พิมพ์หน้านี้ - รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ชุน ที่ 26-01-2014 21:37:21

หัวข้อ: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 26-01-2014 21:37:21
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ขอโฆษณาประชาสัมพันธ์ค่า

ในที่สุดหนังสือก็ใกล้จะคลอดแล้วค่ะ ออกกับสนพ.นาบู ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการอุดหนุนนะคะ  :กอด1:

(http://i58.tinypic.com/zjt43r.jpg)


รายละเอียดต่างๆ รบกวนคลิกอ่านที่เพจสนพ.นะคะ

https://www.facebook.com/Nabupublishing?fref=ts (https://www.facebook.com/Nabupublishing?fref=ts)

(เว็บฝากไฟล์ภาพจำกัดขนาดน่ะค่ะ ถึงจะ copy ภาพที่มีรายละเอียดมาก็คงจะเห็นได้ไม่ชัดเจน)



สารบัญ

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605781#msg2605781)   บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605823#msg2605823)   บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2608307#msg2608307)   บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2613120#msg2613120)   บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2615903#msg2615903)   บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2620490#msg2620490)   บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2623740#msg2623740)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2627485#msg2627485)   บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2630877#msg2630877)   บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634693#msg2634693)   บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634756#msg2634756)   บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2638278#msg2638278)   บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2641607#msg2641607)   บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2644993#msg2644993)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2664520#msg2664520)   บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2671758#msg2671758)   บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2676808#msg2676808)   บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2685210#msg2685210)   บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2691391#msg2691391)   บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2697501#msg2697501)   บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2710823#msg2710823)
[/quote]



ป.ล. ขอบคุณ คุณอ๊ายอาย นะคะ สำหรับสารบัญ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 26-01-2014 21:43:32
บทนำ



มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้น... มันเป็นความผิดพลาด

แต่มันก็ตรึงตรา... ยากยิ่งจะลืมเลือน



ผิวกายของชายหนุ่มไม่อ่อนนุ่มเหมือนเรือนร่างของหญิงสาว
แต่ความรู้สึกยามที่ได้ตระโบมโลมลูบกลับให้ความรู้สึกแสนดียิ่งกว่า
นวลเนื้อเนียนมือผสมผสานความแข็งแกร่งอย่างร่างกายของชายชาญ
ชวนให้รู้สึกว่าสามารถคลึงเคล้นเน้นหน่วงตรงช่วงไหนก็ได้อย่างใจปรารถนา
ไม่จำเป็นต้องเก็บกัก ขยักยั้งน้ำหนักมือ ไม่จำเป็นต้องคอยถนอม ยับยั้งเล้าโลมด้วยความทรมาน

เพราะว่าคิดอย่างนั้น จึงได้พลาดพลั้งไป

ธรรมชาติไม่ได้สรรค์สร้างร่างกายของชายหนึ่งให้สามารถรองรับร่างกายของอีกชายหนึ่งได้อย่างง่ายดายนัก
การสอดประสานกายเพื่อผ่อนคลายสลายพิษกำหนัดอันไม่ปรารถนาจึงทำได้ค่อนข้างยากลำบาก
ไฟร้อนที่รุมเร้าอยู่ในร่างกายเรียกร้องการเผาผลาญ ช่องทางอุ่นร้อนจึงถูกเสียดสีจนแทบลุกไหม้
เลือดสดหยดรินเปื้อนผ้าขาวราวกับสาวพรหมจารี แต่เพลิงกำหนัดที่โหมทวีทำให้ไม่มีเวลามาใส่ใจ
ทำได้เพียงเอาแต่ใจตัวเอง สอดใส่เข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั้นกระแทกเข้าออกอย่างเร่าร้อน
จนกระทั่งเพลิงไฟในร่างกายกลายเป็นสายธารอุ่น ทะลักทลายเข้าไปในความแน่นกระชับจนเนืองนอง


เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และปล่อยให้ความรู้สึกผิดหลั่งรินเข้ามาในใจจนเต็มเปี่ยม
คนที่ควรจะได้รับคำขอโทษก็หายไปเสียแล้ว

พระองค์ไม่ทอดพระเนตรเห็นเขาแม้แต่เงา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 26-01-2014 22:03:20
บทที่ 1


“ผู้อำนวยการเรียกเจ้าไปเรื่องอะไร”

โรดีอัสถามเพื่อนสนิททันทีที่อีกฝ่ายเดินออกมาจากอาคารสำนักงานโรงเรียนองครักษ์
ฟีเรียสปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

“ไม่มีอะไร”

“จะไม่มีอะไรได้ยังไงวะ เรื่องสำคัญรึไง หรือว่าเรื่องลับ ถึงบอกเพื่อนอย่างข้าไม่ได้”   

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ท่านแค่เรียกไปรับสร้อยคืน”

“สร้อย”

“อืม”

เจ้าของร่างสูงโปร่งยื่นสร้อยเงินเส้นสวยห้อยจี้เงินรูปดาบไขว้กันให้อีกฝ่ายดู

“สร้อยของเจ้าไปอยู่กับผู้อำนวยการได้ยังไง”

“ข้าทำตกไว้ในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน”

สี่วันก่อนผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวงจัดงานเลี้ยงที่บ้าน นักเรียนองครักษ์บางส่วนจึงถูกเกณฑ์ให้ไปช่วยงาน
โรดีอัสและฟีเรียสเองก็เป็นหนึ่งในบรรดานั้น

“แล้วผู้อำนวยการรู้ได้ยังไงวะว่าเป็นของเจ้า”

“รู้ก็ไม่แปลก” แค่อาจจะต้องใช้เวลาสืบหาอยู่บ้าง

“เออ มันก็ไม่แปลกหรอก ที่ข้าแปลกใจก็คือทำไมท่านไม่ให้คนอื่นเอามาให้วะ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเรียกไปพบ”

ฟีเรียสนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำ

“ทำเอาข้าใจหายใจคว่ำ คิดว่าเจ้าไปทำอะไรผิดมา”

เงียบไปครู่หนึ่ง เจ้าของร่างที่สูงใหญ่กว่าก็ถามอย่างคลางแคลง

“ว่าแต่แค่เข้าไปเอาสร้อยทำไมถึงเข้าไปนานจังวะ”

“ท่านถามเรื่องทั่วๆ ไปด้วย”

“อ้อ”

โรดีอัสไม่ได้หายสงสัย แต่เห็นว่าเพื่อนไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะตอบคำถาม จึงไม่ได้ถามเรื่องนั้นอีก แต่เปลี่ยนเรื่องว่า

“เดี๋ยวจะสอบต่อสู้บนหลังม้า เจ้าไหวรึเปล่า”

“ไหว”

“แน่นะ ไม่ไหวก็สอบทีหลังได้นะเว้ย เจ้าเพิ่งหายไข้”

“ไม่เป็นไร ข้าไหว”

*********************************

ฟีเรียสไข้ขึ้นอีกแล้ว ว่าที่องครักษ์หนุ่มนอนซมอยู่ในตึกพัก กินยาแก้ไข้ที่เพื่อนสนิทซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องด้วยไปขอจาก
อาคารพยาบาลมาให้ แต่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เลย ซ้ำยังไม่ยอมถอดเสื้อผ้าต่อหน้าฝ่ายนั้นอีกด้วย

หลังจากเพื่อนร่วมห้องออกไปเรียนแล้ว ชายหนุ่มจึงพยายามประคองตัวลุกขึ้นจากเตียง
เอนหลังพิงหัวเตียงแคบๆ อย่างค่อนข้างลำบาก ไม่ใช่เพราะพิษไข้ที่เร้ารุม
แต่เป็นเพราะอาการปวดแสบระบมบริเวณสะโพกและช่องทางภายใน
ฟีเรียสถอดกางเกงออกเพียงครึ่งเดียว ก่อนจะป้ายยาในตลับสอดเข้าไปทาบริเวณบาดแผลซึ่งอยู่ตรงร่องสะโพก
ยานี้ไม่ใช่ยาเฉพาะ แต่ก็พอจะช่วยรักษาบาดแผลให้ทุเลาขึ้นได้บ้าง ชายหนุ่มแอบไปขอมาจากอาคารพยาบาลตั้งแต่สามวันก่อน
แอบทาทุกวันจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องแย่ลงอีกเพราะการสอบต่อสู้บนหลังม้าเมื่อวานนี้

หลังจากทายาและสวมกางเกงเรียบร้อยแล้ว ฟีเรียสก็ถอดเสื้อออกและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตัวเอง
โรดีอัสเอาใจใส่เขาดีและเตรียมสิ่งต่างๆ ไว้ให้พร้อม ทั้งอ่างน้ำ ผ้าสะอาด ยา น้ำสะอาด และอาหารเช้า
ซึ่งเขาปฏิเสธไม่อยากกินเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้คงต้องกิน แม้ว่ามันจะเย็นชืดไปแล้วก็ตาม เพราะจะต้องกินยาตาม

ฟีเรียสไม่อยากมองร่างกายของตัวเองนัก แต่เขาก็อดมองไม่ได้ แม้ว่าสีผิวของเขาจะออกสีน้ำตาลอ่อน
แต่ก็ยังสามารถมองเห็นร่องรอยการถูกดูดเม้มได้ชัดเจน

ผ่านมาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว แต่รอยพวกนี้ก็ยังไม่หายไปเสียที เพียงแต่จางลงเท่านั้น
มือที่สัมผัสถูกสร้อยคอสีเงินทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้อีกครั้ง

คนที่รอเขาอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ใช่เจ้าของห้อง
แต่เป็นเจ้าชายรามิเรส... เจ้าชายพระองค์ที่หกแห่งไมซีน

แม้ไม่มีกระจกอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองแสดงสีหน้าตกใจออกไป
แม้เพียงครู่เดียวก่อนจะตั้งสติได้ แต่อีกฝ่ายต้องทรงสังเกตเห็นแน่

หลังจากเขาค้อมศีรษะลงถวายความเคารพตามมารยาทแล้ว คนที่ประทับอยู่หลังโต๊ะทำงานสุดปลายห้อง
ก็ตรัสถามอย่างไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด

“สาเหตุที่เจ้าไม่สบายไปสามวัน เป็นเพราะข้าใช่ไหม”

แม้จะนึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องเสด็จมาเพราะเรื่องนี้ แต่ฟีเรียสก็ยังรู้สึกตกใจ รู้สึกว่าไม่ทันได้ตั้งตัว

... ทำไมพระองค์ไม่ทรงแสร้งลืมมันไปเสีย...

“ขอเดชะฯ” ให้ตายเถอะ เขาไม่ถนัดเรื่องคำราชาศัพท์เอาเสียเลย “กระหม่อมคงจะแพ้อากาศพระเจ้าค่ะ”

ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำตอบที่คนรอฟังไม่ทรงคาดว่าจะได้ยิน ดูจากสีพระพักตร์ประหลาดพระทัยเอาก็รู้

“คืนนั้นข้าโดนยาปลุก”

พระสุรเสียงมีแววลังเล ไม่แน่พระทัยว่าควรจะรับสั่งบอกหรือไม่
แต่ฟีเรียสก็ไม่ได้ทูลตอบอะไร เพราะนั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม

“ข้า... ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”

“พระเจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นก็เป็นความเงียบอันเนิ่นนาน ความอึดอัดแทรกอยู่ในบรรยากาศจนรู้สึกได้
ในที่สุดผู้ทรงอำนาจราชศักดิ์มากกว่าก็รับสั่งถามถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกังวล

“เจ้าไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับใครใช่ไหม”

“กระหม่อมไม่ทราบว่าเรื่องอะไรพระเจ้าค่ะ”

“ก็เรื่อง...”

เจ้าชายหกทรงชะงักไปเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองสบสายพระเนตร
หลังจากนั้นสีพระพักตร์ของพระองค์ก็บ่งบอกความเข้าพระทัย ว่าเขาไม่ได้บอกใคร และจะไม่บอก
แปลกที่ฟีเรียสเห็นว่าทั้งสีพระพักตร์และสายพระเนตรของพระองค์คล้ายจะมีรอยละอายพระทัยเมื่อรับสั่งว่า

“ข้าอยากจะให้เจ้าลืมมันไปเสีย”

“กระหม่อมจำไม่ได้จริงๆ พระเจ้าค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องลืม”

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวต้องออกมาทำนองนี้ แต่เขาก็ยังอดรู้สึกหน่วงๆ ในอกขึ้นมาไม่ได้
ความเงียบเข้าครอบครองอยู่อีกชั่วอึดใจ ก่อนที่เจ้าชายรามิเรสจะทรงผ่อนพระปัสสาสะออกมายาวๆ

“ข้าเก็บสร้อยของเจ้าได้ มันตกอยู่บนเตียง”

ฟีเรียสมองสร้อยเงินในพระหัตถ์ จี้เงินห้อยลงมาถึงข้อพระหัตถ์ขาวสะอาด
หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

“ของสำคัญของเจ้าหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

กราบทูลไปแล้วเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะทรงคืนให้เขาเมื่อไร

“ถึงเจ้าจะ... จำไม่ได้ แต่ข้าก็อยากจะขอโทษ ขอให้เจ้ารับคำขอโทษของข้าไว้ด้วย”

“พระเจ้าค่ะ”

มองสีพระพักตร์และสายพระเนตรแสดงความจริงใจของอีกฝ่ายแล้ว
ฟีเรียสก็รู้สึกว่าเจ้าชายพระองค์นี้ทรงเป็นคนดีพอสมควร เพราะหากจะทรงลืมไป
ไม่รับสั่งถึงเลยก็ย่อมได้ ทว่าเพียงครู่เดียว ความรู้สึกในแง่ดีที่เขามีให้อีกฝ่ายก็มลายไป

เจ้าชายหกทรงใส่สร้อยของเขาลงไปในถุงผ้าสีน้ำเงินใบหนึ่ง ก่อนจะทรงยื่นประทานให้

“ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษจากข้า รับไว้ ถ้าเจ้าไม่ติดใจและรับปากกับข้าว่าจะไม่บอกเรื่องนั้นกับใคร”

ฟีเรียสโกรธที่เขาโดนดูถูก ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะรับถุงใบนั้นมาจากพระหัตถ์และแก้ปากถุงออก
ข้างในเป็นเหรียญทองจำนวนมาก แต่เขาไม่ได้พยายามจะคำนวณว่ามันมีราคาสักเท่าไร
เพราะหลังจากควานหาสร้อยเงินเจอแล้ว เขาก็ยื่นถุงเงินถวายคืน

“กระหม่อมจะไม่บอกใครพระเจ้าค่ะ แต่คงรับเงินนี้ไว้ไม่ได้”

“ทำไม”

“กระหม่อมไม่ได้ขายตัว”


tbc

*****************************************************

สวัสดีค่ะ

ขอเอานิยายมาลงด้วยคนนะคะ
เรื่องนี้เริ่มเขียนไว้นานแล้ว ประมาณปี 53
แต่ไปไม่ถึงไหนสักที ก็เลยอยากจะหากำลังใจน่ะค่ะ

เป็นเรื่องใสๆ ไม่มี nc นะคะ (ยกเว้นตรงบทนำหน่อยนึง)
ความสัมพันธ์พระนายจะดำเนินไปแบบช้า... ช้า... ช้า...
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขียนได้ไม่กระเตื้อง

แต่ก็... หวังว่าจะมีคนชอบนะคะ

ฝากเนื้อฝากตัวและฝากเรื่องด้วยค่ะ (โค้ง)

ชุน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 26-01-2014 22:44:42
ตอบกลับได้ดีๆ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: heangsure ที่ 26-01-2014 22:58:05
 :katai2-1: หวาวๆๆๆ ชอบแนวนี้เลยค่ะ สำนวนดี ไร้ฉากเรทมิมีปัญหา เราเน้นคุณภาพเนื้อเรื่องค่า   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 27-01-2014 07:11:01
 o13 ชอบจังองครักษ์กับองค์ชายเนี่ยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-01-2014 10:31:57
ชอบค่ะชอบ มาเป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 29-01-2014 14:00:25
บทที่ ๒   

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกตั้งแต่ทรงมีพระชนมายุได้ยี่สิบสามพรรษา
และทรงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีมาตลอดห้าปี เวลานี้นักเรียนองครักษ์หลวงผู้หนึ่งซึ่งอายุเพียงยี่สิบปี
กำลังทำให้พระองค์ทรงรู้สึกสับสน เป็นกังวล

ฟีเรียส... ชายหนุ่มผู้นั้นชื่อฟีเรียส

เมื่อวานนี้พระองค์เพิ่งจะได้ทอดพระเนตรเห็นชัดๆ ว่าฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี
มีเครื่องหน้าเหมาะเจาะ โดยเฉพาะริมฝีปากที่หยักสวย รูปร่างสูงโปร่งพอๆ กับพระองค์
แต่คงจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย ผิวสีน้ำตาลอ่อน แตกต่างจากพระฉวีสีขาวสะอาดของพระองค์
และมีผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นตามระเบียบ

เป็นคนที่... แม้จะเดินผ่านพระองค์ไปหลายรอบ พระองค์ก็คงจะไม่ได้ใส่พระทัยเป็นพิเศษ
เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายที่โดดเด่นสะดุดตา พูดถึงเรื่องหน้าตา... ‘หน้าตา’ ของพระองค์ยังดีกว่าเขาขั้นหนึ่ง

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พระองค์จึงทรงลืมฟีเรียสไม่ลง

เหตุการณ์ในคืนนั้นอาจจะมีส่วน แต่ตอนนี้พระองค์ไม่ได้ทรงระลึกถึงเรื่องในคืนนั้นมากกว่าสีหน้าหยิ่งทระนง
ยามที่เขากราบทูลด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มีกระแสหนักแน่นจริงจังอยู่ในทีว่า

... กระหม่อมไม่ได้ขายตัว...

อา... พระองค์ไม่ได้ตั้งพระทัยที่จะทรงดูถูกเหยียดหยามเขาเช่นนั้นเลย
คนที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอย่างพระองค์ไยเลยจะทรงทำเช่นนั้นได้
แต่ถึงกระนั้นประโยคนั้นก็ทำให้พระองค์ถึงกับทรงสะอึกอึ้ง

ที่จริงแล้วพระองค์ทรงทราบว่าเขาเป็นใครตั้งแต่หลังจากเกิดความผิดพลาดเช่นนั้นได้เพียงแค่วันเดียว
แต่ยังทรงพระดำริไม่ตกว่าจะทำเช่นไรดี

เรจิน... องครักษ์คนสนิทซึ่งพระองค์ทรงใช้ให้ไปสืบกราบทูลว่าชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้แพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครรู้
นั่นทำให้พระองค์ทรงโล่งพระทัยขึ้น แต่ข่าวเรื่องการเจ็บไข้ของเขาทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย

แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะหลานสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวงใช้ให้คน
ใส่ยาปลุกกำหนัดลงในแก้วเครื่องดื่มของพระองค์ แต่กลับติดขัด ปลีกตัวออกมาจากงานเพื่อขึ้นมาบนบ้านไม่ได้
คนที่บังเอิญถูกใช้ให้ประคองพระองค์ขึ้นห้องอย่างฟีเรียสจึงตกเป็นเหยื่อแรงกำหนัดของพระองค์แทน
แต่คนที่ยับยั้งพระอารมณ์ไม่ได้อย่างพระองค์ก็ทรงหลีกเลี่ยงความผิดไม่ได้

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วจะชดใช้อย่างไรได้

พระองค์ไม่ได้ทรงรังเกียจผู้ชายที่มีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายด้วยกัน แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้
เป็นผู้ชายประเภทเดียวกันนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ทรงทราบว่าฟีเรียสคิดอย่างไร

ว่าที่องครักษ์หนุ่มผู้นั้นดูเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง แต่ปฏิกิริยา การแสดงออกที่มีต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ทรงพระดำริไว้

ที่จริง... พระองค์ก็ไม่ได้ทรงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าเขาน่าจะแสดงท่าทีอย่างไร
แต่ก็ทรงรู้สึกว่าผิดความคาดหมาย

ฟีเรียสเฉยชาอย่างไม่น่าเชื่อ

พระองค์ทรงโล่งพระทัยที่ฝ่ายนั้นไม่ติดใจเอาเรื่อง ไม่เรียกร้องสิ่งใด เมื่อ ‘การเจรจาต่อรอง’
ที่คิดว่าน่าจะใช้เวลานานกลับจบลงด้วยเวลาอันสั้น พระองค์ก็อดที่จะรับสั่งอธิบายออกไปไม่ได้
ทว่ายิ่งรับสั่ง ก็ยิ่งทรงรู้สึกเหมือนกำลังแก้ตัวและปัดความรับผิดชอบ

ทั้งที่อีกฝ่ายกราบทูลแต่แรกแล้วว่า ‘จำไม่ได้’ พระองค์ก็ยังรับสั่งย้ำให้เขาลืมอยู่อีกหลายครั้ง ราวกับว่าไม่เชื่อใจ

ทั้งที่น่าจะทำลืมๆ ไปเสีย แต่พระองค์ก็ตัดสินพระทัยที่จะพบและพูดคุยกับเขาสักครั้ง

ทั้งที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่บอกใครแล้ว แต่พระองค์ก็ยังไม่สบายพระทัย
เพราะฉะนั้นจึงพยายามทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปด้วยการให้เงินชดใช้

แต่สิ่งที่ได้กลับมายิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม

เมื่อวานนี้... ตอนที่ทอดพระเนตรการต่อสู้บนหลังม้าของฝ่ายนั้นจากระเบียงหลังห้องทำงาน
ของผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวง แล้วเห็นว่าฟีเรียสพลาดพลั้งจนเกือบจะตกจากหลังม้า
พระทัยของพระองค์ก็พลอยวูบไหวไปด้วย แม้จะไกลจนทอดพระเนตรไม่เห็นสีหน้าของฝ่ายนั้น
แต่ก็ทรงอุปาทานไปว่าเขาคงจะกำลังนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนเหงื่อไหลโทรม

หยดเลือดที่เปื้อนผ้าปูที่นอนในคืนนั้นไม่ใช่น้อยเลย

วันนี้องครักษ์คนสนิทของพระองค์กราบทูลว่าฟีเรียสขอลาป่วย ข่าวนั้นทำให้พระองค์ไม่ทรงมีสมาธิ
ในการทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว ได้แต่ทรงอ่านแฟ้มประวัติของชายหนุ่มซ้ำไปซ้ำมา

*************************************

ฟีเรียสเผลอปัดชามเปล่าตก ขณะเอื้อมมือไปหยิบตลับยา ชายหนุ่มจึงไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้
เขาได้ยินเสียงเคาะประตูหรือไม่ ทว่าเมื่อไม่ได้ยินเสียงเคาะซ้ำ เขาจึงถอดกางเกงออกคาข้อเท้าไว้แล้วชันเข่าทั้งคู่ขึ้น
โรดีอัสกลับมาดูแลให้เขาทานอาหารกลางวันและทานยาหลังอาหารเรียบร้อยแล้วจึงกลับไปเรียนต่อเมื่อครู่นี้เอง
เขาจึงได้โอกาสทายาอีกครั้งหนึ่ง

นิ้วเรียวสีน้ำตาลอ่อนสอดเข้าไปในช่องทางที่ถลอกจนแสบพอดี เมื่อประตูห้องถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้ย!”   

เจ้าของห้องอุทานเสียงดังพลางดึงนิ้วออกแล้วรีบสวมกางเกงเป็นพัลวัน
ทว่าเรี่ยวแรงที่มีไม่มากทำให้ยกก้นขึ้นไม่ถนัด คนที่ทรงยืนอยู่หน้าประตูจึงทรงรีบเสด็จเข้ามาแล้วปิดประตู

ฟีเรียสได้แต่ดึงชายเสื้อลงมาปิดส่วนสงวนกึ่งกลางกายเอาไว้ก่อน
 พลางกระถดกายหนีเมื่ออาคันตุกะสูงศักดิ์ดำเนินเข้ามาใกล้
เมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงหยุด ว่าที่องครักษ์หนุ่มก็หยุดตาม
ก่อนจะรู้ตัวว่าไม่ควรนั่งอยู่ในท่านี้นาน

“ฝ่าบาท ทรงหันหลังไปก่อนได้ไหมพระเจ้าค่ะ”

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของคนพูดล้วนแต่ข่มความกระดากอายไว้อย่างเต็มที่
ทว่าดูเหมือนว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนจะไม่เข้าพระทัยประโยคง่ายๆ

“กำลังทายาอยู่หรือ”

นอกจากไม่หันหลังแล้วยังดำเนินเข้ามาใกล้ ฟีเรียสต้องกระถดถอยจนหลังติดผนัง

“ข้าจะช่วย เจ้าทำเองคงไม่ถนัด”

คนรับสั่งไม่ทรงทราบว่าพระองค์รับสั่งเช่นนั้นออกไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ในขณะที่คนฟังแทบจะอ้าปากค้าง

ลำพังเขาทำเองก็ดูเหมือนกำลัง ‘ช่วยตัวเอง’ อยู่แล้ว
ถ้าพระองค์ทรง ‘ช่วย’ ด้วยอีกคน จะไม่ยิ่งดูแย่ยิ่งขึ้นไปอีกหรือยังไง

“กระหม่อมขอเวลาแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสนึกอยากจะลองใส่กางเกงด้วยมือเพียงข้างเดียว
แต่เขาก็รู้มารยาทพอที่จะไม่แต่งตัวต่อเบื้องพระพักตร์ของเจ้าชาย
เจ้าชายเสียอีกที่ดูจะไม่ทรงรู้จักมารยาทเพราะเสด็จมาประทับลงบนเตียงแคบๆ ของเขาแล้ว

“ข้าเอายามาให้ ใช้สำหรับ... แผลแบบนี้โดยเฉพาะ”

สีพระพักตร์ของเจ้าชายรามิเรสมีแววกระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน
แต่พระองค์ก็ทรงหยิบตลับยาสีเงินออกมาแล้ว ซ้ำยังทรงเปิดตลับแล้วเรียบร้อย

“เอามือออกสิ”

“กระหม่อมทำเองได้พระเจ้าค่ะ”

“ข้าจะช่วย”
เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง ทว่านานพอที่จะทำให้เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงรู้สึกองค์ว่ากำลังทรงทำอะไรอยู่

... ราวกับจะงอนง้อขอดูแลก็ไม่ปาน

“ข้า... เอ่อ ถือว่ามันเป็นเรื่องที่ข้าควรจะรับผิดชอบก็แล้วกัน”

หากว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมอีก พระองค์ก็คงจะทรงวางองค์ไม่ถูกอีกแล้ว

“กระหม่อมทำเองได้พระเจ้าค่ะ” จะให้เขาอยู่ในท่านี้ไปอีกนานเท่าไร แค่นี้ก็แย่แล้ว

... ไม่ยอมจริงๆ เสียด้วย...

“ข้าสั่ง”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว

“เป็นคำสั่งของเจ้าชาย เอามือออก”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มหน้าตึง ทว่าเมื่ออีกฝ่ายมาไม้นี้ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ปฏิบัติตามรับสั่ง
เป็นผู้ชายเหมือนกัน เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรนัก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายต้องบังคับเขาเสียจริง

ฟีเรียสเอามือออกแล้ว ชายหนุ่มกลั้นหายใจเมื่อเจ้าชายหกเลิกชายเสื้อของเขาขึ้น

เจ้าชายรามิเรสเองก็ทรงกระอักกระอ่วนพระทัยเหมือนกัน
ความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะ ‘รับผิดชอบ’ พาพระองค์มาสู่ทางตันเสียแล้ว

จะว่าเชื่องช้าก็ได้ แต่จะดูว่านุ่มนวลก็เหมือนจะไม่ผิด เมื่อพระหัตถ์ขาวสะอาดช้อนอวัยวะกลางลำกายของคนป่วยขึ้น
เพื่อจะได้ทอดพระเนตรเห็นช่องทางที่อยู่ข้างใต้ได้ถนัด

ความบอบช้ำที่ได้ทอดพระเนตรเห็นทำให้พระองค์ทรงลืมเลือนความกระอักกระอ่วน
ในขณะที่เจ้าของร่างกายรู้สึกว่ากำลังจะไข้ขึ้น หน้าร้อนจัดโดยเฉพาะเมื่อได้ยิน ‘คำสั่ง’ ต่อไป

“นอนลงดีกว่า ข้าจะได้เห็นชัดกว่านี้”

รับสั่งออกไปแล้วถึงได้ทรงสะอึก สายตาสองคู่มองสบกันอยู่ครู่หนึ่ง
ต่างฝ่ายต่างทำหน้าไม่ค่อยถูก ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่นพร้อมๆ กัน

เนื้อยาค่อนข้างเย็น ทว่านิ้วพระหัตถ์ที่สอดใส่เข้ามานั้นอุ่น ความไม่คุ้นเคยทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความรู้สึกสับสน
เรียวนิ้วที่สอดไล้วนเวียนอยู่ภายในทำให้รู้สึกอายแม้จะมองไม่เห็น

เจ้าชายรามิเรสทรงป้ายยาจากตลับออกมาอีก ก่อนจะสอดพระดัชนีเข้าไปตรงช่องทางเดิม
การขมิบตอดรัดสิ่งแปลกปลอมของกล้ามเนื้อตรงนั้นทำให้พระองค์ทรงรู้สึกวูบไหว
ยิ่งเมื่อทรงพระดำริว่าร่างกายส่วนนี้เองที่รองรับความปรารถนาอันดิบเถื่อนรุนแรงของพระองค์ไว้ในคืนนั้น
และทำให้ความทรมานของพระองค์สลายไป ความรู้สึกหวามไหวแปลกๆ ก็ถาโถมเข้ามาในพระทัยเป็นระลอก

ท่วงท่าที่กำลังทอดพระเนตรเห็นอยู่ตอนนี้ก็ชวนให้คิดน้อยอยู่เมื่อไร เรียวขาแข็งแรงและเปลือยเปล่า
ที่กำลังชันขึ้นและแยกออกกว้าง เปิดเปลือยช่องทางกลางสะโพกให้เห็นชัดๆ กับสีหน้ากระดากอายที่แดงก่ำ
ไม่ว่าดูยังไงก็เหมือนว่ากำลังเชื้อเชิญ

ทั้งที่ทรงทราบอยู่แก่พระทัย ว่าฟีเรียสไม่เต็มใจและกำลังเป็นไข้

แต่ไยส่วนอ่อนไหวกลางพระวรกายจึงได้ตื่นตัวขึ้นมาอย่างน่าละอายเสียได้

“เสร็จแล้ว”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มรีบหุบขาเข้าหากันจนเกือบจะหนีบเอาพระพักตร์ของผู้เป็นเจ้าชายเข้าไปด้วย
ชายหนุ่มพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกมึนศีรษะ เมื่อรู้ตัวอีกที ร่างกายก็ถูกเจ้าชายหกทรงประคองไว้แล้ว
เนื้อตัวที่เสียดสีกันผ่านเสื้อผ้าทำให้ใจของเขายิ่งสั่นไหว

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

หลังจากรีบกราบทูลเร็วๆ แล้วชายหนุ่มก็ก้มตัวลงดึงกางเกงขึ้นโดยไม่สนใจว่าจะผิดมารยาทหรือไม่
เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าคำว่า ‘มารยาท’ จะเอาอยู่เสียแล้ว

อย่างไรก็ดี เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงช่วยให้สถานการณ์ง่ายดายขึ้นเลยแม้แต่น้อย
การพยายามช่วยสวมกางเกงให้อีกฝ่ายทำให้พระหัตถ์สัมผัสกับผิวก้นเปล่าเปลือยของเขา
ความร้อนผ่าวจากผิวกายนั้นราวกับจะถ่ายทอดไปสู่พระหัตถ์ได้

เหตุการณ์ในคืนนั้นพลันหวนเข้ามาสู่พระดำริวูบหนึ่ง

ฟีเรียสขยับตัวออกห่างอย่างอึดอัด เจ้าชายหนุ่มจึงทรงขยับห่างออกไปบ้าง แต่ยังประทับอยู่บนเตียง

“ฝ่าบาททรงมีพระธุระกับกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ”

คงจะเป็นธุระด่วนน่าดู... ถึงขนาดเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของเขาโดยพลการ

“ข้ามาเยี่ยมเจ้า”

ขณะที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มกำลังคิดอยู่ว่า ‘ของเยี่ยม’ คงจะเป็นยาในตลับสีเงิน
เจ้าชายหกก็รับสั่งบอกราวกับจะทรงทราบความคิด

“เอาผลไม้มาเยี่ยม องครักษ์ของข้าถือรออยู่ข้างนอก”

ฟีเรียสเห็นองครักษ์ร่างสูงโปร่งแวบๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายนั้นจะเห็นหรือไม่ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้อง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าการพูดตอบเพียงสั้นๆ จะทำให้บทสนทนาจบลงอย่างรวดเร็ว

เจ้าชายรามิเรสทรงเงียบไป แม้จะทรงทราบว่าพระองค์สมควรจะเสด็จกลับแล้ว
แต่คำลากลับไม่สามารถออกจากพระโอษฐ์ได้เสียที

“เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

“เหนื่อยพระเจ้าค่ะ อยากจะพักผ่อน”

เขาเหนื่อยจริงๆ ทั้งร้อนและมึนศีรษะ หวังว่าการทูลตอบอย่างไม่นึกถึงมารยาทเช่นนี้
จะทำให้อีกฝ่ายเสด็จกลับไปเสียที

“เหงื่อเจ้าออกมาก นอนทั้งอย่างนี้คงจะไม่สบาย”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มขมวดคิ้ว

“ข้าจะ... ช่วยเช็ดตัวให้”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงกระอักกระอ่วนพระทัยอยู่เหมือนกัน
เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าตกใจของคนไม่สบาย แต่พระองค์ก็รับสั่งออกไปแล้ว
ทั้งที่ไม่เคยทรงพยาบาลใครมาก่อน

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเพิ่งจะเช็ดให้ตัวเองไปเมื่อเช้า”

“เจ้าคงเช็ดไม่ถนัด”

“พอเช็ดได้พระเจ้าค่ะ”

แทนที่เจ้าชายหกจะทรงถือโอกาสลืมสิ่งที่เพิ่งจะทรงพลั้งโอษฐ์ไปเสีย
พระองค์กลับทรงดำเนินไปเปิดประตูแล้วตรัสสั่งให้องครักษ์คนสนิทจัดเตรียมน้ำและผ้าสะอาดมาถวาย
ฟีเรียสได้แต่นิ่งอึ้ง ไม่นานนักคนที่เพิ่งนำผลไม้เยี่ยมไข้มาวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือก็จัดหาทุกสิ่งมาถวาย
และกลับออกไปนอกห้องดังเดิม

“ถอดเสื้อออกสิ”

“ฝ่าบาท...” พิษไข้ทำให้ชายหนุ่มชักจะหงุดหงิด เมื่อกี้สั่งให้ถอดข้างล่าง ตอนนี้ยังจะสั่งให้ถอดข้างบนอีก

“ข้าสั่ง”

รับสั่งว่าอย่างนั้นแล้วคนที่เป็นแค่นักเรียนองครักษ์อย่างเขาจะทำอะไรได้ ฟีเรียสได้แต่ถอดเสื้อออกตามคำสั่ง
แม้ว่าตอนถอดจะทั้งอึดอัดและรู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายและใจ แต่เมื่อเห็นสายพระเนตรที่ทอดจับอยู่บนร่างกาย
ชายหนุ่มก็ชักจะรู้สึกวูบวาบขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“รอยพวกนั้น... ข้าเป็นคนทำหรือ”

ให้ตายสิ! เรื่องแบบนี้ไม่ต้องถามออกมาก็ได้ จะถามเพื่ออะไร

ฟีเรียสไม่ตอบ

ว่าที่องครักษ์หนุ่มคิดอยู่แล้วว่าคนระดับ ‘เจ้าชาย’ อย่างเจ้าชายรามิเรสคงจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้เรื่อง
เขาจึงได้แต่ทำใจเมื่อผ้าเปียกๆ ถูกโปะลงมาบนหน้าอกจนน้ำไหลลงไปถึงขอบกางเกง ถ้าจะทำแบบนี้
สู้ให้เขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเสียดีกว่า

ฟีเรียสไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่อาการสั่นสะท้านด้วยความหนาว
ก็ทำให้เจ้าชายหนุ่มทรงรู้จักบิดผ้าให้หมาดกว่าเดิม และเช็ดไปตามร่างกายของอีกฝ่ายอย่าง ‘เป็นงาน’ มากขึ้น

ชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสีน้ำตาลอ่อนเนียนสวยปล่อยให้คนอาสาช่วยทรงจับตัวเขาหันหน้าหันหลัง
ยกแขนขึ้นลง ชักเชิดไปตามพระทัยได้ราวกับตุ๊กตา เขาหลับตาลงอย่างไม่อยากจะรับรู้อะไร
ทว่านั่นยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทรงสำรวจร่างกายของเขาได้โดยไม่ต้องทรงรู้สึกกระดากพระทัยมากนัก

เรือนร่างที่มีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับพระองค์นี่เองน่ะหรือ ที่พระองค์ทรงกกกอดไว้ตลอดค่ำคืน
ร่างกายแบบนี้อาจจะทำให้ผู้หญิงเห็นแล้วใจเต้นแรงก็จริง แต่พระองค์ทรงเป็นผู้ชายย่อมไม่ทรงรู้สึกอย่างนั้น

แต่ความรู้สึกแสนอิ่มเอมในค่ำคืนนั้น... พยายามลืมอย่างไรก็ลืมไม่ลงจริงๆ

ที่จริง... พระองค์ไม่ได้ทรงพยายามเสียด้วยซ้ำ

พวกรอยดูดเม้มที่กระจายอยู่ประปรายทั่วแผ่นอกแข็งๆ นั่นพระองค์ทรงทำจริงหรือ
ร่างกายนี้แน่หรือที่พระองค์...

ฟีเรียสลืมตาขึ้นทันทีที่เจ้าชายหนุ่มทรงแตะแอ่งชีพจร... ตรงนั้นมีรอยช้ำสีม่วงจางๆ อยู่รอยหนึ่ง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มหยิบเสื้อขึ้นมาใส่โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทรงเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้วหรือยัง

“ฝ่าบาททรงขยับสักนิดเถิดพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะเดินไปส่งเสด็จ”

เขาอุตส่าห์ออกปากไล่อย่างสุภาพแล้ว ถ้าอีกฝ่ายยังไม่เข้าพระทัย ก็คงจะทรงดื้อ ‘ด้าน’ เต็มทน

โชคดีที่คราวนี้เจ้าชายหนุ่มทรงยอมลุก

“ไม่ต้องไปส่งข้าหรอก เจ้าพักผ่อนเถอะ ยาตลับนี้เจ้าเอาไว้ใช้ แล้วพรุ่งนี้... ข้าจะมาใหม่”

“ไม่ต้อง!”

เผลอขึ้นเสียงออกไปแล้วฟีเรียสก็ต้องถอนหายใจเบาๆ

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ แต่ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าชาย ทำแบบนี้คงไม่เหมาะ”

“ข้าแค่อยากจะรับผิดชอบ”

“มันเป็นความผิดพลาด กระหม่อมเข้าใจพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องทรงรับผิดชอบ”

ทั้งที่พระองค์น่าจะทรงดีพระทัยที่อีกฝ่ายเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่หลังจากทรงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เจ้าชายหกแห่งไมซีนกลับรับสั่งอย่างคนที่ไม่ยอมเข้าพระทัยอะไรง่ายๆ เสียเอง

“ข้าจะมาทุกวัน จนกว่าเจ้าจะหายดี”

ฟีเรียสปฏิญาณกับตนเองว่า เขาจะต้องหายป่วยก่อนพรุ่งนี้ให้จงได้

tbc.

*********************************

เอาตอนใหม่มาส่งค่ะ ดีใจที่มีคนชอบแนวนี้ ^^

เรื่องนี้ไม่ดราม่าหรอกค่ะ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปแบบเรื่อยๆ มากกว่า

แล้วก็... ถามนิดนึงค่ะ
จะอัพเดตชื่อเรื่องด้วย เปลี่ยนจากบทที่ 1 เป็นบทที่ 2 แล้วก็เปลี่ยนวันที่ด้วย ต้องแก้ยังไงอ่าคะ ---> แก้ได้แล้วค่ะ
ขอบคุณ คุณ อายทำไม และคุณ chisarachi นะคะ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-01-2014 17:03:44
 :-[ เจ้าชายติดใจสินะ ได้หลังแล้วลืมหน้าสินะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 29-01-2014 17:26:27
มาแล้ว เจ้าชายเริ่มรุกแล้ว รุกๆๆๆ
เมื่อไหร่เจ้าชายจะรู้ใจตัวเองซักทีนะ  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-01-2014 17:43:31
ดีจังที่พีเรียสมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ให้เจ้าชายแหยงๆ ได้บ้าง ง้อเยอะๆ นะเจ้าชาย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 29-01-2014 17:48:59
มาเจิ่มมมมมเรื่องใหม่ค่ะ
เป็นคนชอบแนวแบบนี้
เจ้าชายน่ารีัก น่าฮักที่สุด
สวนฟีเรียสก้ดูเป็นคนไม่ชอบคนแต่รักความสงบ
แต่ดูเป็นคนม่ีความกวนติงในสายเลือด ฮ่าๆๆๆ

ตอนที่นเขียนจะลงตอนต่อไปมันจะมีพื้นที่ให้ลง แล้วก็มีหัวข้อค่ะทู้ค่ะ  หัวข้อที่เห็นก็คือหัวข้อปัจจุบันที่มองเห็น
ถ้าจะแก้ก็แก้ได้เลย  ชื่อเดิมที่เคยใช้ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่่ะ แก้ตรงช่อง "เรื่อง: "
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทนำ + บทที่ 1 (26 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: titeaw ที่ 29-01-2014 18:20:48
ชอบแนวนี้มากค่ะ มาต่อไวๆนะคะ 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-01-2014 19:27:24
 :กอด1:


เจ้าชายติดใจสินะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 29-01-2014 20:16:57
โอ้ยอายแทน 555555555555555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-01-2014 20:25:33
น่าร้ากก เขิลจนจิกหมอน  :-[

เจ้าชายหลงเข้ามาในโลกนี้แล้ว ก้าวขาออกไม่ได้แล้วเพคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 29-01-2014 20:45:01
ชอบครับ ตัวฟีเรียสเนี่ยชอบมาก นิ่งๆและหยิ่งในที o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 29-01-2014 20:46:51
ชอบองครักษ์มากกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 29-01-2014 23:48:57
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 30-01-2014 14:17:57

ชอบๆๆ---เจ้าชายติดใจแล้วล่ะสิท่า

คนแต่งสู้ๆ---มาลงจนจบเลยนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-01-2014 15:14:15
สงสัยเจ้าชายจะติดใจฟีเรียสเข้าแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 30-01-2014 15:49:17
 :L2:ชวนอ่านค่ะ  รอนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 30-01-2014 16:17:01
เจ้าชายความรับผิดชอบสูงกว่าปกติป่าว :hao7: :hao7:

รับผิดชอบอย่างดีเชียว :hao6: :hao6: :hao6:

แอบน่ารักเบาๆ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 30-01-2014 16:52:19
ติดตามมมค่า  >< ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 30-01-2014 21:30:43
ชอบอ่ะ

แหมๆเจ้าชายดูเหมือนจะติดใจองครักษ์ฟีเรียสเข้าเต็มเปาแล้วซินะ ><

ถ้าติดแล้วคิดจะถอนตัวนี่คงยากหน่อยนะคะท่านเจ้าชาย 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 2 (29 ม.ค. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 30-01-2014 22:30:50
เจ้าชายขา...  ถ้าอยากรับผิดชอบขนาดนี้ก็รับไปเป็นชายาเลยเถอะค่ะ  อย่าได้รอช้า :hao3:


เรื่องนี้เหมือนจะเดินเรื่องช้าๆ  แต่ขอบอกว่าสนุกมากเลยค่ะ  มาแบบชวนเขินยังไงก็ไม่รู้ 
รีบมาต่อเร็วๆนะคะ  อยากอ่านแล้ว :mew1: (เดี๋ยวกดบวก  เป็นการติดสินบนให้ :katai5: )
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 03-02-2014 17:22:11
บทที่ ๓

ว่าที่องครักษ์หนุ่มร่างสูงโปร่งหายไข้มาหลายวันแล้ว
แต่เจ้าชายรามิเรสก็ยังไม่ทรงหายไปจากวงโคจรชีวิตของเขาเสียที
พระองค์เสด็จมาที่โรงเรียนองครักษ์หลวงบ่อยๆ เพื่อทอดพระเนตรการฝึกของนักเรียนองครักษ์ปีสุดท้าย
โรดีอัสเดาว่าเจ้าชายหนุ่มคงจะเสด็จมาทอดพระเนตรฝีมือของพวกเขาเพื่อทรงคัดเลือกไว้เป็นองครักษ์ของพระองค์
ฟีเรียสไม่ได้แสดงความคิดเห็นตอบ แต่เขาไม่เชื่อ

แม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจแล้ว แต่เมื่อใดที่ฟีเรียสมองไปทางที่ประทับ
เขาก็มักจะเห็นว่าพระองค์กำลังทอดพระเนตรมาทางเขาพอดีทุกครั้งไป
บางทีเขาอาจจะคิดไปเอง แต่ถึงไม่คิด ไม่มอง เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี

หลายวันต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวงก็สั่งให้ฟีเรียสไปช่วยคุณชายมิทรอส
ซึ่งเป็นบุตรชายของเสนาบดีกลาโหมจัดสวนใหม่ หลังจากรู้เหตุผล โรดีอัสถึงกับหัวเราะเสียงดัง

“เพราะว่าเจ้าเป็นลูกชาวสวนก็เลยคิดว่าเจ้าจะต้องจัดสวนเก่ง ฮะๆๆ มันเกี่ยวกันตรงไหนวะข้าล่ะงง”

ฟีเรียสเองก็รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่ถูกขอตัวไปช่วยยิ่งสังหรณ์ใจอย่างประหลาด
นี่ถ้าเขารู้ก่อนว่าคุณชายมิทรอสเป็นพระสหายสนิทของเจ้าชายรามิเรส เขาก็คงจะปะติดปะต่อเรื่องได้ตั้งแต่แรก
ไม่ต้องรอให้ไปถึงคฤหาสน์ของท่านเสนาบดีแล้วเห็นเจ้าชายหนุ่มเสียก่อนถึงจะรู้เรื่อง

ว่าที่องครักษ์หนุ่มไม่รู้ว่าคุณชายหนุ่มรู้เรื่องระหว่างเขากับเจ้าชายหกหรือไม่
แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใดๆ ให้เขารู้สึกสงสัย
เจ้าชายหกเองก็ไม่ได้ทรงทำอะไร ‘แปลกๆ’ กับเขาอีก
นอกจากแย้มพระสรวลเป็นเชิงทักทาย

การไปช่วยครั้งนั้นเขาได้รับเงินตอบแทนจากคุณชายหนุ่มด้วย
แม้จะปฏิเสธไม่รับแล้ว อีกฝ่ายก็ยังฝากผู้อำนวยการมาให้เขาได้อยู่ดี

ช่วยไม่ได้เลยที่ชั่วขณะหนึ่งเขาเกิดสงสัยขึ้นมาว่า... เงินนั่นเป็นของใครกันแน่
ไม่แปลกที่เขาจะคิด เพราะใครบางคนมีประวัติเรื่องการชอบชดใช้ด้วยเงินทองอยู่

ครึ่งเดือนต่อมาฟีเรียสได้รับข่าวจากน้องสาวว่ามารดาป่วย ตามกฎระเบียบแล้ว
นักเรียนองครักษ์หลวงจะสามารถกลับไปเยี่ยมบ้านได้เพียงสองเดือนครั้ง
และเขาก็เพิ่งกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าเมื่อชายหนุ่มลองเสี่ยงดวงขอลากิจดู
ก็ปรากฏว่าได้รับอนุญาตอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นก็มี ‘งานพิเศษ’ เข้ามาอีกหลายครั้งจนเขาวิตกกังวลเพราะไม่แน่ใจว่า
นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของใครบันดาลให้เป็นไปกันแน่

ในที่สุดเจ้าชายรามิเรสก็โปรดให้เขาไปช่วยจัดสวนที่พระตำหนัก
เรื่องการใช้แรงงานนักเรียนองครักษ์นั้นฟีเรียสรู้ดีว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่บ่อยเข้าเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าตัวเองจะได้เป็นองครักษ์หรือคนสวน
แม้ว่านักเรียนองครักษ์ที่ไม่ได้เป็นลูกชายขุนนางอย่างเขาจะไม่มีวันได้รับคัดเลือก
ให้เป็นองครักษ์ที่ทำหน้าที่สำคัญ อย่างดีก็คงจะเป็นได้แค่องครักษ์รักษาการณ์
ยืนประจำเวรยามรอบพระราชวังหลวง แต่ถึงอย่างไรก็ยังห่างจากการเป็นคนสวนอยู่ดี

อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มถือโอกาสนี้ทูลถามข้อข้องใจจากเจ้าชายหกอย่างตรงไปตรงมา
เจ้าชายหนุ่มทรงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นกันว่า

“ใช่ ข้าทำเอง”

“กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม ฝ่าบาททรงทำไปเพื่ออะไรพระเจ้าค่ะ”

แม้ว่าตรงนี้จะไม่ใช่ที่รโหฐาน แต่ในสวนแห่งนี้ก็ค่อนข้างโล่งและไม่มีใครอยู่บริเวณใกล้เคียง
ฟีเรียสจึงสามารถทูลถามได้โดยไม่ต้องระมัดระวังมากนัก

“ข้าอยากจะรับผิดชอบ”

ไปๆ มาๆ ทุกอย่างก็วนมาที่คำตอบเดิม

“ถ้ากระหม่อมรับเงินจากฝ่าบาท ฝ่าบาทจะทรงหยุดรับผิดชอบหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

คนถูกถามทรงนิ่งเงียบไป พระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อทั้งพระองค์เองและคนอื่นมากพอที่จะไม่รับสั่งโป้ปดว่า ‘หยุด’

“กระหม่อมไม่ต้องการความรับผิดชอบจริงๆ พระเจ้าค่ะ และไม่ต้องการอะไรจากฝ่าบาทเลย มันเป็นแค่ความผิดพลาด”
ประโยคเหล่านั้นก็เหมือนกัน ฟีเรียสไม่รู้ว่าเขาพูดมันออกไปกี่ครั้งแล้ว

“แต่ข้ารู้สึกผิด ถึงเจ้าจะบอกว่าไม่จำเป็น แต่ข้าก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่”

ศักดิ์ศรีของผู้ชายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีใครมาทำ ‘ผิดพลาด’ อย่างนั้นกับพระองค์บ้าง
พระองค์ก็คงจะทรงลงพระอาญาสถานหนักไปแล้ว

ฟีเรียสเครียด ชายหนุ่มมองสบสายพระเนตร ชั่งใจ อึดอัดใจ
ทว่าในที่สุดก็ตัดสินใจกราบทูลด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“คืนนั้นฝ่าบาททรงถูกยากระตุ้น แต่กระหม่อมไม่ได้ถูกด้วย ฝ่าบาททรงเมา แต่กระหม่อมยังมีสติดี”

เจ้าชายรามิเรสทรงขมวดพระขนง

“พระวรกายของฝ่าบาทมีขนาดพอๆ กับกระหม่อม เรื่องกำลัง... ก็คงจะพอๆ กัน
ถ้ากระหม่อมจะขัดขืนจริงๆ กระหม่อมก็คงจะทำได้”

พระทัยของเจ้าชายหนุ่มเต้นแรงขึ้น ในขณะที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

“แต่กระหม่อมก็ไม่ได้ทำ”

ฟีเรียสกราบทูลแค่นั้น เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทรงรู้สึกผิดอีก แต่เจ้าชายหนุ่มกลับยังไม่ทรงยอมจบเรื่อง

“เจ้าคงจะไม่อยากทำร้ายเจ้าชายอย่างข้า”

คนฟังยิ่งเครียดกว่าเดิม ผู้ชายที่กำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืนจะมามัวสนใจทำไมว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ต่อให้เป็นองค์ราชาหรือเทพเจ้าบนสวรรค์ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เต็มใจก็เป็นอันต้องถูกถีบกระเด็นหมดนั่นแหละ
ทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้เจ้าชายพระองค์นี้ถึงไม่เข้าพระทัย

“แล้วข้าก็คงจะใช้กำลังบังคับเจ้าเต็มที่ เจ้าถึงได้...” หนีไม่พ้น และมีเลือดออกมากขนาดนั้น

“กระหม่อมเต็มใจเองพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสโพล่งออกไปอย่างเหลืออด ทว่าเมื่อเห็นอาการชะงักงันของอีกฝ่าย เขาก็ต้องเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง

“กระหม่อมยอม กระหม่อมยั่ว กระหม่อมเชิญชวน ฝ่าบาทจะทรงคิดยังไงก็ได้
แต่ไม่จำเป็นต้องทรงรู้สึกผิด ไม่จำเป็นต้องทรงรับผิดชอบ”

ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ในที่สุดฟีเรียสก็เป็นฝ่ายหมดความอดทนก่อน
 ชายหนุ่มค้อมกายลงถวายความเคารพแล้วหันหลังเดินจากไปอย่างไม่คำนึงถึงมารยาทอีก

“แล้วเจ้าคิดจะรับผิดชอบข้ารึเปล่า”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มหยุดเดิน เขาคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาด

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงโล่งพระทัยที่อีกฝ่ายไม่ได้หันกลับมา เพราะมันทำให้พระองค์สามารถรับสั่งต่อไปได้ว่า

“เจ้าทำให้ข้าลืมไม่ลง เจ้าจะรับผิดชอบข้ายังไง”

นานทีเดียว กว่าฟีเรียสจะหันกลับมา

“กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้น แต่พระคู่หมั้นของฝ่าบาทคงจะช่วยได้พระเจ้าค่ะ”

***************************

เจ้าชายรามิเรสทรงพยายามลืมฟีเรียส พระองค์เสด็จไปสถานเริงรมย์สำหรับชนชั้นสูง
ตามคำแนะนำของพระสหายสนิท มิทรอสเป็นคนเดียวที่พระองค์ทรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้ฟัง
และคุณชายหนุ่มก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก

“ผู้ชายกับผู้หญิงมีเสน่ห์กันคนละแบบพระเจ้าค่ะ คนที่มีรสนิยมดี
ย่อมต้องรู้จักเสพสุขกับความเย้ายวนทั้งสองแบบ ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะทรงติดพระทัย”

มิทรอสยังกราบทูลอีกว่าผู้หญิงมีเสน่ห์ตอนไหน ผู้ชายมีเสน่ห์เวลาใด พูดให้ถูกก็คือ
เรือนร่างของผู้หญิงดียังไง และร่างกายของผู้ชายยอดเยี่ยมตรงไหน
เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงฟังและคล้อยตามคำทูลชวนของอีกฝ่าย
ทั้งที่พระองค์ซื่อสัตย์ต่อพระคู่หมั้นมาตลอดสองปี

คุณชายหนุ่มสั่งให้เจ้าของหอบุปผาเลื่องชื่อจัดหญิงสาวมาถวาย
แต่ไม่ได้บอกหญิงวัยกลางคนผู้นั้นว่าเจ้าชายหนุ่มเป็นใคร

เจ้าชายรามิเรสทรงร่วมอภิรมย์กับหญิงสาวผู้นั้นได้ตามปกติ
พระวรกายตื่นตัวและปลดปล่อยตามธรรมชาติเมื่อถูกปลุกเร้า
แต่ไม่มีความสุขนักเพราะกำลังเครียด
ภาพใบหน้าของพระคู่หมั้นและว่าที่องครักษ์หนุ่มคอยวนเวียนอยู่ในพระดำริสลับกันไปมา

ชายหนุ่มอีกสองคนเข้าไปถวายงานต่อจากนั้นโดยเข้าไปทีละคน
คนแรกเป็นชายหนุ่มผิวขาวซึ่งมีรูปร่างเพรียวบางคล้ายผู้หญิง คนที่สองมีรูปร่างและสีผิวแบบเดียวกับฟีเรียส
แต่ก็ถูกเจ้าชายหนุ่มทรงไล่ออกมาจากห้องทั้งคู่

“ไม่โปรดเลยหรือพระเจ้าค่ะ” ผู้เป็นพระสหายทูลถาม

เจ้าชายหนุ่มเพียงแต่สั่นพระเศียรด้วยสีพระพักตร์เครียดๆ

“แล้วทรงลืมนักเรียนองครักษ์คนนั้นได้หรือยัง”

“ยัง”

“งั้นกระหม่อมว่าคงจะเหลือทางแก้อีกวิธีเดียว”

เจ้าชายรามิเรสหันไปทอดพระเนตรหน้าของพระสหาย

“ต้องทรงลองมีอะไรกับเจ้าเด็กนั่นอีกสักทีพระเจ้าค่ะ คราวนี้ทำตอนที่ฝ่าบาททรงมีพระสติดี”

สีพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นบอกไม่ถูกทันที พระองค์ไม่เคยปรารถนาจะทำเช่นนั้นเลยสักครั้ง
คืนนั้นพระองค์ทรงเมากำหนัดและน้ำจัณฑ์จึงยับยั้งพระอารมณ์ไม่ได้
แต่หากเป็นตอนที่มีพระสติครบถ้วน... เห็นทีว่าคงจะเป็นไปไม่ได้แน่

อีกอย่าง... ฟีเรียสเองก็คงไม่ยอมให้พระองค์ทำอย่างนั้นกับเขาอีกครั้งแน่ แต่ว่า...

กระหม่อมเต็มใจเองพระเจ้าค่ะ

อา... ประโยคนั้นมีความหมายตรงตัวตามนั้นจริงหรือเปล่า



เจ้าชายหกแห่งไมซีนบรรทมไม่หลับ แม้จะตื่นบรรทมขึ้นมาทรงงานแล้วก็ยังอ่านเอกสารไม่รู้เรื่อง
จึงต้องประทับรับลมอยู่ตรงระเบียงห้องทรงพระสำราญ เสวยน้ำจัณฑ์และชมจันทร์ที่ใกล้จะลับฟ้า
ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์โรแมนติกเลยแม้แต่น้อย

ตอนที่พระองค์เสด็จไปที่โรงเรียนองครักษ์หลวงบ่อยๆ และหางานพิเศษให้นักเรียนองครักษ์ผู้นั้นทำ
ก็เพราะทรงรู้สึกผิดและมีพระประสงค์จะรับผิดชอบจริงๆ

แต่ตอนนี้เมื่อทั้งความรู้สึกผิดและความรับผิดชอบไม่จำเป็นต้องมีแล้ว พระองค์ยังจะเหลืออะไรไว้ให้ยึดเหนี่ยว
ความรู้สึกหวนคะนึงถึงที่ยังอวลอึงอยู่ในพระอุระนี้สมควรจะถูกเรียกขานว่าอะไร

เคยทรงคิดอยู่เหมือนกัน ว่าพระองค์ติดพระทัยในเพศรสแบบใหม่หรือไม่

ก็อาจจะใช่... ความอิ่มเอมในคืนนั้นยังอุ่นอยู่ในพระทัยไม่รู้วาย ทั้งที่ไม่มีพระสติดีนัก

แต่ทำไมจึงทรงทำเช่นนั้นกับชายหนุ่มที่มิทรอสจัดหามาถวายไม่ได้

ไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่ได้ก็คือไม่ได้จริงๆ

หรือจะเป็นเพราะว่าพระองค์ทำตอนมีสติไม่ได้

ถ้าอย่างนั้น... ก็คงจะทำกับฟีเรียสไม่ได้เช่นกัน

ปัญหาอยู่ที่ไหนกันแน่ อยู่ที่ ‘เพศ’ หรืออยู่ที่ ‘คน’

ถ้าคืนนั้นคนที่พระองค์ข่มขืนไม่ใช่ฟีเรียส พระองค์จะลืมๆ มันไปได้ไหม
ถ้าคนที่ผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวงเรียกให้มาเข้าเฝ้าฯ ไม่ใช่ผู้ชายผิวสีน้ำตาลอ่อน
ผู้มีใบหน้าสงบเงียบเรียบร้อย ทั้งยังปฏิเสธความรับผิดชอบของพระองค์ทุกอย่าง
พระองค์จะทรงเลิกคิดถึงเขาได้ไหม

...กระหม่อมไม่ได้ขายตัว...

ประโยคนั้นทำให้พระองค์พระพักตร์ชา แต่เมื่อรวมกับอีกประโยคหนึ่งที่เขารับสารภาพในภายหลังว่า

...กระหม่อมเต็มใจเองพระเจ้าค่ะ...

ก็ทำให้พระองค์อดจะรู้สึกปรีดิ์เปรมขึ้นมาไม่ได้

ประโยคนั้นทำให้ทรงรู้สึกราวกับว่า... เป็นคนพิเศษ

...กระหม่อมยอม กระหม่อมยั่ว กระหม่อมเชิญชวน...

ยอม... ก็คงจะจริง แต่ยั่วกับเชิญชวนนั้นคงไม่ใช่แน่

ไม่ว่าจะยังไง พระทัยของพระองค์ก็เต้นแรงมากเมื่อได้ยิน

ตอนนี้... ก็ยังเต้นแรงอยู่เมื่อมีพระดำริว่า หากฟีเรียสทำเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ พระองค์จะทรงรู้สึกเช่นไร
ชายหนุ่มบอกว่าเขาเต็มใจ ถ้าอย่างนั้น... คืนนั้นเขากอดตอบพระองค์รึเปล่า
รู้สึกมีความสุขเหมือนที่พระองค์ทรงมีบ้างไหม ทำไมพระองค์จึงจำสิ่งที่เขาปฏิบัติตอบพระองค์ไม่ได้เลย
ถ้าเขารู้สึกดีอยู่บ้าง พระองค์จะได้ไม่ต้องทรงรู้สึกผิดมากนัก แต่ถ้าสิ่งที่ฟีเรียสรู้สึกมีแต่ความเจ็บปวดทรมาน

พระองค์ก็อยากจะ...

เห็นทีว่า... คงจะทรงเมาเสียแล้ว



วันรุ่งขึ้นอันธียาซึ่งเป็นบุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีคลัง
และเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายรามิเรสมาหาเจ้าชายหนุ่มถึงพระตำหนัก
หญิงสาวนำขนมที่นางบอกว่าทำเองมาถวาย และเลียบเคียงทูลถามเรื่องที่ได้ยินมา
ว่าเมื่อคืนนี้พระองค์เสด็จไปที่หอบุปผากับมิทรอสมา

“เจ้าได้ยินมาจากไหน”

“คนที่บอกหม่อมฉันเขาห้ามไม่ให้หม่อมฉันบอกฝ่าบาทเพคะ”

เจ้าชายหกเพียงแต่ทรงพยักพระพักตร์แล้วก็ทำเฉยเสีย

“แล้วมันจริงรึเปล่าล่ะเพคะ”

“ไม่จริง”

“ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จไปแน่หรือเพคะ”

“อืม”

“แล้วเมื่อคืนเสด็จไปที่ไหนมาเพคะ”

“ไม่ได้ไปไหน ทำงานอยู่ในห้อง”

“ดูท่าจะทรงงานดึกนะเพคะ พระพักตร์เซียวๆ เหมือนคนอดนอน”

“อืม ดึก”

อันธียายังคงทูลถามซักไซ้อยู่อีกสองสามประโยค ก่อนจะเลิกราไป
หญิงสาวเป็นคนสวย มีชาติตระกูลดี และเจ้าชายรามิเรสก็พอพระทัยนางมากพอสมควร
จึงได้ทรงหมั้นหมายตามคำขอร้องของพระมารดาก่อนที่พระนางจะบวชเป็นชี
เจ้าชายหกทรงซื่อสัตย์ต่อพระคู่หมั้นเสมอมา และไม่โปรดการรับสั่งเท็จ
แต่ความจริงที่พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ซ้ำยังมีโทษเสียอีก พระองค์ก็ไม่รับสั่ง

เรื่อง ‘การนอกใจ’ เล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พระองค์จึงไม่ทรงทราบว่าอันธียาค่อนข้างขี้หึง
แต่เมื่อนางมาทูลถาม พระองค์ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่ได้ติดพระทัยอะไรนัก

เพียงแต่มีพระประสงค์จะทรงทราบขึ้นมาอยู่รำไร
ว่าหากฟีเรียสรู้ว่าพระองค์เสด็จไปสถานที่เช่นนั้นมา
เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง

หรือว่า... ไม่รู้สึกอะไรเลย


tbc

****************************************************

ที่ว่า 'กระหม่อมเต็มใจ' นั่นน่ะ เรื่องจริงนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 03-02-2014 18:11:06
ทำเอาองค์ชายเพ้อกันเลยทีเดียว  :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 03-02-2014 18:16:53
ได้อ่านตอนนี้แล้วฟิน  เจ้าชายขาอย่าทรงรอช้า  รีบพิสูจน์ใจตัวเองเถอะค่ะ :katai2-1:

ว่าแต่ฟีเรียสนี่สมยอมจริงหรือเนี่ย  แบบนี้ก็แสดงว่าฟีเรียสแอบมีซัมติงล่ะสิ  (แต่เป็นซัมติงแบบไหนหว่า :m28: )

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-02-2014 18:32:41
อ่าาา องค์ชายเพคะ ทรงพระสติสักจานนะเพคะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 03-02-2014 18:34:33
เรื่องอย่างนี้ต้องพิสูจน์ค่ะเจ้าชาย  :o8:

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-02-2014 19:12:20
ทรงเป็นหนักมากนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-02-2014 19:41:52
ติดใจ ขนาดเอาไปคิดจนเครียดแบบนี้ จะให้เรียกว่าอะไรละจ๊ะคุณเจ้าชาย
ไปทำตามที่คุณเพื่อนบอกซะ แล้วสลัดชะนีทิ้ง เชื่อเจ๊เถอะ 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 03-02-2014 19:55:11
ฟีเรียสแอบชอบเจ้าชายใช่เปล่า อิอิ

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-02-2014 20:43:17
เจ้าชายทรงพยายามเข้าหาแต่ฟีเรียสก็พยายามหนี อ๊าา :ling3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 03-02-2014 22:05:15
ชอบแนวนี้มากเลยคะ
เจ้าชายตกหลุมรักซะแล้วนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-02-2014 22:51:04
ตามมาอ่าน ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-02-2014 23:39:35
ฟีเรียสเต็มใจ เอ๊ะหรือมีไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 03-02-2014 23:44:52
มาจากกระทู้แนะนำนิยาย
ไม่ผิดหวังเลยจริงๆๆ สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 04-02-2014 14:40:49

ถ้าพระคู่หมั้นรู้เื่รื่องของฟีเรียสต้องเป็นเรื่องแน่ๆเลยอ่ะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-02-2014 17:23:15
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 04-02-2014 19:33:58
มาตามด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 04-02-2014 20:25:28
 :hao6: o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 04-02-2014 20:28:13
ชอบแนวนี้ๆ ฟีเรียสดูเข้มแข็งดี ส่วนเจ้าชายก็...ตกหลุมแล้วล่ะพระเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 04-02-2014 20:52:58
สนุกมากๆๆ รอให้คลอดตอนต่อไป สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 04-02-2014 21:15:18
ติดใจชายหนุ่มสินะเพคะองค์ชาย ลองดูอีกสักทีแล้วจะได้รู้ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-02-2014 22:35:11
องค์ชายหกคงตกหลุมรักว่าที่องครักษ์แล้วล่ะเพคะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 05-02-2014 00:13:27
คู่หมั้นอย่าเป็นนางร้ายนะ 5555555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 05-02-2014 00:29:47
ชอบนิยายแนวนี้~~ มาแต่งต่อเร็วนะคะ รออยู่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 05-02-2014 00:57:08
รอคอยตอนใหม่อยุ่นะคะ อ้ายย อยากให้เจ้าชายรู้ใจตนเองเร็วๆ จังค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-02-2014 09:13:38
เจ้าชายติดใจฟีเลียสแล้วละซิ คิกคิก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 05-02-2014 21:56:35
โอวววว มาแนวที่ชอบเลย
เจ้าชายกับองครักษ์
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 06-02-2014 00:41:56
พลอตเรื่องน่าสนใจดี
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2014 10:53:29
จะหาวิธีไหนให้เขายอมอีกครั้งล่ะเจ้าชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 3 (3 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-02-2014 11:17:04
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 06-02-2014 17:48:45
บทที่ ๔

ฟีเรียสไม่ได้เห็นเจ้าชายรามิเรสมาพักใหญ่แล้ว นั่นทำให้ว่าที่องครักษ์หนุ่มรู้สึกโล่งใจขึ้น
แม้จะรู้สึกโหวงๆ ในอกอยู่บ้าง แต่ก็โล่งใจมากกว่า การสนทนาครั้งสุดท้าย
ทำให้เขารู้สึกอับอายทุกครั้งที่นึกถึง แต่ก็รู้สึกดีที่มันช่วยแก้ปัญหาได้

อย่างไรก็ตาม... เขาไม่ได้โกหก

ฟีเรียสรู้ตัวมาหลายปีแล้วว่าเขาชอบมองผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยบอกใคร
และยิ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับใคร ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งหรือผิวเผิน

เขาเคยเห็นเจ้าชายรามิเรสเสด็จมาที่โรงเรียนองครักษ์หลวงอยู่หลายครั้ง และมองพระองค์อยู่บ่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นพระพักตร์ รอยแย้มพระสรวล หรือพระวรกายของพระองค์ ก็ล้วนแต่ต้องตาต้องใจเขาไปหมด

ฟีเรียสแอบชอบเจ้าชายหนุ่มอยู่เงียบๆ และเขาก็พอใจที่ได้เพียงเท่านั้น

คืนนั้นเริ่มต้นขึ้นด้วยความบังเอิญ และจบลงด้วยความผิดพลาด

บังเอิญที่เขาเป็นหนึ่งในบรรดานักเรียนองครักษ์ที่ถูกเกณฑ์ให้ไปช่วยงาน
บังเอิญที่เจ้าชายรามิเรสทรงเลือกให้เขาช่วยพยุงพระองค์ขึ้นไปบนห้อง และผิดพลาด...
เมื่อคนที่วางยาปลุกกำหนัดพระองค์ไม่ได้ขึ้นมา จึงทำให้คนที่ต้องช่วยเหลือพระองค์กลายเป็นเขา

คืนนั้นเป็นประสบการณ์แรกระหว่างเขากับ ‘ผู้ชาย’ และไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเลยแม้แต่น้อย
เจ็บปวด...จนรู้สึกว่าร่างกายแทบจะแหลกสลาย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนมากนัก
เขาเต็มใจ แม้ว่าจะเจ็บปวดมากกว่ามีความสุข

ฟีเรียสคิดว่าเจ้าชายรามิเรสคงจะทรงลืม ทำเป็นลืม หรือไม่ก็บอกให้เขาลืม
พระองค์ทรงทำข้อสุดท้ายจริง แต่พอเขาปฏิเสธเงิน พระองค์ก็ทรง ‘เสนอตัว’ แทนเงิน
โดยที่เขาไม่ต้องการเลย แม้จะยอมรับว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า
และยินดีที่ ‘ครั้งแรก’ ของเขาคือพระองค์
แต่เขาก็ยังอยากที่จะแอบชอบอยู่เงียบๆ เหมือนเดิมอยู่ดี

เพราะรู้ดีว่า... ไม่มีอนาคตที่สดใสสำหรับเขาและพระองค์

อย่างไรก็ดี ต่อไปนี้เขาคงไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องของพระองค์อีกแล้ว




ฟีเรียสไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องพบกับเจ้าชายรามิเรสอีก และยิ่งคิดไม่ถึงด้วยว่าเขาจะเป็นฝ่ายขอพบ

พายุฝนหลงฤดูพัดกระหน่ำรุนแรง น้ำป่าไหลหลากลงมาจากภูเขา
และทำให้หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านลับหายไปกับสายน้ำ ผู้คนจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก
แต่โชคดีที่คืนนั้นมารดาและน้องสาวของเขาค้างคืนอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาอีกลูกหนึ่งจึงรอดตาย

ฟีเรียสรู้เรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาได้เกือบสองเดือน
น้องสาวของเขาเขียนจดหมายมาบอกและฝากขอบคุณเจ้าชายซึ่งเป็นเจ้านายของเขาด้วย
ที่ให้ทั้งเงินทั้งคนงานมาช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้ เฟย์ถามเขาว่าเขาถูกเจ้าชายพระองค์ไหนจองตัวไว้ให้เป็นองครักษ์

นางไม่รู้ เขาเองก็ไม่รู้ แต่เดาได้ และคิดว่าเดาถูก

ว่าที่องครักษ์หนุ่มขอเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายรามิเรสผ่านทางผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์หลวง
และได้เข้าเฝ้าฯ ในห้องเดิม แต่คราวนี้เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยลงกว่าเดิมอีกมากมาย

“กระหม่อมอยากจะขอบพระทัยเรื่องบ้านพระเจ้าค่ะ” บ้านหลังใหญ่มาก... น้องสาวของเขาว่าอย่างนั้น

“ไม่เป็นไร ข้าอยากช่วย”

ฟีเรียสชอบนิสัยแบบนี้ของอีกฝ่าย... เจ้าชายหกไม่เคยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“กระหม่อมจะทำงานเก็บเงิน และค่อยๆ ผ่อนใช้คืนพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทจะทรงพระกรุณา”

“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าใช้คืน แค่เจ้าไม่เอาเรื่องที่ข้าถือวิสาสะทำลงไปข้าก็ขอบใจมากแล้ว”

ฟีเรียสบดกรามเข้าหากัน ไม่เข้าใจว่าเจ้าชายพระองค์นี้จะทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยไปถึงไหน

จะทำให้เขา... ชอบพระองค์มากขึ้นอีกไปทำไม

“กระหม่อมจะใช้คืนแน่ๆ พระเจ้าค่ะ ขอเพียงฝ่าบาทรับสั่งบอกจำนวนเงินมา
ต่อให้ต้องทำงานชั่วชีวิตเพื่อหาเงินมาคืน กระหม่อมก็จะทำ” ซึ่งก็คงจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตจริงๆ

“เจ้าจะถือว่าข้าชดใช้ให้เจ้า... เรื่องคืนนั้นก็ได้”

“กระหม่อมกราบทูลแล้วว่าไม่เป็นไร”

“เรื่องบ้าน... ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ข้าอยากให้”

“แต่กระหม่อมไม่ใช่ขอทาน!”   

ชายหนุ่มโพล่งออกไป เจ้าชายหกจึงทรงนิ่งเงียบ
นักเรียนองครักษ์คนนี้ปกติจะสุภาพก็จริง แต่พอโมโหก็ใช้คำแรงทีเดียว
คราวที่แล้วว่าไม่ได้ขายตัว คราวนี้ก็ว่าไม่ใช่ขอทาน
พระองค์ไม่เคยทรงพระดำริเช่นนั้นเลยสักนิด
แต่ถึงจะรับสั่งอีกเท่าไร เขาก็คงจะไม่ฟัง

“.....”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนรับสั่งบอกตัวเลขด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ คราวนี้ฟีเรียสเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งบ้าง

บ้านแบบไหนถึงใช้เงินมากขนาดนั้น!

“กระหม่อม... จะพยายามหามาใช้พระเจ้าค่ะ แต่ยังกราบทูลไม่ได้ว่าจะผ่อนจ่ายยังไง
ระหว่างนี้จะโปรดให้กระหม่อมเซ็นสัญญาไว้ก่อนก็ได้”

น้ำเสียงของว่าที่องครักษ์หนุ่มกลับมาเรียบสงบดังเดิมแล้ว เจ้าชายรามิเรสได้แต่ทรงอ่อนพระทัย

“เงินเดือนขององครักษ์คงไม่มาก” ยิ่งถ้าไม่ได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายหรือคนสำคัญยิ่งได้น้อย
“กว่าจะจ่ายได้ครบ คงต้องใช้เวลาสักสามสี่สิบปี”

ได้ยินรับสั่งแล้วคนฟังก็อดจะโทษว่าอีกฝ่ายอยู่ในใจไม่ได้ว่าพระองค์นั่นล่ะที่ทรงต้อนให้เขาจนมุม
ถ้าเขาเก็บเงินสร้างบ้านเอง ที่ไหนเลยจะต้องใช้เงินมากขนาดนี้

“กระหม่อมจะทำงานอย่างอื่นพระเจ้าค่ะ”

“องครักษ์ต้องทำงานเต็มเวลา”

“กระหม่อม... จะลาออก”

“เหตุผลล่ะ”

ฟีเรียสคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องกราบทูล อีกฝ่ายทรงทราบเพียงว่าเขาจะไม่บิดพลิ้วก็พอ
แต่เมื่อเห็นสีพระพักตร์เรียบขรึมของพระองค์ เขาก็นึกเกรงพระทัยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เป็นองครักษ์ได้เงินเดือนประจำ แต่ถ้าทำงานอย่างอื่นจะได้เงินตามความขยันพระเจ้าค่ะ”

และเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนเทอมสุดท้าย

“ไม่เสียดายเวลาหรือ อุตส่าห์เรียนมาเกือบห้าปี”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรับสั่งให้ได้อะไรขึ้นมา
ลำพังแค่ไม่มีคนช่วยตอกย้ำ เขาก็ช้ำใจมากพอแล้ว

ฟีเรียสนิ่งเงียบ

“จะออกไปทำอะไร”

“คงจะทำสวนผลไม้พระเจ้าค่ะ”

อาชีพองครักษ์มีเกียรติ แต่อาชีพทำสวนก็ไม่น่าอาย

“แล้วจะจ่ายเงินคืนข้ายังไง หรือจะให้ข้าส่งคนไปรับ”

“กระหม่อมจะนำมาถวาย”

“ไปกลับใช้เวลาสี่ห้าวัน เจ้าจะไม่เสียเวลาหารายได้ไปเปล่าๆ หรือ”

ชายหนุ่มเม้มปากแทบเป็นเส้นตรง อีกฝ่ายทรงรอบคอบกว่าเขาจริงๆ

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ” เดี๋ยวเขาค่อยคิดหาวิธีดีๆ ใหม่

เจ้าชายรามิเรสทรงทราบแล้ว ว่าคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ของนักเรียนองครักษ์ผู้นี้มักจะมีความหมายตรงกันข้ามเสมอ
และหากพระองค์ทรงปล่อยให้เขาหาทางแก้ปัญหาเอง ก็ไม่รู้ว่าจะเข้ารกเข้าพงไปถึงไหนอีก

“เรียนต่อเถอะ อีกแค่เทอมเดียว เรียนจบแล้วจะเป็นองครักษ์หรือไม่เป็นก็ค่อยคิดอีกที”

“กระหม่อมตัดสินใจแล้วพระเจ้าค่ะ” ถึงแม้จะเสียดายแทบขาดใจก็ตาม

“เรื่องค่าเรียน ข้าจะออกให้ก่อน”

แม้จะรู้สึกเจ็บใจที่อีกฝ่ายทรงรู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง
แต่สีพระพักตร์ของพระองค์ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกใช้เงินฟาดหัวเลยแม้แต่น้อย

“กระหม่อม...”

“ระหว่างเรียน ถ้าทำงานพิเศษไปด้วยก็คงจะพอใช้คืนข้าได้บ้างก่อนเรียนจบ”

แต่ก็ต้องพึ่งพาพระกรุณา ขอให้พระองค์ทรงหางานให้อยู่ดี... ชายหนุ่มได้แต่คิดอย่างสังเวชตัวเอง

“กลับไปคิดดูก่อนก็ได้ แล้วค่อยให้คำตอบข้า”

การสนทนาในวันนั้นจบลงตรงนี้





หลังจากนั้นไม่นานฟีเรียสก็โมโหเจ้าชายหกแห่งไมซีนอีก
คราวก่อนเขาเขียนจดหมายไปถามน้องสาวเรื่องเงิน และนางก็ตอบกลับมาแล้วว่าไม่ต้องห่วง
เพราะคนของ ‘เจ้าชาย’ ให้เงินไว้ทำทุนจำนวนหนึ่งด้วย พอเขาไปฝ่ายธุรการ
เรื่องการขอผ่อนผันค่าเรียนเทอมสุดท้าย ก็ได้คำตอบว่ามีคนนำมาจ่ายให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาทรับสั่งว่าจะทรงให้เวลากระหม่อมคิด”

ชายหนุ่มทักท้วงกึ่งกล่าวโทษทันทีที่ได้เข้าเฝ้าฯ อีกครั้ง

“ขอโทษ”

ได้รับคำตอบกลับคำเดียว ฟีเรียสถึงกับพูดต่อไม่ถูก
สีพระพักตร์ของเจ้าชายรามิเรสดูจริงใจเกินไป
และเขาเองก็ซื่อสัตย์ต่อตัวเองมากเกินไปเช่นกัน

เขารู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเขามากมายขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องรับสั่งคำว่าขอโทษก็ได้
แต่พระองค์ก็ทรงถือวิสาสะมากเกินไปจริงๆ

“เจ้าอยากจะให้ข้าทำยังไง”

...มาถามเขาได้ยังไงกัน เขาต่างหาก ที่ต้องทูลถามว่าพระองค์อยากให้เขาทำยังไงต่อไป...

ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาครั้งไหน
ก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้มาทำให้รู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งไป

“กระหม่อมจะทำตามที่ฝ่าบาททรงแนะนำเมื่อคราวก่อนพระเจ้าค่ะ”
ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ จากคนไม่มีหนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นคนมีหนี้ล้นพ้นตัวขึ้นมา เขาเองก็สับสน

“ถ้าเป็นไปได้ กระหม่อมก็จะพยายามเก็บเงินทยอยใช้ค่าบ้านคืนฝ่าบาทด้วย” เขาไม่อยากเป็นหนี้พระองค์นานหลายสิบปี

“หากว่า... ฝ่าบาททรงทราบว่ามีงานอะไรที่จะทำให้กระหม่อมสามารถหาเงินมาคืนฝ่าบาทได้เร็วขึ้น
กระหม่อมก็ขอประทานพระกรุณาให้ทรงบอกด้วยพระเจ้าค่ะ”

ในที่สุด... เขาก็ต้องพึ่งพระองค์อีก

เจ้าชายรามิเรสทรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสั่งออกไปทั้งที่ยังไม่แน่พระทัยว่าควรจะรับสั่งดีหรือไม่

“หลายเดือนก่อนข้าไปหอบุปผามา”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว... มาบอกเขาทำไม

“มิทรอสเรียกผู้หญิงมาให้ข้าคนหนึ่ง ข้าก็... ทำกับนางได้ตามปกติ”

พระพักตร์ขาวสะอาดของเจ้าชายหกมีสีระเรื่อขึ้นนิดหนึ่งราวกับทรงกระดาก
ฟีเรียสตีหน้านิ่งเฉย ทั้งที่นึกสงสัยว่าเขากับพระองค์สนิทกันถึงขนาดพูดคุยเรื่องแบบนี้กันได้ตั้งแต่เมื่อไร

“แล้วเขาก็เรียกผู้ชายมาให้ข้า”

ถึงตรงนี้ ว่าที่องครักษ์หนุ่มไม่อาจทำหน้าเฉยได้อีกต่อไป
นี่หมายความว่า... คุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นด้วย... อย่างนั้นสินะ

เจ้าชายแห่งไมซีนทรงสังเกตสีหน้าของคู่สนทนาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าแม้ฟีเรียสจะดูอึ้งๆ ไป แต่ก็ยังไม่น่าจะอยู่ในช่วงอารมณ์อันตรายนักจึงรับสั่งต่อ

“เด็กหนุ่มคนนั้นพยายามทำให้ข้ามีอารมณ์ร่วม แต่ข้าก็ไล่ออกไป”

จบเรื่องเล่าแต่เพียงเท่านี้ พระองค์ทรงทราบดีว่าไม่จำเป็นต้องทรงเล่าอย่างหมดเปลือก

... ว่ามีเด็กหนุ่มกี่คน และแต่ละคนมีรูปร่างหน้าตา หรือสีผิวแบบไหน

ความเงียบอันน่าอึดอัดใจเกิดขึ้นอีกแล้ว หลังจากเจ้าชายรามิเรสทรงทราบแน่
ว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรขึ้นก่อน พระองค์จึงรับสั่งเสียเองว่า

“ถึงจะลองทำขนาดนั้นแล้ว แต่ข้าก็ยังลืมเจ้าไม่ได้”

สีหน้าของฟีเรียสบอกความรู้สึกแปลกๆ อึดอัด สับสน งุนงง ปนๆ กับความรู้สึกขัดเขิน
สีหน้าแบบสุดท้ายนี่เองที่ทำให้คนทอดพระเนตรมองอยู่พระทัยชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง

“ข้าคิดว่าข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่... ข้าไม่เคยลืมคืนนั้นเลย แล้วมันก็... ไม่ใช่ความทรงจำที่แย่”

ฟีเรียสยังคงไม่พูดอะไร และเจ้าชายหนุ่มก็ทรงเดาไม่ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร

“ข้าเป็น... ผู้ชายคนแรกของเจ้ารึเปล่า” ... เจ้าชอบผู้ชายหรือผู้หญิง...

ตรัสถามไปแล้วเจ้าชายหกก็แทบจะทรงกลั้นพระทัยรอคำตอบ
ฟีเรียสนิ่งอึ้ง งันไปครู่หนึ่ง แววตาของชายหนุ่มไหววูบ... ก่อนจะส่ายหน้า

คนถามไม่ได้ทรงคาดหวังว่าคำตอบจะต้องเป็นเช่นไร แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น
พระองค์ก็ทรงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที... ทั้งที่น่าจะทรงดีพระทัยที่ไม่ได้ทรงทำลายศักดิ์ศรีของเขามากเกินไปนัก

นานอีกหลายอึดใจ กว่าเจ้าชายรามิเรสจะรับสั่งบอกพระประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์ออกมา

“ข้าอยากจะลอง... กอดเจ้าอีกสักครั้ง”

ฟีเรียสเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง

“อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นตอนที่กำลังมีสติดีอยู่ ข้าจะยังทำแบบนั้นได้อีกไหม”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มตัวสั่นด้วยความโกรธ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเสียจน
คนประทับหลังโต๊ะทำงานทรงพระดำริว่าพระองค์อาจจะถูกต่อยในไม่ช้า
ทว่าหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ฝ่ายนั้นก็ใจเย็นลง

อย่างไรก็ดี แม้จะพยายามพูดเรียบๆ แล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังปกปิดความโกรธกรุ่นไว้ไม่มิด

“คืนนั้นฝ่าบาททรงเมาแล้วก็โดนยาแรงมาก ใครช่วยฝ่าบาททรงปลดเปลื้องได้ฝ่าบาทก็ต้องทรงคว้าไว้ก่อน
จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่สำคัญ แต่ตอนนี้ฝ่าบาทไม่ได้ทรงตกอยู่ใต้เงื่อนไขแบบนั้นแล้ว
เพราะฉะนั้นทรงลืมมันไปเถิดพระเจ้าค่ะ พระคู่หมั้นของฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องเสียใจ”

“นางจะไม่รู้เรื่องนี้”

อ้อ... เพราะว่านางจะไม่รู้สินะ ถึงจะทรงใช้เขาเป็นเครื่องมือ

เจ้าชายรามิเรสทรงถอนพระทัยเบาๆ พระองค์ไม่ทรงทราบหรอกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
แต่สีหน้าและท่าทางราวกับจะแค่นยิ้มออกมานั่นก็ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกว่ารับสั่งอะไรผิดพลาดไปเสียแล้ว

“ถ้าเจ้ายอม เจ้าก็ไม่ต้องคืนเงินให้ข้าอีกแม้แต่เหรียญเดียว”

ประโยคนี้... ยิ่งผิดพลาด

“กระหม่อมไม่ใช่...”

“ข้ารู้แล้ว”

ฟีเรียสโกรธจนหน้าเป็นสีก่ำ ในขณะที่พระองค์เองก็ทรงอึดอัดพระทัย

“ข้าเองก็ไม่เคยคิดแบบนั้น ไม่ได้อยากทำให้เจ้ารู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”

เจ้าชายหนุ่มไม่ทรงแปลกพระทัยที่อีกฝ่ายจะรู้สึกโกรธ
แต่การที่เขาระงับอารมณ์โกรธและกลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็วทำให้พระองค์นึกชื่นชม

“ฝ่าบาททรงวางแผนมาก่อนรึเปล่าพระเจ้าค่ะ”

“เปล่า”

“ไม่ได้ทรงช่วยเหลือครอบครัวของกระหม่อมเพราะหวังจะให้กระหม่อมยอมแลกเปลี่ยนหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ใช่”

สายตาสองคู่ประสานกัน คู่หนึ่งจ้องจับผิด ส่วนอีกคู่หนึ่งแสดงความจริงใจ
เจ้าชายรามิเรสทรงรอให้แววแข็งๆ ในดวงตาของอีกฝ่ายอ่อนแสงลงก่อน จึงว่า

“อย่าคิดว่าข้าพยายามจะซื้อตัวเจ้าเลย ข้าแค่อยากให้เจ้าสงเคราะห์ให้ข้าหายสับสน”

สีพระพักตร์และพระสุรเสียงของเจ้าชายหนุ่มทำให้ฟีเรียสใจอ่อนลงวูบหนึ่ง

ครั้งหนึ่ง... เขาก็เคยสับสนและหวั่นกลัว

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

“กระหม่อมขอเวลาคิดพระเจ้าค่ะ”

สายตาประกอบคำพูดมีรอยเตือนอยู่ในที ว่าถ้าคราวนี้พระองค์ทรงถือวิสาสะจัดการกับชีวิตเขาอีกล่ะก็
... คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว

คำตอบของเจ้าชายรามิเรส

คือรอยแย้มพระสรวลที่ดูอบอุ่นแกมยินดีเสียจนทำให้คนมองเห็นใจแกว่ง




tbc

********************************************************

อ่านความคิดเห็นเนี่ย สนุกกว่าอ่านเนื้อเรื่องอีกนะคะ ^^

เรื่องคู่หมั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ชุนไม่ชอบเขียนถึงนางอิจฉาหรือว่าตัวร้าย

นางแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเล้ยยยยยยยยย เป็นเรื่องของสองคนนี้ล้วนๆ

ปัญหาอย่างเดียวน่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปแบบเนิบๆ เท่านั้นเองค่ะ

เกือบจะเรียกได้ว่า สารภาพว่ารักกันเมื่อไหร่ก็จบเรื่องพอดี

คนอ่านคงจะลุ้นจนเหนื่อยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-02-2014 18:15:06
พีเรียสใจแข็งจริงๆ ละก็เข้าใจกันไปคนละทางกะเจ้าชายเลย  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 06-02-2014 18:37:47
ลงวะนละตอนแทนสามวันตอนได้ไหมอะ แง้วๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 06-02-2014 18:43:30
เจ้าชายหกนิสัยน่ารักมาก
ฟีเรียสเอ๊ยยอมช่วยเจ้าชายเถอะน้า
เห็นแก่คนอ่านตาดำๆ  :mew6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 06-02-2014 18:52:18
เจ้าชายทรงน่ารักนะ :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-02-2014 19:12:08
น่าติดตามอ้ะๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-02-2014 19:36:21
เนิบไม่ว่า อิอิ น่ารักแล้วนะ สองคนเน้ innocent อ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-02-2014 19:39:36
ไม่รู้จะสงสารใครเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2014 19:49:31
รอๆๆๆว่าจะตกลงไหม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-02-2014 20:36:53
ทำไมเจ้าชายไม่รับมาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์เลยละคะ
ทีนี้จะได้ใช้หนี้กันให้หนำ คิคิคิคิ  :z1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 06-02-2014 21:13:47
 :hao6: :hao6: :hao6: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 06-02-2014 21:16:36
เอิ่มมมมมม เอาจริงๆฟีเรียสไม่ต้องลังเล อะไรแล้ว

ชอบก็ยอม(ยั่วและอ่อย)ไปเถอะ แหม๋..... เรื่องนี้เราก็รู้ๆกันอยู่

เจ้าชาย ถ้าอยากลองนักก็ไม่ต้องมาขอ ดักตีหัวลากเข้าถ้ำเล๊ยยยยยยย(โบราณมากกก)   o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-02-2014 21:30:30
เจ้าชาย เจนเทิลแมน สุด ๆ แต่พูดตรงซะฟีเรียสจะฟาดงวงฟาดงาหลายประโยคหล่ะ 5555
ลุ้น ๆ ฟีเรียสจะยอมไหม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-02-2014 21:37:38
ควรสงเคราะห์เจ้าชายเป็นอย่างยิ่ง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 06-02-2014 21:55:54
ตอนเจ้าชายถามว่าเป็นคนแรกของฟีเรียสไหม
ฟีเรียสโกหกทำไมอ่ะ หรือไม่อยากให้พระองค์รู้สึกแย่กว่าเดิม
ฟีเรียสก็ช่วยเจ้าชายเถอะนะ เพื่อคนอ่าน :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-02-2014 22:30:11
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 06-02-2014 23:17:30
ตามมาอ่านสนุกดีค่ะ
เจ้าชายน่ารักอ่ะ อยากจะลองอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเอง  :hao6:
พ่อองครักษ์น้อยๆ ยอมเจ้าชายสักครั้งก่อนได้มั้ย เห็นใจองค์ชายเถอะ
แล้วเดี๋ยวก็จะติดใจจนลืมไม่ลง อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-02-2014 23:25:46
ได้ลองแล้วระวังจะติดใจนะเจ้าชายยยยยยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 07-02-2014 00:26:12
เรื่องนี้ไม่มีตัวร้ายมาขัดความสุข ดีใจอ่ะ 55555555
ระวังพระองค์จะติดใจนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 07-02-2014 01:23:58
ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก.....สู้ต่อไปนะเจ้าชายยยยย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 07-02-2014 10:50:51
ชอบมากเลยอ่ะแนวแบบนี้
ดูเหมือนเจ้าชายจะติดใจ(?)

รออ่านยู่นะคะ คอยตามช่วยไรเงี้ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 07-02-2014 11:35:14
โถ่ๆที่รัก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-02-2014 12:17:11
ว่าแต่เขาจะทดลองกันอีกครั้งเมื่อไหร่นะ จะรอดูผลข้างที่ประทับได้หรือไม่เพคะ ฝ่าบาท
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 07-02-2014 12:28:19

คราวนี้ถ้ามีอะไรกันอีกสงสัยคงจะกู่ไม่กลับแล้วล่ะองค์ชาย

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 07-02-2014 21:24:59
อย่าคิดนานน้าาาาาา รีบมาตอบตกลงได้แล้วววว
บวก 1 ค่ะ สนุกอ่ะ ชอบๆๆๆ
องค์ชายนี่เหมือนจะบื้อๆ นินึงเนอะ 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 09-02-2014 07:53:22
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-02-2014 16:12:16
ชอบมากเลยค่ะ ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องแบบนี้เลย
ตกลงไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 4 (6 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 09-02-2014 21:06:27
สงสารเจ้าชาย ทำอะไรพูดอะไรก็ดูจะผิดไปหมด55
สู้ต่อไปนะ ยังไงอีกฝ่ายก็แอบมีใจให้อยู่ละ  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 11-02-2014 16:42:35
บทที่ ๕

แม้ว่าเจ้าชายรามิเรสจะรับสั่งว่าขอให้เขาช่วย ‘สงเคราะห์คนสับสน’ อย่างพระองค์
แต่ไม่ว่าจะปลอบใจตัวเองอย่างไร ฟีเรียสก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาไม่ได้ขายตัว

แม้ว่าเหตุผลหลักคือไม่อยากติดหนี้ผูกพันอยู่เกือบชั่วชีวิต แต่ลึกๆ แล้วชายหนุ่มรู้ดี ว่าเขาเองก็ต้องการ
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว อนาคตอาจต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ถึงเวลานั้นเขาคงจะซื่อสัตย์ต่อภรรยา
และเพราะว่าเขาคงไม่กล้าทำอย่างนี้กับผู้ชายคนอื่น นี่จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากของเขาเช่นกัน

ว่าที่องครักษ์หนุ่มบอกตัวเองว่าเขาจะทำแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว

แค่สักครั้ง... กับคนที่ชอบ หลังจากที่ได้แต่แอบมองมานาน

แค่สักครั้ง... ตอนที่ต่างฝ่ายต่างก็มีสติดี



คุณชายใหญ่บ้านเสนาบดีกลาโหมเป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ให้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟีเรียสไม่ได้กลับบ้านในวันหยุด
แต่เดินทางไปพบกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนที่บ้านพักชานเมือง

บ้านหลังนั้นเป็นของเสนาบดีกลาโหม ตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเลสาบ และซ่อนตัวอยู่ในดงไม้สูง
ฟีเรียสได้รับม้าตัวหนึ่งจากเจ้าชายรามิเรสเพื่อใช้เดินทางไปยังที่นั่นตามลำพัง
เมื่อว่าที่องครักษ์หนุ่มขี่ม้าทะลุดงไม้เข้าไปตามทางจนถึงหน้าบ้าน
เขาก็เห็นว่าเจ้าของวรองค์สูงสง่าทรงยืนรออยู่ก่อนแล้ว

รอยแย้มพระสรวลที่พระองค์ประทานให้แลดูอบอุ่นยิ่งกว่าแสงแดดอ่อนในยามสายเช่นนี้เสียอีก
นั่นทำให้คนมองเห็นรู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นมา

ฉลองพระองค์สีครีมจางจนเกือบขาวแลดูสะอาดสะอ้านเช่นเดียวกับพระฉวีสีขาวสะอาด

... ไม่เหมือนคนที่กำลังจะใช้เงินจำนวนมากมายเพื่อซื้อตัวผู้ชายเลยแม้แต่น้อย

“เอาม้าไปเก็บก่อนเถอะ มีคอกม้าอยู่หลังบ้าน”

เจ้าชายหนุ่มเป็นฝ่ายเสด็จมาหา ฟีเรียสไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่ค้อมกายลงถวายความเคารพ
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปจับสายบังเหียนพร้อมๆ กับเจ้าชายรามิเรส แต่ถึงก่อน จึงถูกพระองค์ทรงกุมมือไว้
ฟีเรียสกระตุกมือหนี เจ้าชายหกจึงทรงชะงักแล้วรั้งพระหัตถ์กลับ

“ขอโทษ”

รอยแย้มพระสรวลของพระองค์มีรอยขอลุแก่โทษดังพระโอษฐ์ว่า ฟีเรียสทำหน้าไม่ถูก
เขาไม่รู้ว่าจะบอกอีกฝ่ายอย่างไรดีว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ
เขาแค่รู้สึกว่าพระหัตถ์ของพระองค์สะอาดเกินไปเท่านั้นเอง

บริเวณรอบตัวบ้านร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพรรณ ยามสายช่วงปลายฤดูฝนเช่นนี้ยิ่งอากาศดี
ชายหนุ่มต่างศักดิ์สองคนเดินเคียงกันไปเงียบๆ ไม่เร่งรีบ
หลังจากนำม้าสีน้ำตาลเข้มเข้าไปเก็บในคอกม้ารวมกับม้าสีขาวสะอาดแล้ว ฟีเรียสก็ยืนคว้าง ไม่รู้จะทำอะไรต่อ

“เจ้ากินมื้อเช้ามาหรือยัง”

คนถูกถามพยักหน้า... ราวกับเป็นคนใบ้ ที่สำคัญคือเขาโกหก

“แต่ข้ายัง คงต้องขอให้เจ้ากินเป็นเพื่อน”

รับสั่งแล้วก็ดำเนินนำอ้อมหลังบ้านกลับไปอีกทางหนึ่ง
ว่าที่องครักษ์หนุ่มจึงเดินตามเสด็จเยื้องๆ ไปทางด้านหลัง

“ฝ่าบาทเสด็จมาถึงนานแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก่อนหน้าเจ้าเดี๋ยวเดียว” สองชั่วโมง

“ที่นี่... มีแต่ฝ่าบาทกับกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่”

ฟีเรียสหมดคำถาม โชคดีที่ยังมีเสียงนกร้องให้ได้ยินบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่านี้

ชายหนุ่มเดินตามเสด็จเจ้าของวรองค์ที่สูงกว่าเขาไม่มากนักเข้าไปในห้องครัว
ครั้นเห็นว่าพระองค์จะทรงหยิบจานชามออกมาเองจึงรีบเข้าไปช่วย

“กระหม่อมเองพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทรับสั่งบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างก็พอ”

รอยแย้มพระสรวลบางๆ กับประกายอ่อนโยนในดวงพระเนตร
ทำให้ฟีเรียสรู้สึกว่าทำอะไรไม่ค่อยถูกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เสด็จไปประทับรอในห้องอาหารเถิดพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะจัดการทุกอย่างถวาย”

“ไม่เป็นไร อยู่กันแค่สองคนช่วยๆ กันดีกว่า”

ฟีเรียสเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไม่ซีนไม่ค่อยทรงถือพระองค์
ในขณะที่เจ้าชายรามิเรสเองก็เพิ่งจะทรงทราบว่าว่าที่องครักษ์หนุ่มใช้ห้องครัวได้อย่างคล่องแคล่ว

“จะอุ่นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องก็ได้ แม่ครัวเพิ่งจะทำเสร็จเมื่อเช้า”

“มันเย็นแล้วพระเจ้าค่ะ”

กราบทูลจบก็จุดไฟเสร็จพอดี ตามด้วยไฟในเตาที่สองและสาม

“ให้ข้าช่วยอะไรบ้าง”

“เช็ดโต๊ะรอเลยพระเจ้าค่ะ”

กราบทูลออกไปแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร คนสั่งหันกลับไปทันที
แล้วก็ได้เห็นว่าผู้เป็นเจ้าชายเสด็จไปทรงหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะตามสั่งจริงๆ
พระพักตร์ยังมีรอยแย้มพระสรวลอย่างขบขันอยู่พราวพราย

“ฝ่าบาททรงเตรียมจานกับช้อนส้อมดีกว่าพระเจ้าค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมเช็ดเอง”

“ไม่เป็นไร ข้าอยากเช็ด” ตั้งแต่เกิดมา พระองค์ก็เพิ่งจะเคยเช็ดนี่แหละ

“ไม่เสวยในห้องอาหารหรือพระเจ้าค่ะ”

“ที่นี่ก็ได้ สะดวกดี”

ฟีเรียสไม่ทูลเซ้าซี้อีก ชายหนุ่มหันไปดูหม้อสตูว์และอาหารอีกสามอย่าง
ซึ่งมีปริมาณมากพอจะให้คนสองคนกินไปได้สามวัน

“เจ้าทำอาหารได้หรือ”

เจ้าชายหนุ่มรับสั่งถามเมื่อทอดพระเนตรเห็นอีกฝ่ายใช้ทัพพีไม้ตักสตูว์ขึ้นมาชิมรสชาติ

“พอได้พระเจ้าค่ะ”

“ใครสอนทำ”

“แม่พระเจ้าค่ะ กระหม่อมทำบ่อยตอนที่แม่ไม่สบายแล้วน้องสาวก็ยังเด็ก... ฝ่าบาทเสวยรสไหนพระเจ้าค่ะ”

“พอดีๆ”

ฟีเรียสชิมอีกครั้งแล้วก็ตัดสินใจไม่เติมอะไร

“เจ้าล่ะ ชอบกินรสไหน”

“กระหม่อมติดหวานพระเจ้าค่ะ”

“งั้นปรุงใหม่ตามใจเจ้าก็ได้”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ รสชาติดีอยู่แล้ว แม่ครัวมาทำไว้แล้วก็กลับหรือพระเจ้าค่ะ”

“อืม”

ฟีเรียสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันไปเตรียมจานชามสำหรับใส่อาหาร
ทว่าบังเอิญเห็นของแห้งที่อยู่บนชั้นข้างๆ พอดี

“ฝ่าบาทเสวยขนมปังไหมพระเจ้าค่ะ มีน้ำผึ้งกับแยมส้ม”

ทูลถามออกไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ทีหลังอีกตามเคย ว่าทำตัวราวกับเป็นเจ้าของสถานที่มากขึ้นทุกทีๆ

“เอาสิ”

รอยแย้มพระสรวลของเจ้าชายรามิเรสทำให้คนได้รับรู้สึกวูบไหวขึ้นมาอีกระลอก

“กระหม่อมคงจะถือวิสาสะเกินไป”

“ไม่เป็นไร ตามสบาย เจ้าของบ้านไม่อยู่”

ฟีเรียสเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าชายรามิเรสทรงมีพระอารมณ์ขันบ้างเหมือนกัน
แต่เขาไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาทำให้คนที่เพิ่งเคยทอดพระเนตรเห็นเป็นครั้งแรกทรงรู้สึกอุ่นพระทัยอย่างประหลาด

“จะเสวยกี่แผ่นพระเจ้าค่ะ”

“สี่ก็พอ เจ้าสอง ข้าสอง”

“กระหม่อม...” เขาเพิ่งกราบทูลไปว่ากินมาแล้ว

“กว่าอาหารพวกนั้นจะเดือดก็คงได้เวลามื้อกลางวันพอดี มีอะไรให้ข้าช่วยทำอีกไหม”

“ไม่มีแล้วพระเจ้าค่ะ”

เจ้าตัวกราบทูลว่าอย่างนั้น แต่สองมือยังทำงานอยู่ ทั้งเตรียมน้ำใส่เหยือก
เตรียมเตาปิ้งขนมปัง หาอุปกรณ์ต่างๆ และดูท่าว่าจะทำอีกหลายอย่าง

“ไม่ต้องเกรงใจฐานะเจ้าชายของข้าก็ได้ ข้าไม่อยากรอเจ้าทำให้กินอย่างเดียว”

ฟีเรียสหันไปมองพระพักตร์ แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะรับสั่งจริง

“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนฝ่าบาททรงตัดดอกไม้มาใส่แจกันสักกำเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ได้”

ฟีเรียสรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทรง ‘ยิ้ม’ อีกแล้ว
ในขณะที่คนถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็ทรงทราบเช่นกันว่าวันนี้พระองค์แย้มพระสรวลได้บ่อยกว่าทุกวัน

การเป็นฝ่ายถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่บ้างนี่ก็ให้ความรู้สึกดีเหมือนกัน

แล้วนักเรียนองครักษ์คนนี้ก็ดูท่าจะเป็นคนโรแมนติกกว่าที่คิด



หลังจากอาหารมื้อเช้าควบมื้อกลางวันผ่านพ้นไป เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ทรงอาสาช่วยล้างจาน
ทว่าคราวนี้พระองค์ไม่ได้รับอนุญาตให้ช่วย จึงได้แต่ประทับทอดพระเนตรว่าที่องครักษ์หนุ่มล้างจานอย่างคล่องแคล่ว
และทรงชวนเขาคุยไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพราะมนต์ขลังของห้องครัวหรืออะไรก็ตาม
แต่ฟีเรียสก็ ‘คุย’ กับพระองค์ด้วยท่าทีผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

หลังจากเช็ดจานใบสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ฟีเรียสก็หันกลับมาเผชิญพระพักตร์

คราวนี้... จะทำอะไรต่อ

“กินอิ่มแล้ว ไปนอนกันไหม”

คนถูกชวนถึงกับสะดุ้ง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอะไรคือจุดประสงค์หลัก แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนว่าเตรียมใจไม่ทันอยู่ดี

ฟีเรียสพูดไม่ออก ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า

“เอาองุ่นไปด้วยสักหลายๆ พวง”

รับสั่งจบ พระองค์ก็ทรงเป็นฝ่ายยกตะกร้าผลไม้บนโต๊ะไปทั้งตะกร้า

“ขอจานสักสองใบ”

แม้ไม่รู้ว่านอนท่าไหนถึงต้องใช้ผลไม้กับจาน แต่คนถูกสั่งก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี



เจ้าชายหกแห่งไมซีนดำเนินนำว่าที่องครักษ์หนุ่มไปยังสวนข้างบ้านที่เต็มไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม
ดอกไม้หลากสีสัน และต้นไม้ใบหนา ตอนนี้ทั้งตะกร้าผลไม้และจานสองใบล้วนแต่อยู่ในมือของฟีเรียสแล้ว
เพราะชายหนุ่มขอถือตามหน้าที่

“ตรงนี้มุมดี แดดบ่ายไม่ส่อง เจ้าเลือกที่นอนได้เลย”

มุมดีที่ว่าคือบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่สามต้นขึ้นอยู่ใกล้ๆ กัน ลากเส้นเชื่อมต่อได้เป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า
ระหว่างต้นไม้สามต้นมีเปลผ้าผูกอยู่สองเปล

“ฝ่าบาททรงเลือกก่อนเถอะพระเจ้าค่ะ”

ที่จริงแล้วเปลไหนก็เหมือนๆ กัน แต่เจ้าชายรามิเรสก็ทรงนำตะกร้าผลไม้ไปแขวนไว้ตรงต้นไม้
ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเปลทั้งสอง หยิบองุ่นพวงหนึ่งใส่จานและเสด็จไปประทับบนเปลด้านขวา
พลางทรงพยักพเยิดพระพักตร์เป็นเชิงชักชวนให้ว่าที่องครักษ์หนุ่มทำตาม

ครั้นฟีเรียสทำตามอย่างแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมาเห็นว่าอีกฝ่ายทรงเอนองค์บรรทมบนเปลเรียบร้อยแล้ว
ชันพระชานุขึ้นข้างหนึ่งและมีจานองุ่นวางอยู่บนพระนาภี เขาจึงไปนั่งลงบนเปลที่ว่างอยู่บ้าง

“เล่าเรื่องครอบครัวของเจ้าให้ข้าฟังอีกสิ”

ฟีเรียสนิ่วหน้านิดหนึ่งอย่างนึกไม่ออกว่าจะเล่าอะไร

“เล่าเท่าที่เล่าได้ ตอนเด็กๆ เจ้าซนรึเปล่า”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มอยากจะถอนหายใจออกมาดังๆ ตกลงว่าเรื่องครอบครัวของเขาหรือว่าเรื่องของเขากันแน่

อย่างไรก็ดี ไม่นานนักเจ้าชายหกแห่งไม่ซีนก็บรรทมหลับไปจริงๆ
ฟีเรียสต้องเดินไปหยิบจานที่มีองุ่นเหลืออยู่สี่ห้าลูกออกจากบนพระวรกาย
แล้วกลับมานอนเล่นบ้างโดยหันปลายเท้าไปทางเดียวกับปลายพระบาท
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้อีกฝ่ายทรงงานดึกหรือเปล่า แต่ตัวเขาเองนั้นนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน
พอเห็นคนนอนอยู่ตรงหน้าแถมอากาศยังเย็นสบายก็อดที่จะรู้สึกง่วงขึ้นมาไม่ได้ ในที่สุดก็หลับไปเช่นกัน


**********************************


ฟีเรียสตื่นนอนตอนบ่ายแก่มากแล้ว ซ้ำเจ้าชายรามิเรสซึ่งทรงตื่นบรรทมก่อนเขา
ยังตรัสชวนให้เล่นหมากกระดานเป็นเพื่อนพระองค์อยู่จนเย็น
 ‘เรื่องหลัก’ ที่คิดว่าเจ้าชายหนุ่มคงจะโปรดให้ทำตอนบ่ายจึงเป็นอันว่าไม่ได้ทำ
หลังจากพระองค์รับสั่งชวนอยู่สองสามประโยค ชายหนุ่มจึงยอมนอนค้างที่นี่คืนหนึ่ง

เป็นเวลากลางคืนก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจมากนัก
รีบทำให้เสร็จลุล่วงไป พอถึงพรุ่งนี้เช้า ชีวิตของเขาก็คงจะลาขาดจากเจ้าชายหกได้เสียที



ว่าที่องครักษ์หนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับเจ้าชายรามิเรสแล้ว
แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ ‘ปกติ’ อย่างพระองค์ยังดูไม่ทรงประหม่าเลยแม้แต่น้อย
ก็คิดได้ว่าตัวเขาซึ่งรู้ตัวมาตั้งนานแล้วว่าชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงก็ไม่ควรต้องตื่นเต้นให้มากเกินไป

“เจ้าจะอาบน้ำก่อนหรือให้ข้าอาบก่อน”

“ฝ่าบาทก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”

เขาขอเวลานั่งทำใจก่อน ถ้านานแล้วยังทำใจไม่ได้ บางทีเขาอาจจะหนีไปเสียดื้อๆ

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงพยักพระพักตร์ ก่อนจะทรงเลือกฉลองพระองค์จากตู้
เมื่อได้แล้วจึงทรงหันมารับสั่งกับคนที่ยังยืนอยู่กลางห้องว่า

“ระหว่างที่ข้าอาบ เจ้าเลือกชุดไว้รอเลยก็ได้ ทั้งตู้นี่เป็นเสื้อผ้าของข้าเอง เลือกได้ตามสบาย”

คนสั่งเสด็จเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้ว ว่าที่องครักษ์หนุ่มจึงต้องเดินไปเลือกเสื้อผ้าอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะนอนในห้องของคนอื่น สวมเสื้อผ้าของคนอื่น และที่สำคัญก็คือนอน ‘ร่วม’ กับคนอื่น
มิหนำซ้ำคนอื่นที่ว่ายังเป็นถึงเจ้าชาย

แม้ว่า... จะเป็นผู้ชายที่เขาชอบก็ตามที

เจ้าชายรามิเรสทรงใช้เวลาในห้องอาบน้ำนานพอสมควร ทว่าฟีเรียสใช้นานกว่าพระองค์มากนัก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับใครอื่นนอกจากเจ้าชายหนุ่มมาก่อน
แต่เขาก็พอจะรู้จากเพื่อนองครักษ์บางคนมาบ้าง ว่าก่อนมีความสัมพันธ์จะต้องทำความสะอาดส่วนใดเป็นพิเศษ

ความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับในคืนนั้นหวนกลับมาทำให้เขารู้สึกขยาดอีกครั้ง
แต่เพราะเขาตัดสินใจมาแล้วและไม่อยากผิดคำพูด จึงได้แต่ทำใจและหวังว่า
ในยามมีสติ เจ้าชายรามิเรสจะทรงถนอมเขาบ้าง

แม้ว่าพระองค์จะไม่เคยทรงทำเช่นนี้กับใครอื่นนอกจากเขาเลยเช่นกันก็ตาม

ฟีเรียสฝากความหวังไว้กับมิทรอส... หวังว่าคุณชายหนุ่มคงจะกราบทูลความรู้เบื้องต้นให้พระองค์ทรงทราบบ้างแล้ว



ว่าที่องครักษ์หนุ่มเดินใช้ผ้าเช็ดผมออกมาจากห้องอาบน้ำ และยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าเจ้าชายรามิเรสเองก็กำลังทรงเช็ดพระเกศาอยู่บนเตียงเช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างก็มองกันอย่างรู้สึกกระดากใจ

“มานั่งด้วยกันสิ”

ฟีเรียสทำตามรับสั่ง ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างเช็ดผมของตัวเองไปเงียบๆ เหมือนเดิม
จนกระทั่งว่าที่องครักษ์หนุ่มรู้สึกว่าผมแห้งสนิทดีแล้ว

... ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเกศาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าชายรามิเรสซึ่งสรงน้ำก่อนเขาจะแห้งแล้วหรือยัง

แต่หลังจากแสร้งเช็ดผมแห้งๆ รออยู่อีกครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินคนที่ประทับอยู่ข้างๆ รับสั่งว่าอะไร
เขาจึงต้องเป็นฝ่ายลืมความอายแล้วกราบทูลก่อน

“ฝ่าบาทจะทรง... เริ่มเลยไหมพระเจ้าค่ะ”

“ก็... ดี”

ถึงจะรับสั่งอย่างนั้นแล้วแต่พระองค์ก็ยังไม่ทรงขยับ

“จะโปรดให้กระหม่อมเป็นฝ่ายทำหรือพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสไม่ได้แกล้งถาม เขาสงสัยจริงๆ และคนถูกถามก็ดูเหมือนจะทรงผงะไปอย่างตกพระทัย
อาการเช่นนั้นทำให้ว่าที่องครักษ์หนุ่มรู้สึกคลายประหม่าขึ้นมาได้เล็กน้อย

“เจ้าอยากจะทำหรือ”

รับสั่งถามด้วยพระสุรเสียงซื่อๆ อย่างคนใจดีนั้นทำให้คนถูกถามรู้สึกว่าหัวใจหวั่นไหว
โยกคลอนอย่างรุนแรง เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นฝ่ายทำ แต่สีพระพักตร์ที่ดูเหมือนว่าพระองค์จะโปรดให้เขาลองทำได้จริงๆ
หากว่าเขาต้องการนั่นต่างหาก... ที่ทำให้เขารู้สึกดีๆ

น้ำเสียงของฟีเรียสอ่อนโยนลงเมื่อทูลตอบ

“ฝ่าบาททรงทำเถิดพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกดูจะทรงโล่งพระทัยขึ้น ผ่อนคลายขึ้นเช่นกันเมื่อทรงสารภาพว่า

“ข้าเริ่มไม่ถูก”

“คุณชายมิทรอสไม่ได้กราบทูลแนะนำหรือพระเจ้าค่ะ”

“บอก... แต่บอกแค่ว่าให้ทำเหมือนที่ทำกับผู้หญิง แล้วก็...”

รายละเอียดอื่นพระองค์ไม่ปรารถนาจะรับสั่ง เพราะแค่เริ่มต้นก็ทรงทำไม่ได้เสียแล้ว
ฟีเรียสไม่ใช่ผู้หญิง ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ แล้วจะให้พระองค์ทรงทำเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงได้อย่างไร

“ฝ่าบาทแค่จะทรงทดสอบดูว่าจะทรงทำกับกระหม่อมได้ไหม เท่านั้นใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ แววพระเนตรมีร่องรอยขอลุแก่โทษที่ทรงใช้เขาเป็นเครื่องมือ และฟีเรียสก็ให้อภัย

“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมทำเองพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงขมวดพระขนงอย่างทรงกังวลกึ่งกังขา ในขณะที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มข่มความกระดากอาย
ลุกขึ้นไปยืนตรงเบื้องพระพักตร์แล้วเริ่มปลดกระดุมชุดนอนสีฟ้าของตัวเอง
ที่จริงแล้วเขาเคยเปลือยกายต่อหน้าเพื่อนๆ หลายคนอยู่บ่อยๆ โดยไม่รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อรู้เรื่องความชอบที่ผิดธรรมชาติของตัวเองและเริ่มรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นร่างกายของคนที่เขารู้สึกพอใจ เขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น

แต่เวลานี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเปลือยกายอาบน้ำต่อหน้าคนอื่น นั่นเป็นเรื่องปกติ
แต่ตอนนี้... เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสินค้าที่ต้องเปลื้องผ้าเพื่อให้คนซื้อตรวจสอบดูว่ามีตำหนิหรือเปล่า พอใจหรือไม่

ราวกับ... ผู้ชายขายตัวจริงๆ

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งอึ้งไปเมื่อฟีเรียสยืนเปลือยเปล่าอยู่เบื้องพระพักตร์
สายพระเนตรทอดจับปราดไปทั่วเรือนร่างงดงามสมบูรณ์นั้นถึงสองครั้ง
ก่อนจะทรงรู้สึกแย่เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าที่มีแววอดสูใจของชายหนุ่ม

“เจ้าใส่เสื้อผ้าเถอะ ข้าไม่มีอารมณ์เลย”

หน้าชา... ราวกับถูกตบดังฉาด

ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้าชายหนุ่มทรงเป็นผู้ชายปกติธรรมดาที่ชอบผู้หญิง
แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองแอบหวังไว้ตั้งแต่เมื่อไรว่าพระองค์จะโปรดเขาเป็นพิเศษ

ฟีเรียสสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ซ่อนความรู้สึกอดสูใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย

“เท่านี้ก็คงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงผิดปกติ”

“ข้าแค่สงสัยตัวเอง ไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องผิดปกติเลย”

พระสุรเสียงของเจ้าชายหนุ่มค่อนข้างอ่อนโยน ฟีเรียสฟังแล้วยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
ที่แม้พระองค์จะยังทรงสับสน แต่ก็ยังละเอียดอ่อนพอที่จะนึกถึงความรู้สึกของเขา

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขารู้สึกชอบพระองค์มากขึ้นกว่าเดิมได้ยังไง

“ดึกแล้ว มานอนเถอะ”

ฟีเรียสประหลาดใจ... ทั้งที่ทรงทราบแล้วว่าพระองค์ปกติดี ยังกล้าตรัสชวนให้เขานอนร่วมเตียงอีกหรือ

“กระหม่อมนอนพื้นก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“กลัวข้าหรือ หรือว่าเจ้ารังเกียจ”

“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องทรงพิสูจน์แล้ว กระหม่อมไม่บังอาจนอนเตียงเดียวกับเจ้าชายพระเจ้าค่ะ”

“เตียงกว้าง เจ้าขึ้นมานอนเถอะ ดับไฟเสียก่อน”

ฟีเรียสยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง มองคนที่ขยับพระองค์เข้าไปด้านในของเตียงและเว้นที่ไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้วอยู่ครู่หนึ่ง
จึงตัดสินใจปลง เดินไปปิดไฟกลางห้องแล้วเดินตามแสงโคมไฟบนโต๊ะตัวเล็กที่เจ้าชายหนุ่มทรงเปิดไว้มาที่เตียง

หลังจากปิดสวิทช์โคมไฟ ห้องก็มืดสนิท

“ขยับเข้ามาอีกก็ได้ ชิดริมมากเดี๋ยวจะตกเตียง”

ฟีเรียสยอมขยับเข้าไปอีกนิดเดียวตามรับสั่ง ชายหนุ่มนอนตัวเกร็ง
เพราะทั้งเกรงฐานะของอีกฝ่ายและรู้สึกไม่คุ้นเคย แม้จะไม่มีส่วนใดของร่างกายสัมผัสกัน แต่ก็นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

นานทีเดียวกว่าคนอายุน้อยกว่าจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ทว่านั่นกลับเป็นเวลาเดียวกับที่คนบรรทมร่วมเตียงทรงพาดพระพาหาลงมาบนลำตัวของเขา
แม้จะมีผ้าห่มผืนหนากั้นอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่ฟีเรียสก็สะดุ้ง ตัวเกร็งขึ้นอีก

คงไม่ใช่ว่าพระองค์จะทรงเปลี่ยนพระทัย...

“ขอข้า... ลองกอดเจ้าดูได้ไหม”

แปลกดีที่เพียงแค่ได้ยินพระสุรเสียง คนฟังก็จินตนาการออกว่าสีพระพักตร์ของพระองค์กำลังเป็นเช่นไร
ก็คงจะดูเหมือน ‘เกรงใจ’ เขา เช่นเดียวกับกระแสพระสุรเสียงนั่นล่ะ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเลย
ว่าถ้าพระองค์ทรง ‘เกรงใจ’ เขาจริงๆ จะทรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร

ทำไปแล้วถึงค่อย ‘ขอ’ แบบนี้ไม่ต้องรับสั่งอะไรเสียยังจะดีกว่า
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ตัดสินใจมาที่นี่เพื่อยอมให้พระองค์ทรงทำกับเขามากยิ่งกว่ากอดอยู่แล้ว
แต่เพราะพระองค์รับสั่งถาม เขาจึงจำเป็นต้องทูลตอบทั้งที่รู้สึกอดสูใจอยู่ไม่น้อย

“พระเจ้าค่ะ”

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ถูกปฏิเสธเมื่อครู่นี้ หรือตอนที่ถูกสัมผัสผ่านผ้าห่มอย่างตอนนี้
ก็ล้วนทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแค่ผู้ชายขายตัวทั้งสิ้น

ว่าที่องครักษ์หนุ่มสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงสอดพระหัตถ์เข้ามาในผ้าห่ม บรรทมตะแคงแล้วกอดเอวเขาไว้หลวมๆ

“ฝ่าบาท...” ที่เขาบอกอนุญาตก็เพราะคิดว่าพระองค์จะทรงกอดเขาผ่านผ้าห่ม ไม่ใช่... แบบนี้

“ข้า... รู้สึกไม่ถนัด”

แล้วคิดว่าเขาถนัดหรือยังไงกัน!

“เจ้ายกหัวขึ้นแล้วนอนหนุนแขนข้าได้ไหม”

ว่าอะไรนะ!

“ข้าแค่จะกอดเฉยๆ ไม่ทำอะไร ข้าอยากจะค่อยเป็นค่อยไป”

ยิ่งฟัง ฟีเรียสก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นผู้ชาย ‘ปกติ’ ที่กำลังถูกผู้ชายที่ ‘ไม่ปกติ’ อย่างพระองค์ทรงตะล่อมล่อลวง
นักเรียนองครักษ์หนุ่มยกศีรษะขึ้น ปล่อยให้คนบรรทมข้างทรงสอดพระกรเข้ามา
ก่อนที่เขาจะวางศีรษะทับลงไป... ลูกหนี้อย่างเขาจะทำอะไรได้อีก นอกเสียจากทำตามพระประสงค์

ฟีเรียสไม่ต้องการอยู่ในสภาพนี้ แต่ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเพราะไม่อยากจะทำให้พระกรของพระองค์ชาหนึบ
หรือเพราะไม่อยากให้ลมหายพระทัยอุ่นๆ ของอีกฝ่ายรินรดแผ่วๆ ลงบนผิวแก้มของเขากันแน่

เจ้าชายรามิเรสทรงผ่อนพระปัสสาสะออกอย่างโล่งพระทัย แม้จะทรงทำเช่นนี้ด้วยความกระอักกระอ่วนพระทัยอยู่บ้าง
แต่ก็จำต้องทรงพยายามหาทางพิสูจน์ให้แน่พระทัยจริงๆ ว่าไม่ได้ทรงหวั่นไหวเพราะร่างกายของฟีเรียส

พระองค์ทรงหวัง ว่าดวงพระทัยที่กำลังเต้นค่อนข้างแรงมาหลายนาทีแล้วนี้จะเกิดขึ้นเพราะทรงเกรงว่าฟีเรียสจะไม่พอใจ
มากกว่าจะเป็นเพราะพระองค์ทรงเกิดหวั่นไหวขึ้นมา

ไม่นานนัก อาการเกร็งนิดๆ ของทั้งคู่ก็หายไป ยิ่งดึก อากาศยิ่งเย็น
ฟีเรียสพลิกกายหันเข้าหาความอบอุ่นตามธรรมชาติ และเจ้าชายรามิเรส
ก็ทรงกระชับอ้อมพระพาหาไว้แน่นขึ้นโดยไม่ทรงรู้องค์
ภาพที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มตื่นขึ้นมาเห็นในตอนใกล้รุ่งสางจึงเป็นภาพพระพักตร์คมคายขาวสะอาด
ที่อยู่ห่างจากหน้าของเขาเพียงชั่วฝ่ามือเดียว


ทว่าภาพที่เจ้าชายหนุ่มทรงตื่นขึ้นมาทอดพระเนตรเห็น


... คือผนังห้อง



tbc.

***************************************************

เรื่องนี้ไม่มี nc นะคะท่านผู้อ่าน
ไม่ได้หมายความว่า มีแต่ไม่บรรยาย

แต่หมายความว่า นอกจากบทนำแล้ว ฉากอย่างนั้นจะไม่เกิดขึ้นอ่ะค่ะ

ถ้าจะมีก็อาจจะเป็นท้ายเรื่องนู่นเลย อาจจะมีสักฉากนึงอะไรงี้

แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอ่ะค่ะ สองคนนี้คบกันแบบบริสุทธิ์ใจมากกกกกกกกกกกก

ความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ อาจจะเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่า (ไม่แน่ใจ)

แล้วก็... ลงบ่อยกว่านี้เห็นจะไม่ไหวแน่ค่ะ เพราะไม่ได้เขียนเพิ่มเลย กลัวว่าลงหมดสต็อกแล้วจะดองนาน

เพราะงั้นก็ เจอกันสามวันห้าวันครั้งไปก่อนนะคะ (ชุนว่านี่ก็บ่อยไปแล้วอ่าาาา)

ขอบคุณทุกกำลังใจและความคิดเห็นนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 11-02-2014 17:54:08
ตลก องค์ชาย เหมือนคนเพิ่งมีความรักแต่ไม่รุ้ตัว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 11-02-2014 17:55:34
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-02-2014 18:07:40
เขิน แบบนี้ก็รับมาอยู่ด้วยกันเลยมั้ยเจ้าชาย จะได้กอดพิสูจน์ทุกคืน
ถ้าฟีเรียสไม่มีความรู้สึกแบบนั้นติดค้างอยู่ในใจ คงจะดีกว่านี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 11-02-2014 18:26:19
ไม่มี nc ก็ไม่เป็นไร  แต่ขออย่างเดียว  อย่าเป็นแค่เพื่อนกันเลยค่ะ  เป็นค่รักแบบแอบๆก็ยังดี :m15:
ตอนนี้อ่านแล้วเขิ๊นเขิน  ทั้งเขิน  ทั้งสงสารฟีเรียส  โธ่  ทั้งที่รัก(แอบรัก) เจ้าชายแต่ก็ต้องข่มใจไว้  แถมตอนท้ายของเรื่องยังเหมือนจะมีดราม่าอีก :เฮ้อ:

หวังว่าฟีเรียสกับเจ้าชายจะไม่กินมาม่ามากนะ  อ่านแล้วสงสาร(โดยเฉพาะฟีเรียส)  ขอให้จบแบบ happy ending นะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 11-02-2014 18:49:35
องค์ชายตื่นสายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-02-2014 18:53:38
เราชอบมากเลยอ่ะ มันละมุนละไมความรู้สึกมาก
องค์ชายเป็นคนดี ดี๊ ดี  อยากเชียร์ให้รักเร็วๆ (เพราะตอนนี้คงหลงไปแล้ว) และคงสับสน
คนเรามันก็ใช่ว่าจะรู้ตัวเร็วทุกคนนี่น่า แบบค่อยเป็นค่อยไปก็ดีออกนะ อ่านแล้วเขิลดีชะมัด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-02-2014 18:58:25
เข้าใจพีเรียสนะ อะไรหลายๆ อย่างมันค้ำคออยู่ ทำให้ต้องบีบตัวเองให้เล็กแบบนี้  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-02-2014 19:30:57
เจ้าชายน่ารักนะ เหมือนเด็กน้อยกำลังมีรักครั้งแรก :o8:

แต่พอเจอบรรทัดสุดท้ายไป :sad2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2014 19:31:17
แบบนี้เมื่อไรจะได้กอดกันจริงๆล่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-02-2014 19:44:09
เริ่มรักทีล่ะนิดอะไรแบบนี้ป่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-02-2014 20:26:31
คงต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันซักอาทิตย์อ้ะแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 11-02-2014 20:31:26
>//< นึกว่าเจ้าชายจะได้...ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-02-2014 21:30:55
เศร้าแทนองค์ชายเลย  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-02-2014 21:34:50
ไม่ต้องห่วงค่า เรื่องน่ารักอบอุ่น ไม่มีเอ็นซีก็ไม่ถือว่าขาดเสน่ห์ เอาตามแนวทางที่นักเขียนแต่ละท่านแพลนไว้ดีกว่า  :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-02-2014 21:55:23
ไม่รู้จะสงสารใครดี คงต้องสงสารตัวเองแล้วล่ะ
คนหนึ่งก็สับสนในตัวเอง คนหนึ่งก็เจียมตัว เก็บความรู้สึก
นิยายดีไม่จำเป็นต้องมี nc ค่ะ ชอบแบบนี้ ละมุนละไมดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-02-2014 22:45:49
ก็เดาไม่ออกว่าจะไปทางไหน

มาเปนกำลังใจให้ครับ

สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-02-2014 22:47:44
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 12-02-2014 22:38:47
องค์ชายของเรา หน่อมแน้มมากกกกกกกกก
ทำอะไรก็ไม่ถูกซะอย่าง เดี๋ยวฟีเรียสก็น้อยใจซะหรอก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 5 (11 ก.พ. 57)
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 13-02-2014 23:55:10
เอิ่ม รู้สึกว่าฟีเรียสน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 15-02-2014 08:40:43
บทที่ ๖

เจ้าชายหกแห่งไมซีนพระทัยหายวูบเมื่อทอดพระเนตรไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในห้อง
หลังจากแน่พระทัยว่าคนร่วมห้องเมื่อคืนไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแน่ก็เสด็จลงมาข้างล่าง
และตรงไปยังคอกม้าหลังคฤหาสน์

ม้าของฟีเรียสหายไป

เจ้าชายหนุ่มทรงผ่อนพระปัสสาสะออกเบาๆ ยอมรับว่าพระองค์ไม่ได้ทรงดำริมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะหนีไปดื้อๆ เช่นนี้
แม้จะเห็นใจฝ่ายนั้น แต่ก็อดจะทรงตำหนิไม่ได้ ว่าควรจะกราบทูลพระองค์สักคำ

แค่บอก... ก็จะอนุญาตให้กลับไปแต่โดยดี

ถึงจะยังอายุน้อย แต่อีกครึ่งปีก็จะเรียนจบแล้ว

จะเป็นองครักษ์ แต่ยังไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่แบบนี้... จะไหวหรือ

พระองค์ไม่ได้กริ้วเขาหรอก เพียงแต่ทรงผิดหวัง ทว่าขณะที่กำลังจะเสด็จขึ้นบันไดตรงมุขด้านหน้า
เจ้าชายหนุ่มก็ทรงได้ยินเสียงฝีเท้าม้าเสียก่อน

ฟีเรียสเปลี่ยนทิศทางเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มลงจากหลังม้าแล้วยืนชิดเท้าถวายความเคารพ

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“ไม่ต้องคำนับกันบ่อยๆ ก็ได้”

แต่ฟีเรียสคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น อย่างน้อย ในเวลาที่ไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือทำอะไร ก็ใช้แก้เก้อได้

“ไปไหนมาหรือ”

“กระหม่อมไปตลาดข้างล่างพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรตะกร้าสานที่ผูกอยู่กับที่ห้อยของบริเวณคอม้าแล้วก็แย้มพระสรวลอีก
คำว่า ‘แม่บ้านแม่เรือน’ ผุดขึ้นมาในพระดำริอย่างกะทันหัน

“ข้าคิดว่าเจ้ากลับไปแล้ว” ถ้อยรับสั่งเจือความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน

ฟีเรียสเผลอขมวดคิ้ว... นี่คิดว่าเขาเป็นคนไร้มารยาทถึงเพียงนั้นเชียวหรือ จู่ๆ ก็หนีไปโดยไม่บอกกล่าว
อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มค้อมศีรษะลงอีกครั้ง

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ที่ไม่ได้ขอประทานพระอนุญาตก่อน”

คนฟังเกือบจะทอดถอนพระทัยอีกหน

“ไม่ต้องถึงขนาดขออนุญาตก็ได้ ข้าแค่... ตกใจ” ในที่สุดก็ตัดสินพระทัยบอกความรู้สึกแรกที่พระองค์ทรงรู้สึกจริงๆ ออกมา

ว่าที่องครักษ์หนุ่มขยับริมฝีปากจะอธิบาย แต่แล้วก็นิ่งเงียบ

“เอาม้าไปเก็บเถอะไป”

ชายหนุ่มโค้งตัวอีก ก่อนจะปลดตะกร้าลงมาถือไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือสายบังเหียน

“ส่งตะกร้ามาก่อนก็ได้ ข้าจะถือเข้าไปให้”

คราวนี้นักเรียนองครักษ์หนุ่มมีท่าทีตกใจ

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมถือเอง”

“ในตะกร้ามีของสำคัญหรือ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีพระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็ส่งมา”

ฟีเรียสยอมยื่นถวายแต่โดยดี เขาแค่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีน้ำใจ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำใจเสียทีเดียว
มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม... เรื่องถือตะกร้านี่มันหน้าที่แม่บ้าน แต่ตอนนี้ที่มีแค่เจ้าชายกับว่าที่องครักษ์
คนถือก็ต้องเป็นว่าที่องครักษ์อยู่แล้ว... ไม่ใช่เจ้าชาย

อย่างไรก็ดี อีกฝ่ายทำให้เขาแปลกใจตั้งแต่เสด็จออกจากบ้านมาทั้งฉลองพระองค์ชุดนอนนั่นล่ะ

คงจะออกมาเดินเล่น... ไม่ใช่เพราะรีบร้อนตามหาเขาหรอก... ใช่ไหม




ตะกร้าจ่ายของวางอยู่บนโต๊ะในครัวเรียบร้อยแล้วเมื่อฟีเรียสเดินเข้าไป แต่คนที่ทรงถือเข้ามาไม่อยู่
ชายหนุ่มเดาว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังสรงน้ำ

จะต้องขึ้นไปช่วยรึเปล่า... จู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นในหัว

เขาได้ยินมาว่าบรรดาเจ้าชายทั้งหลายจะต้องมีมหาดเล็กคอยถวายงานแม้แต่เรื่องนี้
ก็ไม่รู้หรอกว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่เมื่อคืนนี้อีกฝ่ายก็อาบน้ำแต่งตัวเองได้ไม่ต้องให้เขาช่วยทำอะไรถวาย
และเมื่อคืนเขาก็มัวแต่เครียดจนไม่ได้คิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้

เช้านี้ก็เลยตามเลยก็แล้วกัน

เมื่อเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงเยี่ยมพระพักตร์เข้ามาในห้องครัวก็พบว่าคนร่วมบ้านจัดโต๊ะอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว
และยืนรออยู่ราวกับมหาดเล็กประจำห้องเสวยก็ไม่ปาน ทั้งยังทำท่าจะมาเลื่อนเก้าอี้ถวายเสียอีก
ทว่าพระองค์ทรงชิงเลื่อนเองเสียก่อน

“นั่งสิ” ทั้งที่นอนเตียงเดียวกันมาทั้งคืน แต่กลับมีท่าทีห่างเหินกว่าเมื่อวานเสียอีก

ฟีเรียสนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“ขอเดชะฯ หากฝ่าบาทไม่ทรงมีงานอะไรจะให้กระหม่อมทำถวายอีก กระหม่อมขอประทานพระอนุญาตกลับบ้านพระเจ้าค่ะ”

คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเงียบ ก่อนที่คนประทับหัวโต๊ะจะทรงย้ำคำเดิม

“นั่งสิ”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มปฏิบัติตามรับสั่ง คิดไปเองว่าสายพระเนตรของคนที่มองตรงมานิ่งๆ นั่นแทนความหมายที่ว่า

... จะต้องให้ข้าตักข้าวให้ด้วยไหม

ฟีเรียสตักข้าวในโถถวายเงียบๆ

“จานของเจ้าล่ะ”

คนถูกถามขยับริมฝีปากจะปฏิเสธอีกหน แต่แล้วก็เพียงแค่ลุกเดินไปหยิบจานและช้อนส้อมมาเพิ่ม ตามด้วยตักข้าวให้ตัวเอง

“เจ้าหุงข้าวเองหรือ” พระสุรเสียงของเจ้าชายหนุ่มอ่อนกว่าปกติ

“พระเจ้าค่ะ ขอประทานอภัย” แฉะไปหน่อย เขาใส่น้ำเยอะเกินไป ข้าวที่นี่ทั้งนิ่มและหอม ไม่เหมือนข้าวแข็งๆ ที่เขากินอยู่ทุกวัน

“ขอซื้อได้ไหม”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว

“คำว่า ‘ขอประทานอภัย’ ของเจ้า”

ทั้งที่คิดแล้วว่าถามดีๆ แต่คนฟังกลับมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับได้ถอยตัวห่างออกไปทั้งที่ก็นั่งอยู่ที่เดิม แทบจะใกล้เพียงแค่ยื่นมือออกไปหา

“ไม่ต้องซื้อหรอกพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาททรงจ่ายให้กระหม่อมมามากแล้ว” แค่ตรัสสั่งมาสักคำ เขาก็ต้องทำตาม

สถานการณ์ที่แทบจะตรงกันข้ามกับที่ตั้งพระทัยไว้ทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงหนักพระทัยขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าพระองค์พระทัยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะทรงยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายดายนัก
เห็นอย่างนี้... ที่จริงแล้วก็แทบจะไม่เคยทรงง้อใคร ไม่จำเป็น แล้วก็ไม่ใช่ในกรณีที่พระองค์ไม่ได้ทรงผิด แต่อีกฝ่ายคิดไปเอง

เอาแต่คิดไปเองมาหลายครั้งหลายครา

“กินข้าวเถอะ”

หนึ่งเจ้าชาย หนึ่งนักเรียนองครักษ์นั่งทานอาหารเช้าด้วยกันเงียบๆ บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม
ทั้งที่บนโต๊ะมีแจกันใส่ดอกไม้สีเหลืองสดใสประดับอยู่ และแสงแดดยามเช้า
ที่สาดส่องเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างตลอดผนังด้านหนึ่งก็แสนจะอบอุ่นนุ่มนวล

“ฝ่าบาท” ฟีเรียสเป็นฝ่ายทูลเรียกขึ้นก่อนเบาๆ

เจ้าชายหนุ่มทรงตอบรับด้วยท่าทีรอฟัง

“กระหม่อมขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

ดูท่าว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมยกคำคำนั้นถวายให้โดยง่าย ขณะที่เจ้าชายหนุ่มทรงดำริว่าก็ยังดีที่รู้จักขอโทษ
ฟีเรียสก็กราบทูลเรื่องที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“ที่หยิบฉลองพระองค์มาใช้โดยไม่ได้ขอประทานพระอนุญาต”

คนฟังทั้งทรงผิดหวังและทั้งระอา

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” พระองค์ไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างถึงปานนั้น
เมื่อคืนนี้ก็โปรดให้อีกฝ่ายยืมฉลองพระองค์ชุดนอนไป

ว่าที่องครักษ์คนนี้ช่างคิดเล็กคิดน้อยเหลือเกิน

“ทั้งชุดเมื่อคืนและชุดนี้ กระหม่อมจะซักแล้วนำมาถวายคืนให้เร็วที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าซักผ้าเป็นหรือ”

เห็นได้ชัดว่าคนถูกถามประหลาดใจนัก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตรัสถามเรื่อง ‘เรื่อยเปื่อย’ เช่นนี้

“กระหม่อมซักเป็นพระเจ้าค่ะ” แต่ไม่ว่าจะเป็นคำถามแบบไหน ตามมารยาทแล้วก็ต้องทูลตอบทั้งสิ้น

“แล้วจะซักชุดให้ข้า”

ทั้งคนถามและคนถูกถามไม่รู้ว่าคำถามนั้นมาได้ยังไง แต่หลังจากเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง
จู่ๆ ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกเก้อๆ แปร่งๆ ขึ้นมา

“กระหม่อมจะขอให้แม่ช่วยซักให้พระเจ้าค่ะ” เงียบไปครู่จึงทูลเสริม

“นางซักผ้าสะอาดมาก คงไม่ทำให้ฉลองพระองค์เสียหาย... ยกเว้นแต่ว่าจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยวิธีพิเศษ”

คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันนิดๆ บ่งบอกความกังวลใจอย่างแท้จริง และนั่นทำให้เจ้าของชุดแทบจะทอดถอนพระทัยออกมาดังๆ

ห่วงแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ... ถึงอีกฝ่ายไม่บอก ถึงพระองค์จะไม่ทรงทราบแน่ชัด
แต่ก็เดาได้ว่าฟีเรียสคงจะเลือกชุดที่ดูเรียบและ ‘เก่า’ ที่สุดมาสวมแล้ว

“ข้าแค่จะบอกว่าใส่ไปเถอะ ไม่ต้องเอามาคืน ชุดเมื่อคืนก็ทิ้งไว้ที่นี่ให้แม่บ้านซัก”

คนฟังดูเหมือนจะคอแข็งขึ้นนิดหนึ่ง

“กระหม่อม...” ไม่รับบริจาคเสื้อผ้า

 ฟีเรียสเก็บกลืนบางคำลงไปในคอ ก่อนจะกราบทูลเบาๆ แต่หนักแน่น

“จะนำมาถวายคืนพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้อง” รับสั่งตอบเรียบ สั้น

ฟีเรียสนิ่งไปนิดหนึ่ง มองสีพระพักตร์หยั่งพระอารมณ์

“ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมจะเปลี่ยนเป็นชุดของกระหม่อมก่อนกลับ” ถึงจะคิดว่า ใส่แล้วก็ควรรับผิดชอบด้วยการซักก็เถอะ
แต่เสื้อผ้าดีๆ แบบนี้ ถ้าซักไม่ดีก็อาจจะ...

“ข้าอนุญาตให้เจ้ากลับแล้วหรือ”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มชะงักกึก เมื่อเห็นว่าสีพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มดูจะเข้มงวดขึ้นกว่าปกติ
เขาก็เริ่มสำเหนียก สังหรณ์ใจแล้วว่า เขาอาจด่วนสรุปเกินไปว่าเจ้าชายหกแห่งไม่ซีนไม่เคยทรงถือสาอะไรใคร

ขึ้นชื่อว่า ‘เจ้าชาย’ เรื่องที่จะไม่เอาแต่ใจ ไม่ใช้อำนาจ... เห็นจะเป็นไปไม่ได้

เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“ฝ่าบาทไม่ประทานพระอนุญาตหรือพระเจ้าค่ะ” ชายหนุ่มทูลถามเรียบๆ

สายตาสองคู่มองสบกัน ก่อนที่ผู้ต่ำศักดิ์กว่าจะเป็นฝ่ายเบือนหลบ
เจ้าชายรามิเรสทรงค่อยๆ ผ่อนพระปัสสาสะออกยาว ช้า
ไม่นึกว่าแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลยเถิดจนทำให้อารมณ์ขุ่นมัวด้วยกันทั้งสองฝ่ายได้

“เจ้าคิดถึงบ้านมากหรือ” พระสุรเสียงอ่อนลงเล็กน้อย

“... พระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็กินให้อิ่มแล้วค่อยไป”

ฟีเรียสมองพระพักตร์อย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่ทรงล้อเล่นแน่
จึงกราบทูลขอบพระทัยด้วยความรู้สึกโล่งใจระคนวูบโหวงบางเบา

ต่างฝ่ายต่างทานอาหารเงียบๆ ต่อไปอีกครู่ ฟีเรียสวางช้อนหลังจากเจ้าชายหนุ่มทรงวางเพียงเล็กน้อย
ทว่าฝ่ายหลังยังตรัสชวนให้กินผลไม้ที่เขาซื้อมาเมื่อเช้า

“เจ้าชอบสตรอเบอร์รี่หรือ”

“พระเจ้าค่ะ” เห็นอีกฝ่ายเสวย เขาก็ทูลถามบ้าง หวังคลี่คลายบรรยากาศ “ฝ่าบาทก็โปรดหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าชอบผลไม้ทุกชนิด” เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล “ถ้าอยู่ที่ตำหนักจะต้องมีผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ
แต่ถ้าไปที่อื่นไม่มีก็ไม่เป็นไร ข้าไม่อยากเรียกร้องมาก ประเดี๋ยวใครจะหาว่าเป็นเจ้าชายเรื่องมาก ลำบากคนอื่นไปหามาเอาใจ”

สีหน้าคนฟังแสดงออกชัดโดยไม่รู้ตัว และเจ้าชายรามิเรสก็แย้มพระสรวลจางๆ อย่างไม่ทรงถือสา
แม้จะอ่านได้ความว่า... รับสั่งบอกกระหม่อมทำไม

อย่างไรก็ดี ฟีเรียสยังคิดว่า เป็นถึงเจ้าชาย แค่ต้องการผลไม้หลังอาหารทุกมื้อยังนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
ไม่ถือว่า ‘เรื่องมาก’ อย่างที่รับสั่ง... เจ้าชายพระองค์นี้ทรง ‘เกรงใจ’ คนอื่นมากไป... ในบางเรื่อง




ฟีเรียสไม่มีม้า ทุกครั้งเวลาได้กลับบ้าน เขาจะขอโดยสารไปกับคณะเดินทางของพ่อค้าที่เดินทางจากเมืองหลวง
กลับไปบ้านเกิดของเขาซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ถัดจากเมืองหลวงไปไม่ไกล แต่ขบวนเดินทางที่มีแต่วัวเทียมเกวียน
บรรทุกสินค้าเต็มเล่มย่อมทำให้การเดินทางล่าช้า ชายหนุ่มอยู่ที่บ้านได้ไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับ
เฟย์... น้องสาวของเขาบอกให้เขาเช่าม้า แต่เขาอยากจะประหยัดเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นมากกว่า
จึงใช้บริการม้าเช่าเพียงไม่กี่ครั้ง... เฉพาะเวลาที่ต้องกลับไปดูแลมารดาที่เจ็บป่วยไม่สบาย
หรือตอนที่เขาอยากได้กำลังใจจากคนในครอบครัว อยากเห็นหน้าให้เร็วที่สุด
เพื่อหวังบรรเทาความทดท้อหรือเหนื่อยล้าจากเรื่องต่างๆ

เดินทางครั้งนี้ เจ้าชายรามิเรสประทานทั้งเสื้อผ้าและม้าดีให้ และฟีเรียสก็รับไว้ สองคนพบกันครึ่งทางที่คำว่า ‘ให้ยืม’

ทว่าก่อนที่จะ ‘พบกันครึ่งทาง’ ได้ก็ทำเอาเจ้าชายหนุ่มทรงเหน็ดเหนื่อยพอสมควร
เพราะฟีเรียสยืนกรานจะไม่ยอมรับม้าทรงสีขาวปลอดของพระองค์ท่าเดียว

“เจ้าตัวสีน้ำตาลที่เจ้าขี่มานั่นมีกำหนดตรวจสุขภาพประจำปีอีกห้าวันข้างหน้า แต่ม้าของข้าตรวจเรียบร้อยแล้ว”

“นั่นเป็นม้าทรงของฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าให้ยืม”

“กระหม่อมรับไม่ได้พระเจ้าค่ะ”

“มันก็เหมือนม้าตัวอื่นๆ เดินทางได้ดี กินอาหารง่ายๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลมันเป็นพิเศษ”

“กระหม่อมมิบังอาจ” ชายหนุ่มกราบทูลคำเดิมเป็นครั้งที่สอง

“เจ้าคิดว่าบังอาจนี่น่าจะหมายถึง เอาม้าของข้าไปใช้ หรือปฏิเสธความหวังดีของข้า”

ฟีเรียสยืนนิ่ง เขารู้ล่ะว่าพระองค์กำลังทรงใช้อำนาจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมมาบีบบังคับ แต่ที่น่าขัดใจก็คือ
เขาโกรธพระองค์ไม่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์รับสั่งย้ำด้วยพระสุรเสียงอ่อนๆ

“รับไปเถอะ เพกาซัสเป็นม้าดี ข้าจะได้ไม่ห่วงเจ้า”

รับสั่งจบ ทั้งคนพูดและคนฟังก็ดูจะเก้อกระดากขึ้นมาพร้อมๆ กัน
นั่นล่ะ เหตุผลที่ทำให้คนต่ำศักดิ์กว่าคิดหาคำพูดมาแย้งต่อไม่ออก



“ฝ่าบาท” ว่าที่องครักษ์หนุ่มลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะกราบทูลคนที่อุตส่าห์เสด็จออกมาส่งเขาถึงคอกม้าทั้งที่ไม่จำเป็นเลย

“จะโปรดให้กระหม่อมเซ็นสัญญาหนี้ไว้เป็นหลักประกันก่อนหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เขาไม่สามารถ ‘ขายตัว’ เพื่อปลดหนี้ได้อีกแล้ว

“ไม่ต้อง” ตั้งแต่รู้จักกับว่าที่องครักษ์หนุ่มผู้นี้มา พระองค์เกือบจะต้องทอดถอนพระทัยวันละหลายๆ รอบ

“หลังจากกระหม่อมกลับมาแล้วค่อยเซ็น หรือพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องเซ็น”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“ถือเสียว่าเป็นสัญญาใจทั้งเซ็นยืมเซ็นจ่าย เจ้าจ่ายมาแล้วเท่าไรข้าจะจดไว้ รับรองไม่โกง”

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทรงโกง และเจ้าชายหนุ่มก็คงไม่ทรงเดือดร้อนสักนิดหากว่าเขาจะโกง
เพียงแต่... เขาไม่ต้องการมี ‘สัญญาใจ’ กับใคร

โดยเฉพาะกับ ‘เจ้าชาย’ เจ้าชายที่เป็น ‘ผู้ชาย’ คนแรกของเขา

“ขอได้ทรงโปรด ให้กระหม่อมเซ็นเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ฟีเรียส” นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายหนุ่มทรงเรียกชื่อเขาตรงๆ “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ”

“ฝ่าบาททรงเชื่อใจกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ”

“เชื่อ”

คนฟังชะงัก รู้สึกว่ารับสั่งง่ายๆ นั้นเปี่ยมความจริงใจอย่างประหลาด ทั้งยังตอบเร็วเสียจนหัวใจของเขาวูบไหว

“แต่...”

“ผู้ใหญ่บอกอะไรก็ต้องเชื่อ ให้อะไรก็ไม่ควรปฏิเสธ ไม่เคยได้ยินหรือ”

ก็เพิ่งจะเคยนี่แหละ ปกติมีแต่ได้ยินว่าอย่าเชื่อใครง่ายๆ ยิ่งคนผ่านโลกมามากยิ่งหลอกลวงเก่ง

ว่าแต่... อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาสักเท่าไรเชียว ถึงรับสั่งแทนองค์ว่า ‘ผู้ใหญ่’ ได้เต็มปากเต็มคำ

“เจ้าไปเถอะ”

ฟีเรียสยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะกราบทูลขอบพระทัย แล้วตัดสินใจขึ้นม้า

“แล้วพบกัน”

ประโยคนั้นดังขึ้นเมื่อว่าที่องครักษ์หนุ่มกระตุ้นม้าจากมาแล้ว เขาขยับใบหน้านิดหนึ่งเหมือนจะหันกลับไป
ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เหลียวกลับไปมอง เพียงกระตุ้นม้าให้เร่งฝีเท้าขึ้น




อย่าได้พบกันอีกเลยเป็นดีที่สุด



tbc.

**************************************************


ยืนยันว่าไม่ดราม่าหรอกค่ะ (พิจารณาตามมาตรฐานส่วนตัว)
คือถ้าจะมีเรื่องให้เสียใจบ้างก็นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนคิดมากอย่างฟีเรียส :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-02-2014 09:00:45
คิดมากทั้งคู่อ่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 15-02-2014 09:31:15
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-02-2014 10:06:33
คิดมาก แต่ก็ดีกว่าคิดน้อย

มันเป็นเกราะคุ้มกันใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-02-2014 10:18:27
เห้ยยยย จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยยย
ทั้งเจ้าชายทั้งฟีเรียส เหมือนคุยกันคนละเรื่องตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-02-2014 11:02:04
เจ้าชายก็มีแต่ใจให้ไปไม่เคยคิดอัลไล :laugh:

แต่ฟีเรียสผู้จริงจังเคร่งขรึม เจียมตัวเจียมใจเหลือเกิ๊น งานหนักแน่ใช่มั้ยคะ กว่าจะลงเอย :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 15-02-2014 11:57:58
คุยกันคนละเรื่องตลอด กว่าจะรักกันคนอ่านคงช้ำในตายพอดี :m15:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 15-02-2014 12:33:32
เออ คิดมากกันทั้งคู่ ต้องจับมาอยู่ด้วยกันนานๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 15-02-2014 13:04:48
เฮ้อออออ กว่าจะรักกันคงรอเหนื่อยแน่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-02-2014 13:08:40
คิดมาก คิดเยอะ คิดไปเรื่อย....โถพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-02-2014 13:16:13
พอกันเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-02-2014 14:50:24
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 15-02-2014 15:22:54
ชอบคิดมากทั้งคู่เลย ไม่ว่าๆ
แต่เมื่อไรจะคิดตรงกันนะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 15-02-2014 15:44:57
ถึงจะเป็นเรื่องที่อ่านแล้วเรื่อยๆช้าๆ  แต่มีความรู้สึกว่าถัาถึงเวลาที่ทั้งสองคนรักกันจะต้องรักกันมากแน่ๆ  เพราะแค่เท่าที่อ่านตอนนี้เจ้าชายเองก็ดูจะหลง(?)จะแคร์ความรู้สึกของฟีเรียสเหลือเกิน  แถมแอะอะก็เป็นห่วงเป็นใยฟีเรียสทุกอย่างอีก อ่านแล้วฟินจังถึงทั้งคู่จะเอาแต่เถียงกันหรือต่างฝ่ายต่างคิดไปเองบ้าง แต่ก็เป็นคู่ที่น่ารักมากเลยค่ะ :กอด1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-02-2014 16:18:46
ย่ิงอ่านยิ่งเครียดกับคนสองคน เหนื่อยอีกนานกว่าจะจูนตรงกัน :mew4: :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 15-02-2014 21:13:04
อ่านแล้วขัดใจนายเอก เจียมตัวไปไหม

ไหนว่าชอบเจ้าชายไง ถึงอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าชายก็นะ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 15-02-2014 22:46:28
เข้าใจฟีเรียส แต่บางทีก็รับฟังเจ้าชายมั้ง :z3:
ถ้าเป็นคนอื่น พระองค์ทรงกริ้วไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 16-02-2014 00:20:54
เราว่าคิดมากทั้งคู่นะ โดยเฉพาะฟีเรียสอ่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-02-2014 00:47:48
แต่ละคน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 16-02-2014 14:01:13
มัน bitter sweet มากเลยค่ะเรื่องนี้
ละมุนนุ่ม ๆ แต่อมปร่านิด ๆ  ชวนให้ติดตาม
ฟิเรียสจะไม่คิดมากได้ยังไง  ตั้งแต่เรื่องฐานันดรเข้าไปแล้ว
เจ้าชายก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ  เห็นนิ่ง ๆ แต่ไม่ยอมปล่อยเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mory ที่ 18-02-2014 21:49:02
น่ารักทั้งคู่เลย ชอบนิยายแนวนี้ที่สุดอ่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 18-02-2014 23:02:12
ใช่คุณชุนที่เคยแต่งเรื่อง ทาสรัก ป่ะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 19-02-2014 01:18:25
อ่านไปก็ยังยิ้มไปนะคะ อยากจะบอกว่าน่ารักมากทั้งคู่เลยค่ะเรื่องนี้
เจ้าชายทรงใส่พระทัยฟีเรียสมากจนเหมือนจะเกินความพอดีไปหน่อย
ปากบอกว่ากดไม่ลง แต่เราคิดว่าน่าจะเพราะตื่นเต้นกันทั้งคู่จนอารมณ์อย่างว่ามันหายไปหมดมากกว่า
แต่ถ้าบรรยากาศเป็นใจล่ะก็ไม่แน่นะเนี่ย น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น :hao6:
เรื่องนี้น่ารักมากๆ เลยค่ะ เราล่ะชอบจริงๆ นายเอกหยิ่งแบบนี้ล่ะชอบมาก
ไม่ยอมรับอะไรจากใครฟรีๆ และถึงจะรักก็ไม่คิดครอบครองจริงจัง
ถึงจะเจ็บแต่ก็ไม่เศร้าใจ เรารู้สึกว่ามันเป็นความรักที่สวยงามนะคะ

..............................................
(ในความคิดของเรานะ ชอบความรักในรูปแบบนี้ค่อนข้างมาก อย่างที่บอกค่ะ
มันเป็นความรู้สึกที่สวยงาม ปราศจากความมืดดำในใจทั้งที่ไม่ได้ครอบครอง)

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ มาแต่งต่ออีกเร็วๆ น้า รอติดตามค่ะ
ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเรื่องจะลงเอยยังไง เพราะดูแล้วทั้งสองฝ่ายไม่มีความรู้สึกอยากครอบครองกันเลย
มันน่าติดตามตรงนี้แหละค่ะ อยากรู้เรื่องต่อไปเร็วๆ จริงๆ ค่ะ เดาเนื้อเรื่องไม่ออกเหมือนเรื่องอื่นๆ เลย
ที่พออ่านไปได้ซักพักก็พอจะเดาได้เลาๆ ว่าเป็นประมาณไหน แต่เรื่องนี้ ยอมรับเราเดาทางไม่ออกง่ะ :really2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 6 (15 ก.พ. 57) หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 19-02-2014 03:46:59
 :call:  :call:

ขอให้สองคนนี้สมหวังรักใคร่ปรองดอง ได้ครองคู่กันอย่างสมปราถนา

 :call:  :call:

เล่นคุณไสยกันไว้ก่อน  :laugh: รอจ้าาา  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 19-02-2014 08:33:21
บทที่ ๗

“ไม่ได้ทรงทำอะไรเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

คุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมทูลถาม เขาไม่รอให้เจ้าชายหกเสด็จไปหาที่บ้าน แต่มาเข้าเฝ้าที่พระตำหนักเอง
หลังจากรู้ว่าพระองค์เสด็จกลับมาจากบ้านริมผาเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

“ข้าพยายามแล้ว” คนประทับหลังโต๊ะทรงพระอักษรตรัสตอบ

“พยายามยังไงพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนตรัสตอบตรงๆ แบบรวบรัด

“ข้าเห็นตอนที่เขาเปลือยทั้งตัวแล้วแต่ไม่มีอารมณ์” ที่จริง ออกจะทรงอึดอัดระคนสงสารอยู่เล็กน้อย

“อารมณ์น่ะสร้างได้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่วพระพักตร์

“ถึงจะไม่มีหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ก็มีมือมีปาก ขอเพียงฝ่าบาทตรัสสั่งให้เขากระตุ้นพระอารมณ์ถวาย...”

