3
“โว้ยยย สกปรก เหม็น โสโครก!!!”
ตั้งแต่ลงจากรถผมก็ได้ยินเสียงบ่นของไอ้นาทีไม่ขาดปาก ไม่นึกเลยว่ามันจะขี้บ่นขนาดนี้ เห็นมันเป็นคนเงียบๆมาตลอดนะเนี่ย ผมมองเนื้อตัวอันมอมแมมของคนตรงหน้าที่เปรอะไปด้วย … เอ่อ สิ่งปฏิกูลจากหลอดอาหารของผม เห็นแล้วก็ได้แต่เดินเขี่ยพื้นเอามือล้วงกระเป๋าเงียบปากเป็นใบ้
ขอโทษว่ะ ก็มึงเสือกมานอนตรงที่กูอยากจะอ้วกพอดี ซอรี่นะเว้ย แต่กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไอ้ครั้นจะเปิดประตูออกไปก็ไม่ทันเพราะไอ้กาฬมันล็อคเอาไว้ ไอ้จะให้อ้วกใส่หน้ามึงมันก็อาจจะเสียมารยาทเกินไป
นี่มึงต้องขอบใจนะที่กูอุตส่าห์เบี่ยงเป้าหมายลงบนตัวมึงแทนน่ะ
“โว้ย!!!!”
ไอ้พระกาฬหันมามองหน้าผมหลังจากที่ไอ้นาทีแหกปากโวยวายเตะประตูคอนโดมันเข้าไป ผมเม้มปากแล้วเกาหัวแกรกๆกับสายตาเหยียดๆที่ไอ้กาฬมองมา
กูไม่ผิดนะเว้ย มึงแหละผิดที่ล็อคประตู!
“โง่” ไอ้พระกาฬมันด่าผม ก่อนจะเดินตามเพื่อนมันเข้าไปในห้อง ผมหัวเราะเหอะๆอยู่ในลำคอ
กลายเป็นว่าจากที่กูจะมาหาหลักฐานว่าไอ้นาทีแม่งเป็นสารเลว
กูกลับกลายเป็นสารเลวเฉย
ผมเดินเอื่อยๆไปยืนที่ประตูหน้าห้อง ไอ้นาทีมันยังบ่นอยู่เลยครับ ยังบ่นงุ๊งงิ๊งเหมือนหมาตัวเล็กๆเห่า ไอ้มือของมันก็ไม่กล้าถอดเสื้อ ขยะแขยงกับอ้วกผมเหลือเกิน ผมก็ได้แต่ยืนเกาหัวแก้เก้ออยู่ตรงประตูนั่นแหละ ไม่อยากจะบอกนะว่าอ้วกกูสะอาดกว่าของพวกมึงเป็นร้อยเท่า!
ไอ้พระกาฬก็อยากช่วยเพื่อนมัน ยืนมองซ้ายมองขวา แต่ด้วยความที่เป็นคุณชาย มือมันเองก็ไม่กล้าแตะเสื้อ แถมไอ้นาทียังโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังไล่เพื่อนมันออกมาจากห้องด้วยการทุ่มเครื่องขยายเสียงสุดแสนจะแพงนั่นใส่
อูย … ไม่ใช้ก็บอก เอามาให้กูสิ
“โว้ยยยยยยยย!!!!” เสียงโวยวายพร้อมกับข้าวของที่ถูกปาลงพื้นดังลั่นไปหมด
ผมเปล่าผิดนะ ผมเปล่า
ไอ้พระกาฬเดินออกมาจากห้องพร้อมกับใบหน้าเหมือนตูด ก่อนจะเดินชนไหล่ผมอย่างแรงอย่างไม่พอใจแล้วหายเข้าไปในลิฟท์ ผมทำท่าจะวิ่งไปต่อยมันแต่ไม่ทัน แหม ถ้าแม่งเดินช้ากว่านี้อีกนิดนะ
ไม่รอดแล้ว
“โว้ย!!!” เสียงร้องของไอ้นาทีดังลั่นมาจากในห้อง ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
กะอีแค่อ้วก ร้องอย่างกับโดนขี้ปาใส่
“มานี่เลยไอ้สัดมา” ผมปราดเข้าไปหาไอ้นาทีก่อนจะกระชากมันเข้าหาตัว ไม่ลืมปิดประตูห้องให้มันด้วย เดี๋ยวข้างห้องจะหาว่าเจ้าของห้องนี้ผีเข้า ผมดึงเสื้อไอ้นาทีให้เข้าหาตัว มันทำหน้าหยะแหยงแบบโลกแม่งจะถล่ม
“เพราะมึงเลยไอ้เวร!!!”
