนระดับเจ้าชายนี่บางทีก็พูดอะไรที่คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้สินะ เอาเป็นว่ามีให้เลือกเขาก็เลือกก็แล้วกัน

“โกรธเพราะมันไม่จริงพระเจ้าค่ะ” ดูร้ายแรงกว่า เพราะถ้าทูลตอบว่าโกรธเพราะพวกเขาคิด พระองค์ก็จะทรงแย้งได้อีกว่ามันเป็นแค่ความคิด ในเมื่อไม่มีใครพูดออกมา เขาจะไปเดือดร้อนทำไม

“ถ้าข้าทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา เจ้าก็จะหายโกรธใช่ไหม”

องครักษ์หนุ่มใช้เวลาคิดไม่นานก็เข้าใจ ยิ่งมองเห็นสายพระเนตรก็ยิ่งเข้าใจได้เร็วเป็นพิเศษ ยังไม่ทันหาคำอะไรมาทูลตอบ อีกฝ่ายก็ตรัสชวน

“คืนนี้ไปดูต้นใยรักที่ห้องข้ากันไหม”

“...” ให้ตาย...

“ออกดอกเต็มต้น สวยมากนะ”

“...” เขาถูกพามาเรื่องนี้ได้ยังไง...

“นานไปมันจะโรยหมด”

“ไม่ไปพระเจ้าค่ะ”

องครักษ์หนุ่มเสียงแข็ง หน้าแดงก่ำ




****************************************




ถึงแม้ว่าเรจินจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ในเมืองหลวงมีข่าวสำคัญอะไรเขารู้หมด ข่าวที่ไม่สำคัญแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าชายหกอยู่บ้างเขาก็รู้เร็วเช่นกัน ดังนั้นเจ้าชายรามิเรสจึงทรงทราบว่าคุณชายใหญ่บ้านเสนาบดีกลาโหมรับเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาอุปการะ ก่อนที่เจ้าตัวจะกราบทูลเสียอีก

“เป็นลูกชายของผู้หญิงในหอบุปผาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจะอายุสิบสี่” มิทรอสกราบทูลอย่างไม่ปิดบัง พลางดื่มเหล้าไปด้วย พระตำหนักของเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นแหล่งสะสมบรรดาสุราและไวน์ชั้นเลิศที่สุดที่เขาเคยรู้จัก ยิ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงดื่มน้อยลงเรื่อยๆ เขายิ่งอยากจะหาเรื่องมาเข้าเฝ้าบ่อยๆ เพราะจะได้ช่วยดื่มให้หมด คนอยากงดเหล้าเอาใจคนรักจะได้ทรงดื่มแต่นมสมพระทัย

“แม่ไม่รัก คนอื่นๆ ในหอก็ใช้งานหนัก ลงโทษเสียยับไปทั้งตัว กระหม่อมเห็นแล้วสงสาร”

“เจ้ารู้จักเขาได้ยังไง”

คุณชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง หน้าขาวๆ ขึ้นสีเล็กน้อยอย่างหาดูได้ยาก

“กระหม่อมไปเที่ยวมาพระเจ้าค่ะ” เว้นไปสักอึดใจจึงค่อยทูลต่อ “บอกไปว่าอยากจะได้ผู้ชาย เด็กๆ หน่อย ผิวขาว ชอบความรุนแรง แต่ให้แกล้งทำเหมือนไม่เคยมาก่อน คนดูแลเลยส่งเขามาปรนนิบัติกระหม่อม ตอนแรกกระหม่อมก็คิดว่าเด็กมันแค่แสดงเหมือน ก็เลย...หนักไปหน่อยพระเจ้าค่ะ ตอนหลังพอเลิกต่อต้านแล้วเปลี่ยนมาร้องไห้จะเป็นจะตาย กระหม่อมก็เลยเอะใจ”
ถึงจะ...ช้าไปหน่อย เอ่อ...สายเกินไปแล้วก็ตาม

“เจ้าชอบแบบนี้หรือ”

“ฝ่าบาท” มิทรอสแทบจะโอดครวญ “อย่าทอดพระเนตรกระหม่อมอย่างนั้น นานๆ ทีกระหม่อมก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แต่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ กระหม่อมก็ไม่บังคับหรอกพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงพยักพระพักตร์ เป็นอันทรงทราบว่ารสนิยมของพระสหายห่างไกลจากของพระองค์มาก

หลังจากนั้นมา การสนทนาระหว่างเจ้าชายหกกับคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหม เก้าในสิบจะต้องมีเรื่องเด็กในอุปการะของคุณชายหนุ่มรวมอยู่ด้วย

หัวข้อก็...หวานแหววขึ้นทุกที เป็นต้นว่าเด็กผู้ชายวัยสิบสี่จะอยากได้ของขวัญวันเกิดแบบไหน...หัวข้อนี้ทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงทราบว่าที่พระสหายเคยกราบทูลว่า ‘สิบสี่’ นั้น ที่แท้แล้วคือยังไม่เต็มสิบสี่ พออุปการะได้ครบเดือน ก็มาทูลถามว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญวันครบรอบดี...ทำราวกับจะฉลองอายุครบหนึ่งเดือนของเด็กทารก หรือไม่ก็ของขวัญครบรอบแต่งงาน

ความกระตือรือร้นของมิทรอสไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเจ้าชายหนุ่มมากนัก ก็แค่...โปรดให้พ่อบ้านประจำพระตำหนักไปหาวันเกิดของฟีเรียสมา

คำตอบที่ได้คือผ่านมาแล้วสามเดือน

ส่วนวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ก็อีกแปดเดือนข้างหน้า

ถ้าอยากจะให้อะไรสักอย่าง ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษได้ไหม...แล้วจะให้อะไรดี

...สิ่งที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเหลือเกินอย่างฟีเรียสจะไม่ปฏิเสธ...




************************************




“อะไร”

เจ้าชายรามิเรสตรัสถาม เมื่อองครักษ์ใหม่ของพระองค์วางซองสีน้ำตาลซองหนึ่งไว้บนโต๊ะทรงงาน

“เงินพระเจ้าค่ะ”

คนรอคำตอบเกือบจะแย้มพระสรวลออกมาแล้ว ถ้าไม่ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าเรียบเฉยจริงจังของคนยืนตัวตรงอยู่เบื้องพระพักตร์

“กระหม่อมขอใช้หนี้งวดแรกพระเจ้าค่ะ เดือนที่แล้วเป็นเงินเดือนเดือนแรก กระหม่อมจึงให้แม่ทั้งหมดพระเจ้าค่ะ แต่ตั้งแต่เดือนนี้ไป กระหม่อมจะผ่อนใช้คืนเป็นจำนวนเท่านี้ทุกเดือน” หยุดคิดนิดหนึ่งจึงเสริม “บางเดือนอาจจะมากกว่านี้ แต่จะไม่น้อยไปกว่านี้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงหยิบซองมา

“กระหม่อมเขียนจำนวนไว้บนซองด้วยพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มพลิกซองเพื่อทอดพระเนตร ไม่ได้มีพระดำริที่จะหยิบเงินในซองออกมาดูเลยเพราะคิดว่าการไม่นับดูหมายถึงความเชื่อใจ ทว่าเมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังรอคอยอย่างจริงจังของคนรัก จึงได้ทรงดึงเงินออกมานับ

การนับเงินไม่ใช่เรื่องถนัดของเจ้าชายหกแห่งไมซีนเลย พระองค์แทบจะไม่ทรงจับเงินเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่ทอดพระเนตรเห็นทุกเดือน ก็คือตัวเลขในสมุดบัญชีประมาณยี่สิบเล่ม และตัวเลขแต่ละแถวในสมุดก็ไม่ได้เล็กน้อยอย่างนี้