“มิทรอส!”

คุณชายหนุ่มถึงแก่สะดุ้ง

“ฟีเรียสไม่ใช่ผู้ชายขายตัว”

ถึงจะตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกกริ้วทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนพระทัยเย็น และเขาก็เป็นพระสหาย
แต่คุณชายมิทรอสก็เป็นคนปรับตัวได้เร็ว อีกทั้งสมองยังฉับไวพอจะคิดได้ว่า มีพัฒนาการ

พระองค์รับสั่งว่า ‘ฟีเรียส’ ไม่ใช่ ‘เขา’

“โปรดเขามากหรือพระเจ้าค่ะ”

คราวนี้เป็นเจ้าชายหนุ่มเองที่ทรงชะงัก

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

“ฝ่าบาททรงปกป้องเขา”

“เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าไม่ชอบให้เจ้าดูถูกเขาอย่างนั้น”

“ขอประทานอภัย กระหม่อมจะไม่พูดอย่างนั้นอีก” เจ้าชายหนุ่มทรงพยักพระพักตร์รับคำขอโทษ

“สรุปว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงทดสอบเรื่องนี้อีก”

หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจใหญ่ มิทรอสจึงได้ยินพระสุรเสียงตอบ

“อืม” เบาๆ

“ดีแล้วพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทไม่ได้มีรสนิยมอย่างกระหม่อม แล้วยังทรงมีพระคู่หมั้น
ถ้าฝ่ายนั้นไม่ได้เรียกร้องอะไร ก็ทรงลืมไปเถิด กระหม่อมเข้าใจว่าฝ่าบาททรงรู้สึกผิด
แต่ก็ได้ทรงช่วยเหลือเขาไว้มาก น่าจะชดเชยกันได้”

เมื่อทรงระลึกถึงอันธียา ธิดาเสนาบดีคลังซึ่งเป็นพระคู่หมั้น เจ้าชายหนุ่มก็ทรงรู้สึกผิดขึ้นมา
ทว่าเพราะเหตุใดไม่อาจรู้ ทำให้สิ่งที่หลุดออกจากพระโอษฐ์กลับยังเป็นเรื่องของนักเรียนองครักษ์ผู้นั้น

“เขาตั้งใจจะคืนเงินให้ข้าทั้งหมด”

“หากฝ่าบาททรงลำบากพระทัย ก็ให้เขาเอาเงินมาให้กระหม่อมก็ได้พระเจ้าค่ะ แล้วกระหม่อมจะนำมาถวายอีกที”

พระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มผิดปกติไปวูบหนึ่ง ทำเอาคนมองฉุกใจคิด

“ยังทรงคิดจะพบเขาอยู่อีกหรือพระเจ้าค่ะ”

ไม่คิดจะทดสอบแล้ว แต่ยังจะใช้เรื่องเงินเป็นข้ออ้างในการพบหน้า

“ในเมื่อฝ่าบาทไม่ทรงมีอารมณ์กับเขา และเขาเองก็ไม่อยากพบฝ่าบาท ก็ทรงปล่อยเขาไปเถิด”

“ข้าก็ไม่ได้กักขังเขา ไม่ได้อยากฝืนใจ” หลังจากทรงทอดถอนพระทัยแผ่วเบา พระองค์ก็รับสั่ง

“เอาเถอะ ข้าจะพยายามลืม”

ปกติแล้วเจ้าชายหกแห่งไมซีนมักจะทรงมีความพยายามเป็นยอดเสมอ สิ่งใดที่ทรงพยายามทำ
เก้าในสิบจะต้องสำเร็จ ทว่าหากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องใช้ความพยายาม มิทรอสก็คิดว่า... อาจจะมีปัญหา


*******************************


บ้านของฟีเรียสอยู่ถัดจากเมืองหลวงไปทางทิศเหนือ อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ
หลังจากพ่อของเขาป่วยตายไปเมื่อสามปีก่อน บ้านของเขาก็เหลือแต่แม่กับน้องสาว
ฟีเรียสไม่อยากปล่อยให้แม่และน้องอยู่กันตามลำพังผู้หญิง เขาคิดจะลาออกจากโรงเรียนองครักษ์ตอนที่เรียนอยู่ปีสอง
แต่วอลเซนส์ เพื่อนสนิทวัยเด็กและเป็นเพื่อนบ้านของเขาด้วยรับปากจะช่วยดูแลทั้งสองให้
เขาจึงยอมเรียนต่อตามคำขอของแม่และน้อง... ตามความปรารถนาของเขาเอง

ฟีเรียสจำทางมาบ้านของตัวเองได้ แต่บริเวณที่ควรจะเป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ ของเขากลับมีบ้านหลังใหญ่มาแทนที่
อาจจะไม่ถึงกับเรียกว่าใหญ่เมื่อเทียบกับบ้านของผู้มีอันจะกินในเมืองหลวง แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านเดิมของเขาถึงสามเท่า
แถมยังมีสองชั้น ตัวบ้านทาสีขาว หลังคาและหน้าต่างเป็นสีน้ำตาล มีหน้าต่างมากมายทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
ทั้งยังแขวนกระถางดอกไม้กระถางเล็กๆ ซึ่งปลูกดอกไม้หลากสีที่กำลังออกดอกสวยสดใสไว้ทุกๆ บ้านหน้าต่าง
บริเวณบ้านมีสวนสวยล้อมรอบ ปูด้วยพื้นหญ้าเขียวขจีและปลูกต้นไม้ดอกไม้เอาไว้อย่างมีศิลปะชวนมอง
มีแผ่นหินเรียบแผ่นใหญ่ปูเอาไว้เป็นทางเดิน ทั้งยังมีศาลานั่งเล่นสีขาวหลังเล็ก ชุดเก้าอี้กลางสวน
และชิงช้าไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ แม้แต่ทางเข้าบ้านก็แต่งเป็นซุ้มหลังคาโค้งที่มีเถาไม้เลื้อยปกคลุมและห้อยระย้าลงมาเป็นสาย

มีทุกอย่างที่เฟย์... น้องสาวของเขาเคยฝันเอาไว้ และเขาก็คิดว่ามันคงเป็นได้เพียงความฝันไปตลอดชีวิต

ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขึ้นมา บ้านหลังนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวจนเกือบจะต้องขายตัวใช้หนี้

บ้านหลังนี้เอง ที่เป็นความฝันของน้องสาวที่เขารัก

บ้านหลังนี้... จะทำให้เขาไม่มีวันลืมเจ้าชายหกแห่งไมซีนได้

ไม่ว่าจะนอนหรือจะนั่ง เขาก็จะอยู่ใต้เงาของพระองค์

ว่าที่องครักษ์หนุ่มพยายามข่มใจไม่คิดถึงอีกฝ่ายให้ขุ่นใจ แรกทีเดียวเขายังคิดว่า
อาจจะต้องเอาม้าไปฝากไว้ที่ฟาร์มของวอลเซนส์ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว
เจ้าชายรามิเรสอุตส่าห์พระทัยกว้างสร้างหนี้สินเพิ่มให้เขาด้วยการโปรดให้สร้างคอกม้า
ไว้หลังบ้านด้วย ฟีเรียสนำม้าไปเก็บไว้ในคอก เขาไม่ลืมว่าแม้แต่ม้าก็เป็นม้าทรงของเจ้าชายหก
ฉะนั้นจึงตั้งใจว่าจะอาบน้ำ แปรงขน ให้หญ้าให้น้ำ ดูแลมันอย่างดี

“เฮ้!”

ฟีเรียสหันไปตามเสียง จึงเห็นชายหนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ส่งยิ้มมาให้

“วอลเซนส์”

เจ้าของชื่อขี่ม้าตรงมาหา ทำท่าว่าจะพูดอะไรด้วย ทว่าเมื่อสายตามองไปเห็นม้าพ่วงพี
ลักษณะดีสีขาวปลอดของเจ้าชายรามิเรสเข้าเต็มๆ ตา ชายหนุ่มก็อุทานออกมาอย่างตื่นใจ

“เจ้าไปเอาม้าใครมาเนี่ย ฟีเรียส พันธุ์ดีอย่างนี้ขายได้เป็นแสนเหรียญเชียวนา”

ราคานั่น...  ยังมากกว่าบ้านทั้งหลังของเขาเสียอีก ฟีเรียสปวดหัวขึ้นมาทันที ถ้าม้าตัวนี้เป็นอะไรไป

หนี้เขาก็จะท่วมไปจนถึงชาติหน้า

“นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ แล้วเอามันมาได้ยังไง”

“ม้าทรง”

“หือ”

“ม้าของเจ้าชายหก” ฟีเรียสที่หลุดปากบอกไปแล้วกล่าวแก้ใหม่

“งั้นที่เฟย์บอกว่าเจ้าถูกเจ้าชายหกจองตัวไว้เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของฟาร์มม้าเล็กๆ ตื่นเต้น ทว่าคนถูกจองตัวหน้าเคร่ง

“นางเข้าใจผิด”

“แล้วไหงเจ้าถึงได้...”

“พี่ฟีเรียส!”

เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวผิวขาววัยสิบหก ดวงหน้าเล็กๆ ฉายแววปีติยินดีเป็นที่สุด
นางผละจากหน้าต่างหลังบ้านชั้นล่างไปบอกมารดาซึ่งนั่งเย็บผ้าอยู่ในห้องโถงว่า

“แม่จ๋า พี่มา”

ก่อนจะวิ่งจี๋ออกมายังคอกม้าหลังบ้าน

“ข้าได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆ คิดแล้วว่าต้องเป็นพี่ พี่ว่าบ้านใหม่เราสวยไหมจ๊ะ”

มองสีหน้ารอคอยอย่างลุ้นๆ ของน้องสาวแล้วฟีเรียสก็ได้แต่ยิ้มบางแล้วว่า

“อืม สวยมาก เป็นอย่างที่เจ้าอยากได้เลยไม่ใช่หรือ”

“จ้ะ เจ้าชายหกใจดีจังเลยนะจ๊ะ”

“เฮอะ ถึงชอบแค่ไหนเจ้าก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก” วอลเซนส์ว่า

“ทำไม”

“เดี๋ยวเจ้าก็ต้องไปอยู่บ้านข้าแทนไง”

สีหน้าขุ่นเคืองของเด็กสาววัยสิบหกแปรเปลี่ยนเป็นขัดเขินขึ้นมาได้ทันตา

“ใครบอกว่าข้าจะแต่งกับท่านล่ะ”

“ก็แล้วใครบอกว่าข้าจะแต่งกับเจ้าล่ะ คนอย่างข้าน่ะรึ หึ... ฉุดอย่างเดียวเท่านั้น”

“พี่วอลเซนส์!” เด็กสาวหน้าแดงเถือก

“ว่าไง”

“ข้าไม่พูดกับพี่แล้ว พี่ฟีเรียสไปดูข้างในบ้านกัน ไปหาแม่ด้วย เมื่อบ่ายแม่ยังบ่นอยู่เลยว่าทำไมพี่ยังไม่มา”
เฟย์พูดเจื้อยแจ้วขณะกอดแขนพี่ชายเอาไว้แล้วพาเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหันมาแว้ดดุเพื่อนของพี่ชายที่นอกจาก
เดินเข้าบ้านมาด้วยโดยไม่ได้รับเชิญแล้วยังกระตุกผมเปียเดี่ยวของนางเล่นแถมยังว่านางพูดมาก



บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในบ้านหลังใหม่แสนน่ารักเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ฟีเรียสรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อเห็นน้องสาวของเขาดูมีความสุขขณะที่คุยอวดเรื่องบ้านแทบจะไม่หยุดปาก
และแม่ของเขาก็ดูจะพอใจกับความเป็นอยู่ใหม่

“ลูกต้องจงรักภักดีกับพระองค์ให้มากๆ นะฟีเรียส เจ้านายดีๆ อย่างนี้หายาก” เรเซียบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงนุ่มเบา

“พระองค์ต้องเมตตาลูกมาก ถึงสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ทั้งหลังทั้งที่ลูกยังไม่ได้ทำหน้าที่องครักษ์เต็มตัว
แล้วยังให้เงินเราไว้ตั้งตัวตั้งก้อนใหญ่”

“แต่พี่ก็มีความดีความชอบตั้งเยอะนะจ๊ะแม่”

“ความดีความชอบอะไร”

“อ้าว” เฟย์ไม่คิดว่าพี่ชายจะถามเหมือนไม่รู้เรื่อง “ก็ความดีความชอบทางการทหารไง
เจ้าชายบอกว่าพี่ช่วยพระองค์ไว้ แต่บอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไรเพราะเป็นความลับทางทหาร”

“ใครบอกเจ้า”

“เจ้าชายบอกข้าเอง”

หัวใจของคนฟังกระตุก

“เสด็จมาที่นี่หรือ” ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเขาไม่รู้

“จดหมายต่างหากจ้ะ จดหมาย พอพี่เขียนตอบมาว่าเป็นเงินของเจ้าชายหก
ข้าก็เขียนจดหมายไปขอบคุณพระองค์เรื่องบ้าน แม่ให้ข้าบอกพระองค์ด้วยว่าเราจะหาเงินมาใช้คืนให้เร็วๆ
ให้พระองค์ช่วยบอกราคามาหน่อย เพราะว่าหัวหน้าช่างไม่ยอมบอก พระองค์ก็เลยบอกข้าว่าสร้างให้ตอบแทน
ที่พี่มีความดีความชอบ แล้วยังบอกด้วยว่าให้เราช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้พี่ยอมรับบ้าน เพราะว่าพี่ดื้อ
ยืนกรานจะหาเงินมาใช้คืนพระองค์ทั้งหมดให้ได้ พระองค์ทรงเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ยอม”

ฟีเรียสกำช้อนส้อมในมือแน่นขึ้น

...เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ...

ประโยคคำถามก่อนจากย้อนกลับมาในห้วงความคิด
ก็เพราะพระองค์ชอบทำอะไรลับหลังเขาอย่างนี้ไง เขาถึงเชื่อพระองค์ไม่ได้

เป็นการกระทำลับหลังที่ทำให้เขาจะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่ออก จะโกรธ... ก็โกรธนั่นแหละ
แต่ก็รู้ดีว่าพระองค์ไม่ได้ทรงทำร้ายเขา แต่ความเมตตาที่เขาไม่ได้ร้องขอนี่มัน...
ไม่รู้ว่าทำให้เขาจุกอกแทบกระอักมากี่ครั้งกี่หนแล้ว

“จดหมายอยู่ไหน”

“จดหมายของเจ้าชายหรือจ๊ะ อยู่ในห้องหนังสือจ้ะ เจ้าชายถามข้าด้วยนะว่าตอนอยู่บ้านพี่ทำอะไรบ้าง
ข้าก็บอกว่าพี่ชอบอ่านหนังสือ... เอ่อ... ทำไมพี่ต้องทำหน้าดุด้วยล่ะ ข้าพูดอะไรผิดหรือ”

เฟย์หน้าเหย ซ้ำเรเซียและวอลเซนส์ยังมองไปทางฟีเรียสอย่างสงสัย ชายหนุ่มจึงต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะว่า

“พี่ขอดูจดหมายหน่อย”

“เดี๋ยวนี้เลยหรือจ๊ะ”

“กินให้อิ่มก่อนก็ได้มั้งลูก”

ฟีเรียสอิ่มแล้ว เขารู้สึกอิ่มขึ้นมากะทันหัน แต่เพราะคนอื่นยังไม่อิ่ม เขาจึงต้องฝืนกินต่อ
เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องพานอิ่มไปเพราะเขาด้วย

“เจ้าบอกว่าเฟย์เข้าใจผิด เรื่องที่เจ้าถูกเจ้าชายหกจองตัว”
วอลเซนส์ตั้งประเด็นใหม่ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นประเด็นเก่าที่เพื่อนยังไม่ได้ตอบ

“อ้าว พี่ไม่ได้ถูกพระองค์จองตัวไว้หรือจ๊ะ”

“ใครบอกเจ้า” ฟีเรียสแทบจะเค้นเสียงถาม ถ้าคราวนี้ยังเป็นฝีมือของเจ้าชายพระองค์นั้นอีก เขาจะ...

“ข้าเดาเอง ก็เจ้าชายบอกว่าพี่เป็นคนมีความสามารถ เลยช่วยพระองค์ไว้ได้มาก
ข้าก็เลยคิดว่าพอเรียนจบพี่จะได้เป็นองครักษ์ของพระองค์ ไม่ใช่หรือจ๊ะ”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มโกรธจนแก้มกระตุก เขาเคย ‘ช่วย’ พระองค์ไว้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้าหมายถึงการ ‘ช่วย’ ครั้งนั้น ก็นับว่าเขาได้ใช้ ‘ความสามารถ’ มากทีเดียว แน่ล่ะ... ใช้ทั้งตัว!

“องครักษ์ของเจ้าชายจะต้องเป็นลูกหลานขุนนางหรือเป็นเชื้อพระวงศ์ อย่างเลวก็ต้องมีชาติตระกูลดี
คนธรรมดาอย่างพี่เป็นไม่ได้ ถึงพี่จะ... มีความดีความชอบ” คำนี้ทำให้เขารู้สึกอดสูใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“แต่ก็เป็นได้แค่องครักษ์รักษาวัง หรือไม่ก็อยู่ในกองเกียรติยศ”

“ว้า แต่ดูเหมือนเจ้าชายจะเมตตาพี่มากเลยนะ ไม่แน่พี่อาจจะได้เป็น...”

“กฎต้องเป็นกฎ เจ้าอย่าคิดเหลวไหลเลย กินต่อเถอะ”

เฟย์เห็นสีหน้าของพี่ชายแล้วก็หันไปสบตากับวอลเซนส์ ครั้นฝ่ายนั้นพยักหน้าให้นางจึงนั่งกินต่อไปเงียบๆ
ฟีเรียสรู้ตัวว่าเป็นคนทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกร่อยลง แต่เขาไม่มีแก่จิตแก่ใจจะทำให้ดีขึ้น
เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าในจดหมายฉบับนั้นมีอะไร



ในจดหมายสีฟ้าอ่อนฉบับนั้นไม่มีอะไรพิเศษนัก ฟีเรียสนั่งอ่านมันตามลำพังอยู่ในห้องหนังสือที่แต่เดิมไม่เคยมี
แต่บัดนี้มีแล้วและค่อนข้างกว้าง แม้ว่าจะมีหนังสืออยู่ไม่มากเพราะมีแต่หนังสือเก่าๆ ที่เขาซื้อไว้

จดหมายที่ยาวถึงหนึ่งหน้ากระดาษนั้นมีรอยปั๊มดุนนูนเป็นตราประจำพระองค์อยู่บนหัวกระดาษ
ตัวอักษรที่เขียนด้วยหมึกดำเรียงติดกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อ่านง่าย สะอาดตา รอยกดค่อนข้างเบา
ทว่ากลับลงน้ำหนักเท่ากันทุกตัวอักษรได้อย่างน่าทึ่ง

“แม่บอกว่าคนเขียนหนังสืออย่างนี้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย แปลว่าเป็นคนยังไงก็จะเป็นอย่างนั้นไปตลอด
ไม่เปลี่ยน จริงรึเปล่าจ๊ะ”

เฟย์ถามเขาตอนที่ส่งจดหมายให้ ทว่าฟีเรียสไม่ได้รู้ดีถึงขั้นนั้น แต่ก็พอจะตอบได้ว่า
ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบทำอะไรลับหลังเขาล่ะก็คงใช่

เจ้าชายรามิเรสทรงเขียนจดหมายถึงเฟย์เหมือนพี่ชายเขียนถึงน้องสาว ไม่เหมือนเจ้าชายเขียนถึงเด็กสาวชาวบ้าน
สะท้อนความเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและใจดีออกมาค่อนข้างชัดเจน ข้อความข้างในไม่มีส่วนใดที่ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองใจ
จะมีก็แต่ส่วนที่ทำให้เขาจ้องอยู่นานเป็นพิเศษ


... พี่ชายของเจ้าเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีความอดทนมาก
แม้ขณะกำลังไม่สบายก็ยังอุตส่าห์ฝืนร่างกายไปสอบ การต่อสู้บนหลังม้าในวันนั้นเขาทำได้ดี
ได้อันดับที่สิบกว่า จากนักเรียนองครักษ์ทั้งรุ่นสามร้อยกว่าคน
หากไม่พูดถึงเรื่องที่เป็นคนชอบฝืนทำอะไรโดยไม่ค่อยห่วงตัวเองแล้ว ข้าชื่นชมเขา...

ข้อความนั้นบอกชัดเจน ว่าพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเขาก่อนที่จะเสด็จมาหาเขาถึงห้อง
การที่เพิ่งตระหนักเอาตอนนี้ว่าตัวเองถูกจ้องมองอยู่ฝ่ายเดียวทำเอาเจ้าตัวรู้สึกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก
รู้แต่ว่าถ้าตอนนั้นเขารู้ตัวว่าถูกพระองค์มอง เขาคงจะถูกคู่ต่อสู้เอาชนะไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย

เจ้าชายรามิเรสทรงหลอกน้องสาวของเขารึเปล่า แกล้งทำให้นางดีใจที่มีพี่ชายเก่งใช่ไหม
ฟีเรียสยังสงสัยเพราะขนาดเขาสอบได้ที่สิบเก้า พระองค์ยังอุตส่าห์ทำให้เขาดูเก่งกาจขึ้นด้วยการรับสั่งว่า สิบกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม คืนนั้นเขาเข้านอนโดยมีคำว่า ‘ข้าชื่นชมเขา’ ที่ไม่ใช่แค่ตัวอักษร แต่มาทั้ง ‘หน้า’ และ ‘เสียง’
ดังก้องอยู่ในหูซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งหลับใหล



ฟีเรียสเป็นลูกชาวสวน ชายหนุ่มตื่นแต่เช้าเสมอ ยิ่งกลับมาอยู่บ้านยิ่งตื่นตั้งแต่เช้ามืด
เพื่อช่วยน้องสาวดูแลสวนผลไม้โดยขอให้แม่ซึ่งสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรพักผ่อน
ว่าที่องครักษ์หนุ่มทำงานเร็ว เขาทำงานอย่างแข็งขันอยู่สองสามวัน หญ้าในสวนก็ถูกตัดจนเตียน
ผลไม้ทุกต้นอิ่มปุ๋ยอิ่มน้ำ ผลที่เก็บไปขายได้ไม่มีเหลือค้างอยู่บนต้น ก่อนจะต้องกลับไปเรียน
เขายังมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับน้องสาวและเพื่อน

วอลเซนส์ชวนเขาไปตกปลาในทะเลสาบท้ายหมู่บ้าน แม่ของเขาไม่ได้ไปด้วยเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี
แต่ก็คะยั้นคะยอกึ่งบังคับให้เขามากับวอลเซนส์และเฟย์

“มีใครรู้ไหมว่าเจ้าเป็นนักบุญกลับชาติมาเกิด”

ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มม้าเอ่ยถามขณะปลดปลาตัวเขื่องที่ตกได้ออกจากเบ็ดแล้วหย่อนใส่ถังน้ำที่เตรียมมา

“ข้าฆ่าคนได้ถ้าจำเป็น และจะไม่ลังเลเด็ดขาด”

คนนอนเอาแขนหนุนหัวบนพื้นหญ้า ตามองเมฆที่เคลื่อนตัวผ่านท้องฟ้าสีครามตอบเรียบๆ
แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ท้องฟ้ากลับสดใสแทบไม่ต่างจากฤดูร้อน
มีเพียงลมเย็นที่พัดผ่านมาเป็นระยะเท่านั้นที่ทำให้พอจะพูดได้ว่านี่คือฤดูหนาว

“แต่ไม่ตกปลา ไม่ตบยุง ไม่เหยียบมด” ชายหนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ว่าขำๆ พลางหยิบเหยื่อตัวใหม่
เกี่ยวเข้ากับเบ็ดแล้วเหวี่ยงสายเบ็ดออกไปเบาๆ อย่างเคยชิน

“เจ้าเดือดร้อนหรือ”

วอลเซนส์หัวเราะ

“เจ้าตกปลาไม่เป็น แต่ข้าตกเป็น แถมว่าที่เมียข้ายังทุบหัวปลาได้ ขอดเกล็ดปลาเป็น ข้าจะไปเดือดร้อนทำไม
ขอให้เจ้าช่วยสอนให้นางทอดปลา ต้มปลา ทำกับข้าวปลาๆ เก่งเหมือนเจ้าได้อีกอย่างข้าก็แสนจะสบาย”

“ว่าข้าทำกับข้าวไม่อร่อยหรือพี่วอลเซนส์” คนที่กำลังเดินเก็บดอกไม้รอบๆ บริเวณทะเลสาบให้เต็มอ้อมแขนยังอุตส่าห์หูดีได้ยิน

“อร่อยจ้า แค่น้อยกว่าพี่เจ้านิดเดียว” สาวน้อยผมเปียพยักหน้าอย่างยอมรับได้ ก่อนจะหันไปเก็บดอกไม้ต่อ
ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ชายหันไปเฉลยให้คนนอนสบายฟังว่า “ต้องเอาใจไว้ก่อน เดี๋ยวเย็นนี้จะไม่ได้กินข้าวบ้านเจ้า”

“เจ้าคิดจะแต่งกับนางไหม” แม้เสียงที่ถามจะเรียบ และสายตาที่ปรายมามองก็ดูเฉยๆ แต่วอลเซนส์รู้ดีว่าเพื่อนจริงจัง

“คิด แต่เจ้าก็รู้ว่าข้าเพิ่งรับสืบทอดกิจการมาจากพ่อ ยังมีปัญหาอยู่ ข้าอยากเก็บเงินอีกสักพัก
รอให้ข้าพร้อมกว่านี้แล้วค่อยมาขอนาง”

“แม่ข้าเรียกสินสอดไม่แพงหรอก”

“เฮ้ย! นี่เจ้าอยากได้ข้าเป็นน้องเขยขนาดนี้เชียวเรอะ”

“แต่ถ้าเจ้าทำให้นางไม่มีความสุข เจ้าจะต้องจ่ายแพงเชียวล่ะ”

คนถูกข่มขู่ยิ้มกว้าง “ข้ายินดีจ่ายให้เจ้าหมดตัว”

ฟีเรียสยิ้มตอบอย่างวางใจ

“ว่าแต่เจ้าเถอะ เป็นนักเรียนองครักษ์มาตั้งหลายปี ไม่มีสาวไหนมาชอบบ้างเหรอวะ กลับมาบ้านกี่ทีก็มาคนเดียวตลอด”

“ใครจะมาชอบนักเรียนองครักษ์จนๆ”

“เจ้าออกจะหน้าตาดี”

“ข้อนี้ไม่เถียง”

“วะ หลงตัวเองใช้ได้เลยนี่หว่า หน้าตาดีแต่ทำไมไม่มีสาวมาหลง” สายตาของชายหนุ่มร่างใหญ่มีแววจับผิด
ก่อนจะต้องหันกลับไปทางทะเลสาบอีกครั้งเมื่อสายเบ็ดกระตุก เขาดึงคันเบ็ดขึ้น
คราวนี้ได้ปลาตัวขนาดกลางๆ หลังจากปลดออกอย่างชำนาญและโยนใส่ถังเรียบร้อยแล้วจึงได้ยินเสียงตอบ

“คนหน้าตาดีที่ไม่จนมันมีเยอะ”

“เสียงเจ้าดูไม่เดือดร้อนเลยนะฟีเรียส แต่ใจจริงก็คงจะอยากมีสาวมาหลงใช่ไหมล่ะ
ไม่ต้องน้อยใจไปเพื่อนยาก ถ้าสาวเมืองหลวงมองไม่เห็นความเป็นผู้ชายที่แสนจะดีเลิศของเจ้า
เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจพวกนาง หันมามองสาวๆ แถวบ้านเราดีกว่า อย่างแอนจิเทีย
ลูกสาวแสนสวยของพ่อค้าร้านขายขนมปังตรงหัวมุมถนนนั่นไง
นางเต้นรำกับเจ้าในงานเทศกาลดอกไม้บานเมื่อปีที่แล้ว จำได้ไหม
เฟย์บอกข้าว่าแอนจิเทียถามถึงเจ้าทุกทีตอนที่นางไปซื้อขนมปัง
ว่าไง เจ้าสนใจจะไปซื้อขนมปังมั่งไหมล่ะ ตอนนี้ขนมปังอาจจะขายหมด
แต่ถ้าเห็นเจ้าไปซื้อ รับรองนางต้องรีบทำให้เจ้าใหม่แน่”

“ตกปลาไปเถอะน่า”

“ไม่สนใจคนนี้” วอลเซนส์สรุป “งั้นน้องของ...”

หนุ่มเจ้าของฟาร์มม้ายังคงพูดไปเรื่อย ทว่าฟีเรียสตัดสินใจหลับตา แสร้งหลับเพื่อตัดปัญหา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วอลเซนส์พูดเรื่องทำนองนี้กับเขา ตอนที่เพิ่งรู้ตัวใหม่ๆ ว่าชอบผู้ชายด้วยกัน
ฟีเรียสเครียดจัดทุกครั้งที่แม่ น้องสาว และเพื่อนถามถึงเรื่องนี้ แต่ต่อมาก็ปรับตัวได้ดีขึ้น
แม้จะกังวลอยู่บ้างแต่ก็สามารถโต้ตอบได้อย่างลื่นไหล พวกเขาคงไม่มีวันเข้าใจ
ไม่มีวันยอมรับตัวตนเช่นนี้ของเขาได้ วอลเซนส์จะเชื่อหรือ
ว่าถึงแม้เขาจะชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับเพื่อนสนิทเลยแม้แต่น้อย

“ข้ารู้นะว่าเจ้าแกล้งหลับ”

วอลเซนส์ว่า ขณะทั้งสามกำลังเดินกลับบ้าน ฟีเรียสไม่ตอบว่าอะไร
เขาเป็นคนถือถังน้ำใส่ปลาสิบกว่าตัวกลับเพราะเขาไม่ได้เป็นคนตก

“เจ้ายังไม่สนใจใครก็ไม่เป็นไร อีกแค่ครึ่งปีเดี๋ยวเจ้าก็ได้เป็นองครักษ์
ถึงตอนนั้นคงมีผู้หญิงมาให้เจ้าเลือกไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าภายในครึ่งปีนี้เจ้าเจอสาวถูกใจก่อน
ก็อย่าลืมพามาให้ข้ากับเฟย์รู้จักบ้างล่ะ ตกลงไหม”

“ไม่มีปัญหา”

ปัญหาอื่นไม่มี มีแค่ปัญหาเดียว...  คือเขาไม่ชอบ ‘สาว’




ระหว่างทางเฟย์ขอแวะไร่สตรอว์เบอร์รี่ของเพื่อน เด็กสาวเลือกเก็บสตรอว์เบอรี่ผลงามๆ เอาอย่างไม่เกรงใจ
เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทที่มีอะไรก็แบ่งปันกันกินอยู่เสมอ น้องสาวของฟีเรียสเกณฑ์ให้พี่ชายและเพื่อนของพี่ชาย
ช่วยกันเก็บ และนักเรียนองครักษ์หนุ่มก็เผลอเก็บจนเต็มตะกร้าจนเด็กสาวร้องทัก

“โอ้โห พี่ฟีเรียส เก็บไปขนาดนั้นจะกินหมดเหรอ”

“เออ จะว่าเก็บไปเป็นเสบียงพรุ่งนี้มันก็เยอะไปนะข้าว่า ใจคอเจ้าจะกินแทนข้าวเรอะ”
วอลเซนส์ที่มัวแต่เล่นกับพวกไส้เดือนอยู่จนเก็บได้เพียงสิบกว่าผลหันมาเห็นด้วย

ฟีเรียสชะงักไปก่อนจะยิ้มให้น้องสาว

“เจ้าไม่อยากได้แยมไว้กินสักขวดสองขวดหรือ”

“กินจ้ะ! กินๆ ข้าชอบแยมสตรอว์เบอร์รี่ที่พี่ทำที่สุด พี่วอลเซนส์ห้ามมาแย่งข้ากินนะ ดูสิ เก็บได้แค่นิดเดียวเอง”

“หึ เชิญเจ้ากินไปเถอะ ข้าไม่ชอบของหวาน อ้อ ไหนๆ ข้าก็ไม่กิน งั้นข้าไม่เก็บแล้วนะ”

“ไม่ได้ค่ะ ไม่กินก็ต้องช่วย”

วอลเซนส์ทำหน้าระอาอย่างเสแสร้ง “เกรงใจเพื่อนเจ้ามั่งเท้อ เจ้ามาเก็บที นางจนไปครึ่งปี” แต่ก็ช่วยเก็บแต่โดยดี

ฟีเรียสมองเพื่อนกับน้องสาวเถียงกันแล้วก็ยิ้มอย่างสบายใจ
ทว่าเมื่อมองผลไม้ลูกสีแดงสดอวบในตะกร้าแล้วรอยยิ้มนั้นก็คลายไปเล็กน้อย


เป็นถึงเจ้าชาย แค่สตรอว์เบอร์รี่แค่นี้ ต่อให้นึกอยากกินในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูของมันก็คงจะได้กินอย่างที่ต้องการ
ของชาวบ้านหรือจะสู้ของในวัง เขานี่ช่างคิดอะไรเหลวไหลแท้





มาไกลขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์คิดถึงได้อีก





tbc.


**********************************************************


เรื่องนี้ก็มีพัฒนาการนะคะ ถึงจะเป็นพัฒนาการแบบนี้ :katai5: ก็เถอะ  :mew2:

ตอบคุณ panari - ใช่ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-02-2014 09:02:05
ฟีเรียสน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก นี่เราจินตนาการเป็นหนุ่มล่ำเล็กๆ ที่อารมณ์สาวน้อยมากอ่ะ
แอบน่ารังแกหน่อยๆ เวลาหงุดหงิดก็ไม่กล้าแสดงออกมา

ส่วนชายหกนี่...... บื้อเอาเรื่องนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 19-02-2014 09:33:52
เรื่อยๆเพลินๆดีนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-02-2014 09:59:39
ฟีเรียสกลับมาบ้านยังมีเรื่องให้คิดถึงเจ้าชายหกอยู่ตลอด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-02-2014 10:51:59
โถ่ฟีเรียส เห้ออ สงสารจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-02-2014 10:56:54
เก็บสตอเบอร์รี่ไปฝากเจ้าชายหกสิคะอิหนู  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-02-2014 11:28:29
ก็ยังคิดถึงเจ้าชายตลอด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-02-2014 11:30:15
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-02-2014 11:34:46
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ รู้สึกอิ่มเอิบในความความรู้สึกขึ้นเรื่อย ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-02-2014 11:58:14
เจ้าชายเป็นคนดีมากกก

เป็นคนที่อยู่นฐานันดรสูง แต่มีความเอาใจใส่คนอื่น ไม่เห็นคนอื่นเป็นแค่สิ่งของวัตถุที่มารองรับอารมณ์ น่ารักมากๆ
ส่วนฟีเรียสก็เป็นคนเจียมตัวมาก รอวันที่ฟีเรียสกล้าเล่นของสูง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-02-2014 12:56:35
 :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 19-02-2014 13:51:46
ถือว่า มือให้ทั้งคู่ ชอบคะ ค่อยเป็นค่อยไป :)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-02-2014 14:21:11
ค่อยๆรักกันเบาๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-02-2014 17:15:08
มาเป็นกำลังใจให้ก่อนครับ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 19-02-2014 20:47:21
เจ้าชายหกคะ -_- ซื่อบื่อไปไหมคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 19-02-2014 22:05:30
 :กอด1: ดีใจที่เห็นคุณชุนแวะมาบอร์ดนี้ ติดตามเรื่องทาสรักมาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยม ปัจจุบันเป็นสาววัยทำงานแล้ว ฮ่าๆๆ  :laugh: มีรีปริ้นเมื่อไรอย่าลืมแจ้งข่าวนะคะ เล่มที่มีอยู่อ่านจนเปื่อยไปหมดแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2014 22:51:25
อารมณ์แบบสบายๆเรื่องนึ้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 19-02-2014 23:12:41
ตอนนี้เขาก็นึกถึงกันตลอด และจะรอวันที่เขาคิดถึงกันจนทนไม่ไหว


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-02-2014 23:32:58
ฮิ้ววววว ต่างคนต่างคิดถึงกัน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 19-02-2014 23:56:02
อ่านเพลินดีจัง ฟีเรียสเข้ารู้ว่าตัวเองชอบผู้ชาย
แล้วเจ้าชายจะรู้ตัวเมื่อไหร่น่ะ สงสัยมิทรอสต้องช่วย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 22-02-2014 19:16:13
เจ้าชายนี่เหมือนจะความรู้สึกช้า ว่าพอใจในอีกฝ่ายอยู่มาก
คงเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธว่าจำไม่ได้ จะทำเป็นลืมให้ แล้วเจอพูดมาตรงๆอีก

จะเป็นไงต่อน้อออ มาต่อๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 22-02-2014 20:48:05
 :m14: ชายหกคงยังไม่รู้ตัวว่าพลาดโอกาสสำคัญไป

 :m32: ฟีเรียสน่ารักอ่ะ น่าขโมยกลับบ้าน

ตอนจบเป็นเช่นไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากให้ทั้งสองคู่กัน  o9 o9
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 7 (19 ก.พ. 57) หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-02-2014 15:18:04
ฟีเรียสน่ารักน่าหยิกซะขนาดนี้ เจ้าชายหกทรงรู้พระองค์ให้ไวๆหน่อยซิ (ขัดใจแม่ยก)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 23-02-2014 15:27:51
บทที่ ๘

“หม่อมฉันมาทูลชวนไปชมละครเพคะ”

หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระได้สักพัก ในที่สุดอันธียาก็กราบทูลจุดประสงค์ที่แท้จริง
เจ้าชายรามิเรสทรงวางถ้วยพระสุธารสกาแฟลงบนจานรอง มหาดเล็กซึ่งยืนรอถวายงานอยู่
อีกด้านหนึ่งของอุทยานเดินเข้ามาจะรินถวายเพิ่ม ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ
เขาจึงถวายคำนับแล้วล่าถอยไปยืนอยู่ที่เดิม

“จีอา เพื่อนของหม่อมฉัน ลูกสาวของท่านเสนาบดีเกษตรเพิ่งตั้งโรงละครใหม่ชื่ออเธมีสเพคะ
ค่ำวันที่สิบสามนี้จะเปิดแสดงรอบปฐมทัศน์ หม่อมฉันได้บัตรมาสองใบเลยมาทูลชวนฝ่าบาทเสด็จไปด้วยกัน ทรงว่างไหมเพคะ”

“แสดงเรื่องอะไร”

“ไซคีกับอีรอสเพคะ”

แค่ฟังชื่อ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงทราบว่าผู้ชายอย่างพระองค์ไม่ใช่เป้าหมายของละครเรื่องนี้
หรืออาจจะรวมถึงโรงละครโรงนี้ เมื่อพิจารณาจากตัวเจ้าของซึ่งเป็นเพื่อนกับพระคู่หมั้น
ก็พอจะทรงเดาได้ว่าลูกค้ากลุ่มหลักของหญิงสาวคงจะเป็นหนุ่มสาวในตระกูลชั้นสูงที่ปรารถนาความรักเป็นสรณะ

“จะเสด็จได้ไหมเพคะ ถ้าได้ หม่อมฉันก็จะดีใจมาก เรา เอ่อ... ไม่ได้ไปไหนด้วยกันมานานแล้วนะเพคะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวลอ่อนบาง

“ไปสิ ข้าว่าง ค่ำๆ ก่อนเวลาแสดงสักชั่วโมงข้าจะไปรับ”

บุตรสาวคนงามของเสนาบดีคลังแย้มยิ้มยินดีอย่างเปิดเผย




อันธียาแต่งกายงดงามเป็นพิเศษในค่ำคืนนั้น ชุดสีม่วงเข้มหรูหรางดงาม ทั้งยังช่วยขับผิวขาวๆ ให้กระจ่างตายิ่งขึ้น
เสื้อคอกว้างเปิดให้เห็นลำคอระหงได้อย่างชัดเจน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มักจะทิ้งตัวลงมาเป็นลอนสวยอยู่เสมอ
ถูกเกล้าเก็บขึ้นทั้งหมดเพื่อขับเน้นความยวนตาของลำคอขาวสะอาด เจ้าชายรามิเรสทรงชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อทอดพระเนตรเห็น ก่อนจะแย้มพระสรวลอย่างพึงพระทัย

พระองค์ยังคง... ปกติดี

ส่วนการที่พระองค์ทรงหลับพระเนตรตั้งแต่ละครเริ่มแสดงไปได้ราวสิบนาที
และหลับพระเนตรตลอดสามชั่วโมงกว่าที่เหลือก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

เจ้าชายหกแห่งไมซีนเสด็จไปส่งพระคู่หมั้นถึงที่บ้าน และทรงจูบหลังมือของนางก่อนอำลา
รอยยิ้มคาดหวังของอันธียาเจื่อนจางลงไปทว่าก็พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้ให้เป็นปกติที่สุด
ขณะยอบกายถวายพระพรลา คืนนั้นหญิงสาวนอนไม่ค่อยหลับนัก ตั้งแต่เป็นคู่หมั้นกันมา
ใช่ว่าพระองค์จะไม่เคยทรงจูบนางที่ปาก แม้จะเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็น ‘จูบ’ ที่แท้จริง
แต่แทนที่ความสัมพันธ์จะก้าวหน้าขึ้น กลับดูเหมือนจะถอยหลังลง... เพราะอะไร

จะว่าเพราะทรงติดพระทัยนางคนไหนในหอบุปผาก็ไม่น่าจะใช่ ครั้งนั้น
นางมั่นใจทีเดียวว่าเจ้าชายหนุ่มเสด็จไปที่หอบุปผามา แต่ในเมื่อพระองค์ทรงปฏิเสธ
นางก็ฉลาดพอที่จะไม่ดึงดันยืนกราน และพระองค์ก็ไม่ได้เสด็จไปอีก

อย่างไรก็ตาม การไปชมละครคืนนั้นนับเป็นนิมิตหมายอันดีของการเริ่มต้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ใหม่

“ช่วงนี้ฝ่าบาททรงออกงานกับอันธียาบ่อยนะพระเจ้าค่ะ”

มิทรอสกราบทูลเมื่อมาเข้าเฝ้าที่กรมสรรพาวุธในบ่ายวันหนึ่งด้วยเรื่องงาน
คุณชายหนุ่มเป็นนายทหารยศร้อยเอกสังกัดกรมทหารม้า

“ใกล้จะมีข่าวดีหรือยังพระเจ้าค่ะ”

“ขอให้เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่ถามเรื่องนี้กับข้า ข้าหวังมากไปไหม”

คุณชายหนุ่มสำลักยิ้ม “ไม่มากพระเจ้าค่ะ ต่อไปกระหม่อมจะไม่ทูลถาม แต่จะเป็นพระกรุณา
หากฝ่าบาทรับสั่งบอกกระหม่อมว่าจะโปรดให้กระหม่อมบอกคนที่มาถามกระหม่อมอีกต่อหนึ่งว่ายังไง”

“บอกไปว่า เรื่องส่วนพระองค์ ไม่ควรยุ่ง”

รอยยิ้มหายไปจากเค้าหน้าคมคายของคนฟัง

“กริ้วหรือพระเจ้าค่ะ” ที่จริงแล้วเขาถามผิด เขารู้ว่ากริ้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่ากริ้วใคร

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะทรงผ่อนพระปัสสาสะออกยาว “เจ้ากลับไปได้ ข้าจะทำงาน”

คุณชายหนุ่มขยับปากจะทูลถาม แต่แล้วก็ตัดสินใจทูลลาไปแต่โดยดีโดยไม่ลืมกราบทูลทิ้งท้ายว่า

“กระหม่อมปวารณาตัวเป็นคนฟังเสมอพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทจะทรงเล่า”



นอกจากงานเลี้ยงกลางคืนแล้ว เจ้าชายรามิเรสยังเสด็จไปประพาสยังที่ต่างๆ
กับพระคู่หมั้นตามที่ฝ่ายหลังทูลชวนบ่อยๆ ไปกับนางตามลำพังบ้าง ไปกับกลุ่มเพื่อนของนางบ้าง
ใช่ว่าพระองค์จะไม่ทรงทราบว่านางต้องการอวดพระองค์กับกลุ่มเพื่อน
ทว่าในเมื่อพระองค์ไม่ได้ทรงเดือดร้อนอะไร ก็ทรงปล่อยให้นางทำไป
เช่นเดียวกันกับเรื่องสถานที่เที่ยว แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงน้ำชาตามบ้านของชนชั้นสูง
โรงอุปรากร สนามม้า หรือสวนดอกไม้ซึ่งล้วนแต่ไม่ต้องรสนิยม
แต่ก็สามารถเสด็จไปได้โดยไม่ทรงรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากนัก

ใช่ว่าพระองค์จะไม่ทรงทราบว่าพระคู่หมั้นของพระองค์มีรสนิยมอย่างไร กิจวัตรของนาง
ความชอบของนางไม่ต่างจากของบุตรสาวของขุนนางและชนชั้นสูงทั้งหลาย
แรกทีเดียวพระองค์มีพระดำริว่าหลังจากแต่งงานกันไปแล้ว ความชอบของนางจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพระองค์
เพราะนอกจากงานสำคัญที่จำเป็นจะต้องออกด้วยกันแล้ว สถานที่อื่นๆ ที่นางชอบ
พระองค์จะประทานพระอนุญาตให้นางได้ไปตามใจชอบ เพียงแต่พระองค์คงจะไม่เสด็จไปด้วย
ต่างคนก็ต่างมีวิธีผ่อนคลายของตัวเอง เช่นนี้คงจะสามารถอยู่ด้วยกันไปได้อย่างราบรื่น

ทว่าตอนนี้ เหตุที่ต้องทรงเปลี่ยนพระจริยวัตรอย่างกะทันหันทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
ก็เพราะมันจำเป็น พระองค์ทรงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อันธียาจะสามารถช่วยแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งให้พระองค์ได้




บ่ายวันหนึ่ง เจ้าชายรามิเรสเพิ่งเสด็จกลับจากการไปเยือนคฤหาสน์หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
ของบิดาของเพื่อนคนหนึ่งของอันธียา พระองค์ทรงม้า ขณะที่อันธียานั่งรถม้า
แรกๆ พระองค์เคยประทับรถม้าไปกับนาง ทว่าหลังจากพบว่าถ้าพระองค์ไม่ทรงเงียบ
จนทำให้นางขยับตัวอย่างอึดอัดในบางเวลา ก็เป็นนางเองที่พูดคุยในเรื่องที่พระองค์ไม่ใคร่สนพระทัย
เพราะเหตุนี้จึงเปลี่ยนมาทรงม้าตามถนัด เพราะอย่างน้อย การได้อยู่ห่างกันบ้าง ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ทำให้ความกระตือรือร้นที่จะได้พูดคุยกันเมื่อพบหน้ากันอีกครั้งมีมากขึ้น

การไปไหนมาไหนกับพระคู่หมั้นช่วยให้พระองค์...

พระดำริของเจ้าชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อสายพระเนตรทอดไปเห็นคนในความคิดคำนึงยืนอยู่ในแม่น้ำใต้สะพานหิน
ที่พระองค์กำลังทรงม้าข้ามผ่าน เห็นแค่แวบเดียวก็ทรงทราบว่าบรรดาครูในโรงเรียนองครักษ์พาเหล่านักเรียน
มาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยการขุดลอกคูคลอง แต่ละคนถอดเสื้อออกจนเหลือแต่กางเกงตัวเดียวลงไปยืน
ในแม่น้ำที่มีน้ำอยู่ไม่มากและขุดลอกคูคลองอย่างแข็งขัน

“เฮ้ย! ฟีเรียส”

แปะ! โคลนแฉะๆ ลอยไปแปะอยู่ที่กลางหน้าอกทันทีที่เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก

“โรดีอัส!”

“ฮ่าๆๆๆๆ อุ้ก”

นักเรียนองครักษ์ผิวเข้มร่างใหญ่ยังคงหัวเราะออกแม้จะโดนอีกฝ่ายเอาคืนด้วยการขว้างโคลนก้อนหนึ่งมาโดนตัวบ้าง
หลังจากนั้นก็เป็นสงครามดินโคลนที่มีนักเรียนองครักษ์เข้าร่วมนับสิบคน
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความรื่นเริงของวัยเยาว์

โดยเฉพาะคนที่พระองค์ทรงจับตามองเป็นพิเศษ

“ฝ่าบาท” อันธียาเปิดม่านหน้าต่างรถม้าออกมาทูลเรียก เมื่อรถม้าของนางหยุดเคลื่อน “ทรงหยุด...”

หญิงสาวถึงแก่สะดุ้ง เมื่อเห็นว่าพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มบึ้งตึงอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
ครั้นมองตามสายพระเนตรไปเห็นบรรดาชายหนุ่มที่ทำงานไปเล่นไปอยู่ในแม่น้ำเบื้องล่าง นางก็เข้าใจ

“พวกนักเรียนองครักษ์นี่ช่างไร้ระเบียบวินัยกันจริงๆ นะเพคะ อย่างนี้สมควรบอกให้ผู้อำนวยการลงโทษให้เข็ดหลาบ...”

อันธียาพูดได้ไม่จบ เพราะเจ้าชายหนุ่มทรงกระตุ้นม้านำขบวนไปเสียก่อน

พังทลายแล้ว ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดล้มเหลวลงแล้วเพียงได้พบหน้าแค่ครั้งเดียว

... อันธียาช่วยอะไรพระองค์ไม่ได้เลย


*******************************


ฟีเรียสยังคงมีงานพิเศษทำอยู่เป็นประจำ งานส่วนใหญ่มาจากคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหม
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเจ้าชายหกทรงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เขาไม่อยากจะคิดมากให้เสียเวลา
เพราะคิดไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร บางครั้งเมื่อถึงคราวที่ได้หยุดกลับบ้าน เขาก็ไม่ได้กลับ
นอกเสียจากเขียนจดหมายไปหาแม่และน้อง ทั้งสองเข้าใจดีที่เขายังยืนกรานจะหาเงินมาถวายคืนเจ้าชายหกจนครบถ้วน
แม้อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม

ฟีเรียสเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่เขายังนึกไม่ออกว่าจะถวายคืนอย่างไรดี
ปัญหาแรกคือไม่แน่ใจว่าจำนวนเงินน้อยเกินไปหรือไม่ พระองค์ทรงรวยมาก
เขาเพิ่งรู้จากโรดีอัส รายนั้นเป็นลูกชายของคหบดีใหญ่และเล่าว่าเจ้าชายรามิเรสทรง
บริจาคเงินเพื่อการกุศลครั้งละมากๆ ครั้งล่าสุดก็บริจาคเพื่อสร้างโรงพยาบาลโดยบริจาคร่วมกับพระคู่หมั้น
เงินที่เขาอุตส่าห์เก็บรวบรวมไว้ด้วยความพยายามอย่างมากคงเป็นได้เพียงเศษเงินของพระองค์

ปัญหาที่สองคือเขาไม่อยากเข้าเฝ้าโดยตรง แต่จะฝากคุณชายมิทรอสไปถวายก็กลัวว่า
คุณชายหนุ่มจะไม่รู้เรื่องนี้และเขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัยว่าเหตุใดเจ้าชายหนุ่มจึง
ประทานพระเมตตาให้เขามากถึงเพียงนี้

ถึงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นระหว่างเขากับเจ้าชายหก และยังเป็นเจ้าของคฤหาสน์ริมผา
แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาได้รับพระเมตตาเพราะเจ้าชายหนุ่มต้องการจะชดเชยให้... มันน่าอาย

กลับจากไปเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุด สิ่งที่เขานำติดตัวกลับมาและคิดว่าจะถวายให้เจ้าชายรามิเรสมีสองอย่าง
อย่างแรกคือแยมสตรอว์เบอร์รี่ที่เขาทำเองสองขวด แต่หลังจากคิดทบทวนมาตลอดการเดินทาง
ทันทีที่มาถึงหอพัก เขาก็ยกมันให้กับเพื่อนร่วมห้องไปทั้งสองขวด

อย่างที่สองคือฉลองพระองค์ที่เขายืมมา เสื้อผ้าชุดนั้นทำให้เขาถูกน้องสาวสงสัย
เฟย์พบมันในห่อผ้าที่ใช้แล้วของเขาขณะที่นางกำลังจะนำไปซัก เขาเองก็ลืมไปเสียสนิท

“ของพี่เอง พี่ต้องซื้อไว้ใช้ตอนไปงาน มันจำเป็น”

“ผ้าดีมากเลย ตัดเย็บละเอียดมากด้วย แพงไหมจ๊ะ”

ฟีเรียสบอกราคาไปส่งๆ เป็นราคาที่เขาคิดว่าแพงแล้ว ถึงกระนั้นน้องสาวของเขาก็ยังออกปากว่าถูก
โชคดีที่นางไม่สงสัยอีก และนำมันไปซักให้อย่างระมัดระวัง ตอนนี้เขาเก็บชุดนั้นไว้ในตู้เสื้อผ้าจนมันมีกลิ่นอับตู้อีกครั้ง
แต่เขาก็ยังไม่ได้คืน



“ข้าอยากให้เจ้าไปช่วยทำความสะอาดบ้านริมผาสุดสัปดาห์นี้”

มิทรอสบอกอย่างไม่อ้อมค้อมเมื่อนักเรียนองครักษ์หนุ่มมาหาเขาถึงที่บ้านเพื่อรับงานตามที่เขาเรียก

“ปกติที่นั่นจะมีคนไปทำความสะอาดเดือนละสองครั้ง แต่พรุ่งนี้ที่บ้านข้าจะไปเที่ยวกันที่เอลายน์” เขาหมายถึงเมืองท่าของไม่ซีน

“จะพาคนใช้ไปทั้งหมด ตอบแทนที่ช่วยทำงานอย่างแข็งขันมาตลอดทั้งปี มันเป็นธรรมเนียมของบ้านข้า
ไปสักสิบวัน กลับมาจะต้องใช้บ้านหลังนั้นต้อนรับแขกสำคัญของพ่อข้า 
ข้าเลยอยากให้เจ้าไปช่วยทำความสะอาดเตรียมไว้”

คุณชายหนุ่มพูดยาวชนิดที่ตอบข้อสงสัยของฟีเรียสได้ทั้งหมดในคราวเดียว
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นเขาคนเดียว ทำไมถึงไม่ใช้คนอื่น
แม้เจ้าของบ้านไม่บอกฟีเรียสก็เดาได้ มันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้เขา
ได้งานทุกงานจากคุณชายหนุ่มผู้นี้นั่นล่ะ คือเพราะเจ้าชายรามิเรสเคยทรงออกโอษฐ์ขอให้พระสหายผู้นี้หางานให้เขาทำ


อะไรๆ ก็เจ้าชายรามิเรส ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเขาดูจะไม่เคยหนีเจ้าชายพระองค์นี้พ้น
ขนาดว่าตัวไม่มา ชื่อก็ยังส่งอิทธิพลมาถึง



หวังเพียงแต่ว่า สุดสัปดาห์นี้เขาคงจะไม่เจอพระองค์ที่นั่น




tbc.

***********************************************************

สั้นไปหน่อยเนาะ แต่ก็ตัดได้ตรงนี้พอดีอ่ะค่ะ ตอนหน้าถึงจะได้เจอกันอีกที
คิดๆ ดูแล้วรามิเรสนี่ก็ออกจะทึ่มจริงๆ ด้วย แต่เขาก็อย่างนี้อ่าค่ะ เป็นคนใจเย็นแล้วก็เรื่อยๆ หน่อย

ตอบคุณ panari - ทาสรัก ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะพิมพ์กับสนพ.นาบูนะคะ
กำหนดออกคงจะราวๆ ปลายปีนี้ หรือไม่ก็อาจจะต้นปีหน้าน่ะค่ะ
(พอพูดว่าตั้งแต่มัธยมจนถึงวัยทำงานนี่ก็รู้สึกว่ามันช่างนานมาแล้วจริงๆ ด้วย)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-02-2014 15:47:01
องค์ชายหกคงชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองแล้ว รุกเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-02-2014 15:47:14
องค์ชายแอบหึงฟีเรียสรึป่าว ที่เล่นกับเพื่อนที่คลอง
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-02-2014 16:00:10
ตัดไง ก้อไม่ขาด อิอิ
มองกันไปมองกันมา เสียดายเวลานะเออ
บวกหนึ่งคะ  ชอบการเล่าเรื่องมากเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-02-2014 17:49:33
ปากแข็ง ใจแข็งทั้งคู่เลยน๊า เหนื่อยแทน 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-02-2014 18:02:02
นายเอกทึ่มอย่างที่คนเขียนบอกจริงๆแหละ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 23-02-2014 18:02:27
เจ้าชายทรงดื่มชา"เย็น เย็น"มากไปรึเปล่าเพคะ
เปลี่ยนเป็นเอ็ม150บ้างท่าจะดี



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-02-2014 18:41:17
หมั่นไส้นางคู่หมั้น
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-02-2014 19:17:13
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 23-02-2014 19:27:56
 ทรงเย็นๆเรื่อยๆ จริงๆค่ะเจ้าชาย
 แต่ฟีเรียสทำให้เจ้าชายรู้สึกอะไรขึ้นมาได้จริงๆ
 คู่นี้น่ารักมากก >////<
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-02-2014 19:33:10
สั้นจัง แต่เข้าในว่าตอนหน้าจะได้เจอกันแล้ว ดังนั้น ตอนหน้าคงยาวสะใจไปเลยเนาะ
ส่วนตอนนี้ หมั่นไส้องค์ชายเล็กน้อย แหม เห็นสาวสวยแล้วเบาใจว่าตัวเองยังมาดแมนเป็นปกติ
แต่พอเห็นฟีเรียสเล่นกับเพื่อน ๆ ดันหึงซะยังงั้น คนเราเนาะ ... ชอบเรื่องนี้จัง ภาษาสวยมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-02-2014 19:39:44
บื้อจริงๆ
หรือจะบอกว่าซื่อเพราะไม่เคยมีความรักหว่า?

ทำเอาสงสารรามิเรสเลย  นั่นก็เป็นคนซับซ้อนมาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-02-2014 19:42:42
เอากำลังใจมาส่งก่อนจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-02-2014 20:44:13
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ลุ้นดีว่าเมื่อไหร่เจ้าชายจะจู่โจมว่าที่องครักษ์ :z1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 23-02-2014 21:11:45
พระคู่หมั้นสนพระทัยรับน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในล่วงหน้าสักแก้วไหมครับ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-02-2014 21:44:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 23-02-2014 21:45:50
มาแล้วววว  :m11: :m11:

ชายห๊กกกก ทำไมเป็นคนแบบนี้  :ling1: ไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้อิชั้นไม่ปลื้มฮร่าาา  :m16:


ฟีเรียสน่ารักน่ากินน่ากัดไม่เปลี่ยนเลยน้าา  :m1: :m1:  ถ้าชายหกไม่สนใจก็เชิ่ด ไม่ต้องสุงสิง ทำเหมือนไม่เคยใกล้ชิดกันมาก่อนเลยฟีฟี่ :m19:

รับรอง หุหุ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 24-02-2014 01:02:25
ท่านคะ ท่านไม่ชอบให้ฟีเรียสถอดเสื้อให้ผู้อื่นดู ท่านก็ไปห้ามสิคะ - -
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-02-2014 01:20:46
เจ้าชายหวงล่ะสิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 24-02-2014 04:52:18
รอตอนหน้า จะได้เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 24-02-2014 05:09:51
เรื่อยๆอย่างนี้ คนอ่านลุ้นแทบแย่แล้วจ้า >.<
เจ้าชายยยยย รุกเลยยยยยยยย หึงเค้าน้อยใจเค้าชอบเค้าก็บอก อย่าเก็บไว้เลยนะคะ
ฟีเรียสก็เข้าข้างตัวเองบ้างนะลูก 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-02-2014 12:36:00
คอขาวๆของสาวสวยๆ ไม่ดึงดูดใจเท่าอกแบนๆซินะเจ้าชาย   หึงอ่าดิ   
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-02-2014 13:35:09
เจอกันครั้งหน้าจะเสร็จเจ้าชายสักครั้ง คนอ่านจะไม่ลืมพระคุณ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-02-2014 20:18:29
เบื่อชะนีค่า เอาไปเก็บด่วนๆ
เจ้าชายทรงหึงฟีเรียสแล้วล่ะสิ ยอมรับมาเหอะ
เห็นเค้าถอดเสื้อเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แล้วใจมันร้อนรุ่มใช่มั้ยพระเจ้าค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 27-02-2014 20:19:03
บทที่ ๙

คำภาวนาของนักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่เป็นผล เขาใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นม้าสีขาวปลอดพันธุ์ดี
ที่วอลเซนส์หลงใหลนักหนา เพียรขอไปผสมพันธุ์กับม้าตัวเมียของเขาอยู่หลายครั้งหลายหน
ยืนอยู่ในคอกหลังคฤหาสน์ริมผา ฟีเรียสยืนจับสายบังเหียนของม้าสีน้ำตาลที่มิทรอสให้ยืมมานิ่งอยู่หน้าคอก
เจ้าม้าสีขาวตัวนั้นสะบัดปลายหางไปมา ทำท่าทางเหมือนจำเขาได้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้ยกมือขึ้นลูบหัวมันอย่างที่ใจนึก
ต่อไปเขาจะพยายามอยู่ห่างจากมันเข้าไว้ หาไม่คงไม่แคล้วถูกหาว่าเป็นขโมยอีก

ขากลับจากบ้านคราวนั้น เขาบังเอิญสวนทางกับเจ้ากรมทหารม้าซึ่งเป็นคนคัดม้าพันธุ์เลิศมาถวาย
ให้เจ้าชายหนุ่มทรงเลือกด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ฝ่ายนั้นจะจำม้าที่ตัวเองเป็นคนคัดมาได้
ข้อหาขโมยม้าของเจ้าชายถูกยัดเยียดให้ทันที ฟีเรียสบอกได้แค่ว่าเจ้าชายหนุ่มประทานพระอนุญาตให้เขายืม
ส่วนเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรจึงให้ เขาตอบไม่ได้ ชายหนุ่มถูกพาไปที่กรมทหารม้าซึ่งอยู่ใกล้กว่าศาลาว่าการศาล
ขณะที่คิดว่าคงจะทำให้เจ้าชายหนุ่มต้องทรงเดือดร้อนเสด็จมาแก้ข้อกล่าวหาให้เขา
กลับกลายเป็นว่าคนที่มาคือราชองครักษ์ประจำพระองค์ที่ชื่อ เรจิน

เขาถูกปล่อยตัวไปในที่สุด เขารู้ ว่าคนเป็นเจ้าชายคงจะมีงานยุ่ง แต่ละงานคงสำคัญกว่าเรื่องเล็กๆ ของเขา
ฟีเรียสบอกตัวเองว่าดีแล้วที่ไม่ต้องพบกับพระองค์ให้รู้สึกอึดอัดใจ อย่างไรก็ตาม
ความรู้สึกผิดหวังวูบหนึ่งก็วาบขึ้นมาสู่ใจอย่างเร็วจนเกินจะห้ามทัน



ฟีเรียสมองถุงกระดาษใส่ฉลองพระองค์ในมือ เขานำชุดนี้ไปจ้างซักที่ร้านซักรีดที่ดีที่สุดในเมืองหลวง
เสียเงินไปหลายเหรียญเพื่อให้ชุดชุดนี้ไม่มีกลิ่นอับตู้ และมีกลิ่นหอมสะอาด
ตั้งใจว่าจะแอบเอาไปแขวนคืนไว้ในตู้วันนี้
แต่ถ้าเข้าไปตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าโดยบังเอิญ

ชายหนุ่มตัดสินใจเหยียบโกลนโยนตัวขึ้นม้าทันที ตอนแรกโรดีอัสอาสามาช่วยเขาทำความสะอาด
แต่เขาปฏิเสธไป ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว จะไปตามเพื่อนมาช่วยกันทำ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับ...

... สายไปแล้ว...

คำนั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีที่เขาสบสายตากับคนที่ทรงยืนอยู่ในสวนข้างบ้าน พระหัตถ์ข้างหนึ่ง
ถือหนังสือไว้เล่มหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือชามใบใหญ่ใส่สตรอว์เบอร์รี่ไว้จนพูน
วันนี้ฉลองพระองค์สีเขียวอ่อนที่น่าจะกลมกลืนกับต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ได้เป็นอย่างดี
แต่กลับเปล่งประกายโดดเด่น แลสง่างามเฉกเคยได้อย่างน่าประหลาดใจ

อย่างไรก็ดี รอยแย้มพระสรวลที่ส่งมาแต่ไกลๆ กลับยังทำให้ใจกระตุกได้มากยิ่งกว่าชุด

ฟีเรียสลังเล ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าควรจะลงจากม้าแล้วเดินไปเข้าเฝ้า หรือจะขี่ม้าไปเข้าเฝ้า
เพื่อยืนยันเจตนาอยู่ในทีว่าเขากำลังจะกลับแล้วดี ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจ
คนตัดสินพระทัยได้เร็วกว่าก็ทรงวางทั้งหนังสือและชามผลไม้ไว้ในเปลนอนที่ผูกไว้ระหว่าง
ต้นไม้สองต้นแล้วเป็นฝ่ายเสด็จตัวเปล่ามาหาเขาเสียเอง ฟีเรียสตัดสินใจลงจากหลังม้าทันที
และเดินเข้าไปหาบ้าง ถึงอย่างไรการให้เจ้าชายเป็นฝ่ายเสด็จมาก็เป็นเรื่องไม่สมควร
นักเรียนองครักษ์หนุ่มค้อมกายถวายความเคารพเมื่อพบกันครึ่งทาง

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงหลอกให้กระหม่อมมาหรือพระเจ้าค่ะ”

หลุดปากพูดออกไปแล้วคนพูดก็สำนึกเสียใจขึ้นมาทันควันที่ทำใ
ห้รอยแย้มพระสรวลของเจ้าชายหนุ่มหายวับไป แปรเปลี่ยนเป็นนิ่วพระพักตร์แทน

“ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น”

“กระหม่อมขอประทานอภัย”

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

“คุณชายมิทรอสจ้างให้กระหม่อมมาทำความสะอาดบ้านพระเจ้าค่ะ” ลังเลอยู่อีกนิดหนึ่งจึงกราบทูล

“กระหม่อมเห็นว่าคุณชายเป็นพระสหายของฝ่าบาท พอเห็นว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่ด้วย กระหม่อมจึงคิดว่า...”

“ข้าใช้ให้เขาหลอกให้เจ้ามาพบ”

“พระเจ้าค่ะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงมีแววละอายใจ ถึงกระนั้นก็ยังตัดสินใจทูลถามเพื่อความแน่ใจ

“แต่ฝ่าบาทไม่ทรงทราบว่ากระหม่อมจะมาใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามาพักผ่อนที่นี่เป็นประจำ ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้”

ไม่รู้มาก่อน... ว่าเจ้าจะถูกมิทรอสหลอกให้มาวันนี้ และข้าเอง... ก็ถูกหลอกไม่ต่างจากเจ้า

“กระหม่อมขอประทานอภัยที่เข้าใจฝ่าบาทผิด และที่มาขัดความสำราญพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงสั่นพระเศียรเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู พลางตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก “คิดเองเออเอง”

“แล้วเมื่อกี้จะไปไหน ข้าเห็นเจ้าขึ้นม้า”

“กระหม่อม... คิดได้ว่าบ้านหลังใหญ่ ถ้าไปตามเพื่อนมาช่วยสักคนคงจะทำให้เสร็จเร็วขึ้นพระเจ้าค่ะ”

“เพื่อนชื่ออะไร”

ฟีเรียสเผลอขมวดคิ้ว ถ้าเขาบอกไปพระองค์จะทรงรู้จักหรือ แต่ดูจากสีพระพักตร์แล้วคงไม่ได้ตรัสถามเล่นๆ

“ชื่อโรดีอัสพระเจ้าค่ะ”

พระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มขรึมขึ้นอย่างที่คนมองเดาพระอารมณ์ไม่ออก แต่รู้สึกว่าพระอารมณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก

“เจ้าเพิ่งจะคิดได้เมื่อกี้นี้ หรือว่าตัดสินใจได้ตอนที่เห็นข้า”

ก่อนจะรับสั่งประโยคนี้ เจ้าของวรองค์สูงโปร่งก็ทรงหันพระองค์ ดำเนินกลับไปทางสวนข้างบ้านแล้ว
ฟีเรียสจำต้องเดินตามไป แต่ก็โล่งใจอยู่บ้างที่คนรู้ทันไม่สามารถทอดพระเนตรเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเขา
แม้อยากจะทูลตอบเหลือเกินว่าตัดสินใจได้ตอนเห็นม้า แต่ด้วยมารยาทแล้วจำต้องทูลตอบอีกอย่าง

“กระหม่อมคิดได้เองพระเจ้าค่ะ ไม่เกี่ยวกับฝ่าบาท”

และเพราะกำลังเดินตามกัน เขาจึงไม่ได้เห็นรอยแย้มพระสรวลที่กลับคืนมาสู่พระพักตร์ของอีกฝ่าย

“ขอบใจที่พยายามคิดถึงใจข้า”

ฟีเรียสได้ยินแต่เสียงจึงพานคิดไปว่าเจ้าชายหนุ่มอาจจะกริ้วเพราะเข้าพระทัยว่าเขาโกหก
แต่ในเมื่อตัดสินใจโกหกไปแล้ว จะให้กราบทูลว่าโกหกก็คงจะยิ่งไปกันใหญ่ เขาจึงนิ่ง
เดินตามเสด็จไปเงียบๆ จนถึงเปลที่เคยนอน รับชามสตรอว์เบอร์รี่ที่พระองค์ทรงส่งให้มาถือไว้แต่โดยดี

“สตรอว์เบอร์รี่จากนวารา” ทรงหมายถึงเมืองทางเหนือซึ่งขึ้นชื่อว่าปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้อร่อยที่สุด

“เพิ่งส่งมาถึงเมื่อเย็นวาน ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะส่งไปให้เจ้ายังไงดี เมื่อกี้เห็นเจ้ามาพอดีเลยดีใจ
ที่ไม่ต้องคิดหาวิธีอีก ชิมสิ นั่งที่เดิมนั่นล่ะ”

ที่เดิมที่ว่าคือบนเปลที่เขาเคยนอนเล่นเมื่อสองเดือนก่อน ฟีเรียสยืนนิ่งอยู่อีกอึดใจ
เขาอยากจะกลับไปตามโรดีอัสมาเผชิญหน้ากับเจ้าชายหกแห่งไมซีนด้วยกันใจจะขาด
แต่คนที่วันนี้ขยันสั่งเอาๆ เป็นพิเศษดูจะไม่เปิดโอกาสให้ เขาจึงจำต้องเดินไปนั่งตามสั่ง
วางถุงใส่ฉลองพระองค์ไว้บนตักแล้วหยิบผลไม้สีแดงสดขึ้นมากัดชิม
รสชาติอันชุ่มฉ่ำหวานหอมกระจายไปทั่วทั้งปากเพียงแค่ได้กินคำแรก
ในความรู้สึกอร่อย มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

ดีแล้ว เขาตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่เอาแยมที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี่บ้านๆ มาถวาย

“รสชาติเป็นยังไง”

“อร่อยพระเจ้าค่ะ ขอบพระทัย” คนตอบลุกขึ้นยืน เดินไปถวายคืน
ทว่าเพราะอีกฝ่ายประทับบนเปลที่สูงขึ้นมาจากพื้นไม่มาก เขาจึงคุกเข่าเพื่อไม่ให้ศีรษะสูงค้ำพระเศียร
และแทนที่จะทรงรับไปทั้งชาม พระองค์กลับหยิบไปเพียงผลเดียว

“อืม รสชาติดีกว่าปีก่อน” ฟีเรียสสะดุดหูทันที

“ฝ่าบาทยังไม่ได้เสวยหรือพระเจ้าค่ะ”

“กินแล้ว” เว้นไปครู่จึงรับสั่งต่อ “เมื่อกี้”

แปลกดีที่แค่มองเห็นสีหน้า เจ้าชายรามิเรสก็ทรงทราบว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดที่กินก่อนเจ้าชาย
และแทนที่จะทรงระอา พระองค์กลับทรงขำขันเสียอย่างนั้น

“ในครัวยังมีอีกครึ่งตะกร้า เจ้าเข้าไปแบ่งใส่ชามมาสิ ชามเล็กๆ ก็พอ ชามใหญ่นี่ให้เจ้า
ตอนแรกข้าตั้งใจว่าจะนอนอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ทั้งวันเลยแบ่งมาเสียชามใหญ่”

“กระหม่อม...” มองเห็นสีพระพักตร์จริงใจของอีกฝ่ายแล้วเขาก็แทบจะกราบทูลไม่ออก แต่ก็จำต้องทูล

“กระหม่อมมาที่นี่เพื่อทำความสะอาดพระเจ้าค่ะ”

“กินมื้อเช้ามาแล้วหรือ”

อยากจะทูลอยู่หรอกว่ากินแล้ว แต่แค่มองเห็นพระพักตร์ก็ไม่อยากจะโกหกซ้ำสอง

“กระหม่อมยังไม่หิว”

“สตรอว์เบอร์รี่แค่นี้ก็คงไม่พออิ่ม เจ้านั่งกินเล่นๆ ไปก่อน หมดแล้วค่อยเริ่มทำก็ได้ เดี๋ยวข้าจะช่วย”

ฟีเรียสแทบจะมองเจ้าชายหนุ่มตาถลน พระองค์น่ะหรือ จะช่วยทำอะไรนะ... ทำให้สะอาด หรือทำให้ยุ่ง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมมิบังอาจ แล้วก็ไม่อยากจะแบ่งเงินค่าจ้างกับใคร”

เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวล

“ข้าก็ไม่คิดจะเบียดเบียนนักเรียนองครักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้า”

รับสั่งไปแล้วก็ทรงสังเกตว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจว่าพระองค์ทรงดูถูกหรือไม่
ทว่าเมื่อไม่เห็นรอยขุ่นเคือง พระองค์ก็ทรงเบาใจ

“ลุกขึ้นเถอะ เข้าไปเอาชามมาอีกใบ ถ้าคิดว่ากินหมดนี่ไม่ไหวก็เอาแต่ชามเปล่ามาก็พอ กินเสร็จจะได้ลงมือ”

ฟีเรียสจนปัญญาจะปฏิเสธ

ว่าที่องครักษ์หนุ่มนำชามเปล่ามาและจัดการแบ่งสตรอว์เบอร์รี่ในชามใหญ่ถวายครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะรับสั่งให้แบ่งให้พระองค์เพียงส่วนเดียว การสนทนาระหว่างกิน
ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจอย่างที่คิด เจ้าชายหกตรัสถามเขาเรื่องที่บ้าน และเขาก็เผลอเล่าเพลิน

“ข้าชักอยากจะกินแยมที่เจ้าทำ”

ฟีเรียสชะงักไปทันที เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรเห็นดังนั้นจึงรับสั่ง

“อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่หวังว่าจะมีโอกาส”

“... รสชาติธรรมดามากพระเจ้าค่ะ คงดีไม่เท่าที่เคยเสวย”

เจ้าชายหกแย้มพระสรวล แต่ไม่ได้รับสั่งเรื่องนี้ต่อไปอีก หลังจากเสวยไปอีกลูก ก็ตรัสถามใหม่

“เจ้าสนิทกับวอลเซนส์มากหรือ”

“มากพระเจ้าค่ะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังไม่รู้ความ”

“เขาชอบน้องสาวเจ้า” ไม่ได้ชอบเจ้าแน่หรือ

“พระเจ้าค่ะ”

“ถึงขั้นจะแต่งงานไหม”

“พระเจ้าค่ะ อาจจะอีกสองสามปี” เรื่องนี้วอลเซนส์บอกเขาเองภายหลัง
ทูลไปแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคนฟังจึงดูโล่งพระทัยยังไงชอบกล

“โรดีอัสล่ะ” ฟีเรียสงง สตรอว์เบอร์รี่ทั้งผลยังคาอยู่ในปาก ทำให้ทูลถามอะไรไม่ได้ “สนิทกันมากไหม”

“มากพระเจ้าค่ะ เขาพักห้องเดียวกับกระหม่อม” ฟีเรียสกราบทูลอย่างเปิดเผยทั้งที่ไม่จำเป็น
แต่เขารู้สึกว่าแม้จะกราบทูลไปก็ไม่น่าจะมีผลร้ายอะไรจึงพูด ไม่รู้เลยว่าทำให้คนประทับอยู่ถัดไปอีกเปลหนึ่ง
ทรงหมดอร่อยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“โรดีอัสเป็นลูกชายตระกูลเฟานเท่นพระเจ้าค่ะ ได้รับสัมปทานเกลือมาตั้งแต่ปีไมซีนที่สามร้อยสิบห้า”

คนเล่าคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะทรงรู้จัก ทว่าเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้แสดงท่าทีว่าทรงรู้จักแต่อย่างใด เขาจึงเล่าต่อ

“เขาเป็นคนมีน้ำใจมาก กล้า แล้วก็ซื่อสัตย์ ที่สำคัญ เขาใช้ดาบเก่งมากพระเจ้าค่ะ สอบได้เป็นที่แปดของชั้นปี”

ฟีเรียสมีเป้าหมาย เขาอยากช่วยเพื่อน ไมซีนมีธรรมเนียมอยู่ว่าคนที่จะเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายได้
จะต้องเป็นบุตรชายของขุนนางเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าจะสอบได้ลำดับที่หนึ่งถึงแปดของชั้นปี
คนที่สอบได้ที่หนึ่งจะได้สังกัดหน่วยราชองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์ราชา
ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดต่ำต้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าไม่มีประวัติเป็นผู้ต้องโทษมาก่อนย่อมได้รับตำแหน่งนั้น
ส่วนลำดับที่สองถึงแปดจะได้เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายทั้งเจ็ดพระองค์
หลายปีที่ผ่านมาการเลือกองครักษ์จะเป็นไปตามลำดับที่ คือคนที่สอบได้ที่สอง
จะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายรัชทายาท คนที่สอบได้ที่สามจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายรอง
เพราะฉะนั้นคนที่สอบได้ที่แปดอย่างโรดีอัสจึงมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายเจ็ดผู้ได้ชื่อว่า
พระอารมณ์ร้ายที่สุดในบรรดาพี่น้อง แต่การเลือกองครักษ์ขึ้นอยู่กับบรรดาเจ้าชาย ไม่ใช่ตัวนักเรียนองครักษ์
หากเจ้าชายรัชทายาทจะทรงเลือกคนที่สอบได้ที่แปดก็ย่อมได้ เจ้าชายรามิเรสจะทรงได้สิทธิ์เป็นผู้เลือกลำดับที่หก
หากพระองค์ทรงเลือกโรดีอัส เพื่อนของเขาก็คงจะโชคดีมาก

“แล้วเจ้าล่ะ” แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายรามิเรสจะไม่ได้สนพระทัยอย่างที่เขาหวัง

“กระหม่อมสอบได้ที่สิบเจ็ดพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงนิ่งเงียบไปนาน “ดีที่สุดที่เคยได้คือที่เท่าไร”

“ที่สิบเจ็ดพระเจ้าค่ะ”

“ปีก่อนๆ ล่ะ” โรงเรียนองครักษ์วัดผลปีละสองครั้ง สิบเจ็ดคงจะเป็นลำดับที่ล่าสุด

“ร้อยแปดสิบห้า ร้อยเจ็ดสิบ ร้อยสามสิบสอง ร้อยแปด เก้าสิบห้า เจ็ดสิบสอง สามสิบหก สิบแปด พระเจ้าค่ะ”

คนฟังแย้มพระสรวล

“เจ้ามีความพยายามสูงมาก”

ฟีเรียสกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้เลย แม่และน้องเคยชื่นชม เพื่อนๆ เคยชื่นชมเขามากกว่านี้
แต่เมื่อเจ้าชายหกทรงชม เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไป เป็นความรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนกัน แต่มันมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าถนัดอะไรที่สุด”

“ธนูพระเจ้าค่ะ”

“ที่ไม่ถนัดล่ะ”

“มีดสั้นพระเจ้าค่ะ”

“แล้วที่ชอบล่ะ”

คนถูกถามมองพระพักตร์อย่างประหลาดใจ ไม่เคยมีใครถามเขาอย่างนี้มาก่อนแม้แต่ครูฝึก
เพราะทุกคนคิดตรงกันหมดว่าสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือสิ่งที่เขาชอบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่

“กระหม่อมชอบต่อสู้มือเปล่าพระเจ้าค่ะ”

“มีเหตุผลไหม”

“เพราะกำปั้นไม่มีคมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนแย้มพระสรวลใจดี ดวงพระเนตรฉายประกายอย่างหนึ่งที่ทำให้คนถูกมองทั้งรู้สึกเก้อเขิน
และตัวแทบจะลอยได้ไปพร้อมๆ กัน โชคดีที่พระองค์ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แบบนั้นอยู่นานนัก

“คะแนนต่อสู้มือเปล่าของเจ้าเป็นยังไง”

“ได้ที่เก้าพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์

“กระบี่”

“ได้คะแนนกลางๆ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจะว่ายังไงถ้าข้าจะซ้อมกระบี่ให้” สีหน้าของฟีเรียสมีแววแปลกใจ

“สอบวัดผลครั้งสุดท้ายเป็นการสอบต่อสู้อิสระ” หมายความว่าจะใช้อาวุธอะไร จะใช้กี่อย่างก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

“มีดสั้นกับมือเปล่าเป็นการต่อสู้แบบประชิดเหมือนกัน พอแทนกันได้ ส่วนธนูเจ้าก็ทำได้ดีแล้ว”

คนฟังนิ่งเงียบไปนาน จนกระทั่งเจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนงนิดๆ อย่างทวงคำตอบอยู่ในทีเขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบ

“จะทรงสอนเมื่อไรพระเจ้าค่ะ”

“ตอนนี้ พร้อมไหม”

ฟีเรียสชะงักเมื่อเจอคำตอบไม่คาดคิด “กระหม่อมต้องทำความสะอาด”

“อย่างนั้นก็หลังเจ้าทำความสะอาดเสร็จ”

ตอนแรกยังรับสั่งว่าจะทรงช่วย ไปๆ มาๆ ตอนนี้เหลือแค่ ‘เจ้า’ คนเดียว

“กระหม่อมคิดว่าคงจะใช้เวลานานพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทำท่าจะทรงสำลักเสียงสรวล แต่แล้วก็เพียงแค่แย้มพระสรวลธรรมดา
โดยที่ดวงพระเนตรยังทอแววขบขันระคนสงสารอย่างที่ฟีเรียสไม่รู้สาเหตุ

“งั้นก็รีบกิน กินเสร็จจะได้ไปดูว่าจะเริ่มทำจากตรงไหน”


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 27-02-2014 20:53:22
ปาดไหมๆ -w-
องค์ชายแอบหึงด้วยอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 27-02-2014 21:23:10
บทที่ ๑๐

ฟีเรียสไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าชายหกทรงขำอะไร
นอกจากบริเวณมุขหน้าและบันไดรูปครึ่งวงกลมซึ่งเป็นทางขึ้นที่มีฝุ่นจับอยู่บ้างเล็กน้อยแล้ว
บ้านหลังนี้สะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ใต้พรม ตามซอกโต๊ะ มุมเสา ใต้โต๊ะ ใต้ตู้ บนเพดาน
หรือแม้กระทั่งบนหลังคา เครื่องเรือน เครื่องประดับทุกชิ้นถูกขัดไว้จนขึ้นเงา
แม้แต่ในแจกันดอกไม้ก็สะอาด ปราศจากน้ำเน่าเสีย

ฟีเรียสไม่ใช่คนโง่ เขารู้แล้วว่าถูกคุณชายแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมหลอกให้มา
ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้ทำไม ทำถึงขนาดยัดเยียดเงินค่าจ้างมาให้เขาล่วงหน้า
ความสงสัยผุดวาบขึ้นมาอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วเจ้าชายรามิเรสทรงรู้เห็นด้วยใช่หรือไม่ 

หลังจากเห็นว่าคงไม่สามารถทำความสะอาดที่ไหนซ้ำได้อีกนอกจากหน้าบ้าน
ฟีเรียสจึงลงมือทำความสะอาดบริเวณนั้นโดยเริ่มจากเช็ดราวระเบียงและเสาระเบียงหน้ามุข

“เอาผ้ามาอีกผืนสิ ข้าจะช่วย”   

ว่าที่องครักษ์หนุ่มชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจทำตามรับสั่งของคนที่เริ่มพับแขนฉลองพระองค์ขึ้นเสมอศอก
เมื่อหาผ้ามาถวายได้แล้วเขาก็หันไปทำงานของตัวเองอย่างคล่องแคล่วแข็งขัน

หันมาอีกที คนที่อาสาเสียดิบดีก็ทรงทำราวระเบียงหินอ่อนเปียกปอนเละเทะไปเป็นแถบเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาท”

เขาน่าจะนึกออก น่าจะมีลางสังหรณ์ น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่พระองค์จะทรงเช็ดตัวประทานให้
ตอนที่เขานอนซมอยู่ในห้องวันนั้นแล้ว น้ำจากผ้าไหลหยดลงบนอกตลอดไปจนถึงหน้าท้องของเขายังไง

... เวลานี้คนที่คงไม่ทรงทราบว่าต้องบิดผ้าให้หมาดก่อนเช็ดก็ทำให้ราวระเบียงตลอดจนถึงพื้นเปียกเลอะ

... ยิ่งกว่าที่ทำกับเขาหลายเท่า

“ถ้าเจ้าสอน ข้าคิดว่าคงทำได้ไม่ยาก” เจ้าชายหนุ่มเองก็ทรงรู้องค์ สีพระพักตร์บอกความตั้งใจจริง ทว่าฟีเรียสเข็ดเสียแล้ว

นักเรียนองครักษ์หนุ่มยืนนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนกราบทูลเสียงเรียบ

“กระหม่อมจะไปนำหนังสือกับสตรอว์เบอร์รี่มาถวาย
ทูลเชิญฝ่าบาทไปชำระพระหัตถ์แล้วเสด็จไปรอในสวนได้เลยพระเจ้าค่ะ”

“แต่ข้า...”

ชายหนุ่มผิวเข้มร่างโปร่งยืนตัวตรงชิดเท้า ค้อมกายลงอย่างต่ำในท่าถวายความเคารพโดยถือผ้าขี้ริ้วแทนกระบี่
ก้มตัวนิ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นมาอย่างสง่างามแล้วกราบทูลอย่างเป็นการเป็นงาน

“หากทรงทำตามที่กระหม่อมทูลขอ กระหม่อมจะซาบซึ้งในพระกรุณาอันประมาณมิได้เป็นอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะ”

“เจ้านี่มัน...” คนได้รับการร้องขอถึงกับรับสั่งไม่ออก ความรู้สึกปนๆ กันอยู่ระหว่างฉุนกับขำ
ทำท่าจะหาคำมารับสั่งอยู่อึดใจ ในที่สุดก็ทรงพระสรวลออกมา

“เอาเถอะ ข้ายอมเจ้าล่ะ แต่ไม่ต้องไปเอามาให้ข้าหรอก เดี๋ยวข้าเข้าไปหยิบเอง”

ทันทีที่เจ้าของวรองค์สูงโปร่งทรงลับบานประตูไป ฟีเรียสก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ก่อนจะปรับสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อคนที่ดำเนินเข้าไปแล้วทรงย้อนกลับมารับสั่งบอก

“ข้าจะอยู่ที่ห้องหนังสือ เจ้าพักกินกลางวันเมื่อไรไปเรียกข้าด้วย”




ท้องอันซื่อสัตย์ของฟีเรียสร้องประท้วงเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทว่าเขายังทำความสะอาดไม่เสร็จ
รับสั่งของเจ้าชายหนุ่มบังคับทางอ้อมให้เขาต้องหยุดพักเพราะหากเขาไม่กิน พระองค์ก็จะไม่ได้เสวย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจล้างไม้ล้างมือให้สะอาดแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ประตูห้องหนังสือถูกเปิดไว้อยู่แล้วและเขาก็มองเข้าไปเห็นเจ้าชายรามิเรสได้ทันทีจากหน้าประตู
ฟีเรียสตัดสินใจไม่เคาะเพราะถ้าเขามองไม่ผิดก็คือ

เจ้าชายหกแห่งไมซีนกำลังหลับ บรรทมหลับทั้งที่ประทับอยู่บนเก้าอี้อ่านหนังสือ

ว่าที่องครักษ์หนุ่มตัดสินใจไม่ทูลเรียก เขารีบออกไปทำความสะอาดส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยต่อจนเสร็จ
เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็โล่งใจที่อีกฝ่ายยังไม่ตื่น ปัญหาก็คือ เขาควรจะปลุกพระองค์หรือไม่
แต่หากบรรทมหลับยาวไปจนถึงเย็นเขาเองจะลำบาก

“ฝ่าบาท”

เรียกแล้วฟีเรียสก็เกือบจะสะดุ้งเพราะคนรู้สึกตัวไวทรงลืมพระเนตรขึ้นทันที

“เสร็จแล้วหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนสิ จะได้กินข้าวสบาย”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมคิดว่าจะขอทูลลากลับเลย”

เงียบ... บรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน นี่มันแย่กว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

“กระหม่อมนำฉลองพระองค์ที่ยืมไปมาถวายคืนพระเจ้าค่ะ” สายพระเนตรที่ทอดตรงมานิ่งๆ
ทำให้คนถูกมองยิ่งรู้สึกกดดัน ทอดพระเนตรมองเหมือนเขาทำอะไรผิด
ทั้งที่... เขาก็แค่ไม่ได้อยู่กินมื้อกลางวันร่วมโต๊ะเสวยเท่านั้น

“กระหม่อมวางไว้บนโต๊ะในครัว ฝ่าบาทจะโปรดให้กระหม่อมนำมาถวายที่นี่
หรือจะโปรดให้นำไปเก็บไว้ในห้องบรรทมพระเจ้าค่ะ”

เอาสิ... เขาทูลถามอย่างนี้แล้ว ยังไงก็ต้องทรงตอบ จะมาใช้ความเงียบข่มขู่เขาไม่ได้อีกต่อไป

เจ้าชายรามิเรสยังคงไม่รับสั่งอะไร แต่เสด็จออกจากห้องไปเงียบๆ ฟีเรียสทำอะไรไม่ได้
นอกจากเดินตามด้วยความรู้สึกว่าถูกกดดันหนักยิ่งกว่าเดิม

เป้าหมายของเจ้าชายหกแห่งไมซีนคือห้องครัว เมื่อพระองค์ทรงเริ่มเปิดตู้ หยิบชาม
และทัพพีออกมาตักอาหารที่ปรุงไว้เรียบร้อยแล้วในหม้อ ฟีเรียสก็กราบทูลอย่างที่ควรพูด

“ให้กระหม่อมทำถวายเถิดพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงยอมวางชามและทัพพีแล้วเปิดทางให้แต่โดยดี ขณะที่ขยับตัวผ่านกันในระยะใกล้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ได้กลิ่นหอมสะอาดจากพระวรกาย ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งทันที
รู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อยที่ตัวเขามีแต่กลิ่นเหงื่อ ทว่าก็คิดได้ว่าอีกประเดี๋ยวเขาก็จะไปแล้ว

อาหารในหม้อเย็นชืด ฟีเรียสขยับปากจะกราบทูล แต่แล้วก็ตัดสินใจไม่พูด
ต่อเมื่อตักอาหารทั้งสี่อย่างวางบนโต๊ะจนเรียบร้อยแล้วจึงทนไม่ไหว

“อาหารพวกนี้เย็นแล้ว จะโปรดให้กระหม่อมอุ่นถวายก่อนไหมพระเจ้าค่ะ”

“เอาสิ”

ฟีเรียสแทบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็รับสั่งเสียที
ต่อเมื่อเขาจุดไฟในเตาทั้งสี่เรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ ความอึดอัดจึงเข้ามาเยือนอีกครั้ง
เจ้าชายรามิเรสประทับหัวโต๊ะ เขายืนอยู่หน้าเตา จะหันหลังให้พระองค์ก็ไม่สมควร
พอยืนหันหน้าให้อย่างนี้ก็รู้สึกว่าสายพระเนตรที่ทอดตรงมาช่างทิ่มแทงเขาเหลือเกิน

ชายหนุ่มเดินไปหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่หัวโต๊ะอีกด้านหนึ่งมายื่นถวาย

“ฉลองพระองค์ที่กระหม่อมยืมไป ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร”

รับ วางบนโต๊ะ แล้วก็เงียบ เป็นอันจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ ฟีเรียสถอยห่างจากพระองค์อีก
เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทรงเหม็นกลิ่นตัวของเขา

ระหว่างกันมีแต่ความเงียบ ฟีเรียสเริ่มมองหาสิ่งที่จะทำให้เขาไม่ต้องยืนเฉยๆ แต่โต๊ะก็สะอาดเอี่ยมโดยไม่ต้องเช็ด
กลางโต๊ะก็มีแจกันดอกไม้วางอยู่อย่างสวยงาม เวลาเดียวกับที่เขานึกออกว่าจะทำอะไร
เจ้าชายรามิเรสก็ทรงยืนขึ้น เสด็จไปทรงเปิดตู้เครื่องแก้ว หยิบแก้วออกมาสองใบ
เทน้ำจากเหยือกใส่แก้วใบหนึ่งก่อนที่เขาจะได้ทูลอาสา

“เพิ่งทำงานเสร็จอาจจะคอแห้ง”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มมองแก้วน้ำที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยสายตางุนงงไปวูบหนึ่ง
ก่อนจะค้อมศีรษะถวายความเคารพอย่างเป็นพิธีการ

“เป็นพระกรุณาพระเจ้าค่ะ”

เขารับมาดื่มด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่คิดว่าคนที่เป็นถึงเจ้าชายจะทรงรินน้ำประทานให้

“นั่งสิ”

ชายหนุ่มค้อมศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจนั่งห่างจากเจ้าชายหนุ่มสามช่วงเก้าอี้

“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เรื่องที่ม้าของข้าทำให้เจ้าต้องยุ่งยาก”

“กระหม่อมไม่ได้ยุ่งยากพระเจ้าค่ะ เป็นพระกรุณาที่ฝ่าบาทประทานให้ยืม
ทำให้กระหม่อมประหยัดเวลาเดินทางไปได้มาก”

แต่หากจะให้ยืมอีก เป็นตายเขาก็ไม่เอา

“เสื้อของข้า เจ้าซักเองหรือ”

ฟีเรียสอึกอัก ในที่สุดก็กราบทูลไปว่าน้องสาวซักให้ เขาไม่ชอบหัวข้อสนทนานี้เท่าไร
แต่ก็ยอมรับว่าดีกว่าให้นั่งอยู่เงียบๆ กับพระองค์มากนัก ไม่รู้ว่าเจ้าชายหนุ่มหายกริ้วเขาหรือยัง
ที่ไม่กราบทูลตั้งแต่แรกว่าจะขอกลับเลย แต่ปล่อยให้พระองค์ทรง ‘รอกินข้าว’
จนเลยเวลาอาหารกลางวันมานับชั่วโมงเช่นนี้ แต่เขาก็โล่งใจมากที่ในที่สุดพระองค์ก็รับสั่งกับเขาเป็นปกติเสียที

ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ร้อนได้ที่พร้อมเสิร์ฟ ฟีเรียสเป็นคนจัดเตรียมถวายทั้งหมด
รวมทั้งรินน้ำใส่แก้วถวายและคิดว่าจะยืนรอถวายงานจนกว่าพระองค์จะทรงอิ่ม
หลังจากเก็บถ้วยชามล้างถวายเพื่อเป็นการไถ่โทษ

“จานของเจ้าล่ะ”

“กระหม่อม...”

ก่อนที่เขาจะคิดหาคำพูดได้ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงลุกไปหยิบจานใบใหม่พร้อมกับมีดและส้อม
มาวางไว้บนผ้ารองจานหน้าเก้าอี้ตัวแรกด้านขวาพระหัตถ์เสียก่อน กำหนดที่นั่งให้เขาเสร็จสรรพ

“กินก่อนแล้วค่อยไป”

รอยแย้มพระสรวลอ่อนโยนแบบนั้นเหมือนเชิญชวน แต่พิจารณายังไงมันก็คือคำสั่ง
ฟีเรียสรู้ดีว่าถ้าใจอ่อน ยอมให้พระองค์ครั้งแรก มันก็จะมีครั้งต่อไปมาเรื่อยๆ ไม่รู้จักหยุด
ที่แย่ก็คือ... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทนเห็นเจ้าของสีพระพักตร์คาดหวังแบบนี้ผิดหวังไม่ลง เพียงแต่

“กระหม่อมตัวเหม็นเหงื่อพระเจ้าค่ะ”

“อยากจะอาบน้ำก่อนหรือ”

ฟีเรียสส่ายหน้า “หามิได้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกทรงนิ่วพระพักตร์ ก่อนจะแย้มพระสรวลกึ่งๆ ขำ

“ข้าไม่ถือ เจ้าไม่ต้องกังวล”

รับสั่งแล้วก็ทรงพยักพระพักตร์เป็นเชิงชวนซ้ำอีก นักเรียนองครักษ์หนุ่มจึงค้อมศีรษะถวายคำนับอีกครั้ง
ก่อนจะนั่งประจำที่ รอให้อีกฝ่ายลงมือเสวยแล้วจึงจัดการกับอาหารบ้าง เมื่ออาหารคำแรกเข้าปาก
เขาจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองหิวมากกว่าที่คิด หลังจากกินไปได้สักพักก็รู้สึกตัวว่ากินเร็วเกินไป
เพราะความเคยชินกับการกินที่โรงอาหารในโรงเรียน เมื่อหันไปมองคนประทับหัวโต๊ะ
ก็เห็นว่าพระองค์ทอดพระเนตรมองเขาอยู่แล้ว ฟีเรียสรู้สึกว่าหน้าร้อนไปวูบหนึ่ง

“ไปตักมาเพิ่มสิ”

คนฟังยิ่งรู้สึกละอายกว่าเดิม แต่ก็ปฏิบัติตามรับสั่ง

“ข้าบอกว่าจะมาพักสักสองสามวัน แม่ครัวที่นี่ก็เตรียมอาหารไว้ให้เสียเยอะจนน่าจะกินไปได้สักสี่ห้าวัน
เจ้าช่วยข้ากินให้มากๆ หน่อยเห็นจะดี ข้าคงกินคนเดียวไม่หมด”

ฟีเรียสไม่รู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนไปทรงเรียนวิชาอ่านใจคนมาจากไหน
แต่พระองค์รับสั่งอย่างนี้หลายครั้งแล้ว รับสั่งเหมือนรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
ว่าที่องครักษ์หนุ่มกินช้าลง หลังจากลังเลอยู่หลายอึดใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจทูลถาม

“ฝ่าบาท” เจ้าชายรามิเรสทรงรอฟัง “คุณชายมิทรอสทราบหรือไม่พระเจ้าค่ะ ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่วันนี้”

“รู้”

“ตั้งแต่เมื่อไรพระเจ้าค่ะ”

“วันจันทร์”

คนฟังนิ่งไป คุณชายหนุ่มว่าจ้างเขาเมื่อวันอังคาร แสดงว่าฝ่ายนั้นต้องรู้อยู่แล้ว
ว่าเขาจะได้พบกับเจ้าชายหกที่นี่ ทำอย่างนี้ต้องการอะไร อยากจะทูลถามอีกสักครั้งเหลือเกิน
ว่าพระองค์ไม่ได้สมรู้ร่วมคิด หรือสั่งให้พระสหายไปหลอกให้เขามาที่นี่แน่หรือ
แต่เขาก็ทูลถามไปแล้วหนหนึ่ง ถ้าทูลถามซ้ำอีกก็แสดงว่าเขากล่าวหาว่าพระองค์ทรงโกหก

“อิ่มแล้วหรือ”

“พระ...”

ให้ตายสิ... ไม่ใช่แต่พระองค์เท่านั้นหรอกที่อ่านใจเขาได้
เขาว่าเขาเองก็ ‘อ่าน’ พระองค์ออกเช่นกัน สีพระพักตร์แบบนั้น
สายพระเนตรแบบนั้น บอกชัดทีเดียวว่าห้ามโกหก

“เอ่อ... ยังพระเจ้าค่ะ”

แล้วเขาก็คิดว่า เขาแพ้รอยแย้มพระสรวลแบบพอพระทัยกึ่งๆ ชมเชยอยู่ในทีแบบนี้ด้วย

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงรั้งตัวเขาไว้อย่างที่ฟีเรียสคิด หลังจากเก็บล้างจานชามเสร็จ
พระองค์ก็ประทานพระอนุญาตให้เขากลับได้ตามที่ขอ แล้วยังทรงยกสตรอว์เบอร์รี่ชั้นเลิศให้เขาเอากลับไปกินทั้งตะกร้า

“ฝ่าบาทไม่เสวยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ที่วังยังมีอีกมาก เจ้าเอาไปเถอะ”

ฟีเรียสทูลลามาแล้ว เขาควบม้าฝ่าดงไม้ออกมานอกอาณาเขตบ้านแล้ว แต่ใจเขายังติดอยู่ข้างใน
นักเรียนองครักษ์หนุ่มห้ามความคิดของตัวเองไม่ทัน ที่วังยังมีอีกมาก แต่สองสามวันนี้พระองค์จะไม่กลับวัง
เท่ากับไม่ได้เสวย สตรอว์เบอร์รี่ต่อให้ดีแค่ไหน แต่เก็บไว้หลายวันก็ไม่อร่อยเหมือนเพิ่งเก็บมาสดๆ
แถมซ้ำเมื่อกี้นี้คนที่ต้องเสวยผลไม้หลังอาหารเป็นประจำยังไม่ได้เสวยผลไม้อะไรเลย อีกอย่าง
ถึงเขาจะไม่ได้กราบทูลว่ายินดีจะให้พระองค์ทรงสอนกระบี่ให้ แต่ก็ไม่ได้กราบทูลปฏิเสธไปให้ชัดเจน

นักเรียนองครักษ์หนุ่มนึกถึงหอเกียรติยศในโรงเรียนองครักษ์หลวง เขาจะได้รับการติดยศจากผู้อำนวยการ
ด้วยเข็มกลัดพระราชทานจากองค์ราชาที่นั่น บนผนังรอบห้องเต็มไปด้วยแผ่นทองประดับตราโรงเรียน
นักเรียนที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของแต่ละรุ่นเท่านั้นที่จะได้มีชื่อจารึกลงบนแผ่นป้ายทองคำ
เขาไม่คิดฝันว่าตัวเองจะมีชื่อ เพียงแต่เขากำลังจะทิ้งโอกาสที่ใครๆ ก็อยากจะได้ไปอย่างโง่เขลาที่สุด

พระนามของเจ้าชายหกแห่งไมซีนสลักชัดอยู่บนแผ่นป้ายของนักเรียนองครักษ์รุ่นที่ร้อยแปดสิบสี่




เจ้าชายรามิเรสยังประทับอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมในห้องครัวเมื่อฟีเรียสกลับไปถึง สีพระพักตร์มีรอยแปลกพระทัย

“ลืมอะไรหรือ”

“กระหม่อมขอประทานพระอนุญาตทูลถามพระเจ้าค่ะ”

“ว่าไปสิ”

“ฝ่าบาทจะทรงคิดค่าเรียนวิชากระบี่สักเท่าไรพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวล สีพระพักตร์ดูแจ่มใสขึ้นเป็นอันมาก นั่นทำให้ความรู้สึกกังวลกึ่งอาย
ที่กลับมาขอให้พระองค์ทรงสอนของฟีเรียสหายไปทันที

“เท่าที่เจ้าคิด”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวออกจะเหงา ถ้ามีเจ้าเป็นเพื่อนคุยคงจะดีมาก แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องทำงานพิเศษ
เจ้าจะคิดค่าเสียเวลาสักเท่าไรล่ะ ถ้าข้าจะขอให้อยู่เป็นเพื่อน”

อีกฝ่ายรับสั่งได้งงดีแท้ แต่ฟีเรียสก็อุตส่าห์เข้าใจได้ว่าเจ้าชายหนุ่มไม่คิดค่าเรียน
และคงจะคิดว่าถ้าบอกให้เรียนฟรีเขาคงไม่ยอมรับ จึงได้ทรงยกเรื่องการแลกเปลี่ยนขึ้นมาอ้าง
เขาได้วิชา ส่วนพระองค์ได้เพื่อนคุย

แต่นี่จะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมดีอยู่หรือ ในเมื่อ... เขารู้สึกได้เปรียบยังไงชอบกล

“มิทรอสบอกเจ้าว่ายังไงตอนจ้างให้มาทำความสะอาดที่นี่” จู่ๆ อีกฝ่ายก็เหมือนจะทรงเปลี่ยนเรื่อง
แต่นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ทูลบอกไปจนหมดทั้งที่ยังขุ่นใจอยู่ไม่น้อย
เจ้าชายรามิเรสทรงจับประเด็นไว้เพียงเรื่องที่พระสหายบอกให้ฟีเรียสนอนพักอยู่ที่นี่ได้
เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับทุกวัน

“อยู่เป็นเพื่อนกันสักสามวันเถอะนะ ข้าจะซ้อมให้เจ้าทุกวัน”

ฟีเรียสยืนนิ่ง เขาไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น คิดแค่ว่าอยากเรียน แต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องนอนค้างที่นี่... กับเจ้าชายหก

“จะโปรดให้กระหม่อมพักที่ไหนพระเจ้าค่ะ”

“ข้างๆ ห้องข้าก็ได้”

ทำไมไม่รับสั่งว่า... ห้องไหนก็ได้ เขาจะได้สบายใจมากกว่า นี่รับสั่งเหมือนให้เลือกได้
แต่จริงๆ แล้วกำหนดให้ชัดๆ แต่ยังไงก็... ยังดีกว่าห้องเดียวกัน
ฟีเรียสกลั้นหายใจ ทูลถามเสียงเครียด หน้าเครียดโดยไม่รู้ตัว

“ขอประทานอภัยที่กระหม่อมขอทูลถามอีกสักเรื่องพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ที่มีรอยยิ้มอยู่ในที อีกฝ่ายใช้ถ้อยคำได้ถูกต้องตามมารยาทดีแล้ว
แต่พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกว่าเขาช่างเกรงใจเกินไป

“ฝ่าบาททรงล้มเลิกพระดำริที่จะ... ทดสอบ... หรือยังพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสรู้ตัวว่าเขาพูดไม่ชัดเจน แต่เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะทรงทราบโดยไม่ต้องให้เขาอธิบายเพิ่ม

“เลิกแล้ว”

รอยแย้มพระสรวลแบบปรานีเช่นนั้นทำให้คนมองเห็นวางใจ ลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
โดยพยายามไม่สนใจความรู้สึกหวิวโหวงบางเบาในอก




“เจ้าอยากจะเริ่มเลยไหม”

ฟีเรียสยืนลังเล

“ถ้าเจ้าพร้อม ข้าก็พร้อม” รับสั่งแล้วก็อดจะทรงขมวดพระขนงนิดหนึ่งไม่ได้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงลังเล ก่อนจะยกตะกร้าหวายในมือขึ้นมาแล้วทูลถาม
ด้วยสีหน้าท่าทีที่พยายามกลบเกลื่อนความเก้อกระดาก

“ฝ่าบาทยังไม่ได้เสวยผลไม้หลังอาหาร”

เรียวพระโอษฐ์งามแย้มออกค่อนข้างกว้าง แต่ไม่กว้างเท่าความรู้สึกยินดีในพระทัย
... ทั้งๆ ที่ก็เคยได้รับการ ‘เอาใจ’ จากใครๆ มามาก แต่ไม่เคยทรงรู้สึกยินดีเช่นนี้เลย

“เจ้าก็มานั่งกินด้วยกันสิ”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเลือกนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกไปจากพระองค์สามตัว เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสสั่งเสียก่อน

“นั่งตรงนี้”

ฟีเรียสนั่งตัวลีบ เจ้าชายรามิเรสทรงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะทรงเสนออีกรอบ

“อยากจะไปอาบน้ำก่อนไหม”

“... กระหม่อมไม่มีเสื้อผ้า”

“ข้าให้ยืม”

คนรับสั่งทรงหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ขึ้นมาให้ดู
เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เจ้าชายหนุ่มก็ทรงพระสรวล

ฟีเรียสคิดว่า ถ้าเขารู้แต่แรกว่าจะต้องใส่เสื้อผ้าชุดนี้อีก เขาคงจะไม่เอาไปจ้างซักซ้ำให้เปลืองเงิน

เจ้าชายรามิเรสคงไม่ทรงทราบว่าเขาไปจ้างซักมา พระองค์จะทรงพระสรวลเพราะอะไรเขาไม่รู้
แต่ในความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนทรงหัวเราะเยาะ ทำให้อดที่จะมองกลับไปอย่างเคืองๆ ไม่ได้

นักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสีหน้าเช่นไร แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทรงชะงักไป
เหมือนไม่คิดว่าจะได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของเขา เขาก็พลอยชะงักไปด้วย

บรรยากาศชวนเก้อเขินแปลกๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบครัว ก่อนที่ฟีเรียสจะกราบทูล

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” แล้วยื่นมือออกไปรับ




tbc.

***********************************************************

 

คิดๆ อยู่ค่ะว่า จะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ" ดีรึเปล่า 55555

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-02-2014 21:40:14
"รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ" โอ๊ยยย ฮามากอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ โดนมาก เปลี่ยนเลยค่ะ

คือเรื่อยๆมากจริงๆ แต่เราอ่านไปก็ลุ้นนะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่ๆๆ จะมีฉากฟิน เลื่อนลงมาก็ลุ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็เรื่อยๆ จนจบบท ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 27-02-2014 22:18:13
รักเอื่อยๆ ของ คนคิดเยอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-02-2014 22:27:16
คิดเยอะจริงๆ นั้นแหละ แต่ชอบนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-02-2014 22:48:39
รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ       :m20:

จริง !
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-02-2014 22:53:24
ขำ รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mory ที่ 27-02-2014 23:05:37
555+ ชื่อเรื่องใหม่นี่อย่างฮาอ่ะ แต่ก็เอื่อนจริงๆนะทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 27-02-2014 23:11:35
ความรักของเจ้าเปรียบดั่ง หอยทาก :jul3:
หลงรักเจ้าชาย กับฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 27-02-2014 23:18:28
 :-[ อ๊าย เขิน บรรยากาศเป็นใจ  :hao7:

แต่ชายห๊กก็ยังคงไม่รู้ใจตัวเอง  :m31:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-02-2014 23:25:25
อยอุ่นมากค่ะ เราชอบนะ ไม่ต้องวาบหวามตบจูบปลุกปล้ำอะไร แต่มันน่ารักกุบกิบ เพราะเจ้าชายทรงใสซื่อแล้วก็ซื่อตรงต่อความรู้สึกในขณะที่ฟีเรียสผู้ซึ่งคิดมากไปซะทุกเรื่อง มันเลยเกิดความขัดแย้งที่ชวนก๊าวใจดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-02-2014 23:28:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-02-2014 00:47:35
แหม๋ มิทรอสมาเอารางวัลไปสิ ถูกใจฮีจริงๆ พ่อคนช่างวางแผน พ่อคิวปิด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 28-02-2014 05:48:33
คิดทุกคำพูดเลยมั้ยนั่น เครียดแทนเจ้าชาย  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 28-02-2014 06:02:23
เรานี่อินเยอะนะ ตอนอัดอึดเผลอกลั้นหายใจ
พอตอนยิ้มกันนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-02-2014 12:01:15
มิทรอสคะ ทำดีจริงๆค่ะพ่อคุณ o13


พ่อว่าที่องครักษ์คิดเยอะจริงๆค่ะแต่ก็น่ารักนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 28-02-2014 13:12:40
ลุ้นๆ เรื่อยๆแบบนี้ ตอนกลางคืนเจ้าชายก็จะทรงบรรทมห้องข้างๆเฉยๆหรือป่าวน๊าาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 28-02-2014 13:13:29
มุ้งมิ้งกันน่าดูเลยนะหนุ่มๆ  :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-02-2014 13:49:53
ต้องยกความดีความชอบให้มิทรอส  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 03-03-2014 17:13:19
บทที่ ๑๑

เจ้าชายรามิเรสโปรดให้ฟีเรียสใช้ห้องสรงของพระองค์ไปก่อน
ชายหนุ่มจำทางไปห้องได้ เจ้าชายหกจึงไม่ต้องทรงนำทาง
พระองค์ทรงใช้เวลาช่วงนี้เสด็จไปในสวนข้างบ้าน มีรับสั่งกับเรจิน
องครักษ์ประจำพระองค์ซึ่งตามเสด็จมาด้วยตั้งแต่แรกว่า

“เจ้าไปพักที่บ้านเชิงผา” ที่จริงแล้วปรารถนาจะตรัสสั่งให้เขาออกเวรก่อนเวลา
แต่องครักษ์มีหน้าที่ถวายความปลอดภัย หากตรัสสั่งห้ามทำย่อมทำให้เขาลำบากใจ

“แล้วก็ไม่ต้องให้ใครขึ้นมาบนนี้”

“รับด้วยเกล้าฯ พระเจ้าค่ะ” 

องครักษ์ร่างสูงโปร่งทูลลากลับไปแล้ว แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนยังทรงพระดำเนินเล่นอยู่
ในสวนต่ออีกครู่หนึ่งเพื่อคิดทบทวนในสิ่งที่พระองค์ทรงทำลงไป

ทั้งๆ ที่ตัดสินพระทัยว่าจะไม่พบกับฟีเรียสอีก แต่ตอนนี้กลับหาวิธีที่ทำให้ต้องใกล้ชิด คุ้นเคยกันมากกว่าเดิม

ไม่มีใครรู้ แม้แต่พระองค์เองก็ไม่ทรงคาดคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกดีพระทัยมากถึงเพียงนั้น
เมื่อได้เห็นนักเรียนองครักษ์หนุ่มผู้นั้นอยู่ตรงคอกม้า และทั้งที่อุตส่าห์ดีพระทัย
ฝ่ายนั้นกลับทำให้พระองค์ทรงผิดหวังด้วยการจะลากลับไปดื้อๆ
การนิ่งเฉยของพระองค์เป็นวิธีที่ ‘ปรานี’ ที่สุดแล้ว หากไม่ทรงนิ่ง
ฟีเรียสคงจะถูกพระองค์ทรงตำหนิมากทีเดียว ทว่าเมื่อทรงระลึกขึ้นได้ว่า
ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยที่จะขอกลับ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบกับพระองค์
พระองค์จึงทรงพยายามปรับพระอารมณ์เสียใหม่แล้วประทานพระอนุญาตให้กลับไปได้

ตอนที่ฟีเรียสกลับไป ส่วนหนึ่งในพระทัยยังมีความโล่งอกปะปนอยู่ อย่างน้อยพระทัยก็คงจะไม่สับสนว้าวุ่นอีก

แต่เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นมาปรากฏกายอีกครั้งอยู่ตรงประตูครัว... พระดำริแรกที่วูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ทันก็คือ

‘เจ้ารนหาที่เอง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอีก’




บ่ายวันนั้นเจ้าชายรามิเรสทรงพานักเรียนองครักษ์หนุ่มไปเลือกกระบี่ที่เหมาะใจในห้องเก็บอาวุธของบ้าน
ฟีเรียสเลือกได้เล่มหนึ่งแล้วเจ้าชายหนุ่มจึงโปรดให้เขาเลือกให้พระองค์ด้วย

“ฝ่าบาทโปรดแบบไหนพระเจ้าค่ะ” น้ำหนักน้อย น้ำหนักมาก

“เจ้าเลือกมาเถอะ นี่เป็นการทดสอบ”

ได้ยินเท่านั้น เลือดในกายของคนที่ได้ยินคำว่า ‘สอบ’ ไม่ได้ก็ร้อนขึ้นมา
คิดจนคิ้วขมวดว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาเลือกให้ถูกพระทัย
หรือจะดูว่าเขาจะเลือกกระบี่ให้ ‘คู่ต่อสู้’ ด้วยความยุติธรรมหรือไม่กันแน่
ข้อสอบช่างไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

เจ้าชายรามิเรสทรงพบว่าพระองค์โปรดท่าทีเอาจริงเอาจังจนเคร่งเครียด
แม้แต่กับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ของอีกฝ่ายขึ้นมาอีกแล้ว
ขอเพียงเรื่องที่เครียดไม่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับเขา
ความเครียดนั้นก็ดู... ชวนให้เอ็นดูดี

หลังจากฟีเรียสเลือกถวายได้เล่มหนึ่ง ชายหนุ่มก็ทูลถามด้วยสีหน้าของนักเรียนกระหายคะแนน

“กระหม่อมสอบผ่านหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนเกือบจะทรงกลั้นเสียงสรวลเอาไว้ไม่ได้ คงรับสั่งบอกไม่ได้สินะ
ว่าพระองค์เพียงแค่รับสั่งเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะทดสอบอะไรเขาเลย

“เจ้าได้อะไรจากการสอบล่ะ”

คิ้วที่ดูไปดูมาก็น่ามองดีนั่นขมวดเข้าหากันอีกแล้ว

“ทราบว่าควรจะเลือกอาวุธอย่างไรให้เหมาะกับคนและยุติธรรมกับคู่ต่อสู้พระเจ้าค่ะ”

“อธิบาย”

ฟีเรียสอธิบายวิธีเลือกของเขา พูดถึงลักษณะพระหัตถ์ของเจ้าชายหนุ่ม
ลักษณะของกระบี่ ตัวกระบี่ ด้ามกระบี่ วัสดุที่ใช้ทำ รูปร่าง ความยาว น้ำหนัก
สีหน้าตอนทูลอธิบายจบยังคงรอคอยคำเฉลย ทว่าเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ประทานให้
เพียงแต่ตรัสชวนให้ไปซ้อมกันในสวน



เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เจ้าชายหกแห่งไมซีนซึ่งไม่เคยจับอาวุธ
หรือกระทั่งพกอาวุธให้ฟีเรียสเห็นเลยก็สามารถรับสั่งบอกข้อบกพร่องทั้งหมด
ของนักเรียนองครักษ์หนุ่มออกมาได้แบบเดียวกับที่ครูสอนกระบี่ของเขาบอก
เป็นสิ่งที่ฟีเรียสพยายามแก้ไขมาตลอด แต่ก็ยังทำไม่ค่อยได้นัก

ฝีพระหัตถ์ของเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ดีไปกว่านักเรียนองครักษ์ที่สอบได้ที่หนึ่งวิชากระบี่ในรุ่นของเขา
... ความคิดเช่นนั้นพลันมลายไปในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ซึ่งเป็นเวลาที่ต่างก็มีเหงื่อท่วมเต็มตัวทั้งคู่
เพียงแต่ฟีเรียสหอบแฮ่ก หายใจแทบไม่ทัน ในขณะที่เจ้าชายหนุ่มหายใจถี่กว่าปกติเพียงเล็กน้อย

“พักก่อน”

เมื่อทรงทราบว่าหมดหวังที่จะให้คนดื้อเป็นฝ่ายออกปากขอพักก่อน พระองค์จึงรับสั่งเสียเองด้วยปรานี
ไม่อยากให้คนที่เอาแต่จู่โจมมาตลอดแต่แทบจะทำอะไรพระองค์ไม่ได้เลยต้องเสียหน้า

“กระหม่อมจะไปรินน้ำมาถวายพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลเป็นเชิงประทานพระอนุญาต ก่อนจะเสด็จไปประทับรอที่ชุดเก้าอี้ใต้ร่มไม้ใหญ่
ฟีเรียสกลับมาในเวลาไม่นาน ในถาดใบใหญ่ที่เขาถือมานั้นนอกจากเหยือกน้ำกับแก้วน้ำหนึ่งใบ
แล้วยังมีอ่างแก้วใส่น้ำกับผ้าสะอาดอีกผืนหนึ่ง

ทอดพระเนตรเห็นของทั้งหมดที่อีกฝ่ายนำมาวางไว้บนโต๊ะแล้ว
เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ต้องทรงพยายามข่มพระอารมณ์อีกระลอกหนึ่ง ยอมรับแล้ว
ว่านักเรียนองครักษ์หนุ่มผู้นี้มีความสามารถเต็มเปี่ยมเรื่องการยั่วพระอารมณ์กริ้ว... ทั้งที่พระองค์เป็นคนใจเย็นมากแท้ๆ

ฟีเรียสรินน้ำใส่แก้วถวายเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มยังไม่ทรงยกดื่ม
เขาจึงคิดเอาเองว่าคงจะโปรดเช็ดพระพักตร์เสียก่อนจึงได้นำผ้าสะอาดจุ่มน้ำเย็น
บิดจนหมาดแล้วยื่นถวายให้คนที่บิดไม่เป็น ทว่าเจ้าชายรามิเรสเพียงแต่ทรงรับไปถือไว้เฉยๆ
รอ... ให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ในที่สุดพระองค์จึงทรงวางผ้าลงบนถาดแล้วตรัสชวน

“ไปซ้อมกันต่อ”

ฟีเรียสหน้าตึง โกรธอย่างที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องโกรธขนาดนี้

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายรามิเรสทรงเลิกพระขนงขึ้นนิดหนึ่ง ฟีเรียสมองพระพักตร์ แล้วก็ตัดใจไม่พูดอะไร
เขาหยิบกระบี่ของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่ทรงหยิบ

“โกรธข้าหรือ”

โกรธ แต่เมื่อถูกถามตรงๆ อย่างนี้ก็ทำเอาสะดุ้งไปเหมือนกัน
ถ้าพระองค์ตรัสถามว่าโกรธเพราะอะไร เขาคงทูลตอบไม่ถูก
จะบอกได้หรือ ว่าโกรธที่พระองค์รับผ้าเขาไปแล้วไม่เช็ดพระพักตร์
เขารินน้ำให้ก็ไม่ดื่ม ในเมื่อพระองค์ไม่ได้รับสั่งให้เขาทำให้

“ข้าก็โกรธเจ้า”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“อยู่กันสองคน ทำไมเจ้าเอาแก้วมาใบเดียว ผ้าก็ผืนเดียว”

“กระหม่อมดื่มน้ำกับเช็ดหน้าเช็ดตามาแล้วพระเจ้าค่ะ” ฟีเรียสยังคงไม่เข้าใจ ตกลงว่ากริ้วเพราะอะไรกันแน่

“กินก่อนเจ้าชายอีกหรือ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มพูดไม่ออกไปวูบหนึ่ง

“กระหม่อมขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ต่อไปกระหม่อมจะไม่ทำอีก”

เขาไม่รู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรง ‘เจ้ายศเจ้าอย่าง’ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว และจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

“ดี มีสองคนก็ต้องยกแก้วมาสองใบ ผ้าสองผืน ถึงจะกินแล้ว เช็ดหน้าเช็ดตามาแล้ว ก็ต้องเอามาสองเสมอ
ไม่อย่างนั้นข้าจะกินไม่ลง เช็ดไม่ถนัด”

ฟีเรียสมองอีกฝ่ายตาค้าง หัวใจเต้นตึกตักดังแรงกว่าปกติขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ข้าอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้า อยากให้เจ้าปฏิบัติต่อข้าเหมือนเพื่อน ไม่ใช่เจ้าชาย”

ฟีเรียสเข้าใจแล้ว เขารู้ว่าเจ้าชายหนุ่มกริ้วเพราะอะไร มีเจตนาอะไร เพียงแต่

“กระหม่อมทำไม่ได้พระเจ้าค่ะ” คนตอบกราบทูลอย่างจริงจัง “ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าชาย”

“รับเจ้าชายเป็นเพื่อนสักคนไม่ได้หรือ”

คนฟังอึดอัดใจขึ้นมาทันที คนเป็นเจ้าชายไม่มีความจำเป็นต้องขอเป็นเพื่อนกับนักเรียนองครักษ์
แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนกลับรับสั่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพระองค์นักหนา

ฟีเรียสก้มศีรษะและค้อมกายลง

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

เขาเป็นเพื่อนกับพระองค์ไม่ได้ ต่อให้พระองค์ไม่ใช่เจ้าชาย เขาก็เป็นเพื่อนกับพระองค์ไม่ได้

ความรู้สึกที่มีให้เพื่อนต้องไม่ใช่แบบนี้ จริงอยู่ว่าเขาอาจจะเคยต้องตาพึงใจเพื่อนบางคน
แต่ก็ยังสามารถพูดได้เต็มคำว่าคนคนนั้นคือเพื่อน เพื่อนที่เขาจะไม่มีวันทำอะไรเพื่อให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน

แต่กับเจ้าชายรามิเรส... กับคนที่เป็นผู้ชายคนแรก คนที่ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมได้ไปชั่วชีวิต

... เขาเป็นเพื่อนกับพระองค์ไม่ได้จริงๆ

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ยังยืนก้มตัวอยู่ไม่ยอมเงยหน้าแล้วก็พระทัยหมองลงไปบ้าง

“เอาเถอะ ไม่เป็นก็ไม่เป็น” ฟีเรียสยืดตัวขึ้นมาแล้ว “รุ่นพี่ล่ะ”

“... อาจารย์เถิดพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลงาม

“รุ่นพี่นั่นล่ะดีแล้ว อย่าพยายามทำให้ข้าแก่นักเลย”

ฟีเรียสอดยิ้มตามไม่ได้

“หายโกรธข้าแล้วใช่ไหม”

ชายหนุ่มชะงักยิ้ม วางหน้าไม่ถูกขึ้นมากะทันหัน

“กระหม่อมไม่ได้โกรธ...”

เจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนง ทำเอาสีหน้าของนักเรียนองครักษ์หนุ่มเกลื่อนรอยเก้อ

“ไม่ได้โกรธ... แล้ว พระเจ้าค่ะ”

“เด็กดี”

พลั้งโอษฐ์รับสั่งออกไปแล้วก็พลันชะงักไปทั้งคนพูดและคนฟัง ก่อนที่เจ้าชายรามิเรสจะทรงพระสรวลเสียงแผ่ว

“สงสัยจะแก่จริงอย่างที่เจ้าว่า”




tbc.

********************************************************

สั้นไปหน่อย แต่ว่าตอนหน้าจะยาวเป็นสองเท่าของตอนนี้นะคะ ^^

ป.ล. ชื่อเรื่องก็เอาเรื่องนี้ไปก่อนเนอะ ขืนเปลี่ยนคงฮาตายเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 03-03-2014 17:42:37
โอ้ยยยทจิบ้าตาย เรื่องนี้ ตอนเลือกดาบนะ ชั้นแบบ ฟีเรียส โคตรจริงจังว่ะ คิดมากกกก
พแมาอีตอน พัก เรื่องแก้วน้ำกะผ้า อีตาเจ้าชายนี้ก้อพอกัน อ่านไปจิกหัวไป
พวกเมิงงงง เป็นไรมากป่ะเนี่ยยยย ลุ้นจนขี้แตกแน่ๆ ถ้าจะลงเอย 2 คนนี้ต้องมีตัวช่วย ให้เริ่มกันเอง ไม่มีทางแน่ๆ คนนึงก้าว คนนึงถอย(ทางความคิ)
บวกหนึ่งคะ มาเร็วจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 03-03-2014 17:42:49
...อุ๊ย
 "เด็กดี"
เจอคำนี้แล้วกรีดร้องเบาๆ มันมุ้งมิ้งมากกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-03-2014 18:07:34
อะไรจะคิดมากกันปานนั้น แต่ละคน เพลียจิตมากจริงๆ
รอดูต่อไป ไม่รู้ตัวเอกจะไมเกรนขึ้น หรือคนอ่านจะไมเกรนขึ้นก่อนกันแน่ คิดมากตาม เครียด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-03-2014 18:10:28
ไอ้ที่คิดๆ น่ะ พูดออกมาบ้างเถอะ    :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-03-2014 18:18:55
เจ้าชายขยันหยอดมาก 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2014 18:34:11
ตามลุ้นตามเชียร์จนเหนื่อย ความสัมพันธ์มันเป็นแบบขยับไปทีละนิดๆ แต่สนุกมากน่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-03-2014 19:19:41
เป็นคู่รักเยอะสิ่ง 555555555

พัฒนาความรู้สึกช้าเป็นหอยทากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 03-03-2014 19:44:08
 :katai5:     ดีละคะเจ้าชาย อย่าปล่อยให้กลับไป ถูกต้องที่สุดแล้ว     :mew4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-03-2014 20:29:23
เด็กดี  :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-03-2014 20:30:31
เรื่องนี้จิกหมอนจริงๆนะ

เขิลล  :katai4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-03-2014 22:34:27
เด็กดี ... ฟินอ่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-03-2014 22:37:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-03-2014 22:48:10
 :katai1:ถ้าเป็นกับข้าว เรื่องนี้มันแกงจืดชัดๆ มีมิทรอสเป็นผงชูรส
คือจะบอกว่าบริโภคได้เรื่อยๆค่ะ แบบกินรสแซ่บมากเกินไปก็แสบท้องไง
อ่านไปลุ้นไป เมื่อไรเขาจะเลิกคิดในใจวะครับ มันได้ลุ้นนนนนนนนนน :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 03-03-2014 23:18:15
สองตอนเลย ><
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 03-03-2014 23:29:21
เจอ"เด็กดี"เข้าไป ..อิฉันแพ้น็อคค่ะ
ยิ่งถ้ามีลูบหัวอีกหน่อยนะ 55555555555555



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 03-03-2014 23:29:49
คู่นี้เยอะพอกันเลย  เมื่อไหร่จะมุ้งมิ้งๆๆ อ่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 04-03-2014 05:37:10
"เด็กดี" งื้อออ :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 04-03-2014 07:45:44
ไปกินยาแก้ปวดหัวก่อนน เครียดแทน :mew4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 04-03-2014 10:49:45
แบบนี้ต้องเจอยาปลุกอีกรอบ แต่งวดนี้ให้คนโดนไม่ใช่เจ้าชายนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-03-2014 12:37:59
ไม่ได้เป็นเพื่อนน่ะดีแล้วเพคะองค์ชาย เป็นอย่างอื่นแทน :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 11 (3 มี.ค. 57) หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 05-03-2014 11:36:05
รักเรื่อยๆ จริงๆ มันเรื่อยเฉื่อยมากๆ เลยค่ะ
แต่ก็ยังน่าติดตามเหมือนเดิม o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 07-03-2014 16:29:33
น่าสนุกดีค่ะ เดี๋ยวเรามาตามอ่านแน่นอนค่ะ
แต่ตอนนี้ไม่ว่างจริงๆ
ขอจิ้มไว้ก่อนนะ
(ไม่ว่ายังไง ก็อยากเมนต์ให้ได้ล่ะน่า ฮะๆ)
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 07-03-2014 16:37:59
บทที่ ๑๒

หลังจากฝึกซ้อมกันต่อได้อีกเพียงไม่นาน เจ้าชายรามิเรสก็ตรัสชวน ‘รุ่นน้อง’
ลงไปเดินเล่นที่ตลาดเชิงเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

“ทิ้งเอาไว้อย่างนี้จะไม่หายหรือพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคราวที่แล้วตอนที่เขาขี่ม้าลงมาซื้อของที่ตลาดตอนเช้า
ก็ประสบปัญหาอย่างนี้มาครั้งหนึ่ง คือไม่สามารถขี่ม้าเข้าไปซื้อของในตลาดได้
จึงต้องผูกม้าไว้กับต้นไม้แล้วจ้างให้ชายชราเจ้าของแผงขายสมุนไพรที่อยู่ใกล้ๆ ช่วยดูให้
แต่คราวนี้เจ้าชายหกเสด็จมาด้วย ม้าทรงสีขาวของพระองค์โดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง
และเจ้าชายหนุ่มก็รับสั่งว่าไม่ต้องจ้างใครให้ช่วยดู

“ไม่ต้องห่วง ไปเถอะ”   

รับสั่งจบก็เสด็จนำไป ฟีเรียสลังเลอยู่ครู่แล้วก็ตัดสินใจฝากม้าไว้กับชายกลางคน
เจ้าของแผงขายเนื้อที่อยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่ค่อยไว้ใจหน้าตาที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักของอีกฝ่ายก็ตาม

“จ่ายไปเท่าไร”

“... สองเหรียญพระเจ้าค่ะ”

สีหน้าที่บอกชัดว่าหากพระองค์ทรงตำหนิ เขาก็เตรียมหาเหตุผลดีๆ ที่จะกราบทูลเอาไว้แล้วหลายข้อแบบนั้น
ทำเอาเจ้าชายหนุ่มได้แต่แย้มพระสรวลแล้วสั่นพระเศียรอย่างปลงๆ กึ่งระอาโดยไม่รับสั่งอะไรอีก

ตลาดยามเย็นในหมู่บ้านเชิงเขาค่อนข้างคึกคัก ผู้คนต่างเพศต่างวัยต่างมาเลือกซื้อหาสิ่งของที่ต้องการ
เจ้าชายรูปงามแห่งไมซีนทรงตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆ ทันทีที่พระองค์เสด็จเข้าไปในย่านร้านขายเสื้อผ้า
ครั้นเจ้าชายหนุ่มทรงหันไปแย้มพระสรวลให้ก็พากันหลบสายพระเนตรเป็นทิวแถว

หึ... หว่านเสน่ห์เก่งขนาดนี้ยังจะสับสนตัวเองไปทำไมอีก

“เจ้านี่ก็มีเสน่ห์มากเหมือนกันนะ”

รับสั่งกระเซ้าจากคนดำเนินนำหน้าไปเล็กน้อยทำเอาคนถูกแซวงุนงง ก่อนที่ความงงจะเพิ่มมากขึ้น

“โกรธอะไรหรือ หน้าบึ้ง”

ฟีเรียสไม่แน่ใจ เขาหน้าบึ้งหรือ ทำไมล่ะ

“ไม่ชอบสาวหรือ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มหยุดเดิน

“ขอโทษ” เจ้าชายรามิเรสเองก็ทรงหยุดตาม ทราบดีว่าพระองค์ทรง ‘ล้ำเส้น’
ระหว่างพระองค์กับฟีเรียส ยังไม่ได้ ‘สนิท’ กันขนาดจะถามเรื่องอย่างนี้ได้
ทั้งที่พระองค์ทรงปรารถนาจะทราบอย่างยิ่ง... แม้ไม่รู้ว่าหากได้คำตอบแล้วจะดีกว่าตอนที่ไม่รู้ยังไง

ฟีเรียสยังคงยืนนิ่ง แต่คนมากเหลือเกิน ผู้ชายบางคนที่เดินสวนมาตัวสูงใหญ่กว่าเจ้าชายกับนักเรียนองครักษ์เสียอีก
จึงทำให้ทั้งสองไม่สามารถหยุดยืนเฉยๆ อย่างนี้ได้นาน และเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ขยับ
เจ้าชายหกจึงทรงจับแขนของเขาดึงให้เดินไปด้วยกัน

ฟีเรียสกระตุกแขนออกทันที เจ้าชายหนุ่มพระพักตร์เสีย

“ขอโทษ แต่เจ้ารีบเดินเถอะ ตรงนี้คนแน่น” แล้วก็เสด็จนำไปก่อน

ฟีเรียสขยับปากจะกราบทูล แต่เขาก็ไม่ได้พูด เมื่อมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งออกปากบอกให้เขารีบๆ เดิน
เขาจึงได้เดินตามพระองค์ไปทั้งที่ใจยังสั่นอยู่

อีกฝ่ายจะทรงรู้สึกยังไงที่เขาทำเหมือนรังเกียจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย
ก็แค่... รู้สึกเหมือนเป็นต้นไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาดลงมาใส่ ใจสั่นสะท้านไปหมด
เขารู้ว่าเขาไม่ควรจะรู้สึกอย่างนี้ เพราะทั้งถูกกอด ทั้งเปลือยกายต่อหน้า เขาก็ล้วนแต่เคยมาแล้วทั้งนั้น
กับแค่ถูกจับแขน ไม่ควรจะต้องหวั่นไหวเกินเหตุ

เพียงแต่... พระองค์ไม่ได้รับสั่ง ‘ขอ’ เพื่อให้เขาเตรียมใจก่อนเหมือนอย่างที่ผ่านมา

ตอนที่ถูกพระองค์ทรงล่วงล้ำ เขาก็ทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น อารมณ์ต่างๆ ประดังประเด
ตีรวนและพุ่งขึ้นสูงจนมึนงงไปหมด แต่มันก็ไม่เหมือนตอนที่ถูกจับแขนเมื่อครู่นี้อยู่ดี

สิ่งที่พระองค์ทรงหลงเหลือไว้ให้ นอกจากความรู้สึกตื่นเต้นที่ยังไม่เลือนแล้ว
ยังมีความรู้สึกอ่อนหวานชนิดหนึ่งปะปนอยู่ด้วย

ฟีเรียสอยากจะขอโทษ แต่เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง เขารู้ว่าแค่พูดว่า
ขอประทานอภัยที่กระหม่อมเสียมารยาท เพียงเท่านั้นก็พอ แต่เขาก็พูดไม่ออก
ยังรู้สึกว่าไม่กล้ามองแม้แต่พระพักตร์เสียด้วยซ้ำ

นักเรียนองครักษ์หนุ่มเดินตาม ‘รุ่นพี่’ หมาดๆ เขาไปในร้านขายเสื้อผ้าซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยถาวรของเจ้าของร้านด้วย
ไม่ใช่แค่แผงที่มาตั้งแล้วเก็บกลับเหมือนร้านค้าส่วนใหญ่

ชายหนุ่มปล่อยให้เจ้าชายหนุ่มทรงเจรจากับคนขายเอง ตัวเขาเพียงแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ
เผื่อว่าพระองค์จะโปรดให้เขาทำอะไร จะได้ทำถวายได้ทัน
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายพระองค์นี้จะไม่มีปัญหากับการซื้อของ

“เจ้าชอบตัวนี้ไหม”

คนที่มีปัญหาน่าจะเป็นเขาเอง

“ฝ่าบาท...” ท้ายคำเสียงเบาลงเมื่อเหลือบไปเห็นว่าคนขายซึ่งเป็นชายวัยกลางคนกำลังทำหน้าสงสัย

“ดูแค่แบบก่อน แล้วค่อยเลือกสี”

เสื้อผ้าของผู้ชายก็แลดูคล้ายๆ กันไปหมด ถึงจะบอกว่าแบบแตกต่างกันแต่ก็ต่างกันเพียงเล็กน้อย
สำหรับเขาแล้วมันแทบจะเหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าเจ้าชายหกโปรดเสื้อผ้าแบบไหน
แต่เท่าที่สังเกตมาหลายครั้งก็คิดว่าคงจะโปรดแบบแขนยาว เรียบๆ แล้วก็สีอ่อนๆ โดยเฉพาะสีครีม
พระฉวีขาวแบบพระองค์ ไม่ว่าจะทรงสีอะไรก็ล้วนแต่ได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ประโยคแรกที่ตรัสถามทำเอาเขาไม่แน่ใจ

อย่าหาว่าเขาหลงตัวเองเลย แต่ถูกถามว่า ‘เจ้าชอบไหม’ เป็นใครก็ต้องคิดสงสัยทั้งนั้น
ว่าจะทรงซื้อให้เขารึเปล่า ถ้าใช่ เขาจะได้กราบทูลเสียตั้งแต่ตอนนี้ว่า ไม่เอา!

ฟีเรียสอึกอัก “เอ่อ... กระ...”

“พ่อค้าบอกว่านี่เป็นผ้าที่คุณภาพดีที่สุดในร้าน พี่ดูไม่เป็น เจ้าดูเป็นไหม”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มยืนตัวแข็งไปอีกรอบ ‘พี่’ อย่างนั้นหรือ ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายทรงฉลาดและช่างสังเกต
นี่คงจะเห็นว่าเขาไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรกราบทูลจึงได้ทรงช่วยด้วยการบอกเป็นนัยว่าให้พูดกันแบบธรรมดา
แต่... รับสั่งได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติเกินไปไหม

ทำไมไม่คิดถึงใจของคนฟังบ้าง ว่ามันเต้นแรงจนจะกระดอนออกมาข้างนอกอยู่แล้ว

ฟีเรียสส่ายหน้า

“นี่เป็นผ้าที่ดีที่สุดในร้านเรา สั่งเข้ามาจากเมืองเมล” เขาหมายถึงเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอที่มีคุณภาพดีที่สุดในไมซีน

“เส้นใยคุณภาพดี เนื้อผ้านุ่ม สวมใส่ก็สบายนะครับ หน้าหนาวอย่างนี้ใส่แล้วอุ่นสบาย
แล้วก็คงทน ไม่หด ไม่ย้วย ไม่ต้องรีดก็ใส่ได้ครับ คุณภาพดีไม่แพ้เสื้อที่พวกท่านใส่อยู่เลยล่ะ”

พ่อค้ามาตกม้าตายเอาตอนจบนี่เอง ฉลองพระองค์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนจะทำจากผ้าอะไรที่ไหน
แม้แต่เจ้าชายหนุ่มเองก็ไม่ทรงทราบ แต่เรื่องที่ว่าร้านผ้าในหมู่บ้านเล็กๆ อย่างนี้จะมีเสื้อผ้าที่คุณภาพดี
ทัดเทียมกับผ้าที่ใช้ตัดเย็บฉลองพระองค์ย่อมเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ดี ฟีเรียสเห็นว่าเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงแย้งอะไร
เพียงแต่แย้มพระสรวลอ่อนๆ ตามปกติแล้วตรัสสั่งให้เขาเลือก

“เลือกสักสี่ห้าชุด”

“... ข้าเลือกไม่เป็นครับ” เขาไม่ถนัดพูดคำราชาศัพท์ก็จริง แต่ก็เคยเรียนที่โรงเรียนตอนอยู่ปีสอง
ได้รับการอบรมสั่งสอนมาว่าคำพูดที่เหมาะสมกับฐานะย่อมเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติและเป็นส่วนหนึ่งของ
ความจงรักภักดีตอนนี้ต้องพูดธรรมดากับเจ้าชาย จึงรู้สึกว่าเขากำลังบังอาจตีตนเสมอเจ้า
ทั้งที่พระองค์ประทานพระอนุญาตเขาเอง

“ข้าไม่รู้ว่าท่านชอบแบบไหน”

“เลือกอย่างที่เจ้าถูกใจ”

“แต่ท่านเป็นคนใส่” ฉลองพระองค์มีอยู่เต็มตู้ พระองค์คงไม่ซื้อเสื้อผ้าที่ตัดเย็บสำเร็จแล้วแบบนี้ไปใส่แน่
แต่เขาไม่กล้าทูลถามว่า จะซื้อให้เขาหรือ

“ข้าเลือกไม่เป็น”

“ข้าก็เลือกไม่เป็นครับ”

ฟีเรียสไม่ยอมง่ายๆ เขาชักจะเดาได้ล่ะว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นคนแบบไหน
ไม่ยอมรับสั่งว่าจะซื้อให้เขาก็จริง แต่พอเขา ‘ช่วยเลือก’ เสร็จสรรพก็คงจะเอามายัดเยียดให้แล้วอ้างว่า
ซื้อมาแล้ว พระองค์ไม่ใส่ เขาก็ต้องใส่ เพราะเขาไม่คิดจะยืมฉลองพระองค์ของอีกฝ่ายมาใส่เป็นชุดที่สอง แต่ไม่ล่ะ
เดี๋ยวเขาจะเลือกซื้อสักชุดเหมือนกัน โชคดีที่เขาพกเงินติดตัวมาบ้าง แม้จะไม่มาก แต่ก็คงพอซื้อชุดราคาถูกๆ ได้สักชุดสองชุด

“ข้าแนะนำให้เอาไหมครับ คุณชาย”

แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเฟื้อ แต่สีหน้าก็ปิดไม่มิดว่าชักจะรำคาญที่ผู้ชายสองคนยืนมองหน้ากันโดยไม่มีใครเลือกสักที

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ “เลือกให้สักห้าชุด”

“ไม่ทราบว่าใครจะใส่ครับ” พ่อค้าหน้าหน้าชื่นขึ้นมาทันตา

“เขา”

“ฝ่าบาท!” ฟีเรียสห้ามไม่อยู่จริงๆ

พ่อค้าฉงนใจขึ้นมาอีกหน ทว่าเจ้าชายรามิเรสไม่ทรงปล่อยให้เขามีโอกาสสงสัยนาน

“เลือกสีที่เหมาะกับเขา แบบก็คละกันไป เอาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในร้าน”

พ่อค้าวัยกลางคนเลือกได้อย่างรวดเร็ว เจ้าชายหกทอดพระเนตรเพียงแวบเดียวก็ทรงพยักพระพักตร์
ไม่นานเสื้อผ้าทั้งห้าชุดก็ลงไปอยู่ในถุงกระดาษสามใบ เจ้าชายหนุ่มทรงจ่ายเงินเรียบร้อย
คงเป็นแค่เศษเงินสำหรับพระองค์นั่นแหละ แต่ฟีเรียสมองเขม็งจนเหรียญเงินจำนวนนั้นแทบจะละลาย
พ่อค้าส่งถุงกระดาษมาให้ เมื่อฟีเรียสยืนนิ่งไม่ยอมรับ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปหมายจะรับเอง ทว่า

นักเรียนองครักษ์หนุ่มยื่นมือออกไปในจังหวะเดียวกัน มือสองข้างกระทบถูกกันโดยบังเอิญ
ฟีเรียสแทบจะสะดุ้งอีกหน เขาหดมือกลับเล็กน้อย ก่อนจะยื่นพรวดออกไปชิงถือกลับมาทั้งที่สีหน้าเรียบเฉยเป็นที่สุด

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลอ่อน เตรียมจะเสด็จออกจากร้าน ทว่า

“มีแบบที่ถูกกว่านี้ไหม”

พ่อค้าผ้างง แต่ก็ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างคนทำอาชีพนี้มานาน

“มีครับ มีหลายแบบหลายราคา ไม่ทราบว่าน้องชายอยากจะได้แบบไหน”

“ขอดูที่เนื้อผ้าดีหน่อย แต่ราคาไม่แพงมาก”

“ฟีเรียส” พระองค์ทรงทราบล่ะว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

นักเรียนองครักษ์หนุ่มหันไปมองพระพักตร์ คิดว่าจะไม่พูดอะไร แต่ก็ทนให้อีกฝ่ายมองมานิ่งๆ เงียบๆ ไม่ไหว

“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนครับ”

ไม่ได้อยากจะทะเลาะกับพระองค์เลย ยิ่งมาทะเลาะกันตรงนี้ ต่อหน้าคนอื่นยิ่งไม่อยาก
แต่ถ้าพระองค์จะทรงยัดเยียดเสื้อผ้าที่ซื้อมาให้เขาล่ะก็ เป็นตายยังไงเขาก็ไม่เอา

เจ้าชายรามิเรสทรงผ่อนพระปัสสาสะออกแผ่วเบา แล้วก็ทรงปล่อยให้เขาทำตามใจ
ฟีเรียสไม่เรื่องมาก เขาพิจารณาเสื้อผ้าชุดแรกที่พ่อค้าเลือกมาให้ ถามราคา แล้วก็ตัดสินใจซื้อตัวนั้นเลย
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หยิบเงินออกมาจ่าย คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็จ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณมากครับ อย่าลืมแวะมาอุดหนุนอีกนะครับ ข้าขอตัวไปต้อนรับลูกค้าก่อน”

ฟีเรียสหันไปจ้องพระพักตร์เขม็ง คิดว่าเงินแค่นี้เขาไม่มีจ่ายหรือยังไง เป็นอะไรกันล่ะทำไมถึงต้องจ่ายเงินให้
จะดูถูกกันไปถึงไหน จะเอาชนะเขาให้ได้ใช่ไหม ทั้งหมดนี้ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้พูดสักคำ

“ไปกันเถอะ”

และเจ้าชายรามิเรสก็ทรงทำราวกับไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักอย่าง

นักเรียนองครักษ์หนุ่มกำหูถุงกระดาษแน่นขณะเดินตามเสด็จ เจ้าชายหนุ่มทรงแวะซื้อขนมทอดข้างทางสองอัน
พ่อค้าห่อกระดาษให้หนาพอที่จะจับได้โดยไม่ร้อน คนซื้อทรงยื่นประทานให้คนเดินตามหน้าเครียดอันหนึ่ง
ฟีเรียสรับมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ถือไว้เฉยๆ ไม่ยอมกิน

“รสชาติดี หวานมัน เจ้าน่าจะชอบ” คนกัดชิมไปคำหนึ่งหันมารับสั่งบอก “ขึ้นมาเดินข้างๆ สิ ข้าไม่อยากหันไปคุยบ่อยๆ”

ฟีเรียสไม่อยากทำตามเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ข่มใจ คิดว่าเป็นคำสั่งของเจ้าชาย เขาก็แค่ทำตามคำสั่ง
ทำๆ ไปโดยไม่ต้องคิดว่าตัวเองจะอยากทำหรือไม่อยากทำ เป็นแค่นักเรียนองครักษ์
จะไปมีสิทธิ์ขัดคำสั่งเจ้าชายได้ยังไง แถมซ้ำพระองค์ยังทรงเป็นเจ้าหนี้

“ไม่อร่อยหรือ”

“... รสชาติดีครับ” ไม่ต้องสนพระทัยหรอก ว่าเขาจะรู้สึกยังไง

“ดูๆ ไปก็มีของหลายอย่างที่ข้าไม่เคยกิน ถ้ามีอะไรอร่อยเจ้าก็ช่วยแนะนำข้าด้วย รองท้องก่อนกินมื้อเย็น”

เว้นไปครู่หนึ่งจึงตรัสถาม “เรากินมื้อเย็นที่นี่ดีไหม”

“สุดแท้แต่พระทัย”

เจ้าชายหนุ่มทรงชะงัก ชักจะหนักพระทัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เจ้าช่วยข้าเลือกร้านสิ”

“ร้านนั้นครับ”

ฟีเรียสเลือกไปส่งๆ และเจ้าชายรามิเรสก็ทรงทราบ แต่ก็ยังทรงพยักพระพักตร์แล้วดำเนินนำเข้าไป
เห็นดังนั้นแล้วคนเดินตามกลับเป็นฝ่ายกังวลขึ้นมาแทน ซ้ายมือข้างหน้ามีร้านใหญ่กว่าแท้ๆ
แต่เขาดันชี้ไปร้านทางขวามือใกล้ๆ ซึ่งเป็นร้านอาหารเล็กๆ ข้างทางเสียอย่างนั้น แต่จะทูลทักท้วงก็ไม่อยากจะพูด
เขาไม่มีอารมณ์จะพูดกับพระองค์ดีๆ ตอนนี้ ถามคำตอบคำก็พอได้ แต่ถ้าให้พูดยาวๆ ก็คงจะมีหลุดอารมณ์โมโหออกไปบ้าง

“รับอะไรดีคะ” ผู้มารับรายการอาหารเป็นเด็กสาววัยไม่เกินสิบปี เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลประทานให้อย่างเอ็นดู

“อะไรอร่อยบ้าง”

“อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลมากขึ้น “แล้วอะไรบ้างล่ะจ๊ะที่ว่าทุกอย่าง”

เด็กหญิงหน้าตาน่ารักร่ายรายการอาหารยาวอย่างจำได้ขึ้นใจ
เจ้าชายรามิเรสทรงรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ก็ไม่สำคัญอะไรเพราะยังไง
พระองค์ก็ต้องทรงหันไปตรัสถามคนนั่งตรงข้ามอยู่ดี

“เจ้าอยากกินอะไร”

“ข้าไม่หิวครับ”

“ไม่หิวแล้วมานั่งในร้านข้าทำไมล่ะคะพี่ชาย”

เจ้าชายหนุ่มทรงขำพรวด พระองค์ไม่ต้องทรงทำอะไร เด็กหญิงที่เท้าสะเอวขึ้นอย่างเอาเรื่องด้วยท่าทีของผู้ใหญ่
ก็ทำให้ปัญหาของพระองค์ง่ายเข้า ฟีเรียสตีสีหน้าไม่ถูก เคืองเมื่อเห็นสีพระพักตร์ขำๆ แต่ก็ต้องรีบสั่งอาหาร

“แล้วพี่ชายล่ะคะ จะกินอะไร” แม่ค้าตัวน้อยอารมณ์ดีขึ้นเมื่อหันมาถามเจ้าชายหนุ่มบ้าง

“ข้าก็กินเหมือนพี่ชายคนนี้”

“ว้า แค่นี้ก็ต้องลอกกันด้วย คิดเองสิคะว่าอยากจะกินอะไร อาหารที่แม่ข้าทำอร่อยทุกอย่างเลยนะ
แล้วพวกท่านก็ตัวใหญ่ กินแค่คนละอย่างจะอิ่มหรือคะ”

ฟีเรียสกระตุกยิ้มบ้างเมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงถูกว่าซึ่งหน้า ก่อนจะชะงัก
ใจเต้นผิดปกติผสมความรู้สึกขัดเคืองเมื่ออีกฝ่ายไม่เพียงไม่กริ้ว
ยังแย้มพระสรวลอ่อนโยนประทานให้เขา

นักเรียนองครักษ์หนุ่มเบือนหน้าไปทางถนนสายเล็กที่มีผู้คนเดินขวักไขว่
ก่อนจะชะงักอีกรอบเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งมองมาทางเขาแล้วยิ้มอายๆ ให้
ชายหนุ่มก้มศีรษะให้พลางยิ้มตอบเล็กน้อยตามมารยาท

เจ้าชายรามิเรสตรัสสั่งเพิ่มอีกสองอย่างเรียบร้อยแล้ว และทันเห็นฉากนั้นเข้าพอดี

“นางน่ารักดีนะ”

คนฟังพยายามจะเดาความหมาย ว่าที่รับสั่งนั่นต้องการอะไร ที่สำคัญก็คือ... มีความรู้สึกไม่พอใจปะปนมา
เหมือนเมื่อครั้งที่เขารู้สึกตอนที่เห็นผู้หญิงมองพระองค์บ้างไหม แต่ก็เดาไม่ออก
ซ้ำยังตกใจตัวเองขึ้นมาทันทีที่ตระหนักได้ว่าเขากำลังหวังให้พระองค์ทรงหึงหวง

เห็นอีกฝ่ายเงียบนานไม่ยอมตอบ คนประทับตรงข้ามก็ตรัสถามพระสุรเสียงอ่อน

“ยังโกรธข้าอยู่หรือ”

“กระหม่อม...” รู้ว่าใช้สรรพนามผิด แต่จะแก้ไขก็ไม่ทัน “อย่าสนใจเลยครับ”

“ฟีเรียส”

รอยขมวดมุ่นกลางหว่างคิ้วนั้นยิ่งถูกกดลึก ได้โปรดเถอะ อย่าเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้
มันน่าอาย เหมือนผู้ชายอย่างเขากำลังถูกผู้ชายด้วยกันง้อ

“ขอร้องล่ะครับ อย่าสนใจข้าเลย” ฟีเรียสก้มหน้า เบือนสายตาไปทางอื่น

เจ้าชายรามิเรสทรงเงียบไป “เอาไว้ค่อยไปคุยกันที่บ้านก็ได้ แต่ที่ขอไม่ให้สนใจนั่นเห็นจะให้ไม่ได้”

คนฟังเงยหน้าขึ้นมองขวับ หน้าร้อนผ่าวเมื่อมองสบสายพระเนตรจริงจัง ใจเต้นแรง
ขณะเดียวกันก็เจ็บปวดอย่างหาสาเหตุไม่ได้

“ไม่กินขนมแล้วหรือ”

ขนมทอดอันนั้นถูกวางอยู่บนโต๊ะทั้งสองอัน

“ท่านก็ไม่กิน”

เจ้าชายรามิเรสทรงหยิบขึ้นมาเสวยต่อ หลังจากกัดไปคำก็รับสั่ง

“อยู่ข้างนอกแบบนี้เจ้าเรียกข้าว่าพี่ก็ได้ ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายปี”

ฟีเรียสหน้าแดง ครั้นถูกอีกฝ่ายมองหน้าด้วยสีพระพักตร์ไม่เข้าพระทัยว่าทำไมเขาถึงนั่งตัวแข็ง
ไม่รู้จะขยับไม้ขยับมือยังไง เขายิ่งรู้สึกขัดใจ รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดอะไร แต่ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ
ที่เขาคิด... คิดมากเสียด้วย

นักเรียนองครักษ์หนุ่มหยิบขนมขึ้นมากินเพราะไม่อยากพูดอะไร สายตามองไปเรื่อย
ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พระพักตร์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีน จึงได้เห็นว่าหญิงสาวที่ยิ้มให้เขาคนนั้น
ก็มานั่งที่ร้านเดียวกับเขาด้วย นางมากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นพี่น้องหรือเพื่อน
แต่หน้าตาไม่สะสวยเหมือนอย่างนาง ครั้นเจ้าชายรามิเรสทรงหันไปทอดทอดพระเนตรนางด้วย
นางก็เสเบือนหน้าไปทางอื่นทั้งที่แก้มขาวๆ สองข้างยังแดงปลั่ง

ฟีเรียสไม่คิดอะไร นอกจากคิดว่า โชคดีที่เขาไม่ใช่คนผิวขาว ต่อให้รู้สึกว่าหน้าร้อนแค่ไหนก็คงไม่ได้สังเกตเห็นกันง่ายๆ

“มีอย่างนี้บ่อยไหม”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มหันหน้ามาตามเสียงถาม

“มีผู้หญิงแสดงออกว่าชอบเจ้าบ่อยไหม”

คนถูกถามนั่งนิ่ง ปล่อยให้คนถามทรงคิดได้เองว่าเขาไม่ได้สนิทกับพระองค์ถึงขั้นที่จะยอมตอบคำถามแบบนี้
และเจ้าชายหนุ่มก็ทรงตระหนักเช่นนั้นได้จริงๆ ถึงกับต้องทรงทอดถอนพระทัย
เพราะถึงแม้จะทรงทราบว่าไม่ควรถาม แต่ความอยากรู้ก็ไม่ได้หายไปเลย

“ฟีเรียส ข้า... ถามในฐานะรุ่นพี่ รุ่นพี่ถามรุ่นน้องไม่ได้หรือ”

“จะทรง... จะอยากทราบไปทำไม”

เจอคำถามนี้เข้าไปก็ทำเอาคนถามทรงชะงักไปเหมือนกัน ประกอบกับเด็กหญิงซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนำอาหารมาเสิร์ฟ
ทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไรกันอีก รสชาติอาหารค่อนข้างถูกพระโอษฐ์คนกินง่าย
ฟีเรียสเองก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อได้กิน เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรเห็นแล้ว
ก็ตัดสินพระทัยไม่รับสั่งอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจขึ้นมาอีก

หลังจากอิ่มอาหาร ฟีเรียสก็เรียกเด็กหญิงมาเก็บเงิน

“รอเดี๋ยวนะคะพี่ชาย”

เขาตั้งใจว่าคราวนี้ล่ะ... เขาจะ...