“โทษกูไปอ้วกกูก็ไม่ได้กลับเข้าไปอยู่ในปากหรอกนะ ยืนนิ่งๆหน่อยดิ จะถอดเสื้อ!”
“ไม่!!! ไปตายไป!!!!”
“โหยยยย งั้นมึงถอดเองเลยไป ถอดไป!!!” ผมสะบัดหนีอย่างเสียอารมณ์ คนจะถอดให้เสือกสะดิ้ง
ควาย
“เดี๋ยว!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเดินไปไหน มือของไอ้นาทีก็คว้าหมับเข้าที่แขนของผม ผมหันหน้าไปเผชิญมันอย่างเซ็งหน้ามันมาก
“จะเอาไง? ชักเยอะเดี๋ยวกูก็ปล่อยให้แม่งนอนจมกองอ้วก”
“ถอดเดี๋ยวนี้เลยไอ้สัด ถอด!” ไอ้นาทีตะคอกสั่ง ผมหัวเราะเหอๆแล้วจับปลายเสื้อยืดสีดำของไอ้นาทีเลิกขึ้น ขนาดจะถอดให้แม่งยังบ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้ง
ผมดึงเสื้อพรวดเดียวออกจากหัวไอ้นาที ก่อนจะโยนใส่ถังขยะ คาดว่ามันคงไม่อยากได้แล้วล่ะ แต่พอหันมาเจอะกับใบหน้าที่เข้มๆดุๆนั่น ผมก็แทบจะหัวเราะพรวดออกมา
ลืมไป …
มันมีผม ใช่ เส้นผมสีดำๆบนหัวมันนั่นแหละ
“มองหน้ากูแบบนั้นหมายความว่าไง?” ไอ้นาทีเลิกคิ้ว ผมมองหน้ามันอย่างกวนโอ้ย
“คือเมื่อกี้ … กูถอดเสื้อออกทางหัวมึงอ่ะ แล้วมึงก็มีผม … แล้วมันก็…” ผมใช้นิ้วชี้ๆที่ผมตัวเองเป็นกระจกให้กับคนตรงหน้า ไอ้นาทีหน้าซีด ก่อนจะยกมือแตะที่หัวของมัน
“อี๋!!!!”
สาบานได้ว่าเสียงมัน
ไอ้นาทีมันแขยงมือของมันมากก่อนจะรีบวิ่งไปล้างน้ำในห้องน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงดังลั่นก็ดังขึ้น!!!
“ไอ้ป่าน!!!!!!”
ไม่ต้องรักกูขนาดเรียกชื่อเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ว่ะ
ผมเดินเข้าไปที่ห้องนอนมัน พลางหันไปที่ห้องน้ำ มองสารรูปของไอ้คนมาดหล่อเพลย์บอยเจ้าชู้ที่สารเลวเป็นอันดับหนึ่งผ่านกระจก สภาพตอนนี้เหมือนเด็กกินข้าวโอ๊ตเลอะจมูกปากคางหัว แย่ว่ะ
“มึงทำอะไร!!! มึงทำเชี่ยไรเนี่ย!!!”
“อ้าว ก็มึงบอกให้ถอดเสื้อ”
“ถอดเวรอะไรอ้วกติดบนหน้ากูเนี่ย!!! ล้างออกให้กูเลย อาบน้ำให้กูเลยไอ้สัด!!!”
ผมเบิกตากว้างแล้วชะงักถอยหลัง
“มึงมีมือมีตีนก็อาบเองดิวะ!!! กูไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่มึงนา!”