“ครบไหมพระเจ้าค่ะ” คนทูลถามทำหน้าเหมือนลุ้นสลากรางวัลใหญ่

“อืม ครบ” เจ้าชายหกแย้มพระสรวลละมุน

“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมทูลลาพระเจ้าค่ะ” ตั้งแต่เดินเข้ามา องครักษ์หนุ่มเพิ่งทำสีหน้าผ่อนคลายให้เห็น เจ้าของห้องไม่ทรงปรารถนาจะทำให้เขากลับไปเคร่งเครียดเหมือนเดิม แต่ก็อยากจะรับสั่งบอกอยู่ดี

“ฟีเรียส” พระสุรเสียงค่อนข้างระมัดระวัง

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าอาจจะตั้งใจไว้อย่างหนึ่ง แต่ว่าไม่ต้องถึงกับตั้งกฎเกณฑ์ให้ตัวเองอย่างเคร่งครัดมากเกินไปก็ได้ เผื่อบางเดือนมีรายจ่ายจำเป็นเพิ่มขึ้นมา เจ้าก็อาจจะคืนข้าน้อยหน่อย และไม่ต้องคอยอธิบายกับข้าทุกครั้ง ว่าทำไมจำนวนเงินถึงไม่เท่าเดิม”

เวลาพูดเรื่องเงินกับฟีเรียส พระองค์ทรงกลัวอยู่อย่างเดียว คือกลัวว่าเขาจะคิดว่าพระองค์ทรงดูถูก

“...พระเจ้าค่ะ”

ไอ้พระเจ้าค่ะของเขานี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ บางทีพระองค์ก็ทรงเดาความรู้สึกจากสีหน้าของเขาไม่ได้

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายหนุ่มทรงรอฟัง

“ทรงมีงานมาก เรื่องหนี้ของกระหม่อม จะโปรดให้กระหม่อมนำไปให้กับคุณธอมัส คุณเรจิน หรือคนอื่นที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยแทนก็ได้พระเจ้าค่ะ”

อา...นี่เป็น...ประเด็นใหม่สินะ เอาเป็นว่าพระองค์จะไม่ทรงแย้ง จะได้ไม่ต้องเถียงกัน

“อืม”

อืม...แค่นี้ ไม่มีการรับสั่งบอกว่าจะให้เขาเอาไปจ่ายกับใคร แปลว่าอะไร หรือว่าจะทรงคิดดูก่อน ที่จริงไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้เวลาคิดนานเลยแท้ๆ แต่ก็ช่างเถอะ ฟีเรียสขยับปากจะทูลลาอีกหน

“กินกลางวันด้วยกันก่อนนะ”

องครักษ์หนุ่มอึกอัก เขารู้ว่าทุกคนในพระตำหนักรู้แล้วว่าเขากับเจ้าชายหกเป็นคนรักกัน แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากทำอะไรที่ดูแปลกแยก แตกต่างจากองครักษ์คนอื่นๆ อยู่ดี

“...กระหม่อมคิดว่าจะไปกินที่โรงครัวพระเจ้าค่ะ” ทูลไปแล้วก็กังวล ทว่าเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงทำให้เขาลำบากใจเลย

“อย่างนั้นก็ตอนเย็น หนึ่งทุ่มที่ห้องเล็ก”

“พระเจ้าค่ะ”

ถ้าเป็นตอนเย็นเขาไม่มีปัญหา






ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่ฟีเรียสอยู่ในห้อง กำลังนั่งอ่านหนังสือที่เขาหยิบมาจากห้องหนังสือของเจ้าชายหกอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

“ครับ” ถ้าไม่ใช่คุณธอมัส หรือคุณเรจิน ก็คงจะเป็นมหาดเล็กคนใดคนหนึ่ง

องครักษ์หนุ่มใช้ที่คั่นหนังสือคั่นหน้าเอาไว้ วางลงบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วเดินไปเปิดประตู

“ฝ่าบาท”

“ขอเข้าไปได้ไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

เจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้าง เบี่ยงตัวให้เจ้าของพระตำหนักเข้ามาได้สะดวก ก่อนจะปิดประตู

“ลงกลอนด้วย”   

ชักจะ...น่าสงสัยเกินไปแล้ว แล้วหัวใจของเขานี่มันอะไร ทำไมต้องเต้นผิดปกติด้วย

ฟีเรียสลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะทำตามรับสั่ง คิดว่าบางทีเจ้าชายหกอาจจะรับสั่งอะไรที่เป็นความลับกับเขาก็เป็นได้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่งที่ทรงถือมา

เพราะเคยถูกติเรื่องมารยาทที่เคร่งครัดเกินไปมาก่อน องครักษ์หนุ่มจึงเดินมานั่งลงตรงข้ามกับคนที่ประทับอยู่ก่อน โดยไม่พูดขอประทานพระอนุญาต และไม่ได้ค้อมศีรษะถวายความเคารพก่อนนั่งอย่างที่ควรจะทำ

...เวลาเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง ข้าก็ไม่ใช่เจ้าชาย ส่วนเจ้าก็ไม่ใช่องครักษ์แล้ว...

ถึงจะเคยรับสั่งอย่างนั้น แต่พอมีพระประสงค์จะให้เขาทำอะไรตามพระทัยเมื่อไร ก็ทรงใช้สิทธิ์ของ ‘เจ้าชาย’ เสียทุกที

“ข้าให้”

คนเข้าเรื่องได้รวดเร็วทรงเลื่อนกล่องไม้เนื้อดีประทานให้ ฟีเรียสมองพระพักตร์อย่างสงสัย แล้วก็รับมา มันเป็นกล่องที่ใช้วิธีเลื่อนเปิดเหมือนลิ้นชัก ข้างในบุผ้ากำมะหยี่สีขาว ตรงกลางที่ลึกลงไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่ ข้างๆ กันเป็นที่ใส่ปากกาสีเงินด้ามสวย...ดูมีราคาแพง

ฟีเรียสมองพระพักตร์อีกรอบหนึ่ง ครั้นอีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์ให้ เขาจึงหยิบสมุดออกมาดู

เป็นสมุดเล่มขนาดเท่าฝ่ามือของเขา ปกแข็ง หุ้มด้วยผ้าสีม่วงสวยและลื่นมือ ตรงกลางฝังสัญลักษณ์สีเงินที่เกิดจากการเอาตัวอักษร ร. และ ฟ. มาผสมกันอย่างสวยงาม เมื่อเปิดหน้าแรก ดอกไม้ดอกหนึ่งก็ร่วงลงมา

เป็นดอกใยรักสีฟ้าที่สวยและสมบูรณ์มาก กลีบดอกที่ถูกทับจนเรียบดูเป็นรูปหัวใจอย่างชัดเจน

บนหัวกระดาษหน้าแรกที่อยู่ขวามือมีอักษร รฟ. ดุนนูนขึ้นมา ถัดลงมามีการลงบันทึกเอาไว้แล้ว บรรทัดแรกเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่เขาติดค้าง บรรทัดต่อมาเป็นวันที่ จำนวนเงินงวดแรกที่เขาใช้คืน และมีพระนามาภิไธยของเจ้าชายรามิเรสกำกับ

“เอาไว้จดบันทึก เวลาเจ้าเอาเงินมาให้ข้าก็เอาสมุดเล่มนี้มาด้วย เขียนวันที่กับจำนวนเงินมาได้เลย ข้านับดูว่าครบแล้วจะเซ็นชื่อไว้ให้เป็นหลักฐาน แบบนี้เจ้าจะได้ไม่ลืม” แย้มพระสรวลนิดหนึ่งจึงรับสั่งต่อ “ข้าจะได้โกงเจ้าไม่ได้ด้วย”

องครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตร เขาพอจะรู้ว่าหนี้สินของเขาเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยมากสำหรับคนที่รวยมากอย่างเจ้าชายรามิเรส คนอย่างพระองค์คงไม่เห็นว่าเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องสำคัญ

เพราะอย่างนั้น พอพระองค์ให้ของอย่างนี้กับเขา รับสั่งแบบนี้กับเขา เขาก็เลย...