“อุ๊ย!”

ฟีเรียสอ้าแขนออกโดยฉับพลันเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งทำท่าว่าจะล้มมาใส่เขา ทว่า
อย่าว่าแต่เขาเลยที่เก้อ แม้แต่หญิงสาวซึ่งเขารู้แล้วว่าคือคนเดียวกับที่ยิ้มให้เขาก็มีสีหน้าผิดคาดไปเหมือนกัน
เมื่อหันกลับไปแล้วพบว่า สาเหตุที่นางไม่ได้ล้มลงในอ้อมกอดของชายหนุ่มผิวเข้มร่างสูงก็เพราะ
ชายหนุ่มอีกคนซึ่งนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันรั้งแขนนางเอาไว้เสียก่อน

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

น้ำเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มห่วงใยบนดวงหน้าหล่อเหลาคมคายทำเอาหญิงสาวไม่กล้าแสดงออกว่าไม่พอใจ

“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”

คนตอบหันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มอีกคนที่อ้าแขนไว้รอแล้วแต่กลับไม่มีส่วนใดบนตัวนางสัมผัสกับตัวเขาเลย
แล้วก็พลันรู้สึกเสียดายวูบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกหนแล้วก็เดินจากไปพร้อมกับหญิงสาวที่มาด้วยกัน

เด็กหญิงลูกสาวเจ้าของร้านเดินมาถึงโต๊ะพอดี ตอนที่เจ้าชายรามิเรสทรงก้มองค์
เก็บผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักลายดอกไม้ขึ้นมาจากพื้น

“สี่สิบ...”

“เจ้าเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปให้พี่ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีส้มคนนั้นนะ บอกว่านางทำตก แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บเงิน”

รับสั่งแล้วก็ทอดพระเนตรตามไป ฟีเรียสมองตาม และได้เห็นสีหน้าผิดหวังที่หญิงสาวผู้นั้นมองมาทางเขาพอดี
และเพราะมัวแต่รู้สึกผิดปนโล่งใจอยู่ เมื่อเด็กหญิงรีบวิ่งกลับมา เขาจึงไม่ทันคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน
นางยังไม่ทันบอกราคา เจ้าชายหนุ่มก็ทรงยื่นเหรียญเงินไปให้

“ห้าสิบเหรียญ ที่เกินไปพี่ให้เป็นค่าบริการ ขอบใจนะ”

“ขอบคุณค่ะ วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะคะ”

เด็กหญิงยิ้มหน้าบาน วิ่งเอาเงินไปอวดแม่เรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้พี่ชายอีกคนซึ่งเป็นคนเรียกเก็บเงินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ฟีเรียสพยายามข่มอกข่มใจ อดทนให้ถึงที่สุด ชายหนุ่มหยิบถุงกระดาษสี่ใบขึ้นมาถือไว้มือหนึ่ง
อีกมือหนึ่งหยิบขนมทอดที่เย็นชืดไปแล้ว

“มันเย็นแล้ว เจ้าทิ้งไปเถอะ ถ้าอยากกินข้าจะซื้ออันใหม่ให้”

ฟีเรียสกำมือแน่น ทำไมไม่อยู่เฉยซะ ไม่รับสั่งอะไร ทำเฉยๆ ไปเสียคงจะดีกว่านี้
เมื่อกี้ทอดพระเนตรไม่เห็นหรือว่าเขากำลังเตรียมจะจ่ายเงิน
แย่งเขาจ่ายเงินค่าเสื้อยังไม่พอ ยังจะแย่งจ่ายค่าอาหาร

“มือเจ้าเลอะแล้ว”

ไส้ของขนมซึ่งพ่อค้าใส่มาเต็มคุ้มราคาทะลักออกมาจากรอยกัด
ไหลลงมาเปื้อนมือของเขาโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ขณะกำลังตกใจเล็กๆ
ว่าแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนเกินไป อีกฝ่ายก็ทรงดึงมันออกไป
วางไว้บนโต๊ะโดยที่เขาไม่ทันได้ขัดขืน ซับพระพักตร์ผืนใหญ่สีน้ำตาลอ่อนถูกคลี่ออกมาโปะไว้บนมือ
ก่อนที่เจ้าของมันจะทรงจับมือเขาไว้แล้วเช็ดรอยเปื้อนประทานให้ เช็ดเร็วๆ เพียงไม่กี่ทีก็เสร็จ

ฟีเรียสยืนจ้องมองพระพักตร์อย่างตะลึงงันอยู่อย่างนั้นเอง

ทำอะไร... เมื่อกี้พระองค์ทรงทำอะไรกับเขา

“เราไปกันเถอะ คนมาใหม่จะได้มีโต๊ะนั่ง”

เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง เจ้าชายหนุ่มก็จะทรงจับมือที่ยังค้างอยู่ในท่าเดิมของอีกฝ่ายไปด้วยกัน
ทว่าคราวนี้ฟีเรียสรู้สึกตัว รีบเอามือซ่อนไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็วทั้งที่สีหน้ายังตกใจไม่หาย

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลก่อนจะเสด็จนำไป

“พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ข้าว่าจะซื้อองุ่นกับส้มอีกสองอย่างก็พอ เจ้าอยากจะได้อะไรไหม”

‘อยากจะได้อะไรไหม’ ไม่ใช่ ‘อยากจะซื้ออะไรไหม’ ถ้าฟีเรียสมีสติสตังอยู่กับเนื้อกับตัวครบบริบูรณ์
ก็คงจะเก็บคำพูดนี้มาเป็นเรื่องขัดเคืองใจได้อีก แต่ตอนนี้เขามีสติอยู่แค่ครึ่งเดียว จึงเพียงแต่ส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น
ว่าที่องครักษ์หนุ่มเดินตามเจ้าชายหนุ่มไปซื้อผลไม้ คุณยายใจดีแถมให้อีกมากมายเพราะหลงหน้ายิ้มๆ ของคนซื้อ
ฟีเรียสคิดเอาเองตามประสาคนที่มีสติอยู่เพียงครึ่งๆ ว่า เขาเองก็เคยหลงมาแล้ว
หลงคิดว่าคนบุคลิกนุ่มนวลอย่างเจ้าชายหกจะเป็นคนทำอะไรช้าๆ
แต่ก็ปรากฏว่าพระองค์ทรงเร็วกว่าเขาไปเสียทุกอย่าง

ที่จริงเขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่ซ้อมกระบี่กับพระองค์แล้ว ถึงจะทรงเป็นฝ่ายรับตลอดเสียจนเขาขัดใจ
แต่ถ้าไม่เร็วจริงก็คงจะทรงรับเขาไม่ได้ ซ้ำยังดูเหมือนจะเดาทิศทางของเขาออกแทบจะทุกท่วงท่า

หรือบางที... เขาควรจะเฉลียวใจว่าพระองค์ ‘เร็ว’ ตั้งแต่พระองค์เปิดประตูเข้ามาในห้อง




ตอนที่เขากำลังทำอะไรน่าอายอยู่วันนั้นแล้ว






tbc.


*****************************************
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 07-03-2014 16:51:16
ฮอลลลลลล T________T อึดอัด หงุดหงิด ขัดใจ  :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2014 17:37:54
มันน่าหงุุดหงิิดจริง แต่ละคนนี้หนอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-03-2014 18:19:01
ปวดหัวแทน ทั้งคู่อ้ะ น่าจะโดนจับตีก้นสะให้เข็ด
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 07-03-2014 18:33:09
เฉื่อยไปแล้ว -*-
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-03-2014 18:35:36
 :katai5:


ผ่านไปตอนนึง ยังไม่พ้นตลาดเลย มัวแต่คิด 5555555555555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 07-03-2014 18:43:54
หึงๆๆๆๆ หึงก้อบอก
คู่นี่นิ หวานนินึงเถอะ ยอมๆ กันบ้าง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 07-03-2014 18:47:13
อ่านคู่นี้แล้วเหนื่อย จะคิดอะไรหนักหนา โดยเฉพาะฟีเรียส คิดมากระวังไมเกรนขึ้นนะ เป็นห่วง
รออ่านต่อไป ถึงจะเอื่อยก็จะอ่าน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 07-03-2014 19:15:26
ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก
สองหนุ่มถนัดนัก  o18 o18
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-03-2014 20:03:20
อื้อหือ.........โดนรุกน่าดูเลย ไม่ค่อยแสดงออกเลยนะ คุณเจ้าชาย :m12:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 07-03-2014 20:20:15
 :katai1: หงึกๆ หงัก!! ง๊ากกกกกกกกก อึดอัดขัดใจฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-03-2014 21:15:02
คิดมากฉี่เหนียวนะฟีเรียส  :z2:

องค์ชายน่ารักเนาะ ฟีเรียสได้แต่ครวญเพลง อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย ละ :jul1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 07-03-2014 21:19:33
เจ้าชายน่ารักจุง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-03-2014 21:30:04
ฮิ้วววววววววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 07-03-2014 21:46:38
ชอบเจ้าชายง่ะ อบอุ่นจังงงง
ฟีเรียสนี่ก็คิดมากกกกกกก
เรื่องก็ดำเนินไปอย่างเอื่อยมากกกกกกจริงๆ
ทั้งตอนเป็นความคิดเยอะของฟีเรียสซักประมาณ 80% (ฮา)
คิดอะไรก็บอกเจ้าชายบ้างเถอะจ้า เขายอมเรา เอ็นดูเราขนาดนี้
เค้าข้างตัวเองบ้างเฮอะว่าเจ้าชายก็มีใจให้เหมือนกัน

กดดันตัวเองตลอดเวลาอย่างงี้ไมเกรนจะขึ้นเอานะจ๊ะ
โอ๊ยยย อึดอัดทั้งฟีเรียสทั้งคนอ่าน

คนเขียนช่วยให้มีฉากที่เจ้าชายทำอะไรได้ดั่งใจฟีเรียสมั่งเหอะ ฮ่าๆๆๆ
ดูเหมือนตั้งใจจะทำอะไรก็ถูกมองในแง่เสียหม้ดดดดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 07-03-2014 22:21:46
ฟีเรียส - -*
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-03-2014 22:46:34
ฟีเรียสคิดเยอะไปแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-03-2014 14:32:06
ฟิเรียส คิดมากไปแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 08-03-2014 14:58:16
คนหนึ่งเครียดเกินไป
คนหนึ่งอยากให้แต่ใช้วิธียัดเยียด
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tuaof ที่ 08-03-2014 20:16:31
 :o8: :-[ :impress2:จิกหมอน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 08-03-2014 21:01:02
อ่านตอนแรกก็โดนเลย
มันใช่อะแนวนี้
ติดตามอ่านนะค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 08-03-2014 21:16:10
ตอน 2
เจ้าชายท่านไม่เกรงใจฟีเรียสเลยนะ
ทั้งทายา เช็ดตัว ดูจะได้กำไรไปหลายเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 08-03-2014 21:53:44
ตอน 3

อ้างถึง
ที่ว่า 'กระหม่อมเต็มใจ' นั่นน่ะ เรื่องจริงนะคะ ^^

  :hao7: อร๊ายๆๆๆ จริงเหรอค่ะเนี่ย
ถ้างั้นเจ้าชายรีบไปบอกฟิเรียสเลยเร็วว่าไปไหนมาอะ
เพื่อผลจะพอพระทัยนะเพคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 10-03-2014 04:18:39
ชอบเรื่องนี้ซะแล้วล่ะ

เห็นพูดบ่อยว่าเรื่องที่เอื่อยๆ เรื่อยๆ แต่เราว่ามันเอื่อยๆ เรื่อยๆ ได้จิกหมอนมาก
เขาใจฟิเรียส เป็นผู้น้อยที่เจียมตน แต่มีศักดิ์ศรี และเข้าใจองค์ชาย แต่พูดก็พูด ปกติถ้าใครมาทำเหมือนบังคับกลายๆ กับเรา คือเหมือนมีทางเลือกให้แต่เป็นทางเลือกบังคับ แบบที่องค์ชายทำ เราจะโกรธมากนะ แต่พอเป็นองค์ชายเลยรู้สึกดีๆ เฉยเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 10-03-2014 16:29:33
ไรท์เตอร์ค่ะ
ภาษาสวยมากๆเลยค่ะ
ตอนอ่านบทนำแล้วรู้สึกหลงรักเรื่องนี้เลย
เดี๋ยวจะมาอ่าน แล้วจะเม้นต์อีกทีนะคะ
ไรท์เตอร์เก่งจัง ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 10-03-2014 16:57:54
 :m31: อึดอัดใจแทนฟีฟี่ ชายหกไม่ได้ดั่งใจเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 10-03-2014 17:01:42
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้นะ รู้สึกถึงความค่อยๆรักค่อยๆผูกพันะธ์กันไป แต่มันกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะเออ
รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4: นักเขียน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-03-2014 00:06:17
เราว่าราเข้าใจเจ้าชายนะคะ..เพราะถึงจะไม่ใช่ฐานะเจ้าชาย

แต่ในฐานะรุ่นพี่แล้ก็รู้สกว่าต้องเป็นฝ่ายจ่ายอยู่ดี../นี่ยังไม่นับกับเด็ก่อนกว่าวัยกว่าที่ตัวเองเป็นฝ่ายสนใจอีก

แต่เจ้าชายก็ควรถามความสมัครใจเจ้าตัวก่อนนะคะ แล้วค่อยหว่านล้อมบังคับเอาอ้อมๆก็ได้

เอะอะควักจ่ายแทนหมดเป็นเราเราก็โกรธค่ะ..
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 11-03-2014 17:55:43
บทที่ ๑๓

เพราะไม่ได้เอาตะกร้ามาใส่อย่างคราวที่แล้ว ฟีเรียสจึงต้องยอมให้เจ้าชายรามิเรสทรงช่วยถือถุงส้ม
ส่วนตัวเขาเองถือถุงเสื้อผ้ามือหนึ่ง ถือถุงองุ่นอีกมือหนึ่ง เมื่อไปถึงที่ที่ผูกม้าเอาไว้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็โล่งใจว่าม้ายังอยู่ทั้งสองตัว แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง
ที่เจ้าของร้านขายเนื้อที่เขาฝากม้าเอาไว้มีรอยช้ำจ้ำใหญ่ที่ใบหน้า
ซ้ำยังกุลีกุจอแก้เชือกที่ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม้ให้ด้วยสีหน้าประจบประแจงเป็นพิเศษ
แต่ฟีเรียสก็ไม่ได้ใส่ใจสงสัยอยู่นานนัก ไม่ได้สังเกตว่าเจ้าชายหนุ่มทรงหันพระพักตร์ไปทางหนึ่ง
และได้เห็นองครักษ์ประจำพระองค์ผิวเข้มร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลค้อมศีรษะถวาย

ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปก่อนที่หนึ่งเจ้าชาย หนึ่งนักเรียนองครักษ์จะกลับถึงบ้าน
แต่แสงจันทร์เต็มดวงก็ส่องสว่างเป็นทางให้ม้าสองตัวก้าวย่างไปตามทางอย่างไม่เร่งร้อนนักโดยไม่ลำบาก
อากาศยามย่ำค่ำค่อนข้างเย็น สายลมฤดูหนาวพัดผ่านมา ทะลุเสื้อผ้าเข้าไปจนถึงผิวกาย

“หนาวรึเปล่า”

“ไม่หนาวพระเจ้าค่ะ”

ถ้าหนาวแล้วจะทำไม พระองค์จะทรงทำอะไรให้เขาได้

“เดินทางเร็วกว่านี้เถอะ เข้าบ้านแล้วเดี๋ยวก็อุ่น”

ฟีเรียสกำสายบังเหียนแน่นขึ้น ก่อนจะกระตุ้นม้าตามเจ้าของม้าทรงสีขาวไป
เจ็บใจ... ที่ไม่ว่าพระองค์จะทรงทราบว่าเขาหนาวหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ทรงทำให้ความหนาวนั้นสั้นลง
เบาบางลงได้จริงๆ ที่ร้ายกว่านั้น คือแม้แต่พระสุรเสียงของพระองค์ก็... อุ่น

บ้านมืด เพราะไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ก่อน แต่ก็ทำให้ฟีเรียสหายแคลงใจไปได้ว่าบางที
อาจจะมีใครขึ้นมาทำอะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ ถวาย
การที่คนที่เป็นถึงจะเจ้าชายจะเสด็จมาทำอะไรคนเดียวถึงที่นี่โดยไม่มีใครตามมาอารักขาดูจะเป็นเรื่องแปลก
แต่บางที... อาจจะเสด็จมาองค์เดียวตามลำพังจริงๆ ก็ได้

ในเมื่อฝีพระหัตถ์เชิงกระบี่ชวนให้ไว้ใจได้ถึงเพียงนั้น

เจ้าชายรามิเรสเป็นฝ่ายเปิดไฟให้สว่างทั่วบ้านเพราะพระองค์ทรงรู้จักบ้านหลังนี้ดีกว่าฟีเรียส
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องครัว ฟีเรียสรับถุงส้มจากพระหัตถ์ไปจัดการเทใส่ตะกร้าผลไม้
จัดองุ่นไว้ในอีกตะกร้าหนึ่ง ตั้งใจว่าจะล้างพรุ่งนี้ หลังจากรินน้ำมาถวายแก้วหนึ่งแล้วจึงยืนนิ่งอยู่
ตามองเพียงถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าเจ้าปัญหาที่วางอยู่บนโต๊ะวางอาหารที่ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะกินข้าว

เจ้าชายรามิเรสแทบจะทรงทอดถอนพระทัยออกมาดังๆ อีกเฮือก แต่แล้วก็เพียงแค่รับสั่งเรียบๆ

“รินน้ำอีกแก้วหนึ่งให้ตัวเอง แล้วก็นั่งสิ”

ฟีเรียสชะงัก เขาลืมไปแล้วจริงๆ เรื่องแก้วน้ำที่ทำให้อีกฝ่ายกริ้วเมื่อตอนบ่าย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้กริ้วอีก
กังวลใจไปแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าเขาเองต่างหากที่ต้องโกรธ

หลายเรื่องที่ตลาดทำให้เขาหงุดหงิดมาก แต่เมื่อนั่งลงแล้วและนึกถึงเรื่องผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาได้
ก็แทบจะลุกพรวดแล้วขอตัวขึ้นไปข้างบน ต่างคนต่างนอนทันที

“เสื้อผ้าพวกนี้ ข้าซื้อให้เจ้าเป็นของรับน้อง”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า

“มันเป็นของจำเป็น ข้าเป็นคนชวนให้เจ้าอยู่ซ้อมกระบี่ด้วยกันที่นี่เอง ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการกินการอยู่ของเจ้าด้วย”

“...”

“ถ้าเจ้าไม่ชอบ คราวหน้าก็เอาเสื้อผ้าของเจ้ามาด้วยก็ได้ แต่คราวนี้ไม่ได้เตรียมมา
ก็ขอให้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไปก่อน ใส่แล้วก็ไม่ต้องเอากลับไปก็ได้ ทิ้งไว้ที่นี่
เผื่อคราวหน้าถ้าเจ้าไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาก็ยังมีเสื้อผ้าใส่”

คราวหน้า... คราวหน้าอะไรกัน ยังจะมีคราวหน้าอยู่อีกหรือ แค่คำนี้คำเดียวก็ทำเอาคนฟังหัวหมุน
คิดหาคำพูดมาเถียงไม่ออก ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะค้านหัวชนฝา

“เรื่องค่าอาหารก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า แต่ข้าเป็นทั้งเพื่อนเจ้าของบ้าน เป็นคนชวนเจ้าอยู่
แล้วยังเป็นรุ่นพี่ อายุมากกว่าเจ้าหลายปี พิจารณาจากเรื่องพวกนี้แล้วคงพอเป็นเหตุผลให้ข้าเป็นคนจ่ายได้”

ฟีเรียสอ้าปาก

“ส่วนที่ข้าไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าก่อน ก็เพราะเวลามันกระชั้น
ถ้าถามแล้วเจ้าไม่ยอมก็คงต้องพูดกันยาว มันจะไม่ทันการณ์ ถ้าเจ้าเคืองใจว่าข้าเผด็จการ บังคับใจเจ้า ข้าก็ขอโทษ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มคุ้นๆ ว่าเหตุการณ์อย่างนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือเขาโมโหแทบตาย ตั้งใจว่าพอเจอหน้า
พอมีโอกาสก็จะกราบทูลด้วยถ้อยคำแรงๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาให้เด็ดขาดไปสักคำ ไม่ว่าจะทำให้กริ้ว
หรืออาจจะต้องโดนพระอาญาก็ไม่กลัวทั้งนั้น ขอเพียงให้พระองค์ทรงเลิกทำสิ่งที่เขาไม่ชอบได้
แต่พอเจอเข้าจริงๆ แค่พระองค์รับสั่งว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาคำเดียวเขาก็พูดอะไรไม่ออก

เขารู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมแล้ว จะไม่ยอมอีกต่อไป

“อย่าทรงทำอย่างนี้อีกได้ไหมพระเจ้าค่ะ” เขาทนไม่ได้ “อย่าทรงซื้ออะไรประทานให้กระหม่อมอีก”

แม้อยากจะพูดอะไรมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็สรุปได้สั้นๆ แค่นี้ และทั้งที่แค่รับปากเขามาก็สิ้นเรื่อง
อีกฝ่ายกลับทรงทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

“ข้าทำลายศักดิ์ศรีของเจ้าหรือ”

แทงเข้ามาแล้ว กระบี่ที่เอาแต่ต้านรับ แต่ไม่เคยแทงมาที่เขาเลยเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้แทงเข้ามาแล้ว แรง ลึก
และพุ่งตรงถึงกลางใจโดยที่เขาไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้เลย

ตอนที่พระองค์ยังไม่พูด เขายังไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากถึงขนาดนี้เลยแท้ๆ

จะพูดทำไม

“ขอโทษ ฟีเรียส” พระองค์ทรงทราบว่ารับสั่งตรงไปตรงมาเกินไป ระหว่างพระองค์กับเขา
ยังไม่สมควรจะรับสั่งอย่างเปิดเผยถึงขนาดนี้ได้ เรื่องนี้พระองค์ทรงผิดอย่างไม่อาจแก้ตัว

“กระหม่อมไม่ใช่ผู้หญิง” ชายหนุ่มตัดสินใจกราบทูล

“ข้าก็ไม่ได้คิด...”

“แต่กระหม่อมก็รู้ตัวว่าคิดมาก หากฝ่าบาทไม่ทรงทราบ กระหม่อมก็ขอกราบทูลว่ากระหม่อมจริงจังกับเรื่อง... การให้ มาก
หากไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กระหม่อมก็ไม่อยากให้ใครมาจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไรให้ แม้แต่กับเพื่อนสนิท
กระหม่อมก็ยอมรับได้แค่เป็นบางครั้ง ถ้าเป็นของที่ไม่มีราคามาก แต่สำหรับฝ่าบาท
กระหม่อมไม่ได้มีความดีความชอบอะไร ซ้ำยังเป็นแค่ลูกหนี้ ไม่ควรรับอะไรจากฝ่าบาทเลย
เท่าที่ประทานพระกรุณาสอนวิชากระบี่ให้โดยไม่ทรงเรียกอะไรตอบแทน กระหม่อมก็ซาบซึ้งในพระกรุณามากพระเจ้าค่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่เจ้าชายรามิเรสจะตรัสถามพระสุรเสียงเบา

“ที่เจ้าว่าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิง ข้าทำอะไรให้เจ้าคิดอย่างนั้น แค่ซื้อของให้เท่านั้นหรือ”

ฟีเรียสอึกอัก สำนึกเสียใจที่พูดออกไปเช่นนั้น ชายหนุ่มอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะพูดออกไปส่งๆ
ว่าแค่เรื่องซื้อของเรื่องเดียว หรือจะพูดออกไปให้หมดเปลือกดี ถ้าเป็นอย่างแรก
คนฉลาดอย่างเจ้าชายรามิเรสอาจจะไม่ทรงเชื่อ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง มีหวังคงจะมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป

“พูดมาเถอะ ข้าให้สัญญากับเจ้า ว่าจะรับฟังอย่างมีเหตุผล” หยุดไปครู่จึงรับสั่งเพิ่ม “และไม่โกรธ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตร สะท้านใจขึ้นวูบหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายแย้มพระสรวลปรานี
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดเผยความรู้สึกจนหมดเปลือก

“กระหม่อมไม่ทราบว่าฝ่าบาททรง... มีเมตตาอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้วหรือไม่
แต่กระหม่อมรู้สึกว่าไม่ปกติพระเจ้าค่ะ นอกจากเรื่องซื้อของให้ ฝ่าบาทยังทรงทำเหมือน”
คนฟังคงไม่ทรงทราบว่าเขาต้องใช้แรงใจมากมายเพียงใด กว่าจะเอ่ยคำนั้นออกมาได้ “เหมือนหึงหวงกระหม่อม”

ไม่ต้องมีคำอธิบาย คนฟังก็ทรงทราบว่าพระองค์ทรงทำตอนไหน

“แล้วยังเรื่อง ผ้าเช็ดหน้า” คำราชาศัพท์ว่ายังไงเขาไม่รู้ “กระหม่อมตกใจมาก”

ฟีเรียสไม่รู้ตัว ว่าถึงเขาจะไม่ใช่คนผิวขาวจนหน้าแดงเมื่อรู้สึกเขินอาย แต่สีหน้าเก้อกระดาก
แบบยังไม่หายจากอาการ ‘ตกใจมาก’ ทั้งยังเบือนสายตาหลบสายพระเนตรแบบนี้กลับทำให้
คนทอดพระเนตรมองอยู่ทรงรู้สึกว่า ‘น่ารัก’ และแย้มพระสรวลอย่างพึงพระทัยออกมาได้
ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องเครียด และพระองค์ก็ทรงรับฟังอย่างจริงจังแลหนักพระทัยไม่แพ้กัน

“ฝ่าบาททรงทำเหมือนกระหม่อม... เป็นผู้หญิง”

ที่จริงแล้วยังมีเรื่องยิบย่อยอื่นอีก แต่หลักๆ ก็มีแค่สองเรื่องนี้ คือตอนที่ตรัสถามเขาเรื่องผู้หญิง
กับตอนที่ทรงเช็ดคราบเหนียวๆ ประทานให้

ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้ามาเยือนอีกแล้ว ฟีเรียสไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยรึเปล่า
ถึงได้มีความอดทนต่ำกว่าอีกฝ่ายอยู่เสมอ แต่เขาทนความเงียบแบบนี้ต่อไปไม่ได้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มเลื่อนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืน แล้วคุกเข่าลงทั้งสองข้าง
ต่อหน้าเจ้าชายหนุ่มซึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้ถัดออกไปสามตัว

“กระหม่อมคงจะพูดตรงเกินไป หากทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ขอโปรดทรงลงพระอาญาพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวล

“อยู่กันสองคน ข้าจะสั่งใครได้”

“โปรดให้กระหม่อมลงโทษตัวเองก็ได้”

จริงจัง ฟีเรียสจริงจังเกินไป ทั้งสีหน้า สายตา น้ำเสียง ไปจนกระทั่งความคิด จิตใจ
เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ตัดสินพระทัยว่าจะไม่ทรงล้อเล่นกับเขาอีก โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้

คนอายุน้อยกว่ากระถดเข่าถอยเมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงลุกจากเก้าอี้มาตรงหน้า แล้วก้มองค์ลงหมายจะประคอง
ต่างฝ่ายต่างชะงักไป ฟีเรียสรู้ว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ได้กราบทูลว่า
ทุกครั้งที่พระองค์ทรงแตะตัวเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
เขาจะใจเต้นแรงมากจนน่ากลัว แต่จะให้กราบทูลตอนนี้มันก็...

“ลุกขึ้นเถอะ”

ฟีเรียสแค่เงยหน้า

“เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มกัดฟัน เขาไม่ได้คิดจะปัดความผิดไปให้ และถ้าไม่ได้ทรงรู้สึกว่าพระองค์ผิดจริง ก็ไม่ควรจะรับสั่ง

“ฝ่าบาททรงทำอะไรผิดหรือพระเจ้าค่ะ”

เขาเกลียดที่สุด คนที่สักแต่ว่าขอโทษ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร

“ผิดที่บีบบังคับให้เจ้าต้องมาคุกเข่าอยู่อย่างนี้ ผิดที่ทำตามใจตัวเอง ทำให้เจ้าคิดมากและรู้สึกไม่ดี”

ฟีเรียสอยากรู้เหลือเกิน อยากได้คำขยายความ ว่าทรงหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ทำตามใจตัวเอง’
แม้แต่เรื่องเช็ดมือให้เขานั่นก็ด้วยหรือ เคยทำอย่างนี้ให้ใครมาก่อนรึเปล่า
หรือเขาแสดงออกตอนไหนว่ารู้สึกพิเศษกับพระองค์ จึงได้ทรงกลั่นแกล้ง ทำกับเขาเหมือนผู้หญิง

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ” เขาไม่ได้หมายความตามที่พูด แต่วันนี้เขาเหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไรอีก
ไม่อยากจะอยู่ในห้องเดียวกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนให้หัวใจว้าวุ่นสับสนยิ่งกว่านี้

“ขอเพียงฝ่าบาทประทานอภัยให้ที่กระหม่อมบังอาจกราบทูลอย่างตรงไปตรงมา
และทรงยอมรับปากกระหม่อมว่าจะไม่ทรงซื้ออะไรให้กระหม่อมอีก
แล้วก็... รับสั่งให้กระหม่อมสบายใจสักนิดว่าฝ่าบาทเพียงแต่เมตตากระหม่อม
เหมือนอย่างที่เมตตาคนอื่น กระหม่อมคิดมากไปเองทุกเรื่อง ก็จะเป็นพระกรุณาแก่กระหม่อมมากพระเจ้าค่ะ”

“ทุกอย่างที่ข้าทำกับเจ้า ข้าไม่ได้คิดอะไรพิเศษเลย”

ฟีเรียสใจหาย

“ถ้าข้าบอกเจ้าอย่างนั้น เจ้าจะเชื่อข้าหรือ”

คนฟังใช้สมองส่วนที่ยังพอมีสติคิดอย่างจริงจัง แล้วทูลตอบหนักแน่น

“เชื่อพระเจ้าค่ะ” เขาจะเชื่อจริงๆ

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลฝืด “ขอโทษ” ไม่รู้ว่าวันนี้พระองค์รับสั่งคำนี้มากี่ครั้งแล้ว กับคนคนเดิม
ทั้งที่ปกติแทบจะไม่เคยรับสั่งกับใคร “ถึงเจ้าจะเชื่อข้า แต่ข้าคงเชื่อคำพูดตัวเองไม่ลง”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ทั้งที่ยังไม่ทันเข้าใจความหมายดี หัวใจไม่รักดีก็ชิงเต้นแรงไปก่อนแล้ว

“ข้ารับปาก ว่าจะไม่ยัดเยียดอะไรให้เจ้าอีกถ้าเจ้าไม่เต็มใจ แต่เรื่องเสื้อผ้านี่ขอให้รับไว้
ไปพักผ่อนเถอะ พักห้องที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องที่เจ้าพักคราวก่อน”

ฟีเรียสลุกขึ้นยืน ทั้งที่เขาได้พูดอะไรออกไปมากมาย แต่แทนที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น สบายใจยิ่งกว่าเดิม
กลับมีเรื่องไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แทนที่คืนนี้จะนอนหลับ แต่แค่ยังไม่ทันได้นอนก็เดาได้เลย
ว่าเขาคงหลับไม่ลงทั้งคืน ถึงกระนั้นปากก็ยังพูดออกไปเอง

“ฝ่าบาทเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ข้าจะออกไปเดินเล่นสักพัก”

“กระหม่อมจะตามไปถวายอารักขา”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล มองสีหน้าที่เห็นชัดว่าทั้งสับสนและอ่อนเพลียนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า
เพราะอย่างนี้ไงล่ะ พระองค์ถึงได้... ลืมไม่ลง

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว จะนั่งอยู่นี่ เจ้าขึ้นไปก่อนเถอะ”

“... กระหม่อมจะต้มน้ำร้อนถวาย”

“ขอบใจ แต่คืนนี้ข้าอยากจะอาบน้ำเย็น”

ฟีเรียสเข้าใจ เขาคิดว่าสำหรับคืนนี้ น้ำเย็นคงจะดีกว่าจริงๆ เรื่องสุดท้ายก็คือ

“กระหม่อมคิดว่าจะซักเสื้อผ้า” ชายหนุ่มเว้นวรรคไปนาน และเจ้าชายรามิเรสก็ทรงรอคอยอย่างอดทน

“ขอผ้าเช็ดหน้าของฝ่าบาทด้วยพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงนิ่งไปครู่ ก่อนจะทรงหยิบซับพระพักตร์เปื้อนๆ ผืนนั้นออกมายื่นประทานให้คนที่ยืนทำหน้าเคร่งอยู่
ฟีเรียสไม่รู้ ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงทราบความลับของเขาเสียแล้ว

หน้าตึง มองตรง แต่หลบตาแบบนี้แหละ... อาการเขิน




ฟีเรียสที่เพิ่งได้หลับไปไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนรุ่งสางตื่นแต่เช้าเพื่อขี่ม้าลงไปซื้อของที่ตลาด เมื่อกลับมาถึง
เขาก็เห็นเจ้าของวรองค์สูงโปร่งในฉลองพระองค์สีฟ้ายืนรออยู่ตรงลานหน้ามุขรูปครึ่งวงกลม
แสงแดดอ่อนยามเช้าจับพระพักตร์ขาวสะอาดให้แลดูชวนมองจนเขาใจเต้นได้เช่นเคย
นักเรียนองครักษ์หนุ่มนำม้าไปเก็บที่คอก ก่อนจะถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักและเนื้อไปเผชิญหน้ากับคนที่ยืนรออยู่

“เจ้าจะทำอาหารหรือ”

แม้จะดูไม่ค่อยออก แต่ฟีเรียสก็อุตส่าห์มองเห็นว่าสีพระพักตร์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ดูคล้าย
คนพักผ่อนไม่เพียงพออยู่เหมือนกัน นั่นทำให้เขารู้สึกดี คำคำหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด... เสมอกัน

“พระเจ้าค่ะ”

หลังจากนอนคิดมาทั้งคืน ฟีเรียสก็ตัดสินใจได้ ว่าสองวันนี้เขาจะตั้งใจ ‘เรียน’
และตักตวงวิชาความรู้จาก ‘รุ่นพี่’ ให้ได้มากที่สุด

เขาชอบเจ้าชายหก ถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่เขาจะไม่ชอบมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไม่ว่าพระองค์จะเคยทรงทำอะไรให้เขาหวั่นไหว เขาจะพยายามลืมมันไปเสีย
จะไม่เก็บเอามาคิดอีก แม้มันจะยาก แต่เขาจะพยายาม จะไม่ห้ามตัวเองไม่ให้ชอบ แต่ก็จะไม่ชอบมากขึ้น

แบบนี้แหละดีแล้ว

เมื่อคืน เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงตอบคำถามเขา สุดท้ายเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่า
พระองค์ทรงคิดอะไรกับเขาเป็นพิเศษหรือไม่ รู้สึกยังไงกับเขา
แม้ฟีเรียสจะห้ามความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้ แต่เขาบังคับการกระทำของตัวเองได้
พ้นจากสองวันนี้ไป เขาจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก หรือหากรู้ว่าเจ้าชายรามิเรสประทับอยู่ที่ไหน
หลีกได้เขาก็จะหลีก เลี่ยงได้เขาก็จะเลี่ยง

เจอกันแค่ตอนที่เขาเก็บเงินได้มากพอจะเอามาทยอยใช้คืนโดยไม่ต้องอายว่ามันเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป

จนอาจทำให้เจ้าชายหกทรงดูถูกเขาได้ก็พอ

   สองวันที่เหลือนั้นหนึ่งเจ้าชายกับหนึ่งนักเรียนองครักษ์อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ฟีเรียสทำอาหาร ต้มน้ำร้อน
ผสมน้ำอุ่นถวาย ตอบแทนที่เจ้าชายหนุ่มทรงสอนวิชาให้ ส่วนเจ้าชายรามิเรสก็
ไม่ได้ทรงทำหรือพูดอะไรให้ ‘รุ่นน้อง’ ต้องหวั่นไหวอีก

คนอายุน้อยกว่าขอทูลลากลับในตอนบ่ายของวันหยุดวันสุดท้าย
ฟีเรียสใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่มาวันแรกและไม่ได้เอาเสื้อผ้าที่เจ้าชายรามิเรสทรงซื้อประทานให้
กลับไปแม้แต่ชุดเดียวแม้ว่าจะซักเรียบร้อยแล้วทุกชุดก็ตาม

“ซ้อมกับข้าสักรอบก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”

ฟีเรียสไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เขายินดีทีเดียว และยิ่งตื่นเต้นเมื่อเจ้าชายหกทรง ‘รุก’ เป็นครั้งแรก
ที่ผ่านมาทรงสอนเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายรุกที่ดีขึ้น โดยพระองค์ทรงเป็นฝ่ายรับตลอด
ฟีเรียสจึงเพิ่งประจักษ์ว่าฝีมือในการรุกของพระองค์ยังยอดเยี่ยมกว่าการรับเสียอีก

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงสอนอะไรเขาเลย แต่ฟีเรียสก็ยินดีจะเรียนรู้เอาเอง
ชายหนุ่มมีเวลาเรียนรู้เพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายทรงทำให้เขาแพ้หลุดลุ่ยภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
ซ้อมจบยังรับสั่งเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกระบี่

“ถ้าข้าบอกเจ้าว่า ข้ารู้สึก... พิเศษ กับเจ้า เจ้าจะว่ายังไง”

คนที่ยังก่นด่าฝีมืออันย่ำแย่ของตัวเองไม่เลิกถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ
และคนตรัสถามก็ทรงรออย่างใจเย็นได้จนกระทั่งเขาหายงง

“กระหม่อมจะขอให้ฝ่าบาททรงลืมพระเจ้าค่ะ แล้วก็ทรงคิดถึงพระคู่หมั้นให้มากๆ”

ฟีเรียสรู้ว่าเขาบังอาจสั่งสอนเจ้าชายอีกแล้ว แต่เขาไม่ลืมว่านี่คือ ‘ถ้า’ เพราะฉะนั้น
ความรู้สึกพิเศษของเจ้าชายรามิเรสไม่มีอยู่จริง

แม้ว่าสิ่งสมมตินั้นจะทำให้เขาใจเต้นแรงขนาดต้องก่นด่าตัวเองอย่างดุเดือดว่าไม่รักดีไปอีกรอบก็ตาม

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงนิ่งเงียบไปนานอย่างที่ฟีเรียสคิดไว้ไม่มีผิด แต่ไม่เป็นไร เขารอได้
เพราะต่อไปคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

“วันหยุดคราวหน้า ข้าจะมารอเจ้าที่นี่”

สีหน้าของนักเรียนองครักษ์หนุ่มขรึมขึ้น รอจังหวะที่จะได้กราบทูลว่า กระหม่อมจะไม่มาอีก แต่เขาไม่มีโอกาสได้พูด

“ข้าไม่ได้บังคับ แต่ถ้าเจ้าอยากจะรู้วิธีเอาชนะข้าให้ได้ และอยากจะรู้คำตอบว่าข้ารู้สึกยังไงกับเจ้า ก็ขอให้มา แล้วข้าจะบอก”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง ไม่มีใครบอกเขา เขารู้ได้เองว่าเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกทรงเป็นเจ้าชายที่พระทัยดี
แต่เขาเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมา เขาคิดเองเออเอง




เบื้องหลังรอยยิ้มปรานีที่เห็นอยู่ตรงหน้า ช่างเลวร้ายสิ้นดี!



tbc.

*************************************************

เคลียร์กันเข้าใจแล้ว (?) ในระดับนึง... เนอะ (รึจะไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิมหว่า)
แต่ก็มีัพัฒนาการเพิ่มขึ้นละหน่า...

ส่วนตัวคิดว่าถ้าเทียบความ 'เยอะ' เนี่ย ฟีเรียสน่าจะเยอะกว่าเยอะนะคะ 555

พบกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและความคิดเห็นค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-03-2014 18:54:05
สองคนเนี่ย เยอะ ปากแข็ง เจ้าเล่ห์เพบุบาย(เฉพาะองค์ชาย) สารพัดจะหาคำจำกัดความ
แต่ก็มีพัฒนาล่ะนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-03-2014 19:09:12
เจ้าชายเริ่มชัดเจนละ เหลือแต่ฟีเรียสนี่แหละ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 11-03-2014 19:37:51
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-03-2014 19:40:52
เราเข้าใจฟีเรียสนะ

นอกจากต่างฐานันดรแล้วยังเรื่องเพศเดียวกันอีก ถึงแม้มันจะเป็นแค่นิยายก็เถอะ แต่นิยายก้ต้องมีอิงสถานการณ์จริงให้อ่านแล้วดู make sense ฟีเรียสถึงได้พยายามมากจะไม่ให้สิ่งที่ไม่ควรในความคิดตัวเองเกิด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-03-2014 20:22:42
เป็นความรู้สึกที่อึดอัดจริงๆ
ว่าแต่ เปิดไฟคือจุดเทียนใช่มั้ยเอ่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-03-2014 20:35:30
ยังอึมครึมต่อไป  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-03-2014 21:08:58
เจ้าชายทรง'รุก'เก่ง จริงๆด้วยเพคะ

แต่จะเอาชนะฟีเรียสที่ตั้งรับเหนียวแน่น ซะขนาดนี้ ได้หรือเปล่าหนอ

 :pig4: นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 11-03-2014 21:11:20
โฮะๆๆๆ o18
เจ้าชายสู้ๆ นะ
ฟีเรียสนี่ก็จริงจังจริงๆ :เฮ้อ:
มันช่างเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เหนื่อยที่จะได้อ่านเรื่อยๆ เช่นกัน
มาต่ออีกนะคะ น่าร้ากกกกก........ทั้งคู่เลย
ฟีเรียส ซึนได้น่ารักมาก... :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-03-2014 21:15:48
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 11-03-2014 21:34:57
อย่างน้อยคนนึงก็กล้าพูดความรู้สึกที่พิเศษนี่ออกมา


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-03-2014 21:40:32
เข้าใจฟีเรียสนะที่เป็นแบบนี้ แต่ไงก็ลุ้นต่อไปนะ ความสัมพันธ์มันค่อยๆดีขึ้นนี่นา :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 11-03-2014 22:36:00
เจ้าชายเจ้าเล่ห์มากนะคะ ดักทางกันน้องหนูไม่มาเรียบร้อยเชียว
แล้วอย่างงี้ฟีเรียสจะทำยังไงต่อไปหละเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-03-2014 23:33:41
พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมานิดหนึ่ง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 11-03-2014 23:53:58
เจ้าชายหกเริ่มรุกครั้งแรกล่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 12-03-2014 00:22:04
ฟีเรียสอ่ะเยอะ เจ้าชายก็ทรงไม่ยอมรับความจริง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-03-2014 03:20:13
วันหยุดคราวหน้าขอให้เจ้าชายทรงแน่พระทัยก่อนนะเพคะ แล้วเอาให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ฟีเรียสจะได้เลิกคิดเยอะสักที  :katai2-1:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 13-03-2014 09:45:56
เหมือนจะเคลียร์ แต่ยังไม่เคลียร์ค่ะไรท์ โฮกกกกก
เจ้าชายยยยยยยย มั่นใจหน่อยค่าาาา
ฟีเรียสคิดเยอะ มันก็ควรไหมอ่าแบบว่า....ก็เขานะเจ้าชาย เรามันปุถุชน
มาต่อไวไวนะคะไรท์ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-03-2014 08:54:12
เราชอบเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ มันแบบ

โอย เรื่อยๆแต่ก็แซ่บในตัวค่ะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 20-03-2014 10:16:53
วันนี้จะมาไหนน้อ  คิดถึงคนหน้ามึนทั้งสองคน :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 20-03-2014 10:59:53
อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-03-2014 14:59:18
จับกดไปเถอะค่ะ จะได้ไม่เดือดร้อนชาวโลก(ม่วง) ..ลุ้นจะแย่อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-03-2014 18:11:50
ตายๆๆ อาทิตย์หน้าจะมาไหม กล้าไหมฟีเรียสสส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-04-2014 13:55:41
ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ.. :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 01-04-2014 14:56:12
บทที่ ๑๔

คุณชายเล็กแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมไม่ได้ไปไหน ธรรมเนียมการไปเที่ยวยกครอบครัวทุกปีนั้นมีอยู่จริง
แต่ยังอีกสองเดือนกว่าจะถึงกำหนด วันหยุดสามวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาไปกับการหาความสำราญ
ให้ตัวเองอย่างเต็มที่และเจียดเวลาส่วนหนึ่งไว้คิดบทพูดที่มั่นใจว่าจะได้พูดแน่ๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะได้พูดเร็วกว่าที่คิด

“อธิบายมา”   

อธิบายกันตอนตีสอง ถึงจะเมากรึ่มมาก็สร่างได้ทันทีเหมือนกัน
ที่จริงแล้วมิทรอสใกล้สร่างตั้งแต่เห็นคนสนิทยืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ที่หน้าประตูบ้านและบอกว่า

“องค์ชายหกเสด็จมารอท่านตั้งแต่ห้าโมง”

เข้าบ้าน ยังไม่ทันได้แก้ตัว บิดาซึ่งยืนหน้าถมึงทึงอยู่ในห้องโถงรับแขกก็สั่งเขาเสียงห้วน

“รีบขึ้นไปเลย  ทรงรออยู่ที่ห้องทำงาน”

มิทรอสมองสบตามารดาซึ่งนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักแวบหนึ่ง
ยิ้มให้เป็นเชิงปลอบใจว่าไม่มีอะไรร้ายแรง แล้วก็ต้องรีบขึ้นไปยังชั้นบนแทบไม่ทัน
เมื่อเห็นบิดาถลึงตามองอีกหน เขาคิดว่าเจ้าชายรามิเรสคงไม่ได้พระทัยร้ายขนาด
ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องทุกข์ใจไปด้วย เพียงแต่ถ้าเจ้าชายพระองค์หนึ่งเสด็จมาถึงบ้าน
แล้วรับสั่งว่าจะทรงรอโดยไม่บอกว่ามีธุระสำคัญอะไรกับลูกชาย พ่อแม่ที่ไหนต้องต้องร้อนใจเป็นธรรมดา




“กระหม่อมไม่ได้บอกใครพระเจ้าค่ะว่าจะไปเที่ยวที่หอฟลาว...”

“มิทรอส” คนประทับหลังโต๊ะทำงานที่ตอนนี้ดูไปดูมาเหมือนบัลลังก์ผู้พิพากษาตรัสเรียกพระสุรเสียงเย็น

“อธิบายมา”

อ้อ... เขาเข้าใจล่ะว่าเรื่องอะไร ถึงจะซ้อมมาแล้วสองรอบก็ใช่ว่าจะพูดกันได้คล่องๆ
ต้องรวบรวมสติอยู่ครู่กว่าจะกราบทูลได้

“กระหม่อมเห็นว่าช่วงนี้ฝ่าบาทดูทรงเหน็ดเหนื่อย แต่ที่กรมก็ไม่มีเรื่องด่วน
หรือเรื่องใหญ่พิเศษให้ต้องทรงเครียด เลยเดาเอาว่าฝ่าบาทคงจะทรงเหนื่อย
ที่ต้องเสด็จไปไหนมาไหนกับพระคู่หมั้นบ่อยๆ รสนิยมของอันธียาไม่ต้องพระทัยฝ่าบาทเลยสักอย่าง
ถึงได้กราบทูลให้เสด็จไปทรงพักผ่อนที่บ้านริมผา จะได้ทรงห่างจากนางบ้าง ผู้หญิงมีสองประเภท
ประเภทแรกคือทำให้เราอยากจะอยู่ด้วยตลอดเวลา ถึงไม่ได้ทำอะไรแค่ได้เห็นหน้าก็ชื่นใจ
อีกประเภทคือต้องนานๆ เห็นทีถึงจะรู้สึกดี กระหม่อมว่าพระคู่หมั้นของฝ่าบาทเป็นประเภทหลัง...”

“มิทรอส”

“พระเจ้าค่ะ” หรือจะรับสั่งให้เขานั่ง เพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้นั่ง
ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงไม่ต้องรอให้ทรงอนุญาต

“นั่นเจ้าบอกข้าไปแล้ว” และพระองค์ก็ไม่โปรดให้เขาวิจารณ์ผู้หญิง
แม้ว่า... มิทรอสจะพูดถูกทุกอย่างก็ตาม

“พูดมาสั้นๆ เจ้าหลอกฟีเรียสไปที่นั่นทำไม”

“เผื่อเขาจะทำให้ฝ่าบาททรงมีความสุขได้พระเจ้าค่ะ”

สั้น... จริงๆ แม้จะทรงคิดมาตลอดหลายชั่วโมงจนถึงตีสอง
แต่เจ้าชายรามิเรสก็ไม่ได้ทรงคาดว่าพระสหายจะทูลตอบเช่นนี้

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น” พระสุรเสียงทั้งเรียบ และเบา

“กระหม่อมเห็นฝ่าบาททรงออกงานกับอันธียาทีไร สายพระเนตรก็ดูมองไปไกลเกินหน้านางทุกที
เหม่อบ่อย ดูหมกมุ่นเหมือนคนมีปัญหาคิดไม่ตก และเท่าที่กระหม่อมทราบ
ปัญหาที่ค้างคาพระทัยฝ่าบาทอยู่ก็มีแค่เรื่องนักเรียนองครักษ์คนนั้น
ถ้าได้ทรงพบกับเขาอีกครั้ง อาจจะทรงได้คำตอบ”

“ข้าได้คำตอบแล้วตั้งแต่คราวก่อน” ว่าพระองค์ไม่ทรงมีอารมณ์

“จนถึงตอนนี้คำตอบก็ยังไม่เปลี่ยน” ไม่ได้มีความปรารถนาในเชิงกามารมณ์กับนักเรียนองครักษ์ผู้นั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“กระหม่อมขอประทานอภัย” เขาดูผิดไปจริงๆ

“เรื่องอะไร”

“ที่กระหม่อมคิดเอาเองว่าฝ่าบาทอยากจะพบเขา”

“...”

“คราวก่อนตอนที่ฝ่าบาทรับสั่งถึงเรื่องนี้ ฝ่าบาทรับสั่งเหมือนมีพระประสงค์จะพบเขาอีก”

“นั่น... เจ้าก็ดูไม่ผิด” แม้จะไม่ง่ายนักที่จะยอมรับ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ “ทำไมถึงไม่บอกข้าก่อน”

“หากทูลบอกก่อน ฝ่าบาทจะทรงมีเวลาตั้งตัวพระเจ้าค่ะ จะไม่ทรงทราบว่าความรู้สึกแรก
ตอนที่ทรงพบกับเขาอีกครั้งเป็นยังไง ถ้าทรงทราบล่วงหน้าว่าจะได้พบ
ต่อให้ทรงลำบากพระทัยก็อาจจะยังประทับอยู่ที่นั่น แต่หากมันกะทันหัน
ก็มีแนวโน้มว่าจะทรงทำตามความรู้สึกของพระองค์เอง ถ้าไม่โปรด ถ้าลำบากพระทัย ก็คงจะเสด็จกลับ”

สีหน้าของคนที่มีกลิ่นของมึนเมาติดตัวมีแววคลางแคลง สายตาที่คอยจับสังเกตสีพระพักตร์ไว้ไม่ให้คลาด
ก็ดูเฉียบคมแทบไม่ต่างจากเวลาที่มีสติสมบูรณ์พร้อม และคนถูกมองก็ทรงทราบดีว่าถูกสงสัย
พระองค์ยังทรงจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี

“ข้าดีใจที่ได้พบเขา”

“ฝ่าบาททรงมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา” คุณชายหนุ่มทูลถามเป็นประโยคบอกเล่า
และถือโอกาสอนุญาตให้ตัวเองนั่งลงบนชุดเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตัวเองที่ตอนนี้ถูกอีกฝ่ายทรงยึดครองไปชั่วคราว

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบ มีความสุขหรือ... ก็ไม่เชิง เรียกว่ารู้สึกมีชีวิตชีวาน่าจะดีกว่า

มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“อย่างน้อยก็คงจะทรงเปรียบเทียบได้ ระหว่างตอนที่ประทับอยู่กับอันธียา กับตอนที่ประทับอยู่กับฟีเรียส”

เจ้าชายหนุ่มทรงขมวดพระขนง สีพระพักตร์บ่งบอกความรู้สึกเคร่งเครียด

“ทำไมต้องเปรียบเทียบกับอันธียา”

“อ้าว” มิทรอสคิดว่าเขาไม่เมา แต่เริ่มไม่แน่ใจตอนได้ยินคำถามนี่เอง ไม่เปรียบกับอันธียาแล้วจะให้เขาเปรียบกับใคร

“ฝ่าบาททรงมี... ผู้หญิงคนอื่นนอกจากอันธียาหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก็เปรียบกับเจ้า”

คุณชายหนุ่มสะดุ้ง

“ฟีเรียสเป็นผู้ชาย ทำไมต้องเปรียบเทียบเขากับอันธียา”

“เพราะว่าสถานภาพของเขาน่าจะใกล้เคียงกับอันธียามากกว่ากระหม่อมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งไป พระองค์ทรงเข้าพระทัย ถึงกระนั้นก็ยังรับสั่ง

“อธิบาย”

“ฝ่าบาทพอพระทัยเขา” นี่ก็คำถาม

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงพยักพระพักตร์

“แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนแบบกระหม่อม”

“...อาจจะในฐานะรุ่นน้องร่วมโรงเรียนก็ได้ ข้าเพิ่งออกปากว่าจะสอนกระบี่ให้เขาไป”

ถึงคราวมิทรอสเป็นฝ่ายนิ่งเงียบบ้าง สีหน้าของคุณชายหนุ่มออกจะแปลกใจ แต่ก็สงสัยระคนกัน

“ถ้าอย่างนั้นข้อสันนิษฐานของกระหม่อมก็คงจะผิดหมดพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่วพระพักตร์

“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทพอพระทัยเขาในฐานะ... ผู้ชายที่ทำให้ฝ่าบาททรงมีความสุขได้
แบบเดียวกับที่ผู้ชายทั่วไปรู้สึกกับผู้หญิงที่พอใจ แต่ถ้าฝ่าบาทพอพระทัยเขาในฐานะที่รุ่นน้อง
หรือในฐานะนักเรียนองครักษ์คนหนึ่งที่มีความประพฤติดี ก็ไม่มีอะไรต้องทรงกังวลพระเจ้าค่ะ
ในเมื่อเขาพร้อมจะลืมเรื่องคืนนั้น ขอเพียงฝ่าบาทไม่ทรงใส่พระทัยเช่นกัน
ฝ่าบาทก็คงจะทรงพบกับเขาได้อย่างปกติ เหมือนกับที่ฝ่าบาทโปรดที่จะทรงคบหากับกระหม่อม... เป็นแบบเดียวกัน”

แบบเดียวกันหรือ... ไม่ใช่หรอก และคงไม่มีวันเป็นไปได้

“เจ้าเมามาหรือ”

“สร่างแล้วพระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็ไปเอาเหล้ามากินต่อไป”

“แก้วสองใบนะพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงชะงักไปวูบหนึ่ง “อืม” ก็แค่นึกถึงคนที่ชอบเอาแก้วมาแค่ใบเดียวขึ้นมาได้

หลังจากเจ้าชายรามิเรสทรงย้ายที่ประทับมาเป็นที่ชุดเก้าอี้บุผ้าฝ้ายตัวใหญ่นุ่มหน้าโต๊ะทำงาน
พระองค์ก็ดื่มน้ำจัณฑ์กับเจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้ามไปเงียบๆ เรื่อยๆ
จนสุราฤทธิ์แรงหมดไปครึ่งขวดแต่สีพระพักตร์ยังไม่เปลี่ยน แม้แต่สายพระเนตรก็ยังคงแจ่มใส

“เขาเป็นนักเรียนองครักษ์ที่รักศักดิ์ศรีมาก ข้อนี้เจ้าพอจะรู้ไหม”

คนที่คอแข็งพอกันยกยิ้มนิดๆ

“ทราบพระเจ้าค่ะ” ถึงจะเคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง ครั้งละไม่นาน
แต่นิสัยเช่นนั้นของชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาถึงแปดปีก็ชัดเจน

“เขาบอกว่าข้าทำลายศักดิ์ศรีของเขา” ถึงประโยคนั้นพระองค์จะเป็นคนรับสั่ง
แต่ฟีเรียสก็ไม่ได้ปฏิเสธ และที่รับสั่งเล่า ก็ไม่ได้มีเจตนาจะเอามานินทา
เพียงแต่ต้องการคนฟัง และทรงทราบว่ามิทรอสจะไม่บอกใคร

คุณชายหนุ่มบ้านเสนาบดีกลาโหมเป็นผู้ฟังที่ดี แม้เรื่องที่ได้ฟังจะเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
แต่เขาก็เพียงแต่รับฟังเงียบๆ ไม่แสดงอารมณ์ สำหรับนักเรียนองครักษ์ผู้นั้น
เขาคิดว่านอกจากจะเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมาอย่างน่าทึ่งแล้วก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่
อารมณ์พลุ่งพล่านรุนแรงใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนสำหรับเจ้าชายรามิเรส เขาคิดได้เพียงประโยคเดียว

ว่าถึงขนาดนี้แล้วยังจะทรงสงสัยอะไรอีก

“มิทรอส”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าชอบผู้ชายคนไหนแบบเพื่อน ชอบผู้ชายคนไหนแบบ... อื่น”

“ถ้าไม่อยากกอดก็เป็นแบบเพื่อนพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าอยากกอด อยากนอนด้วยก็เป็นแบบคู่นอน”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่ง หลังจากทรงดื่มน้ำจัณฑ์อีกครึ่งแก้วที่เหลือจนหมดในคราวเดียวแล้วก็ยังทรงนิ่ง
เมื่อภายในห้องไม่มีใครอื่น คนที่เป็นถึงคุณชายจึงต้องทำหน้าที่รินถวายเพิ่มเสียเอง

“ข้ายังยืนยันว่าไม่อยากทำแบบนั้นกับเขา” ถ้าแค่รู้สึกดีตอนที่มีอีกฝ่ายอยู่ในอ้อมแขน บนเตียงเดียวกัน
แต่ไม่ได้นึกอยากทำอะไรมากกว่านั้น ก็คงไม่เรียกว่า ‘อยากกอด’ หรอกกระมัง

“อย่างนั้นฝ่าบาทก็คงแค่ถูกพระทัยในความรักศักดิ์ศรีของเขา และเสียพระทัยที่ทรงเป็นคนทำลายมันไป”

มิทรอสเป็นคนนอก มองสถานการณ์ได้เฉียบคมกว่า เจ้าชายรามิเรสทรงยอมรับว่าพระสหายพูดถูกทีเดียว
ตรงกับความรู้สึกของพระองค์มาก... แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด

“เจ้าคิดว่าเขาจะมานั่งกลุ้มใจอย่างข้ารึเปล่า”

“กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ” เผลอๆ อาจจะกลุ้มหนักกว่าเสียอีก ที่ต้องมาเจอกับคนที่ไม่รู้ใจตัวเอง

“แล้วคราวหน้า เขาจะมาไหม”

เขาไม่ใช่นักเรียนองครักษ์คนนั้น จะไปรู้ได้ยังไง แต่จะทูลตอบออกไปตรงๆ อย่างนั้นก็ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร

“เรื่องฝึกกระบี่น่าจะเป็นเรื่องรอง สำคัญที่ว่าเขารู้สึกยังไงกับฝ่าบาท ถ้าเขารู้สึกพิเศษกับฝ่าบาทมากพอ
เขาคงจะมาพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าไม่ ก็อาจจะไม่มา”

นั่นล่ะ... ที่พระองค์ปรารถนาจะทรงทราบเป็นที่สุด พิเศษ... รึเปล่า

“แต่ถ้าฝ่าบาททรงสงสารเขา กระหม่อมคิดว่าน่าจะทรงหาคำตอบให้เขาให้ได้เสียก่อนพระเจ้าค่ะ ว่าทรงรู้สึกยังไงกับเขา”

“ข้าก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น” เพราะสัญญาไว้แล้ว และพระองค์ไม่ใช่คนชอบผิดคำพูด

“ยังทรงมีเรื่องอะไรไม่สบายพระทัยอีกรึเปล่าพระเจ้าค่ะ”

“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเขาจะทำให้ข้ามีความสุข”

“ทูลตามตรง กระหม่อมก็ไม่ทราบ เพียงแต่คิดว่าคนที่อยู่ในความคิดของฝ่าบาทมาได้นานหลายเดือนแบบนี้น่าจะเป็นคนพิเศษ” 

คนที่ทอดสายพระเนตรออกไปเบื้องนอกอยู่นานทรงหันมามองพระสหายนิ่งอยู่ครู่
ก่อนจะทรงพยักพระพักตร์อย่างยอมรับว่าอีกฝ่ายฉลาด โดยเฉพาะเรื่องนี้ เขาฉลาดกว่าพระองค์



****************************


ฟีเรียสไม่มา เจ้าชายรามิเรสทรงรออยู่ถึงสองวันทั้งเสาร์และอาทิตย์
หากรวมเย็นวันศุกร์เข้าไปด้วยก็เกินสองวัน แต่นักเรียนองครักษ์ปีสุดท้ายผู้นั้นก็ไม่มา

แม้จะโปรดให้เรจินยกการงานที่คั่งค้างของพระองค์มาด้วย แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ทรง
ทำเสร็จไปตั้งแต่ตอนตีสามของคืนวันศุกร์ เพราะทรงคิดว่าหากฟีเรียสมา
พระองค์จะได้ทรงมีเวลาให้เขาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงกับเรื่องการงาน
แต่เอาเข้าจริง ก็เป็นแค่การทำให้พระองค์ทรงกลายเป็นคนว่างงานในอีกสองวันที่เหลือ

ฟีเรียสไม่มา พระองค์ยังทรงสุขสบายยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่ด้วยเสียอีก
พระกระยาหารแต่ละมื้อมีไม่ต่ำกว่าสี่อย่าง ทั้งรสเลิศและหน้าตาชวนกิน
ไม่ใช่มีแค่อย่างเดียวหรือสองอย่างและมักจะติดหวานอย่างที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มทำ
ทั้งยังมีผลไม้ที่ปอกเรียบร้อยแล้วให้เสวยตามหลังทุกมื้อ ไม่ใช่มีบ้างไม่มีบ้าง
และต้องทรงกัดเอง กัด... ไม่ใช่ปอก เพราะฟีเรียสกัดกินทั้งผล
พระองค์จึงต้องทรงทำตามราวกับว่าปกติเสวยแอปเปิ้ลโดยการกัดทั้งลูก
ไม่ใช่มีคนปอกใส่จานไว้ถวาย น้ำที่ใช้สรงก็อุ่นพอดี
ฉลองพระองค์มีคนตระเตรียมไว้ถวาย ไม่ต้องทรงเตรียมเอง
พระภูษาคลุมพระที่และคลุมบรรทมก็เปลี่ยนใหม่ทุกวัน ไม่ใช่ต้องทรงใช้ซ้ำกันตลอดสามวัน

อะไรก็ล้วนแต่ดีทั้งนั้น ไม่ดีอยู่แค่อย่างเดียว... คือพระอารมณ์

“งานสมโภชครบหนึ่งเดือนพระธิดาในเจ้าชายไคล์ ฝ่าบาทจะเสด็จหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เรจินหมายถึงงานเฉลิมฉลองที่ ‘เสด็จอา’ ของเจ้าชายหนุ่มทรงจัดขึ้นที่วัง
เจ้าชายรามิเรสทรงมีสัมพันธ์อันดีและค่อนข้างสนิทสนมกับพระอนุชาพระองค์นี้ของพระบิดา
และเจ้าชายไคล์ก็เพิ่งจะทรงมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียวเอาเมื่อตอนที่พระชนม์ล่วงเข้าสี่สิบพรรษาต้นๆ
อีกทั้งเจ้าของงานยังทรงส่งบัตรเชิญมาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนและเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ทรงออกโอษฐ์
กับหัวหน้ามหาดเล็กของวังนั้นว่าจะเสด็จไปให้ได้

“เจ้าเอาของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ไปถวายแทนข้า ทูลเสด็จอาว่าข้าติดงานสำคัญกะทันหัน
วันหลังจะไปเข้าเฝ้าขอประทานอภัยด้วยตัวเอง”

องครักษ์ประจำพระองค์ผิวเข้มร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะน้อมรับพระบัญชา
แม้ใจจริงจะอยากถวายความปลอดภัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ตระหนักว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่เขาซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์ประจำพระองค์จะต้องไปด้วยตัวเอง
เพราะเจ้าชายไคล์ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์องค์สำคัญ แต่เขาไม่คิดเลย

ว่านักเรียนองครักษ์ผิวเข้มร่างโปร่งผู้นั้นยังจะมีความสำคัญยิ่งกว่าเจ้าชายไคล์เสียอีก




“ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมไปตามตัวเขามาเข้าเฝ้าดีไหมพระเจ้าค่ะ”

เรจินเป็นญาติห่างๆ ฝ่ายพระมารดาของเจ้าชายรามิเรส จึงไม่แปลกที่เขาจะกล้าทูลถาม
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องระหว่างเจ้านายของตนกับฟีเรียสดี เพียงแต่เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าชายหนุ่ม
เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนพระองค์ แต่มาถึงตอนนี้จะไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว

นักเรียนองครักษ์ผู้นั้นปล่อยให้เจ้านายของเขาเสด็จมาทรงรอเก้อเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว

“ขอบใจ แต่ไม่ต้องตาม ถ้าเขาอยากจะมา เขาก็คงมาเอง”




ฟีเรียสไม่เคยมาอีกเลย แม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นเดือน



tcb.

*********************************

มัน... ไม่ง่าย

บางครั้งฟีเรียสก็ทำตัวยากไปเนอะ

ตอบคุณ lizzii - ที่ว่าเปิดไฟก็คือเปิดไฟแหละค่ะ สมมติให้สมัยนั้นมีไฟฟ้าใช้แล้วน่ะค่ะ
(ประมาณว่าในราชสำนักยุโรปโบราณก็มีแล้ว ถึงจะยังใช้ดาบใช้ธนูกันอยู่ก็ตาม)

ถัดจากเรื่องนี้ว่าจะอัพรวมเรื่องสั้น กับเปิดเรื่องใหม่เรื่องนึงค่ะ
(เก่ายังไม่จบ แต่ยังจะเปิดใหม่ หาเรื่องใส่ตัวสินะ 555)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 01-04-2014 15:47:44
เข้าใจว่าทำไมฟีเรียส ถึงไม่มา :z3:

องค์ชายแทนที่ท่านจะรอไปตามโชคชะตา ทำไมท่านไม่รุกให้จริงจังบ้าง

อยากได้เรื่องนี้แบบรวมเล่มจัง :m13: ตั้งความหวังรอนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-04-2014 18:29:41
เวรกรรม  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 01-04-2014 18:43:05
โถ ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองซะที มันก้ำกึ่งเกินไปหรอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-04-2014 19:32:26
ยังไงดีล่ะ สำหรับตอนนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-04-2014 19:32:36
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: mamajie ที่ 01-04-2014 19:50:25
 :katai5: :katai5: บางครั้งก็รู้สึกว่าองค์ชายหกวันโง่เง่า สิ้นดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-04-2014 20:16:42
เพราะฟีเรียสคิดว่า อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหวห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย รึป่าว..
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-04-2014 21:26:13
เขาไม่มาก็ลุยเลยสิเจ้าคะ อวค์ชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 01-04-2014 22:06:15
  o18  o18
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 01-04-2014 22:47:57
จะเรียกว่าซื่อหรือบื้อดีนะ ทั้งคู่เลย!!



แต่ก็รักอยู่ดี เฮ้ออออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-04-2014 10:52:52
ทำไมเราไม่แปลกใจ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 03-04-2014 13:38:46
ทำไมองค์ชายหกไม่แบบซื่อสัตย์กะตัวเองให้มากกว่านี้ ฮ๊อก
ฟีเรียสก็มาลองๆมาหาหน่อยจิสงสารองค์ชายอ่า
หรือฟีเรียสต้องการตัดใจ?
รอนะคะ เรื่องสนุกมากอ่า
องค์ชายมารอฟีเรียสทุกวันที่หน้าผา
โฮกกกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 03-04-2014 22:50:12
โถพ่อคุณ

 :z3: :z3: :z3:

คนอ่านลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วจ้า

มาเถอะนะฟีเรียสสงสารรามิเรส

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-04-2014 23:21:25
องค์ช้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตามหาหัวใจตัวเองได้แล้ว เอ่อยังไม่รู้ใจตัวเองนินา

ติ่ง..มิทรอส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 04-04-2014 01:19:55
และกว่าจะรู้สึกกันได้ คนอ่านคงแก่ก่อน #ประชดฟีเรียสที่มันคิดเยอะ ประชดองค์ชายที่ไม่ยอมรับความรู้สึกตนเอง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-04-2014 01:35:32
ฟีเรียสคงนั่งคิดเยอะเหมือนเคย  :z3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 08-04-2014 14:16:22
ฟีเรียสหาย !!!!
โดนลดบท ข้อหาเล่นตัว 55
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 09-04-2014 22:18:22
บทที่ ๑๕


“แปลก ทุกทีคุณชายเรียกเจ้าไปรับงานที่บ้าน ไม่ก็มาหาเจ้าที่นี่เองไม่ใช่หรือ คราวนี้นึกยังไงสั่งงานทางจดหมาย”

โรดีอัสถามอย่างแปลกใจ เมื่อเพื่อนสนิทซึ่งถูกตามตัวไปยังอาคารกลาง
กลับมาพร้อมจดหมายที่คนสนิทของคุณชายเล็กของบ้านเสนาบดีกลาโหมเป็นผู้นำมาให้

“เออ แต่จะว่าไปหลังๆ มานี่ก็ไม่ได้มาเองเลยนี่หว่า ใช้คนที่บ้านมาบอกตลอด”

ฟีเรียสไม่แปลกใจ เขาคิดว่าเขารู้ดีทีเดียวว่าเพราะอะไร
คุณชายมิทรอสกลัวว่าจะถูกถามเหตุผล นั่นเป็นความกลัวที่ถูกต้องแล้ว เพราะเขาถามแน่
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่คิดจะถามอีกแล้ว
ส่วนเรื่องเงินที่ตั้งใจว่าจะคืนให้เพราะไม่ได้ทำงานให้คุ้มเงิน ตอนนี้ก็ไม่คิดจะคืนให้แล้วเช่นกัน

“ไหนแกะดูซิ คราวนี้งานอะไร”   

ฟีเรียสเปิดซองออก หยิบกระดาษที่พับทบเป็นสามส่วนออกมา
ครั้นคลี่ออกมา กระดาษสีฟ้าอ่อนแผ่นเล็กๆ แผ่นหนึ่งก็พลันร่วงลง คนที่ก้มลงไปเก็บคือโรดีอัส

“ข้ายังรอให้คำตอบเจ้าอยู่ที่... เฮ้ย! อะไรวะฟีเรียส”

โรดีอัสออกอุทานเสียงดังเมื่อจู่ๆ เพื่อนสนิทก็ชิงกระดาษที่เขากำลังอ่านอยู่ออกไปจากมือ

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“มันจะไม่มีอะไรได้ไงวะ ดูเจ้าสิ ท่าทางผิดปกติ”

ตกใจอะไรกับแค่กระดาษแผ่นเดียว แถมข้อความข้างในก็มีแค่บรรทัดเดียว
ถึงเขาจะยังอ่านไม่จบ แต่สายตาก็เก็บความได้ครบถ้วน เพราะคำที่ยังไม่ได้อ่านมีแค่คำเดียว
คือคำว่า ‘บ้าน’

“มีอะไรเป็นความลับรึไง”

“ไม่มี”

“เดี๋ยวนี้มีความลับกับข้าหรือ บอกมา มีอะไรที่ข้าไม่รู้”

เจ้าของร่างที่ทั้งสูงกว่าและหนากว่าหยุดยืนดักหน้า ทำให้ฟีเรียสต้องหยุดเดินไปโดยปริยาย
ชายหนุ่มตีหน้าเฉยบอกเสียงเรียบทั้งที่ใจเต้นตึกตักตั้งแต่เหลือบไปเห็นว่าเป็นลายมือใคร

“ไม่มีอะไรเป็นความลับทั้งนั้น ก็แค่จดหมายสั่งงานตามปกติ อาจจะให้ไปรับเงินที่บ้าน รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย”

เมื่อคนพูดเดินเบี่ยงไปอีกทาง โรดีอัสก็ยอมให้ไปแต่โดยดี แต่ยังไม่วายถามขณะเดินตามไปข้างๆ

“แล้วที่ว่ารอให้คำตอบนั่นคำตอบอะไร”

ฟีเรียสไม่ถนัดเรื่องการโป้ปด ยิ่งในเวลากะทันหันอย่างนี้เขายิ่งคิดไม่ออก
ได้แต่ทำหน้านิ่งทั้งที่รู้ว่าแค่ไม่ตอบก็มากพอที่จะดูเป็นพิรุธให้เพื่อนสนิทยิ่งสงสัย

“เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าชอบทำหน้าเครียดตอนที่คิดว่าข้าไม่เห็นบ่อยๆ รึเปล่า”

โรดีอัสก็เป็นอย่างนี้ คือเดาแม่นจนน่าตกใจ

“นั่น ข้าว่าแล้ว” แถมยังช่างสังเกตเป็นที่สุด

“ข้ายังไม่ได้พูดอะไร”

“ถึงเจ้าไม่พูด ข้าก็ดูสีหน้าเจ้าออก บอกมา คุณชายเสเพลนั่นให้เจ้าไปทำงานอะไร”

ที่จริงแล้วมิทรอสก็เป็นทหารม้าที่เก่งกล้าสามารถคนหนึ่ง
เพียงแต่กิตติศัพท์เรื่องความเจ้าชู้ค่อนข้างจะมีมากกว่าเรื่องความสามารถหลายเท่า
เขาเคยไปเที่ยวที่หอบุปผาสองสามแห่งมาแห่งละสองสามหน
แต่ไปที่ไหน ไปกี่หนก็ไม่พ้นได้ยินว่าขาประจำอันดับต้นๆ คนหนึ่งก็คือคุณชายเล็กแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหม

“ก็งานจิปาถะธรรมดาอย่างที่เจ้ารู้” ก่อนที่โรดีอัสจะได้พูดอะไร ฟีเรียสก็เรียกเสียงดัง

“เฮ้! ดีลุคซ”

เจ้าของชื่อหันมาตามเสียง ก่อนจะเปลี่ยนทิศทาง ก้าวยาวๆ มาสมทบ
โรดีอัสทำอะไรไม่ได้นอกจากตบไหล่เพื่อนรักไปแรงๆ ทีหนึ่ง ยิ้มกว้าง แล้วว่า

“ไม่เป็นไรฟีเรียส คืนนี้ยังมี”






“ไม่ต้องแกล้งหลับเลย ฟีเรียส หัวค่ำขนาดนี้ข้ารู้ว่าเจ้าหลับไม่ลงแน่”

คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของโรดีอัสคือความจำดีเลิศ ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะเรียนเก่ง
แต่ฟีเรียสไม่อยากให้อีกฝ่ายเอาความเก่งนี้มาใช้กับเขาเลย

“เฮ้ย! ลุก จดหมายนั่นว่าไง”

คนเรียกมานั่งเรียกอยู่บนเตียงแคบๆ ของเขานี่แล้ว ต่อให้หลับอยู่จริงก็ต้องตื่น
ฟีเรียสจึงไม่คิดจะถ่วงเวลาอีก เขาดึงผ้าห่มออกแรงๆ
คนที่นั่งทับอยู่ต้องลุกขึ้นยืนเพื่อให้เจ้าของเตียงลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ออก
หยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาจากลิ้นชักชั้นล่างแล้วเดินมายื่นให้

โรดีอัสรับไปนั่งอ่านที่เตียงของตัวเองซึ่งวางอยู่ชิดผนังฝั่งตรงข้าม
ข้อความในจดหมายเขียนอธิบายสั้นๆ ถึงลักษณะของงานและค่าจ้างที่จะได้รับ
คราวนี้เป็นงานคัดแยกหนังสือของกรมอาลักษณ์

“ของชอบเจ้าเลยสิงานนี้”

เป็นเพื่อนกันมาเกือบห้าปี โรดีอัสจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบอ่านหนังสือ
บรรดาหนังสือที่มีอยู่ในห้องหนังสือของโรงเรียน ฟีเรียสอ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามในสี่
ที่เหลือไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าตัวอ่านช้า แต่เพราะฟีเรียสก็เลือกอ่านเหมือนกัน
บางประเภทที่เขาไม่ค่อยชอบเช่นปรัชญาเขาก็ไม่อ่าน

“อืม”

“แล้วแผ่นเล็กนั่นหายไปไหน”

“คงหล่นหาย”

“เจ้าโกหกไม่เก่ง อย่าพยายามเลยน่า ฟีเรียส ว่าไง คุณชายมิทรอสจะให้คำตอบเรื่องอะไรกับเจ้า”

“ข้าจะขอให้เขาช่วยขอท่านผู้อำนวยการ ให้ข้าทำงานพิเศษตอนกลางคืนได้”

โรดีอัสเงียบไป ฟีเรียสโล่งใจไม่น้อยที่เหตุผลที่เขาอุตส่าห์คิดมาตลอดทั้งบ่ายได้ผลดี

“เจ้าจะเอาเงินไปทำอะไรมากมาย”

แต่ประเด็นใหม่นี่มาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ฟีเรียสเตรียมคำโกหกไว้ไม่ทัน

“อีกอย่างนะ เพื่อนยาก ข้าสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าไปทำอะไรให้คุณชายบ้านเสนาฯ กลาโหมถูกใจ
ถึงได้ป้อนงานให้เจ้าได้เรื่อยๆ ไม่มีหยุด”

ฟีเรียสนิ่งเงียบ แต่ก็ไม่ได้ใบ้กินอยู่นานนัก

“ข้าคงบังเอิญจัดสวนได้ถูกใจมั้ง ไม่รู้ ไม่ได้คิด ส่วนเรื่องเงินนั่นก็ไม่ได้จะเอาไปทำอะไร แต่มีงาน มีเงิน ก็ดีกว่าไม่มี”

โรดีอัสเกาหัว

“เจ้านี่มันแถไปได้เรื่อยๆ จริงๆ ว่ะ งั้นเอานี้นะ เรื่องสุดท้าย”

ฟีเรียสมองหน้าเพื่อนอย่างระแวง เรื่องสุดท้ายของโรดีอัสมักจะเป็นเรื่องที่ ‘สุดๆ’ กว่าเรื่องที่ผ่านมา ถ้าไม่ดีสุดๆ ก็ร้ายสุดๆ

“ลายมือบนกระดาษแผ่นเล็กนั่นลายมือใคร”

คนมีความลับติดตัวชะงัก ตระหนักว่าเขาพลาดเสียแล้ว
ถ้าไม่เอากระดาษแผ่นใหญ่ให้อ่าน อีกฝ่ายก็คงไม่รู้ว่าลายมือบนกระดาษสองแผ่นไม่เหมือนกัน

“ฟีเรียส”

“ข้าไม่รู้”

“งั้นเอามาให้ข้าดูอีกที”

“ดูแล้วเจ้าจะรู้หรือว่าลายมือใคร”

โรดีอัสยิ้ม เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับตอนที่เล่นไพ่กันแล้วมีไพ่ดีๆ อยู่ในมือ
แต่ฟีเรียสไม่ลืมว่าบางทีเจ้าหมอนี่ก็ชอบทำหน้าแบบนี้ตอนที่ได้ไพ่แย่ๆ เพื่อหลอกให้คนอื่นหลงเข้าใจผิด

“พูดอย่างนี้แสดงว่าเจ้ายังเก็บมันเอาไว้”

“... เก็บแล้วทำไม”

“เอามาให้ข้าดู”

ฟีเรียสนั่งหน้านิ่ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินหน้าขรึมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาส่งให้เพื่อน
โรดีอัสรับไปดู ข้อความข้างในไม่มีอะไรนอกเหนือจากที่เขาเห็นไปแล้ว
ส่วนลายมือเป็นยังไงเขาก็จำได้ จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวที่ขอดูก็เพราะว่า
เขาอยากรู้ว่าเพื่อนจะหวงมันแค่ไหน แต่เห็นอย่างนี้ก็คงไม่ได้หวงเท่าไหร่

“เฮ้ย! โรดีอัส เจ้าจะทำอะไร เอามา”

นักเรียนองครักษ์ผิวเข้มร่างใหญ่ยอมปล่อยให้คนที่นั่งอยู่เตียงตรงข้ามกระโจนเข้ามา
ดึงเอากระดาษสีฟ้าแผ่นนั้นกลับไปโดยดี

“หวงขนาดนี้เชียวเหรอวะ”

แค่เขาแกล้งทำท่าว่าจะฉีกทิ้ง ก็ได้เห็นท่าทีตกใจ ร้อนรนอย่างเห็นได้ยากของเพื่อนสนิท
ปฏิกิริยาแบบนี้ออกจะเกินคาดไปหน่อย

“ลายมือสวยแบบนี้ ลายมือผู้หญิงรึเปล่า”

“ข้าไม่รู้”

ฟีเรียสรู้ ว่าเขาพลาดไปแล้วอย่างใหญ่หลวง แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยคาดคิด ว่าจะทำอย่างนั้นออกไป
หวงแหนทั้งที่มันเป็นแค่กระดาษแผ่นเดียว ซ้ำข้อความข้างในเขาก็อ่านแล้ว รู้แล้ว และไม่คิดจะเปลี่ยนความตั้งใจ

โรดีอัสนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน และฟีเรียสก็ไม่สบตาเพื่อนเลย

“เจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ฟี”

มี แต่บอกไม่ได้

“มีปัญหากับคุณชายมิทรอส หรือว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ข้ารู้ว่าเจ้ามันขี้เกรงใจ
แถมหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่ข้าเป็นเพื่อนเจ้า มีปัญหาอะไรบอกข้าไม่ได้รึไง
รู้ว่าเจ้ามีปัญหาแต่ไม่รู้ว่าปัญหาอะไรนี่มันหงุดหงิดนะเว้ย ข้าเป็นห่วงเจ้า”

ฟีเรียสสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ผ่อนออกยาวนานกว่ามาก

“ไม่ร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิด”

“แล้วเจ้ารู้รึไงว่าข้าคิดว่ามันร้ายแรงขนาดไหน”

สมเป็นโรดีอัสดี ช่างพูดให้เขาอึ้งได้ตลอด พ้นจากเจ้าชายรามิเรสมาแล้วก็ยังต้องมาเจอโรดีอัสอีกหรือ
ชีวิตเขาชักจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แล้วก็ไม่ได้มีปัญหากับคุณชายมิทรอส”

“งั้นใคร”

“ไม่มีใครทั้งนั้น นอนเถอะ ข้าง่วง”

“ฟีเรียส อย่ามาตัดบทกันแบบนี้นะโว้ย เฮ้ย! ฟีเรียส”

อีกฝ่ายล้มตัวนอนหันหลังให้เสียแล้ว โรดีอัสรู้ว่าเพื่อนรักยังไม่หลับง่ายๆ
แต่แสดงออกว่าไม่อยากจะคุยต่อถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ไม่อยากจะตามรังควาน
ทำแบบนี้เด็กสิบขวบก็รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ มีปัญหาคนเดียวไม่พอ
ยังจะพลอยทำให้เขานอนไม่หลับไปด้วย ให้มันได้อย่างนี้สิน่า


***************************************


ฟีเรียสไม่ได้พบกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนมาสองเดือนแล้ว
นักเรียนองครักษ์ปีสุดท้ายอย่างเขามีกิจกรรมต้องทำมากมาย
นอกจากเรียนและสอบแล้วยังต้องขยันทำงานพิเศษเพื่อหาเงินมาใช้หนี้
แม้จำนวนเงินที่ได้มาจะน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับหนี้ก้อนโตที่เขาอยากจะใช้ให้หมดเร็วๆ
แต่ฟีเรียสก็ไม่ดูถูกเงินไม่ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ขอให้เขาได้ใช้หนี้ให้หมดเร็วขึ้นแม้เพียงแค่วันเดียวก็ยังดี

นักเรียนองครักษ์หนุ่มได้พบกับคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมบ้าง
เขาตัดสินใจไม่ถามฝ่ายนั้นว่าหลอกให้เขาไปพบกับเจ้าชายรามิเรสทำไม
พูดให้ถูกคือเขาไม่เอ่ยถึงเจ้าชายพระองค์นั้นเลย
คุณชายมิทรอสทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับเขาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตัดสินใจไม่พูด
ซึ่งฟีเรียสเดาได้ว่าก็คงไม่พ้นเรื่องเจ้าชายหกอีกตามเคย และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีแล้วที่ไม่พูด

เขาไม่อยากคิดถึงเจ้าชายพระองค์นั้นมากไปกว่านี้ ไม่อยากรู้สึกผิด
ทั้งๆ ที่บอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

มิทรอสยังคงเป็นคนหางานพิเศษดีๆ รายได้งามๆ มาให้ฟีเรียสอยู่เนืองๆ
โดยที่ฝ่ายหลังไม่จำเป็นต้องร้องขอ ฟีเรียสพยายามไม่คิด

แต่เขารู้... ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ฟีเรียสเกลียดการเป็นหนี้ แค่มีเจ้าหนี้คนเดียวก็มากพอแล้ว
แต่อีกครึ่งเดือนต่อมาเขากลับพบว่าตัวเองต้องเป็นหนี้เพื่อนอีกคนหนึ่ง

บ้านเขามีปัญหา เขาเคยบอกน้องสาวว่าไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็อย่าได้ทูลขอความช่วยเหลือจากเจ้าชายหกเป็นอันขาด
ทั้งเฟย์และแม่ต่างเข้าใจความทระนงของเขาดีจึงยินดีทำตาม เฟย์เขียนจดหมายมาเขา
บอกข่าวว่าราวหนึ่งเดือนก่อนบ้านเขาถูกปล้น เงินสะสมที่เก็บไว้ทั้งหมดถูกขโมยไป
นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับแม่ของเขาป่วยหนัก แม้จะรักษาได้ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเพราะยามีราคาแพง
วอลเซนส์ยินดีให้ความช่วยเหลือให้หยิบยืมเงิน

มีเมื่อไหร่ค่อยคืน ไม่มีก็ไม่ต้องคืน ไม่ต้องคิดมาก

เจ้าของฟาร์มม้าหนุ่มว่าอย่างนั้น ฟีเรียสตั้งใจว่าจะใช้คืนให้ทุกเหรียญ
แต่จำนวนเงินก็มากจนเขาตกใจ มากกว่าเงินเก็บที่เขามีอยู่ตอนนี้เสียอีก

นักเรียนองครักษ์หนุ่มเครียดจนนอนไม่หลับติดกันหลายคืน
โรดีอัสถามไถ่ตามประสาคนช่างสังเกต และฟีเรียสก็บอกเท่าที่บอกได้
บอกจบ ฝ่ายนั้นก็เสนอความช่วยเหลือให้เขาอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด

ฟีเรียสปฏิเสธอย่างพยายามไม่ให้ฟังดูตัดรอนน้ำใจเพื่อนมากเกินไป

แต่ให้เปลี่ยนเจ้าหนี้จากเพื่อนคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งเขาไม่ทำเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

นักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่มีวิธีอื่นนอกจากพยายามทำงานพิเศษให้มากขึ้น
เขาขอร้องคุณชายมิทรอสผ่านทางจดหมาย ขอให้หางานให้เขามากขึ้น
เมื่ออีกฝ่ายถามเหตุผล เขาก็บอกไปตามตรงว่าขอไม่บอก และฝ่ายนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม

แวบหนึ่ง เขาคิดว่าเรื่องนี้คงไปถึงพระกรรณของเจ้าชายหกอีกตามเคย
และคนอย่างนั้นคงทรงสืบรู้ได้ไม่ยากว่าเขาต้องการเงินไปทำอะไร

ทั้งๆ ที่ใจหนึ่งคิดว่าเขาปฏิเสธไม่ยอมไปตามนัดแบบนั้นแล้วพระองค์ต้องกริ้วแน่
และคงจะทรงลืมนักเรียนองครักษ์ธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างเขาไปแล้ว
แต่อีกใจกลับคิดว่าถึงเขาจะทำให้กริ้ว พระองค์ก็คงยัง ‘ใจดี’ กับ ‘คนยาก’ อย่างเขาอยู่ เพราะว่า...

นั่นสิ... เพราะอะไร

เอาเป็นว่ามันคงจะเป็นความหลงละเมอเพ้อพก หลงตัวเองแบบผิดๆ ของเขากระมัง

ฟีเรียสอยากจะกลับบ้านไปดูอาการแม่ให้สบายใจเสียก่อนว่าท่าน ‘ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว’
ตามที่น้องสาวเขียนมาในจดหมาย แต่ก่อนจะถึงกำหนดกลับ เขามีงานที่ต้องทำอีกอย่างหนึ่ง

เป็นงานที่ไม่ได้เงิน แต่ต้องทำ






งานครบรอบ 480 ปีกรมทหารองครักษ์จัดขึ้นเป็นงานใหญ่
ใช้นักเรียนองครักษ์ปีสุดท้ายเป็นพนักงานบริการทั้งหมดตามธรรมเนียม
อาคารสโมสรสันนิบาตที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายของกรมสามารถจุคนได้ราวหนึ่งพันห้าร้อยคน
แขกที่มาในงานก็มีร่วมพัน ฟีเรียสนึกถึงบรรยากาศในคืนนั้น

คืนที่เขาไปช่วยงานที่บ้านท่านผู้อำนวยการ

เจ้าชายพระองค์หนึ่งของไมซีนทรงถูกหลานสาวผู้อำนวยการใส่ยาปลุกกำหนัด
ต้องใช้ให้นักเรียนองครักษ์นายหนึ่งพาขึ้นไปที่ห้องพักบนบ้าน

แล้วเขาก็ได้ประสบการณ์ที่จะลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตติดตัวมา

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คืนนี้จะไม่ต้องพบกัน

แต่เวลาที่คนมันจะซวย อะไรก็ช่วยไม่ได้

ฟีเรียสเป็นหนึ่งในบรรดานักเรียนองครักษ์ที่ได้รับการพิจารณาว่ามีความประพฤติอยู่ในเกณฑ์ ‘ดีมาก’
เขาจึงถูกจัดให้อยู่ในโซนหน้า คือต้องบริการอยู่แถวๆ โต๊ะ ‘ผู้ใหญ่’
และผู้ใหญ่ที่ว่าก็ประกอบด้วยเจ้าชายแห่งไมซีนกับข้าราชบริพารยศสูง


มีเจ้าชายสองพระองค์เสด็จมาในงานนี้


หนึ่งคือเจ้าชายฟารุค ซึ่งเป็นเจ้าชายสามและเป็นผู้บังคับการกรมทหารองครักษ์

สองคือเจ้าชายรามิเรสที่ฟีเรียสไม่รู้ว่าจะเสด็จมาทำไม

คงจะพาพระคู่หมั้นมาออกงานตามหน้าที่ผู้ชายที่ดี

ฟีเรียสไม่ได้สนใจ แต่หูเขาไม่ได้บอด คนในงานพูดกันตั้งแต่ตอนที่เสด็จมาถึงหน้างานแล้ว

ว่าวันนี้เจ้าชายหกทรงพาคุณหนูอันธียาซึ่งเป็นพระคู่หมั้นมาด้วย

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลประทานให้เขาเป็นเชิงทักทายด้วย
ทว่าฟีเรียสทำเป็นไม่รู้ว่าพระองค์ยิ้มให้ เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจหรือเป้าสงสัยของใคร
และไม่อยากจะเสียสมาธิตอนทำงาน

ถ้ายังเมตตาปรานีต่อเขาอยู่บ้าง ก็อย่าทำดีกับเขาเลย

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทรงรับข้อความที่เขาต้องการสื่อได้ พระองค์จึงไม่ได้มองมาทางเขาอีก
แม้ว่าเขาจะต้องเดินไปวนเวียนอยู่แถวโต๊ะที่ประทับอยู่อีกหลายครั้ง
เห็นพระองค์ทรงตักอาหารประทานให้พระคู่หมั้นแสนสวยอยู่หลายหนก็ตาม

และทั้งที่คิดว่าคงไม่ต้องอดทนอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เกิดเรื่องขึ้นจนได้

ฟีเรียสมารู้หลังจากนั้น ว่าเรื่องยุ่งที่เกิดขึ้นในงานมีเหตุผลต้นตอมาจาก
เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งของเขาซึ่งได้รับการยอมรับว่าหน้าตาดีที่สุดในรุ่นถูกสตรีชั้นสูงคนหนึ่งกลั่นแกล้ง
ดีลุคซเคยปฏิเสธความหวังดีที่จะรับเลี้ยงของสตรีผู้นั้น วันนั้นชายหนุ่มจึงถูก ‘เอาคืน’

เคราะห์ร้ายของเขาเองที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนในจังหวะนั้นพอดี

แต่วันนั้นเขาไม่รู้อะไรมากไปกว่าขณะที่กำลังจะเสิร์ฟอาหารจานหนึ่งลงบนโต๊ะพิเศษ
ก็พลันถูกชนจากข้างหลัง แม้จะพยายามประคองจานเอาไว้แล้วก็ยังไม่วายพลาด

อาหารจานนั้นหล่นใส่ฉลองพระองค์ของประธานในงาน... เจ้าชายฟารุค

ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ด้านขวาพระหัตถ์ใช้มือเปล่าๆ ปัดเศษอาหารร้อนๆ
ออกจากฉลองพระองค์ก่อนที่เขาจะได้ใช้ผ้าในมือทำเช่นนั้น

เสียงบริภาษด่าทอห้าวห้วนดังขึ้นมากกว่าหนึ่งเสียง ตามด้วยเสียงซุบซิบอื้ออึงที่ดังขึ้นในเวลาไม่นาน

แต่เสียงที่ดังกว่าเสียงอะไรทั้งหมดคือเสียงตบฉาดที่ดังอยู่ข้างกกหูของเขาเอง

“ท่านทีมัส!”

ใครสักคนเรียกชื่อของท่านผู้อำนวยการ ดังราวกับฟ้าผ่า
ฟีเรียสต้องสะบัดศีรษะเล็กน้อยจึงมีสติพอจะนึกออกว่าคนเรียกคือเจ้าชายหกแห่งไมซีน

คนที่เพิ่งตบหน้าเขาเต็มแรงดูจะหน้าซีดไปหน่อยเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง

เจ้าชายรามิเรสทรงปรายสายพระเนตรมาทางนักเรียนองครักษ์หนุ่ม
ฟีเรียสรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงทอดพระเนตรเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาเป็นแน่

อุ่นใจเมื่อเห็นสายพระเนตรอาทรคู่นั้น ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้พระองค์สนพระทัยเขาเลย

“เขาถูกชน ท่านไม่ควรลงโทษเขา โดยเฉพาะต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าพี่”

“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพระเจ้าค่ะ” นักเรียนองครักษ์หนุ่มรูปงามที่ชนฟีเรียสหันมาทูลรับผิด

“ขอได้โปรดทรงลงพระอาญา”

ผู้อำนวยการวัยกลางคนเงื้อมือขึ้น

“ท่านทีมัส” พระสุรเสียงของเจ้าชายรามิเรสเรียบเย็น “ท่านเป็นเจ้าชายองค์ไหนของไมซีน”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ” เขาเข้าใจความหมายดี นักเรียนองครักษ์หนุ่มเพิ่งพูดว่าขอให้ ‘ลงพระอาญา’
นั่นหมายถึงคนที่มีสิทธิ์ลงโทษจะต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้น

“กระหม่อมเพียงแต่อยากจะรับผิดชอบในฐานะที่กระหม่อมอบรมนักเรียนองครักษ์บกพร่องพระเจ้าค่ะ”

“พอแล้ว”

ทุกคนต่างหยุดกันหมดเพียงเพราะรับสั่งสั้นๆ เบาๆ
ทว่าเจ้าชายฟารุคไม่ได้รับสั่งกับใครอื่น

นอกจากคนเพียงคนเดียวที่ยังพยายามเช็ดคราบสกปรกออกจากฉลองพระองค์ด้วยมือเปล่า

เจ้าชายสามทรงแบพระหัตถ์ออก ฟีเรียสยื่นผ้าสะอาดถวายอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
ว่าเขาเข้าใจพระประสงค์ถูกหรือไม่ บรรยากาศเงียบงันเมื่อพระองค์ทรงจับมือของคนนั่งข้างไว้
แล้วใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดประทานให้

เสร็จ พระองค์ก็ทรงหันไปทางพระอนุชาต่างพระมารดา
เลิกพระขนงขึ้นนิดหนึ่งแล้วทรงปรายสายพระเนตรไปทางฟีเรียสเล็กน้อย

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์

เจ้าชายฟารุคมีสีพระพักตร์เข้าพระทัย

“ไม่เป็นไร ท่านทีมัส ข้าไม่ถือสา เจ้าไปหายาทาแผลมา เดี๋ยวมือเขาจะพอง”

ประโยคนี้ตรัสสั่งดีลุคซ ก่อนจะหันมาตรัสสั่งฟีเรียส

“ส่วนเจ้าพาเขาไปล้างมือ ดูแลทาแผลให้เขาด้วย”

“ฝ่าบาท...”

มองหน้าก็รู้ว่าคนพูดอยากจะบอกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ เขาอาย
แต่เจ้าชายสามแห่งไมซีนกลับทรงลุกขึ้นยืน ทำเอาคนทั้งโต๊ะต้องลุกขึ้นยืนตาม
ยกเว้นเจ้าชายรามิเรสซึ่งทรงยืนอยู่แล้วด้วยความเผลอองค์และมีอันธียายืนเกาะพระกรอยู่

“ข้าไปเป็นเพื่อน”

เจ้าชายฟารุครับสั่งกับคนของพระองค์จบก็ทรงพยักพระพักตร์เป็นเชิงให้ฟีเรียสนำทางไป





เรื่องจบลงอย่างงงๆ เมื่อมันผ่านไปแล้ว ฟีเรียสก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไร้สาระเหลือเกิน
เพียงแต่ว่าตอนที่มันเกิดขึ้นก็ทำเอาเขาตัวเย็นไปได้เหมือนกัน

ล่วงเกินเจ้าชายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โทษถึงขั้นตัดหัว

เขาไม่รู้ว่าเจ้าชายสามกับเจ้าชายหกทรงส่งสัญญาณอะไรกัน แต่เขาก็รู้ดีทีเดียว
ว่าทั้งตัวเองและดีลุคซรอดพ้นมาได้เพราะพระเมตตาของเจ้าชายหก
ไม่ถูกผู้อำนวยการลงโทษภายหลังอีกก็เพราะเจ้าชายหก

เจ้าชายที่ทรงช่วยเหลือเขาในยามยากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาเป็นหนี้พระองค์... ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน

ฟีเรียสกำตลับยาสีเงินในมือไว้แน่น เขาอยากจะทิ้งตั้งแต่ตอนที่รับมันมาจากคุณชายแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหม
เพียงแต่อักษรย่อ ร.ม. บนฝาตลับอาจทำให้เกิดปัญหา หากเขาทิ้งไม่ดี
บังเอิญมีใครเก็บได้แล้วเกิดการตามหาว่าของจากพระตำหนักของเจ้าชายหกมาอยู่ในโรงเรียนได้ยังไง
เขาก็คิดว่าตัวเองคงจะซวย ยิ่งถ้าความรู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณของเจ้าของยา หากพระองค์ทรงทราบว่าเขาทิ้งมัน

เขาตายแน่

ทั้งที่รู้ว่าเจ้าชายพระองค์นั้นพระทัยดี แต่ไม่รู้เป็นไร เขาคิดถึงแต่คำนั้นได้คำเดียว

ฟีเรียสถอนหายใจ เปิดตลับยา แล้วควักยากลิ่นหอมนั้นมาทาแก้มซ้ายกับมุมปากที่บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด


**************************


‘ทำไมฝ่าบาทไม่รับสั่งบอกความจริงกับเขาไป’

คำถามที่พระสหายทูลถามเมื่อคืนนี้ หลังจากเสด็จกลับมาจากงานเลี้ยงแวบเข้ามาในพระดำริ
เจ้าชายรามิเรสทรงลดปากกาในพระหัตถ์ลง เบือนพระพักตร์ออกไปนอกพระบัญชรกระจก

‘บอกเพื่ออะไร’

แม้แต่มิทรอสยังต้องชะงักไปวูบหนึ่ง กว่าจะทูลตอบได้

‘เขาควรจะรู้ว่าฝ่าบาททรงทำอะไรเพื่อเขาบ้าง’

‘รู้แล้วมีประโยชน์กับใคร ข้า หรือว่าเขา’

คำถามนี้มิทรอสตอบไม่ได้แล้ว

‘เขาไม่จำเป็นต้องรู้ และข้าก็ไม่อยากให้เขารู้’ เว้นไปครู่หนึ่งจึงรับสั่งต่อ ‘แล้วข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อเขา ข้าทำเพื่อตัวข้าเอง’

แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่นคือประโยคสรุปที่พระองค์ไม่ได้รับสั่งออกไป แต่มิทรอสรู้ดีอยู่แล้ว
รู้ว่าพระองค์ทรงพยายามจะขอถอนหมั้นกับอันธียาโดยให้เหตุผลกับนางว่าพระองค์ไม่ได้ทรงรักนางฉันชู้สาว
และไม่ปรารถนาจะให้นางต้องเสียเวลารอคอย ทั้งยังทรงยินดีจะยกของหมั้นทั้งหมดให้
และจะจ่ายเพิ่มเท่าที่นางต้องการ ทั้งยังอนุญาตให้นางบอกกับใครๆ ว่า
พระองค์ทรงเป็นฝ่ายบกพร่องเองที่ไม่ได้ใส่ใจนางเท่าที่ควร อันธียาไม่ว่าอะไร
นอกจากขอให้พระองค์ทรงทบทวนพระประสงค์อีกสักครั้ง

หลังจากนั้นเพียงสองวัน พระมารดาซึ่งออกบวชเป็นชีอยู่ที่วัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ก็ใช้ให้คนมาตามพระองค์ไปพบ ครั้นพระองค์ถวายเหตุผลอื่นนอกเหนือจาก ‘ลูกยังไม่ได้รักนาง’ ไม่ได้
แม่ชีก็ขอร้องกึ่งบังคับให้พระองค์ทรงรักษาสถานภาพคู่หมั้นไปก่อน จนกว่าจะมีเหตุผลที่ดีกว่านี้ไปถวาย

ซึ่งพระองค์ยังไม่มี

รับสั่งบอกไม่ได้ ว่าต้องการเป็นผู้ชายที่ปราศจากพันธะ
เพียงเพื่อจะได้มีสิทธิบอกกับผู้ชายอีกคนหนึ่งอย่างเต็มปากเต็มคำว่า

เขาเป็นคนพิเศษสำหรับพระองค์




มหาดเล็กประจำห้องทรงพระอักษรเคาะพระทวารเป็นสัญญาณ ครั้นได้รับพระอนุญาตแล้วจึงเข้ามากราบทูล

“คุณหนูอันธียาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มประทานพระอนุญาตให้เข้าเฝ้าที่ห้องทรงพระสำราญ และคาดว่าธุระของพระคู่หมั้นคงเป็นเรื่องเดิมๆ

“หม่อมฉันได้ยินว่าหมู่นี้ฝ่าบาททรงงานหนักมาก จึงมาทูลชวนไปทรงผ่อนคลายบ้างเพคะ”

“ที่ไหน”

“ไปชมละครเวทีรอบบ่ายที่อเธมีสดีไหมเพคะ พอค่ำๆ ค่อยไปฟังเพลงแล้วก็เต้นรำกันที่สโมสร”

“วันนี้แสดงเรื่องอะไร”

“โรเมโอแอนด์จูเลียตเพคะ”

ความรักระหว่างหนุ่มสาวในตระกูลปฏิปักษ์ อย่างนั้นสินะ

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทอดพระเนตรมองดวงหน้างดงามที่เปี่ยมด้วยความหวังของพระคู่หมั้นแล้วก็พลันนึกถึงพระมารดา

คิดว่า จะทรงพยายามดูอีกสักครั้ง

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล

“ที่โรงละครคงจะมีคนมาก พื้นที่ก็จำกัด ลองไปเดินเล่นในสวนพฤกษศาสตร์ดูบ้างไหม”

“โดนแดดโดนลมมากๆ ผิวหม่อมฉันจะเสียหมดน่ะสิเพคะ เสด็จโรงละครดีกว่านะเพคะ
ข้างในออกจะกว้างขวาง ที่นั่งก็สบาย มีน้ำมีขนมบริการ แล้วนักแสดงก็แสดงดีกันทุกคน
หม่อมฉันไปดูบ่อยๆ ยังไม่เบื่อเลยเพคะ แล้วก็ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง”

เจ้าชายหกทรงนิ่งเงียบไปครู่ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจ






พระองค์ก็ทรงตอบตกลง


tbc.

*******************************************


ทำไมรามิเรสถึงทำอย่างเนนนนนนนนนน้ :angry2:

เครียดเนอะ

แต่จะว่าไปมันก็... เป็นแบบนี้มาตลอดสินะ หุหุหุ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 09-04-2014 22:25:40
จิ้ม    :z13:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-04-2014 22:37:26
องค์ชายสามคะ มีซัมติงอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 09-04-2014 22:41:37
ลุ้นเหนื่อยจริงๆ ความหวังยังห่างไกล

จะมีวันสมหวังมั้ยองค์ชายหกกับฟีเรียส :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-04-2014 22:48:09
อ่านมาถึงตรงนี้สงสารรามิเรส

ช่วงแรกๆ เราสงสารฟีเรียสนะ แต่อ่านไปๆ คุณเค้าช่างอึดมาก คือจะเกิดอะไรคุณก็คงทนได้
ทั้งร่างกายและจิตใจ
เอาใจช่วยให้หายคิดมากซะที

ส่วนรามิเรส นายนี่มันรู้ตัวช้ายิ่งกว่าหอยทากเป็นตะคริว
สงสารคู่ซื่อบื้อนี้เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-04-2014 02:58:11
อึดอัดใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-04-2014 07:37:47
ฟีเรียสใจอ่อนซักทีเถอะนะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 10-04-2014 08:36:53
ใช่คนเขียน ทาสรักรึเปล่าค่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 10-04-2014 09:44:01
โฮกกกก
ไม่รู้ เค้าอึดอัด เค้าอึดอัดดดดดดดด
ทำไมรู้สึกมันยากทั้งคู่เลย
โฮกกกก ลุ้น ลุ้นว่าทั้งสองคนจะข้ามกำแพงหัวใจยังไง

ฟีเรียสแบบ เลิกคิดเองเถอะ ถึงจะเรื่องจริง แต่ก็ได้โปรดเถอะ

รออ่านต่อนะคะ สนุกมาก อึดอัดดี โฮกกกกก
#เอาหัวกระแทกอกฟีเรียสกร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 12-04-2014 01:07:48
เหนื่อยแทนทั้ง2คน ถ้ารักกันก็น่าจะแสดงออกไปตรงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: mamajie ที่ 12-04-2014 02:02:24
 o13 ศักดิ์ศรีมันกินได้เหรอคะ  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2014 10:49:07
เห้อออออออออออออออ เครียดแทน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 15-04-2014 16:02:06
คือฟินมากกกกกกกก
ตอนนี้เป็นหนักมาก แค่เห็นเขาเจอกันก็ฟินแล้ว ไม่ต้องคุยกันก็ฟิน 5555
แม้จะหน่วงๆก็ตาม ฟีเรียสแกใจแข็งสมเป็นทหารเลย ส่วนเจ้าชายก็ใจดีอบอุ่น ปริ่มมากกก
ชอบสำนวนคุณคนเขียนมาก รีบกลับมาอัพเร็วๆเน่อ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 15-04-2014 21:58:50
สุดท้ายก็ยังคงไม่โดนเจ้าชายเขมือบ ไม่รู้คนอ่านจะดีใจหรือเสียดายแทนดี นึกว่าคราวนี้จะมีคนโดนยากำหนัดอีกซักรอบ ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 16-04-2014 11:55:33
บทที่ ๑๖

ฟีเรียสกลับไปเยี่ยมบ้านมาแล้ว อาการของมารดาดีขึ้นอย่างที่น้องสาวบอกเขามาในจดหมาย
เพียงแต่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ หมอที่ดีที่สุดในหมู่บ้านบอกแก่เขาว่า หากต้องการให้เรเซียมีสุขภาพที่ดีกว่านี้
ไม่กลับไปทรุดอีกก็ต้องบำรุงด้วยยาดีอย่างสม่ำเสมอ

ของดีไม่มีถูก ฟีเรียสเข้าใจเรื่องนี้ดี

ปัญหาคือเรื่องเดิมๆ... เงิน

ขณะที่เขากำลังกลุ้มใจ มิทรอสก็เอางานใหม่มาให้เขาพอดี ฟีเรียสแปลกใจอยู่บ้าง
เพราะปกติคุณชายหนุ่มจะใช้ให้คนของเขาเอามาให้

อย่างไรก็ดี ทันทีที่อ่านรายการจ้างงานที่อีกฝ่ายเอามาให้เลือกจบ เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายจึงต้องเอามาให้เอง

รายการสุดท้ายเป็นงานที่ดูจะง่ายที่สุด ทว่าตัวเลขค่าจ้างกลับสูงโดดเด่นกว่าทุกรายการอย่างน่าตกใจ

นักเรียนองครักษ์หนุ่มชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะกลืนน้ำลาย

... กลืนน้ำลายตัวเอง...

“งานนี้” ชายหนุ่มชี้ “ข้าตั้งเงื่อนไขได้ไหมครับ”

มิทรอสเลิกคิ้ว งานง่าย เงินดีอย่างนี้ยังจะกล้าเสนอเงื่อนไขอีกหรือ

“ว่ามาสิ ข้าจะไปกราบทูลให้ ได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัย”





ฟีเรียสได้งานใหม่แล้ว เป็นงานระยะยาวที่เขาต้องทำไปอีกตลอดสามเดือน... หากว่าไม่มีปัญหากับนายจ้างเสียก่อน
แต่เขาต้องการเงินจริงๆ คราวนี้คงได้แต่พยายามไม่ทำตัวมีปัญหา

‘กระหม่อมไม่ได้ขายตัว’

เขาเคยถ่มน้ำลายขึ้นฟ้าอย่างทระนงตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกับ ‘ฟ้า’ เป็นครั้งแรก
ถึงจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ในที่สุดน้ำลายที่เขาเคยถ่มก็ตกลงมาสู่หน้าของตัวเขาเอง

สุดสัปดาห์นี้เขาไม่ได้กลับบ้าน บ้านริมผาเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนหากว่าต้องการเงินจำนวนมากภายในเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วก็ยังอดชะงักไม่ได้เมื่อเห็นม้าสีขาวปลอดตัวคุ้นตายืนอยู่ในคอกหลังบ้าน
โดยมีเจ้าของมันทรงยืนอยู่ใกล้ๆ กัน

ฟีเรียสลงจากหลังม้า ค้อมกายถวายความเคารพอย่างที่เขารู้ตัวดีว่าต่ำเป็นพิเศษ นานเป็นพิเศษ
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีพระพักตร์แบบไหน รู้สึกยังไง แต่พระองค์ไม่รับสั่งอะไรเลย
ปล่อยให้เขายืดกายขึ้นมาเอง ตัดสินใจเอาม้าไปเข้าคอกเอง แล้วเดินกลับมาเผชิญหน้า

นักเรียนองครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตรแวบหนึ่งแล้วมองตรง แต่ไม่มองหน้า

สงสัยว่าวันนี้เจ้าชายหกแห่งไมซีนคงจะทรงลืมเอาเสียงมา

“ฝ่าบาทเสด็จมานานแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

เขาพูดก่อนก็ได้ เป็นลูกจ้างก็ต้องเอาใจนายจ้างสินะ

“ก่อนหน้าเจ้าเดี๋ยวเดียว” สองชั่วโมง

“จะโปรดให้กระหม่อมทำอะไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

ข้อความที่ปรากฏในรายการจ้างงานคือ ‘อยู่เป็นเพื่อนเที่ยวในวันหยุดของเจ้าชายหก’
แวบแรกที่คิดขึ้นมาทันทีที่เห็นข้อความก็คือ

‘ไม่มีใครคบรึไง ถึงต้องจ้างนักเรียนองครักษ์คนหนึ่งไปเป็นเพื่อนเที่ยว’

แต่เขาก็ยังตอบตกลง บ้าแท้ๆ

“กินมื้อเช้ามารึยัง”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ” ยัง

“งั้นก็กินเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

พออยู่ในฐานะนายจ้างก็ไม่ต้องถามความสมัครใจของเขาสินะ เพราะไม่ว่าจะสั่งอะไร เขาก็มีแต่ต้องทำตามเท่านั้น

ถึงจะไม่ได้มาเกือบสามเดือนแล้ว แต่บ้านหลังนี้ก็ดูจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ราวกับว่าเวลาของที่นี่หยุดนิ่ง บรรยากาศโดยรอบยังคงร่มรื่น
ถึงจะใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว แต่สายลมที่พัดมาในเวลาเช้าของปลายฤดูหนาวอย่างนี้ยังคงเย็นไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่มาอยู่
มุขหน้าบ้านดูสะอาดสะอ้านดี คงเพราะมีคนมาทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่ใช่ผลงานที่เขาทำไว้เมื่อคราวก่อน

ห้องครัวยิ่งเหมือนเดิม เขาจำได้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน

“เจ้าจัดโต๊ะ ข้าจะไปเก็บดอกไม้มาใส่แจกัน ตกลงไหม”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทประทับเถิด กระหม่อมจัดการเอง”

อย่าพยายามทำอะไรให้เหมือนก่อน อย่าทำให้เขาต้องคิดถึงวันเวลาที่เคยมีร่วมกันมา

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“จัดสองที่ เผื่อตัวเจ้าเองด้วย”

รับสั่งแล้วก็เสด็จออกไปนอกห้องพร้อมกับกรรไกรตัดดอกไม้

ถ้าคิดจะเอาแต่ใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วยังจะมาถามเขาอีกทำไมว่า ตกลงไหม





กินเสร็จก็นั่งย่อย นอนย่อย รับลมชมนกชมไม้อยู่ในสวนข้างบ้าน
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำเอาผู้ถูกว่าจ้างรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเป็นกำลัง
ฟีเรียสอดทนสงบปากสงบคำอยู่นาน ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงโดยปราศจากบทสนทนาและกิจกรรมอื่น
ในที่สุดนักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ทนไม่ไหว

“ฝ่าบาท”

“หือ”

ประกอบรับสั่งตอบรับคือการแย้มพระสรวล ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คนมองเห็นรู้สึกขัดหูขัดตาเหลือเกิน
เหมือนพระองค์จะรับสั่งผ่านรอยยิ้มออกมาได้ว่า

‘ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องทนไม่ได้’

“กระหม่อมขอประทานพระอนุญาต บังอาจทูลถามสักเรื่องได้ไหมพระเจ้าค่ะ” ทั้งที่ว่าจะไม่ถามแล้วแท้ๆ

“หลายเรื่องก็ได้”

คนฟังเกือบจะสบถออกมา ว่าเขาไม่ใช่พูดหญิง อย่าพูดแบบคนใจดีแบบนี้กับเขาให้บ่อยนักเลย

“ทรงทำอย่างนี้เพราะมีพระประสงค์จะทำบุญ ช่วยเหลือคนยากจนอย่างกระหม่อมใช่ไหม”

พระพักตร์อย่างคนอารมณ์ดีของเจ้าชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม ก่อนจะทรงเงียบนาน

ฟีเรียสได้ข้อสรุปให้กับตัวเอง เขารู้ล่ะว่าเขาไม่ควรถาม

“กระหม่อม...” ขอประทานอภัย

“ฟีเรียส”

“...พระเจ้าค่ะ”

“ถ้าข้าตอบ เจ้าพร้อมจะเชื่อข้าไหม” ฟีเรียสขยับปาก แต่ไม่ทันได้พูด

“หรือว่าเจ้ามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องถามข้า”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มเม้มปากเกือบเป็นเส้นตรง

เพราะเป็นเจ้าชายหรือไง เพราะฉลาดกว่า หรือเพราะว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนเขาถึงแปดปี
พระองค์ถึงได้ทรงดักทาง รู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง

“กระหม่อมจะเชื่อฝ่าบาท”

“ข้ารวย เจ้ารู้ไหม”

เพราะคิดว่าเป็นแค่ประโยคบอกเล่าจึงนั่งฟังเฉย กว่าจะรู้ว่าต้องตอบอีกฝ่ายก็มองหน้าเขาอยู่เกือบครึ่งนาที

“ทราบพระเจ้าค่ะ”

“แม่ข้าเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านตา ตาของข้าเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยมาก
ข้ารับมรดกของท่านมาทั้งหมด กำไรจากการค้าขายในแต่ละปีมากถึงหนึ่งในสิบของภาษีหลวงทั่วทั้งแคว้น”

ยิ่งฟัง ฟีเรียสยิ่งเครียด มาบอกเขาทำไม

“ข้ามีเงินมาก อยากจะได้อะไรก็ใช้เงินซื้อ”

นั่นสินะ แม้แต่ตัวเขา พระองค์ก็...

“ยกเว้นตัวเจ้า”

เจ้าชายหนุ่มทรงถอนพระทัยเบาๆ

“ข้าแค่ใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเอง เจ้าจะคิดยังไงก็ได้ แต่อย่าคิดว่าข้าซื้อตัวเจ้า หรือทำบุญทำทานให้เจ้า”

ฟีเรียสกัดฟัน รู้สึกว่าขอบตาและปลายจมูกร้อนกว่าส่วนอื่นบนหน้า เจ้าชายรามิเรสสบตาเขาแล้วก็รับสั่งถามอ่อนโยน

“ได้ไหม”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตรนิ่งนาน... ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลพึงพระทัย

“มีอะไรจะถามอีกไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า “ฝ่าบาททรงจ้างกระหม่อมมาทำอะไรพระเจ้าค่ะ”

“ทำให้ข้ามีความสุข”

ครั้นทอดพระเนตรเห็นสีหน้าหวาดระแวงของอีกฝ่าย พระองค์ก็ทรงพระสรวล
ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นของเขา พระองค์ก็อารมณ์ดี

“ก็เป็นเพื่อนเที่ยวอย่างที่บอก เพียงแต่บางวันอาจจะแค่อยู่เป็นเพื่อนกันที่นี่” เว้นวรรคแล้วก็รับสั่งถาม

“เจ้าอยากจะไปเที่ยวไหนรึเปล่า”

รับสั่งถามราวกับว่าเขาเป็นคนจ้างพระองค์มาเป็นเพื่อนเที่ยว

“กระหม่อมมาทำงานพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าอยากจะไปเที่ยวไหนรึเปล่า”

ถามซ้ำ ประโยคเดิม น้ำเสียงแบบเดิมเปี๊ยบ ฟีเรียสเพิ่งตระหนักว่าเขาคิดผิดอย่างใหญ่หลวงเสียแล้วที่เห็นว่างานนี้เป็นงานง่าย

งานง่าย เงินงาม ไม่มีที่ไหนในแผ่นดิน แค่คุยกับพระองค์เขาก็เหนื่อยไปแล้ว

“สุดแท้แต่พระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าอยาก...”

ฟีเรียสลุกจากเปลแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันที เจ้าชายรามิเรสทรงชะงัก
จะรับสั่งตำหนิสักประโยค แต่สุดท้ายก็ได้แต่แย้มพระสรวลแบบทั้งขำทั้งเหนื่อยใจ
ทั้งพระองค์เองที่ทำเหมือนเด็กเอาแต่ใจ กับอีกฝ่ายที่จริงจังเหลือเกินกับคำถามง่ายๆ แค่นี้

เข้าพระทัยแล้ว ว่าสำหรับคนคนนี้ การจะให้เขาบอกความต้องการของตัวเองออกมาสักประโยคช่างเป็นเรื่องยากเย็น

แต่ก็แปลกเหลือเกิน กับคนที่ไม่อยากจะร้องขออะไรเลยสักอย่างเดียว พระองค์กลับยิ่งอยากจะให้ อยากจะตามใจ

“เคยไปสวนพฤกษศาสตร์ไหม” หวังว่าคำถามนี้จะง่ายขึ้น

“ที่นอกเมืองหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่”

“เคยไปสองครั้งพระเจ้าค่ะ”

“ชอบไหม” อีกฝ่ายลังเล “ต้องคิดนานหรือ”

“ชอบพระเจ้าค่ะ”

“งั้นไป”





สวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในไมซีนตั้งอยู่ที่เมืองหลวงบริเวณชานเมือง
เป็นสวนที่เจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนมีพระดำริให้สร้างขึ้น
ปลูกพันธุ์ไม้ต่างๆ ไว้มากมาย แทบจะทุกชนิดที่มีในไมซีน
แบ่งเขตเป็นสวนฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูฝน จัดแต่งไว้อย่างสวยงามน่าชม
มีทั้งเรือนกระจก เขาวงกต ซุ้ม อุโมงค์ แม้กระทั่งป่าจำลอง ตอนสายๆ อย่างนี้แสงแดดจัดจ้าอยู่ไม่น้อย

ฤดูหนาวในไมซีนก็อย่างนี้ ไม่ค่อยจะหนาวจริง

ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของทางการ เปิดให้ประชาชนทุกคนเข้ามาหาความรู้หรือพักผ่อนหย่อนใจได้ทุกวัน
ตั้งแต่เช้าถึงเย็น วันนี้มีคนมาเที่ยวกันมากพอสมควร มาเป็นครอบครัวก็มาก มาเป็นคู่รักก็เยอะ
แต่ผู้ชายสองคนมาด้วยกันนั้นฟีเรียสยังไม่เห็น

แม้จะไม่ได้เป็น ‘แม่บ้านแม่เรือน’ แต่นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ทำอาหารเป็น
เขาเตรียมอาหารง่ายๆ ใส่ตะกร้าใบใหญ่มาด้วย ไม่ได้อยากจะแสดงฝีมือทำอาหารแล้วบังคับให้อีกฝ่ายต้องเสวย
เพียงแต่เขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน ที่นี่ไม่ค่อยมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายของ
เพราะคนส่วนใหญ่ที่มากันเป็นครอบครัวหรือเป็นคู่รักมักจะเตรียมอาหารกันมาเอง
คราวก่อนที่เขามาตัวเปล่ากับเพื่อนที่สนใจเรื่องเดียวกันอีกสามสี่คนต้องทนหิ้วท้องกลับไปกินอาหารที่โรงอาหารของโรงเรียน

แต่วันนี้เขาได้ประสบการณ์ใหม่

เจ้าหน้าที่ที่นี่ดูจะรู้จักเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นอย่างดี
เขาไม่ต้องเดินถือตะกร้าตามเสด็จเพราะพระองค์ทรงฝากมันไว้กับเจ้าหน้าที่
หลังจากเดินเที่ยวชมได้ไม่กี่นาที หัวหน้าสวนก็กระวีกระวาดมาถวายความเคารพแล้วทูลขอประทานอภัย
ที่ไม่ได้มารับเสด็จตั้งแต่แรก เจ้าชายรามิเรสต้องรับสั่งซ้ำหลายประโยค
กว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่าพระองค์ไม่ต้องการอะไรเลยนอกจาก

‘เดินเล่นกับเพื่อน’

แน่ล่ะว่านั่นเป็นฐานะที่พระองค์ทรงยัดเยียดให้เขาแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาไม่เคยเออออห่อหมกด้วย

สวนพฤกษศาสตร์นั้นไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เขียวครึ้ม เย็นตาไปหมด
มีแผ่นหินจารึกชื่อและสรรพคุณของต้นไม้ดอกไม้ชนิดต่างๆ เอาไว้ให้ศึกษา
เจ้าชายรามิเรสหยุดอ่านเป็นบางครั้งเมื่อพบต้นไม้ที่แปลกตา ฟีเรียสพยายามรักษาระยะห่าง
ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเดินเงียบๆ เขาก็เผลอเข้าใกล้พระองค์มากกว่าที่คิดโดยไม่รู้ตัว
เหตุเพราะพยายามจะอ่านข้อความบนแผ่นหินด้วย

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฝ่ายนั้นทรงหันมา เลิกพระขนงขึ้นนิดหนึ่งแต่ทำเอาเขาหน้าร้อน ก่อนจะทรงทำอะไรสักอย่างกับไหล่ของเขา

“ใบไม้”

ให้ตาย ก็แค่เจ้าชายหยิบใบไม้ออกจากเสื้อให้เท่านั้น ถึงกับใจสั่นเป็นสาวน้อยไปได้

เขานี่ท่าจะใกล้บ้า



เมื่อเจ้าหน้าที่สวนพฤกษศาสตร์มากราบทูลว่าได้เตรียมจัดโต๊ะเสวยไว้เรียบร้อยแล้ว
เจ้าชายหกก็ตรัสชวน ‘เพื่อนเที่ยว’ ไปกินมื้อกลางวัน

สถานที่ตั้งโต๊ะเสวยคือในศาลาไม้หลังใหญ่ที่มีไม้เลื้อยพาดพันอยู่แทบทั้งหลัง
ออกดอกสีเหลืองเหลือบชมพูพราวสะพรั่ง หัวหน้าสวนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
เจ้าชายหนุ่มจึงตรัสชวนให้เขาร่วมโต๊ะเสวยด้วย

ฟีเรียสมองอาหารร้อนๆ หน้าตาน่าทานที่วางอยู่เต็มโต๊ะแล้วก็หน้าขรึมไปนิดหนึ่ง

เขาน่าจะรู้ ว่ามากับเจ้าชายไม่มีวันเสียล่ะที่จะอด ทั้งที่เจ้าชายหกรับสั่งบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องเตรียมอาหารมา
แต่เขาก็ยังยืนกรานทำมา ดันทุรังจนน่าขายหน้า

หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์เป็นชายวัยกลางคนที่มีความรู้ดีในงานของตน ทั้งยังเป็นคนรู้จักพูดอย่างพอเหมาะ
ทำให้นักเรียนองครักษ์หนุ่มฟังเพลินและอารมณ์ดีมากทีเดียว และเพราะฟังเพลินนี่เองถึงได้ลืมกิน
แต่ถึงเขาไม่กินก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับกระเพาะของเจ้าชายหก

ทำไมจะต้องหยิบอะไรมาใส่จานของเขาด้วย

หัวหน้าสวนทำหน้าสงสัยอย่างปิดไม่มิดขนาดนั้นน่ะ เห็นบ้างมั้ย

“ช่วยข้ากินที กินคนเดียวท่าจะแย่”

สงสัยจะไม่เห็น เพราะทำราวกับว่าตรงนี้มีเขากับพระองค์อยู่แค่สองคน

ว่าแต่ แซนด์วิชที่อยู่ในจานของเขานี่มัน...

“ฝ่าบาทโปรดแซนด์วิชหรือพระเจ้าค่ะ”

หัวหน้าสวนกราบทูลถาม ฟีเรียสนิ่วหน้านิดหนึ่ง ก่อนมองไปในตะกร้า

บ้าน่า เขาทำมาเต็มตะกร้า ทำไมมันเหลือน้อยขนาดนั้น

“ก็กินได้ ทำไมหรือ”

“ไม่มีอะไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเพียงแต่คิดว่าบางทีฝ่าบาทอาจจะไม่โปรดอาหารจำพวกผัก
ถ้าเป็นเช่นนั้นกระหม่อมจะได้สั่งให้พ่อครัวทำอาหารอย่างอื่นขึ้นมาถวายเพิ่มพระเจ้าค่ะ”

อาหารบนโต๊ะทำมาจากผักเสียเป็นส่วนใหญ่ และเจ้าของสถานที่ก็กราบทูลตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นผักที่ปลูกไว้ในสวนแห่งนี้ทั้งสิ้น

“ข้าชอบ ฝากชมพ่อครัวของเจ้าด้วยว่าทำอร่อย แต่ที่กินมากไม่ได้เพราะต้องเผื่อท้องไว้กินของที่เตรียมมาด้วย”

“แซนด์วิชเย็นๆ ไม่ต้องเสวยก็ได้”

ฟีเรียสสาบานได้ ว่านี่เป็นอีกครั้งที่เขาพูดก่อนคิด เห็นหัวหน้าสวนมองเขาอย่างแปลกใจแล้วชายหนุ่มก็สำนึกตัวว่าไม่ควรพูด

ทว่าคนเป็นเจ้าชายกลับยิ้ม

“ต้องกินให้หมด ไม่อย่างนั้นคนทำจะเสียใจ กินสิ อร่อยนะ”

รับสั่งอย่างนี้เอาไว้ใช้ตอนจีบสาวโน่น พูดอย่างนี้กับเขา จะอ่อยเขารึไง

ฟีเรียสหยิบขึ้นมากัดคำหนึ่ง ขณะหัวหน้าสวนพูดยิ้มๆ อย่างคนไม่รู้อะไร

“แม่ครัวที่วังของฝ่าบาทโชคดีนะพระเจ้าค่ะ ที่ฝ่าบาททรงคิดถึงใจเขามากขนาดนี้”

ฟีเรียสสำลัก




tbc.

*********************************

แมะ... ไม่อยากจะบอก แต่ก็เหมือนจะบอกไปแล้ว
ลุ้นให้ตายยังไงก็คงจะไม่มีอะไรกันหรอกค่ะคู่นี้ (นอกจากตอนแรกที่พลาดไปแล้ว)

ความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ประมาณนี้... ไปเรื่อยๆ น่ารักเนาะ (ยังจะกล้าพูด...)

ตอบคุณ matame - ใช่ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 15 (9 เม.ย. 57) หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-04-2014 12:05:09
เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ดี คู่นี้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 16-04-2014 12:20:28
ฝ่าบาทหยอดบ่อยขึ้นอ่ะ เค้าชอบ อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-04-2014 13:00:12
เจ้าชายรุก :m11: ถ้าเจ้าชายไม่บุกก่อน

คนอย่างฟีเรียสคงไม่กล้าเข้าหาเองแน่ๆ

เจ้าชายเกิดเป็นผู้นำต้องสู้ อย่ายอมแพ้ง่ายๆน้า :a2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-04-2014 13:04:49
แหม่ แบบนี้ที่แหละที่ชอบ ดูยากแต่มีคุณค่าดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 16-04-2014 13:56:12
เอาใจช่วยรามิเรสฝุดๆ
ลูกผู้ชาย ต้องรุกค่ะองค์ชาย ต้องรุก!!
จัดไปอย่าให้เสีย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-04-2014 14:53:56
 :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 16-04-2014 15:01:40
เรื่องดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลยนะ ตัวละครหลักสองคน คนนึงเยอะคนนึงซึน nc ก็ไม่มี แต่ทำไมอ่านแล้วอ่านแล้วมันก๊าวใจมาก บิดไปบิดมาเลยทีเดียว
ฝีมือจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 16-04-2014 15:08:37
แหม ถ้าเจ้าชายไม่รุก ก็ไม่รู้จะได้กันตอนไหนแหละ :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-04-2014 15:34:53
องค์ชายค่อยๆกล่อมไปแล้วกัน
เพราะฟีเรียสเป็นคนคิดมากคิดเยอะ
ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 16-04-2014 15:52:35
ไม่มีไรเกินเลย แต่ขอหวิดๆ บ้างจิ๊
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 16-04-2014 16:52:48
ต้องบอกกับตัวเองอีกแล้วว่า "พลาดอีกละที่ไม่อ่านเรื่องนี้"  :เฮ้อ:

ก่อนอื่นต้องบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ มันเรียบๆเรื่อยๆ แต่เป็นอะไรที่ "ค่อยเป็นค่อยไป" อย่างชัดเจน กำลังดีไม่มากไม่น้อย ถ้าเปรียบเป็นรสชาติอาหาร ก็คืออาหารที่ "กลมกล่อม" ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่มแล้ว เว้นแต่บางคนเช่นฟีเรียส ที่ชอบหวาน ก็อาจจะจิ้นหวานกันตามแต่ใจไป

ชอบเจ้าชายรามิเรสมากพอสมควรเลยค่ะ ดูอบอุ่น เรียบๆลื่นๆ แต่ก็น่าชื่นชมและมีความเป็น "เจ้าชาย" ในตัวเอง แต่เรื่องที่ชอบให้อยากให้ฟีเรียสจนเขาฉุนขาดเนี่ย อืม... มันก็นะ เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน

มาที่เรื่องของคู่หมั้นฮี แอบจุกเล็กๆ (ที่จริงก็จุกมาก) ตอนที่เจ้าชายบอกว่าอยากเป็นผู้ชายตัวเปล่า เพื่อจะได้ไปบอกใครอีกคนว่ารู้สึกพิเศษด้วย ตรงนี้ก็เป็นปัญหาที่ "ควรเร่งแก้ไข" อย่างด่วนๆเลย ไม่งั้นอาจเจอปัญหาจากฟีเรียสในตอนหลังได้นะ ขอบอกๆ

ถ้ามันไปกับคู่หมั้นไม่รอด ก็ค่อยๆถอยห่างออกมาซะ จนกระทั่งเขารู้ว่า "เขาไม่มีความสำคัญ" อีกต่อไป นั่นแหละก็อาจจะพอช่วยได้ ละมั้ง...

แต่อย่าลืมว่า ฟีเรียสคงไม่ยอมแน่ ถ้าเจ้าชายยังเป็นคนที่มีพันธะอยู่แบบนี้น่ะ


อุปสรรคมีเพื่อให้ข้ามไป สำหรับคนที่มีเป้าหมายอยู่หลังอุปสรรคนั้น เอาใจช่วยให้ทั้งสองคนไปรอด และเข้าใจกันเสียทีนะ สู้ๆทั้งสองคน


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 16-04-2014 18:39:18
แหม่...ต้องให้คนอื่นพูด อีตาฟีเรียสถึงจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-04-2014 21:05:13
เจ้าชายหยอดไปเรื่อยๆเลยค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 16-04-2014 21:20:01
คู่นี้ต้องให้คนอื่นมาช่วยเพิ่มความหวาน 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 16-04-2014 22:57:23
ใส่ใจกันขนาดนี้แล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 16-04-2014 23:50:26
ค่อยๆดูกันไปเรื่อยๆ ช้าๆเนิบๆ นี่ล่ะ ไม่ปวดตับดี ไม่มีฉากให้อิจฉา มีแต่ฉากให้ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะรู้สึกตัวกันซักที
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-04-2014 12:21:53
โอ๊ยยยย อ่านเรื่องนี้คิดถึงเจ้าชาย คาอิล สวรรค์ลำน้ำแดง


อยากได้บ้าง มีคนเข้าหาตั้งเยอะแยะไม่สนใจ สนใจแค่คนธรรมดาคนนึง ที่รู้สึกพิเศษ

รู้สึกดีจังงง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-04-2014 15:03:35
 :katai5:


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2014 16:25:50
นี้จะเรียกได้ว่า ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นได้ไหม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 19-04-2014 02:05:55
อ่านทันแล้วววววว ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-04-2014 15:04:35
โฮรร เขินเจ้าชาย กรี๊ด ตอนนี้เจ้าชายทำดีค่ะทำดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 19-04-2014 19:33:16
มาติดตามตอนใหม่ นี่เขามาเดทกันสินะคะ อร๊ายยยย
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันมาก
เจ้าชายนี่เหมือนจะนิ่ง แต่ความจริงรุกหนักอยู่นะ รอฟีเรียสใจอ่อนเท่านั้น
ชอบบรรยากาศเรื่องมากๆค่ะ ฟินแปปป
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 19-04-2014 22:37:41
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อยากจับมาแต่งเอง ไม่ได้ดั่งใจสักที  :laugh:

สนุกมากคร้าบบ ชอบภาษา :-[

รอตอนต่อปายยย  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 16 (16 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 22-04-2014 10:38:50
คู่นี้นี่จะเอื่อยไปเรื่อยๆใช่ไหมเนี้ย แต่แบบนี่ก็ดีนะไม่ร้อนดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 24-04-2014 11:08:25
บทที่ ๑๗

ก่อนกลับ หัวหน้าสวนถวายต้นใยรัก ซึ่งเป็นดอกไม้หายากและออกดอกยากสองต้น เจ้าชายรามิเรสตรัสขอบใจและรับสั่งว่าจะทรงพยายามดูแลเอาใจใส่ให้ออกดอกในเร็ววัน เจ้าของต้นไม้จึงกราบทูลยิ้มๆ อย่างคนที่พอจะคุ้นเคยกับพระอัธยาศัยคนใจดีอย่างพระองค์บ้างแล้วว่า

“ว่ากันว่ามันจะออกดอกเวลาที่คนปลูกมีความรักพระเจ้าค่ะ หากมันออกดอก กระหม่อมคิดว่าอาจจะได้ยินข่าวมงคลของฝ่าบาท”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“อีกต้นหนึ่งจะประทานให้พระคู่หมั้นก็ได้พระเจ้าค่ะ หากสองต้นออกดอกพร้อมกันจะเป็นนิมิตหมายอันดี แต่ถึงจะไม่มีดอกก็ปลูกไว้เป็นไม้ประดับได้พระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสก็ได้รับสองต้นเช่นกัน ทว่าเขายังไม่ทันยื่นมือไปรับก็มีมารผจญ

“เขาออกจะอารมณ์ร้อนอยู่บ้าง บางทีอาจจะปลูกไม่รอด”

หัวหน้าสวนชะงัก ไม่แน่ใจว่าเจ้าชายหนุ่มมีพระประสงค์อะไร ทว่านักเรียนองครักษ์หนุ่มหน้าขรึมไปเรียบร้อยแล้ว

“จริงอย่างที่องค์ชายรับสั่ง คุณเวลธ์เก็บไว้ให้คนอื่นเถอะครับ ข้าเอากลับไปมันจะตายเปล่าๆ”

เจ้าของต้นไม้หายากขยับปาก นึกอยากจะพูดอีกสักสองสามประโยคว่าถ้ากลัวเลี้ยงไม่รอด อย่างน้อยเอาไปให้สาวที่ชอบช่วยเลี้ยงให้ก็ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงขัดเคืองพระทัยหรือไม่ ขืนพูดอาจจะไม่คุ้มกัน ไหนๆ วันนี้เขาก็นับว่าประสบความสำเร็จ ทำให้พระองค์พอพระทัยการต้อนรับของเขาได้แล้ว

“งั้นก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าสนใจต้นไหนเป็นพิเศษก็บอกได้ ไม่ต้องเกรงใจกัน”

“ขอบคุณครับ” แต่เขาไม่เอา

คนอย่างฟีเรียสน่ะหรือ เขาไม่เกรงใจหรอก แต่เขาหยิ่งในศักดิ์ศรี

แค่ต้นไม้ต้นสองต้น เขาไม่ได้อยากได้จนตัวสั่น ต่อให้มันขายได้ต้นละหลายร้อยเหรียญก็เถอะ

แต่ก็นั่นแหละ ต้นไม้แค่ต้นสองต้น ทำไมเจ้าชายที่เขาสะบัดไม่หลุดจากชีวิตเสียทีนี่ถึงกับต้องขัดลาภเขาด้วย ต้นไม้ขององค์เองรึก็ไม่ใช่




ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับ ขี่ม้ากันคนละตัว เกือบจะเคียงข้างกันทว่าฟีเรียสรั้งหลังอยู่เล็กน้อย นักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยในเรื่อง ‘ลาภผล’ เขาจึงไม่รู้สึกอะไรเมื่ออีกฝ่ายส่งต้นอ่อนของไม้ยืนต้นดอกสวยทั้งสองต้นให้เขาเป็นผู้ถือกลับไป ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ของเขา

“ข้าชอบมาที่นี่ตอนที่ต้องการพักผ่อน หรือไม่ก็มีเรื่องคิดไม่ตก มองต้นไม้เขียวๆ แล้วอารมณ์เย็นขึ้น มาทีไรข้าเดินเล่นเงียบๆ คนเดียวได้เป็นวัน” ทรงพระสรวลเบาๆ นิดหนึ่งแล้วจึงว่า “แต่ก็ไม่เคยได้เดินคนเดียวจริงๆ สักที หัวหน้าสวนคนก่อนก็ต้อนรับดีอย่างนี้เหมือนกัน”

เมื่อไม่มีเสียงตอบ เจ้าชายหนุ่มก็หันมามองหน้าคนร่วมทาง

“เป็นอะไร ทำไมไม่ตอบ เคืองที่ข้าทำให้เจ้าไม่ได้ต้นไม้สองต้นนั่นหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

หาเรื่องกันชัดๆ เขาไม่ใช่เด็กขนาดนั้น แล้วตั้งแต่เขาฟังมายังไม่เห็นว่าประโยคไหนเป็นประโยคคำถาม จะให้เขาตอบอะไร

“หาอะไรไม่ได้”

คราวนี้ฟีเรียสถึงกับจ้องหน้า นี่จะหาเรื่องกันจริงๆ ใช่ไหม ชักจะกวนกันเกินไปแล้วนะ

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวลเบาๆ แล้วก็กระตุ้นม้าให้ออกวิ่งเร็วขึ้นโดยไม่ได้ทรงรอคำตอบ ทิ้งให้นักเรียนองครักษ์หนุ่มบ่นงึมงำ

“ท่าจะบ้า”

ก่อนจะกระตุ้นม้าตามไปบ้าง




คืนนี้ฟีเรียสพักที่บ้านริมผา ‘ตามเงื่อนไข’ ของการว่าจ้าง นั่นคือเขาจะต้อง ‘รับจ้าง’ ครั้งละสองวันและพักค้างคืนที่นี่กับพระองค์ด้วยทุกครั้ง ความกระอักกระอ่วนใจที่เขาคิดว่าอาจจะเกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิด เพราะหลังจากกินอาหารเย็นด้วยกันแล้ว เจ้าชายหนุ่มก็โปรดให้เขาไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนได้เลย ก่อนขึ้นห้องพัก ยังส่งต้นไม้หายากความสูงเท่าศอกให้เขา

“ให้เจ้าต้นหนึ่ง”

ฟีเรียสเงียบไปสองวินาที

“ให้ทำไมพระเจ้าค่ะ”

“จะให้ข้าเลี้ยงสองต้นเลยหรือ”

“ก็ประทานให้พระคู่หมั้น”

“ข้าตั้งใจจะให้เจ้า”

ฟีเรียสเงียบไปอีกห้าวินาที แต่สงสัยสีหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความคลางแคลง อีกฝ่ายจึงรับสั่งเพิ่ม

“ที่ไม่ให้เจ้ารับมาอีกก็เพราะข้ารับมาแล้ว ข้าต้นหนึ่ง เจ้าต้นหนึ่ง รวมเป็นสองต้น ก็น่าจะพอแล้ว” เว้นไปครู่หนึ่งจึงถาม “หรือเจ้าอยากจะได้อีกต้นไปให้ใคร”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ” ทำไมต้องทำหน้าเคร่งขนาดนั้นด้วยเล่า

“หาไม่ได้ก็ดี”

คราวนี้พระสุรเสียงเบา ทำเอาฟีเรียสงงๆ ไปเหมือนกัน ก่อนจะเสด็จเข้าห้องบรรทมไปก่อน เจ้าชายหนุ่มยังรับสั่งทิ้งท้าย

“ออกดอกเมื่อไหร่อย่าลืมบอกข้า ถ้าสองต้นออกดอกพร้อมกันก็คงวิเศษ”

ฟีเรียสยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

เขาสงสัยตงิดๆ มาหลายหนแล้ว

เจ้าชายหกทรงจีบเขาใช่ไหม?




ยังหัวค่ำอยู่มาก ฟีเรียสจึงนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่การนอนแต่หัวค่ำไม่ใช่เรื่องผิดปกติของเขา คืนไหนต้องทำกิจกรรมดึก คืนถัดมาก็นอนแต่หัวค่ำเป็นการชดเชยได้ แต่คืนนี้อาจจะเพราะแปลกที่ เตียงนี้ไม่ได้นอนมาสองสามเดือนแล้ว จะเป็นเพราะเสื้อผ้าชุดที่สวมอยู่ก็ไม่น่าใช่ มันใส่สบายดี แล้วเขาก็ไม่ได้คิดมากเรื่องที่ว่ามันเป็นชุดที่เจ้าชายหกซื้อประทานให้อีกแล้ว หรือจะเป็นเพราะเขาคิดมากที่ได้เงินจำนวนมากทั้งที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทำงานอะไรเลย

ไม่หรอก เจ้าชายหกรับสั่งแล้วว่าพระองค์รวย เพราะฉะนั้นถ้าพอใจจะใช้เงินขนาดนี้ซื้อ ‘ความสุข’ แบบนี้ก็ช่างพระองค์ปะไร ถึงเขาจะรู้สึกทะแม่งๆ กับคำว่า ‘ความสุข’ ก็เถอะ

แล้วเขานอนไม่หลับเพราะอะไรล่ะ นี่มันโรคคนแก่แท้ๆ ถ้าอีกฝ่ายนอนไม่หลับสิถึงจะปกติ เพราะอายุมากกว่าเขาตั้งแปดปี นี่ไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้หรอกนะ แค่ได้ยินคนอื่นพูดเท่านั้น

“แกะตัวที่หนึ่ง...” ฟีเรียสเริ่มงึมงำ “แกะตัวที่สอง... ตัวที่สาม... ตัวที่สี่...” ชายหนุ่มหลับตา

“ตัวที่ยี่สิบห้า...”

แล้วภาพในจินตนาการก็พลันเปลี่ยนไป

“เจ้าชายหกตัวที่หนึ่ง... เจ้าชายหกตัวที่สอง... หึหึ... ฮ่ะๆๆๆๆ”

ภาพเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงย่อองค์กระโดดข้ามรั้วทำเอาคนมีจินตนาการล้ำเลิศหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง

กลายเป็นว่าตื่นเต็มตาแล้วทีนี้

ตื่นไม่พอ ยังหิวอีก ฟีเรียสจึงลงไปที่ครัว หาเครื่องดื่มให้ตัวเองแล้วถือขึ้นมาบนห้อง เปิดประตูไปสู่ระเบียงแล้วเอาเก้าอี้นั่งกึ่งนอนออกไปด้วยเพื่อที่จะพบว่า

คนห้องข้างๆ ก็กำลังนอนดูดาวอยู่เหมือนกัน

เขามองแก้วไวน์ในพระหัตถ์ ส่วนฝ่ายนั้นก็มองแก้วนมในมือของเขา

ถูกเห็นเข้าแบบนี้แล้ว จะถือแก้วนม ลากเก้าอี้เข้าไปในห้องก็คงจะไม่ได้แล้วสินะ

“นอนไม่หลับหรือ”

โชคดีที่ไม่ต้องหาเรื่องพูดขึ้นก่อน

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าก็เหมือนกัน”

ฟีเรียสพยักหน้า แต่คิดในใจ... ใครถาม ชายหนุ่มจำใจนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ลากออกมา และเพราะไม่มีโต๊ะตัวเล็กเอาไว้วางแก้วเหมือนอีกฝ่ายจึงต้องถือแก้วนมเอาไว้

ยิ่งรู้สึกว่าเด็กกว่าอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ดีที่พระองค์ไม่ตรัสถามเขาว่า

“ชอบนมหรือ”

นั่นไง

“ก็กินได้พระเจ้าค่ะ”

ดีที่อีกฝ่ายไม่ยิ้มอย่างที่อาจจะทำให้เขาเข้าใจว่าพระองค์ทรงเยาะ อย่างไรก็ตาม ฟีเรียสคิดว่าเขาคิดว่าคงจะนั่งตรงนี้อีกไม่นาน
“ข้างนอกนี่เย็นกว่าข้างในมาก เอาผ้าห่มออกมาด้วยสิ”

“กระหม่อมคงจะนั่งไม่นานพระเจ้าค่ะ”

“อึดอัดที่ข้านั่งอยู่ด้วยหรือ”

บางครั้งคนเราก็ไม่ต้องพูดสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดก็ได้มั้ง โดยเฉพาะถ้าพูดแล้วทำให้คนฟังลำบากใจที่จะตอบ ไม่มีใครสอนพระองค์บ้างรึไง

“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ” ถ้าเขาจะบาปเพราะพูดโกหก ขอให้บาปกรรมทั้งหมดตกไปอยู่กับเจ้าชายหกแห่งไมซีนด้วยเถิด ในฐานะที่พระองค์เป็นคนทำให้เขาต้องพูด สาธุ

“ถึงนั่งไม่นานก็อาจจะไม่สบายได้ เข้าไปเอาผ้าห่มออกมาตามที่ข้าบอกล่ะดี”

สั่งจริงๆ สั่งได้สั่งดี

ฟีเรียสกลับเข้าไปในห้องแล้วออกมาหลังจากสวมเสื้อตัวหนาทับชุดที่ใส่นอนอีกชั้นหนึ่ง ทีพระองค์ยังแค่สวมฉลองพระองค์คลุม เรื่องอะไรเขาจะเอาผ้าห่มออกมาห่อตัวเป็นเด็กๆ ให้อีกฝ่ายดูถูก

เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรคนที่ทำตามรับสั่งแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็ไม่ได้ตรัสว่าอะไร จิบไวน์ของพระองค์ไปเรื่อยๆ ฟีเรียสไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่เขาก็คิดว่า

กระดกสองทีก็หมดแก้วแบบนั้นไม่น่าจะเรียกว่าจิบ

หวังว่าเมาแล้วคงไม่โหด

นักเรียนองครักษ์หนุ่มจิบนมของตัวเองบ้างก่อนที่มันจะหายอุ่น หลังจากนั่งมองดาวเงียบๆ อยู่สักพัก ความรู้สึกอึดอัดในตอนแรกก็หายไปจนหมดแม้จะยังรับรู้อยู่ตลอดเวลาว่ามีคนข้างห้องนั่งอยู่ด้วยก็ตาม

นานๆ ไปก็รู้สึกเหมือนก้นมีรากงอกออกมายึดติดกับเก้าอี้ จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น เปลือกตาก็หนักเต็มที ในที่สุดก็ผล็อยหลับไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเรียก

“ฟีเรียส”

ในสายตาที่ยังพร่ามัว เขามองเห็นว่าพระพักตร์ของอีกฝ่ายดูจะหล่อเหลาเป็นพิเศษ เลือนๆ เหมือนภาพฝัน

“น้ำค้างเริ่มแรง เจ้าเข้าไปนอนข้างในเถอะ”

แปลกที่พอไม่เมาขี้ตาแล้ว ความหล่อเหลาน่ามองของอีกฝ่ายก็ยังไม่ลดลง ฟีเรียสจึงเดินกลับเข้าห้องไปทั้งที่หัวใจยังเต้นแรง
มีลางสังหรณ์ว่าอาจจะต้องนอนนับเจ้าชายหกอีกหลายตัว




นักเรียนองครักษ์หนุ่มตื่นตั้งแต่เช้า ตั้งใจว่าจะไปจ่ายตลาดคนเดียว ทว่าเจอใครบางคนออกกำลังกายด้วยการซ้อมกระบี่อยู่ที่ลานหน้าบ้านเสียก่อน ตอนที่เห็นพระองค์หันมาแล้วแย้มพระสรวลให้ เขาก็สังหรณ์ใจอยู่แล้ว ว่าคงจะไม่ได้ไปคนเดียว

“จะไปไหนหรือ”

“ไปจ่ายตลาดพระเจ้าค่ะ”

“ข้าไปด้วยได้ไหม”

“พระเจ้าค่ะ”

เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าตอบว่า ‘ไม่ได้’ จะเป็นยังไง

ตอนอยู่ที่บ้าน ฟีเรียสเป็นคนทำอาหาร ฉะนั้นเขาจึงเคยชินกับการไปซื้อของ บ่อยครั้งก็ไปกับน้องสาว แต่มาจ่ายกับข้าวกับเจ้าชายนี่เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก ไม่รู้จะมาทำอะไร อาศัยพึ่งพาอะไรก็ไม่ได้ เดินมาด้วยอย่างเดียว ถามว่าอยากกินอะไรก็ว่า อะไรก็ได้ จะช่วยเลือกผักเลือกเนื้อรึก็เปล่า ความรู้เรื่องเครื่องเทศก็ไม่มี แถมยังให้เขาถือของอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะให้พระองค์ช่วยถือหรอกนะ เพียงแต่... อย่างนี้มาคนเดียวไม่ดีกว่าหรือ

ผู้ชายสองคนมาซื้อกับข้าวด้วยกันมันออกจะแปลกไปหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ เพราะคนแถวนี้ไม่มีใครรู้จักเขา

แต่การมีผู้ชายหน้าตาดีที่มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ มาเดินอยู่ข้างๆ แถมหันไปมองหน้าทีไรก็ยิ้มให้ทุกทีนี่มันก็...