“ระหว่างให้กูปล้ำกับมึงอาบน้ำให้กูจะเอาอะไร เลือกมา!!!!”
*
ผมก็ต้องเลือกข้อที่ปลอดภัยกับตัวเองสุดๆอยู่แล้ว นั่นก็คือข้อสอง ซึ่งตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ ในขณะที่ไอ้นาทีนั่งอยู่ในอ่างแล้วหันหลังพิงอ่างอย่างสบายอารมณ์ มือสองข้างผมก็ขยี้หัวให้มันเหมือนกำลังอาบน้ำหมา
ซึ่งหมาแม่งหลับไปแล้ว
อาเมน
ผมใช้มือสองข้างขยี้หัวไอ้นาทีไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะคิดอะไรใจลอยไปเรื่อยเปื่อย
พลันก็คิดไปถึงเรื่องน้องหญิง จากที่เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดานสีขาวที่เปลี่ยนเป็นสีส้มจากสีไฟ กลับต้องก้มลงมามองไอ้คนที่เมาจนน็อคคาอ่างน้ำไปแล้ว
อันที่จริงในมุมถ้าจะคบมันเป็นเพื่อน ไอ้นาทีก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่สำหรับคนที่อยากจะผูกมัดมัน คงจะยากหน่อย เพราะผมเห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้พวกที่ขู่จะฆ่าตัวตายเพราะว่าถูกไอ้นาทีมันทิ้ง แต่คิดเหรอว่าคนอย่างนาทีมันจะสน
อยากตายก็ตาย อยากโง่เองช่วยไม่ได้
คตินั้นผมก็เป็น
แต่ผมไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดกับคนที่ผมรัก โดยเฉพาะน้องหญิงที่บอบบางนั่น
ผมเปิดฝักบัวพลางล้างแชมพูออกจากหัวไอ้เวรนาที ก่อนจะลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วล้างตัวเองให้สะอาด ผมถอดกางเกงของตัวเองไว้ด้านนอกห้องน้ำ เหลือแต่บ็อกเซอร์ บ็อกเซอร์แม่งก็เฉอะแฉะไปหมด
ทำไงดีวะ
พลันสมองอันชาญฉลาดและแยบยลของไอ้ป่านมันก็วิ้งขึ้นมา!
แมวหลับ หนูก็ร่าเริงดิวะ
ผมก้มลงไปมองหน้าไอ้นาทีที่คอหักคาอ่างอาบน้ำ พลางตบหน้ามันแรงๆสองสามทีเพื่อพิสูจน์ว่ามันเมาหลับไปจริงๆ ว่าแล้วก็วาดฝ่ามือหนาๆของตัวเองตบป้าบเข้าที่หน้าของไอ้นาทีดังผลั่วะ!
สาบานได้ว่าตบ คอแม่งหันเลยว่ะ ไม่ตื่นด้วย
แม่งคออ่อนจริง
ผมเดินนิ่มๆออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะเปิดดูตู้เสื้อผ้าสุดหรูของไอ้คุณชายเพลย์บอยมันอย่างสอดรู้ และสอดเสือกสายตาไปทั่ว ทันใดนั้น! ผมก็ได้พบกับ … กางเกงในใหม่เอี่ยมภายในกล่องพลาสติกหรูที่เรียงกันเป็นตับ
แล้วเงยหน้ามองสภาพตัวเองในกระจก บ็อกเซอร์แฉะๆเปียกๆลายหัวกะโหลกไขว้ กับ ความโปร่งใสที่เห็นไปถึงไส้ใน ถ้ามีสภาพแบบนี้ภายใต้กางเกงล่ะก็ ขึ้นราแน่ๆ
สะโพกผมกับสะโพกไอ้นาทีมันไซส์เดียวกันป่ะวะ?