“ของข้าก็มีเหมือนกันเล่มหนึ่ง จะได้จดเอาไว้ดูว่าเจ้ายังติดหนี้ข้าอีกเท่าไร แต่ของข้าเป็นสีเขียว เพราะข้าเกิดวันพุธ”
ฟีเรียสพูดอะไรไม่ออก คนประทับตรงข้ามจึงตรัสถาม

“ชอบไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

“ชอบอะไร ชอบสมุด หรือว่า...ชอบข้า”

ให้ตายสิเจ้าชายพระองค์นี้ เขากำลังตื้นตัน อยากจะขอบพระทัยสักประโยค แต่พอเจอรับสั่งถามอย่างนี้เข้าทำเอาอารมณ์เขาเปลี่ยนทันที

“ก็...”

องครักษ์หนุ่มเว้นวรรคนาน เจ้าชายหกจึงทรงเลิกพระขนงขึ้นนิดๆ เป็นเชิงเร่ง

“ก็ทั้งสองอย่างพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนบอกพระองค์เองว่า พระองค์โปรดสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่ายเหลือเกิน ดูอิหลักอิเหลื่อ ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง เขินอาย แต่พยายามจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไร จะว่าไป ก่อนจะได้เป็นคนรักกัน ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่ทำอะไรก็จริงจังไปเสียทุกเรื่องจะทำหน้าแบบนี้เป็น

“เล่มของข้า เจ้าต้องเป็นคนเซ็นชื่อเวลาคืนเงิน แต่ว่าข้าไม่ได้เอาลงมาด้วย เจ้าจะไปเซ็นเลยไหม”

“แล้วแต่จะโปรดพระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็ไปที่ห้องข้าเลย เจ้าจะได้เห็นใยรักด้วย มันร่วงเกือบจะหมดต้นแล้ว”

“...”

“อ้าว ไม่ลุกหรือ”

“กระหม่อมคิดว่า เอาไว้วันหลังก็ได้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล แล้วก็ประทับลงดังเดิม

หนึ่งเจ้าชายกับหนึ่งองครักษ์สนทนากันด้วยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าคนรักอยู่ในอารมณ์ที่ดี เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธก็ทรงเท้าความหลัง

“ข้าอยากถามอะไรเจ้าสักอย่าง”

ฟีเรียสตั้งใจฟัง เมื่อเห็นว่าสีพระพักตร์ของอีกฝ่ายดูจริงจังขึ้น

“คืนนั้น ที่บ้านท่านทีมัส” ทรงหมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์ “ข้าทำให้เจ้าเจ็บมากไหม”

คนถูกถามลำบากใจขึ้นมาทันที เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องคืนนั้นนัก แต่เมื่อเห็นพระพักตร์ที่ดูกังวลระคนห่วงใย เขาก็ทูลตอบไปตามตรง

“กระหม่อมไม่สบายอยู่สามวัน”

เจ้าชายหกดูจะทรงรู้สึกผิดมาก

“ฟีเรียส”

“พระเจ้าค่ะ”


“...”


“...”
.
.
.
.
.

“คืนนี้ ข้าขอแก้ตัวเรื่องคืนนั้นได้ไหม”




*******************************************




มีคนถามเรื่องรวมเรื่องสั้นมา หาไม่เจอเหมือนกันค่ะ แม้จะใช้ google หาแล้วก็ตาม
แต่ไม่ได้ลบนะคะ ไม่รู้หายไปไหน

ถ้าสะดวกอ่านเป็น e-book ก็แนะนำให้โหลดมาเก็บไว้นะคะ
โหลดฟรี ตาม link นี้เลยค่ะ

http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=16564

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #694 เมื่อ25-11-2014 19:09:07 »

อ๊ายยยยย มาให้ลุ้นแล้วจากหลายครั้งแล้วน้า :ling1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #695 เมื่อ25-11-2014 19:28:11 »

กรี๊ดกร๊าด ตอนนี้มันก๊าวใจมากอ่ะ บอกเลย 55
เจ้าชายหกฉลาดอ่ะ เป็นคนมองอะไรทะลุปรุโปร่ง ฟีเรียสก็น่ารักนะ ดูทันกันอยู่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ ชอบเรื่องนี้มาก(ก.ไก่ล้านตัว) :L1:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #696 เมื่อ25-11-2014 19:38:17 »

ค้างสุดๆ  :hao7:

ออฟไลน์ Pine_apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #697 เมื่อ25-11-2014 19:48:26 »

 กรี๊ดดด รามิเรสสสส เจ้าช่างร้ายกาจจจ   :m4:

จะว่าไปสมัยนั้นมีกฏหมายคุ้นครองผู้เยาว์รึยัง  :m29: แต่ว่าแหม จะกินทีเล่นคราวลูกเลยนะตัวเอง  :m12:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #698 เมื่อ25-11-2014 20:11:13 »

ค้างงงงงงงงงงงงงงง :z3:

เรารอให้เจ้าชายทรงแก้ตัวมาตลอดเลย

ยอมเหอะนะ ฟีเรียส

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #699 เมื่อ25-11-2014 20:14:00 »

เลาเขินสมุดดดดดด รฟ. รามิเรส+ฟีเรียส ฮืออออ น่าร้ากกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
« ตอบ #699 เมื่อ: 25-11-2014 20:14:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #700 เมื่อ25-11-2014 20:21:40 »

 :hao6: อ้ากกก คำถามที่รอคอย เข้ามารอฟีงคำตอบของฟีเรียสด้วยคนคร่า
และให้กำลังใจองค์ชายรามิเรสด้วย คำตอบคือ เยสใช่มั้ย ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #701 เมื่อ25-11-2014 20:22:08 »

ประโยคสุดท้ายนั้นมันอะไรกันคะ
ฟีเรียส ตอบรับซะะะะ!!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #702 เมื่อ25-11-2014 20:40:52 »

เห็นอย่างนี้ก็อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #703 เมื่อ25-11-2014 21:07:17 »

 :katai1:

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #704 เมื่อ25-11-2014 21:11:22 »

เจ้าชายยยยยย หลอกเด็กอะ หลอกล่อด้วยต้นใยรัก นับถือในความอดทนความพยายามและความอบอุ่นของเจ้าชายจริงๆ  อ่านแล้วยิ้มแก้มแตกเลย ฟีเรียสยอมเขาไปเถอะ คนอ่านเขินแทน ม้วนตัวเป็นเกลียว+ลุ้นจนตัวโก่งงงงงแล้ว

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #705 เมื่อ25-11-2014 21:34:55 »

ตัดจบแบบนี้ค้างนะคะ  :katai1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #706 เมื่อ25-11-2014 21:59:45 »

กรี๊ดดดด ท่านชายร้ายกาจนะคะ
วางแผนมาตลอดอ่ะ
ทั้งกับครอบครัวฟีเรียส กับรายละเอียดอื่นๆ
นี่ถ้าไม่รักฟิเรียสเป็นบ้าเป็นหลัง พระองค์น่ากลัวมากนะคะ

ร้ายที่สุดคือชวนไปดูต้นใยรัก
เอาจนได้ ฟีเรียสคงหมดหนทางเลี่ยงแล้วซินะ
ลุ้นฉากเข้าหอค่ะ เอร้ยยย :-[

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #707 เมื่อ25-11-2014 22:08:04 »

รามิเรสช่างร้ายยยยยยยยนัก //หมั่นเขี้ยว

 :ruready

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #708 เมื่อ25-11-2014 22:16:16 »

ว้ายย มีคนรู้สุกเหมือนกันเลย จะใช้คำว่า "ก๊าวใจ" ไปแต่โดนใช้ก่อน องค์ชายนี่เอะอะๆหลอกเข้าห้องอยู่เรื่อย
 :-[ บร้าๆๆ เขิลอ่ะ เขาชอบนิยายที่มีฉากเลิฟซีเเบบเลิฟซีนจริงๆไม่ใช่เซ็กซ์ซีนอ่ะ กว่าจะปูทางมาถึงจุดนี้ได้คนอ่านต้องยิ้มขวยอายจิกหมอนก่อนสิ คึคึ  :jul1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #709 เมื่อ25-11-2014 22:22:15 »