“มีใครเคยบอกไหม”

ฟีเรียสหันไปมองพระพักตร์ หลังจากรับเงินทอนค่าส้มเรียบร้อยแล้ว

“ว่าหน้าตาเจ้าเหมือนกำลังนินทาใครสักคนอยู่ตลอดเวลา”

รู้สึกเหมือนส้มจะหนักเพิ่มขึ้นอีกสักห้ากิโล คนถูกถามกระแอมให้คอโล่ง ขณะที่รู้สึกว่าหน้าร้อนเห่อ

“เพิ่งมีฝ่าบาทเป็นคนแรกพระเจ้าค่ะ”

“แสดงว่าเจ้านินทาแต่ข้าคนเดียวหรือ”

“พระ... เอ่อ...”

อีกฝ่ายแย้มพระสรวลกว้าง ดูขำขันอารมณ์ดีเสียเต็มประดา นี่เขาเพิ่งเล่นตลกให้พระองค์ดูใช่ไหม

“ต่อไปอย่านินทา”

ไปห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามพระอาทิตย์พระจันทร์ไม่ให้ส่องแสง ห้ามอายุให้หันหวนคืนได้เสียก่อนแล้วค่อยมาห้ามเขาจะดีกว่า

“เจ้าคิดยังไง รู้สึกยังไงก็บอกข้าตามตรงได้ พอใจหรือไม่พอใจอะไรก็พูดได้ ไม่ต้องกลัว”

โอเค เขาเข้าใจล่ะว่าพระองค์ต้องการสื่ออะไร เพียงแต่ ไม่ต้องทำน้ำเสียงนุ่ม สีหน้าอ่อนโยนขนาดนั้นก็ได้ นี่แหละที่เขากลัว รู้สึกว่าเขาจะเคยบอกไปแล้วนะ ว่าเขาชอบพระองค์ ถึงจะบอกอ้อมๆ ก็เถอะ แต่การบอกว่าคืนนั้นเขาเต็มใจน่ะ มันก็ไม่ได้แปลว่าชอบหรอกหรือ แล้วยังมาทำหน้าทำเสียงอย่างนี้อีก จะให้เขาหลงไปถึงไหน ต้องการอะไรทำไมถึงไม่บอกเขาบ้าง

มาทำให้เขาสับสนแบบนี้ทำไม

หรือเป็นเพราะเขาเอง ที่ไม่ยอมมาฟังคำตอบของพระองค์ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน

“แบบนี้เลย”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว เจ้าชายหนุ่มทรงชี้ให้หันไปมองข้างหลัง ตรงนั้นมีร้านขายกระจก

“ตอนที่เจ้านินทาข้า สีหน้าเจ้าจะฟ้อง”

แสดงออกชัดจริงๆ... ให้ตาย สีหน้าที่เข้มขึ้นนั่นคงแก้ยาก เอาเป็นว่าปั้นหน้าเฉยไว้ก่อนท่าจะดี

“เคยมีใครกราบทูลฝ่าบาทไหมพระเจ้าค่ะ”

“ว่าอะไร”

“ว่าฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องรับสั่งทุกอย่างที่ทรงคิดออกมาก็ได้”

อยากให้เขาพูดกับพระองค์ตามตรงใช่ไหม ได้ เขาจัดให้ ดูซิว่าจะกริ้วหรือไม่กริ้ว

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล สั่นพระเศียรเป็นเชิงปฏิเสธ

“เจ้าเป็นคนแรก”

ตา... ฟีเรียสภาวนา นอกจากน้ำเสียงและสีหน้าแล้ว ยังมีตาอีกอย่าง ได้โปรดอย่ามองเขาแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ ชวนให้คิดว่าพระองค์ทรงมีความหมายแฝง




tbc.

**********************************************


ครั้งหนึ่งเคยคิดว่า จะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ใยรัก ทำนองว่าหมายถึงเยื่อใยบางๆ แต่เหนี่ยวแน่นที่ค่อยๆ ถักทอขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกพันธนาการเอาไว้มั่นคงจนดิ้นไม่หลุด ยิ่งดิ้นก็ยิ่งแน่น... ประมาณนั้นค่ะ แต่สุดท้ายก็... เอาวะ เอาเป็นชื่อพระเอกก็แล้วกัน ง่ายดี 
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-04-2014 11:55:56
ใยรัก ที่ร่วมกันค่อยๆถักขึ้นมาใช่มั้ย

ถึงตอนนั้นคงดิ้นไม่หลุดด้วยกันทั้งคู่

อยากอ่านสิ่งที่เจ้าชายหกทรงคิดบ้างจัง

ส่วนฟีเรียสหน่ะชอบเจ้าชายอยู่แล้ว แต่เป็นชอบที่ไม่อาจเอื้อม เลยออกไปทางไม่ค่อยกล้าอยู่ใกล้ๆสักเท่าไหร่

สร้างกำแพงป้องกันตัวเองเจ็บอยู่สินะ  :pig4: นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 24-04-2014 12:03:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-04-2014 12:10:33
ชอบที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 24-04-2014 12:18:06
สนุกมาก เขียนได้เก่งมากค่ะ

อ่านกันเพลินไปเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-04-2014 12:35:14
สวสัยออกดอกพร้อมกันแน่ๆ ต้นไม้ 2 ต้นนี้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-04-2014 12:47:51
เอาจริง ๆ นะ ชอบเรื่องนี้มากเลยอ่ะ รักรู้สึกอิ่มอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
อ่านแล้วอยากเป็นฟีเรียสเสียเองมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-04-2014 12:53:08
ตอนนี้เริ่มถักใยรักกันแล้วใช่ไหมคะ 555
เป็นเรื่องที่เนิบมาก เรื่อยมาก แต่ก็ชอบมาก อย่างน้อยตอนนี้เจ้าชายก็หยอดอยุ่บ่อยๆหละนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-04-2014 13:14:27
ขำเจ้าชายกะพีเรียส  :-[ :sad4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 24-04-2014 14:04:59
คือฟีเรียสนินทาองค์ชายเยอะมาก ทำอะไรก็นินทาว่ารักไปหมด 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-04-2014 14:20:18
งื้อ ฟีเรียส กลัวใจตัวเองชิมิ
ชอบ บรรยากาศ หลอก จีบ แบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-04-2014 14:23:45
อารมณ์แบบสบายๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 24-04-2014 14:24:44
ละมุมมากเลยค่ะ
ชอบจัง ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 24-04-2014 14:37:26
เจ้าชายทรงพลังต่อฟีเรียสซะจนน่ากลัว 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-04-2014 16:13:33
สู้ต่อไป.... :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 24-04-2014 17:14:26
จีบกันได้น่ารักมาก แอบหลุดยิ้มตอนฟีเรียสคิดว่านี่เจ้าชายจีบรึเปล่า
อือหือ คนอ่านลุ้นมาหลายตอน แกเพิ่งเอะใจ 55
แล้วก็ขำอีกตอนที่นอนนับเจ้าชายหกกระโดดข้ามรั้ว มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันสุดๆเลยค่าาา

รอตอนต่อไปๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 24-04-2014 19:16:16
โมเม้นหวานๆเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันที่ได้อยู่ด้วยกันนี่ทำให้ชีวิตมีความสุขจริงๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 24-04-2014 19:21:58
 :hao6:คาดว่าตอนนี้คงจะถักกันเป็นไยแมงมุมยักษ์แล้วละคะ ถ้าจะมึนกันทั้งคู่แบบนี้  รอแค่เวลาลมพัดมาติดไยของตัวเอง หึหึ :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-04-2014 19:43:43
กรี๊ดดดดดด ตอนนี้ฟิเรียสน่ารักมาก
ชอบเวลาที่นินทาเจ้าชายหกในใจ
หุ หุ หุ หนูฟิเรียสเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าชายกำลังจีบรึเปล่า

 :mew3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 24-04-2014 19:43:51
ต่อปากต่อคำได้น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-04-2014 20:54:30
ชอบเรื่องนี้นะสบายๆ(?) ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดี
ปกติไม่ใช่คนคิดมากเลยไม่ค่อยเข้าใจฟีเรียสเท่าไหร่ เลยแอบขัดใจในบางอารมณ์ว่าน้องจะคิดเยอะไปไหม?!
แต่โดยรวมก็ชอบเรื่องนี้มากนะครับ
อ่านเรื่อยๆ...ไปจนแก่~ :m25:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-04-2014 01:39:46
ได้เห็นเีรื่องนี้ในหน้านิยายแนะนำมานานละ
มีคนเชียร์ตลอด แต่เราเองไม่ค่อยคุ้นกับ
เรื่องราวแนวแบบนี้?หมายถึงพวกเมืองสมมติ ที่ไม่มีอยู่จริง เจ้าชายประมาณนี้

แต่เรื่องนี้ขอยกเว้นค่ะ ชอบมากกกก มันละมุนมากๆเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 25-04-2014 10:04:46
กรี้ดเบาๆตอนนี้น่ารักมุ้งมิ้งมาก
ชอบเจ้าชาย6โดดข้ามรั้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-04-2014 13:24:23
 :mew3: :mew3: :mew3:


อ่านไปก็จิกหมอนไปด้วย

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 25-04-2014 14:22:18
เอาไปปลูกกันคนละต้น แต่บานพร้อมกันทีเถอะ 

ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 17 (24 เม.ย. 57) หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-04-2014 15:21:35
/เขินดิ้นปัดๆใส่เจ้าชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 30-04-2014 11:32:46
บทที่ ๑๘

เวลาช่วงเช้าหมดไปกับการซ้อมกระบี่ ฟีเรียสชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเจ้าชายหกแห่งไมซีนกับนักเรียนองครักษ์ธรรมดาอย่างเขาลดน้อยลง และไม่ว่าอีกฝ่ายจะออมมือให้เขาหรือไม่ เขาก็รู้สึกดีเหลือเกินที่พระองค์ทรงทำเหมือนว่าทุ่มเทเต็มที่ ไม่ได้เห็นว่าฝีมือของเขาอ่อนด้อย ซ้อมครบรอบแล้วจึงจะรับสั่งบอกข้อบกพร่องของเขาพร้อมกับแนะนำวิธีการพัฒนา

“อยากให้ข้าแนะนำเจ้าตอนกำลังซ้อมหรือซ้อมเสร็จค่อยแนะนำ”

ถึงจะถามช้าไปหน่อยแต่ก็ยังตรัสถาม

“หลังซ้อมเสร็จพระเจ้าค่ะ”

เขาเป็นคนหยิ่งและทระนงตัว ฟีเรียสรู้จักตัวเองดี ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองพอรู้ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน หากเขาแก้ไขมันได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะรับสั่งบอก เขาคงจะรู้สึกภูมิใจขึ้นอีกไม่น้อย

เที่ยง เจ้าชายรามิเรสก็ทรงชวน ‘เพื่อนเที่ยว’ ไปกินมื้อกลางวันที่ตลาดเชิงเขา ยังไม่ทันได้เลือกร้าน แม่หนูน้อยที่พระองค์และฟีเรียสเคยมาอุดหนุนเมื่อสามเดือนก่อนก็กวักมือเรียกพลางส่งเสียงแจ้วทันที

“พี่ชาย มองไปทางไหนค้า ทางนี้ค่า รีบๆ มาเลยค่ะเดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะคะ”

แม่หนูแกว่าอย่างนั้นได้หน้าตาเฉยทั้งที่ยังเหลือที่นั่งอีกราวๆ สี่ห้าโต๊ะเห็นจะได้ พูดให้ชัดไปกว่านั้นอีกคือเพิ่งมีคนนั่งกินอยู่คนเดียว

เจ้าชายรามิเรสทรงหันไปมองคนร่วมทางอย่างจะหารือ และพบว่าฟีเรียสก็กำลังยิ้มเอ็นดูเด็กหญิงไม่ต่างจากพระองค์

“จำพวกพี่ได้ด้วยหรือ” นั่งแล้ว เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสถามเชิงชวนคุย

“จำได้สิคะ ยังไม่เคยมีใครให้ทิปข้าตั้งสิบเหรียญเหมือนพี่ชายเลยค่ะ”

อ้อ... นี่สินะ เหตุผลที่จำได้

“แถมพี่ชายยังทำให้พี่นีน่ามาดุข้าด้วย ว่าข้าทำเสียแผน”

นีน่าไหน แผนอะไร ไม่ต้องรอให้ถาม คนอยากเล่าจัดการบอกเสร็จสรรพ

“พี่เขาชอบพี่ค่ะ” แกหันไปบอกฟีเรียส “แกล้งสะดุดล้มจะให้พี่ช่วยรับ แต่พี่คนหล่อจับแขนไว้ก่อน” พี่คนหล่อคือเจ้าชายหกแห่งไมซีน “พอทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้ให้ พี่คนหล่อก็ให้ข้าเก็บไปคืนอีก เลยไม่ได้คุยกับพี่ นี่พี่นีน่าเขาก็สั่งข้าไว้นะคะ ให้ค่าจ้างข้าด้วย บอกว่าถ้าเห็นพี่มาแถวนี้อีก ให้ข้าไปบอกพี่เขาด้วย”

“อ้อ”

คนถูกผู้หญิงหมายตาร้องออกมาได้แค่คำเดียว

“พี่เขามีคนรักแล้ว”

ฟีเรียสหรี่ตามอง คนเป็นเจ้าชายนี่โกหกได้ฉับไวแถมหน้าตายแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่า

“อ้าว เหรอคะ”

ความกระตือรือร้นของเด็กหญิงลดลงราวเจ็ดในสิบส่วนเห็นจะได้

“งั้นสั่งอาหารเลยค่ะ”

“อะไรอร่อยบ้าง”

“แม่ข้าทำอร่อยทุกอย่างแหละค่ะ สั่งอะไรก็ได้ รับรองไม่ผิดหวัง” ประโยคนี้กลับมามีกระแสกระตือรือร้นเต็มสิบเหมือนเดิม

เจ้าชายรามิเรสตรัสสั่งไปสามอย่าง ก่อนจะให้สิทธิ์คนที่มาด้วยกันสั่งบ้าง และฟีเรียสก็ไม่ได้รู้สึกเกรงใจมากเท่าครั้งก่อน

ครั้นเด็กหญิงเดินกลับไปแล้ว คนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนรักแล้วก็หันมามองคนประทับตรงข้ามอย่างต้องการคำอธิบาย

“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้พึงใจนาง แต่อาจจะคิดหาคำปฏิเสธไม่ถูก”

เป็นคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นดีเหลือเกิน

“กระหม่อม... ข้าขอถามตรงๆ สักข้อได้ไหมครับ”

อีกฝ่ายทรงเลิกพระขนง

“ฝ่า... ท่านมักจะคิดแล้วก็ตัดสินใจแทนคนอื่นอย่างนี้เสมอหรือครับ”

คนถูกถามทำท่าคิด แต่ฟีเรียสคิดว่าพระองค์คงไม่ได้ทรงคิดจริงจังแน่ หลังจากได้ฟังคำตอบ

“คิดว่าเพิ่งมาเป็นเฉพาะกับเจ้า... เจ้าเป็นคนแรก”

คิดว่าคำพูดแบบเดิมจะใช้ได้ผลถึงสองครั้งรึไง คำตอบคือ... ได้ ความขุ่นเคืองจางๆ ของฟีเรียสหายไปไม่มีเหลือ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธพระองค์เลย เพราะเขาไม่รู้จะตอบเด็กหญิงว่ายังไงจริงๆ แน่ล่ะ จะให้บอกว่า ‘พี่ชอบผู้ชาย’ ก็คงไม่ได้ ออกจะโล่งใจด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายหาทางออกให้แทน เพียงแต่ถ้าไม่ทำเป็นเคือง ไม่พูดอะไรบ้าง อีกฝ่ายก็คงจะทรงคิดว่าสามารถคิดแทน ตัดสินใจแทนเขาได้ทุกเรื่องอยู่ร่ำไป

“ข้าเข้าใจผิดหรือ” ฟีเรียสดูจะงงๆ เจ้าชายหนุ่มจึงทรงขยายความ “เจ้าชอบนาง”

“ไม่ได้ชอบพระจะ... เอ่อ... ครับ” ต่อให้เขาชอบผู้หญิงก็เถอะ ใครจะไปชอบคนที่เพิ่งเห็นหน้าครั้งแรกได้

“ไม่ชอบก็ควรจะตัดไฟแต่ต้นลม”

“ข้าอยากจะตัดเองครับ”

“ได้สิ เดี๋ยวพอแม่สื่อตัวน้อยมา เจ้าก็บอกนางไปอีกรอบ”

เขาว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ เจ้าชายหกทรงสอบตกเรื่องการตีความอย่างแรงเสียแล้วล่ะเขาว่า

“คุณชายครับ”

“ครับ”

ฟีเรียสแทบจะลืมเรื่องที่ตั้งใจจะพูด เกือบจะเผลอถามออกไปว่า รับสั่งว่าครับแล้วทำตาเจ้าชู้แบบนี้ให้ผู้หญิงไปกี่คนแล้ว ชายหนุ่มพยายามดึงสติกลับมา

“เรื่องไหนที่เกี่ยวกับข้าโดยตรง ข้าอยากจะเป็นคนพูดเองครับ”

“ขอโทษ”

รับสั่งคำนี้พร้อมทำสีพระพักตร์จริงจังทีไร เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิดเสียเองทุกทีสิน่า

“ไม่เป็นไรครับ”

“แต่ยังไงข้าก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะกับเจ้า”

ฟีเรียสไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ไม่แน่ แต่ก็ทูลถามกลับไปอย่างไม่ค่อยชอบใจที่มีใครมาตัดสินว่าเขาเหมาะหรือไม่เหมาะกับใคร

“แล้วแบบไหนถึงเหมาะกับข้าล่ะครับ”

“เจ้ายังเรียนไม่จบ อย่าเพิ่งมีคนรักเลย ตั้งใจเรียนให้ดีไปก่อน ถึงตอนที่ได้เป็นองครักษ์เต็มตัวก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสาวมาชอบ ความชอบของเจ้ากับข้าอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ข้าอยากให้เจ้าได้คนที่จริงใจกับเจ้า ดูแลเจ้าได้ ฟังเจ้าคุยทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานได้ อยากให้เป็นคนที่เจ้าอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่อง... อายุ อาจจะไม่สำคัญ ถึงจะเป็นคนที่อายุมากกว่าหลายปีก็คงไม่เป็นไร”

ฟังแรกๆ ให้ความรู้สึกเหมือนฟังคนแก่อบรม แต่พอถึงประโยคหลังๆ ก็ชักจะรู้สึกทะแม่งๆ นี่พระองค์ทรงแฝงนัยอะไรรึเปล่า อยากจะกราบทูลเหลือเกินว่า

เขาคิดมากนะ (โว้ย)

โชคดีที่เด็กหญิงช่วยมารดายกอาหารหลายจานเข้ามาบริการพร้อมกับบอกว่าขอให้ทานให้อร่อย เสียก่อน ฟีเรียสจึงถือเป็นโอกาสให้ไม่ต้องพูดประเด็นนี้ต่อ ที่จริง ถ้าไม่มีประโยคท้ายมาดึงดูดความสนใจของเขาเสียก่อน เขาก็อยากจะรู้ว่า ถ้าได้เป็นองครักษ์เต็มตัวแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะเป็นผู้ชายที่ดีพอ มีเกียรติพอที่จะได้คนรักเป็นเจ้าชายรึเปล่า

“แฟนของพี่สวยไหมคะ”

บริการเสริมพิเศษระหว่างกิน คุณกินไป เราจัดเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มแก่แดดมาล้วงลึก ซักถามประวัติส่วนตัวของคุณให้

ฟีเรียสมองพระพักตร์ของคนนั่งตรงข้าม ทว่าฝ่ายนั้นเพียงแต่แย้มพระสรวลใสซื่อมาให้ ไม่ตรัสตอบเพราะใครบางคนเพิ่งขอให้พระองค์อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ทำเอานักเรียนองครักษ์หนุ่มนึกฉุน อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เชียวว่าพระองค์กำลังทรงดัดหลังเขาน่ะ ทีต้องการความช่วยเหลือล่ะไม่ยอมให้

“ก็... หน้าตาดี”

“ดีนี่แปลว่าสวยใช่ไหมคะ”

“อืม”

“อืมแปลว่าอะไรคะ”

“สวย”

“อย่าหลอกข้านะคะ โกหกเด็กตายไปตกนรกนะเอ้อ”

ฟีเรียสแทบจะติดคอ ครั้นเห็นคนประทับตรงข้ามเอาแต่ยิ้มขำ เขาก็ยิ่งนึกฉุน

“เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม” เห็นแก่หน้างอๆ ของอีกฝ่าย เจ้าชายรามิเรสจึงทรงยอมช่วยตรัสถามให้ ไม่อยากจะให้งอจนคอหักลงไปทิ่มจานอาหาร

“จะได้เอาไปบอกพี่นีน่าถูกไงคะ”

“รับเงินจากนางมาแล้วหรือ”

“ยังหรอกค่ะ แต่รับรองว่าพี่นีน่าต้องอยากจ่ายเพื่อข่าวนี้แน่”

นี่กระมังที่เขาว่า คบเด็กสร้างบ้าน ขนาดว่ายังไม่ได้คบ แค่รู้จักเฉยๆ ยังปวดหัว

“แล้วทำไมพี่ฟีเขาต้องบอกเจ้าด้วยเล่า”

“อ๊ะ! พี่ชื่อพี่ฟีหรือคะ”

เด็กหญิงตาวาว ขณะที่เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวลเบาๆ อย่างเอ็นดูและรู้ทัน

“เจ้าล่ะ ชื่ออะไร”

“พรีเชียสค่ะ พี่คนหล่อล่ะคะชื่ออะไร”

“ราม”

เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงัก คิดว่าบางทีชื่อนี้อาจจะมีประโยชน์ในอนาคต ในสายตาของนาง พี่รามยังหล่อกว่าพี่ฟีอีก

“แฟนพี่ฟีสวยกว่าพี่นีน่ารึเปล่าคะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงหันไปมองเป็นเชิงถาม ฟีเรียสจำใจพยักหน้า แปลว่ายินยอมถ่ายโอนสิทธิ์ในการตอบไปให้พระองค์โดยชอบธรรม

“ สวยกว่าจ้ะ”

“ตัวหอมเหมือนพี่นีน่าไหมคะ”

“หอมเหมือนกัน แต่หอมคนละกลิ่น”

ฟีเรียสเงยหน้าขึ้นขวับ ครั้นเจ้าชายหกทรงหันพระพักตร์มามองเป็นเชิงถาม เขาก็ก้มหน้าลงจิ้มชิ้นเนื้อเข้าปาก

“พี่นีน่าทำอาหารเก่งนะคะ”

“พี่ฟีก็ทำเก่ง”

“จริงเหรอคะ” เด็กหญิงหันมาถามเจ้าตัว

“แค่พอทำได้”

“งั้นพี่นีน่าอาจจะทำอร่อยกว่า”

“นอกจากสวย ตัวหอม ทำอาหารเก่ง นางยังมีอะไรดีอีกไหม” เจ้าชายหนุ่มตรัสถาม

“โอ๊ย! มีอีกเยอะแยะเลยค่ะ”

“เจ้าช่วยนางขนาดนี้ ได้ค่าจ้างไหม”

“ถึงไม่ได้ค่าจ้างข้าก็เต็มใจทำให้ ข้าไม่ได้เห็นแก่เงินนะคะ แค่อยากให้พี่ฟีมีแฟนสวยๆ แล้วก็ดีๆ อย่างพี่นีน่าต่างหาก”

“พี่ฟีเขามีแฟนแล้ว”

“ดีไม่เท่าพี่นีน่าหรอกค่ะ”

“เขารักแฟนของเขามาก”

ใช่เหรอ... เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่านอกจากมีแฟนแล้วยังรักแฟนตัวเองมาก

“จริงเหรอคะ”

ฟีเรียสมองตากลมแป๋วของเด็กหญิงแล้วก็รู้สึกผิด คิดผิดแท้ๆ ที่หวังพึ่งเจ้าชายหก คนไม่กลัวตกนรกก็โกหกเป็นไฟ คนดีๆ อย่างเขานี่สิลำบากใจ นึกอยากจะบอกความจริงออกไปว่า พี่ยังไม่มีแฟนหรอก แต่พี่คงชอบพี่นีน่าของเจ้าไม่ได้ ปรานีพี่เถิด อย่าถามอะไรพี่อีกเลย แต่ในเมื่อเจ้าชายหกทรงโกหกเพื่อเขามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็หักหน้าพระองค์ไม่ได้

“พรีเชียส”

เจ้าชายรามิเรสทรงเป็นที่พึ่งในยามยากอีกหน

“คะ”

“เจ้าคิดว่าพี่นีน่าจะให้รางวัลเจ้าสักเท่าไหร่ ค่าที่เจ้าช่วยนาง”

“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่...”

“โกหกผู้ใหญ่ตกนรกนะ”

“ก็น่าจะได้สักสิบเหรียญค่ะ” คนไม่อยากตกนรกตอบฉะฉาน

“พี่จะให้เจ้าสิบเหรียญ ถ้าพี่นีน่าของเจ้าไม่รู้ว่าพี่ฟีมาที่นี่”

“สิบเหรียญเองเหรอคะ ข้ารู้จักกับพี่นีน่ามาตั้งนานแล้ว ที่จริงข้าควรจะเข้าข้าง...”

“ทุกครั้งที่พี่กับพี่ฟีมากินอาหารที่ร้านเจ้า”

“มาบ่อยไหมคะ” คำถามนี้เร็วปรื๋อ

“น่าจะทุกสัปดาห์ อย่างน้อยสองเดือน”

ลูกสาวแม่ค้าคำนวณเงินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มแป้นตาพราว

“ตกลงค่ะ ข้าจะปิดปากให้สนิท ถ้าเห็นพี่นีน่ามา ข้าก็จะมาเตือนพี่สองคนก่อน”

คนรับปากมั่นเหมาะแบมือ ยื่นไปตรงพระพักตร์ เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“คิดเงินหลังกินเสร็จ”

“โอเคค่ะ”

เด็กหญิงเดินจากไปอย่างว่าง่าย ฟีเรียสสบายหูขึ้นเป็นกอง

“โกรธข้าไหม”

ฟีเรียสมองพระพักตร์

“ที่ข้าตัดโอกาสของเจ้า”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มนิ่งเงียบ ที่จริงแล้วเขาอยากจะขอบคุณต่างหาก แต่ถ้าพูด อีกฝ่ายอาจจะเข้าพระทัยผิดว่าเขาอนุญาตให้พระองค์ตัดสินใจเรื่องอื่นๆ แทนเขาได้อีก

“ข้าขอโทษ”

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ!” ชายหนุ่มเสียงดังอย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลง “กระหม่อม... ข้า... ข้า...”

“ข้า...” เจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนง

“ขอบคุณครับ”

คนฟังแย้มพระสรวล

“กินต่อเถอะ จะได้ไปเดินดูอย่างอื่นต่อ”

ฟีเรียสพยักหน้า ทำตามอย่างว่าง่าย อันที่จริงเขาแค่อยากจะกลบเกลื่อนความรู้สึกอายอย่างไม่รู้สาเหตุเท่านั้น บ้าแท้ๆ ที่ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาแล้วยิ้มให้

เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรมองคนก้มหน้าก้มตากินแล้วก็คิด ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่อยากจะให้ฟีเรียสได้คบหากับผู้หญิงดีๆ สักคน เพียงแต่ตอนนี้เป็นเวลาของพระองค์ ขอให้พระองค์ได้ทำคะแนนเสียก่อน แล้วถ้าผลปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ให้คะแนนพระองค์เลย พระองค์ทรงหมดหวังเสียแล้ว
.
.
.
.
.

ถึงตอนนั้นค่อยเป็นโอกาสของคนอื่น



tbc.

************************************************************

ค่อยๆ รุกคืบ... เพื่อรอรุกฆาตค่ะ (เมื่อไหร่เหรอ?)

ดีใจที่มีหลายคนชอบและขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ :mew1:




หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 30-04-2014 11:48:53
โอยยย เมื่อไหร่นะเมื่อไหร่ :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-04-2014 11:58:19
มีแฟนแล้วแถมรักแฟนม๊ากมาก ฮ่าๆ
ฟีเรียสเอ๋ยยยย ไม่ทันรามิเรสเขาหรอก 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 30-04-2014 12:05:05
หาโอกาสให้ตัวเองก่อน ประมาณว่า ตอนนี้ตัวเองยังไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวัง :z2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-04-2014 12:08:35
เดี๋ยวนี้มีโอกาสเป็นรุกตลอดเลยเจ้าชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 30-04-2014 12:20:52
เจ้าชายหกเจ้าเล่ห์มากเพคะ ฟีเรียสตามไม่ทันแน่นอน

รอเวลาเจ้าชายทรงรุกฆาตอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 30-04-2014 12:29:56
แหมมมมเจ้าชาย ไม่ค่อยเลยนะคะ ตัดโอกาศพี่ฟี่หมดเลย? แล้าอย่างนี้จะมีคนรักกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย?


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-04-2014 13:52:48
ช้าแต่ชัวร์น่อองค์ชายน่อ แต่คนอ่านนี่สิ กลั้นใจไปเป็นพัก ๆ ลุ้นจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 30-04-2014 13:57:33
กร๊าสสสสส
น่ารัก ทำไมเราชอบให้รามิเรสเป็นแบบนี้ อิอิ
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-04-2014 15:05:48
555เจ้าชายรุกใหญ่เลยนะ ฟีเรียสอ้อนเจ้าชายมั่งอยากเห็นอิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 30-04-2014 17:34:15
เด็กไรแก่แดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-04-2014 18:18:47
เจ้าชายฮาอ่ะ ดักทุกทาง ให้เจ้าตัวเค้าพูดเองดีไหมคะ 5555
ดักขนาดนี้ ก็รีบๆทำคะแนนเข้านะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 30-04-2014 18:47:17
โอํ๊ยยยย เจ้าชาย "รุก" แล้วนะฟีเรียส เอาไงละเราจะ "รับ" ไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 30-04-2014 18:52:57
หยอดไปๆๆๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 30-04-2014 22:19:35
รู้สึกเหมือนได้เลี้ยงลูก "มีพัฒนาการที่ดีมากเลยค่ะ"
สุขใจที่ได้พิมพ์ประโยคนี้

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 30-04-2014 22:30:57
เจ้าชายท่านร้ายมาก ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 30-04-2014 23:38:56
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 18 (30 เม.ย. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 01-05-2014 06:25:03
พี่ะเนี่ยจีบยากจริงนะ คุณชายจีบมาหลายตอนแล้วพี่แแกยังแกล้งทำไม่รู้อะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 06-05-2014 11:57:37
บทที่ ๑๙


ฟีเรียสขอแวะที่ร้านขายหนังสือเก่า เขายืนเลือกหนังสือเพลินจนเผลอลืมว่าไม่ได้มาคนเดียว ครั้นนึกขึ้นได้จึงรีบจ่ายค่าหนังสือสองเล่มแล้วทำท่าให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาพร้อมจะไปแล้ว

“เลือกต่อก็ได้ ข้าไม่รีบ”

“ไม่เป็นไรครับ ข้าเสร็จแล้ว ขอโทษครับที่เลือกนาน”

“ยังดูไม่หมดไม่ใช่หรือ กว่าเจ้าจะได้มาอีกก็อาทิตย์หน้า”

“ไม่เป็นไรครับ”

“กว่ามาอีกที อาจจะมีคนซื้อเล่มที่เจ้าอยากได้ไปแล้ว”

ฟีเรียสลังเล

“ดูต่ออีกเดี๋ยวก็ได้ครับ”

นี่เขาเห็นแก่ที่พระองค์ดูเหมือนอยากจะดูต่อหรอกนะ

ฟีเรียสยืนเลือกหนังสือเพลิน เขารู้ว่าเจ้าชายหกพระทัยดี และเขาก็คงจะแสดงออกมากเกินไปจนพระองค์ทรงจับได้ว่าเขาชอบหนังสือ ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาอาจจะยืนกรานปฏิเสธไปแล้วเพราะไม่อยากให้ ‘นายจ้าง’ ต้องมายืนรอ แต่เพราะหนังสือพวกนี้มีมนต์ขลังยั่วยวนใจเหลือเกิน เขาถึงต้องยอมทิ้งความเกรงใจไปสักหน

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยที่หนอนหนังสือไม่ทันรู้ตัว ในที่สุดเขาก็ได้หนังสือเพิ่มขึ้นมาอีกสองเล่ม ตัดใจเอาแต่เล่มที่อยากได้จริงๆ เพราะรู้ตัวว่าต้องประหยัด จะซื้อทุกเล่มตามใจตัวเองไม่ได้

“พอแล้วหรือ”

“ครับ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์เนิบๆ แต่ฟีเรียสแทบจะตาถลนตอนที่พระองค์ทรงเลือกหนังสือบนแผงมาได้ราวๆ สามสิบเล่มภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วส่งให้เจ้าของร้านที่รับไปหน้าชื่น

“ข้าจะจัดใส่ตะกร้าให้นะครับ ท่านจะได้ถือสะดวก แต่ต้องรบกวนให้ท่านรอสักเดี๋ยว ข้าจะให้คนไปซื้อตะกร้ามาก่อน”

เจ้าชายหนุ่มโปรดให้พ่อค้าคิดค่าตะกร้าไปด้วย พระองค์ทรงจ่ายเงิน ขณะที่ฟีเรียสเป็นคนรับตะกร้ามาถือพลางมองหนังสือสามสิบสามเล่มในตะกร้าตาละห้อย

ตอนที่พระองค์ทรงหยิบเอาๆ เขาแทบจะกัดปากด้วยความเสียดาย เจ้าชายหกทรงแกล้งเขาใช่ไหม ไม่พอพระทัยใช่รึเปล่า ที่เขาทำให้พระองค์ต้องทรงรอนาน ถึงได้ทรงแก้แค้นด้วยการซื้อแต่หนังสือที่เขาอยากได้ นี่มันเรื่องบังเอิญหรือพระองค์ทรงจงใจกันแน่  เขาไม่มีเงินมากพอจะซื้อทั้งหมดได้ตอนนี้ก็จริง แต่ต่อให้คราวหน้าเขามาแล้วพบว่ามีคนซื้อมันไปทั้งหมด เขาก็คงไม่เจ็บใจเท่ากับเห็นพระองค์ทรงซื้อตัดหน้าเขาไปต่อหน้าต่อตา

แต่ก็ช่างเถอะ เขาหวังว่า นานไปถ้าพระองค์ทรงอ่านจนเบื่อแล้ว เขาจะขอซื้อต่อจากพระองค์ได้




ฟีเรียสต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินทางกลับโรงเรียน ขณะที่เจ้าชายรามิเรสจะประทับที่บ้านริมผาอีกคืนหนึ่ง สองคนจึงต้องแยกกัน เจ้าชายหนุ่มประทานพระอนุญาตให้อีกฝ่ายกลับได้ตั้งแต่บ่ายสี่โมงและให้แยกกันที่ตลาดได้เลย ทว่าฟีเรียสยืนกรานว่าเขาจะส่งพระองค์กลับไปที่คฤหาสน์ของคุณชายมิทรอสก่อน ไม่เช่นนั้นจะคาใจว่าทำงานได้ไม่เรียบร้อย

“เจ้าอยากจะให้ข้าจ่ายค่าจ้างเจ้าโดยตรงหรืออยากจะให้ข้าจ่ายผ่านมิทรอส”

“กระหม่อมอยากจะขอรับเลยพระเจ้าค่ะ”

“อย่างนั้นรอข้าเดี๋ยว”

เจ้าชายหกเสด็จเข้าไปในบ้านไม่นานก็เสด็จออกมาพร้อมซองเงินค่าจ้างและต้นใยรักต้นหนึ่ง ฟีเรียสค้อมกายถวายความเคารพแล้วรับทั้งสองอย่างมาด้วยสีหน้ากังวลใจอย่างปิดไม่มิด เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขายืนกรานมาส่งถึงที่นี่เพราะอยากจะได้เงินเร็วๆ เอาเสียเลย แต่ถ้าอธิบาย คงไม่วายเหมือนคนกินปูนร้อนท้อง

“เงินนี่เป็นเงินที่เจ้าได้มาอย่างบริสุทธิ์ ข้าพอใจจ่ายราคานี้ และเจ้าเองก็ทำงานเต็มหน้าที่ ไม่มีอะไรให้ต้องตะขิดตะขวงใจ”

กลายเป็นว่าเจ้าชายหกทรงตีความสีหน้าของเขาเป็นเช่นนั้นไปเสีย ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง เขาคิดว่ามันมากเกินไปเมื่อเทียบกับ ‘งาน’ ที่เขาทำ

แต่ก็เพราะราคาขนาดนี้นั่นล่ะ เขาถึงตัดสินใจรับงาน ทั้งที่คิดว่าจะไม่เอาตัวมาพัวพันกับเจ้าชายพระองค์นี้อีกแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ายิ่งต้องพัวพันระยะยาวถึงสองเดือน

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มเอาเงินออกมาจากถุงเงินของตัวเองสิบเหรียญเงินแล้วยื่นถวาย

“เงินที่ฝ่าบาททรงจ่ายให้พรีเชียสแทนกระหม่อมพระเจ้าค่ะ กระหม่อมถวายคืน”

“ข้าเต็มใจจ่าย ครั้งต่อๆ ไปก็จะจ่ายให้”

“กระหม่อมเคยทูลขอแล้ว ฝ่าบาททรงรับปากว่าจะไม่ซื้ออะไรให้กระหม่อมนอกจากค่าจ้าง”

“ข้าเป็นคนยื่นข้อเสนอให้นาง จ่ายให้นาง ไม่ได้จ่ายให้เจ้า”

“แต่ก็ทรงจ่ายเพื่อความสบายใจของกระหม่อม”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล

“ไม่ใช่ของเจ้า... ของข้า” อีกฝ่ายนิ่ง พระองค์จึงทรงย้ำ “เพื่อความสบายใจของข้า”

ครั้นอีกฝ่ายยังไม่ยอมหดมือคืนไปเสียที พระองค์จึงทรงจับมือกำให้ รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะกระตุกมือเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทัน ตีหน้าเฉยแทน

“แล้วก็อย่าคิดว่าเพราะเงินมันน้อย ข้าถึงไม่รับ”

ฟีเรียสเกลียดคนรู้ทันเหลือเกิน รู้ทันไม่พอ ยังชอบดักคอเขาอีก

“กระหม่อมไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาไม่กลัวตกนรกแล้ว

“ไม่คิดก็ดี รีบกลับเถอะ เดี๋ยวจะถึงค่ำ”

“ฝ่าบาทจะประทับอยู่ที่นี่องค์เดียวหรือพระเจ้าค่ะ” หลังจากอดใจไว้อยู่นาน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้จริงๆ ร่ำๆ จะทูลถามเสียด้วยซ้ำ ว่าอยากจะให้เขาทำอาหารไว้ให้ไหม

“อีกสักเดี๋ยวเรจินคงจะมา”

อา... เขาไม่น่าถามให้ตัวเองขายหน้าเลย ดูสายพระเนตร ดูสีพระพักตร์ของพระองค์สิ นี่คงจะทรงคิดว่าเขาห่วงใยพระองค์เสียเต็มประดา ฟีเรียสหันหลังกลับไปหมายจะขึ้นม้า แล้วจึงเห็นตะกร้าหนังสือที่ห้อยอยู่

“จะโปรดให้กระหม่อมเอาไปไว้ที่ห้องไหนพระเจ้าค่ะ” ยิ่งมองเห็นก็ยิ่งเสียดาย แถมยังเคืองคนซื้อเสียอีก คิดตั้งหลายหนว่าเขาไม่รวยเหมือนอีกฝ่ายก็แล้วไป พยายามคิดอยู่ตั้งนานว่าก็ดีเหมือนกัน มีคนซื้อไปเสีย เขาจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อให้เปลือง

“เอาไปไว้ที่ห้องเจ้า”

คนฟังเกือบจะร้องฮะ

“ข้าซื้อให้เจ้า”

วูบแรกคือดีใจ วูบต่อมาคือโมโห

“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทจะทรงรักษาคำพูด” เขารู้ว่าเขาพูดแรง แต่นี่เป็นเงื่อนไขเพียงข้อเดียวที่เขาทูลขอก่อนจะรับงาน

“แค่หนังสือก็ไม่ได้หรือ ข้าเห็นเจ้าดูจะชอบมาก เลยอยากซื้อให้”

“กระหม่อมไม่ใช่...”

เพราะพระเนตรดุๆ ของพระองค์ทีเดียว ทำเอาเขาไม่กล้าพูด... คำว่า ‘ขอทาน’

“หนังสือพวกนี้ที่ตำหนักของข้ามี แล้วข้าก็เคยอ่านแล้วทุกเล่ม แต่ถ้าเจ้าไม่อยากได้ ก็เอาไปไว้ที่ห้องทำงานชั้นสอง”

ฟีเรียสยืนนิ่ง เขาคิดว่าพระองค์จะทรงอ่อนข้อให้เขาอย่างที่เคยเป็นเสมอมา เจอเข้าแบบนี้เขาก็ชักจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน รู้อย่างเดียวว่าไม่อยากจะจากกันด้วยอารมณ์แบบนี้ ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ตลอดสองวันที่ผ่านมา

ชายหนุ่มรอให้อีกฝ่ายรับสั่งอะไรออกมาก่อนสักคำ ถ้าทรงคะยั้นคะยออีกสักประโยค เขาก็จะยอมรับทันที จะได้มีข้ออ้างกับตัวเองว่าเขาถูกยัดเยียดให้รับมา แต่หลังจากเนิ่นนานผ่านไป พระองค์ก็ยอมรับสั่งก่อนเหมือนกัน แต่รับสั่งว่า

“ตกลงว่าจะเอายังไง”

คิดหรือว่าทำเสียงนิ่งแล้วเขาจะยอม

“กระหม่อมไม่มีเงินมาก ตามใจตัวเองมากไม่ได้ ซื้อได้แค่อาทิตย์ละเล่มสองเล่ม เพราะฉะนั้น...” ฟีเรียสหยุดเพื่อชั่งใจ “กระหม่อมอยากจะค่อยๆ ขอซื้อต่อพระเจ้าค่ะ” ยอมขนาดนี้แล้วนะ อย่ามาทำเสียงแข็งใส่เขาอีกล่ะ

“เจ้าเป็นคนอ่านหนังสือได้หลายรอบไหม”

“ได้พระเจ้าค่ะ บางเล่มอ่านเป็นสิบรอบ” ถามทำไม

“ถ้าเจ้าไม่ชอบอ่านซ้ำ ข้าก็จะแนะนำให้ยืมไปอ่าน แต่ถ้าอ่านหลายรอบได้ก็ควรมีไว้เป็นของตัวเอง เอากลับไปทั้งหมดนั่นล่ะ แล้วถ้าอยากจะจ่ายเงินก็ค่อยๆ ทยอยจ่ายทีหลัง”

ฟีเรียสมีจ่าย เขาจ่ายตอนนี้เลยก็ยังได้ แต่ไม่อยากให้ตัวเอง ‘มือเติบ’ จนเคยชินจึงตัดสินใจทำตามที่อีกฝ่ายทรงแนะนำ หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือตามที่อีกฝ่าย ‘บังคับเอาแต่ใจ’

“แค่ยี่สิบห้าเล่มที่เจ้าชอบก็พอ อีกแปดเล่มนั่นข้าชอบ ถือเป็นหนังสือแนะนำจากรุ่นพี่”

“ขอบพระทัย”

เขาจะพูดอะไรนอกเหนือจากนี้ได้ล่ะ

“มีอะไรจะถามข้าไหม”

ฟีเรียสส่ายหน้า “ไม่มีพระเจ้าค่ะ”

“ดูแลใยรักของเราดีๆ ล่ะ เดินทางปลอดภัย”

ฟีเรียสเบิกตากว้างขึ้น ครั้นเห็นสีพระพักตร์ที่เหมือนจะถามว่าอะไรหรือ กับสายพระเนตรที่สองวันมานี้ดูจะสื่อความหมายแปลกๆ ชวนร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบก็ต้องรีบพยักหน้าเร็วๆ แล้วขึ้นม้าจากมาทันที ไม่มีโอกาสรู้ว่าอีกฝ่ายทอดพระเนตรมองตามเขามาจนลับตา เมื่อทรงหันกลับไป เรจินก็เดินออกมารออยู่ที่บันไดขั้นสุดท้ายบริเวณหน้ามุขแล้ว องครักษ์หนุ่มขี่ม้ามาถึงที่นี่ตั้งแต่บ่าย เมื่อเจ้าชายหกเสด็จไปถึงตัว เขาก็ทำท่าจะกราบทูล ทว่าเจ้าชายหนุ่มตรัสถามเสียก่อน

“ส่งคนตามเขาไปหรือยัง”

“สองคน แลดอนกับวัลเชอร์ พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ พระองค์เพียงแต่อยากแน่พระทัยว่าฟีเรียสกลับถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยดี ส่วนเรจิน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายคงไม่ถามอะไรอีกจึงทูลรายงาน

“คุณหนูอันธียาส่งคนติดตามฝ่าบาท”

คนฟังทรงถอนพระทัยเบาๆ แต่ไม่แปลกพระทัย ถ้าเป็นเมื่อก่อน พระองค์คงจะทรงรู้สึกผิดมากที่ทำให้คู่หมั้นรู้สึกระแวง แต่หลังจากผ่านการพยายามขอถอนหมั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ความรู้สึกผิดนั้นก็บรรเทาลง แม้จะยังไม่หมดไปเสียทีเดียวก็ตาม

"จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ"

"พระเจ้าค่ะ กระหม่อมให้คนไปสร้างสถานการณ์ขวางไว้"

"คงจะใช้วิธีนี้ตลอดไปไม่ได้"

"จะโปรดให้จัดการขั้นเด็ดขาดหรือไม่พระเจ้าค่ะ"

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ แต่ขั้นเด็ดขาดของพระองค์กับขององครักษ์หนุ่มไม่เหมือนกัน

"ใช้เงิน"

ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากกว่านั้น เรจินรู้ดีว่าต้องใช้จ่ายจำนวนเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

"ข้าจะเป็นคนกำหนดเอง ว่าข้าจะไปที่ไหนบ้าง"

ข้อมูลที่พระคู่หมั้นจะได้รับ พระองค์จะทรงป้อนให้เอง





"คุณชายมิทรอสให้เจ้าไปทำอะไร"

โรดีอัสถามทันทีที่เพื่อนร่วมห้องเดินกลับมาจากห้องอาบน้ำรวม

“ช่วยทำสวน”

ฟีเรียสเตรียมตัวมาดีแล้ว เขารู้ว่าเพื่อนจะต้องถาม และประตูนรกก็เริ่มจะถามหาเขาแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่รู้จักกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนมา ไม่รู้ว่าเขาพูดโกหกใครต่อใครไปกี่รอบแล้ว แถมความรู้สึกผิดยังลดน้อยลงทุกทีๆ เสียด้วย ชักพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฆาตกรถึงได้ฆ่าคนตายได้เรื่อยๆ ที่แท้แล้วมันก็ยากแค่ครั้งแรกเท่านั้นเอง ชายหนุ่มเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ที่มีเสื้อผ้าอยู่ไม่มาก สามในสี่ส่วนเป็นที่เก็บหนังสือ รวมทั้งในลิ้นชักสามชั้นซ้ายขวาที่อยู่ด้านล่างด้วย ส่วนหนังสือที่ได้มาวันนี้เขาเอาวางไว้บนเก้าอี้ข้างหัวเตียง

"ต้องค้างคืน" คนขี้สงสัยยังถามต่อ

"สะดวกดี" ฟีเรียสชำนาญพอจะแต่งตัวไปด้วย ตอบคำถามไปด้วยโดยไม่แสดงพิรุธ

"เจ้าไม่ชอบค้างคืนที่อื่นนี่หว่า"

"มันจำเป็น"

"แล้วที่นั่นมีใครอยู่บ้าง แค่เจ้ากับคุณชายหรือว่ามีคนอื่นอีก"

"มีคนรับใช้อยู่เต็มบ้าน" อาจจะเป็นพวกวิญญาณคนที่ตายที่นั่นแล้วยังไม่ไปผุดไปเกิด

"แล้วทำไมเขาไม่ให้คนรับใช้เต็มบ้านของเขาทำวะ หรือสวนบ้านนั้นใหญ่มาก"

"อืม"

โรดีอัสแทบจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เขาไม่น่าชี้ทางสว่างให้มันเลย มันเลยตอบมาแค่อืมคำเดียวซะงั้น

"หนังสือพวกนั้นเจ้าซื้อเอง" ยังมีอีกหลายประเด็นหรอก เขาสงสัยมานานแล้ว คืนนี้ไม่ยอมปล่อยให้รอดแน่ ฟีเรียสต้องตายด้วยประเด็นไหนสักประเด็น เพื่อนสนิทของเขาคนนี้โกหกไม่เก่ง อีกเดี๋ยวต้องหลุดแน่ นั่นไงเริ่มมีอาการชะงัก

"เขาซื้อให้" แน่นอนว่า 'เขา' ที่ว่านั่นหมายถึง 'เจ้าชาย' ไม่ใช่ 'คุณชาย'

"ให้หนังสือเก่าแทนค่าจ้าง" คนถามเลิกคิ้วสูงเสียจนถ้าขึ้นไปถึงหน้าผากได้ก็คงจะไปนานแล้ว

"นอกเหนือจากค่าจ้าง"

"แล้วเจ้าก็รับ"

"เจ้าว่าถ้าข้าไม่รับ เจ้าจะได้เห็นมันมั้ย" นานๆ ทีฟีเรียสก็มีแง่มุมนี้เหมือนกัน แต่โรดีอัสไม่อยู่ในอารมณ์ขำขัน

"เจ้าเป็นคนรับของของคนอื่นง่ายๆ เหรอวะ ถึงจะเป็นหนังสือเก่า แต่เยอะขนาดนี้หลายตังค์แน่ แถมยังมีแต่แนวที่เจ้าชอบ คุณชายรู้ได้ยังไงว่าเจ้าชอบเรื่องอะไร หรือว่าเจ้าเป็นคนบอก หนังสือนี่ได้มาจากไหน"

ฟีเรียสนึกว่าเขากำลังอยู่ในห้องสอบสวนวินัยนักเรียนองครักษ์ นึกอยากจะเดินไปปิดไฟ แล้วนอนหันหลังให้เพื่อนให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็รู้ดีว่าถ้าไม่ตอบ อีกฝ่ายจะยิ่งเพิ่มความสงสัย และเขาจะไม่มีวันรอดพ้นแน่ ไม่ตอบวันนี้ พรุ่งนี้โรดีอัสก็ต้องถามอีก

"ข้าไปซื้อของที่ตลาดกับเขา ผ่านร้านขายหนังสือเก่า ข้าขอแวะ ซื้อมาสี่เล่ม เขาเห็นข้าชอบ เขาเลยซื้อมา ข้าไม่รู้ว่าเขาจะซื้อให้ พอข้าจะกลับ เขาก็ยัดเยียดให้ข้ามา บอกว่าที่บ้านเขามีแล้ว เขาอ่านแล้วหมดทุกเล่ม ข้าไม่ได้เห็นแก่ของจนต้องรีบรับมาเพราะเห็นว่าเป็นของฟรี"

"เฮ้ยๆ ใจเย็นเพื่อน ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ข้าแค่สงสัยเฉยๆ เพราะขนาดข้าที่เป็นเพื่อนเจ้ามาตั้งนาน ซื้ออะไรมาฝากเจ้ายังไม่ค่อยจะเอา" เห็นอีกฝ่ายชักจะ 'มีอารมณ์' เขาก็ต้องเป็นฝ่ายถอยให้ครึ่งก้าว เพื่อบรรเทาอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เย็นลง แต่ถ้าหวังจะให้เขาเลิกถามล่ะก็... ยาก

ฟีเรียสไม่อธิบายอะไรต่อ เขารู้ว่าเหตุผลที่ให้ไปออกจะข้างๆ คูๆ อยู่บ้าง ทั้งที่มันเป็นเรื่องจริง แต่โรดีอัสไม่ใช่เขา ไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าชายรามิเรสมันซับซ้อนอย่างที่ตัวเขาเองบางทียังไม่ค่อยเข้าใจ นี่เพื่อนเขายังเข้าใจว่าเขาไปพบกับคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมอยู่เลย ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องงง แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจต้นสายปลายเหตุได้

"ข้าถามได้ไหม เจ้าได้ค่าจ้างเท่าไหร่" บางทีค่าจ้างอาจจะน้อย ฟีเรียสถึงไม่รังเกียจที่จะรับหนังสือมาเพิ่ม

ฟีเรียสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ... เป็นจำนวนเงินเท่ากับหนึ่งในห้าของค่าจ้างที่ได้รับมาจริงๆ

"ก็เยอะนี่หว่า" เอาเป็นว่าเขาเข้าใจล่ะว่ามันเงินดี แต่ก็ทำให้ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าเงินดีขนาดนี้เอาไปซื้อหนังสือเองก็ได้ ราวกับฟีเรียสจะมานั่งอยู่ในความคิดของเขา เพราะจู่ๆ ก็พูดเพิ่มขึ้นมาว่า

"อีกอย่างนะ โรดีอัส หนังสือพวกนี้ข้าไม่ได้เอาของเขามาฟรีๆ ข้าจ่ายเงิน แต่จะค่อยๆ ทยอยจ่าย ที่ต้องเอาหนังสือมาก่อนก็เพราะข้าอยากอ่าน"

"เออ เจ้าบอกข้าอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่อง"

"นอนได้ยัง ข้าจะอ่านหนังสือ" ปกติแล้วเขาให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าหนังสือ แต่ถ้าเพื่อนกำลังจะลากเขาไปสู่ทางตัน เขาก็ต้องหาทางป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน

"ยัง" โรดีอัสกัดไม่ปล่อย... นี่แหละสมญานามของเขา “นั่นมันต้นอะไร”

คนถามชี้ไปที่ต้นไม้สูงเท่าศอก มีแต่ใบสีเขียวสดรูปหัวใจกระจุกอยู่ตามปลายกิ่งที่เจ้าของมันวางไว้ข้างเก้าอี้หนังสือ มีจานดินเผาเคลือบเอาไว้รองน้ำเสร็จสรรพ ไม่ยอมเอาออกไปวางไว้รวมกับต้นไม้ต้นอื่นๆ ตรงระเบียง

“... ต้นใยรัก”

“ฮะ”

ฟีเรียสไม่ตอบ เขารู้ว่าเพื่อนได้ยิน

“เจ้าเอามาจากไหน คงไม่ใช่สวนของคุณชายเสเพลนั่นอีกหรอกนะ”

“อืม”

อืม... อืม... อืมอีกล่ะ!

“แล้วเขาให้เจ้าทำไม”

“เขาว่ามันเลี้ยงยาก ให้ข้าลองเอามาเลี้ยงดู”

“แล้วทำไมต้องเป็นเจ้า ทำไมไม่ให้คนรับใช้ที่บ้านเขาเลี้ยง” เท่าที่เขารู้ ฟีเรียสไม่ได้มีประวัติว่าเป็นคนมือเย็น

“เจ้าไปถามเขาเองดีไหม” พูดไปแล้วก็นึกกลัวใจอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าโรดีอัสกล้าไปถามจริงๆ เขาก็คิดว่าคนอย่างคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมต้องหาทางออกได้แนบเนียน

“ฟีเรียส”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของคนเรียกดูจะจริงจังและเคร่งเครียดเป็นพิเศษ

“ข้าถามจริง เจ้าตอบข้าจริงๆ เลยนะ... เจ้ารู้สึกแปลกๆ กับชื่อต้นไม้นี่มั่งมั้ย”

“แปลกตรงไหน”

“ก็ตรงที่มันชื่อ ‘ใยรัก’ ไงล่ะ ใย-รัก” ชายหนุ่มเน้นคำหลัง ทว่าเจ้าของต้นไม้ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี

“ก็ไอ้เจ้าต้นนี้มันชื่อของมันอย่างนั้น”

“สวนของเขามีต้นไม้หายากเยอะมั้ย”

ฟีเรียสพยักหน้า ทั้งที่ไม่ค่อยได้สนใจต้นไม้ใบหน้าที่นั่นมากนักเพราะมีกิจกรรมอื่นให้ทำตลอด ตอนที่นั่งชมนกชมไม้ก็ใช่ว่าใจเขาจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เห็น มัวแต่คิดเรื่องคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

“แล้วทำไมเขาต้องให้ต้นใยรักอะไรนี่มา ทำไมไม่ให้พวกต้นใยแมงมุม หรือใยไหม ใยยอง อะไรพวกนั้นมา”

ฟีเรียสหัวเราะ

“มีที่ไหน ต้นที่เจ้าว่า”

โรดีอัสเองก็ยิ้ม แต่เขายังคงเป็นห่วงมากกว่า

“อาทิตย์หน้าเจ้าต้องไปอีกมั้ย”

คนร่วมห้องพยักหน้า และในเมื่อไหนๆ อีกฝ่ายก็ต้องรู้อยู่แล้ว เขาจึงบอกไปเลย

“ไปทุกอาทิตย์จนกว่าจะสอบจบ รับแต่งตั้ง” เว้นไปนิดจึงบอกเพิ่ม “ข้าต้องค้างที่นั่นทุกอาทิตย์ เพราะต้องทำงานทั้งสองวัน มันสะดวกดี”

“เขาจ้างเจ้าไปทำอะไรอีก”

“ยังไม่รู้ รู้แต่มีงานให้ทำตลอด งานนี้ว่าจ้างยาว”

โรดีอัสนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ

“เจ้าว่าถ้าข้าอยากจะทำงานพิเศษบ้าง เขาจะหาให้ข้าได้ไหม”

“บ้านเจ้ารวย เจ้าจะทำงานพิเศษทำไม”

แน่ะ ผิดปกติ ถ้าเป็นแต่ก่อน อีกฝ่ายคงจะดีใจที่เขาเลิกเที่ยวในวันหยุดแล้วหันมาทำสิ่งที่สร้างสรรค์มีประโยชน์แทน แต่ตอนนี้นอกจากไม่ชมแล้วยังพูดเหมือนจะห้าม

“เบื่อๆ ก็ลองทำดูบ้าง เจ้าจะได้ไม่ว่าข้าหวังแต่จะรับมรดกพ่อแม่”

“ข้าจะถามคุณชายให้”

“ถ้าได้งานที่เดียวกับเจ้าก็จะดีมาก”

ฟีเรียสชะงัก ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายมองมาอย่างพยายามจับผิดเต็มที่จึงเกลื่อนสีหน้า

“อืม จะลองถามดู”

เป็นอันว่าได้ฤกษ์ปิดไฟนอนเสียที แต่เป็นโรดีอัสนอนคนเดียว เพราะหลังจากปิดไฟกลางห้องแล้วฟีเรียสยังเปิดโคมไฟติดผนังเหนือหัวเตียงเพื่ออ่านหนังสือต่อ สิบนาทีต่อมา คนที่เขาได้ยินเสียงพลิกตัวหลายหนแล้วก็หันมาถาม

“เจ้ารู้ไหมว่าคุณชายมิทรอสเอาได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย”

ฟีเรียสหันขวับ

“ข้าเพิ่งรู้มา บอกตามตรงข้าเป็นห่วงเจ้ามากแต่ไม่อยากบอกเจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะไม่อยากรับงานจากเขาอีก พอไม่มีงานพิเศษ เจ้าก็จะเครียด”

“เจ้ารู้ได้ยังไง เรื่องคุณชาย”

“อาทิตย์ก่อนข้าไปหอบุปผามา เห็นกับตาว่าเขาเรียกผู้ชายเข้าไปปรนนิบัติ”

ฟีเรียสสับสน เรื่องนี้เขาเคยคิดอยู่บ้าง แต่เพิ่งมาแน่ใจเอาตอนนี้ พูดที่จริงเขาก็ไม่แปลกใจ เขาไม่ได้สนใจคุณชายหนุ่ม เพราะฉะนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีรสนิยมทางเพศแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขา เพียงแต่พอรู้ชัดๆ อย่างนี้แล้ว เขาก็อยากรู้ ว่าคุณชายหนุ่มเคยพูดอะไรให้เจ้าชายหกทรงสับสนหรือไม่ เหตุผลที่เจ้าชายหนุ่มมีท่าทีแปลกๆ กับเขา ทำให้เขาเกือบจะหลงไปหลายหนว่าพระองค์ก็ทรงชอบเขาเหมือนกัน เป็นเพราะพระสหายของพระองค์ยุยงเกลี้ยกล่อมให้ทรงเขวใช่ไหม

“เจ้าคิดดูดีๆ เขาเคยมีท่าทีแปลกๆ กับเจ้ารึเปล่า ข้ากลัวว่าเขาจะทำดีหวังผล คนไม่รู้จักกันมาก่อน จู่ๆ ก็มาจ้างเจ้าไปทำงาน ป้อนงานให้เจ้าตลอด”

“ข้าว่าเขาก็ปกติ คงไม่คิดอะไรกับข้าอย่างที่เจ้าว่า” แต่อีกคนหนึ่งนี่สิ

“ไม่มีก็แล้วไป แต่ยังไงข้าก็อยากให้เจ้าระวังตัว” ใจจริงเขาอยากจะบอกด้วยซ้ำ ว่าไม่ต้องกลัวจะมีเรื่อง ถ้าฝ่ายนั้นบังคับใจให้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมา ก็ใช้กำลังให้เต็มที่ไปเลย แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเสี่ยงมาก อีกฝ่ายเป็นคนตระกูลเสนาบดี และพวกเขาก็กำลังจะเรียนจบในอีกสองเดือนข้างหน้า

“อืม ขอบใจมาก”

“เพื่อนกัน”

โรดีอัสหันหน้ากลับไปหาผนังดังเดิมแล้ว ได้พูดออกไปแล้วเขาก็สบายใจ หารู้ไม่ว่าเพื่อนรักยังจ้องหนังสือหน้าเดิม บรรทัดเดิมอยู่อีกร่วมครึ่งชั่วโมง

“โรดีอัส”

เรียกเบาๆ หลับไปแล้วก็แล้วไป แต่ถ้ายัง...

“ว่าไง”

ลังเลใจว่าจะปรึกษาดีหรือไม่ แต่ถ้าเรียกแล้วบอกว่าไม่มีอะไร อีกฝ่ายก็จะยิ่งสงสัยนอกเรื่องนอกราว

“สมมตินะ”

“อืม” ไม่ใช่เรื่องสมมติแหงๆ

“ถ้าเจ้ามีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง”

“สนิทมากไหม”

“ก็... ไม่มาก” มั้ง

“แล้วข้าคิดอะไรเกินเลยกับนางรึเปล่า”

“ไม่ได้คิด”

“โอเค ต่อเลย” คนฟังแสดงอาการสนใจเต็มที่ด้วยการลุกขึ้นมานั่ง

“วันหนึ่งมีผู้ชายมาชอบเพื่อนของเจ้า เจ้าไม่รู้ว่าเพื่อนเจ้าชอบผู้ชายคนนั้นไหม แต่พอผู้ชายคนนั้นจ้างผู้หญิงอีกคนให้มาตีสนิท แอบถามข้อมูลส่วนตัวของเพื่อนเจ้า เจ้าก็จ่ายเงินให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นสองเท่า บอกให้นางคอย... กันท่า ไม่ให้ผู้ชายคนนั้นมีโอกาสมาเจอเพื่อนเจ้าอีก เพื่อนเจ้าถามว่า เจ้าทำแบบนี้เพื่อให้นางสบายใจใช่ไหม แต่เจ้าตอบว่าไม่ใช่ เจ้าทำเพื่อความสบายใจของเจ้าเอง”

คนเล่าเงียบไปนาน จนคนฟังต้องถาม

“คำถามคือ”

“เจ้าคิดอะไรกับเพื่อนคนนี้ไหม”

“ไม่คิด”

ฟีเรียสรู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบ

“ก็แปลก” คนฟังขมวดคิ้ว โรดีอัสจึงย้ำ “ไม่คิดก็แปลก แล้วเจ้าไม่ได้ถามหรือ ว่าทำอย่างนี้แล้วสบายใจตรงไหน”

“ข้าไม่...” ไม่มีโอกาสถาม ไม่กล้าถาม คำตอบคือสองอย่างนี้ แต่โชคดีที่เขาไหวตัวทัน “ไม่ใช่เรื่องของข้า บอกแล้วว่าสมมติ”

“เออ สมมติก็สมมติ” ร้อยทั้งร้อย จริงชัวร์ “ถ้าเป็นข้าทำอย่างนั้น ก็แสดงว่าข้าต้องชอบนาง”

ใจที่หล่นลงไปเมื่อครู่เลื่อนขึ้นมาอยู่ที่หน้าอกดังเดิม แถมยังออกจะคับอกเกินปกติ ราวกับว่าไม่ใช่หัวใจดวงเดิมที่ทำหล่นลงไป

“บางทีเจ้าอาจจะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นไม่เหมาะกับเพื่อนเจ้า เจ้าก็เลยหวังดี อยากช่วยนาง”

“สรุปว่าข้ารู้จักผู้ชายคนนั้น”

“ไม่รู้จัก”

“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันเลวหรือไม่เลว”

“เจ้าไม่ได้เห็นว่าเขาเลว เจ้าแค่คิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่เหมาะกับเพื่อนเจ้า”

“ขอคำอธิบายคำว่า ไม่เหมาะ ของเจ้าหน่อยซิ”

ฟีเรียสเงียบ ก่อนจะตอบเสียงเบา

“ข้าไม่ใช่เจ้า” 

“เออ ข้าก็ไม่ใช่ข้า” ถึงจะพูดให้งงๆ ขำๆ แต่โรดีอัสก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจ “เจ้าต้องไปถามคนในเหตุการณ์สมมติของเจ้าเอง แต่ถ้าถามความเห็นข้า ข้าว่าข้าหวงก้างว่ะ”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว บทสรุปแบบนี้เขาไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่

“เจ้าอยากจะบอกข้าไหม ว่าเจ้าไปทำแบบนี้กับใคร หรือใครมาทำแบบนี้กับเจ้า”

เจ้าของเรื่องขยับปากหมายจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังแต่ไม่คาดคั้นของอีกฝ่าย เขาก็เปลี่ยนใจ

“สักวัน ข้าอาจจะบอก”




tbc.


*********************************************************

เรื่องสมมติตอนท้ายๆ ดูงงๆ เนาะ เขียนเอง อ่านเอง งงเอง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 06-05-2014 12:39:29

ไม่งงค่ะ เขียนดีมากๆแล้วค่ะ...ชอบมากกกกกก

อ่านแล้วเข้าใจเหมือนนั่งดูเหตุการณ์ใกล้ๆ อ่านไป เขินไป ลุ้นไป
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 12:52:12
องค์ชายสู้ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 06-05-2014 13:12:36
ฟีเรียส ตาบื้อออออออ คือถ้าจะให้ชัดกว่านี้ ก็ให้องค์ชายลากเข้าห้องนอนไปเลยเหอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 06-05-2014 13:25:07
งื้อออ
ขยับทีล่ะกระดึบๆ
ค่อยๆ เข้าไปทีละนิด
ชอบอ่ะ ดูแล ใยรักของข้า :)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 06-05-2014 13:27:31
องค์ชายรุกเลยๆๆ ฟีเรียสเค้าคิดไม่ทันรุกหนักๆเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 06-05-2014 15:01:04
เจ้าชายรุกหนักๆเลยเถอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 06-05-2014 15:38:47
กรี๊ดดดดด
รามิเรสสสสสสสสสสสสส
สู้ๆๆ อยากถือพู่ไปเชียร์จริงจัง แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-05-2014 15:51:54
เริ่มสงสารองต์ชาย ฟีเรียสทั้งซื่อ ทั้งบื้อ ทั้งหยิ่งทะนง ทั้งเข้าใจอะไรย๊ากยากกกกก เฮ้อ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-05-2014 16:23:57
เจ้าชายสู้ๆ โตกว่าท่านน่าจะดูอาการเด็กฟีเรียสออกน๊า

ฟีเรียสอย่าจริงจังกับทุกเรื่องให้มากนักเลย ปล่อยสบายๆบ้างก็ได้

โรดีอัสคิดเกินเพื่อนเปล่า เซ้าซี้จุงเบย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2014 19:03:40
ฟีเรียสคิดมาก มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
องค์ชายรามิเรสสู้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-05-2014 20:19:43
เอาใจช่วยเจ้าชายสุดๆ อ่ะ  :110011:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 06-05-2014 20:53:10
เจ้าชายหวงก้างเหรอออออออ ฮิ๊ฮิ๊ :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 06-05-2014 21:21:13
รามิเรส เรื่องถอนหมั้นทำให้มันจบแบบจริงๆสักทีสิ
ตอนนี้ฟีเรียสเขาเริ่มหัวใจพองโตกับท่านแล้วนะ
ระวังคู่หมั้นจะแกล้งมาเจาะแตก


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 06-05-2014 23:25:05
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 07-05-2014 06:52:35
โรดีอัสตลกก  o18
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-05-2014 19:49:36
สนุกง่ะ สนุกมาๆเลย ตอนทีาโรดิอัสถามนี่ใจเต้นเลยนะ 55555
กลัวความลับจะรั่วไหลแทน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 14-05-2014 12:57:54
 :katai5: :katai5: :katai5:

กระดึ๊บตามมาอ่าน

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-05-2014 18:19:46
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ >>> มากดดัน :katai3:

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 16-05-2014 18:58:58
 :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 17-05-2014 10:24:19
บทที่ ๒๐

ไม่มีสุดสัปดาห์ไหนเลยที่ฟีเรียสไม่ได้ทะเลาะกับเจ้าชายรามิเรสด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าจะกลายมาเป็นเรื่องทะเลาะ

คนหนึ่งบอกเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรักษาคำพูด ทั้งที่รับปากเขาแล้วว่าจะไม่ซื้ออะไรให้แต่ก็ยังซื้ออยู่นั่น คิดจะใช้เงินซื้อเขาหรือยังไง

ส่วนอีกคนก็บอกเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมยืดหยุ่นเสียบ้าง ตรงทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ตลอดเวลา พระองค์ไม่ได้ทรงซื้ออะไรประทานให้เขาเลยแท้ๆ อาทิตย์ก่อนก็ยอมให้เขาออกเงินค่าวัตถุดิบที่ซื้อมาทำกับข้าวแล้วแท้ๆ แค่นับจากนี้ไปพระองค์จะทรงวางเงินค่ากับข้าวไว้ให้ในโถเคลือบในครัว ให้เขาหยิบเอาไปใช้ได้ตามใจชอบเท่านั้นเอง พระองค์ทรงเป็นคนจ้างเขามา เรื่องกินเรื่องอยู่ พระองค์ทรงรับผิดชอบทั้งหมดก็ถูกต้องแล้ว ยังจะมาต่อรองขอออกครึ่งหนึ่งให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้ต้องเสียเวลาเสียอารมณ์ ทะเลาะกันไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ทำไม

ฟีเรียสยอมใครเสียที่ไหน เอาเป็นว่าปกติแล้วเรื่องไหนที่ยอมได้เขาก็มักจะยอมๆ ไปเพื่อจะได้ไม่มีเรื่องก็จริง แต่สำหรับคนอย่างเจ้าชายหกแห่งไมซีนนั้นเขาถือเป็นข้อยกเว้นมานานแล้ว เมื่อพระองค์ว่าอย่างนี้ เขาก็ว่าจะจ่ายเงินให้พระองค์เหมือนกัน ค่าที่พระองค์ทรงฝึกซ้อมกระบี่ให้จนฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นมาก

"ข้าเป็นรุ่นพี่ เต็มใจสอนให้รุ่นน้อง เจ้าจะจ่ายเงินให้ข้า ดูถูกน้ำใจข้าหรือ"

เออ ดี เป็นงั้นไป ให้มันได้อย่างนี้ ที่เลวร้ายก็คือ พอพระองค์รับสั่งถ้อยคำทำนองนี้ขึ้นมาทีไร เขาเป็นต้องแพ้ทางพระองค์ ไปต่อไม่ถูกเกือบทุกที หนังสือเกร็ดประวัติศาสตร์และนิยายผจญภัยที่เขาชอบอ่าน ฝ่ายนั้นก็ขนมาจากพระตำหนักของพระองค์เสียมากมาย ให้คนจัดใส่ตู้ใบใหม่ในห้องหนังสือไว้เรียบร้อย พร้อมกับรับสั่งอนุญาตว่าให้ยืม จะยืมคราวละกี่เล่ม ยืมนานเท่าไรก็ได้ แต่ดูหนังสือของพระองค์เถอะ ถึงจะรับสั่งว่าหนังสือเก่า แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดีทุกเล่ม ปกหนา หน้าปกดุนลายทอง ถ้าเขายืมไปอ่านที่ตึกนอนที่โรงเรียนองครักษ์ มิถูกโรดีอัสสงสัยแย่หรือว่าเขามีปัญญาไปหาจากไหนมาอ่าน ดีไม่ดีจะเข้าใจผิดว่าคุณชายมิทรอสให้เขายืมด้วยความเสน่หาอีก ครั้นเขากราบทูลไปว่ากลัวเพื่อนจะสงสัย พระองค์ก็โปรดให้เขาอ่านตอนอยู่ที่บ้านริมผา กลายเป็นว่าทำให้เขาลำบากใจที่ต้องเบียดบัง 'เวลาทำงาน' ไปหาความสุขส่วนตัว พอพระองค์รับสั่งว่าจะทรงอ่านเหมือนกัน เขาก็ยิ่งไม่ชอบใจ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าพระองค์ยิ่งทรงทำเพื่อเขามากขึ้น

"งั้นเจ้าอ่านให้ข้าฟัง"

พระองค์ทรงเป็นเด็กสามขวบรึยังไง

"รับสั่งให้กระหม่อมทำอย่างอื่นเถอะพระเจ้าค่ะ"

"เจ้าอยากทำอะไร"

"ทำอย่างที่ฝ่าบาทโปรด"

ตอบไปแล้วอย่างฉิวๆ แล้วก็ถึงกับชะงักเมื่ออีกฝ่ายมองเขาด้วยสายพระเนตรแปลกๆ เขาเกือบจะถามออกไปด้วยความระแวงแล้วว่า ทรงคิดอะไรอยู่ ดีที่อีกฝ่ายตรัสตอบเสียก่อนว่า

"งั้นก็ฟังเจ้าอ่านหนังสือ"

ที่จริงก็คงเรียกว่าโชคดีไม่ได้สินะ เพราะที่ทะเลาะกันมาตั้งนานนี่ก็เท่ากับเขาพายเรือในอ่างแท้ๆ

พ้นเรื่องหนังสือไปก็มีเรื่องบรรดาสิ่งของทั้งหลายที่เขามองตอนเดินดูร้านรวงต่างๆ ในตลาดเชิงเขาอีก ฟีเรียสต้องเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอย่ามองอะไรนานเกินไป ไม่อย่างนั้นคนที่เดินไปด้วยกันจะทรงเหมาว่าเขาอยากได้และซื้อประทานให้ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

"แค่ของกิน เจ้าก็ปฏิเสธข้าหรือ"

ไปเป็นนักการทูตเสียน่าจะดี ไม่ต้องเป็นแล้ว เจ้ากรมสรรพาวุธ หรือจะเป็นถูกตำแหน่งแล้ว เพราะวาจาคืออาวุธ ได้ เอาเป็นว่าเรื่องของกินเขาไม่ปฏิเสธ เพราะเวลาที่เขาซื้อถวายบ้าง พระองค์ก็ไม่ทรงปฏิเสธเขาเหมือนกัน เพียงแต่ที่เขาไม่ค่อยอยากจะซื้ออะไรถวายก็เพราะรอยยิ้มประหลาดๆ ของพระองค์นั่นล่ะ ไม่ต้องทำราวกับว่าซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจของเขามากมายขนาดนั้นก็ได้

อย่างไรก็ดี ฟีเรียสถูกใจมีดสั้นเล่มหนึ่งที่ร้านขายอาวุธ เป็นมีดเงินพื้นปลอกลงดำเป็นลวดลายที่เขารู้สึกชอบมาก ชายหนุ่มยืนดูมันอยู่นานทั้งที่ตัดสินใจตั้งแต่แวบแรกที่เห็นแล้วว่าจะซื้อ ดูละเอียดรอบหนึ่งแล้วจึงถามราคา ปรากฏว่าราคาสูงเสียจนเขาอึ้ง

“เล่มนี้เพื่อนข้าฝากขายครับ มันร้อนเงิน ถึงต้องเอาสมบัติเก่ามาหากิน เป็นของดีจริงๆ ครับ ร้านข้าไม่มีของดีอย่างนี้มาขายหรอก” เจ้าของร้านบอกสรรพคุณมากมาย แต่สรุปว่าลดราคาให้ไม่ได้ “ซื้อไปเถอะน้องชาย รับรองไม่ผิดหวัง”

ถึงไม่ใช่ของใหม่ ฟีเรียสก็ยังอยากได้ แต่เขารู้ดีว่าไม่สามารถซื้อได้แน่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงิน แต่เขาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อของไม่จำเป็นอย่างนี้ไม่ได้ พอได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์ เขาก็จะมีกระบี่ประจำตัว ไม่จำเป็นต้องพกมีดสั้น ชายหนุ่มลูบๆ คลำๆ อย่างเสียดาย ก่อนจะตัดใจวางแล้วบอกขอบคุณพ่อค้า

นักเรียนองครักษ์หนุ่มมีสีหน้าเจ็บปวดทันทีที่เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงหยิบมันขึ้นมาพิจารณาต่อ

“ไม่ต้องห่วง” พระสุรเสียงของเจ้าชายหนุ่มเปี่ยมกระแสอาทร ปลอบประโลม “แพงขนาดนี้ข้าไม่ซื้อให้เจ้าหรอก”

ฟีเรียสยังไม่คลายกังวล เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“และจะไม่ซื้อไว้เองด้วย”

พ่อค้าคะยั้นคะยอเจ้าชายหกอยู่หลายคำ เพราะพิจารณาจากหน้าตาท่าทางและการแต่งกายแล้วคิดว่าราคาแค่นี้พระองค์ทรงซื้อได้สบายๆ ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงรักษาคำพูดของพระองค์

ฟีเรียสเดินจากร้านขายอาวุธนั้นมาด้วยความรู้สึกทั้งโล่งใจและเสียดายระคนกัน

นอกจากเรื่องการซื้อของให้โดยที่เขาไม่ได้ขอแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร ฟีเรียสรู้ตัวดี ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าชายรามิเรสเรียกว่าใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกที เขารู้สึกสนิทใจกับพระองค์มากขึ้น ป้อมกำแพงที่เคยก่อเอาไว้สูงลิบพังทลายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ รู้เพียงว่าเขาห้ามใจตัวเองได้ยากขึ้นทุกที ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขารับงานนี้จากพระองค์แล้วพระองค์ทรงมีท่าทีต่อเขาแปลกไป เหมือนจะ ‘รุก’ มากขึ้น เขาก็ลดการตั้งป้อมลง และโต้ตอบพระองค์กลับไปอย่างเป็นธรรมชาติอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าเขากับพระองค์สนิทสนมกันมานานหลายปี แต่ถึงจะรู้สึกเป็นกันเองกับพระองค์มากแค่ไหน เขาก็ยังมีเรื่องทะเลาะกับพระองค์ได้เรื่อยๆ

เรื่องนิสัยที่แก้ไม่หายของพระองค์นั่นก็อีกอย่าง นิสัยชอบตัดสินใจแทนคนอื่น

“น้องสาวกระหม่อมเขียนจดหมายมาบอก ว่าฝ่าบาทโปรดให้คนเอายากับของบำรุงไปประทานให้แม่ของกระหม่อม”

ถ้าเป็นคนอื่น ประโยคนี้อาจจะหมายความว่าเขากำลังรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันยิ่งนัก แต่นักเรียนองครักษ์หนุ่มกราบทูลด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนคนตั้งใจมาหาเรื่อง

“นางเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”

“ดีขึ้นมากพระเจ้าค่ะ” หลังจากเผลอทูลตอบเสียงอ่อนด้วยความซาบซึ้งไปหน่อย ฟีเรียสก็นึกขึ้นได้ว่าเขากำลังเสียความตั้งใจแล้วกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม... ซึ่งหลังๆ นี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

“ทั้งยา ทั้งของบำรุงดีๆ พวกนั้นคงจะแพงมาก”

“ข้าให้คนไปเบิกมาจากกรมแพทย์หลวง”

แปลว่าไม่ต้องจ่าย

“แต่แม่ของกระหม่อมไม่ใช่คนในราชวงศ์”

“นางเป็นแม่ของเจ้า”

แล้วยังไงล่ะ ชอบรับสั่งสั้นๆ ทำสายพระเนตรอาทรจริงจังอย่างนี้ เขายิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ รับสั่งออกมาตรงๆ เลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาจะแปลความเข้าข้างตัวเอง

“พระเจ้าค่ะ แม่ของกระหม่อม ไม่ใช่พระมารดาของฝ่าบาท”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตรัสถามตรงๆ

“เจ้าไม่พอใจตรงไหน”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มเม้มปาก เขารู้สึกว่าตัวเองชักจะนิสัยเหมือนผู้หญิงที่ชอบเหวี่ยงอารมณ์แย่ๆ ใส่คนอื่นโดยไม่มีเหตุผลเข้าไปทุกที ทั้งๆ ที่ใจหนึ่งก็คิดว่าเขามีเหตุผลเต็มเปี่ยม มีจุดยืนของตัวเอง เขาก็แค่ไม่อยากให้พระองค์ประทานอะไรๆ ให้แก่เขามากเกินไป... เกินกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ และคงจะรวมถึงในอนาคตด้วย

“ตอบไม่ได้หรือ”

ฟีเรียสเงียบ

“งั้นข้าตอบให้เอาไหม”

พระองค์ก็เป็นเสียอย่างนี้ คราวนี้ก็เหมือนกัน ไม่ต้องรอให้เขาพูดหรอกว่าเอาหรือไม่เอา เพราะถึงเขาจะไม่ตอบ พระองค์ก็ตัดสินใจแทนเขาได้อยู่ดี ว่า ‘เอา’

“เจ้าคิดเรื่องเงินมากเกินไป ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่อยากให้ข้าดูถูกว่าเจ้าเป็นคนที่ซื้อได้ด้วยเงิน ถึงไม่อยากให้ข้าซื้ออะไรให้เจ้า แต่ความจริงก็คือ ข้าไม่เคยดูถูกเจ้าเลย ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ดูถูกตัวเอง เอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดอยู่กับเงิน”

ฟีเรียสกัดฟัน เขาไม่ต้องการให้พระองค์มาสอน ไม่ต้องการให้ชี้ทางสว่าง อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ตอนที่เขายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์อย่างนี้ ตอนที่เขาจะหันหลังให้พระองค์ก็ไม่ได้ ต้องยืนกะพริบตาถี่ๆ เพื่อกล้ำกลืนความรู้สึกอับอาย เสียหน้า และสะเทือนใจให้พระองค์เห็น

“อย่าประเมินค่าทุกอย่างที่ข้าให้เจ้าเป็นเงินทองอีก ถือว่าข้าขอ ได้ไหม”

ฟีเรียสอยากจะรู้จริงๆ ว่าเคยมีใครปฏิเสธพระองค์ได้บ้างไหม เวลาที่พระองค์รับสั่งด้วยพระสุรเสียงทุ้มละมุนแบบนี้ อาจจะมีแค่เขาคนเดียวก็เป็นได้

“กระหม่อมก็ขอให้ฝ่าบาทเลิกทำอะไรเพื่อกระหม่อมโดยที่กระหม่อมไม่รู้เรื่องสักที ได้ไหมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ดูๆ ไปเหมือนจะล้อเลียน

“ข้าบอกหรือว่าทำเพื่อเจ้า ข้าเอ็นดูน้องสาวเจ้ามากนะ เฟย์เขียนจดหมายสนุกดี”

แต่ฟีเรียสไม่ตลกด้วย เขาไม่ขำ เขาเครียด

“ฝ่าบาททรงทำเพื่อนาง”

คนฟังชักตงิดพระทัยว่าถ้าไม่รีบแก้ความเข้าใจผิด อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้

“ถ้าข้าบอกว่าทำเพื่อนาง เจ้าจะสบายใจกว่ามั้ย” แต่ไม่รู้เป็นไร พระโอษฐ์จึงรับสั่งออกไปอย่างนั้นได้

“ฝ่าบาททรงมีพระคู่หมั้นแล้ว”

เฟย์เพิ่งจะอายุสิบหก และดูจะปลื้มเจ้าชายหกมาก ฟีเรียสห่วงน้องสาวของเขา ขอให้เขาเชื่อว่านี่คือเหตุผลเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจไปก่อน เพราะเขาคงจะให้อภัยตัวเองแทบไม่ได้ หากต้องยอมรับว่า เขาอิจฉาน้องสาวของตัวเอง

“ข้าก็ไม่ได้คิดกับน้องเจ้าแบบชู้สาว” ออกจะรู้สึกขำเสียด้วยซ้ำที่ฟีเรียสคิดอย่างนี้

“แต่ฝ่าบาทเพิ่งจะรับสั่งว่าทรงทำเพื่อนาง”

เขาไม่ได้อิจฉาหรอก แต่ตอนนี้ตาของเขาร้อนผ่าวไปหมด

เจ้าชายรามิเรสจะทรง ‘ล้อเล่น’ ต่ออีกสักสองสามประโยค แต่พอทอดพระเนตรเห็นสีหน้าท่าทางเหมือนเด็กเสียความมั่นใจอย่างรุนแรงเพราะถูกแย่งความสำคัญของคนตรงหน้าก็ต้องรีบรับสั่งตอบรวบรัดฉับพลัน

“เพื่อเจ้า” ยิ่งทอดพระเนตรก็ยิ่งรู้สึกประหลาด นึกอยากจะดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาแล้วกอดไว้แน่นๆ เพื่อเรียกขวัญให้เสียจริงๆ “ข้าทำเพื่อเจ้าคนเดียวเลย เพราะฉะนั้น ทำตามที่ข้าขอได้ไหม อย่าเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดกับเงินอีก”

ฟีเรียสใจชื้น เขาพยักหน้าตอบเร็วๆ ทั้งที่พยายามจะขัดขืนแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

แต่ก็ช่างปะไร แค่ได้หัวใจกลับคืนมาก็พอ




***********************



“ตอนเจ้าทำงาน คุณชายมิทรอสอยู่กับเจ้าด้วยรึเปล่า”

วันดีคืนดีโรดีอัสก็ถามเพื่อนร่วมห้อง

“อยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง เจ้าถามทำไม”

คนถามพยักหน้าหงึกหงัก ดูจะหายสงสัยแล้ว

“เมื่อวานข้าเจอที่สนามม้า ยังนึกอยู่ว่าจ้างเจ้าทำงานแล้วคงจะไม่ได้อยู่ดูเจ้า” อย่างนี้เขาค่อยหายห่วงเรื่องว่าอีกฝ่ายอาจจะหมายงาบเพื่อนเขาก็เป็นได้หน่อย

ฟีเรียสลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก โรดีอัสชอบถามคำถามนี้กับเขาเหลือเกิน เขารู้ว่าเพื่อนสงสัยและเป็นห่วง แต่เขาก็ภาวนาให้อีกฝ่ายสนใจเรื่องอื่นบ้าง อย่าเป็นห่วงเขาในเวลาที่เขาไม่อยากได้ความเป็นห่วงแบบนี้เลย

อย่างไรก็ดี คำภาวนาของเขาไม่เป็นผล




วันหนึ่ง ขณะที่ฟีเรียสกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง โรดีอัสก็เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยสีหน้ากังวลระคนสงสัยเต็มเปี่ยม เป็นสีหน้าของคนที่รู้ว่าตัวเองคงจะเชื่อใจเพื่อนสนิทไม่ได้อีกแล้ว ที่เลวร้ายกว่านั้นคือดีลุคซก็เดินตามเข้ามาในห้องด้วย แม้สีหน้าจะไม่ผิดปกติมากนัก แต่ก็มีแววสงสัยในดวงตา

ฟีเรียสปิดหนังสือ วางลงในตะกร้า

“มีอะไรหรือ”

ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ดีลุคซปิดประตู ลงกลอน โรดีอัสลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เตียงของเพื่อนสนิท ขณะที่ดีลุคซถือวิสาสะนั่งบนเตียงของโรดีอัส

“มีอะไร โรดีอัส”

เจ้าของห้องครึ่งหนึ่งเอาแต่จ้องหน้าเพื่อนเหมือนจะจับผิด ผู้มาเป็นแขกจึงบอกเสียเอง

“เมื่อวันเสาร์ข้าเห็นเจ้าเดินอยู่ที่ตลาดหมู่บ้านโมคีน”

ฟีเรียสสะดุ้งในใจ

“ใช่เจ้ารึเปล่า” โรดีอัสเปิดปาก

ฟีเรียสชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้า

“เจ้าไปกับใคร”

ฟีเรียสไม่ตอบ ห้องเงียบนาน ก่อนที่คนมีความอดทนน้อยที่สุดจะถามขึ้น

“เจ้าชายหก ใช่ไหม”

“ใช่ มีอะไร”

“เจ้าเพิ่งบอกข้าว่าเจ้าไปทำงานให้คุณชายมิทรอสมา เขาให้เจ้าจัดห้องหนังสือ”

“ก็ใช่”

“แล้วเจ้าไปเดินตลาดกับเจ้าชายหกได้ยังไง”

“พระองค์กับคุณชายมิทรอสเป็นเพื่อนกัน คุณชายให้ข้าตามเสด็จไปช่วยถือของ”

“แค่นั้น”

“อืม” เห็นอีกฝ่ายเริ่มจะทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจ ฟีเรียสก็ทำใจดีสู้เสือ รุกถาม “เจ้าสงสัยอะไร”

โรดีอัสหันไปทางดีลุคซ

“ดีลุคซบอกว่าท่าทางเจ้าดูสนิทสนมกับพระองค์มาก”

ความจริงคือนักเรียนองครักษ์ที่หน้าตาดีที่สุดในรุ่นมาถามโรดีอัสว่า ‘ฟีเรียสสนิทกับเจ้าชายหกหรือ’ ครั้นโรดีอัสถามว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น ดีลุคซก็บอกตามตรงว่าเขาเห็นทั้งสองคนเดินอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฟีเรียสต้องเจอปัญหา เพียงแต่โรดีอัสช่างสงสัยเกินไป และดีลุคซก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการรับมือกับการถูกซักฟอกอย่างฟีเรียส เพราะฉะนั้นเมื่อถูกโรดีอัสถามว่า ยังไงที่เรียกว่า ‘ดูสนิทสนม’ ดีลุคซก็ว่า ‘นั่งกินอาหารกันสองคน’ แต่ยังดีที่ไม่ได้บอกจนหมดเปลือกว่า ‘เจ้าชายหกทรงเช็ดคราบอาหารตรงมุมปากประทานให้ด้วย’ เขาเห็นว่าโรดีอัสและฟีเรียสสนิทกันมาก ฟีเรียสไม่น่าจะมีเรื่องปิดบังโรดีอัส เขาจึงไม่ได้รอถามกับฟีเรียสเอง เป็นผลให้ฟีเรียสต้องตกที่นั่งลำบากอยู่อย่างนี้โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ

“เจ้าดูผิดรึเปล่า” ฟีเรียสหันไปถามแขก

“อาจจะเป็นไปได้” ดีลุคซเองก็อยากจะแก้ตัว หลังจากคุยกับโรดีอัสไม่นาน เห็นสีหน้าท่าทางเหมือนคนถูกหักหลังของโรดีอัส เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ที่ไม่เข้าใจตั้งแต่แรกก็เพราะไม่คิดว่าคนอย่างฟีเรียสจะเป็นเหมือนเขา... เขาดูไม่ออกจริงๆ

“เจ้าอย่ามากลับคำตอนนี้ ดีลุคซ” โรดีอัส... กัดไม่ปล่อย “เจ้าไปสนิทกับเจ้าชายหกตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟีเรียส”

“ข้าไม่ได้สนิทกับพระองค์”

เพื่อนร่วมห้องมองตากันนิ่งเพื่อวัดใจ

“พวกเจ้าอยากให้ข้าออกไปก่อนไหม” เขาไม่ได้ต้องการสอดรู้ เพียงแต่โรดีอัสขอให้เขามายืนยันว่าเห็นจริง ครั้นโรดีอัสพยักหน้าให้ ดีลุคซก็ออกจากห้องไปโดยไม่ลืมบอก

“พวกเจ้าคุยกันดีๆ ล่ะ”

ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ทันทีที่ประตูปิด โรดีอัสก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ฟีเรียสกำมือ

“เจ้าค้นตู้เสื้อผ้าข้า”

“เจ้าทำตัวน่าสงสัย”

“คืนมา” เจ้าของตลับยาสีเงินแบมือ และอีกฝ่ายก็วางคืนให้แต่โดยดี ทว่าสีหน้าเคร่งเครียดหนักกว่าเดิม

“เจ้าหวงขนาดนี้เชียวเหรอวะ” แค่ตลับยาที่มีพระนามาภิไธยย่อจารึกอยู่

ฟีเรียสไม่ตอบ

“ฟีเรียส” น้ำเสียงของคนเรียกจริงจังกว่าครั้งไหน “เจ้าเห็นข้าเป็นเพื่อนไหม”

คนถูกถามพยักหน้าเนิบๆ

“งั้นก็เล่ามา”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูด” เพราะถ้าเขาพูด อีกฝ่ายนั่นล่ะที่จะไม่อยากนับเขาเป็นเพื่อน อีกแค่เดือนกว่าๆ ก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คราวนี้กว่าจะเจอกันแต่ละทีก็อาจจะนาน แค่ผ่านช่วงนี้ไปได้ โรดีอัสซึ่งไม่ได้อยู่กับเขาเกือบตลอดเวลาอีกก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปได้

“เจ้าอย่าสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย นอนเถอะ ข้าจะไปหาวาดีนเดี๋ยว ยืมหนังสือเขาไว้”

คนตัวสูงใหญ่กว่าไม่พูดอะไร จนกระทั่งฟีเรียสจับลูกบิดประตู

“คนที่เจ้าไปหาทุกอาทิตย์ คือเจ้าชายหกใช่ไหม”

คนมีชนักติดหลังจับลูกบิดแน่น เหงื่อออกจนชุ่มฝ่ามือ

แม้จะเนิ่นนาน แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้า

“ถ้าข้าเล่าให้ฟัง เจ้ารับปากได้ไหมว่าจะยังเป็นเพื่อนกับข้า”

“แน่นอน” ไม่มีอะไรทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างเขากับฟีเรียสคลอนแคลนได้

ฟีเรียสเดินกลับมานั่งที่เดิม เขาเครียด เขากังวล เขากลัวจะเสียเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ต้องการคนที่เขาไว้ใจ ที่จะให้คำปรึกษาแก่เขาได้ หรืออย่างน้อยก็รับฟัง

ฟีเรียสเชื่อว่า มิตรภาพระหว่างเขากับโรดีอัสมั่นคงพอ

“เจ้าจำวันที่ท่านผู้อำนวยการจัดงานเลี้ยงที่บ้านได้มั้ย”

ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยประโยคนั้น และโรดีอัสก็พยักหน้า

คนฟังเบิกตากว้าง มีสีหน้าเคียดแค้นเมื่อรู้ว่าคืนนั้นเพื่อนของเขา ‘ถูกกระทำ’ แบบไหน เจ็บปวดเมื่อคิดว่าทั้งที่เขาอยู่ในงานด้วยแท้ๆ แต่กลับช่วยเพื่อนไม่ได้

ฟีเรียสเล่าคร่าวๆ ว่างานพิเศษทุกงานที่คุณชายแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมจัดหาให้ เป็นผลมาจากความเอื้อเฟื้อของเจ้าชายหกแห่งไมซีน

“พระองค์อยากจะชดใช้ให้ข้า เพราะทรงรู้สึกผิดมาก”

“เจ้ารู้ได้ยังไง”

“รับสั่งบอกข้าเอง”

“แล้วเจ้าก็เชื่อ”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว แล้วทำไมเขาต้องไม่เชื่อล่ะ

“ถ้าเป็นข้า ต่อให้เมาเป็นหมาหรืออยากแค่ไหน ข้าก็เอาผู้ชายด้วยกันไม่ลง เอาไอ้นั่นแหย่เข้าไปในรูตูดผู้ชายด้วยกัน ทำได้ยังไงวะ” โรดีอัสหยุดพูดเมื่อเห็นเพื่อนหน้าซีด “เฮ้ย! ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า ข้าแค่เจ็บใจที่เจ้าโดนหยามขนาดนั้น เจ้าน่าจะบอกข้า เออ... พูดไปมันก็เป็นความผิดของข้าด้วยที่ไม่เฉลียวใจ ทั้งที่เจ้าไม่สบายหนักขนาดนั้น ดันเชื่ออีกว่าเจ้าเหนื่อยติดกันมาหลายวันเลยป่วย ขอโทษว่ะฟีเรียส”

คนพูดบอกเสียงหนัก สีหน้าจริงใจและเสียใจจริงๆ ฟีเรียสพยักหน้ารับ ขยับปากแต่ไม่มีเสียง รู้สึกว่าทั้งหัวและตัวหนักอึ้ง

“แต่เจ้าก็น่าจะบอกข้า ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ข่มขืนใครตามใจชอบ แถมเจ้ายังเป็นนักเรียนองครักษ์ เป็นเจ้าชายแต่ทำตัวแบบนี้ จะให้พวกเราไปปกป้องรับใช้ได้ยังไงวะ”

โรดีอัสชักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายเงียบผิดปกติ มิหนำซ้ำยังหน้าเครียดขึ้นทุกที

“ฟีเรียส พูดอะไรบ้างดิวะ เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรไหม” เขาเต็มใจช่วยเหลือเต็มที่ ทั้งที่รู้ดีว่าต่อให้บิดาของเขาเป็นเสนาบดี ก็ไม่แน่ว่าจะเรียกร้องอะไรจากเจ้าชายได้ เจ้าชายแห่งไมซีนทุกพระองค์ทรงอิทธิพลเหนือขุนนาง เพราะไมซีนปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

“ขอบใจเจ้ามาก แต่มันผ่านมาแล้ว แค่เจ้ายังรับข้าเป็นเพื่อนก็พอ”

“เจ้ามันโชคร้ายว่ะ ฟีเรียส ข้าจะตัดเพื่อนกับเจ้าเพราะเจ้าโชคร้ายถูก...” คราวนี้เขายั้งปากได้ทัน แต่นึกถึงทีไรก็ยังแค้นใจ “เออ เอาเป็นว่าทีหลังถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าห้ามปิดบังข้าอีกเด็ดขาด”

“อืม”

โรดีอัสสบายใจขึ้น ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาจะนึกขึ้นได้ว่า เรื่องที่เขาต้องการรู้จากอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องนี้

“ข้ายังไม่ได้ถาม เจ้าไม่เคียดแค้นเจ้าชายชั่วนั่นบ้างเหรอวะ”

“พระองค์ทรงถูกยากระตุ้น”

“เจ้านี่มันใจดีฉิบหาย ถูกยากระตุ้นแล้วมีสิทธิ์ข่มขืนผู้ชายเหรอวะ”

“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ข้าไม่อยากพูดถึง”

“ถ้าเจ้าไม่อยากพูดถึง เจ้ายังไปพบพระองค์อยู่อีกทำไม” จากตอนนั้นถึงตอนนี้ เวลาก็ผ่านมาเกือบจะเป็นปี

“ข้าบอกเจ้าแล้ว มันเป็นงาน”

“คนอย่างเจ้าไม่น่ารับงานจากคนที่เหยียดหยามเจ้าขนาดนี้ได้ บอกมาดีกว่าฟีเรียส ยังมีเรื่องอะไรที่ข้ายังไม่รู้อีกใช่ไหม เจ้าชายหกข่มขู่อะไรเจ้า บอกว่าถ้าเจ้าไม่ไปหาจะทำให้เจ้าเดือดร้อนใช่ไหม ขู่ว่าจะเอาเจ้าออกจากโรงเรียนรึเปล่า”

ฟีเรียสเหมือนน้ำท่วมปาก เขาซึ้งใจที่เพื่อนเป็นห่วง เป็นเดือดเป็นแค้นแทน แต่นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการในเวลานี้

“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”

“แล้วมันยังไง”

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าชายหกทรงรู้สึกผิดเลยพยายามหาทางชดใช้ ตอนแรกจะให้เงิน แต่เจ้าก็รู้จักข้าดีว่าข้าเกลียดพวกที่ใช้เงินฟาดหัว พอข้าไม่รับพระองค์เลยเปลี่ยนมาหางานพิเศษให้ แต่ทรงออกหน้าเองไม่ได้ ต้องผ่านคุณชายมิทรอส”

“สรุปว่าคุณชายมิทรอสก็รู้เรื่อง”

ริมฝีปากของฟีเรียสเป็นเส้นตรงขณะพยักหน้า

“มันใช่ลูกผู้ชายเหรอวะ เอาเรื่องที่ข่มขืนผู้ชายไปเล่าให้เพื่อนฟัง เนี่ยเหรอวะรู้สึกผิด ไม่ใช่หัวเราะเยาะเจ้ามาหลายเดือนแล้วเรอะ”

ฟีเรียสเงียบ

“เจ้าเชื่อคนง่ายเกินไป ถ้ารู้สึกผิดจริงก็ต้องไม่ยุ่งกับเจ้าอีกสิวะ ยังติดต่อกับเจ้าอยู่แบบนี้ข้าว่ามันแปลก อาจจะหวังเอาเจ้าอีกรอบก็ได้”

“เป็นไปไม่ได้”

“เจ้ามั่นใจได้ยังไง”

เพราะว่า เขาเคยยืนเปลือยต่อหน้าพระองค์มาแล้ว ผลเป็นยังไงน่ะหรือ แค่มอง... พระองค์ยังไม่อยากจะมอง

“พระองค์ทรงเป็นผู้ชาย”

“แต่ข่มขืนผู้ชาย”

“ไม่ได้ข่มขืน!”

โรดีอัสนิ่งอึ้ง

“ต้องเสียงดังด้วยเหรอวะ” ประโยคนี้พูดกับตัวเอง คำถามจริงๆ ก็คือ “โกรธเหรอวะ ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้รังเกียจเจ้า”

ฟีเรียสกัดฟัน ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่เขาไม่อยากพูด

“ข้ารู้ เจ้านอนเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่นสักเดี๋ยว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ทว่าโรดีอัสยังไม่จบเรื่อง

“เจ้าอยู่ให้ห่างจากเจ้าชายองค์นี้ไว้ดีกว่า ยิ่งเป็นเพื่อนกับคุณชายมิทรอสที่ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายแบบนั้นยิ่งไม่น่าไว้ใจ ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกหลอกฟัน...”

“ข้าเต็มใจ”

ฟีเรียสพูดเบาๆ มองตาเพื่อนแวบเดียวแล้วก็เบือนหลบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังไปกว่าเดิม

“คืนนั้นพระองค์ทรงถูกยากระตุ้น แต่ข้าไม่”

โรดีอัสมีสีหน้าอย่างคนเพิ่งนึกขึ้นได้ มองเพื่อนอย่างเริ่มระแวง

“ตัวข้ากับพระองค์ก็พอๆ กัน ถ้าข้าขัดขืนเต็มที่ พระองค์ก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

“ทำไมวะ”

เสียงถามแผ่วเบาราวกระซิบไม่ต่างกัน ไม่ใช่ทำไมถึงทำอะไรไม่ได้ แต่... ทำไมไม่ขัดขืน

“ข้าชอบพระองค์มานานแล้ว”

ความลับนี้ไม่เคยบอกใคร แต่บอกออกไปแล้วด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เขาแค่อยากจะบอกใครสักคน แต่เมื่อพูดไปแล้วก็เรียกคืนมาไม่ได้ ใจเขาวูบโหวงทีเดียวเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน

“เจ้า... ชอบผู้ชาย”

ฟีเรียสพยักหน้า โรดีอัสผงะทันที เขาลุกขึ้นยืน สองคนยืนมองหน้ากันอยู่ครู่ ครั้นฟีเรียสขยับเข้าไปหาหนึ่งก้าว โรดีอัสก็เซถอยไปสองก้าว ก่อนจะผลุนผลันหันหลังออกจากห้องไป

ทิ้งสีหน้าและสายตาสับสนปนขยะแขยงเอาไว้ให้เพื่อนรักนอนคิดถึงอยู่ทั้งคืน







tbc.

************************************************


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-05-2014 11:08:55
เจ็บ!!! :mew6 สงสารฟีเรียส โอ๋ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 17-05-2014 11:14:01
ไม่น่าบอกโรดีอัสเลย น่าจะปากแข็งต่อไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ฟีเรียส คงไม่กล้าบอกองค์ชายหกว่า ที่ไม่อยากให้ซื้ออะไรให้

เพราะไม่อยากสำคัญตัวผิด และจะเกิดความหวังจนยากจะตัดใจ

สงสารฟีเรียส  :z3:

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 17-05-2014 11:26:29
 :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-05-2014 11:55:53
 :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 17-05-2014 12:45:01
ปล่อยให้เค้าได้คิด ถ้าคำว่าเพื่อนมีค่ากับเค้ามาพอเค้าจะกลับมา อย่ารั้นไปหาเค้านะฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 19 (6 พ.ค. 57) หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-05-2014 13:00:51
โธ่ สงสารฟีเรียสจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 17-05-2014 13:08:30
เอ๊าาาา โรดีอัสสส  :z3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 17-05-2014 13:23:46
เกิดเป็นฟีเรียสนี่ลำบากจังน้อ :sad4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 17-05-2014 13:32:51
ห่วงน่ะรู้ แต่ตัวเองมาคาดคั้นจับผิดจนเพื่อนอึดอัด พอได้ความก็รังเกียจ
คำว่าเพื่อนของนายมีนิยามว่ายังไงวะโรดีอัส

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 17-05-2014 16:06:33
กรี๊ดดด ทำไมชั้นรุ้สึกเจ็บอ่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-05-2014 16:55:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 17-05-2014 16:59:42
เจ้าชายสู้ๆ รีบมาปลอบใจเร็ว

โรดิอัส ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวฟีเรียสก็คิดมากอีก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-05-2014 17:54:42
โรตีอัส เธอใช้ความสนิทสนมและใช้ความหวังดีบังหน้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากไปแล้ว

ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นอะไร สิ่งที่ควรมีคือการเคารพการตัดสินใจและเคารพในตัวตนของคนอื่น

ถ้าสอดรู้เองแล้วกลัวเอง ก็ไปไกลๆเถอะ น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-05-2014 20:05:58
โรดีอัสเยอะไปนะคะ...
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2014 20:38:51
สุดท้ายก็ดีแต่พูด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: tou ที่ 17-05-2014 21:31:16
คุณโรดีอัสนี่ยังไงกันคะ คนเค้าไม่อยากพูดก็ไปบีบบังคับกดดันให้พูด
พอเค้ายอมเล่าก็ไปทำท่าไม่ดีใส่น้องฟีอีก
เยอะไปนะคะเรา  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 17-05-2014 21:47:32
โรดีอัส ไหนว่าเป็นเพื่อนกันไงทำไมทำแบบนี้
สงสารฟีเรียสอ่ะ โธ่นึกว่าจะปรึกษาได้   :z6:
รอเจ้าชายหกมาปลอบใจอยู่
ชอบเรื่องนี้มาก เป็นกำลังใจให้คุณชุน นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 18-05-2014 14:49:27
สงสารฟีเรียสมากๆ ไหนตอนแรกบอกให้เล่าให้หมด
พอเล่าแล้วก็มาทิ้งไว้แบบนี้ TT อุตส่าห์เบิกบานมาจากฉากหวานๆกับเจ้าชาย

รอคุณชุนมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-05-2014 16:14:06
กระโดดถีบโรดีอัสแล้วตัดเพือ่น :z6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 18-05-2014 23:04:16
รอตบโรดีอัส  :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 19-05-2014 09:38:09
โรดีอัสโหดร้ายยยยยยยย
สงสารฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 24-05-2014 09:39:01
ตามอ่านทันแล้ว ^^
ความสัมพันค่อยๆคลืบคลานจริงๆ แต่เจ้าชายรุกแล้วค่ะ อิอิ
ฟีเรียสอย่าดื้อมากเลยนะ
ตอนนี้สงสารฟีเรียส โดนเพืีอนสนิทมองด้วยสายตาแบบนั้น
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 24-05-2014 10:48:51
มาทวงงงงงงง

คุณชุนมาต่อให้หน่อยซี อยากอ่านใจจะขาดแย้ววว

เรื่องเวลาด้วย รอพี่เขยกะไทอยู่น้าาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 24-05-2014 20:04:22
นั่นแหล่ะ เซ้าซี้ดีนัก ให้มันรู้กันไปเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 29-05-2014 08:31:29
เหนื่อยไหมฟีเรียสที่มีเพื่อนที่ไม่เข้าใจเราอยู่ข้างกาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: myewmintt ที่ 04-07-2014 20:19:40
สงสารฟีเรียสสสสส
ในที่สุดดดก็ตามทัน รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-07-2014 20:47:31
อ้าว ไหงงั้น ไหนว่าจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ จะตัดความเป็นเพื่อนด้วยเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: iGiG ที่ 08-07-2014 00:16:01
ตั้งใจว่าจะรอเรื่องนี้จบก่อนแล้วค่อยอ่านรวดเดียว เดี๋ยวจะไม่มีสมาธิทำงานทำการเหมือนตอนอ่านเวลา แต่ก็อดใจไม่ไหวจนได้

กรี๊ดดดดดด อุดปาก ทุบหมอน หมั่นไส้ เขิน น้ำตาซึม วี๊ดวิ๊ว ละมุนละไม ความรู้สึกตอบอ่านเรื่องนี้รวดเดียว 20 ตอน ครบถ้วนจริงๆค่ะ

ชอบความสัมพันธ์ที่คืบหน้าไปอย่างช้าๆ และค่อยๆชัดขึ้น

เฝ้ารอตอนต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 09-07-2014 08:24:48
ฟีเรียส
เจ้าหายไปไหน ไปๆ ให้เจ้าชายปลอบเร้วววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-07-2014 16:07:55
โรดีอัสรับไม่ได้?? หรือว่าแค่ต้องการเวลาทำใจ(ให้รับได้)อ่ะ
ขอให้เป็นอย่างหลังเถอะ สงสารฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-07-2014 18:47:28
พี่ชายย ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-07-2014 01:50:55
เพื่อนแบบอีโลตีนี่ไม่น่าคบ ตบซะมั้ยย

รอรอด้วยคนน้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 20 (17 พ.ค. 57) หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ภาพวาดคลุง ที่ 13-07-2014 00:04:48
ทำสารบัญมาฝากครับคุณชุน :กอด1:

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605781#msg2605781)   บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605823#msg2605823)   บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2608307#msg2608307)   บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2613120#msg2613120)   บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2615903#msg2615903)   บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2620490#msg2620490)   บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2623740#msg2623740)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2627485#msg2627485)   บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2630877#msg2630877)   บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634693#msg2634693)   บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634756#msg2634756)   บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2638278#msg2638278)   บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2641607#msg2641607)   บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2644993#msg2644993)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2664520#msg2664520)   บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2671758#msg2671758)   บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2676808#msg2676808)   บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2685210#msg2685210)   บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2691391#msg2691391)   บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2697501#msg2697501)   บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2710823#msg2710823)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 16-07-2014 17:03:40
บทที่ ๒๑

นักเรียนองครักษ์ปีสุดท้ายเกือบทั้งรุ่นรู้ว่าโรดีอัสกับฟีเรียสทะเลาะกัน แม้ไม่มีใครรู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร แต่ก็รู้ว่าร้ายแรงขนาดที่ฝ่ายแรกถึงกับย้ายห้องพัก ไปนอนอัดสามรวมกับเพื่อนอีกห้องหนึ่ง

ฟีเรียสไม่ใช่คนที่มีเพื่อนมาก เพื่อนในกลุ่มของเขาคือเพื่อนที่สนิทกับโรดีอัสมาก่อนทั้งสิ้น ถึงกระนั้นทุกคนก็เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเขา ทั้งกลุ่มมีแปดคน หลังจากโรดีอัสปฏิเสธฟีเรียสอย่างชัดเจนด้วยการลุกออกจากวงกินข้าวทันทีที่ฟีเรียสเดินถือจานข้าวมาถึง เพื่อนในกลุ่มสามคนที่ล้วนเห็นใจเขาก็เดินตามโรดีอัสไป ส่วนอีกสามคนยังนั่งกินข้าวกับเขาอยู่

ทั้งหกคนสลับผลัดเปลี่ยนกันอยู่กับทั้งโรดีอัสและฟีเรียส แม้จะเอือมระอาเต็มทีที่สองคนนี้ไม่มีใครบอกสาเหตุแก่พวกเขาเลย โรดีอัสบอกให้ไปถามฟีเรียส ส่วนฟีเรียสก็เงียบ

อย่างไรก็ดี อย่างน้อยที่สุด ฟีเรียสก็โล่งใจอยู่อย่างหนึ่งว่าเพื่อนสนิทไม่คิดจะบอกความลับของเขาแก่ใคร

ฟีเรียสไม่ใช่คนที่จะเข้าหาคนอื่นได้อย่างง่ายดายนัก ในเมื่อเขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหน เขาก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปคุยกับโรดีอัสเรื่องอะไร ฝ่ายนั้นไม่ได้โกรธที่เขาปิดบังเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่รังเกียจที่เขาชอบผู้ชายด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่สามารถแก้ไขได้

ดีลุคซรู้สึกผิดที่เขาเป็นต้นเหตุให้เรื่องนี้แดงขึ้นมา ชายหนุ่มไม่รู้เรื่องในคืนนั้น แต่เขามั่นใจว่าฟีเรียสชอบพออยู่กับเจ้าชายรามิเรส เมื่อเขาถามฟีเรียสตรงๆ ในคืนหนึ่งแล้วฟีเรียสไม่ยอมรับ ชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นและอาสาจะนอนเป็นเพื่อน

ฟีเรียสปฏิเสธ แต่ทั้งสองก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันจนดึก จนกระทั่งเพื่อนร่วมห้องของดีลุคซมาตาม

จิลเวลเป็นหัวหน้าชั้นปีที่เคร่งครัดระเบียบวินัยมาก ตัวสูง สวมแว่น พูดน้อย และมีบุคลิกที่ดูเย็นชา เข้าถึงยาก แต่ฉลาดและสามารถแก้ปัญหาได้ดี ชายหนุ่มเคาะประตูสามครั้งตามมารยาท ฟีเรียสเป็นคนไปเปิดประตู ทว่าฝ่ายนั้นมองเขาเพียงแวบเดียวก่อนพูดกับคนในห้องประโยคเดียว

“กลับห้อง”

ดีลุคซกระตุกยิ้มมุมปากในแบบที่ฟีเรียสไม่เคยเห็น ก่อนจะเดินมาดึงหัวหน้าชั้นปีเข้าห้องแล้วปิดประตู

“ข้าว่าจะนอนเป็นเพื่อนฟีเรียส”

“ก็ตามใจ”

จิลเวลว่าอย่างนั้น แต่เมื่อจะเดินออกไป กลับถูกดีลุคซดึงแขนไว้ หัวหน้าชั้นปีทำตาดุทันที

“ปล่อย”

ฟีเรียสชักเห็นท่าไม่ดี เขามีปัญหามากพอแล้ว ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครมีปัญหาอีก

“เจ้ากลับไปนอนห้องตัวเองเถอะ”

“นั่งคุยกันหน่อยมั้ย”

ดีลุคซถาม แต่ไม่รอคำตอบ เขาหันไปถามหัวหน้าชั้นปี น้ำเสียงฟังดูอบอุ่นเป็นพิเศษและออดอ้อนอยู่ในที

“เล่าเรื่องของพวกเราให้เขาฟังได้มั้ย”

จิลเวลขมวดคิ้วมองหน้าฟีเรียส ก่อนหันมามองดีลุคซด้วยสายตามีคำถาม

“เขาก็เป็นเหมือนเจ้าตอนแรกๆ ที่ถูกข้าจีบ”

คราวนี้ทั้งจิลเวลและฟีเรียสต่างสะดุ้ง ทั้งสองมองตากัน

คืนนั้นฟีเรียสไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้ากลับมีสีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา นักเรียนองครักษ์หนุ่มสังเกตเพื่อนร่วมรุ่นทั้งสองคนทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งดีลุคซและจิลเวลไม่มีใคร ‘แสดงออก’ แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็เห็นได้ไม่ยาก ว่าทั้งสองดูปฏิบัติต่อกันอย่าง ‘พิเศษ’ กว่าคนอื่น

“เรียนจบแล้ว ข้ากับจิลจะสอบเป็นครูที่นี่”

ทั้งสองคนวางแผนการในอนาคตไว้แล้ว ทั้งยังมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน โรงเรียนองครักษ์อยู่ในความดูแลของกรมองครักษ์ ดีลุคซบอกว่า แม้แต่เจ้าชายฟารุคซึ่งเป็นเจ้ากรมยังมีคนรักเป็นผู้ชายทั้งที่เคยเจ้าชู้มาก มีสนมนางในมากถึงครึ่งร้อย แต่สุดท้ายก็เลิกหมด หากจะมีครูในโรงเรียนองครักษ์ชอบผู้ชายด้วยกันสักคนสองคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฟีเรียสมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ว่ารสนิยมทางเพศของเขาไม่ใช่สิ่งผิด เพียงแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าไม่สามารถเรียกร้องให้ทุกคนยอมรับได้






ฟีเรียสรู้ว่าเขาควรทำยังไง... ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไป แต่เขาก็ทำใจได้ยาก นักเรียนองครักษ์หนุ่มอึดอัดมากขึ้นทุกวัน โรดีอัสเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาที่โรงเรียนองครักษ์ เขาไม่ต้องการจบจากที่นี่ไปด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ แต่ตอนนี้แม้แต่จะมองหน้ากัน โรดีอัสก็ยังไม่ยอมทำ

เพื่อนคนอื่นปลอบใจ ไถ่ถาม แต่เขาน้ำท่วมปาก นานวัน หลายคนก็พลอยหงุดหงิดใส่เขาตามไปด้วย ฟีเรียสตัดสินใจฝากข่าวไปทางมิทรอส ขอให้คุณชายหนุ่มช่วยกราบทูลเจ้าชายหกว่าเขาขอหยุดงาน... อย่างไม่มีกำหนด

เขารู้ว่าทำอย่างนี้ไร้ความรับผิดชอบ เขารู้ว่าไม่ควรโกรธเจ้าชายหก แต่หลายครั้งเขาก็คิด ว่าถ้าเจ้าชายหกไม่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา เขาก็คงไม่ต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยาก ไม่ต้องเสียเพื่อน

ใยรักต้นนั้นโตขึ้นบ้างแล้ว เขาหมั่นรดน้ำทุกเช้าเย็น ขอปุ๋ยจากคนสวนในโรงเรียนมาหยอดมันบ้าง แต่วันนี้หลังจากที่โรดีอัสเปลี่ยนเส้นทางไปต่อหน้าต่อตา เพียงเพื่อจะได้ไม่เดินสวนกับเขา ฟีเรียสก็แทบจะหมดความอดทน

เขายกต้นไม้ที่มีใบรูปหัวใจเป็นกระจุกออกมาวางไว้ตรงระเบียง วางไว้แล้วจึงเดินกลับห้อง มือยังไม่ทันปล่อยจากลูกบิดประตูก็ต้องเปิดออกไปใหม่ แล้วยกกลับเข้ามาในห้องดังเดิม ครั้นมองเห็นเตียงโล่งๆ ที่เจ้าของไม่ได้กลับมานอนอาทิตย์กว่าแล้วชายหนุ่มก็กัดฟัน ดันประตูให้เปิดออกอีกด้วยมือข้างหนึ่ง ถือกระถางใยรักออกไปตรงระเบียงอีกครั้งด้วยมือเพียงข้างเดียว ยืนนิ่งอยู่บนระเบียงแคบๆ อยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจหันกลับ

“เมี้ยววววว!”

แมวลายเสือตัวอ้วนกระโจนจากระเบียงห้องข้างๆ ผ่านหน้า ฟีเรียสผงะถอย กระถางต้นไม้ถูกเหวี่ยงร่วงจากระเบียงชั้นสาม

เพล้ง!

“เฮ้ย! ใครวะ”

ฟีเรียสไม่ได้โผล่หน้าลงไปดูว่าใครพูด ชายหนุ่มเปิดประตูพรวด กระโจนลงบันไดทีละสองสามขั้น ปราดไปถึงซากกระถางที่แตกกระจายแล้วก็รีบประคองเอาต้นไม้สูงเพียงศอกขึ้นมาสำรวจสภาพ เห็นว่ากิ่งหักร่องแร่งไปบ้างแต่รากยังมีดินเกาะอยู่พอสมควรก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

“ต้นไม้เจ้าเองหรือฟีเรียส” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ทำยังไงถึงหล่นลงมาได้วะ” อีกคนถามต่อ

ฟีเรียสเพิ่งเงยหน้ามอง

คนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อนรักที่ไม่ยอมคุยกับเขาเลยเกือบสองสัปดาห์ โรดีอัสมองหน้าเขานิ่ง ตาวาว สีหน้าผสมผสานกันระหว่างความไม่อยากจะเชื่อ ผิดหวัง และเจ็บใจ

“เฮ้ย! เจ้าเลือดไหลนี่หว่าโรดีอัส” ใครอีกคนทักขึ้น

ฟีเรียสยืนขึ้นโดยประคองต้นไม้ไว้ในมือ ตามองตรงขมับขวาที่มีรอยถูกของมีคมบาด เลือดไหลลงมาเป็นทางเล็กๆ

“โดนตอนไหนวะ เจ้าหลบทันนี่หว่า หรือสะเก็ดกระถางกระเด็นมาโดน”

คนมีแผลยังมองหน้าอดีตเพื่อนร่วมห้องอยู่ ฟีเรียสมองตอบ เขาไม่ตกใจเรื่องแผลเล็กๆ ของอีกฝ่าย แต่รู้สึกผิดที่เขาไม่ได้เห็นโรดีอัสตั้งแต่ทีแรกเพราะมัวแต่มองหาซากกระถาง

“ไปทำแผลที่ห้องไหม ข้าทำให้”

โรดีอัสเช็ดเลือดออกลวกๆ แล้วเดินผ่านไปทันที เพื่อนๆ มองหน้ากันพลางพยักพเยิดให้ฟีเรียส แต่เขาตั้งใจจะเดินตามโรดีอัสไปอยู่แล้วแม้เพื่อนจะไม่บอก

“โรดีอัส”

ฟีเรียสเรียกเมื่อเพื่อนสนิทเลี้ยวที่ชั้นสองแล้วเปิดประตูจะเข้าห้องตรงมุมบันได เจ้าของชื่อชะงักแล้วหันมามอง

“ข้าขอโทษ”

โรดีอัสรอฟัง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ แมวของไวซ์กระโดดผ่านหน้าข้า ข้าเลย...”

ปัง!

ดูท่าว่านั่นจะไม่ใช่คำพูดที่โรดีอัสรอฟัง

ฟีเรียสนิ่งงัน ก่อนจะหันหลังกลับไปแล้วพบว่าเพื่อนๆ ต่างมองมาด้วยสีหน้าเห็นใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากฝืดๆ นิดหนึ่งเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นไร






ฟีเรียสรู้สึกว่าเรื่องราวเลวร้ายลงอีกในวันที่สอบต่อสู้แบบจับคู่ โรดีอัสกับเขาจับฉลากได้หมายเลขเดียวกันและฝ่ายนั้นก็เอาจริงเอาจังมาก โดยเฉพาะเมื่อกระบี่เป็นอาวุธที่โรดีอัสถนัดที่สุดและเขาก็ทำได้คะแนนดีเสมอมา ฟีเรียสทำเต็มที่เช่นกัน เขาเคยซ้อมกับโรดีอัสอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดจะสูสีเท่าครั้งนี้ ไม่รู้ว่าโรดีอัสไม่มีสมาธิหรือว่าฝีมือของเขาดีขึ้น

ฟีเรียสค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเป็นอย่างหลัง

ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นเมื่อคิดถึง ‘ครูพิเศษ’ ของเขา แม้จะไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิทก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าโรดีอัสไม่อยากให้เขาอ่อนข้อให้แน่

ฟีเรียสรุกคืบเข้าไปเรื่อยๆ ในจังหวะที่เขาคิดว่าน่าจะรู้ผลแพ้ชนะได้แล้วและครูฝึกก็บอกให้หยุดมือ ชายหนุ่มดึงกระบี่ของตนกลับมา ทว่าอีกฝ่ายกลับยังไม่รามือ คมกระบี่กรีดแขนขวาเขาไปทั้งที่เขาถอยหลบแล้ว เลือดซึมผ่านเสื้อตัวหนาออกมาจนแดงฉานทันที ทว่าฟีเรียสเจ็บหน้าอกมากกว่าเจ็บแขน

ชายหนุ่มมองเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่โรดีอัสก็ดูจะตกตะลึงไม่แพ้กัน ฟีเรียสเห็นความรู้สึกผิดฉายอยู่ในดวงตาของเพื่อน ขณะที่ฝ่ายนั้นก้าวเข้ามาหา ทำท่าว่าจะจับแขนเขาไปดู ทว่าก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น

ไม่ยอมแตะต้องตัว

โรดีอัสกัดฟัน

“ขอโทษ”

แค่นั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะผู้คุมสอบประกาศให้ฟีเรียสเป็นฝ่ายชนะ อบรมกึ่งเตือนโรดีอัสหนักๆ สองสามประโยคและสั่งให้เขาพาฟีเรียสไปห้องพยาบาล ทว่าโรดีอัสหันมองเพื่อนเพียงชั่วอึดใจแล้วก็สั่งให้เพื่อนอีกคนในกลุ่มซึ่งสอบเรียบร้อยแล้วเป็นคนพาไป ส่วนตนเองเดินลิ่วๆ ไปอีกทาง

ฟีเรียสไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับโรดีอัสจะดำเนินมาถึงจุดนี้






คุณชายแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมใช้ให้คนสนิทนำจดหมายมาให้ฟีเรียส ข้างในมีจดหมายเล็กๆ อีกฉบับหนึ่งซึ่งจ่าหน้าซองถึงเขา นักเรียนองครักษ์หนุ่มดูแล้วก็รู้ว่าเป็น ‘ลายพระหัตถ์’ ของใคร หลังจากลังเลใจอยู่นานมาก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดออกอ่าน ข้างในเป็นข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ถามไถ่ถึงสาเหตุที่เขาไม่ยอมไปพบพระองค์ติดกันเป็นอาทิตย์ที่สองแล้ว รับสั่งบอกว่าพระองค์เสด็จไปรอทุกครั้ง รวมทั้งเสด็จไปเสวยอาหารที่ร้านของเด็กหญิงพรีเชียสเพื่อจ่ายเงินสิบเหรียญให้นางด้วย หาไม่นางอาจจะไปส่งข่าวให้ ‘พี่นีน่า’ แล้วพระองค์จะไม่สบายพระทัย

...ไม่ว่าเจ้าจะมีปัญหาอะไร ใหญ่หรือเล็ก ขอให้ปรึกษาข้า อยากให้เชื่อว่า ข้าเต็มใจจะช่วยเหลือเจ้าอย่างถึงที่สุด...

ฟีเรียสทำกระดาษยับเมื่ออ่านถึงประโยคสุดท้าย ชายหนุ่มเขียนตอบสั้นๆ ทั้งที่ยังปวดแขน

‘เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะที่ฝ่าบาทจะทรงช่วย กระหม่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่หากฝ่าบาทจะประทานพระกรุณา กระหม่อมขอเพียงอย่างเดียว... เราอย่าพบกันอีกเลย... เรื่องหนี้ กระหม่อมจะพยายามหาเงินมาทยอยใช้คืนแน่นอนพระเจ้าค่ะ’






หลังจากฟีเรียสส่งจดหมายถวายคืนไปได้เพียงวันเดียว วันรุ่งขึ้นเขาก็ถูกตามตัวไปห้องผู้อำนวยการ

“เจ้าชายหกเสด็จว่ะ ผู้อำนวยการให้ข้ามาตามเจ้าไปเข้าเฝ้าด่วน” ทั้งสีหน้าและสายตาของคนมาบอกช่างอ่านง่าย มีคำถามอยู่เต็มหน้าว่าฟีเรียสไปทำอะไรผิดมารึเปล่า ทว่ารู้จักกาลเทศะดีพอที่จะไม่ถามตอนนี้

“เร็วดิวะ รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย”

“ข้าไม่ไป”

“ฮะ!”

“เจ้าช่วยไปกราบทูลด้วยว่าข้าไม่สบาย”

“ฟีเรียส” คนเรียกหน้าเครียด “เจ้าคิดจะทำอะไร นี่มันเรื่องใหญ่นะเว้ย เจ้าชายทรงรออยู่”

ฟีเรียสรู้ว่าเขางี่เง่า แต่ในสภาพอย่างนี้เขาไปเข้าเฝ้าไม่ได้จริงๆ กลัวว่าจะระเบิดอารมณ์ใส่เจ้าชายหนุ่มทั้งที่รู้ดีว่าพระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรผิดเลย

“เจ้าบอกตามนี้ ข้าไม่สบาย ไปเข้าเฝ้าไม่ได้”

“เจ้าไปทำอะไรผิดมาข้าไม่รู้ แต่บอกตรงๆ เลย ข้ากลัวหัวขาดว่ะ”

“งั้นก็บอกว่าข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าไปกราบทูลแบบนี้เอง”

คนฟังลังเลใจ แบบนี้ถึงความผิดจะตกอยู่กับเจ้าตัวคนเดียว แต่ถ้าเจ้าชายเกิดกริ้วขึ้นมา ใครจะรับประกันได้เล่าว่าเขาจะไม่เดือดร้อนไปด้วย ขนาดท่านผู้อำนวยการเองยังดูเกรงกลัวเจ้าชายหกถึงขนาดนั้น ดีไม่ดีจะเดือดร้อนกันหมดทั้งโรงเรียน แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดขรึมแถมยังหมองคล้ำอย่างคนมีความทุกข์ของเพื่อน เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เออๆ ข้าจะไปบอกให้ แต่ถ้าโดนกริ้วแล้วโปรดให้ข้ามาตามอีกรอบ คราวนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วนะโว้ย”

ฟีเรียสพยักหน้า ถึงตอนนั้นถ้าเขาไม่ไปอีก พระองค์ก็คงจะเสด็จมาเอง ซึ่งเขาไม่ต้องการ

“เดี๋ยว”

คนถูกเรียกหันกลับมา ฟีเรียสชั่งใจ เขาไม่แน่ใจหรอก แต่กันไว้ย่อมดีกว่าแก้

“ถ้าเจ้าชายรับสั่งว่าจะเสด็จมาเยี่ยม เจ้าช่วยกราบทูลด้วยว่าข้าขอร้องว่าอย่ามา”

คนฟังมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด สงสัยจนใกล้เคียงกับระแวง แต่ก็พยักหน้า ก่อนจะเดินแกมวิ่งพลางขมวดคิ้วไปตลอดทาง

หลังจากได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง ทั้งความตระหนักรู้และความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นชัดแจ้ง แจ่มใจกว่าเมื่อครู่มาก ความวิตกกังวลจู่โจม จับใจจนทนนั่งนิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ต้องเดินไปเดินมาเพื่อบรรเทาความกระวนกระวาย

เจ้าชาย... ต่อให้ ‘ใจดี’ แค่ไหนก็ยังคงเป็นเจ้าชาย ไม่ต้องพูดถึงว่ายังเป็นเจ้าหนี้ของเขาอีกด้วย อยู่กันตามลำพังอาจจะพระทัยดีด้วยได้ แต่ถูกปฏิเสธต่อหน้าคนอื่นนี่คงจะทำให้พระองค์ทรงรู้สึกเสียหน้ามากแน่

ทำอย่างนี้ทั้งไม่เป็นผู้ใหญ่และไม่เป็นผลดีแก่ใครเลย

เขาใกล้จะเรียนจบเต็มทีแล้ว แต่เสียเพื่อนสนิทไปหนึ่งคน และตอนนี้ยังเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในใจเพื่อนร่วมรุ่น

เมล็ดพันธุ์ที่เขาไม่แน่ใจเลยว่ามันจะงอกเงยและเติบโตอย่างรวดเร็วหรือไม่ ถึงตอนนั้นคงไม่ใช่แค่โรดีอัสอีกต่อไป

ฟีเรียสกำมือแน่นจนเจ็บ






นักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่รู้ตัวว่าเดินไปมาอยู่ในห้องนานแค่ไหน แต่ทันทีที่ประตูถูกเคาะ คนข้างนอกยังไม่ทันเรียก เขาก็เปิดพรวด

คนที่อยู่หน้าห้องยังเป็นเพื่อนคนเดิมที่มาตาม

“เป็นยังไงบ้าง”
.
.
.
.
.
.

“โรดีอัสถูกเรียกให้เข้าเฝ้าว่ะ”





tbc.


**********************************



สองเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่รู้สึกว่าทิ้งไว้นานขนาดนั้นเลยค่ะ

ตอนหน้า คงจะราวๆ สัปดาห์หน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 16-07-2014 17:41:13
ซวยแล้ว!!! เจ้าชายเรียกพบโรดีอัส เขาจะคุยอะไรกัน ?? ลุ้นตัวโก่งแล้ววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-07-2014 17:50:42
โรดีอัส นิสัยยิ่งกว่าผู้หญิงอีก เพื่อนนะ ทำยังกลับเป็นแฟนแล้วโดนจับได้ว่าถูกหักหลัง

ฟีเรียส พ่อเอย หัดแยกแยะ หน่อย เล่นตัวจริงเชียว จิ๊
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 16-07-2014 18:43:27
ฟีเรียสปากแข็งอีกแล้วว ท้างงปี :ruready
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 16-07-2014 18:53:36
นักเรียนเก่งขึ้นเพราะครูพิเศษ ใช่รึเปล่า  :mew1:

เจ้าชายบุก แถมเรียกคู่กรณีไปอีก ... ลุ้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-07-2014 19:17:24
โรดีอัส นี่มันน่าต่อยให้หน้าแหกจริงๆ  :beat:  :m16:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2014 20:09:51
จากที่เรื่อยๆสบายๆมาตลอดตอนนี้จุกอะ มันแบบว่า อะไรว่ะเนี่ยแต่ละคน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-07-2014 20:16:21
เพื่อนแบบนี้ ไม่ต้องมีก็ได้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-07-2014 20:19:11
เจ้าชายน่าจะพอรู้สินะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-07-2014 20:19:52
ฟีเรียส ทำให้เพื่อนเริ่มสงสัย
ยิ่งหนี ยิ่งปิด ยิ่งเปิด

หลังโรดิอัสเข้าเฝ้า  จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-07-2014 20:35:50
น่ารำคาญโรดีอัส แยกแยะไม่เป็น โตแต่ตัว สมองคับแคบ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 16-07-2014 21:51:32
เห้ยยย ค้างงงงง  :hao7:
โรดีอัสอยากให้ฟีเรียสพูดอะไร อึดอัดแทนน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-07-2014 21:51:40
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 16-07-2014 21:54:12
โรดิอัสโกรธฟีเรียส แล้วทำไมเจ้าชายซวย
ซวยตลอดเลยค่าาาาาาาาา

 :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 16-07-2014 22:22:51
ฟีเรียสๆๆๆๆ ช่างขัดใจจริงๆ ยอมรับใจตัวเองบ้างเถอะ
เป็นไงล่ะไม่ยอมไปพบเจ้าชาย  โรดีอัสโดนเรียกแล้ว เป็นเรื่องล่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-07-2014 22:57:03
สงสารพีเรียสสส โรดิอัสมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าถึงทำแบบนี้กับเพื่อน

ส่วนเจ้าชายพอฟีเรียสไม่ไปหา ก็เลยเรียกโรดิอัสแทนซะเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 17-07-2014 00:16:05
เล่นตัวไปฟีเรียส - -
โรดิอัสอ่ะ ไม่ได้โกรธเพราะฟีเรียสชอบคนเพศเดียวกันหรอก แต่คงโกรธเพราะฟีเรียสไปชอบเจ้าชายมากกว่าตนเอง ทั้งที่ตนเองคอยอยู่เคียงข้างมาตฝอด สินะ?
#โอ๊ย เรียกไปทำอะไร เจ้าชายนะเจ้าชาย จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากเพิ่มน่ะสิ - -'
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 17-07-2014 00:55:23
นี่อะนะเพื่อน รู้ทั้งรู้ เฮ้อ  :z3:   เจ้าชายมา ระเบิดจะลงไหม   :hao4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-07-2014 02:04:41
กำเวงง!! อยากรู้ต่อไวๆจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 17-07-2014 02:24:45
โรตี เป็นคนยังไงเนี่ยยย ฟีเรียส เป็นคนยังไงเนี่ยยยย
เจ้าชายจะทำให้คนอื่นสงสัยฟีเรียสมากขึ้นนะเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 17-07-2014 09:15:16
ไม่ชอบโรดีอัสเลยบอกตรงๆ
แบบจะอะไรนักหนา

ฟีเรียสก็นะ รามิเรสก็พยายามแล้ว ทำไมยังทำซึนขนาดนั้น
โอ้ยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-07-2014 09:36:00
สนุกมากค่ะ สงสารฟิเรียส โรดิอัสก็คงอยากจะคืนดีด้วยแต่ติดที่ทิฐิบางอย่างเท่านั้นเอง ถ้าเกลียดกันจริงคงเอาเรื่องไปประจานแล้วล่ะ
องค์ชายฉลาดมาก ค้นพบต้นตอแห่งความนอยด์ของฟิเรียสได้ แล้วเจ้าตัวจะนั่งติดที่ได้ยังไงล่ะคราวนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 17-07-2014 16:30:18
แย่ล่ะ องค์ชายหกลงมือเองเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 20:16:18
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-07-2014 21:53:47
ทำไมรู้สึกว่าโรดีอัสโกรธฟีเรียสเพราะหึงเลยอ่ะ
เจ้าชายจะคุยอะไรกับโรดีอัสนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-07-2014 22:31:48
จะเป็นไงต่อละเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-07-2014 01:33:32
เจ้าชายผิดอะไร??  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 19-07-2014 20:52:49
จัดการโรดิอัส ไปเรยเจ้าาชายยยย 55555 โกรธยังกะผู้หญิงงงงง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 21 (16 ก.ค. 57) หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 23-07-2014 10:10:33
โรดิอัสที่โกรธฟีเรียสเนี่ยจริงๆหึงหรือเปล่า
แบบหึงมากๆเพราะรู้ว่าเขาไปชอบคนอื่นเลยพาลทำร้ายจิตใจเขาไรงี๊(เดา)
รามิเรสกับฟีเรียสให้ความรู้สึกแบบรักต่างวัยจริงๆครับ
คนนึงเข้าใจและยอมทำทุกอย่าง มีเหตุไม่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา(แต่มีงอนบ้างเล็กๆ)

ส่วนอีกคนก็เข้าใจแต่ทิฐิเยอะ ห่วงทุกสิ่งอย่างยกเว้นใจคนที่รัก

สงสารทั้งสองคนเลยนะคือถ้ารามิเรสเป็นแค่คนธรรมดาอะไรคงง่ายกว่าเยอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 23-07-2014 12:59:00
บทที่ ๒๒


นักเรียนองครักษ์หนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ได้เข้าเฝ้าเจ้าชายหกแห่งไมซีนตามลำพังในห้องของผู้อำนวยการโรงเรียน โรดีอัสตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะไม่ ‘หงอ’ เด็ดขาด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงเจ้าชายก็ตาม แต่เมื่อถวายความเคารพแล้วคนประทับหลังโต๊ะทำงานสุดปลายห้องยังทรงเงียบและพิจารณาเขาอยู่นับสิบนาที จะบอกว่าไม่รู้สึกกดดันเลยก็คงโกหก

“เจ้าอยู่ห้องเดียวกับฟีเรียสหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“เขาไม่สบายหรือ”

โรดีอัสมองพระพักตร์ พิจารณาจากสีหน้าแล้ว เจ้าชายรามิเรสก็ทรงลงความเห็นว่าว่าที่องครักษ์หนุ่มไม่รู้เรื่อง

“กระหม่อมไม่ทราบเกล้าฯ พระเจ้าค่ะ เพราะ... ช่วงนี้แยกออกไปนอนที่ห้องเพื่อนอีกคนหนึ่ง”

เจ้าชายหกทรงพยักพระพักตร์ โรดีอัสผิดคาดที่พระองค์ไม่ตรัสถามเหตุผล

“เขาทำงานพิเศษ เจ้ารู้ใช่ไหม”

“ทราบพระเจ้าค่ะ”

“เขาไม่ไปทำงานโดยไม่บอกเหตุผลสองอาทิตย์ติดกัน เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร”

“กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ” แต่เขาดีใจสุดๆ ไปเลยที่รู้

แววตาสมใจกึ่งเยาะหยันอยู่ลึกๆ ของนักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่รอดพ้นสายพระเนตรของคนมอง

“ฟีเรียสเป็นคนยังไง”

โรดีอัสขมวดคิ้ว

“มีความรับผิดชอบไหม” เจ้าชายหนุ่มทรงยกตัวอย่าง

“เป็นคนมีความรับผิดชอบมากพระเจ้าค่ะ”

“แต่ไม่ไปทำงานโดยไม่มีเหตุผล”

คนฟังชักจะไม่ชอบใจ ไม่อยากให้ใครดูถูกเพื่อนรัก โดยเฉพาะมายัดเยียดข้อหาที่ไม่เป็นจริงให้

“กระหม่อมเข้าใจว่าคุณชายมิทรอสเป็นคนว่าจ้างฟีเรียส”

“ใช่ แต่คราวนี้เป็นงานของข้า”

“ฝ่าบาททรงจ้างฟีเรียสไปทำอะไรหรือพระเจ้าค่ะ”

โรดีอัสโพล่งถามเพราะความอึดอัดคับข้องใจที่สะสมมานาน ใช่ว่าจะมีแต่ฟีเรียสคนเดียวที่เครียด เขาเองก็เครียด เครียดเพราะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ว่าผู้ชายด้วยกันมีอะไรดีตรงไหน

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขานี่ทำอะไรกับเพื่อนของเขานอกเหนือจากคืนนั้นอีก ทำไมคนอย่างฟีเรียส เพื่อนที่เขาคิดว่าเป็นผู้ชายเต็มตัวอย่างฟีเรียสถึงได้พูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าชอบ แถมยัง ‘ชอบมานานแล้ว’

“เจ้าจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือ”

จำเป็นไหม จำเป็นสิ มากด้วย ถ้าเขาไม่รู้ เขากับฟีเรียส ไม่ใครคนใดก็คนหนึ่งต้องอึดอัดใจจนตายแน่

“พระเจ้าค่ะ”

แววตาคู่นั้นแข็งกร้าว เกือบจะแสดงความเป็นปฏิปักษ์ออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาเจ้าชายหกทรงฉุกพระทัยว่า หรือจะมีความสัมพันธ์กับฟีเรียสมากเกินกว่าเพื่อนร่วมห้อง

“อธิบายความจำเป็นของเจ้าซิ”

โรดีอัสชะงัก เขาตอบไม่ได้ ชายหนุ่มตัดสินใจทูลถามแทน

“ฟีเรียสรู้หรือไม่พระเจ้าค่ะว่าฝ่าบาททรงจ้างเขาไปทำอะไร”

“รู้”

“เป็นไปได้หรือไม่พระเจ้าค่ะว่าเขาไม่อยากทำงานนั้นจึงไม่ไป”

โรดีอัสจ้องพระพักตร์เจ้าชายหนุ่มเขม็ง เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรมองตอบ ก่อนจะกระตุกมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดหนึ่ง ตรัสตอบพระสุรเสียงเนิบ

“ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้”

“เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ”

คนถามรู้ตัวเกือบจะทันทีว่าเขา ‘ล้ำเส้น’ ทว่าเจ้าชายหกยังตรัสตอบ

“เพราะเขาเคยทำมาก่อน และข้ามั่นใจว่าเขาชอบ หรือหากไม่ชอบ ก็ซื่อตรงพอจะบอกกับข้าตามตรง”

โรดีอัสสงสัยเหลือเกิน ว่าไอ้ที่ ‘ทำมาก่อน’ น่ะทำอะไร

“เขาเคยบอกเจ้าไหม ว่าทำงานให้ข้า”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มชั่งใจ

“ฟีเรียสบอกกระหม่อมมากกว่านั้นพระเจ้าค่ะ”

สีหน้าและสายตาแบบคนที่รู้ความลับของคนอื่นและไม่พอใจอย่างชัดเจนเช่นนั้นทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงได้คำตอบที่ต้องการทันที

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม... นักเรียนองครักษ์คนนี้รู้แล้ว

“เจ้ารู้จักกับเขามานานหรือยัง”

โรดีอัสงุนงงวูบ แต่ก็ทูลตอบ

“ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนพระเจ้าค่ะ” ถึงตอนนี้ก็เกือบจะห้าปีเข้าไปแล้ว

“คงสนิทกันมาก”

“มากพระเจ้าค่ะ”

“เขาเป็นคนเปิดเผยจริงใจ แต่คิดมากเกินไปบ่อยๆ เจ้าว่าอย่างนั้นไหม”

“...”

“คนแบบนี้เสียใจง่าย ทุกข์ใจก็ง่าย แต่ที่แย่ที่สุดก็คือ ชอบทำเป็นเข้มแข็ง ปากแข็ง บอกคนอื่นว่าไม่ทุกข์ ไม่เสียใจ”

โรดีอัสกำมือ

“ข้ารู้จักกับเขาไม่นานเท่ากับเจ้า แต่ก็ชื่นชมหัวใจเขา อยากจะเห็นเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่อยากให้ไม่สบายใจ โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด”

คนฟังกำมือแน่นเข้าไปอีก คิดไม่ตกว่าอีกฝ่ายมีพระประสงค์อะไรกันแน่ บอกเป็นนัยว่าพระองค์ทรงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เบ่งว่าพระองค์ทรงหวังดีต่อฟีเรียสมากกว่าเพื่อนอย่างเขา เตือนให้เขาปฏิบัติต่อฟีเรียสดีๆ  หรือจะยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นเป็นความผิดของพระองค์เพียงคนเดียว ฟีเรียสไม่เกี่ยว

เจ้าชายหกทรงยืนขึ้น นักเรียนองครักษ์หนุ่มยืดตัวขึ้น เกร็งตัวโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่ออีกฝ่ายเสด็จมายืนตรงหน้า รอจนเขามองสบสายพระเนตร จึงรับสั่ง

“ฝากบอกเขาด้วยว่า” สีพระพักตร์มีร่องรอยการตัดสินพระทัย “ขอให้หายป่วยเร็วๆ”

สิ่งที่ปรารถนาจะรับสั่งบอกจริงๆ หาใช่สิ่งที่จะฝากไปกับคนอื่นได้

เมื่อเสด็จผ่านไปแล้วก็ทรงหยุด หันกลับมาและพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองพระองค์อยู่เช่นกัน

“เขาเคยเล่าให้ข้าฟังว่าสนิทกับเจ้ามาก เจ้าใช้ดาบเก่ง สอบได้ที่แปดของชั้นปี เป็นคนมีน้ำใจมาก กล้า แล้วก็ซื่อสัตย์ ถึงเขาไม่ได้พูดออกมา แต่ข้าก็คิดว่าเขาคงภูมิใจในตัวเพื่อนอย่างเจ้ามาก”

เขากับเจ้าชายหกไม่ได้กำลังแข่งขันอะไรกันอยู่หรอก แต่โรดีอัสก็รู้สึกได้ว่าเขาพ่ายแพ้ ทว่าแม้พอจะได้คำตอบแล้วว่า ‘ผู้ชายด้วยกันมีอะไรดี’ เขาก็ยังไม่ปรารถนาให้เพื่อนสนิทชอบเจ้าชายพระองค์นี้อยู่ดี

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายรามิเรสทรงหันกลับมาอีกครั้ง

“ที่รับสั่งว่ามีพระประสงค์จะเห็นฟีเรียสใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขอให้ทรงปล่อยเขาไปเถิดพระเจ้าค่ะ... ฝ่าบาททรงมีพระคู่หมั้นแล้ว”


****************************************


กว่าฟีเรียสจะตัดสินใจได้ว่าเขาควรจะจัดการเรื่องราวให้เด็ดขาด เจ้าชายรามิเรสก็เสด็จกลับไปแล้ว ชายหนุ่มพบเพื่อนรักที่หน้าตึกอำนวยการ สองคนมองหน้ากันอยู่ชั่วอึดใจ ฟีเรียสไม่รู้ว่าเพื่อนเจออะไรมาบ้าง แต่สีหน้าของโรดีอัสแฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจวิ่งไปหลังโรงเรียนอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็มีทางลับออกสู่ภายนอกในเวลาที่ไม่ได้รับอนุญาตทั้งสิ้น เขาเคยใช้มันอยู่ไม่กี่ครั้งตอนที่อยู่ปีต้นๆ ไม่คิดว่าจะต้องใช้อีกครั้งในวันนี้

นักเรียนองครักษ์หนุ่มวิ่ง วิ่ง วิ่ง จนกระทั่งลุถึงทางหลวงหลังโรงเรียนที่สองข้างทางเป็นเนินเตี้ยๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เต็มเนิน ยืนหอบหายใจได้เพียงครู่เดียว ขบวนม้าสีดำนับสิบตัวที่นำโดยม้าสีขาวปลอดก็ถูกควบมาถึงและหยุดอยู่ตรงหน้า

ฟีเรียสนิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีองครักษ์ติดตามมามากมายถึงเพียงนี้ ทุกทีก็เห็นมีคุณเรจินตามเสด็จมาเพียงคนเดียว

ชายหนุ่มยืนชิดเท้า ระวังตรง แล้วค้อมกายถวายความเคารพอย่างต่ำ เจ้าชายรามิเรสทรงยกพระหัตถ์เป็นสัญญาณ ทั้งเรจินและองครักษ์คนอื่นๆ จึงขี่ม้าล่วงหน้าไปก่อน

เมื่อได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ตามลำพัง ฟีเรียสกลับไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร

“เจ้ามีปัญหาอะไร บอกข้าได้มั้ย”

ฟีเรียสกำมือ ถึงแม้เขาจะทำให้พระองค์ต้องทรงรอเก้อ แต่คำถามแรกก็ยังเป็นคำถามของคนใจดีอยู่ไม่เปลี่ยน

“ข้าดูพึ่งพาไม่ได้หรือ มีเรื่องไม่สบายใจทำไมไม่ปรึกษา”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มกำมือแน่นขึ้นไปอีก เขาทนไม่ไหวแล้ว

“โรดีอัสรู้เรื่องคืนนั้นแล้ว กระหม่อมเป็นคนบอกเขาเอง และเขาก็รับไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนที่กระหม่อมรักมาก กระหม่อมไม่อยากเสียเพื่อน” ชายหนุ่มหยุดไปชั่วอึดใจ ขณะเจ้าชายหนุ่มทรงรอฟังเงียบๆ... ให้เวลา

“กระหม่อมใกล้จะเรียนจบแล้ว กระหม่อมไม่อยากเสี่ยงให้ใครรู้เรื่องคืนนั้นอีก หากฝ่าบาทจะประทานพระกรุณา ก็ขอให้อย่าเสด็จมาที่นี่ให้ใครสงสัย กระหม่อมเองก็จะไม่ไปที่คฤหาสน์หลังนั้นอีก เรื่องเงิน กระหม่อมจะพยายามหามาถวายคืนให้เร็วที่สุด แต่กระหม่อมไม่ขอรับงานจากคุณชายมิทรอสแล้ว หากที่รับสั่งมาในจดหมายเป็นความจริง” ที่บอกว่าจะช่วยเขาอย่างเต็มใจ “ก็ขอให้เราอย่าพบกันอีกเลยพระเจ้าค่ะ”

หลังจากทนจ้องมองพระพักตร์ได้เพียงครู่เดียว คนพูดก็หลบสายพระเนตร

“คิดดีแล้วใช่ไหม”

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนมากสินะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ถ้าข้าไม่ให้ตามที่เจ้าขอ...”

ฟีเรียสคุกเข่าดังตึง มองสบสายพระเนตรแน่วแน่ ขณะกราบทูลเสียงกร้าวอย่างคนที่พยายามอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด

“กระหม่อมขอร้อง เลิกยุ่งกับกระหม่อมเถิดพระเจ้าค่ะ”

 คนฟังทรงนิ่งอึ้ง ก่อนจะทรงพยักพระพักตร์เนิบๆ

“ได้”

ฟีเรียสเบิกตากว้าง

เจ้าชายรามิเรสทรงเหนื่อยแล้วเช่นกัน มันเหมือนกับว่า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีความหมายสำหรับพระองค์แค่คนเดียว ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสำหรับอีกฝ่ายเลย

เอาเถอะ อยากให้เลิก ก็เลิก

“เท่านี้ใช่ไหม”

ฟีเรียสไม่แน่ใจว่าเขาพยักหน้าตอบไปหรือไม่ แต่เจ้าของวรองค์สง่างามบนอาชาสีขาวปลอดก็ทรงควบม้าจากไปแล้ว ขณะที่เขายังคงคุกเข่าอยู่ ใครบางคนเดินลงจากเนินมาทางข้างหลัง แต่เขาไม่ได้หันไปมอง

“เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว ฟีเรียส ข้าว่าเจ้าน่าจะทำอย่างนี้ตั้ง...”

โรดีอัสหยุดพูดทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน ฟีเรียสตาแดงก่ำ สีหน้าเหมือนคนที่ใกล้จะร้องไห้เต็มทน


**********************************


โรดีอัสกับฟีเรียสกลับมา ‘ดีกัน’ เหมือนเดิมแล้ว นักเรียนองครักษ์หนุ่มร่างสูงใหญ่ย้ายกลับไปนอนห้องเดียวกับเพื่อนรักดังเดิม คนที่เป็นห่วงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ต่างโล่งใจกันเป็นทิวแถวทั้งที่จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทั้งสองทะเลากันเรื่องอะไร มีเพียงโรดีอัสเท่านั้นที่เป็นห่วงเพื่อนรักหนักกว่าเดิม

เขาไม่รู้หรอกว่าการชอบผู้ชายเป็นยังไง แต่เขารู้ว่าฟีเรียสไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหนเลย นอกจาก ‘ผู้ชายคนนั้น’ คนที่คิดยังไงก็สูงเกินเอื้อม

เขาไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนรักจะลอบทำอะไรเขาตอนกลางคืน แค่เขาชวนอาบน้ำด้วยกันฝ่ายนั้นยังเลี่ยง ครั้นเขาถามเหตุผลก็บอกตามตรง

“เจ้าจะได้สบายใจ”

สบายใจกับผีอะไร เขาโมโหแทบตาย สุดท้าย หลังจากนั่งทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นครั้งที่ร้อย และรู้ว่าฟีเรียสรู้ตัวว่าชอบผู้ชายมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนใหม่ๆ โรดีอัสก็รู้ตัวว่าเขามันงี่เง่า กลัวไม่เข้าเรื่อง

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่บอกเรื่องนี้กับใครแน่ ถึงเจ้าจะชอบผู้ชาย เจ้ากับข้าก็ยังเป็นเพื่อนกัน แต่ยังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนความคิด เจ้าจะชอบผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่เลิกชอบเจ้าชายหกเถอะว่ะ ยิ่งชอบมากเจ้าก็ยิ่งเจ็บมาก” พูดจบยังไม่วายทิ้งท้าย “แต่ถ้าเจ้าหันมาชอบผู้หญิงได้ก็จะดี เอาไว้ข้าจะพาไปเปิดหูเปิดตา”

แต่ก่อนจะได้พาไปเปิดหูเปิดตา โรดีอัสก็ไม่แน่ใจว่าหูตาของเพื่อนจะมืดบอดจนสนิทหรือยัง

ฟีเรียสวางกระถางต้นไม้ที่มีใบรูปหัวใจเอาไว้ตรงระเบียง และสายตาก็คอยวนเวียนมองไปตรงนั้นบ่อยๆ ทั้งที่มีประตูกั้น บ่อยจนโรดีอัสต้องบอกให้เอามันเข้ามาไว้ในห้องก็ได้

“แค่ต้นไม้ ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอกน่า”

ฟีเรียสไม่ว่าอะไร นอกจากเดินออกไปเอามาวางไว้ข้างเตียงทันที ทำเอาโรดีอัสอึ้งกิมกี่ไปเหมือนกัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายิ่งเห็นของก็ยิ่งตัดใจยาก แต่เขาก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะพยายามค่อยๆ ตัดใจ






ฟีเรียสตัดใจไม่ลง เพราะแม้จะไม่เห็นตัว แต่เจ้าชายรามิเรสก็ยังส่งของแทนตัวมาให้ เขาใกล้จะสอบครั้งสุดท้ายเต็มทีแล้ว การสอบมีทั้งข้อเขียนและปฏิบัติ นอกจากสอนกระบี่ให้จนโรดีอัสออกปากชมอย่างทึ่งๆ ว่าฝีมือของเขาพัฒนาเร็วมากแล้ว เจ้าชายพระองค์นั้นยังให้คนส่งตำราเรียนของพระองค์มาให้ นอกจากตำราที่มีการขีดเส้นใต้ข้อความที่สำคัญๆ เอาไว้แล้วยังมีสมุดจดที่สรุปเนื้อหาสำคัญอย่างย่อๆ และเข้าใจง่าย รอยหมึกเก่าแล้วเพราะผ่านกาลเวลามาแปดปี แต่บางรอยก็ยังใหม่ๆ อยู่ ชวนให้คิดว่าเป็นเพราะพระองค์กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจจึงเขียนอธิบายเพิ่มเติม

บ่อยครั้งที่ฟีเรียสพบว่าเขาเหม่อมองตัวอักษรที่ทั้งสวยงามและเรียงเป็นระเบียบนั้นอยู่เป็นนาน โดยเฉพาะตรงปกในที่มีลายพระหัตถ์เซ็นพระนามของพระองค์เอาไว้

นอกจากให้แล้วยังเรียกร้อง ครั้งหนึ่งพระองค์ส่งคนมาทวงของจากเขา คนมาทวงยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ ภายในมีข้อความสั้นๆ ว่า

‘เฟย์บอกว่าแม่ของนางฝากปลาแห้งมาให้ข้า เจ้ากลับมาแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้ปลาแห้ง จึงส่งคนมาเอาเผื่อเจ้าไม่รู้ว่าจะส่งให้ข้ายังไง’

ให้ตายสิวะ! ฟีเรียสโมโหจนเกือบจะร้องไห้ กะอีแค่ปลาตากแห้ง

แค่ปลาตากแห้งของคนบ้านนอกเท่านั้น ทำไมถึงต้องทรงทำราวกับว่ามันเป็นของสำคัญนักหนาด้วย






อารมณ์ ‘เกือบจะร้องไห้’ ในวันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขายอมตามโรดีอัสไป ‘เปิดหูเปิดตา’ ที่หอบุปผาชั้นกลางแห่งหนึ่งหลังจากสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โรดีอัสค่อนข้างเครียดที่เขาสอบได้ที่แปดของชั้นปี ซึ่งหมายความว่าเขาจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายแปดซึ่งได้ชื่อว่าพระอารมณ์ร้ายที่สุดในบรรดาเจ้าชายทั้งหลาย ฟีเรียสจึงยอมไปหอบุปผาเป็นเพื่อนตามคำชวนกึ่งขอร้องของเพื่อน เพื่อจะได้พบว่า

คนที่เขาพยายามอย่างเหลือเกินที่จะไม่คิดถึงก็อยู่ที่นั่นด้วย

นักเรียนองครักษ์หนุ่มยืนนิ่ง ตัวชา เสียดแปลบไปทั้งอกเมื่อพระองค์มองมา แล้วก็หันกลับไปทางพระสหายของพระองค์ดังเดิม มีหญิงสาวงามหยาดฟ้าคนหนึ่งนั่งแนบข้างเพื่อคอยปรนนิบัติ

เขาอยากจะหันกลับไปเสียเดี๋ยวนั้น

“เข้าไปกัน ข้าจะเลือกคนสวยๆ เด็ดๆ ให้เจ้า”... ให้เจ้าลืม...