ไม่ว่าเปล่า มือก็คว้ากางเกงในกล่องนั้นมาลองทันที …
ใส่ได้ว่ะ! แหล่มเลย
ผมคว้ากางเกงสีดำที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรมขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินวนไปรอบๆห้อง
กิตติศัพท์ที่เหลื่อมล้นและน่าเลื่อมใสของไอ้นาทีมันล้นเหลือ ผมแค่อยากจะขอยืมของซักสองสามอย่าง ไม่ก็สิ่งที่พอจะสามารถบอกได้ว่าไอ้นาทีมันก็คือสารเลวที่ฟันแล้วทิ้ง
พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่โน้ตบุ๊คไฮโซตราแอปเปิ้ล ผมพุ่งตัวเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะค่อยๆเปิดหน้าจอของโน้ตบุ๊คสุดแพงขึ้นอย่างเบามือ มันต้องมีบ้างแหละ ถ่ายคลิปเก็บบ้าง รูปแบล็กเมล์บ้างอะไรบ้าง ต้องมีบ้าง
เอาล่ะ ตายเป็นตายว่ะป่าน
“ไอ้ป่าน!!!!” ยังไม่ทันที่จะได้สอดแนมอะไร เสียงทุ้มๆก็ตะโกนดังลั่นออกมาจากห้องน้ำ! ผมสะบัดมือตบฝาโน้ตบุ๊คราคาสุดแพงนั่นลงดังปั่กก่อนจะรีบย้ายตัวไปนั่งที่ปลายเตียงประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่ไอ้นาทีพันผ้าขนหนูสีขาวแล้วเดินดุ่มๆออกมาจากห้องน้ำ
เกือบไปแล้วไงล่ะ
“หน้ากู!!!!” ไอ้นาทีตะโกนลั่นพลางใช้นิ้วชี้ไปที่ใบหน้าหล่อๆของมันที่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้ด แต่ผมไม่บอกมันหรอกว่ามันคือรอยฝ่ามือของผม ตบอย่างแรงซะด้วยนะนั่น
“ก็หน้ามึงไง บอกกูไมวะ?” ผมถามอย่างกวนๆ เล่นเอาไอ้นาทีกำหมัดแน่นแล้วปราดเข้ามากระชากเสื้อผม
“แล้วทำไม มันถึงปวดแบบนี้ล่ะวะหา!!!”
ก็กูต่อยมึงไงล่ะเว้ย!
“กูจะรู้เหรอ เมื่อกี้ตอนมึงนอนมึงเผลอเอาหน้าไปกระแทกกับขอบอ่างหรือเปล่า” ผมแถเรื่อยพลางกอดอกทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้นาทีกำหมัดแน่น
“กระแทกกับผีมึงสิ แล้วใครใช้ให้มึงออกมาจากห้องน้ำตอนที่กูหลับ” เสียงตะคอกกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ถูกกดลงในลำคอของคนตรงหน้า ผมเลิกคิ้ว
“ก็กูร้อน เลยออกมาตากแอร์”
แถไปเรื่อยครับ เพื่อความปลอดภัยของใบหน้าหล่อๆของกู หวังว่ามันคงไม่ฟาดหมัดลงมาหรอกนะ กลัวจะรับไม่ทัน
“เหรอ … แล้วนี่อะไร!?” ไอ้นาทีมันเอื้อมตัวข้ามผมไปหยิบกล่องพลาสติกที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงของมัน ผมเบิกตากว้างเมื่อมันชูกล่องนั่นขึ้นตรงหน้า!
กล่องกางเกงลิง
กรรม เวร ลืมได้ไงวะ
“ก็บ็อกเซอร์กูมันแฉะ เลยขอยืมใช้ก่อน ทำงกนะมึงน่ะ”
“ใครอนุญาต …”
“กูเอง”
“มึงไม่ใช่เพื่อนกูนะไอ้สัด!!!” ไอ้นาทีตะคอกลั่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาแล้วตะปบมือสองข้างนั่นลงข้างๆระหว่างตัวของผมจนตัวผมกระเด้งจากเตียง ผมมองหน้าไอ้นาทีนิ่งๆ
“มึงก็ไม่ใช่เพื่อนกู”
“มึงไม่ต้องมาย้อน! มึงเป็นแค่คนที่ ‘ขาย’ ให้กับกูเท่านั้น อย่าคิดว่ามึงพิเศษกว่าใคร!!” ผมชะงักกึกกับสิ่งที่ไอ้นาทีพูด ก็พอจะเข้าใจอยู่นะ เข้าใจแจ่มแจ้งด้วยล่ะ
นี่แหละคือสิ่งที่ผมกำลังรอเลย
สันดานแท้ๆของมันยังไงล่ะ
“แล้วคนอย่างมึง ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ของของกู ถอดออกมา!!!!”