กรี้ดดดดด!! มีขอแก้ตัว 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
« ตอบ #709 เมื่อ: 25-11-2014 22:22:15 »





ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #710 เมื่อ25-11-2014 22:49:08 »

ตายแล้วววพระองค์ ..... เจ้าชายมีขอแก้ตัวกันแบบมึนๆ งี้เลยนะ  :mew1:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #711 เมื่อ25-11-2014 22:55:10 »

ตะกุยหมอน  ตะกายผนัง 

กรี๊ดดดดดดด~  องค์ชายยยยยยๆๆๆ   :katai1: 


ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #712 เมื่อ26-11-2014 00:05:30 »

ทำไมเจ้าชายร้ายจัง แต่ก็น่ารักชะมัด คือเป็นคนฉลาดมาก ไม่งั้นจะสมเป็นเจ้าชายเหรอ อีกอย่างคือใจดีมากด้วย
ท่านรู้จักฟีเรียสดีมากจริงๆ รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งอ่ะ ฟีเรียสน่ารักกกก โดยเฉพาะเวลาเขิน

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #713 เมื่อ26-11-2014 00:41:02 »

ค้างคามาหลายตอนแล้ววว วิดไปวิดมา
สักทีเถอะน้าาา คนอ่านจะขาดใจตาย
กราบบบบบบบบบ :ling1: :ling2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #714 เมื่อ26-11-2014 00:47:11 »

อุต๊ะ !!!

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #715 เมื่อ26-11-2014 08:40:15 »

ตอน 29.1 หาย เนื้อเรื่องกระโดด
คืนนั้นหายไป !!!


คู่นี้น่ารักมากคะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #716 เมื่อ26-11-2014 09:24:05 »

อ่านตอนนี้แล้วแรก ๆ ก็เขิน  เจ้าชายชวนฟีเรียสไปดูต้นใยรัก  อิ๊ อ๊ะ น่าดู
แต่ฟีเรียสไม่ไป 55555  หลัง ๆ มาก็เปลี่ยนเป็นขำที่เจ้าชายพยายามชวนฟีเรียสไปเข้าห้องตลอด
ฟีเรียสนี่ใจแข็งจริง ๆ จะรอดูซิว่าตอนหน้า ฟีเรียสจะยอมเจ้าชายหรือเปล่า
เจ้าชายไม่อ้อมค้อมแล้วนะ  อยากทำใหม่ให้ประทับใจกว่าครั้งแรก
... แบบบ้าน ๆ ก็คงเรียกว่า ... นี่ ๆ ๆ ชั้นขอซั่มเธอหน่อยนะ .... 55555

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #717 เมื่อ27-11-2014 12:17:05 »

อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากค่าาาา อ่านไปยิ้มไปตลอดเลยยย เช้าจายน่ารักมากกก55555

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
«ตอบ #718 เมื่อ29-11-2014 23:17:30 »

อ๊าก...องค์ชาย
ฆ่ากันเลย พูดแบบนี้ฆ่ากันเลยเถอะ
/บิดตัวเป็นเกลียว

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
«ตอบ #719 เมื่อ03-12-2014 15:54:24 »

บทที่ ๓๑


องครักษ์คนใหม่ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนคิดว่า...เมื่อกี้นี้เขาอาจจะหูฝาด

แต่หัวใจของเขากำลังเต้นแรงเป็นบ้า

ห้องเงียบเสียจนเขาได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลาย และคาดว่าคนที่ประทับตรงข้ามก็น่าจะทรงได้ยินด้วย

มองตากันอยู่สักพัก เจ้าชายรามิเรสก็แย้มพระสรวลเขินๆ

“เจ้าอย่ามองข้าอย่างนั้นสิ ข้าเขิน”

อย่าแย่งคำพูดของเขาไปได้ไหม แล้วทีนี้เขาจะพูดอะไร

องครักษ์หนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

“กระหม่อม...ไม่พร้อม” เห็นสีพระพักตร์คล้ายผิดหวังแต่ก็เข้าใจของอีกฝ่าย เขาก็รีบทูลอธิบาย “คือมัน...อาจจะไม่ง่ายพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่ได้เตรียมตัว แล้วก็ควรจะมี เอ่อ...อะไรที่ช่วยหล่อลื่นด้วย” ประโยคสุดท้ายกราบทูลเร็วปรื๋อ

ฟีเรียสพยายามเกร็งหน้าจนเมื่อย ครั้นรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ จึงยอมปล่อยสีหน้าเขินๆ ระคนตื่นเต้นให้อีกฝ่ายทอดพระเนตรตามสบาย ส่วนเขาก็เสหลบสายพระเนตรไปทางอื่น ก่อนจะหันขวับเมื่อได้ยินเจ้าชายหกแห่งไมซีนรับสั่ง

“...ข้าเตรียมมา”

ของที่เจ้าชายหนุ่มทรงล้วงออกมาจากกระเป๋าเป็นขวดบรรจุของเหลวสีใสขนาดไม่ใหญ่นักขวดหนึ่ง กับตลับสีเงินที่มีลักษณะคุ้นๆ ตาอีกตลับหนึ่ง เหมือนจะคล้ายๆ กับตลับยาที่พระองค์ทรงเอาไป ‘ฝาก’ เขาถึงห้องพักที่โรงเรียนองครักษ์

“นี่คงจะช่วยหล่อลื่นได้ ส่วนนี่ก็...เผื่อๆ เอาไว้ แต่ข้าจะพยายามระวัง ไม่ทำให้เจ้าได้แผล”

คนฟังถึงกับพูดไม่ออก

มีพร้อมขนาดนี้ พูดสิ ว่าแค่เอาสมุดบันทึกมาให้เขาเฉยๆ ที่ว่า ‘ขอแก้ตัว’ นั่นเพราะอารมณ์พาไป ไม่ได้วางแผนมาก่อน

แน่จริงพูดออกมาเลย

“ธามบอกว่าแบบน้ำจะทำให้ไม่แห้งระหว่างทำ จะทำนานๆ ก็ได้”

ฟีเรียสเบิกตากว้าง นี่ไปถามคุณธามมาด้วย! คงไม่ใช่ว่าเจ้าชายเฮเดสก็ทรงทราบเรื่องนี้ด้วยหรอกนะ

“แต่ถ้าเจ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ข้าก็คงจะแค่...เสียใจนิดเดียว”

พอเถอะ!

“ไปที่เตียงกันเลยไหมพระเจ้าค่ะ”







การแก้ตัวของเจ้าชายหกเริ่มจากจูบนุ่มๆ ช้าๆ ช้ามากๆ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก จูบกันอยู่สักพักก็ตามด้วยการสัมผัสไปทั่วตัวของอีกฝ่าย ครั้นรู้สึกว่าเสื้อผ้าช่างเกะกะ จึงทรงปลดกระดุมเสื้อขององครักษ์หนุ่มออก ฟีเรียสลังเลอยู่สักพักก็ยื่นมือไปทำอย่างเดียวกันถวายบ้าง

แย่ล่ะ...มือเขาสั่น

องครักษ์หนุ่มถอดเสื้อออกแล้ว แต่เขาเพิ่งปลดกระดุมฉลองพระองค์ไปได้เม็ดเดียว...กระดุมเสื้อของเจ้าชายนี่ต้องแน่นกว่ากระดุมเสื้อนอนของเขาแน่ๆ

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลนิดๆ แล้วก็ทรงปลดที่เหลือออกเอง

เมื่ออีกฝ่ายทรงเปลือยครึ่งบนเสมอกันกับเขา ฟีเรียสก็มองพระวรกายเปลือยขาวสะอาดอย่างรวดเร็ว สายตาแลไปเอง เขาห้ามไม่ทัน เพราะฉะนั้นจึงหน้าร้อนวาบ เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายทอดพระเนตรมองเขาอยู่

เจ้าชายรามิเรสไม่ทรงปล่อยให้คนรักมีเวลาเขินนาน พระองค์ทรงจูบเขาอีกและสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวแน่นๆ ของเขาด้วย ฟีเรียสจึงสัมผัสพระองค์บ้าง และถึงแม้ว่าจะเคลิ้มไปกับจูบ แต่ก็รู้ว่าแผ่นหลังสัมผัสเตียงตอนไหน

แค่จูบกันอย่างเดียว อารมณ์ก็พุ่งทะยานไปถึงไหนต่อไหน

ต่างฝ่ายต่างถอนจูบและมองตากัน องครักษ์หนุ่มอยากจะหลับตา แต่ก็ไม่อยากจะหลับ

ลมหายใจกระชั้นและร้อนผ่าวขึ้นทุกที

“ข้า...ตื่นเต้นมาก”

ให้ตาย ประโยคนั้น เขาต่างหากที่อยากจะพูด

แต่ก็รู้สึกดีขึ้นอีกมากจริงๆ...เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นเหมือนกัน

หลังจากทำความรู้จักร่างกายของกันและกันไปสักพัก เจ้าชายรามิเรสได้ทรงทราบว่า หัวนมของผู้ชายก็กระตุ้นความรู้สึกได้เหมือนกับของผู้หญิง และคนรักของพระองค์ก็ดูจะอ่อนไหวกับส่วนนี้เอามากๆ พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้าชิ้นล่างออก ทั้งของฟีเรียสและของพระองค์เอง

ถึงตอนนี้ ฟีเรียสมีรอยกังวลขึ้นมาในแววตาแล้ว และพระองค์ก็ทรงทราบว่าเขากังวลเรื่องอะไร

องครักษ์หนุ่มเบิกตากว้าง เมื่อคนรักที่ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะเอื้อมมือคว้ามาได้ทรงเลื่อนองค์ลงเพื่อใช้ปากกับส่วนนั้นของเขา

“ฝ่าบาท!”

ฟีเรียสเลื่อนตัวขึ้นหนี ทว่าอีกฝ่ายทรงยึดสะโพกของเขาเอาไว้ แยกขาของเขาออกจากกันกว้างๆ แตะพระชิวหาลงบนส่วนที่พระองค์ก็ทรงมีเหมือนๆ กันกับเขา

หัวใจขององครักษ์หนุ่มเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก

“บอกข้าด้วย ถ้าข้าทำไม่ดี...ข้าไม่เคย...”

จะให้บอกอะไร บอกยังไง ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคย ไม่เคยคิดว่าจะได้รับอะไรแบบนี้จากเจ้าชายหกแห่งไมซีนมาก่อน

เขาเคยคิด ไม่ใช่ไม่เคย ถึงจะไม่เคยคลางแคลงใจในคำว่า ‘ชอบ’ ของพระองค์ แต่เขาก็คิดว่าคำนั้นของพระองค์หมายถึงในแง่ของความรู้สึกเท่านั้น ไม่รวมถึงความสัมพันธ์ทางด้านร่างกาย ถึงจะเคยจูบกันหลายครั้ง และพระองค์ก็ทรงทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งพระองค์ยังทรงชวนเขา ‘เข้าห้อง’ อยู่บ่อยๆแต่ซอกหนึ่งในหัวใจของเขายังคิดอยู่เสมอ ว่าอาจจะไปกันไม่ได้ไกลกว่านั้น เขาจึงเผื่อใจเอาไว้เจ็บ

ความรู้สึกอับอายยิ่งกว่าถูกตบหน้า ตอนที่เขาแก้ผ้าต่อหน้าแล้วพระองครับสั่งว่าไม่มีอารมณ์ยังฝังใจ

แต่ตอนนี้...

“...อึก...ฮึก...ฝ่าบาท...”

ไม่เคยจินตนาการถึงตอนที่ต้องมานอนครางกระเส่าเพราะปากของคนรักผู้สูงศักดิ์แบบนี้เลย







พระเชษฐาพระองค์โตทรงแนะนำว่า ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังเคลิ้ม ก็ให้เตรียมช่องทางของเขาให้พร้อมที่จะรองรับพระองค์ด้วย ทว่าพอทอดพระเนตรเห็นสีหน้าแบบมีอารมณ์เต็มเปี่ยมของฟีเรียส พระองค์ก็อยากจะให้เขาไปถึงฝั่งโดยไม่ต้องทนกับความเจ็บปวด จึงปรนเปรอให้จนกระทั่งเขาบรรลุถึงห้วงสูงสุดของอารมณ์

องครักษ์หนุ่มหอบหายใจจนอกสะท้อน เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหยาดหยดอารมณ์ของตัวเองเปื้อนพระโอษฐ์ อาจจะเพราะทรงเบี่ยงพระพักตร์หลบไม่ทันหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาก็ตกใจ รีบลุกขึ้นคว้าผ้าใกล้มือไปเช็ดถวาย

ก่อนจะพบว่ามันเป็นกางเกงของเขาเอง

ฟีเรียสหน้าแดงแจ๋

“ข...ขอประทานอภัย”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล ไม่ทรงคาดคิดมาก่อนว่าตอนที่กำลังมีอารมณ์เต็มเปี่ยม ทรมานจนปวดหนึบอยู่อย่างนี้จะยังสามารถหัวเราะได้

ฟีเรียสเปิดปากรับจูบของคนรัก เจ้าชายหกทรงจูบเขานุ่มๆ เพื่อให้เขาที่ยังหายใจไม่ปกตินักปรับตัวได้

หลังจากแผ่นหลังของเขาติดเตียงอีกครั้ง ก็เป็นคราวของพระองค์ องครักษ์หนุ่มคิดว่าเขาจะทำอย่างเดียวกันถวายบ้าง ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็อยากจะตอบแทน ทว่าดูท่าแล้ว อีกฝ่ายคงจะมีเป้าหมายที่การเข้ามาในตัวเขามากกว่า

ฟีเรียสให้ความร่วมมือแต่โดยดี พระโอษฐ์ที่ขบเม้มไปตามซอกคอและแผ่นอกของเขา กับพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งที่บดคลึงยอดอกข้างหนึ่งของเขาช่วยได้มาก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะลืมเจ็บ ตอนที่นิ้วพระหัตถ์เปียกชุ่มของเหลวพยายามจะแทรกเข้ามาในตัว

องครักษ์หนุ่มอ้าขากว้างขึ้นอีก แม้วูบหนึ่งจะอายที่ต้องทำท่าเหมือนกับผู้หญิงก็ตาม ถึงยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งอยู่ข้างล่าง จะให้เขาอยู่ข้างบนแล้วเจ้าชายหกอยู่ข้างล่าง เขาก็คิดว่าคงจะทำไม่ได้

“เจ็บไหม”

พระสุรเสียงแหบพร่าไปแล้ว ดวงพระเนตรก็เข้มลึกขึ้นอย่างมีอารมณ์ แต่พระพักตร์ยังมีรอยอาทรเฉกคนใจดีอยู่เหมือนเดิม

ฟีเรียสกลั้นใจส่ายหน้า ทั้งที่ตัวเปียกเหงื่อจนชุ่ม

“เข้ามาเลย...ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

ถึงจะกราบทูลอย่างนั้นแล้ว แต่เจ้าชายรามิเรสก็ยังทรงใช้ของเหลวใสกับนิ้วพระหัตถ์ช่วยขยายช่องทางของเขาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับองค์ ถูไถความต้องการของพระองค์เข้ากับตรงนั้น

องครักษ์หนุ่มเผลอเกร็งสะโพก แล้วก็พยายามจะผ่อนคลายให้มากที่สุด กว่าส่วนปลายจะเข้ามาได้ ทั้งคนที่พยายามจะเข้า และคนที่พยายามจะให้เข้าก็หอบสะท้าน