ฟีเรียสไม่ได้ขัดเพื่อนรัก เพราะพวกเขาไม่ได้มากันแค่สองคน แต่มากันเป็นสิบ มีบางคนกังวลว่าถ้าเจ้าชายหกทรงทราบว่าพวกเขาเป็นนักเรียนองครักษ์ พวกเขาจะไม่ได้จบ แต่อีกคนก็ปลอบใจว่าไม่น่าจะเป็นไรเพราะพระองค์เองยังเสด็จมา

หลังจากได้ที่นั่งชมการแสดงอย่างมีศิลปะแต่ก็ชวนหวามใจบนเวทีแล้ว โรดีอัสก็ชวนฟีเรียสไปเลือกผู้หญิงที่ต้องการให้ปรนนิบัติเขาคืนนี้ ฟีเรียสขยับปากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเหลือบตาไปมองคนที่มีหญิงงามหยาดฟ้านั่งแนบข้าง แล้วเห็นพระองค์ทรงหันมามองเขาพอดี ใจก็นึกฮึดขึ้นมาแล้วเดินตามเพื่อนไป

ฟีเรียสไม่รู้มาก่อนว่าหอชั้นสูงเป็นแบบนี้ ในห้องกระจกนั้นมีหญิงสาวอยู่นับร้อย ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม เลิศหรู และเป็นธรรมชาติ หญิงสาวพวกนั้นทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ข้างในราวกับไม่รู้ว่ามีผู้ชายมากมายกำลังยืนมองด้วยสายตาหื่นกระหาย

บางนางกำลังร่ายรำ บางนางเปลือยกายว่ายน้ำในสระใหญ่ บางนางทำขนม บางนางนอนหลับ บางนางเล่นดนตรี บางนางร้อยดอกไม้ กระทั่งเย็บปักถักร้อยก็ยังมี

โรดีอัสชี้ผู้หญิงคนหนึ่ง ถามความคิดเห็นเขา และฟีเรียสก็พยักหน้าส่งๆ ไป เพื่อนสองสามคนเอ่ยแซวว่าเขาตาถึง หน้านิ่ง แต่หื่นเงียบ ฟีเรียสยิ้มมุมปากรับคำแซวทั้งที่รู้สึกเฝื่อนขม

เขาคิดถึงแต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเจ้าชายหกแห่งไมซีน

หลังจากกลับไปนั่งที่ และหญิงสาวที่โรดีอัสและเพื่อนๆ เลือกมาถึงโต๊ะแล้ว ฟีเรียสก็อดหันไปมองที่โต๊ะพิเศษโต๊ะเดิมไม่ได้ นึกดีใจขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อทันทีที่หญิงสาวสวยมานั่งข้างเขา เจ้าชายรามิเรสก็ทรงลุกขึ้นยืนทันที

มองมาทางเขาแวบหนึ่ง รับสั่งบอกอะไรแก่คุณชายมิทรอสสองสามคำ แล้วก็เสด็จขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยมีหญิงงามหยาดฟ้านางนั้นคล้องพระกรตามขึ้นไป และโรดีอัสก็กระซิบบอกเขาราวกับรู้ใจ

“ชั้นบนมีห้อง เอาไว้ทำอะไรเจ้าคงรู้”

พูดเบาๆ แต่ทำเอาหัวสมองของเขามึนชาไปหมด หูอื้อ ตาลาย กระทั่งยืนยังรู้สึกโงนเงน

“ข้ากลับล่ะ”

“อ้าว เฮ้ย!”

เสียงเพื่อนหลายคนทักท้วง แต่ฟีเรียสรู้ตัวดีว่าเขาอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

เขาแพ้



... แพ้ใจตัวเอง...






tbc.



***********************************

ในที่สุดก็มีวันนี้... จนได้

ป.ล. โรดีอัสเปล่าหึงนะคะ เพื่อนกันจริงๆ ค่ะ (ถึงจะทำเหมือนหึงก็เถอะ)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 23-07-2014 14:00:18
หมั่นไส้โรดีอัสแบบจริงจัง
คือรามิเรสจะรู้สึกก็ไม่ผิดนะ เพราะเราเชียร์อยู่(?)

โห้วววววววว ถ้าคนเขียนบอกว่าไม่หึงนี่ คนอ่าน(คนนี้)คิดไปไกลแล้วค่ะ บอกตรงๆ
คือแบบว่า มันรู้สึกสะสมมาตลอด เหมือนโรดีอัส พยายามเกินเพื่อนมาตลอด
แบบเรื่องบางเรื่อง มันส่วนตัวมากๆ โรดีอัสก็พยายามจะรู้ พอไม่ได้รู้ก็ทำให้ฟีเรียสรู้ว่าไม่พอใจ
จนเรารู้สึกไปแล้วว่า โรดีอัสต้องแบบมากกว่าเพื่อนกับฟีเรียสอ่าค่ะ


แล้วมาตอนนี้ โรดีอัสเหมือนยุให้ฟีเรียสไม่พอใจรามิเรสเลย
แบบว่า เอ่อ นั่นอ่า พาไป #$)(*(*&%$#!#$ แล้วนะ
โห้ยยยยยยยยยยยยย

แต่กำลังสนุกเลยค่ะ
ชอบที่เขียนให้หมั่นไส้โรดีอัสแบบนี้ดีแล้ว
คือแบบว่า ถ้าโรดีอัสไม่น่าหมั่นไส้(สำหรับเรา)
ก็อาจจะเผลอใจไปเชียร์ เอิ้กๆ
สนุกค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 23-07-2014 14:07:36
ฟีเรียส ในที่สุดก็ยอมรับหัวใจตัวเองซะที
ทีนี้ก็เป็นฝ่ายง้อองค์ชายหกบ้างนะ
ทำเขาเจ็บเยอะ ก็ต้องง้อเยอะนะยะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-07-2014 14:59:43
โอ๊ย ตายๆๆๆๆๆ  ปวดใจเหลือหลาย คืนดีกับเพื่อนแล้วก็คืนดีกับเจ้าชายด้วยสิฟิเรียสสสส  :sad4:
โรดิอัสก็เข้าใจนะว่าหวังดีกะเพื่อน แต่ดูหน้าเพื่อนบ้างอะไรบ้าง ถ้าไม่ถึงกับขอขาดบาดตายก็อย่าขัดขวางทางรักเพื่อนเลย  :เฮ้อ:
ส่วนองค์ชายเสด็จที่นั่นเพราะต้องการลืมฟิเรียสเหมือนกันใช่หรือเปล่า (ปรากฏว่าเสด็จประจำ 555) ฟิเรียสเห็นงั้นจากที่ช้ำอยู่แล้วคงช้ำต่ออีกหลายวัน แต่ก็ดีใจที่เดินหนีออกมา ไม่ทำอะไรประชดประชันไปยิ่งกว่านั้น ยิ่งประชดยิ่งเจ็บเนอะ ก็รักเขาแถมเขายังไม่รู้อีก  เฮ้อ ขอปลอบหน่อย :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-07-2014 15:03:13
อ่านแล้วเห็นใจเจ้าชายรามิเรสแฮะ คือ รักคนแบบฟีเรียสนายจะลำบากตอนกว่าเค้าจะยอมเปิดใจให้
และเนื่องจากเค้ารักนายก่อนโอกาสมันก็ยังพอมี แต่ก็พยายามต่อไปเด้อ

รักคนใจแข็งปากแข็งต้องอดทนเน้อ
ยิ่งมีเพื่อนแบบโรดิอัสที่เป็นพวกปกป้องเกินจำเป็น ยิ่งโคตรเหนื่อยอ่ะ =__="

เห็นเหมือนๆ จะถอดใจแล้วสงสารทั้งคู่เลย รักแต่ก็จูนความรู้สึกไม่ตรงกันซักที
เก๊าลุ้นจนเกร็งแล้วเนี่ยว่าจะคุยกันตรงๆ ได้เมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 23-07-2014 15:11:31
คือเกลียดโรดีอัส เกลียดดดดดด :m16:

มีสิทธิ์แค่ห่วง แต่ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับกันด้วยคำว่าเพื่อนแบบนี้

เอาโรดีอัสไปไกลๆ ได้มั้ย รำคาญ  :m31:

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-07-2014 15:34:15
โรดิอัส  เป็นแค่เพื่อน  แต่ดันทำตัวยิ่งกว่าพ่อ  มากไปนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 23-07-2014 15:38:34
อึดอัด  :z3:



หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-07-2014 16:07:39
อึดอัดมากเลยกับการเจอกันแบบนี้ของทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-07-2014 16:10:48
ไม่เจ็บแค่คนเดียวนะฟีเรียส
ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ พีเรียสจะทำยังไงต่อไป
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 23-07-2014 16:19:59
ตอนนี้แอบสงสารเจ้าชายหกเบาๆ
แต่รักคนใจแข็งปากแข็งต้องทำใจหน่อย
ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนมีเหตุผลเหนืออารมณ์ คงทำตาใจตัวเองยาก
ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยมีใครสงสารฟีเรียสแต่เราสงสารนะ
แบบเจ้าตัวก็รู้ว่าเดินหน้าไม่ได้ นั่นเจ้าชาย มีคู่หมั้นแล้วด้วย
ถอยหลัง? ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะรักมานานแล้ว ในความคิดเรา เราว่าฟีเรียสนะทำถูกแล้ว
(แต่คนเขียนต้องให้ตอนจบสมหวังนะจ้ะ)
ส่วนโรดิอัสเราคิดว่าหมอนี่ก็คิดกับฟีเรียสแค่เพื่อนแระ
เพียงแต่เป็นผู้ชายธรรมดาที่เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนเป็นเกย์แถมชอบเจ้าชาย ก็เลยอาจจะช็อคไปหน่อย
แต่จริงๆแล้ว ก็รักและหวังดีกับเพื่อนตามประสาคนปกติ
ป.ล. เรื่องหน้านี่เป็นเรื่องขององค์ชายแปดที่ว่าอารมณ์ร้ายกับโรดิอัสป่าว ถ้าใช่ก็น่าสน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-07-2014 17:44:19
คู่นี้ ใช้ร่างกายคุยกันเถอะ ปากไม่ตรงกะใจแบบนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 23-07-2014 18:09:40
จริงๆต้องขอบคุณโรตี ที่ช่วยเร่งปฏิกิริยา ถ้าไม่ได้นาง อิสองคนปั๋วเมียนั่นคงยังบื้อ ไม่รู้สึกอะไรต่อไป
ตอนนี้อย่างน้อยคุณเจ้าชายก็น่าจะรู้สึกคันๆหัวใจบ้างละ
แต่อินายเอกเราก็ยังปากแข็งเหมือนเดิม  :mew5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 23-07-2014 18:20:01
โรดิอัส เห็นแก่ตัวจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-07-2014 19:20:00
มันจะได้ไปถึงไหนไหมเนี่ยแต่ละคน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-07-2014 19:46:51
อ่านแล้วแบบ.....  :katai1:


ถ้าเจ้าชายหกไม่เคลียร์ตัวเอง ก็ยุ่งเหมือนเดิมอีก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 23-07-2014 20:33:09
เพื่อนนะ ไม่ใช่ผัว =_="
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 23-07-2014 20:39:53
ปากแข็งใจไม่เด็ดมากพอจริงๆ  :เฮ้อ: แต่เจ้าชายนี่ก็น้าาาาาาา ฟีเรียสด้วยล่ะ แต่อันที่จริงที่โรดีอัสพูดก็ถูกนะ เจ้าชายมีคู่หมั้นแล้วจริงๆนี่นา

โอ๊ยยยยยยยยย อึดอัดชะมัด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 23-07-2014 22:28:31
ในที่สุดวันนี้ก้อมาถึง
วันที่ฟีเรียสยอมรับสักทึ ว่ารุ้สึกยังไงกับเจ้าชายรามิเรส

แพ้แล้ว ฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 23-07-2014 22:37:17
เอาจริงก็เห็นด้วยกับโรดีอัสที่เตือนฟีเรียสนะ
เรื่องของฟีเรียสกะองค์ชายหกมันแทบจะเป็นไปไม่ได้อ้ะ
แต่ไม่ชอบโรดีอัสทีแรก ที่แยกห้องมีไรไม่คุยให้เคลียล่ะวะ

รอตอนต่อไปนิ อยากรู้ฟีเรียสจะทำไง หิหิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 23-07-2014 22:53:38
หน่วง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 23-07-2014 23:10:58
เอ่อ เจ้าชาย อย่าบอกนะว่าเจ้าชายก็ยังยุ่งกับผู้หญิงอยู่ ไม่นะ ม๊ายยย(วิบัติเพื่อเสียงนะจ๊ะ)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-07-2014 23:30:21
แพ้ใจตัวเอง .. ประโยคนี้บอกความรู้สึกของฟีเรียสได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-07-2014 03:52:36
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 24-07-2014 11:52:11
ปวดตับจริงๆ กว่าจะยอมรับนะฟีเรียส
ถึงจะแอบสะใจที่เจอเจ้าชายเมินบ้าง แต่ก็สงสารมากฟีเรียสเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 24-07-2014 13:00:49
โรดีอัส  เป็นผู้ชายอย่าขี้เสือกได้ป่ะ???
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 22 (23 ก.ค. 57) หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-07-2014 18:42:09
อ้าวววแล้วกัน!องค์ชายงอนแล้ว(ก็สมควร)
สงสารองค์ชายอ่ะ
ฟีเรียสเหมือนไม่เคยพยายามทำอะไรเลย
เพื่อให้ได้เข้าใกล้องค์ชายแม้เพียงซักนิด...เฮ้อออ..

ดอกฟ้า(รามิเรส)อุตส่าห์โน้มลงจากฟ้ามาอยู่ตรงหน้าหมาวัด(ฟีเรียส)
แต่หมาวัดก็เจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆไม่กล้าเด็ดดอกฟ้ามาครอบครองได้แต่ถอยมาดอมดมจากไกลๆ

แต่จริงๆแล้วก็สงสารฟีเรียสมากๆเลยนะ
องค์ชายก็ใจร้ายทำไมต้องพากันขึ้นห้องให้เห็นไม่สงสารฟีเรียสหรือไงห๊ะ!(สรุปเราเข้าข้างใครเนี่ย..สับสนแป๊ป)

-หมั่นไส้โรดิอัสได้ตบกบาลซักทีคงดี ชิส์
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 29-07-2014 21:43:04
บทที่ ๒๓



พิธีแต่งตั้งองครักษ์จะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้ฟีเรียสจึงตัดสินใจกลับบ้าน ไม่อยู่ทำงานพิเศษอย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้

นักเรียนองครักษ์หนุ่มตัดสินใจแวะเที่ยวแถวท่าเรือก่อนกลับบ้าน เขาเดินเที่ยวดูชีวิตของผู้คนอยู่เพลินๆ สายตาก็พลันเห็นเหตุการณ์หนึ่งเข้าเสียก่อน

ชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังเดินดูข้าวของตามร้านรวงสองข้างทางเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ข้างตัวมีถุงเงินใบใหญ่ห้อยเอาไว้ล่อตาโจร ขณะเขากำลังคิดว่าไม่นานคงไม่แคล้วถูกขโมย ชายร่างผอมหน้าเสี้ยมคนหนึ่งที่เดินตามหลังอยู่ก็มองชายร่างอ้วนตาเป็นมัน ก่อนจะเดินฝ่าผู้คนย่นระยะทางใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

ฟีเรียสคิดอยู่ว่าเขาจะเข้าไปขัดขวางดีหรือไม่ แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่มองเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้ชายผิวขาว ผมยาว ร่างสูงคนหนึ่งชิงเดินฝ่าผู้คนไปถึงตัวชายร่างอ้วนก่อน หลังจากพูดคุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค ชายร่างอ้วนก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วดึงเอาถุงเงินถุงใหญ่ยัดใส่อกเสื้อด้านหน้า สิ่งที่ฟีเรียสคิดว่าไม่ฉลาดเลยก็คือ พลเมืองดีคนนั้นหันไปมองชายหนุ่มร่างผอมที่มีหน้าตาไม่น่าไว้วางใจผู้นั้น ทำแบบนี้ถ้าผู้ชายผอมๆ คนนั้นเป็นหัวขโมยจริงก็คงรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อีกฝ่ายเป็น ‘ตัวขัดลาภ’ อย่างแท้จริง

สายตาอาฆาตของชายร่างผอมทำเอาฟีเรียสนึกเป็นห่วงผู้ชายผิวขาวจัดคนนั้นขึ้นมา จึงตัดสินใจเดินตามไปห่างๆ ตามหลังชายที่น่าจะเป็นขโมยคนนั้นไปอีกทอดหนึ่ง

และได้ช่วยพลเมืองดีคนนั้นเอาไว้ในตรอกแห่งหนึ่ง

การต่อสู้แบบมือเปล่าคือสิ่งที่เขาถนัดที่สุด ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายใช้มีดสั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้ หลังจากยึดมีดสั้นเอาไว้ได้แล้ว เขาก็ตัดสินใจปล่อยอีกฝ่ายไป

ทว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดรัดกุมสีเข้มจำนวนห้าคนที่ยืนปิดทางออกทั้งสองด้านของตรอกเอาไว้ดูจะไม่ยอม

ฟีเรียสหน้าเครียด ขณะกำลังคิดว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรดี คนที่เขาช่วยเอาไว้ก็เอ่ยปาก

“ปล่อยเขาไปเถอะ”

ขโมยเกือบชะตาขาดรีบหนีไปอย่างทุลักทุเลทันทีที่มัจจุราชเปิดทางออก ขณะที่ฟีเรียสแทบจะเอามือตบหน้าผากดังป้าบ
นี่เขาแส่ไม่เข้าเรื่องสินะ ต่อให้เขาไม่ยื่นมือเข้ามา ผู้ชายผมยาวหน้าตาดีคนนี้ก็คงไม่ระคายผิว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้ชายรูปร่างใหญ่โตถึงห้าคนติดตามเขามาอีกทอดหนึ่ง

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า น้องชาย”

ฟีเรียสคิดว่าเขาน่าจะอายุเท่าๆ กับอีกฝ่าย แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นเรียกเขาว่าน้องเขาก็ไม่คิดจะทักท้วง

“ไม่เป็นไรครับ ท่านล่ะ”

พออีกฝ่ายยิ้มเท่านั้น ฟีเรียสพลันคิดขึ้นมาทันทีว่าคนตรงหน้ายิ้มสวย เป็นผู้ชายที่ยิ้มสวยมาก

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าช่วยข้าไว้ ขอบใจมาก ให้ข้าได้เลี้ยงตอบแทนเจ้าเถอะ”

“คุณชาย” ชายคนหนึ่งขัดขึ้นก่อนที่ฟีเรียสจะตอบปฏิเสธ “ขออภัย แต่นายท่านจะรอนะขอรับ”

คนถูกเรียกว่าคุณชายมีทีท่าลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านไม่ต้องตอบแทนข้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าไม่คิดมาก”

“เจ้าชื่ออะไร”

“ฟีเรียส”

ผู้อารักขาขมวดคิ้ว ดูจะไม่ค่อยชอบใจที่เขาไม่เคารพคุณชายของพวกเขาเท่าที่ควร แต่ฟีเรียสไม่สนใจ

“ข้าจะจำไว้ หวังว่าคงมีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณ”

“ข้าบอกแล้วว่าเรื่องเล็กน้อย ท่านลืมๆ ไปก็ได้”

อีกฝ่ายชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาของผู้ใหญ่ที่มองดูเด็กดื้อๆ คนหนึ่ง ซึ่งเป็นสายตาที่คนถูกมองไม่ค่อยชอบใจนัก ดีที่อีกฝ่ายเพียงแค่ย้ำคำขอบคุณอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงจากไป






การกลับบ้านช่วยเยียวยารักษาหัวใจของว่าที่องครักษ์หนุ่มได้มาก การได้อยู่ท่ามกลางคนที่รู้แน่ว่ารักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขทำให้ฟีเรียสรู้สึกว่าเขาได้รับการเอาใจใส่

การกลับมาเป็นชาวสวน ดูแลสวนของตัวเองทำให้เขามีความสุขมาก ฟีเรียสคิดว่าถ้าเขาไม่หลงใหลในการเป็นองครักษ์เอามากๆ เขาก็คงจะเป็นชาวสวน แม่ของเขาสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ น้องสาวของเขามีความสุขกับเพื่อนรักของเขาดี วอลเซนส์บอกเขาว่าถ้าเก็บเงิน สร้างเนื้อสร้างตัวได้มั่นคงดีพอ ปีหน้าจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอเฟย์ ชายหนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ถึงกับวางแผนเอาไว้ว่า

“ข้าจะพาน้าเรเซียไปอยู่กับเราด้วย เจ้าเป็นองครักษ์คงไม่มีเวลากลับมาดูแลนางบ่อยๆ”

“ข้าคิดว่าเจ้าอยากอยู่กับเฟย์สองคน”

“เฮ้ย! พูดอย่างนี้คิดว่าข้าเป็นคนยังไงวะฟีเรียส แม่เจ้าก็เหมือนแม่ข้า ข้ารักนางเหมือนแม่แท้ๆ นางอุตส่าห์ยกลูกสาวที่น่ารักให้ข้า ข้าจะไม่ดูแลนางเป็นการตอบแทนได้ยังไง ทำอย่างนั้นเฟย์โกรธข้าตาย”

“แม่ข้ายกเฟย์ให้เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ยังไม่ยกให้ก็ต้องยกให้เร็วๆ นี้ละวะ น้องสาวเจ้ารักข้าจะตาย ถ้านางไม่ได้แต่งกับข้า มีหวังร้องไห้จนน้ำท่วมบ้านตาย”

“ใครจะร้องไห้นะคะพี่วอลเซนส์”

คนถามโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างบานหนึ่ง มองมายังพี่ชายสองคนที่นั่งคุยกันอยู่ตรงเก้าอี้หน้าบ้าน

“แหม หูดีอีกวุ้ย”

“พี่ยังไม่ได้ตอบข้าเลยนะคะ”

“ข้าบอกว่าถ้าเจ้าไม่ได้แต่งกับข้า เจ้าต้องร้องไห้จนน้ำตาท่วมตายแน่ เพราะว่าเจ้ารักข้ามาก”

“ล... หลงตัวเอง! ใครบอกว่ารักพี่กัน ข... ข้าไม่เคยพูดสักหน่อย”

“จ้า ไม่รัก ไม่รักน้อย แต่รักมากกกกกก”

“พี่วอลเซนส์!”

เจ้าของฟาร์มม้าหนุ่มเดินไปง้อแฟนสาวของเขาแล้ว ฟีเรียสมองตามยิ้มๆ เขาไม่รู้สึกน้อยใจเลยที่เป็นส่วนเกินแทบทุกครั้งที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน มีแต่ความรู้สึกโล่งใจ วางใจว่าน้องสาวของเขาจะมีอนาคตที่ดี เพียงแต่ความจริงที่ได้รู้ แผนการในอนาคตที่เพื่อนวัยเด็กเพิ่งพูดให้ฟังทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า

ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้

ถ้าเขารู้ก่อนว่าวอลเซนส์เต็มใจจะดูแลทั้งแม่และน้องของเขาเป็นอย่างดี เขาอาจจะเป็นฝ่ายออกปากขอให้เพื่อนรีบแต่งงานกับน้องสาวของเขาเสียเองก็เป็นได้ เพื่อที่ว่าบ้านที่สวยราวกับหลุดออกมาจากจินตนาการหลังนี้จะได้ไม่ถูกสร้างขึ้น

และเขาจะได้ไม่ต้องมีพันธะกับเจ้าชายพระองค์นั้นในเวลาที่เขาอยากจะสลัดทิ้งเหลือเกินอย่างนี้

เมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ต้นไม้สูงราววาเศษที่เขาเพิ่งเอาลงดินไว้ตรงข้างศาลาสีขาวในสวน ฟีเรียสก็เบือนสายตาไปไหนไม่ได้อีกนาน

ทั้งที่เขาไม่ได้กำลังมีความรักแท้ๆ มันก็แค่ความหลงใหลงมงายที่ไม่มีวันเป็นจริง ทำไมใยรักถึงได้โตเอาๆ เร็วขนาดนี้

อยากรู้นัก ว่าอีกต้นหนึ่งจะยังอยู่ดี และงอกงามรวดเร็วเท่านี้ไหม

เฉาตาย หรือเจ้าของมันเอาไปมอบให้ใครเสียแล้ว

อาจเป็นผู้หญิงสักคนที่ทรงรัก... พระคู่หมั้นกระมัง

หรือว่าไม่ได้รักกันนะ เพราะถ้ารักจริง ก็คงไม่ไปเที่ยวผู้หญิงอย่างคืนนั้น

คืนที่ทำให้เขาเข้าใจสิ่งที่โรดีอัสพยายามบอกมากขึ้น... เจ้าชายหกโปรดผู้หญิง ไม่เหมือนเขาที่ชอบผู้ชาย

วันเวลาที่ผ่านมาระหว่างกันคือเวลาที่พระองค์กำลังทรงสับสน

แต่ตอนนี้คงไม่สับสนอีกต่อไปแล้ว


****************************


วันเวลาอันแสนสงบสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วราวติดปีกบิน ฟีเรียสต้องกลับไปเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งตั้งและทำงานในฐานะองครักษ์อย่างเต็มตัว แม่ของเขาฝากขนมทำเองไปถวายเจ้าชายหกด้วย ชายหนุ่มรับปากว่าจะนำไปถวายถึงพระหัตถ์และกำชับน้องสาวว่าไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายไปกราบทูล

ระหว่างเดินทางกลับ ฟีเรียสอดข้าวไปห้ามื้อ เพื่อที่จะกินขนมหวานในขวดโหลสามโหลที่แม่เขาให้มาจนหมด

เท่านี้ก็เป็นอันว่าหมดภาระ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าชายพระองค์นั้นโดยไม่จำเป็นอีก






พิธีแต่งตั้งองครักษ์ใหม่จัดขึ้นในหอประชุมใหญ่ มีเจ้าชายฟารุค เจ้าชายสามซึ่งเป็นผู้บังคับการกรมทหารองครักษ์ทรงเป็นประธาน นักเรียนองครักษ์จบใหม่ทุกคนต่างตื่นเต้นยินดีที่จะได้รับเข็มเกียรติยศจากพระหัตถ์ อีกเรื่องหนึ่งที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าคือพิธีนี้เป็นพิธีหนึ่งที่เจ้าชายทุกพระองค์ของไมซีนจะเสด็จมา เพราะหลังจากพิธีประทานเข็มก็เป็นพิธีถวายตัวเป็นองครักษ์ในหน่วยองครักษ์ประจำพระองค์ของผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งถึงแปดของรุ่น

นักเรียนองครักษ์ทั้งแปดคนจะแสดงฝีมือต่อพระพักตร์ทีละคน เป็นการต่อสู้เดี่ยวต่อหมู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนเฉพาะพระพักตร์ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กำมือขวาแนบหัวใจเพื่อถวายความเคารพสูงสุดแล้วจุมพิตปลายกระบี่ที่พระองค์ทรงยื่นมาตรงหน้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีตราบจนชีวิตจะหาไม่

เนื่องจากเจ้าชายเฮเดส เจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนเพิ่งทรงสละตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาท ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของเจ้าชายแอธรอนซึ่งเป็นเจ้าชายรอง ทว่านักเรียนองครักษ์ที่สอบได้ที่สองยังได้เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายเฮเดส เนื่องจากเจ้าชายแอธรอนทรงเคารพพระเชษฐาต่างพระมารดามาก

อีกเรื่องหนึ่งที่ฟีเรียสเพิ่งรู้ได้ไม่นานคือ มีการตรวจข้อสอบผิดพลาด ตำแหน่งที่แต่เดิมก็มีคะแนนห่างกันไม่มากจึงคลาดเคลื่อน
โรดีอัสสอบได้ที่เจ็ด ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มจึงคุกเข่าอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ของเจ้าชายรามิเรสและจุมพิตปลายกระบี่ของพระองค์
ฟีเรียสไม่รู้ว่าเพื่อนรู้สึกยังไง แต่วูบหนึ่ง ใจเขารู้สึกอิจฉาเพื่อนเหลือเกิน

เขาสอบได้ที่สิบสาม พยายามแล้ว แต่ก็ได้เท่านี้

หลังจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณแด่เจ้าชายรัชทายาทซึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ขององค์ราชา ก็เป็นการแสดงฝีมือของบรรดาองครักษ์ใหม่ บรรดาองครักษ์ใหม่ทั้งหลายต่างแสดงอย่างสุดฝีมือเพราะถือเป็นโอกาสหนึ่งที่จะได้ก้าวหน้า หากว่าเจ้าชายพระองค์ใดพอพระทัยหน่วยก้านและฝีมือ ก็อาจจะโปรดรับไว้เป็นองครักษ์ของพระองค์เป็นกรณีพิเศษ

ฟีเรียสไม่แน่ใจตัวเองว่าเขาอยากจะไปทำงานกับโรดีอัสหรือไม่ แต่เขารู้ตัวดีว่าแสดงฝีมือการยิงธนูอย่างสุดฝีมือทีเดียว ฝีมือยิงธนูของเขาเป็นที่สามของรุ่น ใครอื่นอาจมองฝีมือของหัวหน้าชั้นปี เพราะจิลเวลเก่งเป็นที่หนึ่งด้านนี้ แต่ฟีเรียสคาดหวังให้คนเพียงคนเดียวมองมาที่เขา แม้เขาจะไม่ได้หันไปมองพระองค์เลยก็ตาม

เจ้าชายหลายพระองค์ทรงเลือกองครักษ์ใหม่ได้หลายคน

ดีลุคซถูกเจ้าชายสามทรงเลือก ขณะที่จิลเวลได้รับพระเมตตาจากเจ้าชายแอธรอน ทว่าทั้งสองคนทำให้ทั้งผู้อำนวยการ ครูฝึก และองครักษ์ใหม่ทุกคนหายใจไม่ทั่วท้องด้วยการกราบทูลว่าอยากเป็นครูที่โรงเรียนนี้มากกว่าเป็นองครักษ์ประจำพระองค์
จิลเวลไม่แย่นัก เพราะเจ้าชายรัชทายาทพระอารมณ์ดีพอจะทรงพระสรวลแล้วรับสั่งว่า

“หน้าตาเรียบร้อยอย่างนี้ไม่คิดว่าจะใจกล้า เอ้า ไม่อยากเป็นก็ตามใจ ข้าไม่บังคับ”

แต่ดีลุคซค่อนข้างน่าหวาดเสียว เพราะคนที่เขาปฏิเสธเป็นถึงเจ้ากรมองครักษ์ เจ้าชายฟารุคทรงนิ่งเงียบฟีเรียสเองก็กังวลแทนเพื่อน ทว่าบรรยากาศผ่อนคลายลงเมื่อชายหนุ่มผิวขาวร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างพระองค์เอื้อมมือไปแตะท่อนพระกรของพระองค์ด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ แต่สีหน้ามีแววขอร้องอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลให้พระองค์รับสั่งตอบองครักษ์หนุ่มรูปงามที่คุกเข่าอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์สั้นๆ ว่า

“ตามใจ”

เจ้าชายห้าทรงเลือกองครักษ์ใหม่จำวนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง ฟีเรียสไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับองครักษ์ประจำพระองค์รูปร่างสูงผอมที่ยืนกำกระบี่แน่นเป็นพิเศษอยู่ข้างๆ พระองค์หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่เลือก เจ้าชายหนุ่มจะทรงปรายสายพระเนตรไปทางเขาด้วยสายตาที่ดูท้าทายกึ่งๆ ยั่วเย้า

เจ้าชายสี่ซึ่งมีแววพระเนตรดุจัดยิ่งกว่าใครในบรรดาพี่น้องไม่ทรงเลือกใครเลยสักคน

ขณะที่เจ้าชายหกทรงเลือกเพิ่มสองคน... และไม่ใช่คนที่พระองค์ทรงรับเป็นศิษย์

ไอ้คนโง่! ไอ้คนหลงตัวเอง! ฟีเรียสได้แต่ก่นด่าตัวเอง กำมือแน่น สะกดกั้นความร้อนผ่าวที่ดวงตาและปลายจมูก

ก่อนความรู้สึกนั้นจะเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแกมตกใจ เมื่อเขาถูกเจ้าชายเฮเดสทรงเลือก
.
.
.
.
.
มีเขาคนเดียวที่ถูกพระองค์ทรงเลือกเพิ่มเติม






ฟีเรียสดีใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัย ตอนที่ก้มลงจุมพิตปลายพระแสงกระบี่ เขาเงยหน้าขึ้นมองสบสายพระเนตรของพระองค์แวบหนึ่งแล้วก็ไม่กล้ามองอีก

บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่เขาไม่สงสัยเลย ว่าทำไมเจ้าชายอีกหกพระองค์จึงเคารพพระองค์มาก ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าขนลุกชันด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในเกียรติยศที่ได้รับ

ฟีเรียสย้ายเข้าไปอยู่ในตึกพักขององครักษ์ในเจ้าชายใหญ่แล้ว เขาได้พักห้องเดี่ยว และได้ของประทานหลายอย่างซึ่งเป็นของจำเป็นสำหรับชีวิตการเป็นองครักษ์ เช่นเครื่องแบบใหม่หลายชุด เครื่องแบบขององครักษ์ในเจ้าชายเฮเดสเป็นสีน้ำเงินริมเทา เจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนโปรดให้หนึ่งในสององครักษ์คนสนิทของพระองค์พาเขากับเพื่อนคนที่สอบได้ที่สองของรุ่นไปแนะนำให้องครักษ์คนอื่นๆ รู้จัก และฟีเรียสก็คิดว่า

เขาคงจะสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจและมีความสุข องครักษ์รุ่นพี่ดูเป็นมิตรกับเขาทุกคน

หลังจากทำงานได้ห้าวัน เขาจึงเพิ่งรู้เหตุผลที่ตัวเองมีวาสนาดี

วันนี้เขามีเวรตามเสด็จไปนอกวังจึงตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ได้ยินเสียงคนเป่าขลุ่ยจึงเดินตามเสียงไปและพบว่าเสียงนั้นมาจากในศาลากลางสวนข้างพระตำหนัก ขณะจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ หัวหน้าองครักษ์ประจำพระองค์ก็ออกมาขวางเอาไว้

“องค์ชายเสด็จออกมาดำเนินเล่น”

“ข้าเห็นมีสองคน...” ฟีเรียสอดปากไว้ไม่อยู่ ไม่ได้บอกว่าอีกคนหนึ่งนั้นเขารู้สึกว่าดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็น

“นั่นคุณธาม”

“ครับ”

“เป็นคนรักขององค์ชาย”

“พระชายาหรือครับ” แต่เจ้าชายเฮเดสยังไม่ได้ทรงอภิเษกสมรส

“ไม่ใช่ แต่ให้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาอยู่ในฐานะนั้น”

ฟีเรียสขมวดคิ้ว

“เอาเถอะ บอกเจ้าตอนนี้ก็ได้” ถึงยังไงก็ต้องรู้ “องค์ชายทรงมีคนรักเป็นผู้ชาย”

ฟีเรียสก็สงสัยอยู่ ว่าถึงจะผมยาว แต่คนที่นั่งเก้าอี้ข้างเจ้าชายหนุ่มก็แต่งชุดผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง แต่ว่า... เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

เจ้าชายใหญ่แห่งไมซีน พระโอรสเพียงพระองค์เดียวขององค์ราชินี... มีคนรักเป็นผู้ชายได้ด้วยหรือ

คนรักแค่ชั่วคราวรึเปล่า

“คุณธามไม่ถือตัว ถ้ามีโอกาสได้พบหรือพูดคุย เจ้าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ แค่พูดให้สุภาพธรรมดาก็พอ ไม่ว่าเจ้าจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ จำไว้แค่ว่าถ้าแสดงท่าทีหรือทำอะไรไม่เหมาะสมกับเขา โทษของเจ้าเทียบเท่าการล่วงเกินพระชายา”

“ครับ ข้าจะจำไว้”

อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเองก็ชอบผู้ชาย แต่ฟีเรียสไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้ว สรุปว่าเช้านั้นเขายังไม่ได้เห็นหน้า ‘คุณธาม’ ชัดๆ แต่เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามากทีเดียว

อยากรู้ ว่าผู้ชายแบบไหนที่ทำให้คนระดับ ‘เจ้าชาย’ หลงรักได้






องครักษ์หนุ่มได้รับคำตอบในเย็นวันนั้นเอง เมื่อกลับมาจากตามเสด็จออกไปข้างนอกและพบว่าชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าพระตำหนักคือผู้ชายคนเดียวกับที่เขาเคยช่วยเอาไว้จากโจรล้วงกระเป๋า เขานึกรู้ขึ้นมาทันทีว่าเพราะอะไรอดีตองค์รัชทายาทจึงทรงเลือกเขา

ฝ่ายนั้นยิ้มให้เมื่อเห็นเขา ฟีเรียสยืนตัวเกร็งกว่าปกติเมื่อเจ้าชายเฮเดสหันมาทอดพระเนตรมองเขาอีกคน

“ข้ายังไม่ได้ขอบใจเจ้า ที่ช่วยธามเอาไว้”

“ขอเดชะฯ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เล็กสำหรับข้า ยังไงก็ขอบใจเจ้ามาก”

“มิเป็นไรมิได้พระเจ้าค่ะ”

“ไปพักเถอะ”

ฟีเรียสถวายความเคารพแล้วหันหลังกลับ ปลายหางตายังมองเห็นเจ้าชายหนุ่มทรงโอบเอวคนรักเข้าไปในพระตำหนัก

ขอเพียงพระองค์ทรงรักใคร่ ต่อให้เป็นผู้ชายเหมือนกันก็ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ

แล้วถ้าเจ้าชายรามิเรสทรง...




... เลิกคิดดีกว่า...






ฟีเรียสเลิกคิดไม่ได้ เพราะไม่กี่วันต่อมาคนในความคิดก็มาปรากฏกายต่อหน้า เปล่า ไม่ได้มาหาเขา แต่มาเข้าเฝ้าพระเชษฐา
รับสั่งเรื่องอะไรกันไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือก่อนจะเสด็จกลับ ผู้มาเป็นแขกหยุดรับสั่งกับเขาซึ่งยืนอยู่หน้าประตูพระตำหนักว่า

“เฟย์เขียนจดหมายมาบอกข้าว่าแม่ของนางฝากขนมมาให้ข้า เจ้าลืมให้รึเปล่า”

“กระหม่อม... ทำหล่นกลางทางพระเจ้าค่ะ ขอประทานอภัย”

เจ้าชายหกทรงพยักพระพักตร์ “ข้าจะได้บอกนางถูก”

รับสั่งเท่านั้นก็เสด็จจากไป

ฟีเรียสยืนกำมือ เขาเป็นคนขอร้องเอง ว่าให้เลิกยุ่งกับเขาเสียที พระองค์ก็ทรงทำตามที่เขาขอแล้ว นี่เขายังจะหวังอะไร พระองค์จะทรงทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น จะไปเที่ยวผู้หญิง หรือจะทำตัวห่างเหินก็ช่าง เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร

“ฟีเรียส”

หัวใจเต้นแรงตั้งแต่อีกฝ่ายทรงหันกลับมาแล้วเรียกชื่อ

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้ายิงธนูเก่ง ผลสอบก็ดีขึ้นมาก ข้าภูมิใจ”

หัวใจที่พองฟูขึ้นมาคับอกบอกให้รู้ว่า
.
.
.
.
.
.

เจ้าชายหกแห่งไมซีนยังทรงมีอิทธิพลต่อเขาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง





tbc.


********************************

- มีคนถามเรื่องโรดีอัสมาเนอะ ขอตอบว่าโรดีอัสไม่ได้คู่กับเจ้าชายแปดหรอกค่ะ ส่วนใหญ่ชุนจะไม่ใช้ตัวประกอบในเรื่องไปเป็นตัวหลักในเรื่องอื่นน่ะค่ะ แล้วโรดีอัสก็ไม่ใช่นายเอกในสเปกชุนด้วยอ่า

- ขอใช้พื้นที่ตรงนี้แจ้งเรื่องเวลานิดนึงนะคะ ช่วงสามวันนี้คืออังคารถึงพฤหัสชุนมาอบรมน่ะค่ะ
ถ้าใครเมลจองมาช่วงนี้ชุนเมลตอบได้อยู่นะคะ เพราะว่าที่โรงแรมมี wifi
แต่ถ้าแจ้งโอนมาชุนยังเช็คไม่ได้น่ะค่ะ เพราะเช็คโดยการเอาสมุดบัญชีไปปรับ
ไม่ได้เอาสมุดมาและไม่สะดวกให้ที่บ้านเช็คให้ด้วย
เพราะงั้นจะเมลยืนยันการโอนเงินให้ได้ประมาณวันศุกร์นะคะ
ต้องขอโทษด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-07-2014 22:11:01
ปากหนักเหลือแสน แถมยังหนีทุกวิธีเท่าที่จะคิดได้

ฟีเรียสนายทำให้เราสงสารองค์ชายหก สุดๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 29-07-2014 22:21:01
ขำที่ฟิเรียสพยายามกินขนมจนหมดจะได้ไม่ต้องเอาไปให้เจ้าชายหก 555 เจ้าตัวคงซีเรียส แต่คิดแล้วน่ารักดี
มีฉากคุยกันนิดนึงพอให้ชุ่มฉ่ำใจ ฮือ อย่างน้อยเขาก็ยังหวังดีต่อกันและกันอยู่ แม้ว่าจะอยู่ได้เพียงห่าง ๆ  :hao5:
เห็นเจ้าชายมีคนรักเป็นผู้ชายได้ ฟิเรียสน่าจะผ่อนคลายขึ้นนะ หรือจะเศร้ามากขึ้นเพราะนึกถึงเรื่องของตัวเองกันล่ะ
เลิกหนีรามิเรสเถอะ อย่าหลบกันอีกเลย มันปวดใจ  :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-07-2014 22:21:54
ขนาด องค์ชายองค์แรกยังสละราชบัลลังค์มาแล้วเลย นับประสาอะไรกับองค์ชายหก น่าจะได้นะฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-07-2014 22:28:59
เหมือนจะไม่ได้มีแค่คู่เดียวซินะ 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 29-07-2014 22:57:47
เฟย์ไม่ฟังฟีเรียสเลยอ้ะ  o18
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 29-07-2014 23:08:08
ฟีเรียส
ทำแบบนี้ คนอ่านเหนื่อยใจมากจ้ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-07-2014 23:34:03
เหนื่อยใจแทน เฮ้อ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 29-07-2014 23:55:24
เจ็บมากมั้ยฟีเรียส?
ไม่ต้องเครียดนะ นึกซะว่าทดลองรู้สึกแบบรามิเรสดู
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-07-2014 00:04:49
ไม่รู้จะว่ายังไงกะคู่นี้ดี  :amen:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 30-07-2014 00:10:50
เป็นซะแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันละ ฮืม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2014 00:45:09
เหมือนจะไปได้เยอะน่ะ แต่มันก็ไม่ถึงไหนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-07-2014 03:08:34
เอาอีกกกก!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 30-07-2014 06:05:48
ท่าทางองค์ชายจะมี คู่รักที่เป็นชาย อยู่หลายองค์เลยนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 30-07-2014 08:22:26
เรื่องง่ายกว่าเดิมเยอะ ในเมื่ออดีตองค์รัชทายาทยังมีคนรักเป็นผู้ชาย


เลิกคิดมากเถอะฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 30-07-2014 11:55:54
คือก็เข้าใจว่าฟีเรียสคงคิดหนัก คิดเยอะ สถานะเรากับเขามันต่างกันเกิน
คิดจนคิดแทนรามิเรสไปล้านแปดแหละ
สงสารรามิเรสแล้วสิ
แบบว่า เหมือนพยายามอยู่ฝั่งเดียวมาตลอด
คนหนีก็หนีจนรู้สึกว่าคนตามเหนื่อยแสนสาหัษ
เฮ่อออออออออออออออออออออออออ
ฟีเรียส ฟีเรียส ฟีเรียส เคยรู้สึกชอบที่ได้มายากๆ
แต่ตอนนี้สงสารรามเรสมากกว่ายังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 30-07-2014 12:27:15
ฟีเรียสกับองค์ชายหก จะลงเอยกันได้ไง

มองไม่ออก เลย เดาลำบากมาก

มันเหมือนยิ่งห่างไกล กันไปเรื่อยๆยังไงไม่รู้

อยากอ่านเรื่ององค์รัชทายาทกับคุณธามจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 30-07-2014 16:30:03
เหนื่อยใจกับฟีเรียสเหลือเกิน ตอนองค์ชายพยายามเข้าใกล้ก็พยายามถอยห่าง พอคุณชายถอยห่างกลับรู้ใจตัวเองซะงั้น

หน่วงจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 30-07-2014 16:32:32
ไม่ปากแข็ง ไม่ใช่ฟีเรียสอะนะ =_="
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 31-07-2014 00:53:22
เฮ้ออออ ฟีจะหนีความรักไปถึงไหน
เราเป็นองชายคงเลิกตามตื้อตั้งนานแล้วล่ะ
เล่นตัวเกิน!!!!!
เเล้วมีเพื่อนแย่นะฟี เฮอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 31-07-2014 23:28:59
คนเขียนน่ารักมาก มาไม่ขาดเลยยย น่ารักอ่ะตอนนี้  น้องน่ารักมากพี่คิงก็โอ๋มากกก อย่านะโนดราม่า 55555จุ๊บ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 01-08-2014 00:01:08
หนักจริงๆ ปากหนัก ใจหนัก ใจอ่อนบ้างก็ด๊ายยย จะเรื่อยๆไปถึงเมื่อไหร่จ๊ะพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 01-08-2014 00:22:11
อ่านตามทันแล้ววว
ชอบมากเลยค่ะเรื่องนี้
สงสารทั้งองค์ชายทั้งฟีเรียสเลยง่าา
ใจจรงกันแล้วแท้ๆทำไมมันยากนัก :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 23 (29 ก.ค. 57) หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 02-08-2014 23:50:35
รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอกแทนฟีเรียส และองค์ชายหก

มัวแต่ทรมานกันไปมาแบบนี้  แล้วมันมีประโยชน์อันใดกับใครกันเล่า     :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 06-08-2014 10:15:49
บทที่ ๒๔


สองวันต่อมาฟีเรียสตามเสด็จเจ้าชายเฮเดสไปยังพระตำหนักของเจ้าชายรามิเรส แม้จะพยายามสงบใจแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นพระตำหนักของ... เจ้าหนี้

ไม่ใหญ่มากนัก แต่งดงามและน่าจะสิ้นเปลืองเงินมาก

เพียงแค่คิดว่าใครนั่งทำงานอยู่ข้างใน เขาก็อุปาทานขึ้นมาเองว่าสถานที่แห่งนี้ดูอบอุ่น น่าอยู่มาก

ฟีเรียสพบโรดีอัสที่นี่ ทั้งสองมีโอกาสพูดคุยกันบ้างระหว่างที่ ‘เจ้านาย’ มีพระปฏิสันถารกันอยู่ข้างใน ต่างฝ่ายต่างพอใจเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความสุขกับการทำงานเพราะได้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดี

“ถ้าได้อยู่ด้วยกันอีกเหมือนตอนเรียนก็คงดี เจ้าว่าไหม”

โรดีอัสเป็นคนถาม ฟีเรียสยิ้มพลางพยักหน้า

“เจ้าอิจฉาข้ารึเปล่า” องครักษ์หนุ่มร่างใหญ่ถามพลางมองหาคำตอบบนใบหน้าและสายตาของเพื่อนรักอย่างจริงจัง ฟีเรียสชะงัก

“อิจฉาทำไม เจ้าสิต้องอิจฉาข้า องค์ชายใหญ่พระทัยดีมาก”

“องค์ชายหกก็พระทัยดี”

ฟีเรียสเงียบ เรื่องนั้นเขารู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ

“เจ้าอยากจะบอกอะไรข้ากันแน่” ยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก ในเมื่อเขาก็สูญเสียไปหมดแล้ว ทั้งผู้ชายที่เขาอยากจะอยู่ใกล้ชิดให้มากกว่านี้ ทั้งวันเวลาอันแสนพิเศษ ความรู้สึกอบอุ่นใจ และความสนใจไยดีที่เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงมีให้

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าตัดใจจากพระองค์ได้รึยัง”

โรดีอัสเป็นคนแบบนี้ ถามตรงๆ เขาก็ตอบตรงยิ่งกว่า

“...ได้แล้ว”

“จริงเหรอวะ”

ฟีเรียสสบตาเพื่อนตรงๆ “คุยเรื่องอื่นเถอะ”

“ข้าเป็นห่วงเจ้า”

“ขอบใจ แค่เจ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกก็พอ”

โรดีอัสเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนบอกอย่าง ‘ใจป้ำ’ ที่สุด

“ข้ารับได้นะเว้ย เรื่องที่เจ้าชอบผู้ชาย แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าชอบเจ้าชายหก ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่ดี แต่ข้าไม่เห็นอนาคตระหว่างเจ้ากับพระองค์เลยว่ะ ขนาดข้าเพิ่งเป็นองครักษ์แค่ไม่กี่วันยังเห็นพระคู่หมั้นมาเข้าเฝ้าทุกวัน ไม่แน่อาจจะมีข่าวอภิเษกเร็วๆ นี้ ข้าไม่อยากให้เจ้าเสียใจ”

ตอนนี้เขาก็เสียใจแล้ว เสียใจชนิดที่ไม่อาจปิดบังความรู้สึกนั้นจากสายตาของเพื่อนได้เสียด้วย คบกันมานาน โรดีอัสรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการเวลาคิด เขาเชื่อว่าฟีเรียสรู้ว่าควรตัดสินใจยังไงจึงจะดีที่สุด






เจ้าชายเฮเดสรับสั่งพระธุระกับพระอนุชาเสร็จแล้ว แต่พี่น้องยังคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปต่ออีก เจ้าชายรามิเรสทรงคิดไม่ถึงว่าพระเชษฐาจะตรัสถามตรงๆ ด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ

“เจ้าชอบองครักษ์คนใหม่ของพี่หรือ”

คนถูกถามทรงตกพระทัยอยู่ไม่น้อย

“รับสั่งถึงคนไหนพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายไม่ตรัสตอบ แต่สายพระเนตรมีแววปรานี เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงผ่อนพระปัสสาสะออกเบาๆ

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชอบเขา ทำไมเจ้าพี่ทรงทราบ”

“วันก่อนมองลงมาจากชั้นบน เห็นเจ้าหยุดคุยกับเขา สีหน้า สายตาดูอ่อนโยนมาก”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งงัน เพิ่งจะทรงทราบว่าพระองค์เป็นแบบนั้น

“วันเลือกองครักษ์ เจ้าก็ตกใจที่พี่เลือกฟีเรียส” หลังจากทรงวางถ้วยพระสุธารสชาแล้วจึงตรัสถาม “รู้จักกันมาก่อนหรือ”

เจ้าชายรามิเรสกราบทูลเรื่องราวให้พระเชษฐาทรงทราบอย่างหมดเปลือก ใครก็รู้ว่าเจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนทรงสละตำแหน่งรัชทายาทด้วยเหตุผลเดียว คือพระองค์ทรงมีคนรักเป็นผู้ชาย ไม่สามารถมีพระโอรสไว้สืบทอดราชบัลลังก์ได้ ประสบการณ์ความรักกับผู้ชายของพระองค์ย่อมทรงมีมาก

เจ้าชายเฮเดสทรงฟังเงียบๆ ก่อนจะรับสั่งบอกเรื่องที่พระอนุชาอยากจะรู้แต่ไม่กล้าถาม

“พี่เลือกเขาเพราะเขาเคยช่วยธามเอาไว้ เอาเถอะ แล้วจะส่งเขามาให้”

“เจ้าพี่”

อดีตเจ้าชายรัชทายาทตรัสถามด้วยสายพระเนตร ขณะเจ้าชายหกทรงกังวล

“เขาไม่ได้ชอบหม่อมฉัน” เมื่อครู่พระองค์ก็กราบทูลไปแล้ว ว่าฟีเรียสเป็นคนขอให้พระองค์ทรงเลิกยุ่งกับเขา และพระองค์ก็ตรัสตอบตกลง

เจ้าชายเฮเดสแย้มพระสรวล

“ถามเขาแล้วหรือ”

พระอนุชาทรงเงียบ จะตรัสถามทำไม ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจน

“ไม่เคยถามพระเจ้าค่ะ”

“ถามสิ”

เจ้าชายหกทรงมองพระพักตร์ของคนประทับตรงข้าม

“เจ้าพี่รับสั่งง่าย”

“ถามเดี๋ยวนี้เลย อย่ามัวรอเวลา”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบ จะบอกใครได้หรือ ว่าคนอย่างพระองค์ก็ทรงกลัวความผิดหวังเป็นเหมือนกัน

“ได้เป็นองครักษ์ของเจ้าพี่ เขาก็ดูมีความสุขดี”

สายพระเนตรรู้ทันกึ่งปรานีของพระเชษฐาทำเอาคนเปลี่ยนเรื่องต้องหยุดรับสั่ง เจ้าชายเฮเดสไม่โปรดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของคนอื่น แต่พระองค์ก็ยังรับสั่งบอกแนวคิดของพระองค์เป็นการส่งท้าย

“เจ้าต้องถามตัวเอง ว่าชอบเขามากขนาดไหน ถ้ามั่นใจว่าจะอยู่เป็นคู่กับเขาไปตลอดชีวิตได้ และจะมีความสุขไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเขา เจ้าก็ต้องแย่งชิงเอามา อย่าเกี่ยงวิธี”



************************************



ฟีเรียสมึนงงไปเลยเมื่อรู้ว่าเขาต้องย้ายไปเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีน ส่วนโรดีอัสก็ต้องมาเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของอดีตองค์รัชทายาทแทนเขา

เมื่อเป็นคำสั่งของเบื้องบน องครักษ์อย่างเขากับโรดีอัสก็มีแต่ต้องปฏิบัติตาม ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผล หาก ‘เบื้องบน’ ไม่บอกเหตุผล เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถาม ไม่ควรถาม แต่ฟีเรียสก็พยายามหาโอกาสถามจนได้

ถึงจะเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ แต่การจะได้เข้าเฝ้าตามลำพังสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในพระตำหนักเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าหรือไม่มีหน้าที่ข้างในก็เข้าไม่ได้ เมื่ออยู่นอกพระตำหนัก เจ้าชายหนุ่มก็ทรงมีองครักษ์แวดล้อม ถึงไม่มีก็ใช่ว่าเขาจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหาพระองค์ได้อย่างใจเหมือนตอนที่อยู่บ้านริมผา แม้จะเคยตามเสด็จออกนอกวังบ้างตอนที่มีเวร แต่องครักษ์อย่างเขาก็เป็นแค่คนตัวเล็กกระจ้อยร่อย ไม่มีสิทธิ์พูดหากเจ้าชายไม่ได้รับสั่งถาม

ฟีเรียสตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเขากับเจ้าชายหกดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ’ มากขึ้น

อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มทนความอยากรู้ไม่ได้ เขาขอร้องเรจินให้ทูลขอโอกาสให้เขาได้เข้าเฝ้าสักครั้ง

เจ้าชายรามิเรสโปรดให้เขาเข้าเฝ้าตามลำพังในห้องทรงงาน

“เจ้ามีเรื่องจะพูดกับข้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไร”

เจ้าชายหนุ่มตรัสถามเรียบๆ ทั้งที่น่าจะทรงทราบดีอยู่แล้ว ฟีเรียสรู้ว่าฐานะของเขากับพระองค์ต่างกัน รู้ว่าเขาเป็นคนขอร้องให้พระองค์ทรงเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาเอง แต่ในเวลาที่ไม่มีใครแบบนี้

ปฏิบัติต่อเขา พูดกับเขาอย่าง ‘คนคุ้นเคยกัน’ เหมือนแต่ก่อนไม่ได้หรือยังไง

“กระหม่อมอยากทูลถามเหตุผลที่กระหม่อมถูกย้ายพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่อยากเป็นองครักษ์ของข้าหรือ”

“ไม่อยากเป็นพระเจ้าค่ะ”

พระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มขรึมขึ้นทันที ทว่าฟีเรียสรู้สึกยินดีเหลือเกินที่เห็น

“กระหม่อมเคยกราบทูลแล้ว ขอให้ฝ่าบาทกับกระหม่อมอย่าพบกันอีก และฝ่าบาทก็ทรงรับปาก แต่กลับทรงใช้อำนาจสับเปลี่ยนโยกย้ายให้กระหม่อมมาเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมมีสิทธิ์จะรู้เหตุผล ว่าทำไมฝ่าบาทจึงทรงกลับคำพระเจ้าค่ะ”

สายพระเนตรที่มองตรงมา เป็นสายตาของ ‘เจ้าชาย’ อย่างแท้จริง

ห่างเหิน และเย็นชาเสียจนคนถูกมองรู้สึกเหน็บหนาว

“เป็นพระประสงค์ของเจ้าพี่เฮเดส”

“...อะไรนะพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของอดีตองค์รัชทายาท บางทีข้าอาจจะรู้เรื่องนี้ทีหลังเจ้าเสียอีก ข้าไม่เคยขัดพระประสงค์ของเจ้าพี่มาก่อนจึงต้องรับเจ้าไว้ แต่ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นองครักษ์ของข้ามากขนาดนี้ ข้าก็จะกราบทูลเจ้าพี่ให้ ขอให้ท่านโปรดย้ายเจ้ากลับไป”

ฟีเรียสมองพระพักตร์อย่างตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงจะรับสั่งความจริงแน่แล้ว เขาก็อับอายจนหน้าชา นึกอยากจะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนี้

“มีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าอีกไหม”

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้าเพราะพูดไม่ออก

“อย่างนั้นก็ออกไปได้ ข้าจะทำงาน”

คนถูกไล่หันหลังเดินกลับเร็วเสียจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง ที่สำคัญคือเขาลืมถวายความเคารพ






โง่! โง่! โง่! เขามันเป็นไอ้โง่!



อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แทนที่จะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองไปเงียบๆ เจียมเนื้อเจียมตัว ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับพระองค์มาก่อน กลับดั้นด้นดันทุรังไปขอเข้าเฝ้าจนถูกพระองค์โยนความจริงมาใส่หน้า

ทั้งที่เขาดีใจมากแท้ๆ ที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์อีกครั้งโดยมีคำว่า ‘หน้าที่’ มาบังหน้า พอรู้อย่างนี้แล้วเขาจะยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างเป็นสุขได้อีกหรือ

ทะเลาะกับเจ้าชีวิตของตัวเอง ทำให้พระองค์กริ้วตั้งแต่แรกทำงานอย่างนี้คงไม่ต้องหวังความก้าวหน้าใดๆ อีก คุณเรจินก็เรียกเขาไปเตือนเรื่องการวางตัว บอกเป็นนัยให้เขาทำตัวให้ดีเพราะที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ริมผา เขาไม่ควรขอเข้าเฝ้าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริงๆ
ฟีเรียสหน้าแดงก่ำตอนที่ถูกตำหนิ เขาได้แต่รับคำ เพราะอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าของเขาอีกทีหนึ่ง

เป็นองครักษ์ของเจ้าชายหกก็ไม่มีหน้าจะมองพระพักตร์ ถ้าต้องกลับไปเป็นองครักษ์ของเจ้าชายเฮเดสอีก รับรองได้ว่าในวงการองครักษ์ต้องคิดว่าเขามันไม่เอาไหน ทำงานบกพร่องจนไม่มีเจ้าชายพระองค์ไหนอยากได้ไว้รับใช้ ต้องโยนกันไปโยนกันมา
ทำไมเรื่องราวถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ทำไมถึงไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เขาคิดเลยสักอย่าง

เขาก็แค่...



แค่อยากให้เจ้าชายหกรับสั่งบอกกับเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่ถูกย้ายเพราะพระองค์เป็นคนทูลขอตัวเขามาจากพระเชษฐาต่างพระมารดาเอง

ขอตัวเขามา เพราะพระองค์เสียพระทัยเหลือเกิน... ที่วันนั้นไม่ได้ทรงเลือกเขา






ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างฟีเรียสกับเจ้าชายรามิเรส แม้แต่เรจินก็ไม่รู้ว่าวันนั้นองครักษ์ใหม่กราบทูลเรื่องอะไรกับเจ้าชายหก แต่องครักษ์ส่วนใหญ่ย่อมรู้ ย่อมดูออก ว่าใครเป็นที่โปรดปราน และใครไม่เป็นที่โปรดปราน

ฟีเรียสจัดอยู่ในประเภทหลัง

นี่คงเป็นโทษทัณฑ์ของการหลงตัวเอง

ฟีเรียสเพิ่งรู้ตัวว่าเขาหลงตัวเองมากไปจริงๆ โรดีอัสพูดถูก คุณหนูอันธียา พระคู่หมั้นมาเข้าเฝ้าเจ้าชายหกบ่อยมาก ส่วนใหญ่ก็อยู่กันในพระตำหนัก แต่ก็มีบ้างที่เจ้าชายหกจะเสด็จนอกวังพร้อมกับพระคู่หมั้น

แล้วทำไมจำเพาะจะต้องเป็นเป็นวันที่เขาเป็นเวรด้วย!






เท่านั้นไม่พอ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเลือกสถานที่ แต่ที่แน่ๆ คือเขาไม่อยากตามเสด็จมาเลย

สวนพฤกษศาสตร์ชานเมืองวันนี้ดูไม่ใช่สถานที่น่าเที่ยวนักในสายตาขององครักษ์มือใหม่ หัวหน้าสวนจดจำเขาได้และคงเข้าใจไปเรียบร้อยแล้วว่าวันนั้นเขามากับเจ้าชายรามิเรสในฐานะองครักษ์ติดตาม

“ต้นใยรักเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“โตขึ้น สูงเกือบสองวาเห็นจะได้”

โกหกรึเปล่า ฟีเรียสนึกสงสัยทันที เขาอยู่มาตั้งครึ่งค่อนเดือนแล้วยังไม่เห็นใยรักสักต้น ทั้งที่อุตส่าห์มองหาอย่างมีความหวัง

“ทั้งสองต้นเลยหรือ...”

“ใยรักอะไรหรือเพคะ”

คุณหนูอันธียาซึ่งวันนี้แต่งตัวเรียบร้อยมิดชิดกว่าทุกวันเพราะต้องออกแดดทูลถามขึ้น

“ต้นไม้ เวลธ์เขาให้ข้าเป็นที่ระลึก ตอนที่ข้ามาที่นี่คราวก่อน”

“เสด็จมากับใครเพคะ”

“กับเพื่อน”

“เพื่อนคนไหนเพคะ”

เพียงแค่เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรมองนิ่งๆ อันธียาก็รู้ตัวว่าเผลอล้ำเส้น หญิงสาวปรับเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงทันที

“หม่อมฉันแค่อยากทราบว่าเสด็จมากับเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้นเองเพคะ”

“ข้าไม่มีเพื่อนผู้หญิง”

“หม่อมฉันค่อยโล่งใจหน่อยเพคะ” เพื่อเป็นการคลี่คลายบรรยากาศ คุณหนูคนงามที่กางร่มไว้ตลอดเวลาทั้งที่มีแดดอ่อนๆ จึงหันไปถามหัวหน้าสวน “เมื่อกี้เจ้าจะพูดว่าอะไรนะ”

เวลธ์มองสบสายพระเนตรที่ไม่ได้บ่งบอกอะไร แล้วก็เหลือบไปมองข้างหลังพระองค์ เห็นอาการส่ายหน้านิดๆ ขององครักษ์หนุ่มแล้วก็เป็นอันรู้ว่าห้ามพูด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

“ข้าจะกราบทูลว่า ถ้าสูงเกือบสองวาแล้วแสดงว่าคนเลี้ยงเลี้ยงดีมากครับ”

อันธียาไม่ติดใจอะไร หัวหน้าสวนวัยกลางคนไม่รู้ว่าเจ้าชายหกโปรดปลูกไว้เองทั้งสองต้นหรือไม่ แต่ถ้าประทานให้ใครไปต้นหนึ่ง คนคนนั้นย่อมไม่ใช่พระคู่หมั้น

“เราไปกันตามลำพัง ไม่ต้องให้เขาตามเสด็จไม่ได้หรือเพคะ”

เขาก็คือฟีเรียส และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับคำพูดของพระคู่หมั้น ทว่าเจ้าชายรามิเรสทรงหันมาทอดพระเนตรเขาแวบหนึ่งแล้วก็รับสั่ง

“เขาต้องทำตามหน้าที่”

หน้าที่อะไร คอยตามดูคู่รักเดินชมนกชมไม้ด้วยกันอย่างนั้นสินะ

ไม่ทรงทราบจริงๆ หรือแกล้งไม่ทรงทราบกันแน่ ว่าเขาไม่อยากจะเห็น

พระคู่หมั้นสอดแขนคล้องพระพาหาของเจ้าชายหนุ่มเอาไว้ตลอดเวลา ฟีเรียสมองแล้วก็คิดอย่างหมั่นไส้ว่าสงสัยกลัวหาย แล้วเจ้าชายหกนี่ก็คงกลัวจะทรงหลงทางกระมัง ถึงปล่อยให้พระคู่หมั้นจับจูงให้เดินไปทางนั้นทางนี้

แม้อยากจะมองไปทางอื่นบ้าง แต่ฟีเรียสก็ตระหนักว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร องครักษ์ไม่ควรปล่อยให้เจ้าชายคลาดสายตา ทว่าการจะห้ามตัวเองไม่ให้หงุดหงิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะกำลังหงุดหงิดได้ที่ พระคู่หมั้นคนสวยก็กราบทูล

“หม่อมฉันเมื่อยจังเลย ให้องครักษ์ของฝ่าบาทช่วยถือร่มให้เราได้ไหมเพคะ”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนเมื่อรู้ตัว

เจ้าชายรามิเรสทรงหันมามองเขา

...อย่า ได้โปรดอย่า จะให้เขาทำอะไรที่หนักหนากว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่าก็ได้ แต่อย่าให้เขาทำงานนี้ ถ้าพระองค์ตรัสสั่งให้เขาทำล่ะก็ เขาจะ... เขาจะ...



คนอย่างเขาจะทำอะไรได้



“ฟีเรียส”

“พระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไง แต่เจ้าชายหกดูจะประหลาดพระทัยเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“ไปบอกหัวหน้าสวนให้เตรียมตั้งโต๊ะมื้อกลางวันได้”






เมื่อไม่นานมานี้เขายังเป็นผู้ร่วมโต๊ะ ตอนนี้สถานภาพลดเหลือแค่คนมอง กินข้าวกับผู้หญิงนี่ดีกว่ากินข้าวกับผู้ชายจริงๆ มองหน้าก็เจริญหูเจริญตากว่า แถมยังไม่ต้องตักกับข้าวเอง มีคนคอยตักให้ แทบจะส่งให้ถึงปากเสียด้วยซ้ำ คอยเอาอกเอาใจ พูดจาออดอ้อนอ่อนหวานให้ฟัง

มีคู่หมั้นแสนเลิศเลอถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาสับสนอะไรกับชีวิตอีก!

ก่อนหน้านี้จะมายุ่งกับเขาทำไม

พาเขามาที่นี่ทำไม ถ้าวันนี้พระองค์จะทรงพาคนอื่นมาซ้ำรอย






อันธียาครุ่นคิดอย่างหนักมาตลอดว่าทำอย่างไรเจ้าชายรามิเรสจึงจะโปรดนาง และไม่รับสั่งเรื่องการถอนหมั้นอีก หญิงสาวปรึกษามารดา และได้รับคำแนะนำมาหลายอย่างจึงคิดว่าจะนำมาใช้อย่างเต็มที่ อย่างแรกก็ต้องไม่เอาแต่ใจตัวเองมากนัก จะชวนไปเที่ยวที่ไหนก็ควรจะเป็นสถานที่ที่เจ้าชายหนุ่มโปรด ถึงแม้จะไม่ใช่ที่ที่นางชอบก็จำเป็นต้องฝืนใจบ้าง เมื่อจำได้ว่าพระองค์เคยตรัสชวนมาเที่ยวที่นี่ วันนี้นางจึงทูลชวนพระองค์มา และพระองค์ก็ไม่ทรงปฏิเสธเหมือนคราวก่อนๆ

นอกจากแต่งกายให้งดงาม ดูสดใสชวนมองแล้วก็ต้องอ่อนหวานอยู่เป็นนิจ เหนือสิ่งอื่นใดคือจะต้องใจกว้าง

นางรู้ว่าเจ้าชายหนุ่มเคยเสด็จหอบุปผาอยู่บ้าง ถึงแม้จะได้ความมาว่าพระองค์ไม่ได้โปรดใครเป็นพิเศษ แต่นั่นก็หมายความว่าพระองค์ไม่ได้ตั้งพระทัยว่าจะมีเพียงนางแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นไปเลยจะดีกว่า ว่าหากแต่งงานกันไปแล้ว นางก็ใจกว้างพอที่จะให้พระองค์มีนางสนมเล็กๆ ได้

อันธียาจัดการแสดงไปถวายถึงพระตำหนัก ผู้แสดงล้วนเป็นหญิงสาวสวยทั้งสิ้น ถึงจะหวั่นใจบ้างว่าเจ้าชายหนุ่มจะโปรดใครมากกว่านาง แต่ขอเพียงนางได้แต่งงานกับพระองค์ นางย่อมมีวิธีกำราบหญิงอื่นให้อยู่ในอำนาจของนางได้






ฟีเรียสคิดว่าถ้าเขาต้องทนมองพระคู่หมั้นของเจ้าชายหกเอาอกเอาใจพระองค์ให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างนี้ทุกวัน เขาคงจะหงุดหงิดจนประสาทกินเข้าสักวัน องครักษ์หนุ่มขอเข้าเฝ้าอีกครั้ง เขาทูลถามตามตรงประโยคเดียวว่า เมื่อไรจะได้ย้ายไปเป็นองครักษ์ของเจ้าชายเฮเดสดังเดิม ทว่าเจ้าชายรามิเรสตรัสตอบประโยคเดียวเช่นกัน

“เจ้าพี่ไม่ทรงอนุญาต”

ดับความหวังของเขาเสียสิ้น

เส้นความอดทนของเขาขาดผึงในวันที่บังเอิญเห็นคุณหนูอันธียาเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบพระโอษฐ์ของเจ้าชายรามิเรสกลางสวนดอกไม้หน้าพระตำหนัก ฝ่ายหลังดูจะตกพระทัยที่หันมาเห็นเขาเข้าพอดี ทว่าคราวนี้ฟีเรียสไม่พลาดแล้ว เขายืนตัวตรง ชิดเท้า แล้วค้อมศีรษะถวายความเคารพอย่างต่ำเป็นเชิงขอประทานอภัยที่เขาบังอาจมาเห็นฉากหวานแหววของพระองค์เข้าพอดี ก่อนจะหมุนตัวกลับหลัง ก้าวกลับไปช้าๆ ทั้งที่รู้สึกโมโหจนควันออกหู

เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

เพิ่งรู้ว่าเขา ‘เด็ก’ กว่าที่ตัวเองเคยคิดไว้ เพิ่งรู้ว่าการแยกความรู้สึกส่วนตัวออกจากหน้าที่มันช่างยากเย็นนัก เพิ่งรู้...



... ว่าเขาถลำใจลงเหวมาแล้วอย่างลึกล้ำ




อย่างไรก็ดี ก่อนที่ฟีเรียสจะขอทูลลาออก ก็เกิดคดีความขึ้นกับเขาเสียก่อน เป็นคดีที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเขาไปอีกทางหนึ่ง ปิดตายโอกาสที่เขาจะหนีไปให้พ้นๆ จากเจ้าชายหกแห่งไมซีนอย่างถาวร






tbc.




********************************************************

- ใกล้จะหมดเนื้อหาที่สต๊อกไว้แล้วค่ะ ตอนนี้พยายามจะเค้นอยู่ ถ้าเค้นไม่ออกอาจมีการดองนะคะ แต่ว่าจะไม่ค้างแน่นอนค่ะ เพราะว่าใกล้จะเคลียร์ความรู้สึกกันเต็มทีแล้ว ฟีเรียสหมดความอดทน สถานการณ์ก็จะบีบบังคับด้วย

- เจ้าชายไมซีนมี 8 องค์ มีแค่เจ้าชายรองเท่านั้นที่แต่งงานกับผู้หญิง นอกนั้นชอบผู้ชายนะคะ อยากเขียนทุกองค์เลย แต่แค่รามิเรสก็แทบจะไม่รอดแล้ว เพราะงั้นองค์อื่นก็คงเป็นวิมานในอากาศน่ะค่ะ

- ก่อนเขียนรามิเรส เขียนเรื่อง "ยอม" มาก่อนนะคะ เป็นเรื่องของเฮเดสกับธาม ลงบอร์ดฝูค่ะ ถ้าใครเป็นสมาชิกก็เชิญชวนให้เข้าไปอ่านนะคะ จบนานแล้วแหละ แต่พอดีคนอ่านไม่มากนัก เลยแปลงเป็นนิยายชายหญิงเสร็จสรรพ ส่งสนพ. ติดสัญญา 3 ปีนะคะ ประมาณปี 59 ถ้าหมดสัญญาแล้วจะเอามาลงให้อ่านที่นี่ค่ะ

- สุดท้าย ขอแจ้งว่า ชุนจะสั่งพิมพ์เรื่อง เวลา วันที่ 8 นะคะ ตามจำนวนยอดโอน ท่านใดที่จองแล้วโอนภายในวันที่ 7 ไม่ทัน ชุนขออนุญาตตัดนะคะ อยากพิมพ์เผื่อเหมือนกัน แต่ว่า... กลัวเข้าเนื้ออ่าค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 06-08-2014 10:55:13
ชอบเจ้าชายเฮเดสจัง พระทัยดีและดูเท่ห์มาก
อ๊ากกกกกก ทิ้งตอนจบไว้แบบนี้ ค้างมากกก เรื่องอะไรกันที่จะเกิดขึ้นกับฟีเรียสนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 06-08-2014 11:14:15
ได้ยินเสียงเส้นความอดทนขาดผึง ตามด้วยเส้นความน้อยใจ ของฟีเรียส  อยากรู้จังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฟีเรียส หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-08-2014 11:46:33
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงง
สงสารฟีเรียส อิองค์ชายคงแกล้งอี๋อ๋อให้ฟีเรียสหึง
สงสารไมซีน มีเจ้าชายตั้ง8 เป็นเสีย7   :a5:
เจ้าชายรองคงต้องทำงานหนัก ปั๊มลูกไว้เยอะๆหน่อย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-08-2014 12:07:41
ฟีเรียสจะเดินหนีก็ไม่ได้
อึดอัดแทนจริงๆ
องค์ชายหกบอกซิว่าไม่รู้ว่าฟีหึงง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 06-08-2014 12:30:18
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ! ค้าง!!!!!   o9
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-08-2014 12:33:45
อึดอัดมาก  :z3:

ปากร้ายทั้งคู่ คำพูดที่พูดออกมามีแต่ทำร้ายกันเอง

คิดอย่าง พูดอีกอย่าง ถ้ามันมีแต่ทุกข์มากกว่าสุข แล้วหนีไม่ได้

ตัดใจก็ไม่ได้ จะฆ่าตัวตายก็สงสารแม่น้องอีก เฮ้อออ มองไม่เห็นทางออกเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 06-08-2014 12:45:09
เมื่อไหร่จะพูดกันตรงๆ แบบตรงไปตรงมานะ ลุ้นจริงๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-08-2014 13:34:57
อึดอัดจริง

รักเจ้าชายยังไม่พอ

ยังเห็นเจ้าชายกับคุ่หมั่น ต่อหน้าต่อตาอีก :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2014 14:33:56
มันอึดอัดใจรู้ไหมเธอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-08-2014 15:14:16
เคลียร์ให้ขาดสักที อึนเหลือเกินละ :mew4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 06-08-2014 15:23:16
ร้องไห้แป๊บ  :o12:
เฮ้อ สงสาร  :เฮ้อ:
ทำร้ายจิตใจกันเข้าไป ทั้งสองคนเลย สนุกดีไหม อ่านแล้วเจ็บแทน ทางด้านองค์ชายจะไปโทษก็ไม่ได้ก็ทางองครักษ์เล่นเป็นฝ่ายตัดรอนอยู่ตลอด แล้วก็ยังดีที่ยังปราณีเห็นใจฟีเรียสในหลาย ๆ ครั้ง แต่เห็นฟีมาทรมานใจอย่างนี้ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เลยอยากจะเชียร์ให้ฟีตัดใจ แต่ลมเพชรหึงตีกลับซะขนาดนี้สงสัยจะเชียร์ไม่ขึัน
คดีหน้านี่คือคดีอะไรหนอ มีความหวังนิด ๆ ว่าคงจะเลิกซึนขั้นเทพกันทั้งคู่เสียที
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-08-2014 15:38:15
โอว อย่าดองเลยค่ะ สู้ๆนะ  :mew6: สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้ว SM ดี สะใจ 55
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 06-08-2014 15:47:49
กว่าจะยอมรับใจตัวเองนะ ฟีเรียส
คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยใจแทนเจ้าชายรามิเรส

สุ้ๆๆค่า คนเขียน อย่าดองเลยนะๆๆๆ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 06-08-2014 16:10:27
คือ.....เป็นซาดิสด้วยกันทั้งคู่สินะ
ทำร้ายกันได้สาสมจริงๆจัง


คือไม่รู้สิ แต่แบบถ้านับรวมมาทั้งหมด ฟีเรียสก็ทำไว้เยอะเหมือนกัน
โดนเอาคืนบ้างก็จะได้รับรสสัมผัสนั้นบ้าง
หุหุ

สนุกค่ะ
ชอบแบบว่ามองดูการแสดงของรามิเรส
คงกะให้ฟีเรียสอกแตกไปข้าง

สู้ๆค่ะคนเขียน

มีแปด รักชายเจ็ด
ก็ยังมีทายาทได้ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-08-2014 19:13:18
ใกล้จะเคลียร์ใจกันแล้วซินะ เย้ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-08-2014 19:36:57
ค้างมากมาย  :sad4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 06-08-2014 21:38:20
ถ้ามีใครสักคนบอกว่าชอบนะ รู้เรื่อง!  :hao3:

ดองก็จะรอค่ะ สู้ๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 06-08-2014 22:34:05
ฟีเรียสหมดความอดทนแล้ว เย้ๆๆ
เลิกปากหนักได้แล้วทั้งคู่เลย
อะไรเหรอที่จะเกิดกับฟีเรียส?
รอร๊อรอรอรอรอครับ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-08-2014 22:45:49
รอค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 06-08-2014 23:36:02
ฟีเรียสพูดอะไรไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกแย่แค่ไหน
รามิเรสจะพูดไม่ถนอมน้ำใจกลับไปก็.. ตามนั้น

นี่ถ้าพวกเธอยังไม่เลิกปากอย่างใจอย่างซักที ฉันจะตีแล้วนะ  :fcuk:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 06-08-2014 23:40:10
เขียนดีเหมือนเคย ชอบสำนวนชุนจริงๆ^^มาต่อเร็วๆน๊า ลุ้นอ่ะ อ่านแล้วนึกถึงนิยายเรื่องรักต้องห้าม อ๊ายยยย ชอบแบบนี้หน่วงดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-08-2014 23:49:06
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 07-08-2014 00:36:40
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 07-08-2014 07:49:22
ฟีเรียสส แข็งใจไว้ TT
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-08-2014 08:47:41
ลองใจกันอยู่หรือเปล่า .. แต่ฟีเรียสก็เหลือเกินจริง ๆ
เริ่มต้นทำร้ายใจขององค์ชายหกด้วยคำพูดที่ไม่ตรงกับใจตลอด
ใครจะรู้ว่าเธอรู้สึกกับเขายังไงได้เล่า ... บางทีก็อยากสมน้ำหน้านะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 07-08-2014 09:01:26
นี่ก็น้า แทนที่จะยอมรับตรงๆว่าชอบเค้า เห็นอะไรคิดเองหมด ชักสงสารเจ้าชายแหะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 07-08-2014 16:25:12
คะ จะตามไปอ่านที่ fu
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 11-08-2014 09:09:17
จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฟีเรียสกันหนอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 24 (6 ส.ค. 57) หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 20-08-2014 02:55:10
แวะมันดันๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 20-08-2014 17:27:40
บทที่ ๒๕


   ฟีเรียสพักอยู่กับองครักษ์รุ่นพี่ ชื่อ วิล โชคดีที่วิลเป็นคนง่ายๆ และคุยสนุก องครักษ์มือใหม่จึงไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมห้อง วิลมีคนรักแล้ว เขาตั้งใจว่าจะแต่งงานกับนางเร็วๆ นี้ ฟีเรียสจึงได้ยินอีกฝ่ายเล่าเรื่องหญิงคนรักให้ฟังบ่อยๆ จนไม่รู้จักก็เหมือนรู้จักดี เมื่อฝ่ายนั้นเอาแหวนเพชรที่อุตส่าห์เก็บเงินหลายปีเพื่อไปซื้อมาออกมาอวดอย่างภูมิใจ และบอกว่าจะใช้แหวนนั้นไปขอนางแต่งงานในเร็วๆ นี้ เขาก็พลอยมีความสุขกับเพื่อนรุ่นพี่ไปด้วย

วันที่ฟีเรียสตั้งใจว่าจะขอทูลลาออก โดยไม่สนใจอีกแล้วว่าจะถูกเจ้าชายรามิเรสทรงดูถูกว่าเหยาะแหยะไม่เอาไหนหรือไม่ วิลก็รอเขาอยู่ในห้องแล้วด้วยสีหน้าเครียดจัด

“เจ้าเห็นแหวนของข้ารึเปล่า ฟีเรียส”

“ท่านเก็บไว้ในกล่อง ในตู้เสื้อผ้าไม่ใช่หรือ”

ทันทีที่พูดออกไป องครักษ์หนุ่มก็รู้แล้วว่าเขาพูดผิด เพราะแววตาของเพื่อนรุ่นพี่แข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม

“ใช่ แต่ตอนนี้มันหายไป และเจ้าก็เป็นคนเดียวที่รู้ว่าข้าซ่อนมันไว้ที่ไหน”

ฟีเรียสเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อประจักษ์ว่าเขาถูกกล่าวหา แต่ในเมื่อเขาไม่ได้เอาไป ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว

“ท่านหาดีหรือยัง”

“ข้าหาดีแล้ว ทุกซอกทุกมุม”

ประโยคท้ายเน้นหนักเป็นพิเศษ ฟีเรียสมองตู้ โต๊ะ และเตียงของเขา แล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความตามที่พูดจริงๆ แม้จะโกรธที่ถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว แต่ชายหนุ่มก็พยายามใจเย็น

“มันอาจจะหลงหูหลงตาท่านไป ข้าจะช่วยหาอีกรอบ”

อีกฝ่ายลังเล สีหน้ามีแววครุ่นคิด แล้วก็พยักหน้า

สองคนช่วยกันค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ห้องพักก็ไม่ได้กว้างขวางมากนัก อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็มีไม่มาก หลังจากแทบจะสำรวจฝุ่นทุกเม็ดในห้องแล้วไม่พบ เจ้าของแหวนก็เครียดจัดยิ่งกว่าเดิม

“ท่านเอาไปซ่อนไว้ที่อื่นรึเปล่า”

แววตาของวิลไหวไปวูบหนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธหนักแน่น

“ข้าเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า เจ้าก็เห็น”

ฟีเรียสชักจะโมโหจริงจังขึ้นมาเสียแล้วเมื่อถูกกล่าวหาอีกรอบ

“ครับ ข้าเห็น แต่ถ้าท่านกำลังคิดว่าข้าขโมยไปล่ะก็ ท่านคิดผิด”

“...ข้าขอค้นตัวเจ้าหน่อย”

ฟีเรียสขบฟัน ที่จริงมันก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ ถึงอีกฝ่ายจะค้นละเอียดแค่ไหนก็ไม่พบอยู่ดี แต่เขาเกลียดการดูถูกเหยียดหยาม

“ไม่จำเป็นครับ ข้าว่าท่านเอาเวลาไปนึกให้ออกดีกว่า บางทีท่านอาจจะเอาติดตัวไปแล้วลืมทิ้งไว้ที่ไหน”

“...” วิลสบถคำหยาบออกมาคำหนึ่ง ตาวาว หน้าดำคล้ำเมื่อตวาดเสียงดัง “ของมีค่าขนาดนั้นกูจะไปลืมทิ้งส่งง่ายๆ ได้ยังไงวะ แหวนวงนั้นกูเก็บเงินมาตั้งหลายปีกว่าจะมีปัญญาซื้อมาได้ มึงก็รู้ดี กูรักคนรักของกูมาก มึงยังทำกับกูอย่างนี้ได้ลงคออีกเหรอวะ ขอร้องเถอะว่ะฟีเรียส คืนแหวนกูมา แล้วกูจะไม่เอาเรื่อง”

ฟีเรียสเคยคิดว่าเขาเป็นคนมีความอดทนสูง แต่วันนี้เขาใช้ความอดทนนั้นไปกับการมองเห็นภาพบาดตาจนหมดไปแล้ว และเขาจะไม่ทนกับการเป็นที่รองรับอารมณ์และความผิดที่เขาไม่ได้ก่ออีกต่อไป

“ข้าว่าท่านสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า พอใจเย็นกว่านี้ท่านอาจจะคิดออก”

องครักษ์หนุ่มหันหลัง เดินกลับไปทางประตูทันที ทว่าไหล่ของเขาถูกกระชากกลับไปอย่างรวดเร็ว

แล้วหมัดลุ่นๆ ก็กระแทกเข้ามาที่โหนกแก้มของเขาอย่างเต็มแรง






ฟีเรียสไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ กฎระเบียบมีอยู่ว่า หัวหน้าหน่วยองครักษ์ประจำพระองค์มีอำนาจตัดสินเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างองครักษ์ในปกครอง ทั้งที่เรื่องนี้ควรจะจบอยู่ที่คำตัดสินของเรจิน แต่พออีกฝ่ายเห็นว่าหนึ่งในคู่กรณีคือเขา

ทำไมต้อง ‘กราบทูลพระกรุณา’ ให้เจ้าชายหกเป็นผู้ตัดสินด้วย

วิลเองก็ดูจะตกใจเช่นกัน องครักษ์หนุ่มดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องมาอยู่ต่อพระพักตร์ของผู้เป็นนายในห้องทรงงาน

ฟีเรียสมองสบสายพระเนตรของผู้ประทับหลังโต๊ะทรงงานสุดปลายห้องเพียงแวบเดียวแล้วก็หลุบตาต่ำลง

บ้าจริง เวลาแบบนี้เขายังอุตส่าห์คิดถึงเรื่องที่พระองค์จูบกับพระคู่หมั้นอยู่อีก

“ค้นหาดูทั่วห้องแล้วหรือ”

“กระหม่อมค้นหาทั่วห้องดีแล้วพระเจ้าค่ะ แต่ไม่พบ”

แม้วิลจะกราบทูลเช่นนั้น แต่เจ้าชายรามิเรสก็ยังตรัสสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทไปตรวจค้นอีกรอบหนึ่ง คราวนี้ตรัสสั่งให้ค้นทุกห้องในตึกพักอย่างละเอียด

ระหว่างรอรายงาน พระองค์ก็ไม่รับสั่งอะไรเลย ยังทรงงานอื่นตามปกติไปเรื่อยๆ

ห้องทั้งห้องเงียบสงัด ฟีเรียสอึดอัดแทบจะเป็นบ้า ถือโอกาสตอนที่พระองค์ไม่ได้มองมา มองคนที่พระทัยจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงเบื้องพระพักตร์อย่างเต็มตา

ที่ผ่านมา เขาคงยังไม่รู้จักเจ้าชายพระองค์นี้ดีพอสินะ หรือไม่ เจ้าชายหกที่เขารู้จักกับเจ้าชายหกที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คงเป็นคนละคนกัน

คนที่เฉยเมยเย็นชาแบบนี้ เขาไม่รู้จัก... ไม่อยากจะรู้จักเลย

มหาดเล็กกลับมากราบทูลรายงานว่าไม่พบแหวน

“มีที่ไหนที่เจ้าเคยเอาแหวนไปซ่อนแล้วยังไม่ได้ค้นอีกไหม”

วิลเหงื่อตก ความจริงแล้วเขาเคยเปลี่ยนที่ซ่อนหลายครั้งมาก แต่จำได้ว่าครั้งล่าสุดเอากลับมาเก็บไว้ที่ห้องพักเหมือนเดิมแล้ว เมื่อมันหายไป เขาเครียดมากจนคิดอะไรไม่ออก ครั้นฟีเรียสโผล่หน้าเข้าไป เขาก็คิดออกอยู่อย่างเดียวจึงพูดเชิงกล่าวหาออกไป ไม่เคยคาดคิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ได้แต่แข็งใจกราบทูลไปว่าเขาค้นหาดูทุกที่แล้ว

“เจ้ารู้ว่ามันหายไปเมื่อไหร่”

“เมื่อเช้านี้พระเจ้าค่ะ”

“แล้วมีเวลาค้นดูทุกที่หรือ ที่บ้าน กลับไปดูรึยัง”

องครักษ์หนุ่มตกใจ ฝ่ามือชื้นเหงื่อทั้งสองข้าง แต่เมื่อโกหกครั้งหนึ่งแล้วก็กัดฟันโกหกต่อไป

“กระหม่อมไม่เคยเอาแหวนไปซ่อนไว้ที่บ้านพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงขยับพระโอษฐ์ จะตรัสสั่งให้เรจินส่งคนไปถามที่บ้านขององครักษ์หนุ่ม แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นรอยช้ำตรงโหนกแก้มขององครักษ์ใหม่ พระองค์ก็เก็บงำรับสั่งนั้นเอาไว้ ประจวบกับวิลถือโอกาสกราบทูล

“ขอเดชะฯ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ กระหม่อมยังไม่ได้ค้นตัวฟีเรียสพระเจ้าค่ะ กระหม่อมขอค้นแล้ว แต่เขาปฏิเสธ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการปกปิดพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็เลยใช้กำลังกับเขา”

วิลชะงัก ไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือไม่ พระสุรเสียงของเจ้าชายหกจึงฟังเย็นชากว่าปกติ

“เอ่อ... กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจพระเจ้าค่ะ เพียงแต่ขอค้นดีๆ แล้วเขาไม่ยอม”

เจ้าชายหนุ่มทรงหันไปทอดพระเนตรองครักษ์ใหม่ และฟีเรียสก็มองสบสายพระเนตรแน่วนิ่ง

“เจ้ายินดีให้ค้นตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ไหม”

ฟีเรียสเม้มปาก ก่อนจะพยักหน้า

“กระหม่อมยินดีพระเจ้าค่ะ”

“เรจิน”

องครักษ์หนุ่มผิวเข้มร่างสูงค้อมศีรษะรับคำสั่งแล้วลงมือตรวจค้นด้วยตนเอง ฟีเรียสยืนตัวเกร็ง สีหน้าถมึงทึง มองตรงไปยังเจ้าชีวิตของเขาไม่วางตาโดยไม่รู้เลยว่า ในสายพระเนตรของคนที่มองตอบ สีหน้าของเขาดูตัดพ้อมากแค่ไหน

“ฝ่าบาท ไม่พบพระเจ้าค่ะ”

วิลเหงื่อตก

“ขอเดชะฯ บางทีเขาอาจจะซ่อนไว้ในที่ที่ตรวจหาแค่ภายนอกไม่พบพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสหันขวับ มองหน้าอีกฝ่ายตาวาวโรจน์

“หมายความว่ายังไง” เจ้าชายหนุ่มตรัสถาม

“กระหม่อมอยากให้มีการถอดเสื้อผ้าตรวจพระเจ้าค่ะ”

ปัง!

เฮือก!

ทั้งวิลและฟีเรียสล้วนแต่สะดุ้ง ฟีเรียสงุนงง ขณะที่วิลหน้าซีดเผือด ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรให้เจ้าชายหนุ่มกริ้วจนต้องทรงทุบโต๊ะทรงพระอักษร

อย่างไรก็ดี เจ้าชายรามิเรสตรัสถามฟีเรียสเรียบๆ ทั้งที่สีพระพักตร์บ่งบอกว่ายังไม่หายกริ้ว

“เจ้ายินดีจะให้เขาพิสูจน์ไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกริ้วอะไร แต่แค่ไม่อยากเสี่ยงขึ้นมาเฉยๆ ไม่คิดว่าคำตอบนั้นจะทำให้พระองค์ดูจะกริ้วมากกว่าเดิม

“เรจิน”

“พระเจ้าค่ะ”

“พาเขาไปตรวจที่ห้องข้างๆ”

เรจินพยักหน้าให้องครักษ์ใหม่ แล้วเดินนำไป ฟีเรียสเดินตาม

“เดี๋ยว” ทุกคนในห้องหยุดชะงักกันหมด “ข้าตรวจเอง”

วิลดูประหลาดใจมาก ขณะที่ฟีเรียสเบิกตากว้าง






“ถอดเสื้อผ้าออกสิ”

คนถูกสั่งยืนนิ่ง ตัวเกร็ง หน้าเครียด ถ้าเป็นคุณเรจิน เขาจะไม่มีวันรู้สึกอับอายอย่างนี้เลย แต่นี่เป็นคนที่เขาเคยแก้ผ้าให้ดูต่อหน้า แล้วถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดีมาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงตอนนี้กับตอนนั้นจะมีความจำเป็นคนละอย่างกันก็เถอะ

เขายืน แต่อีกฝ่ายนั่ง รอทอดพระเนตร แถมห้องนี้ยังสว่างโล่งโจ้ง แล้วยังไม่ใช่ห้องน้ำหรือห้องนอนอีก

สายพระเนตรที่ทอดมองมาไม่บ่งบอกอะไรเลย แต่เขายังจำพระอารมณ์กริ้วเมื่อครู่นี้ได้

องครักษ์รุ่นพี่ล้วนบอกต่อกันมา ว่าเจ้าชายหกไม่ใช่คนที่กริ้วใครง่ายๆ เพราะฉะนั้นถ้าถูกกริ้วก็ให้รีบพิจารณาตัวเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระองค์กริ้วเขารึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้ากราบทูลขอให้เปลี่ยนคนตรวจ

“ฟีเรียส”

รับสั่งเรียกไม่มีความหมายอะไรหรอก นอกจากเตือนให้เขาทำเร็วๆ

องครักษ์หนุ่มจับหัวเข็มขัด กำแน่น แต่ไม่ยอมขยับ ดูๆ ไปเหมือนจะป้องกันไม่ให้ใครมาถอดมากกว่าจะถอดออก

“ข้าไม่มีเวลานั่งรอเจ้าทั้งวัน”

อารมณ์รุนแรงบางอย่างพุ่งพรวด ฟีเรียสมองสบสายพระเนตรเขม็ง ตาร้อนผ่าว

อีกฝ่ายทรงเป็นเจ้า ส่วนเขาเป็นขี้ข้า ไม่มีสิทธิ์ขัดขืนสินะ

“กระหม่อมจะลาออก” เจ้าชายหนุ่มทรงงันไป “กระหม่อมขอทูลลาออกเดี๋ยวนี้พระเจ้าค่ะ”

“เหตุผลล่ะ”

“...”

“เพราะทำผิดจริง หรือเพราะข้าสั่งให้เจ้าแก้ผ้า”

ไม่ว่าเหตุผลไหนก็น่าอายทั้งนั้น

“กระหม่อมไม่ได้ทำ! กระหม่อมไม่ใช่ขโมย!”

ฟีเรียสจะร้องไห้อยู่แล้ว เขาไม่คิดว่าจะต้องมาร้องไห้ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะร้องเพราะอะไรแบบนี้

“ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”

องครักษ์หนุ่มผงะ รีบยกมือขึ้นลูบแก้ม ทว่านอกจากความเจ็บตรงรอยช้ำแล้วก็ไม่รู้สึกว่าเปียกชื้นแต่อย่างใด

คนถูกหลอกหน้าบึ้ง

“ปรับสีหน้าให้ดีๆ แล้วออกไปข้างนอกกัน หน้าแดงขนาดนั้นเดี๋ยวใครจะเข้าใจผิดว่าข้าทำอะไรเจ้า”

คนได้รับคำแนะนำรู้สึกว่าหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิม รู้สึกว่าถูกปั่นหัวจนหัวหมุนไปหมด

“แล้วก็อย่าพูดว่าจะลาออกอีก ฟีเรียสที่ข้ารู้จักไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

ตาของคนฟังร้อนผ่าวหนักขึ้นไปอีก เขาฟังไม่ผิดใช่ไหม ที่เจ้าชายหกรับสั่งว่าพระองค์ทรง ‘รู้จัก’ เขา

ในที่สุดก็รู้จักเขาเสียที คงจะไม่หมางเมินให้เขาใจสั่นเหมือนที่ผ่านมาอีก






เจ้าชายรามิเรสเป็นผู้รับสั่งเองว่าไม่พบแหวนที่ตัวขององครักษ์ใหม่ การสอบสวนดำเนินต่อไป องครักษ์หลายคนถูกเรียกมาสอบปากคำ มีคนยืนยันว่าเห็นวิลซื้อแหวนมาจริง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเก็บซ่อนไว้ในห้องพัก มีคนเชื่อว่าวิลจะไม่กล่าวหาเพื่อนรุ่นน้องลอยๆ แน่ เพราะทั้งคู่ถูกอัธยาศัยกันดี ไม่มีเหตุผลให้วิลใส่ความฟีเรียส

เพื่อนร่วมรุ่นสองคนของฟีเรียสยืนยันว่าฟีเรียสไม่มีประวัติลักขโมย ชายหนุ่มเป็นคนซื่อสัตย์และไว้ใจได้

ที่สำคัญคือไม่มีหลักฐานหรือพยานยืนยันว่าฟีเรียสเป็นคนขโมยไป

อย่างไรก็ดี วิลมีเหตุผลที่กล่าวหาเพื่อนร่วมห้อง

“ฟีเรียสเคยบอกกระหม่อมว่าเขามีหนี้สินมากพระเจ้าค่ะ ลำพังเงินเดือนองครักษ์คงไม่พอให้เขาใช้หนี้ ต่อให้เป็นองครักษ์ไปอีกสามสิบปีก็อาจจะใช้ไม่หมด”

เพื่อนสองคนของฟีเรียสไม่รู้เรื่องเขาเป็นหนี้ แต่ก็กราบทูลว่าตอนเป็นนักเรียนองครักษ์ ฟีเรียสทำงานพิเศษอย่างหนัก หาเงินตัวเป็นเกลียว โรดีอัส เพื่อนสนิทของฟีเรียสเคยบอกกับใครๆ เล่นๆ ว่า ฟีเรียสเตรียมเก็บเงินไปแต่งเมีย

“จริงหรือ”

ฟีเรียสงง

“ที่ว่าเจ้าเก็บเงินเตรียมแต่งเมีย”

ไม่เพียงแค่ฟีเรียสคนเดียว แต่ทุกคนในห้องดูจะงุนงงเหมือนกันหมด ประเด็นนี้มันสำคัญขนาดที่ต้องตรัสถามด้วยพระสุรเสียงจริงจังถึงขนาดนั้นด้วยหรือ

ทั้งที่คนให้ข้อมูลก็กราบทูลแล้วว่าโรดีอัส ‘พูดเล่น’

ที่สำคัญก็คือ คนตรัสถามก็รู้ดีว่าเขาหาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่ออะไร

องครักษ์หนุ่มมองพระพักตร์... สรุปว่าเขาต้องทูลตอบจริงๆ ใช่มั้ย

“ไม่จริงพระเจ้าค่ะ”

แค่นี้ก็ดูจะพระอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ประหลาดคนแท้ๆ

หลังจากการสอบสวนอันเคร่งเครียดดำเนินไปติดต่อกันหลายชั่วโมง ผลสรุปก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือเป็นการกล่าวหาของวิลแต่เพียงฝ่ายเดียว อย่างไรก็ดี เจ้าชายหกผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ‘พระทัยดีมาก’ ก็ตัดสินคดีนี้ ‘อย่างเป็นธรรม’ ว่า

“ฟีเรียสพ้นผิดเพราะไม่มีหลักฐาน ส่วนวิล ข้าจะออกเงินค่าแหวนเพชรวงใหม่ให้ เจ้าไปเบิกกับธอมัสได้” ทรงหมายถึงหัวหน้ามหาดเล็กประจำพระตำหนัก “ให้ทั้งสองคนแยกกันพักคนละห้อง แต่เนื่องจากไม่มีห้องพักว่าง ให้วิลพักที่ห้องเดิม ส่วนฟีเรียสย้ายมาพักที่ห้องว่างชั้นล่างในตำหนัก เรจินพาเขาไปหาธอมัส บอกให้จัดการเรื่องนี้ด้วย”

ตัดสินความจบก็ตรัสสั่งให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว






ฟีเรียสต้องขนข้าวขนของย้ายไปอยู่ห้องใหม่ภายในเย็นวันนั้น ขณะที่ลีโต องครักษ์ประจำพระองค์อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับเรจินได้รับพระบัญชาให้พาวิลกลับไปที่บ้าน หลังจากสอบถามมารดาขององครักษ์หนุ่มคู่กรณีของฟีเรียสแล้วก็ได้ความว่านางพบแหวนของเขาในกระเป๋าเสื้อที่เขาใส่กลับมาบ้าน แต่ยังไม่ได้บอกเพราะวิลกลับไปเข้าเวรเสียก่อน

ลีโตเป็นคนนำเรื่องขึ้นกราบทูลรายงานเจ้าชายหก

วิลได้รับพระบัญชาผ่านลีโตว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด โดยเฉพาะฟีเรียส

สรุปว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนไม่ต้องทรงเสียค่าแหวนเพชรวงใหม่ และได้องครักษ์ใหม่มาอยู่ร่วมพระตำหนักอีกคนหนึ่งอย่างง่ายดายด้วยประการฉะนี้





tbc.

**************************************






ขอแจ้งข่าวดีและข่าวร้ายดังนี้ค่ะ

ข่าวดี – ตอนหน้าก็จะเคลียร์เรื่องความรู้สึกกันแล้วนะคะ
ข่าวร้าย – หลังจากลงตอนหน้า (บทที่ 26) แล้วก็จะขอดองไปก่อนนะคะ อีกไม่นานก็คงจบ แต่ว่าพอสารภาพความรู้สึกกันแล้วก็ตันๆ หมดอารมณ์ซะงั้น เพราะงั้นอาจจะลงอีกทีตอนที่เขียนใกล้จบแล้วนะคะ จะได้ไม่ค้างคาค่ะ

ป.ล. เรื่องนี้ปัญหาใหญ่เพียงหนึ่งเดียวคือความคิดเยอะของฟีเรียสนะคะ ปัญหาเรื่องคู่หมั้นคาดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในสามบรรทัด ส่วนปัญหาอื่นๆ ก็จะรวบรัดให้ผ่านไปค่ะ ไม่ดราม่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 20-08-2014 17:55:04
เจ้าชายเจ้าเล่ห์ละ  :mew4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-08-2014 18:13:51
เจ้าชายรามิเรส แอบเจ้าเล่ห์
ในที่สุดก็หาทางให้ฟีเรียสมาอยู่ใกล้ได้แล้ว

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-08-2014 18:16:18
เจ้าชายคะ.....เจ้าเล่ห์เหลือเกินจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 20-08-2014 18:22:54
พออ่านมาถึงตอนที่บอกว่าปัญหาคู่หมั้นแก้ได้ในสามบรรทัด
ฮาก๊ากเลย
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 20-08-2014 18:32:57
ชั้นรุ้นะว่ากริ้วเพราะอะไร อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 20-08-2014 18:56:14
ทรงพระปรีชาจริงๆ ได้ฟีเรียสมาเนียนๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-08-2014 19:05:26
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-08-2014 19:13:33
เจ้าชายหกนี่เจ้าเล่ห์อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-08-2014 19:46:27
เจ้าชายหก ยังคงร้ายยยยย เหมือนเดิม 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 20-08-2014 20:02:33
องค์ชายคะ  มีแต่ได้ไม่มีเสียเลยนะเพคะ     :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-08-2014 20:37:05
รู้สึกว่ามันจะสั้นกว่าเคยน่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-08-2014 20:40:10
เบื่อฟีเรียสมาตั้งแต่ต้นจนจะจบ....นางมีปมชีวิตอะไรขนาดนั้นหนอ สงสารเจ้าชาย แต่อยากรู้เรื่อง คุณธามมากก่าอีก 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-08-2014 21:11:05
หึหึ เจ้าชายมากเล่ห์

ถัดจากตอนหน้าจะดองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง! :laugh:

ไม่น๊าาาาา~ (เสียงแบบเกมเศรษฐี) :serius2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 20-08-2014 21:20:40
"ปัญหาเรื่องคู่หมั้นคาดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในสามบรรทัด" ..คือ พรวดดดด~ 5555555555555555555555


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2014 21:41:34
ห้ามดองได้มั้ยยยยย
โอ้โนวววววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-08-2014 21:46:43
จากคำทิ้งท้ายเมื่อตอนที่แล้ว เราก็คิดไปซะไกลเลย  :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 20-08-2014 21:51:37
ต้อนฟีเรียสซะจนมุม
แถมยังใชัเรื่องแหวนหายนี่สั่งย้ายห้องอีก ^^
แต่ฮาสุดช่วงทอล์คที่บอกว่า เรื่องคุ่หมั้นเคลียได้ในสามบรรทัด 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-08-2014 22:18:00
เจ้าชายหกทรงน่ารักนะเพคะ รู้สึกเหมือนฟิเรียสโดนตอดเล็กตอดน้อยผ่านคำสืบสวน 5555
รอตอนหน้า อึดอัดกันมานาน ในที่สุดจะได้หายใจหายคอคล่องกันแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 20-08-2014 22:44:55
เมื่อไหร่จะบอกรักกันอ่ะรอมาโดน :impress3:แล้วเด้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 20-08-2014 22:53:06
ร้ายยยยยยยยยยยองค์ชายร้ายกาจ55
วิลก็นะมากล่าวหาฟีฟี่ได้ไง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-08-2014 01:49:36
ร้ายกาจที่สุด เจ้าชายเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 21-08-2014 02:00:48
เจ้าชายจะเริ่มรุกแล้วหรอ อ๊าย~ เกาะติดจอรอดูค่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 21-08-2014 06:11:39
จะรอตอนต่อไป สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-08-2014 08:51:34
แกมโกงนะคะ  เจ้าชาย  แต่ก็ชอบอ่ะ อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 21-08-2014 09:59:55
คึคึคึ เจ้าชายทำดีมาก

รอ~

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 21-08-2014 10:40:59
กร๊าซซซซซซซซซซซซ
รามิเรสแบบว่าไม่รู้ว่าหื่นหรือเจ้าเล่ห์ดี หุหุ
แทบจะรอตอนหน้าไม่ไหว
ฮ๊อกกกกกกกก
ฟีเรียส เอ้ยยยยย ฟีเรียสสสสสส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 21-08-2014 10:41:49
แบบนี้ถือเป็นกรณี "อ้อยเข้าปากช้าง" ไปแล้วรึเปล่าหว่า..?  ในเมื่อย้ายเข้ามาแล้วก็ไม่มีสิทธิย้ายออกง่ายๆนะเออ :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 21-08-2014 13:46:35
เ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 21-08-2014 20:19:52
อิเจ้าชายเจ้าเล่ อิเจ้าชายหน้าอึน
ชอบฟีเรียสตอนหมดความอดทน น่ารักน่าแกล้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 21-08-2014 21:30:07
ฟีเรียสเอ้ย รักใครไม่รักมารักองค์ชายหก

ทั้งขี้แกล้ง เจ้าเล่ห์เป็นที่สุด คิดจะหนีก็ไม่มีทางรอด :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 23-08-2014 21:39:14
เจ้าชายได้โชคสองชั้นเฉยยยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 28-08-2014 10:45:49
ฟีเรียส เสร้จแน่ๆๆ
แต่ว่า ได้ข่าวเคยเสร้จไปแล้ว 55
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 25 (20 ส.ค. 57) หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 28-08-2014 17:25:37
 :hao6: แหม เจ้าเล่ห์ซะจริง  :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 28-08-2014 18:31:40
บทที่ ๒๖


ห้องใหม่ของฟีเรียสทั้งกว้างขวาง หรูหรา และสะดวกสบายมาก เป็นห้องที่อยู่ทางปีกซ้าย ชั้นล่างสุดของพระตำหนัก คนละฝั่งกับห้องของเรจินซึ่งอยู่ทางปีกขวา

ธอมัส ชายร่างเล็กวัยห้าสิบห้าซึ่งเป็นหัวหน้ามหาดเล็กประจำพระตำหนักบอกกฎระเบียบสำคัญในการอยู่ในพระตำหนักแก่ผู้อาศัยคนใหม่อย่างละเอียด ทว่าฟีเรียสสรุปรวบยอดได้เพียงข้อเดียว

คืออย่าทำให้เจ้าของพระตำหนักทรงระคายเคืองพระทัยถ้าอยากจะอยู่ต่อไปนานๆ


ก็แล้วใครบอกว่าเขาอยากมาอยู่ที่นี่กันล่ะ!


ฟีเรียสอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าทำไมเขาต้องมาอยู่ที่นี่ เพราะเขาไม่น่าไว้วางใจจนต้องถูกควบคุมความประพฤติด้วยการเอาตัวมาอยู่ใกล้ๆ พระเนตรพระกรรณ หรือว่าเพราะพระองค์ทรงเสน่หาเขาเสียเต็มประดาถึงได้อยากจะให้เขามาอยู่ใกล้ชิด

คุณเรจินเป็นองครักษ์คนสนิท เป็นหัวหน้าองครักษ์ แถมยังเป็นพระญาติห่างๆ ของเจ้าชายหก จะพักอยู่ร่วมพระตำหนักก็ไม่แปลก จะกินข้าวร่วมโต๊ะเสวยก็ไม่น่าประหลาดใจ

แต่เรื่องที่ฟีเรียสไม่เข้าใจเอามากๆ ก็คือ ทำไมเขาถึงต้องเสนอหน้ามานั่งร่วมโต๊ะเสวยด้วยไม่ทราบ!






หลังมื้ออาหาร เจ้าชายรามิเรสตรัสสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์คนหนึ่งไปพักผ่อน และให้องครักษ์ประจำพระองค์อีกคนตามเสด็จไปยังห้องทรงงาน ฟีเรียสคิดว่าดีเหมือนกัน เขาก็อยากจะคุยกับพระองค์ให้รู้เรื่อง แต่เรื่องที่เขาต้องการคุยคงจะเป็นคนละเรื่องกับอีกฝ่าย

“ข้าให้เจ้า”

สิ่งที่ทรงหยิบออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทรงพระอักษรคือกล่องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากล่องหนึ่ง

“รับไปสิ”

นายยื่นของออกมาให้แล้ว แม้ไม่รู้ว่าคืออะไรองครักษ์ก็จำเป็นต้องรับ ฟีเรียสค้อมศีรษะลงแล้วยื่นมือออกไปรับ บนฝากล่องสลักลวดลายสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ชายหนุ่มมองพระพักตร์ ครั้นพระองค์ทรงพยักพระพักตร์ให้ เขาก็เปิดมันออก

ฟีเรียสเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ขวับ หลังจากเห็นชัดว่าข้างในคืออะไร

“ชอบมั้ย”

“ฝ่าบาท...” ไหนเคยสัญญากับเขาแล้วไงว่าจะไม่ซื้อประทานให้

ราวกับอีกฝ่ายจะทรงทราบว่าเขาคิดอะไร รอยแย้มพระสรวลตรงมุมโอษฐ์จึงขยายกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ยามรับสั่ง

“ไม่ได้ซื้อ แต่สั่งทำพิเศษ หยิบขึ้นมาดูสิ จะได้รู้ว่าเหมาะมือหรือไม่เหมาะ”

องครักษ์หนุ่มได้แต่ทำตามรับสั่ง มีดสั้นเล่มนี้คล้ายกับมีดสั้นที่ตลาดเล่มที่เขาชอบแต่ไม่มีปัญญาจะซื้อมาก เพียงแต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าดีกว่า พิเศษกว่า เป็นมีดที่ประณีตมากตั้งแต่ด้ามจับ ฝัก และตัวเล่ม ทำจากวัสดุที่ดีมาก ด้ามจับมีขนาดและรูปทรงที่เหมาะมือ น้ำหนักก็พอดี

แต่สัญลักษณ์ประจำพระองค์บนตัวด้าม และพระนามาภิไธยย่อบนตัวเล่มนี่มัน...

ไม่ได้หมายความว่าเป็นของส่วนพระองค์หรอกหรือ

“ข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ ในโอกาสที่เจ้าสอบได้ลำดับที่ดี ถึงจะไม่ได้ที่เจ็ดอย่างที่ข้าอยากให้เจ้าได้ก็ตาม”

ฟีเรียสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหวั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ รับสั่งแบบนี้ แปลว่าพระองค์ก็อยากได้เขามาเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ไม่ใช่หรือ แล้วทำไม... ถึงไม่เลือก

“พกติดตัวเอาไว้ และจงใช้มันในทางที่ดี บนตัวมีดมีชื่อของข้าอยู่ นั่นหมายความว่าถ้าเจ้าใช้มันในทางที่ดี มันก็จะเป็นความภูมิใจของข้าด้วย แต่ถ้าเจ้าใช้มันทำเรื่องไม่ดี ข้าก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบร่วมกันกับเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าเจ้าจะเอาไปใช้ทำอะไร ก็ขอให้คิดถึงข้า”

ความรู้สึกอบอุ่นที่แสนจะร้อนผ่าววาบขึ้นมากลางอก แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวอย่างอ่อนโยน คนได้รับพระกรุณาอย่างมากมายไม่รู้เลย ว่าทำไมผู้ชายที่ทั้งสูงส่งและดีพร้อมอย่างเจ้าชายหกแห่งไมซีนถึงดีต่อเขาถึงปานนี้ เมตตาเขามากมายอย่างไม่รู้จบ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรดีๆ ถวายเลย

“ยังไม่ได้บอกเลย ว่าชอบรึเปล่า”

ฟีเรียสจะค้อมศีรษะลงถวายความเคารพแทนการขอบพระทัย แต่แล้ว   ก็กลับทรุดตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือซ้ายถือมีดสั้น มือขวากำแนบหัวใจ ค้อมศีรษะลงอย่างช้าๆ และสง่างามที่สุดในชีวิตการเป็นองครักษ์

เบื้องหน้าไม่มีปลายพระแสงดาบที่ยื่นมาให้จุมพิตตามพิธี ชายหนุ่มจึงยื่นมือออกไปแตะพระหัตถ์ ครั้นเจ้าของพระหัตถ์ไม่ได้ทรงขยับหนี เขาจึงช้อนมือข้างนั้นขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก้มหน้าลงกดริมฝีปากแนบหลังพระหัตถ์ด้วยความรู้สึกเทิดทูนเต็มหัวใจ

พระโอษฐ์ของพระองค์นั้นช่างเถิด ขอเพียงพระหัตถ์นี้ยังไม่เคยมีใครแนบจูบ... เขาก็พอใจแล้ว

ฟีเรียสเงยหน้าขึ้น มองสบสายพระเนตรเต็มๆ ตา แล้วกราบทูลเสียงพร่า

“ชอบพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงยอมรับว่าตกพระทัยที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ทว่าเมื่อทอดพระเนตรเห็นสายตาที่ฉายความรู้สึกอันลึกล้ำขององครักษ์ใหม่ ดวงพระทัยก็อุ่นซ่าน

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระโอษฐ์ ตรัสถามพระสุรเสียงทุ้ม นุ่มนวล

“ชอบอะไร ชอบข้า หรือว่าชอบมีด”

ฟีเรียสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ขยับจะปล่อยมือ แต่อีกฝ่ายทรงพลิกจับไว้แน่น

หัวใจเต้นถี่รัวเป็นกลองศึก อกใจสั่นไหวรุนแรง แม้แต่มือและริมฝีปากก็สั่น ทว่าแม้จะมองพระองค์ด้วยแววตาขอร้องอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนแล้ว แต่คนที่ยึดมือเขาไว้เป็นเชลยก็ยังไม่ทรงปรานีเลยแม้แต่น้อย

“พูดสิ”

“กระหม่อม...”

เสียงสั่นจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ ทว่าสายพระเนตรคมกริบที่มองลงมาทรงอานุภาพทะลวงใจยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยมอง องครักษ์หนุ่มพยายามหักห้ามใจจนสุดสามารถ แววตาเจิดจ้า น้ำเสียงมั่นคงขณะตัดสินใจเอ่ยคำปฏิญาณ

“จะสัตย์ซื่อและจงรัก... ภักดีตราบจนชีวาจะหาไม่”

เจ้าชายรามิเรสทรงแย้มพระโอษฐ์

“ขอบใจ”

แต่ไม่ทรงยอมรามือ

“ข้าขอทดสอบความสัตย์ซื่อของเจ้า ฟีเรียส... เจ้าชอบอะไร มีดสั้น... หรือข้า”

องครักษ์หนุ่มจ้องมองพระพักตร์แน่วนิ่ง เนิ่นนาน กัดฟัน แล้วกลั้นหายใจ

“ฝ่าบาท...” ไม่ไหวแล้ว เขาทนเก็บมันไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ไม่คิดเลยว่าจะพูดออกไปง่ายๆ อย่างนี้เอง “กระหม่อมชอบฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ”

สิ้นคำสารภาพ ฟีเรียสก็หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

ก่อนจะถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืนอย่างง่ายดาย

“ชอบมากจนต้องร้องไห้เชียวหรือ”

คนถูกถามทั้งโกรธทั้งอาย ยกมือขึ้นหมายจะเช็ดน้ำตา ทว่าอีกฝ่ายทรงยึดมือเขาเอาไว้เสียก่อน ก่อนจะลูบออกประทานให้เบาๆ ราวกับกลัวว่าเขาจะเจ็บตรงรอยช้ำ

เมื่อสายตาสองคู่หันมาสบกันในระยะประชิด เวลาก็คลับคล้ายจะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเคลื่อนอีกครั้ง เมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงขยับพระพักตร์เข้ามาใกล้ ฟีเรียสกลั้นหายใจ

ก่อนที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสกัน องครักษ์หนุ่มก็เบือนหน้าหนี และก่อนที่จะทันได้คิด เขาก็พูดออกไปเสียแล้ว

“กระหม่อมไม่ใช่พระคู่หมั้น”

เจ้าชายรามิเรสทรงชะงัก แล้วขยับพระบาทถอยห่าง

ฟีเรียสใจหายวูบ ความรู้สึกเสียดายรุนแรงนัก

“ฟีเรียส”

“พระเจ้าค่ะ”

“ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วไหม”







ในพระตำหนักมีห้องครัวเล็กๆ อยู่ มหาดเล็กที่อยู่เวรกลางคืนสามารถจัดเตรียมเครื่องดื่มและเครื่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ถวายได้ หากเจ้าชายหกมีพระประสงค์ ถึงแม้ว่าปกติแล้วพระองค์จะไม่ทรงเรียกใช้ใครในเวลากลางคืนซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนก็ตาม ทว่าคืนนี้ยังไม่ดึกเกินไปนัก

มหาดเล็กที่อยู่เวรจึงชงนมอุ่นๆ สองแก้วมาถวายได้ตามพระประสงค์โดยไม่ต้องไปบอกที่ห้องเครื่อง และกว่าจะได้เครื่องดื่ม ฟีเรียสก็มีสติกลับคืนมามากพอที่จะคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไป


หายนะชัดๆ


หลังจากตามเสด็จเข้ามาในห้องทรงพระสำราญข้างห้องทรงงานแล้วได้รับอนุญาตให้นั่งเผชิญหน้ากับพระองค์ตามลำพัง องครักษ์หนุ่มก็นึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาเป็นกำลัง

รู้สึกว่าแค่มองสบสายพระเนตรก็ต้องใช้พลังมากมาย

มหาดเล็กนำนมอุ่นสองแก้วมาถวายพร้อมยาแก้ฟกช้ำตามรับสั่ง เจ้าชายหนุ่มตรัสสั่งให้เขาไปพักผ่อนโดยไม่ต้องอยู่คอยรับใช้อีกตลอดคืนนี้

“ทายาก่อน รอยช้ำจะได้หายเร็ว”

ฟีเรียสไม่ได้สนใจสักนิด ว่ารอยช้ำบนหน้าเขาจะหายเร็วหรือหายช้า แต่พออีกฝ่ายตรัสถาม

“หรืออยากให้ข้าทาให้”

เขาก็ต้องหยิบตลับยาขึ้นมาทา รีบทาเพื่อจะได้ไม่ต้องทนทำตัวไม่ถูกอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์นาน ทาเสร็จคิดว่าจะหมดเรื่อง

“ดื่มนมสิ”

ฟีเรียสมองพระพักตร์ แล้วก็ตัดสินใจหยิบแก้วนมขึ้นมา ตั้งใจว่าพอดื่มหมดแล้วจะทูลขอตัวกลับไปพักผ่อนเพื่อตั้งหลักก่อน ถ้าเขาได้มีเวลาคิดคนเดียวสักพัก เขาอาจจะมีสติสตังมั่นคงกว่านี้ ทว่านมร้อนเกินกว่าจะดื่มรวดเดียวหมด และอีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เขาดื่มสบายๆ แต่รับสั่งเข้าเรื่องเลยว่า

“เจ้าจะถอนคำพูดได้ไหม”

นมร้อนจนลวกลิ้น ลวกคอ องครักษ์หนุ่มใจเสีย แค่ชอบฝ่ายเดียว... ก็ผิดใช่ไหม

“ที่เคยบอกให้ข้าเลิกยุ่งกับเจ้า ถึงขั้นนี้แล้วคงจะไม่ได้” เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลเป็นเชิงยั่วเย้า “เพราะเจ้าเป็นฝ่ายมายุ่งกับข้าก่อน”

องครักษ์หนุ่มเม้มปาก

“นี่เป็นพระบัญชาของอดีตองค์รัชทายาท ฝ่าบาทก็ทรงทราบ กระหม่อมเป็นเพียงองครักษ์ มีสิทธิ์เพียงแค่ทำตามพระบัญชา”

เจ้าชายหกทรงตระหนักทันทีว่าพระองค์กับอีกฝ่ายพูดกันคนละเรื่องอีกแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันที่ฟีเรียสพูดขึ้น เพราะประเด็นนี้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน

“เรื่องนี้ข้ารู้มาก่อนแล้ว จริงอยู่ เจ้าพี่ตรัสถามข้าก่อนว่าอยากจะได้เจ้ามาเป็นองครักษ์ไหม แต่ข้าเป็นคนกราบทูลตอบรับเอง ที่ไม่ได้บอกเจ้าก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะโกรธที่ข้าผิดคำพูด ทั้งที่อุตส่าห์ไม่เลือกเจ้าในวันแต่งตั้ง แต่สุดท้ายก็รักษาคำพูดที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกไม่ได้”

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงพยักพระพักตร์ “ขอโทษ”

ฟีเรียสสั่นศีรษะแรงๆ ถึงตอนนี้แล้วเขาไม่มีอารมณ์จะไปโกรธอีกฝ่ายแล้ว ซ้ำยังอยากจะขอบพระทัยเหลือเกินที่อีกฝ่ายไม่ได้ ‘เลิกยุ่ง’ กับเขาจริงๆ

“แล้วองค์ชายใหญ่ทรงทราบ...” ได้ยังไง

“เจ้าพี่ทรงมีคนรักเป็นผู้ชาย ทรงสังเกตได้ก็ไม่แปลก ข้าก็ตกใจตอนที่เจ้าพี่ตรัสถาม แต่ก็ทูลเล่าเรื่องของเจ้ากับข้าให้ทรงฟัง”

“องค์ชายใหญ่ตรัสถามว่าอะไรหรือพระเจ้าค่ะ” องครักษ์หนุ่มแทบจะกลั้นใจรอคำตอบ

หวังว่าเจ้าชายเฮเดสจะไม่ใช่คนที่ทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงทราบว่าเขาชอบพระองค์ ถ้าคำถามคือ ‘องครักษ์ใหม่ของข้าชอบเจ้าหรือ’ เขาคงจะต้องแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ เสียเดี๋ยวนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าเจ้าชายหกทรงทราบอยู่นานแล้วว่าเขารู้สึกยังไง
ทราบแล้ว แต่ก็ยังหมางเมิน ห่างเหิน ทำเหมือนไม่ต้องการ

เจ้าชายรามิเรสทรงชะงักไปเหมือนกัน จะรับสั่งบอกได้หรือ ว่าคำถามคือ

‘เจ้าชอบองครักษ์ของพี่หรือ’

แค่รับสั่งบอกความจริงไปว่าพระองค์เป็นคนตอบรับเรื่องย้ายตำแหน่งหน้าที่ แล้วฟีเรียสไม่โกรธ ก็ถือเป็นโชคมากแล้ว

“รับสั่งถาม... ว่าอะไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ถามว่าข้าชอบเจ้าหรือ”

ฟีเรียสตกตะลึง แล้วหัวใจก็ค่อยๆ เต้นแรงขึ้น ทว่าจดจ่อรอคอยคำตอบเท่าไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสั่งต่อเสียที แล้วเขาก็กลัวเกินกว่าจะทูลถาม ว่าคำตอบคืออะไร

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าไหม”

องครักษ์หนุ่มลังเลใจ หลังจากอ้ำอึ้งอยู่นาน ในที่สุดก็ทูลถามออกไปได้

“เรื่องวันนี้ กระหม่อมไม่ได้ขโมยจริงๆ ฝ่าบาททรงเชื่อกระหม่อมหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแทบจะทรงถอนพระทัยออกมาดังๆ ทว่าก็ได้แต่แย้มพระสรวลบางๆ อย่างขัดเคืองกึ่งขำขันในความไม่กล้าของอีกฝ่าย

เอาเถอะ เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพูดเหมือนกัน

“เชื่อ”

ฟีเรียสผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ขอแค่คำนี้คำเดียวจากพระโอษฐ์ก็พอแล้ว

“ถ้าเป็นเรื่องเงินทอง ข้าคิดว่าข้ารู้จักเจ้าดี”

องครักษ์หนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ เจ้าชายรามิเรสเกือบจะทรงพระสรวลแล้วเมื่อรับสั่งขยายความ

“ต่อให้ต้องเป็นคนมีหนี้สินท่วมหัว เจ้าก็จะไม่ยอมขายตัว ไม่ยอมเป็นขอทาน แล้วก็จะไม่ยอมเป็นขโมยเด็ดขาด”

ฟีเรียสหน้าบึ้ง เขาเครียดจริงจัง แต่พระองค์กลับทรงเอามาล้อเล่น ชายหนุ่มโมโห แต่ไม่รู้เป็นไร แค่เห็นสายพระเนตรอ่อนโยนลึกซึ้งที่ตรงข้ามกับรอยยิ้มล้อๆ นั้นแล้วเขาก็โกรธไม่ลงเอาเสียดื้อๆ ความโมโหลดลงฮวบฮาบ

“ขอบพระทัยที่ทรงเชื่อพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าทรงเชื่อ ทำไมยังต้องประทานค่าแหวนวงใหม่ให้เขาอีกเล่าพระเจ้าค่ะ”

“จะได้จบเรื่องกันไป”

ฟีเรียสเกือบจะร้อง ‘หึ’ ออกมา เขาน่าจะรู้ว่าคนอย่างเจ้าชายหกถนัดเรื่องใช้เงินแก้ปัญหา แล้วความลำบากก็ตกอยู่กับเขาทุกที องครักษ์หนุ่มกัดฟันถาม

“ค่าแหวนเท่าไหร่พระเจ้าค่ะ”

“ไม่รู้” ไม่ได้จ่าย จะรู้ได้ยังไง “เจ้าอยากจะรู้ไปทำไม”

“กระหม่อมจะได้คำนวณถูก ว่าติดหนี้ฝ่าบาทเท่าไหร่พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าขโมยแหวนเขาไปหรือ”

“กระหม่อมไม่ได้ขโมย” คนจริงจังชักจะอารมณ์ขึ้น

“แล้วจะต้องคืนเงินให้ข้าทำไม”

“ฝ่าบาทก็ไม่ใช่ขโมย ยังต้องเสียเงินเพราะเรื่องของกระหม่อม”

“ฟีเรียส” พระกระแสรับสั่งแฝงแววอ่อนใจ “เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง ข้ารับผิดชอบ หนี้สินของเจ้ายังไม่มากพออีกหรือ”

“ตอนที่ประทานเงินช่วยให้ครอบครัวของกระหม่อม ฝ่าบาทก็ตัดสินพระทัยเอง”

“อยากจะให้ข้ารับผิดชอบ ยกเลิกหนี้สินเดิมของเจ้าด้วยรึเปล่า”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ” เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ขนาดนั้น ถ้าเขาต้องการอย่างนั้น เขาก็คงไม่ต้องเข้ามาพัวพันกับอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง หาทางดิ้นไม่หลุดอยู่จนทุกวันนี้

“วิลอาจจะอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ถ้าเขาหาแหวนเจอ เขาก็คงจะมาขอโทษเจ้า แล้วเอาแหวนวงใหม่มาคืนข้า เจ้าคิดเหมือนข้ารึเปล่า”

ฟีเรียสพยักหน้า “พระเจ้าค่ะ”

“แต่ถ้าเขาหาแหวนไม่เจอ ก็ถือว่าข้าช่วยสนับสนุนให้เขาได้แต่งงานกับคนรักเร็วๆ ผลบุญคงจะทำให้ข้ามีคนรักที่ข้าอยากจะอยู่ด้วยไปจนแก่เฒ่าเหมือนอย่างที่เจ้าพี่เฮเดสทรงมีธามบ้าง”

“...”

“เจ้าคิดว่ายังไง”

“...ก็ทรงอภิเษกสมรสกับพระคู่หมั้นเสียสิพระเจ้าค่ะ”

รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเขาชอบพระองค์ ยังจะตรัสถามเขาอีกทำไม หรือพอใจที่ได้เห็นเขาร้องไห้แล้วอยากจะเห็นอีก แค่หลงรักเจ้าชายที่มีคู่หมั้นแล้ว แถมยังสารภาพรักออกไปอย่างหน้าด้านๆ โดยไม่ได้รับการตอบรับกลับมานี่ยังไม่พอใช่ไหม

“แต่ข้าไม่ได้รักนาง”

“ไม่ได้รักแล้ว...” ฟีเรียสชะงัก สีพระพักตร์ของอีกฝ่ายเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องอารมณ์ขึ้น ตอนนี้ยังเหมือนรอคอยให้เขาพูดอีก

องครักษ์หนุ่มไม่พูด รักหรือไม่รักก็ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ดี

“เคยขอถอนหมั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นางไปหาแม่ข้า เจ้าแม่ขอให้ข้าอย่าเพิ่งถอนหมั้น เพราะไม่แน่ว่าข้าอาจจะรักนางขึ้นมา ข้าไม่มีเหตุผลอื่นที่ดีกว่าไม่รัก ก็เลยยังถอนหมั้นไม่ได้”

“ฝ่าบาททรงขอถอนหมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่พระเจ้าค่ะ”

“หลังจากอาทิตย์แรกที่เจ้าผิดนัดข้า”

ให้ตาย ฟีเรียสไม่อยากจะรู้สึกดีใจเลย แต่เขาก็ดีใจ

“จะถอนหมั้น... เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ”

จะผิดมารยาท จะบังอาจ หรือจะไม่เหมาะสม ไม่ควรถามอะไรก็ช่างเถอะ เขาไม่สนใจอีกแล้ว

“เพราะข้าอยากเป็นคนที่ไม่มีพันธะ ก่อนจะให้คำตอบเจ้าว่าข้ารู้สึกยังไงกับเจ้า”

คนฟังใจเต้นโครมคราม เขาพลาดใช่ไหมที่ไม่ยอมไปฟังคำตอบทั้งที่อยากรู้เหลือเกิน พลาดจนต้องทนเจ็บปวดมาตั้งไม่รู้เท่าไร
แต่ว่า ต่อให้รู้คำตอบแล้วยังไงล่ะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมก็ได้ แค่พระองค์ทรงถอนหมั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสมหวังสักหน่อย อีกอย่าง ตอนนี้พระองค์ก็ยังไม่ได้ถอนหมั้นจริงๆ พระคู่หมั้นก็ยังมาหาบ่อยๆ แถมวันนี้ยัง...

“เจ้าอยากจะถามอะไรข้าไหม” เจ้าชายหนุ่มทรงเปิดโอกาสเป็นครั้งที่สอง

เขายังต้องพูดอีกหรือ ในเมื่อพระองค์ก็น่าจะทรงทราบอยู่แล้วว่าเขาต้องการรู้อะไร

“มีคำถามที่ถ้าไม่ได้ถาม คืนนี้เจ้าจะนอนไม่หลับไหม”

ฟีเรียสกำมือ ใจเต้นแรง แต่ถามเบา

“ฝ่าบาทจะประทานอภัยให้กระหม่อมได้ไหม ที่บังอาจรู้สึกเกินเลยกับฝ่าบาท”

“ไม่ใช่คำถามนี้ ถามใหม่”

ถ้ารู้ว่าคำถามที่ ‘ใช่’ คืออะไร ทำไมต้องให้เขาพูดอีกล่ะ ทำไมต้องมองแบบนั้น แบบที่เขาจะไม่มีวันขัดขืนได้

“...บ้างไหม...” องครักษ์หนุ่มถามเบากว่าเดิม “ฝ่าบาททรงรู้สึกแบบเดียวกับกระหม่อม... แค่สักนิดบ้างไหมพระเจ้าค่ะ”

คนถูกถามทรงสั่นพระเศียรอย่างสงสาร หัวใจขององครักษ์หนุ่มดำดิ่งลงสู่เหว

“ถึงขนาดนี้แล้ว คงจะไม่นิดแล้วล่ะ”

แย้มพระสรวลเมื่ออีกฝ่ายหน้าชื่น ดูตื่นเต้นขึ้นทันตา

“ข้าชอบเจ้า เจ้าเป็นคนพิเศษสำหรับข้า” ในที่สุดก็ได้รับสั่งบอกออกไปเสียที

ฟีเรียสยิ้ม ยิ้มทั้งที่ปากสั่น เขาไม่อยากจะหลับตา เพราะกลัวว่าจะทำอะไรให้ตัวเองต้องขายหน้าอีก

ไม่เคยรู้เลยว่าแค่คนที่ชอบตอบรับกลับมาด้วยความรู้สึกอย่างเดียวกันเท่านั้น ก็ทำให้ยินดีปรีดิ์เปรมไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้

“เราเป็นคนรักกันแล้วนะ”

ฟีเรียสหน้าร้อนผ่าว... คนรัก... เป็นกันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ

ถามเขาก่อนสักคำมั้ย ว่ายินยอมพร้อมใจรึเปล่า

“ข้าอยากพูดกับเจ้าให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเจ้าไม่มีพันธะอยู่กับผู้หญิงคนไหน”

“กระหม่อมไม่มีพระเจ้าค่ะ” เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง จะมีได้ยังไง

“ข้ามี แต่ข้าจะขอถอนหมั้นให้เร็วที่สุด เจ้ารอได้ไหม”

ฟีเรียสนิ่ง แล้วก็พยักหน้า

“นอกจากเรื่องอันธียา ข้าก็ไม่มีปัญหาที่จะคบหากับเจ้า เรจินกับธอมัสเข้าใจดี ข้าบอกพวกเขาแล้วว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ในสถานะไหน” ฟีเรียสนิ่วหน้า เจ้าชายหนุ่มจึงทรงระบุให้ชัดๆ “เป็นทั้งองครักษ์แล้วก็คนรักของข้า”

รับสั่งบ่อยจริง คนรัก คนรัก ไม่อายปากบ้างรึไง ขนาดเขาเป็นคนฟังยังทำหน้าไม่ถูก

“มหาดเล็กกับองครักษ์คนอื่นๆ คงจะรู้กันเองอีกไม่นาน อาจจะมีคนไม่เข้าใจบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ข้าไม่ใส่ใจ แต่ห่วงว่าเจ้าอาจจะคิดมาก”

“คิดพระเจ้าค่ะ” เขายอมรับ

“เหมือนที่เจ้าคิดมากเรื่องโรดีอัส”

ฟีเรียสพยักหน้าอีก

“เขาเป็นเพื่อนสนิทของเจ้า เจ้าห่วงความรู้สึกของเขา ข้าเข้าใจ แต่ความรักความชอบเป็นเรื่องส่วนตัว เขาควรเข้าใจว่าเจ้ามีอิสระที่จะรักชอบใครก็ได้ แล้วข้าก็ไม่ใช่ผู้ร้ายฆ่าคนตาย แค่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเจ้าเท่านั้น”

“เขารับได้ที่กระหม่อมชอบผู้ชายพระเจ้าค่ะ แค่ห่วงว่ากระหม่อมจะผิดหวังที่ใฝ่สูงเกินตัว”

“อย่างนั้นตอนนี้เขาก็หมดห่วงได้” รับสั่งไปแล้วก็ทรงฉุกพระทัย “เดี๋ยว เจ้าชอบผู้ชาย...”

ฟีเรียสพยักหน้า พลอยงงตามไปด้วย มีอะไรเข้าใจยากตรงไหน

“ผู้ชายของเจ้าหมายถึงข้า หรือ... หมายถึง... ผู้ชายทุกคน”

องครักษ์หนุ่มเงียบ รู้สึกว่าพลาด หลังจากคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง ก็เสี่ยงกราบทูลไปตามตรง

“กระหม่อมไม่ได้ชอบผู้หญิงพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแทบจะทรงผงะ

“ที่ผ่านมาเคยชอบผู้ชายคนไหนมาบ้าง”

“...หลายคนพระเจ้าค่ะ” ทำไมต้องเสียงแข็งด้วย พระพักตร์ก็บึ้ง

“...ข้าเป็นคนที่เท่าไหร่”

รู้ว่าไม่ควรถาม แต่ถ้าไม่ถาม คืนนี้คงบรรทมไม่หลับ

ฟีเรียสขยับตัวอย่างอึดอัด คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามากทอดพระเนตรเห็นแล้วก็พยายามจะพระทัยเย็น

“ช่างเถอะ”

“ไม่ใช่คนแรกที่กระหม่อมชอบมองบ่อยๆ แต่เป็นคนแรก...ที่ชอบอย่างจริงจังพระเจ้าค่ะ”

คนกราบทูลด้วยหน้าแดงก่ำไม่ยอมสบสายพระเนตร จึงไม่รู้ว่าพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มดูยินดีเพียงใดที่ได้ยิน ขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าพระองค์ทรงบีบคั้นเขามากเกินไป

“ขอโทษ ข้าไม่น่าถาม”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ”

ถ้าเขาไม่อยากตอบจริงๆ เขาก็จะไม่ตอบ แต่ที่ตอบก็เพราะเขาอยากให้รู้ แม้จะงงๆ อยู่บ้างว่าอีกฝ่ายมากริ้วอะไรเขา ในเมื่อพระองค์ก็คงจะเคยชอบผู้หญิงคนอื่นมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องในอดีต เขาเข้าใจ

เจ้าชายรามิเรสทรงคิดว่าพระองค์คงรับสั่งบอกอีกฝ่ายไม่ได้แน่ น่าอายน้อยอยู่เสียเมื่อไรที่พระองค์ทรงหึงหวงย้อนหลัง แค่คิดว่าฟีเรียสนอนร่วมห้องกับโรดีอัสมาห้าปี นอนห้องเดียวกับวิลมาอีกเป็นเดือน ก็ทรงหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ

“ข้าก็เหมือนกัน”

“พระเจ้าค่ะ” อะไรเหมือนกัน

“เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าชอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่ ‘ผู้ชายคนแรก’ แต่เป็น ‘คนแรก’ จริงๆ”

ฟีเรียสแทบจะอ้าปากค้างเพราะความจริงที่เพิ่งได้รู้

“รับสั่งบอก... ทำไม” เขาไม่ได้ถามสักหน่อย

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ไม่นึกถือสา เพราะอาการมือไม้เกะกะของคนตรงหน้าดูน่ามองดี

“อยากบอกให้ชัดเจน เจ้าจะได้ไม่คิดมาก”

“กระหม่อมไม่ได้คิดมาก”

“ไม่คิดก็ดี ถ้ามีใครมองหรือพูดกับเจ้าไม่ดีเพียงเพราะเจ้าคบหาเป็นคนรักกับข้า เจ้าก็อย่าใส่ใจ แค่มีคนรักเป็นเจ้าชาย ไม่ได้เป็นอาชญากร แต่ถ้ามีใครทำให้เจ้าทนไม่ไหว ก็อย่าเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว ข้าอยากเป็นคนที่เจ้าพึ่งพาได้”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ขยันทำให้เขาหลงรักนัก ถลำหัวใจลงไปอย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ปรานีเขาเอาเสียเลย

“เรื่องโรดีอัส ข้าคิดว่าต้องพูดให้เจ้าเข้าใจ ว่าข้าไม่ได้ทูลขอให้เจ้าพี่เฮเดสทรงย้ายเขาไปเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ แต่เจ้าพี่เป็นคนออกโอษฐ์เอง ข้าก็หวังว่าถ้าเขาได้เห็นตอนที่เจ้าพี่อยู่กับธาม เขาคงจะลดอคติลง”

องครักษ์หนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ฟังอย่างนี้แล้วเขาก็พลอยหวังแบบเดียวกับอีกฝ่ายไปด้วย

“เราเข้าใจกันแล้วนะ”

ฟีเรียสมองพระพักตร์ แล้วก็รู้สึกเขินขึ้นมาเฉยๆ

“พระเจ้าค่ะ”

เวลานี้แค่มองเห็นหน้า ก็ราวกับว่าได้เห็นตัวหนังสือที่เขียนว่า ‘ข้าชอบเจ้า’ ตัวใหญ่ๆ แปะอยู่กลางพระนลาฏ

“ไม่มีอะไรจะถามข้าแล้วหรือ”

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้า ตอนแรกก็คิดว่าจะส่ายหน้าเฉยๆ แต่แล้วก็กราบทูลเพิ่มเติมไปประโยคหนึ่ง

“พรุ่งนี้ยังมีพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งไป ก่อนจะทรงพระสรวล ดวงพระเนตรพราวพรายด้วยประกายความรู้สึกอันลึกซึ้ง

หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อไปอีกครู่หนึ่ง เจ้าของพระตำหนักก็รับสั่งว่าจะเสด็จไปส่งองครักษ์ประจำพระองค์คนใหม่ถึงที่ห้อง ทำเอาฟีเรียสงงเพราะตามหน้าที่แล้วเขาน่าจะเป็นฝ่ายไปส่งเสด็จพระองค์มากกว่า

“หน้าที่องครักษ์เอาไว้ทำพรุ่งนี้ วันนี้ให้ข้าทำหน้าที่คนรักที่ดีของเจ้าก่อน”

รับสั่งมาอย่างนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ







ถึงห้อง เจ้าชายหกก็ทรงกวาดสายพระเนตรตรวจสอบภายในคร่าวๆ ตรัสถามเรื่องความสะดวกสบายและสิ่งของที่อีกฝ่ายต้องการเพิ่มเติมอีกสองสามประโยค แล้วก็รับสั่งให้เขาเข้านอน

“ฟีเรียส”

องครักษ์หนุ่มเปิดประตูที่กำลังจะปิดให้กว้างขึ้น เจ้าชายรามิเรสทรงยึดไหล่องครักษ์ประจำพระองค์ไว้ข้างหนึ่ง ฟีเรียสขยับตัวเข้าไปใกล้ตามแรงดึง หัวใจเต้นตึกตัก

พระโอษฐ์เกือบจะชิดริมฝีปากอยู่แล้วเมื่อเขาผงะถอย

“เอ่อ...”

ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ

เจ้าชายหนุ่มทรงเปลี่ยนจากไหล่ไปยึดท้ายทอย ป้องกันไม่ให้ขยับหนี

“เมื่อตอนกลางวันอันธียามาจูบข้าเอง ข้าป้องกันตัวเองไม่ทัน แต่เมื่อกี้ก็ดื่มนมล้างปากไปแล้ว ส่วนวันนั้นที่เจ้าเห็นที่หอบุปผา ข้าแค่ขึ้นห้องกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อประชดเจ้า ไม่ได้มีอะไรกับนาง เรื่องนี้มิทรอสเป็นพยานได้ โรดีอัสก็เห็นตอนที่ข้าลงมา แต่เจ้าหนีกลับไปก่อน”

คนรับสั่งอธิบายราวกับเข้ามานั่งอยู่ในใจของคนฟัง ก่อนจะขยับแย้มพระสรวลตรงมุมโอษฐ์

“มีอะไรข้องใจอีกไหม”

ฟีเรียสหน้าแดงก่ำ

ทันทีที่เขาส่ายหน้า



... พระโอษฐ์อุ่นๆ ของคนตรงหน้าก็แตะลงมาบนริมฝีปากอย่างอ่อนโยน...







tbc.

*************************************************************



ประกาศ - ขอดองนะคะที่รัก บทที่ 27 นี่เขียนนานมากกกกกกกแล้ว ยังไม่จบสักที

ตอนนี้ไม่ค้างนะคะ ตอบคำถามไว้เลยเผื่อใครสงสัย
คือว่า หลังจากจุ๊บเบาๆ หนึ่งทีแล้วก็ไม่ได้มีอะไรต่อนะคะ ต่างคนต่างแยกกันไปนอนค่ะ
หลังจากนี้ก็อาจจะหวานกันนิดหน่อย (แต่จริงๆ แล้วก็คงจะเหมือนๆ กับที่ผ่านมาแหละค่ะ)
อาจมีปัญหาเล็กๆ โผล่มาสักอย่างนึง แล้วก็คงจะจบล่ะค่ะ (คิดอย่างนี้ตลอดเลย แต่ทำไมถึงเข็นจนจบไม่ได้สักทีก็ไม่รู้)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 28-08-2014 18:32:47
 :katai4: มารับบทก่อนดอง

 :-[ เขินแป๊บ   :mc4: ปิดซอยฉลอง เข้าใจกันซะทีคู่นี้

เหมือนจะนอนตายตาหลับ  :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 28-08-2014 18:59:47
 :mc3: :mc2: “เราเป็นคนรักกันแล้วนะ” รอลุ้นมานานมากกกกก กับประโยคนี้

หวังว่า คุณคู่หมั้น คงจะถอยไปดีๆนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 28-08-2014 19:03:24
รีบๆเคลียร์เรื่องพระคู่หมั้นนะเจ้าชาย

รอนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 28-08-2014 19:34:05
รักกันแล้ว o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 28-08-2014 19:34:27
บีบคอคุณชุน  :hao7:

ใส่เกลือเยอะๆนะเดี๋ยวเน่า555

รอจ้ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 28-08-2014 19:34:49
โฮ้ยยยยย..ย..ยย..ย.ย...ยย..ย.ย..ย.ย............... :ling1: แดดิ้น  มดขึ้นตาแล้วเว้ยเฮ้ย!!!!!!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-08-2014 19:47:45
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้อ่านตอนแบบนี้ระหว่างคู่นี้จริงๆ ขอบคุณมากๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 28-08-2014 20:12:06
กรี๊ด~ หวาน มดขึ้น อ๊าย ในที่สุดเค้าก็บอกชอบกันแล้วอะ แล้วๆ เมื่อไหร่จะบอกรักละ "ข้ารักเจ้า" กรี๊ด~  เขินรอ  :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-08-2014 20:23:05
อย่าดองนานนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 28-08-2014 20:24:21
ผ่านไป26 บท
เพิ่งจะอ่านไปอมยิ้มไปตลอดทั้งตอนก้อบทที่26 นี่แหละ
น่าร้ากกกก

รับทราบว่าดองค่ะ. แงๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-08-2014 20:27:22
ดองได้ อนุญาต เพราะฟินกับตอนนี้มากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-08-2014 20:28:29
กรี๊ดดดดดดดด หวาน รอเจ้าชายเคลียร์ตัวเอง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 28-08-2014 20:44:39
อยากจุดพลุฉลองให้องค์ชาย
ในที่สุดความดีและอดทนของพระองค์ก็ชนะอุปสรรคได้
หวังว่าฟีเรียสจะสู้ไปด้วยกันโดยไม่หวั่นไหวนะ

ปล. เป็นปลื้มกับฉากองครักษ์จูบมือองค์ชายมากกก :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-08-2014 20:53:48
องค์ชายแบบบเลอค่ามากจริงๆ
ชอบตอนหึง ตอนห่วง ทุกตอนนน
ฟีเรียสเอ๋ย โชคดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-08-2014 20:58:00
 :-[ :-[ :heaven :heaven

งื้ออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 28-08-2014 21:07:39
เขินแทนฟีเรียสอะ เจ้าชายหวานซะขนาดนี้ แง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-08-2014 21:18:43
รอตอนนี้มานานแสนนาน   :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 28-08-2014 21:36:32
ในที่สุดฟีเรียสก็แพ้ความแสนดีของรามิเรส
เปิดใจคุยกันมันดีอย่างนี้ไง ได้จูบเป็นรางวัลที่เลิกปากแข็งนะ

คุณชุนสู้ๆนะคะ  :m1: ขอบคุณที่พยายามเพื่อคนอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 28-08-2014 21:53:05
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-08-2014 22:15:14
รักกันแล้ว กรี๊ดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 28-08-2014 23:29:45
อร๊ายยยย รีบๆถอนหมั้นเรยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 28-08-2014 23:36:56
มาต่อเร็วๆนะคะ ชอบมากๆเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-08-2014 23:46:26
แค่นี้ก็ยังดี!!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 29-08-2014 00:03:12
ติดเรื่องนี้แล้วคะ  อึนๆเรื่อยๆแต่สนุกมากๆ o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-08-2014 00:11:20
กว่าจะเข้าคู่กันได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 29-08-2014 00:25:18
ฟินค่ะ ในที่สุด... :man1: ปลื้มปริ่ม คืนนี้นอนหลับฝันดี  :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-08-2014 00:32:06
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอุ่นๆ  :katai2-1: เค้าเป็นคนรักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 29-08-2014 08:49:11
ขอใช้พื้นที่แจ้งปัญหาเรื่อง เวลา หน่อยนะคะ
คิดว่าน่าจะเห็นง่ายกว่าในกระทู้เรื่อง เวลา น่ะค่ะ

หนังสือพิมพ์เสร็จแล้วค่ะ ที่จริงทางโรงพิมพ์จะส่งให้วันนี้
แต่ตรงขอบปกหน้า ด้านล่างที่เคลือบไว้มันเผยอออกนิดหน่อย เลยเห็นเป็นสีขาวๆ ข้างใน
ถ้าคนอ่านไม่อยากรอ ทางร้าน (คือเขามีโรงพิมพ์เองน่ะค่ะ) จะห่อพลาสติกส่งให้ก่อน
แต่ถ้ารอได้ ก็จะติดต่อให้ทางโรงพิมพ์แก้ไข

ชุนตัดสินใจแทนไปแล้วว่า รอได้ น่ะค่ะ ให้ทางโรงพิมพ์แก้ให้ใหม่ดีกว่าจะได้สมบูรณ์

ดังนั้นจะได้หนังสือช้ากว่าเดิมหน่อยนะคะ
แต่ตอนเปิดจอง ชุนก็ประมาณไว้ว่าจะจัดส่งให้ภายในเดือนกันยายน
เพราะงั้นก็ยังถือว่าเป็นไปตามกำหนดเดิมอยู่เนาะ น่าจะไม่เกินกันยาค่ะ แก้แค่ขอบปกนิดเดียว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 29-08-2014 09:03:08
หลังจากรอคอยมา 25 ตอนเต็มๆ
ในที่สุด
ในที่สุด
ในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดด
ฟีเรียสกับรามิเรสก็เข้าใจกันซะที
งึดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-08-2014 12:20:15
ลุ้นกันจนเหยี่ยวเหนียว
กว่าจะบอกกันได้ เล่นตัวเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-08-2014 18:05:15
เอร้ยยย ตามอ่านจนครบบบบบตอนนนน ลุ้นจนเหนื่อย

ในที่สุด !!!! รักกัลสักที ฮิ้วววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 29-08-2014 18:12:40
คนปากหนักสองคน เปิดใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 29-08-2014 19:20:34
โอ๊ยยยย..ละลายยยยยยย :impress2:
เปิดอกคุยกันซะที เฮ้อออออ...ลุ้นซะปัสสาวะเหนียว 5555

"ดอง"คือคำที่ทิ่มแทงใจ...แต่ก็จะรอนะครับ
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: howru ที่ 31-08-2014 21:45:25
อ่านช่วงหลังคือ ยิ้มปริ่ม
ทำไมทั้งคู่น่ารักอย่างนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 08-09-2014 02:43:23
26 ตอน
ตอนนี้ฟินสุดล่ะ 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-09-2014 00:14:04
จะมายังน้าๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 05-10-2014 20:18:44
สนุกมากเลยค่ะ ตาม :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 13-10-2014 19:11:14
นอนอืดรอฮะ :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 13-10-2014 22:02:19
อ่านไปได้ 2 ตอนขอเม้นก่อนค่ะ
นี่มันใช่เลย  ชอบมากๆ แนวนี้ก็เคยอ่านมาบ้าง
แต่ไม่สนุกเท่า
ขอไปตอนที่ 3 ก่อนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 26 (28 ส.ค. 57) หน้า 20+แจ้งเรื่อง "เวลา" หน้า 21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 14-10-2014 17:05:51
สวัสดีขอรับ

นานมากแล้วที่ไม่ได้แสดงความเห็น

แนวทางความรักที่ค่อยๆเติบโตจากสายใยแห่งความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้กัน
ทักทอที่ละนิดจนรู้จักสนิทใจจนผูกพันใจทั้งสองดวงใจไว้ด้วยกัน
เป็นความรักที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความรู้สึกผิดพลาด
แล้วตัองรับผิดชอบ แล้วจบไป
ฟีเรียสที่บอกว่าไม่ใช่ความผิดที่เจ้าชายคนเดียว
ตนเองก็ยอมด้วย แม้ไม้ได้บอกเหตุผลว่าตนยอมเพราะเจ้าชายคือคนที่ตนแอบชอบก็เถอะ
ชอบในเจ้าชายรามิเรสพยายามค้นหาความชัดเจนจากความรู้สึกที่ติดใจของตนเอง
พอแน่ใจในความรู้สึกก็ยกเลิกหมั้นทำตัวเองให้ซื่อตรงชัดเจนและถูกต้อง
เพื่อจะได้บอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนทึ่ตนรักได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
พอแน่ในหัวใจว่าทรงรักฟีเรียส
ก็จีบเรื่อยๆอย่างมั่นคง
และที่สำคัญถ้ารักกันแต่แรก
ความรักของทั้งคู่คงไม่ดูมีค่ามั่นคงและมีความหมายขนาดนี้
ค่อยเป็นค่อยไปค่อยๆมีความหมาย
พอสุดท้ายเปิดใจกัน
ความรักของทั่งคู่เลยดูสวยงามสมจริง
ความรักมันดูมีที่มาที่ไป
ชอบแนวความรู้สึกที่
ยังไม่แน่ใจยังไม่ใช่ก็ปฏิเสธชัดเจน
ยังไม่รักก็บอกไม่รักไม่รู้สึก
พอแน่ใจรักก็ว่ารัก
ความรักเลยดูซื่อตรงกินใจ
ไม่ใช่รักที่ฉาบฉวย
ไม่ใช่รักจากความสัมพันธ์ทางกาย
แต่เป็นรักทีค่อยๆเกิดจากความผูกพันทางใจ
ทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรักที่จริงใจ เกิดจากสองคนที่รักกันจากใจจริง

ขอบคุณคุณมากๆสำหรับนิยายดีดีแบบนี้

ขอบคุณขอรับ
คิน

ปล.จะติดใจจนต่้องตามไปอ่านเวลาสะแล้ว^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21 + ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 24-10-2014 00:22:16
บทที่ ๒๗


เรื่องที่ควรต้องรู้ ไม่นานก็มีคนรู้กันทั่ว ปฏิกิริยาตอบรับจากบรรดามหาดเล็กและองครักษ์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็เป็นไปตามคาด คือมีทั้งคนที่เข้าใจ ยอมรับได้ และคนที่ไม่เข้าใจ ฟีเรียสรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่แค่เห็นหน้าเจ้าชายหนุ่มทุกวัน คุยกันวันละนิดละหน่อย อาการคิดมากของเขาก็ค่อยๆ หายไปเอง

ยิ่งเจ้าชายหกทรงพาเขาไปด้วยเวลาไปเข้าเฝ้าเจ้าชายเฮเดส และเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณธามบ้าง ความรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติกว่าคนทั่วไปก็ไม่มีเหลือ

โรดีอัสไม่ได้บอกว่าเขาเข้าใจ แต่ก็ยืนยันอย่างที่เคยพูดมาแล้ว ว่าเขายอมรับได้

“เห็นเจ้ามีความสุข ข้าก็ดีใจว่ะ แต่เจ้าแน่ใจนะ ว่าเจ้าชายหกจะทรงจริงจังกับเจ้า ยังไงท่านก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”

โรดีอัสยังคงหาเรื่องมาให้เพื่อนรักได้วิตกกังวลอยู่เหมือนเดิม แต่ฟีเรียสเข้าใจว่าเพราะอีกฝ่ายหวังดี ชายหนุ่มคิดว่าความคิดความอ่านของเขาคงจะเติบโตขึ้นบ้าง เมื่อตอบไปว่า

“ข้าเชื่อ เพราะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นคนที่เชื่อถือได้ ถ้าเจ้ากลัวว่าต่อไปพระองค์จะไปชอบผู้หญิงคนอื่นมันก็ไม่แปลก ต่อให้ข้าชอบผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาสักคน โอกาสที่นางจะไปชอบผู้ชายคนอื่นก็มีเท่าๆ กัน มันไม่ได้อยู่ที่ข้าชอบผู้ชายหรือผู้หญิง ชอบเจ้าชายหรือชอบผู้หญิงธรรมดา มันก็แค่ ข้าชอบคนนี้ แล้วก็พร้อมจะเสี่ยง”

โรดีอัสนิ่งไปนาน

“เจ้าพูดฟังยากไปหน่อยว่ะ แต่ข้าคิดว่าข้าเข้าใจ”

เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับความเป็นเพื่อน

ฟีเรียสยอมรับว่าเขาหวั่นใจเรื่องความแน่นอน เมื่อเขากลั้นใจถามเรื่องนี้กับคุณธาม ฝ่ายนั้นก็ตอบมาแบบให้เขาอิจฉาเล่นๆ ว่า

“ข้าเคยกลัวยิ่งกว่าเจ้า แต่ข้าผ่านจุดที่ต้องคลางแคลงใจมาแล้ว จะไม่กลับไปที่จุดนั้นอีก”

หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะผ่านจุดนั้นมาเหมือนกับอีกฝ่าย






“ในที่สุดก็ลงเอยกันได้เสียที ข้าลุ้นจนเหนื่อย”

เจ้าของคำพูดประโยคนั้นคือมิทรอส คุณชายหนุ่มจะรู้เรื่องนี้จากใครฟีเรียสไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือฝ่ายนั้นมา ‘แสดงความยินดี’ กับเขาอย่างออกนอกหน้า

จุดเริ่มเรื่องคือมาชวนเจ้าชายหกกินเหล้า พอเหล้าเข้าปากแล้วก็เผาเจ้าชายรามิเรสให้เขาฟังเสียเกรียม ว่าพระองค์เคยทรงกังวลจนต้องปรึกษาเขาเรื่องอะไรบ้าง

ที่น่าแปลกก็คือ เจ้าชายหนุ่มไม่ยักกะกริ้วที่ถูกแฉ แค่พระพักตร์ขาวๆ นั่นดูจะมีสีเรื่อๆ ขึ้นมาบ้างเท่านั้น ซึ่งฟีเรียสก็ไม่รู้อีกว่าเป็นเพราะเหล้าหรือเป็นเพราะทรงอาย แต่ที่แน่ๆ ก็คือ คนที่รู้สึกว่าร้อนจนสุกแล้วก็เกรียมไปทั้งตัวกลับกลายเป็นเขาเอง

ทั้งที่คุณชายหนุ่มพูดถึงความ ‘เป็นเอามาก’ ของเจ้าชายหกแท้ๆ และทั้งที่เขาก็พยายามจะตีหน้านิ่งๆ เอาไว้ให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็เป็นคนที่ต้องหน้าแดงมากที่สุดทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักหยด

คืนนั้นมีหลายเรื่องที่ฟีเรียสได้รู้ รวมทั้งเรื่องที่เจ้าชายหกทรงดื่มเหล้าเก่งมาก

แต่เรื่องเดียวที่เขาจดจำฝังหัวไม่รู้ลืมก็คือ

เหล้าเป็นสิ่งอันตราย แค่รับรสผ่านปลายลิ้นของเจ้าชายหก ก็ทำให้เขาเมามายจนไม่เป็นผู้เป็นคนได้แล้ว






สิ่งหนึ่งที่รับรองความเป็นคน ‘เชื่อถือได้’ ของเจ้าชายหกแห่งไมซีน ก็คือพระองค์ทรงจัดการเรื่องถอนหมั้นได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้สำเร็จเพราะรับสั่งบอกกับหญิงสาวไปตามตรงว่าพระองค์ชอบผู้ชาย

อันธียาถึงกับตกตะลึงเพราะเหตุผลที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นไปได้

เสนาบดีคลังมีเหตุผลพอจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ส่วนคุณหญิงมารดาของหญิงสาวก็ตาโตกับค่าชดเชยเพื่อแสดง ‘ความเสียใจ’ ที่เจ้าชายหนุ่มประทานให้ และเตรียมแนะนำบุตรสาวให้รู้จักกับชายหนุ่มคนใหม่ในเร็วๆ นี้

ขณะที่อันธียาทำอะไรไม่ถนัดนัก จำต้องยอมรับการถอนหมั้นด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อ ข้อหนึ่งคือนางเป็นคนกราบทูลเจ้าชายหกเอง ว่าหากเวลาผ่านไปแล้วพระองค์ยังทรงรักนางไม่ได้จริงๆ นางจะยอมถอนหมั้นแต่โดยดี อีกข้อคือมารดาขอร้องให้นางยอมรับการถอนหมั้นเพื่อจะได้นำเงินค่าชดเชยไปใช้หนี้การพนัน และข้อสุดท้ายก็คือ พระมารดาของเจ้าชายรามิเรสออกเดินทางไปแสวงบุญ ไม่อยู่ให้นางได้พึ่งอย่างคราวที่แล้วอีก

ในทางตรงกันข้าม ฟีเรียสกลับโล่งใจเหลือเกินที่แม่ชีไม่อยู่ตอนนี้ และไม่น่าจะกลับจากแสวงบุญในเร็วๆ นี้ เพราะเจ้าชายหนุ่มทรงหมายมั่นเหลือเกินว่าจะทรงพาเขาไปให้พระมารดาทรงรู้จัก แต่เขายังไม่พร้อม ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทรงให้ความเชื่อมั่นว่า

“แม่ของข้าจะต้องชอบเจ้าแน่” ก็ตาม

มีแม่ที่ไหนชอบใจบ้างเล่า ที่ลูกชายจะรักชอบผู้ชายด้วยกัน แม้แต่แม่ของเขาเองก็เถอะ






องครักษ์ใหม่ขอทูลลากลับบ้านเมื่อถึงกำหนดที่เขาได้หยุดพัก ที่จริงแล้วเขาไม่ต้องทูลลาก็ได้ เพราะตารางการทำงานขององครักษ์ทุกคน เรจินเป็นคนจัดการ เมื่อถึงเวลาออกเวรหรือหยุดพัก แค่บอกเรจินไว้ก็พอ แต่เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่องครักษ์อย่างเดียว จะไปไหนจึงต้องทูลรายงานด้วย

เจ้าชายรามิเรสตรัสถามกำหนดการของพระองค์เองจากองครักษ์คนสนิท ครั้นพบว่ามีบางรายการไม่สามารถเลื่อนได้ ก็โปรดให้เลื่อนเวรของฟีเรียสแทน ขณะที่องครักษ์ใหม่ควบตำแหน่งคนรักของเจ้านายกำลังงุนงง พระองค์ก็ทรงเฉลย

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

ถามเขาก่อนสักคำมั้ย ว่าเขาอยากให้ไปด้วยรึเปล่า

“จะได้รู้จักครอบครัวของเจ้าเสียที”

“แม่กับน้องของกระหม่อมเป็นชาวบ้านธรรมดา”

คนฟังทรงขำ

“ข้าก็ไม่คิดว่าพวกนางจะเป็นเชื้อพระวงศ์”

“บ้านของกระหม่อมก็เป็นบ้านนอก”

“ข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยวพระราชวังของแคว้นไหน”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ตั้งแต่เป็น ‘คนรัก’ กันมา เขาก็สังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป คลับคล้ายคลับคลาว่าแต่ก่อนอีกฝ่ายไม่ขยันทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบ หงุดหงิดหัวใจแบบนี้

“ฝ่าบาทจะเสด็จประพาสหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไปรู้จักแม่กับน้องของเจ้า”

ฟีเรียสเหลือบมองเรจิน ถ้าไม่เกรงใจระคนอายอีกฝ่าย เขาคงจะทูลถามให้ชัดเจนไปแล้วว่าไปรู้จักในฐานะอะไร เจ้านาย เจ้าหนี้ หรือว่า... เจ้าหัวใจของเขา

องครักษ์หนุ่มเกือบจะถอนหายใจออกมาแล้ว เขาก็เก่งกล้าแค่ในความคิดเท่านั้นเอง ต่อให้อยู่กันตามลำพังเขาก็ไม่กล้ากราบทูล ไม่ทูลแน่ๆ

“ถ้าเจ้าอนุญาต ก็ว่าจะขอแนะนำตัวในฐานะคนรักของเจ้าด้วย”

คนฟังมองพระพักตร์ตาแทบถลน หันขวับไปมองหัวหน้าหน่วยของตนทันที และเรจินก็ไม่คิดจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเลยสักนิด มองมาทางเขาตรงๆ ซ้ำยังเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเสียอีก ว่าตกใจอะไร

จู่ๆ ฟีเรียสก็รู้สึกเหมือนถูกรุมแกล้งยังไงชอบกล

“ขอประทานพระกรุณาให้กระหม่อมเป็นผู้แนะนำเองเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ว่าข้าเป็นคนรักของเจ้า”

“เป็นเจ้าชีวิตพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าหัวใจด้วยมั้ย”

คนถูกถามหน้าร้อนเหมือนจะระเบิด เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวลอย่างพระอารมณ์ดี

“สรุปว่าเราจะไปบ้านเจ้าด้วยกันอาทิตย์หน้า”

ตกหลุมพรางจนได้สิน่า






การเดินทางของเจ้าชาย ต่อให้มีคำว่า ‘ส่วนพระองค์’ ต่อท้าย ก็ยังต้องมีองครักษ์ตามเสด็จไม่ต่ำกว่าสิบนายอยู่ดี คราวนี้เรจินจัดองครักษ์ตามเสด็จไปสิบห้านาย รวมตัวเขาเองและฟีเรียสด้วย โชคดีที่ทุกคนจะจัดหาที่พักกันเอง และเรจินก็รับปากว่าจะทำให้ครอบครัวของเขาตกใจน้อยที่สุด

โรดีอัสได้หยุดพักตรงกัน องครักษ์หนุ่มอยากจะไปด้วย ฟีเรียสไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทูลขอประทานพระอนุญาตเจ้าชายหกก่อน ทั้งที่สถานที่ที่จะไปเป็นบ้านของเขาแท้ๆ

“ไปสิ ข้าจะทูลชวนเจ้าพี่เฮเดสด้วย”

“ทูลชวนทำไมพระเจ้าค่ะ”

“พักก่อนทรงเปรยว่าอยากจะพาธามไปเที่ยว ทูลชวนไปพร้อมกับเราเลยน่าจะดี ตอบแทนที่พระองค์ทรงเป็นพ่อสื่อให้เราด้วย”

ฟีเรียสอยากจะทูลค้านตั้งแต่รับสั่งจบสองประโยคแรก พอฟังประโยคสุดท้ายจบเท่านั้นก็เป็นอันว่าพูดไม่ออก อยากจะทูลถามขึ้นมาเป็นกำลังว่าอดีตองค์รัชทายาททรงเป็นพ่อสื่อตอนไหน แต่ก็กลัวว่าจะได้คำตอบที่ทำให้ต้องอายอีกจึงไม่พูด

และไม่มีวันได้รู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงหมายพระทัยว่าจะทำให้โรดีอัสต้องคอยดูแลเจ้านาย จะได้ไม่มีเวลามาพูดคุยใกล้ชิดกับ ‘คนรัก’ ของพระองค์มากนัก

โชคดีเป็นของฟีเรียส เมื่อเจ้าชายเฮเดสทรงปฏิเสธคำทูลชวนของพระอนุชา

องครักษ์หนุ่มสงสัยอยู่อย่างเดียว




... ใครเป็นคนชวนคุณชายมิทรอสมา...






แม้บรรดาองครักษ์ที่ตามเสด็จมาจะหาที่พักกันเองได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วฟีเรียสก็อาสาจัดการให้ทุกคนได้พักที่ฟาร์มม้าของวอลเซนส์ เขาเกรงใจเพื่อนอยู่บ้าง ทว่าชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มม้าบอกให้เขาสบายใจว่าเขายินดีให้พักได้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ

“ดีเสียอีกที่ได้ช่วยเจ้าตอบแทนบุญคุณของเจ้าชาย ที่พักมีเหลือเฟือ ไม่พอก็คอกม้า แค่เพื่อนองครักษ์ของเจ้าไม่มาอวดเบ่งใส่ข้าเป็นใช้ได้”

ฟีเรียสรับรองความประพฤติของทุกคนได้ แม้จะมีวิลตามเสด็จมาด้วยก็ตาม องครักษ์รุ่นพี่ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขามาก่อนคนนี้ถึงจะมีท่าทางประหลาดๆ อยู่บ้าง แต่ฟีเรียสก็มั่นใจว่าฝ่ายนั้นไม่ได้โกรธเคืองเขาแล้ว เขาเคยถามความคืบหน้าเรื่องแหวนเพชร ฝ่ายนั้นอ้อมแอ้มตอบว่ายังคงหาไม่เจอ แต่เจ้าชายหกทรงออกค่าแหวนเพชรวงใหม่ประทานให้แล้ว ครั้นเขายืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าไม่ได้ขโมยจริงๆ เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ก็เพียงแต่พยักหน้า ไม่ตอบว่าอะไร ดูลำบากใจที่จะพูดกับเขาอย่างไรชอบกล ฟีเรียสจึงพูดกับอีกฝ่ายเท่าที่จำเป็น

เมื่อถึงบ้านสีขาวหลังใหม่ของเขา คณะเดินทางก็เหลือเพียงห้าคน ประกอบด้วยฟีเรียส เจ้าชายรามิเรส เรจิน มิทรอส และโรดีอัส
ฟีเรียสเขียนจดหมายมาบอกล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งเรเซียและเฟย์จึงไม่มีใครตกใจ ถึงกระนั้นก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แม่และน้องสาวของเขาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม่ของเขาตัดผมใหม่ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบ ส่วนเฟย์ก็ถักเปียพันรอบศีรษะ เก็บผมอย่างเรียบร้อยและยอบกายถวายความเคารพอย่างพยายามให้เรียบร้อยนุ่มนวลที่สุด

ฟีเรียสรับหน้าที่แนะนำให้เจ้าชายหนุ่มรู้จักกับแม่และน้องสาวของเขา การเสด็จมาครั้งนี้อาจไม่มีอะไรแอบแฝง แต่เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อนึกถึงว่ากำลังแนะนำให้คนรักรู้จักกับคนในครอบครัว

“ฟีเรียสจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ข้าว่างอยู่พอดีเลยขอตามมาเที่ยวด้วย ขอรบกวนสักหลายๆ วันนะครับ ท่านน้า”

องครักษ์หนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายรับสั่งถึงคำว่า ‘ว่างพอดี’ แต่พอได้ยินว่าพระองค์ทรงเรียกแม่ของเขาว่าอะไร ก็พลันเบิกตาโพลง รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันขึ้นมาเต็มอก ขณะที่เรเซียเองก็ตกใจ

“อย่าทรงเรียกข้า... เอ่อ... หม่อมฉันว่าท่านน้าเลยเพคะ หม่อมฉันกลัวเหาจะกินหัว หม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะที่ได้ตอบแทนพระคุณของเจ้าชายบ้าง ท่านมีพระคุณกับพวกเราเหลือเกิน จะพักอยู่สักกี่วันเราก็ยินดีต้อนรับเพคะ”

“ขอบคุณครับ”

ถ้ามารดาของเขาสาวกว่านี้สักสิบปี ฟีเรียสคงคิดไปแล้วว่าเจ้าชายหกกำลังยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่นาง

“ในที่สุดเราก็ได้พบกันเสียทีนะ”

ขอถอนความคิด น้องสาวของเขาต่างหากที่กำลังถูกโปรยเสน่ห์ใส่ แค่พระองค์แย้มพระสรวลให้ นางก็หน้าแดงเรื่อเสียจนเขาคิดว่าถ้าวอลเซนส์มาเห็นก็คงออกอาการหึงหวงขึ้นหน้าขึ้นตากันบ้าง

“เจ้าชายทรงพระหล่อกว่าที่หม่อมฉันคิดเอาไว้มากเลยเพคะ”

“หล่อเท่าพี่ชายของเจ้ามั้ย”

“หล่อกว่ามากเพคะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล ขณะที่ฟีเรียสคิดว่าเขาคงไม่ต้องห่วงแล้วว่าน้องสาวของเขาจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเจ้าชาย






บ้านหลังใหม่ของฟีเรียสมีห้องนอนห้าห้อง เป็นห้องของเจ้าของบ้านสามห้อง และห้องพักแขกสองห้อง ฟีเรียสคิดมาแล้วว่าจะให้เจ้าชายรามิเรสและมิทรอสได้พักห้องพักแขกตามลำพัง ส่วนเรจินกับโรดีอัส ฟีเรียสขอให้มาพักรวมกับเขาที่ห้อง และภาวนาให้คนที่ใหญ่ที่สุดในคณะอย่าทำตัวมีปัญหา

โชคดีที่เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงแย้งอะไร เพียงแต่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้การตบไหล่องครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทพร้อมกับรับสั่งว่า

“ฝากด้วยนะ”

นั่นมันหมายความว่ายังไงกัน!

สุดท้ายก็รู้ว่าคงจะหมายถึงการที่เรจินจัดให้เขานอนคนเดียวบนเตียงที่ผู้ชายสามคนควรจะนอนด้วยกันได้ ส่วนตัวเขาเองปูฟูกนอนบนพื้น และให้โรดีอัสนอนบนพื้นถัดออกไปอีก เขาจะนอนคุยกับโรดีอัสบ้างก็ไม่ได้ เพราะต้องเกรงใจคนที่นอนคั่นกลาง






ฟีเรียสตื่นแต่เช้ามาช่วยน้องสาวรดน้ำผลไม้ในสวน เรจินรู้สึกตัวตื่นทันทีที่องครักษ์หนุ่มตื่น เขาจะออกไปเป็นเพื่อนด้วยทว่าฟีเรียสขอให้นอนต่อ ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าชายรามิเรสก็เสด็จมาที่สวนผลไม้โดยมีองครักษ์ประจำพระองค์ตามเสด็จมาด้วย

“มีอะไรให้ข้าช่วยบ้าง”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ”

“กลัวข้าทำไม่ได้เรื่องหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ แต่ฝ่าบาททรงเป็นแขก”

“ข้าเป็นแค่แขกของเจ้า”

มองสีพระพักตร์ สบสายพระเนตรแล้ว ฟีเรียสก็ตระหนักว่าถ้าตอบไม่ดีอาจมีปัญหาได้ เขาก็ไม่ได้อยากทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แต่ความเป็นจริงก็คือ

“ไม่ใช่แค่แขก แต่ยังทรงเป็นเจ้าชายด้วยพระเจ้าค่ะ”

“เป็นคนรักของเจ้าด้วย”

“นั่นก็... ใช่พระเจ้าค่ะ”

เขาไม่ถนัดพูดอะไรทำนองนี้เอาเสียเลย ยิ่งต่อหน้าบุคคลที่สามยิ่งไม่อยากพูด ทว่าเมื่อได้เห็นรอยแย้มพระสรวลอย่างพอพระทัยของอีกฝ่าย เขาก็คิดว่าดีแล้วที่พูด

“คนรักของเจ้าอยากช่วยเจ้าทำงาน”

ให้ตายเถอะ! ถ้าจะรับสั่งขนาดนี้ ทำไมไม่เสด็จมาแค่องค์เดียวล่ะ จะโปรดให้คุณเรจินตามเสด็จมาเป็นพยานด้วยทำไม

“ถ้าอย่างนั้นทรงช่วยเฟย์เก็บผลไม้ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

โชคดีที่เจ้าชายหนุ่มไม่ทรงเรื่องมาก ยอมเสด็จไปพร้อมกับองครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทแต่โดยดี เพราะมีพระประสงค์จะทำความรู้จักกับน้องสาวของฟีเรียสให้มากขึ้นอยู่แล้ว






เมื่อแดดเช้าเริ่มแรง ฟีเรียสก็รดน้ำต้นไม้เสร็จ ส่วนเฟย์กับเจ้าชายรามิเรสและเรจินก็เก็บผลไม้เสร็จเรียบร้อยพอดี ฟีเรียสกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำและเข้าครัว เรจินกับองครักษ์อีกสามนายรอคนที่จะมารับผลไม้ไปขายต่อที่ตลาด ส่วนเจ้าชายรามิเรสก็เสด็จกลับพร้อมเฟย์

“พี่ชายของเจ้าเข้าครัวเองเสมอเลยหรือ”

“เพคะ พี่ฟีเรียสทำอาหารอร่อยมากเลยนะเพคะ หม่อมฉันสู้ไม่ได้เลย”

“ผู้หญิงคนไหนได้แต่งงานกับเขาคงโชคดี”

“โชคดีมากๆ เลยล่ะเพคะ มีคนรอเป็นคนโชคดีอยู่หลายคนด้วยนะเพคะ ที่แน่ๆ ก็แอนจิเทียคนหนึ่งล่ะเพคะ นางถามหม่อมฉันทุกครั้งที่หม่อมฉันไปซื้อขนมปังร้านนางเลยนะเพคะ ว่าพี่ฟีเรียสเป็นยังไงบ้าง ใกล้จะติดยศแล้วหรือยัง นี่ถ้าพี่ฟีเรียสแต่งเครื่องแบบองครักษ์ไปให้นางเห็นสักครั้ง นางก็คงจะปลื้มอกปลื้มใจมากเลยล่ะเพคะ”

“เจ้าอยากได้นางเป็นพี่สะใภ้หรือ”

“ได้ก็ดีนะเพคะ นางนิสัยดี แล้วหม่อมฉันกับนางก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วด้วย”

“ฟีเรียสสนใจนางไหม”

“อืม ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเพคะ พี่ฟีเรียสชอบบอกว่ายังไม่อยากคิดเรื่องความรัก อยากจะตั้งใจเรียนแล้วก็เก็บเงินให้ได้มากๆ ก่อนเพคะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวลออกมาอย่างอดไม่อยู่ แม้จะพยายามหุบยิ้มแล้วก็ยังหุบไม่ลง

“ต้องเก็บเงินให้ได้มากแค่ไหนถึงจะพอ”

“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ แต่แต่งงานก็ต้องใช้เงินมากเหมือนกัน”

“เขาว่าจะเก็บเงินไว้แต่งงานหรือ”

“พี่ฟีเรียสไม่ได้พูดหรอกเพคะ หม่อมฉันคิดเอาเองว่าผู้ชายทุกคนก็ต้องคิดเรื่องแต่งงาน เจ้าชายไม่คิดหรือเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ตรัสตอบเนิบๆ

“คิด”

“นั่นน่ะสิเพคะ”

“แต่คนอย่างเขาอาจจะได้แต่งสักตอนอายุเก้าสิบ”

เฟย์หันมองพระพักตร์อย่างงุนงง

“เพราะต้องหาเงินมาใช้คืนข้าให้หมดเสียก่อน”

“เจ้าชายทรง... รีบใช้เงินหรือเพคะ”

คนถูกถามแย้มพระสรวล

“เปล่า ข้าอยากจะให้เปล่าเสียด้วยซ้ำ แต่พี่ชายของเจ้าไม่รู้จักการรับอะไรจากใครง่ายๆ ถ้าเจ้าช่วยบอกให้เขาคิดให้น้อยลงบ้างได้ ข้าจะดีใจมาก”

หญิงสาวยิ้มอย่างโล่งใจและภูมิใจระคนกัน

“เรื่องนี้หม่อมฉันคงช่วยไม่ได้หรอกเพคะ พี่ฟีเรียสบอกหม่อมฉันเสมอเพคะว่าเจ้าชายมีบุญคุณกับครอบครัวของเรามาก ถึงเงินจะมากแต่ก็ต้องใช้คืนให้ครบ ถ้าพี่ตายแล้วยังใช้คืนไม่หมด หม่อมฉันก็ต้องใช้แทน”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงพระสรวล

“อย่างนั้นพี่ชายของเจ้าคงไม่ได้แต่งงานไปชั่วชีวิตแล้วล่ะ เจ้าอาจจะไม่ได้พี่สะใภ้” แต่ได้พี่เขยแทน

“แต่ถ้าแต่งงานกับแอนจิเทียก็อาจจะมีเงินมาใช้หนี้เจ้าชายนะเพคะ เพราะนางเป็นลูกสาวคนเดียวของลุงเฮอร์ ยังไงลุงเฮอร์ก็ต้องยกร้านขนมปังให้นางอยู่แล้ว”

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรมองสีหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวอย่างเอ็นดู

“ข้าเป็นเจ้านายของเขา เต็มใจให้เขาโดยที่ข้าไม่เดือดร้อนเขายังไม่เอา แล้วจะยอมรับเงินของนางได้หรือ”

“สามีภรรยาถือเป็นคนคนเดียวกันนี่เพคะ”

“เจ้าคิดว่าอย่างนั้นหรือ”

“เพคะ”

ถ้าอย่างนั้น พระองค์กับฟีเรียสคงจะต้องเป็น ‘สามีภรรยา’ กันก่อนสินะ คนรักศักดิ์ศรียิ่งชีพถึงจะยอมคิดว่าเงินของพระองค์ก็เหมือนเงินของเขา ไม่ต้องคิดมากอย่างทุกวันนี้อีก

“ข้าชักอยากจะเห็นหน้านางบ้าง”

“หม่อมฉันตั้งใจจะพาพี่ฟีเรียสไปซื้อขนมปังร้านนางให้ได้ ถ้าเจ้าชายอยากเห็นก็ไปพร้อมกันเลยสิเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มตอบรับด้วยการแย้มพระสรวล


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 24-10-2014 00:36:37
มารดาของฟีเรียสกำลังตัดดอกไม้อยู่ในสวนหน้าบ้าน เจ้าชายรามิเรสเสด็จเข้าไปหาและอาสาช่วย เรเซียกราบทูลให้เสด็จไปสรงน้ำเสียก่อน จะได้เสด็จลงมาทันเวลาอาหารเช้าพอดี

“ขอช่วยสักเดี๋ยวเถอะครับ เรื่องตัดดอกไม้นี่ข้าพอจะถนัดอยู่บ้าง”

หญิงวัยกลางคนดูจะประหลาดใจ

“ตัดที่วังหรือเพคะ”

“ที่บ้านพักนอกเมืองครับ" รับสั่งพลางยิ้มขัน “มีคนใช้ให้ไปตัด”

“ท่านแม่ของเจ้าชายใช่ไหมเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงสั่นพระเศียร “มาครับ ข้าช่วย”

หากว่าเมื่อวานนี้มารดาของฟีเรียสจะรู้สึกเกร็งๆ เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘เจ้าชาย’ อยู่บ้าง เช้าวันนี้ความรู้สึกเช่นนั้นก็ได้หายไปแล้วเมื่อได้พูดคุยกับพระองค์ตามลำพัง

ลูกชายของนางโชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายที่มีพระจริยวัตรงดงามเช่นนี้






พอถึงวลาอาหารเช้าเท่านั้น เรเซียก็พลันคิดว่า พระจริยวัตรของเจ้าชายหกแห่งไมซีนดูจะ ‘งาม’ เกินไปบ้าง เมื่อพระองค์ถึงกับตักอาหารประทานให้ลูกชายของนางด้วย ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นหลายครั้ง ถึงจะตักประทานให้นางด้วยก็ตาม

ฟีเรียสมองไปทางมารดาอย่างกลัวถูกจับได้ เขาพยายามส่งสายตาทูลห้ามแล้ว ทว่าอีกฝ่ายทรงทำเหมือนไม่เข้าพระทัย จึงจำใจต้องกราบทูลตรงๆ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมตักเองดีกว่า”

เจ้าชายรามิเรสไม่รับสั่งอะไร เพียงแย้มพระสรวลบางๆ และไม่ได้ทรงตักประทานให้อีก

ฟีเรียสเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เขาอ่อนไหวง่าย รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นเก่ง ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเจ้าชายรามิเรสทรง ‘ชอบ’ เขา เพราะเขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่อยากจะเจ็บปวดลึกล้ำ ทว่าเมื่อรู้แล้วว่าพระองค์ทรงมีใจให้ ตอนนี้ เขาก็รู้เช่นกันว่าพระองค์คงไม่พอพระทัยนักที่เขาพยายามจะปกปิด ทั้งที่พระองค์ทรงพยายามแสดงออก

เจ้าชายหกหันไปรับสั่งกับแม่ของเขาแล้ว คุณชายมิทรอสชวนน้องสาวของเขาคุย คุณเรจินนั่งกินเงียบๆ ตามนิสัย ส่วนโรดีอัส...

“เอ้า กินเข้าไปเยอะๆ ของโปรดเจ้านี่หว่า”

ก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีได้อย่างไม่รู้เวลาเอาเสียเลย

ฟีเรียสหันไปมองคนประทับหัวโต๊ะอย่างระแวง เจ้าชายหกทรงหันมามองเขากับโรดีอัสดังคาด แล้วก็หันไปแย้มพระสรวลพลางรับสั่งกับแม่ของเขาดังเดิมราวกับไม่ได้ทรงติดพระทัยอะไร ทว่าฟีเรียสไม่สบายใจ เขาตักอาหารชนิดเดียวกับที่โรดีอัสเพิ่งตักให้ไปไว้ในจานของเจ้าชายหนุ่ม เจ้าชายรามิเรสทรงหันมามอง

“กระหม่อมชอบกินพระเจ้าค่ะ”

คนฟังยกมุมพระโอษฐ์ขึ้น สายพระเนตรฉายประกายอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาไม่กล้ามองตอบนาน หูทั้งสองข้างรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล โดยเฉพาะเมื่อได้ยินรับสั่งทุ้มนุ่ม

“ดีใจที่รู้เพิ่มขึ้นว่าเจ้าชอบอะไรอีก นอกจากสตรอว์เบอร์รี่”

“เจ้าชายทรงทราบด้วยหรือเพคะ ว่าพี่ฟีเรียสชอบสตรอว์เบอร์รี่”

คนถูกถามแย้มพระสรวล “แล้วก็ชอบนมด้วย ใช่ไหม”

“ใช่เพคะ ทำไมทรงทราบ”

“เห็นเขาดื่มอยู่สองสามครั้ง ท่าทางน่าอร่อย”

เฟย์พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ “แล้วเจ้าชายชอบทานอะไรบ้างล่ะเพคะ”

“เจ้าจะทำให้ข้ากินหรือ”

หญิงสาวส่ายหน้า “ให้พี่ฟีเรียสทำให้เพคะ หม่อมฉันทำไม่เก่ง”

“โธ่ พี่คิดว่าจะได้กินฝีมือเฟย์” มิทรอสหยอด ขณะคนอื่นๆ ยิ้มอย่างเอ็นดู

“พี่ชายของเจ้าจะยอมทำให้ข้าหรือ”

“ทำไมถึงจะไม่ทำให้ล่ะเพคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วพลางหันไปทางพี่ชายเป็นเชิงถาม ฟีเรียสที่เพิ่งจะโล่งใจว่าคนอื่นไม่ได้สนใจเขาเท่าใดนักพลันตกเป็นเป้าสายตาทันที องครักษ์หนุ่มอึกอัก ขณะตัวการทรงเลิกพระขนงขึ้นนิดหนึ่งเป็นเชิงถามสำทับราวกับไม่ได้ทรงทำอะไรผิด

“ฝ่าบาทโปรดอะไรเล่าพระเจ้าค่ะ” แน่นอนว่าคนอย่างเขาต้องป้องกันตัวเองไว้อย่างดีด้วยการขยายความ "ฝ่าบาททรงเป็นแขก กระหม่อมย่อมยินดีทำถวายในฐานะเจ้าบ้านที่ดีพระเจ้าค่ะ"

   "แล้วถ้าเป็นฐานะอื่นล่ะ จะยอมไหม"   

เสียงผิวปากเบาๆ ดังขึ้นจากคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมทันที

มิทรอสเป็นคนเดียวกล้าส่งเสียง ส่วนคนอื่นๆ เงียบกริบ เรเซียและเฟย์สงสัย เรจินรอดูสถานการณ์ ส่วนโรดีอัสเครียดรองจากฟีเรียส เมื่อกี้เขาอุตส่าห์พยายามช่วยกลบเกลื่อนว่าการตักอาหารให้กันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วเชียว แต่เจ้าชายรามิเรสกลับยังไม่ทรงยอมรามือ

ฟีเรียสนึกอยากจะโพล่งถามออกไปเหมือนกันว่าฐานะอะไร แต่ก็ ‘กลัวใจ’ จึงไม่เสี่ยง

"ฝ่าบาททรงเป็นเจ้านายและเจ้าหนี้ กระหม่อมยินดีพระเจ้าค่ะ"

เจ้าชายหกแย้มพระสรวล ทราบในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่พร้อมจะเปิดเผย

เอาเถอะ พระองค์ทรงยอมก็ได้

"ทำให้กินไปตลอดชีวิตเลยนะ" แต่ก็แค่คนละครึ่งทางเท่านั้น

องครักษ์หนุ่มชะงัก ปลายสายตาเห็นคุณชายมิทรอสร้อง 'ว้าว' โดยไม่ออกเสียง สีหน้าดูทึ่งปนขำ ส่วนตัวเขาเองนั้นทั้งที่ควรจะเครียดจนไมเกรนขึ้นสมองไปแล้ว กลับพบว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวเสียอย่างนั้น เขาเครียด เขากลัว แต่สายพระเนตรอ่อนโยนขนาดนั้น... เขาทานทนไม่ได้

ฟีเรียสไม่รู้จะตอบว่าอะไร ดีที่เฟย์เอ่ยช่วย

"เจ้าชายจะให้พี่ฟีเรียสทำอะไรให้ทานหรือเพคะ เมื่อกี้ยังไม่ได้บอกเลยว่าชอบทานอะไร"

เจ้าชายหนุ่มทรงหันไปแย้มพระสรวลกับหญิงสาว ตรัสตอบนาง แต่ปรายสายพระเนตรไปทางพี่ชายของนาง

"นม"

"อะไรนะเพคะ"

"ข้าชอบนม"

เฟย์ทำหน้าประหลาดขึ้นมาทันที

"นม... นมสด นมวัวเนี่ยนะเพคะ"

"อืม"

"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันอุ่นให้ดื่มก็ได้นะเพคะ ไม่เห็นต้องใช้ความสามารถอะไรเลย เอ๊ะ หรือว่าพี่ฟีเรียสมีเคล็ดลับพิเศษอะไร"

เมื่อน้องสาวหันมามองอย่างต้องการคำตอบ ฟีเรียสก็จำใจต้องตอบ

"ไม่มี"

"อ้าว" คราวนี้หญิงสาวหันไปทางเจ้าชายหนุ่มแทน ชักจะงงหนัก

"ความจริงแล้วข้าไม่เคยชอบนมมาก่อน เห็นพี่เจ้ากินน่าอร่อยก็เลยกินพร้อมกับเขาครั้งหนึ่ง" ขณะรับสั่ง เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรหน้าน้องสาวของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มองมาทางเขาเลย แต่เมื่อทรงเว้นจังหวะให้คาดเดา หัวใจของฟีเรียสก็เต้นผิดจังหวะ รวนหนักยิ่งกว่าเดิม "มันอร่อยมากจนข้าคิดว่า... คงจะต้องกินบ่อยๆ"

"แหม รับสั่งเหมือนกับว่ามันอร่อยเพราะว่าคนที่กินด้วยกันคือพี่ฟีเรียสเลยนะเพคะ"

พูดเอง แล้วก็ฉุกใจคิดเอง หญิงสาวมองพระพักตร์อย่างระแวงแต่ไม่เห็นพิรุธใดๆ ครั้นหันไปทางมารดาก็เห็นว่านางมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก บางทีอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องเดียวกัน

แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน






   หลังอาหารเช้า เจ้าบ้านก็พาแขกไปเที่ยวชมฟาร์มม้าของวอลเซนส์ เจ้าชายรามิเรสรับสั่งเรื่องม้าๆ กับเจ้าของฟาร์มได้อย่างถูกคอ ทว่าในที่สุดเจ้าชายหนุ่มก็ทรงหาโอกาสแยกตัวมาขี่ม้าเล่นกับองครักษ์ใหม่ได้

“ขี่ม้าแข่งกันมั้ย” เจ้าชายหกทรงท้า ฟีเรียสชะงัก เขาตั้งใจว่าจะคุยเรื่องที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารกับพระองค์ ทว่าเนื่องจากเป็นคนที่ทนคำท้าทายในเรื่องที่คิดว่าตัวเองก็พอมีฝีมืออยู่ไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพยักหน้า

“จากตรงนี้ ลงเนินไป อ้อมต้นไม้ใหญ่สุดนั่น แล้วกลับมาตรงนี้ ตกลงมั้ย”

“พระเจ้าค่ะ”

“ต้องต่อให้รึเปล่า”

องครักษ์หนุ่มทำสีหน้าเหมือนถูกดูถูกอย่างจัง กราบทูลเสียงแข็ง

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

“จะไม่ต่อให้ข้าสักหน่อยจริงหรือ”

ฟีเรียสงุนงงไปวูบ อารมณ์ดีขึ้นเมื่อรู้ว่าแปลความหมายของอีกฝ่ายผิดไป แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายทรงสู้เขาไม่ได้

“แค่ฝ่าบาทไม่ทรงออมมือให้กระหม่อม ก็เป็นพระกรุณามากแล้วพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล

“เจ้าอาจประเมินฝีมือข้าสูงไป เจ้านับ หรือข้านับ”

“ฝ่าบาทเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ตกลง พร้อม” ฟีเรียสพยักหน้า “หนึ่ง... สอง... หนึ่ง!”

ฟีเรียสทะยานออกไปแล้ว... ก่อนจะนึกได้ องครักษ์หนุ่มหยุดม้าอย่างกะทันหัน เบนหัวม้ากลับมาเพื่อจะพบว่า

“ฮ่ะๆๆๆๆ” เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงพระสรวลลั่น ดวงพระเนตรเป็นประกายพราวสดใสอยู่ในแสงแดดอ่อนอุ่นยามสาย หล่อเหลา... จับตา ทว่าคนมองไม่มีอารมณ์จะชื่นชม

“ขอโทษๆ” คนรับสั่งพยายามจะกลั้นเสียงสรวล เมื่อทอดพระเนตรเห็นหน้างอๆ ขององครักษ์ประจำพระองค์ “ข้าแค่อยากจะแกล้งเจ้าเล่น”

“แต่กระหม่อมจริงจัง” คนจริงจังไม่ยอมชักม้าเข้ามาใกล้ด้วยซ้ำ เจ้าชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้แทน

“นั่นล่ะที่ข้าอยากจะบอก แค่แข่งกันเล่นๆ ก็พอ อย่าจริงจังนักเลย ตกลงไหม”

สีหน้าของคู่แข่งดูไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมตอบ “ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“คราวนี้เจ้านับก็แล้วกัน” คนช่างแกล้งทรงเอาใจ ฟีเรียสยังมีสีหน้าตึงๆ อยู่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“พร้อมนะพระเจ้าค่ะ”

“อืม”

“หนึ่ง... สาม!... ย้า!”

องครักษ์หนุ่มทะยานออกไปแล้วด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มอารมณ์ดี เจ้าชายหนุ่มทรงเป็นฝ่ายถูกแกล้งจึงออกตัวช้ากว่า ทว่าพระองค์กลับพระอารมณ์ดีกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก

การแข่งขันใช้เวลาไม่นานนักก็รู้ผล เนื่องจากไม่มีกรรมการจึงตัดสินยากว่าใครเป็นฝ่ายชนะ ฟีเรียสรู้สึกว่าเจ้าชายหนุ่มทรงถึงพร้อมๆ กับเขาเลยทีเดียว และเมื่อทูลถาม คำตอบก็คือ

“เสมอกันดีไหม”

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงออมมือให้กระหม่อมแน่นะพระเจ้าค่ะ”

“ออมมือให้” คนจริงจังหน้านิ่ว “แต่ไม่มาก ข้าแค่อยากถึงพร้อมๆ กับเจ้า อยู่ข้างๆ เจ้าไปตลอดทาง”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง ความคิดแรกที่วาบเข้ามาก็คือ ทำแบบนี้บ่อยไหม พูดแบบนี้กับผู้หญิงมาแล้วกี่คน แต่ก็คิดว่าไม่ควรจะถาม ถึงจะเป็น ‘คนรัก’ แต่ก็เพิ่งจะเริ่มคบหากันในสถานะนี้ คำถามเช่นนั้นคงจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไป

“อยากจะพูดอะไร”

“รับสั่งแบบนี้ เคยใช้กับผู้หญิงมาก่อนรึเปล่าพระเจ้าค่ะ”

อา... ในที่สุดเขาก็พูด และเสียใจแทบจะทันทีที่พูดจบ เพราะสีพระพักตร์แบบ ‘ยิ้มๆ’ ของอีกฝ่ายหายไปแล้ว

“ไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม ใต้ต้นไม้นั่นน่าจะดี”

ฟีเรียสได้แต่พยักหน้า

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

รับสั่งถาม หลังจากฟีเรียสจัดหาที่นั่งให้ตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว คือนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้า หันหน้ามาทางพระองค์ซึ่งประทับแบบเดียวกัน

“ขอประทานอภัย ถือว่ากระหม่อมไม่ได้ทูลถามเถิดพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าเป็นคนคิดมาก แต่บางทีความคิดของเจ้าอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง คำถามของเจ้าข้าอยากตอบ แค่อยากรู้ก่อนเท่านั้นว่าเพราะอะไรเจ้าถึงคิดอย่างนั้น”

“กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ แค่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมา เพราะว่าเมื่อก่อน... ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเป็นอย่างนี้”

“จริงหรือ”

ถูกถามอย่างนี้ฟีเรียสก็ชักจะลังเล

“เมื่อก่อนข้าไม่เคยหยอดเจ้าหรือ”

ที่จริง... ไม่ต้องรับสั่งออกมาตรงๆ ก็ได้ว่าหยอด พอรับสั่งแบบนี้เลยไม่รู้ว่าจะเครียดหรือจะเขินดี ที่ทำได้คือตีหน้าตายแล้วทูลตอบตรงๆ

“ฝ่าบาทไม่ได้รับสั่งบ่อย”

“นั่นเพราะข้ากับเจ้าเป็นแค่เพื่อน ข้ายังไม่มั่นใจในตัวเอง ส่วนเจ้าก็ยังไม่ได้ให้ความมั่นใจกับข้า แต่พอเราเป็นคนรักกันแล้ว ข้าก็อยากจะพูดให้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่ได้ตั้งใจจะหยอดเจ้า ข้าแค่พูดในสิ่งที่ข้ารู้สึก”

ใช่ รับสั่งได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เพราะอย่างนี้มันถึงได้น่ากลัวเหลือเกิน เขากลัวว่าตัวเองจะตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ไม่เคยพูดแบบนี้กับผู้หญิง หรือผู้ชายคนไหนสักคน อันธียาเป็นแค่คู่หมั้นตามความเหมาะสม ข้าไม่ได้รัก ส่วนผู้หญิงอื่น... ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เจ้าหึงย้อนหลังหรือ”

“ปะ... เปล่าพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่ได้หึง แค่... สงสัย” ฟีเรียสหลบสายพระเนตร ขณะเจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล ไม่ได้รับสั่งคาดคั้น

“มีอะไรสงสัยอีกไหม”

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้า

“อย่างนั้นข้าถามเจ้าบ้าง”

ฟีเรียสตั้งใจฟัง

“เจ้าไม่อยากให้แม่เจ้ารู้ ว่าเราเป็นคนรักกันหรือ”

เรื่องแบบนี้ คนพูดก่อนได้เปรียบจริงๆ เขาตั้งใจจะพูดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พอพระองค์รับสั่งขึ้นก่อน เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิดขึ้นมา

“กระหม่อม...ยังไม่พร้อมพระเจ้าค่ะ”

“กลัวนางเสียใจหรือ”

“...พระเจ้าค่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่

“แล้วคิดจะบอกนางไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า

“เมื่อไหร่”

เขาไม่รู้ อย่าบังคับเขาเลย

“ถ้าเจ้าบอกแล้วนางรับไม่ได้ ต้องการให้เจ้าเลือกระหว่างนางกับเจ้า เจ้าจะเลือกข้าไหม”

องครักษ์หนุ่มอึดอัดใจ ลังเล ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเสียพระทัย แต่คำตอบที่เขาตอบได้ในตอนนี้ก็คือ

“กระหม่อม...เลือกแม่พระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงชะงักไปหลายอึดใจ ฟีเรียสไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้นนาน เขารู้ว่าความรู้สึกของเจ้าชายหกอาจจะยิ่งแย่ลงอีก แต่เขาก็พรั่งพรูออกมา

“กระหม่อมรักแม่มากพระเจ้าค่ะ ตอนที่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายก็ทุกข์ใจ แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแม่อยากให้กระหม่อมแต่งงานกับผู้หญิง กระหม่อมก็จะแต่ง”

เจ้าชายรามิเรสยังทรงนิ่งเงียบ ทำเอาองครักษ์หนุ่มยิ่งใจคอไม่ดี

“แต่ว่าตอนนี้...” พูดแล้วก็เงียบนาน

“ตอนนี้อะไร”

“ตอนนี้กระหม่อมคิดว่าจะพยายามทำให้แม่เข้าใจและยอมรับให้ได้ ว่ากระหม่อมคงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้ แต่กระหม่อมอยากจะค่อยๆ บอก หาวิธีที่ทำให้แม่ไม่ตกใจพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนทอดพระเนตรสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ทรงคิด ว่าเจ้าตัวจะรู้บ้างไหม ว่ากำลังทำหน้าขอความเห็นใจได้น่ามองขนาดไหน

“แล้วใช้วิธีของข้าไม่ดีหรือ ที่ข้าทำเมื่อเช้า”

“กระหม่อมตั้งตัวไม่ทันพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบไปอีก ไม่ได้สะเทือนพระทัยอะไรนัก เพียงแต่เพิ่งทรงตระหนักว่า ความบันเทิงใจของพระองค์เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งแล้ว แม้ไม่ปรารถนาจะยอมรับ แต่ก็ทรงปฏิเสธไม่ได้ ว่าการแกล้งให้ฟีเรียสมีสีหน้าทุกข์ใจกึ่งๆ อ้อนวอนนี่ทำให้พระทัยพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด

“ฝ่าบาท...”

น้ำเสียงแบบนี้ก็ด้วย มองปากคนเรียกแล้วก็นึกอยากจะจูบขึ้นมาเป็นกำลัง แต่ก็ต้องตัดพระทัยเพราะตรงนี้เป็นที่โล่งแจ้ง

“เอาเถอะ ข้าให้เวลาเจ้า ขออย่างเดียว ต่อไปถ้าข้าถามเจ้าอีกว่าจะเลือกใครระหว่างข้ากับแม่ของเจ้า เจ้าอย่าตอบเร็วนักเลย ถึงจะไม่เปลี่ยนใจ แต่ก็ทำเป็นคิดนานๆ หน่อยก็ได้...ข้าเห็นแล้วเสียใจ”

องครักษ์หนุ่มเบิกตากว้างขึ้น ดวงหน้าคมคายค่อยๆ เป็นสีก่ำขึ้นจนคนทอดพระเนตรเห็นอดยิ้มออกมาไม่ได้






ตกบ่าย เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ได้ทรงรู้จักกับแอนจิเทีย ลูกสาวเจ้าของร้านขายขนมปังตรงหัวมุมถนนเป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารักและอัธยาศัยดีทีเดียว ดูเป็นหญิงสาวที่ไม่มีจริตมารยา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ทั้งสีหน้าและสายตาดูออกง่ายมากว่าชื่นชอบและชื่นชม ‘พี่ฟีเรียส’ มากขนาดไหน องครักษ์หนุ่มพูดด้วยไม่กี่ประโยคก็หน้าแดงจนเหมือนจะระเบิดออก

“ขนมปังพวกนี้นางทำเองหมดเลยนะเพคะ” เฟย์กราบทูลเจ้าชายหนุ่ม “นอกจากทำขนมปังเก่งแล้วยังทำอาหารเก่งด้วยนะเพคะ ขนมอื่นๆ ก็ทำได้ เรียกได้ว่าถ้าใครได้ไปเป็นภรรยาล่ะก็สบายไปทั้งชาติ เรื่องอาหารการกินนี่ไม่ต้องห่วงเลย”

“เฟย์”

หญิงสาวที่ถูกชมซึ่งหน้ากระตุกแขนเสื้อเพื่อนผู้อ่อนวัยกว่า หน้าแดงก่ำยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็เหลือบตาขึ้นมองพี่ชายของนางว่าทำสีหน้าแบบไหน

เจ้าชายรามิเรสเพิ่งทรงทราบว่าองครักษ์ใหม่ของพระองค์ดูจะเป็นคนยิ้มง่ายเมื่อสนทนากับผู้หญิง

“ข้าต้องไปฝึกทำขนมกับทำอาหารไหม”

เจ้าชายหนุ่มตรัสถาม ในจังหวะที่แอนจิเทียเข้าไปเตรียมจานและมีดกับส้อมให้ทุกคน โดยมีเฟย์ตามเข้าไปช่วยด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็อยู่ใกล้ๆ กัน น่าจะได้ยินคำถามของพระองค์กันทุกคน แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฝึกทำไมพระเจ้าค่ะ”

“อยากให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง นี่ถ้าเขาเป็นคนปากไวคงโพล่งออกไปแล้ว ว่าพระองค์อยากจะเป็น ‘ภรรยา’ ของเขาเรอะ ดีที่ปกติเป็นคนปากหนัก ถึงได้เพียงแต่ถลึงตาใส่คนที่รับสั่งถามแบบไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย

“ขอได้ทรงโปรดอย่าล้อกระหม่อมเล่น กระหม่อมไม่ขำพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“ข้าก็ไม่ได้พูดให้เจ้าขำ ก็แค่กลัวเท่านั้น”

องครักษ์หนุ่มยังไม่ได้ทูลถามว่ากลัวอะไร เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสถามเสียก่อน

“ในสายตาเจ้า นางเป็นยังไงบ้าง”

ไม่ต้องบอกว่านางไหน ฟีเรียสก็นึกรู้ได้เอง “ก็เป็นผู้หญิงที่ดีพระเจ้าค่ะ ขยัน กตัญญู”

“แค่นั้นหรือ”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าจะต้องพูดอะไรเพิ่มเติมอีก

“เจ้าว่าข้าต้องกลัวนางไหม”

“กลัวทำไมพระเจ้าค่ะ”

“กลัวจะมาเป็นคู่แข่งหัวใจ”

มาถึงตรงนี้ ฟีเรียสต้องเหลือบตามองคนอื่นๆ อย่างระแวง แต่ทุกคนดูเหมือนจะรู้จักกาลเทศะดี คุณเรจินเดิน ออกไปรอนอกร้านซึ่งมีโต๊ะสำหรับนั่งกินแล้ว ส่วนคุณชายมิทรอสก็ชวนโรดีอัสไปเดินเลือกขนมปังตรงมุมอื่น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะได้ยิน และเอียงๆ หูมาทางนี้ทั้งสองคนก็เถอะ แต่เขาไม่พูดเสียอย่าง ยังไงก็ไม่ได้ยิน

ที่เขาทำก็แค่...ส่ายหน้า

“แปลว่าอะไร”

ถ้าใครถามเขาว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นคนยังไง ฟีเรียสตอบได้ตอนนี้เลย ว่าเรื่องมาก และเอาแต่ใจเป็นที่สุด ดูสีพระพักตร์ก็รู้ว่าพระองค์ทรงทราบว่าเขาหมายความว่ายังไง ได้คืบยังจะเอาศอก ที่จริงแล้วเขาคิดว่าพระองค์ทรงแกล้งเขาเสียด้วยซ้ำ ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างอย่างพระองค์ยังจะต้องทรงกลัวเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรือ อยากจะปิดปากเงียบต่อไป แต่เพราะพระองค์ทรงยอมให้เวลาเขาเรื่องแม่ เขาก็เลย...ก็แค่อยากจะเอาใจคนที่ดูเหมือนจะจริงจังกับคำตอบของเขาเหลือเกินเท่านั้น ถึงได้ตอบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวพระเจ้าค่ะ”

รอยแย้มพระสรวลของเจ้าชายรามิเรสยังไม่เท่าไร ฟีเรียสพอจะต้านทานได้ แต่ไอ้เสียงผิวปากดังวี้ดวิ้วกับเสียงเปรยๆ ของคุณชายมิทรอสนี่มันอะไร





“เจ้าว่าขนมปังร้านนี้ใส่น้ำตาลมากไปรึเปล่า โรดีอัส”







**************************



คาดว่าเรื่องนี้จะจบได้ในบทที่ 33 นะคะ

ที่จริงแล้วชุนจะมาชวนไปงานฟิคน่ะค่ะ แต่จะมามือเปล่าก็เกรงใจ เลยเอาบทที่ 27 มาฝากแก้เขินด้วย

วันเสาร์ที่ 25 ต.ค. นี้จะมีงานฟิคที่อาคาร Thai CC Convention Hall ค่ะ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

ถ้าใครอยู่ใกล้ๆ หรือไม่ใกล้แต่อยากไปเที่ยวงานก็เชิญชวนนะคะ

-   วันเสาร์ที่ 25 ตุลา เวลา 11.30-16.30 น.
-   อาคาร Thai CC Convention Hall ชั้น 12
-   ค่าบัตรเข้างาน 70 บาท สามารถซื้อได้ที่หน้างาน
-   มีนิยายวายขายเพียบเลย ส่วนใหญ่จะเป็นฟิค แต่ที่ไม่ใช่ฟิคก็น่าจะมีเยอะพอสมควรนะคะ (เดาเอา ชุนไม่เคยไปหรอกค่ะ อยากไปเหมือนกัน แต่ปีนี้ขอผัดไปก่อน อยู่ต่างจังหวัดด้วย แล้วก็...ยังไม่ทันจะสิ้นเดือนเลย เงินเดือนหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ :mew2:)
-   ชุนสั่งพิมพ์เรื่อง “เวลา” ไปวางขายด้วยค่ะ สามารถหาซื้อได้ที่บูธ A16 ในราคา 380 บาท
-   รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูและสอบถามได้ที่นี่ค่ะ
https://www.facebook.com/NanaNaRiSshop?fref=ts (https://www.facebook.com/NanaNaRiSshop?fref=ts)

-   ถ้าไม่สะดวกไป ก็ยังสามารถสั่งจองกับที่ร้านได้นะคะ รายละเอียดตามนี้เลย
https://www.facebook.com/notes/nananaris-shop/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-by-%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%A8/763418607033964 (https://www.facebook.com/notes/nananaris-shop/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-by-%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%A8/763418607033964)


จบการโฆษณาขายของแต่เพียงเท่านี้

ป.ล.ถ้าผิดกฎเล้า (เรื่องการลง link การประชาสัมพันธ์ หรือการขายหนังสือ) ก็ช่วยเตือนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-10-2014 01:10:29
ชอบตอนนี้มาก  พอเขาลงเอยกันกล้ว มันก็มีความสุข
มิทรอสนี่ก็ตัวชงทีเดียว  แต่สู้รามิเรสไม่ได้สักนิด นี่ก็ตัวดีเลย ชอบ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-10-2014 01:13:04
ฟีเรียสยังคงเป็นคนคิดมากเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ยอมๆ เจ้าชายไปเหอะ :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-10-2014 01:40:09
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากๆเลยค่ะ อมยิ้มตลอดเลยยยย หายคิดถึงไปได้เลย อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ววว รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-10-2014 03:10:42
ดีใจที่มาต่อตอนใหม่แล้ว ตอนนี้ดูคุณเจ้าชายหน้ามึนมากๆ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-10-2014 04:34:36
เจ้าชายอย่ามาน่ารัก :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 24-10-2014 04:46:35
พอตกลงเป็นคนรักกันแล้ว
เจ้าชายหกน่ารักมาก เดี๋ยวหยอดเดี๋ยวหวานตลอดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-10-2014 05:36:43
เจ้าชายหรือคนขายขนมครกเนี่ย?...หยอดตลอด
คุณชายมิทรอสก็นะ..แซวจริง
แอบนึกว่าจิ๊กโก๋ปากซอยแซวสาว 555555555
หวานๆละมุนอุ่นๆกับตอนนี้
เหมือนกินคาปูฯคู่ปาท่องโก๋อ่ะ
มีความสุขจัง :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 24-10-2014 06:39:38
เจ้าชายทำเราเขินนนนนน หยอดได้หยอดดี :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-10-2014 07:41:49
เจ้าชาย น่ารักจัง

อ่านตอนนี้ อมยิ้ม ตลอด ๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-10-2014 08:22:46
เจ้าชายหยอดเก่งเหมือนกันนะเนี่ย   :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-10-2014 08:36:05
องค์ชายหกน่ารักได้อีก 55
ตอนนี้รู้สึกหวานอวลมาในใจเลยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 24-10-2014 09:03:00
 องค์ชายหกหนักแน่นจริงจัง และแอบหวานขนาดนี้
อ่านแล้วเขินแทนฟีเรียสเลย :-[
หวังว่าแม่และน้องจะเอาไปคิดต่อ
อย่างน้อยก็จะได้ทำใจรอจนกว่าเจ้าตัวจะยอมบอก

มิทรอสถูกใจมากคร่ะ เอาอีกๆๆ o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 24-10-2014 15:13:01
มาเยอะแบบสะใจ
แหม น่ารักกันซะ :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 24-10-2014 16:27:37
หยอดตลอดๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-10-2014 17:38:07
องค์ชาย หยอดเก่งนะเพคะ

น่าชวนไปทำขนมครก  :laugh:

มีความสุข ฟรุ้งฟริ้งดีจัง


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 24-10-2014 18:01:14
งื้อออออ ตอนนี้องค์ชายเต๊าะฟีเรียสไม่เลี้ยงเลยเพคะ
อ่านแล้วมันก๊าวววใจจริงๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-10-2014 19:01:55
ตอนนี้ยาวสะใจ
อ่านไปอมยิ้มไป
เก็บเงินรอตอนรวมเล่มล่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 24-10-2014 20:08:18
เจ้าชายดูทรงสำราญมาก  :hao3:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-10-2014 20:14:02
เจ้าชายรามิเรสนี่หยอดทุกจังหวะจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 24-10-2014 20:59:19
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากเลยค่ะ หลังจากมีปัญหากันนานนนนนน ก็ได้หวานให้ชุ่มใจสักที^^ :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-10-2014 22:35:55
พอรักกันแค่นั้นล่ะฟินเลยค่า
เจ้าชายหกแห่งไมซีน แหม่ ท่านช่างร้าย ช่างน่ารัก ช่างขยันหยอด คือฟีเรียสนี่แพ้ราบค่ะ ทรงพระเปิดเผยมากด้วยค่ะเจ้าชาย 555
อยากมาก็ต้องได้มาค่ะ บ้านว่าที่แม่ยาย ไม่ค่อยเก็บอาการเท่าไรนะคะ ทรงพระหยอดเรี่ยราดมาก เอาแต่ใจมากด้วยแต่ก็น่ารักมากๆ
น่ารักแทบจะทุกตอนที่คุยกันเลยค่า คืออ่อนใจแทนฟีเรียสจะทำให้รักไปถึงไหน ตอนท้ายแบบฮา ที่ถามว่าต้องไปฝึกทำอาหารทำขนมไหม
โอ๊ย เจ้าชายนี่ 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 24-10-2014 23:16:26
ฟินเลยอ่ะ น่ารักกกกกก มาต่ออีกน้าาาาา ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-10-2014 09:56:36
ถ้าเป็นฟีเรียสนี่แก้มแตกไปละ
หยอดตลอดเวลา.....
แต่แม่ต้องเข้าใจฟีเรียสสส
อย่าเครียดดดด
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-10-2014 02:39:12
แกล้งตลอดนะองค์ชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 27-10-2014 16:58:55
หลงรักรามิเรสอีกแล้ว
งึดดดดดดด
ฟีเรียสคิดเยอะจริงๆจังๆ แต่ก็นะ ไม่เป็นฟีเรียสก็ไม่รู้หรอก

อีกไม่กี่ตอนแล้วสินะคะ สู้ๆค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 27 (24 ต.ค. 57) หน้า 21+ชวนไปงานฟิคค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kaew203 ที่ 01-11-2014 15:31:44
ตามอ่านทันแล้วค่ะ เย่ๆ
ใช้เวลาอ่านน้อยมากเลยค่ะเรื่องนี้ ปกติเป็นคนอ่านหนังสือช้า :really2:
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ เป็นรักเรื่อยๆจริงๆด้วย 5555
ชอบความคิดในใจของฟีเรียสตอนเจ้าชายจีบ อย่างฮาเลย
ไม่รู้ทำไมตอนอ่านแอบลุ้นให้โรดีอัสคู่กับคุณชายมิทรอส
เห็นว่าพี่ชุนยังค้างอยู่เลยอยากแอบเสนอให้คุณชายมิทรอสมาปราบโรดีอีสดีมั้ยคะ
เผื่อโรดิอัสจะเข้าใจ"อะไรๆ"มากขึ้น  :-[

สู้ๆค่ะ ขอหายค้างไว้ๆนะคะ(เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย =D)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 01-11-2014 16:52:31
บทที่ ๒๘


“ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือครับ ท่านน้า”

   เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธรับสั่งทัก เมื่อเสด็จลงมาถึงห้องโถงแล้วพบว่ามารดาของฟีเรียสกำลังนั่งเอนหลังถักไหมพรมอยู่ตามลำพัง

“เจ้าชาย ต้องการอะไรหรือเปล่าเพคะ”

“แค่ออกมาหาน้ำดื่มครับ”

“อย่างนั้นทรงรอตรงนี้ก่อนนะเพคะ หม่อมฉันจะไปรินมาให้”

หญิงวัยกลางคนรีบวางอุปกรณ์งานฝีมือลงและกุลีกุจอเข้าไปในครัว เจ้าชายรามิเรสประทับบนเก้าอี้เดี่ยวด้านขวามือของเก้าอี้ยาวที่มารดาของฟีเรียสนั่งอยู่เมื่อครู่

“ขอบคุณครับ”

เรเซียรินน้ำจากเหยือกถวายอีกเมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงดื่มจนเกือบหมดแล้ว

“พอแล้วครับ ขอบคุณครับ” รับสั่งบอกเมื่ออีกฝ่ายจะรินถวายอีกเป็นแก้วที่สาม

“ทำต่อเถอะครับ ข้ามานั่งด้วย ท่านจะเสียสมาธิรึเปล่า”

“ไม่หรอกเพคะ ถักเสื้อแค่นี้หม่อมฉันหลับตาทำก็ยังได้”

“ถักให้เฟย์หรือครับ” ดูจากสีและขนาดตัว

“เพคะ นางชอบใส่เสื้อที่หม่อมฉันถักให้เป็นพิเศษ”

“ฟีเรียสล่ะครับ”

คนถูกถามชะงักไปนิดหนึ่ง มองพระพักตร์แล้วไม่เห็นความผิดปกติอะไรจึงยิ้มแล้วทูลตอบ “รายนั้นหม่อมฉันถักให้เขาก็ใส่เพคะ ส่วนใหญ่ใส่ตอนหน้าหนาว แต่หลังๆ นี่ชอบเป็นห่วงเกินเหตุ บอกว่าห่วงสุขภาพ ไม่อยากให้เหนื่อย แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็จะรู้สึกเบื่อนะเพคะ”

“เขารักท่านมาก”

“...ทำไมถึงทรงทราบล่ะเพคะ” ทูลถามอย่างชวนคุย คิดว่าคำตอบก็คงไม่พ้นว่าเป็นธรรมดาที่ลูกชายย่อมจะห่วงแม่ ดังนั้นจึงถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบ

“ข้าเคยถามเขาว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างคนรักกับแม่ เขาจะเลือกใคร เขาตอบได้ทันทีว่าเลือกแม่”

สองฝ่ายมองตากันอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ

“ฟีเรียสมีคนรักแล้วหรือเพคะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลละมุน “ข้าแค่สมมติเหตุการณ์ให้เขาเลือก เรื่องมีหรือไม่มี ท่านน้าคงต้องถามเขาเอง”

เรเซียผ่อนลมหายใจออกเบาๆ

“เฟย์ดูจะอยากได้ลูกสาวร้านขายขนมปังมาเป็นพี่สะใภ้” เจ้าชายหนุ่มทรงเกริ่น ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากไปกว่านั้น ทว่ามารดาของฟีเรียสก็พูดออกมาเอง

“นางชื่อแอนจิเทียเพคะ เป็นเด็กที่ดีมาก ถ้าฟีเรียสรักชอบนาง หม่อมฉันก็ดีใจ”

“ถ้าเขาชอบคนอื่น และเป็นคนที่ท่านไม่ชอบล่ะครับ”

เรเซียรู้สึกว่า นายเหนือหัวของลูกชายดูจะเอาใจใส่เรื่องของลูกชายนางมากเหลือเกิน...เกินกว่าฐานะเจ้าชายกับองครักษ์ หัวข้อที่น่าจะนำมาคุยน่าจะเป็นเรื่องความประพฤติของฟีเรียสในฐานะองครักษ์ ไม่ใช่...เรื่องความรัก

อาจจะเป็นลางสังหรณ์ของคนเป็นแม่ก็ได้ ที่ทำให้นางเลือกตอบอย่างระมัดระวัง

“หม่อมฉันคงจะต้องดูก่อนเพคะ ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาชอบนาง แต่หม่อมฉันไม่ชอบ”

ไม่ง่าย...คิดว่าจะตอบว่า ไม่ว่าลูกชายจะชอบใคร นางก็จะชอบด้วยเสียอีก

เจ้าชายหกไม่ได้ทรงรุกมากกว่านี้ ตัดสินพระทัยถอยออกมาก่อน เพราะหากนางสงสัยแล้วไปถามเอากับฟีเรียส พระองค์อาจจะทรงถูกองครักษ์ใหม่ที่ได้มาแสนยากเย็นคนนั้นเคืองเอาอีก

“ท่านน้านั่งถักจนดึกอย่างนี้ทุกคืนเลยหรือครับ”

“เป็นบางคืนที่นอนไม่หลับจริงๆ เพคะ เจ้าชายอย่าทรงบอกฟีเรียสกับเฟย์นะเพคะ ทั้งสองคนอยากจะให้หม่อมฉันนอนพักผ่อนทั้งวัน แต่คนแก่ยิ่งแก่ก็ยิ่งนอนไม่ค่อยหลับนะเพคะ”

“อย่างนั้นเห็นทีข้าก็คงจะแก่แล้วเหมือนกัน”

เรเซียอุทานออกมาคำหนึ่ง “เจ้าชายไม่ทรงแก่เลยเพคะ ทรงพูดอะไรอย่างนั้น”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล “แก่กว่าฟีเรียสแปดปีครับ”

หัวใจของคนฟังเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทรงเปรียบเทียบกับลูกชายของนาง รับสั่งเฉยๆ หรือว่ามีพระประสงค์จะบอกอะไรเป็นนัยๆ หญิงวัยกลางคนตัดสินใจยิ้มกลบเกลื่อนความไม่สบายใจแล้วเบี่ยงไปเป็นประเด็นอื่น

“เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบ แต่ก็มีหนี้สินมากมายแล้ว ถ้าหม่อมฉันสุขภาพดีกว่านี้ก็คงไม่ทำให้ลูกต้องลำบาก”

“ข้าคิดว่าฟีเรียสและเฟย์คงไม่คิดว่าท่านทำให้พวกเขาลำบาก กตัญญูต่อพ่อแม่เป็นหน้าที่ของลูก และพวกเขาก็คงทำด้วยความเต็มใจ”

เรเซียยิ้มรับ บทสนทนากลายเป็นเรื่องในอดีต สมัยที่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่ และเรื่องราวตอนที่นางต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง หลังจากสามีเสียไปเมื่อเกือบสี่ปีก่อน

“เขาอยากให้ลูกชายเป็นองครักษ์เพคะ ฟีเรียสรักพ่อมาก เขาขยัน ตั้งใจเล่าเรียนมาตลอด ถ้าพ่อของเขาอยู่จนถึงวันนี้ ก็คงจะดีใจมาก”

คนฟังมีรอยแย้มพระสรวลจางๆ ประดับพระโอษฐ์ ทว่าแววพระเนตรวูบไหว

“ที่ไม่คิดไม่ฝันก็คงเรื่องติดหนี้เจ้านายตัวเองเพคะ แต่หม่อมฉันก็คิดว่าเราโชคดีมากที่เจ้าชายมีเมตตา ให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย แถวหมู่บ้านนี้ อย่างถูกๆ ก็ดอกเบี้ยร้อยละสองแล้วเพคะ”

“ข้าเต็มใจให้” รับสั่งสั้นไม่บ่งเจตนา ว่าแค่ตัดคำว่า ‘ยืม’ ออกหรือจงใจเปลี่ยนความหมาย “หวังว่าท่านจะไม่เครียดเรื่องหาเงินมาคืนมากอย่างฟีเรียส”

หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนๆ สีหน้าสีตามีวี่แววชั่งใจ ก่อนทูลถามอย่างระมัดระวัง

“เจ้าชายทรงช่วยเหลือองครักษ์ทุกคนที่เดือดร้อนหรือเปล่าเพคะ”

สายพระเนตรของคนถูกถามฉายแววรู้เท่าทันความหมาย ทว่าพระองค์ทรงซ่อนเอาไว้ใต้สีพระพักตร์อ่อนโยนและพระสุรเสียงนุ่มนวล

“ต้องพิจารณาว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร ดูสาเหตุ และดูความประพฤติก่อนครับ” แย้มพระสรวลมากขึ้นนิดหนึ่งก่อนตรัสเสริม “ฟีเรียสมีความประพฤติดี”

“แต่ตอนนั้น...เขายังเป็นแค่นักเรียนองครักษ์นะเพคะ”

ผู้หญิงคนนี้...ความคิดฉับไวทีเดียว จะว่าไปก็เหมือนลูกชาย รายนั้นก็ขี้ระแวง ช่างสงสัย ไม่ไว้ใจพระองค์ง่ายๆ 

“ข้ารู้จักเขามาก่อน” ดูจากสีหน้าแล้ว คาดว่าฟีเรียสไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้มารดาฟัง ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทรงระวังว่าเรื่องที่เล่าจะไม่ตรงกัน “ตอนที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจัดงานเลี้ยงแล้วเกณฑ์นักเรียนองครักษ์ไปช่วย ข้าเมามาก เลยได้เขาช่วยพยุงขึ้นไปนอนบนห้อง หลังจากนั้นข้าก็ไปที่โรงเรียนบ้าง เห็นว่าเขาตั้งใจดี ฝีมือใช้ได้ แล้วยังขยันทำงานพิเศษ ก็เลยนึกชื่นชม”

เรเซียพยักหน้า รู้สึกโล่งใจเมื่อได้รู้ที่มาของ ‘ความเมตตา’ นางไม่เคยถามลูกชายอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ว่ารู้จักกับเจ้าชายหกได้อย่างไร และ ‘ความดีความชอบ’ ที่เคยทำนั้นคืออะไร ได้แต่คล้อยตามความคิดของลูกสาว ว่าฟีเรียสคงฝีมือดีมากจนถูกเจ้าชายหนุ่มทรงหมายตาเอาไว้ให้เป็นองครักษ์

“เจ้าชายทรงทราบหรือเพคะ ว่าเขาทำงานพิเศษ”

“ครับ คนจ้างเขาเป็นเพื่อนของข้า พอรู้ว่าเขากำลังเดือดร้อน ข้าเลยออกปากให้ยืม” แย้มพระสรวลนิดหนึ่งจึงเสริม “จะเรียกว่าบังคับให้รับก็ได้”

มารดาของฟีเรียสไม่แปลกใจ เพราะรู้จักลูกชายของตนดี อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าโอกาสที่จะได้ทูลถามตามลำพังคงจะมีไม่บ่อย และเจ้าชายหนุ่มก็ดูพระทัยดีมาก นางจึงกลั้นใจถามอีกประโยคหนึ่ง หากคำตอบที่ได้รับเป็นที่น่าพอใจ นางก็คงจะไม่ต้องกังวลใจแปลกๆ อีก

“เจ้าชายคงจะทรงช่วยเหลือคนมามาก ฟีเรียสไม่ใช่...เอ่อ...คนที่...ทรงช่วยเหลือเป็นพิเศษ...ใช่ไหมเพคะ”

คนถูกถามประหลาดพระทัย ไม่คาดคิดว่ามารดาของคนรักจะกล้าถามคำถามนี้ ดวงพระเนตรคมฉาบประกายชื่นชมและมีแววตัดสินพระทัยอยู่ในที

“ครับ เขาเป็นคนพิ...”

คำตอบชะงักอยู่เพียงนั้น เพราะคนที่กำลังถูกพูดถึงเดินลงบันไดมาพอดี ฟีเรียสมองหน้ามารดาและเจ้าชายหนุ่มแล้วก็รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล

“ทำอะไรกันอยู่หรือครับ”

“แม่นอนไม่หลับ ก็เลยออกมาถักเสื้อ ส่วนเจ้าชายท่านลงมาทรงดื่มน้ำ แล้วก็เลยทรงนั่งคุยเป็นเพื่อนแม่นี่แหละจ้ะ ลูกล่ะ ลงมาทำอะไร”

“นอนไม่หลับเหมือนกันครับ ว่าจะลงมาหานะ...น้ำดื่ม”

รอยแย้มพระสรวลแบบรู้ทันนั่นมันอะไร

“น้ำนี่ก็มี เจ้าไปเอาแก้วมาเพิ่มสิ”

ฟีเรียสเดินเข้าครัวไปหยิบแก้วมาเพิ่มตามรับสั่ง หลังจากดื่มน้ำเสร็จก็ได้โอกาสทูลถาม

“ฝ่าบาทรับสั่งเรื่องอะไรอยู่หรือพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องเจ้า”

ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ทั้งนึกระอาและนึกเอ็นดูระคนกัน รับสั่งแค่นี้ก็ต้องระแวง ไม่ไว้ใจกันบ้างเลย ซึ่งก็...ถูกแล้วที่ไม่ไว้ใจ

“เรื่องของกระหม่อม...เรื่องไหนพระเจ้าค่ะ”

“ก็เรื่องทั่วๆ ไป”

องครักษ์หนุ่มมองพระพักตร์ เผลอขมวดคิ้วนิ่วหน้านิดหนึ่ง แล้วก็หันไปมองมารดาอย่างกังวล เรเซียยิ้มให้ลูกชาย

“เจ้าชายทรงชมลูกหลายอย่าง ไปทำอะไรไม่ดีไว้แล้วกลัวเจ้าชายจะทรงพูดให้แม่ฟังหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่มีครับ” ตอบหนักแน่น แต่ใจเต้นผิดจังหวะ

“ไม่มีแล้วทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” ผู้เป็นมารดาถามยิ้มๆ

“ข้าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของแม่ ดึกแล้ว แม่น่าจะพักผ่อน ถักเสื้อเอาไว้ถักต่อพรุ่งนี้ก็ได้ครับ ให้ข้าพาไปนอนดีกว่า”

เรเซียขยับปากจะปฏิเสธ

“ข้าไปส่งครับ”

แขกพิเศษทรงออกโอษฐ์อย่างนี้แล้ว นางจึงต้องยอมตามคำลูกชาย เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็อดจะพิจารณาผู้ชายสองคนที่ยืนส่งอยู่หน้าประตูไม่ได้ ส่วนสูงก็พอๆ กัน รูปร่างหน้าตาก็สมชายชาตรีด้วยกันทั้งคู่ ดูไม่มีอะไรที่ควรจะกังวลได้เลย

แต่คำตอบที่เจ้าชายหกตรัสตอบไว้ค้างๆ นั้นคืออะไร นางคงคาดเดาไปทั้งคืน

“ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม” ตรัสถามหลังจากเดินห่างออกมาจากหน้าห้องของมารดาฟีเรียสพอสมควร

“พระเจ้าค่ะ”

คำตอบรับเร็วทันใจ ทำเอามุมพระโอษฐ์กระตุกนิดหนึ่งเมื่อคิดว่าทรงทราบเหตุผลที่คนรักอยากจะไป ‘เดินเล่น’ กับพระองค์โดยไม่กลัวมารดาสงสัย






ดึกดื่นอย่างนี้เงียบเชียบจนวังเวง แสงจันทร์ไม่มีสาดส่องให้เห็นทาง ทว่ายังมีแสงดาวพร่างพราวระยับเต็มท้องฟ้า เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรดวงดาวเดียรดาษ ขณะคนเดินตามเสด็จไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เท่า

“ฝ่าบาท”

“ไปนั่งที่ศาลากัน หรือจะนั่งชิงช้า” ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่กว้างพอจะนั่งได้สองสามคน

“ศาลาพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลในความมืด คนแบบนี้เดาคำตอบไม่ยากเลยจริงๆ

ศาลาหลังกะทัดรัดมีด้านหนึ่งเป็นบันไดทางขึ้น อีกสามด้านเป็นที่นั่งทำจากไม้แผ่นหนา ยาวและกว้างมากสามารถนั่งหรือนอนแทนเตียงได้สบายๆ และเพราะเจ้าชายหนุ่มทำท่าจะเสด็จไปประทับบนที่นั่งด้านหนึ่ง ฟีเรียสจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม ใครจะคิดว่าเจ้าชายหกกลับเสด็จมาประทับฝั่งเดียวกับเขา ข้างๆ เขา

“ฝ่าบาท”

“อะไร”

“...” ยังจะมาตรัสถามอีก ฟีเรียสขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้น ยังไม่ทันเดินไปอีกฝั่ง ข้อมือก็ถูกยึดเอาไว้ ไม่แรง แต่เขาไม่กล้าดึงออก

“นั่งฝั่งเดียวกันจะเป็นไร”

“มัน...แปลกพระเจ้าค่ะ”

“ไม่มีใครเห็นหรอก ถึงเห็น ก็ไม่ได้แปลกมาก”

องครักษ์หนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจนั่งลงที่เดิม...ที่จริงคือห่างออกมาจากเดิมนิดหน่อย นั่งเงียบๆ กันอยู่ได้สักพัก เห็นว่าคนที่เอาแต่ทอดพระเนตรมองดาวอยู่ไม่เลิกคงไม่รับสั่งอะไรก่อนแน่ เขาจึงทูลเรียก

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายหนุ่มทรงหันมามอง

“รับสั่งเรื่องอะไรกับแม่ของกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ”

“อยากให้บอกทั้งหมดหรือ”

“...พระเจ้าค่ะ”

“รับปากว่ารู้แล้วจะไม่โกรธได้ไหม”

รับสั่งแบบนี้แปลว่าอะไร เขาจะคิดหนักก็ไม่แปลกใช่ไหม ระหว่างที่กำลังลังเลใจ มือข้างซ้ายที่วางไว้บนที่นั่งก็ถูกกุมทับ อารามตกใจทำให้กระตุกมือหนี เมื่อหันไปมองแล้วเห็นสีพระพักตร์ ก็พลันใจเสียวูบขึ้นมา

“ฝ่าบาท...”

เขาไม่ได้อยากจะทำตัวเหมือนสาวน้อยรักนวลสงวนตัวที่ไม่เคยต้องมือชาย แต่เพราะเครียดมากเกินไป มัวแต่ระแวงว่าจะถูกจับได้ถึงได้มีปฏิกิริยาแบบนี้

“กระหม่อม...” แม้แต่จะขอโทษก็ยังพูดไม่ออก แต่คนใจดีก็ยังเป็นคนใจดีอยู่เสมอ

“ไม่เป็นไร”

อีกฝ่ายทรงดึงพระหัตถ์กลับไปแล้ว ทั้งยังแย้มพระสรวลประทานให้นิดๆ เป็นเชิงสนับสนุนรับสั่ง

“กระหม่อม...รับปากว่าจะไม่โกรธพระเจ้าค่ะ”

ไม่ได้พูดเพราะอยากจะแก้ตัวที่ทำกิริยาไม่ดี ไม่ใช่ว่าอยากจะเอาใจ เพียงแต่เขาอยากจะเชื่อใจพระองค์บ้าง อยากจะค่อยๆ ลดความหวาดระแวงของตัวเองลงทีละน้อย อยากจะเชื่อมั่น ว่าไม่ว่าเจ้าชายหกจะทรงทำอะไร ก็จะทรงคิดถึงความรู้สึกของเขา ไม่เอาแต่พระทัยจนเกินไป

เจ้าชายรามิเรสตรัสเล่าให้ฟังว่ารับสั่งเรื่องอะไรกับมารดาของเขาบ้าง และเมื่อฟังจบก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ควรค่าให้พระองค์ทรงกลัวว่าเขาจะโกรธเลย อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เขาหวั่นใจอยู่บ้าง แต่ก็มีความรู้สึกอื่นมากกว่า คือโล่งใจที่เขาลงมาทันเวลาพอดี และดีใจอยู่ลึกๆ...ที่พระองค์พร้อมจะบอกแม่ของเขา...ว่าเขาเป็นคนพิเศษ

“ถ้าพรุ่งนี้นางถามอีก ข้าบอกได้ไหม ว่ารู้สึกพิเศษกับเจ้า”

“...”

“...”

“...”

“...แค่เอ็นดูเป็นพิเศษ ได้ไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

เอ็นดู เอ็นดูหรือ จะมาเอ็นดูอะไรเขากันเล่า เขาไม่ใช่เด็กน้อยน่ารักเสียหน่อยจะได้ทรงรู้สึกเอ็นดู องครักษ์หน้ากร้านผิวเข้ม เนื้อตัวแข็งกระด้างอย่างเขามีอะไรน่าเอ็นดูตรงไหน ทำไมรับสั่งหลอกเด็กแบบนี้ต้องทำให้เขาอายด้วย ที่ทูลตอบนั่นก็ไม่ใช่ว่าชอบใจ เพียงแต่จะยึกยักมากความไปก็กลัวจะบั่นทอนความมุ่งมั่นตั้งใจของอีกฝ่าย

“แม่เจ้าบอกว่า เจ้าอยากเป็นองครักษ์เพราะพ่อ”

โชคดีที่หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเสียที

“พระเจ้าค่ะ” เพราะดีใจที่ได้เปลี่ยนเรื่อง ฟีเรียสจึงพูดยาวเป็นพิเศษ “เมื่อก่อนมีคนในหมู่บ้านคนหนึ่งได้เป็นองครักษ์หลวง คนทั้งบ้านภูมิใจกันมาก คุยอวดคนอื่นได้ไม่รู้จบ เขากลับบ้านมาทีไรคนก็จะคอยมองอย่างชื่นชม พ่อของกระหม่อมก็ด้วย ท่านอยากจะเป็นองครักษ์หลวงพระเจ้าค่ะ แต่ต้องช่วยปู่ทำสวน พอพ่อมีลูก ก็พูดกับกระหม่อมตั้งแต่เด็กว่าถ้าได้เป็นองครักษ์ก็จะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล”   

“ข้าคิดว่ามันเป็นความต้องการของเจ้าเอง”

“กระหม่อมอยากทำให้พ่อดีใจพระเจ้าค่ะ แล้วก็คิดเหมือนกับพ่อ ว่าเป็นงานที่มีเกียรติ ได้ปกป้องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่”

“พอได้เป็นจริงๆ แล้ว ความคิดของเจ้าเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม”

“ฝ่าบาททรงหมายความว่ายังไงพระเจ้าค่ะ”

“หน้าที่ขององครักษ์คือปกป้องกษัตริย์และราชวงศ์ เมื่อก่อนอาจจะได้ทำหน้าที่นั้นจริงๆ แต่ตอนนี้บ้านเมืองสงบสุขดี เจ้าคงไม่ต้องไปต่อสู้กับใคร หน้าที่ที่แท้จริงขององครักษ์ก็เหมือนจะเป็นเพียงเครื่องประดับเกียรติยศ รู้สึกเสียใจไหม”

“ไม่เสียใจพระเจ้าค่ะ ถึงพ่อของกระหม่อมจะเสียไปแล้ว แต่กระหม่อมก็ได้ทำให้แม่กับน้องภาคภูมิใจ”

“ตัวเจ้าเองล่ะ”

“กระหม่อมก็...มีความสุขดีพระเจ้าค่ะ”

ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ฟีเรียสจะทูลเรียก

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายหนุ่มทรงรอฟัง

“กระหม่อมขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไร”

“ที่ทรงทำให้กระหม่อมได้เรียนต่อจนจบ และ...ยอมให้กระหม่อมได้เป็นองครักษ์ของฝ่าบาท”

“นั่นเป็นความสามารถของเจ้าเอง ส่วนข้า...ก็แค่ทำตามใจตัวเอง”

ก็เป็นรับสั่งตอบแบบธรรมดา ไม่น่าจะมีตรงไหนที่ทำให้คนฟังรู้สึกว่าอิ่มเอิบหวามไหวได้เลย บางที...ปัญหาอาจอยู่ที่พระสุรเสียงทอดอ่อน อบอุ่น ที่ทำให้เขาแก้มสั่น

ความเอาแต่ใจของพระองค์ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้เขาทั้งชัง...และรัก

สิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดที่เขาได้รับจากการเป็นนักเรียนองครักษ์ คือมันทำให้เขาได้พบกับพระองค์ แต่เขาคงจะไม่กราบทูล ไม่มีวันกราบทูลออกไปได้แน่ๆ

“ฟีเรียส”

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าอยากพบพ่อของเจ้า”

อย่างนั้นคงต้องตายเสียก่อน ถึงจะได้ขึ้นสวรรค์...หลังจากคิดขำๆ ดังนั้นแล้ว องครักษ์หนุ่มก็ทูลตอบทั้งที่หน้ายังไม่จางยิ้ม

“ท่านอยู่ที่สุสานหลังวิหารเล็กๆ ในหมู่บ้านพระเจ้าค่ะ พรุ่งนี้กระหม่อมจะนำเสด็จไป”

“ไม่ถามหรือว่าข้าอยากจะพบเขาทำไม”

ถ้าอยากจะรับสั่งบอกก็รับสั่งออกมาเถอะ ไม่ต้องเล่นเกมยี่สิบคำถามกับเขาก็ได้

“จะเสด็จไปพบพ่อทำไมหรือพระเจ้าค่ะ” ไอ้อารมณ์อยากจะเอาใจคนนี่มันมาจากไหนมากมายกันนะ

“ไปขอลูกชาย”

ผิด...เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ทีเดียวที่ทูลถาม นี่เรียกว่าอะไร เปิดช่องให้โจมตีเอง พอถูกจู่โจมด้วยสิ่งที่อาจจะทำให้ถึงตายได้ก็ไม่อาจจะโทษใครได้ใช่ไหม นอกจากตัวเองคนเดียว

“ถึงจะยังบอกแม่เจ้าไม่ได้ บอกพ่อเจ้าเอาไว้ก่อนก็ยังดี เจ้าคงไม่ว่าอะไร”

ไม่ว่าหรอก เขาจะว่าอะไรได้ แค่อ้าปากยังไม่อยากจะทำ เพราะกลัวจะถูกหยอก ว่าจะยิ้มก็ยิ้มเถอะ จะมัวกลั้นเอาไว้ทำไมให้เมื่อยแก้ม

“หรือว่าก็ยังไม่อยากให้บอกเหมือนกัน”

“ฝ่าบาท”

เขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นคนอย่างนี้ เพียงแต่นิสัยที่เป็นมานานมันยากจะถ่ายถอน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ภายในวันสองวัน ก็อยากจะจมอยู่ในโลกสีชมพูที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาห่อหุ้มอยู่หรอก เขาเคลิ้ม แต่มันก็ไม่นาน ไม่อยากจะขัดให้เสียพระอารมณ์ แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆ

“ตัดสินพระทัยดีแล้วหรือพระเจ้าค่ะ” อีกฝ่ายทรงทำพระสุรเสียงคล้ายๆ ‘หือ’ ในพระศอ “เราเพิ่งจะเป็น...” คำง่ายๆ นี่บางทีมันก็พูดยากจริงๆ “คนรัก...กันไม่นาน ฝ่าบาทจะทรงขอแล้วหรือพระเจ้าค่ะ บางที วันหนึ่งข้างหน้าอาจมีเหตุให้เปลี่ยนพระทัย”

พูดเองก็อึดอัดขึ้นมาในอกเอง สิ่งที่ไม่ได้พูดก็คือ หรือเพราะทรงคิดว่าเขาเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วนเหมือนตอนจะขอผู้หญิง หากวันหน้าจะเปลี่ยนใจก็ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่มีทั้งปัญหาทางสังคมและปัญหาเรื่องลูก

เจ้าชายรามิเรสทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป แต่แล้วก็ดึงกลับมาดังเดิม นิสัยคิดมาก ขี้ระแวงนี่คงจะอยู่ไปอีกนาน พระองค์ไม่ค่อยโปรดเท่าไร แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าแบบนี้ก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน

“วันข้างหน้าข้าไม่รู้ แต่วันนี้ข้ามั่นใจ ข้าชอบเจ้า และไม่ได้ชอบแบบปุบปับ ก่อนหน้านี้ข้าใช้เวลานานพอแล้ว คิดว่าไม่แปลก ที่คนรักกันชอบกันจะคิดถึงอนาคตร่วมกัน และอยากจะให้ครอบครัวของคนรักยอมรับ” หยุดไปครู่หนึ่งจึงขยายรอยแย้มพระสรวลแล้วรับสั่ง “ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะบอกเขา ว่าได้เจ้ามาแล้วจะไม่ทิ้งขว้าง ไม่ทำให้เสียใจ”

คนฟังไม่ได้อายแล้ว แม้จะรู้สึกว่านั่นเป็นคำพูดน่าอายที่เขาไม่มีวันจะพูดได้ก็ตาม อากาศก็ไม่ร้อน แต่หัวตาของเขากำลังร้อนผ่าว เจ้าชายหกแห่งไมซีนนี่ถ้าทรงตกงาน ก็เปลี่ยนอาชีพเป็นคนขายฝันน่าจะดี เพราะขนาดคนที่ไม่หลงใหลไปกับความเพ้อฝันได้ง่ายๆ ยังอยากจะทุ่มสุดตัวเพื่อซื้อฝันที่พระองค์ทรงขายให้

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน แถมยังหันหน้าไปทางอื่นอีก เจ้าชายรามิเรสจึงตรัสเรียก

“ฟีเรียส”

“...ขอบพระทัย” เว้นไปชั่วอึดใจ ก็กราบทูลคำเดิมอีก “ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

คนฟังจะทรงหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก พระองค์รับสั่งตั้งมาก คนคิดมากกลับตอบรับมาเพียงแค่นี้

เอาเถอะ บางทีอาจจะกำลังเขิน จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชอบคนแบบนี้เข้าไปแล้วก็มีแต่ต้องทำใจ

เจ้าชายหนุ่มทรงผินพระพักตร์ไปอีกทางหนึ่ง สายพระเนตรทอดไกลออกไปบนฟ้ากว้าง นั่งมองดาวเงียบๆ กันตามลำพังแบบนี้ก็ดี สายลมยามดึกเย็นบาดผิว ถ้าเป็นมิทรอสก็คงจะดอดไปหาสาวกอดแก้หนาว ถ้าพระองค์ทรงได้ ‘สาวๆ’ มาเป็นคนรัก เวลาอย่างนี้อาจกอดนางไว้ในอ้อมแขน ให้นางออดอ้อนเอาใจ แต่ในเมื่อได้ผู้ชายตัวโตเท่าๆ กันแถมยังปากแข็งเป็นหินคนหนึ่งมานั่งข้างกัน โดยไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ พระองค์ก็...สุขใจมากอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ยังมีสิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นเสียอีก

เจ้าชายรามิเรสทรงหันไปทางคนนั่งข้าง เมื่อรู้สึกว่าพระหัตถ์ที่วางอยู่บนที่นั่งถูกมืออีกข้างหนึ่งวางทับแล้วสอดนิ้วเข้ามาใต้อุ้งพระหัตถ์ เป็นมือที่หยาบกระด้างทีเดียว ทว่าเจ้าของมือกลับยังหันหน้าไปทางอื่น แสร้งเงยหน้าขึ้นมองดาวอยู่เหมือนเดิม

“เจ้า...”

“อย่ารับสั่ง” เว้นไปชั่วอึดใจจึงทูลย้ำเสียงเบากว่าเดิม “อย่ารับสั่งนะพระเจ้าค่ะ”

ขอกันเสียงหวิวแบบนี้ พระองค์จะพระทัยร้ายได้ยังไง ไม่พูดก็ไม่พูด เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวลขำๆ อย่างสุขใจ เมื่อเจ้าของมือข้างบนเหมือนจะสะดุ้งนิดๆ ตอนที่พระองค์ทรงกุมมือตอบกลับหลวมๆ

คนปากแข็งนี่...ขี้อายแล้วน่ารักเป็นบ้า



หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 01-11-2014 16:56:53

“ง่วงหรือยัง”

เจ้าชายหกตรัสถามเมื่อเลยครึ่งคืนมาหลายชั่วโมงแล้ว และฟีเรียสก็ตอบรับว่าง่วง ทั้งที่เขายังตาสว่างอยู่เลย นั่งจับมือกันอยู่ตลอด แถมอีกฝ่ายยังไม่ยอมให้จับนิ่งๆ แต่มีบีบมือเขาบ้าง ลูบนิ้วเขาเล่นบ้างแบบนี้ใครจะไปง่วงลง

“งั้นก็ไปนอนกันเถอะ”

รับสั่งถึงเรื่องนอน องครักษ์หนุ่มก็เพิ่งนึกถึงคนร่วมห้องขึ้นมาได้ คุณเรจินยังไม่เท่าไร แต่ถ้าโรดีอัสรู้ว่าเขาออกมานั่งเล่นข้างนอกกับเจ้าชายหกจนดึกดื่นค่อนคืน คงจะแซวอะไรให้เขาได้อายกันบ้าง พออยู่กับคุณชายมิทรอสหลายวันเข้าหน่อยก็ติดนิสัยกันมาได้ง่ายเหลือเกิน

“ฟีเรียส”

เจ้าของชื่อหันไปมองพระพักตร์ เขาไม่ได้เดินเสมอกับพระองค์ แต่เดินเยื้องมาทางด้านหลังเล็กน้อยถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะรับสั่งให้เขาเดินข้างๆ ก็ตาม ฟีเรียสไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะกลัวว่าถ้าเผลอทำในที่ที่ไม่เหมาะสมขึ้นมาเมื่อไรจะกลายเป็นปัญหา ถึงแม้ว่าคนทั้งพระตำหนักจะรู้กันหมดแล้วก็เถอะ

“ใยรักของเจ้าออกดอกตั้งแต่เมื่อไร”

ฟีเรียสหยุดเดินนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว

นึกว่าจะไม่ตรัสถามเสียแล้ว ไม่คิดว่าจะตรัสถามเอาตอนนี้ด้วย เพราะเดินผ่านมาแล้ว 

“เฟย์บอกว่าประมาณสิบวันก่อนพระเจ้าค่ะ” กลับมาบ้านคราวที่แล้วเขายังไม่เห็น เพิ่งคราวนี้เองที่สังเกตเห็นตั้งแต่มาถึงหน้าบ้าน แอบมองเจ้าชายหกก็ไม่เห็นว่าพระองค์จะใส่พระทัย ทำเอาเขารู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“งั้นเราก็ได้เห็นมันพร้อมกันสินะ”

“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงสังเกต”

“ดอกสวยขนาดนั้น ข้าต้องเห็นอยู่แล้ว”

 เป็นดอกไม้ที่สวยมากจริงๆ กลีบดอกเป็นสีฟ้าของท้องฟ้าในวันที่แดดจ้าและไม่มีเมฆ มีทั้งหมดหกกลีบ แต่ละกลีบมีขนาดเท่าฝ่ามือเด็กแรกเกิด รูปร่างคล้ายหัวใจหกดวงที่เอาด้านปลายมาชนกัน แต่ละกลีบมีลักษณะคล้ายทำจากเส้นใยเล็กๆ สานเป็นตาข่ายพองๆ ขั้วดอกเป็นกระเปาะสีขาว ออกดอกเป็นช่อตามกิ่ง ขณะที่ใบสีเขียวสดรูปหัวใจกระจุกอยู่ตามปลายกิ่ง

“หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์บอกว่ายังไงเจ้าจำได้ไหม”

“...จำได้พระเจ้าค่ะ” เขาไม่ได้เป็นคนขี้ลืม

...ว่ากันว่ามันจะออกดอกเวลาที่คนปลูกมีความรัก... 

“เจ้าว่าจริงรึเปล่า”

“...คงจริงพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มหันไปมองหน้าคนพูด และฟีเรียสก็มองตอบนิ่งๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ราวกับว่าไม่ได้เพิ่งพูดอะไรที่มีความหมายแฝงออกไป แต่พอเห็นรอยแย้มพระสรวลกับสายพระเนตรแบบรู้เท่าทันนั่นแล้วก็ต้องเบือนหน้ากลับ และเป็นฝ่ายเดินนำเสด็จลิ่วๆ ไปแทน

เจ้าชายรามิเรสเสด็จตามอย่างพระอารมณ์ดี

เห็นทีว่าจะต้องหาวิธีทำให้คนไม่ยอมบอกรักตรงๆ แต่ไม่ปฏิเสธที่จะบอกอ้อมๆ ยอมบอกพระองค์อีกสักหลายๆ วิธีเสียแล้ว




“ไปนอนห้องข้าไหม” เมื่อเดินมาถึงตรงหัวบันไดซึ่งมีทางแยกซ้ายขวาเพื่อกลับสู่ห้องนอน เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสถาม ครั้นอีกฝ่ายทำท่าจะว่าอะไรพระองค์สักประโยคสองประโยค พระองค์ก็รับสั่งบอกเหตุผล “เผื่อเสียงเปิดประตูจะทำให้สองคนนั้นตื่น”

“กระหม่อมจะเปิดเบาๆ พระเจ้าค่ะ”

เป็นอันว่าเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ เจ้าชายหกทรงนิ่งคิดนิดหนึ่ง

“ใยรักของข้าก็ออกดอกแล้วเหมือนกัน”

ฟีเรียสใจเต้น ...หากสองต้นออกดอกพร้อมกันจะเป็นนิมิตหมายอันดี...

“เจ้าอยากเห็นไหม”

องครักษ์หนุ่มพยักหน้า เขาอยากจะรู้ตั้งนานแล้วว่ามันเป็นยังไงบ้าง แต่รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ไม่รับสั่ง ตัวเขาเองก็ทิฐิมากจึงไม่ได้ทูลถาม

“กลับไปแล้วจะพาไปดู ไปไหม”

ฟีเรียสพยักหน้าอีก ตั้งแต่ไปอยู่พระตำหนักเจ้าชายหก เขาก็มองหาอยู่เรื่อยว่าอีกฝ่ายเอาไปปลูกไว้ตรงไหน แต่ก็ไม่เคยเห็น ที่แท้ก็เอาไปปลูกที่อื่นนี่เอง

“ทรงปลูกไว้ที่ไหนพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลอ่อนหวาน “ในห้องนอนข้าเอง” ทอดพระเนตรเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตกตะลึงแล้วก็ทรงขำ แต่ไม่ยอมให้มีโอกาสกลับคำ “รับปากแล้วนะว่าจะไปดู”

“กระหม่อมไม่...”

“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันไปนอนดีกว่า” เว้นวรรคแล้วก็กระตุกมุมพระโอษฐ์ “ขอจูบราตรีสวัสดิ์ทีหนึ่งได้ไหม”

“ไม่...”

เพิ่งจะพูดได้คำเดียว อีกฝ่ายก็เข้าประชิดตัว แตะพระโอษฐ์ลงบนปากที่กำลังเผยออยู่ของเขาเบาๆ ทีหนึ่งแล้วถอนออก ไม่เร็วมากนัก และไม่นานจนเกินไป แต่เขายังตั้งตัวไม่ทัน

“ให้ข้าไปส่งที่ห้องรึเปล่า”

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสทูลตอบเร็วปรื๋อ แล้วก็นึกเจ็บใจตัวเองที่ก่อนหน้านี้พูดไม่เร็วเท่าตอนนี้ เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงคะยั้นคะยอ เพียงแต่แย้มพระสรวล...สวยเสียจนเขาตาพร่า

“อืม ฝันดี เจอกันพรุ่งนี้” ซึ่งก็คืออีกไม่กี่ชั่วโมงนี่ล่ะ

เจ้าของวรองค์สูงโปร่งเสด็จแยกไปทางห้องของพระองค์แล้ว ทิ้งให้คนถูกปล้นจูบยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

เมื่อกี้นี้คืออะไร เขาถูกหลอกมาตลอดใช่ไหม ที่แท้แล้วเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงหื่นกามใช่รึเปล่า เป็นหมาป่าที่ห่มหนังแกะเอาไว้อย่างแนบเนียนสินะ ส่วนเขาก็คือ




...ลูกแกะ?








***********************************************


ตอบเรื่องมิทรอสกับโรดีอัสนิดนึง... เอิ่ม...ต้องขอตัดความหวังเสียแต่ตอนนี้นะคะ ว่า...ไม่ได้คู่กันค่ะ โรดีอัสเขาชอบผู้หญิงน่ะค่ะ

แล้วก็...ว่าจะพูดตั้งแต่ตอนที่แล้ว แต่ว่าลืม

ขอบคุณทุกท่านที่เสนอชื่อรามิเรสและเวลาในเซ็งเป็ดอวอร์ดนะคะ

แบบว่า ปลาบปลื้มมมมมมมมม กอดคนละทีค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2014 18:34:14
55 ฟีเรียสเพิ่งรู้เหรอ คนอ่านรู้กันนานมากกกกแล้ว  :hao3:
จริงๆก็แอบจิ้น คุณชายมิทรอสกับโรดีอัสเบาๆนะ แต่ถ้าคนเขียนออกตัวไว้แบบนี้จะได้ตัดใจ 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-11-2014 18:51:12
ตอนต้นของนิยายสงสารฟีเรียส  แต่ตอนนี้สงสารเจ้าชาย
ฟีเรียสปากแข้งได้ใจจริง ๆ เชียว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-11-2014 19:38:11
น้ำตาลขึ้น  :o8:
เจ้าชายออกจะโรแมนติก ไม่หื่นสักหน่อย ถ้าหื่นคงจับปล้ำไปหลายรอบแล้ว
ฟีเรียสนี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย o16
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 01-11-2014 20:07:29
เจ้าชายน่ะร้ายจะไป หลงรักเขามากนะฟีเรียส ไม่ทันสังเกตซะแล้ว สงสัยถูกภาพเจ้าชายอันเจิดจ้าบังตา 55
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 01-11-2014 21:23:23
 :-[ อรั๊ย เขินไปแย้ว

ลูกแกะพันธุ์หมาป่ากินเนื้ออย่างกับลูกแกะสายพันธุ์กระต่ายอย่างฟีเรียส ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะถูกกิน  :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 01-11-2014 21:23:53
ฟีเรียสซื่อแบบใสๆมาก ไม่เคยทันรามิเรสเลย 55"
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 01-11-2014 21:45:29
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเจ้าชายฉลาดอะ เป็นคนสุภาพและมีปัญญามาก โฮ๊ยย ได้เจ้าชายเป็นลูกเขยนี่เป็นวาสนาจริง ๆ นะท่านแม่
ชอบวิธีบอกรักกันจัง ละมุนเชียว ต้องด้วยวิธีนี้สิฟิเรียสไม่ปฏิเสธหรอก  :-[
สงสารอยู่อย่างเดียว เพิ่งรู้ตัวเหรอว่าตัวเองเป็นลูกแกะ 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2014 22:19:29
กว่าจะหวานได้ขนาดนี้ต้องรอนานมาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-11-2014 22:55:10
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย ตอนนี้สนุกกกกและละมุยมากๆเลยยยย เจ้าชายทรงเป็นหมาป่าอย่างที่ฟีเรียสคิดน่ะถูกแล้วว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-11-2014 00:36:10
หวานๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-11-2014 02:25:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 02-11-2014 12:12:08
หมาป่า เอ๊ย รามิเรสนี่ต้อนแกะเก่งจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-11-2014 16:51:38
รักจิตใที่ดีงามและความใจดีของเจ้าชายมาก เจ้าเล่ห์ก็มาก พูดมาทีเคลิ้มไปหมดแถมตกหลุมไม่รู้ตัว ฟีเรียสคือดูเหมือนเด็ก
ที่ยังไงก็ตามท่านไม่ทันอ่ะ ซึ่งก็เป็นความน่ารักอีกแบบหนึ่ง เจ้าชายหกสนุกมากในการแกล้งแฟนให้เขินอยู่เรื่อย
อ่านไปก็ฟินไปค่ะ น่ารักมากกกกก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2014 18:07:40
รอหมาป่าขย้ำลูกแกะนะคะ..ว้าย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-11-2014 22:38:18

รักนะแต่ไม่แสดงออก ใช่มั้ยฟีเรียส  :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 03-11-2014 21:27:18
โอ๊ยย.ย.ย..ย.ย  มดขึ้นหน้าจอแล้วคร่า.า.า.า..า.า.า :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 03-11-2014 22:25:00
ขอกันดีดีไม่เคยให้
คนปากแข็งใจแข็งอย่างฟีเรียสตัองเจอขโมยจูบแบบนี้แหละ.  ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 04-11-2014 13:46:43
โดนตัดความหวังอย่างจัง
วาดฝันให้โรดิอัสเสียทีมิทรอสเต้มที
โฮกกกกกกกกก
อยากเลี้ยงแกะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-11-2014 14:37:01
อ่านแล้วเขิน อยากเป็นคนพิเศษบ้าง 
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-11-2014 14:55:46
เจ้าชายนี่หยอดเก่งมากกกก

ฟีเรียส หวงตัวจริงๆ ได้ข่าวว่าเสร็จเค้าแล้วนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: kaew203 ที่ 04-11-2014 18:22:30
ง่ะะ เสียดายโรดีอัสกับมิทรอสจังค่ะะ
พี่ชุนไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ(*_*) 55555
ชอบเจ้าชายรามิเรสจังง ตะล่อมเก่งจริงๆ

รอเจ้าชายมาต้อนแกะค่ะ มาต่อไวๆนะคะะ><
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-11-2014 00:43:36
เจ้าชายร้ายกาจจ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 06-11-2014 12:23:44
ไม่ต้องคิดหรอก โดนกินแน่ๆ ไม่ต้องห่วง  :hao6:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 06-11-2014 18:04:40
องค์ชายอดทนมากกกก ยกนิ้วให้เลย
แบบว่ายอมรับความเป็นตัวตนของคนปากแข็ง
แล้วตัวเองก็ประยุกต์หาวิธีหลอกล่อเอง
แหม่ คนแก่มีดีที่ความเก๋าเกมซินะ 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 28 (1 พ.ย. 57) หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-11-2014 10:20:41
พึ่งมาอ่านเรื่องนี้ ชอบเจ้าชายมากๆเรย
ดูสู้ใคนปากแข็งสุดๆ 555555
ส่วนฟีเรียส น่าจะเปิดเผยอีกนิดน้าาาา กลัวใจเจ้าชายจะนอยด์ซะก่อน หุหุหุ -.,-
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 22-11-2014 19:46:07
บทที่ ๒๙


หลังจากตื่นขึ้นมาเพราะกระหายน้ำ และลงมาดื่มน้ำในครัวเมื่อคืนนี้ เฟย์ก็กลับไปนอนไม่หลับอีกเลยตลอดคืน ถึงจะไม่ได้เปิดไฟ แต่หญิงสาวก็คิดว่าตัวเองตาไม่ฝาดที่เห็นเจ้าชายหกแห่งไม่ซีนทรง ‘จูบ’ พี่ชายของนาง

คงไม่ใช่ยื่นพระพักตร์เข้าไปกระซิบอะไรแน่ๆ

รุ่งเช้า น้องสาวของฟีเรียสก็เอาแต่จับสังเกตพฤติกรรมของหนึ่งเจ้าชายกับหนึ่งองครักษ์อยู่เกือบตลอดเวลา จุดประสงค์อยู่ที่การพยายามสรุปให้ได้ว่านางเพียงแต่คิดมากและเข้าใจผิดไปเอง ผลก็คือถ้าไม่คิดมากก็ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าคิด ก็จะเห็นสิ่งผิดปกติเต็มไปหมด

หลังจากเสร็จงานในสวน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เข้าไปในครัวหมายจะช่วยพี่ชายทำอาหาร ก็พบว่าเขามีผู้ช่วยกิตติมศักดิ์อยู่แล้ว เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลให้นางอย่างหล่อเหลาเหมือนเคย

“หิวแล้วหรือ” เป็นคำทักทายของคนที่กำลังทรงล้างผัก

“...หม่อมฉันจะมาช่วยพี่ฟีเรียสทำอาหารเพคะ”

“ปิ้งขนมปังที” คนกำลังชิมอะไรสักอย่างอยู่หน้าเตาร้องสั่ง “เปิดแยมขวดใหม่ด้วย”

ฟีเรียสเป็นคนกลบเกลื่อนความรู้สึกและความผิดไม่เก่ง การสั่งงานอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ทำให้เฟย์ใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดว่านางคงจะคิดมากไปเอง แต่ว่า

“ฝ่าบาท ล้างนานไปแล้วพระเจ้าค่ะ ทรงเอาขึ้นได้แล้ว”

ปกติองครักษ์เขาสั่งเจ้าชายกันได้ด้วยหรือ

“โอ๊ะ”

“กระหม่อมว่าเดี๋ยวต้องได้ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่แน่” กราบทูลแล้วก็หยิบผ้าสะอาดถวาย ก่อนจะเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนผืนหนึ่งมาถวายด้วย

“ข้าใส่ไม่เป็น”

พ่อครัวประจำบ้านมีการทำหน้าเหมือนระอา คลี่ผ้ากันเปื้อนออกและทำท่าจะสวมถวาย ทว่าเมื่อหันมาเห็นน้องสาวมองอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย จึงเพียงแต่บอกวิธีใส่เท่านั้นแล้วกลับไปยืนหน้าเตาต่ออย่างมีพิรุธ

“เจ้าชายทรงเป็นแขก มาช่วยอย่างนี้จะดีหรือเพคะ”

“ไม่เป็นไร ข้าอยากช่วย อย่าคิดว่าข้าเป็นแขกเลย คิดเสียว่าเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่งของเจ้าเถอะ”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เฟย์ก็คงจะปลาบปลื้มในพระเมตตาไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับทำให้ยิ่งรู้สึกระแวง...เจ้าชายหกเคยรับสั่งอะไรทำนองนี้กับนางมาก่อนรึเปล่านะ

“แล้วคนอื่นๆ ล่ะเพคะ อย่างพี่โรดีอัส” นางเห็นแล้วว่าคนที่เหลือนั่งคุยกันอยู่ในห้องโถง ที่ทูลถามก็แค่อยากจะรู้คำตอบของเจ้าชายหนุ่ม

“พวกนั้นก็คงอยากจะเข้ามาช่วย แต่ฟีเรียสบอกว่าคนมากเกะกะ”

รับสั่งตอบแล้วก็มีการปรายสายพระเนตรไปทางพ่อครัวตัวจริงเพื่อดูปฏิกิริยา และฝ่ายนั้นก็หันกลับมามองราวกับจะรู้จังหวะ เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวลเบาๆ เมื่อเห็นองครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า รับสั่งเพิ่มเติมว่า

“กับข้า เขาก็ไม่อยากให้เข้ามาเกะกะเหมือนกัน แต่ข้าเป็นเจ้านายเขา เขาเลยขัดขืนไม่ได้”

ขัดก็พอมั้ง ไม่ต้องถึงกับขัดขืน เดี๋ยวความหมายมันจะแปลกไป

เฟย์พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่ไม่หายสงสัย ไม่แปลกใช่ไหม ที่พอพี่ชายเรียกนางไปชิมรสชาติอาหารแล้วเจ้าชายรามิเรสจะทรงขอ ‘ชิม’ ด้วย ไม่แปลกใชไหม ที่เมื่อนางพูดถึงแอนจิเทีย ว่าทำอาหารเก่งเหมือนกัน เจ้าชายหนุ่มจะรับสั่งยิ้มๆ ว่า

“ในครัวมีคนทำอาหารเก่งแค่คนเดียวก็พอ เก่งสองคนอาจจะทะเลาะกันก็ได้”

ไม่แปลกสินะ ที่เมื่อพี่ชายของนาง ‘ไล่’ ให้เจ้านายของตนออกไปตัดดอกไม้ พระองค์จะเสด็จออกไปแต่โดยดี ซ้ำยังกลับเข้ามารับสั่งถามพระพักตร์เฉยว่าให้ช่วยเช็ดโต๊ะด้วยไหม






เฟย์ไม่กล้าปรึกษาเรื่องที่สงสัยเต็มหัวใจกับใคร ไม่ว่าจะเป็นมารดาหรือคนรัก นางไม่อยากทำให้คนอื่นพลอยกังวลไปด้วย...หากยังไม่แน่ใจเสียก่อน

เมื่อใกล้เวลาที่เจ้าชายหกจะเสด็จกลับเต็มที หญิงสาวก็ตัดสินใจเลือกที่จะหาโอกาสทูลถามเจ้าชายหนุ่ม ขณะที่อีกฝ่ายทรงช่วยนางใส่ปุ๋ยต้นไม้ตอนเช้า ส่วนฟีเรียสที่ห่อผลไม้เสร็จแล้วกำลังเดินรดน้ำตามอยู่ไกลๆ

“เจ้าชายทรงมีคนรักแล้วหรือยังเพคะ”

คุณเรจินที่กำลังช่วยใส่ปุ๋ยอยู่เหมือนกันถึงกับหันมามอง เฟย์คิดว่าเจ้าชายหกอาจจะรับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์ไปที่อื่นก่อน แต่ก็ไม่

“มีแล้ว”

คนทูลถามใจเต้นแรงขึ้นนิดหนึ่ง

“เป็น...พระคู่หมั้นหรือเพคะ” เมื่ออีกฝ่ายมีสีพระพักตร์สงสัย หญิงสาวก็อธิบาย “พี่ฟีเรียสเคยบอกเพคะ ว่าเจ้าชายมีพระคู่หมั้นแล้ว” ตอนที่บอกให้นางเลิกเขียนจดหมายถึงพระองค์ได้แล้ว เพราะพระคู่หมั้นอาจจะไม่พอใจ

“ข้าถอนหมั้นกับนางแล้ว”

เฟย์รู้จักกาลเทศะดีพอที่จะไม่ทูลถามเหตุผล กระนั้นเจ้าชายหนุ่มซึ่งไม่ได้ทรงคิดเป็นอื่นกับหญิงสาว นอกจากเห็นว่าเป็นเหมือนคนหนึ่งในครอบครัวก็รับสั่งบอกง่ายๆ

“เป็นความผิดของข้าเอง ที่มีคนอื่น”

“ใครหรือเพคะ” คำถามนั้นออกจากปากไปเร็วกว่าที่ตั้งใจ เมื่อเห็นสีพระพักตร์ประหลาดพระทัย หญิงสาวก็รีบเสริม “หม่อมฉันก็ถามไปอย่างนั้นเองเพคะ หม่อมฉันคงจะไม่รู้จัก”

เจ้าชายหนุ่มไม่ได้รับสั่งตอบ สักพักหนึ่ง หญิงสาววัยแรกรุ่นก็ทูลถามอีกอย่างระงับความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว

“คนรักของเจ้าชายคงจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากนะเพคะ เพราะว่าเจ้าชายทรงพระหล่อมาก”

คราวนี้แม้แต่เรจินเองก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เสียดายที่เฟย์ไม่ทันได้เห็น เห็นแต่รอยแย้มพระสรวลนิดๆ ของเจ้าชายรามิเรส

“ข้าชอบ ข้าก็ว่า...สวย แต่ไม่เคยชมให้ได้ยิน เพราะว่าเขาขี้อาย”

“เขา...หรือเพคะ”

คนทูลถามจับผิดเต็มที่ ส่วนคนถูกจับผิดก็เพียงแต่แย้มพระสรวลนิ่มๆ แต่ไม่ตรัสตอบว่าอะไร และเนื่องจากสรรพนาม ‘เขา’ สามารถใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หญิงสาวจึงไม่สามารถสรุปอะไรได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ พี่ชายของนางไม่ใช่คนขี้อาย

“นางคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ เลยนะเพคะ”

“เชื่อเถอะ ว่าข้าเองก็โชคดีไม่ต่างกัน”

เฟย์ชะงัก ความคิดแรกที่วาบขึ้นมาก็คือ ถ้าคนที่เจ้าชายหกกำลังรับสั่งถึงคือพี่ชายของนางจริงๆ นางก็คงจะดีใจแทนเขาเหลือเกิน แม้ว่า...จริงๆ แล้วจะอยากได้พี่สะใภ้มากกว่าพี่เขยก็ตาม

“คราวหน้าถ้าเสด็จมาอีก ทรงพา ‘นาง’ มาให้หม่อมฉันรู้จักด้วยได้ไหมเพคะ”

“อืม ถ้า ‘นาง’ ยอม”






ขณะที่เฟย์พยายามสืบเอาจากทางเจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธ หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามารดาของนางก็สอบถามจากลูกชายของตนเหมือนกัน

ปกติเฟย์จะนวดหลังนวดไหล่ให้มารดาก่อนนอนอยู่บ่อยๆ    ทว่าคืนนี้ฟีเรียสเป็นคนทำ สองแม่ลูกคุยเรื่องสัพเพเหระกันบ้างระหว่างการนวด มีเรื่องเกี่ยวกับแขกกิตติมศักดิ์ของบ้านบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องผิวเผินทั่วไป หลังจากผ่านไปนานนับชั่วโมง และฟีเรียสดูแลให้มารดาดื่มยาก่อนนอนเรียบร้อยแล้ว เรเซียก็รั้งให้ลูกชายอยู่คุยกับนางก่อน และเพราะคุยเรื่องทั่วๆ ไปมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีอารัมภบทอีก

“อยู่ที่เมืองหลวง รู้สึกถูกตาต้องใจผู้หญิงคนไหนบ้างรึเปล่าลูก”

ในความประหลาดใจเล็กๆ มีความระมัดระวังตัวตีคู่กันขึ้นมา

“ไม่มีหรอกครับ ข้าเพิ่งได้รับตำแหน่ง ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องผู้หญิงยังไม่คิด” และคงจะไม่คิดไปตลอดชีวิต ส่วนเรื่องผู้ชาย ก็เคยไม่อยากจะคิด...แต่ก็หยุดคิดไม่ได้ ปัจจุบันนี้ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นครอบครองพื้นที่ความคิดของเขาไปกี่ส่วนแล้ว

“วอลเซนส์มาเกริ่นๆ กับแม่ว่าอยากจะแต่งงานกับเฟย์ปีหน้า น้องจะแต่งงานแล้ว แต่ลูกยังไม่มีแม้แต่ผู้หญิงที่ชอบ แม่สงสัย ก็เลยถามดู”

ฟีเรียสยิ้มอ่อนๆ ไม่มีความหมายอะไร นอกจากเพื่อจะได้ไม่ต้องตอบคำถาม

“ฟีเรียส”

“ครับ”

“...ไม่มีจริงๆ หรือจ๊ะ”

ถามแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ สายตาแบบนี้ มารดาคงจะรู้สึกระแคะระคายไรบ้างแล้ว แม้จะรู้สึกเครียดขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงคนที่เขาพาไปพบพ่อที่วิหารเล็กๆ ด้วยกันเมื่อวันก่อน ความทรมานก็บรรเทาลงบ้าง

องครักษ์หนุ่มมองหน้ามารดาอย่างชั่งใจ

“ที่จริง...ก็มีครับ”

เรเซียเป็นฝ่ายชะงักไปบ้าง “นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน”

“...ขอยังไม่บอกได้ไหมครับ”

“ทำไมถึงบอกตอนนี้ไม่ได้ล่ะจ๊ะ”

ฟีเรียสนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ

“ฟีเรียส แม่...ไม่ว่าหรอกจ้ะ ไม่ว่าลูกจะรักชอบใคร” อยากจะทำใจให้ได้อย่างนั้นอยู่เหมือนกัน แต่นางก็รู้ดีว่าเรื่องทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น แม้ว่าจะพยายามทำใจให้กว้างเท่าไรก็อาจจะไม่พอ “เรามีกันอยู่แค่สามคนแม่ลูก แม่อยากจะสบายใจว่าลูก...ชอบผู้หญิงที่ดี เป็นคนที่ทำให้ลูกมีความสุขได้”

แล้วถ้าเขาเป็น ‘ผู้ชายที่ดี’ แทนล่ะ

“...”

“มีแล้วก็ยังไม่ต้องรีบแต่งก็ได้จ้ะ ผู้ชายแต่งงานช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร แม่อาจจะได้อุ้มหลานยายก่อน แต่ยังไงก็อยากจะอุ้มหลานย่า”

“...”

“เป็นองครักษ์คงจะได้ตามเสด็จไปที่ไหนๆ บ่อยๆ ลูกเจอนางตอนที่ตามเสด็จไปรึเปล่า หรือว่าเป็นน้องสาวของเพื่อน”

องครักษ์หนุ่มทรมานใจมากขึ้นทุกที

“หรือว่า ลูกชอบคนที่ไม่ควรจะชอบ”

ชายหนุ่มชั่งใจ ก่อนพยักหน้าช้าๆ เรเซียใจหาย

“เป็นคนที่อยู่สูงมากครับ” เคยคิดว่าเกินเอื้อม แต่เมื่อตัดสินใจยื่นมือออกไป ก็เอื้อมถึงได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียว “ที่ข้ายังไม่อยากบอก ก็เพราะอาจจะมีอุปสรรคอยู่อีก ข้ากับ...เขา อาจจะเดินไปด้วยกันได้ไม่ไกล ข้าเลยไม่อยากให้แม่กังวลใจไปด้วย”

ช้าไปแล้ว นางกังวลใจไปมากแล้ว

“ข้าบอกได้เท่านี้ เอาไว้ข้าพร้อมมากกว่านี้ ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง ดึกแล้ว นอนเถอะครับ”

องครักษ์หนุ่มลุกขึ้นยืนแล้ว ทว่า

“ฟีเรียส” มารดาคงไม่อาจนอนหลับหากได้รู้เพียงครึ่งๆ กลางๆ

“แม่อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ข้ายังไม่พร้อมจะบอกจริงๆ แต่สัญญาว่าจะบอกแน่ๆ ครับ ถึงตอนนั้น ถ้าท่านไม่ชอบคนที่ข้าชอบ ข้าก็จะ...ปล่อยมือจากคนคนนั้นครับ” พูดไม่ได้หรอกว่าจะตัดใจ เพราะคงจะยากยิ่งกว่าให้กลับใจไปชอบผู้หญิงเสียอีก “รักแม่นะครับ”

คนที่น้อยครั้งจะพูดว่ารักโน้มตัวลงกดจูบบนแก้มมารดา ก่อนผละมา

“ฟีเรียส”

สาวเท้ายาวๆ มาจนถึงประตูแล้ว แต่ก็ต้องหันกลับไป

“แม่ถามอีกอย่างเดียวลูก” ทั้งแม่และลูกล้วนแต่กลั้นหายใจ คนเป็นแม่ถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงคาดหวังสุดใจ “คนที่ลูกชอบ...เป็นผู้หญิงใช่ไหม”

เมื่อเห็นสีหน้าของลูกชาย เรเซียก็อยากให้เวลาย้อนกลับไป และนางไม่ได้ถามคำถามนั้น

“...เป็นผู้หญิงสิครับ แม่ถามแปลก”

ฟีเรียสยิ้ม... เหมือนคนกำลังจะร้องไห้



หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 22-11-2014 19:47:24
“ไม่สบายเปล่าวะฟีเรียส” โรดีอัสเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน

คนถูกถามส่ายหน้า เผลอสบตาหัวหน้าของตนที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างแวบหนึ่งแล้วพลันรู้สึกเหมือนถูกอ่านความรู้สึกจึงได้เดินเข้าห้องน้ำไป หลังจากปรับอารมณ์เรียบร้อยแล้วและเดินออกมา ก็พบว่าเพื่อนสนิทยังคงรอคอยที่จะถาม

“มีปัญหาอะไรบอกข้าได้นะเว้ย” อยากจะถามต่ออีกประโยคว่าทะเลาะกับเจ้าชายหกมารึเปล่าก็เกรงใจองครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง

“ไม่มีอะไร” คนตอบยิ้มนิดหนึ่ง แต่ดูฝืนๆ หลังจากทนมองสบตากับเพื่อนสนิทได้อึดใจใหญ่ๆ ก็ทนไม่ไหว “ข้าจะลงไปเดินเล่นข้างล่าง ไปด้วยกันไหม” ก็แค่ถามเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยไปมากกว่านี้

“ไป...”

“ไปอาบน้ำแล้วกลับมาเล่าเรื่องกิจการค้าข้าวที่บ้านเจ้าต่อสิ”

ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเสนอหรือคำสั่งกันแน่ แต่มันก็เย้ายวนใจไม่น้อย ตระกูลของโรดีอัสค้าเกลือ เพิ่งจะหันมาเอาดีทางการค้าข้าวเพิ่มเมื่อเร็วๆ นี้ และจากการนอนร่วมห้องกันมาหลายวัน องครักษ์หนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ก็ได้รู้ว่าเจ้าชายรามิเรสทรง ‘ค้าขาย’ สินค้าหลายชนิด แต่ละอย่างทำกำไรให้แบบ ‘รวยไม่รู้เรื่อง’ ทั้งนั้น และเรจินก็เป็นหนึ่งใน ‘ฝ่ายบัญชี’ ของเจ้าชายหนุ่ม

อย่างไรก็ดี เขาไม่ใช่คนที่จะเห็นเรื่องเงินทองสำคัญกว่าความทุกข์ของเพื่อน

“เจ้าไปเถอะ ข้าขี้เกียจ”

เพียงแต่ เรื่องง่ายๆ ที่ว่าบางทีคนเราก็ต้องการเวลาที่จะอยู่คนเดียว เขาก็เข้าใจอยู่เหมือนกัน






ฟีเรียสตั้งใจจะลงไปข้างล่างจริงๆ ดังนั้นจึงบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงลงเอยด้วยการมายืนอยู่ที่หน้าห้องบรรทมของเจ้าชายหกแห่งไมซีน

หลังจากชั่งใจอยู่นานมาก องครักษ์หนุ่มก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับ

ทันใดนั้นเอง ประตูก็เปิดออก

“อ้าว มายืนทำไมตรงนี้” นับเป็นความเลวร้ายประการหนึ่งที่ห้องของคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมอยู่ติดกับห้องของเจ้าชายหนุ่ม
“จะมาเข้าเฝ้าเจ้าชายหรือ”

 คนถูกถามยืนเงียบ อยากบอกว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่ใช่คนชอบโกหก

“คงยังไม่บรรทม น่าจะเคาะประตูได้ แต่ถึงบรรทมแล้วก็คงไม่กริ้วถ้ารู้ว่าเป็นเจ้า”

“ไม่เป็นไรครับ ข้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญ”

คุณชายหนุ่มมองคนรักของเจ้าชายหกอย่างพิจารณา “แต่หน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่กล้าเคาะหรือ มา ข้าเคาะให้”

ไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสปฏิเสธ คน ‘หวังดี’ ก็เคาะประตูห้องข้างๆ ให้เสร็จสรรพ

“ฝ่าบาท ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ฟีเรียสขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”

ความรู้สึกขององครักษ์หนุ่มตอนนี้ ถึงไม่ใช่ตกใจก็นับว่าใกล้เคียง แต่เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เจ้าชายรามิเรสทรงเปิดประตูออกมาเร็วมาก และเมื่อทอดพระเนตรเห็นหน้าเขา สีพระพักตร์ห่วงใยก็ทำเอาอารมณ์ที่อุตส่าห์สู้เก็บกักไว้แทบจะทะลัก

“กระหม่อมเปิดประตูออกมา เห็นเขายืนอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเคาะทูลเรียก จึงถือวิสาสะเคาะให้พระเจ้าค่ะ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ”

“ไม่เป็นไร ข้ายังไม่นอน” ตรัสบอกพระสหายแล้วจึงรับสั่งกับคนรัก “เข้ามาสิ”







“นั่งตรงไหนก็ได้”

ฟีเรียสรอให้เจ้าของห้องประทับบนเก้าอี้ตัวหนึ่งก่อน จึงได้นั่งลงฝั่งตรงข้าม

“อยากบอกอะไรกับข้าไหม”

องครักษ์หนุ่มมองพระพักตร์ แล้วก็คิดว่าเขาเข้ามาทำอะไรในนี้กันแน่ เหมือนเด็กที่ถูกแม่ดุ แล้วก็วิ่งโร่มาฟ้อง...ใครดี...พี่ชาย...อาจจะคล้ายๆ อย่างนั้น

ฟีเรียสยืนขึ้น ค้อมกายลงอย่างต่ำ กราบทูลเสียงเรียบ

“ไม่มีพระเจ้าค่ะ ขอประทานอภัยที่เข้ามารบกวนฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ แต่คุณชายมิทรอสเข้าใจผิด กระหม่อมไม่ได้จะเคาะประตู”

เจ้าชายหนุ่มไม่ได้รับสั่งอะไร เพียงทอดพระเนตรมองมานิ่งๆ คนเป็นองครักษ์ยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะค้อมศีรษะลงอีก แล้วหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง

ฉับพลันนั้น เขาถูกคว้าแขนจากด้านหลัง เมื่อหันกลับมา ก็ถูกดึงตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว

“ข้าเป็นคนรักของเจ้ารึเปล่า”

คำถามไม่หนัก ไม่เบา แต่เมื่อกดทับลงมา ก็ทำให้ความอดทนทั้งหมดที่มีพังทลาย ฟีเรียสน้ำตาไหล แต่เขาพยายามลืมตาเอาไว้กว้างๆ พยายามเก็บกักส่วนที่เหลือเอาไว้ ไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้ แต่กลับสะอื้นเสียแรง แบบนี้ อีกฝ่ายต้องรู้แน่

“เจ้าร้องได้” พระสุรเสียงเปี่ยมกระแสบางอย่างที่คนอยู่ในภาวะจิตใจอ่อนแอจะไม่สามารถทานทนได้ “ข้าไม่เก็บไปล้อเจ้าแน่”

มือที่กำลังจะผลักอีกฝ่ายออกกลายเป็นยึดฉลองพระองค์เอาไว้และกอดแนบแน่นราวกับจะขอที่พึ่ง ฟีเรียสยอม หลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้และสะอื้นเหมือนเด็กๆ

เจ้าชายหกทรงลูบไหล่ลูบหลังที่แข็งและกว้างพอๆ กับของพระองค์อย่างปลอบประโลม ทว่าไม่ได้รับสั่งอะไรเลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายร้องไห้จนพอใจ ปล่อยให้เขาผละออกจากอ้อมกอด และเช็ดน้ำตาออกจากหน้าด้วยตัวเอง

ตอนนี้องครักษ์ปากแข็งของพระองค์ตาแดง จมูกแดงราวกับกระต่าย ผิดแต่ผิวไม่ขาวก็เท่านั้น สายตาที่มองมามีแววกระดาก อับอาย

“กระหม่อมขอประทานอ...”

ริมฝีปากของฟีเรียสถูกแนบจูบก่อนที่เขาจะทันได้กราบทูลจนจบประโยค และไม่ใช่จูบเพียงแค่ผิวเผิน  แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ถึงกับสอดลิ้นเข้ามาก็ตาม องครักษ์หนุ่มชะงักในเบื้องแรก ก่อนจะเผยอริมฝีปากออก ปล่อยให้อีกฝ่ายทรงรุกราน และขยับปากตอบสนองในเวลาต่อมา เป็นการตอบรับอย่างเต็มใจและเต็มที่เป็นครั้งแรก เขาไม่รู้ตัวเลย ว่าทำให้เจ้าชายหกแห่งไมซีนพระทัยเต้นแรง อิ่มใจ และรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอีกมากแค่ไหน

เมื่อต่างฝ่ายต่างถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง เจ้าชายรามิเรสยังทรงประคองสองแก้มขององครักษ์ประจำพระองค์เอาไว้

“ถ้าพูดว่าขอโทษ ข้าจะลงโทษเจ้า”

ฟีเรียสกะพริบตา แล้วก็หน้าแดง จะลงพระอาญาแบบไหนไม่รู้ แต่สายพระเนตรมีเลศนัย ชวนให้คิดว่าคงไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก






ไม่ว่าจะเป็นเพราะได้เสียน้ำตาหรือว่าเสียจูบ แต่อารมณ์ของฟีเรียสก็สงบลงมากแล้ว เขายังคงยืนกรานว่าไม่อยากจะเล่า และเจ้าชายรามิเรสก็ทรงตามใจ แต่ไม่ทรงยอมให้เขากลับไปที่ห้องของตัวเอง

“นอนที่นี่แหละ ใกล้เช้าแล้วค่อยกลับ”

ฟีเรียสคิดว่า เป็นตายยังไงเขาก็ไม่ยอมนอนห้องเดียวกับเจ้าชายหกแน่ แต่เมื่อคิดถึงว่าถ้ากลับไปตอนนี้ โรดีอัสต้องซักถามแน่ เขาก็ทูลว่าจะขออยู่ที่นี่อีกสักครู่แล้วจะกลับ

“นอนพักที่เตียงก่อนก็ได้ ข้าจะลงไปข้างล่างสักเดี๋ยว”

องครักษ์หนุ่มมีสีหน้าสงสัย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้รับสั่งบอกว่าจะไปไหน เขาก็ไม่ได้ทูลถาม

ฟีเรียสไม่คิดจะใช้เตียง แต่เมื่อรอแล้วรอเล่า เจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมาเสียที เขาก็ตัดสินใจว่าจะเอนหลังลงบนเตียงสักครู่ เตียงนอนกว้างพอที่ผู้ชายสองคนสามารถนอนกางแขนกางขาได้ไม่ชนกัน กว้างขนาดนี้ทุกห้อง และนี่ก็คือ... อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขามีหนี้สินล้นพ้นตัว

แปลกดีที่ตอนนี้เรื่องหนี้สินไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเคร่งเครียดทุกครั้งที่นึกถึงอีกแล้ว ตรงข้าม คิดแล้วก็ออกจะระอาปนขำๆ เสียด้วยซ้ำ มันไม่เกี่ยวกับว่าเพราะเขากับเจ้าชายรามิเรสเป็นคนรักกัน แต่มันอาจเป็นเพราะ...ตอนนี้เขารู้สึกดีๆ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าชายพระองค์นั้น

ฟีเรียสนอนขวางเตียง ใช้แขนข้างหนึ่งรองศีรษะต่างหมอน นอนมองเพดานไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าถ้าได้ยินเสียงเปิดประตูเมื่อไรจะรีบลุกขึ้นทันที







   “ข้าอยากได้นมอุ่นๆ สักแก้ว”

โรดีอัสเป็นคนเปิดประตู แต่คนได้รับคำสั่งคือเรจิน ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เจ้าชายหกแห่งไมซีนมาเคาะประตูห้องแล้วตรัสสั่งเช่นนี้

“กระหม่อมจะไปนำมาถวายเองพระเจ้าค่ะ”

โรดีอัสทูลอาสา เพราะคิดว่าเขาเป็น ‘ผู้น้อย’ ที่สุด และเขาก็เป็นเพื่อนกับฟีเรียส เข้าออกครัวบ้านเพื่อนได้สะดวกใจอยู่แล้ว ทว่า

“ข้าลงไปดูในครัวแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มี”

เรจินประหลาดใจอีกระลอก ไม่คิดว่าเจ้านายจะทรงเปลี่ยนรสนิยมจากเหล้ามาเป็นนมได้เร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ดี เขามีหน้าที่จัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามพระทัยอยู่แล้ว

“กระหม่อมจะนำไปถวายที่ห้องบรรทมพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าจะลงไปพร้อมเจ้า”

เพราะนมแก้วเดียว ผู้ชายสามคนจึงมาอยู่ด้วยกันในครัว โรดีอัสเป็นคนยืนยันว่าไม่มีจริงๆ

“หาอะไรกันอยู่หรือเพคะ”

เฟย์เข้ามาในครัวเป็นคนถัดมา เมื่อรู้ว่าเจ้าชายหนุ่มมีพระประสงค์จะได้นมจึงทูลอาสา

“เดี๋ยวหม่อมฉันไปขอจากบ้านพี่วอลเซนส์มาถวายเพคะ” นอกจากม้าแล้ว ชายหนุ่มยังเริ่มเลี้ยงวัวด้วย ตอนนี้มีอยู่สี่ตัว

นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าชายรามิเรสจึงโปรดให้นางไม่ต้องไป เรจินเป็นคนจัดการสั่งให้องครักษ์ที่อยู่เวรนอกบ้านคืนนี้ไปขอมาจากฟาร์มม้าของวอลเซนส์

ว่าที่น้องเขยของฟีเรียสไม่มีนมอยู่ติดบ้านเลย ทว่าเมื่อรู้ว่าเป็นพระประสงค์ของเจ้าชายหก จึงออกไปรีดนมสดๆ มาให้ทันที

เมื่อองครักษ์นำนมหนึ่งเหยือกมาส่งให้เรจินแล้ว เฟย์ก็เป็นคนนำไปต้มเพื่อให้ได้นมอุ่นๆ

“ขอบใจ”

เจ้าชายรามิเรสทรงรับนมหนึ่งแก้วพร้อมจานรองจากหญิงสาวแล้วก็จะเสด็จขึ้นห้อง

“ไม่ทรงดื่มที่นี่เลยหรือเพคะ”

“ยังร้อนอยู่ ดื่มตอนอุ่นๆ บนห้องดีกว่า”







เจ้าชายหกทรงวางแก้วนมไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะค่อยๆ ประทับลงบนเตียง ระวังไม่ให้รบกวนคนนอนก่ายหน้าผาก พระองค์คงจะไปนานจริงๆ อีกฝ่ายถึงได้หลับ อยากจะจัดท่าทางให้นอนสบายกว่านี้อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าทำ ก็คงจะรู้สึกตัวตื่นแล้วหนีกลับห้องแน่ จึงเพียงแต่ทรงหาผ้ามาห่มประทานให้ และดับไฟดวงกลางเพื่อไม่ให้แสงแยงตาคนหลับ เปิดไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงข้างหนึ่งเท่านั้น ส่วนพระองค์เอง...ก็ประทับทอดพระเนตรคนหลับอยู่อย่างนั้น

ดึกแล้ว แต่ไม่ทรงรู้สึกง่วงเลยสักนิด

พิศดวงหน้าคมคายตลอดจนรูปร่างแข็งแรงสมชายของอีกฝ่ายแล้ว ก็พลันคิดขึ้นมาว่า คงจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงหลายคน เป็นธรรมดาที่ผู้เป็นมารดาจะคาดหวัง

แต่ถึงไม่มีพระองค์ ฟีเรียสก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว

ไม่เข้าใจอารมณ์ของผู้ชายที่ชอบแต่ผู้ชายเอาเสียเลยจริงๆ

ทว่าเมื่อคิดถึงพระองค์เอง ก็ถึงกับกระตุกแย้มพระสรวลออกมานิดหนึ่งอย่างขำๆ รับสั่งเบาๆ

“ข้าก็คงจะ...ได้แค่เจ้าคนเดียว”

รักครั้งแรกของพระองค์...เป็นผู้ชายที่อ่อนกว่าแปดปี

พระมารดาเคยรับสั่งว่า รักครั้งแรก มักจะไม่สมหวัง นางเองก็รักกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน แต่ครองคู่กันไม่ได้ เพราะพระบิดาของพระองค์ทรง ‘หมายตา’ นางเอาไว้ และผู้หญิงที่ถูกองค์ราชาหมายตาย่อมไม่มีใครกล้าแย่ง

...อยู่ด้วยกันนานเข้าก็เกิดความรักขึ้นมาเอง...

พระมารดาเคยรับสั่งว่าอย่างนั้น พระองค์จึงโล่งพระทัยที่อย่างน้อย ‘แม่’ ก็มีความสุข ส่วนเหตุผลที่ตัดสินพระทัยออกบวชเป็นชีก็คือ

...ยังรักอยู่ แต่ไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกันอีกแล้ว...

ถึงจะไม่ถ่องแท้นัก แต่ก็คิดว่าเข้าพระทัยความรู้สึกของพระมารดา ผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นเมียคนเดียวของสามี ‘เจ้าพ่อ’ เคยรับสั่งทัดทานอยู่สองครั้ง แล้วก็ยอมอนุญาต

ปล่อย...เพราะรัก หรือปล่อย...เพราะไม่รักแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่พระองค์เอง สำหรับผู้ชายที่นอนอยู่ตรงหน้านี่แล้ว ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายปล่อยมือจากพระองค์เอง พระองค์ก็จะไม่ทรงยอมปล่อยเขาก่อนแน่ ถึงจะเป็นรักแรก แต่ก็ไม่อยากจะผิดหวัง

คิดว่าถ้าเป็นคนนี้ จะสามารถอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตได้จริงๆ

ฟีเรียสจะคิดยังไงบ้าง เครียดเรื่องแม่ขนาดนี้...ยังมีเรื่องน้องสาว

ในสายพระเนตร มองว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก ทั้งเรเซียและเฟย์ดูจะรักฟีเรียสมาก ไม่ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปยังไง สุดท้ายแล้วก็คงไม่เห็นแก่อะไรอื่นมากไปกว่าความสุขของเจ้าตัว

อยู่ที่ว่าเขาจะมั่นคงมากพอรึเปล่า

ที่เคยสารภาพว่าชอบ...ชอบนั้นมากขนาดไหนกันนะ

บอกว่าพระองค์ทรงเป็นคนแรกที่เขาชอบอย่างจริงจัง แต่...ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเขา ก่อนที่จะเกิดเรื่องผิดพลาดในคืนนั้นขึ้น...ฟีเรียสเคยมีคนอื่นมาก่อนแล้ว

ไม่ได้รังเกียจอะไรเลย ก็แค่หึง

ต้องทำยังไงถึงจะขจัดความหึงหวงนี้ออกไปได้ ต้องใช้วิธีไหน ถึงจะมัดใจไว้ได้หนาแน่น เวลาที่รู้จักกันมานั้นไม่นานเลย ยังไม่ถึงปีเสียด้วยซ้ำ

แต่ใยรักในห้องบรรทมของพระองค์...บานเต็มต้นเสียแล้ว

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนทรงวางพระหัตถ์คร่อมตัวคนรัก แล้วโน้มพระองค์ลง ขบเม้มกลีบปากของคนนอนหลับไม่รู้เรื่องเบาๆ

องครักษ์หนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นทันที แถมฟาดมือมาโดนพระนลาฎของพระองค์อีกด้วย

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ!”

“ไม่เป็นไร” แค่เฉี่ยวๆ แต่ก็มือหนักไม่ใช่เล่น

ฟีเรียสขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มร่นจากอกลงสู่ตัก ไม่ต้องถามก็รู้ว่าใครห่มให้ กระแสความรู้สึกอุ่นๆ อวลอึงอยู่ในอก

“กระหม่อมหลับไปนานหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไม่นาน” รับสั่งตอบแล้วก็ทรงชี้ไปที่หัวเตียง “ตื่นแล้วก็ดื่มนมเสียสิ ข้าลงไปเอามาให้”

“กระหม่อม...”

“ไม่ใช่เด็กก็ดื่มได้”

อย่ามาดักคอแบบรู้ทันกันบ่อยๆ จะได้ไหม

“กระหม่อมแค่จะทูลว่า เป็นพระกรุณาพระเจ้าค่ะ”

ไถลไปข้างๆ คูๆ ได้แบบไม่กลัวเจ็บสีข้าง แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าน่ารักดีจึงไม่รับสั่งแย้งว่าอะไร

“คงจะเย็นไปหน่อย ข้าอุ่นไม่เป็น” นานขนาดนี้ น่าจะเย็นชืดไปแล้ว

“แค่เสด็จลงไปเอาจากข้างล่างมาให้ ก็เป็นพระกรุณามากแล้วพระเจ้าค่ะ” ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าชายควรทำให้องครักษ์เลย แต่ถ้าคิดถึงฐานะคนรัก ก็...ไม่ต้องรู้สึกเกรงใจมากไปก็ได้ องครักษ์หนุ่มดื่มจนหมดแล้วจึงวางแก้วลงที่เดิม

“อร่อยไหม”

“...พระเจ้าค่ะ” ก็รสชาติเหมือนนมสดทั่วไป

“ขอชิม”

จะชิมก็ไม่ชิมก่อน เขาดื่มไปหมดแล้วจะทรงชิม...

จะแก้ตัวว่าเจ้าชายหกทรงจู่โจมเร็วมาก เขาตั้งตัวไม่ทัน ก็รู้สึกละอายแก่ใจเกินไป จึงได้แต่ยอมรับโดยดีว่าเขาเองก็ให้ความร่วมมือ ยอมให้อีกฝ่ายทรงกวาดเอารสชาติหอมๆ มันๆ ติดจะหวานนิดๆ ที่หลงเหลืออยู่ในปากเขาไปแต่โดยดี เสียงชิมนมดังจ๊วบจ๊าบเบาๆ ในความเงียบ ส่วนเสียงหัวใจเต้นแรงอยู่ในอกเหมือนจะดังยิ่งกว่านั้น ฟีเรียสยอมยื่นลิ้นให้เจ้าชายหนุ่มทรงดูดอย่างว่าง่าย ดูดกลับเอาบ้างเหมือนกันราวกับจะแย่งนมคืน แต่โดยรวมแล้วก็อย่างที่เคยได้ยินมา คือให้รู้จักแบ่งปัน

กินกันสองคนย่อมอร่อยกว่ากินคนเดียว

อย่างไรก็ดี ขณะที่กำลังคิดว่าท่าจะ ‘เมานม’ อยู่เป็นแน่ องครักษ์หนุ่มก็ยังพอนึกได้รางๆ ว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาว่า
นอนกินไม่ดี

ตอนนี้หลังติดเตียงแล้ว แต่เจ้าชายหกก็ยังทรงกินสลับกับป้อนอย่างติดพัน เขาจะกราบทูลตอนไหนได้บ้าง

“อืม...”

เสียงครางประหลาดๆ ในคอเริ่มหลุดออกมา เจ้าชายรามิเรสทรงถอนพระโอษฐ์ออก เปิดโอกาสให้คนเบื้องล่างได้หายใจ ส่วนพระองค์เองยังไม่ทรงพัก แต่ขบๆ ดึงๆ อยู่แถวริมฝีปากขององครักษ์หนุ่มอยู่อีกสักพัก ก่อนสายตาสองคู่จะสบกันอยู่ชั่วอึดใจ
เขินนิดๆ...แต่ก็รู้สึกว่าเป็นธรรมชาติ

ทว่ากลับลงท้ายด้วยการที่คนอยู่บนทรงจูบปากคนรักเบาๆ ครั้งหนึ่งเป็นการส่งท้าย แล้วผละออกมา

ฟีเรียสขยับตัวจะลุกขึ้น ทว่าเจ้าชายหนุ่มรับสั่งเสียก่อน

“นอนคุยกันเถอะ”

แล้วพระองค์ก็ทรงเอนองค์ลงข้างๆ

องครักษ์หนุ่มพยายามปัดความรู้สึกวูบโหวงในอกทิ้งไป อีกฝ่ายไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนเขา จะหมดอารมณ์กลางคันก็ไม่แปลก แค่จูบก็ดีถมไปแล้ว ถึงเขาจะอารมณ์ขึ้นมาเยอะแล้วก็เถอะ

“กลับไป ถ้ามีเวลา เราไปกินอาหารที่ร้านพรีเชียสกันดีไหม คิดถึงแม่หนูนั่น” คิดเรื่องไกลๆ เข้าไว้ ให้ออกห่างจากเรื่องบนเตียง ไม่อย่างนั้นคงได้ทำให้ฟีเรียสเครียดเพิ่มขึ้นอีกแน่

ยิ่งเครียดเรื่องแม่อยู่ แค่ยอมอยู่ในห้องกับพระองค์แบบนี้ก็เหนือความคาดหมายแล้ว ถ้าทำตามพระทัยพระองค์เองมากกว่านี้ ฟีเรียสคงเครียดตาย

ถึงจะอิจฉาผู้ชายที่ได้เป็น ‘คนแรก’ ของอีกฝ่าย แต่ก็อยากจะให้ ‘ครั้งแรก’ ของพระองค์กับเขาดำเนินไปด้วยดี เป็นความทรงจำที่ดีอีกอย่างหนึ่งระหว่างกัน...ทดแทนความทรงจำอันเลวร้ายในคืนนั้น คืนที่พระองค์ทรงจำไม่ค่อยได้

“...พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าผู้หญิงคนนั้นจะเลิกชอบเจ้าแล้วรึยัง ข้าให้ค่าจ้างแม่หนูนั่นเพิ่ม แล้วให้ช่วยบอกว่าเจ้าเป็นผู้ชายไม่ดี ไม่คู่ควรกับนาง ดีรึเปล่า” คนตรัสถามทรงเอียงพระพักตร์มามอง

ฟีเรียสมองพระพักตร์ยิ้มๆ ของอีกฝ่าย แล้วก็พยายามตัดความกังวลทิ้งไป เขายิ้มบางๆ ตอบ

“ฝ่าบาททรงหึงกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวลเบาๆ

“ไม่หึง...ก็คงจะแปลก”

ฟีเรียสยิ้มไม่ออกแล้ว เขาจะจำไว้ ว่านี่เป็นคำถามฆ่าตัวตาย สิ่งที่เพิ่งตระหนักเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างก็คือ เขากำลังปล่อยตัวตามสบายกับ ‘เจ้าชาย’ และพระองค์ก็ทรงทำตัวตามสบายกับเขามากกว่าที่ผ่านๆ มา

นอนอยู่ข้างกัน หน้าอยู่ใกล้กัน

และอารมณ์ที่เขาพยายามจะกดเอาไว้ก็กำลังจะลุกขึ้นมาอีกรอบ ทว่าก่อนที่เขาจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อีกฝ่ายก็ทรงชูฝ่าพระหัตถ์ข้างขวาขึ้นมาเสียก่อน ฟีเรียสมองพระพักตร์อย่างสงสัย เจ้าชายหนุ่มไม่รับสั่งอะไร เพียงแค่ชูเอาไว้อย่างนั้น

ผ่านไปสักพัก องครักษ์หนุ่มก็ค่อยๆ ยกมือซ้ายของตัวเองไปทาบ

เจ้าชายรามิเรสทรงจับมือของเขาเอาไว้ แล้วดึงลงมาบนเตียง

ฟีเรียสหันไปมองพระพักตร์ ทว่าอีกฝ่ายทรงหันกลับไปมองเพดานดังเดิมแล้ว มองจากด้านข้าง ยังเห็นมุมพระโอษฐ์ยกขึ้นนิดๆ
องครักษ์หนุ่มหันกลับไปมองเพดานบ้าง เขาหลับตาลง พลางนึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ

เขานิสัยไม่ดี เขาเป็นผู้ชายที่แย่มาก เจ้าชายหกคงไม่ได้ทรงคิดอะไรเลย นอกจากอยากจะให้กำลังใจเขา แต่เขากลับยิ่ง...อยาก มากขึ้นเรื่อยๆ มือข้างที่ว่างก็ชักจะไม่ค่อยอยู่สุข ขยับจะเลื่อนไปกลางลำตัวอยู่เรื่อย

ฟีเรียสคิด คิด คิด พยายามหาเรื่องหดหู่มาดับไฟอารมณ์ของตัวเอง

“แม่ถามกระหม่อมพระเจ้าค่ะ ว่ากระหม่อมมีคนรักหรือยัง”

เจ้าชายหกทรงหันไปมองหน้าคนพูด แต่องครักษ์หนุ่มไม่ได้หันมามองตอบ แถมยังช่างเว้นวรรคนานได้ถูกจังหวะเสียอีก ทำให้พระองค์ต้องทรง ‘ลุ้น’ อยู่นาน

“กระหม่อมตอบไปว่า มีแล้วพระเจ้าค่ะ” คนฟังโล่งพระทัยได้ไม่นานก็ต้องชะงักอีก “นางถามอีกว่าคนรักของกระหม่อมเป็นผู้หญิงใช่ไหม...กระหม่อมตอบว่าใช่”

ทอดพระเนตรสีหน้าด้านข้างของคนพูดอยู่ครู่ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงหันกลับไปทอดพระเนตรเพดานดังเดิม

“กระหม่อมขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมไม่พร้อมจะเห็นแม่เสียใจ นางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นางพูดถึงความหวัง ว่าอยากจะให้กระหม่อมแต่งงานกับผู้หญิง อยากเห็นกระหม่อมมีลูก กระหม่อมรู้ว่าทำผิดต่อฝ่าบาท แต่กระหม่อมยังไม่กล้าบอกแม่ ถึงแม้ว่านางพูดเหมือนจะรู้ว่ากระหม่อมกับฝ่าบาท...เป็นมากกว่าเจ้านายกับผู้ใต้บังคับบัญชา” ฟีเรียสเว้นวรรค “กระหม่อมไม่อยากเลือก แต่กระหม่อมก็รู้ว่าจะต้องเลือก กระหม่อมเคยคิดว่า แค่ทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ให้แม่สงสัยก็พอ แล้วก็อยู่ไปอย่างนี้เรื่อยๆ จนอายุสามสิบสี่สิบก็ไม่ต้องแต่งงาน” องครักษ์หนุ่มหยุดไปนิดหนึ่ง แล้วก็สรุป “แต่กระหม่อมไม่อยากปิดบังนางพระเจ้าค่ะ นางเป็นแม่ เป็นคนในครอบครัว” 

เจ้าชายรามิเรสทรงกระชับพระหัตถ์ บีบมือของคนอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้

“ไม่เป็นไร” พระสุรเสียงทุ้มเบา ปลอบประโลม “ถ้าถึงเวลาที่ต้องเลือก เจ้าจะเลือกแม่ของเจ้าก็ได้ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเสียใจ และไม่ต้องรู้สึกผิด” เลือกคนที่เขารักมากที่สุดเถิด ส่วนวิธีการที่จะทำให้ได้เขามาอีกครั้ง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระองค์เอง
ฟีเรียสหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตารินลงมาเงียบๆ

เจ้าชายหกบรรทมตะแคง ใช้พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งปาดน้ำตาออกให้

องครักษ์หนุ่มลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว จับข้อพระหัตถ์ไว้ แล้วพลิกตัวขึ้นทาบทับอีกฝ่าย เขามองพระพักตร์ของคนที่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างแต่โดยดีอยู่ชั่วอึดใจ แล้วก้มลงใช้ปากครอบครองพระโอษฐ์ บดเบียดและดูดดึงเอาอย่างตะกรุมตะกราม ขบ กัด เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นเข้ากับพระชิวหา

จูบครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเต็มอารมณ์

กว่าจะถอนริมฝีปากออกมา ลมหายใจก็ร้อนผ่าวและถี่กระชั้น

มือของเขาอยู่บนพระวรกายของพระองค์ ส่วนพระหัตถ์ของพระองค์ ก็อยู่ตรงหลังและเอวของเขา

ส่วนกลางลำตัว แข็งขันขึ้นมาเบียดกันจนรู้สึกได้

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงไล้พระองคุลีลงบนริมฝีปากขององครักษ์ประจำพระองค์เบาๆ

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการ เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าเสียใจหลังจากมันผ่านไปแล้ว อยากให้ครั้งแรกของเราเป็นเวลาที่เจ้าสบายใจกว่านี้”

“...”

“ตกลงไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า







ไม่มีความกังวลสงสัยตกค้างอยู่ในหัวใจของเขาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 22-11-2014 20:46:30
เชื่อว่าแม่และน้องสาวต้องเข้าใจและรักฟีเรียสมาก ยังไงก็คงยอมให้ฟีเรียสมีความสุข ยังไงก็แค่อยากให้ฟีเรียสลองทำให้แม่เชื่อมั่นก่อน

อ่านตอนนี้แล้วเขินหนัก ฉากหวานๆปนเรทที่หายาก :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 22-11-2014 21:05:42
 :-[....ไร้ซึ่คำบรรยาย รู้แต่ว่ามันช่างเป็นบรรยากาศที่มุ้งมิ้งปนเศร้านิดหน่อย แต่ก็พอเข้าใจนะว่าสมัยก่อนเรื่องพวกนี้มันมีแต่ไม่ค่อยมีคนเปิดเผยกัน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-11-2014 21:10:11
โอ๊ยๆๆ เขินแทน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-11-2014 21:15:23
หวานแบบอึมครึมแท้ๆเลย รอการแสดงความรัต่อกันอย่างลึกซึ้งของทั้งสอง  :o8:

ปกติไม่ได้หื่นนะ  :hao3:(จริงๆ) แต่สองคนนี้ผ่านเส้นทางอันยาวไกลกว่าจะเข้าใจกัน แหม่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: สวยโฉดผู้เลอโฉม ที่ 22-11-2014 21:33:27
ละมุนจังงงงง รักเจ้าชายยย
ขอให้สมหวังกันด้วยดีเถอะนะ
ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 22-11-2014 21:39:23
 :-[  เขิน ละลายแป๊ปปปปปป  :L1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2014 21:53:43
กว่าจะผ่านแต่ละวันแต่ละคืนช่างทรมานเหลือเกิน จะหวานก็หวานไม่สุด ปนขมอยู่อย่างนี้ถึงเมื่อไร
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 22-11-2014 22:13:05
หวานอมขมจริงๆ อึมครึมเบาๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-11-2014 22:43:07
เป็นคู่ที่ละเมียดมากกกกกกกกกก
ให้เวลาค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างชัดเจน รักอ่ะเนอะ แต่คู่นี้ทำให้รู้สึกว่าอะไรที่ก่อร่างฐานมั่นคงนี่มันกิ๊วก๊าวมาก -///-
อ่านแล้วแบบอยากจิกหมอนให้ขาดเวลาหวานใส่กัน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 22-11-2014 23:01:46
อุปสรรคมีไว้พิสูจน์รักแท้จริงๆ
ถึงจะมีความทุกข์ แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆนะ
สู้ต่อไปค่ะ แฟนคลับเป็นกำลังใจให้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 22-11-2014 23:34:24
มันอิ่มมากทั้งที่ควรจะดราม่า สองคนนี้ควรคู่แก่การใช้คำว่าคนรักจริง ๆ คืออยู่ข้างกัน มีอุปสรรคก็เป็นกำลังใจให้กันผ่านไปด้วยกัน โฮ้ยยยย คือไม่ต้องเยอะแต่มัน แอร๊ยยย ฟินนนนนนน  :heaven   
ให้เวลาเรเซียทำใจ เพราะองค์ชายหกถึงจะยอมแต่ไม่ปล่อยมือแน่ เห็นดูฉลาดนี่ฉลาดกว่าที่คิดอีกนะคะ น้ำนิ่งไหลลึกมากองค์ชาย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-11-2014 23:42:41
เจ้าชายคือน่ารักชอบตรงบอกว่าเลือกแม่ก็เลือกเถิด เดี๋ยวจะหาวิธีให้ได้กลับมาเอง ถถถถถ มิมีย่อท้อค่ะเจ้าชายฉัน น่ารักมาก
ฟีเรียสเครียดไปหมด คือปกติก็เป็นคนเครียดง่าย ยิ่งเรื่องคนในครอบครัวแบบนี้เรื่องใหญ่เลย
ว่าแล้วคนอื่นต้องรู้ ก็เจ้าชายทรงพระเปิดเผยมากกกก 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-11-2014 23:47:41
อยากอ่านอีกก ค้างงงที่สุดดด

ปล.รวมเรื่องสั้นลมไปแล้วเหรอ แงงง อยากอ่านขอโทษ..ที่รัก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-11-2014 00:08:59
อย่ามาม่าจิ ไม่เอาๆเพคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 23-11-2014 00:21:03
ทั้งที่ควรจะดราม่า แต่มันเขิน มันอบอุ่น มันละมุน อรั้ยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 23-11-2014 02:53:11
เค้าเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ ฟีเรียส ขืนเจ้าจะเลือกแม่ แต่ข้าก็เสียดายผู้ชายดีๆแบบเจ้าชายไปอยู่ดี หวังว่าแม่และน้องจะรับได้ จะได้รักกันสักที ความรักแบบหวานปนขมสินะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 23-11-2014 06:58:20
อึมครึมกันจริ๊งงง  :m31:
ถ้าเราเป็นแม่จะบอกลูกว่า "จะรักใครก็ได้ ตราบใดที่ใครคนนั้นคือคนที่เจ้ารัก"

 :ruready เลี่ยนตัวเองแป๊บนะคะ  :a5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 23-11-2014 09:09:08
อยากให้ 'รักแรก' ครั้งนี้เป็นรักที่สมหวัง จริงจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-11-2014 13:40:58
จะเป็นยังไงต่อค้า :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-11-2014 13:42:31
ชอบเจ้าชายมากกกกกกกกกกกก  ถ้าฟีเรียสจะเลือกแม่ก็เลือกไป
แต่เจ้าชายจะหาทางมาเอาฟีเรียสกลับไปในที่สุด ... มันต้องยังงี้สิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-11-2014 15:28:07
ฟีเรียสมั่นคงหน่อย... เจ้าชายเป็นแบคที่ดีนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-11-2014 16:59:24
อุต๊ะ มาต่อแล้ว ดีใจจัง เราเลยได้อ่านรวดเดียว
พักนีัทำงานหนักขาด วิต่มินวาย ขอบคุณมากคะ สำหรับเรื่องนีั
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 23-11-2014 18:49:54
อ๊ากกกกกกกก >     <'
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 23-11-2014 19:59:08
ไม่ข้องใจ ไม่คาใจซักนิดเลยค่ะ
ยิ่งยากยิ่งต้องพยายามนะจ้ะทั้งคู่ สู้ๆ!!
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: AKAMEBIKEI ที่ 24-11-2014 09:43:40
ฟินแบบหน่วงๆ แต่ก็ยังฟิน
เมื่อไหร่จะเปิดเผยกับทุกคนได้สักที
อยากฟินให้สุด แบบนี้ฟินก็จริงแต่ก็แอบกังวง แงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 29 (22 พ.ย. 57) หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-11-2014 00:09:49
มันหวานปนเศร้าไงก็ไม่รู้ค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 25-11-2014 18:44:57
บทที่ ๓๐


   เรเซียไม่สบายใจเลย ลูกชายของนางดูไม่มีความสุข ถึงแม้ว่าจะพยายามทำตัวเป็นปกติ แต่นางเป็นแม่ ย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ฟีเรียสระมัดระวังตัว เขาขมวดคิ้วอย่างกังวลเมื่อเจ้าชายหกทรงตักอาหารประทานให้ และเมื่อเขามองพระพักตร์อย่างร้องขออยู่ในที เจ้าชายรามิเรสก็ไม่ได้ทรงทำอีก

พรุ่งนี้เจ้าชายหกจะเสด็จกลับเมืองหลวงแล้ว แต่วันนี้พระองค์กลับอยู่บ้านกับมารดาและน้องสาวของฟีเรียส ปล่อยให้คนอื่นๆ ไปตกปลาที่ทะเลสาบกันตามสบาย

ฟีเรียสกังวลใจอยู่บ้าง ไม่แน่ใจว่าเจ้าชายหกจะทรงเปิดเผยอะไรกับแม่และน้องสาวของเขาบ้างหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเชื่อใจ เชื่อมั่นในการตัดสินพระทัยของพระองค์

“เมื่อคืนนี้เจ้าได้กินนมรึเปล่า”

โรดีอัสถามเพื่อนรักแทบจะทันทีที่ออกจากบ้าน

“...ถามทำไม” เป็นธรรมดาของฟีเรียสอยู่แล้วที่จะระแวงสงสัย ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีชนักติดหลังอยู่หรือไม่

“ถามไปงั้น เห็นว่าเจ้าชอบกินนม”

“...กิน” ตอบไปแบบนี้คงไม่เสียหายอะไร

“ข้าว่าแล้ว”

พูดแล้วก็หันไปมองเรจิน ฝ่ายนั้นมองตอบแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองลูกน้องที่มีฐานะเป็นคนรักของเจ้าชายอีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถูกหัวหน้าหน่วยของตัวเองมอง ถึงจะเป็นการมองธรรมดาๆ ฟีเรียสก็สงสัย

“มีอะไรหรือครับ”

“...เปล่า” ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ว่านมแก้วเดียวที่เขาดื่มเมื่อคืนนั้นมีที่มายังไง

“พวกเจ้าคุยอะไรกัน”

คุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหมอยากมีส่วนเกี่ยวข้อง ทว่าเรจินไม่ตอบ ฟีเรียสไม่รู้เรื่อง จึงเหลือแต่โรดีอัสคนเดียวที่ตอบให้ว่า

“ไม่มีอะไรครับ” ตอบเหมือนไม่ได้ตอบ

อย่างไรก็ดี มิทรอสไม่ได้ติดใจอะไร เขามีประเด็นเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

“ฟีเรียส”

“ครับ”

“เจ้ามองพระพักตร์เจ้าชายหก แล้วเห็นอะไรผิดปกติบ้างไหม”

องครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า นึกอยู่สองสามอึดใจ

“ไม่เห็นครับ” หรือว่าจะประชวรที่ตรงไหน ไม่น่าจะใช่ เพราะกว่าเขาจะออกมาจากห้องบรรทมก็เกือบจะเช้าแล้ว พระองค์ก็ดูปกติดี ส่วนเขาก็โชคดีที่พอกลับเข้าห้อง ทั้งคุณเรจินและโรดีอัสต่างก็หลับอยู่

“ข้าว่าพระโอษฐ์ดูบวมๆ นะ เหมือนถูกอะไรกัด...เจ้าว่าไหม”

ฟีเรียสชะงักทันที เขาพลาด...คนที่เขาควรระวังไม่ใช่โรดีอัสหรือคุณเรจิน แต่เป็นคุณชายมิทรอส

...คุณชายร้ายกาจ...







วันนี้เฟย์จะทำขนม เรเซียเป็นคนสอน ส่วนเจ้าชายรามิเรสทรงอาสาเป็นลูกมือ มารดาของฟีเรียสคาดเดาอยู่ในใจว่าเจ้าชายหกอาจจะทรงหาโอกาสรับสั่งอะไรบางอย่างกับนาง ทว่าพระองค์กลับไม่ได้รับสั่งถึงเรื่องที่นางกลัวเลย แทบไม่ได้รับสั่งถึงลูกชายของนางเสียด้วยซ้ำ มีแค่ครั้งเดียวคือตอนที่พระองค์ทรงบีบครีม ‘เบาๆ’ แล้วครีมทะลักออกมาแทบจะหมดหลอด ทำกี่ครั้งๆ ก็เหลวตลอด เฟย์มองพระพักตร์ด้วยสีหน้าแหยๆ เพราะทูลให้กำลังใจมาหลายครั้งแล้วก็ไม่ดีขึ้น เจ้าชายหนุ่มจึงทรงพระสรวล

“เจ้าทำหน้าคล้ายๆ ฟีเรียส รายนั้นก็ชอบคิดว่าข้ามาช่วยแล้วมีแต่จะทำให้ยุ่งทุกที”

ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า น้ำเสียง หรือกระทั่งแววตา ก็ล้วนบ่งบอกว่าคนที่ถูกพูดถึงนั้นเป็นที่เอ็นดู

ตกบ่าย มีคนมาร่วมชิมขนมด้วยอีกสองคน คือวอลเซนส์และแอนจิเทีย

สองสาวเข้าไปทำขนมเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง รวมกับขนมที่แอนจิเทียนำมาฝากด้วยก็เป็นสามอย่าง

เรเซียไม่ได้อยากจะเสียมารยาท แต่รู้ตัวทีไร สายตาของนางก็เอาแต่จับจ้อง สังเกตปฏิกิริยาระหว่างนายเหนือหัวของลูกชาย กับหญิงสาวที่นางเคยคิดว่าอาจจะได้มาเป็นลูกสะใภ้อยู่เสมอ

แอนจิเทียดูจะไม่ได้ระแวงอะไร ขณะที่เจ้าชายหก...ก็ปกติเช่นกัน

มารดาของฟีเรียสคิดว่า หากฟีเรียสกับแอนจิเทียเป็นคนรักกันอยู่ นางคงกลัวแทนลูกชายว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจไปหลงเสน่ห์เจ้าชายหนุ่มแทน

สิ่งที่เจ้าชายรามิเรสทรงปฏิบัติต่อแอนจิเทีย คือทุกสิ่งที่ ‘สุภาพบุรุษ’ พึงกระทำต่อผู้หญิง

หรือว่านางจะวิตกกังวลไปเองจริงๆ

“ถ้าพี่วอลเซนส์แต่งงานกับเฟย์แล้ว ป้าเรเซียจะย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่วอลเซนส์ด้วยรึเปล่าคะ” หญิงสาวผู้มาเป็นแขกเอ่ยถามในจังหวะหนึ่งของบทสนทนา

“ก็คงจะไปๆ มาๆ น่ะจ้ะ”

“แต่เราอยากให้น้าไปอยู่ด้วยกันเลยนะครับ” เจ้าของฟาร์มม้าหนุ่มแย้งทันที และคนรักของเขาก็สนับสนุน

“ใช่จ้ะแม่”

เรเซียไม่อยากจะขัดใจลูกสาว แต่เมื่อมองพระพักตร์ของเจ้าชายหกแล้ว ประโยคหนึ่งก็หลุดออกมา

“ถ้าฟีเรียสแต่งงาน แม่คงต้องอยู่เป็นเพื่อนเมียของเขา”

“ฟีเรียสจะแต่งงานหรือครับ” วอลเซนส์ประหลาดใจ

“เอ่อ...ยังหรอกจ้ะ น้าเพียงแต่พูดเผื่อไว้ ว่าคงจะย้ายไปอยู่ด้วยเลยไม่ได้ วันหนึ่งถ้าฟีเรียสคิดจะแต่งการแต่งงาน เมียของเขาก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่กับเขาที่นี่ แต่เขาเป็นองครักษ์ คงไม่ได้กลับมาอยู่กับนางบ่อยๆ”

“แต่ถ้าเป็นลูกเขยร้านขายขนมปัง พี่ฟีเรียสอาจจะต้องย้ายไปอยู่บ้านพ่อตาแทนนะคะแม่ เพราะว่าเจ้าของร้านมีลูกสาวคนเดียว”

เฟย์พูดยิ้มๆ หมายจะสัพยอกว่าที่พี่สะใภ้ และก็ได้ผลดีมีเมื่อแอนจิเทียอายจนหน้าแดง พูดอุบอิบเป็นเชิงต่อว่าอย่างไม่จริงจังนักสองสามคำ วอลเซนส์ไม่ได้ผสมโรงด้วย เพราะถึงเขาจะเคยแซวเพื่อนด้วยเรื่องนี้ แต่ใจก็รู้ดีว่าฟีเรียสไม่ได้คิดเกินเลยกับแอนจิเทีย

เรเซียมองหญิงสาวผู้น่ารักในสายตานางเสมอยิ้มๆ แล้วก็ลอบสังเกตสีพระพักตร์ของเจ้าชายหกด้วย ครั้นเห็นว่าพระองค์ทอดพระเนตรนางอยู่ก่อนแล้วก็สะดุ้งใจนิดหนึ่ง แต่ก็คลายกังวลอย่างรวดเร็วเมื่อพระองค์แย้มพระสรวลนิดๆ ประทานให้ราวกับรู้สึกเอ็นดูแอนจิเทียด้วยเช่นกัน และเพราะไม่ได้เห็นสิ่งที่คิดว่าอาจจะได้เห็น เรเซียจึงเสริมว่า

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าเสียดาย เพราะว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีคนอยู่ ทั้งๆ ที่เจ้าชายอุตส่าห์มีเมตตา ให้ฟีเรียสยืมเงินตั้งมากเพื่อมาสร้างบ้านนะจ๊ะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น” ประโยคขึ้นต้นเหมือนกันไม่มีผิด แถมยังรับสั่งด้วยสีพระพักตร์ที่ไม่จางรอยแย้มพระสรวลเลยแม้แต่น้อย “ข้าก็ยินดีจะยกหนี้ทั้งหมดให้ แล้วใช้ที่นี่เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งครับ”

มารดาของฟีเรียสรู้สึกตัวทันทีว่านางพลั้งปาก พูดในสิ่งที่ไม่สมควรออกไปเสียแล้ว

ถ้าเจ้าชายหกเกิดกริ้วขึ้นมา และจะทรงยึดบ้านเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่นาง แต่ทั้งฟีเรียสและเฟย์จะต้องลำบากกันทั้งหมด เฟย์ยังไม่ได้แต่งงานกับวอลเซนส์ในวันสองวันนี้ และฟีเรียสก็เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายหนุ่ม ชีวิตและความเจริญก้าวหน้าในการงานล้วนขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระองค์

เจ้าชายรามิเรสยังแย้มพระสรวลนิดๆ อยู่ ทว่าเรเซียตระหนักเสียแล้ว ว่าคนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกกลัวได้ทั้งๆ ที่กำลังยิ้มนั้นเป็นยังไง
เพราะว่าเป็นเจ้าชายที่ดู ‘ใจดี’ มาตลอด นางจึงลืมไปว่าอำนาจของ ‘เจ้าชาย’ นั้นมีอะไรบ้าง

เฟย์เองก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี

“แม่เพียงแค่สมมติน่ะเพคะ ยังไงหม่อมฉันก็ไม่ถวายคืนหรอกเพคะ เพราะว่าหม่อมฉันรักบ้านหลังนี้มาก ฝันอยากจะมีบ้านแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พี่ฟีเรียสก็ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะสวนหน้าบ้าน สองสามเดือนก่อนยังเอาต้นไม้มาปลูกเพิ่มด้วยตัวเองเลยเพคะ กำชับให้หม่อมฉันอย่าลืมรดน้ำ ตอนนี้กำลังออกดอกสวยเลยเพคะ” ไม่รู้เป็นไร เพียงแต่รู้สึกขึ้นมาเอง ว่าถ้าพูดถึงพี่ชาย เจ้าชายหกคงจะพระอารมณ์ดี

“...ชื่อต้นใยรัก”

สถานการณ์คลี่คลายแล้ว

เจ้าชายหนุ่มไม่ได้มีพระประสงค์จะทรงข่มขู่มารดาของคนรัก เพียงแต่รับสั่งไปตามจริง

พระองค์ไม่ได้แสร้งทำเป็นพระทัยเย็น ไม่รับรู้ว่านางกำลังพยายามทำอะไร แต่พูดตามความสัตย์จริงก็คือ พระองค์ทรงสงสารนาง
พยายามไปเถิด ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ พระองค์ไม่ได้ทรงว่าอะไรเลย กับลูกสาวเจ้าของร้านขายขนมปังซึ่งไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย และยังคงมีความใฝ่ฝันอันแสนหวานอยู่ พระองค์ก็ทรงเอ็นดูนางจริงๆ

ทุกคนควรจะมีความหวังและความฝัน วันเวลาสำหรับความเป็นจริงไม่ควรจะมาถึงเร็วนัก

อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ายังไงฟีเรียสก็ต้องเป็นของพระองค์แน่นอน

เรเซียน่าจะรักลูกมากพอที่จะไม่ทำร้ายลูก หากว่าฟีเรียสยืนกรานหนักแน่นมั่นคงพอ นางก็คงไม่ใจแข็งพอที่จะฝืนใจ และนั่นทำให้นางกลัว จึงต้องมาพยายามกับพระองค์แทน

ส่วนคนที่กราบทูลพระองค์มาสองครั้งแล้วว่า ‘เลือกแม่’    พระองค์ก็ทรงเชื่อเช่นกัน ว่าเขาจะตัดใจปล่อยมือจากพระองค์ไม่ได้ ไม่ใช่เหตุผลเรื่องความรัก แต่เป็นนิสัยที่ฝังรากลึกของเจ้าตัว

ฟีเรียสแพ้คนใจดี ยิ่งใจดีกับเขามาก เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำให้เจ็บปวด

และพระองค์ก็รับสั่งบอกเขาอย่าง ‘ใจดี’ ไปสองครั้งแล้วเช่นกันว่า...เลือกแม่ของเจ้าก็ได้






“กลับกันมาแล้วเพคะ” เฟย์ร้องทูลอย่างดีใจ เมื่อเห็น ‘คณะตกปลา’ ขี่ม้าเข้ามาในบ้าน

“ได้มาเยอะไหม” วอลเซนส์ถามเพื่อน

ฟีเรียสยื่นถังใส่ปลาไปให้ดู

“ตัวใหญ่ๆ สักยี่สิบน่าจะได้ ตัวเล็กๆ อีกเพียบ” โรดีอัสว่าพลางยื่นถังของตัวเองให้เพื่อนใหม่ดูด้วย

“เจ้าลงทุนไปจับในทะเลสาบเองเลยหรือ” เจ้าชายรามิเรสตรัสถามพระสหายที่เปียกไปทั้งตัว

“ตัวมันใหญ่มากจนกระหม่อมเกือบจะดึงขึ้นมาไม่ไหวต่างหากพระเจ้าค่ะ ก็เลยพลาดไปหน่อย นี่ไงพระเจ้าค่ะ ตัวใหญ่สุดนี่ของกระหม่อม”

“แล้วก็ได้แค่ตัวเดียวนั่นแหละ” โรดีอัสแฉ ทำเอาถูกคุณชายหนุ่มเขม่นเข้าหน่อยๆ แบบมองก็รู้ว่าแกล้งทำ ไม่ได้จริงจังอะไร
มิทรอสกับเรจินอาสาเอาปลาไปไว้ในครัว และขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสียเลย ส่วนฟีเรียสกับโรดีอัสนั่งสนทนากับคนอื่นๆ

“เจ้าตกได้กี่ตัว” เจ้าชายหนุ่มตรัสถามคนรัก ฟีเรียสขยับปาก ทว่าวอลเซนส์ชิงหัวเราะและกราบทูลเสียก่อน

“องครักษ์ของฝ่าบาทคนนี้ใจบุญพระเจ้าค่ะ รักษาศีลเคร่งครัด ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”

คนเพิ่งทรงทราบดูจะประหลาดพระทัย โรดีอัสจึงทูลเสริม

“กระหม่อมก็เพิ่งทราบพระเจ้าค่ะ ไปด้วยกัน แต่ไม่ช่วยตกเลยสักตัว”

“กระหม่อมว่าอีกหน่อยมันคงไปบวชเป็นนักบวชในวิหารพระเจ้าค่ะ” วอลเซนส์เสริม

“จริงหรือ”

ฟีเรียสมองพระพักตร์แล้วก็ระอา ทรงทราบอยู่ว่าเพื่อนของเขาล้อเล่น ก็ยังจะมาตรัสถามเขาอย่างนี้อีก

“พระเจ้าค่ะ” ทูลตอบหน้าตาย

“ถามข้ารึยัง”

“...”

“ว่าข้าอนุญาตไหม”

พระมารดาของพระองค์...ถ้าพระบิดาของพระองค์ไม่อนุญาต ก็ออกบวชไม่ได้

“...”

“กว่าจะบวชก็คงจะแก่ๆ ไม่ได้เป็นองครักษ์ของฝ่าบาทแล้วนั่นแหละพระเจ้าค่ะ” วอลเซนส์ว่า

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล “งั้นข้ากลับไปเปลี่ยนกฎ ให้องครักษ์ปลดเกษียณได้ตอนอายุสักร้อยปี คงจะดี”

คนไม่รู้เรื่องอะไรอย่างวอลเซนส์หัวเราะเสียงดัง

“ถึงจะฝีมือดียังไง ถ้าอายุถึงร้อยปีก็คงยกดาบไม่ขึ้นแล้วพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกไม่รับสั่งว่าอะไร เรเซียจึงใช้จังหวะนี้บอกลูกชายและเพื่อนของลูกชาย

“กินขนมกันก่อนสิจ๊ะ น้องกับแอนจิเทียอุตส่าห์ทำไว้รอ”

โรดีอัสหยิบชิ้นที่เขาเคยกินจากร้านของแอนจิเทียแล้วรู้สึกชอบ ส่วนฟีเรียสกวาดตามองขนมสามสี่จานบนโต๊ะแล้วก็หยิบชิ้นที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดขึ้นมากินหน้าตาเฉย

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลละมุน ขณะเรเซียมีแววกังวลจับดวงหน้า
 






“พี่จะกลับบ้านอีกเมื่อไรจ๊ะ”

เฟย์เอ่ยถามขณะยืนส่งพี่ชายอยู่หน้าบ้าน พูดให้ถูกกว่านั้นคือส่งเสด็จเจ้าชายหกกลับเมืองหลวง

“ต้องแล้วแต่ว่าจะได้หยุดวันไหน แล้วพี่จะเขียนจดหมายมาบอก”

“อยากให้เขากลับเมื่อไรก็เขียนจดหมายมาบอกข้าก็ได้ ถ้าไม่มีงานเร่งด่วน ข้าจะอนุญาตให้เขากลับ”

“จริงนะเพคะ”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงพยักพระพักตร์ เฟย์ยิ้มแป้น ก่อนจะสลดลงนิดเมื่อเห็นสายตาข่มขู่อยู่ในทีของพี่ชาย ว่าอย่าได้ทำอย่างนั้นเป็นอันขาด

“แต่ข้าอาจจะมาด้วย เจ้าจะให้มาได้รึเปล่า”

“ได้สิเพคะ ทำไมจะไม่ได้ เจ้าชายทรงเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา แล้วยังจะลงทุนเปิดฟาร์มวัวนมกับพี่วอลเซนส์ด้วย”

ฟีเรียสไม่รู้ว่าเจ้าชายหนุ่มไปคุยกับเพื่อนของเขาตอนไหน แต่ตอนที่วอลเซนส์พูดออกมาว่าเจ้าชายหกโปรดนมสดมากจนเขาต้องรีดนมวัวตอนดึกดื่นเพื่อให้องครักษ์นำไปถวาย และเขารู้ชัดๆ ว่า ‘คืนไหน’ เขาก็หน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที รู้เดี๋ยวนั้นเองว่าโรดีอัสกับคุณเรจินคุยอะไรกัน

เจ้าชายหกทรงหันไปทางมารดาของคนรัก

“ขอบคุณครับ ท่านน้า ที่ดูแลข้าและคนของข้าอย่างดี”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเต็มใจ เจ้าชายทรงเป็นทั้งเจ้านายของฟีเรียสและเป็นผู้มีพระคุณ” แต่หากจะเป็นมากกว่านั้น...

“ท่านมีอะไรอยากจะพูดกับข้าก่อนกลับรึเปล่า”

เจ้าชายหนุ่มทรงเปิดโอกาส แต่คนมากมายขนาดนี้ เรเซียจะพูดอะไรได้ นอกเสียจาก

“หม่อมฉันขอให้เจ้าชายทรงเมตตาฟีเรียสด้วยนะเพคะ”

“ครับ” คงจะเมตตา...ได้จนสุดพระทัย

หันไปทอดพระเนตรเห็นสีหน้าหมองๆ ของเฟย์ พระองค์ก็แย้มพระสรวล ได้โอกาสรับสั่งกับนาง แต่เป้าหมายอยู่ที่มารดาของนาง

“ไม่ต้องเศร้าใจไป อีกไม่นานเขาก็กลับมา ข้าไม่ได้คิดจะเอาพี่ชายของเจ้าไปเป็นของตัวเอง...เพียงแต่เสนอตัวมาเป็นอีกคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าเท่านั้น”

เฟย์ไม่คิดอะไร ขณะเรเซียชะงัก ส่วนฟีเรียสก็มองพระพักตร์อย่างสะดุ้งอยู่ในใจ หันไปมองหน้ามารดา แล้วก็กังวล ครั้นหันกลับมามองสบสายพระเนตรอบอุ่น ความกังวลนั้นก็บรรเทาลง




******************************************

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 25-11-2014 18:45:48
ความสัมพันธ์ระหว่างฟีเรียสกับวิล องครักษ์รุ่นพี่ที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมห้องและเคยมีคดีกันมานั้นดีขึ้นมาก ฟีเรียสคุยกับวิลตามปกติ เพราะฝ่ายนั้นเข้ามาคุยกับเขาก่อน ฟีเรียสไม่ได้พูดเรื่องแหวนอีก ไม่จำเป็นต้องย้ำบ่อยๆ ว่าเขาไม่ได้ขโมย แค่เท่าที่เคยพูดกันก็เพียงพอแล้ว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาพูดกับเขาเพราะเขาเป็นคนรักของเจ้าชายรามิเรสหรือไม่ หรือว่าชักจะเริ่มเชื่อเขาแล้ว ว่าเขาไม่ได้ทำจริง แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร แค่พูดคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงานได้เหมือนเดิมก็ดีแล้ว

เพราะคิดแบบนี้ ฟีเรียสจึงไม่เคยหวังว่าวันหนึ่งอีกฝ่ายจะมาขอโทษ แล้วสารภาพว่า

“ข้าลืมไว้ในกระเป๋าเสื้อที่บ้าน แม่ข้าเป็นคนเจอ”

“เจอตั้งแต่เมื่อไรครับ”

วิลอึกอัก แล้วก็บอกเวลา ซึ่งเป็นเวลาหลังจากเกิดเรื่องประมาณหนึ่งสัปดาห์

“ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะว่าข้าละอายใจ ขอโทษจริงๆ ว่ะที่มาบอกเอาตอนนี้”

“...ไม่เป็นไรครับ” ถึงจะเสียความรู้สึก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะซ้ำเติมคนผิดที่สำนึกตัวและมาขอโทษ เพียงแต่ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่

“แล้วท่านเอาแหวนวงไหนไปหมั้นคนรัก”

“วงเดิม” มองหน้าองครักษ์รุ่นน้องแล้วก็นึกรู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะรู้จริงๆ คือเรื่องไหน แล้วก็จริงเสียด้วย เพราะเมื่อเขาไม่พูด อีกฝ่ายก็ถาม

“แล้ววงใหม่ที่เจ้าชายหกประทานให้ล่ะครับ”

“ข้าถวายคืนไปแล้ว” ไม่ใช่แหวนเพชร แต่เป็นแหวนลม

“คืนตั้งแต่เมื่อไรครับ”

“เอ่อ... ข้าจำไม่ได้” ตอนที่เขาได้รับพระบัญชาผ่านคุณลีโตมาว่าให้มาสารภาพกับฟีเรียส ผ่ายนั้นก็ไม่ได้บอกเหตุผลหรือรายละเอียดอะไรกับเขาเลย “ข้ามาบอกเจ้าแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ”

ไม่ต้องเป็นคนคิดมากก็เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมีพิรุธ ฟีเรียสตัดสินใจขอเข้าเฝ้าเจ้าชายหกเพื่อทูลถาม ถึงจะอยู่ตำหนักเดียวกับอีกฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าเขานึกอยากจะเข้าเฝ้าเมื่อไรก็ทำได้ตามใจ ต้องทำตามขั้นตอนต่างๆ เหมือนกับองครักษ์คนอื่นๆ จึงได้พบที่ห้องทรงงาน

“เขาบอกเจ้าว่ายังไง”

นี่ก็มีพิรุธอีกเหมือนกัน เขาทูลถามก็แค่ตรัสตอบมาตรงๆ ทำไมจะต้องถามกลับ

“บอกว่าจำไม่ได้พระเจ้าค่ะ”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คงจะเป็นทันทีที่เขารู้ว่าเข้าใจผิด”

“แล้วทำไมฝ่าบาทถึงไม่รับสั่งบอกกระหม่อมพระเจ้าค่ะ” ทั้งที่ทรงทราบว่าเขาเครียดเรื่องนี้มาก เขาเกลียดการถูกใส่ความทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และเรื่องนี้ก็รู้กันทั้งพระตำหนัก ยังไงก็ต้องมีคนคลางแคลงใจในความบริสุทธิ์ของเขาบ้าง

“เจ้าคิดไม่ออกหรือ ว่าทำไม”

ฟีเรียสมองสบสายพระเนตร และคิด คิดจนหัวแทบแตกแล้วก็หาคำตอบได้แค่อย่างเดียว เป็นคำตอบที่หลงตัวเองมากเสียด้วย

“ฝ่าบาทรับสั่งบอกมาเถิดพระเจ้าค่ะ”

“เพราะข้าอยากให้เจ้ามาอยู่ใกล้ๆ”

อย่า...อย่าได้ทรงคิดเชียวนะ ว่ารับสั่งแค่นี้แล้วจะทำให้เขาหายโกรธ

“ฝ่าบาทเป็นคนตรัสสั่งไม่ให้เขาบอกความจริงกับกระหม่อมใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

“นั่นก็ใช่ แต่คนอื่นๆ ก็รู้ความจริงกันหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครหลงเข้าใจผิดอยู่”

ทรงทราบว่าเขากังวลเรื่องอะไร ทว่า...อย่าได้ทรงคิดว่าเขาจะหายโมโห

“ตอนนี้ก็คงเป็นฝ่าบาทอีก ที่รับสั่งให้เขามาบอกความจริงกับกระหม่อม”

“ใช่”

“เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ ทำไมถึงโปรดให้มาบอกเอาตอนนี้”

เพราะ ‘เพลิน’ กับการเป็นฝ่ายไล่ต้อน ฟีเรียสจึงไม่ได้คาดคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า ครั้นอีกฝ่ายตรัสตอบกลับมาว่า

“เพราะข้าอยากจะรู้ว่า เมื่อเจ้ารู้ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักข้าอีกแล้ว เจ้าจะขอกลับไปอยู่ที่ตึกพักองครักษ์รึเปล่า”

เขาก็เกือบจะหาทางไปต่อไม่เจอ

ฟีเรียสนิ่งเงียบไปนาน จะไม่มีสักครั้งบ้างเลยรึไงนะ ที่เขาชนะเจ้าชายรามิเรสได้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พระองค์เป็นฝ่ายผิดแท้ๆ อันดับแรกต้องรับสั่งขอโทษเขาก่อนสิ ทำไมถึงมาลงเอยตรงนี้ได้ มันจะลัดขั้นตอนเกินไปรึเปล่า

“ถ้ากระหม่อมไม่กลับไป...” ทำไมเสียงเขามันเบาๆ ล่ะเนี่ย ฟีเรียสปรับสีหน้าให้เรียบเฉย และกราบทูลเสียงดังขึ้นในประโยคถัดไป

“คนอื่นๆ คงจะคิดว่ากระหม่อมอาศัยฐานะ...พิเศษอื่น หาอภิสิทธิ์ให้ตัวเอง”

เพื่อความดูดี ว่าไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองคนเดียว องครักษ์หนุ่มจึงแถมไปอีกประโยคหนึ่ง

“แล้วฝ่าบาทก็อาจจะทรงถูกนินทา ว่า...หลงกระหม่อมจนไม่สนพระทัยกฎระเบียบ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล สายพระเนตรเป็นประกายพราวอย่างเอ็นดูคนพยายามดิ้นรน

“เรื่องนั้นเขาคิดกันตั้งแต่สองสามวันแรกที่เจ้าเข้ามาอยู่กับข้าแล้ว” เว้นไปครู่จึงรับสั่งเสริม “ดีไม่ดีอาจจะคิดไปถึงว่าข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์ก้าวหน้ากันทุกคืน”

อะไรคือความสัมพันธ์ก้าวหน้า แน่จริงก็รับสั่งมาให้ชัดเจน...แต่คิดอีกทีก็อย่าดีกว่า

“มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาไม่ควรเข้าใจผิดๆ”

“เจ้าโกรธเพราะพวกเขาคิด หรือโกรธเพราะมันไม่จริง”

ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ทำไมตรัสถามอะไรงงๆ มันต่างกันตรงไหน เป็นเรื่องเดียวกันแท้ๆ คนระดับเจ้าชายนี่บางทีก็พูดอะไรที่คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้สินะ เอาเป็นว่ามีให้เลือกเขาก็เลือกก็แล้วกัน

“โกรธเพราะมันไม่จริงพระเจ้าค่ะ” ดูร้ายแรงกว่า เพราะถ้าทูลตอบว่าโกรธเพราะพวกเขาคิด พระองค์ก็จะทรงแย้งได้อีกว่ามันเป็นแค่ความคิด ในเมื่อไม่มีใครพูดออกมา เขาจะไปเดือดร้อนทำไม

“ถ้าข้าทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา เจ้าก็จะหายโกรธใช่ไหม”

องครักษ์หนุ่มใช้เวลาคิดไม่นานก็เข้าใจ ยิ่งมองเห็นสายพระเนตรก็ยิ่งเข้าใจได้เร็วเป็นพิเศษ ยังไม่ทันหาคำอะไรมาทูลตอบ อีกฝ่ายก็ตรัสชวน

“คืนนี้ไปดูต้นใยรักที่ห้องข้ากันไหม”

“...” ให้ตาย...

“ออกดอกเต็มต้น สวยมากนะ”

“...” เขาถูกพามาเรื่องนี้ได้ยังไง...

“นานไปมันจะโรยหมด”

“ไม่ไปพระเจ้าค่ะ”

องครักษ์หนุ่มเสียงแข็ง หน้าแดงก่ำ




****************************************




ถึงแม้ว่าเรจินจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ในเมืองหลวงมีข่าวสำคัญอะไรเขารู้หมด ข่าวที่ไม่สำคัญแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าชายหกอยู่บ้างเขาก็รู้เร็วเช่นกัน ดังนั้นเจ้าชายรามิเรสจึงทรงทราบว่าคุณชายใหญ่บ้านเสนาบดีกลาโหมรับเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาอุปการะ ก่อนที่เจ้าตัวจะกราบทูลเสียอีก

“เป็นลูกชายของผู้หญิงในหอบุปผาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจะอายุสิบสี่” มิทรอสกราบทูลอย่างไม่ปิดบัง พลางดื่มเหล้าไปด้วย พระตำหนักของเจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นแหล่งสะสมบรรดาสุราและไวน์ชั้นเลิศที่สุดที่เขาเคยรู้จัก ยิ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงดื่มน้อยลงเรื่อยๆ เขายิ่งอยากจะหาเรื่องมาเข้าเฝ้าบ่อยๆ เพราะจะได้ช่วยดื่มให้หมด คนอยากงดเหล้าเอาใจคนรักจะได้ทรงดื่มแต่นมสมพระทัย

“แม่ไม่รัก คนอื่นๆ ในหอก็ใช้งานหนัก ลงโทษเสียยับไปทั้งตัว กระหม่อมเห็นแล้วสงสาร”

“เจ้ารู้จักเขาได้ยังไง”

คุณชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง หน้าขาวๆ ขึ้นสีเล็กน้อยอย่างหาดูได้ยาก

“กระหม่อมไปเที่ยวมาพระเจ้าค่ะ” เว้นไปสักอึดใจจึงค่อยทูลต่อ “บอกไปว่าอยากจะได้ผู้ชาย เด็กๆ หน่อย ผิวขาว ชอบความรุนแรง แต่ให้แกล้งทำเหมือนไม่เคยมาก่อน คนดูแลเลยส่งเขามาปรนนิบัติกระหม่อม ตอนแรกกระหม่อมก็คิดว่าเด็กมันแค่แสดงเหมือน ก็เลย...หนักไปหน่อยพระเจ้าค่ะ ตอนหลังพอเลิกต่อต้านแล้วเปลี่ยนมาร้องไห้จะเป็นจะตาย กระหม่อมก็เลยเอะใจ”
ถึงจะ...ช้าไปหน่อย เอ่อ...สายเกินไปแล้วก็ตาม

“เจ้าชอบแบบนี้หรือ”

“ฝ่าบาท” มิทรอสแทบจะโอดครวญ “อย่าทอดพระเนตรกระหม่อมอย่างนั้น นานๆ ทีกระหม่อมก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แต่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ กระหม่อมก็ไม่บังคับหรอกพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงพยักพระพักตร์ เป็นอันทรงทราบว่ารสนิยมของพระสหายห่างไกลจากของพระองค์มาก

หลังจากนั้นมา การสนทนาระหว่างเจ้าชายหกกับคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหม เก้าในสิบจะต้องมีเรื่องเด็กในอุปการะของคุณชายหนุ่มรวมอยู่ด้วย

หัวข้อก็...หวานแหววขึ้นทุกที เป็นต้นว่าเด็กผู้ชายวัยสิบสี่จะอยากได้ของขวัญวันเกิดแบบไหน...หัวข้อนี้ทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงทราบว่าที่พระสหายเคยกราบทูลว่า ‘สิบสี่’ นั้น ที่แท้แล้วคือยังไม่เต็มสิบสี่ พออุปการะได้ครบเดือน ก็มาทูลถามว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญวันครบรอบดี...ทำราวกับจะฉลองอายุครบหนึ่งเดือนของเด็กทารก หรือไม่ก็ของขวัญครบรอบแต่งงาน

ความกระตือรือร้นของมิทรอสไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเจ้าชายหนุ่มมากนัก ก็แค่...โปรดให้พ่อบ้านประจำพระตำหนักไปหาวันเกิดของฟีเรียสมา

คำตอบที่ได้คือผ่านมาแล้วสามเดือน

ส่วนวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ก็อีกแปดเดือนข้างหน้า

ถ้าอยากจะให้อะไรสักอย่าง ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษได้ไหม...แล้วจะให้อะไรดี

...สิ่งที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเหลือเกินอย่างฟีเรียสจะไม่ปฏิเสธ...




************************************




“อะไร”

เจ้าชายรามิเรสตรัสถาม เมื่อองครักษ์ใหม่ของพระองค์วางซองสีน้ำตาลซองหนึ่งไว้บนโต๊ะทรงงาน

“เงินพระเจ้าค่ะ”

คนรอคำตอบเกือบจะแย้มพระสรวลออกมาแล้ว ถ้าไม่ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าเรียบเฉยจริงจังของคนยืนตัวตรงอยู่เบื้องพระพักตร์

“กระหม่อมขอใช้หนี้งวดแรกพระเจ้าค่ะ เดือนที่แล้วเป็นเงินเดือนเดือนแรก กระหม่อมจึงให้แม่ทั้งหมดพระเจ้าค่ะ แต่ตั้งแต่เดือนนี้ไป กระหม่อมจะผ่อนใช้คืนเป็นจำนวนเท่านี้ทุกเดือน” หยุดคิดนิดหนึ่งจึงเสริม “บางเดือนอาจจะมากกว่านี้ แต่จะไม่น้อยไปกว่านี้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธทรงหยิบซองมา

“กระหม่อมเขียนจำนวนไว้บนซองด้วยพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มพลิกซองเพื่อทอดพระเนตร ไม่ได้มีพระดำริที่จะหยิบเงินในซองออกมาดูเลยเพราะคิดว่าการไม่นับดูหมายถึงความเชื่อใจ ทว่าเมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังรอคอยอย่างจริงจังของคนรัก จึงได้ทรงดึงเงินออกมานับ

การนับเงินไม่ใช่เรื่องถนัดของเจ้าชายหกแห่งไมซีนเลย พระองค์แทบจะไม่ทรงจับเงินเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่ทอดพระเนตรเห็นทุกเดือน ก็คือตัวเลขในสมุดบัญชีประมาณยี่สิบเล่ม และตัวเลขแต่ละแถวในสมุดก็ไม่ได้เล็กน้อยอย่างนี้

“ครบไหมพระเจ้าค่ะ” คนทูลถามทำหน้าเหมือนลุ้นสลากรางวัลใหญ่

“อืม ครบ” เจ้าชายหกแย้มพระสรวลละมุน

“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมทูลลาพระเจ้าค่ะ” ตั้งแต่เดินเข้ามา องครักษ์หนุ่มเพิ่งทำสีหน้าผ่อนคลายให้เห็น เจ้าของห้องไม่ทรงปรารถนาจะทำให้เขากลับไปเคร่งเครียดเหมือนเดิม แต่ก็อยากจะรับสั่งบอกอยู่ดี

“ฟีเรียส” พระสุรเสียงค่อนข้างระมัดระวัง

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าอาจจะตั้งใจไว้อย่างหนึ่ง แต่ว่าไม่ต้องถึงกับตั้งกฎเกณฑ์ให้ตัวเองอย่างเคร่งครัดมากเกินไปก็ได้ เผื่อบางเดือนมีรายจ่ายจำเป็นเพิ่มขึ้นมา เจ้าก็อาจจะคืนข้าน้อยหน่อย และไม่ต้องคอยอธิบายกับข้าทุกครั้ง ว่าทำไมจำนวนเงินถึงไม่เท่าเดิม”

เวลาพูดเรื่องเงินกับฟีเรียส พระองค์ทรงกลัวอยู่อย่างเดียว คือกลัวว่าเขาจะคิดว่าพระองค์ทรงดูถูก

“...พระเจ้าค่ะ”

ไอ้พระเจ้าค่ะของเขานี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ บางทีพระองค์ก็ทรงเดาความรู้สึกจากสีหน้าของเขาไม่ได้

“ฝ่าบาท”

เจ้าชายหนุ่มทรงรอฟัง

“ทรงมีงานมาก เรื่องหนี้ของกระหม่อม จะโปรดให้กระหม่อมนำไปให้กับคุณธอมัส คุณเรจิน หรือคนอื่นที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยแทนก็ได้พระเจ้าค่ะ”

อา...นี่เป็น...ประเด็นใหม่สินะ เอาเป็นว่าพระองค์จะไม่ทรงแย้ง จะได้ไม่ต้องเถียงกัน

“อืม”

อืม...แค่นี้ ไม่มีการรับสั่งบอกว่าจะให้เขาเอาไปจ่ายกับใคร แปลว่าอะไร หรือว่าจะทรงคิดดูก่อน ที่จริงไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้เวลาคิดนานเลยแท้ๆ แต่ก็ช่างเถอะ ฟีเรียสขยับปากจะทูลลาอีกหน

“กินกลางวันด้วยกันก่อนนะ”

องครักษ์หนุ่มอึกอัก เขารู้ว่าทุกคนในพระตำหนักรู้แล้วว่าเขากับเจ้าชายหกเป็นคนรักกัน แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากทำอะไรที่ดูแปลกแยก แตกต่างจากองครักษ์คนอื่นๆ อยู่ดี

“...กระหม่อมคิดว่าจะไปกินที่โรงครัวพระเจ้าค่ะ” ทูลไปแล้วก็กังวล ทว่าเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงทำให้เขาลำบากใจเลย

“อย่างนั้นก็ตอนเย็น หนึ่งทุ่มที่ห้องเล็ก”

“พระเจ้าค่ะ”

ถ้าเป็นตอนเย็นเขาไม่มีปัญหา






ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่ฟีเรียสอยู่ในห้อง กำลังนั่งอ่านหนังสือที่เขาหยิบมาจากห้องหนังสือของเจ้าชายหกอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

“ครับ” ถ้าไม่ใช่คุณธอมัส หรือคุณเรจิน ก็คงจะเป็นมหาดเล็กคนใดคนหนึ่ง

องครักษ์หนุ่มใช้ที่คั่นหนังสือคั่นหน้าเอาไว้ วางลงบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วเดินไปเปิดประตู

“ฝ่าบาท”

“ขอเข้าไปได้ไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

เจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้าง เบี่ยงตัวให้เจ้าของพระตำหนักเข้ามาได้สะดวก ก่อนจะปิดประตู

“ลงกลอนด้วย”   

ชักจะ...น่าสงสัยเกินไปแล้ว แล้วหัวใจของเขานี่มันอะไร ทำไมต้องเต้นผิดปกติด้วย

ฟีเรียสลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะทำตามรับสั่ง คิดว่าบางทีเจ้าชายหกอาจจะรับสั่งอะไรที่เป็นความลับกับเขาก็เป็นได้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่งที่ทรงถือมา

เพราะเคยถูกติเรื่องมารยาทที่เคร่งครัดเกินไปมาก่อน องครักษ์หนุ่มจึงเดินมานั่งลงตรงข้ามกับคนที่ประทับอยู่ก่อน โดยไม่พูดขอประทานพระอนุญาต และไม่ได้ค้อมศีรษะถวายความเคารพก่อนนั่งอย่างที่ควรจะทำ

...เวลาเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง ข้าก็ไม่ใช่เจ้าชาย ส่วนเจ้าก็ไม่ใช่องครักษ์แล้ว...

ถึงจะเคยรับสั่งอย่างนั้น แต่พอมีพระประสงค์จะให้เขาทำอะไรตามพระทัยเมื่อไร ก็ทรงใช้สิทธิ์ของ ‘เจ้าชาย’ เสียทุกที

“ข้าให้”

คนเข้าเรื่องได้รวดเร็วทรงเลื่อนกล่องไม้เนื้อดีประทานให้ ฟีเรียสมองพระพักตร์อย่างสงสัย แล้วก็รับมา มันเป็นกล่องที่ใช้วิธีเลื่อนเปิดเหมือนลิ้นชัก ข้างในบุผ้ากำมะหยี่สีขาว ตรงกลางที่ลึกลงไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่ ข้างๆ กันเป็นที่ใส่ปากกาสีเงินด้ามสวย...ดูมีราคาแพง

ฟีเรียสมองพระพักตร์อีกรอบหนึ่ง ครั้นอีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์ให้ เขาจึงหยิบสมุดออกมาดู

เป็นสมุดเล่มขนาดเท่าฝ่ามือของเขา ปกแข็ง หุ้มด้วยผ้าสีม่วงสวยและลื่นมือ ตรงกลางฝังสัญลักษณ์สีเงินที่เกิดจากการเอาตัวอักษร ร. และ ฟ. มาผสมกันอย่างสวยงาม เมื่อเปิดหน้าแรก ดอกไม้ดอกหนึ่งก็ร่วงลงมา

เป็นดอกใยรักสีฟ้าที่สวยและสมบูรณ์มาก กลีบดอกที่ถูกทับจนเรียบดูเป็นรูปหัวใจอย่างชัดเจน

บนหัวกระดาษหน้าแรกที่อยู่ขวามือมีอักษร รฟ. ดุนนูนขึ้นมา ถัดลงมามีการลงบันทึกเอาไว้แล้ว บรรทัดแรกเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่เขาติดค้าง บรรทัดต่อมาเป็นวันที่ จำนวนเงินงวดแรกที่เขาใช้คืน และมีพระนามาภิไธยของเจ้าชายรามิเรสกำกับ

“เอาไว้จดบันทึก เวลาเจ้าเอาเงินมาให้ข้าก็เอาสมุดเล่มนี้มาด้วย เขียนวันที่กับจำนวนเงินมาได้เลย ข้านับดูว่าครบแล้วจะเซ็นชื่อไว้ให้เป็นหลักฐาน แบบนี้เจ้าจะได้ไม่ลืม” แย้มพระสรวลนิดหนึ่งจึงรับสั่งต่อ “ข้าจะได้โกงเจ้าไม่ได้ด้วย”

องครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตร เขาพอจะรู้ว่าหนี้สินของเขาเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยมากสำหรับคนที่รวยมากอย่างเจ้าชายรามิเรส คนอย่างพระองค์คงไม่เห็นว่าเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องสำคัญ

เพราะอย่างนั้น พอพระองค์ให้ของอย่างนี้กับเขา รับสั่งแบบนี้กับเขา เขาก็เลย...

“ของข้าก็มีเหมือนกันเล่มหนึ่ง จะได้จดเอาไว้ดูว่าเจ้ายังติดหนี้ข้าอีกเท่าไร แต่ของข้าเป็นสีเขียว เพราะข้าเกิดวันพุธ”
ฟีเรียสพูดอะไรไม่ออก คนประทับตรงข้ามจึงตรัสถาม

“ชอบไหม”

“...พระเจ้าค่ะ”

“ชอบอะไร ชอบสมุด หรือว่า...ชอบข้า”

ให้ตายสิเจ้าชายพระองค์นี้ เขากำลังตื้นตัน อยากจะขอบพระทัยสักประโยค แต่พอเจอรับสั่งถามอย่างนี้เข้าทำเอาอารมณ์เขาเปลี่ยนทันที

“ก็...”

องครักษ์หนุ่มเว้นวรรคนาน เจ้าชายหกจึงทรงเลิกพระขนงขึ้นนิดๆ เป็นเชิงเร่ง

“ก็ทั้งสองอย่างพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนบอกพระองค์เองว่า พระองค์โปรดสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่ายเหลือเกิน ดูอิหลักอิเหลื่อ ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง เขินอาย แต่พยายามจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไร จะว่าไป ก่อนจะได้เป็นคนรักกัน ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่ทำอะไรก็จริงจังไปเสียทุกเรื่องจะทำหน้าแบบนี้เป็น

“เล่มของข้า เจ้าต้องเป็นคนเซ็นชื่อเวลาคืนเงิน แต่ว่าข้าไม่ได้เอาลงมาด้วย เจ้าจะไปเซ็นเลยไหม”

“แล้วแต่จะโปรดพระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็ไปที่ห้องข้าเลย เจ้าจะได้เห็นใยรักด้วย มันร่วงเกือบจะหมดต้นแล้ว”

“...”

“อ้าว ไม่ลุกหรือ”

“กระหม่อมคิดว่า เอาไว้วันหลังก็ได้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล แล้วก็ประทับลงดังเดิม

หนึ่งเจ้าชายกับหนึ่งองครักษ์สนทนากันด้วยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าคนรักอยู่ในอารมณ์ที่ดี เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธก็ทรงเท้าความหลัง

“ข้าอยากถามอะไรเจ้าสักอย่าง”

ฟีเรียสตั้งใจฟัง เมื่อเห็นว่าสีพระพักตร์ของอีกฝ่ายดูจริงจังขึ้น

“คืนนั้น ที่บ้านท่านทีมัส” ทรงหมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียนองครักษ์ “ข้าทำให้เจ้าเจ็บมากไหม”

คนถูกถามลำบากใจขึ้นมาทันที เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องคืนนั้นนัก แต่เมื่อเห็นพระพักตร์ที่ดูกังวลระคนห่วงใย เขาก็ทูลตอบไปตามตรง

“กระหม่อมไม่สบายอยู่สามวัน”

เจ้าชายหกดูจะทรงรู้สึกผิดมาก

“ฟีเรียส”

“พระเจ้าค่ะ”


“...”


“...”
.
.
.
.
.

“คืนนี้ ข้าขอแก้ตัวเรื่องคืนนั้นได้ไหม”




*******************************************




มีคนถามเรื่องรวมเรื่องสั้นมา หาไม่เจอเหมือนกันค่ะ แม้จะใช้ google หาแล้วก็ตาม
แต่ไม่ได้ลบนะคะ ไม่รู้หายไปไหน

ถ้าสะดวกอ่านเป็น e-book ก็แนะนำให้โหลดมาเก็บไว้นะคะ
โหลดฟรี ตาม link นี้เลยค่ะ

http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=16564 (http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=16564)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 25-11-2014 19:09:07
อ๊ายยยยย มาให้ลุ้นแล้วจากหลายครั้งแล้วน้า :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-11-2014 19:28:11
กรี๊ดกร๊าด ตอนนี้มันก๊าวใจมากอ่ะ บอกเลย 55
เจ้าชายหกฉลาดอ่ะ เป็นคนมองอะไรทะลุปรุโปร่ง ฟีเรียสก็น่ารักนะ ดูทันกันอยู่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ ชอบเรื่องนี้มาก(ก.ไก่ล้านตัว) :L1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-11-2014 19:38:17
ค้างสุดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 25-11-2014 19:48:26
 กรี๊ดดด รามิเรสสสส เจ้าช่างร้ายกาจจจ   :m4:

จะว่าไปสมัยนั้นมีกฏหมายคุ้นครองผู้เยาว์รึยัง  :m29: แต่ว่าแหม จะกินทีเล่นคราวลูกเลยนะตัวเอง  :m12:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 25-11-2014 20:11:13
ค้างงงงงงงงงงงงงงง :z3:

เรารอให้เจ้าชายทรงแก้ตัวมาตลอดเลย

ยอมเหอะนะ ฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 25-11-2014 20:14:00
เลาเขินสมุดดดดดด รฟ. รามิเรส+ฟีเรียส ฮืออออ น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 25-11-2014 20:21:40
 :hao6: อ้ากกก คำถามที่รอคอย เข้ามารอฟีงคำตอบของฟีเรียสด้วยคนคร่า
และให้กำลังใจองค์ชายรามิเรสด้วย คำตอบคือ เยสใช่มั้ย ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 25-11-2014 20:22:08
ประโยคสุดท้ายนั้นมันอะไรกันคะ
ฟีเรียส ตอบรับซะะะะ!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2014 20:40:52
เห็นอย่างนี้ก็อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 25-11-2014 21:07:17
 :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 25-11-2014 21:11:22
เจ้าชายยยยยย หลอกเด็กอะ หลอกล่อด้วยต้นใยรัก นับถือในความอดทนความพยายามและความอบอุ่นของเจ้าชายจริงๆ  อ่านแล้วยิ้มแก้มแตกเลย ฟีเรียสยอมเขาไปเถอะ คนอ่านเขินแทน ม้วนตัวเป็นเกลียว+ลุ้นจนตัวโก่งงงงงแล้ว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-11-2014 21:34:55
ตัดจบแบบนี้ค้างนะคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-11-2014 21:59:45
กรี๊ดดดด ท่านชายร้ายกาจนะคะ
วางแผนมาตลอดอ่ะ
ทั้งกับครอบครัวฟีเรียส กับรายละเอียดอื่นๆ
นี่ถ้าไม่รักฟิเรียสเป็นบ้าเป็นหลัง พระองค์น่ากลัวมากนะคะ

ร้ายที่สุดคือชวนไปดูต้นใยรัก
เอาจนได้ ฟีเรียสคงหมดหนทางเลี่ยงแล้วซินะ
ลุ้นฉากเข้าหอค่ะ เอร้ยยย :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 25-11-2014 22:08:04
รามิเรสช่างร้ายยยยยยยยนัก //หมั่นเขี้ยว

 :ruready
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-11-2014 22:16:16
ว้ายย มีคนรู้สุกเหมือนกันเลย จะใช้คำว่า "ก๊าวใจ" ไปแต่โดนใช้ก่อน องค์ชายนี่เอะอะๆหลอกเข้าห้องอยู่เรื่อย
 :-[ บร้าๆๆ เขิลอ่ะ เขาชอบนิยายที่มีฉากเลิฟซีเเบบเลิฟซีนจริงๆไม่ใช่เซ็กซ์ซีนอ่ะ กว่าจะปูทางมาถึงจุดนี้ได้คนอ่านต้องยิ้มขวยอายจิกหมอนก่อนสิ คึคึ  :jul1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-11-2014 22:22:15
กรี้ดดดดด!! มีขอแก้ตัว 5555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 25-11-2014 22:49:08
ตายแล้วววพระองค์ ..... เจ้าชายมีขอแก้ตัวกันแบบมึนๆ งี้เลยนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 25-11-2014 22:55:10
ตะกุยหมอน  ตะกายผนัง 

กรี๊ดดดดดดด~  องค์ชายยยยยยๆๆๆ   :katai1: 

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-11-2014 00:05:30
ทำไมเจ้าชายร้ายจัง แต่ก็น่ารักชะมัด คือเป็นคนฉลาดมาก ไม่งั้นจะสมเป็นเจ้าชายเหรอ อีกอย่างคือใจดีมากด้วย
ท่านรู้จักฟีเรียสดีมากจริงๆ รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งอ่ะ ฟีเรียสน่ารักกกก โดยเฉพาะเวลาเขิน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 26-11-2014 00:41:02
ค้างคามาหลายตอนแล้ววว วิดไปวิดมา
สักทีเถอะน้าาา คนอ่านจะขาดใจตาย
กราบบบบบบบบบ :ling1: :ling2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-11-2014 00:47:11
อุต๊ะ !!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-11-2014 08:40:15
ตอน 29.1 หาย เนื้อเรื่องกระโดด
คืนนั้นหายไป !!!


คู่นี้น่ารักมากคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-11-2014 09:24:05
อ่านตอนนี้แล้วแรก ๆ ก็เขิน  เจ้าชายชวนฟีเรียสไปดูต้นใยรัก  อิ๊ อ๊ะ น่าดู
แต่ฟีเรียสไม่ไป 55555  หลัง ๆ มาก็เปลี่ยนเป็นขำที่เจ้าชายพยายามชวนฟีเรียสไปเข้าห้องตลอด
ฟีเรียสนี่ใจแข็งจริง ๆ จะรอดูซิว่าตอนหน้า ฟีเรียสจะยอมเจ้าชายหรือเปล่า
เจ้าชายไม่อ้อมค้อมแล้วนะ  อยากทำใหม่ให้ประทับใจกว่าครั้งแรก
... แบบบ้าน ๆ ก็คงเรียกว่า ... นี่ ๆ ๆ ชั้นขอซั่มเธอหน่อยนะ .... 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 27-11-2014 12:17:05
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากค่าาาา อ่านไปยิ้มไปตลอดเลยยย เช้าจายน่ารักมากกก55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 30 (25 พ.ย. 57) หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 29-11-2014 23:17:30
อ๊าก...องค์ชาย
ฆ่ากันเลย พูดแบบนี้ฆ่ากันเลยเถอะ
/บิดตัวเป็นเกลียว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 03-12-2014 15:54:24
บทที่ ๓๑


องครักษ์คนใหม่ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนคิดว่า...เมื่อกี้นี้เขาอาจจะหูฝาด

แต่หัวใจของเขากำลังเต้นแรงเป็นบ้า

ห้องเงียบเสียจนเขาได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลาย และคาดว่าคนที่ประทับตรงข้ามก็น่าจะทรงได้ยินด้วย

มองตากันอยู่สักพัก เจ้าชายรามิเรสก็แย้มพระสรวลเขินๆ

“เจ้าอย่ามองข้าอย่างนั้นสิ ข้าเขิน”

อย่าแย่งคำพูดของเขาไปได้ไหม แล้วทีนี้เขาจะพูดอะไร

องครักษ์หนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

“กระหม่อม...ไม่พร้อม” เห็นสีพระพักตร์คล้ายผิดหวังแต่ก็เข้าใจของอีกฝ่าย เขาก็รีบทูลอธิบาย “คือมัน...อาจจะไม่ง่ายพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่ได้เตรียมตัว แล้วก็ควรจะมี เอ่อ...อะไรที่ช่วยหล่อลื่นด้วย” ประโยคสุดท้ายกราบทูลเร็วปรื๋อ

ฟีเรียสพยายามเกร็งหน้าจนเมื่อย ครั้นรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ จึงยอมปล่อยสีหน้าเขินๆ ระคนตื่นเต้นให้อีกฝ่ายทอดพระเนตรตามสบาย ส่วนเขาก็เสหลบสายพระเนตรไปทางอื่น ก่อนจะหันขวับเมื่อได้ยินเจ้าชายหกแห่งไมซีนรับสั่ง

“...ข้าเตรียมมา”

ของที่เจ้าชายหนุ่มทรงล้วงออกมาจากกระเป๋าเป็นขวดบรรจุของเหลวสีใสขนาดไม่ใหญ่นักขวดหนึ่ง กับตลับสีเงินที่มีลักษณะคุ้นๆ ตาอีกตลับหนึ่ง เหมือนจะคล้ายๆ กับตลับยาที่พระองค์ทรงเอาไป ‘ฝาก’ เขาถึงห้องพักที่โรงเรียนองครักษ์

“นี่คงจะช่วยหล่อลื่นได้ ส่วนนี่ก็...เผื่อๆ เอาไว้ แต่ข้าจะพยายามระวัง ไม่ทำให้เจ้าได้แผล”

คนฟังถึงกับพูดไม่ออก

มีพร้อมขนาดนี้ พูดสิ ว่าแค่เอาสมุดบันทึกมาให้เขาเฉยๆ ที่ว่า ‘ขอแก้ตัว’ นั่นเพราะอารมณ์พาไป ไม่ได้วางแผนมาก่อน

แน่จริงพูดออกมาเลย

“ธามบอกว่าแบบน้ำจะทำให้ไม่แห้งระหว่างทำ จะทำนานๆ ก็ได้”

ฟีเรียสเบิกตากว้าง นี่ไปถามคุณธามมาด้วย! คงไม่ใช่ว่าเจ้าชายเฮเดสก็ทรงทราบเรื่องนี้ด้วยหรอกนะ

“แต่ถ้าเจ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ข้าก็คงจะแค่...เสียใจนิดเดียว”

พอเถอะ!

“ไปที่เตียงกันเลยไหมพระเจ้าค่ะ”







การแก้ตัวของเจ้าชายหกเริ่มจากจูบนุ่มๆ ช้าๆ ช้ามากๆ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก จูบกันอยู่สักพักก็ตามด้วยการสัมผัสไปทั่วตัวของอีกฝ่าย ครั้นรู้สึกว่าเสื้อผ้าช่างเกะกะ จึงทรงปลดกระดุมเสื้อขององครักษ์หนุ่มออก ฟีเรียสลังเลอยู่สักพักก็ยื่นมือไปทำอย่างเดียวกันถวายบ้าง

แย่ล่ะ...มือเขาสั่น

องครักษ์หนุ่มถอดเสื้อออกแล้ว แต่เขาเพิ่งปลดกระดุมฉลองพระองค์ไปได้เม็ดเดียว...กระดุมเสื้อของเจ้าชายนี่ต้องแน่นกว่ากระดุมเสื้อนอนของเขาแน่ๆ

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลนิดๆ แล้วก็ทรงปลดที่เหลือออกเอง

เมื่ออีกฝ่ายทรงเปลือยครึ่งบนเสมอกันกับเขา ฟีเรียสก็มองพระวรกายเปลือยขาวสะอาดอย่างรวดเร็ว สายตาแลไปเอง เขาห้ามไม่ทัน เพราะฉะนั้นจึงหน้าร้อนวาบ เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายทอดพระเนตรมองเขาอยู่

เจ้าชายรามิเรสไม่ทรงปล่อยให้คนรักมีเวลาเขินนาน พระองค์ทรงจูบเขาอีกและสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวแน่นๆ ของเขาด้วย ฟีเรียสจึงสัมผัสพระองค์บ้าง และถึงแม้ว่าจะเคลิ้มไปกับจูบ แต่ก็รู้ว่าแผ่นหลังสัมผัสเตียงตอนไหน

แค่จูบกันอย่างเดียว อารมณ์ก็พุ่งทะยานไปถึงไหนต่อไหน

ต่างฝ่ายต่างถอนจูบและมองตากัน องครักษ์หนุ่มอยากจะหลับตา แต่ก็ไม่อยากจะหลับ

ลมหายใจกระชั้นและร้อนผ่าวขึ้นทุกที

“ข้า...ตื่นเต้นมาก”

ให้ตาย ประโยคนั้น เขาต่างหากที่อยากจะพูด

แต่ก็รู้สึกดีขึ้นอีกมากจริงๆ...เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นเหมือนกัน

หลังจากทำความรู้จักร่างกายของกันและกันไปสักพัก เจ้าชายรามิเรสได้ทรงทราบว่า หัวนมของผู้ชายก็กระตุ้นความรู้สึกได้เหมือนกับของผู้หญิง และคนรักของพระองค์ก็ดูจะอ่อนไหวกับส่วนนี้เอามากๆ พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้าชิ้นล่างออก ทั้งของฟีเรียสและของพระองค์เอง

ถึงตอนนี้ ฟีเรียสมีรอยกังวลขึ้นมาในแววตาแล้ว และพระองค์ก็ทรงทราบว่าเขากังวลเรื่องอะไร

องครักษ์หนุ่มเบิกตากว้าง เมื่อคนรักที่ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะเอื้อมมือคว้ามาได้ทรงเลื่อนองค์ลงเพื่อใช้ปากกับส่วนนั้นของเขา

“ฝ่าบาท!”

ฟีเรียสเลื่อนตัวขึ้นหนี ทว่าอีกฝ่ายทรงยึดสะโพกของเขาเอาไว้ แยกขาของเขาออกจากกันกว้างๆ แตะพระชิวหาลงบนส่วนที่พระองค์ก็ทรงมีเหมือนๆ กันกับเขา

หัวใจขององครักษ์หนุ่มเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก

“บอกข้าด้วย ถ้าข้าทำไม่ดี...ข้าไม่เคย...”

จะให้บอกอะไร บอกยังไง ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคย ไม่เคยคิดว่าจะได้รับอะไรแบบนี้จากเจ้าชายหกแห่งไมซีนมาก่อน

เขาเคยคิด ไม่ใช่ไม่เคย ถึงจะไม่เคยคลางแคลงใจในคำว่า ‘ชอบ’ ของพระองค์ แต่เขาก็คิดว่าคำนั้นของพระองค์หมายถึงในแง่ของความรู้สึกเท่านั้น ไม่รวมถึงความสัมพันธ์ทางด้านร่างกาย ถึงจะเคยจูบกันหลายครั้ง และพระองค์ก็ทรงทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งพระองค์ยังทรงชวนเขา ‘เข้าห้อง’ อยู่บ่อยๆแต่ซอกหนึ่งในหัวใจของเขายังคิดอยู่เสมอ ว่าอาจจะไปกันไม่ได้ไกลกว่านั้น เขาจึงเผื่อใจเอาไว้เจ็บ

ความรู้สึกอับอายยิ่งกว่าถูกตบหน้า ตอนที่เขาแก้ผ้าต่อหน้าแล้วพระองครับสั่งว่าไม่มีอารมณ์ยังฝังใจ

แต่ตอนนี้...

“...อึก...ฮึก...ฝ่าบาท...”

ไม่เคยจินตนาการถึงตอนที่ต้องมานอนครางกระเส่าเพราะปากของคนรักผู้สูงศักดิ์แบบนี้เลย







พระเชษฐาพระองค์โตทรงแนะนำว่า ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังเคลิ้ม ก็ให้เตรียมช่องทางของเขาให้พร้อมที่จะรองรับพระองค์ด้วย ทว่าพอทอดพระเนตรเห็นสีหน้าแบบมีอารมณ์เต็มเปี่ยมของฟีเรียส พระองค์ก็อยากจะให้เขาไปถึงฝั่งโดยไม่ต้องทนกับความเจ็บปวด จึงปรนเปรอให้จนกระทั่งเขาบรรลุถึงห้วงสูงสุดของอารมณ์

องครักษ์หนุ่มหอบหายใจจนอกสะท้อน เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหยาดหยดอารมณ์ของตัวเองเปื้อนพระโอษฐ์ อาจจะเพราะทรงเบี่ยงพระพักตร์หลบไม่ทันหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาก็ตกใจ รีบลุกขึ้นคว้าผ้าใกล้มือไปเช็ดถวาย

ก่อนจะพบว่ามันเป็นกางเกงของเขาเอง

ฟีเรียสหน้าแดงแจ๋

“ข...ขอประทานอภัย”

เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล ไม่ทรงคาดคิดมาก่อนว่าตอนที่กำลังมีอารมณ์เต็มเปี่ยม ทรมานจนปวดหนึบอยู่อย่างนี้จะยังสามารถหัวเราะได้

ฟีเรียสเปิดปากรับจูบของคนรัก เจ้าชายหกทรงจูบเขานุ่มๆ เพื่อให้เขาที่ยังหายใจไม่ปกตินักปรับตัวได้

หลังจากแผ่นหลังของเขาติดเตียงอีกครั้ง ก็เป็นคราวของพระองค์ องครักษ์หนุ่มคิดว่าเขาจะทำอย่างเดียวกันถวายบ้าง ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็อยากจะตอบแทน ทว่าดูท่าแล้ว อีกฝ่ายคงจะมีเป้าหมายที่การเข้ามาในตัวเขามากกว่า

ฟีเรียสให้ความร่วมมือแต่โดยดี พระโอษฐ์ที่ขบเม้มไปตามซอกคอและแผ่นอกของเขา กับพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งที่บดคลึงยอดอกข้างหนึ่งของเขาช่วยได้มาก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะลืมเจ็บ ตอนที่นิ้วพระหัตถ์เปียกชุ่มของเหลวพยายามจะแทรกเข้ามาในตัว

องครักษ์หนุ่มอ้าขากว้างขึ้นอีก แม้วูบหนึ่งจะอายที่ต้องทำท่าเหมือนกับผู้หญิงก็ตาม ถึงยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งอยู่ข้างล่าง จะให้เขาอยู่ข้างบนแล้วเจ้าชายหกอยู่ข้างล่าง เขาก็คิดว่าคงจะทำไม่ได้

“เจ็บไหม”

พระสุรเสียงแหบพร่าไปแล้ว ดวงพระเนตรก็เข้มลึกขึ้นอย่างมีอารมณ์ แต่พระพักตร์ยังมีรอยอาทรเฉกคนใจดีอยู่เหมือนเดิม

ฟีเรียสกลั้นใจส่ายหน้า ทั้งที่ตัวเปียกเหงื่อจนชุ่ม

“เข้ามาเลย...ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

ถึงจะกราบทูลอย่างนั้นแล้ว แต่เจ้าชายรามิเรสก็ยังทรงใช้ของเหลวใสกับนิ้วพระหัตถ์ช่วยขยายช่องทางของเขาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับองค์ ถูไถความต้องการของพระองค์เข้ากับตรงนั้น

องครักษ์หนุ่มเผลอเกร็งสะโพก แล้วก็พยายามจะผ่อนคลายให้มากที่สุด กว่าส่วนปลายจะเข้ามาได้ ทั้งคนที่พยายามจะเข้า และคนที่พยายามจะให้เข้าก็หอบสะท้าน

เจ้าชายรามิเรสทรงสะกดกลั้นพระอารมณ์ ยังไม่ทันจะได้สอดแทรกล้ำลึก ฟีเรียสก็บีบรัดพระองค์จนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้อีก
เจ้าชายหนุ่มทรงโน้มพระองค์ลงจูบ อารมณ์อันหลากล้นทำให้เรียวลิ้นดูดดึงกันอย่างดูดดื่ม แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนไม่ทรงลืมว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพระองค์อยู่ตรงไหน ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าเว้าวอนอย่างไม่รู้ตัวของคนรักแล้วก็ทรงเสือกพระวรกายที่แข็งชันจนแทบจะเป็นหินเข้าไปอีก

“พอไหวรึเปล่า”

โชคดีไปที่ฟีเรียสพยักหน้า เพราะถ้าเขาส่ายหน้า ก็ไม่มั่นพระทัยเลยว่าจะทรงยอมถอนออกมา

ขยับออกตื้นๆ ขยับเข้าลึกๆ ทำแบบนี้อยู่ไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะสอดแทรกเข้าไปได้หมด ก็รู้สึกว่าใช้เวลานานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ฟีเรียสไม่ได้ครางออกมาดังๆ เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะด้วยความเจ็บปวดหรือความเสียวกระสัน คนเจ้าทิฐิไม่ค่อยแสดงออกก็ไม่แปลก ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะแค่เสียงสะอื้นสั้นๆ กับสีหน้าเร้าอารมณ์นั่นก็ทำให้พระองค์เกือบจะลืมตัวอยู่หลายหน

“ข้า...ขยับได้ไหม”

ฟีเรียสพยักหน้า อารมณ์ปั่นป่วน สะโพกเครียดครัดสั่นระริก

“เจ้าเจ็บรึเปล่า”

“อึดอัด...มากกว่าพระเจ้าค่ะ ทรง...ขยับเถอะ”

ความเจ็บเริ่มมาอีกครั้งตอนพระองค์ทรงขยับนั่นแหละ แต่คราวนี้พระองค์ไม่ได้ถาม และเขาก็ไม่กราบทูลแน่ๆ ว่าเจ็บ...แต่ทนไหว

ขอแค่รู้ว่าคนที่อยู่ในตัวของเขาคือเจ้าชายรามิเรส

แต่ละครั้งที่ทรงขยับ สีพระพักตร์ของพระองค์เร้าอารมณ์เขามาก เขาเสียวซ่าน แต่ก็เจ็บจนต้องระบายออกด้วยการขยุ้มดึงผ้าปูที่นอนจนแทบขาด เจ้าชายรามิเรสทรงจับแขนเขาไปคล้องพระศอเอาไว้ และแผ่นหลังของพระองค์ก็กลายเป็นที่ระบายความเจ็บของเขาแทน

จังหวะของเจ้าชายหนุ่มไม่เร็ว แต่หนักหน่วง โถมเข้ามาแต่ละที อารมณ์หวามลึกรุนแรงก็พลุ่งพล่านจนต้องขยับสะโพกตอบรับ
ฟีเรียสยื่นมือไปจับส่วนนั้นของตัวเอง ทั้งที่กลัวอยู่ว่าพออีกฝ่ายทอดพระเนตรเห็นแล้วจะหมดอารมณ์ แต่กลับแปลกใจเมื่อพระองค์ทรงกุมพระหัตถ์ทับมือของเขา และขยับขึ้นลงไปพร้อมๆ กัน

องครักษ์หนุ่มไม่คิดอะไรอีกแล้ว เขายื่นหน้าเข้าไปจูบพระองค์ก่อน เจ้าชายรามิเรสทรงจูบตอบ

อารมณ์เตลิดเพริด ความสุขสมระคนรวดร้าวแล่นริ้ว ชั่วขณะที่มองตากัน ต่างก็เห็นความเสน่หาชวนพร่าผลาญใจในดวงตาของอีกฝ่าย เจ้าชายรามิเรสทรงทะยานลึก   

ดำดิ่ง สู่ห้วงอารมณ์อันลึกล้ำ







เจ้าชายหกแห่งไมซีนไม่ได้ทรงหลั่งใน และฟีเรียสก็โล่งใจที่เป็นอย่างนั้น เมื่อพายุอารมณ์สงบลง พื้นที่รอบด้านก็แลดูเละเทะ คนที่เหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิมาตัวเปียกชุ่ม ต่างฝ่ายต่างนอนหอบหายใจเบาๆ อย่างอิ่มใจ

เจ้าชายรามิเรสทรงชูฝ่าพระหัตถ์ข้างขวาขึ้น ฟีเรียสเอียงหน้าไปมองพระพักตร์ แล้วก็ทาบมือซ้ายลงไป ให้พระองค์ทรงสอดนิ้วพระหัตถ์เข้ามา แล้วกุมกันไว้บนเตียงนอน

นอนหลับตา ซึมซับอารมณ์ความรู้สึกดีๆ ที่ยังฟุ้งกระจายอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าชายหนุ่มก็ทรงดึงองค์ขึ้นประทับ พระวรกายครึ่งล่างยังอยู่ใต้ผ้าห่ม ฟีเรียสขยับจะลุกตาม ทว่าอีกฝ่ายทรงกดไหล่เอาไว้เบาๆ

“ข้าแก้ตัวสำเร็จไหม”

ทั้งที่ไม่ควรจะอายแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกหน้าร้อนหน่อยๆ ไม่ได้ขณะที่พยักหน้าตอบ

“เสียดาย”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“ถ้าแก้ตัวไม่สำเร็จ ก็ว่าจะขอแก้ตัวอีกรอบ”

องครักษ์หนุ่มถลึงตา ขณะเจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวล

“เจ้าเจ็บมากรึเปล่า ต้องใช้ยาสมานแผลไหม ข้าขอดูหน่อย” รับสั่งแล้วก็ทำท่าจะพลิกตัวเขาขึ้นมาทอดพระเนตรจริงๆ ฟีเรียสขยับตัวขึ้นนั่งทันที การขยับกะทันหันทำให้หน้าเหยเกไปนิดหนึ่ง...เจ็บมากกว่าสีหน้าหลายเท่า

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องใช้หรือไม่ต้องดู”

แน่ล่ะ มันก็ต้องอย่างหลังอยู่แล้ว เขาดูของเขาเองได้

“ฟีเรียส”

คนรอฟังยังหน้าบึ้งอยู่หน่อยๆ แต่ก็ตั้งใจฟัง ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะไม่พูด แต่จูบแทน

“ข้าขอถามแค่ครั้งเดียว แล้วจะไม่ถามอีกเลย เพราะฉะนั้น...อย่าโกรธ...” เนื้อหาเหมือนประโยคคำสั่ง ทว่าพระสุรเสียงเป็นประโยคขอร้อง

ฟีเรียสไม่ได้รับปาก แต่เจ้าชายหกก็ยังตรัสถามอยู่ดี

“ข้าไม่ใช่คนแรกของเจ้าจริงๆ หรือ” คับแน่นขนาดนี้ ถึงจะให้ความร่วมมือดี แต่โดยรวมก็เหมือนยังไม่ประสา “ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย แค่สงสัย และอยากจะฟังให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้า”

“กระหม่อม...โกหกพระเจ้าค่ะ” เห็นแววพระเนตรตื่นๆ นั่นแล้วเขาก็ดีใจที่มีโอกาสได้กราบทูล ดีใจที่ถูกถาม เพราะจู่ๆ จะให้เขากราบทูลเองก็คงไม่ได้ “คืนนั้น...เป็นครั้งแรก แล้วก็...คืนนี้เป็นครั้งที่สองพระเจ้าค่ะ”

สองครั้งที่แตกต่างกันมาก จากผู้ชายคนเดียวกัน

“ข้าดีใจ”

ทั้งสีพระพักตร์และสายพระเนตรล้วนเป็นเฉกนั้น คือดีพระทัย

“กระหม่อมก็ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” ลังเลนิดหน่อย แล้วก็เฉลย “ที่ไม่ทรงหยุดกลางคัน”

คนฟังทรงงันไป เพิ่งเข้าพระทัยว่าอีกฝ่ายกลัวอะไร ถ้าทรงทำอย่างนั้น คงไม่แคล้วสร้างความเจ็บปวดให้เขาอีก คราวที่แล้วทางกาย คราวนี้ คงเป็นทางใจ แต่เรื่องอย่างนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นอยู่แล้ว

“ฝ่าบาททรง...รู้สึกดีไหมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล

“มาก”

ก่อนทำ ก็ตั้งพระทัยมาดีแล้ว คิดว่าถึงจะไม่เคยมาก่อนแต่ก็ต้องทำได้แน่ๆ เพราะว่าเป็นคนรักกัน       

แต่ไม่นึกเลย...ว่ามันจะให้ความรู้สึกที่ดีมากขนาดนี้




***********************************************




ในที่สุดฟีเรียสก็มีโอกาสได้ ‘เข้าห้อง’ ของเจ้าชายหกเสียที ต้นใยรักของเจ้าชายหนุ่มดูโตกว่าของเขา มันอยู่ในกระถางใบใหญ่มาก ใกล้ๆ กับหน้าต่าง ข้างโต๊ะทรงพระอักษร องครักษ์หนุ่มเพิ่งรู้ว่าเวลาที่มันออกดอกเต็มต้น จะสลัดใบทิ้งจนไม่เหลือเลยแม้แต่ใบเดียว เสียดายที่ตอนที่เขาเห็น ดอกของมันร่วงไปมากแล้ว แต่ส่วนที่เหลือที่ยังอยู่ก็มีมาก เป็นช่อสีฟ้าพราวสวย เหมือนมีหัวใจแต้มอยู่ตรงนั้นตรงนี้ตลอดกิ่งสีน้ำตาลเข้ม

ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ได้รับจดหมายจากน้องสาว เฟย์บอกเขาว่าใยรักที่บ้านก็ออกดอกเต็มต้นแล้วเหมือนกัน และชวนเขากลับไปดู เจ้าชายรามิเรสซึ่งทรงอ่านจดหมายของเขาด้วยทั้งที่ของพระองค์เองก็มีรับสั่งประทานพระอนุญาต หากว่าเขาจะลากลับไปดู ทว่าพระองค์คงจะไปด้วยไม่ได้เพราะมีงานยุ่ง ฟีเรียสจึงไม่กลับเช่นกัน เพราะเพิ่งจะได้กลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อยากให้ใครมองว่ามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ถึงจะมีจริงๆ ก็เถอะ อีกอย่างหนึ่ง เขาก็ยังไม่พร้อมจะกลับไปพบกับมารดาตามลำพัง

ไม่รู้ว่าแม่ของเขาคุยเรื่องของเขากับน้องสาวเขาบ้างรึเปล่า แต่ในจดหมาย เฟย์เล่าว่ามีผู้ชายมาจีบแอนจิเทีย และนางก็สนับสนุนให้แอนจิเทียลองเปิดใจรับไมตรีดู ถึงจะแซวเขาว่าเพราะอยู่ไกลถึงเมืองหลวง เลยต้องปล่อยให้ผู้หญิงน่ารักๆ หลุดมือไป แต่เฟย์ก็บอกเขาว่าเท่าที่เขาเขียนไปในจดหมาย เขาดูมีความสุขดี และนางก็ดีใจที่ได้รู้ว่ามีความสุข ไม่ว่าเขาจะทำอะไร และเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต นางก็จะยินดีกับเขาด้วย

ที่เขียนมาแบบนั้น เพราะยังไม่รู้...หรือรู้แล้วกันแน่ ว่านางจะไม่ได้พี่สะใภ้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฟีเรียสก็หวังว่านางจะยอมรับความสุขของเขาได้จริงๆ

อยู่กับเจ้าชายหกแห่งไมซีนนานเข้า เขาก็ซึมซับการมองโลกในแง่ดีและความใจเย็นของพระองค์มาบ้างเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองไม่คิดมากในทางร้ายอย่างที่ผ่านมา






เดือนนี้มีวันฤกษ์ดีหลายวัน และเป็นเดือนที่นิยมจัดงานมงคล ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ชนชั้นสูง หรือเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นเจ้าชายรามิเรสจึงทรงได้รับบัตรเชิญอยู่หลายงาน บางงานไม่จำเป็นต้องเสด็จไปด้วยพระองค์เองก็ได้ แต่ถ้าทรงว่างก็จะเสด็จไปเพื่อให้เจ้าของงานได้รู้สึกปลาบปลื้มใจเสมอ

ฟีเรียสต้องตามเสด็จทุกครั้งแม้จะไม่ได้เป็นเวร

เมื่ออยู่ข้างนอก การปฏิบัติต่อกันมักจะไม่เกินเลยไปกว่าเจ้าชายกับองครักษ์ ทั้งเจ้าชายหกและฟีเรียสมีความคิดเห็นตรงกันในเรื่องนี้ คือความสัมพันธ์ส่วนตัวก็เอาไว้ปฏิบัติต่อกันในเวลาส่วนตัว

มีธรรมเนียมหลายอย่างที่เจ้าชายพึงปฏิบัติต่อสตรีชั้นสูง ฟีเรียสคิดว่าเขาเข้าใจดี

ส่วนเหตุผลที่เขาหน้าตึง หรืออาจจะตาขวางไปบ้างเวลามีผู้หญิงมาทำท่าทางอ่อนหวานเอียงอายใส่พระองค์ เขาคิดว่าเจ้าชายรามิเรสก็ต้องเข้าพระทัยเหมือนกัน

กลับจากงานเลี้ยง ถ้าไม่ใช่เขาถูกดึงขึ้นไปที่ห้องบรรทม ก็ต้องเป็นเจ้าชายรามิเรสที่เสด็จตามเขาเข้ามาในห้อง แล้วก็ลงเอยด้วยการทำสิ่งที่คนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันพึงปฏิบัติต่อกันในสถานที่ส่วนตัว

เจ้าชายหกแห่งไมซีนโปรดเวลาเช่นนี้มาก ไม่เคยตรัสถามองครักษ์ของพระองค์หรอกว่าเขาหึงพระองค์ใช่หรือไม่ และไม่ได้รับสั่งอธิบายอะไรด้วย เวลาหึง ฟีเรียสจะมีอารมณ์และ ‘ว่าง่าย’ เป็นพิเศษ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัว

และพระองค์ก็จะไม่รับสั่งบอกให้เขารู้ตัวเด็ดขาด

ยกเว้นว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ ชวนให้เข้าใจผิดจริงๆ พระองค์จึงจะทรงอธิบาย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น...ก็ลงเอยด้วยการกอดกันบนเตียงอยู่ดี เพียงแต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อ่อนหวาน เชื่องช้า และทรมานจนแทบจะขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง

จริงๆ แล้วก็น่าจะเป็นทั้งสองข้าง แต่ก็ยังจะทำ

ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่า เหตุใดจึงมีคนพูดว่า...ความทรมานนั้นหวานหอม






ฟีเรียสได้พบกับบุตรีเสนาบดีคลังตามงานต่างๆ อยู่บ้าง อันที่จริงเขาก็รู้สึกผิดต่อนางอยู่มาก แต่ก็พยายามคิดอย่างที่เจ้าชายหกบอกให้คิด...คือถือเสียว่าเขาช่วยเหลือนาง ไม่ให้นางต้องทนทรมานอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักนางเลย และคงจะไม่มีวันรักนางได้
เจ้าชายรามิเรสรับสั่งว่าพระองค์ก็ทรงรู้สึกผิดต่อนาง แต่ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความรู้สึกนั้นอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์เลย

คุณหนูอันธียาคงจะรู้ หรือไม่ก็ระแคะระคายอะไรมาบ้าง เมื่อเขาค้อมศีรษะให้เป็นเชิงทักทาย นางจึงเชิดใส่และทำเหมือนไม่รู้จักเขาเลย ครั้งต่อๆ มาก็ทำเหมือนมองไม่เห็น ซึ่งก็...อาจจะดีเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกนัก สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อพบนางอีกในครั้งหลังๆ ก็คือ นางมีคู่ควงมาด้วย ถึงจะมาถวายความเคารพเจ้าชายหกตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันเกินกว่าประโยคสนทนาพื้นฐาน

ส่วนรอยอาลัยในดวงตาของนาง...เขาคงจะพยายามลืมๆ มันไปเสีย






เมื่อถึงวันที่เจ้าชายหกทรงว่างตรงกันกับเขา พระองค์ก็จะตรัสชวนเขาออกไปเที่ยวข้างนอก มีที่แปลกๆ ไกลๆ บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นสวนพฤกษศาสตร์กับที่คฤหาสน์ริมผาของเสนาบดีกลาโหม

ใยรักออกดอกหลงมาทีหลังชุดหนึ่ง เจ้าชายรามิเรสจึงทรงนำไปฝากคุณเวลธ์ หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดูยินดีมากที่ได้เห็นดอกของมันหลังจากไม่ได้เห็นมานาน เขาทูลถามว่ามันออกดอกทั้งสองต้นเลยหรือไม่

“อืม อีกต้นหนึ่งอยู่ที่บ้านของเขา”

รู้สึกว่า...ประโยคหลังนี่พระองค์จะรับสั่งบอกเอง อีกฝ่ายไม่ได้ทูลถาม

สีพระพักตร์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนดูเหมือนเด็กขี้อวดเอามากๆ

ส่วนหัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ก็ชะงักไปในตอนแรก ครั้นมองเห็นองครักษ์ประจำพระองค์ทำหน้าดุใส่เจ้าชายอย่างที่องครักษ์ไม่มีสิทธิ์ทำ ท่าทางดูขัดเขินอย่างประหลาด และเจ้าชายหนุ่มก็ทรงพระสรวลตาพราว เขาก็เข้าใจอะไรๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่คาดคิด แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าประหลาดใจเท่าไร และเขาก็นึกยินดีกับเจ้าของใยรักทั้งสองต้นจากใจจริง






“ข้าว่าจะขอซื้อบ้านริมผาจากเสนาฯ กลาโหม เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง” เจ้าชายหกทรงปรึกษากับคนรักในคืนหนึ่ง

“จะทรงซื้อไปทำไมพระเจ้าค่ะ”

“พวกเราไปที่นั่นบ่อยกว่าเจ้าของบ้านเสียอีก ข้าเกรงใจ ถ้าเป็นของเราแล้วจะไปบ่อยแค่ไหนก็ได้” ทอดพระเนตรสีหน้าครุ่นคิดของ
คนรักแล้วก็ตรัสถามอีกประโยคหนึ่ง “เจ้าไม่ชอบที่นั่นหรือ”

“กระหม่อมกำลังคิดว่า ฝ่าบาทจะทรงซื้อเพราะโปรด หรือจะทรงซื้อเพราะคิดว่า กระหม่อมชอบพระเจ้าค่ะ”

“ก็ทั้งสองอย่าง”

“...คงจะแพงมากนะพระเจ้าค่ะ”

“ทางนั้นอาจจะขายให้ในราคาเป็นกันเองเพราะเกรงใจ แต่ข้าสั่งให้คนประเมินราคามาแล้ว คงจะให้ไม่ต่ำกว่านั้น และจะเพิ่มค่าถูกใจให้อีกตามสมควร”

แปลว่ามีแต่ทางแพง ไม่มีทางถูก

“ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าชาย ถ้าท่านเสนาบดีไม่อยากขาย จะกล้าทูลปฏิเสธหรือพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้ข้าเกริ่นกับมิทรอสไว้แล้ว เห็นว่าปกติก็ไม่ค่อยได้ไปที่นั่น คุณหญิงก็อยากจะได้บ้านหลังใหม่ใกล้ทะเลสาบมากกว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เว้นวรรคแล้วก็ทรงรวบรัด “ตกลงว่าซื้อนะ”

“เงินของฝ่าบาท จะทรงนำไปทำอะไรก็สุดแท้แต่พระทัยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“มันจะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเรา ข้าก็ต้องถามเจ้าก่อน ไม่ถูกหรือ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนยังคงมีวิธีรับสั่งให้คนฟังทั้งแย้งไม่ได้ และอบอุ่นใจไปพร้อมๆ กันได้ดีเสมอ

หลังจากนั้นกิจกรรมที่ฟีเรียสได้ทำในวันหยุดก็คือตกแต่งสวนรอบๆ ‘บ้านริมผา’ เสียใหม่ เจ้าชายรามิเรสโปรดให้หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์จัดหาคนมาช่วยให้คำแนะนำ ทว่าเขากลับมาช่วยกำกับดูแลด้วยตนเอง

ใยรักต้นใหญ่ในห้องบรรทมก็ถูกย้ายมาปลูกใหม่ที่นี่ด้วย






บ้านริมผากลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่มี ‘คนคุ้นเคย’ แวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ คนที่มาบ่อยที่สุดคือเจ้าของเดิมอย่างมิทรอส เขาทูลสัพยอกเรื่องที่เจ้าชายหกทรงเปลี่ยนเป็นดื่มนมแทนเหล้าต่อหน้าฟีเรียส คำทูลของคุณชายหนุ่มยังไม่ทำให้องครักษ์หนุ่มอายเท่ากับคำตอบของเจ้าชายรามิเรส

“ดื่มเผื่อสูงเพิ่มขึ้น ถึงจะใกล้สามสิบแล้วก็เถอะ ฟีเรียสชอบดื่ม เขาเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ด น่าจะยังสูงได้อีก ข้าไม่อยากให้เขามีคนรักเตี้ยกว่าตัวเอง”

คุณชายหนุ่มหันมามองราวกับจะถามว่า รับสั่งมาอย่างนี้แล้วเจ้าล่ะ จะว่ายังไง เขาก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วกราบทูลว่าจะไปจัดผลไม้ในครัวมาถวาย ใครจะไปพูด...ว่าส่วนสูงของพระองค์ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาหรอก เขาสูง 177 พระองค์สูง 181 ก็กำลังดี ต่อให้เขาสูงถึง 190 ก็คงจะไม่คิดว่าพระองค์ทรงเตี้ย แค่นี้ก็สูงแล้ว สูงกว่านี้เขาจะเอื้อมไม่ถึง

โชคดีจริงๆ...ที่เขากล้า และเอื้อมของสูงมาไว้ในมือได้

นอกจากคุณชายใหญ่บ้านเสนาบดีกลาโหมแล้ว ที่นี่ก็เคยต้อนรับเจ้าชายพระองค์ใหญ่แห่งไมซีนกับคนรักของพระองค์ รวมทั้งเจ้าชายพระองค์อื่นๆ ด้วย โรดีอัส จิลเวล และดีลุคซก็เคยมา

“วันหลังเราชวนแม่เจ้า เฟย์ แล้วก็วอลเซนส์มาเที่ยวที่นี่บ้างดีไหม”

ฟีเรียสลังเลนิดหนึ่ง แล้วก็ตอบตกลง ทว่าก่อนที่องครักษ์หนุ่มจะได้กลับบ้านอีกครั้ง พ่อบ้านประจำพระตำหนักก็กราบทูลเจ้าชายหกทันทีที่พระองค์เสด็จกลับถึงพระตำหนักพร้อมกับเขาว่า

“พระสนมเสด็จกลับมาจากเดินทางแสวงบุญแล้วพระเจ้าค่ะ โปรดให้คนเชิญรับสั่งมากราบทูลฝ่าบาทว่า หากทรงพอจะมีเวลาว่างก็ทูลเชิญไปเข้าเฝ้าที่วิหารนอกเมือง และขอให้ทรงพาคุณฟีเรียสไปด้วยพระเจ้าค่ะ”




**************************************


อีก 2 บทจะจบแล้วค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 03-12-2014 16:18:50
องค์ชายหก เตรียมพร้อมมาก กราบบบบ!!

ฟีเรียส ก็ใช่ย่อย!! เราไปที่เตียงกันเถอะ 5555 ได้อย่างใจจริงๆ

แล้ว องค์ชายก็ได้ทราบ ในสิ่งที่คาใจ ลุ้นๆมาก อยากให้ทราบมาตลอดๆ //meคิดว่าตัวเป็นฟีเรียส  :beat: เรียกสติ

หวังว่า แม่ จะโอเคนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 03-12-2014 16:55:50
มาแบบหวานๆหวามๆ ในตอนต้น  แต่ตอนจบแอบมีสะดุ้ง  >>> คุณแม่มาแล้วววว    :hao7:  แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก(มั้ง) เพราะอีกแค่สองตอนก็จบแล้ว  คงไม่มีหักมุมหักใจคนอ่าน

ชอบเรื่องนี้มากๆ  องค์ชายหกก็แอบหวานขึ้นทุกตอนๆ  เล่นเอาเพ้อไปเลยค่ะ  อิจฉาฟีเรียสสุดๆ :katai1:

เปิดจองเมื่อไหร่อย่าลืมแจ้งนะคะ  จะอุดหนุนทั้งแบบรูปเล่มและแบบ e-book เลยค่ะ :katai3:

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2014 17:35:48
ตื้นตันใจ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 03-12-2014 17:40:39
รู้สึกฟินอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้เลยเพคะ ณ เพลานี้  :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-12-2014 17:50:49
อิ่มมมม  อุ่นๆ นวลๆ กำลังดี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 03-12-2014 17:51:21
ตื่นตันใจ จากนีัไปก้อ เรื่องแม่ๆ ล่ะใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 03-12-2014 17:56:20
 :jul1: :jul1: :jul1:

ไม่อยากให้จบเลยค่ะ กำลังฟินๆ ขอตอนพิเศษเยอะๆนะคะ รอให้ทางบ้านฟีเรียสรับรู้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 03-12-2014 18:11:54
โอ๊ยยยย!!!!!! ตายๆๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 03-12-2014 18:12:42
 :mew1: :mew1: :mew1: ลึกซึ้งและอ่อนหวานมากเลย ชอบเลยเจ้าชายเวอร์ชั่นนี้
 :a5: ห้ะ จะจบแล้วคนเขียนล้อเล่นชิมิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 03-12-2014 18:36:25
 :hao5:  พระองค์ช่างเป็นคนรอบคอบมากเพคะ

 o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-12-2014 19:56:49
เขิลค่าาาาา
คู่นี้น่ารักจริงๆ
เจ้าชายรามิเรสเตรียมตัวมาดี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-12-2014 20:00:12
อยากเป็นฟีเรียส
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-12-2014 20:47:38
ฟินมาก... เจ้าชายหกช่างฉลาดและน่ารักน่าเอ็นดูเสียนี่กระไร
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: AKAMEBIKEI ที่ 03-12-2014 20:57:46
ใกล้จบแล้วหรอคะ ไม่จริงนร้า ไม่อยากให้จบเลย
อ่านตอนนี้แล้วฟินไปสามวันแปดวัน
ดีใจจริงๆที่อัพตอนนี้ให้ เพราะตรงกับช่วงสอบพอดีเลยค่ะ
กำลังเครียดเลย อ่านไปแล้วหายเครียด มีกำลังใจสู้ต่อทันที
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ สำหรับนิยายดีๆ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 03-12-2014 21:40:05
อบอวลไปด้วยรัก




ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 03-12-2014 21:52:47
กรี๊ดเลย เจ้าชายยยย!!! ทำการบ้านมาดีตีโจทย์มาเรียบร้อย มีเขินด้วยนะ น่ารักไปละ

ชอบคู่นี้แทบบ้า ยิ้มจนหน้าเมื่อย

ชอบนิยายคุณชุนจังเลย ผูกพันธ์ลึกซึ้งกินใจดี อ่านแล้วมีความสุข คันหัวใจยิบๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-12-2014 23:32:36
ชอบเลิฟซีนของคนขี้อายมากๆ ฟีเรียสน่ารักง่ะ เจ้าชายก็อ่อนโยนมาก ขำตอนกล่อมกันตอนแรก
ถ้าจะเตรียมมาพร้อมขนาดนี้ ไปที่เตียงเถอะ 5555
โห ซื้อบ้านของสองเราไว้แล้วด้วย เงินเจ้าชายจะทำไรก็ทำเหอะ ฟีเรียสตลก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 04-12-2014 00:37:37
ท่านแม่ไม่ยอมก็จำเป้นต้องให้ยอมค่ะ ยอมรับฟีเรียสซะนะคะ ความผูกพันของทั้งสองไกลเกินที่จะแยกพวกเค้าออกจากกันแลเวล่ะค่ะ


#ฟินค่ะฟิน ฟิน ฟิน กรี๊ดดดดดดดดดดดด

จะจบแล้วเหรอ ขอตอนพิเศษเพิ่มด้วยได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-12-2014 02:42:15
งะ จะจบแร้วจิงๆหลออ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-12-2014 03:40:14
กรี๊ด รอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 04-12-2014 11:20:49
เจ้าชายน่ารักที่สุด
ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านต่อเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 04-12-2014 20:51:51
นานแล้วที่ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องที่น่ารัก ๆ ถ้าอีก 2 ตอนจะจบ แล้วเรื่องนี้จะมีตอนพิเศษแถมมั้ยคะ o13 :pig4: :call:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-12-2014 21:30:51
อ๊ายยยยยย ในที่สึดฟีเรียสเราก้อไม่รอดมือองค์ชาย
ก้อน๊าาาาาา เตรียมพร้อมมาซะขนาดนี้แร้ว จะหลุดมือได้ไง 555555
อีก 2 ตอนจะจบแร้วอ่าาาาาา
คงเป็นเรื่องแม่ๆ มาเคลียร์ เรื่องลูกๆสินะ
ไม่มาม่าหรอกเน้ออออ *3*
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 05-12-2014 01:44:16
หลังจากตกลงกันแล้วเจ้าชายละมุนมาก :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-12-2014 03:37:20
ปริ่มกับตอนนี้สุดๆ :heaven

แม่ของเจ้าชายจะว่าอะไรไหมนะ?
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 06-12-2014 01:31:35
สนุกมากๆ รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-12-2014 08:16:26
นี่ไม่รู้จะขำเจ้าชายหรือขำฟีเรียสดี  :m20:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 10-12-2014 20:33:07
เพิ่งได้เข้ามาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ ชอบจังเลยๆๆ  :impress2: :impress2:
ชอบบรรยากาศของเรื่องมากๆเลย ตอนแรกมาแอบได้บรรยากาศมังงะเบาๆ
มันเรื่อยๆจริงๆ แต่ในความเรื่อยมันก็มีความน่ารักทำให้อยากติดตามได้ตลอด
คอยเอาใจช่วยเจ้าชายหก และลุ้นว่าเมื่อไรฟีเรียสจะเลิกปากแข็งซักที 5555555

ต้องบอกว่าจะมาถึงตอนล่าสุดนี้ได้ลุ้นแทบจะหายใจไม่ออก ถ้าอ่านตอนค้างคงอึดอัดน่าดู 555555
ตลอดมาเหมือนมันหน่วงตลอดเรื่องเลย จะหวานก็ไม่สุด มันหวานปนขมตลอด
(ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเพราะความคิดเยอะคิดมากของฟีเรียสทั้งสิ้น อิชั้นล่ะเหนื่อยใจ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:)
พอตอนนี้เลยค่อยโล่งหน่อย หวานได้เต็มที่ ตอนนี้ดูเจ้าชายจะหยอดบ่อย
แล้วอีกฝ่ายก็ทำท่าเขินมากขึ้นด้วย ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก 55555555
ใกล้จบแล้ว รอติดตามต่อนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 11-12-2014 09:08:31
 :impress2: คิดถึงนะคะ มาต่อเร็วๆนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 11-12-2014 12:36:52
หุหุ ในที่สุดก็ได้เข้าห้องซะทีนะเพคะ องค์ชายหก
นึกว่าจะไม่มีวันนี้ซะแล้ว
ถนอมฟีเรียสด้วยนะเพคะ

ใกล้จบแล้วเหรอคะเนี่ย
รอรวมเล่ม ประสงค์มีมาไว้ในครอบครองเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 31 (3 ธ.ค. 57) หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-12-2014 00:24:41
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 12-12-2014 17:26:42
บทที่ ๓๒.๑



   วิหารนอกเมืองเป็นสถานที่กว้างขวางและเงียบสงบ มีต้นไม้ให้ความร่มรื่นอยู่แทบทุกบริเวณ มีบรรยากาศที่ชวนให้ผู้มาเยือนรู้สึกผ่อนคลาย ทว่าฟีเรียสไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะสงบ ร่มรื่น หรือผ่อนคลาย เขากำลังกลัว และความรู้สึกนั้นก็แสดงออกมาทางหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นจนแทบจะชนกัน

องครักษ์หนุ่มชะงักเมื่อคนดำเนินเยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อยทรงยื่นพระหัตถ์มาข้างหลังและจับมือเขาไว้ ก่อนที่พระองค์จะทรงหันพระพักตร์มาแย้มพระสรวลให้

“แม่ข้าใจดี ไม่ต้องกลัว” มือของฟีเรียสเย็นมาก ทั้งที่ปกติจะอุ่น

ฟีเรียสไม่พูดอะไร รู้สึกว่าพูดไม่ออก ทั้งที่เตรียมใจมาก่อนหน้านี้หลายวันจนคิดว่า ‘พร้อมแล้ว’ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าเฝ้าจริงๆ ก็ยังคงกังวลอยู่

“ทำตัวตามปกติ ไม่ต้องเกร็ง”

เขาก็พยายามทำอยู่ เชื่อเถอะ...เขาพยายามสุดๆ แล้ว

“ยังไงข้าก็อยู่ข้างๆ เจ้าตลอดเวลา”

ฟีเรียสมองพระพักตร์อยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มออกมาได้นิดหนึ่ง...อยากจะทำให้อีกฝ่ายสบายพระทัยมากกว่าจะรู้สึกหายกลัวแล้วจริงๆ   






สถานที่เข้าเฝ้าคือบนระเบียงหน้าเรือนพักหลังกะทัดรัดแต่งดงาม ซึ่งอยู่ถัดจากสุสานหลังวิหาร นางข้าหลวงที่ออกบวชตามเสด็จยกเครื่องดื่มและเครื่องว่างมาวางถวายบนโต๊ะกลม ถวายความเคารพแล้วจึงล่าถอยออกไปยืนห่างๆ

พระมารดาของเจ้าชายรามิเรสทรงเป็นผู้หญิงที่งามมาก แม้ว่าเวลานี้จะนุ่งขาวห่มขาว และปลงเกศาอย่างนักบวชก็ตาม เจ้าชายหนุ่มทรงรับความงามของพระมารดามาหลายส่วน ที่แน่ๆ ก็คือพระเนตร

แววพระเนตรของพระสนมเหมือนกับของเจ้าชายรามิเรส...ตอนที่พระองค์ทรงทำตัวเป็น ‘เจ้าชาย’ ไม่ใช่ ‘คนรัก’

ยังดีที่โปรดให้เขานั่ง แต่พอนั่งลงแล้วกลับใกล้ชิดกับพระองค์มากกว่าเดิมนี่ก็ไม่ค่อยดีนัก

“แม่อยากรู้เรื่องของลูกกับฟีเรียส เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ ว่าพบกันตอนไหน รักชอบกันได้ยังไง”

พระสุรเสียงนุ่มนวล รอยแย้มพระสรวลอ่อนหวาน สีพระพักตร์อารี มีเมตตา ทว่าถ้อยรับสั่งเข้าเป้า พุ่งตรงประเด็นแบบไม่มีอ้อมค้อม แตกต่างจากมารดาของเขาอย่างสิ้นเชิง

ฟีเรียสไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าพระมารดาของเจ้าชายรามิเรสจะเป็นผู้หญิงเช่นนี้

แปลกที่แทนที่เขาจะโล่งใจ กลับรู้สึกหน่วงๆ อย่างไรชอบกล

มองไปทางเจ้าชายหก ก็เห็นว่ามีลักษณะคล้ายๆ กัน บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้ ที่รู้สึกว่ากำลังนั่งอยู่ระหว่างผู้ทรงปัญญาสองคนที่เหมือนจะรู้ทันกันอยู่ตลอดเวลา โดยมีเขานั่งโง่ๆ อยู่คนเดียว

เจ้าชายหกกราบทูลพระมารดาไปตามตรง ตัดเฉพาะฉากสำคัญแต่ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลเลยแม้แต่จุดเดียว

“ไม่นึกเลยว่าลูกจะมีคนรักเป็นผู้ชาย แต่เท่าที่ฟังมา ฟีเรียสก็น่าเอ็นดูจริงๆ”

ฟีเรียสฟังแล้วก็เครียด เขาน่ะหรือ...น่าเอ็นดู พระสนมรับสั่งยังไม่พอ เจ้าชายหกยังหันมาแย้มพระสรวลให้เขาราวกับจะสนับสนุนเสียอีก

“นอนด้วยกันไปแล้วหรือยังจ๊ะ”

องครักษ์หนุ่มรู้สึกเหมือนอะไรติดคอ อยากจะส่งเสียงแต่ก็ไม่กล้า จึงได้แต่กลั้นเอาไว้จนหน้าแดง

“หลายครั้งแล้วพระเจ้าค่ะ”

รายนี้บางทีก็...พระพักตร์หนาเกิน

“แสดงว่าถึงเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาสินะ”

“ไม่มีพระเจ้าค่ะ”

ไม่ต้องตอบรับทุกคำขนาดนั้นก็ได้ บางทีพระสนมอาจจะแค่ทรงเปรย

“ลูกชอบเขาตรงไหน”

คำถามนี้ แม้แต่องครักษ์หนุ่มเองก็กลั้นหายใจรอฟัง เจ้าชายรามเรสแย้มพระสรวลอ่อนโยน ตรัสตอบเนิบๆ

“อะไรที่รวมกันแล้วเป็นเขา หม่อมฉันก็ชอบทั้งหมดพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสมองสบสายพระเนตรเนิ่นนานอย่างลืมตัว เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ ว่าคำว่าชอบของเจ้าชายหกแห่งไมซีนมีความหมายมากมายขนาดนี้

“แล้วเจ้าล่ะ ชอบลูกชายข้าตรงไหน”

หลายวันที่ใช้เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ เขาไม่ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้มา เวลานี้จึงได้แต่อึกอัก นั่งนิ่งเหมือนคนเบื้อใบ้ แม่ชีตรัสถามเขาอย่างกะทันหันเกินไป เขานึกหาคำตอบไม่ทัน

“กระหม่อม...” ยิ่งร้อนรนยิ่งลนลาน คิดไม่ออก

ยิ่งเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มก็กำลังทรงรอ เขายิ่งรู้สึกกดดัน

ฟีเรียสเป็นคนจริงจัง เขาตอบเหมือนกับเจ้าชายรามิเรสไม่ได้ ต่อให้เขาชอบทั้งหมดของอีกฝ่ายเหมือนกัน เขาก็ต้องแจกแจงออกมาเป็นข้อๆ ให้ชัดเจน

“คิดไม่ออกว่าชอบตรงไหนหรือ”

พระสนมตรัสถาม และฟีเรียสก็ไม่อยากให้พระองค์ทรงรอนานกว่านี้

“กระหม่อมชอบความพยายามพระเจ้าค่ะ”

สิ้นเสียงก็มีแต่ความเงียบ ทั้งแม่และลูกทำหน้าเหมือนกันคือแปลกใจ และนั่นทำให้องครักษ์หนุ่มยิ่งเครียด เขาทูลตอบไปอีกประโยค

“เจ้าชายหกทรงอดทนกับกระหม่อมมาก”

“เจ้าชอบที่เขามีความอดทน”

ไม่รับสั่งก็แล้วไป แต่พอรับสั่งออกมา เหมือนย้ำให้เขารู้ว่า คำตอบของเขามันแย่มาก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน แค่คำถามง่ายๆ ก็ตอบได้ไม่ดี ก้อนความรู้สึกแข็งๆ บางอย่างก่อตัวขึ้นมาจุกอยู่ตรงอก ทว่าเมื่อเจ้าชายหกทรงจับมือเขาไว้ ฟีเรียสก็เปลี่ยนเป็นตกใจแทน ถึงเขาจะวางมือไว้บนหน้าขา แต่นั่งอยู่ด้วยกันแค่นี้ แม่ชีต้องทอดพระเนตรเห็นอยู่แล้วว่าพระโอรสกำลังทรงทำอะไร

“เอาเถอะ ความอดทนก็เป็นข้อดีของรามิเรสเหมือนกัน” เว้นวรรคไปนิดก็รับสั่งต่อ “ถึงแม้ว่าเท่าที่ข้าเห็น ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยอดทนเท่าไรแล้วก็เถอะนะ”

ฟีเรียสรีบดึงมือออกจากพระหัตถ์ เห็นสีพระพักตร์เปลี่ยนไปก็นึกเสียใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็คิดว่าเขาทำถูกแล้ว พระสนมยังไม่ได้ทรงยอมรับเขา เขาไม่อยากทำให้พระองค์ทรงตำหนิว่าทำกิริยาไม่สมควร

หลังจากนั้นพระมารดาของเจ้าชายรามิเรสก็รับสั่งเรื่องอื่นๆ กับพระโอรส รวมทั้งชวนคนรักของพระโอรสคุยด้วย ทำให้ฟีเรียสรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่นั่นมันก่อนที่พระองค์จะโปรดให้เจ้าชายหนุ่มตามเสด็จเข้าไปในเรือนเพื่อรับสั่งเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ตามลำพัง

ครู่ใหญ่ เจ้าชายหกก็เสด็จออกมา เพื่อเปลี่ยนให้องครักษ์หนุ่มเข้าไปแทน

“เจ้าแม่คงรับสั่งถามเรื่องของเราเพิ่มเติม แค่ทูลตอบไปตามตรงก็พอ ไม่ต้องกลัว”

ดูจากสีพระพักตร์ไร้กังวลของพระองค์แล้วมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ฟีเรียสรู้ดีว่าคนรักของเขาพระทัยเย็น เรื่องไม่น่ากลัวของพระองค์อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเขาก็ได้

“ตอนนี้ไม่มีใครเห็น อยากให้ข้าจูบให้กำลังใจสักทีรึเปล่า”

“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ”

องครักษ์หนุ่มทูลตอบเสียงขรึม แต่ให้ตายเถอะ...รับสั่งเล่นๆ ของพระองค์ช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว

ราวยี่สิบนาทีต่อมา ฟีเรียสก็กลับออกมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ แววตากังวลลึกล้ำ และคำตอบเดียวที่เขาสามารถกราบทูลเจ้าชายรามิเรสได้ก็คือ

“แค่รับสั่งถามเรื่องของเราเพิ่มเติมพระเจ้าค่ะ กระหม่อมก็ทูลตอบไปตามตรง...ไม่ต้องกลัว”

ลอกรับสั่งของเจ้าชายหนุ่มมาเปี๊ยบ






ราวหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฟีเรียสมีวันหยุด เขาไปเยี่ยมจิลเวลและดีลุคซซึ่งเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนองครักษ์ ขณะนั้นโรงเรียนกำลังซ่อมแซมและทาสีตึกพักใหม่ องครักษ์หนุ่มเข้าไปดูห้องที่เขาเคยพัก ขณะที่กลับออกมา ก็ถูกกระถางต้นไม้ที่อยู่บนระเบียงชั้นสามตกลงมาใส่ศีรษะอย่างแรงจนถึงกับสลบไปต่อหน้าต่อตาจิลเวล

ผู้อำนวยการโรงเรียนรีบให้คนไปกราบทูลเจ้าชายหกทันทีเพราะเกรงจะมีความผิด

เจ้าชายรามิเรสเสด็จมาถึงโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นฟีเรียสนอนอยู่ที่ห้องพยาบาลและฟื้นแล้ว

ข่าวดีก็คือ เนื่องจากกระถางมีน้ำหนักเบาเพราะไม่ได้ใส่ดินไว้ ดังนั้นแม้จะมีเลือดออกแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเย็บ

ข่าวร้ายก็คือ...ความทรงจำขององครักษ์หนุ่มหยุดอยู่แค่ตอนเป็นนักเรียนองครักษ์...ก่อนหน้าที่จะได้พบกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนในคืนนั้น ที่บ้านของผู้อำนวยการโรงเรียน

ฟีเรียสดูงงๆ ปนๆ เครียด เมื่อรู้ว่าตัวเองเรียนจบแล้ว และได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายรามิเรส เขาเบิกตากว้างอย่างระแวงสงสัยเต็มที่ เมื่อเจ้าชายหนุ่มรับสั่งบอกเขาว่า เขาเป็นคนรักของพระองค์

“กระหม่อม...จำไม่ได้พระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสไม่พูดอะไรมาก เขาได้แต่ย้ำประโยคนี้ซ้ำๆ และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะฟังใครให้ข้อมูลอะไรอีกตอนนี้

“อย่างนั้นก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ”

“บ้าน?”

“ตำหนักของข้า...บ้านเรา”

องครักษ์หนุ่มนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ สายตาที่มองสบสายพระเนตรดูระแวงสงสัยไม่รู้จบ

“กระหม่อม...ขออยู่ที่นี่พระเจ้าค่ะ” เขามองไปทางอดีตหัวหน้าชั้นปีของตนเอง แต่จิลเวลไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ ในสถานที่ที่มีทั้งเจ้าชายและผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่แบบนี้

“จะอยู่ในฐานะอะไร”

“ถ้ากระหม่อมเรียนจบแล้วจริง ก็ขอเป็นครูอยู่ที่นี่ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“ขอเป็นไม่ได้ อยากจะเป็นครูก็ต้องสอบ”

“ถ้าอย่างนั้น...” องครักษ์หนุ่มหันไปทางผู้อำนวยการโรงเรียน

“ตำแหน่งครูที่นี่ยังมีที่ว่างอยู่อีกรึเปล่า ท่านทีมัส”

คนถูกถามมองพระพักตร์ ความมากประสบการณ์ในการอ่านพระประสงค์ของ ‘เบื้องบน’ ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าต้องทูลตอบว่าอะไร

“ตำแหน่งเต็มแล้ว คงยังไม่เปิดสอบอีกหลายปีพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง อึดอัดใจ

“อย่างนั้นกระหม่อมขอเป็นนักเรียน...” คำกราบทูลหยุดชะงักเมื่อเห็นรอยแย้มพระสรวลราวกับขำขัน

“เจ้าเรียนจบแล้ว จะเป็นอีกคงไม่ได้”

เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าอับจนหนทางของอีกฝ่าย เจ้าชายหนุ่มก็โปรดให้คนอื่นๆ ออกไปจากห้องก่อน

“ขอบใจพวกท่านมาก ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวข้าจะพาเขากลับไปเอง”

สีหน้าของคนเจ็บที่เหมือนเด็กมองตามแม่ไม่ได้ทำให้เจ้าชายหนุ่มทรงสงสาร ตรงข้าม กลับขัดพระทัยเสียอีก

“เจ้าเป็นของข้าแล้ว”

ถ้อยรับสั่งทำให้ฟีเรียสหันมองพระพักตร์ เขาคิดว่าพระองค์อาจจะตกคำว่า ‘องครักษ์’

“ถึงความจำจะหายไป แต่อย่างน้อยก็ต้องมีความเคยชินหลงเหลืออยู่ เจ้ากลับไปพักผ่อนให้สบายก่อน  หายแล้วค่อยทำหน้าที่เหมือนเดิม ข้าจะให้คนมาสอนงานให้ เรื่องฝีมือก็ไม่ต้องห่วง” มุมพระโอษฐ์พลันปรากฏรอยแย้มพระสรวลนิดๆ เมื่อรับสั่งถึงตรงนี้

“ถ้าฝีมือไม่ดีจริง ข้าไม่เลือกมาเป็นองครักษ์แน่”

“แต่ฝ่าบาทรับสั่งว่า กระหม่อมเป็น...” เขาหยุดเพื่อให้อีกฝ่ายทรงต่อ ทว่าเมื่อไม่ยอมรับสั่ง เขาจึงต้องพูดคำนั้นเสียเอง “คนรักของฝ่าบาท กระหม่อม...จำไม่ได้ และคงจะทำให้ฝ่าบาททรงอึดอัดพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง มันเป็นอุบัติเหตุ แค่เจ้าบาดเจ็บก็นับว่าเคราะห์ร้ายมากแล้ว เรื่องความจำเสื่อมเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า กลับไปกับข้า แล้วเราจะค่อยๆ ทำให้ความทรงจำของเจ้ากลับมาด้วยกัน”

ทั้งถ้อยรับสั่ง สีพระพักตร์ พระสุรเสียง ล้วนแต่ดูน่าเชื่อถือมาก ทว่าฟีเรียสยังคงไม่สบายใจ

“กระหม่อมจะ...ขอประทานพระอนุญาต ทูลลากลับไปบ้านก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงนิ่งคิด การกลับบ้านในเวลาอย่างนี้ก็อาจจะดี เพราะบ้านคือที่พักใจ แต่ในเมื่อพระองค์กับเขามี ‘บ้าน’ ด้วยกันอยู่แล้ว จะทรงปล่อยให้เขาไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง

“ถ้าคิดว่าจะไปถามความจริงจากแม่และน้องสาวของเจ้าก็ไม่จำเป็น เจ้าอ่านเอาจากจดหมายที่เฟย์เขียนมาหาได้ หรือถ้าสงสัยอะไรก็เขียนไปถาม”

ดูจากสีหน้าแล้ว ฟีเรียสคงกำลังพยายามหาทางเลี่ยงไม่กลับพระตำหนักอีก เจ้าชายรามิเรสจึงทรงประมวลเหตุผลและสรุปในคราวเดียว

“เจ้าเพิ่งกลับบ้านไป” ที่จริงก็นานพอสมควรแล้ว แต่ในเมื่อจำไม่ได้ ก็ยกผลประโยชน์ให้พระองค์ก็แล้วกัน “จะกลับไปอีกคงไม่เหมาะ เพราะเจ้าบอกข้าอยู่บ่อยๆ ว่าถึงเป็นคนรักกันก็ไม่อยากใช้อภิสิทธิ์ ในด้านหน้าที่การงาน เจ้าเป็นองครักษ์ การลากลับบ้านนานๆ ทำให้ข้าขาดองครักษ์ไปทั้งที่จ่ายเงินเดือนเต็มเดือน หรือถ้าเจ้ายินดีจะให้ข้าหักเงินเดือน ข้าก็ขอเตือนไว้ก่อนว่า เจ้าติดหนี้ข้าก้อนโต...เจ้าอาจจำไม่ได้ แต่เรื่องนี้มีหลักฐาน กลับไปแล้วจะเอาให้ดู ถ้าเจ้าขาดงานหลายวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะหาเงินมาใช้หนี้ข้าได้ล่าช้าออกไปอีก เพราะฉะนั้นก็กลับไปด้วยกันก่อน จะกลับบ้านหรือไปไหนก็เอาไว้ค่อยพูดกันทีหลัง”

ฟีเรียสอยากจะทูลถามว่า เขากับพระองค์เป็น ‘คนรัก’ กันแน่หรือ ทำไมถึงรับสั่งเหมือนพ่อค้าเงินกู้ขนาดนี้

อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้พูดอะไร และแน่นอนว่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกลับไปกับพระองค์






กลับถึงพระตำหนัก องครักษ์ผู้สูญเสียความทรงจำไปช่วงหนึ่งก็มีปัญหาอีก

“กระหม่อมพักห้องนี้หรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่ หรือถ้ารู้สึกว่าไม่คุ้น ไม่ชอบ ก็ยังมีให้เลือกอีกห้องหนึ่ง”

“ห้องไหนพระเจ้าค่ะ”

“ห้องข้า”

“...”

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้รับสั่งอธิบายเรื่องคดีความของฟีเรียสกับวิลให้ยุ่งยาก เหตุผลที่พระองค์ประทานให้คนรักที่ความจำเสื่อมบางส่วนฟังก็คือ คนรักกันก็ต้องอยู่ใกล้ๆ กันเป็นธรรมดา

ฟีเรียสไม่ได้ยอมง่ายๆ เขาพยายามหาเหตุผลมากราบทูลเพื่อจะได้อยู่ตึกพักองครักษ์ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลก็คือ เขาเปลืองน้ำลายเปล่า

“ธอมัสจะเป็นคนอธิบายเรื่องต่างๆ ที่สำคัญให้เจ้าฟัง อาเรห์จะบอกเกี่ยวกับหน้าที่ขององครักษ์” ทรงหมายถึงองครักษ์ประจำพระองค์นายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับฟีเรียส “ส่วนเรื่องระหว่างเจ้ากับข้า ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง” หยุดแย้มพระสรวลนิดหนึ่งแล้วค่อยรับสั่งต่อ “ทุกวัน วันละสักชั่วโมง เพื่อไม่ให้เจ้าต้องรับข้อมูลมากเกินไปในเวลาสั้นๆ”

ฟีเรียสขยับปาก อยากจะทูลถามขึ้นมาเป็นกำลัง ว่าการที่คนรักของพระองค์ความจำเสื่อม จำเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ไม่ได้เลยนี่ไม่ได้ทำให้พระองค์ทรงเศร้า สลด เดือดร้อน กังวล หรือว่าอะไรที่ใกล้เคียงบ้างเลยหรือ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา เขาก็เห็นพระองค์ทรงทำอยู่หน้าเดียว...คือหน้าแบบคนมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ต้องการ

“มีอะไรจะถามข้าไหม”

“แค่เล่าเรื่อง...อย่างเดียวหรือพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงขมวดพระขนง ครุ่นคิดอยู่ครู่จึงนึกออกว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังกังวลเรื่องอะไร

“แรกๆ ก็คงจะแค่นั้นไปก่อน แต่ถ้าเจ้ายังนึกเรื่องของเราไม่ออกเลย...อาจจะต้องกระตุ้นด้วยการสัมผัส”

องครักษ์หนุ่มยืนนิ่งขึง คนทอดพระเนตรเห็นจึงแย้มพระสรวลละมุน

“ข้ารับรองว่าจะไม่ฝืนใจเจ้า ไม่ต้องกังวล”

เมื่อฟีเรียสไม่มีอะไรจะทูลถามแล้ว เจ้าชายรามิเรสก็โปรดให้เขาพักผ่อนอยู่ที่ห้องและกำชับให้กินยาแก้ปวดหลังอาหารด้วย เสด็จ
ไปถึงประตูแล้วจึงหันกลับมารับสั่งอย่างคนที่เพิ่งนึกขึ้นได้

“ข้าลืมบอกเจ้า ว่าธอมัสกับอาเรห์จะคุยกับเจ้าทีหลัง เรจินทำให้ข้ามีวันว่างสามวัน พรุ่งนี้เราจะไปบ้านริมผากัน ข้ากับเจ้าจะได้อยู่
ด้วยกันตามลำพังสามวัน หวังว่าจะทำให้เจ้าจำเรื่องของเราได้บ้าง”

ลืมบอก...หรือตั้งใจบอกทีหลังกันแน่!





*****************************************





การใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเป็นเวลาสามวันตลอดเวลานั้นไม่ได้ทำให้ฟีเรียสลำบากใจอย่างที่นึกกังวลจนนอนไม่หลับ เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรง ‘รุก’ จนเขารับไม่ทัน พระองค์ไม่ได้ทรง ‘แตะเนื้อต้องตัว’ เขาเลย แต่ละวันผ่านไปด้วยการกินข้าวด้วยกัน รดน้ำต้นไม้ ทำสวน อ่านหนังสือ นอนกลางวัน ไปเที่ยวตลาด เข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ เดินดูของต่างๆ ถ้าไม่ชอบก็แค่ดู ถ้าชอบก็ซื้อ ถ้าชอบ...แต่บอกว่าไม่ชอบ...แล้วเจ้าชายหกไม่ทรงเชื่อว่าเขาไม่ชอบ พระองค์ก็ซื้อประทานให้ รับสั่งว่า

“เมื่อก่อนเจ้าไม่ชอบให้ข้าซื้อของให้เจ้า ข้าก็พยายามจะไม่ซื้อเพราะว่าตอนจีบก็อยากจะเอาใจ แต่ตอนนี้เจ้าจำไม่ได้ ก็ถือว่าเราเป็นแค่เจ้าชายกับองครักษ์ เจ้าไม่ควรปฏิเสธ ‘ของประทาน’ จากเจ้าชาย มันเป็นมารยาท”

บ่ายวันนั้นฟีเรียสได้หนังสือแนวที่เขาชอบอ่านมาประมาณยี่สิบเล่ม

ฟีเรียสที่สูญเสียความทรงจำได้เจอกับเด็กหญิงพรีเชียสเป็นครั้งแรก เมื่อเจ้าชายหกทรงพาเขาไปกินอาหารที่ร้านของนาง พระองค์รับสั่งบอกเขาว่า

“ไม่จำเป็นต้องให้นางรู้ว่าเจ้าจำนางไม่ได้ ทำเหมือนจำได้ นางพูดอะไรก็ตอบนางไปตามที่คิด ถ้านางถามเรื่องอะไรที่เจ้าจำไม่ได้ ข้าจะช่วยตอบให้”

เด็กหญิงช่างเจรจาเล่าเรื่อง ‘พี่นีน่า’ ให้ ‘พี่ราม’ และ ‘พี่ฟี’ ฟังจ้อยๆ ตอนที่กำลังไม่มีลูกค้า และมารดาของนางก็ไม่ได้เรียกใช้ให้ไปทำอะไร เพราะรู้ว่าลูกสาวจะได้ทิปติดไม้ติดมือมาเป็นจำนวนมากทุกครั้งที่ไปคุยเล่นเป็นเพื่อน ‘คุณชายทั้งสองท่าน’

“พี่นีน่ามีคนมาชอบเยอะนะคะ แต่พี่นีน่าไม่ชอบใครเลยสักคน นางบอกข้าว่าไม่เคยลืมพี่ฟีเลย ข้าบอกไปว่าพี่ฟีมีคนรักแล้ว แต่นางก็บอกว่าไม่เชื่อ จนกว่าจะได้เห็นด้วยตัวเองค่ะ”

ฟีเรียสยิ้มนิดๆ ให้เด็กหญิง เขาตอบอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้จะตอบยังไง

“คนที่มาจีบนาง มีคนที่เจ้าคิดว่าดีมากๆ บ้างไหม” เจ้าชายรามิเรสตรัสถาม

“อืม ก็มีนะคะ ชื่อพี่นอกซ์ ใจดีแล้วก็ขยันมากด้วยค่ะ แต่แม่พี่นีน่าไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะว่าจน”

“เจ้าทำให้สองคนนี้ชอบกันได้ไหม”

“หา! ข้าเหรอ”

เจ้าชายหกทรงพยักพระพักตร์ ขณะฟีเรียสมองพระองค์แล้วก็นิ่วหน้า หลุดปากออกไปว่า

“คิดจะทำอะไรครับ”

คนถูกถามเพียงแย้มพระสรวล ไม่ตรัสตอบ

“ทำไม่ได้หรือ”

นับว่าถามได้ถูกต้อง เพราะเด็กสาวเชิดหน้าขึ้นมาทันที

“ทำแล้วข้าจะได้อะไรล่ะคะ”

“เจ้าเห็นร้านนั้นไหม” เจ้าชายรามิเรสทรงชี้ไปทางร้านอาหารร้านใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะค่ะ แม่บอกว่าเปิดมาตั้งยี่สิบปีแล้ว พี่รามถามทำไมคะ”

“ถ้าเจ้าทำให้พี่นีน่าของเจ้าแต่งงานกับพี่นอกซ์ หรือผู้ชายดีๆ คนอื่นสักคนได้ ข้าจะสร้างร้านใหม่ให้เจ้า เอาให้ใหญ่เท่ากับร้านนั้นเลย ดีไหม”

เด็กหญิงพรีเชียสตาโต ตื่นเต้นจนเสียงสั่น

“จริงนะ พี่รามไม่หลอกข้าแน่นะคะ”

เจ้าชายเจ้ากรมสรรพาวุธแย้มพระสรวล “อืม”

“...ต้องมีค่ามัดจำก่อน...”

“ไม่มีหรอก” รับสั่งทั้งที่ยังแย้มพระสรวลนิดๆ อยู่ “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องทำก็ได้ แต่ถ้าอยากได้ ก็ต้องเชื่อใจพี่”

คราวนี้เด็กหญิงคิดนาน

“กลับไปคิดดูก่อนก็ได้”

“...พี่ไม่หลอกข้าแน่นะ”

“อืม”

พรีเชียสไม่ได้ถวายคำตอบทันที แต่ฟีเรียสมองสีหน้าและสายตาของเด็กหญิงแล้วก็สรุปได้ทันทีว่า สำเร็จเก้าสิบเปอร์เซ็นต์






“ฝ่าบาทรับสั่งจริงหรือพระเจ้าค่ะ”

องครักษ์หนุ่มทูลถาม เมื่อออกจากร้านของเด็กหญิงวัยสิบขวบและกำลังเดินไปขึ้นม้าที่ผูกไว้ใต้ต้นไม้กับเจ้าชายหนุ่ม

“ข้าไม่หลอกเด็ก”

“ทรง...ทำไปทำไมพระเจ้าค่ะ”

“สงสารพี่นีน่าของนาง ไม่อยากให้นางหลงรอคนที่จะไม่มีวันรักนางตอบ”

“ทรงมั่นพระทัยได้ยังไงพระเจ้าค่ะ ว่ากระหม่อมจะไม่ชอบนาง”

สายพระเนตรของเจ้าชายรามิเรสมีความหมาย อะไรบางอย่างร้องเตือนฟีเรียสแล้วว่าควรยุติบทสนทนาเรื่องนี้เอาไว้เพียงเท่านี้ ควรกราบทูลว่าเขาไม่อยากจะรู้แล้ว แต่ปากกลับยังไม่ขยับ

“เจ้าเคยถามข้าว่าข้าหึงเจ้ากับนางไหม ข้าตอบว่าใช่ ถึงเจ้าจะจำไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ”

ฟีเรียสเกือบจะรักษาสีหน้าเรียบเฉยอย่างคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเอาไว้ไม่ได้

“...กระหม่อมคิดว่า ฝ่าบาททรงลงทุนมากเกินไป” เปลี่ยนประเด็นไปเป็นเรื่องอื่นเสีย จะได้ไม่เข้าตัวอีก

“ถ้าหมายถึงเรื่องเงินก็ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญ เผื่อกุศลของการทำให้คนได้แต่งงานกันจะทำให้ข้าได้คนรักของข้าคืนมา”

คนฟังสะท้านใจ






คืนสุดท้ายที่มาพักผ่อนที่บ้านริมผา เจ้าชายรามิเรสตรัสชวนองครักษ์ของพระองค์มานอนดูดาวที่ระเบียงห้องบรรทม ฟีเรียสขัดไม่ได้จึงต้องมา

บริเวณระเบียงมีเก้าอี้ตัวใหญ่บุผ้าฝ้ายสำหรับนั่งกึ่งนอนสองตัว มีหมอนใบใหญ่เอาไว้รองหลังสองใบ มีโต๊ะกลมตั้งอยู่ข้างเก้าอี้ตัวซ้ายหนึ่งตัว และบนนั้นมีนมอุ่นๆ สองแก้ว ฟีเรียสไม่ได้นำมาถวาย แต่พอเขามาถึงมันก็มีอยู่แล้ว แค่เขามองพระพักตร์ เจ้าชายหนุ่มก็รับสั่งราวกับจะรู้ใจ

“ข้าสั่งให้เรจินเอามาให้ นั่งลงสิ ดื่มตอนที่ยังอุ่นๆ อยู่”

ฟีเรียสคิดว่า บางทีหัวหน้าของเขาก็เหมือนภูตพราย ไปมาตอนไหนเขาก็ไม่เห็น

องครักษ์หนุ่มค้อมศีรษะถวายคำนับอย่างเป็นพิธีการ ทูลขอบพระทัย แล้วจึงนั่งตัวตรง พึมพำขอบพระทัยอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายทรงยื่นแก้วนมประทานให้ และเพราะพระองค์ทรงจับกลางแก้ว เขาจึงต้องรับสองมือ คือจับใกล้ๆ กับปากแก้ว และจับใกล้ๆ กับก้นแก้ว
พยายามแล้ว แต่มือก็ยังสัมผัสกับพระหัตถ์

ฟีเรียสมองพระพักตร์ เจ้าชายหกแย้มพระสรวลนิดๆ เป็นปกติ

“ขอโทษ”

แววตาของคนฟังมีรอยหวั่นไหว ก่อนจะเม้มปากนิดๆ แล้วหลุบตาลง ถ้าไม่มีชนักติดหลังอยู่ เขาคงไม่ ‘รู้สึก’ ถึงขนาดนี้

“นั่งให้สบายๆ เถอะ ไม่ต้องเกร็ง”

“กระหม่อมนั่งอย่างนี้ก็สบายแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ถ้าไม่เอนหลังพิงหมอน ข้าจะสั่งให้เจ้ามานอนเตียงเดียวกัน”

สีหน้าของคนฟังครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ ก็รีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยอย่างที่ควรจะเป็น และนั่งในท่าที่ผ่อนคลายขึ้น

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลนิดหนึ่ง แล้วก็ทรงดื่มนมของพระองค์ไป ไม่ได้รับสั่งอะไรอีก ที่เคยรับสั่งว่าจะทรงเล่าเรื่องในอดีตให้องครักษ์หนุ่มฟังวันละหนึ่งชั่วโมงนั้น เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว บางทีพอได้ทำอะไรที่เคยทำ พระองค์ก็จะรับสั่งเล่าย้อนให้ฟังบ้างเป็นระยะ ส่วนเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ว่า ก็อาจจะแค่ต่างคนต่างนั่งอ่านหนังสือในห้องเดียวกันเงียบๆ หรือนั่งดูดาวด้วยกันอย่างคืนนี้

แค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น

เวลาผ่านไปนานเข้า ฟีเรียสก็ลืมเกร็ง เขาปล่อยตัวตามสบาย อยากจะซึมซับความสงบนี้เอาไว้ ก่อนจะต้องระมัดระวังทุกการกระทำและคำพูดอยู่ตลอดเวลาอีกครั้ง

“ฟีเรียส”

เจ้าของชื่อเกร็งตัวขึ้น นั่งตัวตรงทันที

“นอนลงไปนั่นล่ะ”

องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะทำตามเลย แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงองครักษ์ ไม่ใช่ ‘คนรัก’ จึงมีแต่ต้องทำตามรับสั่งเท่านั้น เจ้าชายรามิเรสได้ไม่หันมามองเขาเลย ขณะรับสั่งถาม

“เจ้าอยากจะได้ดาวสักดวงไหม”

“...”

“เล็งดวงที่เจ้าชอบเอาไว้ แล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าสิ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงเห็นเขาเป็นเด็กเล็กๆ หรือยังไง แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้าชาย ก็ต้องทำตาม

“กางนิ้วออกกว้างๆ ยื่นแขนออกไปให้สุด ตั้งใจให้ดี”

ถ้อยรับสั่งนุ่มๆ นั้นราวกับมีมนต์ขลัง จากที่คิดว่าเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก ฟีเรียสกลับตั้งใจทำขึ้นมาจริงๆ

“แล้วก็คว้ามันมา”

องครักษ์หนุ่มค่อยๆ งอนิ้วเข้าหากัน

สิ่งที่เขาคว้ามาได้...คือพระหัตถ์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีน

คนถูกหลอกให้ประสานมือด้วยหันไปมองพระพักตร์ของคนที่เอามือเขาไปวางไว้บนพระนาภีของพระองค์หน้าตาเฉย เจ้าชายหนุ่มทรงหันมามองยิ้มๆ

แลดูเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก

“เสียใจรึเปล่า”

“เรื่องอะไรพระเจ้าค่ะ” เรื่องที่ถูกหลอกน่ะหรือ

“ที่ไม่ได้ดาว”

เขาไม่ใช่เด็กสามขวบ จะได้เชื่อ ถ้าคว้ามาได้จริงๆ สิ...ถึงตอนนั้นค่อยตกใจ

“เจ้าอาจจะคว้าดาวไม่ได้ แต่เจ้าได้ข้า”

หัวใจของคนฟังสั่นสะท้าน

“ข้าจะจับมือเจ้าแล้วพาเจ้าไปเอง”

“ไปไหนพระเจ้าค่ะ”

“ไปให้ถึงดวงดาว”

ยังซึ้งอยู่ แต่เมื่อมองแววประหลาดในสายพระเนตรนานเข้า ก็รู้สึกว่าชักจะทะแม่งๆ ไม่ได้การเสียแล้ว

“ไปกันไหม”

“ไม่ไปพระเจ้าค่ะ” คนถูกชวนทูลตอบเสียงแข็ง

“แต่เจ้าหน้าแดง...แสดงว่าจำได้บ้างแล้วใช่ไหม”

ฟีเรียสเพิ่งรู้สึกตัว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาขยับมือ...ปล่อยสิ่งที่เขาคว้ามาได้ให้หลุดมือไป องครักษ์หนุ่มลุกขึ้นยืนตัวตรง หน้าขรึม

“กระหม่อมยังจำไม่ได้ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทไม่ทรงมีเรื่องอะไรจะให้กระหม่อมทำถวายอีก กระหม่อมก็ขอทูลลากลับห้องพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกทอดพระเนตรคนที่ฝืนมองสบตากับพระองค์ด้วยสีหน้าที่พยายามทำให้ดูเหมือนไร้ความรู้สึกอยู่ชั่วอึดใจ

“ไปเถอะ”

องครักษ์หนุ่มค้อมตัวลงถวายความเคารพและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นความเจ็บปวดในดวงตา

เขารู้แล้ว ว่าวิธีที่จะทำให้ได้เจ้าชายหกแห่งไมซีนมาไว้ในกำมือนั้นไม่ยากเลย สิ่งที่ยาก...คือวิธีที่จะเก็บรักษาพระองค์เอาไว้ให้อยู่กับเขาไปนานๆ ต่างหาก





******************************************



บทที่ 32 ยาวหน่อย ขอแบ่งครึ่งค่ะ ครึ่งหลังจะตามมาเร็วๆ นี้
ส่วนตอนพิเศษไม่มีนะคะ
หลังจากบทที่ 33 แล้วก็จะมีบทส่งท้ายอีกนิดนึงค่ะ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 12-12-2014 17:47:01
ชอบเวลาองชายจีบนี่แหละ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-12-2014 18:34:40
ฟีเรียสจำไมได้จริงๆเหรอคะ...
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-12-2014 18:56:15
เหมือนว่าจะเริ่มจำได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2014 19:17:30
เข้าไปคุยอะไรกับพระสนมถึงได้แกล้งความจำเสื่อม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-12-2014 19:25:08
เป็นแผนการอะไรหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 12-12-2014 19:27:26
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกว่าฟีเรียสไม่ได้ความจำเสื่อม
แม่ขององค์ชายหกให้ทดสอบอะไรรึเปล่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 12-12-2014 20:40:37
ทำไมเลือกวิธีนี้อ่า.... ไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆใช่มั้น
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 12-12-2014 21:16:35
ไม่ว่าจะความจำเสื่อมจริง หรือฟีเรียสแค่ทดสอบ

แต่เจ้าชายยังทรงมีมุกที่ทำห้คนอ่านจิกหมอนอิ๊อ๊างได้ตลอดนะคะ ชอบตอนหลอกให้คว้าดาวอ่ะ โอย ตายย :o8: :jul1:

น่ารักแท้ อิจฉาฟีเรียสงะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-12-2014 21:26:17
ความจำเสื่อม!!! ??


 :a5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-12-2014 21:44:53
ีฟีเรียสหลอกเจ้าชายไม่ได้หรอก
องค์ชายก็หยอดตลอด เขินแทน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-12-2014 22:37:30
เราว่าเจ้าชายรู้ทันแต่แรกแล้วล่ะ
คุณแม่สามีมีเอี่ยวใช่มั้ยฟีเรียส

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-12-2014 23:21:08
สงสัยแม่องค์ชายอ่ะ  o18
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-12-2014 23:25:58
ทำไมฟีเรียสทำงี้อ่ะ แต่คงจะเจ็บปวดใจอยู่เหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 13-12-2014 01:10:38
ฟีเรียสหลอกเหรอ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 13-12-2014 01:25:25
เดาว่าเจ้าชายรู้นะว่าเป็นแผน ส่วนฟีก็ไม่น่าจะจำไม่ได้ อาจเป็นหมากในแผนของแม่เจ้าชายป่าว :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-12-2014 01:39:34
เข้าใจว่าองค์ชายน่าจะรู้นะว่า ฟีเรียสไม่ได้ความจำเสื่อม
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-12-2014 01:57:03
หืมมมมมมมมม ความจำเสื่อมมมม ไม่นะๆๆๆๆ ล้อเล่นกันใช่มั้ยยยยย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 13-12-2014 05:34:33
คิดว่าพระสนมนี่แหละ ตัวตั้งตัวตีเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 13-12-2014 12:41:22
ฟีเรียสแกล้งความจำเสื่อมไปก็เท่านั้น หนีเจ้าชายไม่พ้นหรอก
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 13-12-2014 14:11:14
แม่ผัวกลั่นแกล้งลูกสะใภ้เหรอ? :serius2:

สงสารฟีเรียสปนหมั่นไส้ตะหงิดๆ
เจ้าชายก็หยอดเมียต่อไป

รอครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-12-2014 19:43:53
ฟีเรียส ทำอะไรรรรรรร
ถามจริงเจ็บในหัวใจรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 13-12-2014 20:10:44
แม่องค์ชาย ภายนอกก็ปลงทิ้งไปหลายอย่างแล้ว

ทำไม ถึงไม่ปลงเรื่องของลูกชายบ้างหนอ

ฟีเรียสเอ๋ย จะหลอกคนอย่างองค์ชายนี่คิดบ้างไหม

ทั้งฉลาด ทั้งเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ จะถูกหลอกได้ไง ยิ่งอ่านยิ่งรักองค์ชาย  :L1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-12-2014 22:16:09
ฟีเรียสทดสอบความอดทนเจ้าชายอีกแล้ว พระสนมสั่งหรือ หรือความจำเสื่อมจริง
ถึงเจ้าชายจะเข้มแข็งยังไงก็ต้องมีท้อบ้างล่ะนะ
เจ้าชายเก่งและฉลาดสมเป็นเจ้าชายค่ะ คนอ่านรักมาก
ชอบตอนบอกว่าเจ้าเป็นของข้า กับตอนที่ให้ฟีเรียสคว้าดาวแต่ท่านจับมือฟีเรียสเอาไว้
ฮาตอนท่านบอกแม่ว่านอนกันหลายครั้งแล้ว ฟีเรียสบ่นในใจว่าทรงด้าน 555
ขอให้หายไวๆ นะฟีเรียส

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 14-12-2014 00:09:37
ขอคำถามตัวโตๆเลยค่ะว่า


"ฟีเรียสความจำเสื่อมแน่นะ?"
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-12-2014 02:31:53
เห้อไม่ไหวๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (12 ธ.ค. 57) หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 15-12-2014 15:56:48
เกิดอะไรขึ้น ฟีเรียสสสสสส
บอกฉันมาาาาาาา
ทำไมคุยเสร็จแล้วกลายเป็นแบบนี้
ฮึกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 15-12-2014 17:44:53
บทที่ ๓๒ (ต่อ)


ฟีเรียสเพิ่งจะสูญเสียความทรงจำไปได้แค่เจ็ดวันเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคนี้มานานเหลือเกิน เขากลับมาทำงานตามปกติแล้ว เพื่อนร่วมงานไม่มีใครพูดเรื่องความจำเสื่อมกับเขา จะเป็นเพราะไม่รู้หรือเจ้าชายรามิเรสตรัสสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้พูด เขาก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ทั้งที่เขาควรจะสบายใจขึ้น เขากลับยังอึดอัดใจอยู่เหมือนเดิม

ไม่แปลกที่เขาจะรู้จักเพื่อนร่วมงานทุกคน เพราะอาเรห์ เพื่อนร่วมรุ่นของเขาซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าเขาสูญเสียความทรงจำเป็นคนให้ข้อมูล

แต่บางที...เขาก็เผลอพูดเรื่องที่คน ‘จำไม่ได้’ ไม่ควรจะรู้ออกไป

โล่งใจไปที่เพื่อนองครักษ์ด้วยกันไม่มีใครรู้สึกผิดหู แต่ยังอดระวังตัว ระวังคำพูดอยู่ตลอดไม่ได้อยู่ดี






ฟีเรียสเจอโรดีอัสครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงที่ฝ่ายนั้นเป็นเวรตามเสด็จเจ้าชายเฮเดสไป เพื่อนสนิทของเขาพูดเหมือนไม่รู้ว่าเขาสูญเสียความทรงจำ ฟีเรียสลำบากใจมาก พยายามจะพูดให้น้อยคำเข้าไว้ เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกอีกฝ่ายไปดีหรือไม่ ว่าเขาจำไม่ได้ ถ้าบอก...โรดีอัสอาจพยายามหาทางทำให้เขาจำได้ และชีวิตของเขาก็คงจะยุ่งยากขึ้น

โชคดีที่เจ้าชายหกทรงพยักพระพักตร์เป็นเชิงตรัสเรียกให้เขาไปหาเสียก่อน จึงไม่ต้องคุยกับโรดีอัสนาน

อย่างไรก็ดี ก่อนจะจากกัน โรดีอัสพูดอย่างจริงจังเป็นประโยคสุดท้าย

“มีเรื่องอะไรที่บอกเจ้าชายหกไม่ได้ก็ปรึกษาข้าได้นะ ฟีเรียส สีหน้าเจ้าดู...แย่ๆ ว่ะ”

ฟีเรียสชะงัก แล้วก็พยักหน้า

เขารู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเขาเครียด มองกระจกตอนโกนหนวดก็เห็นอยู่ว่าสีหน้าของเขาดูหม่นหมองและอิดโรย หลายวันที่ผ่านมาเขานอนแทบไม่หลับ ใต้ตามีรอยคล้ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และดูจะไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้เขาสักเท่าไร

องครักษ์หนุ่มได้แต่คิดว่าเขาต้องอดทน เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น ไม่นานเลย แล้วเรื่องเลวร้ายนี้ก็จะผ่านไป สิ่งที่เขาภาวนามีอยู่เพียงอย่างเดียว

คือขอให้เจ้าชายรามิเรสอย่าเพิ่งทรงหมดความอดทนกับเขาไปเสียก่อน






เจ้าชายหกแห่งไมซีนดูจะไม่ใช่คนหมดความอดทนง่ายๆ แต่ฟีเรียสเพิ่งรู้ตัว ว่าเขามีความอดทนน้อยกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้มาก
เจ้าชายหนุ่มทรงได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสองคืนติดกัน บรรยากาศในงานก็เหมือนๆ เดิม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เดิมๆ ที่ไม่เหมือนเดิมอาจจะเป็นตัวเขาเอง เขากำลังอยู่ในช่วง ‘สูญเสียความทรงจำ’ ดังนั้นไม่ว่าจะสีหน้าหรือสายตา ก็ล้วนแต่แสดงออกไม่ได้ ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยแสดงออกนัก เพียงแต่เมื่อก่อนนั้นเขารู้ตัวว่า ‘มีสิทธิ์’ แต่ไม่ใช้สิทธิ์ แต่ตอนนี้...เขาอยู่ในสถานะที่ ‘ไม่มีสิทธิ์’ แม้ว่าเจ้าชายรามิเรสจะไม่ได้ทรงถอนสิทธิ์ของเขาก็ตาม

กลับถึงพระตำหนัก ฟีเรียสจะเดินไปส่งเสด็จที่เชิงบันได ทว่าเจ้าของพระตำหนักกลับทรงเลี้ยวขวา

“ไปที่ห้องเจ้า”

ฟีเรียสเป็นคนเปิดประตู แต่เจ้าชายหนุ่มเสด็จเข้าไปก่อน องครักษ์หนุ่มล็อคประตู เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเจ้าของวรองค์สูงโปร่งทรงยืนอยู่ใกล้กับเขามาก

ที่จริงเขารู้อยู่แล้ว แต่ก็หันกลับมา

ต่างฝ่ายต่างยืนมองตากันอยู่ ลมหายใจร้อนผ่าวเกือบจะรินรดกัน หน้าค่อยๆ เคลื่อนใกล้กันมากขึ้นทีละนิด ทีละนิด ฟีเรียสหายใจแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ชั่ววูบที่ยังพอจะหักห้ามใจได้อยู่ เขาคิดจะเบือนหน้าหนี ทว่าเจ้าชายหกทรงเร็วกว่าเขา

พระโอษฐ์ทาบชิด แนบติดกับริมฝีปากของเขาเบาๆ เพียงเท่านั้น ก็กระชากเอาความยับยั้งชั่งใจของเขาออกไปจนหมดสิ้น

องครักษ์หนุ่มเปิดปาก...แล้วจูบตอบ

ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน แต่เมื่ออีกฝ่ายตรัสถามพระสุรเสียงนุ่มว่า

“จำได้บ้างแล้วใช่ไหม”

เขาก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด รีบดันพระอังสาของพระองค์ออกห่างแล้วเลี่ยงออกจากบริเวณประตูทันที

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ บางที...อาจจะเป็นความเคยชิน กระหม่อมเลยลืมตัว”

ไม่น่าเลย...ฟีเรียสได้แต่ก่นด่าตัวเอง หันไปทางอื่นก็ดีอยู่แล้ว เขาไม่น่ามองไปทางพระองค์เลย ถ้าไม่มอง ก็ไม่ต้องเห็นร่องรอยความเสียพระทัยในสายพระเนตรแล้ว

“ไม่เป็นไร”

บางที...เขาก็เกลียดคำนี้ของพระองค์เหลือเกิน

เขาเห็นอยู่ว่าเป็น...ก็ยังจะหลอกเขาอีก

“ที่จริงข้าแค่อยากจะคุยเรื่องหลานสาวนายพลเรือกับเจ้า”

อารมณ์ของคนฟังขุ่นมัวขึ้น แต่ก็พยายามจะใจเย็นเมื่อรู้ว่าเริ่มจะไม่มีเหตุผล

“ได้ยินมาว่านางชอบผู้หญิงด้วยกันมากกว่าผู้ชาย แต่ถึงข่าวลือจะไม่จริง เจ้าก็ไม่ต้องคิดมาก และข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเจ้า เราแค่คุยเรื่องที่เที่ยว เอาไว้ข้ามีเวลาว่างและความจำของเจ้ากลับมาแล้ว เราค่อยไปเที่ยวทะเลกัน”

“...”

“...”

“ถ้ากระหม่อมจำไม่ได้เลยตลอดไปเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนนี้ข้าอยากจะพยายามทำให้เจ้าจำได้ให้ได้มากที่สุด การทำให้เจ้ารู้สึกหึงหวงอาจจะทำให้เจ้าจำเรื่องอะไรระหว่างเราขึ้นมาได้บ้าง แต่ขอให้เชื่อว่า มันไม่ใช่วิธีที่ข้าจะเลือกทำเด็ดขาด ข้าอยากจะทำให้เจ้าจำได้เพราะเจ้ามีความสุขเวลาอยู่กับข้า ไม่ใช่เพราะทุกข์มากถึงนึกออก”

ถามว่าเขาหวั่นไหวไหม เมื่อได้ยินพระองค์รับสั่งอย่างนี้

...ไม่หรอก...

มันยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่าคำว่า...หวั่นไหว

เจ้าชายหกเสด็จกลับไปห้องของพระองค์แล้ว พาเอาความรู้สึกอบอุ่น มีชีวิตชีวาออกไปจากห้องนี้ด้วย และเมื่อคิดถึงจูบแรกที่ได้รับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อารมณ์โหยหาก็โหมทวีอยู่ในอกราวกับพายุ

ฟีเรียสไม่เคยใช้เจ้าชายหกแห่งไมซีนเป็นเครื่องมือในการสำเร็จความใคร่มาก่อนเลย เขาสาบานได้

...จนกระทั่งวันนี้...






ดูจากตารางเวรแล้ว ฟีเรียสยังไม่มีวันหยุดในช่วงเวลาอันใกล้นี้เลย แต่เขาเครียดมากจนต้องขอลาพักหนึ่งวัน และเรจินก็อนุญาตโดยไม่ต้องรอกราบทูลเจ้าชายหก

องครักษ์หนุ่มไม่มีที่ไหนให้เลือกไปมากนัก เขาไม่อยากไปบ้านโรดีอัส จึงตัดสินใจไปขอพักกับดีลุคซที่บ้านพักครูในโรงเรียนองครักษ์สักคืนหนึ่ง และฝ่ายนั้นก็เต็มใจอย่างยิ่ง

“เจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า อยากจะให้ข้าหรือจิลเวลช่วยไหม ข้าอาจจะช่วยไม่ได้ แต่จิลเวลน่าจะคิดอะไรดีๆ ออก”

ดีลุคซก็พูดเหมือนโรดีอัส แต่มันเป็นเรื่องที่เขาพูดกับใครไม่ได้

“เครียดเรื่องจำไม่ได้รึไง ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องรีบ ข้าก็ไม่ค่อยรู้ แต่คิดว่าเรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลา ที่สำคัญ เจ้าชายหกก็ไม่ได้ทรงเร่งรัดเจ้าไม่ใช่หรือ...หรือว่าใช่”

ฟีเรียสส่ายหน้า เอ่ยปากขอบใจอีกฝ่าย แต่ยังคงไม่เล่า

“เจ้าจะไปห้องจิลเวลรึเปล่า”

เพื่อนร่วมรุ่นที่หล่อที่สุดในรุ่นของเขาดูมีท่าทางเขินๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง

“ไม่เป็นไร คืนนี้ข้าว่าจะคุยกับเจ้าทั้งคืน เผื่อเจ้าจะจำเรื่องอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

ตั้งแต่เมื่อไรนะ ที่เขาเกลียดคำว่า ‘ไม่เป็นไร’

หลังจากโต้เถียงกันไปมาอยู่สองสามประโยค ในที่สุดดีลุคซก็ไปที่ห้องของคนรัก ส่วนฟีเรียสก็ได้อยู่ในห้องพักตามลำพัง

เป็นห้องพักที่ไม่กว้างมากนัก และตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีข้าวของอยู่ไม่มาก ตรงข้ามกับห้องพักของเขาในพระตำหนักของเจ้าชายหกอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าห้องจะกว้างหรือแคบ ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเขาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม

ฟีเรียสนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตัดสินใจพูดกับจิลเวล ขอนักเรียนองครักษ์คนหนึ่งถือจดหมายขอลาพักเพิ่มอีกสองวันไปให้เรจิน และเมื่อนักเรียนองครักษ์ผู้นั้นกลับมา สิ่งที่เขาถือมาด้วยก็ไม่ใช่คำอนุญาตหรือจดหมายตอบ แต่เป็นพระหัตถเลขา

กระดาษสีฟ้า บนหัวกระดาษมีตราประจำพระองค์นั้นช่างคุ้นตา

...อนุญาตให้ลาพักได้นานเท่าที่ต้องการ แต่ถ้าเมื่อไรที่คิดถึงข้า ก็ขอให้กลับมา...

ไม่ต้องรอเวลาหรอก ตอนนี้เขาก็คิดอยู่

...คิดถึง...







ฟีเรียสไม่ได้อยู่เปล่าๆ เขาเป็นครูพิเศษให้นักเรียนองครักษ์ของดีลุคซ เขามีรุ่นน้องเข้ามาพูดคุยด้วย ถึงจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักตอนเป็นนักเรียน แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นรุ่นพี่เพียงคนเดียวที่กลับมาเยี่ยมโรงเรียน ซ้ำยังเป็นถึงองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชาย เขาก็กลายเป็นคนที่ได้รับความนิยมขึ้นมาทันที

“เจ้าชายหกทรงเป็นอย่างไรบ้างครับ พระทัยดีกับองครักษ์รึเปล่า”

รายนี้สอบได้ที่เจ็ดของชั้นปี ในอนาคต...อาจได้ทำงานหน่วยเดียวกับเขา

เจ้าชายหกๆๆๆๆๆๆ  วันทั้งวันไม่รู้ว่าเขาได้ยินคำนี้ไปกี่หน แต่ไม่ใช่เพราะได้ยินหรอก ที่ทำให้เขาคิดถึง ตอนที่นอนอยู่คนเดียวในห้องเงียบๆ เขาก็คิด

ไม่ได้คิดถึงอะไรดีๆ ของพระองค์เลย คิดแต่สายพระเนตรผิดหวัง สีพระพักตร์เสียใจ และบรรยากาศเศร้าๆ รอบๆ พระองค์ในบางวูบที่พระองค์อาจจะคิดว่าเขามองไม่เห็น

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงเร่งรัดเขา ไม่เคยรับสั่งให้เขาพยายาม แต่สีพระพักตร์ที่เปลี่ยนไปชั่วแวบที่เขาทูลว่าจำไม่ได้ ก็เสียดแทงหัวใจเขามากแล้ว

พระองค์ทรงจับมือ เขาก็ต้องดึงออก สายตาอาทรที่มองมา เขาต้องตอบกลับด้วยแววตาเฉยเมยเหมือนไม่รู้สึก อยากจะสัมผัส ก็สัมผัสไม่ได้ อยากจะจูบ ก็จูบไม่ได้ อะไรที่มากไปกว่านั้นยิ่งไม่มีหวัง

นี่เพิ่งแค่สิบสามวันเท่านั้น ยิ่งนาน...เวลาก็ยิ่งเดินช้าลงเรื่อยๆ






ไม่รู้เมื่อไรที่รู้สึกว่าห้องเป็นเหมือนคุก องครักษ์หนุ่มผิวเข้มร่างโปร่งออกมาเดินเล่นข้างนอกทั้งที่ลมแรงมาก ฝนใกล้จะตกเต็มที อดีตครูของเขาเพิ่งจะเดินสวนเข้าไปในตึกพัก และเตือนให้เขากลับเข้าห้องไปดีกว่า

“อีกเดี๋ยวคงตกแน่”

“อยากจะออกไปเดินเล่นแถวๆ นี้สักเดี๋ยวครับ ถ้าตกก็คงรีบเข้ามาทัน”

อีกฝ่ายบอกตามใจ แล้วก็เดินแยกไป ส่วนฟีเรียสก็ไม่ได้ไปไหนไกล เขาออกมาเดินเล่นเพื่อให้ลมแรงๆ ช่วยทำให้ใจของเขาสงบลงบ้าง แต่ความอึดอัดของเขาดูเหมือนจะไม่มีทางออก มันพัดโหมอยู่ข้างในและไม่สามารถหยดลงมาได้เหมือนฝน

เขา...คิดถึง

การอยู่ห่างกันไม่ได้ช่วยทำให้เขาลำบากน้อยลงเลย

พิษของความคิดถึงรุนแรงยิ่งกว่าพิษของความรักเสียอีก

มันกัดกร่อนหัวใจของเขาเสียจนพรุน

ฝนหยดแรกตกลงมากระทบแขน แต่ฟีเรียสยังคงเดินอยู่ เขาอ้อมไปข้างหลังตึก หันหน้าเข้าหากำแพง สองมือยันกำแพงเอาไว้แล้วก้มหน้าลงอย่างทรมาน หัวคิ้วขมวดแน่น กัดฟัน เม้มปากสนิท

รสจูบในคืนนั้นยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก ทว่าสายพระเนตรสะเทือนใจกลับฝังหัวเขามากยิ่งกว่า

...จำได้บ้างแล้วใช่ไหม...

ฟีเรียสกำหมัดแน่น แล้วระบายความอึดอัดด้วยการต่อยกำแพง

ปึ้ก!

...ไม่เป็นไร...

ปึ้ก!

...ข้าอยากจะทำให้เจ้าจำได้เพราะเจ้ามีความสุขเวลาอยู่กับข้า ไม่ใช่เพราะทุกข์มากถึงนึกออก...

ปึ้ก!...ปึ้ก!...ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!...

...ซู่...

หากใครสักคนจะได้ยินเสียงคนชกกำแพง ตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ยินแล้ว เพราะถูกเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมาดังกลบจนหมด






เมื่อคืนนี้ฟีเรียสกินยาดักไข้เอาไว้แล้ว ทว่าเช้านี้ก็ยังรู้สึกว่าปวดหัวมากและตัวร้อนรุมๆ เขาไปอาคารพยาบาลทันทีที่ตื่น และถูกหมอดุเรื่องที่ไม่ยอมมาหาตั้งแต่เมื่อคืน

กระดูกข้อนิ้วข้างขวาของเขาหัก หมอต้องเข้าเฝือกเอาไว้ให้และให้ใช้ผ้าสามเหลี่ยมคล้องแขนไว้กับคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเผลอใช้มือทำอะไร จนเป็นเหตุให้กระดูกประสานกันได้ช้า และให้เขากินยาแก้ไข้ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น

ใครต่อใครที่เดินผ่านเขาล้วนแต่ถามเรื่องมือ องครักษ์หนุ่มได้แต่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ และไม่มีใครกล้าซักถามมากกว่านั้น มีเพียงจิลเวลและดีลุคซที่ไม่ยอมรู้แค่นั้น เขาจึงต้องยอมบอกความจริงและถูกดุกลับมา

ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็...รู้สึกดีขึ้นบ้าง

ชายหนุ่มนอนพักอยู่ในห้อง พิษไข้และความอ่อนเพลียที่สะสมมาหลายคืนทำให้เขาหลับเป็นตาย ก่อนจะตื่นขึ้นตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อดีลุคซมาบอกว่า

“เจ้าชายหกเสด็จมา โปรดให้เจ้าไปเข้าเฝ้าที่ห้องผู้อำนวยการ”

เขาไม่อยากเจอพระองค์ตอนนี้เลย แต่ก็...อยากเจอ







สถานการณ์คล้ายๆ กับตอนแรกที่พบกันเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่อารมณ์ความรู้สึกล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ฟีเรียสยังคงรักษาความสง่างามไว้ได้ เขาค้อมศีรษะถวายความเคารพ...โดยซ่อนมือขวาเอาไว้ข้างหลัง ส่วนผ้าสามเหลี่ยมนั้นเอาออกไปแล้ว

“ข้ามารับกลับ”

สีหน้าของคนฟังดูเจ็บปวดเหมือนถูกตี

“ขอโทษที่ไม่รักษาคำพูด”

...อนุญาตให้ลาพักได้นานเท่าที่ต้องการ...

“แต่ข้าคิดถึงเจ้า”

ฟีเรียสกัดฟัน

“มือเป็นอะไร”

“...มีดบาดพระเจ้าค่ะ”

“เอาออกมาให้ข้าดูหน่อย”

องครักษ์หนุ่มยืนเฉย แต่เจ้าชายรามิเรสทรงยืนขึ้นแล้ว

“กระหม่อมไปให้หมอทำแผลให้แล้วพระเจ้าค่ะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็คงจะหายดี” คนพูดเลื่อนมือขวาออกมาห้อยไว้ข้างลำตัวแล้ว แม้น้ำเสียงจะเรียบ แต่ใจกลับเต้นระรัวเมื่อเห็นสายพระเนตรที่ทอดตกลงมาบนมือ

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น”

“กระหม่อม...ชกกำแพงพระเจ้าค่ะ”

พระพักตร์ของคนยืนหลังโต๊ะดูดุจัด ประกายเนตรโชนแสงกล้าอย่างที่ฟีเรียสไม่เคยเห็นมาก่อน บรรยากาศในห้องน่ากลัว เยือกเย็นขึ้นทันที เขารู้แล้ว ว่าเวลาที่พระองค์กริ้วจัดจะเป็นแบบไหน

“ชกทำไม” แม้พระสุรเสียงก็ฟังรู้ว่ากำลังข่มกลั้นพระอารมณ์

“ชก...เฉยๆ ไม่มีเหตุผ...”

“อย่าโกหก”

คนฟังถึงกับสะดุ้ง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้รับสั่งดัง

“...”

“...”

ฟีเรียสใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลังเลอย่างหนัก ยิ่งอีกฝ่ายเสด็จอ้อมโต๊ะทรงงานมาหาแล้ว เขายิ่งลน ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงหยุดในระยะที่ห่างจากเขาพอสมควร ไม่ได้เสด็จมาถึงตัว

“ฟีเรียส”

ถึงจะดูกริ้วมาก แต่ก็เสียพระทัยมากเช่นกัน

“เจ้าจะไม่รักข้าก็ได้ แต่ขอให้รักตัวเอง แค่นี้ ทำให้ข้าได้ไหม”

คนฟังกำมือซ้ายแน่น กัดฟัน และรู้สึกว่าตัวสั่น ครั้นอีกฝ่ายทรงก้าวเข้ามาหา เขาก็พลันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เจ้าชายรามิเรสทรงชะงัก ไม่ว่าฟีเรียสจะรู้สึกตัวหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เขากำลังจ้องพระองค์เขม็ง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความทระนงเสมอมาเวลานี้แดงก่ำ แดงมากแต่ไม่ยอมร้อง เขาไม่มีน้ำตา ทว่าตาแดงเหมือนเลือดกำลังจะหยดลงมา

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงสูดพระอัสสาสะเข้าลึก ตัดสินพระทัยแล้วว่าจะบอก...

“กระหม่อมขอโทษพระเจ้าค่ะ” น้ำเสียงสั่น แต่พยายามจะควบคุมอารมณ์ “ขอประทานอภัยที่ไม่อดทน แต่กระหม่อมทำไม่ได้แล้วพระเจ้าค่ะ”

ระหว่างกันมีแต่ความเงียบอยู่หลายอึดใจ

“กระหม่อมไม่ได้สูญเสียความจำพระเจ้าค่ะ กระหม่อมโกหก”

สายตาที่มองมา ระคนกันระหว่างรู้สึกผิดและร้องขอการให้อภัย

“...แม่ข้าบอกให้เจ้าทำอย่างนี้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ กระหม่อมทำเอง”

“ฟีเรียส”

“กระหม่อมแค่อยากรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงอดทนกับกระหม่อมได้มากแค่ไหน ถ้ากระหม่อมจำอะไรไม่ได้ ฝ่าบาทจะทรงยอมเริ่มต้นใหม่ อดทนกับกระหม่อมอีกครั้งได้ไหม กระหม่อมไม่ดีเอง...”

เจ้าชายหกทรงก้าวหนึ่งก้าว ฟีเรียสก็ถอยก้าวหนึ่ง ทว่าคราวนี้ฝ่ายแรกไม่ทรงยอมอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงก้าวพรวด คว้าตัวอุ่นๆ ของอีกฝ่ายมาไว้ในอ้อมแขน องครักษ์หนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบ มือซ้ายขยุ้มฉลองพระองค์เอาไว้แล้วกำแน่น แต่ไม่ยอมหลับตา

“ไม่เป็นไร” โกหกกันก็ไม่เป็นไร “ไม่เป็นไร ฟีเรียส”

“กระหม่อม...”

“ข้ารักเจ้า”

แม้จะไม่ยอมหลับตา แต่หยดน้ำอุ่นจัดก็ยังคงไหลออกมาได้อยู่ดี

ฟีเรียสปล่อยให้ไหล่ที่เครียดเกร็งตกลู่ลง เทน้ำหนักตัวลงในอ้อมแขนกว้าง แล้วก็หลับตาลง






องครักษ์หนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ทว่าคนเสด็จมาทรงเฝ้าถึงห้องเพื่อบังคับให้นอนยังประทับอยู่บนเตียงของคนหลับ ไม่ได้เสด็จออกไปไหน ทอดพระเนตรมือข้างขวาที่เข้าเฝือกอยู่แล้วก็ทอดถอนพระทัย ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงระลึกถึงบทสนทนาระหว่างพระองค์กับพระมารดา

“ตอนหมั้นกับอันธียา หม่อมฉันไม่มีใครจึงยอมตามพระทัยเจ้าแม่ได้ ตอนขอถอนหมั้นครั้งแรก ก็ยอมยับยั้งไว้เพราะถวายคำตอบให้ไม่ได้” พระองค์กราบทูลไปตามตรง ว่าอยากจะปราศจากพันธะ เพื่อจะได้มีสิทธิ์บอกฟีเรียสว่าพระองค์ทรงรู้สึกพิเศษกับเขา ครั้นพระมารดาตรัสถามว่าแล้วนักเรียนองครักษ์ผู้นั้นมีใจให้พระองค์ไหม พระองค์ก็ทูลตอบไม่ได้ “ครั้งนี้หม่อมฉันมั่นใจแล้ว และคงจะทำตามที่เจ้าแม่รับสั่งไม่ได้”

“ลูกไม่อยากจะรู้หรือว่าเขารักลูกไหม รักมากเท่าที่ลูกรักเขารึเปล่า” พระมารดาทรงเกลี้ยกล่อมด้วยพระสุรเสียงนุ่มเนิบ “พิสูจน์เสียตอนนี้ เวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้น ถ้าเขาสอบผ่าน แม่จะได้วางใจ ลูกเองก็จะได้มั่นใจจริงๆ”

“...”

“หรือว่าลูกกลัวว่าผลจะออกมาตรงกันข้ามกับที่หวัง”

“...”

ก็ไม่เชิง

“ที่ผ่านมาดูเหมือนลูกจะเป็นฝ่ายพยายาม ให้เขาลองพยายามดูบ้างไม่ดีหรือจ๊ะ รามิเรส”

พระมารดาของพระองค์ทรงเป็นอย่างนี้ มีวาทศิลป์ดี รับสั่งให้ใครๆ คล้อยตามได้ง่ายๆ แต่พระองค์ทรงนึกถึงตอนที่ฟีเรียสคุกเข่าสาบาน จูบพระหัตถ์ และบอกชอบเสียงสั่นแล้วก็ทำไม่ลง

“หม่อมฉันไม่ชอบและไม่เห็นประโยชน์ในการทำอย่างนั้นพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันอยากจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อนาคตข้างหน้าคงจะมีเรื่องอะไรผ่านเข้ามาให้หม่อมฉันและเขาได้พิสูจน์กันและกันอีกมาก” แย้มพระสรวลนิดหนึ่งแล้วจึงกราบทูล “เราจะพยายามด้วยกันพระเจ้าค่ะ ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง”

แม่ชีทรงนิ่งเงียบไปนาน แต่การยอมแพ้อะไรง่ายๆ ก็ไม่ใช่พระนิสัย

“แล้วถ้าแม่จะเสนอข้อเสนอนี้กับคนของลูกล่ะ”

“!!!”

“ลูกจะไม่แกล้งความจำเสื่อมก็ได้ แต่แม่จะบอกให้เขาเป็นคนทำแทน”

“...จะรับสั่งบอกเขาว่ายังไงพระเจ้าค่ะ”

“เขาบอกว่าชอบความอดทนของลูก แม่จะให้เขาแกล้งจำเรื่องของลูกไม่ได้สักหนึ่งเดือน พ้นหนึ่งเดือนไปแล้วถ้าลูกยังอดทนกับเขา พยายามทำให้เขารักขึ้นมาใหม่ และยืนยันว่ารักเขา แม่ก็จะยอมรับเรื่องของเขากับลูก”

“ทั้งๆ ที่ก็ทรงยอมรับอยู่แล้วน่ะหรือพระเจ้าค่ะ” ทรงทราบเรื่องของพระองค์กับเขาตั้งแต่พระองค์จะขอถอนหมั้นครั้งแรกแล้ว บทสนทนาในวันนี้บางส่วนถูกจัดฉากให้ฟีเรียสดู

พระมารดาแย้มพระสรวล...ยิ้มแบบนี้ทีไรพระองค์ทรงปวดพระเศียรทุกที

“แล้วเรื่องจริงเป็นยังไงพระเจ้าค่ะ ทำยังไงเขาถึงจะสอบผ่าน”

“ถ้าเขายอมบอกความจริงกับลูกว่าเขาไม่ได้ความจำเสื่อม หรือมาขอยกเลิกข้อตกลงกับแม่ก่อนจะถึงกำหนดหนึ่งเดือน เขาก็สอบผ่านจ้ะ” พระมารดาทรงเว้นวรรค “แต่ถ้าเขาทำได้ถึงหนึ่งเดือน แม่ก็คิดว่าลูกหลงรักคนใจแข็งเกินไปเสียแล้ว”

“เขาคงจะไม่ยอมทำ”

“แน่ใจหรือจ๊ะ”

ไม่...ไม่แน่พระทัยเลย พระองค์พอจะทรงเดาใจเขาได้บ้าง แต่สำหรับเรื่องนี้ โอกาสที่ฟีเรียสจะตอบรับและตอบปฏิเสธมีมากพอๆ กัน

สิ่งที่แน่พระทัยก็คือ คนรักของพระองค์ไม่ใช่คนใจแข็ง เขาแค่อ่อนไหวจนต้องสร้างลักษณะอย่างนั้นขึ้นมาป้องกันตัวเอง สร้างกำแพงขึ้นมา เพื่อให้คนที่เจ็บปวดอยู่หลังกำแพงนั้นมีเพียงเขาแค่คนเดียว...พระองค์ถึงต้องเป็นฝ่ายปีน

“เจ้าแม่ลองรับสั่งกับเขาดูก็ได้พระเจ้าค่ะ แต่ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ คำตอบที่หม่อมฉันเคยกราบทูลไปแล้วก็ยังเหมือนเดิม”

ฟีเรียสยอมทำ และพระองค์ก็ไม่ทรงทราบว่าควรจะผิดหวังหรือว่าไม่แปลกใจดี

ความกังวลใจของเขามีมากจนคงจะลืมสงสัย ว่ากระถางใบนั้นไยตกลงมาได้เหมาะเจาะ เป็นกระถางใบเล็ก แถมยังไม่มีดิน ไม่มีต้นไม้ ที่สำคัญคือพระองค์ไม่ได้โปรดให้มีการสอบสวนเสียด้วยซ้ำ ว่าเป็นฝีมือของใครหรือไม่

ฟีเรียสเป็นคนคิดมาก เครียดง่าย การทดสอบครั้งนี้ทรมานเขามาก นอกจากจะเงียบขรึมและดูวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลาแล้วยังรู้สึกผิด ไม่มีความสุขเลย และสาเหตุที่เขาเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระองค์เอง ที่ทรงใช้ความอ่อนไหวของเขาเป็นเครื่องมือ

พระองค์มั่นพระทัยอยู่แล้ว ว่าฟีเรียสจะอดทนไม่ได้ถึงหนึ่งเดือน แต่ไม่ทรงคาดคิดว่าเรื่องนี้จะบีบคั้นให้เขาหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีนี้ ไม่กี่สัปดาห์ก็คงจะหายดีอย่างนั้นหรือ...ถ้าหายดีภายในสองเดือนก็นับว่าเร็วมากแล้ว ถ้ามือใช้งานได้ไม่เหมือนเดิมจะทำยังไง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กริ้วมาก

กริ้วเขาที่ทำร้ายตัวเองแทนที่จะยอมพึ่งพาพระองค์ และกริ้วพระองค์เองที่ทรงยอมปล่อยให้เขาเดินมาถึงจุดนี้ 

เกือบจะรับสั่งบอกเขาอยู่แล้วว่าพอเถอะ พระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ  แต่ฟีเรียสก็กราบทูลขึ้นมาเสียก่อน

...กระหม่อมขอโทษพระเจ้าค่ะ...ขอประทานอภัยที่ไม่อดทน...

ดีแล้วที่ไม่อดทน เขาไม่ต้องอดทนหรอก คนที่อดทน มีเพียงพระองค์คนเดียวก็พอแล้ว เพราะทรงทราบดีว่า...ผลของความอดทนนั้นช่างหอมหวานอย่างไม่มีใดเปรียบ

หวังเพียงว่าวันหนึ่งหากเขารู้ความจริง
.
.
.
.
.
เขาจะให้อภัยพระองค์



************************************

บทหน้าจบแล้วค่ะ
ยกให้แม่ฟีเรียสไปบทนึง ไม่ยาวนักค่ะ

ตามด้วยบทส่งท้ายอีกหน่อยนึง แต่จะลงคนละวันกันนะคะ
เพราะงั้นก็เจอกันอีกประมาณสองครั้งสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-12-2014 18:16:34
ก้อคิดไว้แล้วล่ะว่าองค์ชายต้องรู้อยู่แล้ว
แต่ก้อไม่คิดว่าจะมีเหตุผลซับซ้อนขนาดนี้อ่ะนะ
555555
แต่คนที่เป็นคนบอกความจริงจะง่ายกว่าคนที่บอกทีหลังเสมอนะคะ องค์ชายยยยยย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-12-2014 18:20:08
ด้วยนิสัยของฟีเรียส เรียกว่าเป็นแบบทดสอบที่โหดเอาเรื่องเลยนะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-12-2014 18:25:21
ช่างซับซ้อนยิ่งนักกกกก  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2014 18:25:34
จะสุขก็ไม่สุขเนอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 15-12-2014 19:13:31
ทำไมอ่านแล้วเครียดสุดๆไปเลยก็ไม่รู้. แบบท้องไส้งี้บิดเป็นเกลียว

แต่ถึวยังไงก็เป็นการกระทำที่ดูเป็น"ฟีเรียส"ดีนะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-12-2014 19:16:31
สงสารฟีเรียสที่สุด ไม่รุ้อยู่คนเดี่ยว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-12-2014 19:58:47
โดนต้มจนเปื่อยเลยฟีเรียส
น่าสงสาร นางเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-12-2014 20:12:27
ทำไมรู้สึกเขินล่ะเรา ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 15-12-2014 20:39:02
องค์ชายก็พยายามมาเยอะแล้วจริงๆ

ฟีเรียสเป็นฝ่ายยอมบ้างก็ดีแล้วนะ

มีโอกาสมีความสุขได้ จะทุกข์ไปเพื่อ... อยากได้แบบองค์ชายสักคน :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-12-2014 21:57:03
ตอนนี้อ่านแล้วเครียดดี
แต่ก็ชอบมากๆถึงมากๆที่สุด
ลุ้นดีครับ...แบบต้องเดาเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเวลา

รอคอยครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 15-12-2014 22:37:39
ฟีเรียสรู้ใจตัวเองซะทีนะ
เพราะงั้นก็อย่าคิด อย่ากังวลจนเกิดไป
รักแล้วก็เดินหน้าสู้ไปกับองค์ชายเลย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 15-12-2014 23:13:07
แม่ชีโหดอ่ะ สงสารฟีเรียส  :sad4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2014 23:27:10
โอ๊ยฉากชกกำแพง :sad4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-12-2014 23:36:29
 สงสารฟีเรียสที่ทำร้ายตัวเอง คนแข็งๆ ที่จริงๆ แสนจะใจอ่อน
แค่ฟีเจ็บ เจ้าชายก็ใจจะขาดแล้ว นานนนนๆ จะเห็นท่านกริ้วสักที
ลูกสะใภ้ผ่านบททดสอบแล้วค่ะท่านแม่ รักเจ้าชายอ่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-12-2014 23:43:16
เสด็จแม่ยังไม่วายมีบททดสอบรับลูกสะใภ้นะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: AKAMEBIKEI ที่ 16-12-2014 09:28:37
เรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่อดใจหายไม่ได้ที่อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว อ่านแล้วหลงรักเรื่องนี้ ใจหายT^T
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: benzgo ที่ 16-12-2014 21:10:28
สนุกมากจริงๆค่า จนไม่อยากให้จบเลย
อ่านแล้วทั้งลุ้น ทั้งอึน ทั้งหวานเลยจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 17-12-2014 00:48:49
คือดูออกแต่แรกว่าฟีเรียใต้องแกล้ง มันไม่เหมือนคนความจำเสื่อมเลยนะ 555 แต่อย่าทำร้ายตัวเองดิ สงสารเจ้าชายแก

จะจบแล้วววว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 18-12-2014 09:18:45
คือความสุขจะอยู่กะเรานานๆไม่ได้จริงๆสินะ
งืดดดดดดดด
เป็นอารมณ์แบบไม่ชอบ
เหมือนโดนหลอกอยู่คนเดียว
ที่สำคัญคนที่เรารักก็ดันไม่ยอมบอก
เฮ่อออออออ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-12-2014 11:14:52
ฟีเรียสคิดมากเกินไป
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 19-12-2014 12:43:24
 :กอด1: คิดถึงนะคะ  มาต่อเร็วๆนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 19-12-2014 13:11:29
เจ้าชายน่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 19-12-2014 13:36:17
ทรมานดีแท้  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 21-12-2014 13:40:04
ชอบเรื่องนี้นะคะ อาจจะแอบรำคาญความปากแข็งใจแข็งของฟีเรียสไปบ้าง แล้วก็เจ้าชายรามิเรสนี่ก็ทำใจหายหลายรอบเหมือนกัน (เช่น ตอนฟีเรียสแก้ผ้าแล้วบอกไม่มีอารมณ์อ่ะ แทบอยากหาอะไรปาใส่คุณเจ้าชายเลยแหละ) แต่ก็เรียลดี ลุ้นดี สรุปก็ชอบมากแหละค่ะ

แต่ไอว่าตั้งชื่อแบบนี้ไม่โออ่ะ เพราะชื่อนี้นี่แหละถึงไม่เข้ามาอ่าน ดูไม่น่าสนใจและคิดว่าเป็นแนวทะเลทรายอะไรประมาณนั้น พอรู้ว่าเป็นของใครถึงเข้ามาอ่านนี่แหละค่ะ ไอว่าชื่อ"ใยรัก"หรืออีกชื่อที่ตั้งกันเล่นๆยังดีกว่าอีกค่ะ

อยากถามว่า เรื่องนี้มีนิยายเรื่องไหนที่เกี่ยวพันด้วยไหมคะ พอดีไออยากอ่านคู่อื่นด้วยน่ะค่ะ อิอิ
ที่ไอรู้ก็มี "มีเพียงกระหม่อม...จนกว่าฝ่าบาทจะทรงเบื่อ" ที่เป็นเรื่องขององค์ชายสี่ (ไอชอบมากๆๆค่ะ เสียดายสั้นไปหน่อยนะคะ)

แล้วเรื่องทาสรักที่จะออกกับนาบู นี่เกี่ยวพันกันไหมคะ? เป็นเรื่องขององค์ชายไหนในราชวงศ์นี้ไหมคะ? หรือธีมเหมือนกันเฉยๆไม่เกี่ยวพันกันเลยคะ?
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 32 (15 ธ.ค. 57) หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: PrInceZz ที่ 26-12-2014 11:49:04
Log in เพื่อจะมาเป็นกำลังใจผู้เขียนเลยค่ะ เราแอบอ่านมานานมาก อยากจะบอกว่า เราติดตามผลงานของคุณชุนทุกเรื่องเลยนะคะ รวมทั้ง e-bookด้วย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค. 57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 30-12-2014 02:43:12
บทที่ ๓๓


   ช่วงนี้ฟีเรียสต้องหยุดพักเพราะมือขวาถูกห้ามใช้งาน แต่ก็พยายามจะขอช่วยงานเรจินเท่าที่พอจะช่วยได้ ตอนนี้ก็เหมือนจะกลายเป็นผู้ช่วยของฝ่ายนั้นอยู่กลายๆ ระหว่างนี้เขาก็ฝึกใช้มือข้างซ้ายไปด้วย

ที่แน่ๆ ก็คือกินอาหารด้วยมือซ้าย เพื่อไม่ให้เจ้าชายหกตรัสถามบ่อยๆ ว่า

“ให้ข้าป้อนไหม”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงปรนนิบัติคนอื่นไม่เป็นหรอก และคงจะทรงทราบพระองค์ดี เลยไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเฝือกหรือผ้าคล้องแขนของเขา หรือช่วยเขาจัดการธุระส่วนตัว เพียงแต่ประทานมหาดเล็กมาให้คนหนึ่งเท่านั้น

แต่เรื่องป้อนอาหารนี่คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง พระองค์ทรงทำได้แน่ เพียงแต่ว่าเขายังไม่อยากจะอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็เลยทำด้วยตัวเอง

เขายังไม่หายรู้สึกผิด ที่การกระทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบของเขาทำให้เกิดผลเสียตามมาหลายอย่าง มือใช้งานไม่ได้ไปข้างหนึ่งอย่างนี้ จะทำอะไรก็ติดขัด ลำบากไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง

แต่การมือเจ็บไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้เจ้าชายรามิเรสทรงงดเว้นกิจกรรมอย่างว่า

“ไม่เป็นไร เจ้าใช้มือข้าก็ได้”

ก่อนจะมี ‘ครั้งแรก’ ด้วยกัน ฟีเรียสไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบนี้ รับสั่งเรื่องน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉย

เจ้าชายหนุ่มไม่ได้รับสั่งถึงเรื่องที่เขาแกล้งสูญเสียความทรงจำอีก ไม่ดุ และไม่ถามเหตุผลเพิ่มเติม แม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็โล่งใจมากกว่าจึงตัดสินใจไม่พูดถึงอีกเช่นกัน ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาต้องทำเกี่ยวกับเรื่องนี้






ฟีเรียสถามพ่อบ้านประจำพระตำหนักว่าพระมารดาของเจ้าชายรามิเรสโปรดผลไม้อะไร ชายวัยกลางคนตอบมาว่าแอปเปิ้ลกับส้ม แถมยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมโดยที่เขาไม่ได้ถามด้วยว่า ถ้าเขาจะนำไปถวายพระสนม ก็ให้ทางห้องเครื่องหลวงจัดหามาได้ จะดีกว่าหาซื้อตามท้องตลาดมาก และการหาส้มรสเลิศไปถวายทั้งๆ ที่ไม่ใช่ฤดูกาลของส้มก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าองครักษ์หนุ่มเพียงแต่กล่าวขอบคุณและขอให้อีกฝ่ายช่วยส่งจดหมายไปกราบทูล ขอนัดหมายเวลาให้เขาได้เข้าเฝ้าเท่านั้น เพราะการไปพบโดยไม่บอกให้รู้ก่อนเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างมาก

พระมารดาของเจ้าชายรามิเรสประทานคำตอบมาว่า ให้เขาเข้าเฝ้าได้ในวันพรุ่งนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น ฟีเรียสไปตลาดตั้งแต่เช้า เลือกซื้อแอปเปิ้ลพันธุ์ดี ผิวเต่ง ผลใหญ่ เนื้อหวานกรอบมาถุงหนึ่ง ซึ่งกว่าจะได้ก็ใช้เวลาเลือกอย่างพิถีพิถันอยู่นาน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังวิหารนอกเมือง แวะเข้าไปเคารพเทวรูปเทพเจ้า บริจาคเงินเล็กน้อย เดินผ่านสุสาน และตรงไปยังเรือนหลังงามของแม่ชี

สถานที่ที่โปรดให้เข้าเฝ้ายังคงเป็นที่เดิม ทว่าคราวนี้ไม่มีเจ้าชายรามิเรสอยู่ด้วย องครักษ์หนุ่มทูลถามสารทุกข์สุกดิบพระมารดาของคนรักสองสามประโยค เป็นทั้งถ้อยคำตามมารยาท...และคำถามจากใจจริง

“มือไปทำอะไรมา”

“เป็นอุบัติเหตุพระเจ้าค่ะ”

ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ทรงเชื่อ แต่ฟีเรียสก็ไม่คิดจะทูลอธิบาย อย่างไรก็ดี แม่ชีทรงทราบรายละเอียดจากจดหมายของพระโอรสแล้ว

“ที่มาวันนี้จะมาบอกยกเลิกสินะ”

ฟีเรียสกำลังหาทางเข้าเรื่องอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะถูกดักคอเสียก่อน รู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติอย่างรวดเร็ว

“พระเจ้าค่ะ”

“เหตุผลล่ะ เพราะกลัวว่ารามิเรสจะอดทนไม่พอ หรือเพราะคิดว่าแค่เขารักเจ้าก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจเงื่อนไขของข้า”

ไม่ใช่ว่าฟีเรียสไม่เคยชินกับการถูกถามอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่อดคิดไม่ได้ ว่าพอไม่มีเจ้าชายหกอยู่ด้วย แม่ชีก็คงไม่จำเป็นต้องพูดดีกับเขามากนัก

“พระอาญามิพ้นเกล้าฯ เป็นเพราะว่ากระหม่อมไม่ต้องการทำแล้วพระเจ้าค่ะ”

“นั่นน่ะข้ารู้แล้ว ที่ถามคือ ทำไมถึงไม่ต้องการทำ”

เป็นคำถามที่ต้องตอบให้ชัดเจน ใช่ว่าจะตอบกำกวมๆ แล้วผ่าน

“กระหม่อมไม่อยากทำให้เจ้าชายหกเสียพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“แล้วคิดว่าการที่ข้าไม่ยอมรับเจ้า จะไม่ทำให้เขาเสียใจหรือ”

เรื่องนี้ฟีเรียสเตรียมคำตอบมาแล้ว

“เหตุผลที่กระหม่อมยอมทำตามเงื่อนไข ไม่ใช่เพราะกระหม่อมอยากจะทดสอบความอดทนของเจ้าชายหก แต่เป็นเพราะกระหม่อมอยากจะพยายามทำเพื่อพระองค์บ้าง ไม่อยากจะให้พระองค์ไม่สบายพระทัย แต่ตอนนี้กระหม่อมทราบแล้วพระเจ้าค่ะ ว่ากระหม่อมกำลังทำให้พระองค์ทรงเป็นทุกข์เสียเอง”

แม่ชีไม่ได้รับสั่งอะไร เพียงมองมานิ่งๆ องครักษ์หนุ่มจึงกราบทูลต่อ

“ตอนที่กระหม่อม...รู้สึกไม่ดีที่มีผู้หญิงเข้ามาใกล้ชิดเจ้าชายหก ถึงกระหม่อมจะโกรธ” เขาไม่พูดเด็ดขาดว่าหึง “แต่ก็โล่งใจว่าพระองค์ไม่ได้ทรงตอบรับความรู้สึกของพวกนาง คนอื่นจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของพวกเขา ขอเพียง...” คนของเรา “เจ้าชายหกยังไม่ทรงเปลี่ยนแปลงก็พอพระเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นกระหม่อมจึงคิดว่า กระหม่อมก็จะไม่ทำให้พระองค์เสียพระทัยเหมือนกัน ส่วนเรื่องการพิสูจน์ตัวเองกับฝ่าบาท กระหม่อมก็จะพยายาม...โดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การหลอกลวงพระเจ้าค่ะ”

ตอนพูด เขามั่นใจ แต่พอพูดแล้วไม่มีการตอบสนองกลับนี่เขาก็ชักจะหวั่นๆ ขึ้นมา เพียงแต่ จะแสดงออกทางสีหน้าไม่ได้

“ต้องรีบกลับรึเปล่าจ๊ะ”

จู่ๆ ก็แย้มพระสรวลประทานให้ แล้วยังรับสั่งจ๊ะจ๋า บอกตามตรงว่าเขาใจคอไม่ค่อยดี

“ไม่รีบพระเจ้าค่ะ”

“อย่างนั้นคงจะอยู่รับมื้อกลางวันด้วยกันได้สินะ”

“ได้พระเจ้าค่ะ เป็นพระกรุณา”

แต่ว่า...กว่าจะถึงกลางวันนี่มันก็อีกหลายชั่วโมง ระหว่างนั้นจะให้เขาทำอะไร






อาทิตย์ใกล้จะอัสดงแล้ว องครักษ์ประจำพระองค์และประจำพระทัยของเจ้าชายหกแห่งไมซีนเพิ่งจะได้กลับออกมาจากเรือนหลังกะทัดรัด เจ้าของเรือนทอดพระเนตรตามร่างสูงโปร่งแข็งแรงนั้นไปทั้งที่ยังมีรอยแย้มพระสรวลประดับอยู่ตรงมุมพระโอษฐ์

ถึงจะได้ ‘ลูกสะใภ้’ ที่ผิดความคาดหมายไปมาก แต่ก็ไม่เสียพระทัย

นึกถึงอาการหน้าเสียของฝ่ายนั้น ตอนที่พระองค์รับสั่งบอกว่า

“เจ้าสอบไม่ผ่าน”

แล้วก็อดจะทรงขำไม่ได้

“กระหม่อมหวังว่า จะมีโอกาสได้สอบใหม่พระเจ้าค่ะ”

ตอบกลับมาอย่างนั้น พระองค์ก็เลยไม่ได้รับสั่งบอกต่อไปจนจบว่า ‘แต่เจ้าชนะใจข้า’ เขาบอกว่าจะขอสอบใหม่ ก็ดี หวังว่ามาสอบคราวหน้า จะพาพระโอรสของพระองค์มาด้วย คุยกันทางจดหมายยังไงก็ไม่สู้ได้เห็นหน้าค่าตากัน

คราวหน้าคงจะต้องรับสั่งบอกพระโอรส ว่าพระองค์พอพระทัย แค่เหตุผลที่ว่า ไม่อยากทำให้คนรักเสียใจด้วยมือของตัวเอง ก็เป็นเหตุผลที่ดีเพียงพอแล้ว

เคยรับสั่ง ‘ขอ’ พระโอรส ก่อนที่จะออกบวชเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นอันธียา หรือจะเป็นคนอื่น ก็ขอเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น

“ตลอดชีวิตของลูก ขอให้มีแค่นางคนเดียว”

และพระโอรสก็ทรงรับคำ

วันนั้น ที่รับสั่งเรื่องแผนสูญเสียความทรงจำ มีประโยคหนึ่งซึ่งพระองค์จะทรงจำไว้ไม่ลืม

“เขาเป็นคนคนนั้นของลูกพระเจ้าค่ะ”

ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะแทนตัวด้วยคำว่าลูก

“คนที่ลูกจะรักไปชั่วชีวิต”

ถ้ารักผู้หญิง แต่ไม่สามารถมีแค่นางคนเดียวได้ สู้รักผู้ชาย แต่จะซื่อสัตย์กับเขาไปจนตายเสียดีกว่า



**************************************



เจ้าชายรามิเรสทรงพาคนรักไปเข้าเฝ้าพระมารดาราวๆ เดือนละครั้ง บางเดือนก็มากกว่านั้น ฟีเรียสรอ ‘ข้อสอบ’ ข้อใหม่อยู่ แต่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะประทานให้เสียที นานไปเขาก็คิดได้ว่า บางทีพระสนมอาจจะค่อยๆ ทำใจยอมรับเขาเพราะเห็นแก่เจ้าชายหกซึ่งเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวก็เป็นได้ ไม่เคยคิดเลยว่าพระองค์จะพอพระทัยเขา ดังนั้นเมื่อประมาณสามสี่เดือนต่อมาพระองค์ประทานกำไลทองประดับเพชรให้เขาวงหนึ่งแล้วรับสั่งว่า

“คิดว่าจะเก็บเอาไว้ให้ลูกสะใภ้ แต่ไหนๆ ตอนนี้ก็คงจะไม่มีแล้ว...ข้ายกให้เจ้าก็แล้วกัน”

แล้วฟีเรียสทำหน้าตื่นๆ แม่ชีก็มีเรื่องให้ขำทุกครั้งที่นึกถึงเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง

เข้าพระทัยจริงๆ แล้ว ว่าเหตุใดพระโอรสจึงรับสั่งว่าองครักษ์หนุ่มนั้น ‘น่าเอ็นดู’






ฟีเรียสกลับบ้านบ่อยพอสมควร เจ้าชายรามิเรสเสด็จไปด้วยทุกครั้งที่ทรงว่าง ถ้าไม่ทรงว่าง เขาก็ไปเองคนเดียว เมื่อผ่านด่านพระมารดาของเจ้าชายหกมาได้แล้ว เขาก็มีกำลังใจที่จะทำให้มารดาของตนยอมรับด้วย แต่นางไม่เหมือนพระสนม จึงไม่เคยพูดตรงๆ กับเขาเลย และฟีเรียสก็ไม่กล้าพอที่จะเป็นฝ่ายเริ่ม

อย่างไรก็ดี เจ้าชายรามิเรสเคยโปรดให้คนไปรับเรเซีย เฟย์ และวอลเซนส์มาเที่ยวที่เมืองหลวงครั้งหนึ่ง และให้พักอยู่ที่บ้านริมผา

“แต่ก่อนเป็นของมิทรอส แต่ข้าซื้อต่อมาเพราะฟีเรียสชอบที่นี่”

น้องสาวของฟีเรียสไม่ใช่คนโง่ เจ้าชายหนุ่มรับสั่งแบบนี้นางยิ่งมั่นใจเพิ่มขึ้น จากที่เดิมก็ระแคะระคายอยู่ก่อนแล้ว เฟย์ไม่กล้าทูลถามตามตรงและไม่กล้าถามพี่ชายด้วย จึงไปคุยกับคนรัก วอลเซนส์แปลกใจมาก เขาไม่พูดอะไรแต่ไปถามเพื่อนรักเอาง่ายๆ เลยว่า

“เจ้ากับเจ้าชายหกเป็นอะไรกัน”

ฟีเรียสนิ่งอึ้งไปเพราะไม่เคยคิดว่าคนถามคนแรกจะเป็นว่าที่น้องเขย แต่เขาก็ไม่คิดจะอ้อมค้อมอยู่แล้ว

“...คนรัก”

คิดว่าพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ และดังปกติ แต่ทำไมถึงออกมาแผ่วขนาดนั้นได้ น่าอายจริงๆ

เจ้าของฟาร์มม้าหนุ่มจ้องหน้าเพื่อนอยู่ครู่หนึ่ง ฟีเรียสมองตอบนิ่งๆ แต่ที่จริงกำลังเตรียมตัว ‘รับมือ’

“ข้าคิดว่าเฟย์คิดมากไปเอง แต่เห็นหน้าเจ้าแดงๆ แบบนี้ข้าก็เชื่อล่ะ”

พูดมาแบบนี้ ต่อให้เตรียมตัวดียังไงก็รับมือไม่ถูก

“แล้วเจ้า...ไม่ว่าอะไรหรือ”

วอลเซนส์หัวเราะ

“ข้าจะไปว่าเจ้าทำไม คนรักกันชอบกันมันห้ามไม่ได้นี่หว่า เจ้าชายก็เป็นคนดี เจ้าอยู่กับพระองค์แล้วดูมีความสุขจะตาย” คนพูดยักไหล่ “ถึงจะแปลกใจนิดหน่อยก็เถอะว่ะ”

แล้วก็ตามด้วยยักคิ้ว

ฟีเรียสหน้าร้อนวาบ แต่ก็โล่งใจมากเช่นกัน

เฟย์เข้ามาคุยกับเขาหลังจากนั้น และเมื่อเขาตอบนางไปอย่างที่ตอบวอลเซนส์ นางก็ซักไซ้เขาละเอียดยิบ เจาะลึกชนิดที่ว่าเขาอาย ต้องทำหน้าดุ เสียงดุตอบกลับไปบ้าง ว่าแก่แดดเกินไปแล้ว

“เจ้ารับได้ไหม”

“...ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ ความสุขของพี่นี่นา”

มองตาน้องสาวแล้วฟีเรียสก็คิดว่า แม้จะยังไม่สนิทใจ แต่เวลาคงจะช่วยได้

คราวนี้ก็เหลือเพียงมารดาของเขาคนเดียวแล้ว






เจ้าชายรามิเรสทรงปฏิบัติต่อมารดาของคนรักเสมอกับปฏิบัติต่อพระมารดาของพระองค์เอง ไม่ถึงกับเอาอกเอาใจ แต่ก็เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ ประทานทั้งเวลา สิ่งของ และน้ำใจ ทำเอาเรเซียยิ่งรู้สึกหน่วงใจมากขึ้นเรื่อยๆ

บางที...ความดีก็ทำให้ทรมานใจได้มากยิ่งกว่าความเลวเสียอีก

อย่างไรก็ดี นางไม่เคยเอ่ยปากพูดเรื่อง ‘ลูกสะใภ้’ อีกเลย และไม่เคยถามถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างลูกชายกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนด้วย

ลึกๆ แล้วก็รู้ดีว่า ทั้งนางและฟีเรียสต่างก็รอเวลา






เวลาที่ว่านั้นมาถึงหลังจากที่ฟีเรียสได้รับ ‘กำไลลูกสะใภ้’ มาได้ประมาณหนึ่งปี เฟย์กับวอลเซนส์แต่งงานกันแล้ว เรเซียย้ายไปอยู่ที่บ้านของลูกเขย แต่กลับมาอยู่ที่บ้านเดิมทุกครั้งที่ฟีเรียสกลับมาเยี่ยมบ้าน สวนผลไม้ก็ให้คนอื่นเช่าทำ เจ้าชายรามิเรสทรงซื้อที่ดินใกล้ๆ กับฟาร์มม้าของวอลเซนส์เพื่อทำฟาร์มวัวนมและโปรดให้คนของพระองค์มาดูแล รวมทั้งเป็นหุ้นส่วนกับฟาร์มม้าของวอลเซนส์ด้วย เวลานี้ฟาร์มม้าของชายหนุ่มเป็นฟาร์มใหญ่ที่สุดในเมือง

ฟีเรียสกลับมาบ้านในช่วงที่หมู่บ้านมีการจัดงานเทศกาลสามวันติดกัน วันแรกทุกบ้านจะทำความสะอาดบ้านเรือนของตน ซักเสื้อผ้าทั้งหมด เอาฟูกนอนมาตากแดด ตัดหญ้า จัดแต่งสวน เจ้าชายรามิเรสพยายามจะทรงช่วยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เรเซียเพิ่งค้นพบว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรง ‘ไร้ความสามารถ’ ด้านไหน ตอนที่พระองค์ทรงทำพื้นห้องเปียกนองด้วยน้ำสกปรก สรุปแล้วระหว่างที่คนอื่นช่วยกันทำความสะอาด เจ้าชายหนุ่มทรงอยู่ฝ่ายให้กำลังใจ จากนั้นตอนกลางคืนก็จะมีการแสดงและการละเล่นที่ลานประชุมในหมู่บ้าน

วันที่สองเป็นวันทำความสะอาดสุสาน ตกกลางคืนมีงานประกวดผ้าทอ ชายหนุ่มที่ไปร่วมงานประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ได้สนใจผ้าทอแม้แต่น้อย มองเพียงหญิงสาวที่ใส่ผ้าทอมาเดินบนเวทีให้ชมเท่านั้น

วันสุดท้ายเป็นวันพักผ่อน คนในหมู่บ้านจะพากันไปนั่งชมดอกไม้ในสวนใกล้ทะเลสาบซึ่งจะบานสะพรั่งในช่วงนี้พอดี เอาผ้าไปปูรองนั่งใต้ต้นไม้ และเตรียมอาหารไปกิน

ฟีเรียสพยายามไม่หงุดหงิดเมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวหลายคนมองมาทางคนรักของเขา บ้างแสดงความสนใจ บ้างทอดไมตรี

“นอกจากแอนจิเทียแล้วยังมีผู้หญิงคนไหนชอบเจ้ามากๆ อีกรึเปล่า”

องครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า

“ไม่มีพระเจ้าค่ะ” เขาก็ไม่รู้ แต่ก็ทูลตอบแบบ ‘ป้องกันตัว’ เอาไว้ก่อน

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ ดีแล้วที่ฟีเรียสไม่รู้ตัว พระองค์จะได้ไม่ต้องทรงเป็นกามเทพ หาวิธีให้พวกนางแต่งงานกันไปให้หมดอีก โชคดีที่แอนจิเทียรอไม่ไหว แต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปเสียก่อน





คืนวันสุดท้ายจะมีการลอยโคมอธิษฐาน ชายหนุ่มมักชวนคนรักหรือหญิงสาวที่ตนพึงใจไปลอยด้วยกัน หากหญิงสาวผู้นั้นตอบรับ ก็แสดงว่ามีไมตรีตอบ

หลังจากกลับมาจากไปชมดอกไม้ที่สวนใกล้ทะเลสาบแล้ว เรเซียก็พักผ่อนอยู่ในห้อง ฟีเรียสเคาะประตูห้องของมารดาแล้วเปิดเข้าไปเมื่อได้ยินคำอนุญาต

“มีอะไรจะคุยกับแม่หรือจ๊ะ ฟีเรียส”

มองหน้าลูกชายที่เลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบกว่าปี เรเซียก็พอจะรู้แล้วว่าเขาคงจะมาพูดเรื่องสำคัญ องครักษ์หนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ส่วนมารดาของเขาก็วางผ้าที่กำลังถักอยู่ลงบนตัก

“เจ้าชายหกทรงชวนข้าลอยโคมกับพระองค์คืนนี้ แม่จะอนุญาตรึเปล่าครับ”

ความรู้สึกเหมือนกับแม่ที่ลูกสาวมาขอไปเที่ยวกับผู้ชายที่มาชอบพอนี่มันมาจากไหนกันนะ ทั้งๆ ที่ลูกชายของนางก็ดูเป็นชายในฝันของสาวๆ ถึงขนาดนี้

“มันจะ...ไม่ดูแปลกๆ หรือจ๊ะ” สุขภาพของนางดีขึ้นมากแล้ว แปลกที่น้ำเสียงที่ถามเหมือนจะขาดๆ หายๆ

“เป็นคนรักกัน...ก็ไม่น่าจะแปลกนะครับ”

“ฟีเรียส...”

องครักษ์หนุ่มยิ้มอ่อนๆ ให้มารดา ทั้งที่ใจเต้นอย่างหนักหน่วง เขาพูดแล้ว ที่เหลือ ก็แค่ให้แม่เป็นฝ่ายถามมา

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

คนถูกถามดึงมือมารดามากุมไว้ด้วยสองมือ

“เป็นแบบไหนครับ ชอบผู้ชาย หรือว่าชอบเจ้าชายหก”

“ลูก...ไม่ได้...ชอบ...แค่เจ้าชายหกหรอกหรือ”

ถึงจะเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกเหมือนถูกใครเอาของหนักๆ มาทุบอกไม่ได้ ฟีเรียสส่ายหน้า เขาพยายามหาอากาศให้ตัวเองได้หายใจลึกๆ ก่อนจะเล่าว่าตั้งแต่อายุประมาณสิบสี่สิบห้า เขาก็รู้ตัวแล้วว่าชอบมองผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมารดาก็ไม่ได้เลี้ยงเขามาแบบผิดๆ เขาคิดว่ามันเป็นแค่ความชอบ

เหมือนบางคนชอบกินขนมเค้ก ไม่ชอบกินผลไม้ บางคนชอบแอปเปิ้ล ไม่ชอบสาลี่ ก็แค่นั้นเอง

“ตอนที่ข้ารู้ตัวว่าชอบผู้ชาย ข้าคิดว่าสามารถปกปิดมันเอาไว้ตลอดชีวิตได้ สามารถแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อให้แม่ภูมิใจได้ ตอนที่ข้ารู้ตัวว่าชอบเจ้าชายหก ข้าก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ข้ามาไกลเกินไปแล้วครับ แม่ ข้าอยากให้ท่านรู้ว่าข้าพยายามทุกวิถีทางแล้ว พยายามตัดใจ พยายามออกห่าง พยายามคิดว่ามันไม่เหมาะไม่ควร มันเป็นไปไม่ได้ พยายามไม่ถลำใจ แต่เจ้าชายหกไม่ทรงยอมปล่อยข้าเลย ทำให้ข้าถลำใจลึก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอพระองค์ทรงยอมปล่อยมือจากข้า ข้ากลับเป็นฝ่ายยอมไม่ได้เสียเอง
 พระองค์พระทัยดี น้ำใจงาม หวังดีต่อข้าเสมอ ไม่มีที่สิ้นสุด มีอารมณ์ขัน เป็นผู้ใหญ่ สั่งสอน และให้แต่สิ่งดีๆ กับข้า ข้อเสียของพระองค์ก็มี พระองค์ชอบมัดมือชก เอาแต่พระทัย ชอบตัดสินใจแทนข้าบ่อยๆ ข้าไม่ชอบเลย... แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว มันเล็กน้อยมากครับ”

เรเซียไม่รู้ว่าจะแย้งตรงไหน นางเองก็พอจะรู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงดีงามตามที่ลูกชายพูด สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ ติดอยู่ตรงลำคอ ก็คือหน้าตาที่ดูมีความสุขของเขา

“ลูกรักพระองค์มากหรือจ๊ะ”

ฟีเรียสชะงักไปนิดหนึ่ง ดูขัดเขินประหลาดๆ อยู่บ้าง แต่ก็ตอบ

“...ครับ”

เรเซียนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ๆ รู้สึกว่าอะไรบางอย่างใกล้จะหลุดลอย แต่ก็ยังพยายามที่จะมีหวัง

“รักพระองค์อย่างนาย อย่างผู้มีพระคุณ ไม่ได้หรือจ๊ะฟีเรียส บางที...ลูกอาจจะแค่เข้าใจผิดไป”

อาจเพราะพระองค์ทรงช่วยไว้มาก ก็เลยคิดไปเองว่ารัก นางเองก็สำนึกในพระคุณอันเปี่ยมล้น แต่ไม่เคยอยากให้ลูกชายตอบแทนด้วย...ร่างกาย

“อย่างนาย อย่างเจ้าชีวิต ข้าก็รักครับ แต่ข้ารักอย่าง...คนรัก...ด้วย”

ฟีเรียสไม่ได้หลบสายตามารดา เขามองนาง เผยความรู้สึกในดวงตาของเขาให้นางเห็น บอกให้รู้ว่าเขารู้สึกจริงๆ  ไม่ใช่แค่หลงใหลเข้าใจผิด

เรเซียดูเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ฟีเรียสจึงพูดต่อเสียเอง

“ข้าเป็นคนหยิ่ง แม่ก็รู้ ข้ารักศักดิ์ศรีของข้ามาก ไม่อยากได้ชื่อว่าอาศัยร่างกายไต่เต้าหาความสบาย ไม่อยากถูกใครด่าว่าเป็นผู้ชายที่ไม่สมชาย แต่ศักดิ์ศรีมีความหมายน้อยกว่าเจ้าชายรามิเรสมากครับ ตอนแรก ข้าหลงชอบรูปร่างหน้าตาของพระองค์ แต่สิ่งที่ทำให้ข้าหลงรักคือความดี ข้าแพ้ความดีของพระองค์ครับ ข้าไม่รู้ว่าตัวเองทำบุญอะไรมา พระองค์จึงทรงรักข้าตอบ

แต่ข้าปล่อยมือจากพระองค์ไม่ได้แล้ว

แม่โปรดอย่าให้ข้าต้องเลือกระหว่างท่านกับเจ้าชายหก ข้าขอร้องท่าน ยินดียกชีวิตที่เหลืออยู่ทำอะไรทุกอย่างที่ท่านต้องการให้ข้าทำให้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ลำบากยากเย็นแค่ไหนข้าก็จะหามาให้ ขอแต่ให้ในชีวิตข้ามีเจ้าชายหกอยู่ด้วย...ในฐานะคนที่ข้าจะรักไปจนวันตาย”

เรเซียร้องไห้แล้ว ฟีเรียสขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง โอบกอดมารดาไว้ในอกกว้างของเขา และบีบมือนางเอาไว้อย่างปลอบประโลม เขาอยากจะขอโทษนาง แต่เขาก็พูดไม่ออก ในเมื่อตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั้นอยู่เลย เขาไม่ได้รู้สึกผิดอีกแล้ว และไม่มีความลังเลอีกด้วย แม้กระทั่งขณะที่มารดาถามทั้งที่ยังสะอื้น

“จะมั่นคงจริงหรือลูก...ความรักแบบนี้ พระองค์เป็นถึงเจ้าชาย จะรักลูกไปตลอดหรือ”

องครักษ์หนุ่มยิ้ม แม้ว่าคนในอ้อมแขนจะไม่เห็น

“ข้าตอบแม่ไม่ได้หรอกครับ มันไม่มีอะไรแน่นอน จะทรงรักตลอดไปรึเปล่าก็ไม่มั่นใจ แต่ที่บอกได้ตอนนี้คือต่อให้วันข้างหน้าพระองค์ทรงหมดรักและมีคนอื่น ข้าก็ไม่เสียใจที่ได้รักผู้ชายคนนี้ เจ้าชายรามิเรสเป็นคนอย่างนั้น ครับ คนที่ต่อให้ไม่รักข้าตอบ ข้าก็ไม่เสียใจที่ได้รักพระองค์”

เรเซียเสียน้ำตายิ่งกว่าเดิม ลูกชายของนางเติบโตขึ้นมาก มากเสียจนนางทั้งตกใจและหมดหวัง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้...คงเป็นเพราะเจ้าชายพระองค์นั้น

ผู้ชายที่ทำให้ลูกชายของนางเสียหัวใจ และตัวนางเอง...สูญเสียความหวังแล้วอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายได้เคยรับสั่งบอกนางมานานแล้ว นางยังจำได้

...ข้าไม่ได้คิดจะเอาพี่ชายของเจ้าไปเป็นของตัวเอง...เพียงแต่เสนอตัวมาเป็นอีกคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าเท่านั้น...

บอกกับเฟย์ แต่หันมามองนาง

มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง เมื่อสูญเสียความหวังหนึ่งไป ก็มีความหวังใหม่ขึ้นมาแทนที่

หวังว่า...คนรักของลูกชายจะทำตามที่รับสั่งได้จริงๆ





คืนนั้นมีดวงดาวเต็มท้องฟ้า และมีโคมกระดาษลอยขึ้นไปสู่สวรรค์นับร้อย นับพันดวง มีคำอธิษฐานมากมายส่งไปถึงเทพเจ้าเพื่อวอนขอให้พระองค์ทรงรับฟังและประทานให้ตามที่ขอ มีมือนับสิบ นับร้อยคู่ที่เกาะกุมกันเอาไว้ในความมืดยามราตรี

มือคู่หนึ่งเป็นของเจ้าชายหกแห่งไมซีนกับองครักษ์ของพระองค์

ส่วนคำอธิษฐานที่ฝากไปกับดวงโคมที่กำลังลอยไปถึงดวงดาว
.
.
.
...วันข้างหน้าไม่ว่าจะมีสุขหรือมีทุกข์...ขอให้คนที่เลือกแล้วที่จะรัก
.
.
.
...อย่าได้ปล่อยมือ...




END

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค. 57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 30-12-2014 03:25:07
บทส่งท้าย


“เจ้าจะไม่คิดดูใหม่สักหน่อยหรือ”

ถามเป็นครั้งที่ร้อย...อืม...เขาอาจจะพูดเกินไปหน่อย แต่เจ้าชายรามิเรสตรัสถามเขาบ่อยจริงๆ เรื่องที่จะให้เขายอมรับความหวังดีของพระองค์ ไม่ต้องแบ่งเงินเดือนทุกเดือนมาใช้หนี้ให้พระองค์อีกแล้ว เหตุผลก็คือ

“คนรักกันก็เหมือนคนคนเดียวกัน”

“ข้ารู้สึกแปลกๆ ที่ต้องรับเงินจากคนรักของตัวเอง”

“มันทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังไม่รักข้าอย่างสนิทใจ”

ทะเลาะกันไปก็หลายหนเพราะเรื่องนี้ เหตุผลที่ทำให้เขาหมั่นไส้ที่สุดก็คือ

“ข้ารวย”

เขาเข้าใจและยอมรับทุกเหตุผลของพระองค์ เพียงแต่อีกฝ่ายก็ต้องทรงยอมรับด้วย ว่าเขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเอง ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเดือนของตัวเองมากนัก เพราะไม่ว่าสิ่งของจำเป็นอะไรก็ประทานมาให้ทั้งนั้น

สมุดชำระหนี้ใกล้จะเต็มเล่มแล้ว แต่หนี้ของเขาน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักยี่สิบปีจึงจะชดใช้ได้หมด

บางทีเจ้าชายรามิเรสก็ทรงหาวิธีช่วยลดหนี้ให้เขา เป็นต้นว่า

“ข้าเขียนลงไปว่า วันนี้เจ้ายิ้มต้อนรับข้ากลับบ้าน น่ารักมาก ลดหนี้ให้ห้าพันเหรียญ ได้ไหม”

ไม่ทะเลาะกันก็เกือบไปล่ะ ดีที่ไม่รับสั่งลดหนี้หลังจากมีอะไรกันเสร็จ และโชคดีมากที่คนรักของเขาพระทัยเย็นสุดๆ จึงทรงเงียบ พับเรื่องนี้เก็บไปทันทีที่เห็นว่าเขาชักจะหงุดหงิด

ที่จริงแล้วเขาก็เงียบเหมือนกัน

จะไม่เงียบได้หรือ ในเมื่อพระองค์ทรงจูบติด ปิดปากเอาไว้ขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าพระองค์ยังไม่ทรงล้มเลิกความคิดเรื่องยกเลิกการใช้หนี้ก็คือ วันที่เขาแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปใช้หนี้ แล้วพระองค์ทรงเซ็นรับในสมุดหน้ารองสุดท้าย

“เหลืออีกแค่หน้าเดียว”

แทนที่จะรับสั่งถึงสมุดเล่มใหม่ กลับตรัสถึงเรื่องอื่น

“เจ้าพี่เฮเดสจะทรงพาธามไปฮันนีมูนอีกแล้ว เดี๋ยวนี้ไปบ่อย”

ฟีเรียสนิ่วหน้านิดหน่อย ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นอะไร

“เราไปกันบ้างไหม”

จะไปได้ยังไง ในเมื่อ...

“แต่งงานกันก่อน”

“!!!”

“จัดงานที่วิหารนอกเมือง หรือที่วิหารในหมู่บ้านของเจ้าก็ได้ ข้าจะขอให้เจ้าพ่อกับเจ้าแม่เสด็จไปสู่ขอเจ้ากับน้าเรเซีย ส่วนสินสอดก็คงจะเป็นเงินส่วนตัวของข้าทั้งหมด เอาเป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งที่ข้ามี หุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของกิจการทุกอย่างที่ข้าทำ แล้วก็...ยกหนี้ให้เจ้าด้วย ตกลงไหม จะได้เขียนลงไปในหน้าสุดท้าย”

ฟีเรียสรู้สึกเหมือนถูกกระหน่ำชกรัวๆ จนตั้งตัวไม่ทัน พอจะเริ่มพูด

“ฝ่าบาท...”

“ข้าจริงจังนะ”

อีกฝ่ายก็จัดการส่งหมัดฮุคมาเป็นหมัดสุดท้าย




องครักษ์หนุ่มใช้เวลาคิดทบทวน ‘ตามลำพัง’ อยู่หนึ่งคืน ก่อนจะถวายคำตอบในวันรุ่งขึ้น

“ไม่ต้องกราบทูลพระกรุณาจากองค์ราชาหรอกพระเจ้าค่ะ เพียงแต่ถ้าพระสนมจะประทานพระกรุณา เสด็จไปทรงพูดคุยกับแม่ กระหม่อมก็ยินดี จัดงานเล็กๆ ที่วิหารนอกเมืองก็ได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมอยากเชิญแต่คนสนิทๆ ไป ส่วน....เอ่อ...สินสอด...แค่ทรงยกหนี้ให้ก็พอพระเจ้าค่ะ ส่วนทรัพย์สินส่วนพระองค์ของฝ่าบาท กระหม่อมไม่อยากได้”

เขาอุตส่าห์ทูลตอบอย่างเป็นการเป็นงาน แต่เจ้าชายหกทอดพระเนตรเขานิ่งๆ อยู่ชั่วอึดใจ แล้วก็ตรัสถามแค่

“ข้าจูบเจ้าสักทีหนึ่งได้ไหม”

มาขออะไรกันตอนนี้ แล้วที่ว่าจูบหนึ่งทีอะไรนั่น

โกหกทั้งเพ! มันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนหมดแล้ว




เจ้าชายหกก็ยังคงเป็นเจ้าชายหก ชอบมัดมือชกไม่เคยเปลี่ยน สองสามวันต่อมาก็รับสั่งบอกแบบไม่ให้เขาได้ตั้งตัวทันว่า

“เจ้าพ่ออยากจะพบเจ้า ข้ากราบทูลไปแล้วว่าจะแต่งงาน”

ฟีเรียสตื่นเต้นมากตอนไปเข้าเฝ้า เข้าเฝ้าธรรมดาก็ตื่นเต้นแล้ว นี่รู้อยู่แก่ใจว่าเข้าเฝ้าเรื่องอะไรยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ถึงจะได้รับคำปลอบใจว่า

“ท่านไม่ดุหรอก พระทัยดี” ก็ตามที

องค์ราชาแห่งไมซีนมีพระชนมายุราวหกสิบพรรษาทว่ายังทรงแข็งแรงดีอยู่ พระวรกายสูงใหญ่อย่างพระโอรสพระองค์โต พระพักตร์ดูเข้มงวด เต็มเปี่ยมด้วยลักษณะของเจ้าชีวิต

บทสนทนาใช้เวลาไม่นานมากนัก พระองค์ไม่ได้ตรัสถามเขายืดยาวอย่างแม่ชี เพียงแค่ทรงบ่นๆ ว่า

“มีลูกชายกี่คนๆ ก็มีคนรักเป็นผู้ชายหมด” แย้มพระโอษฐ์นิดๆ รับสั่งว่า “หรือว่าข้าจะลองมีคนรักเป็นผู้ชายดูบ้าง” แล้วก็ทรงพระสรวลลั่น ดังจนฟีเรียสตกใจ

“คงจะไม่ดีสินะ เดี๋ยวแม่เจ้าจะเคืองข้า ออกเดินทางไปแสวงบุญที่ไหนแล้วไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้าอีก คราวนี้ข้าแย่แน่”

องครักษ์หนุ่มพอจะเข้าใจอยู่เลาๆ ว่าทำไมองค์ราชาถึงมีพระสนมมาก ทั้งสง่างาม พระอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน แล้วยังเข้าใจรับสั่งให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นที่รัก ที่ต้องการอยู่เสมออย่างนี้นี่เอง

แม้ว่าคนฟังจะเป็นลูกชายของนาง ไม่ใช่ตัวนางเองก็ตาม

เหตุผลที่พระสนมออกบวช ก็เพราะองค์ราชาทรงผิดสัญญา เรื่องที่ว่าจะมีนางเป็นคนสุดท้าย ฟีเรียสหวังแต่ว่า เจ้าชายรามิเรสจะไม่ทรงทำตามอย่างพระบิดาในเรื่องนี้

“ถ้ามั่นใจแล้ว อยากแต่งก็แต่งเถอะ ข้าอนุญาต เดี๋ยวให้คลังหลวงส่งสินสอดสำหรับสะใภ้หลวงไปให้ด้วย”

เรื่องเงินทองยังไม่ทำให้คนฟังตกตะลึงได้เท่ากับคำว่า ‘สะใภ้หลวง’

องครักษ์อย่างเขา ผู้ชายอย่างเขาเนี่ยนะ สะใภ้หลวง! ให้ตาย เขาเกลียดคำนี้จริงๆ




ราวกึ่งเดือนต่อมา เจ้าชายรามิเรสก็ทรงพาพระมารดาไป ‘สู่ขอ’ ฟีเรียส องครักษ์หนุ่มไม่รู้ว่าทั้งสามคนคุยอะไรกันบ้าง เพราะตัวเขาถูกแม่ชีกีดกันไม่ให้อยู่ฟัง แต่ใช้เวลาไม่นานนัก การเจรจาก็สำเร็จผล เขาคิดว่านั่นเป็นเพราะมารดาของเขาสู้คารมของแม่ชีไม่ได้
แต่ไม่นึกว่าจะสู้ไม่ได้ขนาดต้องยอมรับ ‘สินสอด’ จำนวนมากมาด้วย แม้จะไม่ถึงกับมากมายอย่างตอนแรกที่เจ้าชายรามิเรสรับสั่งว่าจะประทานให้ก็ตาม หนึ่งในสินสอดคือฟาร์มวัวนม

อย่างไรก็ดี ฟีเรียสพยายามกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขาคืนมาด้วยการขอออกเงินค่าแหวนหมั้น และเจ้าชายหกก็ทรงตกลง ไม่มีท่าทีคัดค้านอะไรเลย แม้ว่าเขาจะพาพระองค์ไปเลือกซื้อแหวนที่ตลาด ทั้งยังทรงเลือกอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย

แหวนที่ช่วยกันเลือกมาเป็นแหวนคู่ สวยถูกใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทองใช่เพชร หรืออัญมณีสูงค่าอื่นๆ แต่ก็เป็นเงินแท้ ราคาแพงสำหรับฟีเรียสอยู่เหมือนกัน

พอแลกกันสวมให้กันแล้ว องครักษ์หนุ่มก็สวมไว้ตลอดเวลา แม้จะรู้สึกเขินอย่างช่วยไม่ได้ เวลาถูกใครถามหรือแซว แต่ก็ไม่เคยถอดออก ไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นฝ่ายอายยิ่งกว่าเขาคือเจ้าชายรามิเรส

ฟีเรียสเห็นหลายครั้งแล้วว่าพระองค์ทรงถอดออก เขาพยายามคิดในแง่ดีกว่ามันอาจจะทำให้ไม่สะดวกเวลาทรงงาน แต่ก็ปลอบใจตัวเองไปได้ไม่นาน เพราะเห็นต่อหน้าต่อตาว่าพอเขามาเข้าเฝ้ากะทันหัน พระองค์ก็ทรงรีบหยิบแหวนออกมาสวม พอเขากำลังจะเดินพ้นประตูไป พระองค์ก็ทรงถอด บ่อยเข้าเขาก็ทนไม่ไหว

“ถ้าไม่โปรด ก็ถอดออกเถิดพระเจ้าค่ะ”

นี่เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นและ ‘เบา’ ที่สุดแล้ว แต่พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกมาคำเดียวว่า

“ฟีเรียส”

ความอดทนของเขาก็ขาดผึง หมุนตัวจะเดินออกไปอย่างเสียมารยาท เพราะไม่อยากจะทะเลาะกันตอนนี้

“เดี๋ยวฟีเรียส ข้าแพ้”

อีกฝ่ายตามมาดึงแขนไว้ แต่ถ้อยรับสั่งทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้กำลังต่อสู้กันเสียหน่อย จะมายอมแพ้เขาทำไมกัน

“ข้าแพ้เงิน”

เจ้าชายหนุ่มทรงยื่นพระหัตถ์ให้ดูใกล้ๆ

“ใส่ไว้เดี๋ยวๆ ก็พอได้ แต่ถ้าใส่นานๆ จะเป็นแผล หมอบอกว่านิ้วอาจจะเน่าได้ ข้าก็เพิ่งรู้ว่าข้าแพ้”

ฟีเรียสมองพระอนามิกาข้างซ้าย สลับกับมองพระพักตร์ แล้วก็ทั้งอับอาย ทั้งละอายแก่ใจ ทั้งรู้สึกผิดระคนกัน เขานี่มัน...โง่จริง

“ขอโทษที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี”

ยังจะรับสั่งขอโทษให้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีก

“กระหม่อมต่างหากที่ต้องขอประทานอภัย แต่ฝ่าบาทก็น่าจะรับสั่งบอกกระหม่อมตั้งแต่แรก แพ้ก็ถอดออกเถิดพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่คิดมาก”

หลังจากความรู้สึกละอายใจและรู้สึกผิดผ่านพ้นไป เขาก็รู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ขึ้นมาแทน อดคิดไม่ได้ว่าสมกับเป็น ‘เจ้าชาย’ ดีเหลือเกิน แพ้อะไรไม่แพ้ มาแพ้ ‘ของถูก’ เป็นแบบนี้แล้วยังจะมา...หลงรักผู้ชายจนๆ อย่างเขาอีก




งานแต่งงานของฟีเรียสกับเจ้าชายรามิเรสเป็นงานเล็กๆ จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นทุกประการ แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่คนในครอบครัวและ ‘คนสนิท’ รวมแล้วไม่ถึงยี่สิบคน แต่ก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นมาก

แหวนแต่งงานที่เจ้าชายรามิเรสทรงทรงหามาเป็นสีคล้ายๆ เงินเช่นเดียวกัน เพียงแต่ดูแวววาวกว่า และมีน้ำหนักมากกว่า ฟีเรียสคิดว่าคงจะมีราคาไม่แพง เพราะเจ้าชายหนุ่มอยากจะไม่ให้ดูแตกต่างจากแหวนหมั้นที่เขาซื้อมามากนัก แต่พอทูลถามว่าใส่แล้วจะไม่ทรงแพ้อีกหรือ อีกฝ่ายก็ว่า

“ข้าใส่ทองคำขาวได้”

เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้น ว่าทองคำสีขาวก็มีด้วย และขึ้นชื่อว่า ‘ทองคำ’ ราคาก็คงไม่ใช่ถูกๆ

นึกขึ้นมาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว ว่านี่เขาแต่งงานกับ ‘เจ้าชาย’ ของแท้เลยสินะ เพราะแม้แต่พระทัยของพระองค์ ก็เป็นทองคำเช่นกัน

เสร็จจากพิธีเช้าก็เป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน และ ‘ฉลอง’ ต่อเนื่องไปถึงเย็น แต่ฟีเรียสรู้สึกสนุกได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก เพราะมองพระพักตร์ทีไร สายพระเนตรคู่นั้นก็ชวนให้นึกถึงถ้อยรับสั่งกระซิบหลังจากจูบสาบานขึ้นมาว่า

“ข้าเกือบจะรอเวลาเข้าหอไม่ไหว”

เขาหงเข้าหออะไร...เข้ากันมาไม่รู้กี่ทีต่อกี่ทีแล้ว

อายนักบวชเสียบ้าง ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้ยินก็จริง แต่หน้าขึ้นสีแบบนั้นคงได้ยินเต็มสองรูหู




คืนนี้เรเซียพักอยู่ที่พระตำหนักของเจ้าชายหก หลังจากแม่ชีกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว นางก็ยังหลับไม่ลง ตาสว่างด้วยความอิ่มเอมใจ...ไม่ต่างอะไรกับเมื่อสองปีที่แล้วที่เฟย์แต่งงาน

ถึงจะเห็นจากการกระทำของเจ้าชายหนุ่มมาตลอด ว่าพระองค์ทรงเอาใจใส่ฟีเรียสอย่างดีและสม่ำเสมอ แต่ก็เพิ่งจะได้ยินจากพระโอษฐ์ในวันที่มาสู่ขอ ว่าพระองค์ทรงรักลูกชายของนางที่ตรงไหน

“ลูกชายของท่าน เขาเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร ข้ารักทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเขา รักศักดิ์ศรีของเขา รูปร่างหน้าตาของเขา หัวใจของเขา ข้ารัก... ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา เขาทำให้ข้ามีความสุข และข้าก็อยากจะทำให้เขามีความสุข แม้แต่ตอนที่เขาทำให้ข้ามีความทุกข์ ข้าก็ยังอยากมีเขาอยู่ใกล้ๆ ความปากแข็งของเขา ความทระนงในศักดิ์ศรีของเขา ความคิดมากของเขา ข้าคิดอยู่บ่อยๆ ว่า มันน่ารักดี

ฟีเรียสเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เขาอดทน เขาปากแข็ง แต่ลูกชายปากแข็งของท่านยอมบอกว่าเขารักข้า

ขอลูกชายของท่านให้ข้า ข้าสัญญาว่าจะดูแลชีวิตและถนอมความรู้สึกของเขาให้ดียิ่งกว่าใคร จะซื่อสัตย์และมั่นคงต่อเขาไปจนกว่าข้าจะไม่มีลมหายใจ”

นั่นคือคำพูดของผู้ชายที่รู้จักลูกชายของนางดีเท่าๆ กับตัวนางเอง และพระองค์ก็ทรงรักในสิ่งที่เขาเป็น


วันนั้น...นางยกลูกชายอันเป็นที่รักให้...


...ฝากเอาไว้ในมือของพระองค์อย่างเต็มใจ...




END



***********************************

ฮูเร้! จบแล้วค่ะ
คิดว่าจะลงให้จบภายในปีนี้ ช่วงวันสิ้นปีกับวันปีใหม่เรื่องอื่นๆ คงจะอัพเดตกันเยอะจนอ่านไม่ไหว ก็เลยลงก่อนวันนึงค่ะ

ต่อไปเป็นช่วงตอบคำถามนะคะ ส่วนใหญ่เป็นคำถามของคุณเกริด้า + อัพเดตเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งเนียนโฆษณาขายของค่ะ 555

- ชื่อเรื่อง "รามิเรส" นี่ใช้เพราะขี้เกียจคิดน่ะค่ะ เอาง่ายเข้าว่า ที่จริงเขียนเรื่องของเจ้าชายเฮเดส (รัชทายาทแห่งไมซีน) มาก่อน อันนั้นใช้ชื่อเรื่องว่า "ยอม" เจ้าชายเมืองนี้มี 8 องค์ ทุกคนชอบผู้ชายหมด ตอนแรกมี 7 แต่กลัวจะไม่มีคนสืบบัลลังก์เลยแทรกมาอีกคนนึง ให้เจ้าชายรองท่านชอบผู้หญิงไปซะ ก็คิดๆ ว่าจะเขียนให้หมดทุกคนนะคะ แต่ว่าความจริงคงเป็นไปได้ยาก ไม่เคยทำเรื่องอะไรแบบนี้สำเร็จเลย

เคยคิดว่าจะตั้งชื่อเรื่องให้คล้ายกัน เช่น ยอม ใย(รัก) ยั่ว เย้า ฯลฯ แต่ก็...ไม่ได้ทำน่ะค่ะ เรื่องเจ้าชายองค์อื่นก็มีพล็อตคร่าวๆ แต่ก็เป็นเหมือนนักเขียนคนอื่นๆ คือมีอะไรที่อยากเขียนล้านแปด แต่ไม่ได้เขียนเร็วอย่างใจ เรื่องที่อยากเขียนก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนไม่ได้เขียนเรื่องที่คิดไว้สักที

เฮเดสนี่เขียนเป็นวายแล้วไม่รุ่งเท่าไหร่ เลยแปลงเป็นชายหญิงส่งสนพ.ไป พิมพ์เป็นเล่ม ชื่อเรื่อง "หนึ่งฤทัย" ออกกับสนพ.กรีนมายด์นะคะ จะหมดสัญญาวันที่ 3 ม.ค.58 ว่าจะเอามาทำเป็น e-book ค่ะ (แบบวาย) อยากเขียนตอนพิเศษด้วย แต่ถ้าคิดไม่ออกก็อาจจะทำ e-book แต่เนื้อเรื่องหลักไปก่อน คิดตอนพิเศษได้ค่อยเอาไปเติมทีหลัง

เนื้อเรื่องทั้งหมดของยอม สามารถหาอ่านได้ในบอร์ดฝูนะคะ
ต้องเป็นสมาชิกบอร์ดถึงจะอ่านได้นะคะ ตอนสมัครน่าจะต้องตอบคำถามสกรีนนิดนึงค่ะ
link บอร์ด
http://www.funovels.com/ (http://www.funovels.com/)

อยากจะบอกว่า...เรียบๆ เนือยๆ เสียยิ่งกว่ารามิเรสอีกค่ะ 555

เจ้าชายองค์อื่นยังไม่มีโครงการจะเขียนในเร็วๆ นี้

ส่วนเรื่องรามิเรส ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่าจะพิมพ์กับสนพ.นาบูค่ะ แต่ยังไม่มีกำหนดออก

ไหนๆ ก็พูดแล้ว ขอเนียนโฆษณาเลยละกันนะคะ ชุนมีเรื่องที่กำลังเปิดจองกับสนพ.นาบูเรื่องนึงคือ ทาสรัก ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดได้ตาม link นี้ค่ะ

http://nabushop.lnwshop.com/ (http://nabushop.lnwshop.com/)

มีตัวอย่างเนื้อเรื่องให้อ่านอยู่ในเด็กดีนะคะ ใช้นามปากกาว่า chunpus ค่ะ และเนื่องจากเป็นแค่ตัวอย่าง จึงไม่ได้นำมาลงในเล้านะคะ

- เรื่องทาสรัก พระเอกเป็นเจ้าชายหกแห่งเบลไลน์ เรื่องนี้ก็คล้ายเจ้าชายแห่งไมซีนค่ะ คือในเรื่องมีเจ้าชายเต็มไปหมด อยากจะเขียนไปซะทุกคน แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเรื่องแบบนี้เลย เพราะฉะนั้นเจ้าชายเบลไลน์นี่ก็มีแค่เรื่อง ทาสรัก เรื่องเดียวนะคะ ที่จริงเรื่องนี้ก็เคยเอาไปทำเป็นชายหญิงอีกล่ะค่ะ ฉบับชายหญิงนั่นมีเรื่อง เจ้าชายรัชทายาท และเจ้าชายห้าด้วย ซึ่งไม่คิดจะเอาสององค์นั่นมาแปลงเป็นวายนะคะ

ต่อไปคิดว่า ชญ ก็ ชญ วายก็วาย ไม่มีการแปลงไปแปลงมาเพื่อหากินหลายต่ออีกต่อไป

และเนื่องจากว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ไม่สามารถจะเขียนเรื่องยาวๆ ได้ (คือเขียนไม่ค่อยจบ) ก็เลยหันมาเอาดีทางการเขียนเรื่องสั้นๆ และทำเป็น e-book แทนค่ะ เรื่องสั้นแต่ละเรื่องเป็นเอกเทศต่อกัน ตัวละครไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด (เรื่องมีเพียงกระหม่อมฯ ก็เป็นเอกเทศเหมือนกันค่ะ)

หลังจากจบรามิเรสแล้วอาจจะหายหน้าไปสักพัก (?) อาจจะไปโผล่ในหน้านิยายของคนอื่นแทน สำหรับเรื่องใหม่คิดว่าจะต้องเขียนให้ได้อย่างน้อยสักครึ่งเรื่องก่อนถึงจะเอามาลง เพราะอัพไปเขียนไปนี่...ไม่รอดแหงแก๋ค่ะ

ตกประเด็นใดไปจะมาตอบใหม่ให้ทีหลังนะคะ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกๆ คนที่อยู่ด้วยกันมาจนจบเรื่องนะคะ ส่วนใหญ่ชุนจะเป็นพวกแอบอ่านแล้วไม่แสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นเวลาอ่านความคิดเห็นของคนอื่นในเรื่องของตัวเองก็จะรู้สึกดีมาก และอยากจะขอบคุณมากๆ เลยค่ะ (ผสมกับความรู้สึกผิดหน่อยๆ แหะๆ)

วันนี้เพิ่งแต่งกลอนให้กับที่ทำงานไปสองบท ขอยกเอามาที่นี่ด้วยละกันนะคะ

ปีใหม่ขอให้สำราญ
เบิกบานสุขสันต์ถ้วนหน้า
การงานรุ่งเรืองวัฒนา
ปีม้าอย่าเจ็บอย่าจน
สำเร็จสมหวังดังปอง
เงินทองล้นหลามหลั่งไหล
ไร้ทุกข์ไร้โศกโรคภัย
สุขกายสบายใจตลอดปี

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 30-12-2014 04:22:20
จบซะแล้ว ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ สนุกและละมุนละไมมากๆ

สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-12-2014 05:05:29
ไม่มีตอนพิเศษสำหรับเข้าหอหรือคะ :z1:

สนุกมากขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 30-12-2014 06:25:05
อ่านนิยายเรื่องนี้ ได้ความรู้สึกเหมือนดูละครดั่งดวงหฤทัย ตอนสมัยเด็กๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-12-2014 09:15:43
ง่าาาา จบแล้วว
ชอบเรื่องนี้นะ เป็นเรื่องที่เรียบๆเรื่อยๆ แต่ก้อน่าติดตามมากก
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆนะคะ เราชอบตัวละครเรื่องนี้มากกก โดยเฉพาะเจ้าชายหก 555
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-12-2014 09:55:06
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย ฮี่ ๆ ฟี่น่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 30-12-2014 10:01:12
สวัสดีปีใหม่  :mc3: คุณชุนด้วยนะคะ

รอรวมเล่มนะ ปกติซื้อของนาบูอยู่ด้วย

ดีใจแทนฟีเรียส องค์ชายหก ทรงดีมากจริงๆ ไม่เสียดายที่ได้รักและได้รักตอบเลย

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 30-12-2014 10:07:59
บอกเลยอิ่มเอมใจมากค่ะ

และตั้งชื่อเรื่องวา่า "รามิเรส" ถือว่าเหมาะสมแล้ว

พระเอกของเรื่อง คือที่สุดจริงๆ อยากโหวตเป็นพระเอกยอดเยี่ยมแห่งปี น่ารัก ช่างยั่วเย้า มีหัวใจที่มั่นคง  :o8: ไม่ให้อิจฉาฟีเรียสคงทำไม่ได้

เนื้อเรื่องก็เเสนละเมียด มีปมขัดแย้งพองามพอให้ลุ้น และที่สำคัญ ถึงจะเคยเขียนนิยายชายหญิง แต่พอเขียนวาย คนเขียนก็ไม่แทนตัวนายเป็นผู้หญิงจ๋า ชอบมากค่ะ เรารักนิยายวาย เพราะมันคือวิถีของผู้ชายสองคนรักกัน ไม่ใช่ชายบวกหญิงนะ

ชื่นชมๆค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-12-2014 10:22:22
ชอบทุกเรื่องของชุนค่ะ อ่านแล้วอิ่มเอม มีความสุขทุกเรื่องเลยค่ะ รอเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 30-12-2014 10:43:03
 :L1:   o13  Happy Ending อ่าา หวานหยด น่าร๊ากกกก ขอบคุณมากนะคะที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่าน
Happy New Year 2015 นะคะ แล้วมาเปิดเรื่องใหม่อีกน๊าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-12-2014 11:26:22
Happy ending Thank U
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 30-12-2014 11:45:50
เย้ๆ จบแล้ว สนุกมากเลยค่ะ  อยากอ่านตอนพิเศษจัง (แต่คงอยู่ในหนังสือสินะ)  ตอนจบนี่ดูเหมือนฟีเรียสจะถูกแกล้งอยู่นิดๆนะ  ทั้งพระชายา ทั้งพระราชา แอบแซวกันตลอด  น่ารักอ่ะ

แอบเสียใจเล็กๆ ที่เรื่องนี้ไปตีพิมพ์กับทางนาบู  ไม่ใช่ไม่ชอบสำนักพิมพ์นะคะ  แต่มัน(น่าจะ)นานนนนนนนนนนมากอ่ากว่าจะได้อ่าน  เค้าคงคิดถึงฟีเรียสแย่เลย  (ถ้าเปิดจองพร้อม ทาสรักก็ดีหรอก :hao5: )

สุดท้ายขอบคุณคุณชุนมากนะคะที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน  จะตามเก็บให้ครบเรื่องเลยค่ะ  (รวมถึงเรื่อง " ยอม" ใน e - book ด้วย )
ขอบคุณมากๆนะคะ  Happy New year ด้วยค่าาา  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 30-12-2014 12:24:50
จบซะแล้ว ทำเสียใจทั้งดีใจแยกไม่ออกเลย  :hao5:
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคนเขียนจ๋า  :mc4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-12-2014 12:42:22
ไม่อยากให้จบเลย ชอบมากๆ
หลงรักคู่นี้ ตอนสุดท้ายต้องบอกว่า
ถ้าเราเป็นเจ้าชาย ก็คงตกหลุมรักฟีเรียสจนถอนตัวไม่ขึ้นเหมือนกัน
เป็นคนน่ารักแบบที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว เป็นอย่างนี้มาตลอดเเรื่อง แต่รวมสรุปออกมาแล้วมันน่ารักมาก
อยากรู้ต่อเลย เค้าไปฮันนีมูนกันเป็นไงบ้างนะ จะหวานขนาดไหน

ชอบทุกเรื่องที่คุณชุนแต่ง พึ่งแอบไปอ่านรวมเรื่องสั้นของขวัญวาเลนไทน์
นั่นก็น่ารักทุกเรื่องเลย

รอเรื่องใหม่ๆ เสมอนะคะ
ขอบคุณคุณชุนค่ะ แล้วก็ สุขสันต์ปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 30-12-2014 13:27:39
อวยพรให้ทั้งคู่รักกันไปนานแสนนานค่ะ
ดีใจที่รักลงเลยแบบที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
ฝ่าฟันกันมานาน ในที่สุดก็ไม่ต้องปกปิดใครเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 30-12-2014 13:57:39
เป็นนิยายที่ชอบมากค่ะ
เขียนด้วยภาษาที่ละมุม
เข้าใจความหมายเนื้อเรื่อง
ได้อารมณ์ ทั้งฟีเรียส ทั้งรามิเรส
ให้ความรู้สึกว่า มันเป็นความรู้สึกของตัวละครที่ตีแผ่ดีค่ะ

ชอบความเป็นไปของฟีเรียสมากๆเลยค่ะ
คนเรามีความแตกต่างกันสูงน้อยแล้วแต่สังคมและตัวบุคคล
ฟีเรียสก็หนึ่งคนคิดมาก แคร์ทุกอย่างรอบตัว
ขณะที่รามิเรสตามหาคำตอบของใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตามใจตัวเองในแบบตัวเอง
ชอบมากๆเลยคะ

สนุกมากๆ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 30-12-2014 14:23:53
ประทับใจมากค่ะ พออ่านจบก็ได้แต่เฮ้อ จบแล้วหรือนี่ ใจหายมากค่ะ ระยะเวลาที่ตามเรื่องนี้กับรอยยิ้มที่มีทุกครั้งที่ได้เห็นพี่อัพตอนใหม่ๆ

รอคอยรวมเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 30-12-2014 16:00:21
ขอบคุณครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 30-12-2014 16:26:58
ขอบคุนคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: aiyarin ที่ 30-12-2014 16:56:16
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 30-12-2014 17:22:56
ปริ่มเปรมปรีดิ์ อิจฉาฟีเรียสจังเลย เขาได้แต่งกันด้วย ฟิน! ขอบคุณจ้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-12-2014 19:15:48
 :pig4: :pig4: o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-12-2014 20:21:19
จบแล้ว คงจะคิดถึงคู่นี้แน่ๆ
ขอบคุณ ชุน มากเลยน๊า ที่เขียนนิยายอุ่นๆ ให้อ่าน ^^
รอติดตามเรื่องต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 30-12-2014 21:48:55
ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วชีวิตเราสนุกมากเลยค่ะ
ตามลุ้นคนปากแข็งมาจนถึงตอนจบ
จะรอติดตามเรื่องต่อไปจ้าา

:pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-12-2014 23:40:07
สนุกมาก.กว่าจะบอกรักกันลุ้นจ้นน  :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 31-12-2014 00:08:06
จบแล้ว #ปรบมือแปะๆ

สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะคุณคนเขียน

สนพ.นาบูซื้อแน่นอนเลยค่ะ ชอบสนพ.นี้มาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 31-12-2014 00:56:56
จบดีมากค่ะ ประทับใจเรื่องนี้มากกกกก o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 31-12-2014 01:01:45
 o13
เยี่ยมยอด  สนุกมากเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 31-12-2014 12:08:33
สวัสดีวันสิ้นปีขอรับ(เกี่ยวไหม)

อ่านแล้วละมุน ละไมขอรับ

แม้ว่าช่วงแรกๆออกจะขัดใจในความอึมครึมอยู่บ้าง

แต่หลังๆก็ปลื้มปริ่มกันไป

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 31-12-2014 12:12:27
จบแบบอุ่ยๆ ส่งท้ายปี ห่ยหนาวกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 31-12-2014 14:57:44
 :haun4: :haun4: :haun4:

โอ้ยยย      หวานๆๆๆๆๆ 


 o13 o13 o13 :z2: :z2: :z2:

ผู้แต่งก็เก่งมากๆๆๆๆ   จนทำให้รู้สึกอบอุ่น

สวัสดีปีใหม่ 

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-12-2014 20:00:54
จบน่ารักมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 31-12-2014 22:53:39
ดีใจที่สุดท้ายฟีเรียสก็ได้เป็น "สะใภ้หลวง" ซะที  :mc4:

ขอบคุณที่แต่งเรื่งแนวนี้ให้อ่านนะคะ
รอซื้อหนังสือกับทางนาบูจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-01-2015 00:52:30
ขอบคุณค่ะ เป็นนิยายที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งเลย ปกติไม่อ่านพีเรียดค่ะ แต่เรื่องนี้ยอมใจเลย
มันละเอียดซับซ้อนเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้นะคะ ความรู้สึกเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้
ความสัมพันธ์สองคนมันค่อยๆเรียงร้อย ถักทอ จนแน่นแบบแก้ไงก็ไม่หลุดค่ะ
เจ้าชายเป็นเหมือนทองจริงๆ ทั้งตัวทั้งใจ ส่วนฟีเรียสเป็นคนดีมากๆ ดีมากๆ เหมาะกับตำแหน่งสะใภ้หลวงค่ะ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะความพยายามและความฉลาดของเจ้าชาย รักตัวละครทั้งสองตัวนี้มากค่ะ

รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-01-2015 12:21:19
จบซะแล้ว ยังรู้สึกอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆอยู่เลย
ชอบเวลาที่เจ้าชายกับฟีเรียสอยู่ด้วยกันอะ มันน่ารักจริงๆ
เจ้าชายสุดยอดมากเรียกว่าเอาแต่ใจได้น่ารักมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 01-01-2015 22:12:15
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อ่านเรื่องนี้จนจบเลยยย เป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่อ่านได้จบจนบทสุดท้ายจริงๆ ชอบมากกค่ะ เรื่องแนวนี้ๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป รักกันแบบ อร๊ายยยยยยยยยยย หวาน เขินแทน รักคนเขียนมากค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 02-01-2015 13:51:35
ชอบคุณชายมิทรอสมากๆๆๆๆๆ
เป็นกามเทพที่น่ารักสุดๆ
เฮเดสกับธามก็น่าอ่านจริงๆ
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
ชอบทุกตัวละครที่แต่งเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-01-2015 00:35:16
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ฟีเรียสเป็นคนปากแข็งจริงจัง เจ้าชายหกเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-01-2015 00:59:38
แฮปปี้ สวัสดีปีใหม่น้าา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 03-01-2015 20:31:48
มาตามอ่าน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ
ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Evergreen ที่ 03-01-2015 21:10:02
อ่านแบบวันเดียวจบเลยค่ะ
เขินองค์ชายมากเลยค่ะ ทรงพระเท่ห์โคตรๆ
ประดุจว่าตัวเองเป็นฟีเรียสเลยค่ะ
อมยิ้มตามเลย

ตอนฟีเรียสแกล้งจำองค์ชายไม่ได้
วูบตามองค์ชายเลยค่ะ เสียใจพร้อมๆกับพระองค์จริงๆ
555555
มันเข้าถอารมณ์มาก
อ่านไปยิ้มไป แอบหมั่นไส้ฟีเรียสหน่อยๆตอนบอกให้องค์ชาย อย่ามาพบ
พอเขาไม่พบก็งอแง 555555 กระโดดถีบสักที
ก้ตัวเองเป็นคนพูดเองนี่หว่า ไปน้อยใจเขาอีกนะ

ชอบตอนเขามุ้งมิ้ง จุ้บๆกันมากเลยค่ะ
เขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 03-01-2015 23:43:07
ตอนแรกอ่านก็เรื่องๆ เบาๆ ไม่พีค ไม่ดราม่า แต่ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้น ลุ้นมาก ถึงจะบอกว่าจบสวย 5555 แอบลุ้นมากกกก ยิ่งตอนท้าย หักมุมอ่ะ ชอบบบบบ  :mew4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 04-01-2015 11:10:36
เรื่องนี้สนุกกกกก
อยากอ่านเรื่องของมิทรอส ไม่รู้จะมีมั้ย
ตอนพิเศษไรงี้ก้ได้ 555555555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 04-01-2015 11:58:33
ชอบมาก ภาษาสวย สำนวนอลังการณ์ ไพเราะ
เนื้อเรื่องไม่เอื่อยนะ ดำเนินเรื่องได้ดีสร้างสมความ
สัมพันธ์ของตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้
คงคาแรเตอร์ตัวละครไว้ได้ โดยเฉพาะฟีเรียส
คาแรคเตอร์แบบฟีเรียสนี่จะให้ยอมรับรักเจ้าชาย
ต้องใช้เวลาและเหตุการณ์หลายๆอย่าง ยิ่งเจ้าชายเอง
จะให้ยอมรับหัวใจตัวเองในทันทีก็ไม่ได้ อ่านแล้วเรารู้
สึกไม่เอื่อยนะ เนื้อเรื่องสมเหตุสมผล อ่านได้เรื่อยๆ
เขียวล่ะ อยากให้มีต่ออีกด้วยซ้ำ เหมือนเรื่องปูฐาน
คาแรคเตอร์ตัวละครและความสัมพันธ์มาแน่นแล้ว บวก
กับคาแรคเตอร์ของฟีเรียสกับเจ้าชายหกเนี่ยะ แต่งกุ๊กกิ๊ก
หวานๆหรือเติมความขมนิดๆได้เรื่อยๆ ไหนจะบรรดาเจ้าชาย
อยากให้แต่งต่อมากๆ แต่ก็แล้วแต่คนเขียนค่ะ  :mew2:  ถ้าแต่งต่อ
เรารออ่านแน่แท้ติดหนึบ เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณ
สำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 04-01-2015 13:32:59
อ่านเรื่องของชุนกี่รอบก็ชอบ เสียดายไม่ได้อ่านทาสรักจนจบ ชอบเรื่องนั้นมากๆ ส่วนเรื่องยอมเคยอ่านไม่กี่ตอนสมัยก่อน จนกระทั่งทำลิงค์บอร์ดฝูหายไป ขอบคุณพระเจ้าที่ชุนทิ้งลิ้งไว้ให้เลยตามไปถูก ได้อ่านจนจบแล้วดีใจจัง555 สนุกจนน้ำตาซึมไปหลายรอบ555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 04-01-2015 23:22:37

สนุกมากเลย
ทั้งภาษาสำนวนดีมากเลย
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 05-01-2015 15:01:51
เป็นเรื่องที่พัฒนาความสัมพันธ์แบบเนิบนาบ
แต่เราอ่านแล้วรู้สึกว่าน่ารักมากกกก
อยากได้แบบเจ้าชายหกคนนึง อบอุ่นจัง 555555

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ~^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2015 18:05:45
ชอบเจ้าชายหกมากๆ น่ารักเป็นที่สุด (ปลื้มอ่ะ)
ขอบคุณคนเขียนมากจ๊ะที่ผลิตผลงานดีๆมาให้อ่าน(และฟินอย่างที่สุด 55)

ปล.ยังไม่มีโครงการที่จะทำเป็น e-book เหรอคะ อยากได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: PoppyPrince ที่ 07-01-2015 22:18:29
สนุกมากครับ ภาษาสวย  เนื้อเรื่องน่ารัก อยากให้มีตอนพิเศษอีก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 08-01-2015 00:58:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 08-01-2015 12:59:26
 o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 08-01-2015 23:19:57
เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 10-01-2015 21:00:33
นึกว่าใน 8 คน มีชอบผญ.อยู่ 3 คนซะอีก ชอบผช. 5

ที่ไหนได้มีแค่คนเดียวคือ รัชทายาทคนปัจจุบัน (คนที่ 2)

คนที่1,3-8 ชอบผช.หมด โอ้ ดีนะราชวงศ์มีคนสืบทอด

ไม่งั้นจบเห่แน่ อุส่ามีลูกชายตั้ง 8 คน

เป็นพ่อแม่ที่เข้าใจลูกแฮะ ทั้งที่เป็นถึงพระราชาพระราชินี

กว่าแม่ของฟีเรียสจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 11-01-2015 08:14:40
สนุกๆมากๆๆคะ ตามหาเรื่องแบบนี้อ่านมานานมาก
ดำเนินเรื่องโอเครคะ  ติดตามผลงานต่อๆๆไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 11-01-2015 20:18:31
มีภาคต่อไหมมม
เจ้าชายทรงน่ารักเกินไปแล้วววววว

รุกอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: PrInceZz ที่ 15-01-2015 22:48:27
ดีใจมากค่ะ วันนี้ด้วยว่าบังเอิญเข้าไปเว็บ e-book เลยได้อ่านคู่เจ้าชายเฮเดสกับธามเลย น่ารักมากค่ะ ไม่รู้จะมาเป็นกำลังใจตรงไหน เลยขอฝากไว้กับรามิเรสละกัน เป็นกำลังใจ ขอบคุณคุณชุน สำหรับเรื่องน่ารักๆ ภาษาสวยๆ
 o13 o13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 16-01-2015 20:40:00
ชอบอ่าจ้าา อ่านตอนแรกก็คิดนะทำไมฟีเรียสคคิดมากจัง 555 แต่อ่านๆไปก็พยายามทำความเข้าใจ
ชอบเจ้าชายหกจริงจัง 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่ 16-01-2015 21:22:20
 :impress2:หน้าจะมีภาคต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: PrInceZz ที่ 16-01-2015 22:44:09
มาต่อว่า ถ้าไม่ทำเล่ม ก็ทำอีบุ๊คเหมือนเรื่องอื่นนะคะ คอยติดตามผลงานคุณชุนนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 16-01-2015 22:57:10
อ่านแล้ละมุน ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปมากเลยค่า
รู้สึกชอบเจ้าชายหกมากกกกกกกกกกกก
แต่ก็ชอบฟี่นะ 5555555

ประทับใจทั้งคู่เลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Amaryllifolius ที่ 17-01-2015 19:10:58
มาอ่านทีเดียวรวดเลยค่ะ สนุกมากๆ สนุกจนน้ำตาจะไหล(ด้วยความฟิน)

ได้โปรดดดดดดดด แต่งนิยายออกมาอีกเยอะๆ นะคะ พลีสสสสสสสสสสส

ติดตามผลงานมานาน แต่งชญ.ก็ชอบ แต่วายเนี่ยคลั่งเลย ขออีกๆๆๆๆๆๆๆๆ  :hao7:

ขอบคุณมากนะคะที่แบ่งปันนิยายน่ารักๆ อย่างนี้ให้ได้อ่าน โอย...ฟินเว่อร์อะ    :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 22-01-2015 23:42:39
อ่านจบสองรอบแล้วนะคะ อยากอ่านแบบเป็นเล่มจังเลย TT
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: นอย ที่ 24-01-2015 21:42:32
แอบอ่านมานาน วันนี้ขอโผล่ร่างออกมาหน่อย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดจากทุกเรื่องที่เคยอ่านของคุณชุนค่ะ และยกให้เป็นเรื่องที่รักที่สุดเท่าที่เคยอ่านนิยายตามเว็บบอร์ดมาเลย
อ่านมาตั้งแต่มีประมาณสิบแอดสิบสองตอนมั้งคะ ชอบมากค่ะ ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องนี้
ชอบความคิดมากของฟีเรียส
ชอบฝีปากของเจ้าชายหก
ถึงเนื้อเรื่องจะเนิบนาบ แต่ทำให้เราเห็นความรักที่คอยๆเติบโต  มันน่ารัก อิ่มเอมหัวใจ อบอุ่น
มีช่วงกลางๆปีที่แล้วที่คุณชุนหายไปหลายเดือนเลย ก็คอยเข้ามาดู อ่านตอนเดิมซ้ำๆ ก็ยังเติมความอิ่มใจได้เสมอไม่มีเบื่อเลย วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่กลับมาอ่านอีกรอบค่ะ
 //ส่งสัญญาณ//
อยากได้มาเก็บไว้ในชั้นหนังสือที่บ้านเร็วๆจังเลยค่ะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นวงกลม ที่ 28-01-2015 12:49:12
เจ้าชายน่าร้ากกกกก :impress2: :impress2: อยากให้มีภาคต่อจังคะ
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 28-01-2015 22:38:40
ตามอ่านจนจบแล้วค่ะ เป็นเรื่องที่เราคิดว่าอ่านแล้วคิ้วขมวดบ่อยมากนะ แต่ในความคิ้วขมวดก็มีความสุขแบบปากอมยิ้มไปด้วยอะ55555 ไม่รู้สิ คือองครักษ์เราช่างใจแข็งจริงๆ แต่ก็รักเจ้าชายมากด้วยถึงแม้จะไม่พูดออกมาบ่อยๆก็เถอะ(ที่เห็นชัดที่สุด เราคิดว่าก็คงจะเป็นตอนต่อยกำแพง) แต่เราชอบมากเลย ฟีเรียสน่ารักจะตายไป ซึนสุดๆ5555 พระเอกก็แสนดี๊แสนดี ตรงตามที่ชอบเลยค่ะ สนุกมากๆ และแต่งดีมากๆด้วย

กำหนดการเรื่องตีพิมพ์หรือสั่งจองจะมาตอนไหนช่วยแจ้งหน่อยนะคะ รอค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 29-01-2015 04:28:25
ตามมาจากกระทู้แนะนำ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วแทบจะเครียดตามตัวละครไปเลย ลุ้นมากจิกหมอนแทบขาด เวลาหวานก็มีความสุขสุดๆตามไปด้วย

จะไปตามอ่านเรื่อง ยอม ต่อนะคะ อยากให้รควมเล่มรามิเรสด้วยจังเลย + ตอนพิเศษซักหน่อย รู้สึกยังไม่อิ่มเท่าไรเลยค่า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: คุณอัง ที่ 29-01-2015 11:00:06
สนุกมากค่ะ  เป็นเรื่องที่ไม่รีบไม่ร้อน ค่อยเป็นค่อยไป
ซึมซับกันทีละนิดทีละหน่อย น่ารักมากเลยค่ะ

เจ้าชายนี่ก็หยอดเก่งเหลือเกิน จิกหมอนจนแทบขาดไปสามใบแล้ว แฮ่~

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 30-01-2015 14:18:43
เพิ่งจะมีโอกาศได้อ่านเรื่องนี้

ขอบอกว่าตัวเองพลาดมากกก พลาดเรื่องนี้มาได้ไง

โอ๊ยยยสนุกมาก ลุ้นมากกก แต่ไม่น่าเบื่อเลย

อ่านแล้วเขิน จิกหมอน มโนว่าตัวเองเป็นฟีเรียส แอร๊ยยย ฟินอะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: natt teng ที่ 31-01-2015 01:34:42
พอมีเวลาก็แต่งของเจ้าชายพระองค์อื่นนะคะ หรือแต่งแล้วแต่ตามอ่านไม่ถูก ลุ้นคู่นี้มาก แต่ลงเอยกันได้ก็ดีใจแทนค่ะ อินๆๆๆๆๆ ชอบมากค่ะ สนุกนี้ ลุ้นจะลงเอยกํนเหมือนไหร่ :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: dekfad ที่ 03-02-2015 20:56:23
ชอบบรรยากาศของเรื่องนี้มาก
เป็นไปเรื่อยๆ ตามจังหวะของชีวิต ไม่ได้มีเรื่องให้ตื่นเต้น หรือหักมุม แต่ก็ไม่น่าเบื่อ
ชอบความรู้สึกที่ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป
ค่อยๆ ชอบ ค่อยๆ รัก...
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 04-02-2015 10:56:53
ขอบคุณคนแต่งค่ะ
เรื่องนี้มาอย่างเนิบๆ แต่อ่านได้จนจบ
แสดงว่ามันมีอะไรมากกว่าที่คิด

ชอบตอนเจ้าชายช่วยงานแล้วชอบทำยุ่ง
บรรยายเหมือนเจ้าชายเป็นเด็กซนๆเลย

ส่วนฟีเรียส ปากแข็งมากก แต่ก็น่ารักนะ
สุดท้ายนี้ ขอฝากให้ฟีเรียสไว้สักคำ

"ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ แต่เจ้าชายกินได้นะคะ" 555555 :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 04-02-2015 11:15:16
 :haun4:อ่านไปได้ 4 -5 ตอน ว้าว ชอบการบรรยายเนื้อเรื่องค่ะ
แอบเอาใจช่วยเจ้าชาย กับ องค์รักสุดซึนนะค่ะ
*

อ่านถึงตอน 11 แล้ว เอาใจช่วยคนคิดเยอะ จีบกันค่ะ
บางประโยคอ่านแล้วหน่วงๆ กับความรู้สึกจริงๆ
ดอกฟ้ากับหมาวัดใช่มิ ความรู้สึกนั้น
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 05-02-2015 07:19:45
อ่านจบแล้วเย้  ต่างคนต่างเป็นคนคิดเยอะ
ในที่สุดก็ลงเองกันได้อย่างมีความสุข
ลุ้นกันจนเหนื่อย แต่เวลามีเรื่องหน่วงๆก็หน่วงใจมากเลยค่ะ
ฝ่าฟันอุปสรรคกันทั้งเพื่อน คู่หมั้น แม่ ครอบครัว
แต่ในที่สุดก็ได้รักกันคิคิคิ
เอ็นซีตอนท้ายเรื่องบรรยายได้ละมุนละไมมากค่ะ ชอบอ่ะ
ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้จะแค่มีอะไรกัน
แต่องค์ชายหก พยายามทำให้คนรักมีความสุข และแก้ตัวจากครั้งก่อนด้วยคิคิค
อยากอ่านพาร์ทของเจ้าชายเฮเดทกับธามจังเลยค่ะ

ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 08-02-2015 16:14:03
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เราเป็นคนนึงที่โคตรเข้าใจฟีเรียสเลย
คงเพราะนิสัยหยิ่งเหมือนกัน 55555555 เข้าใจฟีเรียสที่ทำไมต้องคิดมาก เพราะฐานันดรที่ต่างกันมากเกินไป
แต่ยอมรับองค์ชายหกเลย ปลื้มมมมมมมมม ชอบบบบบบบบบบ มากกกกกกกก
อบอุ่นมาก จะอบอุ่นไปถึงไหน คนอ่านจะละลายแล้วค่าาา
ชอบตรงที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ใช่กำลังเลย (คงเพราะรักมากสินะ)
อดทนและพยายามกับฟีเรียสมาก ฮือออ หลงเจ้าชายมากจริงๆ

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับนิยายสนุกๆ ภาษาสวยงามมาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-02-2015 22:17:33
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน ตอนแรกไม่กล้าอ่านกลัวจะดราม่า
แต่ไม่ใช่ สนุกมากเลย ชอบมาก
ขอบคุณคนแต่งมากค่าสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 25-02-2015 23:36:51
ทำไมเค้าเรื่อง ยอม ในบอร์ดฝูไม่เจอ ใครช่วยชี้ทางให้หน่อยได้ไหมค่าา อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 26-02-2015 22:25:31
http://www.funovels.com/showthread.php?t=197&page=3 (http://www.funovels.com/showthread.php?t=197&page=3)
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 26-02-2015 22:39:43
เมื่อไหร่จะรวมเล่มคะ

ลงแดงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 26-02-2015 23:07:36
http://www.funovels.com/showthread.php?t=197&page=3 (http://www.funovels.com/showthread.php?t=197&page=3)

ขอบคุณค่า ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 27-02-2015 06:37:02
jaja-jj - เรื่องรวมเล่มคงต้องอีกพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ช้าที่ชุนเอง เพราะว่าคิดตอนพิเศษไม่ออกน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 27-02-2015 07:45:23
jaja-jj - เรื่องรวมเล่มคงต้องอีกพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ช้าที่ชุนเอง เพราะว่าคิดตอนพิเศษไม่ออกน่ะค่ะ

เสนอความเห็น ฮันนีมูนเลยจ้ะ เห็นว่าอิจฉาเจ้าพี่เฮเดสพาทามไปฮันนีมูนนิ ถึงทีพระองค์แล้ว 

อั๊ยยยย อ่านกี่ครั้งก็ยังกิ๊บก๊าว เอาใจช่วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 27-02-2015 09:00:12
jaja-jj - เรื่องรวมเล่มคงต้องอีกพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ช้าที่ชุนเอง เพราะว่าคิดตอนพิเศษไม่ออกน่ะค่ะ



แค่มีแพลนเราก็ดีใจแล้วค่ะ :). 
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 28-02-2015 23:08:43
jaja-jj - เรื่องรวมเล่มคงต้องอีกพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ช้าที่ชุนเอง เพราะว่าคิดตอนพิเศษไม่ออกน่ะค่ะ

รอรวมเล่มนะค่ะ ดีใจที่มีโครงการ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-03-2015 05:32:36
ได้อ่านเรื่องนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว และก็ติดตามอ่านเรื่อยมา อ่านวันละนิดละหน่อย เรียกว่าเก็บเล็กผสมน้อยก็ไม่ผิดนัก

ชอบในความละเมียดละไมของเนื้อหา ชอบที่ความสัมพันธ์ของตัวละครค่อยๆ ก่อร่างและเจริญเติบโตขึ้นไปทีละน้อย ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่งจะรู้สึกพีคและเต็มอิ่มมาก อีกทั้งภาษาที่ใช้ก็เรียบเรื่อยและเย็นสบาย เหมือนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมลำธาร ที่ไหลผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีและที่มองเห็นไกลๆ นั้นคือเทือกเขาซึ่งยอดมีหิมะปกคลุมทั้งปี (บรรยากาศเหมือนวรรณกรรมเรื่องไฮดี้)

ไม่รู้จะวางรามิเรสไว้ในหมวดหมู่ไหนดี เป็นโรแมนติค หรือแฟนตาซี หรือลิเกฝรั่ง รู้แต่ว่าเป็นนิยายที่มีฉากเป็นประเทศสมมติ ซึ่งตั้งอยู่ในระหว่างหุบเขาหรือหมู่เทือกผา มันมีความโบราณและสมัยใหม่ปนกันออกมาได้อย่างออกรส ไม่ใช่เรื่องแนวเวทย์มนต์ แต่เหมือนกับมีมนต์รักลอยอยู่ในอากาศ ยิ่งประกอบกับมีเจ้าชายกับองครักษ์ ยิ่งเสริมเติมความหวานและเคลิ้มฝันให้กับเนื้อเรื่องด้วยค่ะ สรุปว่า จะเป็นนิยายประเภทใดก็ตามแต่, รามิเรสได้ใจดิฉันไปเต็มๆ แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกว่าฟีเรียสทระนงตนเกินไปหรือเปล่า แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่เกินความสามารถของเจ้าชายรามิเรสไปได้

อิ่มอกอิ่มใจนะคะ

ขอบคุณคุณชุนมากๆ ค่ะ

ปล.สั่งซื้อเรื่องทาสรักจากนาบูไปแล้วค่ะ หนังสือกำลังเดินทาง คาดว่าจะได้รับในเร็ววัน.
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 04-04-2015 12:27:43
เจ้าชายน่ารักมากกกกก

มากจนอิจฉาพี่ฟี
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 21-04-2015 23:35:32
อยากได้รูปเล่มจัง :ling1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 25-04-2015 00:58:04
เรื่องนี้เรื่องโปรดเลยนะนี่ ><!!

ชอบมากๆ!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-05-2015 10:13:33

   ถึง ncจะน้อยแต่ก็สนุกมากๆค่ะ คาราวะ3ทีสำหรับคุณนักเชียน :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 28-06-2015 11:16:06
อ๊ากกก ก เป็นเบาหวานเพราะตอน27แท้ๆ เจ้าชายหยอดตลอดเลย :-[

น่ารักอ่ะเรื่องนี้ เกือบพลาดเรื่องนี้ซะแล้ว สนุกมากน้า o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 28-06-2015 14:16:30
โอ้ยยยยย น่ารักม๊ากกกกกก ชอบมากกกกกกก  :mew1: :กอด1:
ชอบเจ้าชายรามิเรสมากกกกก กอไก่ล้านตัว ทรงอบอุ่น ทรงพระดีมากค่ะ  :impress2: :o8: o13
หนูฟีเรียสหนูโคตรโชคดีมากกกกก ชอบหนูมากเหมือนกัน เป็นคนที่ซึนได้น่ารักมากกกก  :-[ :L1:
อยากบอกว่าเป็นเรื่องที่ชอบมาก ปกติส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบอ่านแนวพีเรียด เพราะเป็นคนเข้าใจยาก แต่เรื่องนี้อ่านได้ไม่หยุดเลย อ่านแล้ววางไม่ลง ชอบๆๆๆๆ  :L2: :z2:
รอรวมเล่มเป็นหนังสือนะคะ จะซื้อๆๆๆ  :hao7: :ling1:
จะไล่อ่านผลงานของคุณชุนทุกเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้ที่ได้อ่านเป็นเรื่องแรกแล้วชอบมากเหมือนกัน คือเรื่อง ไม่ต้องรักข้า แค่อยู่กับข้าก็พอ ชอบมากค่ะ เลยพยายามหาเรื่องอื่นๆของคุณชุนจนมาเจอรามิเรสแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ตอนนี้เลยซื้อเรื่องอื่นของคุณชุนจาก e-book อย่างบ้าคลั่ง 55555 ส่วนทาสรักก็สั่งซื้อกับนาบูเรียบร้อยแล้ว รอวันมาส่งถึงบ้านด้วยใจจดจ่อ  :z10:
สุดท้าย ขอบคุณนะคะ ที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้นักอ่านได้มีความสุข ขอบคุณค้าาาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 05-07-2015 09:57:50
 :-[  อ่านสองวันจบค่ะ ติดงอมแงมมากมายยยยยย. อร๊ายยยยยย.  ชอบมากๆเลยค่ะ :man1: :3123:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 15-07-2015 07:53:49
ชอบมากเลยจ้าาาา สนุกมากกกกก ตามหามานานนายเอกที่นิสัยแบบนี้
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: minyjae ที่ 16-07-2015 08:00:42
ยังอ่านไม่จบ อีก 2ตอน แต่ขอมาเม้นก่อน เพราะอินมากกกกก
ชอบมากกกกก เจ้าชายละมุน อ่อนโยน แต่ก็แอบมีด้านมืดที่น่ารักมาก
เป็นเรื่องที่ดำเนินเรื่อยๆ แต่ทำไมรู้สึกอินขนาดนี้ เราก็รู้สึกว่าความรักบางทีก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา
ไม่ต้องรีบร้อน...ลุ้นมากกกก พอบอกความรุ้สึกต่อกัน ทีนี้หวานเลย เขิลด้วย อยากกรีดร้องออกมา 555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-08-2015 00:56:51
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: แ ฝ ง. ที่ 02-08-2015 20:10:57
จบแล้ววววว
ชอบเรื่องนี้
ชอบนิสัยพระเอกและนายเอก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 03-08-2015 23:23:33
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 13-08-2015 06:03:57
เรื่องนี้ ใสๆ จริงๆ :heaven
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 16-08-2015 18:15:15
'Don't judge the book by its cover'
ประโยคนี้เหมาะมากกับเรื่องนี้จริงๆ เราเหลือบมองเรื่องนี้หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้กดคลิกเข้ามาด้วยเหตุผลที่ว่า
ชื่อเรื่องมันส่อให้เราคิดถึงแนวทะเลทรายและชื่อตัวละครสถานที่ที่มันเป็นภาษาอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกจริตสักเท่าไหร่
แต่เมื่อคืนไม่รู้อะไรดลใจให้เราคิดที่จะอ่านเรื่องนี้ขึ้นมา ปรากฎว่าอ่านแบบnon-stop ตั้งแต่ 3 ทุ่มยันตี 5 ค่ะ  :laugh:
จริงๆแล้วเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรเลยนะนอกจากความเยอะของฟีเรียส ความใจดีของเจ้าชาย 555555
แต่ไม่รู้สิ เราชอบอ่ะ เรียบง่าย ละมุนละไม สมจริง มันดูแบบสมเหตุสมผล
เหมือนเรากำลังนั่งดูชีวิตของคนๆหนึ่งมากกว่าอ่านนิยาย
ไม่จำเป็นต้องมีนางร้ายนายร้าย ไม่ได้หาทางออกทำให้ผู้หญิงกลายเป็นตัวร้ายเหมือนนิยายหลายเรื่องๆ
(ชอบมากตรงจบความสัมพันธ์ในสามบรรทัด ฮ่าๆตอนแรกนึกว่าพูดเล่น)

สำหรับตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่อง ก็มีฟีเรียส เจ้าชาย(จริงๆก็ชอบทุกคนแหละ)
ยอมรับว่าฟีเรียสค่อนข้างคิดมากจนเราหงุดหงิดอยากจะเข้าไปดีดมะกอกสักสองสามที
แต่ก็เข้าใจได้ เพราะนางก็มีเหตุผลของนาง แตกต่างกันหลายอย่าง เป็นผู้ชายทั้งคู่ เป็นเชื้อพระวงศ์แถมยังมีพระคู่หมั้นอีก
ไม่คิดมากก็บ้าแล้ว 555555 เป็นเราคงหัวระเบิดไปแล้วแหละ แต่นางก็น่าเอ็นดูนะ เราเข้าใจเลยว่าทำไมพระองค์ถึงได้เลือก

เจ้าชายเป็นเจ้าชายที่เป็นเจ้าชายมากๆสำหรับเรา ไม่มีตรงส่วนไหนของเจ้าชายเลยที่เราจะไม่ชอบ
ถึงแม้ว่าช่วงแรกจะซึนไปหน่อย แต่พอรู้ใจตัวเองก็ทรงเปลี่ยนไปเลย ใจดีมีเมตตา ใจเย็น เข้าอกเข้าใจ
เป็นผู้ใหญ่ และอื่นๆอีกมากมาย บอกเลยว่าฟีเรียสไม่เอาก็โยนมาทางนี้ได้ 555555555       

ไม่มีไรจะเมนท์ต่อแล้วค่ะ นอกจากขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้มาให้ได้อ่านนะคะ
ชอบมาก ดีมากๆเลย  o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 06-09-2015 20:37:06
อ่านจบแล้ววว กว่าคู่นี้จะยอมลงเอยกัน ปากแข็ง ใจแข็งกันทั้งคู่เล๊ย
คนอ่านลุ้นมาก แต่ก็นะจะให้คิดว่าคนที่หลงรักมารักตอบ ฐานะก็ต่างกัน ก็เป็นอะไรที่เข้าข้างตัวเองเกินไป
รามิเรสมีรักที่มั่นคง หนักแน่นมาก รักแล้วรักเลยไม่เปลี่ยนแปลง 
ฟีเรียส เจียมตัวกับความรักเหลือเกิ๊นน น่ารักน่าสงสารอะ
ตอนคู่นี้เค้าหวานๆกันหาย๊ากยาก  :L2:


หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 24-09-2015 22:31:38
ปรกติ ไม่ว่านักเขียนเริ่มขึ้นเรื่องใหม่ไม่ว่าแนวไหน....  พอเห็นชื่อคนเขียนก็จะต้องรีบกดเข้ามาส่องอย่างไว แต่มักจะแกล้งลืมๆ เพื่อสะสมไว้อ่านทีละหลายๆ ตอน แต่คราวนี้ลืมจริง...   รู้ตัวอีกที จบแล้ว เปิดพรีจองแล้ว...  =_=a 
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 26-09-2015 18:02:06
เรื่องนี้เฝ้ารอคอยมานาน พอเปิดจองปุ๊บก็รีบโอนเงินปั๊บเลย อยากได้มากอดเร็วๆ จังเลยค่ะ ชอบหน้าปกมากๆ  :mew1:

แล้วก็เฝ้านิยายเรื่องใหม่ของคุณชุนนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 27-09-2015 04:05:23
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นิยายเรื่อยๆ ที่อ่านได้เรื่อยๆ จนหยุดไม่ได้เลยค่ะ

ขอตามไปเก็บเรื่องอื่นๆ ของคุณชุณก่อนนะคะ ติดใจแนวเรื่องและภาษามากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 27-09-2015 12:15:55
สนุกมากๆๆๆๆ นี่เราหายไปไหนทำไมไม่เคยไดอ่านเรื่องนี้เนี่ย!!!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 04-10-2015 00:51:52
ไม่น่าเลย....
ไม่น่าอ่านช่วงใกล้สอบเลย ติดงอมแงม55
อ่านแล้วไหลลื่นปรื้ดๆเลยล่ะ
เจ้าชายหกหื่นเงียบสิน้า หุหุ :z1:
นายเอกนี่ตอนหลังๆรู้สึกฮาที่แพ้เจ้าชายทุกทีนี่แหละ  :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 06-10-2015 03:11:24
ตอนแรกเรื่องมันก็เรื่อยๆนะคะ ตอนหลังน้ำตาไหลทำไม :o12: กว่าจะรักกันเนอะ เสียน้ำตาไปเป็นโอ่ง
เคยอ่านเรื่องธามแล้วด้วย เสียน้ำตาเป็นโอ่งเหมือนกัน

หวังว่าจะได้อ่านเรื่องเจ้าชายองค์อื่นน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 15-10-2015 12:37:19
:รอติดตามอ่านเจ้าชายท่านอื่นจ้า
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-10-2015 21:29:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: อ่านแล้วชอบมาก ๆ เลยน่ะ แรก ๆ รู้สึกว่ามันเอื่อย ๆ แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบน่ะ อ่านแล้วมันฟินแกมหน่วง ๆ ดีน่ะ ชอบนิสัยของเจ้าชายหกมาก ๆ น่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 16-10-2015 06:10:52
 :-[ :กอด1: :o8: ละมุนละไมมาก ชอบบบบบบ  :o8: :กอด1: :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-10-2015 16:52:10
อ่านแล้วชอบมากจ้ะ  o13 ยอมรับว่าเรื่องค่อนข้างเรียบเรื่อยแต่ก้อทำให้เราติดตามได้ตลอดและฟินได้ตลอดเลย  :impress3: อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมาก ๆ จนอยากอ่านเรื่องของเจ้าชายองค์อื่น ๆ ยังไงจะรอเรื่องของเจ้าชายเฮเดสน่ะจ้ะ เพราะอยากอ่านมาก ๆ แต่อยากอ่านเรื่องของเจ้าชายฟารุคมากว่าเจ้าชู้ขนาดนัันมายอมแพ้ให้กับคนรักคนนี้ได้ยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 17-11-2015 15:19:37
 :pig4: ขอบคุณนะคะ

อ่านแล้วเพลินมากๆเลย

หยุดไม่ได้ ~~~~ :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kob17 ที่ 06-12-2015 18:01:15
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 06-12-2015 23:18:49
สนุก :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 03-02-2016 21:27:49
สนุกมากค่ะ ชอบนิสัยเจ้าชายสุดๆ ค่ะ เอาแต่ใจด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ นายเอกนี่เจอรอยยิ้มเข้าไปยอมทุกอย่างค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 04-02-2016 19:21:42
สวัสดีค่ะ .. เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ทั้งๆที่เห็นผ่านหน้าในหน้าแนะนำนิยายมาหลายต่อหลายรอบแล้ว
แล้วก็รู้สึว่าพลาดจริงๆด้วยที่ไม่ได้มาเจอ T ____ T .. แต่ ได้อ่านตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ ดีกว่าไม่ได้อ่านเนอะ 5555555
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก มากจริงๆค่ะ เรียกว่าอ่านตั้งแต่เมื่อคืนช่วงสี่ห้าทุ่ม ยาวไปยันตีสอง วันนี้ที่เรียนก็แทบจะอ่านตลอดเลย
คือมันติดหนึบจริงๆนะคะ! ทำเราร้องไห้กลางห้องเลคเชอร์ด้วยแหละ น้ำตาซึมอยู่หลายต่อหลายตอน บอกไม่ถูกจริงๆค่ะ

ชอบทั้งเจ้าชายหกทั้งฟีเรียสเลย เจ้าชายเองมีคุณสมบัติของพระเอกที่ดีทุกประการ แต่แปลกกว่าหน่อยตรงที่ไม่รู้ใจตัวเอง
ส่วนฟีเรียส เรียกได้ว่าเป็นนายเอกคนแรกที่เรารู้สึกว่ามีคาแรคเตอร์ที่เด่นชัด ไม่เหมือนใครจริงๆ และเราก็รักมากด้วย
หลงรักทุกอย่างไม่ต่างจากเจ้าชายเลยค่ะ ทั้งความหยิ่งในศักดิ์ศรี ทั้งความปากแข็ง ทั้งความอ่อนแอที่พยายามปกปิด
แต่สุดท้ายที่หลงที่สุดก็หลงเพราะฟีเรียสรักเจ้าชายนี่แหละ .. ความรัก ความรู้สึกเวลาอยู่ด้วยกันช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
คงเพราะเราได้อ่านในมุมมองของฟีเรียสด้วยมั้งคะ เราเลยรู้ว่าเขารักเจ้าชายหกมากแค่ไหน
แต่เจ้าชายเนี่ยสิ มีความอดทนเป็นเลิศจริงๆ เพราะถ้ามองเฉพาะการแสดงออกแล้ว ฟีเรียสปากแข็งยิ่งกว่าแข็งซะอีก
ตอนที่ปฏิเสธเจ้าชายหกแรงๆนี่เราร้องไห้เลย ; _ ; .. อะไรจะไร้เยื่อใยขนาดนั้น
(แถมยังใจร้ายอีกนะคะ ขนาดไล่เขาไปแล้วยังอยากให้เขาเลือกมาอยู่ด้วย ถ้าเขาเลือกมาจริงก็หาว่าไม่รักษาสัญญาอีก เอาใจไม่ถูกเลย)

แต่ยังไงก็รักนะคะ 5555555555 ชอบมากๆ ชอบภาษา ชอบทุกอย่างเลยค่ะ
ไว้จะไปติดตามอ่านเรื่องอื่นต่อๆไปนะคะ ตอนนี้อ่านเรื่องเวลาอยู่ ชอบไม่แพ้กันเลย ^^
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ ถ้าโชคดีคงมีโอกาสได้อ่านแบบออนแอร์เนอะ :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 07-02-2016 02:05:54
เมื่อไหร่บอร์ดฝูจะรับสมาชิกคะ อยากอ่านมาก
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เรื่อยๆแบบน่าเบื่อแต่ทุกตอนมีความตื่นเต้น
ชอบฟีเรียส มากกกกกกกกกก ชอบเจ้าชาย ชอบไปหมด
แต่งมาเพิ่มเป็นเซตๆทุกคนเลยเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: smallmonkey ที่ 07-02-2016 17:59:59
มาอ่านซ้ำอีกรอบก็ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ ฟีเรียสน่ารักมากจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 08-02-2016 18:20:21
 :-[ :-[ :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sherline8 ที่ 11-02-2016 22:55:18
จบแล้ววววว อ่านรวดเดียวเลยยย

ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ ฟีเรียสน่ารักมากๆ เจ้าชายก็แสนดี

พ่ายแพ้ทุกอย่างที่เป็นทั้งคู่ ฮือออออออออออออ :katai2-1:  :hao5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: grimace ที่ 23-02-2016 22:11:15
เก็บเรื่องนี้ไว้อ่านตอนออกเป็นเล่มทีเดียว ไม่ผิดหวังเลยจริงๆค่ะ เก็บเป็นนิยายในดวงใจอีกหนึ่งเรื่อง
ขอบคุณสำหรับความสนุกและความเต็มอิ่มในหัวใจนะคะ อยากอ่านยาวกว่านี้อีกเยอะๆจังค่ะ ประทับใจมาก
รอนิยายวายเรื่องต่อๆไปของคุณชุนนะคะ ตอนนี้ตามเก็บครบ3เล่มแล้วค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณชุนนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 05-03-2016 20:43:39
อ่านจบแล้วครับ เมื่อเช้านี้ จากการใช้เวลาอ่าน 2 วัน

ยอมรับว่าเพิ่งได้มีโอกาสอ่านแนวพระราชวังหรือแนวที่มีการใช้คำราชาศัพท์ บอกตามตรงว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผมมาก เพราะแต่ก่อน อ่านแต่แนวมหาลัย หรือวัยทำงานทั่วไปมากกว่า (ใจจริงก็ไม่ใช่ว่าชอบแนวมหาลัยหรือวัยทำงานหรอก เราอ่านได้ทุกแนว เพียงแต่ตอนนั้นมันไม่มีอะไรให้อ่านเท่านั้น และเพิ่งจะรู้จักว่า นิยายแนวใช้คำราชาศัพท์ เพิ่งจะมีเสนห์ก็วันนี้)

เรื่องนี้ตามมาจากกระทู้สอบถามหานิยาย แล้วก็มีคนแนะนำว่าให้อ่านเรื่องนี้ ทีแรกยังไม่คิดจะอ่าน เพราะคิดว่ายังไม่ใช่แนว แต่เมื่อสองวันก่อน ลองอ่านตอนแรกดู ขุ่นพระ! ติดงอมแงมพระเจ้าค่ะ กระหม่อมหลงในพระกิริยาของเจ้าชายเป็นอย่างมาก

เนื้อเรื่อง เว้าซื่อๆ ว่า โดนใจมากๆ ไม่มีขัด ไม่มีน่าเบื่อ และเป็นแนวที่เราชอบ คือ เนื้อเรื่องมันไปเรื่อยๆ เรียงๆ และที่สำคัญ ตัวละครก็ไม่เยอะยั่วเยี่ยะ จนจำชื่อไม่ได้เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เคยอ่านเลย ที่สำคัญไปกว่านั้น ตัวละครที่คิดเองเออเอง เจียมตัว ไม่ใฝ่สูง นั่นคือสเปกที่เราอยากอ่านมากๆ โดยสรุปว่า เรื่องนี้คือ หนึ่งในเรื่องที่จะเอาขึ้นหิ้งไว้เลยครับ /ก้มกราบงามๆ เช้าเย็นเลย

ตัวละคร ผมชอบเจ้าชายนะ แลดูเป็นคนมุ่งมั่น จริงใจ ร้อยเล่ห์ และรักเดียวใจเดียว ส่วนนายเอกฟีเรียส อันนี้ก็ชอบ หยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่เห็นแก่เงิน ไม่เห็นแก่ได้ เจียมเนื้อเจียมตัว และไปกว่านั่น แอบหลงรักเจ้าชายของเราด้วย แม้มันจะเกินเอื้อมไป แต่ก็ขอให้แอบมอง แอบชอบและรักคนเดียวในใจก็พอแล้ว นี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้ผม หลงรักหัวปลักหัวป่ำ เพราะมันเข้ากับชีวิตตนเอง ที่ไปแอบหลงรักเขาเหมือนฟีเรียส เวลาอ่านมันได้อินไปด้วย เจ็บปวดในหัวใจไปด้วย ซาดิสม์ดีจังเรา

สถานที่ในเนื้อเรื่อง บอกตามตรงอีกว่า ผมชอบเรื่องนี้ที่ไม่เกริ่นนำแต่แรกประมาณว่า เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่สมมุติขึ้นหรือไม่มีจริง คือตามสัตย์ซื่อว่า เราไม่ชอบมากๆ เลยถ้าเรื่องไหนจะมาโพร่งบอกแบบนี้ ขอให้เราอ่านแล้วคิดเอง มโนเองได้มั้ย อย่าเฉลยเราตั้งแต่ต้นเลย มันไม่น่าอ่าน (คห. ส่วนตัวของเรานะ) พูดง่ายๆ ว่าถ้ามีการเกริ่นนำแบบนี้ คือ มันทำให้เราลดความอยากอ่านลงไปมากโข่เลยทีเดียว

สถานที่ในเรื่อง ผมอ่านแล้ว ผมก็คิดและนึกตามไปว่า มันจะออกไปทางจีนไหมนะหรือเกาหลีไหม แต่อ่านๆ ไปมันก็ไม่ใช่แหะ ซึ่งก็ดี ถ้าออกไปแนวเกาหลีเราไม่ชอบ ตรงนี้มันทำให้เราได้นึกว่าเองว่า สถานที่แห่งนี้ เมืองไมซีน มันคงจะอยู่สักที่ในโลกใบนี้แหละ #มโนเอาเอง การบรรยายบรรยากาศและสถานที่ อ่านแล้วมันอบอุ่นในหัวใจดีเนาะ

ด้านตัวละคร เจ้าชายรามิเรส ฟีเรียส โรนีอัส คุณชายมิทรอส แม่ฟีเรียส น้องสาวฟีเรียส ชอบตัวละครเหล่านี้ไปหมด คือ จัดสรร ปันส่วน ตัวละครได้ดีอย่างน่าประหลาด เวลาอ่าน ก็ไม่ได้รู้สึกว่า ตัวละครนี้เด่นไป ชัดไป คือ มันดีอ่ะ เข้าใจมั้ย พอดีเป๊ะๆ

และอีกเรื่องที่จะข้ามไม่ได้คือ คำราชาศัพท์จ้า ขุ่นพระ เจอหลายคำมากที่ตนเองอ่านแล้ว นึกไม่ออกว่ามันแปลว่าอะไร มีหลายคำมาก ไม่รู้ความหมาย ก็ทำให้เราแอบงงเล็กๆ แต่ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกอยากอ่านน้อยลงนะ มันกลับเยอะขึ้น เพราะความสงสัยแหละว่ามันแปลว่าอะไร ฮ่าๆ

เรื่องคำผิด แทบไม่มีเลยจ้าเก็บงานละเอียดดีมาก มีนิดเดียวก็ตรงชื่อเมือง คำว่า เจ้าชายพระองค์ที่หกแห่งไมซีน  ตรงคำว่า "ไมซีน" บางตอนก็ใช้ "ไม่ซีน" ด้วย ทำให้เวลาอ่านแอบหงุดหงิดไปบ้าง เพราะเดียวก็ ไม เดี่ยวก็ ไม่ ฮ่าๆ แต่ก็นั่นแหละ ผิดจุดเดียวแค่นั้น ที่เหลือเป๊ะ เวอร์วังอลังการ

สรุปแล้วว่า ถ้ามีการจัดเรทเต็มสิบผมให้เรื่องนี้ 9.5/10 ครับ สาเหตุก็อย่างที่เล่าๆ ไปว่า การบรรยาย การใช้คำพูด การวางพล็อตเนื้อเรื่อง การพัฒนาของตัวละคร มันเห็นเด่นชัดเป็นประจักษ์สายตาตัวเองมาแล้ว งานละเอียดและดีงาม  ต่อจากนี้ไป ผมคงจะติดนิยายแนวแบบนี้ไปจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน เพราะคำราชาศัพท์ มันมีเสน่ห์ในตัว เวลาอ่านทำให้เราได้นึกคิดไปด้วยว่า มันจะหมายความไปถึงอะไรนะ อะไรประมาณนี้

รักคนเขียนนะครับ เสียใจที่ตามมาอ่านช้า แต่นิสัยส่วนตัวผมแล้ว ผมต้องรอให้เรื่องนั้นๆ จบก่อนค่อยอ่าน เพราะเป็นคนสมาธิสั้น อ่านแล้วค้างคา มันจะทำให้หงุดหงิดไปทั้งวัน เลยต้องรอให้จบก่อน แย่เนอะนิสัยแบบนี้ ไม่ดีเลยว่ามั้ย


เพิ่มเติม เพิ่งนึกได้ อยากจะบอกอีกว่า ผมอ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ยิ้มไปด้วยทุกตอนเลยครับ ยิ้มให้กับความน่ารัก ความสดใสและการกระทำของตัวละคร อ่านแล้วมีความสุข นอนหลับฝันดีมากๆ เลย ขอบคุณจากใจจริงๆ นะครับ แม้ว่าคุณชุนอาจจะไม่ได้อ่านเม้นท์นี้ของผม แต่ก็ขอให้ได้ระบายความสุขจากที่ได้อ่านเรื่องนี้ด้วยนะครับ (นั่งพิมพ์ไปก็ปลาบปลื้มในหัวใจไม่หาย มันดันจุกอก จนแทบจะบรรยายออกเป็นตัวอักษรไม่ได้เลย - เป็นแบบนั้นจริงๆ สุขล้นใจมาก)

hackz

ปล. ขอโทษนะครับที่พิมพ์ยาวและอาจจะมีแต่น้ำ เพียงแค่อยากตอบแทนที่อุตสาห์เขียนมาให้อ่านแล้ว ก็เลยขอจัดหนักแบบยาวๆ ให้อ่านจนตาแฉะไปข้างหนึ่งเลย
ปลล. อยากให้สรุปชื่อเรื่องที่คุณชุนเขียน (แบบจบแล้วและมีให้อ่านตามเว็บ) ว่ามีเรื่องอะไรบ้างนะ เท่าที่ผมหาคือ รามิเรส, เวลา มีอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ (ไม่เอาส่วนที่เปิดขายเป็นหนังสืออย่างเดียวนะครับ) ถ้ามีก็รบกวนแนะนำเพิ่มด้วยนะครับ จะตามไปอ่านให้หมดเลย



และทำสารบัญต่อจากคุณ อ๊ายอาย (ฝากแปะหน้าแรกด้วยนะครับ)
ทำสารบัญมาฝากครับคุณชุน :กอด1:

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605781#msg2605781)   บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2605823#msg2605823)   บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2608307#msg2608307)   บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2613120#msg2613120)   บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2615903#msg2615903)   บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2620490#msg2620490)   บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2623740#msg2623740)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2627485#msg2627485)   บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2630877#msg2630877)   บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634693#msg2634693)   บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2634756#msg2634756)   บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2638278#msg2638278)   บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2641607#msg2641607)   บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2644993#msg2644993)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2664520#msg2664520)   บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2671758#msg2671758)   บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2676808#msg2676808)   บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2685210#msg2685210)   บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2691391#msg2691391)   บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2697501#msg2697501)   บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2710823#msg2710823)

บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2763770#msg2763770)   บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2769406#msg2769406)   บทที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2774254#msg2774254)   บทที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2779925#msg2779925)   บทที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2792954#msg2792954)   บทที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2799636#msg2799636)   บทที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2853489#msg2853489)   
บทที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2861529#msg2861529)   บทที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2882361#msg2882361)   บทที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2885500#msg2885500)   บทที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2892991#msg2892991)   บทที่ 32.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2901620#msg2901620)   บทที่ 32.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2904180#msg2904180)   บทที่ 33 (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40835.msg2917686#msg2917686)   
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 07-03-2016 20:02:34
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ บอกเลยชอบมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-03-2016 13:45:24
อ่านจบแล้วเย้ เรื่องนี้อยากบอกว่าชอบมากกแอบเห็นในเล้าอยู่ครั้งสองครั้งแต่เห็นว่าชื่อเรื่องมันเหมือนดราม่าเรายังไม่อ่านเเต่ไปร้านนายอินทร์เห็นหน้าปกนึกว่านิยายแปลไปดูเรื่องย่ออุ้ยน่าสนใจ(ตอนนั้นลืมว่าเรื่องนี้ยุในเล้า)เห็นว่านายเอกดูแมนๆพระหน้าสวยๆนี่ดี ลองไปเซิร์ทในเน็ตอ้าวนี่คนไทยเขียนเองหรอเนี่ยภาษาเหมือนแปลอ่ะเราอาจจะคิดไปคนเดียวก้ได้ พออ่านจนจบเรื่องนี้มันนิยายในฝันจริงๆเราชอบมากเลย ถึงฟิเรียสจะเป็นคนคิดมากในตอนแรกๆแต่ตอนหลังเราว่าน่ารักดี ช่วงนี้มีแต่นิยายในรั้วมหาลัยเราก็เบื่อพอมาอ่านแนวแฟนตาซีแบบนี้ก็ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาหน่อย สุดท้ายก็อยากบอกว่าเรื่องนี้นี่มันสุดยอดจริงๆ :-[ :o8: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 25-03-2016 18:43:36
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
เนื้อเรื่องเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็มี เอ๊ะ ยังไง 5555
แต่ที่แน่ๆคือน่ารักมาก เรื่อยๆเอื่อยๆ แต่ก็หวานนนนน ชอบบ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-05-2016 15:49:30
เรื่องนี้น่ารักมาก
อ่านไปยิ้มไป
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 06-05-2016 21:53:14
นายเอกซึนแต่น่ารักอ่ะ ปากแข็งแต่แพ้ทางพระเอกหนุ่มของเค้าตลอด เกือบเหนื่อยลุ้นให้เข้าหอกันแต่....สำเร็จ เย้!
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 26-07-2016 12:23:07
ฟีเรียสก็เยอะเกิ๊น จนบางที น่ารำคาญ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 26-07-2016 15:34:55
โอยยย เจ้าชายหกคือดีงามมาก พร้อมทุกเวลาดูท่าจะขี้หื่นเงียบนะเนี่ย :z1: :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 31-07-2016 18:01:28
สนุกมากๆขอบคุณมากค่ะ ที่เหลือเจ้าชายรองไว้สืบทายาทอีกคน 55555
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 01-08-2016 00:35:20
 :-[ :-[ :-[ :-[

ชอบคะ เนื่องเรื่องสนุกกกกกกกกกกกกกกก
 o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 03-08-2016 09:20:10
 :katai5:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-09-2016 20:09:54
อร๊ายยยยย อยากได้องค์ชายหกมาเป็นของตัวเองบ้างค่ะ แงงงง อบอุ่นน  :กอด1: :กอด1: พ่อยอดขมองอิ่มของน้อง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 28-09-2016 21:20:35
อ่านรวดเดียวเรื่องนี้สนุกมากๆ ชอบการบรรยาย บรรยากาศของตัวละคร ทำให้เราไปกะตัวละคร ป็นความรักที่เราคิดว่า 'เฮ๊ย เกิดขึ้นกับเราบ้างก็ดีงาม พระรามแปด' เรื่องนี้นี่ทำให้อมยิ้มได้ตล๊อดตลอด  :mew1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 28-09-2016 22:00:46
อื้ออหื้ออออ กว่าจะลงเอยกันได้
คนอ่านก็ลุ้นพอๆกับเจ้าชายหกเลยค่ะ
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 30-09-2016 08:30:58
so cuteeeee~~~  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 12-10-2016 20:25:49
แวะมาเม้นเผื่อใครได้อ่านนะคะ เรื่อง มีเพียงกระหม่อมจนกว่าฝ่าบาทจะทรงเบื่อ ของเจ้าชายสี่ค่ะ
อยากโฆษณาตรงนี้เลยว่าสนุกมาก คุ้มค่ามากๆ แล้วก็เว็บใช้งานง่ายมากค่ะ (เผื่อใครไม่เคย/ไม่กล้าซื้อ E-book แบบเรา)
คือใช้งานสะดวกมากกกกกกก แค่ซื้อ โอนเงินทางโทรศัพท์ปุ๊บ นิยายอัพเดตให้อ่านปั๊บเลยค่ะ
แล้วบอกตรงนี้เลยว่า ไม่มีผิดหวังแน่นอน เราอ่านแล้วอ่านอีกเลยทีเดียว มันดีมากจริงๆนะคะ ไม่รู้จะพูดยังไงเลยอ่ะ
แต่ถ้าไม่ซื้ออ่านคือพลาดกันจริงๆนะะะะะะ นายเอกสไตล์คุณชุนแต่เป็นสไตล์ที่เราหลงรักจริงๆ
ส่วนพระเอกก็ดีงามตามท้องเรื่องค่ะ! ดราม่าเล็กน้อย(เล็กจริงๆ)เท่านั้นนนนนน

ซื้อเถอะค่ะ แล้วจะไม่เสียใจ ' '/
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-10-2016 21:00:29
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 16-10-2016 21:26:27
ขอโทษนะ...ที่ต้องพูดตรง ๆ ภาษารื่นตาก้อจริง...แต่การดำเนินเรื่องอืดมาก...อ่านแล้วแบบว่า...เห้อ!!! ทั้งเรื่องวกไปวนมาน่าอึดอัด...ขอพักก่อนยังอ่านไม่จบหรอก...โทนของเรื่องมันเรียบและนิ่งจนเกินไป...  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: minyjae ที่ 17-10-2016 18:55:37
เรื่องนี้อ่านหลายรอบมาก เพราะชอบมาก อ่านกี่ทีก็ไม่เบื่อ แถมสอยหนังสือมาเรียบร้อย
ขอติดตามผลงานคุณชุนตลอดไป ชอบแนวนี้มาก o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-10-2016 19:44:59
ว้า จบซะแล้ว อ่านเพลินเลย  :hao3:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 23-10-2016 23:47:50
บางช่วงก็เรื่อยๆไปหน่อย แต่ฟีลกู้ดน่ารักดีค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 02-11-2016 06:37:56
อ่านจบแล้วววว ประทับใจมากเลยค่ะ แต่มีราชาศัพท์ในบางบริบทที่รู้สึกว่าเกินจำเป็นไปหน่อยแต่โดยรวมไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
โดยปกติเป็นคนไม่ค่อยถูกกับพระเอกแนวอบอุ่นเท่าไหร่แต่เจ้าชายนี่เป็นข้อยกเว้นเลยนะ ผ่านฉลุยเลยยย อาจเพราะทรงมีพระอารมณ์ขันด้วย เลยทำให้ไม่ดูจืดชืดเกินไป ส่วนฟีเรียสในตอนแรกคิดมากจนน่าหงุดหงิดเลยทีเดียว แต่ตอนหลังพอสารภาพกับเจ้าชายแล้ว อะโหยยยย เอ็นดู๊ ชอบตัวละครเรื่องนี้ทุกเรื่องเลยอ่ะ อ้อๆ มีขัดใจโรดีอัสนิดหน่อยตอนช่วงที่นางโกรธฟีเรียส รู้สึกว่าไม่ใช่อ่ะ ไม่ใช่เรื่องของนายเลย55555555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอ่านเรื่องของเจ้าชายอื่นๆ อีก โดยเฉพาะพระองค์ที่ 5 อิอิ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 28-11-2016 11:25:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 30-11-2016 22:23:19
อ่านตอนจบอีกรอบ อบอุ่นดีจัง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-02-2017 07:40:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 11-03-2017 23:32:40
กว่าจะลงตัวเล่นเอาลุ้นแทบแย่ :mew2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: rp.ppch ที่ 09-04-2017 15:07:59
อยากจะเม้นหลายรอบแล้ว ชอบความค่อยๆเป็นค่อยๆไป
แต่บางตอนรู้สึกขัดใจกับความขี้เกรงใจของฟีเรียสมาก :katai1:
แต่ยังไงก็เข้าใจอะเนอะ สถานะเป็นถึงเจ้าชายแบบนั้น

ตามอ่านจนถึงตอน11 เลยตัดสินใจกดเม้น
เจ้าชายน่ารักจัง ;-; เขินนนนน หยิบใบไม้ออกให้ด้วยนะ
มีการเผื่อท้องไว้กินของที่เตรียมมาด้วยน้า โอ้ย :hao7:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 12-04-2017 19:02:57
ประทับใจทุกครั้งที่กลับมาอ่าน :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 15-04-2017 10:09:24
ชอบมากคะ นิยายเรื่องนี้ o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 15-04-2017 15:52:37
อ๋อยยยยยย น่ารักมากกกกกก
น้องปิงน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ พี่อิสก็กากเสมอต้นเสมอปลายด้วย5555
เดือนนี้เงินเดือนออกจะนีบไปจองน้องนะคะ โอเย้~~~~
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-08-2017 21:42:16
อ่านจนจบและค้นพบว่ามันสนุกมาก
เจ้าชายหกทั้งละมุนละม่อม อ่อนโยน ใจดี สุภาพบุรุษ ฉลาด เจ้าเล่ห์ น่าเกรงขามและอีกมากมายจริงๆค่ะ  o18

สารภาพว่าพออ่านฉากทายากันตอนแรก คิดว่าเนื้อเรื่องคงจะออกแนวอีโรติก 18+ 20+ อยู่สักหน่อย... (โดนคนเขียนข่วน)
แต่พอคนเขียนออกตัวว่าเรื่องนี้จะไม่มี nc เพราะพระนายรักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ (...) ก็รู้สึกเสียดายนิดๆ
แต่ก็ยังอ่านเพราะมันสนุกมากๆ
(แต่จริงๆมันก็มีแหละเนาะ เราคิดไม่ผิดจริงๆว่าองค์ชายคงจะหื่นอยู่พอสมควร  :laugh:)

พออ่านจบก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ชอบทุกอย่างเลย อยากอ่านเรื่องของเจ้าชายองค์อื่นๆเลยค่ะ รวมทั้งของมิทรอส 555

ุสุดท้ายขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ชอบมากกก :-[
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: katekay ที่ 17-09-2017 19:15:10
ในเล่มมีตอนพิเศษเพิ่มไหมค่ะ มีใครทราบบ้างเอ่ยยยยย 
ถามเพิ่ม นอกจาก เฮเดส ทาสรัก รามิเรส เจ้าชาย และ e-book จูบแต่ข้าฯ ไม่ต้องรักฯ และมีเพียงกระหม่อมฯ คุณชุนภุส มีผลงานอื่นอีกไหมค่ะ นี่ตามเก็บตามอ่านอยู่ค่ะ ^^ ขาดรามิเรสเรื่องเดียวมัน out of stock อยู่
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 01-01-2018 23:27:45
อ่านย้ิอนหลังไปหลายปีเลยย  ตอนแรกเปิดเรื่องมาร้อนแรงมากกกก -,,-  แต่ว่าพออ่านจริงๆ ละมุนมากคาะะ ชอบสำนวนในการเขียนมากเลย อ่านแปปเดียวิพลินๆ จบเรื่องแล้วววววว  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 25-02-2018 07:25:00
เจ้าชายยยยยยยยยยยยยยยยยยทำไมนิสัยน่ารักแบบนี้  :-[ :impress2: วี๊ดมากกกกกรักเรื่องนี้มากกกเป็นนิยายที่กลับมาอ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อและสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านรามิเรส  o13
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 02-03-2018 07:45:10
นี่เราไปอยู่ไหนมาเนี่ยเพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ เนื้อเรื่องสนุกมากครับ อ่านแล้วมีความสุขมาก
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 10-03-2018 07:44:53
เป็นเรื่องที่เรื่อยๆ แต่อบอุ่นมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-05-2018 06:18:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 26-07-2018 08:57:05
อ่านแล้วมันอบอุ่นหัวใจดีจริงๆเลยน้าาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 03-11-2018 23:29:11
พึ่งได้มีโอกาสอ่านต่อจนจบค่ะ ชอบเรื่องนี้มากๆเลย ตอนอ่านจบรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเลยค่ะ ประทับใจทุกๆอย่างในเรื่องมาก จะอุดหนุนรูปเล่มนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 04-11-2018 18:49:18
 :pig4: :pig4: :pig4: สุขสมหวังสักทีชาย6ผู้เหมือนจะหงิมๆแหมะะะแต่ร้ายการนะยะหลังๆนี่ตับลูกนี่กินไม่ว่างเว้นนนนน งื้ออออชอบแรง
หัวข้อ: Re: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 15-06-2019 10:28:36
กรี๊ดดดดด ทำไมเพิ่งมารู้จักเรื่องนี้ช้าขนาดนี้

ชอบมากค่ะ คือเป็นเรื่องที่แทบไม่มี NC  แต่รู้สึกไม่น่าเบื่อ แถมสนุกมาก ฟีลกู๊ด