“หา!!!!” ว่าไงนะ!!!?
ไม่ทันขาดคำมือของไอ้นาทีก็ตะปบที่ขอบกางเกงของผมก่อนจะพยายามปลดตะขอ ผมเบิกตากว้างก่อนจะพยายามสู้สุดฤทธิ์!! มือของมันสะเปะสะปะไปทั่ว จนผมต้องใช้เท้าถีบท้องมันจนร่างของไอ้นาทีกระเด้งลงไปนอนกระอักที่พื้น!
ผมไม่รอให้มันได้ลุกขึ้นมา จัดการวิ่งปราดเข้าไปคร่อมตัวของมันทันทีแล้วใช้ขาล็อคไว้!
“หึ มึงไม่ได้นัดบอดกับกูเพราะว่าชอบกูจริงๆด้วย” ไอ้นาทีหอบหายใจเหนื่อยจากการที่ผมฟัดกับมันเมื่อกี้ ผมเองก็หอบแฮ่กตัวโยนเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่าตกใจคือ มันจับได้
แล้วเรื่องอะไรจะให้มันจับได้มากกว่าเดิมล่ะ
“ใครบอกล่ะว่ากูไม่ได้ชอบมึง”
“!?” ไอ้นาทีเลิกคิ้ว ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะในใจ
“หือ รู้ได้ไงวะว่ากูไม่ได้ชอบมึง” ผมว่าพลางยิ้มอย่างกวนองค์อารมณ์ ก่อนจะไล่นิ้วไปตามลำคอของไอ้นาที ในใจก็รู้สึกขนลุกซู่ที่ต้องมาทำกับเพศเดียวกันแถมยังไม่น่ากดแบบนี้ แต่ไหนๆก็ไหนๆเหอะ
มึงงกนักใช่มั้ย กูขอเอาคืนหน่อยเถอะว่ะ
ผมโน้มหน้าลงไปชิดข้างหูของไอ้นาที ก่อนจะกระซิบเบาๆ
“กูชอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ล่างให้มึงนี่หว่า” “ไอ้ป่าน!!!”
‘ควับ!!!’
“ไว้เจอกันนะจ๊ะที่รัก” ผมกระชากผ้าเช็ดตัวของไอ้นาทีอย่างแรงจนหลุดติดมือก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว อยู่ให้แม่งเอาตีนกระทืบผมน่ะสิ
ผมวิ่งจนถึงลิฟต์ พลางใช้ฝ่ามือตบปากตัวเองสามทีแล้วโยนออกไปไกลๆเพื่อแก้เคล็ด นิ้วก็กดลิฟต์รัวๆเพื่อให้ลงไปที่ชั้นหนึ่ง เมื่อถึงชั้นล่างผมก็ได้แต่ยืนหอบเอาอากาศเข้าปอดที่หน้าคอนโดเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นมือไปโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีแล้วขึ้นรถไป
ใครจะนึกล่ะ ว่าการจะทำให้น้องหญิงเปลี่ยนใจที่จะเข้าหานาที
มันจะทำให้ตัวผมรู้สึกลำบากใจขนาดนี้
*
ผมล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ปกติผมไม่ค่อยชอบมีเรื่องหรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครเป็นพิเศษหรอก ขนาดเพื่อนยังมีเพื่อนสนิทคนเดียว แล้วก็มีน้องหญิงที่คอยคุยเล่น การจะให้เข้าไปคลุกคลีกับพวกไอ้นาทีมันเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับผม
ผมยกแขนก่ายหน้าผาก ก่อนจะนึกได้ว่าต้องโทรหาน้องหญิงก่อนเข้านอน
มือตะปบไปที่กางเกงของตัวเองสองสามครั้ง พลันต้องอ้าปากหวอออกมาเมื่อพบว่ามือถือไม่ได้อยู่ที่ตัว!!!
อยู่ที่ห้องไอ้นาที!!!
แย่ล่ะ ถ้าน้องหญิงโทรไป!
‘กริ๊งๆ’ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ผมรีบลุกออกจากเตียงก่อนจะวิ่งปราดลงไปชั้นล่างแล้วยกหูขึ้นมาแทบจะทันที
“หญิง!”
(หญิงอะไร กูนาที) เสียงทุ้มๆที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้ผมชะงักกึก ผมพยายามตีเสียงให้ราบเรียบเหมือนอย่างเคย
“เออ มีไร”
(โทรศัพท์มึงอยู่กับกู)
“อ่อ มึงทิ้งไปเลยก็ได้นะ กูหาซื้อใหม่ได้”
(ไม่ได้อยากมาเอาที่ห้องกูหรอกเหรอ หืม ป่าน…) เสียงของไอ้นาทีดูเย็นชาและโหดเหี้ยมจนผมขนลุก ผมพยายามกลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่คอลงไป
สงบสติอารมณ์หน่อยป่าน … ไอ้นาทีมันไม่รู้หรอกว่าหญิงเป็นใคร … มันคงไม่อยากรู้อยากเห็นถึงขนาดเปิดโทรศัพท์ดูรูปหรอกมั้ง หรือไม่ก็น้องหญิง … น้องหญิงคงไม่โทรหาผม
ใช่ น้องหญิงไม่โทรแน่ๆ
“ไม่ว่ะ”
ผมว่าพลางวางสายอย่างไม่สนใจปลายสายเลย ในใจก็วิ่งวุ่นอย่างกับหนูติดจั่น ผมเดินซ้ายเดินขวาไปมาพลางหยิบกุญแจบ้านที่วางอยู่ที่โต๊ะน้ำชา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านไป
‘ติ๊งหน่อง!’
ผมกดออดที่บ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปที่ปิดไฟหมดทั้งหลัง ไม่ทันไรไฟก็ถูกเปิดจนสว่างขึ้น ร่างเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มสุนัขพันธุ์ปอมวิ่งออกมาจากตัวบ้าน น้องหญิงดูมีท่าทีตกใจ ก่อนจะรีบเปิดรั้วให้ผม
“ป่าน … ทำไมแต่งตัวแบบนี้!” น้องหญิงร้องแหว พลางมองร่างของผมที่โชกเหงื่อภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบ็อกเซอร์ธรรมดา ผมเป็นห่วง เป็นห่วงหญิงมากๆ
ไม่ทันที่สมองสั่งการผมก็พุ่งตัวเข้าไปกอดร่างเล็กอย่างแรงจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง ผมหอบหายใจเหนื่อยจากการที่วิ่งมาจากบ้านโดยไม่คำนึงว่าตัวเองใส่ชุดบ้าอะไรเลย
“หญิง ไม่เป็นไรนะ”
มือเล็กๆกอดตอบผมนิดๆก่อนจะลูบหลังผมเบาๆ
“อะไรกันป่าน เข้าบ้านก่อนเถอะ เหงื่อโชกไปหมดแล้ว”
น้องหญิงพาผมเข้ามาในบ้าน ผมคาดว่าพ่อกับแม่ของเธอยังไม่ตื่น ไม่งั้นมีหวังผมโดนด่าป่าราบแน่ๆ น้องหญิงขมวดคิ้วพลางวางน้ำเย็นให้ผม ผมไม่ละสายตาออกจากใบหน้าหวานนั่นเลย
“ป่าน เป็นอะไร นี่มันตีสามกว่าแล้วนะ ไม่เกรงใจพ่อแม่หญิงเลยเหรอ?”
“หญิงไม่ได้โทรเข้ามือถือป่านใช่มั้ย…”
“หา?”
“ไม่ได้โทรใช่มั้ยหญิง” ผมเผลอบีบแขนน้องหญิงอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องออกมา เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยรีบกระถดตัวออกห่างจากร่างเล็กแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างแรง
“ป่านทำหญิงกลัวนะ!!”
“ขอโทษ…” ผมว่า พลางลูบใบหน้าของตัวเอง
“หญิงยังไม่ได้โทรหาป่านตั้งแต่เช้านั่นแหละ ทำไมเหรอ?” น้องหญิงถามขึ้น พลางเดินเข้ามานั่งข้างผมแล้วลูบหลังผมแผ่วๆ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยให้ตายสิ
“เปล่าหรอก มีคนขโมยโทรศัพท์ไปน่ะ เลยกลัวว่าเดี๋ยวมันจะมาทำร้ายหญิง”
“ขโมยเหรอ?!” น้องหญิงทำท่าทางตกใจ ผมส่ายหน้านิดๆ
“ช่างมันเหอะ … ป่านตั้งใจจะซื้อเครื่องใหม่อยู่แล้ว”
ผมว่า ก่อนมือเล็กๆของน้องหญิงจะดันหัวผมให้นอนลงบนตักนุ่มๆของเธอ ผมมองใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตนั่นอย่างหลงใหล เพราะแบบนี้ไง เพราะความอ่อนโยนของเธอทำให้ผมถอนตัวไม่ขึ้น
“ใจเย็นๆป่าน ป่านทำหญิงตกอกตกใจตลอดเลย นิสัยไม่ดีนะรู้มั้ย!” ร่างเล็กดีดนิ้วลงบนหน้าผากผม ก่อนจะลูบหัวผมอย่างปลอบประโลม
ให้ตายสิ
ผมไม่คิดเลยว่าทั้งชีวิตจะได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
อยากจะพูดออกไปเหลือเกิน
อยากจะพูดออกไป
…
ป่านรักหญิงนะ
*
“เฮ้ยป่าน!! ตายยังวะ?!!” เสียงไอ้ฟ้าดังขึ้นด้านหลังของผมพร้อมกับมือที่ฟาดผลั่วะอย่างแรง ผมหันกลับไปทำตาค้อนๆใส่มัน ไอ้ฟ้าได้ทีรีบล้อเลียนขอบตาผมใหญ่
เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้นอน เลยทำให้ตามันคล้ำเป็นหมีแพนด้าขนาดหนัก แถมวันนี้ก็เรียนบ้าบออะไรก็ไม่รู้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสายนอกห้องเลยให้ตาย
“หึ ตายแล้วก็คงไม่นั่งอยู่นี่ว่ะ” ผมว่า ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะเรียนแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจังวะ ฝนจะตกอีกแล้วสินะ
พลันสายตาผมก็ไปกระทบกับร่างสูงๆของใครซักคนที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน ท่ามกลางนักเรียนนับร้อยที่ค่อยๆทยอยเดินออกจากประตูโรงเรียน ใบหน้าคมเด่นสะดุดตาของหมอนั่นทำให้มันกลายเป็นจุดสนใจขนาดย่อมๆ ก่อนสายตาคู่นั้นจะปราดขึ้นมามองที่ห้องของผม
และสบตากับผม
“ใครวะ?” ไอ้ฟ้าถามขึ้น พลางเกาหัวแกรกๆ
“คนรู้จักว่ะ ถ้าหญิงมาฝากบอกหญิงทีนะว่ากูมีธุระ” ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าสะพายอย่างลวกๆพลางตบบ่าไอ้ฟ้าเบาๆว่าจะไปแล้ว ก่อนจะรีบเดินปราดออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว
“เฮ้ย อย่าลืมทำการบ้านนะเว้ยป่าน!!” เสียงสุดท้ายของไอ้ฟ้าเล็ดลอดออกมาจากห้อง แต่ผมไม่ได้สนใจเลย
ไอ้เวรนั่น มาทำไมวะ!!
‘หมับ’
เมื่อลงมาถึงด้านล่างสิ่งแรกที่ผมทำคือปราดเข้าไปคว้าแขนคนต่างโรงเรียนเอาไว้ก่อนจะลากมันออกไปจากโรงเรียนอย่างร้อนรน สายตาที่มองมารอบๆทำให้ผมอยากจะเอาหมัดกระแทกหน้าพวกนั้น แต่ที่ทำได้คือลากคนที่กลายเป็นจุดสนใจออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด!
แม้ไอ้ฟ้าจะไม่รู้ว่าไอ้เวรนี่เป็นใคร แต่ผมว่าจะต้องมีใครในโรงเรียนที่รู้ว่ามันเป็นใครแน่นอน แล้วถ้าผมเกิดเข้าไปคลุกคลี หรือมันสอบถามอะไรที่เกี่ยวกับตัวผมจากคนในโรงเรียนล่ะก็ ผมเบื่อที่จะเป็นขี้ปากของใครหลายๆคน
“มึงมาทำไม” ผมถามคนตรงหน้า มันดูมีสีหน้าไม่ค่อยยี่หระกับสิ่งใดๆ
“ทำไมล่ะ เพื่อนอยากมาเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้เหรอ?”
‘ผลั่ก!!’ ผมผลักไอ้เวรตรงหน้าไปชิดกำแพงแล้วกัดฟันกรอด
“มึงเป็นเพื่อนกับกูตอนไหน”
“อ้าว ลืมกูไปแล้วเหรอ ให้เตือนความจำหน่อยดีมั้ย …” ยังไม่ทันไรผมก็โดนผลักกลับอย่างแรงจนร่างไปกระแทกกับกำแพงแทน แถมมากไปกว่านั้น ยังไม่ทันที่จะได้หลบพ้นจากฝ่ามือหนาๆนั่น กลับโดนกระชากเข้ามาชิดกำแพงอีกครั้ง
“กูพระกาฬเพื่อนไอ้นาทีไง ลืมแล้วเหรอ”
“ไม่ว่ะ แค่ไม่อยากสนทนากับไอ้พวกไร้สมอง”
“หึ” ใช่ คนตรงหน้าผมคือไอ้พระกาฬเพื่อนของนาที ไอ้เวรที่สั่งให้ผมจูบกับเพื่อนมันในรถจนทำให้ผมผะอืดผะอมจนอ้วกแตก แต่โชคดีที่มันจับไม่ได้ว่าผมคลื่นไส้เพราะจูบของเพื่อนมัน
มันเข้าใจว่าผมเมาจนอ้วกต่างหาก
“ไม่มีอะไรก็กลับไปเหอะว่ะ กูไม่อยากเป็นขี้ปากใครว่าคบกับพวกไอ้กุ๊ย” ผมว่าพลางสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม ไอ้พระกาฬหัวเราะในลำคอแล้วดึงแขนผมอย่างแรงจนแขนแทบหลุด
‘ผลั่วะ!!!!’
ก่อนใบหน้าด้านซ้ายผมจะชาไปทั้งแถบเพราะแรงต่อยของมัน ผมเบิกตากว้าง
“ทำบ้าไรวะ!!!”
“สำหรับหน้าไอ้นาทีที่เป็นรอยมือ” พลันทันใดนั้น ประสาทสมองของผมก็เกิดสปาร์คอะไรบางอย่างขึ้น สิ่งที่ไอ้พระกาฬกำลังทำ สิ่งที่มันกำลังแสดงออกทั้งเมื่อวานและวันนี้ ทำให้ผมคิดอะไรบ้าๆขึ้นมา …
“อย่าบอกนะว่า …”
“มึงชอบไอ้นาทีเหรอวะ?”
ผมโพล่งออกไป ไอ้พระกาฬไม่มีสีหน้าหรือแสดงสีหน้าใดๆออกมา มันแค่ชะงักหมัดที่กำลังจะเงื้อฟาดลงที่แก้มของผมกลับไปไว้ที่ที่ควรจะอยู่ ก่อนดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจะปราดมองผมอย่างน่ากลัว
“กูแค่ทำหน้าที่ที่เพื่อนต้องทำ”
ไอ้พระกาฬว่าแค่นั้น ก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากซอยทันที …
โว้ยย … นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?!
TBC