เจ้าชายรามิเรสทรงสะกดกลั้นพระอารมณ์ ยังไม่ทันจะได้สอดแทรกล้ำลึก ฟีเรียสก็บีบรัดพระองค์จนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้อีก
เจ้าชายหนุ่มทรงโน้มพระองค์ลงจูบ อารมณ์อันหลากล้นทำให้เรียวลิ้นดูดดึงกันอย่างดูดดื่ม แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนไม่ทรงลืมว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพระองค์อยู่ตรงไหน ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าเว้าวอนอย่างไม่รู้ตัวของคนรักแล้วก็ทรงเสือกพระวรกายที่แข็งชันจนแทบจะเป็นหินเข้าไปอีก

“พอไหวรึเปล่า”

โชคดีไปที่ฟีเรียสพยักหน้า เพราะถ้าเขาส่ายหน้า ก็ไม่มั่นพระทัยเลยว่าจะทรงยอมถอนออกมา

ขยับออกตื้นๆ ขยับเข้าลึกๆ ทำแบบนี้อยู่ไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะสอดแทรกเข้าไปได้หมด ก็รู้สึกว่าใช้เวลานานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ฟีเรียสไม่ได้ครางออกมาดังๆ เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะด้วยความเจ็บปวดหรือความเสียวกระสัน คนเจ้าทิฐิไม่ค่อยแสดงออกก็ไม่แปลก ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะแค่เสียงสะอื้นสั้นๆ กับสีหน้าเร้าอารมณ์นั่นก็ทำให้พระองค์เกือบจะลืมตัวอยู่หลายหน

“ข้า...ขยับได้ไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า อารมณ์ปั่นป่วน สะโพกเครียดครัดสั่นระริก

“เจ้าเจ็บรึเปล่า”

“อึดอัด...มากกว่าพระเจ้าค่ะ ทรง...ขยับเถอะ”

ความเจ็บเริ่มมาอีกครั้งตอนพระองค์ทรงขยับนั่นแหละ แต่คราวนี้พระองค์ไม่ได้ถาม และเขาก็ไม่กราบทูลแน่ๆ ว่าเจ็บ...แต่ทนไหว

ขอแค่รู้ว่าคนที่อยู่ในตัวของเขาคือเจ้าชายรามิเรส

แต่ละครั้งที่ทรงขยับ สีพระพักตร์ของพระองค์เร้าอารมณ์เขามาก เขาเสียวซ่าน แต่ก็เจ็บจนต้องระบายออกด้วยการขยุ้มดึงผ้าปูที่นอนจนแทบขาด เจ้าชายรามิเรสทรงจับแขนเขาไปคล้องพระศอเอาไว้ และแผ่นหลังของพระองค์ก็กลายเป็นที่ระบายความเจ็บของเขาแทน

จังหวะของเจ้าชายหนุ่มไม่เร็ว แต่หนักหน่วง โถมเข้ามาแต่ละที อารมณ์หวามลึกรุนแรงก็พลุ่งพล่านจนต้องขยับสะโพกตอบรับ
ฟีเรียสยื่นมือไปจับส่วนนั้นของตัวเอง ทั้งที่กลัวอยู่ว่าพออีกฝ่ายทอดพระเนตรเห็นแล้วจะหมดอารมณ์ แต่กลับแปลกใจเมื่อพระองค์ทรงกุมพระหัตถ์ทับมือของเขา และขยับขึ้นลงไปพร้อมๆ กัน

องครักษ์หนุ่มไม่คิดอะไรอีกแล้ว เขายื่นหน้าเข้าไปจูบพระองค์ก่อน เจ้าชายรามิเรสทรงจูบตอบ

อารมณ์เตลิดเพริด ความสุขสมระคนรวดร้าวแล่นริ้ว ชั่วขณะที่มองตากัน ต่างก็เห็นความเสน่หาชวนพร่าผลาญใจในดวงตาของอีกฝ่าย เจ้าชายรามิเรสทรงทะยานลึก   

ดำดิ่ง สู่ห้วงอารมณ์อันลึกล้ำ







เจ้าชายหกแห่งไมซีนไม่ได้ทรงหลั่งใน และฟีเรียสก็โล่งใจที่เป็นอย่างนั้น เมื่อพายุอารมณ์สงบลง พื้นที่รอบด้านก็แลดูเละเทะ คนที่เหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิมาตัวเปียกชุ่ม ต่างฝ่ายต่างนอนหอบหายใจเบาๆ อย่างอิ่มใจ

เจ้าชายรามิเรสทรงชูฝ่าพระหัตถ์ข้างขวาขึ้น ฟีเรียสเอียงหน้าไปมองพระพักตร์ แล้วก็ทาบมือซ้ายลงไป ให้พระองค์ทรงสอดนิ้วพระหัตถ์เข้ามา แล้วกุมกันไว้บนเตียงนอน

นอนหลับตา ซึมซับอารมณ์ความรู้สึกดีๆ ที่ยังฟุ้งกระจายอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าชายหนุ่มก็ทรงดึงองค์ขึ้นประทับ พระวรกายครึ่งล่างยังอยู่ใต้ผ้าห่ม ฟีเรียสขยับจะลุกตาม ทว่าอีกฝ่ายทรงกดไหล่เอาไว้เบาๆ

“ข้าแก้ตัวสำเร็จไหม”

ทั้งที่ไม่ควรจะอายแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกหน้าร้อนหน่อยๆ ไม่ได้ขณะที่พยักหน้าตอบ

“เสียดาย”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“ถ้าแก้ตัวไม่สำเร็จ ก็ว่าจะขอแก้ตัวอีกรอบ”

องครักษ์หนุ่มถลึงตา ขณะเจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล

“เจ้าเจ็บมากรึเปล่า ต้องใช้ยาสมานแผลไหม ข้าขอดูหน่อย” รับสั่งแล้วก็ทำท่าจะพลิกตัวเขาขึ้นมาทอดพระเนตรจริงๆ ฟีเรียสขยับตัวขึ้นนั่งทันที การขยับกะทันหันทำให้หน้าเหยเกไปนิดหนึ่ง...เจ็บมากกว่าสีหน้าหลายเท่า

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องใช้หรือไม่ต้องดู”

แน่ล่ะ มันก็ต้องอย่างหลังอยู่แล้ว เขาดูของเขาเองได้

“ฟีเรียส”

คนรอฟังยังหน้าบึ้งอยู่หน่อยๆ แต่ก็ตั้งใจฟัง ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะไม่พูด แต่จูบแทน

“ข้าขอถามแค่ครั้งเดียว แล้วจะไม่ถามอีกเลย เพราะฉะนั้น...อย่าโกรธ...” เนื้อหาเหมือนประโยคคำสั่ง ทว่าพระสุรเสียงเป็นประโยคขอร้อง

ฟีเรียสไม่ได้รับปาก แต่เจ้าชายหกก็ยังตรัสถามอยู่ดี

“ข้าไม่ใช่คนแรกของเจ้าจริงๆ หรือ” คับแน่นขนาดนี้ ถึงจะให้ความร่วมมือดี แต่โดยรวมก็เหมือนยังไม่ประสา “ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย แค่สงสัย และอยากจะฟังให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้า”

“กระหม่อม...โกหกพระเจ้าค่ะ” เห็นแววพระเนตรตื่นๆ นั่นแล้วเขาก็ดีใจที่มีโอกาสได้กราบทูล ดีใจที่ถูกถาม เพราะจู่ๆ จะให้เขากราบทูลเองก็คงไม่ได้ “คืนนั้น...เป็นครั้งแรก แล้วก็...คืนนี้เป็นครั้งที่สองพระเจ้าค่ะ”

สองครั้งที่แตกต่างกันมาก จากผู้ชายคนเดียวกัน

“ข้าดีใจ”

ทั้งสีพระพักตร์และสายพระเนตรล้วนเป็นเฉกนั้น คือดีพระทัย

“กระหม่อมก็ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” ลังเลนิดหน่อย แล้วก็เฉลย “ที่ไม่ทรงหยุดกลางคัน”

คนฟังทรงงันไป เพิ่งเข้าพระทัยว่าอีกฝ่ายกลัวอะไร ถ้าทรงทำอย่างนั้น คงไม่แคล้วสร้างความเจ็บปวดให้เขาอีก คราวที่แล้วทางกาย คราวนี้ คงเป็นทางใจ แต่เรื่องอย่างนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นอยู่แล้ว

“ฝ่าบาททรง...รู้สึกดีไหมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“มาก”

ก่อนทำ ก็ตั้งพระทัยมาดีแล้ว คิดว่าถึงจะไม่เคยมาก่อนแต่ก็ต้องทำได้แน่ๆ เพราะว่าเป็นคนรักกัน       

แต่ไม่นึกเลย...ว่ามันจะให้ความรู้สึกที่ดีมากขนาดนี้




***********************************************




ในที่สุดฟีเรียสก็มีโอกาสได้ ‘เข้าห้อง’ ของเจ้าชายหกเสียที ต้นใยรักของเจ้าชายหนุ่มดูโตกว่าของเขา มันอยู่ในกระถางใบใหญ่มาก ใกล้ๆ กับหน้าต่าง ข้างโต๊ะทรงพระอักษร องครักษ์หนุ่มเพิ่งรู้ว่าเวลาที่มันออกดอกเต็มต้น จะสลัดใบทิ้งจนไม่เหลือเลยแม้แต่ใบเดียว เสียดายที่ตอนที่เขาเห็น ดอกของมันร่วงไปมากแล้ว แต่ส่วนที่เหลือที่ยังอยู่ก็มีมาก เป็นช่อสีฟ้าพราวสวย เหมือนมีหัวใจแต้มอยู่ตรงนั้นตรงนี้ตลอดกิ่งสีน้ำตาลเข้ม

ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ได้รับจดหมายจากน้องสาว เฟย์บอกเขาว่าใยรักที่บ้านก็ออกดอกเต็มต้นแล้วเหมือนกัน และชวนเขากลับไปดู เจ้าชายรามิเรสซึ่งทรงอ่านจดหมายของเขาด้วยทั้งที่ของพระองค์เองก็มีรับสั่งประทานพระอนุญาต หากว่าเขาจะลากลับไปดู ทว่าพระองค์คงจะไปด้วยไม่ได้เพราะมีงานยุ่ง ฟีเรียสจึงไม่กลับเช่นกัน เพราะเพิ่งจะได้กลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อยากให้ใครมองว่ามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ถึงจะมีจริงๆ ก็เถอะ อีกอย่างหนึ่ง เขาก็ยังไม่พร้อมจะกลับไปพบกับมารดาตามลำพัง

ไม่รู้ว่าแม่ของเขาคุยเรื่องของเขากับน้องสาวเขาบ้างรึเปล่า แต่ในจดหมาย เฟย์เล่าว่ามีผู้ชายมาจีบแอนจิเทีย และนางก็สนับสนุนให้แอนจิเทียลองเปิดใจรับไมตรีดู ถึงจะแซวเขาว่าเพราะอยู่ไกลถึงเมืองหลวง เลยต้องปล่อยให้ผู้หญิงน่ารักๆ หลุดมือไป แต่เฟย์ก็บอกเขาว่าเท่าที่เขาเขียนไปในจดหมาย เขาดูมีความสุขดี และนางก็ดีใจที่ได้รู้ว่ามีความสุข ไม่ว่าเขาจะทำอะไร และเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต นางก็จะยินดีกับเขาด้วย

ที่เขียนมาแบบนั้น เพราะยังไม่รู้...หรือรู้แล้วกันแน่ ว่านางจะไม่ได้พี่สะใภ้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฟีเรียสก็หวังว่านางจะยอมรับความสุขของเขาได้จริงๆ

อยู่กับเจ้าชายหกแห่งไมซีนนานเข้า เขาก็ซึมซับการมองโลกในแง่ดีและความใจเย็นของพระองค์มาบ้างเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองไม่คิดมากในทางร้ายอย่างที่ผ่านมา






เดือนนี้มีวันฤกษ์ดีหลายวัน และเป็นเดือนที่นิยมจัดงานมงคล ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ชนชั้นสูง หรือเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นเจ้าชายรามิเรสจึงทรงได้รับบัตรเชิญอยู่หลายงาน บางงานไม่จำเป็นต้องเสด็จไปด้วยพระองค์เองก็ได้ แต่ถ้าทรงว่างก็จะเสด็จไปเพื่อให้เจ้าของงานได้รู้สึกปลาบปลื้มใจเสมอ

ฟีเรียสต้องตามเสด็จทุกครั้งแม้จะไม่ได้เป็นเวร

เมื่ออยู่ข้างนอก การปฏิบัติต่อกันมักจะไม่เกินเลยไปกว่าเจ้าชายกับองครักษ์ ทั้งเจ้าชายหกและฟีเรียสมีความคิดเห็นตรงกันในเรื่องนี้ คือความสัมพันธ์ส่วนตัวก็เอาไว้ปฏิบัติต่อกันในเวลาส่วนตัว

มีธรรมเนียมหลายอย่างที่เจ้าชายพึงปฏิบัติต่อสตรีชั้นสูง ฟีเรียสคิดว่าเขาเข้าใจดี

ส่วนเหตุผลที่เขาหน้าตึง หรืออาจจะตาขวางไปบ้างเวลามีผู้หญิงมาทำท่าทางอ่อนหวานเอียงอายใส่พระองค์ เขาคิดว่าเจ้าชายรามิเรสก็ต้องเข้าพระทัยเหมือนกัน

กลับจากงานเลี้ยง ถ้าไม่ใช่เขาถูกดึงขึ้นไปที่ห้องบรรทม ก็ต้องเป็นเจ้าชายรามิเรสที่เสด็จตามเขาเข้ามาในห้อง แล้วก็ลงเอยด้วยการทำสิ่งที่คนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันพึงปฏิบัติต่อกันในสถานที่ส่วนตัว

เจ้าชายหกแห่งไมซีนโปรดเวลาเช่นนี้มาก ไม่เคยตรัสถามองครักษ์ของพระองค์หรอกว่าเขาหึงพระองค์ใช่หรือไม่ และไม่ได้รับสั่งอธิบายอะไรด้วย เวลาหึง ฟีเรียสจะมีอารมณ์และ ‘ว่าง่าย’ เป็นพิเศษ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัว

และพระองค์ก็จะไม่รับสั่งบอกให้เขารู้ตัวเด็ดขาด

ยกเว้นว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ ชวนให้เข้าใจผิดจริงๆ พระองค์จึงจะทรงอธิบาย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น...ก็ลงเอยด้วยการกอดกันบนเตียงอยู่ดี เพียงแต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อ่อนหวาน เชื่องช้า และทรมานจนแทบจะขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง

จริงๆ แล้วก็น่าจะเป็นทั้งสองข้าง แต่ก็ยังจะทำ

ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่า เหตุใดจึงมีคนพูดว่า...ความทรมานนั้นหวานหอม






ฟีเรียสได้พบกับบุตรีเสนาบดีคลังตามงานต่างๆ อยู่บ้าง อันที่จริงเขาก็รู้สึกผิดต่อนางอยู่มาก แต่ก็พยายามคิดอย่างที่เจ้าชายหกบอกให้คิด...คือถือเสียว่าเขาช่วยเหลือนาง ไม่ให้นางต้องทนทรมานอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักนางเลย และคงจะไม่มีวันรักนางได้
เจ้าชายรามิเรสรับสั่งว่าพระองค์ก็ทรงรู้สึกผิดต่อนาง แต่ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความรู้สึกนั้นอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์เลย

คุณหนูอันธียาคงจะรู้ หรือไม่ก็ระแคะระคายอะไรมาบ้าง เมื่อเขาค้อมศีรษะให้เป็นเชิงทักทาย นางจึงเชิดใส่และทำเหมือนไม่รู้จักเขาเลย ครั้งต่อๆ มาก็ทำเหมือนมองไม่เห็น ซึ่งก็...อาจจะดีเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกนัก สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อพบนางอีกในครั้งหลังๆ ก็คือ นางมีคู่ควงมาด้วย ถึงจะมาถวายความเคารพเจ้าชายหกตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันเกินกว่าประโยคสนทนาพื้นฐาน

ส่วนรอยอาลัยในดวงตาของนาง...เขาคงจะพยายามลืมๆ มันไปเสีย






เมื่อถึงวันที่เจ้าชายหกทรงว่างตรงกันกับเขา พระองค์ก็จะตรัสชวนเขาออกไปเที่ยวข้างนอก มีที่แปลกๆ ไกลๆ บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นสวนพฤกษศาสตร์กับที่คฤหาสน์ริมผาของเสนาบดีกลาโหม

ใยรักออกดอกหลงมาทีหลังชุดหนึ่ง เจ้าชายรามิเรสจึงทรงนำไปฝากคุณเวลธ์ หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดูยินดีมากที่ได้เห็นดอกของมันหลังจากไม่ได้เห็นมานาน เขาทูลถามว่ามันออกดอกทั้งสองต้นเลยหรือไม่

“อืม อีกต้นหนึ่งอยู่ที่บ้านของเขา”

รู้สึกว่า...ประโยคหลังนี่พระองค์จะรับสั่งบอกเอง อีกฝ่ายไม่ได้ทูลถาม

สีพระพักตร์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนดูเหมือนเด็กขี้อวดเอามากๆ

ส่วนหัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ก็ชะงักไปในตอนแรก ครั้นมองเห็นองครักษ์ประจำพระองค์ทำหน้าดุใส่เจ้าชายอย่างที่องครักษ์ไม่มีสิทธิ์ทำ ท่าทางดูขัดเขินอย่างประหลาด และเจ้าชายหนุ่มก็ทรงพระสรวลตาพราว เขาก็เข้าใจอะไรๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่คาดคิด แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าประหลาดใจเท่าไร และเขาก็นึกยินดีกับเจ้าของใยรักทั้งสองต้นจากใจจริง






“ข้าว่าจะขอซื้อบ้านริมผาจากเสนาฯ กลาโหม เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง” เจ้าชายหกทรงปรึกษากับคนรักในคืนหนึ่ง

“จะทรงซื้อไปทำไมพระเจ้าค่ะ”

“พวกเราไปที่นั่นบ่อยกว่าเจ้าของบ้านเสียอีก ข้าเกรงใจ ถ้าเป็นของเราแล้วจะไปบ่อยแค่ไหนก็ได้” ทอดพระเนตรสีหน้าครุ่นคิดของ
คนรักแล้วก็ตรัสถามอีกประโยคหนึ่ง “เจ้าไม่ชอบที่นั่นหรือ”

“กระหม่อมกำลังคิดว่า ฝ่าบาทจะทรงซื้อเพราะโปรด หรือจะทรงซื้อเพราะคิดว่า กระหม่อมชอบพระเจ้าค่ะ”

“ก็ทั้งสองอย่าง”

“...คงจะแพงมากนะพระเจ้าค่ะ”

“ทางนั้นอาจจะขายให้ในราคาเป็นกันเองเพราะเกรงใจ แต่ข้าสั่งให้คนประเมินราคามาแล้ว คงจะให้ไม่ต่ำกว่านั้น และจะเพิ่มค่าถูกใจให้อีกตามสมควร”

แปลว่ามีแต่ทางแพง ไม่มีทางถูก

“ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าชาย ถ้าท่านเสนาบดีไม่อยากขาย จะกล้าทูลปฏิเสธหรือพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้ข้าเกริ่นกับมิทรอสไว้แล้ว เห็นว่าปกติก็ไม่ค่อยได้ไปที่นั่น คุณหญิงก็อยากจะได้บ้านหลังใหม่ใกล้ทะเลสาบมากกว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เว้นวรรคแล้วก็ทรงรวบรัด “ตกลงว่าซื้อนะ”

“เงินของฝ่าบาท จะทรงนำไปทำอะไรก็สุดแท้แต่พระทัยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“มันจะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเรา ข้าก็ต้องถามเจ้าก่อน ไม่ถูกหรือ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนยังคงมีวิธีรับสั่งให้คนฟังทั้งแย้งไม่ได้ และอบอุ่นใจไปพร้อมๆ กันได้ดีเสมอ

หลังจากนั้นกิจกรรมที่ฟีเรียสได้ทำในวันหยุดก็คือตกแต่งสวนรอบๆ ‘บ้านริมผา’ เสียใหม่ เจ้าชายรามิเรสโปรดให้หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์จัดหาคนมาช่วยให้คำแนะนำ ทว่าเขากลับมาช่วยกำกับดูแลด้วยตนเอง

ใยรักต้นใหญ่ในห้องบรรทมก็ถูกย้ายมาปลูกใหม่ที่นี่ด้วย






บ้านริมผากลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่มี ‘คนคุ้นเคย’ แวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ คนที่มาบ่อยที่สุดคือเจ้าของเดิมอย่างมิทรอส เขาทูลสัพยอกเรื่องที่เจ้าชายหกทรงเปลี่ยนเป็นดื่มนมแทนเหล้าต่อหน้าฟีเรียส คำทูลของคุณชายหนุ่มยังไม่ทำให้องครักษ์หนุ่มอายเท่ากับคำตอบของเจ้าชายรามิเรส

“ดื่มเผื่อสูงเพิ่มขึ้น ถึงจะใกล้สามสิบแล้วก็เถอะ ฟีเรียสชอบดื่ม เขาเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ด น่าจะยังสูงได้อีก ข้าไม่อยากให้เขามีคนรักเตี้ยกว่าตัวเอง”

คุณชายหนุ่มหันมามองราวกับจะถามว่า รับสั่งมาอย่างนี้แล้วเจ้าล่ะ จะว่ายังไง เขาก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วกราบทูลว่าจะไปจัดผลไม้ในครัวมาถวาย ใครจะไปพูด...ว่าส่วนสูงของพระองค์ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาหรอก เขาสูง 177 พระองค์สูง 181 ก็กำลังดี ต่อให้เขาสูงถึง 190 ก็คงจะไม่คิดว่าพระองค์ทรงเตี้ย แค่นี้ก็สูงแล้ว สูงกว่านี้เขาจะเอื้อมไม่ถึง

โชคดีจริงๆ...ที่เขากล้า และเอื้อมของสูงมาไว้ในมือได้

นอกจากคุณชายใหญ่บ้านเสนาบดีกลาโหมแล้ว ที่นี่ก็เคยต้อนรับเจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนกับคนรักของพระองค์ รวมทั้งเจ้าชายพระองค์อื่นๆ ด้วย โรดีอัส จิลเวล และดีลุคซก็เคยมา

“วันหลังเราชวนแม่เจ้า เฟย์ แล้วก็วอลเซนส์มาเที่ยวที่นี่บ้างดีไหม”

ฟีเรียสลังเลนิดหนึ่ง แล้วก็ตอบตกลง ทว่าก่อนที่องครักษ์หนุ่มจะได้กลับบ้านอีกครั้ง พ่อบ้านประจำพระตำหนักก็กราบทูลเจ้าชายหกทันทีที่พระองค์เสด็จกลับถึงพระตำหนักพร้อมกับเขาว่า

“พระสนมเสด็จกลับมาจากเดินทางแสวงบุญแล้วพระเจ้าค่ะ โปรดให้คนเชิญรับสั่งมากราบทูลฝ่าบาทว่า หากทรงพอจะมีเวลาว่างก็ทูลเชิญไปเข้าเฝ้าที่วิหารนอกเมือง และขอให้ทรงพาคุณฟีเรียสไปด้วยพระเจ้าค่ะ”




**************************************


อีก 2 บทจะจบแล้วค่ะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด