พิมพ์หน้านี้ - [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: candynosugar+ ที่ 07-01-2014 23:02:06

หัวข้อ: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 07-01-2014 23:02:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 07-01-2014 23:16:57
1

            “ป่านหรือเปล่า?”
            เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลังของผม ผมวางโทรศัพท์พลางหันไปมองผู้ชายร่างสูงที่คุ้นหน้าด้านหลัง ดวงตาสีดำสนิท กลุ่มผมสีดำสนิท ริมฝีปากที่ออกคล้ำบ่งบอกถึงการสูบบุหรี่จัดอย่างหนัก แถมยังผิวที่ขาวในระดับหนึ่ง มองใกล้ๆยอมรับว่ามันมีเสน่ห์ … ใช่
            มีเสน่ห์จนใครๆก็อยากเข้าใกล้
            แต่มองอีกมุมก็มีแต่ความมืดดำ
            “อืม”
            “ผมนาที … ขอพูดมึงกูจะว่าอะไรมั้ย?”
            ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
            “อยากพูดไรก็พูดเหอะ”
            “โอเค”
            นาทีเดินนำหน้าผมไปยังร้านอาหารชื่อดังภายในห้างแห่งหนึ่ง พร้อมกับจัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองเหมือนจะบ่งบอกว่ามันเป็นคนมีอำนาจในย่านนี้ ผมไม่แปลกใจ กลับนิ่งและดูท่าทีของมันไปเรื่อยๆ
            “นั่งก่อนสิ” ร่างสูงผายมืออย่างสุภาพ แต่ผมรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งเสแสร้ง ผมนั่งลงที่โซฟาด้านใน ก่อนนาทีจะนั่งลงตรงกันข้าม
            “ตอนแรกนึกว่าพวกไอ้พีทจะนัดคนน่ารักๆมาให้ซะอีก” ไอ้นาทีพึมพำ ผมยิ้มเจื่อนๆ
            “ถ้าไม่พอใจผมไปก็ได้นะ”
            ผมว่าก่อนจะพาตัวเองลุกขึ้นเล็กน้อย มือของมันตะปบลงที่แขนของผมเพื่อห้าม ก่อนจะส่ายหน้าส่งสายตาดุๆมาให้ ผมร้องหึในลำคอพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม
            “ขี้น้อยใจเหรอครับ?”
            “ก็พอตัว” หึ เวรล่ะ อยากจะอ้วกกับคำพูดของตัวเองจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่คำพูดแค่นี้จะทำให้ไอ้เวรนาทีถึงกับยกยิ้มมุมปากอย่างหยั่งเชิง มือของมันถูกสวมเข้าหากันพลางยกขึ้นมาท้าวคาง สายตาที่สอดส่องไปทั่วร่างกายผมราวกับพวกเหยี่ยวที่จ้องเหยื่อของมันทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว
            การโดนเพศเดียวกันมาจ้อง แล้วจ้องแบบจะเขมือบกูเข้าไปทั้งตัวแบบนี้
            แม่งไม่ใช่ความคิดที่ดีจริงๆ
            แต่ข่มใจไว้ไอ้ป่าน … มีทางนี้ทางเดียวที่จะเข้าหามันได้ …
            ใช่…
            ผมนัดบอดกับไอ้นาที นัดผ่านเพื่อนของมันที่ชื่อพีท มันไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร ผมอยู่คนละโรงเรียนกับมัน ผมเป็นเพียงคนธรรมดาในโรงเรียน ในขณะที่มันเป็นถึงเพลย์บอยตัวพ่อที่ใครๆต่างก็รู้จัก
            แต่ก็ยากที่จะจับตัว
            ไอ้นาทีมันไม่ใช่คนเปิดกว้างเหมือนคนอื่น มันไม่เข้าหาใคร รอแต่คนเข้าหา มันยอมรับตั้งแต่ตอนมัธยมต้นว่ามันเป็นไบ คั่วได้ทั้งหญิงและชาย และในเมื่อมันยอมรับสถานะนั้น ในสถานะเพลย์บอยตัวพ่อที่เข้าหายากเป็นที่หนึ่ง
            มันเลยมีพ่อสื่อที่ชื่อว่า พีท
            ไอ้พีทเป็นคนที่คอยนัดคนที่น่าสนใจ หรือคนที่ต้องการขายร่างกายให้ไอ้นาที
            น่าขยะแขยงชะมัด
            และที่ผมจำเป็นต้องทำเรื่องน่าขยะแขยงพวกนี้ …
            ก็เพราะ…
 
            สองอาทิตย์ที่แล้ว
            “ป่านน”
            สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวิ่งขึ้นมานั่งบนเตียงนอนภายในห้องผม เธอชื่อน้องหญิง อายุ 17 ปี เธอเป็นสาวน้อยน่ารักที่ได้ชื่อว่าเป็นตุ๊กตาของใครหลายๆคน แต่ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เข้าใกล้เธอแบบถึงเนื้อถึงตัว หลายๆคนอิจฉาผมและจั่วหัวว่าผมเป็นศัตรู
            น้องหญิงขึ้นมานั่งคร่อมตัวผมเหมือนทุกครั้ง ผมละสายตาออกจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ก่อนจะผลักตัวร่างเล็กให้นั่งดีๆ เป็นสาวเป็นนางมานั่งคร่อมตัวผู้ชายมันไม่ดี
            “หืม ว่าไง?”
            “หืม ว่าไง! ป่านนะป่าน หญิงอุตส่าห์รีบกลับจากโรงเรียนมาหาเลยนะ!” เจ้าตัวยิ้มร่า อมลมพองจนแก้มป่อง ผมหัวเราะกับความไร้เดียงสานั้น ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวยุ่งๆของเธอเล็กน้อย
            หญิงยิ้มแก้มปริแล้วยื่นกระดาษบางอย่างให้ผม เธอดูลุกลี้ลุกลนมากเป็นพิเศษ ผมลากเก้าอี้มานั่งที่ปลายเตียงก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู แค่เพียงเห็นรูปที่อยู่บนกระดาษนั่น
            ผมก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน…
            “ป่านรู้จักใช่มั้ย อยู่ข้างโรงเรียนป่านอ่ะ!!” น้องหญิงกระโดดโหยงเหยงไปมา แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเลย
            ผมใส่ใจว่า … เธอเอารูปภาพพวกนี้มาทำไม
            “ไม่นี่ … ใครเหรอ?” ผมแกล้งถามออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าใครคือคนที่อยู่ในรูป
            “อ้าว! ป่านไม่รู้จักเหรอ? นาทีไงนาที เขาบอกว่ากำลังฮอตสุดๆเลยนะตอนนี้!”
            … ผมได้แต่นั่งนิ่ง
            “หญิงชอบเหรอ…”
หวังว่าคำตอบจะออกมาเป็น ไม่…
            “ใช่ หญิงอยากเป็นเจ้าหญิงของเขา! ป่านช่วยหญิงหน่อยได้มั้ย!!!” ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่ร่างเล็กพูดออกมา ก่อนจะมองน้องหญิงอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
            “ทำไมถึงชอบมันล่ะ…”
            “ไม่รู้ดิ … แต่เขาน่ารักดีนะ หล่อด้วย! หญิงชอบผู้ชายลุคแบบนี้แหละ…”
            ไม่หรอก …
            ไม่ …
            แล้วความรักที่ผมมอบให้เธอมาตลอดสิบกว่าปีล่ะ ความรักระหว่างเพื่อนที่ผมสร้างขึ้นมา ความรักที่คอยปกป้องไม่ให้ร่างเล็กเจอกับอันตราย … แต่ทำไม ทำไมกัน
            “มันเป็นคนไม่ดีนะหญิง” ผมพูดขึ้น น้องหญิงเลิกคิ้วสงสัย
            “ไหนป่านบอกไม่รู้จักเขาไง”
            “!!!”
            ผมกรอกตาไปมา ก่อนจะบีบกระดาษในมือแน่น
            “ป่านพึ่งนึกออกตอนหญิงบอกชื่อน่ะ…”
            “อ่อ ทำไมถึงไม่ดีล่ะ เพื่อนๆหญิงยังบอกเลยว่าเขาเนี่ยสุภาพบุรุษสุดๆเลยนะ!”
            สุภาพบุรุษงั้นเหรอ … ไร้สาระสิ้นดี
            มันก็แค่สร้างภาพ
            “ป่านว่าหญิงอย่าไปยุ่งกับมันเลย”
            “ทำไมป่านพูดแบบนั้นล่ะ! ป่านไม่รักหญิงเหรอ!!!” ผมสะอึกกับสิ่งที่น้องหญิงพูดออกมา จากมือที่กำลังจะขยำกระดาษในมือ ถูกเปลี่ยนเป็นคลายออก
            “รักสิ…”
            “งั้นป่านก็ช่วยหญิงสิ!!! ทำให้นาทีเป็นของหญิง!!!!”
            “ขอร้องนะป่านนะ หญิงชอบเขาจริงๆ…”
 
            มือสากๆเลื่อนมาจับมือของผมเอาไว้ ในฐานะผู้แสดงละครที่ดีผมจำต้องนั่งนิ่งให้มันจับต่อไป แม้สีหน้าจะไม่ได้แสดงความรังเกียจออกไปมากมาย แต่ในใจผมกลับอยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
            “แปลกนะ … ปกติกูจะเจอแต่คนที่คลั่งไคล้กู … ไม่มีสักคนหรอกที่ครั้งแรกจะพาเข้าร้านอาหารแบบนี้” ผมชะงักกึกกับคำพูดของไอ้นาที พลางเงยหน้าสบตามองดวงตาที่กำลังจับผิดของมัน
            ผมพลาดอะไรไปงั้นเหรอ
            “แล้วปกติไปที่ไหนกันล่ะ?”
            “ม่านรูด”
            “!!!!!”
            “เวลาจะอยู่กับกูน่ะมันมีน้อย … รู้ใช่มั้ยว่ากูเป็นคนขี้เบื่อ … ถ้ากูเบื่อ มึงก็ไร้ค่า” ไอ้นาทีพูดออกมาอย่างไม่อายปาก ผมกัดฟันกรอดก่อนจะมองหน้ามัน
            “แย่หน่อยนะ … ที่กูจะเป็นคนแรกที่มึงจะไม่มีวันเบื่อ”
            มึงจะต้องอยู่กับกูไปอีกนานเชียวล่ะ
            นาที!!!!


           *

            “ป่าน!! ทางนี้เว้ย!”
            ผมวิ่งไปหาเจ้าของมือที่โชว์ขึ้นเหนือหัว ไอ้ฟ้านั่งอยู่กับเพื่อนๆใต้ต้นไม้ของโรงเรียน ผมลดความเร็วกลายเป็นวิ่งเหยาะๆก่อนจะวางกระเป๋าลงที่ม้าหินที่ประจำ
            “ไง”
            “มึงชอบทักเพื่อนแบบนี้ตลอดเลยนะไอ้ห่า ไม่มีคำอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือไงวะ” ไอ้ฟ้าบ่นอุบ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร
            ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งรอบตัวมากนัก ช่วงนี้ผมกำลังเครียดๆเรื่องน้องหญิง เพราะพอน้องหญิงย้ายโรงเรียนไป ปกติจากที่เธอเป็นคนเรียบร้อย เธอดูเปิดเผยขึ้นมากช่วงนี้
            “เฮ้ยป่าน” ไอ้ฟ้าเรียกผม ก่อนจะกระเถิบเข้ามานั่งซะชิด ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่มัน
            “มาแย่งอากาศกูหายใจทำไม ที่มีเยอะแยะ”
            “โหยไอ้แมว กูจะถามมึงว่า มึงเอาจริงเหรอวะเรื่องไอ้นาที” ไอ้ฟ้าเปลี่ยนวอลุ่มเป็นกระซิบกับผมเมื่อพูดถึงชื่อไอ้นาที แม้จะอยู่คนละโรงเรียน แต่ขอบอกเลยว่าไอ้นาทีมันก็ไม่ชอบให้ใครซุบซิบนินทามันเท่าไร
            สายมันก็เยอะอยู่นะ
            “เอาจริง เมื่อวานกูไปเจอมันมาแล้ว…”
            “เฮ้ย!!!”
            “จะเสียงดังทำซากไรวะ อยากให้คนรู้หรือไงว่ากูเป็นคู่นัดบอดของมันน่ะ”
            “จริงเหรอวะ? ไมมึงไม่บอกกู” ไอ้ฟ้าทำหน้าเสียดาย ผมเลยซัดมันไปหมัด
            “เรื่องของกู บอกมึงเพื่อ?”
            “มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วน้องหญิงจะหันมาสนใจมึงเหรอวะ?” สิ่งที่ไอ้ฟ้าพูดทำให้ผมชะงักกึก ผมวางโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้ฟ้าที่กอดคอผมไว้อยู่
            “ไม่ว่ะ”
            ใช่ … ต่อให้ผมตายแทนหญิง หญิงก็ไม่แม้แต่จะชายตามองผม
            “แล้วมึงจะยอมเสี่ยงเหรอวะไอ้ป่าน มึงก็รู้ไอ้นาทีมัน…”
            “ถ้ามันจะทำให้น้องหญิงรู้ว่าไอ้เวรนั่นมันสารเลวขนาดไหนล่ะก็ … ต่อให้ไอ้นาทีเป็นฆาตกรฆ่าคนร้อยศพ กูก็ยอมเสี่ยง”
            แล้วก็ใช่อีก … เพราะต่อให้น้องหญิงไม่สนใจ แต่ผมก็มีหน้าที่ต้องปกป้อง
            “มึงลงทุนเกินไปแล้วป่าน กูเป็นห่วงนะไอ้สัด” ไอ้ฟ้าตบหัวผมเบาๆ
            “ขนลุกว่ะ” ผมพูดเชิงเล่นๆออกไป ก่อนจะหันไปหัวเราะปกติกับไอ้ฟ้า ทั้งๆที่ในใจผมไม่ได้หัวเราะไปด้วยเลย
            เมื่อวานหลังจากที่กินข้าวกับไอ้นาทีเสร็จ ผมก็ต้องแกล้งว่ามีธุระต่อ ไม่งั้นป่านนี้แม่งเสียประตูให้มันไปแล้ว ใครจะไปนึกล่ะว่าทุกคนที่เคยนัดบอร์ดกับไอ้นาที เสร็จมันแล้วทั้งนั้น แล้วพอแม่งเบื่อ ไอ้เวรนั่นก็เขี่ยทิ้งเหมือนขยะ
            โคตรเลว
            “แล้วมึงจะเอาไงต่อ?”
            “นี่ไง…” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้ฟ้าดู ข้อความที่ไอ้นาทีส่งมา
            ‘เลิกเรียนเจอกันที่เดิมครับ’
            “เวรล่ะ ขนลุกสัด มีค้งมีครับ” ไอ้ฟ้าทำท่าลูบแขนตัวเองก่อนจะผลักมือถือคืนผม ผมหัวเราะหึในลำคออย่างอนาถในชะตาชีวิตของตัวเอง
            “กูไม่ขนลุกเลยมั้ง”
            “มึงมีวิธีเอาตัวรอดจากไอ้เวรนั่นใช่มั้ยป่าน … หวังว่าเพื่อนกูคงฉลาด”
            วิธีเอาตัวรอดเหรอ…
            “กูยังไม่ได้คิดเลยว่ะ”
            นั่นสิ …
            ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะขุดสันดารหมาๆของไอ้นาทีออกมาให้น้องหญิงได้เห็น แต่ผมไม่ได้นึกเลยว่าไอ้นาทีมันเป็นเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ แม้ส่วนสูงผมกับมันจะต่างกันเพียงแค่เซนสองเซนก็เหอะ แถมผมยังตัวพอๆกับมัน มันยังมองผมซะอย่างกะจะฝังเขี้ยวลงบนทุกอณูของร่างกายผมขนาดนั้น
            เหอะ สงสัยว่าถ้าแม่งจับผมกดจริงๆ งานนี้คงต้องมีเฮล่ะวะ
 
            *
 
            หลังเลิกเรียนผมก็เดินเข้าห้าง ที่เดิมที่เคยเจอกับมันเมื่อวาน เมื่อไปถึงก็เห็นไอ้นาทียืนรออยู่แล้ว มันไม่ได้ยิ้มร่าอะไร แต่กลับกัน มือหนากลับโชว์ตั๋วหนังในมือสองใบขึ้นแล้วโบกไปมา
            ใครอยากดูหนังกับมึงวะ
            เหอะ
            ผมถอนหายใจแล้วปั้นหน้ายิ้มๆเดินเข้าไปหามัน
            “ดูหนังเหรอ?”
            “อือ” มันตอบแค่นั้นแล้วลากแขนผมเข้าไปที่โรงหนังทันที ไอ้เวรนาทีไม่แม้แต่จะสละเวลาเพื่อซื้อ   ป๊อปคอร์นอะไรทั้งนั้น มันเพียงแค่ลากผมเข้าโรงหนัง แล้วดันให้ผมนั่งลงที่ที่มันจองเอาไว้
            เวรล่ะ มัวแต่ขยะแขยงมือมัน เลยไม่ทันมองหน้าโรงเลยว่านี่จะมาดูเรื่องอะไร
            “เรื่องอะไร?” ผมถามขึ้น ไอ้นาทีนั่งเงียบไม่ตอบอะไร
            ทีงี้ทำมาเป็นใบ้นะมึง
            หนังถูกฉายขึ้นมาพร้อมกับคนที่ทยอยเข้ามานั่งในโรงหนัง แปลกมาก ที่ในโรงหนังแม่งมีไม่ถึงสิบคน แถมไฟแม่งยังมืดผิดปกติ อันที่จริงผมไม่ค่อยเข้าโรงหนังหรอกนะ ชอบดูที่บ้านซะมากกว่า สายตาเลยไม่ค่อยชินกับความมืดแบบนี้ซักเท่าไร
            ถามจริง…
            ไอ้นาทีแม่งคิดจะดูหนังจริงๆเหรอวะ?
            ไม่ยักจะคิดว่าไอ้เวรนี่จะมีอารมณ์สุนทรีย์ถึงขนาดเข้าโรงหนังตอนที่กำลังจับเหยื่ออยู่
            แต่ไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็รู้คำตอบของคำถาม
            มือหนาของไอ้นาทีไล้อยู่บนมือผม ทีนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่ได้หลับ แล้วก็รู้จุดประสงค์ของการเข้าโรงหนังของมันแล้วล่ะ นิ้วของมันค่อยๆไล้ขึ้นมาที่คอของผม ก่อนลมหายใจอุ่นๆที่ไม่รู้ว่ามันเคลื่อนหน้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรจะจรดลงบนแก้มของผม ผมเบิกตากว้างอย่างคนช็อค
            เกิดมา ขนาดเพื่อนยังไม่เคยได้เข้าใกล้ตัวผมขนาดนี้เลย!!
            ผมออกแรงดันตัวไอ้นาทีออกไปนิดๆ พอให้แม่งรู้ว่ากูขัดขืน แต่กลับกัน ยังไม่ทันที่ไอ้นาทีจะถอนตัวออก ริมฝีปากสีซีดของมันก็ประกบลงบนริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว!!!! ดวงตาสีดำสนิทของมันจ้องมองดวงตาที่เบิกกว้างของผม ราวกับว่ามันกำลังลองเชิงอะไรบางอย่าง!
            เวรละ ผมอยากจะอ้วก!!
            ร่างของไอ้นาทีถอนออกไปเมื่อมันสมดั่งใจต้องการเล่นเอาลมหายใจของผมสลับสำลักกับอาหารที่เพิ่งกินลงไป ผมพยายามกดอกตัวเองเอาไว้ไม่ให้ไอ้สิ่งพวกนั้นมันไหลย้อนออกมา แต่ไม่ไหว
            “เข้าห้องน้ำแปบนะ” ผมหันไปบอกไอ้นาทีก่อนจะวิ่งออกมาจากโรงหนังทันที!
            ‘อ้วก!!’
            แหวะ
            ผมเปิดน้ำก๊อกแล้วล้างปากอย่างเอาเป็นเอาตาย เวรเวร!
            เมื่อกี้แม่ง … ลิ้น
            เวรเอ้ย!!!!
            ถ้าไม่ติดว่าแม่งเข้าหาตัวยากล่ะก็ กูไม่ทนนั่งนิ่งให้มึงแบบนั้นแน่!!
            “ถึงกับอ้วกเลยเหรอ?” เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือก ใบหน้านิ่งๆของนาทีมันลอยขึ้นมาเป็นอันดับแรก ก่อนที่ขายาวๆของมันจะพาร่างนั้นเข้ามาในห้องน้ำแล้วปิดประตู
            ล็อค…!!!
            งานเข้าแล้วไงไอ้ป่าน!
            “เอ่อ … กูไม่ค่อยสบายน่ะ โทษที…” ผมแถออกไป พลางยกแขนเสื้อปาดริมฝีปากของตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทของไอ้นาทีจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตา
            “ไม่ใช่ว่า … ขยะแขยงจนอ้วกเหรอ?”
            “!!!”
            ไอ้นาทียิ้มมุมปากพลางเดินเข้ามาใกล้ผม มือหนาตะปบลงบนกำแพงด้านข้างใบหน้าของผมอย่างแรงจนห้องน้ำสะเทือน ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
            “ว่าไงล่ะ … ป่าน”
            “กูไม่สบายจริงๆ อาหารเป็นพิษ จะเค้นทำซากไรวะ!” ผมสบถ ทำให้แม่งรู้ว่ากูไม่สบายจริงๆนะ
            ทั้งๆที่ใจน่ะ ลอยออกไปจากห้องน้ำตั้งนานแล้ว!
            “ถ้างั้น … อีกรอบคงไม่เป็นไร!”
            ‘อุ่ก!’
            รวดเร็ว ไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้นาทีประกบจูบผมอีกครั้ง แรงจนผมได้กลิ่นคาวเลือดที่ริมฝีปาก ผมหลับตาปี๋ พยายามท่องในใจว่าก็แค่จูบป่าน ก็แค่จูบ คิดซะว่าไอ้นาทีเป็นน้องหญิงก็ได้นี่!!!
            เวร…
            กูทำไม่ได้!!
            ถ้าไอ้นาทีมันหน้าตาน่ารักผมอาจจะยอมทน แต่ไอ้เหี้ยนี่ ไม่ได้มีอะไรต่างจากกูเลย!
            แม่ง
            ทำไงดีวะป่าน คิดดิวะ คิด!
            ‘ปังๆ!!!’
            “เฮ้ย! ล็อคทำซากไรวะเนี่ย ปวดเยี่ยว!!!” เสียงวัยรุ่นดังขึ้นด้านนอกห้องน้ำพร้อมกับเท้าที่เตะประตูปึงปัง เสียงนั่นแม่งอย่างสวรรค์ ไอ้นาทีละออกจากตัวผม ก่อนจะใช้นิ้วปาดริมฝีปากของผมแล้วยกมันขึ้นมาให้ผมดู
            เลือด
            กูว่าละ
            “อยากรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้มึงน่าสนใจกว่าคนอื่นๆ” นาทีพูดขึ้นแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้า ผมขยับตัวเพื่อที่จะเดินไปเปิดประตู เกรงว่าถ้ายังอยู่แบบนี้ ดีไม่ดีจะโดนมากกว่านี้ได้
            “อะไร?” ผมเลิกคิ้ว
            “เพราะมึง … ดูมีอะไรให้น่าเล่นเยอะดี” มันว่าแล้วยิ้มผ่านกระจกให้ผม รอยยิ้มแสยะของมันแม่งโคตรน่าขนลุก ผมขยี้หัวเหมือนประสาทจะเสีย
            “ชอบพูดอะไรกำกวมจังนะ”
            นาทียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินตามผมออกมาจากห้องน้ำ ผมไม่คิดจะเข้าไปที่โรงหนังบ้านั่นอีกแล้ว พอๆกับไอ้นาทีที่คงไม่คิดจะเข้าไปถ้าไม่มีผม
            มันเป็นงี้นี่เอง…
            หลอกให้เหยื่อตายใจว่าใจดี แล้วก็ขย้ำซะจนไม่เหลือซาก
            ผมทำท่าจะเดินลงบันไดเลื่อนเพื่อกลับบ้าน แต่ไม่ทันไรมือหนาของนาทีก็คว้าหมับเข้าที่แขนของผม ผมหันขวับกลับไป ดวงตาคู่เดิมกำลังจ้องใบหน้าของผมอยู่
            “รีบไปไหนล่ะ อยู่กับกูไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ไม่คิดจะตักตวงเวลาหน่อยหรือไง ป่าน…”
            “แปลกนะ … คนอื่นแม่งเรียกร้องขอเวลาเพิ่ม … แต่มึงกลับอยากให้มันหมดเร็วๆ”
            “!!!!”





TBC.
เรื่องนี้ผู้แต่งไม่ใช่ candynosugar+ นะคะ แต่เป็นพี่ jiwinil
ซึ่งเราก็ได้ขออนุญาติเจ้าของเรื่อง (พี่ jiwinil) เพื่อมาลงที่นี่เรียบร้อยแล้วนะคะ

Ps. คอมเม้นท์กันด้วยนะจุ้บ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [01] 7/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 08-01-2014 06:47:56
มีเฮ? งานเข้า? ชอบๆ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [02] 8/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 08-01-2014 15:00:33
2

            ผมลีดกีต้าร์ไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยอารมณ์ไปตามเพลงที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพลงอะไร ก่อนจะมองพวกนักเรียนที่ค่อยๆทยอยออกเดินกันไปที่ประตูหน้าโรงเรียน ในขณะที่ผมนั่งอยู่บนระเบียงห้อง
            “ไม่กลับบ้านเหรอวะป่าน?” ไอ้ฟ้าเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับตบบ่า ผมเงยหน้ามองมัน
            “ไม่ว่ะ” ผมว่า
            “อ่อ … รอน้องหญิง”
            หึ รู้มากจริงมึง
            “เออๆ งั้นกูกลับก่อนว่ะ ไอ้ฝนแม่งดื้อด้านจะให้กูไปส่งบ้านเพื่อน บายมึง”
            “อือบาย” ผมโบกมือแบบขอไปทีให้เพื่อนแล้วหันมานั่งลีดกีต้าร์เหมือนเดิม ร่างของไอ้ฟ้าลับจากสายตาไป เผยเป็นภาพใหม่ของร่างเล็กพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักที่ยืนอยู่ด้านล่าง
            น้องหญิงอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียนตรงข้ามกับผม เธอดูสดใส น่ารักเหมือนทุกครั้ง
            ยกเว้นก็แต่ … กระโปรงที่สั้นขึ้นมากโขกว่าแต่ก่อน
            ตอนนี้มันเลยเข่าขึ้นมาเป็นศอกได้แล้ว
            ผมลุกขึ้นจากระเบียงแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นถือ ก่อนจะเอากีต้าร์เข้าไปเก็บในห้องแล้ววิ่งลงไปด้านล่าง น้องหญิงวิ่งปราดเข้ามาหาผมทันทีที่ผมลงจากบันได ร่างเล็กยิ้มร่าอย่างมีความสุข
            “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง” ผมถามขึ้น น้องหญิงได้แต่ยิ้ม
            “ไปหาอะไรกินกัน!”
            ร่างเล็กคล้องแขนแล้วออกแรงลากผมไปที่หน้าโรงเรียน ก่อนจะไปหยุดที่ร้านขายไอศกรีมที่หนึ่ง น้องหญิงจัดการสั่งไอศกรีมที่ผมชอบและที่ตัวเองชอบ ก่อนจะนั่งท้าวคางลงตรงหน้าผม
            “มีคนบอกว่าเมื่อวานป่านไปห้างกับนาทีมาเหรอ” ผมชะงักกึกกับคำถามของน้องหญิง พลางเงยหน้าจากนมปั่นในมือ
            “เอ่อ …”
            ตอบไม่ถูกว่ะ
            แค่คิดถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมา ก็อยากจะอ้วกออกมาอีกครั้ง
            เวรเอ้ย! ไอ้พวกหูตาสับปะรดนี่มันจริงๆ!
            “ป่านน่ารักจังเลย” น้องหญิงเกี่ยวนิ้วก้อยลงบนนิ้วก้อยของผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            อะไรกัน?
            “หญิงรู้นะว่าป่านกำลังติดต่อนาทีให้หญิงอยู่ใช่มั้ยล่ะ”
            “ห่ะ…”
            มือเล็กๆของหญิงเอื้อมมือหยิกแก้มผมอย่างน่ารัก ก่อนจะหัวเราะ
            “หญิงรักป่านที่สุดเลย”
            รักผมงั้นเหรอ …
            ถึงมันจะเป็นคำพูดที่ผมต้องการมากที่สุดก็เถอะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้เลย ทำไมเธอถึงเข้าใจว่าผมกำลังติดต่อไอ้สารเลวนั่นให้กับเธอกัน เธอไม่รู้เรื่องราวอะไรบ้างเลยเหรอทั้งๆที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ขนาดเด็กต่างโรงเรียนยังรู้กิตติศัพท์ของไอ้นาทีมันเลย
            หรือเป็นเพราะว่า น้องหญิง เป็นผู้หญิง
            ผู้หญิงมักจะถูกกล่อมได้ง่ายๆหรือเปล่านะ
            ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
            หลังจากกินไอศกรีมเสร็จ น้องหญิงก็เผอิญเจอเพื่อนที่ผ่านมาที่ร้านพอดี พวกเธอไปต่อกินอะไร    จุ้กจิ้กกันอีกที่ เป็นผมเองที่อาสาขอตัวกลับก่อนเพราะกลัวตัวเองจะลำบากใจและกลัวว่าน้องหญิงจะต้องมาห่วงเพราะว่าผมเป็นภาระที่เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม
            แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งผมนักนะ
            “ไง”
            คำทักทายที่ปกติผมมักจะใช้ กลับถูกไอ้เวรตรงหน้ายืมไปใช้เฉย ไอ้นาทียืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ มันอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนไม่ได้ไปเรียนมาอย่างไงอย่างงั้น
            “วันนี้ไม่ใช่วันนัดกันนี่” ผมถามขึ้น
            ผมกับไอ้นาทีมีวันนัดกัน อันที่จริงนัดกันทุกๆวันจันทร์อังคาร เนื่องจากแม่งป๊อปไง ไอ้ห่านี่เลยมีคิวเยอะ สลับรางกันให้วุ่น แต่อย่าหวังนะว่ามันจะแคร์หรือจะรับผิดชอบ ไอ้เวรนี่มันไม่มีความรักกับใครจริงหรอก เลยไม่ต้องกังวลเรื่องหึงหวงตบตีกันบ้านแตก เพราะทุกคน ต่างก็ยอมลดตัวไปเป็นของเล่นของมันทั้งหมด
            ยกเว้นกูไว้คนละกัน
            “ไม่เห็นต้องนัดกันนี่ โรงเรียนกูกับมึงก็อยู่ตรงข้ามกัน เจอกันบังเอิญไม่เห็นแปลก”
            เหอะ ผมหัวเราะในลำคออย่างหน่ายใจ
            เจอกันบังเอิญ
            บังเอิญป้ามึงสิ
            ปกติก่อนที่จะนัดบอดไม่เห็นจะเคยเสนอหน้ามาให้เห็น ขนาดไปเยือนโรงเรียนยังไม่เคยจะเห็นหัว แล้วทีนี้มาบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญเนี่ยนะ คนหล่ออยากอ้วกว่ะครับ
            “เออ งั้นกูกลับละ”
            ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินเลยไอ้นาทีไป ไม่ทันไรก็ต้องหันหลังกลับมาเมื่อมือของมันปราดเข้ามากระชากแขนผมเอาไว้ ผมสะบัดอย่างเสียอารมณ์
            “อะไรวะ?”
            “หึ อารมณ์เสียมาจากไหนกันวะมึงเนี่ย แค่จะชวนไปดริ้งค์ สนมั้ย? ฟรีนะมึง” ไอ้นาทีเลิกคิ้ว
            “เหอะ วันนี้มึงมีคู่นัดของมึงไม่ใช่หรือไง กูไม่อยากแย่งวันคนอื่นว่ะ เดี๋ยวจะโดนหาว่าเป็นคนพิเศษ” ผมตอกใส่หน้ามันกลับไป ดวงตาสีดำสนิทหยีลงเล็กน้อยอย่างสนอกสนใจ
            “หืม … ” ไอ้นาทีทิ้งบุหรี่ลงที่พื้นก่อนจะเดินเหยียบมันแล้วปราดเข้ามาประชิดตัวผม
            “สถานะนั้นน่ะ ใครๆก็อยากได้ ว่าแต่มึง ไม่อยากได้เหรอ?” ผมกลืนน้ำลายพลางสะอึกไปเล็กน้อย
            เวร กูลืมไปเลยว่าต้องเล่นละครว่าคลั่งไคล้ไอ้เวรนี่ ไม่งั้นจะนัดบอดทำไมแค่เข้าไปตั้นหน้ามันแล้วให้มันสารภาพว่ามันใช้แล้วทิ้งไปกี่คนงั้นเหรอ!? โง่จริงๆไอ้ป่าน!
            “ตกลงมึงชอบกู  หรือต้องการเข้าหากูเพราะอะไรกันแน่ ” นิ้วเรียวของไอ้นาทีลากจากลำคอของผมลงไปอยู่ที่ท้อง ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            ทำไมไอ้เวรนี่พูดเหมือนรู้ไปซะทุกเรื่องแบบนี้ล่ะวะ
            “หึ … ถ้าไม่ชอบกูจะหาเรื่องใส่ตัวเองทำไมวะ?”
            “แล้วทำไม … มึงถึงไม่มีทีท่าว่าจะชอบกูอะไรทำนองนั้นเลยล่ะ”
            “ก็ …” ก็อะไรดีวะ…
            “ก็?...”
            “มึงจะได้รู้ไงไอ้สัด ว่ากูมีค่า ไม่ใช่มึงใช้จนพอใจแล้วก็เขี่ยทิ้งเหมือนคนอื่น!”
            อื้อหือ นางเอกโคตรไอ้ป่าน มึงพูดแบบนี้ก็เท่ากับปิดตายตัวมึงเองลงจริงๆ แล้วจะมีหน้าไปทำให้มันไม่เขี่ยทิ้งยังไงวะ ในเมื่อกูก็ไม่ได้สวย ไม่ได้ยอมนอนกับมันง่ายๆ แถมยังทำท่ารังเกียจมันในบางครั้งอีก
            ปากไม่ตรงกับการกระทำจริงๆเลยกู!!
            “มึงมีค่าพอที่จะพูดแบบนั้นด้วยเหรอ?” เสียงทุ้มๆของไอ้นาทีดังขึ้น มันทำหน้าตาเหยียดหยามใส่ซะจนผมรู้สึกหมดค่า ผมเหมือนโดนแสกหน้า ไปไม่เป็นเลยทีนี้
            นิ้วของมันช้อนคางผมขึ้นเล็กน้อย แต่ผมใช้มือปัดมันออกไป
            “ขนาดแตะตัว กูยังแตะไม่ได้ แล้วมึงจะมีค่าอะไร”
            “!!!”
            นาทีมันยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินออกไป ความหวังที่ผมจะได้แฉว่ามันเลวขนาดไหนเริ่มริบหรี่แปลกๆ พลันส่วนหนึ่งของสมองก็สั่งให้ผมวิ่งไปคว้าแขนมัน ไอ้นาทีชะงักกึก
            “กูไปด้วย”
            หวังว่าการตัดสินใจของผม คงไม่ผิดหรอกนะ!
 
            *
 
            เสียงเพลงดังกระหึ่มพร้อมกับกลิ่นเหล้าคละคลุ้งทำเอาผมอยากจะอาเจียน แต่ติดที่ว่าโดนดันเข้ามานั่งด้านในสุดของกลุ่มเพื่อนของไอ้นาที เลยกลายเป็นว่าจากที่ไม่อยากมา จำเป็นต้องนั่งยาว
            “มึงชอบไอ้ทีเหรอวะ?” เพื่อนคนหนึ่งของไอ้นาทีถามผมขึ้น มันพยายามตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลงบีทหนัก ผมหัวเราะเหอๆในลำคอ เท่าที่จำไม่ผิดไอ้นี่น่าจะชื่อ ริค
            “ถ้าไม่ชอบคงไม่นัดบอดกับมันหรอก” ผมตอบไปตามการแสดง ก่อนจะกระดกวอดก้าเพียวๆล้างปากกับคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้ คำพูดน่ะกระดากปาก เหล้าคงช่วยได้
            “หืม ก็ไม่เห็นมีไรน่าสนใจ ปกติไอ้ทีมันไม่สนแบบมึงหรอก”
            “เหรอ”
            “เออดิวะ ทีมันชอบแบบตัวเล็กน่ารัก พามาทีนี่น้ำลายสออยากจะแย่ง แต่พอเห็นมึงเข้ามากูกับไอ้กาฬยังช็อค ว่าไอ้ทีแม่งคิดอะไรวะ ไปสรรหาพวกเดียวกันมาเป็นเมีย”
            ‘พรวด!!!’
            ผมพ่นวอดก้าออกไปด้านหน้าเมื่อได้ยินคำว่าเมีย แม่งออกไปเป็นสายเลยไอ้ห่า!! ก่อนจะไอสำลักค่อกแค่กอย่างเอาเป็นเอาตาย
            เวรละ กูไม่ได้จะมาเป็นเมียว่ะ
            “เฮ้ย ถึงกับสำลักเลยเหรอวะ ใจเย็นๆ” ไอ้ริคยื่นทิชชู่ให้ผมเช็ดปาก ก่อนจะยกแขนมากอดคอผมไว้ อันที่จริงการอยู่กับเพื่อนไอ้นาทีก็ไม่แย่ซักเท่าไร เป็นกันเองดี แล้วผมเองก็ไม่ใช่คนดื่มไม่เป็น
            ออกจะเก่งซะด้วยซ้ำ
            แต่ที่ดีก็เพราะว่าไม่ต้องทนนั่งกดดันอยู่กับไอ้เวรที่นั่งสูบแต่บุหรี่จนจะเป็นมะเร็งตายห่าอยู่ตรงมุมโต๊ะ สายตาของไอ้นาทีจับจ้องมาที่ผมเป็นระยะๆ สลับกับจ้องสาวสวยที่เต้นยั่วยวนอยู่ที่ฟลอร์
            ขนาดนั่งไกลๆยังรู้สึกได้เลยว่าไอ้เวรนั่นจ้องผมอย่างมีเลศนัยเหลือเกิน คิดว่ากูจะเมาแล้วมึงจะได้ลากขึ้นห้องว่างั้น? ฝันไปเถอะ คนอย่างกูไม่เมาง่ายๆเว้ย
            “มึงก็ว่าไปไอ้ริค ดูแม่งซะก่อน ไอ้เชี่ยป่านแม่งขาวอย่างกะสำลี น่ากัดชิบ” ไอ้พีทหน้าหื่นมันแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างน่าเกลียดแล้วมองผม ผมยกนิ้วกลางชูใส่มันอย่างเป็นกันเอง
            “โทษทีว่ะ”
            “อูววว” กิริยาที่ผมแสดงออกทำให้เพื่อนๆไอ้นาทีต่างก็ร้องหูวหากันเป็นแถบ แถมยังยื่นมือมาแทคกันอย่างเป็นกันเองอีกด้วย
            “เจ๋งว่ะเจ๋ง ซักแก้วๆ”
            วอดก้าแก้วที่เท่าไรไม่รู้ที่ผมกระดกเข้าปาก รู้เพียงแค่เสียงเพลงกับเสียงบีทมันจังหวะเพี้ยนๆ แถมโต๊ะแม่งยังรางๆ สงสัยเริ่มจะเมา แต่ไอ้พวกเพื่อนๆของไอ้นาทีกลับคอพับกันไปเป็นแถบ ขนาดไอ้เจ้าตัวที่ชวนผมมา จากที่แม่งนั่งจ้องผมเป็นชั่วโมงๆ มันยังนอนฟุบลงไปที่โต๊ะเลย
            นี่กูอึดสุดสินะ
            “มึงต้องการอะไรจากไอ้ที” เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นด้านข้างทำให้ผมสะอึก พลางยกสายตาสะลึมสะลือขึ้นมองเจ้าของเสียงที่หน้าแม่งแยกออกเป็นสองหน้า
            ไอ้นี่มัน ไอ้พระกาฬเพื่อนไอ้นาทีนี่หว่า
            ทำไมแม่งไม่ตายอีกวะ? อดล้มแชมป์ดื่มเก่งสุดเลยกู
            “มึงว่าไงนะ?” ผมควานหาแก้วน้ำเปล่าแถวๆโต๊ะพลางยกกระดกเพื่อล้างคอและล้างกลิ่นวอดก้าในคอให้จางลง เผื่อว่าจะสื่อสารกับใครเขารู้เรื่องบ้าง เพราะไหนๆไอ้นาทีมันก็สลบไปแล้ว
            คงไม่มีอะไรอันตรายแล้วล่ะ ผมจะได้กลับบ้านซะที
            “ลุกมานี่!” มือของไอ้กาฬกระชากผมให้ลุกขึ้น แต่ขอโทษ ไอ้ห่าริคแม่งนอนขวางอยู่ด้านขวากู จะเดินไงวะ! คำตอบคือ ไอ้เวรกาฬมันลากผมให้ทับตัวไอ้ริคไป โคตรอุบาทว์เลยสัด
            ผมเดินโซเซออกมาตามแรงลาก ก่อนจะมาหยุดยืนเมาๆที่หน้าผับ ไอ้กาฬผลักผมไปชนกำแพงดังอั่กก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ผมโคตรเกลียดกลิ่นบุหรี่เลยให้ตาย
            ขอยอมตายเพราะตับแข็งดีกว่าปอดดำ
            ‘ปัง!!!!’
            มือหนาฟาดหนักๆลงข้างหูผมอย่างแรงจนสะดุ้ง เท่านั้นแหละ ตากูสว่างทันที ผมมองใบหน้าโหดๆของไอ้พระกาฬอย่างไม่เข้าใจ จนกระทั่งมันพูดออกมา
            “หน้าตาอย่างมึงก็ไม่น่าจะใช่คนที่จะมาชอบไอ้ที กูถามจริงๆเถอะว่ะ มึงต้องการอะไรจากเพื่อนกู!”
            “…” ผมชะงักไปพลางกระพริบตาปริบๆ งงๆเหมือนกันว่ามันต้องการอะไร ก่อนจะพยายามรวบรวมการสื่อสารทั้งหมดให้อยู่ในช่องเดียวกัน
            “ก็กูชอบเพื่อนมึง ถามแปลกๆ” ผมว่าผมยังเมาแน่นอน-
            “มึงอาจจะโกหกเพื่อนกูได้ พวกไอ้ริค ไอ้พีท แต่โกหกกูไม่ได้” มือของไอ้พระกาฬบีบลงที่ไหล่ของผมอย่างแรงจนผมชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ
            “แล้วมันกงการอะไรของมึง กูไม่ได้นั่งชอบไอ้นาทีบนหัวมึงนี่หว่า”
            “มึงอย่ามากวนตีน!!!” ไอ้กาฬกระชากคอเสื้อผมอย่างแรงเล่นเอาผมคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผมเองก็ผลักมันออกไปอย่างแรงเหมือนกัน
            “มึงเป็นหมอดูเหรอ มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ชอบไอ้นาที ใครมั่งวะจะบ้าเอาตัวเองมาเสนอให้คนที่ไม่ชอบ!” ผมตะคอกด้วยอารมณ์เหลืออด เออกูตอแหล แต่ไม่ต้องฉลาดมารู้เว้ย!
            “เฮ้ย มีไรกันวะไอ้กาฬ” เสียงไอ้พีทที่ดังขึ้นด้านหลังเรียกความสนใจของไอ้กาฬไป แต่ไม่ใช่ผม ผมยังคงจ้องหน้าไอ้พระกาฬอย่างโมโห
            ยุ่งชะมัด ขืนความแตก น้องหญิงต้องไม่ฟังผมแน่ๆ
            แผนเผินกูก็ไม่มีในหัวซะด้วยสิ
            ไอ้พีท ไอ้ริคเดินออกมาพร้อมกับหิ้วปีกไอ้นาทีมาด้วย ใจจริงผมก็อยากจะหัวเราะกับสภาพมันนะ เมาเหมือนหมาก็คราวนี้แหละ แต่เพราะต้องเนียนไว้ก่อน ผมเลยทำท่านิ่งๆเอาไว้
            “ไม่มี มันแค่พากูออกมาอ้วก” ผมว่า ไอ้พระกาฬหันมามองผมตาขวาง
            “เออๆ เฮ้ยไอ้กาฬ มึงไม่เมาอ่ะ ไปส่งไอ้ทีที่คอนโดทีดิวะ เดี๋ยวกูกับไอ้ห่าริคกลับแท็กซี่” ไอ้พีทพูดขึ้นพลางพยายามดันเพื่อนมันให้ยืนตรงๆ ก่อนที่ร่างของไอ้นาทีจะโดนผลักมาหาผม
            “ดูแลมันด้วย ไอ้เวรเนี่ยพอเมาก็เงี๊ยะแหละ เห็นโหดๆแต่แม่งคออ่อนชิบ”
            ผมพยักหน้าพลางยกแขนไอ้นาทีคล้องไว้ที่คอของตัวเอง ไอ้พระกาฬรับกุญแจรถจากไอ้พีทก่อนจะเดินไปที่รถบีเอ็ม รุ่นห่าเหวไรไม่รู้แหละ สี่ประตู ผมไม่ใช่เซียนรถ บอกรุ่นไม่ถูก ดูตราออกก็บุญละ
            “มึงไม่ต้องไป กูไปส่งเพื่อนกูเองได้” ไอ้พระกาฬหันมาทำหน้าโหด ผมยกนิ้วกลางใส่
            “กูจะไปส่งคนที่กูชอบ ทำไมจะไม่ได้” ผมเถียง ก่อนจะดันตัวไอ้นาทีเข้าไปในรถแล้วมุดตัวนั่งตามทันที เหมือนไอ้พระกาฬจะหงุดหงิดนะ มันตามมานั่งที่คนขับ ก่อนจะปิดประตูรถดังปัง
            “รถแพง ปิดซะแรงเจ้าของรถมันไม่ว่าเหรอ”
            “เสือก”
            มึงสิเสือก
            รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากผับ จากความเร็วปานกลาง กลายเป็นความเร็วระดับเทพที่ทำให้แม้แต่คนที่นั่งด้านหลังอย่างผมถึงกับคลื่นไส้ ไอ้เวรนาทีแม่งก็ไหลมานอนเอาหัวทับตักตลอด ตอนแรกผมก็ผลักมันให้นั่งดีๆแล้วนะ แต่แม่งก็ไหลลงมานอนทับตักกูตลอด!!! กลิ่นบุหรี่ก็หึ่งไปหมด
            เวร
            นรก
            “ขับช้าๆก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ” ผมสบถเบาๆ ไอ้พระกาฬหันมาทำตาคมกริบใส่ผ่านกระจกมองหลัง
            “กลัวตายหรือไง”
            “เปล่า แต่เพื่อนมึงตายด้วยนะ ไม่เป็นไรเหรอ?” กวนประสาทไปงั้นแหละ เห็นเส้นเลือดบนหัวไอ้กาฬนี่ปูดเชียว ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าผมกวนประสาทเก่ง ยิ่งโมโห ยิ่งกวนมากกว่าเดิม
            ดูเหมือนไอ้กาฬจะลดความเร็วลงนะ จากที่ผมเห็นเสาไฟฟ้าเป็นเปรต ก็พอเห็นว่ามันกลับมาเป็นเสาแล้วล่ะ
            “ป่าน…” เสียงทุ้มๆดังขึ้นขัดอารมณ์สุนทรีย์ของผม ผมมองผ่านกระจกมองหลัง
            “ไร”
            “ถ้ามึงชอบไอ้นาทีจริง จูบมันสิ” ผมชะงักกึกไปกับคำพูดนั้น ก่อนจะเบิกตามองดวงตาคมๆของไอ้พระกาฬอย่างชั่งใจ
            “จูบสิ ไอ้ทีมันไม่ลุกมาต่อยมึงหรอก กูแค่อยากเห็นว่ามึงไม่ได้ตอแหล”
            ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก
            งานเข้าแล้วไอ้ป่าน
            ผมก้มลงมองใบหน้าของไอ้นาที ผมที่เคยถูกปิดหน้าถูกเลิกขึ้นมาเพราะเหงื่อแตก แถมเมาเหมือนหมา ดวงตาของมันปิดสนิท ริมฝีปากสีซีดออกคล้ำเผยอขึ้นเล็กน้อย
            ผมเงยหน้ามองไอ้พระกาฬอีกครั้ง มันจอดรถข้างทางแล้วมองผ่านกระจกมาอย่างเค้นๆเหมือนต้องการจะรู้ว่าผมไม่ได้โกหกมันจริงๆ
            ครั้งที่แล้วผมอ้วกเพราะจูบไอ้เวรนี่
            แล้วครั้งนี้ ไอ้ที่อยากอ้วกอยู่แล้วมันจะไม่พุ่งเหรอวะ!?
            เชี่ยนี่แม่งร้าย
            “กูนับถึงสาม”
            “1”
            “2”
            “สะ…”
            ผมไม่รอให้ไอ้กาฬนับถึงสามก็ก้มตัวลงไปประกบริมฝีปากลงบนปากสีซีดของไอ้นาที แค่ประกบธรรมดาสินะ เออ กูทำได้ ไม่ต้องมีลิ้นกูก็ไม่อ้วก แต่จู่ๆสัมผัสชื้นๆที่ริมฝีปากก็ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก มือหนาๆกดท้ายทอยผมเองไว้อย่างแรงจนถอนออกไม่ได้ ลิ้นร้อนๆแทรกเข้ามาในโพรงปากแทบจะทันทีที่จะอ้าปากร้อง ผมมองปลายคางของไอ้เจ้าตัวที่แม่งตื่นขึ้นมาจับกูจูบ!
แม่งตื่นตอนไหนวะ!!!
            ผมจับมือของไอ้นาทีออกพลางกระเด้งตัวขึ้นมานั่งแล้วมองใบหน้าที่ยิ้มทะเล้นที่กำลังนอนทับตักผมอยู่
            “หวานจังว่ะ” ไอ้นาทีแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นจิต แต่ผมนี่สิ อาการคลื่นไส้แม่งพุ่งพรวดอีกแล้ว
            ‘อุบ!!!’
            “แหวะ!!!!!!”







TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [02] 8/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 08-01-2014 15:25:45
แหะๆ  แค่จูบยังขนาดนี้  อย่างอื่นไม่ต้องถามหาเลยใช่มั้ย   :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [03] 9/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 09-01-2014 16:06:00
3

            “โว้ยยย สกปรก เหม็น โสโครก!!!”
            ตั้งแต่ลงจากรถผมก็ได้ยินเสียงบ่นของไอ้นาทีไม่ขาดปาก ไม่นึกเลยว่ามันจะขี้บ่นขนาดนี้ เห็นมันเป็นคนเงียบๆมาตลอดนะเนี่ย ผมมองเนื้อตัวอันมอมแมมของคนตรงหน้าที่เปรอะไปด้วย … เอ่อ สิ่งปฏิกูลจากหลอดอาหารของผม เห็นแล้วก็ได้แต่เดินเขี่ยพื้นเอามือล้วงกระเป๋าเงียบปากเป็นใบ้
            ขอโทษว่ะ ก็มึงเสือกมานอนตรงที่กูอยากจะอ้วกพอดี ซอรี่นะเว้ย แต่กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไอ้ครั้นจะเปิดประตูออกไปก็ไม่ทันเพราะไอ้กาฬมันล็อคเอาไว้ ไอ้จะให้อ้วกใส่หน้ามึงมันก็อาจจะเสียมารยาทเกินไป
            นี่มึงต้องขอบใจนะที่กูอุตส่าห์เบี่ยงเป้าหมายลงบนตัวมึงแทนน่ะ
            “โว้ย!!!!”
            ไอ้พระกาฬหันมามองหน้าผมหลังจากที่ไอ้นาทีแหกปากโวยวายเตะประตูคอนโดมันเข้าไป ผมเม้มปากแล้วเกาหัวแกรกๆกับสายตาเหยียดๆที่ไอ้กาฬมองมา
            กูไม่ผิดนะเว้ย มึงแหละผิดที่ล็อคประตู!
            “โง่” ไอ้พระกาฬมันด่าผม ก่อนจะเดินตามเพื่อนมันเข้าไปในห้อง ผมหัวเราะเหอะๆอยู่ในลำคอ
            กลายเป็นว่าจากที่กูจะมาหาหลักฐานว่าไอ้นาทีแม่งเป็นสารเลว
            กูกลับกลายเป็นสารเลวเฉย
            ผมเดินเอื่อยๆไปยืนที่ประตูหน้าห้อง ไอ้นาทีมันยังบ่นอยู่เลยครับ ยังบ่นงุ๊งงิ๊งเหมือนหมาตัวเล็กๆเห่า ไอ้มือของมันก็ไม่กล้าถอดเสื้อ ขยะแขยงกับอ้วกผมเหลือเกิน ผมก็ได้แต่ยืนเกาหัวแก้เก้ออยู่ตรงประตูนั่นแหละ ไม่อยากจะบอกนะว่าอ้วกกูสะอาดกว่าของพวกมึงเป็นร้อยเท่า!
            ไอ้พระกาฬก็อยากช่วยเพื่อนมัน ยืนมองซ้ายมองขวา แต่ด้วยความที่เป็นคุณชาย มือมันเองก็ไม่กล้าแตะเสื้อ แถมไอ้นาทียังโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังไล่เพื่อนมันออกมาจากห้องด้วยการทุ่มเครื่องขยายเสียงสุดแสนจะแพงนั่นใส่
            อูย … ไม่ใช้ก็บอก เอามาให้กูสิ
            “โว้ยยยยยยยย!!!!” เสียงโวยวายพร้อมกับข้าวของที่ถูกปาลงพื้นดังลั่นไปหมด
            ผมเปล่าผิดนะ ผมเปล่า
            ไอ้พระกาฬเดินออกมาจากห้องพร้อมกับใบหน้าเหมือนตูด ก่อนจะเดินชนไหล่ผมอย่างแรงอย่างไม่พอใจแล้วหายเข้าไปในลิฟท์ ผมทำท่าจะวิ่งไปต่อยมันแต่ไม่ทัน แหม ถ้าแม่งเดินช้ากว่านี้อีกนิดนะ
            ไม่รอดแล้ว
            “โว้ย!!!” เสียงร้องของไอ้นาทีดังลั่นมาจากในห้อง ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
            กะอีแค่อ้วก ร้องอย่างกับโดนขี้ปาใส่
            “มานี่เลยไอ้สัดมา” ผมปราดเข้าไปหาไอ้นาทีก่อนจะกระชากมันเข้าหาตัว ไม่ลืมปิดประตูห้องให้มันด้วย เดี๋ยวข้างห้องจะหาว่าเจ้าของห้องนี้ผีเข้า ผมดึงเสื้อไอ้นาทีให้เข้าหาตัว มันทำหน้าหยะแหยงแบบโลกแม่งจะถล่ม
            “เพราะมึงเลยไอ้เวร!!!”
            “โทษกูไปอ้วกกูก็ไม่ได้กลับเข้าไปอยู่ในปากหรอกนะ ยืนนิ่งๆหน่อยดิ จะถอดเสื้อ!”
            “ไม่!!! ไปตายไป!!!!”
            “โหยยยย งั้นมึงถอดเองเลยไป ถอดไป!!!” ผมสะบัดหนีอย่างเสียอารมณ์ คนจะถอดให้เสือกสะดิ้ง
            ควาย
            “เดี๋ยว!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเดินไปไหน มือของไอ้นาทีก็คว้าหมับเข้าที่แขนของผม ผมหันหน้าไปเผชิญมันอย่างเซ็งหน้ามันมาก
            “จะเอาไง? ชักเยอะเดี๋ยวกูก็ปล่อยให้แม่งนอนจมกองอ้วก”
            “ถอดเดี๋ยวนี้เลยไอ้สัด ถอด!” ไอ้นาทีตะคอกสั่ง ผมหัวเราะเหอๆแล้วจับปลายเสื้อยืดสีดำของไอ้นาทีเลิกขึ้น ขนาดจะถอดให้แม่งยังบ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้ง
            ผมดึงเสื้อพรวดเดียวออกจากหัวไอ้นาที ก่อนจะโยนใส่ถังขยะ คาดว่ามันคงไม่อยากได้แล้วล่ะ แต่พอหันมาเจอะกับใบหน้าที่เข้มๆดุๆนั่น ผมก็แทบจะหัวเราะพรวดออกมา
            ลืมไป …
            มันมีผม ใช่ เส้นผมสีดำๆบนหัวมันนั่นแหละ
            “มองหน้ากูแบบนั้นหมายความว่าไง?” ไอ้นาทีเลิกคิ้ว ผมมองหน้ามันอย่างกวนโอ้ย
            “คือเมื่อกี้ … กูถอดเสื้อออกทางหัวมึงอ่ะ แล้วมึงก็มีผม … แล้วมันก็…” ผมใช้นิ้วชี้ๆที่ผมตัวเองเป็นกระจกให้กับคนตรงหน้า ไอ้นาทีหน้าซีด ก่อนจะยกมือแตะที่หัวของมัน
            “อี๋!!!!”
            สาบานได้ว่าเสียงมัน
            ไอ้นาทีมันแขยงมือของมันมากก่อนจะรีบวิ่งไปล้างน้ำในห้องน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงดังลั่นก็ดังขึ้น!!!
            “ไอ้ป่าน!!!!!!”
            ไม่ต้องรักกูขนาดเรียกชื่อเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ว่ะ
            ผมเดินเข้าไปที่ห้องนอนมัน พลางหันไปที่ห้องน้ำ มองสารรูปของไอ้คนมาดหล่อเพลย์บอยเจ้าชู้ที่สารเลวเป็นอันดับหนึ่งผ่านกระจก สภาพตอนนี้เหมือนเด็กกินข้าวโอ๊ตเลอะจมูกปากคางหัว แย่ว่ะ
            “มึงทำอะไร!!! มึงทำเชี่ยไรเนี่ย!!!”
            “อ้าว ก็มึงบอกให้ถอดเสื้อ”
            “ถอดเวรอะไรอ้วกติดบนหน้ากูเนี่ย!!! ล้างออกให้กูเลย อาบน้ำให้กูเลยไอ้สัด!!!”
            ผมเบิกตากว้างแล้วชะงักถอยหลัง
            “มึงมีมือมีตีนก็อาบเองดิวะ!!! กูไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่มึงนา!”
            “ระหว่างให้กูปล้ำกับมึงอาบน้ำให้กูจะเอาอะไร เลือกมา!!!!”
           
             *


            ผมก็ต้องเลือกข้อที่ปลอดภัยกับตัวเองสุดๆอยู่แล้ว นั่นก็คือข้อสอง ซึ่งตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ ในขณะที่ไอ้นาทีนั่งอยู่ในอ่างแล้วหันหลังพิงอ่างอย่างสบายอารมณ์ มือสองข้างผมก็ขยี้หัวให้มันเหมือนกำลังอาบน้ำหมา
            ซึ่งหมาแม่งหลับไปแล้ว
            อาเมน
            ผมใช้มือสองข้างขยี้หัวไอ้นาทีไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะคิดอะไรใจลอยไปเรื่อยเปื่อย
            พลันก็คิดไปถึงเรื่องน้องหญิง จากที่เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดานสีขาวที่เปลี่ยนเป็นสีส้มจากสีไฟ กลับต้องก้มลงมามองไอ้คนที่เมาจนน็อคคาอ่างน้ำไปแล้ว
            อันที่จริงในมุมถ้าจะคบมันเป็นเพื่อน ไอ้นาทีก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่สำหรับคนที่อยากจะผูกมัดมัน คงจะยากหน่อย เพราะผมเห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้พวกที่ขู่จะฆ่าตัวตายเพราะว่าถูกไอ้นาทีมันทิ้ง แต่คิดเหรอว่าคนอย่างนาทีมันจะสน
            อยากตายก็ตาย อยากโง่เองช่วยไม่ได้
            คตินั้นผมก็เป็น
            แต่ผมไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดกับคนที่ผมรัก โดยเฉพาะน้องหญิงที่บอบบางนั่น
            ผมเปิดฝักบัวพลางล้างแชมพูออกจากหัวไอ้เวรนาที ก่อนจะลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วล้างตัวเองให้สะอาด ผมถอดกางเกงของตัวเองไว้ด้านนอกห้องน้ำ เหลือแต่บ็อกเซอร์ บ็อกเซอร์แม่งก็เฉอะแฉะไปหมด
            ทำไงดีวะ
            พลันสมองอันชาญฉลาดและแยบยลของไอ้ป่านมันก็วิ้งขึ้นมา!
            แมวหลับ หนูก็ร่าเริงดิวะ
            ผมก้มลงไปมองหน้าไอ้นาทีที่คอหักคาอ่างอาบน้ำ พลางตบหน้ามันแรงๆสองสามทีเพื่อพิสูจน์ว่ามันเมาหลับไปจริงๆ ว่าแล้วก็วาดฝ่ามือหนาๆของตัวเองตบป้าบเข้าที่หน้าของไอ้นาทีดังผลั่วะ!
            สาบานได้ว่าตบ คอแม่งหันเลยว่ะ ไม่ตื่นด้วย
            แม่งคออ่อนจริง
            ผมเดินนิ่มๆออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะเปิดดูตู้เสื้อผ้าสุดหรูของไอ้คุณชายเพลย์บอยมันอย่างสอดรู้ และสอดเสือกสายตาไปทั่ว ทันใดนั้น! ผมก็ได้พบกับ … กางเกงในใหม่เอี่ยมภายในกล่องพลาสติกหรูที่เรียงกันเป็นตับ
            แล้วเงยหน้ามองสภาพตัวเองในกระจก บ็อกเซอร์แฉะๆเปียกๆลายหัวกะโหลกไขว้ กับ ความโปร่งใสที่เห็นไปถึงไส้ใน ถ้ามีสภาพแบบนี้ภายใต้กางเกงล่ะก็ ขึ้นราแน่ๆ
            สะโพกผมกับสะโพกไอ้นาทีมันไซส์เดียวกันป่ะวะ?
            ไม่ว่าเปล่า มือก็คว้ากางเกงในกล่องนั้นมาลองทันที …
            ใส่ได้ว่ะ! แหล่มเลย
            ผมคว้ากางเกงสีดำที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรมขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินวนไปรอบๆห้อง
            กิตติศัพท์ที่เหลื่อมล้นและน่าเลื่อมใสของไอ้นาทีมันล้นเหลือ ผมแค่อยากจะขอยืมของซักสองสามอย่าง ไม่ก็สิ่งที่พอจะสามารถบอกได้ว่าไอ้นาทีมันก็คือสารเลวที่ฟันแล้วทิ้ง
            พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่โน้ตบุ๊คไฮโซตราแอปเปิ้ล ผมพุ่งตัวเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะค่อยๆเปิดหน้าจอของโน้ตบุ๊คสุดแพงขึ้นอย่างเบามือ มันต้องมีบ้างแหละ ถ่ายคลิปเก็บบ้าง รูปแบล็กเมล์บ้างอะไรบ้าง ต้องมีบ้าง
            เอาล่ะ ตายเป็นตายว่ะป่าน
            “ไอ้ป่าน!!!!” ยังไม่ทันที่จะได้สอดแนมอะไร เสียงทุ้มๆก็ตะโกนดังลั่นออกมาจากห้องน้ำ! ผมสะบัดมือตบฝาโน้ตบุ๊คราคาสุดแพงนั่นลงดังปั่กก่อนจะรีบย้ายตัวไปนั่งที่ปลายเตียงประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่ไอ้นาทีพันผ้าขนหนูสีขาวแล้วเดินดุ่มๆออกมาจากห้องน้ำ
            เกือบไปแล้วไงล่ะ
            “หน้ากู!!!!” ไอ้นาทีตะโกนลั่นพลางใช้นิ้วชี้ไปที่ใบหน้าหล่อๆของมันที่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้ด แต่ผมไม่บอกมันหรอกว่ามันคือรอยฝ่ามือของผม ตบอย่างแรงซะด้วยนะนั่น
            “ก็หน้ามึงไง บอกกูไมวะ?” ผมถามอย่างกวนๆ เล่นเอาไอ้นาทีกำหมัดแน่นแล้วปราดเข้ามากระชากเสื้อผม
            “แล้วทำไม มันถึงปวดแบบนี้ล่ะวะหา!!!”
            ก็กูต่อยมึงไงล่ะเว้ย!
            “กูจะรู้เหรอ เมื่อกี้ตอนมึงนอนมึงเผลอเอาหน้าไปกระแทกกับขอบอ่างหรือเปล่า” ผมแถเรื่อยพลางกอดอกทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้นาทีกำหมัดแน่น
            “กระแทกกับผีมึงสิ แล้วใครใช้ให้มึงออกมาจากห้องน้ำตอนที่กูหลับ” เสียงตะคอกกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ถูกกดลงในลำคอของคนตรงหน้า ผมเลิกคิ้ว
            “ก็กูร้อน เลยออกมาตากแอร์”
แถไปเรื่อยครับ เพื่อความปลอดภัยของใบหน้าหล่อๆของกู หวังว่ามันคงไม่ฟาดหมัดลงมาหรอกนะ กลัวจะรับไม่ทัน
            “เหรอ … แล้วนี่อะไร!?” ไอ้นาทีมันเอื้อมตัวข้ามผมไปหยิบกล่องพลาสติกที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงของมัน ผมเบิกตากว้างเมื่อมันชูกล่องนั่นขึ้นตรงหน้า!
            กล่องกางเกงลิง
            กรรม เวร ลืมได้ไงวะ
            “ก็บ็อกเซอร์กูมันแฉะ เลยขอยืมใช้ก่อน ทำงกนะมึงน่ะ”
            “ใครอนุญาต …”
            “กูเอง”
            “มึงไม่ใช่เพื่อนกูนะไอ้สัด!!!” ไอ้นาทีตะคอกลั่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาแล้วตะปบมือสองข้างนั่นลงข้างๆระหว่างตัวของผมจนตัวผมกระเด้งจากเตียง ผมมองหน้าไอ้นาทีนิ่งๆ
            “มึงก็ไม่ใช่เพื่อนกู”
            “มึงไม่ต้องมาย้อน! มึงเป็นแค่คนที่ ‘ขาย’ ให้กับกูเท่านั้น อย่าคิดว่ามึงพิเศษกว่าใคร!!” ผมชะงักกึกกับสิ่งที่ไอ้นาทีพูด ก็พอจะเข้าใจอยู่นะ เข้าใจแจ่มแจ้งด้วยล่ะ
            นี่แหละคือสิ่งที่ผมกำลังรอเลย
            สันดานแท้ๆของมันยังไงล่ะ
            “แล้วคนอย่างมึง ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ของของกู ถอดออกมา!!!!”
            “หา!!!!” ว่าไงนะ!!!?
            ไม่ทันขาดคำมือของไอ้นาทีก็ตะปบที่ขอบกางเกงของผมก่อนจะพยายามปลดตะขอ ผมเบิกตากว้างก่อนจะพยายามสู้สุดฤทธิ์!! มือของมันสะเปะสะปะไปทั่ว จนผมต้องใช้เท้าถีบท้องมันจนร่างของไอ้นาทีกระเด้งลงไปนอนกระอักที่พื้น!
            ผมไม่รอให้มันได้ลุกขึ้นมา จัดการวิ่งปราดเข้าไปคร่อมตัวของมันทันทีแล้วใช้ขาล็อคไว้!
            “หึ มึงไม่ได้นัดบอดกับกูเพราะว่าชอบกูจริงๆด้วย” ไอ้นาทีหอบหายใจเหนื่อยจากการที่ผมฟัดกับมันเมื่อกี้ ผมเองก็หอบแฮ่กตัวโยนเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่าตกใจคือ มันจับได้
            แล้วเรื่องอะไรจะให้มันจับได้มากกว่าเดิมล่ะ
            “ใครบอกล่ะว่ากูไม่ได้ชอบมึง”
            “!?” ไอ้นาทีเลิกคิ้ว ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะในใจ
            “หือ รู้ได้ไงวะว่ากูไม่ได้ชอบมึง” ผมว่าพลางยิ้มอย่างกวนองค์อารมณ์ ก่อนจะไล่นิ้วไปตามลำคอของไอ้นาที ในใจก็รู้สึกขนลุกซู่ที่ต้องมาทำกับเพศเดียวกันแถมยังไม่น่ากดแบบนี้ แต่ไหนๆก็ไหนๆเหอะ
            มึงงกนักใช่มั้ย กูขอเอาคืนหน่อยเถอะว่ะ
            ผมโน้มหน้าลงไปชิดข้างหูของไอ้นาที ก่อนจะกระซิบเบาๆ
            “กูชอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ล่างให้มึงนี่หว่า”
            “ไอ้ป่าน!!!”
            ‘ควับ!!!’
            “ไว้เจอกันนะจ๊ะที่รัก” ผมกระชากผ้าเช็ดตัวของไอ้นาทีอย่างแรงจนหลุดติดมือก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว อยู่ให้แม่งเอาตีนกระทืบผมน่ะสิ
            ผมวิ่งจนถึงลิฟต์ พลางใช้ฝ่ามือตบปากตัวเองสามทีแล้วโยนออกไปไกลๆเพื่อแก้เคล็ด นิ้วก็กดลิฟต์รัวๆเพื่อให้ลงไปที่ชั้นหนึ่ง เมื่อถึงชั้นล่างผมก็ได้แต่ยืนหอบเอาอากาศเข้าปอดที่หน้าคอนโดเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นมือไปโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีแล้วขึ้นรถไป
            ใครจะนึกล่ะ ว่าการจะทำให้น้องหญิงเปลี่ยนใจที่จะเข้าหานาที
            มันจะทำให้ตัวผมรู้สึกลำบากใจขนาดนี้


             *
            ผมล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ปกติผมไม่ค่อยชอบมีเรื่องหรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครเป็นพิเศษหรอก ขนาดเพื่อนยังมีเพื่อนสนิทคนเดียว แล้วก็มีน้องหญิงที่คอยคุยเล่น การจะให้เข้าไปคลุกคลีกับพวกไอ้นาทีมันเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับผม
            ผมยกแขนก่ายหน้าผาก ก่อนจะนึกได้ว่าต้องโทรหาน้องหญิงก่อนเข้านอน
            มือตะปบไปที่กางเกงของตัวเองสองสามครั้ง พลันต้องอ้าปากหวอออกมาเมื่อพบว่ามือถือไม่ได้อยู่ที่ตัว!!!
            อยู่ที่ห้องไอ้นาที!!!
            แย่ล่ะ ถ้าน้องหญิงโทรไป!
            ‘กริ๊งๆ’ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ผมรีบลุกออกจากเตียงก่อนจะวิ่งปราดลงไปชั้นล่างแล้วยกหูขึ้นมาแทบจะทันที
            “หญิง!”
            (หญิงอะไร กูนาที) เสียงทุ้มๆที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้ผมชะงักกึก ผมพยายามตีเสียงให้ราบเรียบเหมือนอย่างเคย
            “เออ มีไร”
            (โทรศัพท์มึงอยู่กับกู)
            “อ่อ มึงทิ้งไปเลยก็ได้นะ กูหาซื้อใหม่ได้”
            (ไม่ได้อยากมาเอาที่ห้องกูหรอกเหรอ หืม ป่าน…) เสียงของไอ้นาทีดูเย็นชาและโหดเหี้ยมจนผมขนลุก ผมพยายามกลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่คอลงไป
            สงบสติอารมณ์หน่อยป่าน … ไอ้นาทีมันไม่รู้หรอกว่าหญิงเป็นใคร … มันคงไม่อยากรู้อยากเห็นถึงขนาดเปิดโทรศัพท์ดูรูปหรอกมั้ง หรือไม่ก็น้องหญิง … น้องหญิงคงไม่โทรหาผม
            ใช่ น้องหญิงไม่โทรแน่ๆ
            “ไม่ว่ะ”
            ผมว่าพลางวางสายอย่างไม่สนใจปลายสายเลย ในใจก็วิ่งวุ่นอย่างกับหนูติดจั่น ผมเดินซ้ายเดินขวาไปมาพลางหยิบกุญแจบ้านที่วางอยู่ที่โต๊ะน้ำชา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านไป
            ‘ติ๊งหน่อง!’
            ผมกดออดที่บ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปที่ปิดไฟหมดทั้งหลัง ไม่ทันไรไฟก็ถูกเปิดจนสว่างขึ้น ร่างเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มสุนัขพันธุ์ปอมวิ่งออกมาจากตัวบ้าน น้องหญิงดูมีท่าทีตกใจ ก่อนจะรีบเปิดรั้วให้ผม
            “ป่าน … ทำไมแต่งตัวแบบนี้!” น้องหญิงร้องแหว พลางมองร่างของผมที่โชกเหงื่อภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบ็อกเซอร์ธรรมดา ผมเป็นห่วง เป็นห่วงหญิงมากๆ
            ไม่ทันที่สมองสั่งการผมก็พุ่งตัวเข้าไปกอดร่างเล็กอย่างแรงจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง ผมหอบหายใจเหนื่อยจากการที่วิ่งมาจากบ้านโดยไม่คำนึงว่าตัวเองใส่ชุดบ้าอะไรเลย
            “หญิง ไม่เป็นไรนะ”
            มือเล็กๆกอดตอบผมนิดๆก่อนจะลูบหลังผมเบาๆ
            “อะไรกันป่าน เข้าบ้านก่อนเถอะ เหงื่อโชกไปหมดแล้ว”
            น้องหญิงพาผมเข้ามาในบ้าน ผมคาดว่าพ่อกับแม่ของเธอยังไม่ตื่น ไม่งั้นมีหวังผมโดนด่าป่าราบแน่ๆ น้องหญิงขมวดคิ้วพลางวางน้ำเย็นให้ผม ผมไม่ละสายตาออกจากใบหน้าหวานนั่นเลย
            “ป่าน เป็นอะไร นี่มันตีสามกว่าแล้วนะ ไม่เกรงใจพ่อแม่หญิงเลยเหรอ?”
            “หญิงไม่ได้โทรเข้ามือถือป่านใช่มั้ย…”
            “หา?”
“ไม่ได้โทรใช่มั้ยหญิง” ผมเผลอบีบแขนน้องหญิงอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องออกมา เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยรีบกระถดตัวออกห่างจากร่างเล็กแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างแรง
            “ป่านทำหญิงกลัวนะ!!”
            “ขอโทษ…” ผมว่า พลางลูบใบหน้าของตัวเอง
            “หญิงยังไม่ได้โทรหาป่านตั้งแต่เช้านั่นแหละ ทำไมเหรอ?” น้องหญิงถามขึ้น พลางเดินเข้ามานั่งข้างผมแล้วลูบหลังผมแผ่วๆ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยให้ตายสิ
            “เปล่าหรอก มีคนขโมยโทรศัพท์ไปน่ะ เลยกลัวว่าเดี๋ยวมันจะมาทำร้ายหญิง”
            “ขโมยเหรอ?!” น้องหญิงทำท่าทางตกใจ ผมส่ายหน้านิดๆ
            “ช่างมันเหอะ … ป่านตั้งใจจะซื้อเครื่องใหม่อยู่แล้ว”
            ผมว่า ก่อนมือเล็กๆของน้องหญิงจะดันหัวผมให้นอนลงบนตักนุ่มๆของเธอ ผมมองใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตนั่นอย่างหลงใหล เพราะแบบนี้ไง เพราะความอ่อนโยนของเธอทำให้ผมถอนตัวไม่ขึ้น
            “ใจเย็นๆป่าน ป่านทำหญิงตกอกตกใจตลอดเลย นิสัยไม่ดีนะรู้มั้ย!” ร่างเล็กดีดนิ้วลงบนหน้าผากผม ก่อนจะลูบหัวผมอย่างปลอบประโลม
            ให้ตายสิ
            ผมไม่คิดเลยว่าทั้งชีวิตจะได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
            อยากจะพูดออกไปเหลือเกิน
            อยากจะพูดออกไป
            …
            ป่านรักหญิงนะ
 
            *
 
            “เฮ้ยป่าน!! ตายยังวะ?!!” เสียงไอ้ฟ้าดังขึ้นด้านหลังของผมพร้อมกับมือที่ฟาดผลั่วะอย่างแรง ผมหันกลับไปทำตาค้อนๆใส่มัน ไอ้ฟ้าได้ทีรีบล้อเลียนขอบตาผมใหญ่
            เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้นอน เลยทำให้ตามันคล้ำเป็นหมีแพนด้าขนาดหนัก แถมวันนี้ก็เรียนบ้าบออะไรก็ไม่รู้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสายนอกห้องเลยให้ตาย
            “หึ ตายแล้วก็คงไม่นั่งอยู่นี่ว่ะ” ผมว่า ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะเรียนแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจังวะ ฝนจะตกอีกแล้วสินะ
            พลันสายตาผมก็ไปกระทบกับร่างสูงๆของใครซักคนที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน ท่ามกลางนักเรียนนับร้อยที่ค่อยๆทยอยเดินออกจากประตูโรงเรียน ใบหน้าคมเด่นสะดุดตาของหมอนั่นทำให้มันกลายเป็นจุดสนใจขนาดย่อมๆ ก่อนสายตาคู่นั้นจะปราดขึ้นมามองที่ห้องของผม
            และสบตากับผม
            “ใครวะ?” ไอ้ฟ้าถามขึ้น พลางเกาหัวแกรกๆ
            “คนรู้จักว่ะ ถ้าหญิงมาฝากบอกหญิงทีนะว่ากูมีธุระ” ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าสะพายอย่างลวกๆพลางตบบ่าไอ้ฟ้าเบาๆว่าจะไปแล้ว ก่อนจะรีบเดินปราดออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว
            “เฮ้ย อย่าลืมทำการบ้านนะเว้ยป่าน!!” เสียงสุดท้ายของไอ้ฟ้าเล็ดลอดออกมาจากห้อง แต่ผมไม่ได้สนใจเลย
            ไอ้เวรนั่น มาทำไมวะ!!
            ‘หมับ’
            เมื่อลงมาถึงด้านล่างสิ่งแรกที่ผมทำคือปราดเข้าไปคว้าแขนคนต่างโรงเรียนเอาไว้ก่อนจะลากมันออกไปจากโรงเรียนอย่างร้อนรน สายตาที่มองมารอบๆทำให้ผมอยากจะเอาหมัดกระแทกหน้าพวกนั้น แต่ที่ทำได้คือลากคนที่กลายเป็นจุดสนใจออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด!
            แม้ไอ้ฟ้าจะไม่รู้ว่าไอ้เวรนี่เป็นใคร แต่ผมว่าจะต้องมีใครในโรงเรียนที่รู้ว่ามันเป็นใครแน่นอน แล้วถ้าผมเกิดเข้าไปคลุกคลี หรือมันสอบถามอะไรที่เกี่ยวกับตัวผมจากคนในโรงเรียนล่ะก็ ผมเบื่อที่จะเป็นขี้ปากของใครหลายๆคน
            “มึงมาทำไม” ผมถามคนตรงหน้า มันดูมีสีหน้าไม่ค่อยยี่หระกับสิ่งใดๆ
            “ทำไมล่ะ เพื่อนอยากมาเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้เหรอ?”
            ‘ผลั่ก!!’ ผมผลักไอ้เวรตรงหน้าไปชิดกำแพงแล้วกัดฟันกรอด
            “มึงเป็นเพื่อนกับกูตอนไหน”
            “อ้าว ลืมกูไปแล้วเหรอ ให้เตือนความจำหน่อยดีมั้ย …” ยังไม่ทันไรผมก็โดนผลักกลับอย่างแรงจนร่างไปกระแทกกับกำแพงแทน แถมมากไปกว่านั้น ยังไม่ทันที่จะได้หลบพ้นจากฝ่ามือหนาๆนั่น กลับโดนกระชากเข้ามาชิดกำแพงอีกครั้ง
            “กูพระกาฬเพื่อนไอ้นาทีไง ลืมแล้วเหรอ”
            “ไม่ว่ะ แค่ไม่อยากสนทนากับไอ้พวกไร้สมอง”
            “หึ” ใช่ คนตรงหน้าผมคือไอ้พระกาฬเพื่อนของนาที ไอ้เวรที่สั่งให้ผมจูบกับเพื่อนมันในรถจนทำให้ผมผะอืดผะอมจนอ้วกแตก แต่โชคดีที่มันจับไม่ได้ว่าผมคลื่นไส้เพราะจูบของเพื่อนมัน
            มันเข้าใจว่าผมเมาจนอ้วกต่างหาก
            “ไม่มีอะไรก็กลับไปเหอะว่ะ กูไม่อยากเป็นขี้ปากใครว่าคบกับพวกไอ้กุ๊ย” ผมว่าพลางสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม ไอ้พระกาฬหัวเราะในลำคอแล้วดึงแขนผมอย่างแรงจนแขนแทบหลุด
            ‘ผลั่วะ!!!!’
            ก่อนใบหน้าด้านซ้ายผมจะชาไปทั้งแถบเพราะแรงต่อยของมัน ผมเบิกตากว้าง
            “ทำบ้าไรวะ!!!”
            “สำหรับหน้าไอ้นาทีที่เป็นรอยมือ” พลันทันใดนั้น ประสาทสมองของผมก็เกิดสปาร์คอะไรบางอย่างขึ้น สิ่งที่ไอ้พระกาฬกำลังทำ สิ่งที่มันกำลังแสดงออกทั้งเมื่อวานและวันนี้ ทำให้ผมคิดอะไรบ้าๆขึ้นมา …
            “อย่าบอกนะว่า …”
            “มึงชอบไอ้นาทีเหรอวะ?”
            ผมโพล่งออกไป ไอ้พระกาฬไม่มีสีหน้าหรือแสดงสีหน้าใดๆออกมา มันแค่ชะงักหมัดที่กำลังจะเงื้อฟาดลงที่แก้มของผมกลับไปไว้ที่ที่ควรจะอยู่ ก่อนดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจะปราดมองผมอย่างน่ากลัว
            “กูแค่ทำหน้าที่ที่เพื่อนต้องทำ”
            ไอ้พระกาฬว่าแค่นั้น ก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากซอยทันที …
            โว้ยย … นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?!





TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [03] 9/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 12-01-2014 23:06:16
4


 
            ผมวิ่งดุ่มๆตามไอ้พระกาฬออกมาจากซอย ให้เชื่อเถอะว่าขาผมก็ไม่ได้สั้นไปกว่ามันซักเท่าไรแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันเดินเร็วมากๆอย่างไงอย่างงั้นแหละ ผมพยายามคว้าแขนของพระกาฬเอาไว้ แต่พอคว้าได้ทีไรก็โดนสะบัดออกตลอด
            ว่าไอ้นาทีแรงเยอะแล้วนะ ไอ้นี่แม่งเยอะแบบถึกมาก
            “หยุดก่อนได้มั้ยโว้ย!” ผมแหกปากพลางหอบหายใจแฮ่กๆ เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ไม่ยักจะเห็นว่าเจ้าของแผ่นหลังตรงหน้าจะสนใจแม้แต่นิด
            “ไอ้พระกาฬ! มึงหยุด!!”
            ไม่ว่าผมจะวิ่งตามซักกี่รอบ ก็โดนผลักให้ล้มลงหน้าจิ้มดิน ก้นจ้ำเบ้าทุกครั้ง
            ชักจะโมโหแล้วนะไอ้ปลวก
            “ไอ้เชี่ยกาฬถ้ามึงไม่หยุดกูจับไอ้นาทีปล้ำจริงๆนะไอ้สัด!!” เลยต้องเล่นไม้ตายกันซักหน่อย ซึ่งก็ได้ผล แผ่นหลังหนาๆที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมันเล่นกล้ามถูกพลิกกลับไปด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าคมๆกับสายตาน่ากลัวเสียวสันหลังที่ถูกส่งมาให้
            “มึงว่าไงนะ”
            “กูบอกว่า ถ้ามึงไม่หันมาคุยกับกูดีๆ ปล่อยให้กูวิ่งเป็นไอ้โง่ กูจะจับเพื่อนมึงปล้ำ” ผมพูดเสียงเรียบพลางยักไหล่อย่างชิวๆ ไอ้พระกาฬเลิกคิ้วสูงพลางทำหน้าครุ่นคิด
            “มึงคิดเหรอวะ ว่านาทีมันจะยอม?”
            “กูไม่ได้จะรอให้มันยอมนี่”
            “…”
            ไอ้พระกาฬเงียบไปก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของมันแล้วยืนมองผมนิ่งๆ
            “กูให้เวลา 1 นาที”
            “มึงชอบนาทีเหรอ?!” ผมไม่รอให้นาทีนั้นหมดไปเลยรีบสวนถามขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย “มึงชอบใช่มั้ยวะ ถ้ามึงไม่ชอบมึงจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนมึงทำไม”
            “หึ” พระกาฬหัวเราะในลำคอแล้วหันหลังกลับ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับทิ้งข้อความไว้เป็นปริศนาให้ผมถอดโค้ดลับไว้เล่นๆ
            “มึงรู้มั้ย ปกติไอ้นาทีมันไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครซักเท่าไหร่”
ถามกูเหรอ?
            กูไม่รู้เหมือนกัน
            ไม่ตอบแถมยังมาถามย้อนอีกนะไอ้เวร กรรมจริงๆ
            “เหอะ พวกประสาท” ผมสบถแล้วเดินหันหลังกลับ ก่อนจะเดินไปตามทาง
            ไอ้นาทีเนี่ยนะไม่สุงสิงกับใคร ไม่อยากจะเชื่อ ก็ไหนใครบอกว่ามันเป็นเพลย์บอยจอมเจ้าชู้ แค่มองตาก็หลงไปในมนต์สะกดที่พร้อมจะดูดสิ่งมีชีวิตอ่อนแอเข้าไปใกล้ๆ ขย้ำ แล้วปล่อยให้ตายอย่างทรมานช้าๆ
            น่าจะเป็นคนเข้าสังคมเก่งนะ
            “ไม่บอกก็รู้ว่ามึงกำลังนินทากูอยู่ในใจ”
            แถมยังตายยากอีกด้วย
            ผมเงยหน้ามองสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปลวกที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้า ไอ้นาทีมันพิงหลังกับกำแพงก่อนจะมองท้องฟ้าเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับการกินควันบุหรี่กับชมบรรยากาศ
            “มึงไม่ใช่โปเกมอน อย่ามาทำเป็นสู่รู้” ผมว่า พลางเดินผ่านไอ้นาทีไปเลย
            “มึงไปถามไอ้กาฬแบบนั้นทำไม”
            แหนะ มึงแอบดูอยู่ล่ะสิ กูว่าละ
            “กูสงสัย ก็ต้องถามสิ”
            ผมเดินจ้ำๆไปตามทางที่จะกลับบ้าน ไม่สนหรอกว่าคนข้างหลังจะเดินตามมาหรือเปล่า แต่ตอนนี้เจ็บปากมาก รู้สึกได้ถึงรสเลือดที่ปลายลิ้น กลิ่นอย่างกับสนิมเหล็ก ว่าแล้วก็จะถุยมันลงที่พื้น แต่เหลือบไปเห็นป้ายว่า
            ‘ห้ามถุยน้ำลาย’
            กรรม
            กลืนกลับเข้าไปก็ได้
            ผมเป็นพลเมืองดีครับ
            “มึงหูหนวกเหรอป่าน กูถามว่ามึงไปถามไอ้กาฬแบบนั้นทำไม” เสียงแมลงง๊องแง๊งดังอยู่ข้างหูผม น่ารำคาญ อยากจะตบให้แบนติดมือ ผมหันกลับไปหาเจ้าตัวที่เดินตามผม แล้วยกนิ้วกลางใส่
            “เห็นนี่มั้ย? กูรำคาญ ไปถามเพื่อนมึงดิ ทำตัวให้คนสงสัยแล้วยังจะมาทำร้ายร่างกายคนอื่นอีก”
            “สมควร” ไอ้นาทีว่า ผมร้องในลำคออย่างเข้าใจ
            “มึงสั่งมันล่ะสิ”
            “เปล่านี่”
            “เออ กูก็เลยถามมันไงว่ามันชอบมึงเปล่า” ผมหันหลังกลับแล้วออกเดินอีกครั้ง “ขนาดเพื่อนกูโดนรถทับเท้า กูยังไม่เอาเท้าไปตบหน้าคนขับรถเลย”
            “มันเหมือนกันเหรอ?”
            “ก็ไม่ได้ต่างกันนัก”
            ผมว่าแล้วยักไหล่ ไม่ทันจะเดินต่อมือหนาๆก็คว้าที่ไหล่ของผมอย่างแรงจนต้องหันกลับไปมองหน้าเจ้าของมือ
            “มีไรอีก วันนี้ไม่ใช่วันนัด กลับไปเหอะ ง่วง”
            ‘จุ๊บ’
            ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากของไอ้นาทีก็แตะลงบนริมฝีปากผมแผ่วเบาก่อนจะถอนออก ผมเบิกตา กว้างช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าซีดเผือด
            ไอ้นาทียืนหัวเราะหึหึอยู่ตรงหน้า ผมกำหมัดแน่นก่อนจะพยายามข่มใจไว้
            ยุบหนอ พองหนอ
            แล้วผมก็ค่อยๆคลายมือออก
            ใจเย็นไอ้ป่าน ยังมีเรื่องที่ต้องรู้อีกเยอะ
            “วันนี้ไม่อ้วกเหรอ”
            “จะอ้วกทำไม ไม่ได้ไม่สบาย แล้วก็ไม่ได้เมา”
            “หืม…”
 “งั้นขออีกทีนะ” มือของไอ้นาทีลากผมเข้าไปที่หลังตู้โทรศัพท์ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงจนผมตั้งรับไม่ทัน! ผมพยายามผลักมันออกไป แต่ไม่เท่าไรก็ต้องขนลุกซู่เพราะความรู้สึกแฉะๆที่ริมฝีปากของตัวเอง รวมไปถึงกลิ่นฝาดๆของบุหรี่
            อาการคลื่นไส้กลับมาอีกครั้ง
            จะทนไม่ไหวแล้ว!!!
            ผมพยายามแล้วพยายามอีกที่จะกลืนก้อนขมๆอะไรบางอย่างที่อยู่ในลำคอลงไป อย่าทำให้แผนแตกป่าน น้องหญิงยังไม่เลิกความคิดเกี่ยวกับไอ้นาที น้องหญิงอาจจะไม่ปลอดภัย
            ผมทนอยู่นานกว่าไอ้นาทีจะถอนริมฝีปากออก มันถอยตัวไปนิดพลางยิ้มมุมปาก
            “หึ” ก่อนที่มือของมันจะหยิบอะไรซักอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ผม
            “กินซะ ก่อนที่จะอ้วกใส่กูอีกรอบ”
            มันคือหมากฝรั่งนั่นเอง
            ผมรีบแกะหมากฝรั่งนั่นออกอย่างไวแล้วเคี้ยวหงับๆ รสชาติสตรอว์เบอร์รี่หวานๆทำให้คลายความขนลุกลงได้เล็กน้อย เหมือนกับหลังสูบบุหรี่ต้องเคี้ยวหมากฝรั่งนั่นแหละ
            แม่ง ทำไมไอ้เวรนี่ถึงได้ทำท่าเหมือนรู้ไปซะทุกเรื่องจังวะ
            “กูขอถามอะไรอย่างได้ไหม?” ผมถามขึ้นพร้อมมองใบหน้าของคนตรงหน้าที่ใกล้เกินกว่าที่ควรจะเป็น ผมไม่ข้องใจหรือผลักไสมันออก ผมกับไอ้ฟ้าก็เคยเข้าใกล้หรือจ้องหน้ากันแบบนี้
            “ว่ามา…”
            “มึงไม่ชอบเข้าสังคมเหรอ?” ไอ้นาทีเลิกคิ้วนิดๆ
            “อือ ไอ้กาฬบอกมึงอ่ะดิ”
            “อืม…”
            “แล้วอย่างนี้ ถ้าคนที่ชอบมึงแล้วไม่ได้อยากมีอะไรกับมึง จะเข้าหามึงทางไหนวะ นัดบอดเหรอ ในเมื่อไอ้พีทมันบอกเองว่านัดบอดยังไงก็ต้องเสียตัวให้มึง”
            ไอ้นาทีนิ่งไป เหมือนมันจะสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้
            “ที่กูถามเพราะว่ากูเองก็เพิ่งชอบผู้ชายแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบมึง แต่กูไม่อยากเสียตัว…” ผมพูดขึ้น รู้สึกแขยงปากตัวเองพิลึก เหมือนกำลังออกตัวปกป้องเวอร์จิ้นของตัวเองอะไรอย่างไงอย่างงั้น ไม่ใช่สาวน้อยตุ้งติ้งนะไอ้ป่าน
            “มึงเข้าใจใช่มั้ยวะ?”
            นี่ผมตอแหลเก่งหรือเปล่า
            มันจะเชื่อผมป่ะวะ
            “มึงตายยังวะนาที” ผมเห็นไอ้นาทีเงียบนานเกินเหตุเลยตบๆหน้ามันเบาๆ มันมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วที่ขมวดกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน
            “เอ่อ มึงยังไม่ต้องบอกก็ได้นะ กูเองก็พูดไม่ค่อยเก่ง เก่งแต่กวนส้นตีนว่ะ”
            “ก็เห็นอยู่”
            เหอะ ทีเรื่องแบบนี้ล่ะไวเชียวนะมึง
            “แถมกูไม่ได้น่ารักแอ๊บแบ๊วน่าจุดจุดจุดด้วยอะไรขนาดนั้นหรอก ใช่ไหม?”
            ไอ้นาทีเลิกคิ้วอีกครั้ง เป็นครั้งที่ร้อยแล้วได้มั้ง ก่อนที่มันจะหัวเราะในลำคอเบาๆเหมือนว่ากำลังเยาะเย้ยในความอ่อนด๋อยของผม
            “ตกลงมึงจะถามอย่าง หรือหลายอย่าง?”
            เออว่ะ แม่งก็พูดถูก
            ผมถามมันมากกว่าสองอย่างแล้วมั้งนั่น
            “เออ มึงก็ตอบให้หมดดิ กูเป็นคนขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น วัยกำลังโต”
            “หึ กูขอตอบสองข้อพอแล้วกัน”
            “อือ”
            ผมตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ไอ้นาทีมองหน้าผมเหมือนขยะแขยง ครั้งแรกในรอบที่ได้เจอกัน ปกติบนหน้ามันจะมีแต่คำว่าหื่นกับวีนแปะอยู่ ในมุมมองของผมน่ะนะ
            “ข้อแรก นัดบอดคือทางเดียวที่จะได้คุยกับกู เหมือนอย่างที่มึงทำอยู่ ถ้าไม่นัดบอด ต่อให้มึงมีเรื่องแค่กูทำเงินหล่นแล้วมึงอยากคืน มึงก็ไม่มีทางได้เจอหรือคุยกับกู”
            เวร ...
            อย่างนี้ผมก็ต้องทนทรมานต่อไปน่ะสิ
            หรือว่าจะรวบยอดเลยวะป่าน แค่เสียตัวให้ผู้ชายแล้วร้องไห้ไปฟ้องหญิง บอกน้องหญิงว่าขนาดผู้ชายอย่างผมไอ้นาทีมันยังไม่เว้นเลย แล้วน้องหญิงจะเป็นยังไง หรือว่าจะขู่ฆ่าตัวตายหลังจากนั้นดีล่ะ
            …
            มึงบ้าไปแล้วป่าน
            มึงบ้า
            เสียตัวให้ผู้ชาย
            มึงบ้าแน่ๆ!
            “ทำหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก” ไอ้นาทีปลุกผมให้หลุดจากมโนภาพกากๆที่เกิดขึ้น ผมสะบัดหัวเล็กน้อย
            “เออ รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
            “เชี่ย”
            “ข้อสองล่ะ” ผมถามอะไรไปวะ ลืมไปแล้วช่างเถอะ
            “ถ้ามึงอยากรู้ว่ามึงแอ๊บแบ๊วน่ารักน่าจุดจุดจุดหรือเปล่า ก็ลองมาที่โรงเรียนกูห้อง 4-4 แล้วถามหากูดูสิ มึงจะได้รู้ไง ว่ามึง … น่ารักพอที่จะทำให้กูไม่รำคาญจนต้องเอาตีนยันหนังหน้าหรือเปล่า”
           
             *
            ประสาท
            ผมว่าผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ
            ใช่ ผมเป็นบ้า
            ว่าแล้วก็ก้าวเท้าเดินออกจากบริเวณอันตราย แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงทุ้มๆเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ผมชะงักกึกแล้วมีสีหน้าที่ซีดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองผ่านกระจก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับไอ้ริค … เพื่อนสุดหล่อของไอ้นาที
            “ไอ้ป่านเว้ยเฮ้ย!” ไอ้ริคปราดเข้ามาตบบ่าผมอย่างเป็นกันเองรวมไปถึงไอ้พีทที่ตามเข้ามาสมทบ ผมอยากจะละลายหายไปจากตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด
            ผมสงสัย
            ผมเคยบอกไปแล้วไงว่าผมมันขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็นอยากไปหมดซะทุกเรื่อง
            ผมเลยมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 4-4 … ที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามของตัวเอง ตอนเวลาพักเที่ยง ผมเช็คตารางดีแล้วล่ะ ผมเช็คแล้วว่าน้องหญิงเรียนห้องคอมอีกตึกหนึ่ง ผมแค่มาพิสูจน์เฉยๆแล้วก็จะกลับออกไปอย่างเนียนๆโดยที่น้องหญิงไม่เห็น
            “มาหาไอ้นาทีเหรอวะ!?” เสียงของไอ้พีทดังพอๆที่จะทำให้คนทั้งชั้นสี่หันมามองผมเป็นตาเดียว ทั้งหญิงทั้งชายปนเปกันไปหมด ผมถอนหายใจเนือยๆ
            อยากเข้ามาแบบเงียบๆแล้วออกไปแบบเงียบๆ แต่คงไม่ได้ซะแล้วล่ะ
            “ไง” ไอ้นาทีแบกหน้าหล่อๆของตัวเองออกมาจากห้อง ผมค้อนตาขวับใส่มัน
            “กูแค่มาเอาคำตอบ”
            ไอ้พีทกับไอ้ริคมีสีหน้าฉงน ผิดกับไอ้พระกาฬที่นั่งกอดอกอยู่ในห้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่สายตางี้จ้องเขม็ง รวมไปถึงไอ้ตัวต้นเหตุอย่างไอ้นาที ที่ยืนยิ้มเหยียดๆอยู่ตรงหน้า ก่อนที่มันจะเดินเข้ามาหาผมแล้วกดจมูกโด่งๆลงบนแก้มของผมโดยไม่ทันตั้งตัว!!!
            “มึง!”
            “นู่นไงคำตอบ” นาทีมันพยักพเยิดหน้าไปด้านหลังของผม แค่หันไป ความรู้สึกเสียวสันหลังก็วูบวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
            ทำหน้าแบบนั้น จะฆ่ากูเหรอวะ?!
            “หนีเหอะว่ะป่าน กูว่าอีกไม่นานโรงเรียนจะต้องกลายเป็นสมรภูมิรบแน่เลย!” ไอ้ริคโอบไหล่ผมอย่างเป็นกันเอง พอๆกับไอ้พีทที่ยืนยิ้มร่า
            “ไม่เคยเห็นเลยน๊า นานๆทีไอ้นาทีจะสัมผัสแก้มใครซักคน”
            ว่าไงนะ
            กูควรจะดีใจเหรอที่เป็นคนแรกที่ถูกมันหอมแก้มน่ะ
            อี๋ ขนลุก ถ้ามือว่างนี่จะถูแก้มแล้วนะเนี่ย
            “มานี่” ไอ้นาทีลากผมเข้าไปในห้อง ก่อนจะกดล็อคประตูหน้า มันหันไปส่งสายตาอาฆาตให้ไอ้พระกาฬ ไม่กี่วิต่อมาไอ้พระกาฬก็ลุกขึ้นพลางส่งเสียงเย็นๆออกมาจากปาก
            “ออกไปให้หมด”
            เท่านั้นแหละ วิ่งกันป่าราบ นักเรียนที่อยู่ในห้องหายออกไปจากประตูหลังภายในพริบตา
            แม่ง ทรงอิทธิพลจริงๆ
            “อ้าว มึงไปไหน?” ผมถามไอ้พระกาฬที่กำลังจะเดินออกจากห้อง มันหันมาทำหน้าตาเย็นชาใส่แล้วสะบัดตูดหนีออกไปจากห้องทันทีโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูห้อง ผมงี้อ้าปากหวอ
            ใครกันแน่วะที่ต้องทำท่าแบบนี้
            กูโดนมึงต่อยนะเว้ย
            “ถอดเสื้อ” ไอ้นาทีพูดขึ้นอย่างหน้าด้าน ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            “อย่าบอกนะว่ามึงสมองหนาไม่เข้าใจที่กูพูดเมื่อวานน่ะ”
            “ถ้าไม่อยากตายก็ถอดเสื้อซะป่าน!”
            “มันเกี่ยวกันซะที่ไหนล่ะวะ!” ไอ้นาทีพยายามเลิกเสื้อนักเรียนของผมขึ้น ผมกระถดถอยหลังแล้วพยายามจะถีบไอ้นาทีออกไป แต่มันกลับไปกว่า มือของมันเลิกเสื้อของผมจนเห็นหน้าท้อง ผมรู้สึกเหมือนกับโดนหักหลัง
            มึงมัน!
            เลวจริงๆ
            ‘ปัง!!!’
            ประตูถูกกระแทกเปิดด้วยฝีมือของใครหลายๆคนประจวบเหมาะกับที่ริมฝีปากของนาทีจรดลงบนไหปลาร้าของผม ผมเบิกตาโพลงอย่างไม่เข้าใจ!
            พวกนักเรียนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องถือเก้าอี้โต๊ะกันทุ่มจนประตูพังเข้ามา ผมเคยรู้ประวัติของโรงเรียนไอ้นาทีก็จริง มันเคยเป็นโรงเรียนกุ๊ยมาก่อน แต่พึ่งมีการปฏิวัติล้างโรงเรียนเมื่อไม่นานมานี้ทำให้โรงเรียนไต่ขึ้นไปอยู่แถวหน้าๆของโรงเรียนดัง
            แต่การกระทำของคนยังไม่เปลี่ยนไปเลย พวกนั้นจ้องผมราวกับจะฆ่าให้ตายไปซะ
            “โอ้ย”
            ความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาเมื่อฟันขาวๆของไอ้นาทีกัดลงที่เนื้อส่วนแขนของผม ผมงงเป็นไก่ตาแตก!
            “เงียบๆไว้” นาทีมันกระซิบข้างหูผมแล้วหันไปมองพวกผู้หญิงที่พังประตูเข้ามาอย่างนิ่งๆ ไอ้พีทกับไอ้ริคที่ยืนอยู่ตรงประตูกำลังยิ้มและยืนกอดอก ไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น
            นี่มันบ้าอะไรวะ?
            “ใครใช้ให้พวกมึงมาขัดจังหวะ”
            เสียงของนาทีดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ พวกนักเรียนคนอื่นดูมีท่าทีหงอลงไปถนัดตา
            “นาทีทำแบบนี้ทำไม”
            “ใช่ จะนัดบอดก็นัดบอด แต่ละวันก็ช่างมัน แต่ไม่ควรทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น!”
            “นาทีก็รู้ว่ามันต้องตาย!”
            หา?
            ความคิดบ้าอะไรของพวกเธอน่ะ ทำไมผมต้องตาย?
            “ตาย? ใครกันแน่ที่ต้องตาย” นาทีสาวเท้าเข้าไปหาผู้หญิงตรงหน้า ผมรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิต
            “หมอนั่นไง! มันก็ควรได้รับสิทธิ์เหมือนๆกับเราไม่ใช่เหรอ!!!”
            “ไม่ใช่”
            “หมายความว่ายังไง หรือว่านาทีรักมัน!”
            ‘เพี๊ยะ!!!’
            ฝ่ามือของนาทีฟาดลงไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นจนเธอร่วงลงไปนอนกุมใบหน้าที่พื้น! ทุกเสียงซุบซิบเงียบลงถนัดตา ผมที่มีความเป็นสุภาพบุรุษพอรีบวิ่งไปคว้าแขนของไอ้พวกชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นเอาไว้ นาทีหันมามองผมนิดๆ
            “ใจเย็น”
            “…”
            “เป็นไรหรือเปล่าเธอ” ผมโน้มตัวลงไปดูสภาพของผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่พื้น ด้วยความหวังดีผมค่อยๆจับแขนเธอเบาๆ แต่กลับถูกฝ่ามือเรียวนั่นฟาดอย่างแรง แถมยังตบซ้ำลงที่หน้าอีก
            อะไรวะ คนจะช่วยนะเว้ย
            “ตายซะ” จู่ๆเรื่องที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นก็ทำให้ผมแทบจะร้องออกมา ไอ้นาทีมันปราดเข้ามาจะใช้เท้างามๆของมันกระทืบผู้หญิง เท้ากระทืบเชียวนะ! ผมเอื้อมมือไปดึงขานาทีเอาไว้พลางกอดไว้แน่น
            “นาที!!! พอ!!!”
            นาทีชะงักขากึกแล้วมองหน้าผม ก่อนจะวางเท้าลงที่เดิม เสียงซุบซิบนินทาเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปมองสีหน้าของริคและพีทที่ดูมีท่าทีตกใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
            เท่าที่ผมจับใจความได้คือ
        “นาทีฟังหมอนั่น…”
         “ให้ตายเขาทำได้ไงน่ะ”
            ผมชักจะทนไม่ไหวกับคำนินทาประสาทเสียนั่น
            “มานี่” เลยยื่นมือไปจับแล้วกระชากตัวของไอ้นาทีเดินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ผมไม่ชอบเสียงนินทา ผมเกลียดสายตาพวกนั้น
            ก่อนจะชะงักกึกเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างด้านหน้า
            ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง
            “หญิง…”






TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [04] 12/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 12-01-2014 23:38:32
มารออ่านต่อจ้า~
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [04] 12/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 13-01-2014 13:47:32
สลัดมือสองข้างที่จับมือชาและผึ้ง ถลานย้าไผขี่คอนาทีทันควัน..
เอ่อ ไม่ได้ทรยศนะ เรื่องนั้นยังอยู่ในใจเสมอ แต่แบบ... อุ๊ต๊ะ!  แบดได้ใจเลย 555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [04] 12/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 13-01-2014 15:27:18
เหอๆๆ กระทืบ ญ ว่ะ   o22 o22  แต่สงสัยว่าป่านจะงานเข้า
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [05] 13/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 13-01-2014 18:11:30
สลัดมือสองข้างที่จับมือชาและผึ้ง ถลานย้าไผขี่คอนาทีทันควัน..
เอ่อ ไม่ได้ทรยศนะ เรื่องนั้นยังอยู่ในใจเสมอ แต่แบบ... อุ๊ต๊ะ!  แบดได้ใจเลย 555

.... อะไรรร นี่คืออะไร หมายความว่าเยี่ยงไรรร โฮฮฮ 555555555 น้อยใจ 83 วินาที :hao5:
โอเคหายละ 555 ไม่ต้องจับมือราชากับผึ้งไว้ตลอดก็ได้ แค่พื้นที่เล็กๆในใจไม่ลืมกันก็พอแล้ว.. #มาดนางเอก

เอาล่ะ คนโพสต์เวิ่นพอแล้ว มาดูตอนต่อไปกันดีกว่าค่ะ ~

----------------------------------------

5

            “ป่าน…” น้องหญิงเรียกผมเสียงแผ่ว ดวงตากลมๆนั่นเลื่อนลงมาจ้องที่มือของผมที่กำลังจับอย่างเหนียวแน่นกับมือของไอ้นาทีอยู่ ผมรีบสะบัดออกอย่างรวดเร็ว
            “เอ่อ คือ…”
            ผมรู้สึกอึดอัด เกิดมาไม่เคยรู้สึกแย่อะไรขนาดนี้ ทั้งที่พยายามจะปิดไม่ให้น้องหญิงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ทั้งที่พยายามจะปกป้องน้องหญิงจากนาที ทั้งๆที่อยากช่วยเธอแท้ๆ
            แต่พอเจอสายตาที่คาดคั้นและสงสัยของน้องหญิงตอนนี้ กลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
            “รีบไปเหอะ” เป็นไอ้นาทีที่ขัดบรรยากาศแย่ๆนั่นขึ้น มือของมันลากผมออกไปจากโรงเรียน ดวงตาสีดำสนิทนั่นปราดมองน้องหญิงเล็กน้อย พอๆกับดวงตากลมของน้องหญิงที่มองตามไอ้นาที แถมพ่วงด้วยแววตาไม่เข้าใจมาให้ผม
            “เดี๋ยวป่านโทรหานะ…” ผมว่าก่อนจะวิ่งออกไปจากโรงเรียนทันที
            ในใจตอนนี้ของผม เตรียมตั้งรับทุกสิ่งทุกอย่าง
            หวังว่าถ้าผมโกหกเพื่อให้ใครสบายใจ ผมคงไม่ตกนรกหรอกนะ
            “แฮ่กๆ” ผมหอบหายใจจนตัวโยนพลางนั่งลงในรถแท็กซี่ ไอ้นาทีนั่งอยู่ข้างๆ มันเองก็เหนื่อยหอบจนตัวโยนเหมือนกัน เราวิ่งกันมาไกลพอสมควร
            แล้วก็สมควรที่เราควรจะพักด้วย
            เหนื่อยว่ะ แม่ง
            ผมไถลตัวไปกับเบาะรถแท็กซี่ ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของคนข้างๆ
            “ตกลงมึงเข้าใจที่กูพูดมั้ยเนี่ย”
            ไอ้นาทีทำหน้างงๆ ผมขยี้หัวอย่างเหนื่อยใจ
            “เรื่องที่กูบอกว่ากูไม่ได้อยาก …” ผมเว้นคำหลังไว้พลางทำท่าอธิบายให้มันเข้าใจ พูดกันตรงๆในรถแท็กซี่เดี๋ยวจะได้เป็นขี้ปากนินทาของใครอีก ไม่เอา ไม่ชอบ
            “อือ เข้าใจ” ไอ้นาทีว่า
            เข้าใจเตี่ยมึงสิ
            “เข้าใจแล้วกัดกูแบบนี้น่ะนะ?” ผมดึงปกเสื้อลงมาก่อนจะชี้ไปที่บริเวณที่โดนกัด ใจหนึ่งก็อยากจะต่อยไอ้นาทีแม่งให้หน้าหัน ชอบเหลือเกิ๊นหาเศษหาเลยกับร่างกายคนอื่นเนี่ย ขนาดจะประชดคนหนึ่งยังไม่วายฝังเขี้ยวลงบนเนื้อผม อยากจะตั้นหน้านัก ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงพวกนั้นพังประตูเข้ามาล่ะก็นะ
            “กูช่วยมึงต่างหาก” นาทีพูดแค่นั้น แล้วนั่งเงียบไปตลอดทาง ในขณะที่ผมได้แต่เขย่าเสื้อถามมันว่า
            “ช่วยอะไรวะ?”
            รถแท็กซี่มาจอดลงตรงหน้าคอนโดที่คุ้นตา ไอ้นาทีเป็นคนบอกแท็กซี่ไปเองว่าจะไปคอนโดมัน ผมเดินตามร่างหนาๆนั่นเข้าไปในลิฟต์ ในใจก็คิดวุ่นวายหลายๆอย่างจนมันตีกันไปหมด
            ทั้งเรื่องน้องหญิงและเรื่องไอ้นาที
            คีย์การ์ดถูกเสียบลงช่องประตูก่อนที่ประตูจะเปิดออก นาทีมันเดินเข้าไปในห้อง ผมเลยเดินตามต้อยๆ เห็นมันนั่งที่โซฟา ผมก็เลยนั่งลงที่โซฟาบ้าง เอาจริงๆเวลานี้ผมเองก็ไม่อยากจะซักไซ้อะไรมากความ เพราะกลัวจะโดนซักกลับเหมือนกัน
            “ผู้หญิงคนนั้น แฟนเหรอ?” นาทีถามขึ้น ผมหันไปมองหน้ามันแล้วหันกลับมาที่เดิม
            ก็อยากให้เป็นอยู่
            “แค่เพื่อนว่ะ…กูชอบมึงนะเว้ย จะมีแฟนได้ไง
            “มึงโกหกไม่เก่งว่ะป่าน”
            “มึงก็เดาไม่เก่งเหมือนกัน” ผมกลิ้งตัวหันหลังให้ไอ้นาทีแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เครียดว่ะ เกิดมาไอ้ป่านไม่เคยมีเรื่องเครียดอะไรในชีวิตมากขนาดนี้เลย
            ป่านนี้น้องหญิงจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นอะไรกับไอ้นาทีมันหรือเปล่า
            “เออจริงสิ ในห้องนั่น มึงตั้งใจจะกระทืบผู้หญิงจริงๆเหรอวะ?” ผมอดสงสัยไม่ได้เลยถามออกไป นาทีหันมามองหน้าผมเล็กน้อย ใบหน้านั่นนิ่งสนิทเหมือนอย่างเคย
            ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆ
            “อือ”
            “…”
            “กูเคยกระทืบผู้หญิงจนเข้าไอซียูที่โรงเรียนเก่า” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้นาทีอย่างตกใจ
            โหดไปมั้ง…
            “ทำไมวะ นั่นผู้หญิงนะเว้ย”
            “ผู้หญิงแล้วไงวะ บางครั้งมันก็มากเกินจนทนไม่ไหวเหมือนกัน” ไอ้นาทีว่าก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องนอนเฉยเลย ผมอ้าปากพะงาบๆ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้ในเมื่อผมอยู่ลัทธิสุภาพบุรุษที่คอยเป็นฮีโร่ปกป้องเพศที่อ่อนแอกว่า…
            “แต่เขาไม่ได้ถึกเหมือนผู้ชายนี่หว่า” ผมเดินตามเข้าไปในห้องพลางมองไอ้นาทีที่นอนฟุบอยู่ที่เตียง
            “มึงก็ทำเกินไป”
            “กูไม่สน”
            “มึงไม่สนไม่ได้นะเว้ย กะอีแค่เขาว่ามึงนิดหน่อยมึงก็กระทืบเขา มันไม่ใช่นิสัยของลูกผู้ชาย”
            “มึงไม่ใช่เพื่อนกู มึงไม่รู้หรอกป่าน”
            เออดิวะ กูมันก็แค่คนแปลกหน้าที่ต้องการปกป้องหญิงสาว
            ปลวกจริง
            “แต่กูชอบมึง แล้วพวกนั้นก็บอกว่ามึงฟังที่กูพูด” ใช่ ผมได้ยิน ที่ผมออกปากห้ามนาทีไม่ให้ใช้เท้ากระทืบผู้หญิงคนนั้น แล้วมันก็ยอมฟัง
            นี่อาจจะเป็นลางลิขิตที่ดีก็ได้
            “มันก็แค่การแสดง”
            “…”
            “แล้วมึง ป่าน … มึงอย่าย้ำคำว่าชอบกับกูมากๆ แล้ววันหนึ่ง มึงจะเสียใจที่รู้สึกชอบกู” ไอ้นาทีบ่นเสียงแผ่ว ก่อนจะหันหน้าหนีผมไปอีกทาง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            กูตอแหลว่ะ
            ผมนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะโยกขาไปมาด้วยความสนุก ไม่ทันไรเสียงร้องของริงโทนที่คุ้นเคยทำให้ผมกระเด้งตัวขึ้นนั่ง โทรศัพท์ของผมถูกวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องนอน ผมหันกลับไปมองไอ้นาทีที่ยังคงนอนแบนติดไปกับเตียง
            เสร็จกู!
            ผมคว้าโทรศัพท์มาไว้กับตัว ก่อนจะกดรับอย่างรวดเร็ว
            “ฮัลโหล”
            (… ป่าน) เสียงน้องหญิงดังลอดมาจากปลายสาย ผมชะงักกึกตัวชาไปทั้งร่างก่อนจะค่อยๆถอนโทรศัพท์ออกจากหูแล้วมองรายชื่อโทรเข้า
            น้องหญิง
            (ป่านใช่มั้ย!? ไหนบอกว่าโทรศัพท์หายยังไงล่ะ!?)
            แย่ล่ะสิ
            “เอ่อ ป่านเจอแล้วอ่ะ พอดีมีคนเก็บไว้ให้”
            (ไหนป่านบอกว่ามือถือโดนขโมย) ผมค้างเติ่งไปชั่วขณะ น้องหญิงจับไต๋ผมได้อีกแล้ว
            “อ่อ คือป่านนึกว่าโดนขโมยน่ะ แต่มีคนเก็บได้ก็เลยเอามาคืน”
            (…) น้องหญิงเงียบไป ผมรู้สึกเหมือนโลกมันเคว้งๆ
            (ป่านเป็นอะไรกับนาที ป่านกำลังทำอะไรทำไมไม่บอกหญิง ทำไมจับมือนาทีเหมือนสนิทกันขนาดนั้น ไปรู้จักกันมากขนาดนั้นตั้งแต่ตอนไหน) ร่างเล็กตั้งคำถามรัวใส่ผมเป็นชุด ผมได้แต่อึ้งพลางหันไปมองร่างของไอ้นาทีที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม
            ผมเปลี่ยนสถานที่ไปเป็นที่ระเบียงก่อนจะปิดประตูกระจกให้แน่นสนิทเพื่อให้มั่นใจว่าเสียงจะไม่เล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาทการได้ยินของไอ้นาที
            หายใจลึกๆไอ้ป่าน แถไว้ก่อนแม่สอนไว้
            “ป่านก็กำลังติดต่อนาทีให้หญิงไง แต่หญิงก็รู้ว่านาทีมันมีกิ๊กเยอะแถมยังเข้าหายากมากๆ”
            (กิ๊กเหรอ?)
            “ใช่ กิ๊กอ่ะ ป่านก็เลยต้องช่วยมันกำจัดกิ๊ก เกือบจะโดนโต๊ะทุ่มใส่ด้วย…” ไม่อยากจะบอกว่าผมก็เป็นหนึ่งในกิ๊กของไอ้นาทีเหมือนกันนั่นแหละ
            (ขนาดนั้นเลย)
            “อือ … หญิงใจเย็นๆนะ เดี๋ยวถ้าพร้อมเมื่อไร ป่านเบิกตัวเจ้าบ่าวใส่พานให้หญิงแน่นอน” ผมว่า แต่ในใจคิดกลับกันคนละแบบเลย เพราะถ้าพร้อมเมื่อไร ผมกับหญิงจะใส่ชุดดำไปไว้อาลัยไอ้นาทีแน่นอน
            แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะอำมหิตโหดเหี้ยมฆ่าหมกป่าไอ้นาทีหรอกนะ
            แค่ให้หญิงตัดใจให้ได้ก็พอ
            เพราะดูมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร นอกจากพฤติกรรมแย่ๆของมัน
            ‘ปึงๆ!!!’
            เสียงทุบกระจกด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ผมหันไปมองร่างของไอ้นาทีที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงนั้น ไอ้เวรนี่อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน
            “หญิง ป่านวางสายก่อนนะ เดี๋ยวโทรกลับดึกๆนะ”
            (ป่าน…) เสียงเล็กๆดังขึ้นแผ่วๆ ผมใจเต้นรัวอย่างเก้ๆกังๆ
            “หืม”
            (หญิงเชื่อใจป่านนะ … อย่าทำให้หญิงเสียใจนะ)
            …
            อือ
            ไม่ทำให้หญิงเสียใจ
            เพราะการที่หญิงจะคบกับไอ้นาทีมันอาจจะทำให้หญิงเสียใจและเสียอนาคตไปตลอดชีวิต
            ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องใช่มั้ย
            “อื้ม แค่นี้ก่อนนะ”
            ผมบอกลาหญิงก่อนจะกดตัดสายแล้วเปิดประตูกระจกให้ไอ้นาที มันเดินเข้ามาตบหัวผมอย่างแรงจนหน้าแทบทิ่มก่อนจะตามด้วยศอกและเข่าอีกมากมาย
            “ห้องก็ห้องกู กล้ามากนะที่ล็อคประตูใส่หน้าเจ้าของห้องแถมยังหยิบมือถือไปโดยพลการอีก”
            นี่สรุปว่า เมื่อกี้มึงหลับเหรอวะ
            “กูไม่อยากรบกวนเจ้าของห้องไง”
            “อ้อเหรอ” ไอ้นาทีลากเสียงก่อนจะกอดอกแล้วมองหน้าผม
            “อะไร หน้ากูมีอะไรติดหรือไง”
            “มี”
            หา ผมยกมือลูบๆหน้า
            “ออกยังวะ”
            “ยังว่ะ ดูท่าจะติดแบบแกะไม่ออก”
            “อะไรวะ?  อย่าบอกนะว่าลูกตาน่ะ” ผมชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ
            “เปล่า…”
            “มีความจริงอยู่บนหน้ามึงเต็มไปหมดเลย…”
            “หา!!!”
            ผมชะงักไปกับคำพูดของไอ้นาทีที่ดูเหมือนจะมีอะไรแฝงอยู่ ผมไม่ได้หลบตามันแต่กลับจ้องดวงตาสีดำสนิทที่อยู่ภายใต้ขอบตาเรียวนั่นเขม็ง มันรู้แล้วเหรอ? รู้แล้วหรือไงว่าผมเข้าหามันเพราะอะไร
            เหมือนโดนแย่งอากาศหายใจไปช่วง ผมนิ่งจนลืมหายใจ
            ไอ้นาทีต้อนผมเดินกลับเข้าห้อง ดวงตาของมันไม่มีแววที่จะล้อเล่นอีกต่อไป ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก็เห็นอยู่ว่านาทีมันโหดขนาดไหน ขนาดผู้หญิงยังกระทืบได้แล้วผมเองก็ไม่ใช่คนชอบมีเรื่อง ชกต่อยก็ไม่ค่อยจะมีกับชาวบ้านเขา
            ผมถอยหลังไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าขาชนกับอะไรบางอย่าง แต่ไอ้นาทีไม่หยุดแค่นั้น! มันดันผมจนตัวผมล้มลงบนเตียง  แผ่นหลังรับสัมผัสจากความนุ่มของสิ่งที่แบกรับเอาไว้ ก่อนไอ้นาทีจะตามเข้ามาทาบทับร่างของผมอย่างรวดเร็ว!!!
            มือของผมรีบผลักตัวไอ้นาทีออกอย่างแรงแต่เนื่องจากไอ้นาทีมันแรงควาย มือสองข้างของมันกดลงที่ข้อมือของผมซึ่งเป็นจุดตาย ผมเบิกตากว้าง!!!
            “มึง …!”
            “หืม…” ไอ้เวรนาทีร้องหืมในลำคอก่อนจะซุกไซร้จมูกลงที่ซอกคอของผม ผมตัวแข็งทื่อ
            จมูกโด่งๆไล้ไปตามลำคอของผมอย่างจาบจ้วง และมันบังคับให้ผมต้องทำ ผมเงื้อมือขึ้นเพื่อที่จะฟาดคอของไอ้นาที แต่ยังไม่ทันที่จะฟาดลงไป ไอ้นาทีก็ถอนตัวออกไปนั่งลงข้างๆร่างของผม ผมกระพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆ
            “ทำหน้าอย่างกับจะโดนเชือด กูล้อเล่น มีแต่ความโง่ติดหน้ามึงว่ะ”
            โหยไอ้ห่า!
            “สันดาน” ผมรีบจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ก่อนจะเช็คสภาพกระดุมเม็ดแรกของเสื้อที่ถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พลางโกยอากาศเข้าปอดอย่างโล่งอก
            “หึ แล้วอีกอย่าง กูไม่ชอบมีอะไรกับท่อนไม้” ไอ้นาทีหัวเราะอย่างกวนส้นเท้าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงปาใส่มันอย่างแรงแต่พลาดไปโดนกำแพง
            “ไอ้เวร”
            ผมส่ายหัวพลางล้มตัวลงนอนลงบนเตียงใหญ่ๆนั่น
            “หญิงเชื่อใจป่านนะ … อย่าทำให้หญิงเสียใจนะ”
            ผมจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีนะ
         
             *
 
            “อือ”
            ผมครางในลำคอพลางขยี้ตาเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆตัว ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นพรวดเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ผิดที่ เวรล่ะ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร ผมนอนจนฟ้ามืดเลยแถมไอ้นาทีก็ไม่ได้เปิดไฟซักดวง ผมวาดมือไปทั่วร่างกาย เช็คความปลอดภัยของตัวเอง
            ปลอดภัย เสื้อผ้ายังครบ
            เฮ่อ
            ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเดินไปทั่วๆห้อง ไม่มีวี่แววของไอ้นาที มันไม่อยู่หรือว่าออกไปข้างนอก ไว้ใจผมมากเกินไปหรือเปล่า? ผมตั้งท่ากำลังจะเดินออกจากห้องนอน ก่อนจะได้ยินเสียงแปล่งๆอะไรบางอย่างข้างนอกนั่น ผมค่อยๆเงี่ยหูฟัง
            มันเป็นเสียงหอบหายใจของผู้หญิง
            ผมกระเถิบตัวกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะพยายามฟังเสียงแผ่วๆนั้น
            “นาที มิลขอโทษ”
            จริงๆด้วย เสียงผู้หญิงจริงๆ
            “ออกไปซะ น่ารำคาญ” เหมือนไอ้นาทีจะไม่ได้เล่นกับผู้หญิงคนนั้น เสียงที่มันพูดดูเย็นชาผิดปกติ ผมยังคงไม่เขยิบตัวไปไหน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เผื่อว่ามีอะไรที่ผมควรจะต้องรู้
            “มิลขอโทษ นาทีอย่าเย็นชาได้มั้ย”
            “บอกให้ออกไป”
            “นี่นาทีรักมันจริงๆหรือไง!!! ไอ้ผู้ชายที่ชื่อป่านน่ะ!!! นาทีถึงได้ปฏิเสธมิลแบบนี้” ผู้หญิงที่ชื่อมิลตะโกนเสียงแหลมๆดังลั่น ผมชะงักกึกไป
            อะไรนะ
            นาทีเนี่ยนะรักผม ห่ะๆ
            บ้าไปใหญ่แล้ว ผมกับมันก็แค่คนรู้จัก ใช่ ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ในสถานะที่ชอบไอ้นาทีอยู่ฝ่ายเดียว แถมยังเป็นสถานะที่เมคขึ้นมาเองอีกต่างหาก แต่ไม่มีทางที่ไอ้นาทีจะรักผม
            เราไม่ได้ทำอะไรพิเศษขนาดนั้นหรอกนะ เธอมั่วใหญ่แล้ว
            เสียงถอนหายใจแรงๆของไอ้นาทีดังขึ้นภายในห้อง ผมตั้งใจฟังกับสิ่งที่นาทีกำลังจะพูด
            “ใช่ รู้แล้วก็ออกไปได้แล้ว”
            “!!!”
            ว่าไงนะ?!!
            “นาที!!!”
            “ก็บอกว่ากูรักมัน แค่นี้ใช่มั้ยที่เธออยากฟัง ฟังเสร็จก็ออกไปซะ แล้วไม่ต้องแต่งตัวยั่วๆแบบนี้มาอีก เธอหมดค่าไปนานแล้ว กลับไปซะ!” เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงโวยวายของผู้หญิงคนนั้น มันไม่สำคัญมากไปกว่าคำพูดของไอ้นาทีเลยแม้แต่นิด
            ผมค่อยๆก้าวขาออกมาจากห้องช้าๆอย่างช็อคๆ ดวงตายังคงปรับแสงไม่เต็มที่ ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าไอ้นาทีและผู้หญิงคนที่ชื่อมิลที่ฉุดกระชากลากถูกันอยู่
            “ป่าน…” นาทีหันมามองหน้าผมเหมือนตกใจ มิลเองก็ตกใจที่เห็นผมอยู่ในห้องเหมือนกัน
            “กะ … แก!!!! มีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องของนาที!!!” ร่างเล็กโวยวาย สภาพเสื้อผ้าที่เธอใส่ดูน่าเกลียดเอามากๆ เป็นเสื้อเอวลอย และกระโปรงสั้นที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กนักเรียนธรรมดาจะทำแบบนั้นได้ ปกติผมไม่ค่อยอคติกับผู้หญิงนะ แต่ผู้หญิงคนนี้ทำตัวไม่ไหวจริงๆ
            มากไปกว่านั้น
            เธอคือผู้หญิงที่ถูกไอ้นาทีตบ และเกือบจะโดนนาทีกระทืบซ้ำ
            “ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา!!!” หญิงสาวตะโกนเสียงดัง ผมช็อคค้างอย่างไม่เข้าใจในขณะที่มือของไอ้นาทีผลักหัวเธอออกไปอย่างแรงแล้วปิดประตูดังปัง!
            บรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วนถูกก่อตัวขึ้นทีละนิด ผมยังคงจ้องใบหน้าของไอ้นาทีที่อยู่ในความมืด พอๆกับนาทีที่จ้องหน้าผมไม่ละสายตา
            “มึง รักกู …” ผมพูดออกไปเสียงแผ่ว ไอ้นาทีหัวเราะเล็กน้อย
            “กูแค่พูดให้เธอกลับไป”
            “ว่าไงนะ?!”
            “จริงๆแล้ว…”
            ‘ผลั่วะ!!!!!’ ยังไม่ทันที่ไอ้นาทีจะได้พูดจบผมก็ปราดเข้าไปชกหน้ามันอย่างแรงจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บที่มือ บ้าเอ้ย บ้าจริงๆ!!!
            “โว้ย!” ผมสวนเข่าเข้าที่ท้องของนาทีมันอีกครั้งก่อนจะดึงตัวมันขึ้นมา ไอ้นาทีดูเหมือนจะเริ่มโมโห มันสวนผมกลับจนหน้าผมชาไปครึ่งแถบ ก่อนหมัดหนักๆจะชกเข้าที่ท้องน้อยของผมอย่างแรง
            “อุก”
            “เป็นบ้าอะไร!” ไอ้นาทีผลักผมออกจากตัวมันอย่างแรงจนร่างของผมกระแทกกับกำแพง ผมทรุดลงที่พื้นอย่างหมดแรง ไม่ได้คิดจะหนี ในเมื่อผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมต้องอยู่ฟังความจริงจากปากมัน
            ทำไงดีวะป่าน ถ้ามันรักมึงจริงๆขึ้นมา
            แล้วน้องหญิง …
            บ้าเอ้ย แผนมันมั่วซั่วไปหมดแล้วตอนนี้
            “มึงเอาคำว่ารักมาพูดเล่นๆได้หรือไง” ผมถามขึ้นพลางมองหน้าไอ้นาทีที่อยู่ตรงหน้า นาทีส่ายหน้านิดๆก่อนจะจับข้อเท้าของผมแล้วลากอย่างแรงจนหัวผมฟาดลงที่พื้น!
            “โอ้ย พ่อมึง!”
            “กูแค่พูดให้มิลกลับไป มึงดิฟังยังไงถึงเข้าใจว่ากูรักมึง!”
            “ทั้งๆที่มึงรู้ว่ากูชอบมึง แล้วมึงเอาคำๆนั้นมาเล่นทำไมวะ อึก!!” ริมฝีปากของไอ้นาทีประกบลงมายังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ผมเบิกตากว้างมองดวงตาของไอ้นาที ดวงตาที่ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันเป็นสีดำ ทำไมพอเจอแสงจันทร์สะท้อนเข้าไป มันถึงออกสีเทานะ
            ‘ผลัก’
            ผมผลักร่างของนาทีออกห่างแล้วฟาดหมัดลงบนแก้มนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกคลื่นไส้ประดังเข้ามาอีก
            “กูรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมคนที่ชอบมึงถึงได้รู้สึกอยากจะตายกันนัก”
            “เพราะมึง มันเป็นคนที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นยังไงล่ะนาที”
            ผมใช้เท้ายันตัวไอ้นาทีออกห่าง ไอ้นาทีทรุดไปนั่งที่พื้นห่างจากผมไปมากอยู่ ผมวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำก่อนจะปิดและกดล็อคประตู อาหารเที่ยงที่กินมาแม้มันจะถูกย่อยไปแล้วกลับถูกผมขย้อนลงชักโครก ผมยกเข่าสองข้างขึ้นมากอดเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าลงที่แขนทั้งสองข้าง
            กูนี่ ... แสดงละครเก่งจริงๆว่ะ







TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [05] 13/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-01-2014 20:47:09
เป็นแนวเรื่องที่เจ๋งมากๆ เลยครับ
เดาไม่ถูกเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ
ขอบคุณที่ไปขอคนเขียนมาโพสต์ให้ได้อ่านกันครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [05] 13/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Aun@im ที่ 13-01-2014 22:35:58
ชอบอ่ะ แนวแหวกๆดี รอติดตามน้า^^
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [05] 13/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 15-01-2014 23:53:14
6

            ‘ปัง!’
            เสียงประตูกระแทกอย่างแรงดังขึ้นด้านนอกนั่นหลังจากที่ผมนั่งหง่าวมาได้เกือบๆชั่วโมงกว่า ผมค่อยๆแง้มประตูออกไป ก่อนจะเดินสำรวจไปทั่วห้องเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของห้องมันสละป้อมแล้ว ไอ้นาทีออกไปข้างนอกแล้วจริงๆ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเปิดโน๊ตบุ๊คของไอ้นาทีแล้วไล่ๆหลายๆโฟลเดอร์
            ไม่มีอะไรที่จะช่วยชี้ตัวนักโทษเลยว่ะ
            จนในที่สุดผมก็ยอมแพ้ เพราะนอกจากเครื่องโน๊ตบุ๊คมันจะโล่งได้อีกแล้ว โปรกงโปรงแกรมไอ้นาทีมันยังไม่คิดจะโหลดเข้าเครื่องมันเลย นับประสาอะไรกับแอบถ่ายคลิปเก็บไว้แบล็คเมล์วะ ว่าแล้วผมก็ควานหาอย่างอื่นต่อ ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย แผ่นซีดีบ้าบอคอแตก
            แต่ไม่เจออะไรซักอย่างเลย
            เฮ่อ
            อย่างน้อยก็ดีอย่างที่รู้ว่าไอ้นาทีไม่ใช่โรคจิตเก็บไว้ดูล่ะวะ
            ผมหยิบมือถือบนโต๊ะเขียนหนังสือเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องไอ้นาทีเมื่อเช็คดีแล้วว่ามันไม่ได้ลงไปสูบบุหรี่ข้างล่างหรือไปทำอะไรแถวๆระเบียงด้านนอก
            แกล้งงอนมันไปเพื่อความปลอดภัยซักสองสามวันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แต่การจะทำแบบนั้นแม่งก็ต้องเสี่ยงอยู่อีกล่ะ ไอ้นาทีไม่ใช่คนจะแคร์อะไรกับเรื่องแบบนี้ด้วย
            ถ้าพลาด ก็คือมึงพลาดเลยว่ะป่าน
            เอาไงเอากันวะ!


*


            รุ่งเช้าผมมาโรงเรียนปกติ ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกๆวัน ไอ้ที่ไม่ปกติคือสายตาหลายๆคู่ที่มองมา บ้างก็สงสัย บ้างก็นินทา บ้างก็เอ็นดู บ้างก็อำมหิตเหลือเกิน ผมเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างไม่สนใจ แต่กลับมีมือของใครสักคนกระชากแขนเอาไว้
            “มานี่กับกู”
            หึ
            ผมว่าละ พอเวลาไอ้นาทีเดือดร้อนทีไร ไอ้เวรนี่มักจะโผล่มาเป็นคนแรกตลอด!
            ผมโดนไอ้พระกาฬลากออกมาจากโรงเรียน ก่อนมันจะลากผมเข้าไปในรถแท็กซี่ ผมงงเป็นไก่ตาแตก วันนี้ผมอุตส่าห์จะตั้งใจเรียนขึ้นมา แต่กลับโดนไอ้เวรนี่มาทำลายลงซะได้
            โดดก็โดดวะ
            “เมื่อคืนมึงทำอะไรเพื่อนกู”
            “ชก”
            “ป่าน” ไอ้พระกาฬกดเสียงต่ำแล้วบีบแขนผมอย่างแรง ผมปรายตามองไอ้กาฬนิดๆ ก่อนจะเมินหนีออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างคนเบื่อหน่ายโลก
            “กูขอยกเลิกนัดบอด”
            “ว่าไงนะ?!” อย่ามาทำเป็นหูหนวกสิวะ พูดหลายๆรอบ เดี๋ยวเกิดแม่งไม่เหมือนกันขึ้นมากูจะซวยเอา
            “เลิกนัดบอด กูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนของมึงอีกแล้ว”
            “ไม่ได้” ผมหันขวับไปหาเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้พระกาฬทำหน้าดุ
            “คิดว่าจะห้ามกูได้เหรอ” ก่อนที่ผมจะสะบัดแขนอย่างแรงแล้วบอกรถแท็กซี่ให้จอด ผมยื่นเงินให้คนขับแล้วเปิดประตูออกไปตรงกลางถนนนั่นเลย
            ป่านเอารางวัลแถ แหล แสดงไปเลยว่ะมึง
            ผมเดินดุ่มๆออกห่างจากรถแท็กซี่ เสียงเรียกของไอ้พระกาฬที่เรียกชื่อผมยังคงดังเรื่อยๆ ผมไม่สนใจเดินเลี้ยวซอยนู้นซอยนี้อย่างตามใจชอบ
            “เลิกบ้าซักที! ไอ้นาทีมันมีเรื่องกับไอ้นักเลงแถวโรงเรียน B กูไม่ได้มีเวลามานั่งง้อมึงเหมือนแฟนหรอกนะ!!!” ไอ้พระกาฬตะคอกลั่น ผมขมวดคิ้วงงๆ
            มีเรื่องก็เรื่องมันดิ ตายไปได้ยิ่งดี
            ผมอยากจะพูดออกไปแบบนั้นเหมือนกัน แต่ด้วยความเป็นคนดี
            “แล้วทำไมต้องมาบอกกู”
            “เพราะมึงเป็นคนเดียวที่ไอ้นาทีมันฟังยังไงล่ะ”
            “???”
            “อย่าทำหน้าโง่ได้มั้ย มานี่!”
            ไอ้กาฬลากผมมาที่อโคจรแห่งหนึ่ง ที่ที่ผมไม่อยากจะมาเหยียบซักเท่าไร บริเวณนี้เป็นศูนย์รวมของโรงเรียนกุ๊ย โรงเรียนมาเฟีย นักเลงสารพัดจะเยอะ ผมไม่เข้าใจว่าไอ้นาทีมาที่นี่ทำไม แต่การที่ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนมันมาเดินแถวนี้ มันเท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ
            “เร็วๆดิวะ!” พระกาฬเร่งผมให้วิ่งเร็วขึ้น ผมซอยเท้าเร็วๆก่อนจะมายืนหยุดอยู่ที่ทางตันที่หนึ่ง ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดหรือประสาทสายตาไม่ดี ผมว่าคนที่กำลังโดนรุมกระทืบอยู่นั่นคือไอ้นาทีนะ
            หน้าเยินเชียว
            “เฮ้ยพวกมึง!!! กูแจ้งตำรวจแล้ว!!! ขืนไม่ปล่อยเพื่อนกูมึงเข้าตารางแน่!!!” ไอ้พระกาฬส่งเสียงดังลั่นเล่นเอาพวกเด็กวัยรุ่นนั่นหันขวับ มันทำหน้าตื่นตระหนกกันใหญ่แถมบางส่วนก็วิ่งกระจัดกระจายกันออกไปอย่างกับผึ้งแตกรัง แต่คนโดนกระทืบเหมือนจะยังไม่หนำใจ
            ไอ้นาทีลุกขึ้นมายืนแล้วฟาดหมัดลงบนหน้าของไอ้กุ๊ยคนหนึ่ง พอเพื่อนมันโดนชก ที่เหลือแม่งก็ลังเลว่าจะไปดีไม่ไปดี
            “นาที!!!” พระกาฬเรียกเพื่อนมัน แต่ไอ้นาทีไม่สนใจอะไรเลย มันชกลงบนหน้าของไอ้กุ๊ยตัวนั้นอีกครั้งและอีกครั้ง จนเสียงรถตำรวจของจริงดังขึ้น
            “แย่แล้ว…” ผมหันไปมองพวกกุ๊ยที่เหลือที่วิ่งหนีไปคนละทาง แต่นาทีไม่ไปไหน มันยังอยู่กับที่ ซ้อมไอ้กุ๊ยคนเดิมอยู่แบบนั้น
            “นาที!! ไอ้ทีมึงพอเหอะว่ะ” ไอ้กาฬยังไม่ทันจะแตะตัวนาทีเลย แค่นั้นไอ้นาทีก็ฟาดหมัดลงบนหน้าเพื่อนมันอย่างแรงจนพระกาฬลงไปนอนกองที่พื้น ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            “ยืนโง่ทำอะไรวะป่าน อยากให้นาทีมันติดคุกหรือไง!!!”
            ผมสะอึกไปนิดๆ แน่ใจเหรอวะว่ามันจะฟัง ที่นาทีมันทำไปทั้งหมดมันไม่ได้มีความพิศวาสอะไรในตัวผมซักหน่อย ที่อยู่ในห้องก็แค่แสดงละคร ที่อยู่ที่โรงเรียนก็แค่ยั่วโมโหคนอื่น
            คิดจริงๆเหรอว่าถ้าผมพูดไปแล้วมันจะฟัง
            “กูไม่ได้เสียเวลาไปลากมึงมาเพราะให้มึงยืนนิ่งๆหรอกนะ!!!”
            “นาที!!!! พอได้แล้ว!!!!” ผมตะโกนเสียงดังลั่นพอๆกับเสียงหวอของรถตำรวจที่ใกล้เข้ามา ไอ้นาทีชะงักหมัดกึกเหมือนกับว่าเวลาหยุด ดวงตาคมสีดำสนิทปราดมามองผม
            “หยุดซักที อยากติดคุกหรือไง” ผมพูดเสียงแผ่วเพราะกลัวจะมีสภาพแบบไอ้กุ๊ยที่โดนไอ้นาทียกจนตัวลอย แถมยังกลัวว่ามันจะไม่ฟังแล้วชกต่อไปจนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายฟันหลุด แต่เปล่า ไอ้นาทีกลับโยนไอ้กุ๊ยนั่นลงที่พื้นแล้วเดินข้ามตัวไอ้กุ๊ยไปอย่างไม่หยี่ระ ผมขมวดคิ้วงงๆ
            “มาเร็ว” พระกาฬกวักมือเรียกผมให้เดินตามนาทีเข้าซอยลัดไป ผมเลยวิ่งตามไปนิ่งๆ
            ผมกับพระกาฬเดินอยู่ด้านหลังนาทีมาระยะหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควร ร่างของไอ้นาทีดูโซเซเพราะมันเองก็โดนรุมกระทืบ ลุกขึ้นมาเดินได้ก็อึดขนาดไหนแล้ว ก่อนจู่ๆมันจะร่วงน๊อคลงที่พื้น ไอ้พระกาฬร้องอย่างตกใจ
            “ไอ้ที!!!” พระกาฬเช็คสภาพของเพื่อนมัน นาทีไม่ได้หลับหรือสลบ กลับกันมันแค่หมดแรง
            ผมมองสภาพเยินๆของไอ้นาทีอย่างไม่พอใจนัก
            “สงสัยอยากตายมากนักล่ะสิ ให้กูช่วยสงเคราะห์มั้ย?” ผมถามขึ้นแล้วยกเท้าจะกระทืบมันซ้ำ ผู้ชายคนนี้นอกจากจะดื้อ บื้อ เลว แล้วยังโง่อีกด้วย
            “หยุดเลยไอ้ป่าน มึงช่วยกูหน่อย แผลที่แขนมันเหวอะ”
            “กูไม่ช่วย” ผมว่า ไอ้พระกาฬหันมาตีหน้ายักษ์ใส่
            “กูไม่ช่วยคนโง่ที่เอาตัวเองไปฝังลงดินหรอกว่ะ อยากตายนักก็ให้มันตายไป โง่เอง”
            ผมล้วงกระเป๋าแล้วทำท่าจะเดินออกจากซอย ก่อนจะชะงักกึกเมื่อไอ้นาทีพูดอะไรขึ้นบางอย่าง
            “งั้นกูก็คงโง่ ที่เชื่อฟังคนอย่างมึง”
            ผมหันขวับกลับไปมองหน้าไอ้ตัวดี ไอ้นาทีมันไอออกมาเป็นเลือด ผมไม่แปลกใจหรอก โดนตื้บมาขนาดนั้น ผมเดินเข้าไปใกล้นาทีมันอีกครั้งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆมัน
            “ถามจริงเหอะ ถึงกูจะชอบมึง แต่การที่มึงจะชอบกูมันไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ”
            นาทีนิ่งไป พอๆกับไอ้พระกาฬที่ผมรู้ว่ามันก็คงเงี่ยหูฟังอยู่
            “กูรู้อยู่แล้วว่ามึงโกหกเรื่องที่มึงรักกู กูแค่ไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่นกับความรู้สึก แต่รู้มั้ยวะนาที ถ้ามึงไม่ได้รักกูจริงๆ มึงอย่าให้ความหวังผ่านทางการโกหกเพื่อที่จะจูงกูให้อยู่ใกล้ๆ กูไม่เหมือนคนอื่นๆที่จะชอบให้มึงมาทำให้เหมือนเป็นคนพิเศษ”
            “กูต้องการสิ่งที่มันมีจริงๆ ที่มันเป็นจริงๆ แค่นี้คงรู้นะว่ากูต้องการอะไร”
            ผมว่าแล้วมองหน้าไอ้นาทีนิ่งๆ นาทีเองก็ทำหน้านิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ ผมถอนหายใจ
            “แต่เห็นว่าวันนี้มึงโง่ กูจะสอนให้มึงฉลาดขึ้นหน่อยแล้วกัน”
            แล้วผมก็ไม่ใจร้ายพอที่จะปล่อยให้มันตายหรอก ผมคุยโอ่ไปงั้นเองแหละ

             แต่ผมก็ใจกล้าพอที่จะสอนมันล่ะนะ
            ‘ผลั่วะ!!!’
            “ไอ้ป่าน!!!”
            “เงียบไป” ผมหันไปมองหน้าไอ้พระกาฬที่มองมาอย่างตกใจเมื่อผมใช้ขาเตะเข้าที่สีข้างของไอ้นาที นาทีมันเบิกตากว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น มันเองก็ดูจะตกใจหน่อยๆ ผมใช้เท้าเขี่ยๆปลายเสื้อของมันที่ขาดวิ่น
            “ถ้าไม่รักชีวิตของตัวเอง อย่ามีหน้ามาพูดว่า เชื่อฟังกูคนเดียว”
            ‘ผลั่วะ!!!’
            ผมเตะซ้ำเข้าไปอีกครั้ง พระกาฬมันจะลุกขึ้นมาห้ามแต่กลับโดนไอ้นาทีซัดไปหนึ่งหมัดลงไปนั่งพิงกำแพง ผมหัวเราะในลำคอ ส่วนไอ้พระกาฬกัดฟันกรอดอย่างโมโห
            “ถ้าอยากลุกขึ้นมาซัดกูก็ได้นะ มาดิ” ผมว่าพลางนั่งยองๆลงข้างหน้าไอ้นาทีก่อนจะชี้ที่แก้มตัวเอง
            “มีแต่พวกไร้ค่าเท่านั้นแหละ ที่ใช้กำลังมากกว่าสมอง”
            ไอ้นาทีชะงักกึกไปพอๆกับไอ้พระกาฬที่นิ่งเงียบไปทั้งคู่ ผมนั่งขัดสมาธิลงด้านหน้าพวกมันอย่างเป็นทางการพลางปัดๆเสื้อของนาทีให้เข้าที่แล้วฉีกปลายเสื้อที่ขาดของมันออกก่อนจะพันไปที่แขนด้านซ้ายที่เหวอะเพราะโดนของมีคมอะไรบางอย่างฟัน
            “อือ” นาทีมันร้องออกมาเล็กน้อยเหมือนจะเจ็บ ผมยิ้มบางๆ
            “เจ็บอ่ะดิ”
            “ไม่มั้ง”
            “งั้นก็เลิกทำบ้าๆซะที มีเหตุผลอะไรเอาตัวเองไปตาย?” ผมถามขึ้น ดวงตาสีดำสนิทมองมานิ่งๆ
            “สัญชาตญาณลูกผู้ชาย”
            หึ อยากจะขำ
            “สัญชาตญาณลูกหมาอ่ะดิ” ไม่ต้องเดาก็รู้ คงจะแค่มองหน้าไม่ถูกใจ หรือไม่ก็ไปพูดคำไม่เข้าหู ไม่ก็หมั่นไส้ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ แต่ก็ไม่ให้ใครทำลายหรือหยาม
            “ไปคลินิกเหอะ ขืนอยู่แบบนี้ดีไม่ดีจะติดเชื้อเอา” ผมสำรวจแผลรอบๆร่างกายของไอ้นาที ดีที่มันไม่มีแผลเหวอะที่หน้า ไม่งั้นชาตินี้อาจจะไม่ต้องใช้หน้าทำมาหากิน
            ผมจับแขนนาทีพาดไหล่ของตัวเอง แล้วค่อยๆพยุงมันให้ลุกขึ้น ไม่วายหันไปส่งสายตาโหดๆให้ไอ้พระกาฬที่นั่งนิ่งๆอยู่ข้างๆให้มันมาช่วยหน่อย แม่งไอ้นาทีไม่ใช่เบาๆ
            เมื่อมาถึงคลินิก ผมก็ได้แต่นั่งรอนอกห้อง มีแต่ไอ้กาฬที่เดินวนไปวนมาอย่างเป็นห่วงเพื่อน ผมถอนหายใจยาวๆแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอย่างเบื่อๆ มันใช่กงการธุระอะไรที่ผมจะต้องมารอคนโง่ๆแบบไอ้นาทีวะ ว่าแล้วผมก็ทำท่าจะลุกขึ้น ประจวบเหมาะพอดีกับที่ม่านสีขาวถูกรูดเปิด ไอ้นาทีมองเขม็งมาที่ผมเมื่อเห็นผมกำลังจะเดินออกไป
            “ดีแล้วที่พันห้ามเลือดไว้ พี่ฉีดกันบาดทะยักไปให้ แล้วก็เรื่องยา อันนี้ยาแก้ปวด ส่วนอันนี้ยาล้างแผล แล้วก็เบตาดีน” พยาบาลประจำคลินิกยื่นของสารพัดอย่างมาวางที่เคาน์เตอร์ ตอนแรกไอ้นาทีจะเอาทั้งหมดนั่นแต่ผมห้ามไว้ก่อน
            “เอาแค่ยาแก้ปวดก็พอครับ” ผมว่า พยาบาลยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง
            “กาฬ มึงกลับไปก่อนเหอะ วันนี้มีสอบไม่ใช่หรือไง” ไอ้นาทีพูดกับเพื่อนของมัน พระกาฬหันมามองหน้านาทีสลับกับหน้าผม ก่อนจะถามขึ้น
            “แล้วมึง…”
            “กูบอกอาจารย์ได้ แผลแบบนี้คงไปเรียนไม่ไหว มึงอ่ะไม่มีแผลเลย เดี๋ยวแม่งก็ได้ตัดคะแนนไม่ผ่านพอดี” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้นาที
            “ส่วนมึง … มากับกู” ยังไม่ทันที่จะได้ยืดอก ผมก็โดนไอ้นาทีลากออกไปจากคลินิก พระกาฬมองตามผมด้วยสายตาแปลกๆ สายตาที่บ่งบอกถึงความเศร้าหมอง ก่อนที่มันจะหลบสายตาไป
            มันต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนี้แน่ๆ เชื่อผมดิ
           
            *
 
            ไอ้นาทีพาผมกลับมาที่คอนโดห้องมันอีกครั้ง ผมชั่งใจไม่อยากจะเดินเข้าไปในห้องเลยยืนอยู่หน้าห้องก่อนจะยื่นถุงของคลินิกที่มียาแก้ปวดให้คนตรงหน้า นาทีมันมองแล้วทำหน้างงๆ
            “มีใครเคยบอกไหมว่า เวลามึงอยู่กับกูมึงดูไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย?” ผมถาม นาทีส่ายหน้า
            “กูเป็นแบบนี้กับทุกคน แต่ไม่เคยอยู่กับคนอื่นนานขนาดมึง”
            “อ้อ ปกติฟันเสร็จแล้วก็ทิ้ง” เหมือนผมไปกระตุ้นต่อมอารมณ์โมโหของไอ้นาทีที่ยังคงไม่ดับสนิท มันกระชากแขนผมอย่างแรงก่อนจะผลักผมกระแทกใส่ผนังห้องราวกับว่าผมเป็นตุ๊กตาหมีโคอาล่าที่เหวี่ยงไปนู่นไปนี่แล้วไม่เจ็บ
            “มึงจะเอายังไงวะป่าน?” ไอ้นาทีถามขึ้น ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
            “ไม่ได้จะเอายังไง”
            “มึงรู้มั้ยว่าตัวมึงงี่เง่า”
            “แล้วไง?”
            “ที่กูทนเนี่ย ก็เพราะเห็นว่าถ้าอยู่กับมึงคงจะมีเรื่องสนุกๆให้ทำ” ผมชะงักกึกไปกับคำพูดของไอ้นาทีพลางขมวดคิ้ว นาทีมันยิ้มมุมปากเมื่อเห็นผมนิ่งไป
            สนุก … งั้นเหรอ
            “ทีนี้ก็เข้าใจหรือยังว่ากูไม่เคยสนใจมึงซะด้วยซ้ำ มึงไม่ยอมกู กูก็ไม่มีอะไรที่จะต้องข้องเกี่ยวกับมึงอีก ที่กูปล่อยให้มันเลยเถิดก็เพราะคิดว่ามันคงไม่น่าเบื่อเหมือนเดิมๆ แต่ผิดกัน”
            “…”
            “มันน่ารำคาญเป็นบ้าเลยว่ะ”
            “งั้นเหรอ…”
            “แล้ววันหลังไม่ต้องมาห้ามกูทำนู่นทำนี่ กูไม่ใช่ลูกมึง ไม่ต้องมาสั่งสอนกู” ไอ้นาทีตะคอกแต่เสียงไม่ได้ดังอะไรมากนักก่อนมันจะดันผมออกจากห้องแล้วปิดประตูใส่หน้า ผมมองบานประตูที่ถูกปิดลงด้วยความรู้สึกแปลกๆ
            และผมก็ไม่เคลียร์เอาซะเลย
            “เปิดประตู” ผมพูดขึ้น ใครๆที่เดินผ่านมาอาจจะมองว่าผมเป็นบ้ายืนสั่งประตู แต่ผมกำลังควบคุมอารมณ์โมโหที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นทีละนิด
            มันไม่ผิดที่นาทีจะพูดแบบนั้น ผมไม่มีสิทธิ์อะไรไปสั่งไปสอนมัน ผมแค่เข้ามาหาผลประโยชน์ มันเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แล้วผมก็จะออกไปจากชีวิตมัน
            แต่ผมไม่ชอบ
            ไม่ชอบการหนีหน้าแบบที่ผู้ชายมันไม่ทำกัน!!!
            “กูบอกให้เปิดประตูไงไอ้ลูกหมา!!!!” ผมตะคอกเสียงดังแล้วถีบประตูอย่างแรง ไอ้นาทีกระชากประตูเปิดด้วยความโมโห แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ตั้งตัวผมก็ปราดเข้าไปในห้องแล้วนั่งคร่อมตัวมันเอาไว้
            “มึงจะพูดอะไรมึงก็พูดมาเลยดีกว่านาที กูไม่ชอบอะไรที่มันอ้อมค้อม!!”
            “ออกไปจากตัวกูป่าน” นาทีพูดเสียงเย็น ผมจ้องตามันเขม็ง
            “ไม่”
            “กูบอก ให้มึงลุกออกจากตัวกูเดี๋ยวนี้…”
            “ไม่”
            ‘ผลั่วะ!!’ หมัดหนักๆของไอ้นาทีชกลงบนใบหน้าผมอย่างแรงจนผมถลาออกจากร่างของมัน นาทีลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาผม ก่อนจะกระชากผมให้ลุกขึ้น ผมผลักมันออกจนไอ้นาทีเซไปเพราะมันยังเจ็บจากแผลที่โดนรุมตีอยู่
            “มึงพูดมา ไม่ต้องอ้อม กูไม่ชอบ”
            “กูไม่ได้ขอให้มึงชอบนี่”
            “งั้นเหรอ … งั้นเอางี้เป็นไงล่ะ” ผมกัดฟันกรอดพลางปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวด้านในที่ทาบทับร่างกายเอาไว้ ไอ้นาทีนิ่งไป ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าหาผม
            “อยากได้นักไม่ใช่เหรอ ร่างกายกูน่ะ อยากได้มากนักไม่ใช่เหรอ!!”
            “ป่าน…”
            “มึงอย่าอ้อมค้อมนาที!!! มึงจะทำอะไรก็ทำสิวะ!!!! อยากเล่นกับกูเพราะสนุก หรืออยากจะทำบ้าอะไรกัน บอกมาดิวะ!!!!” ผมเป็นคนเดินเข้าไปหาไอ้นาทีเองพลางจับมือของมันให้วางลงบนแผงอกของผม ไอ้นาทีมีท่าทีที่ท่าจ้างให้ใครมาเห็นตอนนี้ คงต้องเป็นอันอ้าปากค้าง
            มันทรุดลงนั่งที่พื้น ก่อนจะกอดเข่าตัวเองแล้วขยี้หัวอย่างเสียสติ
            “กูทำไม่ได้” เสียงทุ้มๆนั่นสั่นพร่าอย่างแปลกๆ ผมสงบสติอารมณ์ลงพลางจับแขนของไอ้นาทีที่มันเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล
            “มึงบอกเองนี่ ว่ามึงไม่ปฏิเสธกูเพราะอยากหาอะไรสนุกๆทำ”
            “ใช่ กูตั้งใจแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น” ทั้งห้องเงียบไปมีเพียงเสียงหอบหายใจของผมกับไอ้นาทีที่แข่งกันโกยอากาศเข้าปอด ผมลูบใบหน้าของตัวเองพลางนั่งลงที่พื้นข้างหน้าของนาที
            “ว่าแต่กู ตัวมึงเองเถอะกำลังทำอะไร” นาทีมันเงยหน้าขึ้นมาถามผม ผมชะงักไป
            “มึงคงไม่ได้นัดบอดกับกูเพราะชอบกู หึ กูว่าคำนี้กูถามไปหลายรอบแล้ว แล้วมึงก็ชอบตอบกลับมาว่า ใครจะโง่มาเสียตัวถ้าไม่ได้ชอบกู”
            ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกได้ว่ามันยากลำบากเหลือเกิน
            นี่คือวันความแตกหรือไงวะ
            “มึงก็บอกกูมาบ้างสิ ว่ามึง ต้องการอะไรจากคนอย่างกู”







TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [07] 17/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 17-01-2014 12:59:01
7

            เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมถอนตัวออกห่างจากไอ้นาทีด้วยความไม่แน่นอนในอุดมการณ์ของตัวเอง ผมอยากจะหาสิ่งที่สามารถทำให้น้องหญิงเห็นว่าไอ้นาทีมันเลว แต่กลับกัน เวลาผมอยู่ข้างๆมันทีไร มันไม่เคยแสดงความเลวของมันออกมาให้ผมเห็นเลยสักครั้ง
            แล้ววันนั้น ผมก็ไม่ได้ป๊อดพอที่จะไม่พูดความจริง
            “กูเข้าหามึง เพราะไม่ได้ชอบมึงอย่างที่ว่าก็จริง” ไอ้นาทีชะงักกึกไปแล้วมองผมอย่างคาดคั้น
            “เพราะมึงเป็นคนแบบนี้ไง มึงเป็นคนที่คอยทำร้ายคนอื่นไปทั่ว มึงเป็นคนที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครเอาแต่ความถูกใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง กูเลยระแวงที่จะปล่อยให้มึงทำร้ายคนอื่นๆ”
            “ดูตัวมึงเองก็ไม่ได้จะแคร์ใครไปซะหมดนี่ อย่าทำเป็นโลกสวยไปหน่อยเลยว่ะ” ผมส่ายหน้ากับคำที่ไอ้นาทีพูด
            “คนอย่างมึง จะไปรู้อะไร” เหมือนคำพูดของผมจะไปตอกย้ำไอ้นาที มันนั่งเงียบแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
            “เลิกทำร้ายคนอื่นซักที ทุกสิ่งที่มึงทำ สุดท้ายผลกรรมก็จะตกที่ตัวมึง”

            แล้วหลังจากนั่นผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย นาทีมันเคยบอกไว้ว่า คนที่อยากจะเจอหรือเข้าใกล้มัน ต่อให้กระเป๋าสตางค์ของมันตกอยู่ที่พื้น ต่อให้ตามหาตัวมันพลิกแผ่นดินก็ไม่มีทางเจอตัวมันแน่นอน มีทางเดียวที่จะเข้าหามันได้ ก็คือการนัดบอด ซึ่งนัดบอดต้องอาศัยดวงอย่างมาก ถ้าไอ้นาทีรับปาก นั่นก็คือโชคดี แต่ถ้าปฏิเสธ ก็แห้วไป
            ก่อนที่น้องหญิงจะเอ่ยชื่อไอ้นาทีออกมา ผมก็ไม่เคยเจอหน้าไอ้นาทีจริงๆจังๆซักครั้งหรอก ได้ยินแต่กิตติศัพท์ ได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามที่น่ากลัว ที่ว่ามีข่าวใหญ่โตครึกโครมว่านักเรียนหญิงจะฆ่าตัวตายเพราะแฟนหนุ่มทิ้ง
            แต่ผมดันไปรู้ข่าววงในมาว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกับไอ้นาทีก่อนที่จะโดนนาทีทิ้ง
            “ป่าน” เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังปลุกผมให้ตื่นจากห้วงความคิด ผมหันไปยิ้มให้ไอ้ฟ้าบางๆอย่างเหนื่อยๆ ไอ้ฟ้าทำหน้างงๆแล้วนั่งลงข้างๆผม
            “เป็นไรวะ ตามึงคล้ำๆ ไม่ได้นอนอีกแล้วหรือไง?”
            “อืม”
            “เครียดเรื่องไรบอกกูได้นะเว้ย เครียดมากๆมันไม่ดีต่อตัวมึงนะป่าน” ผมหันไปมองหน้าไอ้ฟ้าแล้วตบบ่ามันเบาๆเพื่อบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
            ขอบตาผมคล้ำขึ้นมากกว่าเดิม จนกลายเป็นว่าตอนนี้อะไรก็ปิดมันไม่มิด ช่วงก่อนๆผมมักจะใช้คอนซิลเลอร์ปิดเอาไว้ เพราะมันคล้ำจนทำให้เหมือนเป็นคนติดยา แต่ยิ่งผมคิดมาก มันก็ยิ่งคล้ำจนตอนนี้คอนซิลเลอร์ก็ปิดไว้ไม่ไหว
            “กูว่า … ปล่อยให้เรื่องมันเดินไปเองเหอะว่ะ” ไอ้ฟ้าพูดขึ้น ผมส่ายหน้า
            “ไม่ … กูต้องปกป้องน้องหญิง”
            ผมรีบลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็วก่อนจะทรุดฮวบลงไปเมื่อจู่ๆทุกอย่างก็มืดดับลง มือขวาของผมที่ยังคงประครองสติเอาไว้คว้าโต๊ะเรียนไว้อย่างแรงจนโต๊ะแทบล้ม เสียงไอ้ฟ้าตะโกนดังลั่น
            “ไอ้ป่าน!!!” มือของเพื่อนผมคว้าร่างผมขึ้นมาให้ยืนปกติ ผมค่อยๆปรับสภาพให้ชิน ก่อนที่ความมืดๆมัวๆนั่นจะค่อยๆจางหายไปกลับมาเป็นภาพปกติ
            “โอเคมั้ยวะ?”
            “อือ” ผมร้องในลำคอเล็กน้อย พลางตบบ่าไอ้ฟ้าอีกรอบ
            “ไม่เป็นไร กูไปก่อนนะ”
            “กูไปด้วย”
            “ไม่ต้อง มึงต้องไปรับฝนนี่…”
            “แต่มึง…”
            “น่า กูไม่เป็นไร” ผมว่าก่อนจะเดินออกมาจากห้องเรียนทันที
            ผมเดินไปตามทางที่จะไปขึ้นรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน พลางมองท้องฟ้าที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนเหมือนฝนจะเทกระหน่ำลงมา แต่กลับมีเพียงแค่ลมเย็นๆปะทะใบหน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเหมือนทุกๆวัน
            นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วที่น้องหญิงไม่โทรหาผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมไปหาที่บ้าน ก็ไม่เคยอยู่ตรงกับเวลาเดียวกับที่ผมไป แล้วน้องหญิงก็ไม่โผล่มาหาผมที่บ้าน พอไปหาที่โรงเรียนก็ไม่เคยเจอ
            เหมือนกับว่าน้องหญิงกำลังหลบหน้าผม
            “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงคุ้นๆดังขึ้นตรงหน้า ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจพลางเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียง ไอ้พระกาฬยืนสะพายกระเป๋าอยู่ตรงหน้าผม แต่ไม่มีวี่แววของไอ้นาทีเลย
            “อืม” ผมร้องอืมในลำคอแล้วทำเหมือนทุกครั้งคือเดินผ่านมันไป
            เหมือนพระกาฬมันจะเดินตามผมมา ผมหันกลับไปเพื่อที่จะต่อว่ามัน แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่หันขวับกลับไปผมก็รู้สึกเหมือนโดนโลกกระชากร่างลงติดกับพื้นดิน ผมร่วงฟึ่บหัวจะโหม่งพื้น โชคดีที่มีมือของใครปราดเข้ามารับเอาไว้แล้วตบหน้าเบาๆเพื่อเรียกสติ
            “ป่าน! ไอ้ป่าน!!”
            ผมสะบัดหน้าของตัวเองพลางปรับสายตาให้เป็นปกติ ก่อนจะผลักเจ้าของมือที่ประครองร่างผมเอาไว้ออกห่าง
            “กูไม่เป็นไร ปล่อย”
            “ไม่เป็นไรอะไรวะ หน้ามึงซีดอย่างกับผี” ไอ้พระกาฬร้องอย่างตกใจ ผมส่ายหน้า
            “กูไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยสิวะ”
            “มันอยากตายตรงนั้นก็เรื่องของมัน” เสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมชะงักไปในทันที เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตทั้งร่าง ผมค่อยๆหันไปมองหน้าคนที่เดินเข้ามาใหม่
            ไอ้นาที
            “มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละ ที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น” ไอ้นาทีพูดเหมือนกับเหยียดหยามผมอย่างมาก ผมหัวเราะในลำคออย่างสมเพชในตัวเองและตัวมัน
            “มีแต่พวกงี่เง่าที่จะยื่นมือมาช่วยคนที่ปฏิเสธ” ผมประชดกลับไป ไอ้พระกาฬรับคำไปเต็มๆ ผมพยุงตัวลุกขึ้นยืน เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาทำให้ผมต้องกระพริบตาไล่อาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองออกไป ก่อนจะรู้สึกราวกับว่าโดนก้อนหินทุบซ้ำๆที่ศีรษะเมื่อมือเล็กๆของใครซักคนคว้าแขนของไอ้นาทีเอาไว้
            “เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ …”
            เสียงเล็กชะงักกึกเมื่อปรายตามองเห็นผมซึ่งๆหน้า ผมแทบจะทรุดฮวบลงไปตรงหน้านั้นอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าของดวงตากลมโต ริมฝีปากสวย จมูกเล็กรั้นที่กอดแขนของผู้ร้าย
            “ป่าน…”
            คนที่ผมรัก … กำลังถูกใครบางคนที่ผมเริ่มจะเกลียดโอบกอดเอาไว้ เธอมองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนๆเมื่อเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี
            “หญิง…” ผมสบถชื่อของเธอเสียงแผ่ว พลางมองไปยังไอ้นาทีที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
            “ทำไมหน้าซีดจังเลยป่าน” น้องหญิงเดินเข้ามาหาผมพลางจับแขนผมเบาๆ ร่างเล็กสวมใส่ชุดที่ผมคิดว่ามันน่าเกลียดที่สุดเท่าที่เคยรู้จักหญิงมา เธอตัดกระโปรงสั้นขึ้นไปอีกหลังจากวันที่เราเจอกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ริมฝีปากที่ถูกทาด้วยลิปสติกสีสด เสื้อที่รัดจนแทบจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน
            “ป่าน…”
            “อะ ไม่มีอะไร” ผมตอบน้องหญิงกลับไปเพื่อไม่ให้น้องหญิงต้องถามซ้ำ ร่างเล็กยิ้มหวานกลับมาให้ก่อนจะวิ่งกลับไปคว้าแขนของไอ้นาทีเข้ามาใกล้ๆผม
            “จำได้มั้ยว่านี่ใคร” น้องหญิงยิ้มร่า ผมยิ้มบางๆตอบเธอ
            “จำได้สิ”
            “น่าจะลืมไปซะนะ” ไอ้นาทีพูดเสียงเย็นขึ้น น้องหญิงตีแขนของมันเบาๆ
            “อย่าสินาที นี่ป่านเพื่อนหญิงนะ เพื่อนนาทีเหมือนกันนี่” น้องหญิงผู้ซึ่งไม่รู้อะไรกอดแขนนาทีเอาไว้แน่นหนึบ ผมมองแขนของเธอ มองทุกอย่างที่เป็นหญิง
            ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
            “เราจะไปที่คอนโดของนาทีกัน ป่านไปด้วยกันสิ” ร่างเล็กชวนขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับบรรยากาศแย่ๆที่เริ่มก่อตัวขึ้น ผมกำหมัดแน่น
            “ไม่ต้องชวนมันหรอกหญิง … เด็กเลี้ยงแกะ มันไม่ค่อยจะชอบเข้าดงหมาป่าซักเท่าไรหรอก” ไอ้นาทีว่าพลางโอบไหล่น้องหญิงออกไป ผมมองน้องหญิงที่ทำท่าเหมือนจะสะบัดออกมา แต่เมื่อเจอวงแขนของไอ้นาทีที่โอบลงบนเอวของเธอ สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้า จากภาพที่ผมกำลังกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ กลับเป็นภาพของไอ้นาทีเข้ามาแทนที่ เพราะผมรู้ว่าน้องหญิงคลั่งนาทีขนาดไหน เธอย่อมไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเมื่อคนของเธออยู่ตรงหน้าแน่ๆ
            ไอ้พระกาฬเดินผ่านผมไปนิ่งๆ ผมคว้าแขนของมันเอาไว้
            “กาฬ”
            ก่อนจะร่วงลงสู่อ้อมแขนของมันแล้วรู้สึกว่าโลกดับมืดลงไปพร้อมกับสติภายในพริบตา


            *

            ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแอร์เย็นๆที่กระทบใบหน้า พลางมองไปรอบๆเพดานที่มีแต่สีขาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโรงพยาบาล ผมยันตัวเองขึ้นนั่งพลางมองไปรอบๆห้อง ไม่มีวี่แววของใครซักคน ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง แค่เพียงเห็นสภาพตึกด้านล่างผมก็พอรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลอะไร
            แอ๊ด
            เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของคนที่คุ้นเคย ผมมองไอ้พระกาฬที่เดินเข้ามาในห้อง มันชะงักไปเมื่อเห็นว่าผมฟื้นขึ้นมานั่งจ้องหน้ามันได้แล้ว
            พระกาฬวางบางสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะกินเลยในชีวิตลงบนโต๊ะข้างเตียง มันคือซุบไก่สกัดที่ผมไม่ชอบกลิ่นเลยซักนิด ไม่คิดจะแตะมันเลยซักครั้ง ผมมองท่าทีที่แปลกไปของพระกาฬ
            ไม่ทันได้ตั้งตัว มือหนาๆของพระกาฬก็กระชากร่างของผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะผลักตัวไอ้กาฬออกแต่มันขืนเอาไว้
            “มึงทำอะไร!” ผมตะคอก ไอ้พระกาฬยังคงไม่ปล่อยตัวผม
            “ไอ้กาฬ!!!!”
            “ชู่ว” พระกาฬส่งสัญญาณเหมือนจะบอกให้ผมเงียบ ก่อนที่เสียงประตูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ผมมองร่างของคนสองคนที่เดินควงแขนกันเข้ามา ใจที่เจ็บเจียนตาย กลับถูกบีบรัดอีกครั้ง
            นาทีกับหญิง
            “ป่าน!” น้องหญิงปราดเข้ามากระชากพระกาฬออกก่อนจะผลักไอ้กาฬลงนั่งจุ่มที่โซฟา ร่างเล็กวิ่งเข้ามาหาผมแล้วกอดผมอย่างแน่น ผมนิ่งไป
            ทำไมกันนะ
            ความรู้สึกของผมที่มีให้ต่อน้องหญิง
            ถึงไม่เคยลดลงไปเลยแม้ผมจะเจ็บเพราะเห็นเธอเลือกคนอื่น
            แถมยังเป็นคนที่ผมพยายามกีดกันให้ออกจากตัวเธอ
            “สำออยหรือเปล่า?” ไอ้นาทีถามขึ้นอย่างหน้าด้านๆ ผมจ้องตามันเขม็ง
            “ใช่เรื่องของมึงเหรอ”
            “ป่าน!” น้องหญิงหยิกแขนของผม ผมร้องขึ้นมานิดๆก่อนจะมองใบหน้าหวานที่กำลังงอหงิกนั่น
            “ขอโทษ”
            “รู้สึกผิดก็ดี!”
            “ออกไปก่อนทั้งสองคน กูมีเรื่องจะคุยกับป่าน” ประโยคแรกไอ้นาทีสื่อสารให้ทั้งหญิงและไอ้กาฬรู้ ส่วนประโยคที่สองไอ้นาทีกลับหันไปขมวดคิ้วและเพ่งเล็งไปที่ไอ้กาฬเพียงคนเดียว น้องหญิงเลิกคิ้วสงสัย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรนาที
            “เร็วๆนะ หญิงหวง”
            ร่างเล็กว่าแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
            หวงงั้นเหรอ
            คิดอะไรอยู่กันนะน้องหญิง
            “พวกที่ไม่คิดจะดูแลสุขภาพของตัวเอง มันก็โง่เหมือนกันนะ” ไอ้นาทีพูดขึ้นพลางนั่งลงที่ข้างเตียง ผมเมินหน้าไปอีกทาง ไม่อยากจะคิดอะไรให้ปวดหัว แต่เรื่องมันก็ประดังเข้ามาเรื่อยๆให้ผมได้คิด
            “ไม่ต้องมาสอนกู”
            “หึ คำพูดคุ้นๆนะ”
            “มึงทำอะไรหญิง” ผมกัดฟันกรอดพลางกระชากคอเสื้อของไอ้นาทีอย่างแรง ได้เวลาที่จะต้องเข้าเรื่องกันแล้ว ไอ้นาทีกรอกตาไปมาอย่างนึกสนุก ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผม
            “คิดอยู่ แต่ยังไม่ได้ทำ”
            “อย่าคิดจะแตะผู้หญิงคนนั้นเชียว”
            “ทำไม … รักข้างเดียวหรือไง” ไอ้นาทีพูดขึ้น เหมือนเข็มแทงกลางหัวใจของผม
            “จริงๆก็กะจะทำตั้งแต่วันที่เธอเสนอตัวเข้ามาหรอกนะ แต่พอรู้ว่าเป็นของรักของหวงของมึง…” มือของนาทีบีบคางของผมอย่างแรงแล้วผลักตัวผมลงนอนราบลงบนเตียงคนไข้ มันยิ้มมุมปาก
            “ถ่วงเวลาไว้นานๆ จะได้เจ็บเยอะยังไงล่ะ”
            “สารเลว”
            “ด่ามาอีกสิ คิดถึงเสียงของมึงใจจะขาด”
            “มึงมันชั่ว นาที เสียดายที่เคยไว้ใจว่ามึงมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” ไอ้นาทีชะงักไป ก่อนจะถอนตัวออกจากผม
            “ผิดแล้วแหละป่าน … มึงต่างหากล่ะที่บีบบังคับให้กูทำแบบนี้”
            “??”
            “มึงอยากเห็นไม่ใช่เหรอ รอมานานนี่ คราวนี้จะได้รู้ไงว่า กูมันเลวขนาดไหน”
            “นาที!!!”
            “แต่แย่หน่อยนะ ที่มึงปกป้องคนที่มึงรักไม่ได้ เพราะเขากลับมาเสนอตัวให้กูถึงที่ห้องเลยว่ะ”
            “ให้เกียรติผู้หญิงหน่อยไอ้เวร!!” ผมผลักตัวไอ้นาทีจนมันต้องลุกออกจากเตียงคนไข้ ริมฝีปากของมันยิ้มแสยะอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
            “มึงไม่ควรจะล้อเล่นกับกูตั้งแต่แรกแล้วป่าน…แล้วอีกอย่าง ตอนนี้มึงคงมีคนที่เชื่อฟังคำสั่งมึงคนใหม่แล้ว คงไม่ต้องเสนอตัวให้ใครอีกแล้วสินะ”
            “ไอ้สารเลว!!!!” ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปบีบคอไอ้นาทีแต่เมื่อก้าวลงจากเตียงขาเขอก็ล้าจนทำให้ผมฟุบลงที่พื้น ไอ้นาทีเบิกตากว้างเหมือนตกใจ เมื่อเสียงโวยวายเกิดขึ้นในห้อง ไอ้พระกาฬก็รีบพุ่งเข้ามาในห้องอย่างไม่ต้องรอช้า
            “มึงทำเหี้ยอะไรไอ้ที ให้เกียรติคนป่วยหน่อยสิวะ” พระกาฬพยุงผมขึ้นยืน ผมรู้สึกว่าตัวเองล้าเกินกว่าจะทน
            ผมยื่นแขนของตัวเองออกมาดู ก่อนจะพบรอยเข็มจิ้มเป็นจ้ำๆ
            อย่าบอกนะว่า
            “กาฬ…”
            “มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง กูไม่มีสิทธิ์จะห้าม แต่ในเมื่อมึงตัดไอ้ป่านออกจากชีวิตมึงแล้ว ก็ไม่ต้องเสนอหน้ามาอีก” พระกาฬพูดด้วยน้ำเสียงห้วนเพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่ไอ้นาทีควรจะทำ ผมมองใบหน้าของนาทีที่ดูตระหนกไม่ใช่เล่นที่เห็นผมทรุดลงที่พื้น ก่อนจะพยายามดันตัวเองขึ้นยืน
            “ช่วยกูหน่อย” ผมจับแขนของไอ้กาฬพลางดันตัวเองขึ้นมานั่งที่เตียงแล้วนอนลงอย่างอ่อนล้า ไอ้นาทีทำท่าจะเดินเข้ามาแต่ถูกพระกาฬขวางเอาไว้
            “กลับไปหาน้องหญิงของมึงซะ ป่านไม่มีพันธะอะไรกับมึงแล้ว”
            สิ้นเสียงของพระกาฬทุกอย่างก็เงียบลง ผมนอนกุมแขนตัวเองอยู่ที่เตียงอย่างไม่เข้าใจ ไหนหมอบอกว่าผมอาการดีขึ้นมากแล้ว อาการแบบนี้จะไม่กำเริบอีกครั้งยังไงล่ะ ทำไมแขนของผมถึง
            “ป่าน ลุกขึ้นมา ลุก!” ผมหันไปหาไอ้พระกาฬที่พยายามประครองตัวผมขึ้นนั่ง ไอ้นาทีไม่อยู่ข้างในห้องแล้ว มันออกไปแล้ว ผมเลิกคิ้วสงสัย
            “อะไร”
            “ถ้ามึงไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นต้องเสียใจ มึงต้องทำให้นาทีรักมึงจริงๆ” ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่ไอ้พระกาฬพูดออกมา
            “มึงว่าไงนะ?”
            “ทำให้นาทีรักมึงซะ ไม่ใช่แบบที่มึงเคยทำเพื่อที่จะปกป้องผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นการทำจริงๆ” ไอ้พระกาฬว่าพลางหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมายัดใส่มือผม “เปลี่ยนซะ” มันดูรีบร้อนซะจนผมปวดหัวไปหมด ผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้วอย่างนั้นเหรอ
            แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
            ผมนั่งมองไอ้พระกาฬที่เดินวุ่นเป็นหนูติดจั่นภายในห้องก่อนจะตะคอกใส่มันเสียงดัง!
            “หยุดเดินแล้วพูดให้รู้เรื่องก่อน นี่มันอะไรกันวะ?!”
            “กูขอพูดตรงๆเลยนะป่าน…” พระกาฬบีบแขนผมเบาๆ
            “ผู้หญิงของมึงร้ายเกินไป กูไม่ไว้ใจให้อยู่กับไอ้ที”
            ว่าไงนะ?
            “หญิงไม่ใช่คนแบบนั้น”
            “กูไม่รู้ว่าพวกมึงผูกพันกันแบบไหน เพื่อน แฟน หรือพี่น้อง แต่ขอร้อง อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้นาที”
            ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกัน? คนอันตรายกว่าน้องหญิงผมก็เคยเห็นมาแล้ว อย่างเช่นมิล
            “มึงเองก็คงไม่อยากให้ไอ้ทีทำร้ายคนของมึง” ข้อนี้ค่อยมีเหตุผลหน่อย ผมเริ่มเข้าใจขึ้นมานิดๆ
            “แล้วมึงล่ะ มึงชอบนาทีไม่ใช่เหรอไง” ผมถามขึ้น พลางมองใบหน้าคมเข้มของไอ้พระกาฬที่นิ่งหยุดลง ดวงตาของไอ้กาฬปราดมามองผมนิ่งๆก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาผม
            “กูไม่มีค่าพอขนาดไปชอบมันหรอก”
            “ลุกจากเตียงซะ หลังจากนี้กูจะเป็นคนช่วยให้ไอ้นาทีรักมึงเอง”
            “!!!”





TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [08] 18/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 18-01-2014 18:49:39
8

 
            ผมยืนอยู่หน้าบอร์ดสภานักเรียนที่แออัดก่อนจะอ่านรายละเอียดของกิจกรรมสานสัมพันธ์โรงเรียนที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ผมออกจากโรงพยาบาลมาได้สองสามวัน ไอ้ฟ้ายืนบ่นอุบอยู่ข้างๆว่าไม่อยากจะข้องเกี่ยวอะไรกับโรงเรียนของพวกไอ้นาทีมากนัก ก็อย่างที่รู้ โรงเรียนผมคือโรงเรียนที่ติดอันดับต้นๆของประเทศแถมยังเป็นโรงเรียนที่มีแต่เด็กเรียบร้อย
            ส่วนโรงเรียนของไอ้นาที มันเคยเป็นโรงเรียนกุ๊ยมาก่อน
            “กูไม่อยากทำแบบนี้ว่ะป่าน กูจะไปคุยกับไอ้กี้ ไม่ไหวว่ะ ยกเลิกเหอะ” ไอ้ฟ้าบ่นอุบแล้วเขย่าแขนผม ผมมองใบรายชื่อผู้ที่ได้รับร่วมให้เป็นคณะกรรมการ มีชื่อไอ้กี้อยู่บนนั้น เพื่อนที่ผมสนิทอีกคนแต่ไม่ค่อยได้คุยกับมันช่วงหลังจากที่โดนแยกห้องกัน
            “ไม่ทันแล้วมั้ง ลงตราไปแล้วนี่” ผมชี้ไปที่ตราประทับสีฟ้ากับสีแดงที่แทบจะอยู่ติดกันบนกระดาษประกาศ ไอ้ฟ้าขยี้หัวอย่างหัวเสีย
            “กูจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง!” ไอ้ฟ้าลากแขนผมตรงไปที่ห้องสภา ก่อนจะถีบประตูอย่างไร้มารยาท ไอ้กี้นั่งอยู่หลังกองกระดาษใบใหญ่ หน้าตามันเหมือนคนเพิ่งตื่น
            “ไอ้เวร มือน่ะมีทำไมไม่ใช้”
            “มึงทำแบบนี้ได้ไงวะกี้ มึงก็รู้ว่าโรงเรียนเราต้องโดนพวกฝั่งนู้นมันแกล้งแน่ๆแล้วมึงยังมีน่าไปให้พวกมันมาสานสัมพันธ์ด้วยเนี่ยนะ” ผมนั่งลงบนโซฟานิ่งๆพลางมองไอ้ฟ้าที่โวยวายแข่งกับไอ้กี้ แล้วถอนหายใจเบาๆ
            พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน
            พระกาฬอาสาจะช่วยผมแยกนาทีกับน้องหญิงออกจากกัน โดยเสนอเงื่อนไขให้ผมทำให้นาทีมันรักผมจริงๆ อะไรวะ กูไม่ได้ต้องการความรักจากมันเลย มันเลวขนาดพรากน้องหญิงสุดน่ารักของผมไปแบบนั้น ยังจะมีน่าไปคลุกคลีกับมันแบบมิตรอีกผมก็ไม่รู้จะว่ายังไง
 แต่เนื่องจากเหตุผลของไอ้กาฬที่พูดมาก็ทำให้ผมเข้าใจอยู่บ้าง
            ไอ้นาทีไม่เคยรักใคร แต่ถ้ามันรักใครแล้วมันก็จะทุ่มเทกับคนๆนั้นมาก ถ้านาทีรักผม น้องหญิงก็จะปลอดภัยและนาทีจะไม่ยุ่งอะไรใดๆกับคนอื่น ดีไม่ดีจะได้ช่วยคนอื่นๆที่คอยจะเข้าหานาทีเพราะเพียงแค่อยากนอนกับมัน
            แล้วผมจะทำสำเร็จเหรอ?
            ผมไม่ใช่สาวสวย ขี้อ้อนนะเว้ย
            “ใช่ป่ะไอ้ป่าน!!?” ไอ้ฟ้าร้องขึ้นมาแล้วหันมาถามผม ผมทำหน้างงๆใส่มัน
            “ห่ะ?”
            “มึงไม่ได้ฟังเลยเหรอ?!!” ผมส่ายหน้าให้ไอ้ฟ้าพลางมองหน้าไอ้กี้ที่ส่ายหน้ากลับ
            “เลิกบ่นเหอะว่ะฟ้า อย่างกับกูอยากให้มันเกิดงานบ้านี่ขึ้น ไอ้พระกาฬประธานสภาฝั่งนู้นมากกว่าที่แบกหน้าไปขอผู้ใหญ่” สิ่งที่ไอ้กี้พูดทำให้ผมเริ่มจะสนใจกับหัวข้อบ้าๆนี้นิดหน่อย ผมมองไอ้กี้ที่เกาหัวอย่างหมดหวัง
            “พระกาฬ? ไอ้ที่ตัวสูงๆหน้าโหดๆหน่อยป่ะวะ?” ผมถามขึ้น ไอ้กี้หันมาพยักหน้าให้
            “อือดิ มันบอกว่าเฉพาะเกรดเราที่เข้าร่วม” เกรดที่มันหมายถึงคือระดับชั้นครับ...
            “หา?! ไอ้เวร เกรดเราไปก็ได้ไปเปิดสงครามกับพวกมันพอดี มึงก็รู้จักไอ้โยธานี่หว่า”
            “มึงหุบปากเดี๋ยวนี้เลยฟ้า กูมีงานเยอะแยะต้องทำ ถ้าจะกรุณา ออกไปโวยวายข้างนอกเถอะเพราะเมื่อเช้าไอ้โยธามันก็มาโวยวายใส่กูเหมือนกัน!”
            ไอ้กี้ว่าแค่นั้นแล้วลากผมกับไอ้ฟ้าออกมาจากห้องสภาที่มืดมนนั่นก่อนจะกระแทกประตูใส่หน้าดังปัง
            ผมมีเรื่องต้องเคลียร์อีกเยอะเลยว่ะ
            “ฟ้า มึงขึ้นไปที่ห้องก่อนนะ กูมีเรื่องต้องทำ” ผมว่าก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องประธานสภาทันที จุดมุ่งหมายของผมก็คือห้องประธานสภาของโรงเรียนฝั่งตรงข้าม
            ‘ก๊อกๆ’
            ผมเคาะลงที่บานประตูห้องเล็กน้อยเมื่อมาถึง สายตาแปลกๆที่ส่งมาให้ผมทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวนัก เพราะตอนนี้ผมกำลังสวมชุดนักเรียนที่ไม่เข้าพวก ไม่นานนักประตูก็เปิดขึ้น เผยให้เห็นร่างของใครซักคนที่ผมรู้จักดี
            “ริค”
            “อ้าวป่าน เข้ามาก่อนมา!” ไอ้ริคว่าพลางดึงผมเข้าไปในห้องแล้วกดล็อคประตู ในห้องมีทั้งไอ้พีท ไอ้ริคและไอ้พระกาฬกำลังนั่งคุยอะไรกันซักอย่าง เมื่อพระกาฬเห็นผมเข้ามาในห้องมันก็ลุกจากห้องกระจกด้านในออกมาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก
            “มาคนเดียวไม่กลัวโดนกระทืบตายหรือไง?” ไอ้พระกาฬถามขึ้น ผมส่ายหน้า ก่อนจะจับแขนเสื้อมันแน่น
            “มึงบอกความจริงมาเหอะ มันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหนึ่งอาทิตย์ที่กูไม่ได้ไปหาพวกมึง?”
            ไอ้กาฬชะงักไปก่อนมันจะหันไปมองหน้าไอ้พีทที่มีสีหน้าเคร่งเครียด พีทกวักมือเรียกผมให้เข้าไปนั่งใกล้ๆมัน ไอ้ริคกับพระกาฬก็เดินตามมาข้างในเหมือนกัน
            “ตกลงมันมีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆใช่มั้ย?” ผมหันไปถามไอ้พีทแทน ไอ้พีทมีสีหน้าแบบเคร่งเครียดสุดๆ
            “พระกาฬ” เมื่อผมไม่ได้คำตอบผมจึงถามซ้ำๆอยู่แบบนั้น
            ถ้าเรื่องไม่ใหญ่จริง พวกมันคงไม่มีสีหน้าแบบนี้ รวมไปถึงใบหน้าของไอ้พีทที่ช้ำเหมือนโดนชกด้วย
            “ไอ้กาฬบอกกูมานะ!!!”
            “เยอะแยะเลยว่ะ มากพอที่จะทำให้คนอย่างกูตัดใจจากคนที่แอบรักได้อย่างต่อไม่ติด”
            “ไอ้กาฬ” ไอ้ริคตบบ่าเพื่อนมันก่อนจะมองหน้าผม ผมนั่งกระพริบตาปริบอย่างอึ้งๆ
            “ตกลงมึงชอบนาทีจริงๆเหรอ?”
            “อืม”
            นั่นไง ผมว่าแล้ว ไอ้พระกาฬชอบไอ้นาทีจริงๆ
            “แล้วทำไมมึงถึงตัดใจง่ายขนาดนั้น”
            “เพราะหญิงไงล่ะ” เป็นไอ้พีทที่พูดขึ้นมาแทน ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้พีทเอื้อมมือมาแตะแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะจ้องตาผมเขม็ง ผมไม่ได้ปัดมือของมันออก แต่เหมือนตกอยู่ในความรู้สึกที่พูดไม่ออกมากกว่า
            “มึงเป็นคนน่ารักนะป่าน…” ไอ้พีทว่า ผมเริ่มจะรู้สึกถึงอะไรแปลกๆก่อนจะผลักมือมันออก
            “อะไรวะ?”
            “ทำให้นาทีรักมึงซะ ช่วยทั้งไอ้นาที ทั้งพวกกู ทั้งผู้หญิงของมึง และตัวมึง”
            “!!!!”
            “กูไม่ชอบคำพังเพย ไม่ชอบคำเปรียบเปรย จะพูดอะไรก็พูดตรงๆ” ผมกัดริมฝีปากพลางมองหน้าพวกมันสามคนอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ริคถอนหายใจเฮือกใหญ่ มีเพียงเสียงแอร์หึ่งๆที่ตอบผมกลับมา
            “มึงรู้ใช่มั้ยว่าหญิงเป็นลูกสาวของอธิการบดี”
            ผมชะงักไป พวกมันรู้ …
            “อืม”
            “พ่อของเธอจะส่งไอ้นาทีเข้าคุกแน่ๆถ้าหญิงท้องแล้วไอ้นาทีไม่รับ พวกกูจะต้องกลายเป็นพยานปากเอกและอาจจะโดนส่งเข้าตารางเหมือนกัน”
            “!!!!!”
            ผมกระถดตัวถอยหลังพลางนั่งทรุดลงที่เก้าอี้ ดวงตากลอกไปมาอย่างคนไม่มั่นใจ
            “ไอ้นาทีมีอะไรกับหญิงแล้วป่าน…แต่กูเชื่อว่านาทีมันป้องกัน”
            ว่าไงนะ…
            “มีอยู่ทางเดียวที่จะช่วยได้ มึงต้องทำให้นาทีรักมึง มึงต้องรักไอ้นาที บอกให้ผู้หญิงของมึงเข้าใจว่ามึงรักกับไอ้นาที ขาดกันไม่ได้ไม่งั้นมึงตายแน่ๆ มึงต้องแสดงให้เห็น แย่งไอ้นาทีมาจากผู้หญิงคนนั้นซะ” ไอ้พีทพูดขึ้นแล้วขยี้หัวผม
            “พวกกูรู้นะ ว่าพ่อหญิงรักมึงเหมือนกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง … พวกเขาคงเข้าใจ”
            “ไอ้พระกาฬจะเป็นคนช่วยมึงให้เข้าหาไอ้นาทีเอง”
 
            *
 
            “ห้อง 242 กูกับไอ้พีทอยู่ห้อง 249 มึงมีอะไรมาเคาะเลยนะ” ไอ้พระกาฬพาผมมาที่ห้อง 249 ห้องของไอ้พีทกับมันที่ใช้นอนในระหว่างช่วงค่ายสานสัมพันธ์ระหว่างสองโรงเรียน ผมยังไม่ได้ติดต่อไอ้ฟ้าเลยว่ามันจะได้เจอกับไอ้กุ๊ยที่ไหนหรือเปล่า
            เพราไอ้พระกาฬเป็นประธานสภาของโรงเรียน มันเลยได้สิทธิ์ไปขอสานสัมพันธ์นอกโรงเรียนโดยจะจัดกิจกรรมต่างๆและจ้างวิทยากรมาช่วยในเรื่องนี้ด้วย แต่ส่วนมากพวกคณะกรรมการจะเป็นคนจัดกันเองมากกว่า
           ผมแยกรถมาคนละคันกับรถทัวร์คันใหญ่ มาพร้อมกับพวกคณะกรรมการโดยนั่งรถตู้ ไอ้พระกาฬแม่งสอนผมเยอะแยะเรื่องออดอ้อนนู่นนี่นั่น จนผมนึกว่ามันเป็นเซียนยั่วผู้ชาย
            ผมทำใจไม่ได้ว่ะที่จะเสียตัวให้ไอ้นาที
            แต่ถ้าพอทำให้ไอ้นาทีมันรักจริงๆก็พอไหว
            ผมไม่อยากให้ใครต้องเข้าคุก โดยเฉพาะไอ้พีท ไอ้ริค และไอ้พระกาฬที่ไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าน้องหญิงต้องการจะทำอะไร ในเมื่อในความคิดของผมแล้ว เธอเป็นนางฟ้าของผมเสมอ
            “ใจเย็นๆป่าน หายใจเข้าลึกๆ” ไอ้พีทตบบ่าผม ผมมองหน้ามันแล้วกระพริบตาปริบๆ
            “ครั้งแรกกับผู้ชายไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกว่ะ!”
            ไอ้เชี่ย!!!
            ผมมายืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้อง 242 ที่อยู่คนละฟากกับ 249 แต่แยกชั้นกับชั้นของผู้หญิง พวกผู้หญิงนอนชั้น 2 ตึก 1 ส่วนพวกผมอยู่ชั้นสี่ตึกสอง
            เอาไงดีวะ ป่านนี้ไอ้นาทีมันคงอยู่ในห้องแล้ว
            ไอ้ป่านเอ้ย ทำไมเรื่องยุ่งๆจะต้องเกิดกับมึงตลอดเลย
            ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตูเล็กน้อย ก่อนจะพยายามโกยข้าวของที่หอบอยู่ไม่ให้ร่วงลงไปที่พื้น เสียงกุกกักในห้องดังออกมาพร้อมกับลูกบิดประตูที่บิดลงบ่งบอกว่าคนในห้องกำลังเปิดประตู
              ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับใบหน้าหล่อๆเข้มๆของไอ้นาทีที่ทำตาโตเหมือนตกใจที่เห็นผม
            “เอ่อ โทษที กูมาผิดห้อง” ผมว่าก่อนจะหันหลังเพื่อจะเดินหนี ไม่ทันไรมือของไอ้นาทีก็กระชากคอเสื้อยืดสีดำของผมเอาไว้
            “มึงนอนห้องอะไร?” ไอ้นาทีถามขึ้น ผมปัดมือมันออก
            รังเกียจที่จะให้มือนั่นมาแตะตัว เพราะมือนั่นเคยแตะและทำลายน้องหญิงมาแล้ว
            “242” ผมว่า ไอ้นาทีเงียบไป
            “ถูกห้องแล้ว เข้ามาดิ” ผมหันไปมองหน้าไอ้นาทีที่เดินถอยหลังไปนิดหนึ่งเผยทางให้ผมเดินเข้าห้องโรมแรมสองเตียงสุดหรูติดชายหาด ผมพยายามกัดริมฝีปากตัวเองไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ เพราะความโมโหที่มันมายุ่งกับน้องหญิง แต่ผมทำได้แค่เพียงเมินสายตาโหดๆของไอ้นาทีแล้วเดินเข้าห้องไป
            ผมจะทำยังไงต่อไปดีวะ เข้าถ้ำเสือมาซะแล้วกู!

            เหมือนมีเฟืองฝืดๆคล้องเท้าผมอยู่ ผมเดินช้ายิ่งกว่าเต่าเพื่อเดินผ่านห้องน้ำและมองไปที่เตียงสองเตียงที่ตั้งห่างกันอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งล่ะนะ ผมไม่ได้หันไปมองไอ้นาที แต่วางของลงที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วจัดการหยิบสารพัดอย่างออกมาวาง ก่อนจะถอดผ้าพันแขนที่สวมเอาไว้ออก
             ‘หมับ!’
            “มึงไปโดนอะไรมา” ไอ้นาทีมันบีบแขนผมจนผมต้องหยีหน้า มือมันแรงเยอะเกินไปแล้ว
            ผมสะบัดมือของมันออกก่อนจะหยิบกระปุกยาทาแผลเป็นขึ้นมาถือเอาไว้
            “โดนเพื่อนมึงกัดมั้ง” ผมแถไปงั้น จริงๆแล้วโดนหมอเอาเข็มจิ้มเพื่อหาเส้นเลือดใหญ่ต่างหาก เห็นผมขาวจั๊วะจนแทบจะกลืนไปกับกำแพงแบบนี้ ขอบอกได้เลยว่าหาเส้นเลือดยากเหมือนกันนะครับ
            ไอ้นาทีแทบจะสะบัดแขนผมออกทันทีที่รู้ว่าผมหมายถึงใคร รู้ก็ดี หมายถึงพระกาฬเพื่อนมึงนั่นแหละ
            ผมทาแผลไปเรื่อยๆก่อนจะรอให้มันซึมเข้าไปในผิว
            นาทีนิ่งเงียบไปแล้วเดินหายไปจากระยะสายตาของผม ผมเลื่อนข้าวของออกมาวางบนโต๊ะอย่างถือวิสาสะแล้วมองข้าวของของมันที่มีเพียงแค่กุญแจห้อง มือถือ กระเป๋าสตางค์ ผมเดินไปหยิบปากกาเมจิกในกระเป๋าเป้ออกมา ก่อนจะขีดมันลงที่โต๊ะ
            ฝั่งกู และฝั่งมึง ผมเขียนไว้ ก่อนจะเดินคว้าข้าวของเพื่อใช้อาบน้ำเข้าไปอาบน้ำทันที
            หึ ทำไงดีวะป่าน คิดสิ หลบหน้ามันตลอดแบบนี้ มึงคงช่วยพวกไอ้กาฬได้หรอก
            ว่าแล้วผมก็คิดแผนดีๆออก ผมมองผ้าม่านที่อยู่ในห้องอาบน้ำ ก่อนจะมองไปรอบๆ
            ถ้าการที่ผมจะทำให้น้องหญิงปลอดภัยโดยการที่ต้องเอาความหน้าด้านของตัวเองเข้าแลก ผมก็ยอม แต่ไม่ได้ยอมเสียตัวนะ !!!!
            “เฮ้ย!!!!”
            ผมร้องออกมาก่อนจะกระชากผ้าม่านให้ขาดลงมาคลุมตัวท่อนล่างเอาไว้แล้วนั่งลงไปกับอ่างอาบน้ำ ทำเป็นเทสบู่และแชมพูทั่วตัวแล้วหายใจเข้าลึกพลางนับ 1 2 3
            “ป่าน!!!” เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ผมยิ้มมุมปาก
            เป็นไงเป็นกันวะ
            “โอ้ยยย” ผมร้องเสียงดังลั่น ไอ้นาทีทุบประตูตอบกลับมา
            “ป่าน!!! ป่านมึงเป็นอะไร เปิดประตูสิวะ!!” ลูกบิดถูกเขย่าไปมาเมื่อคนข้างนอกพยายามจะเปิด ผมหันไปรอบๆห้องน้ำก่อนจะมองที่ข้อศอกของตัวเองแล้วยกมันกระแทกลงไปที่ขอบอ่างอาบน้ำแรงๆ
            เจ็บเป็นบ้า นี่โคตรลงทุนเลยนะเนี่ย
            เมื่อเห็นว่าข้อศอกเป็นรอยแดงจ้ำแล้ว ผมจึงนอนกระดิกเท้ารอคนข้างนอกให้กระแทกประตูเข้ามา ให้มันเร็วๆหน่อยเถอะ หนาวจะตายห่าอยู่แล้วครับ
            “ไอ้ป่าน!!! ป่านมึงตายยังวะ” สาบานได้ว่ามันถามผมแบบนี้
            “มึงจะบ้าเหรอ!!! กูแค่ข้อเท้าพลิก โอ้ย”
            ‘ปัง’ ประตูถูกกระแทกเข้ามาพร้อมกับร่างของไอ้นาทีที่ยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้าผม ผมเบิกตากว้างพลางชี้หน้ามันเหมือนโกรธๆ ไม่นึกว่ามันจะพังประตูเข้ามาได้เร็วเกินคาด!
            “มะ … มึงเข้ามาทำห่าอะไรเนี่ย!!!”
            “ก็มึง…” ไอ้นาทีชะงักไปเมื่อเห็นสภาพผม สายตาของมันเลื่อนไปที่ผ้าม่านที่คลุมท่อนล่างของผมไว้ ผมปาขวดแชมพูใส่มันไปโดนหัวมันเต็มๆ
            “มองอะไร!!! โอ้ย” ผมแกล้งทำเป็นจับข้อเท้าพลางหยีหน้า ทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บแม้แต่นิด
            “ออกไปเลยไอ้ห่า กูไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ”
            “ปากแข็งนักหรือไง” ไอ้นาทีเดินมาที่อ่างอาบน้ำ ผมชะงักกึกแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ สาบานได้ว่าถ้ามันทำอะไรเกินกว่าที่ควรจะทำล่ะก็ ผมจะเอาฝักบัวฟาดหัวมันจริงๆแน่
            ‘หมับ’
            ผมทำตาโตเมื่อมือหนาของไอ้นาทีคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าซ้ายของผม มันขมวดคิ้ว
            “ไม่เจ็บเหรอ”
            O_O!!! เฮ้ย! ลืมไปเลยว่าข้อเท้าพลิก!
            “กูเจ็บข้างขวาว่ะโถ่!” ผมแถ ไอ้นาทีทำท่าเหมือนไม่เชื่อก่อนจะเอื้อมมือมากดที่ข้อเท้าขวาของผม ผมร้องจ้ากออกมาจนตัวงอแล้วจับไหล่ของนาทีเอาไว้
            หึหึ ดูถูกป่านคนนี้มากไปแล้ว
            “เหอะ ทำปากดี” คนตรงหน้ามันว่าแล้วเอามือแตะแขนของผม ผมรู้สึกขนลุกซู่
            “แชมพู?”
            “เออดิ ให้เข้าห้องน้ำมาทำอะไร…” ผมบ่นอุบ ไอ้นาทีกร่นเสียงบ่นตอบ
            “ก็นึกว่า…”
            ผมรู้ทันที่ว่าสมองชั่วๆของมันคิดอะไร ผมหยิบขวดครีมนวดผมปาใส่หัวมันแล้วตบหน้าผากมันแรงๆ หึหึ สะใจเป็นบ้า ไหนๆมันก็เลวที่ยุ่งกับคนของผมแล้ว แถมยังมีอะไรกับน้องหญิงไปแล้วด้วย ผมก็จะทำร้ายร่างกายมันตอบยังไงล่ะ
            ไม่ทันได้ตั้งตัว มือของไอ้นาทีก็เลื่อนไปเปิดฝักบัวแล้วน้ำร้อนๆก็พุ่งใส่ร่างของผมจนแสบไปหมด
            “โอ้ยย!!!! ร้อน!!!!” ผมร้องลั่นห้อง เหมือนไอ้ตัวปัญหาจะรู้สึกตกใจนิดๆมันรีบหมุนน้ำไปที่ฝั่งสีฟ้า น้ำเย็นๆค่อยๆชะล้างลงบนตัวผม ผมน้ำตาเล็ดกับน้ำที่ร้อนเหมือนกับเอาน้ำต้มเดือดมาลวกตัว แสบจนเจ็บไปหมดทั้งตัว โชคดีที่ว่าโดนแค่ส่วนหัวลงไปจนถึงหน้าท้อง
            “ป่าน”
            ‘เพี๊ยะ’
            “ปัญญาอ่อน ออกไป น่ารำคาญ” อันนี้ผมโกรธจริงไม่ได้แสดงละคร ผมลูบแขนตัวเองที่ขึ้นสีแดงจัดเบาๆ พลันสัมผัสที่แตะลงบนแก้มจะทำให้ผมชะงักไป ไอ้นาทียื่นมือมาแตะแก้มของผมแผ่วเบา ดวงตาสีเทาเข้มที่เมื่อมองใกล้ๆปรากฏขึ้นมาในระยะสายตาของผม
            "ขอโทษ"
            ก่อนริมฝีปากสีซีดจะกดจูบลงมาบนริมฝีปากผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ตัว ผมเบิกตากว้างอย่างช็อคๆ ผมที่อยู่ในสภาพเปลือยทั้งตัว กับไอ้นาทีที่สวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสามส่วน ผมยกมือเพื่อที่ผลักร่างของนาทีออกไป แต่กลับโดนต้อนจนไอ้นาทีเป็นคนที่บังสายน้ำจากฝักบัวด้านบนเอาไว้ ผมหลับตาปี๋เมื่อท้ายทอยชนกับกำแพงห้องน้ำที่ติดกับอ่างอาบน้ำ
            “นาที…”
            “หืม”
            “ปล่อยกู”
            ‘ผลั่วะ!!!!’
            ผมหายใจเข้าปอดแล้วดันไอ้นาทีออกไปจนสุดแรงก่อนจะชกหน้าคนตรงหน้าไปอย่างแรงจนหน้าหัน นาทีมันนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
            “กูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมึงอีก เดี๋ยวหญิงจะโกรธกูเอาถ้ารู้ว่ากูยุ่งวุ่นวายกับมึง ที่อยู่ห้องเดียวกันก็แค่ความบังเอิญ” ผมหันหน้าหนีแล้วทำสีหน้าแบบเสียใจ ทั้งๆที่ผมอยากจะใช้มีดโกนหนวดที่วางอยู่ที่อ่างอาบน้ำปาดคอไอ้นาทีซะด้วยซ้ำ
            ‘หมับ’
            “เฮ้ย!!!!” จู่ๆนาทีมันก็พุ่งตัวเข้ามาหาผม คว้าผมขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วหยิบผ้าขนหนูมาคลุมท่อนล่างของผมเอาไว้แทนผ้าม่านที่พังลงมา ผมผลักหัวนาทีอย่างแรงแต่มันไม่ปล่อย!! มากไปกว่านั้น มือของไอ้นาทีที่อุ้มผมไม่ค่อยถนัดกับเลื่อนต่ำลงไปที่บั้นท้ายของผม!!!
            “มือน่ะมือ มืออ่ะเห้ยมือ!!!!”
            “อะไรของมึง กูแค่จะช่วย”
            ผมยกแขนคล้องคอไอ้นาทีก็จริง แต่มือของนาทีมันชักจะเลื่อนต่ำลงไปแล้ว
            “ตัวหนักสัด”
            “แล้วใครใช้ให้มึงยกล่ะวะ!!!! ปล่อย!!!!!”
            ‘ผลั่วะ’ ผมฟาดหมัดเข้าที่หัวของมันอีกรอบ ไอ้นาทีแทบคอหักแถมยังเซไปอีกต่างหาก ผมร้องเหวอใหญ่เมื่อรู้สึกเหมือนจะร่วงลงที่พื้นแต่โชคดีไอ้นาทียันตู้เสื้อผ้าไว้ได้ก่อน มันค่อยๆดันคอของตัวเองขึ้น ก่อนจะจ้องเขม็งมาที่ผมอย่างน่ากลัว!!
            “มึงอยากเล่นบทตบจูบใช่มั้ยป่าน!!! เออได้!!!”
            “เฮ้ย!!!!”





TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.07-08] 18/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 19-01-2014 01:49:41
โอยสนุกโคตร นาทีชอบป่านอ่ะ ป่านก็ชแบนาที สนุกมากมาย

ตอนแรกๆขำตอนป่านอ้วก 5555

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ ขอบคุณมากเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.07-08] 18/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-01-2014 08:45:43
ยอกย้อนซ่อนเงื่อนดีจัง
ตกลงน้องหญิงท้องจริงเปล่า
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.07-08] 18/1/57 -P.1
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 20-01-2014 23:17:44
9


 
            นาทีเหวี่ยงร่างของผมลงบนเตียงอย่างแรงจนผ้าขนหนูที่ปิดบางๆอยู่ที่ช่วงล่างแทบกระเด็นหลุด ผมยกเท้าขึ้นมาเพื่อจะถีบร่างที่กำลังคลานตามมาทาบทับแต่ไอ้นาทีมันคว้าขาผมเอาไว้ได้
            “ปล่อย ไม่งั้นกูถีบมึงจริงๆ” ผมกดเสียงเย็นต่ำเพื่อให้ไอ้นาทีรู้ว่าผมไม่พอใจ
            “ถีบสิ”
            ‘พลั่ก!’
            ผมไม่รอให้มันได้พูดอะไรทั้งนั้นก็จัดการถีบไหล่ไอ้นาทีจนมันร่วงปุลงไปที่พื้น มือก็รีบคว้าหมอนมาปิดส่วนที่อันตรายที่สุดของร่างกายเอาไว้ ผมรู้ว่าการที่ผู้ชายแก้ผ้าต่อหน้ากันมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่ใช่แก้ผ้าต่อหน้าคนที่สามารถมีอารมณ์ความรู้สึกกับผู้ชายด้วยกัน
            นาทีลุกขึ้นจากพื้นแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง มันไม่ยอมแพ้กระโดดขึ้นเตียงแล้วปราดเข้ามากระชากตัวผมไปนอนใต้ร่างมันอย่างแรงจนหัวฟาดกับขอบเตียง ผมร้องโอยออกมาแต่ดูไอ้นาทีจะไม่สนใจ
            “เมื่อกี้มึงใช้ขาขวาถีบกูนี่…” ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะกัดริมฝีปาก
            พลาดแล้วไอ้ป่าน!
            “มึงต้องการอะไรกันแน่ป่าน” ไอ้นาทีถามขึ้น ผมใช้มือดันตัวมันออกแต่มันกลับขืนตัวเองเอาไว้แล้วแทรกขามาที่หว่างขาของผม ผมเบิกตากว้างแล้วดิ้นพล่านเป็นเจ้าเข้า
            “ขา!!! เอาเข่าออกไป เอาออกไป!!!!”
            “ไม่!!! จนกว่าจะบอกว่ามึงต้องการอะไร!!! มึงเข้ามาในชีวิตกู มึงต้องการให้กูทำเลวใส่มึง แล้วหญิงเป็นอะไรกับมึง มึงบอกกูมาดิวะป่าน!!!” ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินชื่อหญิงออกจากปากของนาที ก่อนจะปรายตามองมันอย่างอาฆาต
            “มึงรู้เหรอ?”
            “กูรู้ทั้งหมด”
            ผมชะงักกึก ถ้าอย่างนั้น ... เรื่องที่มันเข้าหาหญิง ... ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันจงใจสินะ
            “มึงพูดมาดิวะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูด!!!”
            ไอ้นาทีเลื่อนเข่าเข้ามาใกล้กลางลำตัวผมมากขึ้น ผมร้องลั่นแล้วดิ้นสุดแรงเกิดก่อนจะโดนชกที่ท้องไปหนึ่งหมัดด้วยมือของคนที่คร่อมตัวผมเอาไว้จนจุก ผมงอตัวแล้วรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วช่องท้อง
            “ถ้าไม่พูด ก็ไม่ต้องพูด” จมูกโด่งๆซุกลงมาลำคอของผมอย่างไร้มารยาท ทั้งดุดัน ช่วงชิง และน่ารังเกียจ ผมพยายามผลักไสนาทีออกไป จนแล้วจนเล่ามันก็กลับมาเป็นฝ่ายที่คอยคุกคาม
            เวรเอ้ย…ผมไม่พร้อม
            ‘ก๊อกๆ’
            เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ผมได้จังหวะดันร่างของนาทีออก ผมวิ่งไปที่ประตูพร้อมคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ที่เก้าอี้มาพันช่วงล่างเอาไว้ ไม่สนว่าใครหน้าไหนที่เคาะประตูผมเปิดกระชากออกมาอย่างแรงเผยให้เห็นร่างสูงใบหน้าดุดันที่ยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าห้อง
            “กาฬ!”
            ผมปราดเข้าไปกอดพระกาฬเอาไว้ รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างนำทางให้หลุดพ้นจากนรกที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมซุกตัวเข้ากับอ้อมกอดหนานั่นแล้วยิ้มมุมปากให้กับคนที่กำลังจะเดินตามออกมาจากห้อง
            เหมือนพระกาฬเองยังไม่รู้ว่าผมต้องการอะไร มันทำท่าจะผลักผมออก แต่เมื่อเสียงทุ้มๆของนาทีดังขึ้นด้านหลัง มันก็เปลี่ยนจากมือที่จะผลัก เป็นรัดตัวผมเอาไว้แน่นจนผมรู้สึกอึดอัด
            “มึงทำอะไรป่าน” พระกาฬกดเสียงต่ำ ผมไม่ได้เห็นสีหน้าของไอ้นาทีตอนนี้ แต่รู้ว่ามันต้องตีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากทุกครั้งแน่
            “เปล่านี่…”
            “ถ้าไม่ทำ แล้วนี่มันอะไร” พระกาฬจับแขนผมพลางดึงไปให้ไอ้นาทีเห็นชัดๆ รอยแดงที่ข้อศอกที่ผมเป็นคนทำขึ้นด้วยตัวเองกลายเป็นของยั่วโมโหไอ้นาทีชั้นดี ทั้งๆที่มันทำเพียงแค่ชกจนผมรู้สึกมวนท้องเจ็บแปลบๆ
            ใบหน้าคมของนาทีเรียบนิ่งสนิทอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์ใดๆออกมา ถ้าให้ผมเดา บรรยากาศแบบนี้นอกจากว่าจะมีเรื่องของน้องหญิงเข้ามาเอี่ยวด้วย แต่ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งการที่ไอ้กาฬชอบนาที หรือการที่นาทีทำตัวแปลกๆไปเหมือนกับว่าพระกาฬไม่ใช่เพื่อนของมัน
            “ถ้าไม่ตอบ ก็อย่ามายุ่มย่ามกับป่านให้มันมากนัก”
            “มึงก็เอาคนของมึงไปนอนด้วยเลยสิ กูยอมให้ไอ้พีทมานอนด้วยก็ได้” นาทีว่าพลางกอดอกแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ ทั้งๆที่กำลังพูดอยู่กับพระกาฬ “ไม่ชอบซักเท่าไร ของมือสอง”
            “!!!!”
            “กฎก็ต้องเป็นกฎ ป่านต้องนอนห้องนี้กับมึง ถ้ามึงทำตามกฎไม่ได้ ก็ไปบอกกับพวกกรรมการนักเรียนเองแล้วกัน มึงอาจจะได้ห้องพักวีไอพีในส้วมหลุมท้ายโรงแรมก็ได้ใครจะรู้” ไอ้กาฬพูดเสียงเหยียดๆ ผมหัวเราะหึในลำคอเมื่อได้ยินสิ่งที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
            พูดแบบนี้อย่างกับไอ้นาทีมันจะยอมไปนอน ขนาดอ้วกใส่ตัวมัน มันยังไม่กล้าจะถอดเสื้อเลย
            ไอ้นาทีนิ่งไป ดวงตาแข็งกร้าวและก้าวร้าวนั่นปราดมองเพื่อนของมันอย่างน่ากลัว ก่อนมันจะหันหลังเข้าไปในห้อง ทิ้งท้ายคำกวนประสาทไว้ให้ผมกับไอ้พระกาฬก่อนที่ประตูจะค่อยๆปิดลง
           “บอกคนของมึงว่าอย่าตอแหลให้มากก็แล้วกัน กูไม่ชอบสตรอว์เบอร์รี่”
            ‘ปึง’
            “เมื่อกี้มันว่ามึงว่าตอแหลว่ะ” ไอ้พระกาฬพูดขึ้นพลางหัวเราะนิดๆกับคำพูดของนาที ผมหันขวับไปมองมันตาขวาง จะตอกย้ำเพื่อ?
            ถ้าไม่สตรอว์เบอร์รี่ ผมจะมายืนอยู่จุดๆนี้ได้หรือไง!
            “โว้ย หงุดหงิด” ผมร้องพลางเดินออกมาไกลๆจากห้องที่มีไอ้คนกวนประสาทอยู่ด้านในพลางกุมท้องป้อยๆ เจ็บชะมัด
            “จะไปไหนน่ะ?” คนข้างหลังถาม ผมโบกมือนิดๆ
            “ห้องมึงไง ไม่ไหวว่ะ เมื่อกี้โดนชกมา รู้สึกอยากอ้วกแปลกๆ”
            “แล้วนั่น … ไม่คิดจะใส่เสื้อหน่อยเลยหรือไง?”
            ผมชะงักฝ่าเท้าพลางมองสภาพของตัวเอง ผ้าขนหนูที่พันช่วงเอวไว้แค่ผืนเดียว สภาพหัวแฉะหลังจากเพิ่งสระผม ตัวยังมีหยดน้ำเกาะพราว ผมส่ายหัวนิดๆพลางเท้าเอว
            “ไม่ล่ะ ขอยืมเสื้อหน่อยแล้วกัน”
            “อืม…” ไอ้กาฬตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินนำหน้าผมไป ผมหันไปมองประตูห้องของไอ้นาทีที่ปิดสนิท ก่อนจะขยี้หัวเป็นรอบที่ร้อยกับคำพูดที่มันพูด
            นาทีมันรู้เรื่องทุกอย่างตั้งแต่แรกที่ผมนัดบอด คำถามคือ มันรู้ได้ยังไงว่าผมแอบชอบน้องหญิง มันรู้ได้ยังไงว่าผมเข้าหามันเพราะว่าผมต้องการให้มันแสดงความชั่วช้าออกมาให้น้องหญิงเห็น และที่สำคัญ …
            ทำไมมันต้องด่าผมสตรอว์เบอร์รี่ด้วยวะ
            ผมเดินเข้ามาในห้องพักของไอ้กาฬกับไอ้พีท ไอ้พีทที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่เบิกตากว้างเมื่อผมเข้ามาในห้องด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว เล่นเอามือที่กำลังหยิบขนมปล่อยขนมร่วงจนหกเลอะพื้น
            “ขาวอู้ววว” ไอ้พีททำหน้าระริกระรี้ก่อนจะปรี่เข้ามาหาผม ผมยกเท้าขึ้นถีบมันไปกองที่พื้นแล้วเดินแทรกตัวเข้าไปในห้องนอน นั่งลงบนเตียงก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบผ้าเช็ดหัวในห้องพักมาขยี้หัวอย่างถือวิสาสะ
            “ไอ้ป่านมาขออยู่ด้วยซักห้านาที เมื่อกี้มันมีเรื่องกับไอ้นาที” พระกาฬว่า ผมหันไปขยับปากบ่น
            “โชคดีที่มึงมาทันเวลา ไม่งั้นกูเสร็จมันไปแล้ว”
            “อ้าว กูนึกว่ามึงเสร็จมันไปตั้งแต่เข้าห้องละ” ไอ้พีทว่าพลางทำหน้าทะเล้น ผมหัวเราะกรีดเสียงทุ้มต่ำในลำคอแล้วมองมันด้วยความอาฆาต
            “มึงเนี่ยแหละจะตายก่อน”
            ไอ้พีทหัวเราะแหะๆแล้วเดินกลับไปนั่งหน้าโทรทัศน์อีกครั้ง ไอ้พระกาฬยื่นเสื้อสีขาวให้ผมกับกางเกงขาสามส่วน ส่วนสูงผมกับพวกมันไม่ค่อยต่างกันเท่าไร เลยคิดว่าใส่ได้
            “พีท … ถามอย่างดิ” ผมเงยหน้ามองคนที่กำลังใจจดใจจ่อกับรายการหมีแพนด้า ไอ้พีทหันกลับมามองพลางเลิกคิ้ว
            “ว่า?”
            “มึงรู้ใช่ป่ะว่ากูไม่ได้นัดบอดเพราะชอบไอ้นาที”
            สิ้นเสียงของผมทั้งห้องก็เงียบกริบ ไอ้พระกาฬเลือกที่จะนิ่งและฟัง มันคว้าแว่นตากับหนังสือนั่งลงบนเตียงถัดจากผมไปนิดหน่อย ผมจ้องมองใบหน้าของไอ้พีทที่ทำตาโต
            “ไม่รู้”
            “โกหก” ผมจับพิรุธได้ทันทีที่มันยิ้ม ไอ้พีทมีสีหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
            “บอกมันไปเหอะพีท ซักวันไอ้นาทีก็คงต้องบอกไอ้ป่านอยู่ดี” เป็นพระกาฬที่ขัดขึ้น ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยอย่างถึงที่สุด
            “ยังไง?”
            “ก็ พวกกูรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่ามึงไม่ได้ชอบไอ้ที” ไอ้พีทยังคงมีสีหน้าระรื่น ไม่ได้ทุกข์ร้อนใดๆ ผิดกับผมที่ความอยากรู้อยากเห็นมันขึ้นมาจุกอก
            “มีข่าวลือว่ามึงกับน้องหญิงคบกัน พอมึงมาขอนัดบอดกับไอ้ที กูเลยรู้เลยว่ามึงไม่ได้มาดีแน่ๆ แล้วยิ่งไปกว่านั้น น้องหญิงก็เคยมาที่ห้องพวกกูบ่อยๆ ชอบเอาของมาให้ไอ้ทีประจำแหละ”
            “!!!!”
            ว่าไงนะ …
            “มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะ กูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะ แค่ไม่ได้บอก”
            “แล้วไอ้นาทีล่ะ…”
            “รายนั้นเขารู้มากอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่ไอ้ทีไม่รู้ เห็นมันเงียบๆแบบนั้นรู้มากอย่างกับอับดุล พวกกูที่รู้เรื่องอยู่แล้ว เลยอยากแกล้งมึงเล่นๆตอนแรก…” ไอ้พีทว่าพลางเกาหัวแกรกๆ
            “จริงๆแล้วกูกับไอ้ริคพนันกันด้วยว่ามึงจะเสียจิ้นให้ไอ้นาทีเมื่อไร”
            ผมขมวดคิ้ววุ่น
            ไอ้พวกเวร
            “ก็เลยปล่อยเรื่องให้เลยตามเลยไป ให้มึงลองเล่นเกมส์ดู ไอ้นาทีก็ดูจะสนใจเพราะน่าจะสนุก แต่หลังๆชักเริ่มไม่สนุก…ตั้งแต่ที่น้องหญิงของมึงเข้ามาป้วนเปี้ยนมากเกินเหตุ”
            “น้องหญิง?” ผมเลิกคิ้วสูง
            อีกแล้ว … ชื่อคนๆนี้อีกแล้ว ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ผมมั่นใจมาตลอดว่าเธอเป็นนางฟ้าของผม เธอเป็นคนจิตใจดีอ่อนหวาน แต่คนพวกนี้กลับใส่ความว่าน้องหญิงคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆทั้งหมด
            จริงๆแล้วมันไม่ใช่หรอกมั้ง … ก็น้องหญิงออกจะชอบนาทีมากขนาดนั้น คงไม่ได้ทำอะไรเกินเหตุหรือร้ายแรง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกไอ้พีทถึงได้กลัวเธอมากนัก ทั้งๆที่ยัยมิลคู่นัดบอดคนเก่าของไอ้นาทีดูจะน่ากลัวกว่าน้องหญิงร้อยพันเท่า
            “อือฮึ ก็อย่างที่บอกไป มันไม่ค่อยแฮปปี้ซักเท่าไรสำหรับไอ้นาทีที่มีผู้หญิงที่กำราบไม่ได้มาอยู่ข้างๆ”
            ไอ้พีทยิ้มตาหยีแล้วยัดขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ส่วนผมได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตก
            นาทีเนี่ยนะกำราบน้องหญิงไม่ได้? เมาหรือเปล่า ได้ข่าวว่านอนกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ
            “แต่ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ก็ต้องไปถามไอ้นาทีเอา เพราะเรื่องนี้ไอ้นาทีไม่ยอมพูด ขนาดไอ้กาฬบอกว่าถ้าแม่งไม่พูดจะตัดเพื่อนกับมัน ไอ้นาทียังไม่เปิดปากเลย” ผมหันขวับทันทีที่ไอ้พีทพูดจบ รู้ได้โดยสัญชาติญาณทันทีเลยว่าเรื่องที่มันมองหน้ากันไม่ติดก็เพราะเรื่องนี้
            แต่เพื่อความแน่ใจ ถามซักหน่อยดีกว่า
            “เรื่องนี้เหรอที่ทำให้มึงตัดใจจากเพื่อนมึงน่ะ?” ผมถามไอ้กาฬที่อ่านหนังสืออยู่ด้านหลัง ใบหน้านั่นไม่ได้เงยขึ้นมามองหรือสนใจผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้า แต่กลับจับจ้องตัวอักษรภายในหนังสือราวกับว่าถ้าพลาดตอนใดตอนหนึ่งไปจะต้องเสียดายเอามากๆ
            หัวที่พยักหงึกๆเป็นสัญญาณที่ตอบว่า ‘ใช่’
            “ไร้สาระเป็นบ้า”
            “แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น … จริงๆแล้วสาเหตุที่กูตัดใจจากไอ้ทีได้ก็เพราะ…”
            ‘กริ๊งงงง!!!’
            ผมที่กำลังตั้งใจฟังไอ้พระกาฬอย่างใจจดใจจ่อแทบจะหน้าคะมำลงที่เตียงเมื่อเสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ไอ้พีทหัวเราะแล้วยิ้มร่าก่อนจะวิ่งไปรับสายปริศนา
            “อ๋อ เออ ไอ้กาฬอยู่ข้างๆ แปบนะ”
            ไอ้พีทว่าพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย มือหนาของมันยื่นหูโทรศัพท์ให้ไอ้พระกาฬที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวเองช้าๆราวกับว่ามาขัดอารมณ์ในการทำสิ่งที่ชอบ
            “ไอ้กี้โทรมาถามว่า ‘ประธานสภาโรงเรียนมึงเป็นxxxอะไร ทำไมถึงไม่ลงมาที่ล้อบบี้ซักที’”
            ผมชะงักไปกับชื่อของคนที่ถูกกล่าวถึง ลืมไปว่าไอ้กาฬเป็นประธานสภาของโรงเรียนมัน ส่วนไอ้กี้ก็เป็นประธานสภาฝั่งโรงเรียนผม ไอ้พระกาฬถอดแว่นออกอย่างเชื่องช้าพลางเอื้อมมือไปรับหูโทรศัพท์ ท่าทีที่ดูสง่าและนิ่งของมันทำให้ผมมองตาค้างไปชั่วขณะหนึ่ง
            ปกติผมไม่เคยมองว่าผู้ชายคนนี้ดูดี ติดออกจะน่ารำคาญด้วยซ้ำไป แต่พอเวลาที่หมอนี่ทำท่าทางสุขุมเหมือนกับผู้ใหญ่ มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าจะเอามันมาเป็นไอดอลคงไม่น่าจะเสียหายอะไรมาก
            “ว่า…” เสียงทุ้มๆกรอกลงไปในโทรศัพท์ ผมละสายตาออกจากพระกาฬเล็กน้อย ไอ้พีทโยนถุงขนมทิ้งลงถังขยะพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
            “กลับไปเตรียมตัวที่ห้องไป เราจะไปทำกิจกรรมที่ริมชายหาดกัน ”
 
*
 
            ผมยืนเซ็งกะตายอยู่ที่ชายหาดกับเพื่อนๆกว่ายี่สิบชีวิตที่ถูกแยกออกจากอีกครึ่งหนึ่งที่ตรงไปที่โรงแรมอีกจังหวัด ทริปนี้มันลำเอียงตรงที่ว่า ครึ่งหนึ่งที่ไม่ใช่พวกผมถูกส่งไปช่วยชุมชนและเด็กยากไร้เพื่อพัฒนาหมู่บ้านบนดอย ส่วนพวกผม เพราะอำนาจบารมีของประธานสภาทั้งสองคน เลยทำให้เรากลายเป็นว่าต้องมาทำกิจกรรมสานสัมพันธ์แทนที่จะไปช่วยเหลือใคร
โลกโคตรเบี้ยวเลย
            “เอาล่ะครับพวกเพื่อนๆ ตอนนี้ได้เวลาสานสัมพันธ์แบบจัดหนัก เนื่องจากว่าสาวๆมีจำนวนน้อยกว่าชายหนุ่มอย่างเราๆเกือบครึ่ง จึงขอให้สาวๆจับกลุ่มกับหนุ่มๆ 2 ชายชาติหมากับหนึ่งสาวใบหม่อน ใครช้าปั่นจิ้งหรีด”
            เป็นเสียงไอ้พีทที่ดังขึ้นร่ายยาวเหยียดพร้อมกับคำสั่ง ผมหันไปมองรอบๆก่อนจะไปเจอะกับไอ้ฟ้าที่โบกมือมาทางนี้ ตอนแรกผมทำท่าจะเข้าไป แต่ไอ้ฟ้าดันโดนฝนน้องสาวเกือบๆฝาแฝดของมันคว้าตัวเอาไว้แล้วจับกลุ่มกับผู้ชายต่างโรงเรียนอีกคนเรียบร้อย
            ในขณะที่กำลังชุลมุนกับการจับคู่อยู่นั่นเอง ผมก็รับรู้ได้ถึงร่างที่สูงเกือบเท่าๆกันที่เดินงงๆมาอยู่ข้างๆ ผมเหลือบหันไปมองร่างของไอ้นาทีที่สวมเสื้อยืดสีขาวเหมือนๆกับผมกับกางเกงขาสามส่วนสีดำสนิทในขณะที่ของผมเป็นลายดอกสีฟ้า
ให้ตายผมก็จะไม่อยู่กับคนที่ด่าผมว่า ‘สตรอว์เบอร์รี่’
            ‘หมับ!’
            “จับได้แล้ว!” มือเรียวเล็กของผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มแบบตุ๊กตาคว้าคล้องแขนผมกับไอ้นาทีเอาไว้ ใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้ผมชะงักกึกไปนิดหน่อย ผิดกับไอ้นาทีที่นิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
            “หญิง…”
            “อยู่กลุ่มเดียวกันนะ ทั้งป่านทั้งนาทีเลย” น้องหญิงว่าพลางหัวเราะร่า ในขณะที่ใจผมไม่ได้หัวเราะไปด้วยเลย ผมสอดสายตาหาความช่วยเหลือก่อนจะไปสบตากับไอ้พระกาฬที่ไม่ต้องร่วมกิจกรรมนี้ มันกับไอ้กี้นั่งอยู่ที่ใต้ร่มในขณะที่พวกผมต้องยืนตากแดด แต่หน้าที่ของพวกมันสองคนคือต้องดูแลความปลอดภัยดังนั้นไอ้พระกาฬจึงทำได้แต่ท่าปาดคอให้ผม
            เป็นเชิงบอกว่า
            มึงตายแน่
            “เอ้าๆ จับกลุ่มได้แล้วก็นั่งลงครับนั่งลง แดดร้อนๆอย่างนี้ต้องเล่นเกมส์ เยลลี่คลายร้อนกันซักหน่อย!!! สต๊าฟฟฟฟ ขออุปกรณ์หน่อยเว้ยยย!!!” ไอ้พีทแหกปากลั่น พวกผมถูกสั่งให้นั่งลงเป็นกลุ่มๆท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ ผมพยายามใช้ตัวบังน้องหญิงเอาไว้ แต่น้องหญิงกลับเขยิบตัวเข้าหานาทีที่ไม่ทำบ้าอะไรเลย ผมมองด้วยสายตาเป็นห่วงและคาดคั้นไอ้นาที
            แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้สึกบ้าอะไรซักนิดกับท่าทางของผม
            ปีโป้ที่ยังไม่ถูกแกะในกาบมะพร้าวถูกวางลงตรงกลางของแต่ละกลุ่ม ผมมองสิ่งของเหล่านั้นพลางทำหน้าเอือมๆพอๆกับไอ้นาทีที่ดูเหมือนโลกในวันนี้โคตรน่าเบื่อ จะมีเพียงน้องหญิงคนเดียวมั้งที่ยังยิ้มร่าตลอดเวลา พลันเสียงคำสั่งของไอ้พีทก็ดังขึ้น มันหันมามองหน้าผมราวกับว่าจะเกิดเรื่องซวยๆขึ้น ก่อนจะยกมือขอโทษผมแบบขอไปที ผมเลิกคิ้ว
            “เกมส์นี้มีกฎอยู่ว่า ให้ใช้ปากแกะปีโป้ จะทำวิธีไหนก็ตามแต่ ห้ามใช้มือแตะเด็ดขาด สามทีมสุดท้ายที่ช้าที่สุด จะต้องถูกทำโทษครับพี่น้องงงงง!!!!”
            “ปัญญาอ่อน”
            สิ้นเสียงคำสั่งผมกับไอ้นาทีก็โพล่งออกมาพร้อมๆกันทันที ในขณะที่กลุ่มอื่นเริ่มลงมือแกะปีโป้ด้วยปากกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นผม ไอ้นาที แล้วก็น้องหญิงที่กำลังนั่งครุ่นคิดในสิ่งที่กำลังจะทำ
            “พร้อมยัง” น้องหญิงว่าพลางยกยิ้มหวาน ผมส่ายหน้านิดๆพลางมองหน้าไอ้นาที เหมือนไอ้นาทีมันจะรู้ว่าผมกำลังด่ามันอยู่ในใจมันเลยคาบตูดปีโป้ที่อยู่ในถ้วยกาบมะพร้าวขึ้นมาแล้วยื่นไปด้านหน้าน้องหญิง ร่างเล็กเบิกตากลมๆอย่างตกใจ
            “แอะเอ็ว (แกะเร็ว)” ไอ้นาทีว่าก่อนจะหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม ผมมองน้องหญิงที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสี ก่อนจะกลืนก้อนสะอึกเอื้อกใหญ่เมื่อริมฝีปากของเธอกำลังจะแตะลงบนส่วนปากของปีโป้ ใกล้ไป ... ใกล้ไปแล้ว
            ผมหันไปมองไอ้พระกาฬอีกครั้งอย่างขอตัวช่วย มันทำท่าสัญญาณเตือนภัยเป็นเชิงว่า
            “ไอ้เชี่ยป่าน!!!! มึงต้องบุก!!!”
            “ขอโทษนะ!!!” ผมคว้าตัวน้องหญิงออกมาให้ห่างจากไอ้นาทีก่อนจะอมส่วนปากของปีโป้เอาไว้ ดวงตาสีเทาอ่อนๆที่ชัดเจนตอนถูกแสงแดดกระทบเบิกขึ้นอย่างตกใจ ผมขมวดคิ้วแล้วใช้ฟันขบกัดลงที่ตัวปีโป้อย่างแรงจนตัวฝาพลาสติกกระเด้งเปิด เร็วๆไว้ก่อนได้เปรียบ ผมเองก็ไม่อยากจ้องตามันนานจนท้องเป็นปลากัดหรอกนะ
            ผมเคี้ยวปีโป้นั่นตุ้ยๆพลางถอนริมฝีปากออกจากตัวหลอดปีโป้ น้องหญิงมองผมอย่างอึ้งๆ ผมกลืนปีโป้รสองุ่นนั่นลงคอก่อนจะยิ้มแห้งๆแล้วขยี้หัวน้องหญิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
            “เดี๋ยวหญิงสำลัก ป่านทำเอง”
            หึหึหึ มึงตายแน่ๆไอ้นาที จงสำลักชักหงึกๆตายเพราะความคาดไม่ถึงจากคนอย่างกูซะ!!!





TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.09] 20/1/57 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 21-01-2014 00:27:30
เพิ่งจะพานพบเรื่องนี้ สนุกมากกกกกกกก   o13

ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสต์ค่ะ    :จุ๊บๆ:

มาต่ออีกนะๆ  :oni3:

หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.09] 20/1/57 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: นุ่งหนิง ที่ 21-01-2014 07:10:21
ชอบเรื่องนี้มาก
ไม่ค่อยได้อ่าน แบบ นี้
ดูๆๆ ท่าจา รักกันยาก
มีปมน่าติดตาม
แต่ ...ลุ้น นาที รัก ป่าน นะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.09] 20/1/57 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 21-01-2014 09:01:07
อ่านมาถึงตอนนี้เริ่มมั่นใจว่าน้องหญิงคนดีของนายป่านจะไม่ดีอย่างที่ว่าแล้วล่ะนะ เธอต้องแรงพอตัวแหงเลย 5555+


ป่านกับนาที... เมื่อไหร่จะปิ๊งกัน อยากรู้~ 555+
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.09] 20/1/57 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-01-2014 12:39:39
เรื่องมันวุ่นวายตั้งแต่ป่านนัดบอดแล้วแหละ และไอ้การแก้ปัญหาพวกนี้อีกมันไม่ได้ช่วยแก้เลยมีแต่ทำให้ยุ่ง ไปทำให้อีกคนมารักหาพ่อเด็กจะง่ายกว่ามั้ย ล้อเล่นกับความรู้สึกคนแย่มาก แก้ปัญหาได้เด็กจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.09] 20/1/57 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 21-01-2014 13:00:17
 :z13:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 23-01-2014 16:07:41
10

            กิจกรรมช่วงเช้าผ่านไปอย่างน่าเบื่อสุดๆ แม้จะได้สวีท(?)ทัวร์นรกกับไอ้นาที หายใจรดกันบ้างล่ะ แตะเนื้อต้องตัวเกินเพื่อนบ้างล่ะ แต่ผมรู้สึกเฉยมากเพราะมันไม่มีอะไรน่าวี๊ดวิ่วซักนิด ความหวังที่จะทำให้นาทีรักผมลดเหลือศูนย์ถึงติดลบอินฟินิตี้ ถึงแม้ไอ้กาฬจะคอยส่งซิกส์ตลอด แต่ผมขอบอกเลยว่าผมหมดอารมณ์จะแย่งไอ้นาทีมาจากน้องหญิงจริงๆ
คนอื่นสนุกกันแต่ผมกลับมีสีหน้าที่บึ้งตึงตั้งแต่ตอนบ่าย ทั้งร้อน ทั้งหงุดหงิดคนข้างๆที่จะต้องกระเตงไปกระเตงมาเหมือนลูก พฤติกรรมของคู่รักที่เป็นที่จับตามองทำให้ผมกลายเป็นส่วนเกิน เหมือนกับหลุมดำที่กำลังขยายพื้นที่
            ผมชักจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้นาทีขึ้นทุกวันๆ แล้วจะให้ผมรักมันลงงั้นเหรอ?
            สาบานได้ว่าเมื่อก่อนผมเคยเทิดทูนว่ามันเป็นคนที่เจ๋งอยู่ แต่ตอนนี้ผมอยากบีบคอมันจัง
            “ปล่อยๆมือกันบ้างก็ได้นะ ระวังขี้กลากจะขึ้น” ผมเดินผ่านไอ้นาทีที่จับมือน้องหญิงเอาไว้ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหน กระซิบให้พอรู้กันสองคนเพื่อให้มั่นใจว่าน้องหญิงจะไม่ได้ยินคำประชดประชัน
            “อิจฉา?” คนข้างๆเลิกคิ้วแล้วทำหน้ากวนฝ่าเท้า ผมส่ายหน้า
            “เปล่า กลัวน้องหญิงจะติดเชื้อโรค”
            “หืมป่านเรียกหญิงเหรอ!” ร่างเล็กหันขวับทันทีเมื่อผมพูดจบ แอบหวาดๆเหมือนกันว่าหญิงจะได้ยิน แต่ไม่หรอก เธอยังยิ้มแป้นอยู่เลย
            “หญิงไม่สนใจป่านเลย จะงอนแล้ว”
            ผมอมลมเข้าแก้มก่อนจะหันหลังหนีหญิง ผมไม่ค่อยจะทำอะไรแบบนี้ซักเท่าไรหรอก ปกติจะทำก็ต่อหน้าน้องหญิงคนเดียวเวลาลับๆหรือเวลาเธอไม่สนใจ
            “อ๋า งอนอีกแล้ว ไม่เอานะไม่งอน” น้องหญิงปราดเข้ามาหาผมทันทีแล้วเกาะแขนผมพลางดึงๆอยู่สองสามที ผมอารมณ์ดีแล้วยิ้มหน้าบานแฉ่งเหมือนกำลังกุมชัยชนะเหนือไอ้นาที
            หึหึ
            “หายละ”
            “แค่กๆ” จู่ๆนาทีก็ไอค่อกแค่กออกมา ผมหันไปทำตาขวางใส่มัน ส่วนน้องหญิงก็เหมือนจะเลือกไม่ได้ซักทีทั้งๆที่ผมควรจะสำเหนียกตัวเองได้แล้วว่าผมเป็นแค่เพื่อน ตัวจริงของเธอคือไอ้เวรตรงหน้า
            “นาที … เป็นอะไรน่ะ?”
            “สำลักสตรอว์เบอร์รี่”
            “!!!!” เหอะ
            ผมเดินพุ่งหลาวออกจากบริเวณนั้นทันที ไม่รอให้น้องหญิงถามหรอกว่านาทีไปกินสตรอว์เบอร์รี่มาตอนไหน เห็นๆอยู่ว่าแม่งประชดใส่ผม อยู่ด้วยกันแล้วแม่งจะเป็นโรคประสาทตาย
            “เฮ้ยป่าน!!! เดินไปตรงนั้นไม่ดะ…!!!!”
            “เฮ้ย!!!!”
            เสียงตะโกนที่ดังขึ้นด้านหลังดังพอที่จะทำให้ผมสะดุ้งแล้วรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกดูดลงไปด้านล่าง ผมไถลลงไปในบ่อที่หมาตัวไหนมันขุดเอาไว้พอฝังม้าได้ทั้งตัว แล้วไอ้เสียงเรียกนั่น
            เสียงไอ้กี้แน่ ผมจำได้แม่น
            “ป่าน!!! ตายยังวะ!!?” สาบานได้ว่ามึงเป็นห่วงกู ห๊ะ!!!
            “มึงจะฝังกูเหรอ” ผมเงยหน้าสบกับพระอาทิตย์และหัวกลมๆของประธานสภาโรงเรียนตัวเอง ไม่นานนักก็มีสมาชิกอื่นๆวิ่งกรูกันเข้ามามุง
            “เป็นไรหรือเปล่า?” เป็นไอ้พระกาฬที่ไถตัวลงมาหาผม ผมโบกมือส่ายๆว่าไม่ต้องห่วง
            ไม่เจ็บไม่ปวดไม่พิการ
            “บอกคนอื่นๆกลับไปที่ล้อบบี้ จองสระว่ายน้ำไว้แล้ว” ไอ้กี้หันไปพูดกับไอ้ต้า รองประธานสภา มันพยักหน้าหงึกๆแล้ววิ่งหายไป
            “ใครมาขุดหลุมเล่นตรงนี้วะ” ผมบ่นอุบ พลางขยับตัวเล็กน้อยเมื่อไอ้พระกาฬจะพยุงตัวผมขึ้นก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ฝ่ามือด้านขวา
            “กูเปล่าขุด มันมีคนมาขุดเล่นเอาไว้ กะว่าจะมากลบตอนเย็นๆ ไม่นึกว่ามึงจะโง่อยากลงไปเล่นในนั้น”
            “หึไอ้หมาคุกกี้ อย่างกับว่ามึงติดป้ายหน้าหลุมว่าระวังตกอย่างนั้นแหละ”
            “กูติดแล้วนะ แต่มันปลิวไปไหนไม่รู้” ไอ้กี้ว่าแล้วนั่งยองๆ
            “มึงโอเคใช่ป่ะ?” ไอ้แว่นข้างบนถาม เหมือนเสียงลูกหมาเห่า ผมไม่ได้สนใจเท่าไร สนใจก็แต่มือขวาของตัวเองที่รู้สึกได้ว่ามันเริ่มจะปวดๆตุ๊บๆแล้วล่ะ
            “เจ็บมือ”
            “เฮ้ย!!!” เมื่อผมยกมือขึ้นมาก็แทบจะชาไปครึ่งแถบ มือที่ไว้ใช้ทำมาหากินถูกเศษแก้วบาดลึกจนน่ากลัว ไอ้กี้ถึงกับแทบจะอ้วกวิ่งหนีออกไปนู่นส่วนไอ้พระกาฬด้วยความตกใจมันเลยดึงมือผมอย่างแรงจนตัวผมเซเข้าไปซุกที่แผงอกของมันอย่างหมดเรี่ยวแรง
            “โอย เจ็บ”
            “เวร แผลลึกไปแล้ว รีบไปทำแผลเหอะว่ะ”
            “กู … ไม่ไหว” ผมเอื้อมมือซ้ายไปจับแขนเสื้อของพระกาฬ ก่อนที่ตาจะค่อยๆปรือปิดลงเรื่อยๆจนกลายเป็นความมืดไปทั้งหมด
            ร่างของพระกาฬปีนขึ้นมาจากหลุมนั่นพร้อมกับดึงตัวร่างโปร่งอีกคนขึ้นมาด้วย คณะกรรมการร้องฮือฮากันใหญ่เมื่อเห็นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บและเป็นลม ทุกคนวิ่งวุ่นเป็นหนูติดจุ่นยกเว้นคนสองคนที่ทิ้งไว้ทั้งแววตาที่เป็นห่วงเป็นใย กับแววตาที่ขุ่นเคืองในใจ


            ผมขยับตัวภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะลืมตาหนักๆขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกหนังตาหนักเป็นบ้าเลย เวรๆ แล้วนี่มันอะไรกัน ทำไมผมถึงมานอนอยู่ที่เตียงได้ เมื่อกี้ยังอยู่ที่ชายหาดอยู่เลยนะ
            “นึกว่าตายแล้ว”
            เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นปลายเท้าทำให้ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นใบหน้าของคนๆนั้น ผมยันตัวขึ้นนั่ง
            “หึ สนด้วยเหรอ”
            ผมว่าก่อนจะมองฝ่ามือที่พันไว้เรียบร้อยอย่างสวยงาม ไอ้เจ็บมันก็ยังเจ็บอยู่น่ะนะ แต่ผมรู้สึกเพลียเกินกว่าความเจ็บซะอีก
            ไอ้นาทีลุกขึ้นจากปลายเตียงของผมแล้วเดินไปที่เตียงของมันก่อนจะเก็บหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มบางๆไว้ใต้หมอนพลางเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมขยับตัวลงไปนอนซุกผ้าห่มอุ่นๆอีกครั้งพลางมองไปทั่วห้อง
            พระกาฬล่ะ? มันช่วยผมไว้ ต้องขอบคุณหน่อย
            ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตู ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะประตูคนในห้องน้ำก็เดินออกมาขวางซะก่อน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “มึงไม่ไปร่วมกิจกรรมหรือไง?” ใช่ ไอ้นาทีสมควรอยู่กับน้องหญิงข้างล่างที่ล้อบบี้ กิจกรรมสระว่ายน้ำอะไรของไอ้กี้มัน
            “นี่มันตีสองแล้ว ใครจะมาทำกิจกรรม”
            ผมอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนความคิดที่จะไปหาไอ้พระกาฬจะถูกลบไปโดยสิ้นเชิง
            มันคงหลับแล้วมั้ง
            “เออ” ผมสบถก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง ไม่ทันไรมือหนาๆก็สวมกอดเข้าที่เอว ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วพยายามจะสะบัดตัวออกกลับกลายเป็นร่วงลงไปกองที่พื้นพรมพร้อมกับฝ่ามือที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันกระทบอะไร
            “โอ้ย!!”
            “ป่าน!”
            ไอ้นาทีรีบจับมือของผมขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว เลือดเริ่มซึมออกมาจากผ้าพันแผล ผมกัดปากระงับความเจ็บสุดใจขาดดิ้น
            “ออกไป อย่ามาแตะตัวกู”
            ผมพยายามผลักคนตรงหน้าออกไป แต่เรี่ยวแรงกลับถูกสูบหายไปหมด
            ผมเสียเลือดมากๆไม่ได้ …
            ไอ้นาทีเหมือนจะเห็นว่าหน้าผมเริ่มซีด มันเลยพยุงตัวผมขึ้นไปนอนที่เตียงที่เดิม ผมหันหลังให้กับนาทีที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่กับมือของผม มันทำท่าจะแกะผ้าพันแผลออกแต่ผมสะบัดทิ้ง
            “บอกว่าอย่ามายุ่ง”
            “เงียบปากซักที!”
            เหมือนเป็นคำสั่งทะแม่งๆ ผมนิ่งลงแล้วปล่อยให้มันจัดการกับฝ่ามือของผม ความรู้สึกเย็นๆทำให้ผมรู้สึกว่าผ้าพันแผลถูกถอดออกไปแล้ว ผมกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆเพื่อกลั้นเสียงร้อง
            มันเจ็บมาก ไม่ต้องบอกเลยว่ามันลึกขนาดไหน
            กลิ่นแอลกอฮอล์เย็นๆแตะลงที่จมูกผมพลิกตัวกลับแทบจะทันทีก่อนจะมองไอ้คนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำแผลที่มือขวาของผม ผมชะงักไป …
            ทำไมกันนะ … ทั้งๆที่เห็นหน้ากันจนชิน
            แต่ทำไมไอ้นาทีถึงได้มีหลายอารมณ์นัก
            นี่เป็นการแก้แค้นที่ผมหลอกมันหรือเปล่า…
            ทำไมถึงได้…
            “โอ้ยยยยยย!!! เบาเบาหน่อยเจ็บ!!!!” ผมร้องจ้ากทันทีเมื่อสำลีชุบแอลกอฮอล์แตะลงที่แผล หยดน้ำตาปริ่มออกจากตาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไอ้นาทียิ้มมุมปากอย่างสะใจ
            “ยิ้มหาพ่อเธอหรือ?!”
            “หึ กรรมตามสนอง ตอแหลบ่อยนัก” มือหนักๆ เหยาะเบตาดีนลงบนแผลผมแบบไม่ถามอะไรซักคำ ผมร้องจ้ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
            เจ็บอาราเล่!!!!
            “โอ้ยยย เบาๆ!! จะฆ่ากูหรือไง ไอ้โง่!!!” ผมใช้มือซ้ายตีหัวไอ้นาทีอย่างแรงดังปั่ก มันหันมาทำตาขวางใส่ผม ทีใครทีมันสิวะ ใครใช้ให้มือหนักแบบนี้ ทำแผลคนนะเว้ยไม่ใช่ไม้กระดานที่จะไม่มีความรู้สึกน่ะ
            “ไม่ต้องมามองหน้า!!! มือคนหรือมืออะไรวะ หนักเป็นบ้า”
            “ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเองเลยเนอะ”
            “ฮึ่ม ย้อนเหรอวะ”
            “เปล่า … พูดไปให้ควายรับ”
            โว้ย!!!
            “พูดกับมึงทีไรประสาทเสียทุกที”
            ผมบ่นแล้วหันหลังให้ไอ้นาทีอีกครั้ง รู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่รู้ว่ามือมันเบาลงจนกลายเป็นว่าไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงปล่อยให้แอร์เย็นๆกระทบหน้า บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบจนกลายเป็นว่าได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่เปิดค้างอยู่
            “มึงกับไอ้กาฬคบกันอยู่เหรอ” จู่ๆไอ้นาทีก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็น ผมชะงักไป
            เปล่า
            อยากจะตอบแบบนั้นอยู่หรอก แต่ขอหน่อยเหอะ ซักนิดก็ยังดี
            “หวานชื่นเชียวล่ะ” ผมยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะคิกคักในใจ
            “งั้นเหรอ…”
            ไอ้นาทีเหมือนนิ่งไปผมหันกลับไปมองหน้ามันอีกครั้งแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากของไอ้นาทีอยู่ใกล้ใบหน้าผมไม่ถึงคืบ ผมเบิกตากว้างแล้วมองดวงตาที่แน่วแน่ของไอ้นาที ก่อนจะรู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าคมๆนั่นเคลื่อนเข้าใกล้เรื่อยๆ
            “โอ้ว ซาร่าห์! สาหร่ายสไปรูรีน่า…”
            “พรืด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!!!” ผมหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงโฆษณายอดฮิตติดหูดังออกมาจากทีวี ไอ้นาทีหลับตาเหมือนเอือมกับสิ่งที่ผมทำก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันหลังหนีทันที
            โอย ขำ
            ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
            ผมเปล่าเส้นตื้นจริงๆนะ
            นาทีนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างผมอีกครั้ง มันเงียบไปอีกแล้ว ผมมองใบหน้านิ่งๆและฝ่ามือที่กำลังพันผ้าก็อตลงบนมือของผมทบไปเรื่อยๆ
            “แล้วมึงกับหญิงล่ะ เป็นไงบ้าง”
            ผมเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อนแล้วสบตาคนตรงหน้า นาทีเลื่อนสายตามามองผมเล็กน้อยแล้วหันกลับไปสนใจแผลของผมเหมือนเดิม
            “ก็ดี”
            ก็ดีงั้นเหรอ…
            “มึงรักหญิงหรือเปล่า?”
            ผมสังเกตเห็นว่าไอ้นาทีชะงักมือไป ก่อนมันจะหยิบกรรไกรในกล่องปฐมพยายามแล้วตัดผ้าก็อตพลางเอาสก็อตเทปมาแปะทับเพื่อไม่ให้มันหลุด มันเก็บอุปกรณ์แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
            ผมใจแป้วๆพิลึก
            “กูเป็นผู้ชาย… มึงก็เป็นผู้ชาย” ก่อนไอ้นาทีจะเดินออกมาแล้วนั่งลงที่เดิม ผมมองมันนิ่งๆ
            “กูจะพูดในสิ่งที่ลูกผู้ชายเขาทำกัน นั่นคือพูดความจริง”
            ผมพยักหน้าตอบ
            “ก็ได้ มึงพูด กูพูด ลูกผู้ชาย” ผมว่าพลางทำมือชาวร็อค ไอ้นาทียิ้มมุมปากนิดๆ
            “กูไม่ได้ชอบหญิง”
            เหมือนยกภูเขาลูกโตออกจากอก ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
            “มึงก็เลิกเกาะแกะกับหญิงซะสิ” ผมว่า ไอ้นาทีส่ายหน้าแล้วมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
            “กูต้องคบกับเธอเพื่อไอ้พีท ไอ้ริค และไอ้กาฬ”
            “??”
            “มึงรู้มั้ยป่าน … ว่าหญิง ไม่ได้มีอะไรกับกูเป็นคนแรก”
            “!!!” ว่าไงนะ…
            “ไอ้พระกาฬสืบรู้ว่าหญิงใช้บริการโฮสต์คลับเถื่อนมาปีกว่าแล้ว เธอไม่ได้ขาย แต่เธอซื้อ”
            “โกหก”
            “กูเป็นลูกผู้ชายพอป่าน … พอหญิงรู้ว่าพวกกูรู้เรื่องเลยขู่ว่าจะฟ้องศาลถ้าเกิดพวกกูเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ มึงก็รู้นี่ว่าพ่อของหญิงนอกจากจะเป็นอธิการบดีโรงเรียนแล้วยังเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน…”
            ผมรู้สึกราวกับโดนตบจนหน้าชา ทั้งไอ้พีท ไอ้ริค และไอ้พระกาฬต่างก็ตอบแบบเดียวกันว่าหญิงไม่ใช่คนที่ดี แล้วไหนจะที่ไอ้นาทีพูดเมื่อกี้ …
            “ไม่จริงหรอก หญิงอยู่กับกูทุกวันไม่มีเวลาไปทำเรื่องแบบนั้น…”
            “ไม่ทุกเวลาหรอก มึงก็รู้นี่ป่าน” ผมกระถดตัวถอยหลังขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอีกครั้ง มือสั่นจนควบคุมไม่อยู่ รู้สึกเจ็บลึกๆอึดอัดจนหายใจไม่ค่อยออก
            ผมรักหญิงมาก ผมรักหญิงมากพอๆที่จะเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น
            “โกหก”
            “แล้วกูก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นด้วย”
            ผมเบิกตาโพลงแล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ไอ้นาทีเสยผมขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นจางๆที่หน้าผาก ผมขมวดคิ้ววุ่น หมายความว่ายังไง… นาทีไม่เคยมีอะไรกับหญิง?
            “ถ้าไม่มีอะไรกับหญิงแล้วมึงมาพูดได้ไงว่ามึงไม่ใช่คนแรกของหญิง!”
            “ไอ้พระกาฬ…”
            หา..
            “ไอ้กาฬต่างหากที่เป็นคนมีอะไรกับหญิง ไม่ใช่กู”
            “มึง … โกหก…” ผมใช้เท้าเตะที่ไหล่ของไอ้นาทีอย่างแรง ใช่ มันโกหกแน่ๆ มันต้องโกหกเพราะว่ามันอิจฉาไอ้พระกาฬที่มีแต่คนเรียกหา มันอิจฉา มันอยากได้น้องหญิงไว้คนเดียว
            ผมวิ่งลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ประตู ตั้งใจว่าคราวนี้ผมต้องคุยกับไอ้กาฬให้รู้เรื่อง แต่ยังไงก็ไวไม่พ้นคนที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีกว่าตัวเอง ผมทรุดตัวลงนั่งที่ประตูอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะซุกหน้าลงที่แขนสองข้างที่วางท้าวอยู่บนเข่า
            “กูกับพระกาฬโกหกไอ้พีทกับไอ้ริคว่ากูเป็นคนที่มีอะไรกับหญิง แต่จริงๆแล้วกูไม่เคยมีอะไรกับเธอ พระกาฬเป็นคนที่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่จะสืบว่าเธอไม่ได้จะเข้าหากูเพราะต้องการอย่างอื่น แล้วที่กูทะเลาะกับไอ้กาฬ มันก็เป็นแค่ฉากเพื่อให้หญิงเห็นว่ากูไม่ได้เข้าข้างเพื่อน … ไม่งั้นหญิงจะต้องเล่นงานพวกกูแน่ๆ…”
            ไอ้นาทีไล่เรื่องราวยาวเหยียดจนผมต้องยกมือขึ้นมาปิดหู ผมเม้มริมฝีปากแน่นพลางนึกไปถึงใบหน้าหวานที่คอยคลี่ยิ้มให้ผมเสมอเวลามีเรื่องทุกข์ใจ คนที่คอยปลอบประโลมและอยู่ข้างๆผม คนที่ผมคอยเฝ้าปกป้องและทะนุถนอมมาตลอดตั้งแต่จำความได้
            “มึงโกหก … โกหก” ผมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนอ้อมกอดอุ่นๆที่ถูกคนตรงหน้ามอบให้จะสวมกอดเข้ามา ผมพยายามไล่น้ำตาที่จะไหลออกมา
            ผมไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ
            มือซ้ายของผมจิกลงบนเสื้อของไอ้นาทีจนเป็นรอยยับ
            “พระกาฬบอกว่าให้กูทำให้มึงรักกู … เพราะถ้ามึงรักกูแล้ว … ก็ไม่มีอะไรที่จะทำอะไรมึงได้แม้แต่หญิงก็ตาม… แล้วมันก็จะเป็นทางที่จะช่วยให้พวกมึงไม่ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ”
            ผมว่าพลางกัดริมฝีปากแน่นอีกครั้ง
            หญิงไม่ทางเป็นแบบนั้นแน่ๆ
            “หึ มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยรักใคร…”
            ผมพยักหน้าหงึกๆแล้วดันตัวไอ้นาทีออก
            “กูรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่น่าเชื่อ ยิ่งเป็นมึง คนที่รักผู้หญิงคนนั้น…” ไอ้นาทีว่า แล้วนั่งขัดสมาธิลงข้างหน้าผม
            “ถ้ามึงไม่เชื่อ กลับจากค่าย ไปโฮสต์คลับกับกู แล้วจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”




TBC
รู้สึกว่าคนอ่านกันน้อยจังเลย T_T
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-01-2014 19:52:21
ผู้หญิงอะไรใช้โฮสต์คลับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 23-01-2014 20:50:15
เหมือนเคยอ่านเรื่องนี้ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ว่าอ่านนานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: killerofcao ที่ 24-01-2014 01:14:12
น่่สงสาร
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 24-01-2014 07:01:33
สนุกอ่ะ ลุ้นมากเลยน่ะนี่

ตกลงหญิงนี่ยังไง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 24-01-2014 08:19:34
เห็นมั้ยๆๆๆ ว่าแล้วว่าหญิงต้องร้ายใช่เล่นแหง สงสารป่านอ่ะ หันมารักนาทีดีกว่านะป่าน คนอ่านเชียร์อยู่นะจ๊ะ 5555+
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-01-2014 07:19:21
โอ้หญิงจะร้ายกาจขนาดนั้นจริงๆเหรอ


เรื่องราวซับซ้อนจังแล้วนาทีจะรักเหรอ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 25-01-2014 20:36:39
11

            ผมตื่นขึ้นมากลางดึกพลางมองไปยังเตียงด้านข้างที่มีร่างของนาทีนอนอยู่ ผมนอนไม่หลับ ให้ตายสิ พลางคว้านาฬิกาขึ้นมา ตอนนี้ประมาณตีสามครึ่ง ผมหัวถึงหมอนเมื่อตอนตีสองครึ่งหลังจากที่คุยกับไอ้นาทีเสร็จ บทสนทนาจบแค่ตรงนั้น … ตรงที่ว่ามันจะพาผมไปเจอกับความจริง
            มันจะงี่เง่าไปมั้ยถ้าผมไม่อยากจะรู้ความจริงอะไรนั่น
            ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเช็คว่าไอ้นาทีมันจะไม่ตื่นขึ้นมา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปพร้อมกับใช้รองเท้ากั้นประตูไว้ไม่ให้มันล็อคอัตโนมัติ ผมเดินตรงไปที่ห้อง 249 ห้องของไอ้กาฬและไอ้พีท
            มือที่กำลังจะยกเคาะห้องชะงักกึกเมื่อมีมือหนาของใครซักคนสวมกอดผมจากด้านหลังเอาไว้ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอทำให้ขนลุกซู่ กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งติดจมูกเมื่อตะกี้แล่นเข้ามา ไม้แม่แต้จะต้องหันไปเลยผมก็รู้ว่าใคร
            นิ้วเรียวของไอ้นาทีชี้ไปที่ทางเดินด้านข้างที่มีไฟติดอยู่ ไอ้พีทยืนอยู่หน้าห้องอื่น มือของมันถือหมอนใบหนึ่ง เนื้อตัวยังอยู่ในชุดนอน ผมดึงมือของไอ้นาทีที่โอบตัวผมไว้ออก ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ามัน ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปหาไอ้พีทที่ทำท่าเหมือนจะพังประตูอีกห้อง
            “พีท”
            “เฮ้ย! ไอ้เวร ตกใจหมดนึกว่าผี” ไอ้พีทจับหน้าอกตัวเองอย่างตกใจ
            “มึงมาทำไรห้องไอ้ริค” เป็นนาทีที่ถามขึ้น ผมขมวดคิ้วสงสัย
            “เอ่อ … คือ” ท่าทีอึกอักของไอ้พีททำให้ผมเริ่มจะรู้สึกแย่ มันทำท่าเหมือนกับว่าไม่อยากพูดให้ผมฟัง เหมือนมันอยากจะบอกเฉพาะนาทีคนเดียว ผมพยายามใช้สายตาคาดคั้นมันแต่มันก็หลบสายตา
            “กูค่อยฟังจากปากนาทีก็ได้!”
            “โอเคๆ หญิงมาขอเจอไอ้กาฬ กูเลยย้ายมานอนห้องไอ้ริค” ไอ้พีทใส่รัวไม่ยั้งทันทีเมื่อเห็นผมจะเดินออกไป แต่คำพูดนั้นถ้าเลือกได้ ผมขอไม่ฟังซะจะดีกว่า …
            ‘กริ๊ก’
            “อะไรวะไอ้สะ…” ไอ้ริคเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าง่วงๆของมันออกมานอกห้อง มันทำท่าทางตกใจเมื่อเห็นผมกับนาทียืนอยู่ด้วย
            “พวกมึงมาทำอะ…” คาดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่อยากให้ไอ้ริคพูดจบประโยค ทั้งไอ้พีทและผมก็โดนผลักเข้าไปในห้องของริคมันทันที
            “เฮ้ยๆ อะไรวะ นี่จะมายึดที่นอนกันหรือไง!!”
            “นอนด้วยนะจ๊ะที่รัก ม๊วฟ” ไอ้พีททำน้ำเสียงล้อเลียนพลางหัวเราะลั่นเมื่อไอ้ริคทำหน้าจะอ้วก มันเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปเลยทันที
            “เวร แล้วพวกมึงล่ะ ห้องตัวเองมีไมไม่ไปนอน พรุ่งนี้ลุยยาวนะเว่ย”
            “กูลืมเอาอะไรคั่นประตูไว้เมื่อกี้มันเลยล็อค” ไอ้นาทีว่า ผมหันไปทำปากพะงาบๆ
            “ทำไมมึงโง่จัง กูเอารองเท้ากั้นแล้วเอาออกทำไม”
            “กลัวมึงจะไปเคาะประตูแล้วเห็นภาพที่ไม่น่าเห็น ทนไม่ไหววิ่งกลับบ้านไปฟ้องแม่” เหมือนโดนลูกศรแทงกลางอก ผมก้มหน้าต่ำลงเมื่อไอ้นาทีพูดแบบนั้น ไอ้ริคเห็นแบบนั้นเลยกระทุ้งศอกใส่สีข้างไอ้นาทีแล้วเดินกลับไปที่เตียงพลางยื่นขาไปเตะไอ้พีทที่นอนกางแขนกางขาจองเตียงใหญ่
            ห้องนี้เป็นเตียงคู่ มิน่าล่ะไอ้ริคมันถึงจองคนเดียว โลภ เห็นแก่ตัว เหอะ
            นาทียื่นมือมาดึงแขนผมแล้วลากไปที่เตียง ผมสะบัดออกนิดๆแล้วทำตาขวางใส่ ไม่ต้องมาทำตัวเหมือนพ่อก็ได้มั้ง วันนี้ก็เปลืองตัวให้มึงพอแล้วจ้า ทั้งกอดทั้งจะจูบทั้งหายใจรด ไม่อ้วกใส่ก็บุญเท่าไรแล้ว
            ขนลุกซู่ซ่าแล้วคร้าบ
            ผมล้มตัวลงนอนข้างไอ้พีทที่นอนอยู่กลางเตียง ไอ้ริคนอนอยู่ด้านซ้ายริมสุด ก่อนที่ไอ้นาทีจะล้มตัวนอนลงข้างๆผม ตาผมเปิดเต็มที่ ไม่มีทีท่าว่าจะหลับแต่ก็เลือกที่จะไม่รบกวนใคร นอนนิ่งๆอยู่แบบนั้น
            “ถ้าไม่นอนพรุ่งนี้มึงจะไม่มีแรงปีนเขา”
            ผมหันขวับไปหาไอ้นาทีอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำว่าปีนเขา พลางทำตาวาววับ
            งานอดิเรกเชียวล่ะ!
            “นอนซะ”
            นาทีมันดีดนิ้วลงบนหน้าผากของผมอย่างแรงก่อนมันจะนอนหลับตาลง ผมมองนอนใบหน้าของคนที่ดูเหมือนจะไม่มีความผิดอะไรที่ต้องติดค้างกันอีกก่อนจะถอนหายใจ
            น้องหญิงมาหาพระกาฬ …แค่นี้ก็ตอบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว
            แต่ผมก็ยังไม่อยากยอมรับ เจ็บชะมัด ที่รู้ว่าคนที่เรารักที่สุด เฝ้าดูแลไม่ให้เขามีตราบาป กลับหันหลังให้เราราวกับว่าสิ่งที่เราทำไม่เคยมีค่า เหมือนกับว่าไม่ใส่ใจ
            เจ็บเป็นบ้า
            “เลิกคิดได้แล้ว นอนซะ” มือของไอ้นาทีกระชากผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดก่อนมันจะซุกจมูกลงบนกลุ่มผมของผม ความร้อนที่ขอบตาทำให้ผมต้องกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุด ความว้าเหว่อ้างว้างมันถาโถมเข้ามาจนจุกอกไปหมด
            ผมคงไม่ผิดใช่มั้ย ที่อยากได้อ้อมกอดจากใครซักคนในเวลานี้
            แม้จะเป็นสิ่งที่ผมต่อต้านมาตลอดก็ตาม…


           *
            ฝนตก…
            ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เม็ดฝนกำลังโปรยปรายลงมาจากก้อนเมฆสีเทาดำกลุ่มใหญ่อย่างไม่ขาดสาย นาฬิกาเหนือโต๊ะเครื่องแป้งบ่งบอกเวลาสิบโมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่พวกผมสมควรจะอยู่บนยอดเขาเพื่อทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนมาอยู่กันที่พิพิธภัณฑ์สามมิติชื่อดังซึ่งปกปิดมิดชิดจากกลิ่นชื้นๆภายนอก เพียงแค่รอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น เราก็ไม่รับรู้รสชาติของฝนแล้ว
            “อีกชั่วโมงเจอกันด้านหน้าพิพิธภัณฑ์นะครับเพื่อนๆ!” เสียงไอ้พีทดังเจื้อยแจ้วก่อนเจ้าตัวจะหันหน้ามาสบตากับผม ผมยิ้มบางๆให้มัน พีทเดินปรี่เข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
            “ไอ้กาฬกับไอ้กี้ยังไม่ออกจากโรงแรม เหมือนว่าจะไม่มีรถว่ะ มึงไปรับมันเป็นเพื่อนกูที”
            “ทำไมต้องกู” ผมร้องถาม ไอ้พีทยิ้มตาหยี
            “ก็กูเหงา”
            นั่นใช่เหตุผลหรือไงเล่า!
            “แล้วไอ้ริคล่ะ?”
            “มันไปรับวิทยากรที่ห้องโถงใหญ่”
            “แล้วมึงไม่ต้องดูแลความปลอดภัยเหรอ…”
            ‘หมับ’ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกับไอ้ตี๋หน้าแป้นแล้นตรงหน้าต่อ มือหนาๆก็แตะลงบนบ่าของผม ผมหันไปมองหน้าคนที่เข้ามาใหม่ก่อนจะหันหน้ากลับมามองไอ้พีทเหมือนเดิม
            “มีอะไรเหรอ?” เป็นไอ้นาทีนั่นแหละที่เข้ามา ผมพยายามสอดสายตาไปทั่วว่ามันหลบมาจากน้องหญิงได้ยังไงในเมื่อตอนเช้าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ น้องหญิงก็รีบปรี่ตรงเข้ามาลากไอ้นาทีออกไปกับเธออย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้เพิ่งจะได้ห่างกันแค่ครั้งเดียวล่ะมั้ง
            “ไอ้กาฬกับไอ้กี้ติดอยู่ที่โรงแรม ฝนตกหนักไม่มีรถ หน้าพิพิธภัณฑ์มีรถสองแถว กูกับป่านเลยจะไปรับพวกมัน”
            นาทีทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองหน้าผม
            หน้ากูมีอะไรติดหรือไงวะ
            “กูไปกับป่านเอง มึงต้องช่วยไอ้ริค” พ่อสุดหล่อสุดประเสริฐมันเสนอข้อเสนอใหม่ ผมหันไปทำหน้าแหยๆใส่อย่างไม่เต็มใจ ในใจก็ไม่อยากจะออกไปสัมผัสกับความชื้นข้างนอกนั่น แต่อีกใจ ก็สั่งให้ไปเพื่อไปถามความจริงจากปากคนที่ไม่เคยพูดความจริง
            “อือ เดี๋ยวกูไปกับไอ้นาที มึงอยู่ช่วยริคเหอะ” ผมว่าก่อนจะลากแขนไอ้นาทีออกไปด้านนอกพิพิธภัณฑ์ทันที ไอ้นาทีเลิกคิ้วสงสัย คงเห็นผมว่าง่ายล่ะมั้ง
            “กูไม่ได้อยากออกมาเปียกนะ แค่อยากรู้ความจริงจากปากไอ้กาฬแค่นั้นเอง”
            ก่อนจะเดินไปบอกกับคุณลุงคนขับแล้วผมก็กระโดดขึ้นด้านท้ายของรถสองแถวขนาดเล็ก ไอ้นาทีเดินตามขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงกันข้าม ท่าทางสุขุมนั่น เห็นแล้วหมั่นไส้ได้ตลอด=_=
            “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไม…”
            “ไม่ล่ะ ไม่อยากรู้” ผมพูดขัดคนตรงหน้าก่อนจะมองเลยออกไปด้านท้ายของรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากพิพิธภัณฑ์
            ไม่ได้ไม่อยากรู้หรอก
            แต่ไม่อยากจะเจ็บต่างหาก
            แค่ได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว
            ผมกับนาทีนั่งเงียบกันตลอดทาง มีเสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ ผมมองสายฟ้าที่ผ่าลงตรงกลางทะเล มองแสงไฟแลบแปลบๆที่น่าสนใจบนท้องฟ้า ไม่มีอะไรในโลกจริงๆที่ผมกลัว
            ยกเว้นก็แต่ร่างกายของตัวเอง
            รถสองแถวจอดลงที่หน้าโรงแรม ไอ้นาทีพยายามติดต่อกับไอ้พระกาฬอยู่นานพอสมควรแต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ ผมเองก็ไม่มีเบอร์ไอ้กี้เพราะมันเพิ่งจะเปลี่ยนเบอร์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
            ไอ้เวรกี้มันเปลี่ยนเบอร์บ่อยครับ เปลี่ยนบ่อยจนบางครั้งผมนึกว่าแม่งเป็นลูกเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์
            “เดี๋ยวกูขึ้นไปตาม รออยู่นี่แหละ” ไอ้นาทีเสนอตัวอีกครั้ง แต่ผมไม่ยอม ผมคว้าแขนที่คลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำของมันเอาไว้พลางจ้องเข้าไปในตาสีเทานั่นเขม็ง
            เพราะจ้องบ่อยๆ เลยรู้ว่านัยน์ตาของคนตรงหน้าไม่ใช่สีดำสนิท
            “ทิ้งกูตลอดได้ไงวะไอ้ควาย!”
            ผมกับนาทีขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นเดิมที่เราพักกันเมื่อคืน วันนี้ได้กำหนดเช็คเอาท์ ประธานสภาเลยมีหน้าที่จัดการเรื่องทั้งหมดเลยทำให้ไอ้กาฬกับไอ้กี้ไม่ได้ขึ้นรถไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ ผมเดินตามหลังไอ้นาทีอยู่ ห่างช่วงพอสมควร ก่อนจะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากมุมๆหนึ่งที่จำได้ว่าเป็นทางเดินไปห้องของไอ้พระกาฬ
            “นั่นปากเหรอ เพราะมีคนปากแบบนี้ไงชาติถึงไม่เจริญ!” และเสียงทุ้มออกแหลมที่ผมจำได้แม่น
            ไอ้หมาคุ้กกี้
            “แล้วมีใครเคยบอกมั้ยว่ามึงปากหมา”
            “ปากหมาแต่กูก็ไม่สันดารหมาพาผู้หญิงมานอนในห้องหรอกว่ะ นี่ถ้ากูไม่เข้ามาตรวจสอบห้องก่อน แล้วแม่บ้านมาเจอ โรงเรียนจะเสียชื่อขนาดไหน?!!”
            แค่ได้ยินไอ้กี้พูดแค่ประโยคเดียว ผมกับนาทีก็จับใจความได้พร้อมๆกัน ผมหน้าเสียไปนิดๆเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน แต่พวกมันสองคนเล่นยืนเถียงกันอยู่หน้าห้อง แม้ห้องพักชั้นนี้บริเวณนี้จะเช็คเอ้าท์เพราะพวกผม แต่ไม่คิดหรือไงว่าแขกคนอื่นอาจจะเดินผ่านแล้วอาจจะได้ยิน
            ว่าแต่เขา มึงก็โง่เหมือนกันนะหมากี้
            “แล้วมึงจะเอายังไง? จับได้แล้วเหรอถึงมาบ่นอะไรกับกู? โรงเรียนมึงก็ไม่ใช่”
            เหมือนไอ้พระกาฬเริ่มจะหมดความอดทน มันทำท่าจะเดินเข้าไปใช้กำลังกับท่านประธานสภาผู้ทรงยศของผม ผมรีบปรี่ออกไปเพื่อเข้าไปขวางทั้งสอง ไอ้กี้ไม่ได้มีท่าทีตกใจ แต่ไอ้พระกาฬดูมีสีหน้าที่เลิกลั่กและกังวลอย่างเห็นได้ชัด
            กลัวหรือรู้สึกผิด…
            “กูไม่รู้หรอกนะว่าเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ แต่ถ้ายังเห็นแก่ชื่อเสียงโรงเรียน พวกมึงไม่ควรจะมายืนเถียงกันตรงนี้” ผมพูดด้วยเหตุผล ไอ้กี้ถอนหายใจเสียยกใหญ่ผิดกับพระกาฬที่กำหมัดแน่น
            “บอกเพื่อนปากหมาของมึงเถอะป่าน น่าบีบให้คอหักชะมัด”
            “มึงมันก็ดีแต่ใช้กำลัง สมองกลวง โบ๋ เป็นรูเบ้อเริ่มมีแต่ขี้เลื่อย ควายไถนายังมีจิตสำนึกมากกว่ามึงอีก!!!”
            “ไอ้สัดกี้!!!”
            “พอ”
            เมื่อเห็นท่าทีว่าผมอาจจะห้ามไม่ได้เพราะความปากหมาของน้องหมากี้ที่เห่าบ๊อกๆอยู่ด้านหลังของผม ไอ้นาทีก็เป็นคนเข้ามาห้ามทัพแทน เท่านั้นแหลพระกาฬถึงกับชะงักกึกแล้วถอยหลังไปตั้งหลัก
            “จะเถียงกันไปเถียงในรถ”
            ก่อนพระกาฬจะฟึดฟัดแล้วเดินนำหน้าออกไป ผมมองหน้าไอ้นาทีนิ่งๆแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางหันไปหาไอ้กี้ ไอ้เตี้ยที่สูงเพียงแค่ไหล่ผมแต่มีศักดิ์สูงชะลูดค้ำหัวผม
            ไอ้กี้ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สายตามันเหลือบไปมองไอ้นาทีด้านข้างพลางลากผมออกมาห่างๆจากนาทีแล้วดึงคอเสื้อผมลงไป ริมฝีปากสีส้มนั่นแนบกับหูผมพร้อมกับกรอบแว่นของไอ้กี้ที่ชนแก้มผมเบาๆ
            “กูเจอถุงยางในห้องของไอ้พระกาฬ”
            ผมกระตุก พลางมองใบหน้าของไอ้ลูกหมากี้ที่เหมือนจะรู้อะไรมาบ้าง แม้จะเป็นสิ่งที่มันไม่ควรรู้ก็เถอะ มือที่เล็กกว่ามือของผมจับแขนของผมบีบแน่น
            “แล้วกูก็รู้ด้วยว่าใครที่มาหาพระกาฬเมื่อคืน…”
            … งั้นเหรอ
“แล้วไง ไม่ใช่เรื่องของกูซักหน่อย…”
            ก่อนจะเลือกที่จะเมินเฉยกับเรื่องนั้นแล้วเดินล้วงกระเป๋าตามไอ้พระกาฬไปที่ลิฟท์ทันที
            ผมเดินขึ้นรถสองแถวพร้อมกับร่างของคนอีกสามคนที่ตามคนมา ทั้งรถเงียบกริบ สายฝนที่ยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายทำให้ผมต้องย่นจมูกกับความชื้นที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ แม้ร่างกายจะไม่เปียกฝน แต่ความรู้สึกที่สัมผัสผิวหนังก็สามารถทำให้รู้สึกว่าตัวเองออกไปยืนกลางสายฝนอย่างไงอย่างงั้น
            รถเคลื่อนออกจากตัวโรงแรมอย่างช้าๆ ผ่านทิศทางใหม่ที่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ทิศทางเดิมแต่อาจจะเป็นทางที่ลัดกว่าเดิมเพราะในตัวเมืองตอนนี้รถติดมาก ผมนั่งมองฝ่ามือที่ซีดเผือกของตัวเองพลางมองผ้าก็อตที่ยังคงพันอยู่ที่ฝ่ามือด้านขวา ความรู้สึกหนาวๆประดึงเข้ามา ก่อนสิ่งๆหนึ่งจะถูกโยนมาที่ตักของผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
            “คลุมซะ”
            ไอ้นาทีโยนเสื้อเชิ้ตของมันมาให้ผม ส่วนมันสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามสีดำตัวเดียว ผมส่ายหน้า
            “ทำเป็นเก่งเหอะมึง ไข้แดกขึ้นมาอย่ามาโทษกู”
            “มึงสิบ่น คลุมซะแล้วเงียบปากไป”
            ผมอ้าปากพะงาบๆกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมา แม้มันจะเป็นประโยคที่อาจจะดูฮาในสายตาคนอื่น แต่ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครมีอารมณ์อยากจะขำออกมาหรอกโดยเฉพาะสองคนข้างๆที่นั่งจ้องหน้ากันเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัวแบบนั้น
            แต่นี่มัน โอ้โห เดี๋ยวนี้หัดต่อปากต่อคำกับกูขนาดนี้นะไอ้หมา
            ‘กึกๆ’
            รถกระตุกเล็กน้อยเพราะทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ไอ้กี้ที่เหมือนจะรู้สึกถึงปรอยฝนที่สาดผ่านเข้ามาในตัวรถขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมากขึ้น ผมไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไร ปกติก็รู้ว่าไอ้กี้เกลียดฝนยิ่งกว่าอะไรดี
            ก็มันเป็นหมานี่ครับ
            ‘กึกๆ’
            เอ๊ะ มันชักจะยังไง
            ‘กึกๆ!!!’
            รถสั่นอย่างแรงเหมือนตกหลุมอากาศ ผมยึดคนข้างๆตัวเองไว้พลางเอื้อมมือไปจับขอบเหล็ก ก่อนที่เสียงเครื่องยนต์ของรถสองแถวขนาดมินิจะดับลง พวกผมสี่คนเบิกตากว้างพลางมองหน้ากันเลิกลักและรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ…
            ‘ตึงๆ’
            เสียงเคาะที่ข้างรถพร้อมกับใบหน้าหลอนๆของลุงคนขับโผล่ฝ่าสายฝนมา ไอ้กี้แม่งสะดุ้งแล้วถอยกรูดส่วนผมยังมองหน้าลุงอึ้งๆ
            “อะไรเหรอลุง?”
            ไอ้พระกาฬถามขึ้น ลุงปีนขึ้นมาที่บันได
            “รถเสีย ตกหลุมซะลึกเชียวล่ะไอ้หนุ่ม”
            “หา!!!” เป็นไอ้กี้ที่ร้องจ้ากออกมา ผมลูบใบหน้าด้วยความเครียดที่เริ่มก่อตัวนิดๆ
            “แล้วอีกนานมั้ยกว่าจะยกขึ้นมาได้?” ไอ้นาทีถามขึ้น ลุงส่ายหน้า
            “ล้อมันจมโคลน เครื่องก็ดับ ลุงจะไปเรียกไอ้ต๊อดท้ายซอยมันมาช่วยเข็น พวกเอ็งรอได้มั้ยล่ะ?”
            ลุงแกมีสปิริตแรงกล้าถึงกับว่าจะไปตามคนท่ามกลางฝนที่ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่วขนาดนี้ พวกผมมองหน้ากันอีกครั้งเพื่อขอความเห็น ถ้าพวกเราไม่ไปพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ มีหวังไอ้พีท ไอ้ริคและวิทยากรเฉ่งตายแน่ๆ
            “ท้ายซอยของลุงนี่ตรงไหนเหรอครับ?”
            “ปู้นนู้นแหนะ อยู่หลังเขานู่น”
            “หา!!! หลังเขา!! พวกผมไม่มีเวลานานขนาดนั้นหรอกนะลุง!!” ไอ้กี้โวยวายใหญ่เล่นเอาลุงแกแทบจะยกมะเหงกมาเขกหัวมันให้โนซักสองลูก
            “ก็พอดีเห็นว่าพวกเอ็งรีบข้าเลยพาอ้อมเข้าทางลัดเพราะรถมันติด แต่รถดันมาเสียอีก วู้ว ถ้ารอไหวก็รอ ถ้าไม่รอลุงไม่คิดค่ารถ เดินไปข้างหน้านิดนึงจะมีศาลารอรถ คาดว่าน่าจะมีสองแถวคันอื่นขับผ่านนั่นแหละ!!”
            ว่าแล้วลุงแกก็ทิ้งพวกผมปล่อยเกาะท่ามกลางธรรมชาติอันน่าสะพรึง ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสายฝนเส้นสีขาวๆที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ พร้อมร่างของลุงที่วิ่งหายออกไป
            กรรมจังกู
            “เอาไงดีวะ?” ไอ้พระกาฬหันมาถามไอ้นาที พร้อมความเห็นจากปากผมและไอ้กี้ แต่เมื่อไอ้กาฬเห็นหน้าไอ้กี้มันก็หันขวับสะบัดหน้าหนี
            “เดี๋ยวกูโทรบอกไอ้พีทก่อน เมื่อกี้ลุงบอกว่ามีศาลาอยู่ข้างหน้า ไปรอมั้ยเผื่อรถจะมา?”
            เป็นคำถามที่…
            กูไม่อยากตอบเลยครับ
            “ไม่!!!! กูจะรอตรงนี้ จนกว่าลุงจะกลับมาไม่ก็ฝนหยุด!!!” ไอ้แว่นกอดอกประชดประชันไม่ยอมกระดิกตัว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “เออพีท กูติดเกาะว่ะ รถเสีย อยู่ทางลัดตรงไหนไม่รู้…” นาทีคุยกับไอ้พีทผ่านทางโทรศัพท์ ผมนั่งรอคำตอบจากคนตรงหน้าเงียบๆพลางมองไอ้กี้ที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวจากเสียงฟ้าร้อง
            “กูพึ่งรู้ว่ามึงกลัวฟ้าร้อง”
            “ก็เออดิวะ” และนี่ก็คือข้อดีของมัน
            ไม่เคยปฏิเสธความป๊อดเลย
            “ไอ้พีทบอกให้หาทางกลับเอง วิทยากรตกบันไดขาหัก ไอ้พีทอยู่โรงพยาบาลกับไอ้ริคแล้วก็ตำรวจ คนอื่นๆขึ้นรถทัวร์กลับกันไปแล้วเพราะมีอุบัติเหตุ”
            “หา วิทยากรตกบันไดเนี่ยนะ?!”
            ผมร้องแหวอย่างประสาทเสีย
            อะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้วะ!!?
            ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยพร้อมๆกับไอ้นาที ผมมองหน้าคนตรงหน้าที่แม้แต่สถานการณ์ที่น่าจะคิดไม่ตกแบบนี้ก็ยังมีสีหน้าที่นิ่งเหมือนเดิม อยากรู้จัง ว่าแต่ละวินาทีที่มึงทำหน้าแบบนั้น
            แม้แต่วินาทีที่มึงพยายามที่จะบอกอะไรกู
            มึงกำลังคิดอะไรอยู่
            “กูไปรอศาลาล่ะ ประสาทจะแดก!!!”
            “เฮ้ยไอ้กาฬ!!!”
            จู่ๆไอ้พระกาฬก็วิ่งพรวดออกไปเล่นเอาไอ้นาทีหน้าเหวอ มันมองตามเพื่อนแล้วหันมามองผมที่นั่งนิ่งอยู่กับที่มีไอ้หมากี้ที่เบียดซะจนแทบจะเข้ามารวมร่าง
            “ไปเหอะ รอนี่กว่าลุงจะมาอีกนาน”
            ไอ้นาทีว่า ผมพยักหน้า แต่พอจะลุกมือของคนข้างๆกลับคว้าแขนผมไว้
            “กูไม่อยากไป”
            ไอ้กี้ทำหน้าตาน่าสงสาร ผมเห็นแล้วก็ต้องยอมใจอ่อน แต่คงไม่ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวนอนหนาวเพราะเป็นหวัดจากละอองฝนตายแน่ๆ
            “กลับไปซื้อช็อคโกแลตให้กูกล่องหนึ่งด้วยล่ะ”
            ผมว่าก่อนจะยื่นเสื้อเชิ้ตของไอ้นาทีให้กับไอ้กี้แล้วคว้าตัวไอ้กี้ขึ้นอุ้ม ไอ้หมาคุ้กกี้ครางเอ๋งๆเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก เล่นเอาผมหัวเราะร่าออกมา
            “ใช้เสื้อเชิ้ตบังให้กูด้วย เห็นหน้าคนหล่อดีกว่ามองฝนพรำๆ”
            ก่อนผมจะเดินออกไปพร้อมกับมองหน้าไอ้นาทีที่มีสีหน้ามึนๆแล้วเตะขามันไปเบาๆ
            “ไปดิ รอให้ฟ้าผ่ากลางกบาลก่อนหรือไง!?”



TBC.
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-01-2014 22:38:26
อ่านไปคิดตามไปด้วย ยอมรับว่าคิดตามไม่ทัน เหมือนจะเป็นแบบนี้
แต่ไม่ใช่เป็นแบบนั้น เดี๋ยวจากแบบนั้น กลายเป็นแบบโน้นไปอีก
แต่ก็อยากติดตามไปเรื่อย ๆ แบบงง ๆ สงสัยเราจะแก่ไป
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 26-01-2014 01:09:34
สนุกดีนะคะ เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามคะติดตาม
ทำไมเรื่องมันซับซ้อนจริงๆ น้องหญิงนี่โหดมากคะ ยังไงคะ ยังไง

รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 26-01-2014 11:42:12
ความสัมพันธ์ช่างซับซ้อนกันจิงๆ  อ่ะติดตามกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 26-01-2014 16:16:23
แบบว่ามันพลิกไปพลิกมาหลายตลบ
น่าสนใจมาก รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 29-01-2014 17:19:08
12


             ผมวางร่างของไอ้กี้ลงบนเก้าอี้ศาลาเน่าๆที่หนึ่ง อับชื้น แฉะ แต่ก็พอนั่งได้ ไอ้พระกาฬนั่งอยู่ก่อนหน้า มันมองผมกับไอ้กี้ตาเขียวปั๊ด ผมที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดนั่งลงข้างๆไอ้กี้ที่ยังปิดตาแน่นแล้วห่อตัวเองอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตแฉะๆ ไอ้นาทีวิ่งตามเข้ามาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ผุๆในศาลา

            “โอย กูอยากจะบ้าตาย!!!!!” ไอ้กี้ร้องจ้าออกมาแล้วกอดตัวเองเอาไว้ ได้สายตาดุๆโหดๆมาจากไอ้พระกาฬเป็นอย่างดี
            “บ่นทำซากอะไร เดินก็ไม่ได้เดินมาเอง”
            “อิจฉาเหรอ?”
            “เปล่านี่”
            “แล้วแขวะหาพ่อ?!”
            ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อไอ้พระกาฬหน้าเอ๋อไป อันที่จริงพวกมันต้องตะโกนแข่งกับสายฝนที่เสียงดังเป็นบ้า แถมฟ้าก็ยังผ่า ร้อง แลบสลับกันอย่างกับออเคสตร้า ผมนั่งปล่อยตัวสบายๆไปกับเก้าอี้พลางมองเสื้อยืดสีขาวของตัวเองสีแฉะไปหมด
            เฮ่อ
            เสื้อตัวโปรดของพี่ป่าน …เน่าซะแล้ว
            “แล้วเมื่อไรรถจะมาเนี่ย” ไอ้กี้บ่นพึมพำแล้วเกาะแขนผมเหมือนลูกหมาพันธุ์ปอมตัวเล็กๆหางฟูๆ
            ผมเคยบอกหรือเปล่าครับว่าผม กี้ แล้วก็ไอ้ฟ้าเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่ไอ้กี้โดนแยกห้องไปช่วงหลังๆผมเลยไม่ค่อยได้คุยกับมัน อันที่จริงหลังจากที่กี้มันย้ายเข้ามาที่โรงเรียนผมมันก็ได้เป็นประธานสภาเลย เก่ง ฉลาด หน้าตาโอเค ใครๆก็เลยชอบมัน
            ยกเว้นผมกับไอ้ฟ้ามั้ง ที่ยังด่ามันว่าหน้าหมาทุกวัน
            เราเลยได้เป็นเพื่อนกัน …
            โคตรมีเหตุผล
            “มือมึงแฉะหมดแล้ว” ไอ้นาทีจับแขนขวาของผม ผมมองผ้าก็อตที่ชื้นแฉะ
            “กูจะโดนตัดมือทิ้งมั้ยเนี่ย” ผมล้อเล่นออกไป แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยซักเท่าไร
            “ป่านกูไม่ชอบเลย” เสียงงุ๊งงิ๊งของคนข้างๆตัวผมดังขึ้น ไอ้กี้ขดตัวเข้าหาผมเหมือนหมาต้องการความอบอุ่นจากจะซุกหน้าลงที่อกของผม
            ไม่แปลกหรอกครับที่มันจะทำแบบนี้ เพราะคนแปลกหน้า มันก็ไม่เคยจะแคร์ซักเท่าไร
            ไอ้กี้ถือคติ เสียใจ แต่ไม่แคร์…
            “เดี๋ยวมันก็หยุดแล้ว ประธานสภาอะไรวะกลัวฝน หมาดีๆนี่เอง”
“กูไม่ชอบ … ไม่ชอบฝน …” ไอ้กี้ว่าแล้วชะงัก ก่อนหางตามันจะเหลือบไปมองไอ้พระกาฬ
            “แล้วก็ไม่ชอบควายป่าด้วย ฮือๆ” มันทำเสียงร้องฮือๆเหมือนจะกวนตีนไอ้พระกาฬ ผมหัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง ผมไม่ค่อยหัวเราะเป็นจริงเป็นจังซักเท่าไร นานๆทีได้หัวเราะก็รู้สึกดีแปลกๆแฮะ
            เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ หนังตาผมเริ่มจะปิดเข้าหากัน แม้ว่ามันจะยังไม่ใช่เวลาที่สมควรจะนอนเพราะนี่เพิ่งจะบ่ายสองกว่าๆแต่ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ฟ้ายังร้องโครมคราม รถก็ไม่เห็นมีผ่านซักคัน จะเห็นก็แต่ทุ่งนา ทุ่งนา แล้วก็ต้นมะพร้าว แถมเหมือนสมาชิกที่ร่วมแชร์หลังคาศาลาเดียวกันก็เงียบนิ่งไปนานพอสมควร ผมซุกหัวลงบนกลุ่มผมของไอ้กี้ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลง
            ผมอยากให้คนที่ผมกอดอยู่เป็นหญิง
            อยากให้น้องหญิงที่น่ารักคนเดิมกลับมา
            คนที่คอยยิ้มให้ผม และบอกว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นเอง
            …
            “อึก”
            ผมสำลักน้ำลายแล้วสะดุ้งขึ้นมาไอค่อกแค่กจนเจ็บปอดไปหมด ไอ้กี้นอนหลับคาอกผมไปแล้ว ผมยิ้มนิดๆกับท่าทีของมันที่จะให้บอกกี่ครั้งก็สามารถพูดได้ว่าน่าจะจับมันใส่กรงให้อาการเม็ดเพ็ดดีกรี
            ก่อนจะเงยหน้ามองสองคนตรงหน้าแล้วชะงักไป
            ไอ้นาทีนอนพิงไหล่พระกาฬแล้วหลับตาพริ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็น ในขณะที่ศีรษะของไอ้กาฬก็วางทับลงบนหัวมนๆของไอ้นาที มันอาจจะเป็นภาพที่ดูน่ารักและอบอุ่นสำหรับหลายๆคน เพราะผมเองก็รู้ว่าไอ้กาฬชอบนาที แต่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุที่เลิกชอบนาทีว่าเป็นเพราะอะไร…
            แต่ทำไม ภาพตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้
            ไม่ใช่ความรู้อิจฉา หรือความรู้สึกอยากจะชกหน้าใครเพราะหึง หรือความรู้สึกที่เจ็บจี๊ด
            แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า…
            เหมาะสม…
            เหมาะสมเกินไป
            แสงไฟที่สาดเข้ามาที่ตาของผมทำให้ผมต้องหยีตาจนแทบจะปิด แต่เมื่อนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเลยทำให้ผมได้สติลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งออกไปริมถนนแล้วโบกมืออยู่แบบนั้น
            ภาวนาขอให้คนขับเห็นผมท่ามกลางเม็ดฝนด้วยเถอะ!
            เหมือนพระเจ้าจะรับฟังคำขอของผม รถกระบะเก่าๆคันหนึ่งค่อยๆชะลอลงพร้อมกับคุณป้าท่าทางใจดีที่ยื่นหน้าออกมาจากด้านข้างคนขับ ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ป้า
            “ผมกับเพื่อนขอติดรถไปลงที่ตัวเมืองได้มั้ยครับ พอดีรถเสียก็เลยติดอยู่ที่ศาลามาสองชั่วโมงกว่าแล้ว” ผมยกมือไหว้พอเป็นพิธี ป้าแกสอดสายตามองร่างของผมที่เปียกมะล่อกเหมือนลูกหมา
            “ป้าไม่ได้ไปตัวเมืองน่ะหนู แต่จะเข้าไปที่สวนก่อน ถ้าไม่ลำบากอะไรก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำที่สวนก่อนก็ได้” คุณป้าตะโกนแข่งกับเสียงฝน ผมเริ่มคิดหนัก
            ถ้ากลับไปตอนนี้ไอ้กี้อาจจะเป็นหวัด
            ไปทำให้ตัวแห้งก่อนแล้วค่อยหาทางกลับดีกว่า
            “ขอบคุณมากครับ ผมไปตามเพื่อนก่อนนะ ขอบคุณคุณลุงด้วยครับ” ผมยกมือไหว้คุณลุงที่เป็นคนขับ แม้หน้าตาแกจะดูดุแต่ก็มีมิตรไมตรีรับไหว้ผม
            ผมวิ่งกลับมาที่ศาลา ก่อนจะเขย่าตัวไอ้กี้เล็กน้อย
            “กี้ๆ ตื่น มีรถกระบะผ่านมา” ไอ้กี้นิ่งไป มันไม่ตื่น ผมรู้สึกทะแม่งๆเลยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมันก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อไอ้กี้ตัวร้อนจี๋!!!
            ไอ้บ้าเอ้ย ผมลืมไปได้ยังไงว่ากี้มันไม่สบายง่าย!
            “พระกาฬ นาที มึงตื่น!!!” ผมเข้าไปเขย่าไอ้กาฬกับไอ้นาทีอย่างแรง พวกมันสองคนสะดุ้งตื่นก่อนจะหัวจะกระแทกกัน ผมไม่ได้สนใจ
            “มีรถกระบะมา ไปพักที่บ้านป้ากับลุงก่อน ไอ้กี้ตัวร้อนจี๋เลย!” ผมว่าก่อนจะวิ่งเข้าไปช้อนตัวกี้แล้ววิ่งไปขึ้นท้ายกระบะแม้ฝนจะตกๆอยู่ ไอ้พระกาฬกับไอ้นาทีวิ่งตามขึ้นมาก่อนจะปิดท้ายกระบะแล้วรถก็ออกตัววิ่งตรงไปยังภูเขาลูกตรงหน้า
            “กี้!! กี้!!!”
            ผมพยายามเรียกคนไร้สติให้ตื่น มันหลับไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ถ้ามันยังพอตื่นไหวก็แค่ให้กินยาแล้วเช็ดตัว แต่ถ้ามันตื่นไม่ไหวต้องพามันไปโรงพยาบาล
            “กี้!!!”
            “อะ อือ” ดวงตาที่ปิดสนิทภายใต้กรอบแว่นค่อยๆปรือขึ้นมาเหมือนคนหมดแรง ไอ้นาทีเองก็เข้ามาดูอาการของไอ้กี้เหมือนกัน ยิ่งรถวิ่งไป ความหนาวก็ทำให้ผมและอีกสามคนห่อตัว
            “มึงอย่าเพิ่งหลับ ห้ามหลับนะ!!”
            ไอ้กี้ส่ายหน้า
            “ง่วง ปวดหัว ปวดมากเลย”
            ดวงตากลมๆทำท่าจะปิดลงอีกครั้ง ผมก้มลงไปเอามือตบหน้ามันแรงๆ
            “หลับสิกูตบมึงคอหลุดแน่!!!”
            “หนาว…”
            แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่ดึงของในมือผมออกไป
            “ชู่ว”
            ไอ้นาทียกนิ้วชี้ขึ้นแนบปากของตัวมันเอง ผมมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ ไอ้พระกาฬดึงตัวไอ้กี้ออกไป มันดึงร่างของไอ้กี้ไปนั่งลงบนตักของมันแล้วกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น ไอ้กี้ดูตัวเล็กจิ๋วไปทันทีเมื่อเทียบกับไอ้กาฬ ผมยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนไอ้นาทีจะเป็นคนตอบคำถาม
            “ไอ้กาฬทำแบบนั้นตลอดแหละ”
            “ทำไม?”
            ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่นาทีไม่ได้ตอบอะไร พระกาฬกอดไอ้กี้เอาไว้ สายตาที่มองเกินกว่าศัตรูนั่น ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
            “อย่าบอกนะว่า…”
            “เปล่า…มันไม่ได้เป็นแฟนกัน” ไอ้นาทีปฏิเสธ ผมร้องเหวอทันที
            “แล้วทำไมมันถึงเอาเพื่อนกูไปกอดหน้าด้านๆได้ล่ะ ฮึ้ย!!!” ผมลุกขึ้นจะไปคว้าเพื่อนของผมกลับมา ไอ้นาทีล็อคคอผมเอาไว้ ส่วนไอ้พระกาฬหันมาทำหน้าเครียดๆใส่
            “ทำอย่างกับว่าตัวมึงอุ่นพอที่จะกอดมันอย่างงั้นแหละ ... มันไม่แข็งแรง ถ้าไม่ได้เปลี่ยนชุดแล้วกินยาก่อนมันตายแน่ๆ” ไอ้พระกาฬว่าแล้วกอดไอ้กี้แน่น ความอบอุ่นที่ตัวมันน่าจะมีมากกว่าผมทำให้ไอ้กี้ซุกหน้าเข้าใกล้แผงอกนั่นมากขึ้น
            ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กาฬรู้ได้ไงว่าไอ้กี้ป่วยง่าย แถมถ้าป่วยทีคือจะเป็นหนักมากๆ
            “มันเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนน่ะ”
            แล้วก็เป็นไอ้หน้าหล่อที่ตอบคำถามผมอีกครั้ง ผมมองคนข้างๆที่เมินหน้าผมไป ไอ้นาทีพยายามจะจุดบุหรี่สูบ แต่มันแฉะไปทั้งกล่องมันเลยต้องโยนทิ้ง
            “ไว้กูค่อยเล่าตอนถึงบ้านของคุณป้าแล้วกัน”
         
           *

            รถกระบะจอดที่บ้านไม้หลังใหญ่ภายในสวนผลไม้แห่งหนึ่ง ไอ้พระกาฬรีบอุ้มไอ้กี้เข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็ไปขอยาจากคุณป้ามาให้มันกิน ทั้งๆที่พยายามบอกว่าไม่ให้หลับ ไอ้กี้ก็ดื้อจะหลับตลอดเวลาจนผมต้องนั่งเฝ้ามันในขณะที่รอคนอื่นๆไปอาบน้ำ เพราะผมต้องมีหน้าที่เช็ดตัวให้กี้ ทั้งเช็ดหัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่คุณลุงเอามาวางไว้ให้จนตัวมันแห้งสนิท แล้วมันก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
            “ตามึงแล้ว”
            ไอ้กาฬเดินออกมาจากห้องพักที่คุณป้าแกจัดไว้สำหรับพวกผมสี่คน ผมพยักหน้าแล้ววางผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นที่แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นก่อนจะลุกขึ้นยืน มือของไอ้กาฬแบกกะละมังอีกใบเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นน้ำอุ่นผมเลยโล่งใจ
            แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปไกล ภาพที่ผมได้เห็นก็ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด
            สายตานั่น … มันไม่ใช่สายตาที่ใช้มองเพื่อนสนิท ผมรู้ดี …   ความเป็นห่วงที่มากเกินเหตุ แถมยังท่าทางที่ดูทะนุถนอมไอ้กี้เกินเพื่อนนั่น มันเกินกว่าที่ผมจะอธิบายได้
            “มึงไม่ได้ชอบนาที” ผมถามไอ้กาฬ ไอ้กาฬนิ่งไป
            เท่านั้นแหละผมรู้ทันทีว่ามันซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
            “มึงโกหก”
            “กูโกหก … เพราะกูรู้ว่าถ้ามึงเข้าหาเพื่อนกู เรื่องไม่ดีจะต้องเกิดขึ้น…”
            ผมชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน พลางหันไปมองหน้าพระกาฬ
            “กูจำเป็น… ไม่งั้นก็ผลักมึงออกไปไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย”
            …
            อย่างนั้นหรอกเหรอ …
            เพราะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องเข้าไปสร้างปัญหา พระกาฬมันถึงโกหกว่ามันชอบไอ้นาทีและทำเป็นผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่จริงแล้วมันชอบคนอื่นอยู่ คนที่รู้อยู่ว่าเป็นใคร
            ที่มันทำไปทั้งหมด … ก็เพราะต้องการจะปกป้องเพื่อนสินะ
            หึ
            ชักจะน่าหมั่นไส้ไปแล้ว
            ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่คุณป้าเอามาวางไว้ให้เข้าห้องน้ำไป มือขวาที่เป็นแผลเริ่มยุ่ยเพราะชื้นจากการโดนน้ำฝน ผมรีบทำความสะอาดตัวก่อนจะออกมาแล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นไอ้นาทีนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
            “ไง”
            ทักทายเหมือนเดิมๆเพราะผมไม่มีอะไรจะพูด แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่บนตักของอีกคนผมก็รู้ทันที
            “ขอดูมือหน่อย”
            ไอ้นาทีว่า ผมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆมัน มือของมันจับมือของผมไว้พลางหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ออกมาเช็ดแผลที่ยุ่ยนั่น มันไม่เจ็บแล้ว แต่รู้สึกแปลกๆแค่นั้นเอง
            ผมนั่งเงียบและมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนที่เริ่มซาจนหยุดกลับถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้ามืดๆมีแสงดาวส่องระยิบระยับ ผ้าก็อตถูกแปะลงบนฝ่ามือของผม ไม่แน่นมากนักเพื่อไม่ให้แผลอบ
            แปลกจัง … ที่ทำไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเลย
            “หญิงไม่ได้โทรหามึงเหรอ?” ผมถามคนข้างๆ ไอ้นาทีเลิกคิ้วเหมือนกับเรื่องที่ผมพูดอยู่มันไร้สาระซะเต็มประดา
            “น้ำเข้า พังไปแล้ว” นาทียกโทรศัพท์ชุ่มน้ำขึ้นมาให้ผมดู หน้าจอดับสนิทจนเรียกได้ว่าอนาถ
            พอๆกับโทรศัพท์ของผม
            ที่ถึงแม้จะไม่ดับ แต่ก็ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์
            “ที … หญิงโทรมาบอกอยากคุยกับมึง”
            จู่ๆไอ้กาฬก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมมองโทรศัพท์ในมือของพระกาฬแล้วก็ใจหายวาบ ในขณะที่ไอ้นาทีลุกขึ้นไปหยิบมือถือแล้วเดินออกไปคุยด้านนอกห้อง ผมเลือกที่จะเดินออกไปที่ระเบียงบ้านที่แฉะไปด้วยน้ำฝน ควานหาผ้าแห้งๆเช็ดกับพื้นแล้วนั่งขุดคู้พิงไม้ฝาเชอร่า
            หน้าอกข้างซ้าย มันเจ็บราวกับโดนเข็มทิ่มแทง
            ทั้งๆที่ผมเป็นคนแรกที่น้องหญิงมักจะคอยถามถึงเสมอ แต่ตอนนี้ … มันไม่ใช่แล้ว
            ถ้าผมตายไป เธอก็คงไม่สนใจใยดี
            ผมเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวนับร้อยดวง อยู่ต่างจังหวัดเห็นดาวมากกว่าในเมืองจริงๆ ผมเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อจะคว้าดาว แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับกลายเป็นหยดน้ำที่ร่วงมาจากหลังคา
            แย่ชะมัดเลย
            “คนโง่มักจะชอบออกมาตากน้ำค้าง ทำเป็นโรแมนติค” เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ผมเลือกที่จะไม่เงยหน้ามองบุคคลที่เปิดประตูออกมานั่งข้างๆ แต่กลับเหม่อมองออกไปที่สวนมะพร้าวด้านหน้า
            ไอ้นาทีนั่งลงข้างๆผม ก่อนที่มันจะเบียดเข้ามาจนตัวแทบจะเป็นปาท่องโก๋ ผมยอมรับว่าอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างเพราะหมดแรงที่จะหนี
            “มึงทำแบบนั้นกับทุกคนเลยหรือไง” นาทีถามขึ้น ผมหันไปเลิกคิ้ว
            “แบบไหน?”
            “แบบที่ทำกับกี้…”
            “อืม” ถ้าคนอ่อนแอ ผมก็ต้องช่วยเหลือเป็นธรรมดา ใครจะเมินนิ่งเฉยได้เหมือนคุณล่ะคร้าบคุณนาที พ่อนักรักรูปสลักทองเทวดารูปหล่อ เหอะ ถุ๊ย
            "สนิทกับกี้เหรอ?"
            “ไอ้กี้น่ะเป็นเพื่อนสนิทกูเมื่อปีที่แล้ว พูดง่ายๆว่าเหมือนน้องชายมั้ง แต่ก็นะ นิสัยกูกับมันน่ะคนล่ะแบบ กูน่ะมันพวกมือหนัก แต่ไอ้กี้น่ะมันปากจัด มันเคยด่าจนกูเกือบจะฆ่าตัวตายมาแล้ว”
            “เพราะปากแบบนั้นล่ะทำให้กูเป็นห่วงมันว่าซักวันจะมีคนเป่ากะโหลกกลวงๆนั่น”
            “ห่วงถึงขนาดต้องกอดกันแน่นขนาดนั้นเลย?”

            “อยากให้ทำบ้างหรืองะ…”
            ผมชะงักอย่างตกใจเมื่อพอจะหันไปคุยกับคนด้านข้าง จมูกโด่งๆของไอ้นาทีก็ใกล้เข้ามาจนชนกับจมูกของผมซะแล้ว ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดริมฝีปากของผมทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
            ก่อนที่ข้อมือสองข้างของตัวเองจะถูกตรึงเอาไว้ ริมฝีปากสีซีดที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะคุ้นเคยสัมผัสลงที่ริมฝีปากของผม สัมผัสชื้นๆทำให้ต้องหดคอหนีแต่หนีไม่ทันไรท้ายทอยก็ไปชนกับโต๊ะที่วางอยู่ ผมถอยไม่ได้ เลยพยายามจะผลักคนตรงหน้าออกแต่ไอ้นาทีกลับรุกเร้าซะจนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้
            ซะเมื่อไรล่ะ
            ‘ผลั่ก’
            “โอ้ย!”
            ผมยื่นฝ่ามือไปบีบคอคนตรงหน้าพลางผลักออกอย่างแรงจนหัวของร่างข้างๆกระแทกกับไม้ฝาเชอร่า อารมณ์โมโหเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด ผมออกแรงบีบจนไอ้นาทีเหมือนจะหายใจไม่ออก
            “มึง … ทำแบบนี้ทำไม”
            เมื่อผมเห็นว่าไอ้นาทีเริ่มจะหน้าซีดเลยปล่อยมือซ้ายของตัวเองออกจากต้นคอของคนด้านหน้า ผมนั่งอยู่หว่างขาของนาทีแล้วจ้องหน้ามัน ผมไม่เข้าใจเลย
            “ทั้งจูบ ทั้งเป็นห่วง ทั้งทำอะไรที่กูไม่เข้าใจ แล้วนี่อะไร” ผมใช้ฝ่ามือบีบลงไปเบาๆบนใบหน้าคมที่ปรกด้วยผมสีดำสนิท “หน้าตานิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าอะไร มึงกำลังคิดอะไรอยู่”
            “กำลังลองอะไรบางอย่าง”
            ไอ้นาทีปาดริมฝีปากด้วยแขนเสื้อก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งตรงๆ มือของมันจับลงที่ต้นคอของผมก่อนจะกระชากตัวผมเข้าไปใกล้แล้วบดเบียดริมฝีปากสีซีดนั่นลงมาอีกครั้ง แรงจนรู้สึกว่าฟันกระแทกกับริมฝีปาก ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พยายามถอนตัวออก แต่ไอ้นาทีกลับเป็นฝ่ายดันผมออกแทน
            “หึ บ้าชะมัด …”
            “อะไร?” ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับการกระทำของคนตรงหน้า นาทียกมือขึ้นมาขยี้หัว
            “กูไม่เคยจูบใครแล้วรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจแบบนี้เลย”
            ผมขมวดคิ้วจนเป็นโบว์เบ้อเริ่มเทิ่ม แล้วตกลงมันดีหรือไม่ดีวะ ทำไมชอบพูดอะไรแบบมีเลศนัยแฝงโค้ดลับด้วย … ก่อนตัวผมเองจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
            ผมจ้องหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง ไอ้นาทีเงยหน้าขึ้นมา ผมไม่รอช้าแตะริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากสีซีดนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลิ้นร้อนๆที่แตะโดน เสียงหอบหายใจถี่ๆ ความรู้สึกร้อนแปลกๆ
            ก่อนจะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
            “ป่าน…”
            “กูไม่คลื่นไส้…”
            แปลกจัง ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าผมไม่อ้วกจากจูบของคนตรงหน้านั่นมันเมื่อไร ตอนที่กินหมากฝรั่งหลังจูบเหรอ ไม่มั้ง ทำไมกัน…หรือว่าจะเป็นความชินชา? เป็นคำอธิบายทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่กล่าวไว้ว่ามันเป็นปฏิกิริยาของความเคยชิน
            เมื่อทำอะไรซ้ำๆ
            “ก็ดีแล้วนี่” ไอ้นาทีว่าพลางยิ้มมุมปาก แต่ผมไม่ได้มีท่าทีเล่นด้วยเลย
            มันทำให้ผมเครียด…จนรู้สึกว่า
            ผมอาจจะชอบเพศเดียวกันขึ้นมาแล้วจริงๆ
            บ้าน่า
            “ดีกับผีแกสิ!!!”
            “เสียงดังอะไรกัน!”
            ไอ้พระกาฬเปิดประตูออกมาพอๆกับตอนที่ผมลุกพรวดขึ้นอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว จมูกผมแตะโดนจมูกของร่างที่สูงพอๆกันตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แขนของไอ้พระกาฬโอบรอบตัวผมเอาไว้เพราะกลัวผมจะร่วงหัวฟาดพื้น
            ไม่เข้าใจ
            ไอ้ป่านไม่เข้าใจจริงๆ
            ผมยื่นมือไปจับท้ายทอยของไอ้กาฬก่อนจะกดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าแล้วค่อยๆถอนออก ไอ้กาฬเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            ผิดกับผมที่ขมวดคิ้วจนแทบจะรวมคิ้วเป็นเส้นเดียวกัน
            “ป่าน!!!”
            “มึงทำอะไรน่ะ…”
            เสียงคนสองคนด้านหลังไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจของผมเลย ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่มีไอ้กี้นอนซมอยู่ด้านข้าง ก่อนจะขดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วใช้นิ้วแตะลงบนริมฝีปากของตัวเอง
            ความรู้สึกอยากจะอาเจียนพวกนั้นไม่เกิดขึ้นเลย…
            อย่าบอกนะว่า…
            ผม … ชอบผู้ชายขึ้นมาแล้วจริงๆ…!!!?
 





TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-01-2014 18:05:22
เรื่องเหมือนจะไปเรื่อยๆ แต่จริงๆ ซับซ้อนอยู่นะ
ติดตามต่อครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 29-01-2014 22:33:54
ซับซ้อนจริงๆเรื่องนี้ ไม่มั่นใจเลยว่าใครจะคู่ใคร
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 01-02-2014 13:44:40
เยี่ยมเลย ชอบมากๆ  :hao6: :hao6: o13 o13 o13 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-02-2014 13:58:24
อืม พลิกไปพลิกมาตลอด
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rutchi ที่ 01-02-2014 17:34:10
อ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดี 55555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 02-02-2014 15:34:51
งง ๆ ไงไม่รู้  แต่สนุกดี   o13
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 02-02-2014 15:44:59
13

            จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่รู้ว่าเผลอหลับไปข้างๆไอ้กี้บนเตียงเมื่อคืนแล้วดูท่าไอ้กาฬกับนาทีคงจะนอนด้วยกันที่พื้นเพราะเห็นฟูกปูอยู่ ผมนอนจ้องหน้าคนข้างๆมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้แต่ขมวดคิ้ววุ่นเมื่อเห็นริมฝีปากสีส้มอ่อนๆ จมูกเล็กๆ ตากลมๆที่ปิดลงไร้ซึ่งกรอบแว่นแล้วก็ผมที่กลายเป็นหมูหยองขด
            ถ้าจะบอกว่าไอ้กี้น่ารักก็คงใช่มั้ง ในตอนนี้น่ะนะ
            แต่เท่าที่ผมเป็นเพื่อนมันมา ชาตินี้ไม่เคยจะเห็นความน่ารักเกินผู้ชายของมันเลยซักครั้ง
            “อือ” ร่างเล็กข้างๆผมบิดตัวเล็กน้อยก่อนตากลมๆนั่นจะค่อยๆเปิดขึ้น ไอ้กี้หรี่ตามองผมก่อนจะนอนกระแทกหัวลงกับหมอนแล้วมองไปยังเพดานสีขาวด้านบน
            “อย่างกับถูกสูบพลังงานชีวิต!”
            ตื่นขึ้นมาก็บ่นทันที กี้สไตล์จริงๆว่ะ
            ผมมองพวงแก้มใสๆนั่นอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจจริงๆ เมื่อคืนผมเพิ่งพบเรื่องแปลกที่น่าขนหัวลุก ผมไม่รู้สึกอยากจะอาเจียนเวลาจูบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวาบหวิวอะไรเป็นพิเศษเวลาไปจูบใคร
            ตกลงผมเป็นอะไรกันแน่ แล้วผมก็สงสัยในตัวเองมากๆจนเครียดคิ้วขมวด
            “เป็นไร?” เหมือนไอ้กี้จะสังเกตเห็นว่าผมเงียบผิดปกติ มันเลยหันหน้านอนตะแคงมาทางผม
            “มิคกี้ … กู … ขอจูบหน่อยได้ไหม” หน้าด้านไปไหม?
            ผมขอคนตรงหน้าออกไปตรงๆ ผมไม่ใช่คนอ้อมค้อม เอาจริงๆ แต่คนมันสงสัย! อยากรู้! ใจจะขาด แค่อยากจะรู้ว่าอาการแบบนั้นอาจจะหายไปข้ามคืนก็ได้ จูบไอ้กี้แล้วอาจจะอ้วกก็ได้ใครจะรู้
                        “มึงว่าไงนะ” ไอ้กี้ทำหน้าตกใจ ผมส่งสายตาออดอ้อนใส่
            “จูบอ่ะ” พลางใช้นิ้วแตะลงบนริมฝีปากของตัวเอง คนตรงหน้ากระพริบตาปริบๆ
            “ประสาท”
            “นะ … กูอยากรู้ว่ากูเป็น … เอ่อ ชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า” ไอ้กี้ทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมพูดแบบนั้น มันถอนหายใจแล้วยกนิ้วดีดหน้าผากผมเบาๆก่อนจะยิ้มมุมปาก
            “… เออ ก็เอาดิ”
            ผมอึ้งไปนิดๆที่คนตรงหน้าตอบแบบนั้น แต่ก็ต้องอึ้งกว่าเมื่อไอ้กี้เป็นฝ่ายแตะริมฝีปากสีสวยของมันลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ผมชะงักค้างไปชั่วขณะ
            ก่อนที่กี้มันจะค่อยๆถอนริมฝีปากของมันออก
            “รู้สึกยังไง?” ร่างเล็กเลิกคิ้วสงสัย ผมขมวดคิ้ววุ่น
            ไม่เห็นรู้สึกอยากจะอ้วก แล้วก็ไม่ได้รู้สึก… วูบวาบแบบที่ในหนังมันเป็น
            “ลิ้น…” ผมสบถเบาๆ ไอ้กี้ทำตาโตแต่เหมือนเพื่อนคนนี้จะพูดไม่ค่อยยากซะเท่าไร ไอ้กี้พลิกตัวขึ้นคร่อมผมก่อนลิ้นเล็กๆจะเลียลงบนริมฝีปากของผม ผมเบิกตากว้างพลางมองไอ้ประธานสภาที่เคยคิดว่ามันเป็นเด็กเฉิ่มที่สุดในรอบปี ทำไมตอนนี้มัน … ร้อนแรงจังวะ!!!
            “อือ”
            ลิ้นเล็กๆถูกส่งเข้ามาในโพรงปากผม แปลกที่ผมไม่ได้หลับตาหรือนิ่งเพื่อรับสัมผัส ใบหน้าของร่างที่คร่อมผมอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยเป็นฝ่ายพลิกคร่อมไอ้กี้แทน
            ความรู้สึกร้อนแปลกๆเพิ่มขึ้นที่ช่องท้อง จนลามขึ้นมาถึงใบหน้าและช่วงคอ
            “ป่าน … อือ” ไอ้กี้หอบหายใจถี่เมื่อริมฝีปากของผมแตะลงที่ลำคอขาวๆนั่น
            ทำไม … ทำไม!!!
            ทำไมมันน่ารักอย่างงี้วะ!!!
            แก้มใสๆสีแดงระเรื่อนั่น ริมฝีปากสีส้มๆ ดวงตากลมๆที่ฉ่ำเยิ้ม ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ … เรียกสติผมให้หลุดไปหมดแล้ว!!!!
            ‘ปัง’
            “เฮ้ย/เฮ้ย!!!!” เสียงร้องสองเสียงประสานกันดังขึ้นด้านหลังก่อนร่างของผมจะลอยออกจากร่างของไอ้กี้ที่นอนแผ่อยู่ ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่งๆเพราะภาพในหัวมันยังฉายซ้ำๆอยู่
            น่ารัก
            น่ารัก
            น่ารัก !!!
            “ป่าน มึงทำอะไร…!!!” มือที่แตะลงบนหน้าผมแรงๆทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ผมมองไปยังร่างเล็กที่อยู่บนเตียงที่ลุกขึ้นมานั่งเพราะไอ้กาฬเข้าไปประครองเอาไว้
            ก่อนจะ…
            “เฮ้ย! เลือด!!!”
            ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วของไอ้นาทีแตะที่จมูกของผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมือของมันเปื้อนเลือดสีแดงสด เท่านั้นแหละผมก็รู้ตัวเองว่าเลือดกำเดาไหล ผมมองไอ้กาฬกับไอ้กี้ ไอ้กี้ยิ้มร่าแล้วหัวเราะอยู่บนเตียงเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องไม่น่าซีเรียส ส่วนไอ้พระกาฬ ทำหน้าขู่ฟ่อๆเหมือนกับแมวหวงก้าง
            “ออกมานี่เลย”
            ไอ้นาทีกดเสียงต่ำแล้วลากผมออกจากห้องก่อนจะหาทิชชู่มาให้ผมซับเลือดที่ซึมออกจากโพรงจมูก มันเดินหายเข้าไปในห้องครัวของที่พักแขกแล้วเดินออกมาพร้อมกับผ้าห่อน้ำแข็ง
            “มึงทำบ้าอะไร!!” ร่างข้างๆตะคอกผมเสียงดัง ผมสะดุ้งเล็กๆแล้วนั่งพิงโซฟา
            “จูบ”
            “ชอบไอ้กี้หรือไงถึงไปจูบมันน่ะ!!”
            แล้วมันกงการอะไรของมึงที่ต้องมาตะคอกกูวะเนี่ย’
            “แค่อยากลองอะไรบางอย่าง” ผมย้อนคำพูดคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆใช้ผ้าปาดเลือดออกไป ไอ้นาทีกำหมัดแน่น เหมือนมันจะโมโหมาก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันโมโหทำไม
            ผมไม่ได้ไปจูบแฟนมันนี่หว่า
            “ลองบ้าอะไร!? ลองบ้าอะไรวะจะปล้ำกันอยู่แล้ว!!!” ไอ้นาทีขึ้นเสียงใส่ ผมผลักอกมันออกอย่างแรงจนคนตรงหน้าแทบหงายหลังก่อนจะแลบลิ้นใส่
            “ก็กะอยู่!!”
            “ไอ้ป่าน!!!!”
            ผมหัวเราะร่าแล้ววิ่งออกมาจากบ้านพักแขกทันที ได้กวนตีนใครบางคนตอนเช้านี่มันสบายใจจริงๆ หึหึ แต่จริงๆนะ ถ้าไอ้นาทีกับไอ้กาฬไม่เข้ามาขัด ผมคงปล้ำไอ้กี้ลงไปจริงๆแล้ว
            แล้วอาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไรล่ะ
            ผมไม่เห็นจะรู้สึกพิศวาสอะไรกับไอ้นาทีแล้วก็ไอ้กาฬ แต่กลับรู้สึกมวนๆท้อง เขินๆเวลามองหน้าหวานๆของไอ้กี้
            “อ้าวพ่อหนุ่ม”
            คุณป้าเจ้าของบ้านเดินเข้ามาหาผม ผมยกมือไหว้คุณป้าอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานผมกับเพื่อนๆเข้ามาพัก คุณป้าแกก็ไม่ได้เข้ามาจุ๊กจิ๊กอะไร จะมีก็แต่ถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหม สะดวกสบายหรือเปล่า
            เธอเป็นคนดีมากจริงๆ
            “สวัสดีครับป้า”
            “ไปเตรียมตัวเถอะ ลุงแกจะเข้าเมืองเช้านี้ไปส่งผลไม้ ติดรถไปลงช่วงเช้าน่าจะหารถบัสกลับกรุงเทพฯได้ง่ายๆ” คุณป้าว่าแล้วยิ้มให้ผม ผมยกมือไหว้ป้าแกอีกครั้งกับความมีน้ำใจ รวมถึงขอบคุณสำหรับน้ำใจมากมายที่มีให้ผมกับเพื่อน
            จะได้กลับบ้านแล้วเว้ยยย !!!
 
            *
 
            ผมนั่งอยู่บนรถบัสข้างๆไอ้นาที นั่นเป็นเพราะว่าพระกาฬมันจะนั่งกับไอ้กี้แล้วก็ห้ามผมเข้าใกล้เพื่อนสนิทมิคกี้เม้าส์เป็นระยะ 3 เมตร สองคนนั่นนั่งหลังสุด ส่วนผมกับไอ้นาทีนั่งหน้าสุดแทบจะติดกับคนขับ! ใช้ได้ที่ไหน … ผมคิดถึงหมากี้ของผมนะ !!!
            ขึ้นรถมาผมก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากขลุกอยู่กับมือถือที่ต่อเน็ตได้ สาบานได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ากูเกิ้ลเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ผมยกเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองเพื่อไม่ให้คนข้างๆมาเสือกว่าผมกำลังค้นหาอะไรอยู่ ผมพยายามเสิร์ชหาสิ่งที่ผมเป็น
            ก่อนจะพบกับข้อความมากมาย
            เคะ
            เมะ
            คืออะไร?
            อันที่จริงความหมายมันก็ไม่ได้เข้าใจยากซักเท่าไร แต่เป็นเพราะว่าผมไม่เปิดรับที่จะเข้าใจมันแม้แต่นิด ในใจผมพยายามต่อต้านตัวเองว่า ผมไม่ใช่ ผมไม่เป็น ผมไม่ได้ข้องเกี่ยว
            ผมยังเป็นไอ้ป่านที่แมนสมชายชาตรีและชอบผู้หญิงแบบเดิม
            แต่พอนึกถึงริมฝีปากสีส้มๆของไอ้กี้แล้ว … ก็อยากจะเลือดกำเดาไหลอีกซักรอบ
            ให้ตาย…
            ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มีอาการเขินตัวม้วนแบบนี้คือตอนที่น้องหญิงเอาปากสีชมพูน่าจุ๊บนั่นมาคลอเคลียข้างหูของผมเพราะเราเล่นเกมส์ทายคำศัพท์กัน
            แต่ผมไม่เคยนึกเลยว่าจะมารู้สึกกับผู้ชายด้วยกัน
            กี้มันก็ ... น่ารักดี
            ผมกรอกผลสำรวจกับโพลอะไรต่างๆแล้วกดรอผลว่าตกลงแล้วผมเป็นอะไร เป็นตัวอะไร ประเภทอะไรกันแน่ ก่อนข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอจะดึงความสนใจของผมออกจากมือหนาๆที่พยายามกระชากผ้าห่มออกจากตัว
            ‘คุณเป็นเมะ 100% เชียวล่ะ แค่ได้เห็นผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคุณก็แทบจะกระโจนเข้าใส่แล้ว ไม่ว่าจะเวลาไหนคุณก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยคนบอบบางอยู่เสมอๆ … บลาบลาบลา’
            ลงท้ายด้วย
            สมาคมสาว yaoi
            หา … นี่มันศัพท์อะไรกันไม่เห็นเคยรู้จัก
            “ทำอะไร?” ไอ้นาทีที่สำเร็จความสุขในการดึงผ้าห่มออกจากร่างผมแล้วหันมามองหน้าผม มันจิกตาซะจนผมคิดว่าจะกินผมเข้าไปทั้งตัวอย่างไงอย่างงั้น ผมยื่นมือถือให้มันดู
            “ในนี้บอกว่ากูเป็นเมะอ่ะ แล้ว yaoi คืออะไร สาววายคืออะไรวะ?”
            ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อไอ้นาทีหยิบมือถือไปดู นาทีมันอ่านอยู่ซักพักก่อนจะกดหน้าจอปิดไป
“มันมั่ว กูรู้เรื่องนี้ดี มึงอ่ะเป็นเคะ ส่วนสาววายก็คือผู้หญิงที่ชอบให้ผู้ชายกดกัน” ไอ้นาทีว่า ผมอ้าปากค้าง
“แล้วเคะคือไรวะ?”
ผมที่กำลังรอคำตอบก็แทบจะร้องโวยออกมาถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอ้ทีมันหยิบผ้าห่มที่ผมห่มอยู่เมื่อกี้ขึ้นมาคลุมหัวผมและมันให้มาอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน
            จมูกโด่งๆของคนข้างหน้าแตะลงบนจมูกของผม
            ดวงตาสีเทานั่นจ้องเข้ามาในตาของผม
            ก่อนริมฝีปากสีซีดนั่นจะกดจูบลงบนริมฝีปากผม ลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก จูบที่นุ่มนวลที่สุดตั้งแต่จูบกับไอ้นาทีมา อย่างกับว่าตัวลอยอยู่บนผิวน้ำ ผมถอยหลังแทบสุดแต่มือของไอ้นาทีกระชากแขนผมไว้เพราะกลัวว่าผมจะตกเก้าอี้ ความรู้สึกแปลกๆเริ่มแล่นเข้ามาทีละนิด ทีละนิด จนกลายเป็นว่าใบหน้าผมรู้สึกร้อนผ่าวๆแปลก
            “อะ…”
            “เคะก็คือ … คนที่ต้องอยู่ข้างล่างตลอดชาติไง” ไอ้ทีว่าแล้วหัวเราะร่า ผมเบิกตากว้างก่อนจะฟาดแขนมันไป
            “อะไรนะ?!!” ผมกระซิบถามคนข้างๆอีกครั้ง แต่เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเพราะตอนนี้คนภายในรถทัวร์กำลังหลับ ผมหยิกแขนไอ้นาทีแรงๆ
            “ช่วยไม่ได้ ผลมันออกมาแบบนั้น มึงก็ต้องอยู่ล่าง อยู่ข้างบนมันผิดกฎ”
            “ผิดกฎ? กฎอะไรวะ?”
            “กฎของธรรมชาติ ถ้ามึงอยู่ข้างบนมึงจะไม่มีใครรัก พ่อแม่ก็ไม่รัก เพื่อนก็ไม่รัก เรียนไม่เก่งอีกด้วย แถมยังหน้าตาจะแย่ลง โง่ขึ้นด้วย” ผมเบิกตาโพลงกับสิ่งไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ไอ้นาทียิ้มมุมปาก
            จริงเหรอวะ…
            ขนาดนั้นเลย?
            “เวอร์ไปป่ะ?”
            “ไม่นะ หรือมึงอยากลองล่ะ?” ไอ้นาทีว่า มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างกวนตีนๆ
            “ไม่ว่ะไอ้ห่า”
            ใช่ ถ้าแม่งเป็นจริงๆก็ซวยดิวะ!
            ผมกับไอ้นาทีกลับมานั่งนิ่งๆกันอีกครั้งหลังจากรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ปั้มน้ำมันเพื่อให้คนลงไปซื้อหาของกินหรือเข้าห้องน้ำ รวมไปถึงรถบัสที่ต้องเติมน้ำมัน ตอนนี้รถก็เลยเงียบเป็นป่าช้า ผมหันขวับกลับไปด้านหลังรถพลางมองสองคนด้านหลังที่นอนพิงกันอย่างหมั่นไส้
            เหอะ
            “เออจะว่าไป เมื่อกี้ที่มึงจูบกู กูรู้สึกแปลกๆ” ผมหันไปคุยกับไอ้นาทีอีกรอบ คนข้างๆเลิกคิ้วสูง
            “แปลกยังไง? จะอ้วกเหรอ?”
            “เปล่า … มันรู้สึกเหมือนตอนที่จูบไอ้กี้เลย ร้อนๆแปลกๆ แถมยังหน่วงๆที่ท้องด้วย ตอนแรกกูลองแล้วนะ จูบกับมึงแล้วก็ไอ้กาฬไปเมื่อวานแต่มันก็ไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย แต่พอวันนี้ พอจูบไอ้กี้แล้วมาจูบมึงทำไมมันถึงรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้”
            ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะคาง ลูบๆเหมือนกับว่ามันมีหนวดยาวๆสีขาวอยู่ตรงนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่ผิดกัน แทนที่คนข้างๆจะตอบคำถาม มันกลับหัวเราะซะจนตัวงอกับสิ่งที่ผมถามออกไป ผมหันไปขมวดคิ้วใส่
            “หัวเราะบ้าอะไร” กูซีเรียสนะเนี่ย
            ไอ้นาทีหยุดขำแทบจะทันที ก่อนจะกอดคอผมเอาไว้แล้วแตะริมฝีปากลงที่หูของผม ผมสะดุ้งเฮือกพลางพยายามจะกระถดตัวหนี ก่อนที่ปากพล่อยๆนั่นจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา
            “สงสัยมึงจะเป็นโรคแพ้ ‘ลิ้น’ ซะแล้วว่ะ”
            “หา!!!?”
            “ชู่วๆ” ไอ้นาทีปิดปากผมแล้วส่งเสียงบอกเป็นเชิงว่าผมส่งเสียงดังเกินไป ผมลดวอลุ่มลงแล้วจ้องคนตรงหน้าเขม็ง
            “หมายความว่าไง?”
            “เมื่อวานมึงจูบไอ้กาฬแค่แตะปาก แล้วกูก็แค่เอาลิ้นแตะปากมึง แต่วันนี้กู…”
            “พอ!!!” ผมยกมือปรามทันทีที่รู้ว่าไอ้นาทีกำลังจะพูดอะไรก่อนจะหันกลับมากอดอกแล้วมองไปยังท้องถนนด้านหน้า คนค่อยๆทยอยขึ้นรถมา ก่อนที่รถจะออกตัว
            ที่ไอ้นาทีพูดก็มีเหตุผล อืมเหตุผล…
            “ลองอีกรอบมั้ย?”
            ‘ผลั่วะ!’
            “โอ้ย!”
            ผมยกมือฟาดหัวคนข้างๆที่ปากเสียแล้วหยิกหูไอ้นาทีอย่างแรง
            “เจ็บๆ ทำอะไรวะ?”
            “สั่งสอนคนลามปาม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง ไอ้บ้ากาม!”
            โถ่เว้ย แล้วนี่ผมจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไรกันวะเนี่ย? ไอ้โรคนี่มันกินยาหายมั้ยวะ?! ผมต้องไปหาหมอมั้ย?
            น่าอายชะมัด น่าอายเป็นบ้าเลยจริงๆ!!!
 
            *
 
            พอถึงบ้านปุ๊บผมก็ฟุบตัวลงบนที่นอน น่าแปลกที่น้องหญิงมารอผมถึงหน้าบ้าน ผมตกใจพอสมควรที่น้องหญิงควรจะไปหาไอ้นาทีที่คอนโดมันมากกว่าเพราะผมเป็นเพียงแค่ของไร้ค่าที่ถูกทิ้ง แต่แปลก หญิงมาต้อนรับผมอย่างดิบดีเหมือนกับว่าเธอยังเป็นคนเดิม ร่างเล็กวิ่งปราดเข้ามาทันทีที่เห็นผมกลับมาก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้างๆผมที่นอนแผ่อยู่บนเตียง
            “ป่าน…”
            “หืม”
            เสียงเล็กๆเรียกผม ผมหันหน้าไปมองน้องหญิง จมูกเล็กๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จมูกของผมซะจนผมต้องกระเด้งตัวออกอย่างตกใจ
            “เอ่อ มีอะไรครับ?”
            น้องหญิงเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆผม มือเล็กๆนั่นคว้าปลายคางผมไว้ก่อนร่างเล็กจะทำในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ มือเรียวกระชากผมให้ลงไปนอนที่เตียงก่อนจะขึ้นคร่อมผมอย่างรวดเร็ว!!!
            “ยะ … หญิง!!”
            “เงียบ!!!” เสียงที่ออกเป็นเชิงสั่งพร้อมกับมือเล็กๆที่ไล้ไปตามร่างกายผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่มันอะไรกัน น้องหญิงจะทำอะไร
            มือเรียวไล่ไปตามร่างกายของผมก่อนจะปลดเข็มขัดกางเกงของผมออก ผมดิ้นพล่านแล้วพยายามผลักน้องหญิงออก น้องหญิงหยิกเอวของผมจนเจ็บ ผมร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ
            “หญิงจะทำอะไร!!!”
            “หญิงบอกให้เงียบไปป่าน!!!”
            เพราะเป็นคำสั่งของคนที่ผมรัก ผมจึงได้แต่อยู่เฉยๆเพราะถ้าเกิดดิ้นแรงไปอาจจะทำให้น้องหญิงได้รับบาดเจ็บไปก็ได้ ... กางเกงผมหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้าอย่างรวดเร็ว มือเรียวเล็กเลิกเสื้อผมขึ้นแล้วสำรวจไปทั่วร่างกาย ผมได้แต่นอนนิ่งค้างเป็นหุ่นเมื่อหญิงทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของผม ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆคิด เธอแค่ทำมากกว่าที่ผมคิดแค่นั้นเอง
            หญิงถอนตัวออกจากผมพร้อมกับหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างกายผมเอาไว้ ดวงตากลมที่ผมเคยเห็นว่าเธอใสซื่อมาตลอดกลับแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยราคะแฝงไปหมด ผมรู้สึกกลัวกับคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กๆ
            “หญิงแค่จะเช็ค ว่าป่านไม่ได้มีอะไรกับคนของหญิง”
            ผมแทบช็อคตายคาที่นอนเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงพูดออกมา ร่างเล็กนั่งลงด้านข้างผมก่อนจะดึงหัวผมไปนอนตักเธอเหมือนทุกครั้ง ราวกับว่าจะปลอบประโลมในสิ่งที่เธอเพิ่งทำลงไป ผมนิ่งค้างไปเมื่อมือเรียวลูบกลุ่มผมของผมแผ่วเบา
            “ป่านเป็นเด็กดีของหญิงนะ … อย่าทำให้หญิงต้องเสียใจ”
            “ป่านไม่ได้ชอบผู้ชาย”
            ผมสวนกลับแทบจะทันที แม้มันจะเริ่มเป็นการโกหกแล้วก็เถอะ
            “หญิงรู้ป่าน หญิงรู้…”
            “แต่นาทีไม่ใช่… นาทีชอบผู้ชาย…”




TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 02-02-2014 16:08:04
พลิกไปพลิกมาตลอดเลย เรื่องนี้ ติดตามนะคะๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-02-2014 17:23:19
กลัวหญิง บอกเลย   :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-02-2014 18:25:06
อะรายฟระ เริ่มงง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 02-02-2014 18:45:39
ซ้อนเงื่อนไปหมดดด ลุ้นมันส์มาก  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: hotoil ที่ 02-02-2014 20:15:27
หญิงนี่ออกแนว ร่าน + โรคจิตป่ะ  (หรือคิดมากไปเอง)
เรื่งนี้ชอบค่ะ เป็นอะไรทื่แปลกใหม่  จะใส็ใส จะเถื่อนก็เถื่อน
ป่าออกแนวซึนๆมึนป่ะ  เรื่องนี้ปมเยอะจัง รออ่านต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 03-02-2014 15:33:30
อ่านเรื่องนี้แล้วลุ้นมากอ่ะ

พลิกไปพลิกมาตลอดอ่ะเดาไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นุ่งหนิง ที่ 03-02-2014 17:01:47
อ่านตอนที่ ป่าน ค้น ความหมาย เมะ เคะ แล้วขำอ่ะ

ผลบอกว่า เป็น เมะ 100%

แต่ นาทีบอก ว่า เป็นเคะ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว บอกว่า ถ้าเป็นจะไม่มีใครรัก. ป่านมีเคลิ้มอ่ะ


นาที น่ารักอ่ะ

น้องหญิงโรค จิต อ่ะ ร้าย ร่าน

พระกาฬ ยอม มีอะไรด้วยเพราะอะไรน่ะ


เรื่องลึกลับซับซ้อนมากๆๆ น่าติดตาม ทุกตอน

มาต่อเร็วๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 04-02-2014 00:27:34

14

            ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดของคนที่ผมอยากคุยด้วยมากที่สุดตอนนี้ เมื่อวานหลังจากที่เจอเรื่องที่น่าตกใจ ทำให้ใจผมมันสั่นแปลกๆ ผมไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้หญิงอีกต่อไป ความรู้สึกกลัวใจตัวเอง กลัวสิ่งที่เธอจะทำ มันก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆย้ำๆซ้ำๆอยู่ในหัว
            “ป่าน…”
            ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าของห้องมีสีหน้าไม่เข้าใจ
            “ขออยู่ด้วยได้มั้ย”
            เหมือนไอ้นาทีจะสังเกตเห็นของที่ผมวางระเกะระกะอยู่หน้าห้อง ผมไม่กล้ากลับบ้าน วันนี้ตั้งแต่เช้าผมก็ขนเสื้อผ้าออกมาจากบ้านของตัวเอง พอเลิกเรียนก็ตรงมาที่คอนโดของไอ้นาทีที่ผมจำได้ลางๆ
            ผมไม่กล้าเจอผู้หญิงคนนั้น
            “เข้ามาก่อน”
            นาทีถอยหลังไปติดกำแพงเพื่อเปิดทางให้ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมรู้ว่าสภาพผมตอนนี้ก็เหมือนศพผีดิบดีๆนั่นเอง ถ้าเป็นคุณ คุณจะช็อคมั้ยเมื่อผู้หญิงที่คุณรักมาสั่งให้คุณแก้ผ้าแล้วตรวจเช็คว่าคุณไม่ได้ไปมีอะไรกับคนที่เธอทึกทักเองว่าเป็นแฟนของเธอ
            ผมนั่งลงที่โซฟาพลางกอดเข่าตัวเองเอาไว้ ไอ้นาทีเดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเบ้อเริ่มของผม
            “นี่กะจะมานอนตลอดชีพเลยปะวะเนี่ย?” ไอ้นาทีถาม ผมไม่ได้ตอบ เมื่อมันเห็นสิ่งผิดปกติมันเลยนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม มือที่อุ่นของมันเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้
            “เป็นอะไร”
            ผมจ้องดวงตาสีเทาของคนตรงหน้านิ่ง ราวกับว่าสติยังไม่กลับ ผมหัวเราะกับตัวเอง
            ทำไมนะ … ทำไมผมถึงต้องยอมผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง
            “หญิงแก้ผ้ากู…” ผมพูดขึ้นนิ่งๆ สายตายังไม่ละไปจากดวงตาของไอ้นาที ไอ้นาทีเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มันนิ่งไป พอๆกับผม
            “แล้วเช็คว่ากูมีอะไรกับมึงหรือเปล่า…”
            “ว่าไงนะ!?”
            ไอ้ทีร้องออกมาอย่างตกใจ ผมส่ายหน้าแล้วหัวเราะอีกครั้ง
            “กูทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนนิ่งๆ…”
            “โรคจิตไปแล้วแน่ๆ” คนตรงหน้าผมบ่นอุบ ผมส่ายหน้าอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนกลายเป็นว่ามันไม่หยุด น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากขอบตาที่ผมพยายามเก็บมันเอาไว้
            “กู … กูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลย … เหรอ” ผมกลืนเสียงสะอื้นเข้าไปในลำคอ ไอ้นาทีใช้มือของมันปาดน้ำตาบนแก้มของผมออกไป มันดูตกใจที่เห็นผมร้องไห้ แต่ผมกลั้นไว้ไม่ไหวจริงๆ
            “ป่าน … มึง … ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำถึงขนาดนี้ มึงไม่ต้องทนได้มั้ย!?” น้ำเสียงที่ออกแนวตะคอกดังออกมาจากปากของคนตรงหน้า ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
            “กูทำไม่ได้…ทำไมได้จริงๆ…”
            ‘หมับ’
            นาทีคว้าผมเข้าไปกอดแน่น ผมกอดตอบมัน โหยหาความอบอุ่นที่ผมขาดมาตลอดพลางปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ผมมักจะบอกแบบนี้กับตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไรที่ร้องไห้ มันจะเป็นการร้องไห้ครั้งสุดท้าย และมันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
            “เจ็บจังเลยว่ะ เจ็บชะมัด”
            ไอ้นาทีเงียบไป ปล่อยให้ผมปล่อยน้ำตาออกมาจนหมด มือหนาๆลูบหัวผมแผ่วเบา
            “ตัดใจซะป่าน … ตัดใจ”
            ตัดใจ …
            ใช่ ตัดใจสิวะ
            “กูทำไม่ได้” กลายเป็นว่าแทนที่ผมจะหยุดร้องไห้ ผมกลับร้องไห้โฮออกมาจนหยุดไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจจะหลุดออกมาจากอก หายใจไม่ออกแน่นคับร่างกายไปทั้งร่าง ผมร้องโอดครวญอยู่แบบนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำตาแทบไม่เหลือ
            ผมตัดใจจากเธอไม่ได้
            ไม่ได้จริงๆ…
 
            *
 
            ราวๆสามทุ่มกว่าๆหลังจากที่ผมเข้าไปอาบน้ำเสร็จ ผมนั่งลงข้างเตียงมองออกไปนอกกระจกใสที่มองเห็นท้องฟ้าสีดำสนิทกับแสงไฟจากในตัวเมือง ผมกอดหมอนสีขาวแน่นจนแทบจะฝังตัวเองเข้าไปกับปุยนุ่นนั่น ภาพของหญิงฉายซ้ำๆอยู่ในหัวราวกับเป็นแผ่นฟิล์ม
            ภาพที่ผมหลอกตัวเองมาตลอด ว่าเธอรักผม
            แล้วผมก็รักเธอ
            ภาพที่เราอยู่ด้วยกัน คอยจับมือ คอยช่วยเหลือ คอยปกป้อง
            กลับถูกแทนที่ด้วยภาพที่เธอกระชากเสื้อผ้าผมออกแล้วสำรวจร่างกายของผมราวกับผมมีเชื้อโรค
            “ป่าน”
            ‘เพี๊ยะ’
            ผมฟาดมือลงบนมือของเจ้าของห้องอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่ผมจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาปกป้องตัวเอง เพราะหัวใจผมอ่อนแอ อ่อนแอเกินไป…
            “ขอโทษ”
            ผมหันกลับไปมองกระจกตรงหน้าต่อทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้นาทีเดินเข้ามา มันทิ้งตัวนั่งลงข้างผม เราสองคนมักจะไม่พูดอะไรมาก เหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรให้พูด เพราะไอ้นาทีเป็นคนไม่พูดด้วยแหละมั้ง
            จู่ๆสัมผัสที่ศีรษะของผมก็ทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้นาที มือของมันคว้าหัวผมให้กดลงบนไหล่กว้างๆของมัน ผมมองจมูกโด่งๆของไอ้นาทีนิ่งๆ
            “กูเป็นห่วงมึงรู้บ้างมั้ย”
            คำพูดที่เหมือนจะตัดพ้อทำให้ผมรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ผมพยักหน้า
            “ขอบใจ”
            “ขอบใจอย่างเดียวไม่พอว่ะ มึงต้องทำด้วย”
            “จะให้ทำไง…”
            “ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซะ ถ้าไม่ตัดใจ มึงจะใจอ่อนไปตลอด ถ้าหญิงบอกให้มึงไปตาย มึงจะยอมอย่างงั้นเหรอป่าน…” ไอ้นาทีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมก้มหน้ามองฝ่าเท้าของตัวเอง
            “มั้ง”
            ‘ผลั่วะ!!!’
            แทบจะเป็นปฏิกิริยาที่ตอบโต้ทันทีเมื่อหมัดหนักๆซัดเข้าที่มุมปากของผม ผมร่วงไปกองที่พื้น ไม่ได้จะตอบโต้อะไรไอ้นาทีกลับ แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องโดนซะบ้าง
            “โง่!!!!”
            “…”
            “ทำไมถึงโง่แบบนี้! กับอีแค่คนๆเดียว คนที่ไม่เคยแลเห็นหัวมึงด้วยซ้ำ! ทำไมวะ!!!? ทำไมถึงโง่ดักดานชิบ!!!”
            “…” ผมเงียบไปแล้วค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งเหมือนเดิม ไอ้นาทีเปลี่ยนเป็นยืนเตรียมจะกระทืบผมให้ตายเพราะขัดใจ ผมยิ้มบางๆ
            “หญิงเป็นเพื่อนคนเดียวของกูมา 15 ปี”
            ทั้งห้องเงียบไป ผมพยุงตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วกอดหมอนเอาไว้แน่น
            “หญิงเป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้กู”
            ผมซุกหน้าลงกับหมอนก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
            ผมเป็นเด็กประหลาด…ใครๆก็เรียกผมแบบนั้น ผมมีผิวที่ขาวเกินคนทั่วไป ขาวจนเรียกได้ว่าซีดจนแทบจะกลืนไปกับสีขาว พวกเขาเรียกผมว่าเอเลี่ยน หญิงเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ผมมี เป็นเพื่อนที่ทำทุกอย่าง เป็นทั้งพี่สาว น้องสาวหรือแม้กระทั่งแม่ แม่แท้ๆยังดูแลผมไม่ขนาดเธอเลย…
            แล้วตอนนี้พวกท่าน … ก็คงไม่คิดจะเหลียวมามองลูกชายเพียงคนเดียว
            เตียงที่ยวบลงเพราะร่างของใครบางคนนั่งลงข้างๆผม มืออุ่นๆสัมผัสเดิมๆแตะลงบนหัวของผม ราวกับว่าผมกลายเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่ต้องคอยออดอ้อนเจ้านาย ผมชอบฝ่ามือของใครก็ตามที่สัมผัสศีรษะ มันเหมือนกับว่าครอบครัวที่สูญเสียไปกำลังกลับมา
            “ถ้ามึงไม่ยอมตัดใจ…กูจะทำให้มึงตัดใจเอง”
            เสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับแรงตึงที่ข้อมือทำให้ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไอ้นาทีคร่อมร่างผมเอาไว้แทบจะทันทีที่ผมเงยหน้ามองมัน ผมมองใบหน้าของคนด้านบนอย่างร้องขอ รู้อยู่แก่ใจว่าคนด้านบนต้องการจะทำอะไรเพราะเข่าที่แทรกเข้ามาที่หว่างขาของผม
            อย่าเพิ่งได้มั้ย…
            “อย่า…”
            “จำแค่ภาพกู ลืมผู้หญิงคนนั้นไป”
            “นาที…อย่า…ขอร้อง”
            “ลืมเธอไปซะ…ลืมซะ”
 
            *
 
            ผมค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับความเจ็บบริเวณสะโพกที่ทำให้น้ำตาแทบจะเล็ดออกมา คนข้างๆนอนหลับตาพริ้ม ร่างกายที่เปลือยเปล่าทำให้เรื่องราวเมื่อคืนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวผม
            ผมกับนาที … มีอะไรกันแล้วจริงๆ
            แล้วที่สำคัญ … ผมกลับยอมมันไม่แม้แต่จะผลักไสไล่ส่ง
            ผมเอื้อมมือไปปัดปรอยผมที่มักจะปกหน้าไอ้นาทีให้พ้นทาง ริมฝีปากสีซีดปิดสนิท อกที่กระเพื่อมขึ้นลงบ่งบอกถึงการหายใจของคนที่หลับสบาย จมูกโด่งๆ ดวงตาเรียวรีสวย โหนกแก้มที่ใหญ่นิดหน่อยแต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลานี่ดูแย่ กลับดูดีจนน่าประหลาด
            “จะลักหลับกันหรือไง”
            คนข้างๆตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เล่นเอาผมสะดุ้งแล้วชักมือกลับพลางพลิกตัวกลับอย่างแรงจนกระเทือนเครื่องยนต์ช่วงล่างเล่นเอารวดร้าวไปทั้งตัว ผมงอตัวเป็นกุ้งแต่เหมือนคนทำจะสำนึกผิด มันหัวเราะซะจนผมคิดว่ามันกำลังดูตลก
            น่าขำเหรอวะ!?
            ผมกัดริมฝีปากเมื่อจมูกโด่งๆของไอ้นาทีคลอเคลียอยู่บริเวณลำคอของผมก่อนจะใช้ฝ่ามือพิฆาตของตัวเองผลักหัวกลวงๆนั่นออกไปแล้วเตรียมเตะซ้ำถ้าไม่ติดที่ว่า … เจ็บ
            “รุนแรงว่ะ”
            “ลามปามก่อนนี่ไอ้ห่า”
            เหมือนไอ้นาทีจะไม่ฟังอะไรเลย มันสวมกอดผมจากด้านหลังแล้วกดคางลงบนศีรษะของผม
            “เป็นของกูจนได้”
            ไอ้ห่า
            “นั่นปากหรือฝ่าตีนล่ะนั่น” เพราะว่าผมกำลังอ่อนแอและต้องการใครซักคนต่างหาก!!
            “ฮ่าๆๆๆๆๆ”
            มันน่าจับกระทืบซะให้เข็ดมั้ยวะเนี่ย
            “ได้กูแล้วเดี๋ยวก็ทิ้งกูเหมือนคนอื่น ไม่เป็นไร กูไม่ใส่ใจอะไรมาก แค่เจ็บ” ผมบ่นอุบอิบเป็นเชิงประชดประชัน อยากจะแกล้งไอ้นาที แต่ดูเหมือนไอ้นาทีจะไม่เล่นด้วย มันพลิกตัวผมกลับมานอนแล้วขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง นัยน์ตาสีเทานั่นจ้องผมเขม็ง
            “ลูกหมาจรจัดหน้าตาสะบักสะบอม กูทิ้งไม่ลงหรอก”
            “เวร!! ออกไปเลยไอ้สัดออกไป ปากมอมจริงๆ”
            ผมเลือกที่จะผลักคนด้านบนออก ไอ้นาทีหัวเราะแล้วหัวเราะอีก จมูกโด่งๆฝังลงบนกลุ่มผมของผม
            “กูยังไม่รู้ว่าคำว่า ‘รัก’ คืออะไร…”
            ผมสะอึกไปกับคำๆนั้น
            “แต่กูเชื่อว่ามึงสามารถทำให้กูรู้จักคำนั้นได้”
            อ้อหรอ…
            “กูไม่ใช่พจนานุกรมนะไอ้โง่!!”
            ผมถีบคนๆข้างออกไปก่อนจะกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บแล้ววิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ยืนส่องสภาพตัวเองด้านหน้ากระจก ก่อนจะมองเห็นสิ่งที่ขาดหายจากใบหน้าไปนานแสนนาน
            รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นเล็กๆ
            แปลกชะมัดที่ผมเองก็ลืมไปว่าเวลาอยู่กับนาที ผมก็มักจะลืมเรื่องของหญิงไป
            ผมจัดการตัวเองแล้วคิดว่าวันนี้อยากจะพักผ่อนโดยการโดดเรียน ไอ้นาทีต่างหากที่ต้องไปเรียนเพราะมันไม่ได้เจ็บแบบผม ผมเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงบ็อกเซอร์สีขาวขาสั้น ส่วนไอ้นาทีก็เปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนเสร็จเรียบร้อย
            “ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีหน่อยเร็ว”
            “พ่อมึง!!” ผมแทบจะโยนรีโมททีวีใส่หัวไอ้เวรตรงหน้าที่ชักจะลามปามเข้าไปใหญ่
            “กูจะไปเรียนแล้ว มาส่งเจ้าของห้องหน่อย”
            ไอ้คนทะเล้นมันกวักมือเรียกผมยิกๆ ผมเดินกระเผลกไปหามันก่อนที่ริมฝีปากสีซีดจะกดจูบเร็วๆลงบนริมฝีปากของผม ผมทำหน้าเซ็งกะตาย โดนมันจูบซะจนชิน
            “ไม่ดีใจเหรอ”
            “ใครจะไปดีใจทำหน้าหมาพุดเดิ้ลแบบมึงล่ะ ไปเรียนได้แล้ว สายแล้ว” ผมว่าพลางผลักไอ้นาทีออกจากห้องแล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นใครบางคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง
            ไอ้นาทีเองก็นิ่งไปเหมือนกัน…
            น้องหญิงในชุดนักเรียนยืนอยู่หน้าห้องของไอ้นาที ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นผมอยู่ด้านใน เธอทำท่าจะเอ่ยปากพูดอะไรซักอย่างแต่นาทีก็คว้าแขนเจ้าตัวเดินออกไปโดยไม่ให้เธอได้พูด ผมค่อยๆปิดประตูลงเบาๆก่อนจะค่อยๆนั่งลงที่พื้นห้อง
            “ป่านขอโทษ…”
            ผมแค่พลาดพลั้งไป…แค่พลาดพลั้งไปจริงๆ

           ‘กริ๊ง’
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้อง ผมลุกจากพื้นแล้วตรงไปที่เจ้าโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างโทรทัศน์ มันเป็นโทรศัพท์ของห้องที่คอนโดไอ้นาที
            จะรับดีไหม?
            “ครับ”
            จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจรับมัน ปลายเสียงเงียบไปไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่เสียงลมหายใจที่ทำให้ผมรู้ว่ามีใครบางคนถือสายอยู่ ผมเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกรอบ
            “ฮัลโหล”
            (ฮัลโหล นั่นใครน่ะ?) เสียงที่ทักมาเป็นผู้หญิง คงไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงโทรหาไอ้นาที
            “เพื่อนนาทีครับ”
            (เพื่อน…)
            ‘กริ๊ก!’
            ปลายสายวางหูทันทีเมื่อผมทักไปอีกครั้ง ผมแทบจะปาไอ้เครื่องนี่ทิ้งไปซะ จะบ้าหรือไง คุยๆอยู่ดีๆอยากวางก็วางเลยเหรอวะ โรคจิตว่ะ
            ผมย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องนอนอีกครั้ง ห้องนอนของคนที่ผมเคยจะหาข้อมูลความสารเลวของมันเพื่อเปิดโปง แต่ในคราวนี้ผมไม่ได้มาร้ายแบบนั้น ผมแค่สงสัยมากไปหน่อยแค่นั้นเอง
            ผู้ชายตัวคนเดียวในคอนโด … คงไม่เรียบร้อยขนาดนี้หรอกมั้ง
            หนังสือที่วางเป็นระเบียบ ไหนจะเสื้อผ้าที่วางพับอย่างถูกที่ ข้าวของถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ต่างกับห้องใหม่ยกเว้นก็แต่ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่เพราะไม่ได้พับจากการนอนของผม
            เรียบร้อยเกินไปแล้ว
            ผมเริ่มปฏิบัติการ นักสืบสะท้านโลก หยิบนู่นจับนี่จนสนุกมือ บางอย่างก็น่าสนใจ บางอย่างก็ตั้งไว้แค่ประดับห้อง ไอ้ที่น่าสนใจที่สุด คงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือสีดำที่ทำขึ้นมาอย่างดีตรงหน้าล่ะมั้ง
            และแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสมุดเล็กๆขนาดพอดีมือเล่มหนึ่ง หน้าปกสีดำอีกแล้ว ผมคว้ามันมาไว้ในมือ กระดาษแห้งๆนั่นบ่งบอกถึงอายุการใช้งานว่าคงผ่านการเขียนมาเยอะเกินครึ่งเล่ม
            ผมถือวิสาสะเปิดดู ไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของห้อง
            ไดอารี่…?
            ผู้ชายเขียนไดอารี่มันก็มีอยู่นะ … แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยละเอียดอ่อนขนาดนี้ ผมไล่เปิดไปหน้าแรก นี่ลายมือไอ้นาทีเหรอวะ เรียบร้อยเกินไปมั้ง ก่อนผมจะสะดุดกับชื่อที่เขียนอยู่ที่ท้ายกระดาษ
          ‘Angel diary’
            บันทึกของนางฟ้า…
            ผมไล่ๆเปิดดูข้อความ อ่านมันอย่างไร้มารยาท แล้วก็ต้องพบว่า ไดอารี่เล่มนี้ …
            เป็นของแฟนไอ้นาที…
            ผมเปิดไปที่หน้าสุดท้ายที่ไดอารี่ถูกเขียนเอาไว้ วันบนนั้นเป็นเวลาและวันที่เมื่อสองปีที่แล้วพร้อมกับข้อความสุดท้ายบนกระดาษ ลายมือไก่เขี่ยที่ผมมั่นใจว่าเป็นของผู้ชายถูกเขียนตรงกลางกระดาษตัวใหญ่ๆ
            ‘หลับให้สบายนะแองจี้’
            ‘พั่บ!’
            ผมปิดเจ้าสมุดนั่นลงทันทีพร้อมกับขนลุกเกรียว
            ‘หลับให้สบาย’
            มีความหมายสองอย่าง … ฝันดีหรือราตรีสวัสดิ์ หรือ ตายจากไป
            ผมเก็บไดอารี่นั่นกลับไปเก็บเข้าที่เดิมพลางยกมือไหว้อย่างขอโทษขอโพยถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นตายไปจริงๆ ผมไม่ได้อยากจะลบหลู่ แต่แค่สงสัยเกินเหตุ แล้วผมก็ไม่ได้จะแช่งเธอ แต่มันมีความหมายแบบนั้นจริงๆ
            ทำไมไอ้นาทีถึงต้องเก็บไดอารี่เล่มนั้นเอาไว้ … นั่นเป็นหลักฐานที่แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญกับมันมากจริงๆ
            ผมเลือกที่จะกลับไปนั่งนิ่งๆที่โซฟา แล้วเปิดดูทีวีฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย ความเจ็บที่สะโพกเริ่มหายทีละนิดเมื่อผมกินยาแก้ปวด ก่อนจะผล็อยหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสองโมงกว่าๆ
            หิวข้าวจัง
            ‘ตี๊ดๆ’
            เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง ผมวิ่งเข้าห้องไปรับ แค่เห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอผมก็แทบจะยิ้มร่าออกมาเสียยกใหญ่ ไม่ใช่ดีใจ แต่เพราะมีคนกำลังจะเลี้ยงข้าวต่างหากล่ะ
            “ไง”
            (ทำไมมึงไม่มาเรียนวะ!!? หา!!!)
            เสียงทุ้มต่ำของไอ้ฟ้าตะโกนดังลั่น ผมต้องยกโทรศัพท์ออกจากหู ไม่งั้นหูคงแตก
            “ไม่สบายนิดหน่อย มึงอยู่ไหน”
            (วันนี้เลิกเร็ว กูกะจะไปหามึงที่บ้าน อยู่บ้านหรือเปล่า? หรืออยู่โรงพยาบาล?) ไอ้ฟ้าถามเป็นชุด ผมส่ายหน้าเหมือนกับว่าเพื่อนสนิทอยู่ตรงหน้า
            “กูอยู่ที่อื่น ไปเจอกันที่ร้านข้าวที่เดิมได้ปะ สั่งข้าวไข่เจียวเผื่อด้วยเดี๋ยวไปหา”
            (เออ ไวๆ)
            แล้วมันก็ตัดสายไป ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมที่จะออกไปข้างนอก ไม่ลืมที่จะแปะโพสอิทไว้ตรงตู้วางรองเท้าตรงประตูว่าผมออกไปกินข้าว เมื่อเช้าไอ้นาทีเอาคีย์การ์ดห้องออกไปแล้ว ถ้ามันกลับก่อนผมก็ไม่ต้องใช้มัน
            ผมเดินไปตามทางที่จำได้แม่น มือก็กระชับกระเป๋าสะพายที่มักพกติดตัวไปไหนมาไหนเอาไว้ ผมยืนรอสัญญาณไฟที่ทางม้าลายตรงป้อมตำรวจเพื่อที่จะข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ก่อนจะยืนกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยเปื่อย
            ‘ปริ้น!!!!!’
            เสียงบีบแตรรถเสียงดังสนั่นพร้อมกับร่างของผมที่ถูกกระชากไปด้านหลังแล้วร่วงไปทับใครบางคน ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว รถกระบะพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วแล้วเสยป้อมตำรวจไป ถ้าไม่มีใครดึงผมไปด้านหลัง ผมอาจจะต้องคอหลุดจากบ่าไปแล้ว!!!
            “คุณ โอเคมั้ย?!” มือหนาของใครซักคนตบเบาๆที่แก้มของผม ผมหลุดออกจากภวังค์ ผมมองใบหน้าคนตรงหน้านิ่งๆแล้วถอยหลังไปนิดๆด้วยความช็อค…
            “โอเคมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
            ผู้ชายร่างสูงที่หน้าตาคุ้นเคยเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนซักที่ภายใต้กรอบแว่นเรย์แบนสีดำ ผมส่ายศีรษะไล่อาการมึนๆออกไปก่อนจะค่อยๆพยุงตัวขึ้นยืน เสียงกรีดร้องและเสียงของผู้คนที่บาดเจ็บดังเซ็งแซ่ไปหมดเพราะว่าบริเวณที่ผมยืนอยู่มีคนจำนวนไม่น้อย คาดว่าคนขับน่าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะฝั่งที่เสยเข้าป้อมตำรวจไม่มีคนนั่ง
            “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” ผมว่าก่อนจะพยุงตัวขึ้น ร่างสูงข้างๆช่วยพยุงตัวผมอีกแรง เขาสูงมาก แถมหน้าตายังคุ้นสุดๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นผ่านๆโปสเตอร์ที่ไหนซัก…แห่ง
            “ไอริสเหรอ?”
            ผมกระซิบเสียงแผ่วเมื่อเห็นรอยสักที่ต้นคอของชายตรงหน้า เขากระชับปกคอเสื้อปิดนิดหน่อยแต่ไม่สามารถหลบสายตาสอดแนมของผมได้!!!
            อย่าบอกนะว่า!!!
            “ชู่ว”
            คนตรงหน้าทำสัญญาณเป็นเชิงว่าไม่ให้ส่งเสียงดัง ก่อนเขาจะพาผมเดินข้ามถนนไปยังฝั่งที่ปลอดภัยเมื่อรถจอดนิ่งเพื่อหยุดไฟแดง
            ผมมองมือหนาที่จับแขนของผมไว้อย่างตื้นตันและรู้สึกดีใจจนแทบจะบินได้ ก่อนที่ร่างสูงจะดันเข้าไปในซอยๆหนึ่งแล้วดึงแว่นตาลง
            ใช่จริงๆด้วย!!!! ใช่ ไม่ผิดตัวแน่ๆ
            ไอริสมือกลองของวงร็อคชื่อดัง!!!!!
            ให้ตายเถอะผมเป็นแฟนคลับนัมเบอร์วันเชียวนะ!!!! เฮ้ยยย!!!!




TBC
เอาป่านกับนาทีมาเสิร์ฟแล้วค่าา ตอนนี้มีตัวละครมาใหม่ด้วย ฮ่าๆๆๆ
ซี่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นด้วย...ดีใจมากเลย :hao5: ดีใจแทนพี่คนเขียนด้วย

ความจริงซี่ว่าจะมาเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้ว คือพี่ jiwinil (คนแต่ง)เนี่ย สมัยก่อนเขาดังเรื่องการเขียนนิยายหักมุมมากเลยค่ะ
เมื่อก่อนที่เขามีนิยายเรื่องนึง เป็นแนวมาเฟีย สนุกมาก 5555 นายเอกชื่อรัม พระเอกชื่อกิน หักมุมกระจาย! อ่านไปลุ้นไป
แต่คอมพี่เขาเสียไปตอนนั้นเลยทำให้ไฟล์หายไปหมด แล้วตอนนั้นพี่เขาก็ลบนิยายจากเว็บไซต์ที่ลงไว้ตอนนั้นแล้วด้วย ผลสรุปคือหายเกลี้ยง.... :z3: เสียดายมากกกกก จริงๆ ที่เล่ามานี่ก็คือ อยากมาแบ่งปันความน่าเสียดายให้ทุกคนฟัง.. (เลว) 5555+

ดังนั้นเรื่อง Take Turn นี้เลยจะมีกลิ่นอายความหักมุมอยู่ค่อนข้าง.. ยังไงซี่ก็อยากให้ทุกคนอ่านกันด้วยความเพลิดเพลินนะค้าบ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 04-02-2014 01:05:16
ป่านเอ้ยยยย ทำไมอีแม่รู้สึกหนูจะอ่อนไหว ไหลระรินไปกับปู้จายทุกคนที่หนูประสบพบเจอเลยล่ะลูก มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วนา :m20:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2014 04:24:08
ซับซ้อนมากๆ เดาทิศทางกันไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 04-02-2014 05:17:14
มีตัวละครมาให้ลุ้นเพิ่มอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นุ่งหนิง ที่ 04-02-2014 19:36:09
เรื่องนี้อ่านแล้ว ลุ้นเหนื่อยเลย

อยากได้ โมเม้นท์. หวานๆๆ ของ ป่าน กะ นาที มั้งอ่ะ :hao5:

ไอริส นิ เป็นใครนะ

อยากอ่าน ต่ออ่ะ

หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-02-2014 20:37:44
หรือหญิงจะเป็นคนสองบุคลิค
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 05-02-2014 13:34:20
เฮ้ยยยย โผล่มาอีกคนแล้วจะมีอะไรมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.15-16]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 12-02-2014 19:29:19
15



            “ไอริสจริงๆด้วย!!!” ผมแทบจะกลิ้งไปตามพื้นถนนทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆระยะเผยรูขุมขน เขาหล่อมาก หล่อสัดๆ หล่อแบบในโปสเตอร์เทียบไม่ติด จำได้ว่ายกย่องผู้ชายคนนี้เป็นไอดอลตั้งแต่ตอนที่เรียนม.ต้นหมาดๆ ถึงกับแทบจะบึ่งไปเรียนกลองเพราะผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ!
            จะว่าไป มือกลองของวงร็อคชื่อดังทำไมถึงมาเดินตามถนนได้…
            มือหนาจับข้อมือผมไว้ก่อนจะยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่คุ้นตาปรากฏขึ้นในส่วนลึกของสมองของผม
            “บังเอิญเป็นบ้า”
            “จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ …แต่ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่คุณเดินออกจากห้องของน้องชายผมก็แค่นั้น”
            “ว่าไงนะ?!” ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้าพูดอะไรแปลกๆ ไอริสคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเองก่อนจะโทรเรียกรถเพื่อมารับเขา
            “ขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวหน่อยแล้วกัน”
            ไม่ว่าเปล่า เขากลับลากผมออกไปที่อีกด้านของซอย รถตู้สีดำจอดอยู่ตรงนั้น มันเหมือนในหนังที่ผมกำลังโดนลักพาตัวไป แต่นี่ไม่ใช่ เพราะคนที่กำลังเชิญผมขึ้นรถด้วยท่าทีเหมือนจะบังคับนั่น คือไอดอลที่ใครๆก็อยากจะอยู่ใกล้!!!
            ผมถูกโยน สาบานได้ว่าโยนจริงๆไปกระแทกกับเบาะรถแล้วไอริสก็ตามขึ้นมา มือหนาเลื่อนไปปิดประตูก่อนจะหันมาหาผมแล้วมีสีหน้าที่จริงจังมากขึ้น
            “นี่มันเรื่องอะไร”
            “คุณชื่ออะไร?” เหมือนร่างสูงจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดเลย เขายิงคำถามชุดแรกใส่ผมจนผมต้องแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา แต่อย่างน้อยใบหน้าของเขานั่นก็สามารถสะกดผมได้ชั่วครู่ล่ะ
            “ผมชื่อป่าน”
            “นอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
            “หา!!!!” ผมร้องแหวออกมาทันทีเมื่อคนตรงหน้าถามเรื่องบ้าๆนั่นออกมาได้อย่างหน้าตายสุดๆ ไอริสหันมามองผมแล้วทำหน้านิ่งๆ สีหน้าแบบนั้น มันทำให้ผมคิดถึงไอ้นาทีขึ้นมาทันที
            “อย่าให้ต้องถามซ้ำอีกรอบป่าน … นายนอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
            เสียงทุ้มต่ำออกแนวเชิงบังคับ ผมเลยต้องจำใจตอบ
            “รอบเดียว”
            "มีโรคประจำตัวไหม?"
            "ไม่"
            “รู้จักกับนาทีตั้งแต่ตอนไหน”
            “ผมไปนัดบอดกับเขา”
            “นานเท่าไรแล้ว”
            “เดือนกว่าๆ” ไอริสเงียบไปแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขา เขาหันไปสั่งกับคนขับรถให้ขับไปที่ไหนซักที่ซึ่งผมไม่รู้จัก ก่อนสมุดเล็กๆจะถูกกางออก
            สมุดเช็ค
            “คุณต้องการเท่าไร…”
            ว่าไงนะ?
            ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีจริงจัง ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะเขียนเช็คให้ผมทำไม?
            “คุณจะทำอะไร?”
            “ผมถามว่าคุณต้องการเท่าไร”
            “ผมไม่ได้ต้องการเงิน”
            “เชื่อสิว่าคุณต้องการแน่” ไอริสว่าแล้วเขียนเลขจำนวนเงินจำนวนไม่น้อยลงบนเช็คนั่นก่อนจะฉีกแล้วยื่นให้ผม
            “เช็คนี่ แลกกับนาที”
            ห้ะ?
            “เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!”
            ผมสะอึกไปเมื่อคนตรงหน้าตะคอกซะจนเสียงดัง ไอริสมีท่าทีจริงจังจนน่ากลัวแต่ผมไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นเลย ผม สงสัย สงสัยอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน
            “คุณจะบ้าหรือไง? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
            “ผมเป็นพี่ชายของนาที และผมสั่งให้คุณออกห่างจากน้องชายของผมเดี๋ยวนี้”
            สิ่งที่ไอริสพูดออกมาทำให้ผมช็อคไปได้ชั่วครู่ หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาเป็นพี่ชายของไอ้นาที? จริงๆงั้นเหรอ? ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าไอริสมีน้องชายกับเขาด้วย
            แล้วทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับไอ้นาทีด้วยล่ะ?
            “คุณต้องเลิกยุ่ง เลิกติดต่อ เลิกเข้าหานาที เช็คนี่คือคำขอโทษ” ผมเบิกตากว้างแล้วมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไอริสมองตาผมไม่กระพริบ จะว่าไปเขาก็มีโครงหน้าคล้ายกับน้องชายเหมือนกัน
            ยิ่งดวงตาที่คล้ายกันแบบนั้น
            แต่ผมไม่ต้องการเงิน แล้วก็ไม่ยอมให้ใครเอาเงินมาฟาดหัว! ผมแทบจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนตรงหน้าไปในทันทีเมื่อเขายื่นเช็คนั่นมาให้
            ผมกระชากเช็คในมือของไอริสมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาต้องทำแบบนี้กับคนอื่นๆที่เข้าหาน้องชายของเขาเหมือนกัน ไอริสยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อผมหยิบเช็คในมือเขา แต่รอยยิ้มนั่นก็ต้องพังทลายลงเมื่อผมฉีกเจ้ากระดาษไร้สาระนั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!!!
            รู้แล้วว่าทำไมไอ้นาทีถึงไม่เคยรักใครได้จริงๆ เพราะคนที่รักนาทีจริงๆโดนพี่มันบงการอยู่ข้างหลังยังไงล่ะวะ!!
            “อย่าคิดว่าผมหน้าเงิน” ผมกัดฟันกรอดแล้วโยนเศษเช็คนั่นใส่หน้าของไอริส ดวงตาที่เกรี้ยวโกรธปราดมองผมก่อนมือหนานั่นจะกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง
            “แกจะเอาอะไร!!!? เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!!”
            “ผมไม่เลิก ทำไม หวงน้องชายมากนักหรือไง?” ผมถามตรงๆ ไอริสขมวดคิ้วมือของเขากำแน่น
            “แกอยากจะต่อรองอะไรกันแน่”
            “นาทีบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’ “
            ไอริสชะงักไปแล้วค่อยๆคลายมือออกจากผม แต่เขาก็ยังมองผมด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ดี
            “ไม่มีหรอกคำว่า ‘รัก’ มีแต่พวกหวังผลประโยชน์ แกเองก็นัดบอดเข้าหาน้องชายฉันไม่ใช่เหรอ คงต้องหวังผลอะไรอยู่ล่ะสิ เสียใจด้วยนะ ที่น้องชายฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากฟันแล้วทิ้ง”
            ‘เพี๊ยะ!!!’
            สาบานได้ว่าผมตบคนครั้งแรกในชีวิต
            ใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายกับน้องชายของเขานั้นหันตามแรงตบ ไอริสแทบจะกระโจนเข้ามาฆ่าผมแต่ผมตะคอกใส่หน้าเขาไป ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกโมโหแทนนาที แต่ที่รู้ๆผมไม่ชอบคำพูดของเขา
            ราวกับว่าเขาไม่รักน้องตัวเองเลย
            “เพราะคุณว่าน้องชายตัวเองเป็นแบบนั้นไง นาทีมันถึงได้ทำตัวแบบนั้น!” ร่างสูงชะงักกึก
            “ผมพึ่งจะรู้นะ ว่าทำไมผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้าหานาทีถึงได้ทยอยหายไปทั้งๆที่บางคนก็รักนาทีซะจนแทบถวายตัวแล้วทำให้ทุกอย่าง”
            “เพราะคุณนี่เองทำให้ไอ้นาทีไม่ได้เปิดใจรับใครซักที”
            “…” บรรยากาศในรถเงียบจนได้ยินเสียงแอร์หึ่งๆ โชคดีที่ว่ามีกระจกกั้นคนขับรถกับที่นั่งด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคนขับรถแกคงจะประสาทเสียตายพอดี
            “แกไม่รู้หรอกว่านาทีเจออะไรมาบ้าง”
            “ก็บอกผมสิ” ผมเกลี้ยกล่อมให้คนตรงหน้าเย็นลง ไอริสถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “ทุกคนที่เข้าหานาที ต่างก็ต้องการอะไรบางอย่าง หน้าตา ชื่อเสียง หรือแม้แต่เงิน ทุกคนที่ฉันได้เจอ เมื่อยื่นเช็คนั่นไปให้ พวกเขาก็ยอมที่จะตัดใจจากนาที แล้วอย่างนี้แกจะบอกว่ามีคนรักไอ้ทีจริงๆน่ะเหรอ? ไม่มีหรอก”
            “ผมไง” ผมว่า ไอริสชะงักไป เขามองหน้าผมนิ่งๆ
            จริงๆผมยังไม่ได้ถึงขั้นรักไอ้นาทีหรอก แค่อยู่ในช่วงที่อ่อนแอจนต้องพึ่งพาแล้วนาทีกลับบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่ทำให้มันรู้จักคำว่ารัก ผมไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่าไอ้นาทีคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่บอกไปแบบนั้น ไอริสจะเชื่อได้ยังไงว่าผมไม่ได้จะทำร้ายน้องชายของเขา
            “จะให้ฉันเชื่อใจแกได้ยังไง?”
            “ไปหานาทีกับผมสิ จะได้รู้ ว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำร้ายน้องชายของคุณ”

            *
 
            “นาที!”
            ผมเคาะประตูห้องเบาๆแค่ไม่กี่ทีเสียงกุกกักก็ดังขึ้นภายในห้อง วันนี้ไอ้นาทีกลับเร็วแฮะ ผมหันไปมองหน้าไอริสที่ยืนอยู่ด้านข้าง วันนี้เขาใส่ต่างหูสีดำลายหัวกะโหลก ให้ตายเหอะแม่ง
            เท่ห์เป็นบ้า
            ไอ้นาทีนะมึง มีพี่ชายดังแล้วเก็บเอาไว้คนเดียว!
            “นาที!!!” ผมตะโกนเรียกคนในห้องอีกครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนที่ส่งกลับมา
            “มาแล้วๆ”
            ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอ้อมกอดหนักๆที่โผเข้ามากอดผม จมูกโด่งๆซุกลงตรงไหล่ผมแทบจะทันที ผมไม่เคยเห็นนาทีมันเป็นแบบนี้มาก่อน แต่วันนี้มันดูอ้อนเหมือนลูกแมวผิดปกติ และดูเหมือนว่ามันจะไม่สังเกตอีกชีวิตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างๆผมด้วย
            “ไปไหนมา ซื้อข้าวมาให้ เห็นไม่อยู่นึกว่าหญิงมาเอาตัวปะ…”
            ไอ้นาทีชะงักประโยคบอกเล่าทันทีที่เห็นร่างสูงด้านข้าง มันเบิกตากว้างพลางเดินหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องโดยไม่ลืมลากผมกลับเข้าไปด้วยแล้วปิดประตูใส่หน้าไอริสทันที โชคดีที่ว่าร่างสูงเอาขาคั่นไว้ก่อน
            นั่นมัน ไอดอลกูนะ
            “เฮียมาทำไม” เสียงเย็นๆถูกส่งไปให้ไอริส ท่าทางไอ้นาทีคงไม่ชอบหน้าพี่ชายมันซักเท่าไร
            “ทำไม จะมาหาแกต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?”
            “เฮียไม่ต้องมาแล้ว ผมจัดการเองได้”
            “จัดการเองได้? จัดการเองได้แล้วทำไมวันนี้ต้องไปหาพี่หมอ?” ไอ้นาทีชะงักแทบจะทันทีเมื่อถูกสวนกลับ ผิดกับผมที่เหมือนหลุดวงโคจร นี่มันอะไรกัน ชักจะซับซ้อนไปใหญ่
            นาทีไปหาพี่หมอ? หมอไหน? ไหนหมอ?
            “ผมแค่…” เหมือนร่างข้างๆผมจะพูดอะไร ไม่ทันได้ตั้งตัวไอริสก็กระแทกประตูเข้ามาแล้วผลุบเข้ามาอยู่ในห้องได้อย่างสำเร็จและงดงามพอๆกับหน้าตาและท่าทางที่โคตรร็อค!
            นาทีดึงผมไปไว้ด้านหลัง เหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง
            “เฮียอย่ามายุ่ง ผมจัดการเองได้ ออกไปจากห้องได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำบอกความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียง ผมมองใบหน้าของไอริสที่จ้องน้องชายของเขาเขม็ง
            แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้คุยกัน
            “นาที…กูเป็นคนขอให้ไอริสมาเอง” ผมตัดบทด้วยการพูดแทรกขึ้น ไอ้นาทีหันขวับ
            “ว่าไงนะ!? ผมบอกเฮียแล้วไงว่าถ้าผมไม่เรียกเฮียอย่ามายุ่ง!!!!” ไอ้นาทีเริ่มขึ้นเสียง ไอริสนิ่งไป
            “เกลียดเฮียก็เพราะแบบนี้”
            “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหวังดี แกจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม?” ร่างสูงตรงหน้าพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง ทั้งๆที่ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือด
            “ผมไม่ต้องการความหวังดี อย่ามายุ่งกับป่าน เขาไม่เหมือนคนอื่น” มือของนาทีที่จับมือของผมไว้เริ่มบีบแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป ผมเลิกคิ้วสงสัยพลางบีบตอบเบาๆ
            “ที่ฉันมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
            ไอ้นาทีสะดุ้งแล้วกัดฟันกรอด เหมือนแมวที่กำลังขู่ ไอริสเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น (อย่างเท่ห์) ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างเป็นกันเอง
            “หมอนี่ไม่รับเช็คที่ฉันเขียนให้”
            ร่างสูงว่าพลางชี้มาที่ผม นาทีหันมามองผม
            “ก็บอกแล้ว ว่าไม่เหมือนคนอื่น…”
            “แต่แกนอนกับเขาไปแล้ว”
            “ก็ใช่ แล้วไงล่ะ”
            “บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าถ้าเฮียยังไม่ได้คุยกับคนๆนั้นก่อน แกไม่มีสิทธิ์นอนกับใคร” ไอริสพูดเสียงต่ำราวกับกำลังโมโห ผมที่เริ่มจูนสมองไม่ทันก็ได้แต่ยืนงงในดงไพร
            “แต่คนๆนี้ผมมีสิทธิ์”
            “เอ่อ ถ้าไม่เสียมารยาทจนเกินไป ผมอยากรู้ด้วยว่าพวกคุณและมึงพูดถึงเรื่องอะไร” ผมพูดขัดขึ้นกลางวงเล่นเอาสองพี่น้องหันขวับมามองหน้า
            ผมผิดตรงไหน ผมแค่อยากรู้แค่นั้นเอง
            นาทีดึงผมให้นั่งลงที่โซฟาด้านข้างของไอริส ก่อนจะกอดเอวผมเอาไว้ ผมหันไปมองมันตาขวางทันที กะว่าจะถีบแม่งออกไปแล้วถ้าไม่ติดว่าไอดอลสุดหล่อนั่งอยู่ด้านหน้า
            ผมปลื้มไอริสจริงๆนะ
            “นาทีจะไม่นอนกับใคร ถ้าฉันไม่อนุญาต” ไอริสพูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสูง
            “หมายความว่าไง?”
            “หมายความตามนั้น คนที่นัดบอดจะต้องเข้าผ่านทางพีทเพื่อนของนาที และพีทมีหน้าที่ส่งข้อมูลของคนๆนั้นให้ฉัน ฉันเป็นคนคัดกรองคนที่เข้าหานาที ทั้งประวัติ โรคที่เป็น การศึกษา ฐานะ”
"ไม่เห็นต้องการ"
            ไอ้นาทีพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจที่พี่มันพูดความจริงออกมา วงแขนหนากระชับกอดเอวผมแน่น ร่างสูงของไอริสตบโต๊ะน้ำชาตรงหน้าดังปังจนของลอย ผมงี้สะดุ้งแทบตกเก้าอี้
            “ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ป่านนี้แกเป็นเอดส์ตายไปแล้ว!” ผมเบิกตาโพลงแล้วมองคนข้างๆ!
            “แกเป็นเอดส์หรือเปล่า?!!!” ผมลืมไปซะสนิท นี่ผมลืมไปได้ยังไง!!!
            ผมนอนกับมันทั้งๆที่รู้ว่ามันนอนกับคนอื่นมาเป็นร้อยโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่าไอ้นาทีเป็นเอดส์มั้ย!!!?
            “เป็น แล้วก็แพร่ให้มึงแล้วด้วย”
            “ว่าไงนะ!!?” ผมใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม มือกำลังจะยกบีบคอคนตรงหน้าแต่ไอ้นาทีก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วซุกหน้าลงที่ท้องของผมแทน
            “ล้อเล่น”
            “ล้อเล่น? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะนาที!!”
            “ขอโทษ…”
เหมือนจะลืมบุคคลที่สามไป ไอริสไอกระแอมเล็กน้อย
            “จะฟังต่อมั้ย”
            “ฟัง/ไม่” เป็นเสียงผมกับนาทีที่ประสานเสียงกัน ผมตบกะโหลกคนที่นอนหนุนตักอย่างแรงจนไอริสหันมามองผมตาขวาง ผมยิ้มแหะๆส่งกลับไป
            หมามันไม่รักดีก็เลยต้องสั่งสอน
            “ฉันเป็นคนกรองคนให้เข้าหานาที แต่ไม่ใช่กรองเพราะว่าต้องการให้น้องชายนอนกับคนอื่นมั่วซั่ว” ไอริสหันไปส่งสายตาอาฆาตใส่น้องชาย นาทีเมินหน้าอย่างไม่สนใจ
            “ฉันกรองคนเพราะต้องการให้นาทีรู้จักคนอื่น ให้มันหาคนที่มันรักและรักมัน แต่ดูเหมือนน้องชายฉันจะโง่ดักดาน ใครเสนอตัวมาให้ ก็อยากสนองให้เขาไปซะหมด…”
            “แล้วพอหลังจากนายเข้ามา ฉันก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากพีทอีก เลยต้องมาตามสืบที่คอนโดเมื่อสองวันก่อน แต่เห็นโรงเรียนบอกว่าไปค่าย ฉันเลยตามนายเจอวันนี้”
            “ที่ไม่ได้รับข้อมูลคืออะไร?”
            “ไม่มีใครนัดบอดนาทีหลังจากนาย”
            “ว่าไงนะ?” ผมแอบช็อคไปนิดหนึ่ง ไอ้นาทียิ้มเหมือนภูมิใจอะไรบางอย่าง
            งั้นก็แสดงว่ามันไม่ได้คุยกับใครคนอื่นอีกแล้วงั้นเหรอ?
            “แล้วหญิงล่ะ?” ผมสบถออกมาเสียงแผ่ว นาทีลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นพอๆกับไอริสที่ขมวดคิ้ว
            “ไอ้ที…”
            “ผมเปล่านะเฮีย เลิกแล้วจริงๆ ถามไอ้พีทได้ ป่านเป็นคนสุดท้ายแล้ว ถึงจะไม่ใช่คนแรกที่ผมมีอะไรด้วยก็เหอะ” ผมมองหน้าคนข้างๆที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่ผมไม่ได้ข้องใจอะไร
            ผมรู้อยู่แล้วว่านาทีมันต้องผ่านอะไรมาเยอะ
            “แล้วหญิงนั่นอะไร? ใครอีก?” ไอริสซักไซ้ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยพูดออกไปพล่อยๆ
            “เพื่อนผมเอง เธอชอบนาที”
            “แต่พีทไม่ได้บอกว่าเธอนัดบอด”
            “ก็เปล่า ผู้หญิงคนนั้นแค่เข้ามาขอควงเลยก็แค่นั้น” ไอ้นาทีพูดตรงๆ พร้อมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ ผมตกใจที่มันพูดออกไปแบบนั้น กลัวว่าไอริสจะไปเอาเรื่องกับหญิง
            “แต่เธอก็ไม่ได้มายุ่งอะไรแล้วนี่ ใช่มั้ยนาที” ผมหันไปมองนาทีพลางจ้องตามันเพื่อจะส่งซิกส์ ก่อนจะหยิกต้นขานั่นไปแรงๆจนมันร้องโอ้ยแล้วถึงจะยอมช่วย
            “อือใช่ ตอนนี้ผมมีป่านคนเดียว” มือของไอ้ทีลูบหัวผมอย่างถือวิสาสะ ผมมองมันตาขวาง
            “เนอะ”
            “เหอะ”
           
             ‘กริ๊งๆ’
            เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคนตรงหน้าทำให้ผมและนาทีชะงัก ไอริสหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูพลางสบถอะไรซักอย่างแล้วก็ลุกออกเดินตรงไปที่ระเบียง
            “เดี๋ยวมา”
            พอร่างสูงปิดประตูกระจกตรงระเบียงห้องลง ผมก็ตบหัวไอ้คนที่เอามือกอดผมเอาไว้อย่างแรงพลางใช้เท้ายันจนมันลงไปนอนที่พื้น ไอ้นาทีกลิ้งหลุนๆเหมือนหมีแพนด้า
            “เลิกเล่นละครได้ละ ไอ้ลูกตุ๊ด” โห่ยยยยย
            ผมอึดอัดแทบตาย!!!
            “รู้ด้วย?” ร่างโปร่งปัดก้นแล้วลุกขึ้นยืนพลางยิ้มมุมปาก ผมยิ้มมุมปากตอบกลับ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้นาทีต้องการจะหลอกไต๋พี่ชายมัน ไอ้เรื่องออดอ้อนเหรอ ตอแหลทั้งนั้น
            “กินสตรอว์เบอร์รี่เยอะนะไอ้ห่า”
            “ก็เพิ่งกินไปเมื่อคืน”
            “มึงจะสิบยกกับกูใช่มะ?”
            “ร้อยยก”
            “พ่อง”
            “ไม่อยากจะเชื่อว่ามึงลากไอ้เวรนั่นมา” ไอ้นาทีเปลี่ยนเรื่องก่อนจะนั่งลงข้างๆผม เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ว่าถ้าไอริสเข้ามาเราก็ต้องเล่นละครรักกันปานจะแหกตูดดม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
            ที่ผมยอมมีอะไรกับนาทีไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นความพลาดพลั้งไปต่างหาก
            มันเองก็คงจะอยากมีอะไรกับผมมาก ถ้าให้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันน่ะนะ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกที่เสียซิงแล้วนอนร้องห่มร้องไห้ด้วยสิ ก็แค่เสียใจนิดหน่อย ที่โดนผู้ชาย(สิ่งที่ต่อต้านมาตลอด)กด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซักวันผมจะกดมันกลับไม่ได้ แล้วที่สำคัญ โทษที กูท้องไม่ได้ แค่มันทำให้ลืมอะไรไปชั่วข้ามคืนก็พอแล้วล่ะมั้ง
            “กูบอกไอริสว่า ‘นาทีบอกผมว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’” สิ้นเสียงของผมไอ้นาทีก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ผมหัวเราะหึหึกลับไปให้มัน
            ผมรู้ดี ว่าเรื่องแบบนี้
            “มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้พูดจริง กูก็พูดกับคนอื่นไปทั่ว”
            “เออกูไม่ได้โง่ แต่ถ้าไม่บอก พี่มึงก็ไม่ยอมมะ…”
            ไอ้นาทีไถหัวลงที่หน้าท้องผมอีกครั้งพร้อมกับเสียงเปิดประตูกระจกที่ระเบียง ไวจริงๆนะมึงเรื่องแบบนี้ ไอริสเดินเข้ามานั่งที่โซฟาที่เดิม สายตามองผมกับนาทีที่ออดอ้อนเป็นลูกแมวแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “แกมั่นใจแล้วใช่มั้ยว่านี่คือคนสุดท้าย” ไอริสถามนาที คนข้างๆผมลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพลางจ้องมองมาที่ผม ผมแอบเห็นว่าไอ้เวรนี่ไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง
            “อืม”
            “งั้นก็ดี ป่าน ถ้างั้นฉันฝากด้วย”
            “หา ฝาก? ฝากอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วสงสัย
            “ฝากดูว่ามันนอกใจนายหรือเปล่าไง นี่เบอร์ฉัน ถ้ามีปัญหา ก็โทรหาได้ทุกเมื่อ” ไอริสยื่นนามบัตรของเขาให้ผมพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ด้านหลัง ดวงตาผมมีแววประกายเจิดจรัสเมื่อสังเกตเห็นว่าบนนามบัตรนั่นมีลายเซ็นต์ที่หาได้โคตรยากรวมอยู่ด้วย!
            ไอ้ฟ้า ไอ้กี้ พวกมึงต้องอิจฉาแน่ๆถ้ารู้ว่ากูได้นั่งคุยระยะเผาขนกับใคร แถมยังได้เบอร์พ่วงลายเซ็นต์อีกด้วยนะ หึหึ หวานป่านล่ะสิกู
            “แล้วอย่าให้อะไรมันยุ่งยากนะ ไม่งั้น ฉันจะไปลากนารามาคุมแก!” เหมือนเสียงประกาศิต ไอ้นาทีกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาพร้อมกับชี้หน้าพี่ชายมันอย่างอาฆาต
            “อย่านะ!!!! ถ้าเฮียฟ้องนารา ผมจะไม่คุยกับเฮียเลยจริงๆด้วย!!!”
            “แกว่าฉันสน? อย่างกับทุกวันนี้ถ้าฉันไม่เริ่มต้นมาหา แกก็คงไม่เสนอหน้าไปหาฉัน!!! ดูแลรักษาของๆแกให้ดีๆ ทำให้ฉันเห็นว่าแกดูแลตัวเองได้ ไอ้นาที!!”
            ไอริสว่าแค่นั้นก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปจากห้องทันที ผมที่รับรู้ได้ถึงรัศมีความอาฆาตกระเถิบตัวเข้าไปอยู่ในห้องนอนปล่อยให้คนข้างนอกนั่นระบายอารมณ์ต่อไป
            นารางั้นเหรอ คงหนีไม่พ้นญาติโกโหติกาของไอ้นาทีอีกล่ะสิ
            นี่มันนาทีญาติเยอะแทนที่จะเป็นยุ้ยญาติเยอะนี่หว่า
            ผมทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มก่อนจะยกแขนก่ายหน้าผากพลางมองออกไปด้านนอกประตูที่ไม่เห็นวี่แววของเจ้าของหัวว่าจะโผล่เข้ามา ผมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
            ทั้งๆที่ผมไม่ได้รัก แต่ทำไมผมถึงกับเลือกที่จะมาอยู่กับมันวะ
            จริงๆแล้วผมไปอยู่กับไอ้ฟ้ากับไอ้กี้ก็ได้นี่
            ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แค่พอรู้สึกโหวงเหวง ทำไมผมถึงมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องของไอ้นาทีก็ไม่รู้
            เสียงกุกกักดังขึ้นพร้อมกับร่างเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา นาทีนั่งลงบนเตียงอย่างหัวเสียเพราะดูเหมือนมันจะทุ่มอารมณ์กระโดดลงเตียงจนเตียงแทบจะหักครึ่ง ผมไม่ได้หันหน้าไปมองมัน แต่กลับเลือกที่จะถามบางอย่างออกไป
            “แองจี้ คือใครเหรอ”
            “มึงว่าไงนะ”
            ผมชี้นิ้วไปที่ไดอารี่เล่มสีดำที่เสียบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไอ้นาทีปราดเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรง
            “มึงอ่านมัน…”
            “อืม”
            “ใครใช้ให้มึงแตะต้องของๆกู!!!!” คนตรงหน้าผมขึ้นเสียงจนผมไม่มีอะไรจะเถียง ก็ผมผิดจริง ผมอยากเสือกเอง ผมเป็นเจ้าหนูจำไมที่อยากรู้เรื่องราวของคนใกล้ตัว ขนาดไอ้ฟ้าบางครั้ง ยังหาว่าผมเสือกเรื่องมันมากเกินไปหน่อยเลย
            แต่ดูเหมือนคนใกล้ตัวของผมคนนี้ จะมีเรื่องให้น่าค้นหาเยอะเกินคนอื่นไปหน่อย
            “ออกไปจากห้องกู” ไอ้นาทีพูดเสียงเย็น ผมแอบสังเกตว่ามันหลบตาผมไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะหันกลับมาจ้องเขม็งเหมือนเดิม ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกแล้ว หึ!
            ก่อนจะผลักตัวไอ้นาทีออกแล้วเดินออกมาจากห้อง
            “เฮ้อ แล้วคืนนี้จะนอนไหนวะเนี่ย!!”





หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.15-16]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 12-02-2014 19:30:01


_____________________________
เนื่องจากไม่ได้ลงมานาน ดังนั้นจะลงเพิ่มอีกตอนไปเลยนะคะ T_T ขอโทษด้วยที่หายไป โฮฮ





16

            ฝนเทกระหน่ำลงมาจนทำให้ผมที่กำลังจะหาที่ไปกลับไม่มีที่จะไปขึ้นมาทันที ผมนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ภายใต้หลังคาพลาสติกสีใสสวยหรูแต่ไม่สามารถกันฝนได้เลย ตัวผมเปียกแฉะยิ่งกว่าลูกหมาถูกทิ้ง ข้าวของผมก็ไม่ได้หยิบออกมาจากห้องไอ้นาทีซักอย่าง มือถือยังอยู่ในห้องมันเลย
            “เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลยไอ้ป่านเอ้ย”
            ผมบ่นกับตัวเองแล้วมองสายฝนตรงหน้า รอบข้างมืดไปหมดมีเพียงแค่แสงไฟส่องสว่างตรงบริเวณที่ผมยืนอยู่แค่นั้น เวลานี้โจรคงไม่ออกอาละวาดหรอกมั้ง มันก็คงกลัวฝนตกเหมือนกัน
            ‘เอ๋ง’
            เสียงร้องของสุนัขดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวสีน้ำตาลขนลีบที่วิ่งผลุบเข้ามาใต้ที่กำบังที่เล็กจิ๋วนึง ผมมองตามไอ้หมาสีน้ำตาลหูตกๆหางแหว่งๆด้วยความสงสัย หมาจรจัด … คงไปฟัดกับใครมา แต่เท่าที่ดูแล้วมันก็ไม่ได้ขี้เรื้อน อาจจะมีใครดูแลมัน
            หลงทางหรือไง?
            จู่ๆไอ้หมาเวรก็สะบัดน้ำไล่ความเปียกที่เกาะกุมบนขนของมันจนกระเซ็นไปทั่ว โชคดีที่มันตัวเท่าพุดเดิ้ล ถ้ามันตัวเท่าโกลเด้น ผมคงเต็มไปด้วยหมัดหมา ดูเหมือนมันจะกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นผม แต่เจ้ามะหมานั่นก็เลือกที่จะกล้าเดินเข้ามาดมผม สาบานได้ว่าถ้ามันฉี่ใส่ผมจะเตะโด่งมัน แต่ที่มันทำกลับเป็นคลอเคลียที่กางเกงยีนส์สีซีดที่ชุ่มน้ำของผมแล้วนอนขดตัวอยู่แบบนั้น
            “หลงทาง … หรือโดนไล่มาเหมือนกันวะไอ้ลูกหมา”
            ด้วยความที่ผมมีน้ำใจอันประเสริฐเป็นสุภาพบุรุษและมีความดีงาม ผมเอื้อมมือไปช้อนตัวไอ้เจ้าหมาหางแหว่งนั่นขึ้นมาก่อนจะวางมันลงที่ตัก ตัวมันสั่นหงึกๆด้วยความหนาว พอๆกับผมที่หนาวไปจนสุดขั้วหัวใจ
            สาบานได้ว่าถ้านั่งตรงนี้ไปถึงเช้า
            ผมคงต้องเข้า ICU ก่อนหมาแน่ๆ
            “อย่างน้อย ก็ไม่ใช่แกคนเดียวที่ถูกทิ้ง” ผมลูบหัวไอ้เจ้าหมานั่นก่อนจะนั่งรอฝนหยุดแล้วจะได้ไปหาที่พักพิงใหม่ ถ้าไปบ้านไอ้ฟ้าคงโดนด่าเตลิดกลับมา ยิ่งบ้านไอ้กี้ ก็อาจจะโดนพ่อแม่มันด่าหูดับ
            เพราะแบบนี้ไง ถึงผมจะคิดได้ว่าผมไปขอเพื่อนอาศัยก็ได้ แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้
            ยิ่งบ้านตัวเอง…
            ผมยิ่งไม่อยากจะกลับไปแตะเลยด้วยซ้ำ … กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ และที่สำคัญ ผมมีอะไรกับนาทีแล้ว กลัว กลัวเหลือเกินว่าถ้าน้องหญิงรู้ เรื่องจะยิ่งบานปลายมากไปกว่านี้
            ‘แฉะ’
            เสียงน้ำกระเซ็นพร้อมกับรองเท้าคอนเวิร์ดสียีนส์เก่าๆคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมมองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าจนใบหน้าของคนที่วิ่งเข้ามาภายในตัวพลาสติกสีใสที่เป็นที่กำบังฝน ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            คนที่วิ่งเข้ามามีสภาพเปียกแฉะพอๆกับผม ในมือสองข้างมีร่มสีดำสนิทอยู่สองคัน ผมสีดำสนิทที่เปียกถูกทัดไว้ที่หูเผยให้เห็นใบหน้าชัดๆของเจ้าของห้องที่เพิ่งไล่ผมออกมาจากห้อง
            ทั้งๆที่มีร่ม แต่หมอนี่กลับไม่กาง ราวกับว่าวิ่งฝ่าสายฝนจนตัวเปียกมะลอกเพื่อ…
            ตามหาผมงั้นเหรอ?
            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอคอแตกเหล่านั้น ไร้สาระว่ะป่าน
            “กลับกันเถอะ”
            มือของไอ้นาทียื่นมาตรงหน้าผม ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์ขึ้นๆลงๆของคนตรงหน้าแต่ก็ยื่นมือไปจับแต่โดยดี ผมช้อนตัวไอ้หมาสีน้ำตาลขนาดพอดีมือขึ้นมาด้วย ไอ้นาทีขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไร มันยื่นร่มสีดำมาให้ผมคันหนึ่ง ก่อนมันจะกางของตัวเอง
            “เปียกขนาดนี้ … ไม่ต้องใช้แล้วมั้ง”
            ผมหันไปมองคนด้านข้าง ไอ้นาทีที่มีสีหน้าบึ้งมาตลอดจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ
            “นั่นสินะ”
            แล้วพวกผมก็เลือกที่จะเดินฝ่าสายฝนนั่นไปด้วยกัน ตรงกลับไปที่เดิม ที่ๆผมเพิ่งถูกไล่ออกมาแต่เจ้าของห้องกลับมาตามให้ผมกลับไป
            โชคดีที่ไอ้เจ้าตูบที่ผมเอามาด้วยมันไม่ค่อยเห่าซักเท่าไร เหมือนมันกำลังหนาวและสั่นเป็นเจ้าเข้า ผมซ่อนมันไว้ในเสื้อเพื่อหลบยามหน้าประตูคอนโดที่มีกฎเคร่งครัดว่าห้ามเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะขึ้นมาที่ห้องเดิม นาทีแตะคีย์การ์ดลงบนประตูแล้วดึงผมเข้าห้องไป
            “มึงไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวเป็นหวัด” ไอ้นาทีว่าแล้ววางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะข้างตู้วางรองเท้า ผมมองร่างที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะคว้ามือมันเอาไว้
            พูดแบบนี้ สภาพตัวเองไม่คิดจะดูเลยหรือไงว่ามีสิทธิ์เป็นหวัดพอๆกัน
            “อาบด้วยกันเลย”
            แล้วผมก็ปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ที่แฉะเกินจะทน ว่าแล้วก็คิดไปถึงเมื่อตอนนั้น ที่ผมสระผมให้นาทีตอนที่ผมอ้วกใส่มัน ขำเป็นบ้า กะอีแค่อ้วก แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ถ้ามีคนมาอ้วกใส่ตัวผม ผมก็ขยะแขยงอยู่เหมือนกัน
            เมื่อเติมน้ำอุ่นจนเต็มอ่างใหญ่แล้ว ผมก็ใส่ฟองสบู่ลงไปจนฟองล้นอ่าง ก่อนจะค่อยๆจุ่มตัวลงในอ่างแล้ววางเจ้าหมาสีน้ำตาลลงมาในอ่างเดียวกัน สบายเป็นบ้า อย่างกับได้ขึ้นสวรรค์เวลาแช่น้ำอุ่นๆกับฟองสบู่หอมๆกลิ่นน้ำนมนี่ ก่อนจะค่อยๆขัดๆถูๆเจ้าหมาโง่ที่นอนหลับตาพริ้มเมื่อผิวหนังของมันสัมผัสน้ำอุ่น
            ร่างโปร่งของเจ้าของห้องเดินผ่านประตูห้องน้ำเข้ามาทั้งที่ยังอยู่ในชุดเปียกๆ ผมกวักมือเรียกไอ้นาทีลงมาอาบน้ำด้วยกัน
            “มาดิ เดี๋ยวเป็นหวัด”
            ผมว่า ไอ้นาทียิ้มมุมปาก
            “ทำอย่างกับเป็นเจ้าของห้อง”
           กรรม … นี่กูผิดใช่มั้ยที่หวังดีน่ะ
            นาทีถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลก เห็นก็เห็นกันมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องอาย ร่างโปร่งจุ่มเท้าลงในอ่างตรงข้ามกับผมก่อนมันจะนั่งลงจนน้ำถึงระดับคอ
            แล้วเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
            “หมาใคร?” นาทีถามขึ้น ผมเงยหน้ามองดวงตาสีเทานั่นเล็กน้อยก่อนจะผลุบต่ำลง
            คิดถึงตอนที่โดนมันไล่ออกจากห้องแล้ว ใจผมก็หวิวๆอยู่นะ
            “จรจัดมั้ง เก็บได้เมื่อกี้ สงสัยโดนไล่ออกจากบ้านเหมือนพี่ป่าน” ผมพูดประชดประชันคนตรงหน้า รู้ดีว่าตัวเองผิด แต่ผมเป็นใหญ่ที่สุด ผมไม่มีทางผิดคนเดียว
            ไอ้นาทีก็ผิดที่ไล่ผมออกไปตากฝน
            “ขอโทษ … ไม่ได้ตั้งใจ”
            คนตรงหน้าเอ่ยคำขอโทษออกมา ผมมองหน้านาทีที่ไม่ได้หลบสายตาของผมนิ่งๆ
            “ไม่เป็นไร ไม่ได้โกรธ กูเองก็ผิดที่เสือกมากไปหน่อย”
            แล้วเสียงก็เงียบไปอีกรอบ มีเพียงเสียงน้ำจ๋อมๆของผมที่ขัดเจ้าหมา
            “แองจี้ … เป็นผู้หญิงที่กูรักเพียงคนเดียว” ผมสะอึกไปเมื่อนาทีเป็นฝ่ายพูดขึ้น ในใจผมก็อยากรู้ แต่พอเห็นใบหน้านิ่งๆที่ออกแนวเศร้าๆของคนตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกไม่อยากจะฟัง
            “ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”
            “แองจี้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกู”
            เหมือนแม่งจะไม่ฟังแฮะ เอ๊อ เล่ามาเหอะ อยากรู้ละ!
            “แต่แองจี้ ทิ้งกูไป…” เสียงเศร้าๆของไอ้นาทีบีบหัวใจผมนิดๆ ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบเพื่อฟังสิ่งที่นาทีอยากจะระบาย ซึ่งมันก็ทำจริงๆ
            “กูรักจี้มาก มากกว่าพ่อแม่แท้ๆด้วยซ้ำ จี้คือทุกๆอย่าง ทั้งเพื่อน คนรัก แม่ หรือแม้แต่ลูกสาว … แต่จี้ไม่เคยบอกกูเลยว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จนกระทั่งวันที่เธอตาย…”
            ผมชะงักกึกไปกับโรคที่พรากผู้หญิงคนนั้นไป
            “กูสัญญากับตัวเองว่าจะไม่รักใครอีก ทุกคนทิ้งกูไปหมด ไม่มีใคร นอกจากไอ้พีท ไอ้ริค ไอ้กาฬกูก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน ใครๆต่างก็เข้าหากูเพราะว่าหน้าตา ฐานะ ต้องการเอาชนะคนอื่นๆ…”
            เสียงที่ขึ้นจมูกของนาทีทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมกอดเจ้าหมาเอาไว้แน่น
            เหมือนกับผมเลย ที่มีเพียงแค่ไอ้ฟ้า ไอ้กี้ แล้วก็น้องหญิง…
            “กูไม่เคยมีความสุขเลย เหมือนกับว่ามันเป็นเวรกรรม เมื่อตอนที่กูเป็นแฟนกับจี้ … กูก็ไปตกหลุมรักผู้ชายคนนึง…”
            … ว่าไงนะ
            “ตอนนั้นกูถึงรู้ว่ากูไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว … ทั้งๆที่จี้รักกูมากขนาดนั้น แต่กูกลับกลายเป็นพวกผิดเพศ กูชอบเพศเดียวกัน แล้วแองจี้ก็ยังเป็นคนที่กูรักเหมือนเดิม … แม้กระทั่งตอนเธอตาย กูยังไม่ได้เห็นหน้าเธอเลยป่าน”
เสียงสะอื้นพร้อมกับน้ำใสๆที่หล่นออกมาจากดวงตาคู่สวยนั่นทำให้ร่างผมแทบจะทรุด ผมคว้าตัวไอ้นาทีเข้ามากอด กดหัวมันให้ซุกลงกับแผงอกของผมเผื่อว่ามันจะคลายความเจ็บปวดลงได้
            แต่ไม่เลย นาทีสั่นสะท้านไปทั้งตัว
            “ฮือ กูไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น … กูมันเลวมากใช่มั้ยวะป่าน”
            “อย่าโทษตัวเองเลย มึงไม่ผิด … เข้าใจมั้ยนาที มึงไม่ผิด” ผมลูบหัวปลอบคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยน้ำตาที่รื้นอยู่ที่ดวงตาของตัวเองออกมาบ้าง
            “มึงไม่ผิด…”
            อย่างกับโศกนาฏกรรมหนังโศก ผมร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้แค่ว่าสงสารคนตรงหน้า แล้วก็สงสารตัวเองที่ดูเหมือนจะมีชะตากรรมคล้ายๆกับคนในอ้อมกอด ไอ้นาทีเหมือนตกใจที่ผมร้องไห้ มันหยุดร้องแล้วมองหน้าผม ผมมองหน้ามัน
            ก่อนจะหัวเราะออกมา
            “อย่างกับเด็กประถม”
            “ก็ กูสงสารมึง…”
            สิ้นเสียงของผม จมูกโด่งๆของนาทีก็จรดลงบนจมูกของผม ราวกับเวลาหยุด เหมือนกับว่าสิ่งที่ขาดหายไปกำลังถูกเติมเต็ม ผมจ้องดวงตาสีเทานั่นไม่กระพริบ ราวกับถูกดึงดูด
            เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่เราต้องการใครซักคน เวลานั้น ทำไมเราถึงพลาดพลั้งได้มากที่สุด
            เพราะการพลาดพลั้งเหล่านั้น … มันทำให้เราลืมเวลาที่แสนน่ากลัวนั่นได้ชั่วขณะ
            แม้จะแค่ช่วงหนึ่ง แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้มีความสุขเชียวล่ะ



             *
            “ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่เป็นมือกลองวงร็อคชื่อดัง” ผมนั่งอยู่ที่โซฟาพลางใช้ผ้าขนหนูขยี้ๆเจ้าหมาสีน้ำตาลพร้อมกับหยิบไดร์เป่าผมมาเป่าให้ขนฟูๆนั่นกลับมาพองเหมือนเดิม
            เจ้าหมานี่เป็นโกลเด้นตัวเล็ก ตอนขนเปียกๆก็ดูหน้าตาเหมือนกันหมดผมเลยติ๊ต่างเอาว่ามันเป็นหมาไทย แต่ที่หางของมันแหว่ง แถมปลอกคอก็ไม่มี คงจะไม่มีใครเป็นเจ้าของล่ะมั้ง
            “ก็ไม่เห็นเคยถาม” ไอ้นาทีเดินออกจากห้องน้ำพลางนั่งลงด้านหน้าของผม มันยื่นอะไรบางอย่างให้หมากิน ผมตีมือมันแทบจะทันที
            “อะไร? อย่าซี๊ซั๊วะเอาอะไรให้หมากินนะมึง”
            “ก็แค่ … ฝอยทอง” คนตรงหน้าว่าพลางยกขนมไทยสีส้มๆหน้าตาน่ากินขึ้นมาโชว์
            “หา!!? บ้าเหรอ หมาบ้าอะไรกินฝอยทอง!!! มันได้เป็นเบาหวานตายห่าพอดี!” ก่อนจะโดนผมจัดด่าไปฉาดใหญ่ ไอ้นาทีขำในลำคอแล้วเดินหายเข้าห้องครัวของคอนโดไปอีกครั้ง
            “ประสาท” ผมสบถแล้วเช็ดตัวเจ้าหมาจนมันแห้งดี หน้าตาน่ารักน่าฟัด คิดไม่ผิดที่หยิบเจ้านี่ติดมือกลับมา อย่างน้อยถ้าเลี้ยงที่คอนโดไม่ได้ ผมก็ยังเอากลับไปเลี้ยงไว้ที่บ้านตัวเองได้
            แล้วที่สำคัญ
            มันไม่คิดจะเห่าเลยหรือไงวะ … หรือว่าเป็นหมาใบ้
            นาทีมันเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับจานพลาสติกสีใสกับนมจืดกล่องหนึ่ง มันนั่งลงตรงหน้าผมอีกครั้งแล้วค่อยๆเทนมนั่นออกมา ผมอยากจะด่าคนตรงหน้าจริงๆว่าตาถั่วหรือตาบอดกันแน่
            ไอ้หมานี่มันไม่ใช่ตัวเล็กๆแล้วนะ มันโตพอที่จะไม่กินนมแล้ว
            แต่ยังไม่ทันจะได้ด่า เจ้าโกลเด้นที่นอนหนุนตักผมอยู่ก็กระโจนเข้าไปหาไอ้นาทีพลางกินนมในชามอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าขาดสารอาหารทั้งๆที่ตัวมันก็ไม่ได้ผอมแห้ง ผมมองภาพนั่นนิ่งๆ ภาพที่คนตรงหน้าลูบหัวสุนัขอย่างเอ็นดูกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
            “หึ”
            “หัวเราะอะไร?” ไอ้นาทีถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงผมหัวเราะในลำคอ ผมส่ายหน้านิดๆ
            “หัวเราะมึงไง ชอบหมาเหรอ?” ผมถามต่อ นาทีส่ายหน้า
            “ไม่ … ชอบแมวซะมากกว่า”
            “อ่อ”
            ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปหยิบของกินในตู้เย็นมากินบ้าง หิวเป็นบ้าเลยให้ตาย แต่พอจะลุกขึ้น มือของไอ้นาทีก็จับแขนผมไว้ก่อนจะดึงลงไปหามัน
            “อะไรอีก”
            “จูบที”
            หา?
            “เมื่อกี้ยังไม่พออีกหรือไง” ผมแทบจะประเคนหมัดใส่หัวคนตรงหน้าไปแรงๆถ้าไม่ติดที่ว่าไอ้หมาตัวเล็กมันวิ่งเข้ามาเล่นด้วย ผมจับเจ้าหมาไว้ก่อนจะกดจมูกลงไปฟัดมันอย่างหมั่นเขี้ยว ลืมเรื่องกินไปซะสนิท
            “ขอบคุณนะ” เสียงทุ้มๆนุ่มๆกล่าวคำขอบคุณให้ผมฟัง ผมเงยหน้ามองนาทีนิ่งๆ
            “เรื่องอะไร?”
            “ทุกอย่าง”
            “??” ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ไอ้หมาโง่พยายามกัดกระชากทึ้งดึงแขนเสื้อแขนยาวสีขาวที่ผมสวมอยู่ แม่งขี้เล่นเป็นบ้า แต่ก็อย่างว่า ผมว่ามันเป็นหมาใบ้ เพราะยังไม่ได้ยินเสียงมันเห่านอกจากร้องในลำคอก็แค่นั้น ผมก็บ้าจี้เล่นตามหมา คลานตามมันไปจนกระทั่งสะดุดกับความโง่ ผมร่วงลงสู่ร่างของไอ้นาทีที่นั่งอยู่ไม่ไกล จนกลายเป็นว่าไอ้นาทีนอนอยู่ใต้ร่างผม
            ผมยันแขนสองข้างเอาไว้แล้วจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่ด้านใต้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จ้องคนตรงหน้าไม่เคยเบื่อ มันไม่ใช่ความรู้สึกรัก แต่เหมือนผมกับมันกำลังค่อยๆเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายของกันและกัน
            “เมื่อก่อนกูเกลียดการทำแบบนี้มาก เกลียดจนเรียกได้ว่าไม่อยากจะเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเลย” ผมว่า แต่สายตายังจ้องคนด้านล่างไม่กระพริบ มือของนาทีจับแขนของผมเบาๆ
            “แล้วตอนนี้ล่ะ?”
            “ไม่รู้สิ แค่รู้ว่า มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมั้ง”
            ไอ้นาทีหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยปรอยผมของผมที่ตกอยู่ข้างแก้มขึ้นไปทัดหู ผมมองริมฝีปากสีซีดของคนด้านใต้ ก่อนจะก้มลงไปใช้ริมฝีปากของตัวเองคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากสีซีดนั้น นาทีตอบจูบของผมแทบจะทันที แต่เพราะเมื่อกี้ผมกับมันเพิ่งจะทำกันไปหยกๆผมเลยกัดริมฝีปากสีซีดนั่นอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอ้ยแล้วถีบผมออกมาจากร่างกายของมัน
            ผมนั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
            “โอ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
            “ซาดิสต์ชิบ!!”
            “ฮ่าๆๆๆ”
            “หึ”
            นาทียิ้มแล้วหัวเราะตามผมบ้าง ห้องที่เคยเงียบและเต็มไปด้วยคราบน้ำตากลับถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะของผมกับคนตรงหน้า นาน นานมากจริงๆที่ผมไม่ได้หัวเราะสุดๆแบบนี้
            ผมหยุดหัวเราะเมื่อรู้สึกถึงสายตานิ่งๆของคนตรงหน้าที่จ้องมองมา นาทียิ้มบางๆ
            “กูแพ้แล้วล่ะ”
            ผมเลิกคิ้วสงสัยกับสิ่งที่นาทีพูด ไอ้นาทีชันเข่าขึ้นมากอดเอาไว้
            “แพ้อะไรวะ?”
            “แพ้ตัวเอง”
            “หือ?”
            “มึงนี่โง่จังเลยป่าน!” หมอนที่โซฟาถูกปามาอย่างแรงจนกระแทกคางผม ผมแทบจะตวาดแว้ดกลับไปทันทีถ้าไม่ติดที่ว่าริมฝีปากสีซีดนั่นกำลังคลี่ยิ้มกว้างเหมือนเก้อเขินอะไรบางอย่าง
            ดวงตาสีเทาสบกับตาของผมอีกครั้ง ทั้งห้องเงียบไป
            “กูว่ากูรู้แล้วล่ะ ว่ารัก มันหน้าตาเป็นยังไง”








TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-02-2014 21:35:49
ตกหลุมรักป่านแล้วล่ะซิ

หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Aun@im ที่ 12-02-2014 21:53:51
 :o8: :o8:
ชอบอ่ะ มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 12-02-2014 23:11:55
รู้สึกงงๆ หักมุมไปหมดเรื่องนี้ แต่เฮ้ย ชอบงะ

ไม่ชมพูแต่เทากำลังดี >< #หึหึ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 12-02-2014 23:17:37
หวานซ้าาาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 12-02-2014 23:39:50
นึกว่าจะดราม่ากันซะแล้ว ไปๆ มาๆ ได้ลูกกลับมาอีกหนึ่ง 5555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 13-02-2014 01:12:36
ต๊ายยยย น่ารักทั้งหมาทั้งคน ดีแล้วคะอย่าเพิ่งมาม่าเลย กลับมาหวานซะ
เรื่องนี้มันมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมายเลยจริงๆ

อย่าหักมุมให้เศร้าละกัน คนอ่านเครียด อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-02-2014 05:23:32
มีอะไรให้แปลกใจอยู่เรื่อยๆ
น่าติดตามสุดๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-02-2014 03:33:57
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านรวดเดียวเลย

กว่าจะเฉยอะไรคือความจริง

เอาเลิฟๆกันนะ

อย่าลืมคู่(?)กาฬกับจี้หล่ะ

หญิงนี่น่ากลัวนะ แล้วจัดการยังไง?

มาต่ออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil อัพสองตอน! [ep15 P.2][ep16 P.3] 12/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-02-2014 09:51:37
เป็นเรื่องที่พลิกล็อกทุกสองนาที

อะไรคือความจริง..?
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.17] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 15-02-2014 22:00:36
17

            “แค่กๆ”
            อาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นกับเรี่ยวแรงที่หายไปหมดทำให้วันนี้ผมต้องนอนซมอยู่บนเตียง ตากฝนมาสองสามวันติดๆกันทำให้ร่างกายผมอ่อนแอจนแทบเรียกได้ว่าปวกเปียก ผิดกับอีกคนที่ถึงจะตากฝนมาเหมือนกันแต่ก็แข็งแรงไม่เป็นอะไรเลย
            “ลุกขึ้นมากินยาก่อน”
            มือของไอ้นาทีฉุดผมให้ลุกออกจากผ้าห่มผืนหนาที่ผมไม่อยากหนีจากมันไปไหน ผมค่อยๆพยุงร่างกายของตัวเองขึ้น อาการปวดหัวจี๊ดๆและตัวที่ร้อนจนแทบจะไหม้ทำให้ผมไม่อยากจะขยับตัว ผมหยิบยาจากฝ่ามือของเจ้าของห้องแล้วกรอกเข้าปาก ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบ
            เกลียดจังเวลาไม่สบาย!
            ผมซุกตัวกับผ้าห่มโดยมีเจ้าหมาตัวสีน้ำตาลที่ขนสะอาดและหน้าตาไม่มอมแมมเหมือนเมื่อคืนนอนคลอเคลียอยู่ข้างๆ ผมกอดเจ้าหมาโง่เอาไว้ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง ได้ยินเสียงกุกกักภายในห้องเลยต้องลืมตาขึ้นแล้วมองคนที่กำลังสะพายเป้สีดำขึ้นพาดบ่า
            “ไปเรียนเหรอ”
            “อืม” ไอ้นาทีว่าพลางเดินมาหาผมแล้วใช้ฝ่ามือมันแตะลงบนหน้าผากของผม ก่อนมันจะเดินหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับแผ่นเจลลดไข้
            “เดี๋ยวเที่ยงๆจะกลับมาหา”
            “อือ”
            ผมครางในลำคอแล้วพลิกตัวกลับไปอีกด้าน ค่อยๆปิดตาลงจนกระทั่งเจ้าของห้องเดินออกไป เสียงปิดประตูทำให้ผมรู้ว่าไอ้นาทีออกไปจากห้องแล้ว ผมดันตัวขึ้นมานั่งอีกครั้งพลางมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง
            น้องหญิงโทรเข้าหาผมเป็นร้อยสาย แต่ผมไม่ได้รับเลยซักสาย โชคดีที่ผมกดปิดเครื่องเอาไว้ ไม่งั้นไอ้นาทีมันคงคว้าไปรับเอง แต่ก็เห็นช่วงหลังๆนี่ไอ้นาทีก็ไม่ได้คุยกับหญิงซักเท่าไร ถ้าถามผม ผมเอก็รู้สึกโล่งใจ แต่ไอ้ที่ตะขิดตะขวงใจก็คือ สิ่งที่น้องหญิงจะทำต่อไปมากกว่า…
            “เฮ้อ”
            ผมถอนหายใจพลางหันไปเห็นเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นกับพวกขนมหรืออะไรต่างๆที่เลอะเทอะเกลื่อนพื้นห้อง สงสัยเมื่อวานผมกับไอ้นาทีกินแล้วไม่ได้ทิ้งมันถึงระเกะระกะไปหมด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่สามสี่รอบก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกจากที่นอนแล้วเก็บของพวกนั้นให้เข้าที่
            ผมลากสังขารตัวเองกลับมาที่ห้องนอนเมื่อห้องสะอาดเรียบร้อยดีก่อนจะหยิบโพสอิทบนโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องแล้วเขียนข้อความลงไปเพื่อบอกไอ้นาทีเมื่อมันกลับมาที่ห้อง
            ‘กูจะไม่ตื่นจนกว่าจะเย็น ไม่ต้องรอกินข้าวนะ มึงกินไปก่อนเลย’
เพราะผมไม่อยากจะตื่นกลางคัน ทางที่ดีให้ผมได้นอนสบายๆหน่อยก็แล้วกัน
            ก่อนที่ผมจะค่อยๆหลับตาลง แล้วเข้าสู่ความมืดมิดที่แสนยาวนาน…
            …
            ‘แตะ’
            สัมผัสที่แตะลงบนหน้าผากพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยไม่ได้ทำให้ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาดูเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร อาการปวดหัวยังคงประดังทับซ้อนจนไม่อยากจะขยับตัว
            หวังว่ามันคงเห็นโพสอิทที่แปะอยู่ข้างเตียง
            “มึงรู้มั้ย…เวลามึงทำแบบนี้ มันทำให้กูรู้สึกเหมือนกับว่ากูกำลังทรยศมึงอยู่…” เหมือนไอ้นาทีจะไม่รู้ว่าผมตื่นอยู่ มันพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องกลั้นความสงสัยเอาไว้ในใจ
            ทรยศ? อะไร…
            “เพราะมันคล้ายกันเหลือเกิน…” ก่อนสัมผัสอุ่นๆจากริมฝีปากสีซีดจะแตะลงที่หน้าผากของผม ผมไม่รอให้นาทีได้เดินไปไหนเลยคว้าแขนมันเอาไว้ ร่างของเจ้าของห้องหันกลับมาพลางเบิกตากว้างอย่างตกใจ เสียงของผมที่จะเปล่งออกไปกลายเป็นว่าถูกก้อนอะไรบางอย่างขวางไว้
            “แค่กๆ”
            ผมไอออกมาอย่างแรงจนไอ้นาทีต้องรีบรุดนั่งลงมาเพื่อประคองให้ผมกินน้ำ เมื่อกินน้ำแล้วก็ทำให้ก้อนนั่นมันไหลลงคอไปจนกลับมาพูดได้ปกติ ยกเว้นเสียงที่เหมือนกับก็อซซิล่าที่กำลังจะพ่นไฟก็แค่นั้นแหละ
            “เล่ามาให้หมด อะไรที่คล้ายกัน”
            นาทีมองหน้าผมนิ่งๆ ร่างตรงหน้าผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าสิ่งที่จะเล่ามันหนักหนาสาหัส
            ผมกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าอย่างแรงพลางใช้สายตาคาดคั้นก่อนจะประเคนหมัดลงไปบนอกแกร่งนั่นหลายๆทีเพื่อบ่งบอกว่าผมต้องการจะรู้เดี๋ยวนี้!!!
            “โอเคๆ พอแล้ว เล่าแล้ว” ไอ้นาทีว่าพลางจับข้อมือผมไว้ ผมพยักหน้าแล้วเร่งคนตรงหน้าโดยการใช้เท้ากระทืบเตียงเบาๆ
            “มึงทำให้กูนึกถึงจี้…ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน”
            ผมชะงักไป แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะโต้แย้งอะไร เมื่อไอ้นาทีเห็นแบบนั้นจึงเล่าต่อ
            “จี้เองไม่ชอบโดนจูบ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกเหมือนกันที่เวลาโดนจูบแล้วอ้วกเหมือนมึง”
            ก็สมควรล่ะ มันขยะแขยงนี่หว่า…
            “จี้ไม่ชอบให้กูไปชกต่อย เธอด่ากูประจำว่าโง่หรือไงที่จะเอาตัวเองไปตาย เหมือนที่มึงว่ากู” ผมเริ่มจะนิ่งไป เมื่อมันเริ่มจะคล้ายขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็เป็นนิสัยปกติของผมอยู่แล้ว ชีวิตมีอยู่ก็ดีแล้ว เอาไปทิ้งทำไม?
            “จี้ชอบตีกูบ่อยๆ แล้วก็ชอบใช้ความรุนแรงกับกูตลอด ชอบลุกขึ้นมาเก็บข้าวของทำความสะอาดแม้ว่าตัวเองจะลุกจากเตียงแทบไม่ไหว ชอบเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียวเพราะกลัวว่ากูจะเครียดตามไปด้วย ชอบสั่งให้กูกินข้าวไปก่อนไม่ต้องปลุกเวลาเธอไม่สบาย…แล้วก็ชอบแกล้งหลับเพื่อที่จะฟังความในใจจากปากกู เหมือนที่มึงทำทุกอย่าง”
            “มึงเลยเห็นกูเป็นตัวแทนของจี้?”
            ไอ้นาทีนิ่งไปเมื่อผมพูดแบบนั้น ใบหน้าของมันสำนึกผิดสุดๆ
            กูว่าละ … มึงไม่ได้ชอบกูที่เป็นกูสินะ
            หึ ไอ้ห่านี่ บอกตรงๆกูก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มารู้ทีหลังแล้วมันหงิดแปลกๆ
            “แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่จี้กับมึงไม่เหมือนกัน…” นาทีมันยื่นมือมาตรงหน้าแล้วจับปลายคางของผมไว้ ผมสะบัดออก แกล้งน้อยใจตอแหลไปงั้นแหละ แต่จริงๆผมก็เข้าใจ ถ้าเป็นผม ถ้าคนที่ผมรักจากโลกใบนี้ไป การที่มีใครคนใหม่เข้ามาแล้วคนๆนั้นมีนิสัยเหมือนคนที่เคยรักแทบจะทุกอย่าง
            เป็นผม ผมก็เลือกที่จะรั้งเขาไว้แม้จะรู้ว่าเป็นการทำร้ายเขาโดยการให้เขาเป็นตัวแทนคนเก่าก็ตาม
            ผมไม่ได้โกรธเลย
            ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ทำให้นาทีมันไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป
            ผมจ้องตาคนตรงหน้ากลับ ก่อนที่นาทีจะพูดสิ่งหนึ่งออกมาที่ทำให้ผมแทบช็อค
            “มึงไม่ได้จะจากกูไป”
            นาทีมีสีหน้าสลดทันทีเมื่อพูดประโยคนั้นออกมา ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของมันแล้วผลักมันออกไปไกลๆ
            “กูไม่ตายง่ายๆหรอก วันนี้นอนโซฟาไปนะ เดี๋ยวติดหวัดกู”
            ไอ้นาทียิ้มแล้วยอมเดินไปนั่งที่โซฟา ถึงจะยังไม่มืดแต่ผมก็พูดเผื่อไว้ก่อน เผื่อว่าผมอาจจะตื่นขึ้นมาตอนเย็นอีกทีแล้วก็อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนโง่บางคนมานอนกอดอยู่ข้างๆไม่ก็จูบเพื่อรับหวัดต่อทอด
            “มึงเหมือนแองจี้จริงๆ”
            “ย้ำมากๆเดี๋ยวกูก็น้อยใจเข้าให้เลยนี่” ผมขู่ไอ้นาทีก่อนจะคลุมโปงแล้วนอนหลับไปอีกครั้ง
            คงไม่แย่มากหรอกมั้ง
            แค่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งเอง     

            *

            เช้าวันใหม่ที่สดใสหลังจากหายไข้ อะไรก็ไม่มีความสุขกว่าการที่ได้กินไมโลร้อนๆกับรับแสงแดดอ่อนๆ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมเลยได้ฤกษ์หยุดเรียนยาวมาราธอน ผมนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาสีขาวด้านนอกห้องนอนพลางกดรีโมทดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย สองสามวันมานี่สมองของผมแทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องน้องหญิงเลยด้วยซ้ำ
            แปลกนะ ที่ผมไม่รู้สึกผิดหรือแย่อะไรที่ไม่ได้คุยกับเธอ
            หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมมีเรื่องอื่นให้คิดล่ะมั้ง
            “ป่าน!?”
            ‘ตึง!’
            เสียงร้องดังขึ้นจากในห้องนอนพร้อมกับเสียงดังตึงของอะไรบางอย่าง ผมวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะมองร่างของนาทีที่นอนกองอยู่ที่พื้น ริมฝีปากสีซีดเม้มเข้าหากันบวกกับมือที่จับบั้นท้ายของตัวเองเอาไว้ ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าคนตรงหน้าต้องหล่นตุ๊บลงมาจากโซฟาแน่ๆ
            “โง่อีกแล้ว” ผมว่าคนตรงหน้าก่อนจะหัวเราะเบาๆ
            นาทีบ่นพึมพำแล้วละสายตาจากพื้นพรมขึ้นมามองผม ดวงตาตี่ๆเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับนิ้วเรียวที่ชี้มาที่ตัวผมราวกับว่าผมเป็นตัวประหลาดที่หลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูน
            “อะไร?” ผมเลิกคิ้วแล้วถามออกไป ไอ้นาทีกุมขมับ
            “ใส่แบบนี้จนชินเลยเหรอ?”
            ห่ะ
            ว่าแล้วก็ก้มลงมองสภาพตัวเอง ผมสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตตัวบางที่จำได้ว่าจับฉลากได้ตอนงานปีใหม่ปีที่แล้ว ตอนแรกก็กะจะเอาไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วเพราะมันดูเหี่ยวๆ แต่คิดอีกทีก็นึกเสียดายเลยเอามาใส่นอนประจำกับกางเกงในตัวเดียว
            แล้วไง?
            “ก็ใส่ประจำ”
            นาทีชะงักไปพลางมองหน้าผมอีกรอบแล้วยิ้มมุมปาก
            “แล้วนี่อยู่ในห้องใคร?”
            “ก็ห้องมึง” เอ๊ะไอ้นี่ มึงต้องการอะไรจากกูเนี่ย
            “แล้วกูเป็นใคร?”
            “คน ถามโง่ๆอีกแล้ว”
            ไอ้นาทีเบ้ปากกลับมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆเดินเข้ามาประชิดตัวผม ผมถอยหลังไปติดกำแพงพลางกอดอกมองคนตรงหน้าที่สวมชุดนอนแขนยาวขายาวเหมือนเด็กอนุบาลหมีน้อย
            “กูชอบผู้ชายนะป่าน…”
            “แล้วไง?”
            “คิดว่าใส่ยั่วแบบนี้แล้วกูจะไม่คิดอะไรเลยหรือไง หา”
            ผมตบกะโหลกคนตรงหน้าเมื่อรู้ว่ามันคงคิดอะไรอกุศล ไอ้นาทีไม่รอเสียเปรียบ มันหยิกเอวผมกลับจนตัวผมงอเป็นกุ้ง! เจ๊บบบ เจ็บๆๆๆ เลยเปิดช่องโหว่ให้ผมได้พลิกตัวกลับมากระแทกร่างของนาทีลงที่กำแพง ผมชี้นิ้วใส่หน้ามัน
            “จะคิดอะไรก็คิดไป แต่อย่าทำอย่างที่คิดแล้วกัน”
            “ห้ามได้หรือไง” ไอ้นาทีว่าก่อนจะจับเอวผมไว้แล้ววิ่งดันผมไปร่วงลงที่เตียงแล้วปล่อยตัวทับตามลงมาอย่างแรง คางผมกระแทกกับหัวทุยๆของมันจนระบม ผมตบหัวไอ้นาทีอีกรอบ
            “กูเจ็บ!!!”
            “อย่ามาตุ๊ด”
            “มึงสิตุ๊ด!!!”
            “โอ้ยย!!!” ผมร้องจ้าออกมาเมื่อฟันขาวๆขบลงที่ต้นคออย่างแรง ผมระดมทึ้งหัวไอ้นาทีไม่หยุด ขาก็โดนมือของมันจับเอาไว้เลยใช้ถีบคนด้านบนออกไปไม่ได้
            “นาที! มันจั๊กจี้ ไอ้…”
            ‘ก๊อกๆ’
            เสียงเคาะประตูขัดจังหวะที่มือของไอ้นาทีจะชอนไชเข้ามาในเสื้อของผม ผมถีบร่างตรงหน้าออกไปอย่างแรงจนไอ้นาทีกระเด้งไปนอนที่พื้น มันร้องโอดโอยซักพักพอๆกับผมที่นั่งโกยอากาศเข้าปอด
            ฟัดกับกระทิง เหนื่อยชิบ
            ‘ก๊อกๆ’
            เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ไอ้นาทีพุ่งเข้ามาใช้ลิ้นเลียริมฝีปากผมอยากถือวิสาสะ มันหัวเราะร่าก่อนจะเดินออกไปที่ประตูร้อนให้ผมนั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่คนเดียว เสียงที่เงียบไปด้านนอกช่วงระยะหนึ่งทำให้ผมก้าวเท้ายาวๆออกมาจากห้องนอน เผยให้เห็นแผ่นหลังของไอ้นาที มือของนาทีจับประตูมองไปนอกห้อง
            “ใครมาวะ?”
            ผมถาม ก่อนที่ร่างของไอ้นาทีจะโดนผลักไปติดกำแพงพร้อมกับร่างเล็กของใครซักคนที่วิ่งเข้ามา ดวงตากลมเบิกกว้าง พอๆกับผมที่รู้สึกเหมือนเข่ามันอ่อนไปซะดื้อๆ
            “หญิง…”
            น้องหญิงใช้สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหันไปมองไอ้นาทีอย่างผิดหวัง ไม่ให้คิดไม่ได้หรอก ผมอยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่กระดุมหลุดลงมาเกือบครึ่งตัว ช่วงล่างก็ไม่ได้สวมอะไรเลยนอกจากกางเกงในตัวเดียว แถมเมื่อกี้ ไอ้นาทียังฝังเขี้ยวลงที่คอของผมซึ่งไม่ต้องให้เดาว่ามันจะต้องแดงจนเห็นชัดมากแน่ๆ
            ‘เพี๊ยะ’
            ‘หมับ’
            ร่างเล็กเดินเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของหญิงฟาดลงมาบนใบหน้าของผมอย่างแรงจนชาไปครึ่งแถบ ไอ้นาทีปราดเข้ามากระชากแขนเล็กนั่นไว้แล้วบีบลงไปจนร่างเล็กเบ้หน้า
            “อย่ามาห้ามหญิงนะนาที ป่านไม่มีสิทธิ์ทำตัวแบบนี้!!!!” ร่างเล็กว่าแล้วพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุมของไอ้นาที ผมกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้
            “แบบไหน” เสียงเย็นๆของไอ้นาทีทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่ เหมือนกับวันนั้นเลย วันที่ผมไปที่โรงเรียนของไอ้นาทีแล้วเจอผู้หญิงชื่อมิลที่เกือบโดนไอ้นาทีกระทืบตาย…
            “ร่านไง!!!”
            ‘เพี๊ยะ’
            ไวกว่าความคิด ฝ่ามือหนาของนาทีฟาดลงที่ใบหน้าของน้องหญิงจนร่างเล็กร่วงไปกองที่พื้น ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะเข้าไปพยุงน้องหญิงแต่กลับโดนฝ่ามือเรียวเล็กของเธอจิกผมจนต้องแหงนหน้า ดวงตากลมที่ผมเคยคิดว่าน่ารักกลับแปรเปลี่ยนไป
            "อย่าทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลยป่าน หญิงไม่เชื่ออีกแล้ว!!!”
            “ปล่อยป่าน” ไอ้นาทีพูดเสียงเรียบ ร่างของมันตรงเข้ามาหาผมกับหญิง
            “นาทีรักมันใช่มั้ย!!!? มีอะไรกับมันมากี่ครั้งแล้วล่ะ!!! ทีกับเรา ทำไม ทำไมถึงโยนเราไปให้พระกาฬแบบนั้น!!!!” ร่างเล็กกร่นด่าไอ้นาทีอย่างขาดสติ มือเรียวไม่ยอมปล่อยผมของผม มิหนำซ้ำเธอกลับจิกลงมาแรงกว่าเดิมจนทำให้ผมเชิดหน้า
            “ฉันไม่ได้โยนเธอให้พระกาฬ แต่เธอ … ต้องการเองไม่ใช่หรือไง” ดวงตาสีเทาฉายแววโมโหอยู่ด้านใน ไหนจะทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทาง ผมมองจ้องดวงตาของนาทีอย่างร้องขอ
            อย่าทำอะไรหญิงเลย เธอก็แค่เด็กเอาแต่ใจ
            “ปล่อยป่านเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องฆ่าเธอทิ้งแล้วโยนศพเธอออกไปจากห้อง” นาทีพูดเสียงเครียด ผมเบิกตากว้างกับคำพูดนั้นก่อนจะพยายามดึงตัวเองออกจากร่างเล็ก
            “หญิง พอเถอะ…”
            “พออะไร?!!! ป่านทรยศหญิง ป่านโกหก ไหนป่านบอกว่าไม่ได้รักนาทีไง!!! หญิงบอกป่านแล้วใช่มั้ยว่าหญิงชอบนาที หญิงรักนาที ทำไมป่านไม่ฟัง ป่านหลบหน้าหญิง ย้ายมานอนกับนาทีแล้วนี่ยังเสนอตัวให้นาทีด้วยใช่มั้ย!!!! โอ้ยยย”
ไอ้นาทีเหมือนจะทนไม่ไหวกับน้องหญิง มือของมันกระชากร่างของหญิงออกจากตัวผมจนผมเป็นอิสระ ฝ่าเท้าของไอ้ทีกำลังจะย่ำลงบนตัวน้องหญิง ผมรีบปราดเข้าไปดึงมันออกมาอย่างแรง
            “ที … อย่า กูขอร้อง” เพราะผมรู้ว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ผมจึงต้องห้ามไอ้นาทีเอาไว้ ดูเหมือนมันจะไม่ฟังเพราะนาทีขืนตัวเองเต็มที่เพื่อที่จะเดินเข้าไปกระทืบร่างเล็ก
            “นาที!!!!”
            “ป่านเป็นของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเขาอีกนับตั้งแต่วินาทีนี้” เสียงทุ้มโหดพูดบอกคนตรงหน้า นาทีกระชับเอวผมเอาไว้ทั้งๆที่ผมพยายามขืนตัว ผมเบิกตากว้างมองน้องหญิงที่ดูจะตกใจไม่น้อย
            ร่างเล็กลุกขึ้นมายืนก่อนจะผลักไอ้นาทีอย่างแรง
            ดวงตาเรียวเล็กคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนริมฝีปากสีสวยนั่นจะคลี่ยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว
            “หญิง” ผมเอื้อมมือไปหวังจะช่วยเช็ดน้ำตานั่น แต่กลับถูกไอ้นาทีคว้าเอาไว้ซะก่อน
            “ได้…” น้องหญิงพึมพำในลำคอ ขาเล็กๆนั่นเดินถอยหลังไปที่ประตู
            “ในเมื่อนาทีเลือกแบบนี้ หญิงก็คงห้ามไม่ได้ …” มือเรียวเล็กจับลงที่บานประตู ผมอยากจะขอโทษเธอ อยากจะขอโทษจากหัวใจว่าผมไม่ได้ตั้งใจ แต่คงจะสายไปซะแล้ว
            ดวงตากลมโตละสายตาจากนาที ราวกับว่าไม่มีผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงนี้ น้องหญิงมองผมอย่างคาดโทษ ทั้งเสียใจ ผิดหวัง โมโหปะปนกันไปไม่เหลือเค้าโครงของผู้หญิงน่ารักคนเดิม
            “แต่จำไว้นะ ป่าน…ในเมื่อหญิงไม่ได้นาที ป่านก็จะไม่ได้อะไรเหมือนกัน!!!!”
            “!!!!”
            “ป่านเป็นของหญิงคนเดียว!!!! เป็นของหญิงคนเดียวเท่านั้น!!!”
            ‘ปัง!!!!’
            ประตูถูกกระแทกปิดลงพร้อมกับความเงียบที่ปกคลุมไปทั้งห้อง มือที่ประครองร่างผมไว้ปล่อยออกไปพร้อมกับขาที่ไร้เรี่ยวแรง ผมทรุดตัวนั่งลงที่พื้นพลางมองฝ่ามืออันสั่นเทาของตัวเอง
            คำพูดเหล่านั้นของน้องหญิง ย้ำซ้ำๆในหัวของผมจนแทบจะกลายเป็นประโยคที่ท่องจำได้ เธอเกลียดผมแล้วและก็คงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม
            “ทำไม…ทำไมต้องห้ามอีกแล้ว” ไอ้นาทีพูดขึ้นพร้อมกับฝ่าเท้าของมันที่เตะลงที่โต๊ะน้ำชาจนโต๊ะหงายพร้อมกับข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ผมก้มหน้ามองพื้น
            คงจะผิดหวังในตัวกูมากสินะ ที่เป็นแค่คนโง่ที่ยอมทำแต่เรื่องโง่ๆ
            “เธอทำถึงขนาดนี้ ทำไมต้องปกป้องด้วย!!!!!”
            “รักกันมากใช่มั้ย!!!! รักมากก็ไปอยู่ด้วยกันเลย อยากไปก็ไป รักมากนักก็ตายตามกันไปเลย!!!!!” เสียงทุ้มตะคอกดังลั่นห้อง คำพูดที่กรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจทำให้ผมเริ่มเจ็บ ผมกลั้นสะอื้นไว้ในลำคอพยายามกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในส่วนลึกของดวงตา ส่วนที่เก็บความอ่อนแอเอาไว้
            ผมไม่ค่อยร้องไห้ แม้จะเจ็บเจียนตายก็ไม่ร้องไห้ ผมจะร้องไห้เฉพาะเวลาที่ผมเจ็บจากผู้หญิงที่ผมรัก
            “มึงไม่ได้ยินเหรอป่าน!!!!! รักมากก็ตายตามกันไปเลยสิวะ!!!!!” มือหนากระชากคอเสื้อผมจนตัวลอย ใบหน้าโมโหของไอ้นาทีทำให้ผมไม่ทนอีกต่อไป
            ครั้งนี้ ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะหญิง แต่ผมร้องไห้ … เพราะคนตรงหน้าต่างหาก
            หยดน้ำตาหนึ่งหยดร่วงออกมาจากดวงตาของผม ก่อนจะกลายเป็นสอง สาม สี่ และนับไม่ถ้วน ร่างของผมถูกปล่อยร่วงลงที่พื้นพร้อมกับการร้องไห้แบบไร้เสียงสะอื้น ผมกอดตัวเองเอาไว้ ทรมาน เจ็บรวดร้าวไปหมดทั้งร่างกาย
            เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของอีกคนที่อยู่ภายในห้องดังขึ้น ผมเห็นลางๆผ่านม่านน้ำตาว่านาทีนั่งลงตรงหน้าผม
            “มานี่มา” ก่อนมือของมันจะกระชากร่างของผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด แค่สัมผัสอบอุ่นนั่นแตะลงบนตัว กำแพงที่เคยสร้างมาทั้งหมดก็พังทลายลงมาทนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นผุยผง
            แม้จะยังไม่ได้สูญเสียเหมือนกับเจ้าของอ้อมกอดที่สูญเสียคนรักไปแบบไม่มีวันหวนคืน แต่ความรู้สึกที่ถูกตัดขาดจนสะบั้นก็ทำให้ผมพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีเยื่อใยกับผมอีกต่อไปแล้ว แล้วมันจะไปสำคัญอะไรกับเยื่อใยที่ผมเคยมีให้กับเธอ นับประสาอะไรที่ผมจะเอาคำว่ารักไปฝากไว้กับคนที่ไม่เคยเหลียวแลมันเลยซักนิด
            ได้เวลา ตัดใจแล้วรับอะไรใหม่ๆซักทีป่าน
            หยุดโง่ซักที
            หยุดโง่ได้แล้ว…







TBC
หยุดโง่ได้แล้วนะป่าน เรารักนายนะ ฮรือ... :hao5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-02-2014 22:33:59
นาทีอาจจะไม่คู่ควรกับป่านเท่าไหร่
แต่ป่านก็ช่วยกัดพันเป็นแฟนกับมันไปเหอะ
เพราะคนอ่านจะได้สมน้ำหน้าหญิง 555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 16-02-2014 09:26:25
สับสนจริงๆกับสองคนนี้
 
หญิงก็ยังโรคจิตได้อีก
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 16-02-2014 11:08:04
ฉลาดขึ้นซักทีนะป่าน ลุ้นจนไม่เป็นอันทำอะหยังแล้วนะจ๊ะ เมื่อไหร่เธอจะหายโง่  :hao5:

แต่หลังจากนี้ความโรคจิตของหญิง ต้องพุ่งทะลุเพดาน เกินระดับแอดวานซ์ไปแน่ๆ อันตรายๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 16-02-2014 12:12:55
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 16-02-2014 17:42:05
หญิงมันร้ายยย  :z6: *ส่งลูกถีบนายนาทีไป*
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-02-2014 18:12:20
ไหงหญิงร้ายขนาดนี้ป่านเป็นเพื่อนนะรุนแรงจัง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep17 P.3] 15/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 16-02-2014 20:24:00
อ้าว สรุปป่านร้องไห้เพราะอะไรหน่ะ ????

หญิงนี่ น่าจะมีอาการทางจิตแห้ะ แล้ว ต่อไปจะเป็นไงเนี่ย

ต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep18] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 16-02-2014 22:50:14
18

            “เป็นไรวะซึมๆ?” ไอ้ฟ้าถามขึ้นก่อนจะโบกมือไปมาตรงหน้าผม ผมมองชามก๋วยเตี๋ยว ยกตะเกียบเขี่ยลูกชิ้นปลาเด้งดึ๋งแล้วถอนหายใจมาสิบกว่ารอบได้แล้ว
            ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในโรงอาหาร ตั้งใจว่าวันนี้ต้องกินข้าวเที่ยงให้ได้เพราะถ้าไม่กินโรคกระเพาะอาจจะถามหา แต่พอมีของกินมาตั้งตรงหน้าจริงๆกลับรู้สึกว่ากระเดือกไม่ค่อยจะลง
            ทำไมถึงได้มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลาวะเนี่ย?
            “เฮ้อ!”
            “เว้ยไอ้เชี๊ยะ!” ไอ้กี้แทบจะประเคนฝ่าเท้าใส่ผมเมื่อลูกชิ้นกระเด้งออกจากจานผมไปโดนมัน ผมหันไปขอโทษขอโพยมันก่อนจะหันมาเขี่ยลูกชิ้นในจานต่อ
            ‘ผลั่วะ’
            “เป็นไรของมึงเนี่ย!” ฝ่ามือเล็กๆตบลงบนศีรษะผมพร้อมกับเจ้าของฝ่ามือที่ยื่นหน้าเข้ามา ไอ้กี้เคี้ยวหมูปิ้งตุ้ยๆอยู่ในปากแล้วเลิกคิ้วสงสัย ผมถอนหายใจใส่หน้ามันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าผมหลงใบหน้าน่ารักๆของมันล่ะก็นะ ผมคว่ำชามใส่หน้าแม่งแล้ว
            “สงสัยติดเชื้อหมาบ้า” ไอ้ฟ้าว่าแล้วกระดกน้ำแดงเข้าปาก ผมขยี้หัวอย่างเซ็งๆ
            เป็นห่วงไอ้นาทีจังว่ะ แม่ง
            “เฮ้ยๆ ได้ยินข่าวหรือยังวะ” เสียงโหวกเหวกโวยวายพร้อมกับนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ทยอยออกจากโรงอาหารไปที่ประตูโรงเรียน บางส่วนก็วิ่งมากระจายข่าวสาร ผมเห็นไอ้ก้องห้องข้างๆวิ่งเข้าไปที่โต๊ะกลุ่มมันก่อนจะซุบซิบอะไรบางอย่างแล้วเพื่อนๆกลุ่มมันก็ค่อยๆทยอยออกไปทั้งๆที่ยังกินข้าวกันไม่เสร็จ
            “มีอะไรกันวะ?” ไอ้ฟ้าหันมาถามผม ผมส่ายหน้า ก็นั่งอยู่ด้วยกันกูจะไปตรัสรู้มั้ยวะเนี่ย แต่พอผมจะหันไปหาไอ้กี้ เจ้าตัวกับพาขาเล็กๆของตัวเองวิ่งโร่ไปหน้าประตูโรงเรียนแล้ว เรื่องนี้ล่ะไวเชียวนะ จะไม่ให้ไวได้ไง ก็ไอ้กี้เป็นประธานสภา เรื่องอะไรเกิดขึ้นมันก็สมควรจะรู้ก่อนคนแรก
            “เฮ้ยก้องๆ!! ไอ้ก้อง!” ฟ้ามันกวักมือเรียกไอ้ก้องที่กำลังจะวิ่งตามเพื่อนมันออกไป ไอ้ก้องวิ่งเข้ามาหาพวกผม
            “มีอะไรวะ ใครตาย?” ปากหมาๆแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมไอ้ฟ้าถึงไม่มีเพื่อนคบ
            มีแค่ผมกับไอ้กี้ที่ทนคบมันได้
            “ไม่มีใครตายเว้ย แต่ประธานสภาฝั่งนู้นโดนตำรวจมาลากตัวว่ะ!”
            ว่าไงนะ…
            ผมไม่รอให้ไอ้ก้องได้พูดอะไรต่อ ขาสองข้างก็วิ่งก้าวออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงของไอ้ฟ้าที่แว่วมาเบาๆ
            “เฮ้ยไอ้ป่าน!!!”
            ผมวิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้คนก่อนจะค่อยๆแทรกตัวออกไป พอหลุดจากฝูงชนของนักเรียนโรงเรียนตัวเองแล้วผมก็เห็นไอ้กี้ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า มันทำท่าเหมือนอยากจะข้ามไปฝั่งนู้น แต่เนื่องจากรถตำรวจจอดขวางไว้ที่หน้าประตูโรงเรียนของอีกฝั่ง
            มือของผมแตะลงเบาๆลงบนไหล่ของคนด้านข้าง ไอ้กี้หันมามองผมนิ่งๆ ผมหันกลับไปมองที่ประตูโรงเรียนของอีกฝั่ง ก่อนจะชะงักไปเมื่อร่างของคนที่คุ้นหน้าโดนคล้องกุญแจมือแล้วเดินตรงมาที่รถ
            “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพระกาฬถึงถูกจับล่ะ?” เสียงซุบซิบนินทาดังไม่ขาดสาย ผมมองร่างของพระกาฬที่เดินเกือบจะถึงรถก่อนจะจับมือไอ้กี้เอาไว้แน่น ไอ้กี้บีบมือผมตอบกลับมา ดวงตากลมของมันนิ่งเรียบสนิทไม่แสดงความตื่นตระหนกใดๆ เหมาะสมกับที่เป็นไอ้กี้ใจแข็งจริงๆ
            พระกาฬเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ดวงตาเรียวนิ่งไป ผมจ้องดวงตาคู่นั้นนิ่งๆก่อนที่ร่างของมันจะถูกยัดเข้าไปในรถตำรวจ ผมพยายามสอดสายตาหาคนอื่นๆ ไอ้พีทกับไอ้ริคยืนอยู่ด้านหลังนั่น แล้วนาทีล่ะ?
            ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปขัดตำรวจ เลยได้แต่ยืนนิ่งแล้วรอไปประกันตัวไอ้พระกาฬเท่านั้น ผมยังไม่แน่ใจว่าใครกันที่แจ้งตำรวจมาลากคอไอ้กาฬ แต่เท่าที่รู้ผมว่าไม่ใช่เพราะไอ้กาฬไปก่อเรื่องอะไรไว้แน่ๆ
            “ไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะสิ หึ สมน้ำหน้า” ไอ้กี้บ่นเมื่อรถตำรวจค่อยๆเคลื่อนออกไป พลันสายตาของผมก็ไปสะดุดกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกไอ้พีท
            น้องหญิง…
            “ออกไปไกลๆ!!!” จู่ๆเสียงตะคอกลั่นก็ดังขึ้น เด็กโรงเรียนผมที่กำลังจะทยอยกลับเข้าไปเรียนต่างก็ชะงักกึกแล้วหันกลับไปมองต่างโรงเรียนอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าเล่นเอาผมแทบช็อค!!!
            นั่นมัน … ไอริส
            ถึงแม้ว่าเจ้าของร่างสูงจะสวมแว่นตาดำและหมวกแก๊ปพรางใบหน้าเอาไว้ผมก็ยังจำได้แม่น คนอื่นอาจจะจำไม่ได้แต่ทั้งเสียงและท่าทางที่เคยพบเจอมาก่อนมันคุ้นซะจนทำให้ผมมั่นใจ มือหนาของไอริสกระชากแขนไอ้นาทีเอาไว้ ผมมองร่างของนาทีที่โดนลากไปเหมือนกับเด็กเล็กๆ ซึ่งนาทีก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวเลย
            ด้านหลังมีร่างของชายวัยกลางคนที่ผมจำได้ว่าเป็นผู้ช่วยของคุณพ่อของน้องหญิงที่เป็นอธิการบดีของโรงเรียนนั้นยืนก้มหัวขอโทษขอโพยไอริส ก่อนที่ร่างอีกร่างหนึ่งของผู้ชายร่างบางตัวสูงจะเดินตามออกมา แขนของเขาถูกดึงเอาไว้ด้วยผู้ช่วยผู้อำนวยการอีกคน
            “ปล่อย!!! ฉันจะถอนงบออกจากโรงเรียนนี้ให้หมด แล้วถ้าน้องชายฉันไม่ได้ผิดจริงๆล่ะก็ เตรียมปิดโรงเรียนได้เลย!!!” ร่างเพรียวนั่นตะโกนลั่นก่อนจะสะบัดแขนอย่างแรงแล้วเดินเข้าไปหาไอริส
            รถตู้สีดำคันเดิมจอดลง บังเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า ผมมองไม่เห็นอะไรนับจากนั้นนอกจากกระจกที่ดำมืด เสียงปิดประตูรถเสียงดังสนั่นแล้วก็รถตู้ที่ค่อยๆขับออกไป
            ราวกับว่าลางสังหรณ์ผมถูกต้องอย่างไงอย่างงั้น
            น้องหญิงแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วเดินหายเข้าไปในกลุ่มคน ผมรีบวิ่งข้ามโรงเรียนไปหาไอ้พีทกับไอ้ริคทันที
            “เกิดอะไรขึ้น?!”
            ไอ้พีทมีสีหน้าแย่อย่างเห็นได้ชัด มันส่ายหน้านิดๆก่อนจะกระชับกระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่ ยามเดินเข้ามาจับตัวเพื่อนของผมสองคนเอาไว้ ก่อนจะดันทั้งสองคนนั่นออกมาพร้อมกับผมแล้วประตูโรงเรียนก็ถูกปิดลง
            “เฮ้อ ว่าแล้วว่าต้องมีวันนี้” ไอ้ริคถอนหายใจเมื่ออยู่หน้าประตูโรงเรียน มันกอดคอไอ้พีทเพื่อนรักของมันแล้วยิ้มแหยงๆ
            ผมหันกลับไปหากี้ก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงว่าผมไม่เข้าไปเรียนต่อแล้วนะวันนี้ ไอ้กี้พยักหน้ารับแล้วสั่งให้ยามฝั่งโรงเรียนผมปิดประตูโรงเรียนลงเหมือนกัน ผมมองสองคนตรงหน้านิ่งๆ
            “เกิดอะไรขึ้น?”
            “โดนไล่ออกซะแล้วว่ะ” ไอ้พีทว่าพลางยิ้มร่า แต่เป็นรอยยิ้มที่โกหกได้แย่ที่สุดในโลกเลย
            “แล้วไอ้นาทีล่ะ?”
            “ออกหมดเลย ทั้งกู ริค นาที แล้วก็ไอ้กาฬ” ไอ้ริคพูดเสริม ผมชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน
            “ได้ไง?”
            “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตำรวจบอกว่าพวกเรามีส่วนร่วมในการซื้อและค้าประเวณี”
            “ว่าไงนะ?!” ผมหันไปเบิกตากว้างกับสิ่งที่ไอ้พีทพูด ไม่ต้องได้ยินคำอธิบายอะไรมากมายผมก็พอจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร ใครล่ะ ที่มีพ่อที่มีอำนาจสามารถไล่เด็กนักเรียนที่ไม่มีความผิดโดยการโบ้ยความผิดให้ออกจากโรงเรียนได้ง่ายๆ มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ
            แต่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไม…ทำไมหญิงต้องทำขนาดนี้ด้วย แรงไปหรือเปล่า?
ไม่นานนักรถบีเอ็มสีดำสนิทก็จอดลงด้านข้างผมและไอ้พีทกับไอ้ริค มือของไอ้ริคแตะไหล่ผม
            “เข้าไปคุยกันในรถเหอะ กูจะไปประกันตัวไอ้กาฬ”
            “อือ”
            ผมว่าก่อนจะยัดตัวเองขึ้นรถเพื่อที่จะตรงไปที่โรงพัก ก็อย่างที่ว่า โรงเรียนอีกฝั่งเป็นถึงโรงเรียนพวกลูกคนรวยที่ทำตัวจิ๊กโก๋แล้วก็โดนจับมายัดเอาไว้ ตรงข้ามกับโรงเรียนผมที่ต้องใช้สมองและฝีมือในการสอบเข้า พอเกิดเรื่อง พวกโรงเรียนฝั่งนู้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดประจำ
            แต่ผมไม่เข้าใจเลย
            ทำไมไอริสต้องโมโหขนาดนั้น แล้วผู้ชายอีกคนที่มากับไอริสเป็นใคร?
            “ลุงทิศ ฝากบอกป๊าด้วยนะครับว่าพีทโดนไล่ออกจากโรงเรียนเส็งเคร็งนั่น บอกป๊าว่าเดี๋ยวพีทโทรกลับไป” ไอ้พีทว่าพลางลงจากรถเมื่อรถมาจอดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงพัก ผมเดินตามลงมาก่อนจะตามด้วยไอ้ริคแล้วเราทั้งสามคนก็เข้าไปหยุดอยู่ด้านในโรงพักก่อนจะยื่นเรื่องขอประกันตัวพระกาฬ
            ด้วยเงินจำนวนไม่น้อย ก็สามารถประกันตัวได้เพราะพระกาฬยังถือว่าเป็นเยาวชน ไอ้กาฬเดินออกมาจากห้องขังก่อนจะกอดกับไอ้พีทและไอ้ริค บ่งบอกว่าพวกมันรักกันมากขนาดไหน
            พระกาฬมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะปราดเข้ามากระชากผมออกจากโรงพักอย่างแรง มือของมันบีบข้อมือผมจนเจ็บไปหมด ผมหันไปมองหน้าไอ้พีทกับไอ้ริคที่วิ่งตามมา มันสองคนเองก็เหมือนจะตกใจกับท่าทางของพระกาฬ พระกาฬเหวี่ยงผมเข้าไปในรถบีเอ็มของบ้านไอ้พีทก่อนจะบีบคอผมจนร่างผมกระแทกกับกระจกรถ
            “เฮ้ยไอ้กาฬ!!!”
            ไอ้ริคกระชากแขนไอ้กาฬเอาไว้พร้อมกับปิดประตูรถลง ไอ้พีทนั่งลงที่นั่งข้างคนขับก่อนรถจะค่อยๆเคลื่อนออกไป พวกมันคงกลัวว่าถ้าเกิดมีเรื่องตรงนี้ ดีไม่ดีคุณตำรวจอาจจะลากไอ้กาฬเข้าคุกไปอีกรอบ
            ผมชักเริ่มจะหายใจไม่ออก
            “ไอ้กาฬ!!! ปล่อยป่าน!!!! เว้ย!!!” ไอ้ริคแทบจะทึ้งหัวเพื่อนมันจนพระกาฬมันปล่อยมือจากลำคอของผม ผมโกยอากาศเข้าปอดแทบไม่ทัน
            “แฮ่กๆ”
            “มึงสมควรตาย!!! เพราะมึงทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกันหมด!!!!”
            “มึงไปโทษไอ้ป่านมันก็ไม่ถูก เพราะไอ้พีทนั่นแหละ!” กลายเป็นว่าไอ้ริคกลับไปโบ้ยเพื่อนมันเอง ไอ้พีทแทบจะปีนเบาะข้ามมาต่อยไอ้ริคถ้าไม่ติดที่ว่ามันคาดซีทเบลท์อยู่
            “อ้าว โยนขี้เลยไอ้ห่า! เพราะเฮียไอริสเหอะ ดันติดธุระไปญี่ปุ่นตอนที่ไอ้ป่านมันนัดบอดนี่หว่า!!!” ไอ้พีทเริ่มโบ้ยให้ไอริส ผมเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ
            “งั้นแสดงว่าที่ไอริสไม่ได้เจอกูก่อนที่กูจะเจอนาทีก็เพราะไปญี่ปุ่นน่ะสิ?” ผมถามขึ้น ทั้งไอ้พีท ไอ้ริคแล้วก็ไอ้กาฬมองหน้ากันงงๆเหมือนกับไม่เข้าใจว่าผมรู้เรื่องได้ยังไง
            “มึงรู้ได้ไง?” นั่นไง ผมน่าจะเดาหวยถูกบ้างนะ
ที่พี่ชายของนาทีบอกว่าปกติแล้วคนที่จะผ่านเข้าไปนัดบอดกับนาทีได้จะต้องผ่านไอริส ไอริสเป็นคนดูเรื่องต่างๆเพื่อให้น้องชายปลอดภัย แต่ผมเป็นรายเดียวที่เขาพลาดไปเลยมาตามเก็บเอาทีหลังตอนที่ผมมีความสัมพันธ์บางอย่างกับนาทีไปแล้ว
            “ไอริสมาหากู แล้วก็คุยเรื่องนาทีเรียบร้อยแล้วด้วย” ทั้งรถเงียบไป ไอ้พีทมองหน้าผมอึ้งๆ
            “จริงดิ? แล้วมึงไม่ได้โดนขู่ใช่ป่ะ?” ผมส่ายหน้าตอบคำถามนั่น
            “เปล่า ไอริสแค่จะเขียนเช็คให้กูแต่กูไม่เอา กูเลยบอกว่าให้ไปคุยกับไอ้นาทีเลย แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร แค่ไอริสสั่งให้นาทีมีกูเป็นคนสุดท้าย”
            “ว่าไงนะ!?”
            ไอ้พีทตบหน้าผากดังแปะ ส่วนไอ้ริคก็ช็อคค้างไปแล้ว พระกาฬมองหน้าผมอย่างตกใจ
            “มึง ไอริสพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” ไอ้กาฬถามขึ้น ผมพยักหน้า
            “อืม”
            “เหอะ กูบอกแล้วว่าป่านแม่งไม่ธรรมดา” ไอ้พีทว่าพลางยกยิ้ม
            “ว่าก็ว่าเหอะ สงสารไอ้ทีว่ะแม่ง เจอเข้าไปสองคน ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะวะ” ไอ้ริคเสริมอีกที ผมหันขวับไปมองหน้ามันผ่านร่างของไอ้พระกาฬไป
            “ทำไมวะ?”
            “อยากรู้ก็ไปดูเอาเอง คอนโดมันน่ะ ป่านนี้พี่น้องคงทะเลาะกันห้องแตก”
 
            *
 
            ผมมาหยุดยืนอยู่ที่คอนโดของนาที ไอ้พีท ไอ้ริคแล้วก็พระกาฬต้องกลับไปหาทางบ้านแล้วก็ทำเรื่องขอโทษขอโพยและอธิบายเรื่องโดนไล่ออก คงไม่มีใครอยากให้ลูกออกจากโรงเรียน พอๆกับพี่ชายของนาทีที่ป่านนี้ไม่รู้จะฆ่าน้องชายตายคาห้องไปหรือยัง
            ขาสองข้างพาผมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของนาที เสียงตะคอก ตะโกนโวยวายดังภายในห้องทำให้รู้ได้เลยว่า ‘ทะเลาะ’ กันหนักมากแน่ๆ แต่อย่างน้อยถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมช่วยไอ้นาทีได้ผมก็อยากช่วยเพราะผมเป็นคนลากน้องหญิงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้
            ผมไม่ควรจะเพิกเฉย
            ‘ก๊อกๆ’
            มือของผมเคาะลงที่ประตูห้อง พยายามทำใจไม่ให้กลัวสิ่งที่จะต้องพบเจอ ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกโดยร่างบางคนหนึ่ง ใบหน้าเรียวสวยที่มีเค้าโครงของใครซักคนทำให้ผมชะงักไป
            “มาหาใคร?” น้ำเสียงเรียบออกจะติดห้วนๆถามขึ้น ใบหน้าเรียวบูดบึ้ง ผมมองผ่านเข้าไปในห้องก่อนจะสบตาเข้ากับนาทีที่ยืนอยู่ริมกำแพง นาทีวิ่งมาหาผมแต่ยังอยู่หลังผู้ชายร่างบางตรงหน้า คนที่เดินตามไอริสขึ้นรถเมื่อตอนที่อยู่หน้าโรงเรียน
            “ป่าน…” นาทีเรียกผม น้ำเสียงออกจะดีใจนิดๆที่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมยิ้มบางๆให้มัน เจ้าของร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้ามองหน้าผมกับไอ้นาทีสลับกันเล็กน้อยก่อนจะตะคอกออกมา
            “ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปซะ!!!!”
            “เดี๋ยวก่อน!!!” ผมดันประตูที่กำลังจะปิดลงเอาไว้ พยายามขย้อนคำพูดออกมาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าปิดประตูกระแทกหน้าอีกรอบ
            “ผมเป็นเพื่อนนาที…” แต่ก็พูดได้แค่นี้จริงๆ
            ร่างบางตรงหน้าชะงักไป นาทีมองผมนิ่งๆก่อนจะส่ายหน้า
            “ไม่ใช่…มันเป็นแฟนผม”
            “อะไรกันนักหนาวะ?!!!!” ไอริสตะคอกลั่นออกมาจากห้องพร้อมเดินตามมาสมทบ เมื่อร่างสูงนั่นเห็นผมก็ตกใจ ไอริสดึงแขนร่างบางที่จับประตูเอาไว้ให้เดินเข้าไปในห้องก่อนจะหันมาเรียกผม
            “เข้ามา”
            “ครับ”
            ผมเดินตามนาทีเข้ามาในห้องที่คาดหวังผิดไปหน่อย ครอบครัวนี้ดูมีสติกว่าที่ผมคิดเพราะข้าวของในห้องยังวางเรียบอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่โยนข้าวของใส่กันเหมือนลูกบ้านอื่นๆเวลาทะเลาะกัน
            “มึง…โอเคมั้ย” ผมถามไอ้นาทีพลางจับมือมันไว้ ร่างโปร่งส่ายหน้าก่อนจะนั่งลงที่โซฟาแล้วดึงผมให้นั่งลงไปด้วย ตรงกันข้ามมีไอริสกับผู้ชายหน้าหวานนั่งอยู่
            “หมอนี่เป็นแฟนแกเหรอหมา?” ร่างบางถามขึ้น นาทีหันมามองหน้าผมผมรู้ทันทีว่ามันต้องการให้ตอบว่าอะไร ผมพยักหน้าเล็กน้อย
            “ครับ”
            ร่างบางตรงหน้ามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเบะปากอย่างไร้มารยาท
            “จืดชืดชะมัด”
            “นารา อย่าเสียมารยาท” ไอริสดุคนข้างๆเล่นเอาร่างบางหน้าเบ้ด้วยความไม่พอใจ
            นารางั้นเหรอ ผมจำได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน
            “นี่นารา พี่ชายคนรอง” นาทีว่า ผมสะอึกแล้วรีบยกมือไหว้คนตรงหน้าแทบไม่ทัน
            ก็ว่าอยู่ว่าทำไมหน้าตาคล้ายกัน … พี่ชายนี่เอง
            “ฉันไม่อยากเป็นพี่ชายหมาโง่ๆแบบแก” พี่นาราว่าพลางกอดอกแล้วไขว่ห้าง ร่างบางขมวดคิ้ววุ่น ท่าทางเกรี้ยวกราดเริ่มปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ นาทีบีบมือผมแต่สายตาเมินออกไปนอกระเบียง
            “มีอะไรหรือเปล่าป่าน?” ไอริสเลือกที่จะถามผม ผมส่ายหน้าเบาๆ
            “ผมแค่อยากมาดูว่านาทียังโอเค…” ผมว่าก่อนจะมองหน้าคนข้างๆ นาทีหันมาสบตากับผมแล้วนิ่งไป ส่งผลให้นาราตวาดแว้ดขึ้นมา
            “ใครจะโอเค?!! โดนไล่ออกมาจะให้ทำหน้าระรื่นหรือไง! ถ้าพระกาฬมันไม่รับผิดแทน มันก็คงติดคุกหัวโต ลงข่าวหน้าหนึ่ง ไอริสก็คงกลายเป็นมือกลองขาลงดิ่งลงเหว!!! ฉันคงต้องอับอายขายหน้าจนไม่กล้าโผล่ไปที่มหาวิทยาลัย”
            “นารา!!!” ไอริสตะคอกร่างบางกลับ พี่นารานิ่งไปแล้วมีท่าทีฮึดฮัด เหมือนพี่ชายคนรองคนนี้จะกลัวพี่ใหญ่ของบ้านนะ ผมก็รู้สึกกลัวเหมือนกันเวลาที่ไอริสตะคอกน่ะ ดูมีพลังเกินไป
            “รู้เรื่องแล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องเล่าให้เสียเวลา ฉันกับนารามีนัดไปกินข้าวกับพวกพี่ๆที่ค่ายเพลง จะได้ฝากนายอบรมมันด้วย” ร่างสูงยืนขึ้นพร้อมกับกระชากแขนของน้องชายตัวเองขึ้น พี่นาราลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดมือก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
            ริมฝีปากสีสวยคลี่ยิ้มก่อนจะก้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม
            “จะเป็นแฟนนาทีน่ะ ต้องร้อนแรงกว่านี้ รู้มั้ย?”
            ผมนิ่งไป ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วกระซิบตอบกลับ
            “เหมือนพี่น่ะเหรอครับ?” พี่นาราชะงักไป ก่อนจะใช้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองผม ร่างบางยิ้มบางๆ มือเรียวแตะลงบนใบหน้าผมแผ่วเบาแล้วเดินตามไอริสที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป
            “ฝากนาทีด้วยนะป่าน ฉันอนุญาตให้นายสั่งสอนมันได้ ไอ้น้องชายไม่รักดี!”
            ไอริสว่าก่อนจะปิดประตูไปทันที ยังไม่ทันไรมือของนาทีก็สวมกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง ผมจับมือนั่นก่อนจะบิดจนร่างโปร่งร้องจ้าออกมา มือของนาทีตีเบาะโซฟาอย่างแรงเพื่อบ่งบอกว่าเจ็บจริงๆ แต่ใครใช้ให้ลามปามก่อนล่ะ
            “ไม่ได้ยินหรือไง พี่ชายมึงบอกให้กูสั่งสอนมึงได้”
            “โอ้ย เจ็บๆ” ผมปล่อยมือของนาทีออกก่อนจะหันกลับมานั่งขัดสมาธิแล้วมองใบหน้าคม
            “ตอกย้ำกันอยู่ได้” นาทีเบ้ปากแล้วอุ้มเจ้าหมาสีน้ำตาลที่ผมเก็บมาขึ้นมากอดเอาไว้
            “หญิงใช่มั้ย ใช่หญิงหรือเปล่าที่เป็นคนปล่อยเรื่องค้าประเวณีบ้าบออะไรนั่น” ผมถามขึ้น พยายามเค้นโดยการจ้องดวงตาสีเทาตรงหน้าที่นิ่งไป
            “ไม่อยากพูดถึง” นาทีว่าพลางดึงผมเข้าไปกอด ผมพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดแต่ไอ้นาทีมันกอดผมแน่นจนแทบจะรวมร่าง เดี๋ยวนี้อะไรๆก็กอด ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าขาดความอบอุ่นอะไรมากมายขนาดนั้น
            “อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกนะ มึงเป็นแฟนกูแล้ว”
            หา…
            แล้วนี่ผมไปตกลงเป็นแฟนมัน ตอนไหนวะ!!?







TBC
จากนี้ไปจะพยายามเอามาลงให้ทุกวันแล้วนะคะ ถ้าวันไหนลืมมาลงล่ะก็ เชิญทวงได้ตามสบายเบย T_T\
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep18] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-02-2014 23:07:32
เรื่องใหญ่เลย


หญิงแรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep18] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 17-02-2014 00:26:29
นาทีขาดความอบอุ่นหราาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep18] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-02-2014 15:03:02
หมั่นไส้ชะนี -*-
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep18] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 17-02-2014 23:41:37
 :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep19] 16/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 18-02-2014 18:48:54
19



 “ครับป๊า … ครับ สวัสดีครับ”
ร่างของนาทีเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อเสร็จ ผมมองตามเจ้าของห้องที่ขมวดคิ้วจนเป็นโบว์แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะกลัวจะโดนหาว่าไปยุ่งเรื่องของครอบครัว นาทีเดินมานั่งข้างๆผม
            “ป๊าบอกว่าจะเอาเรื่องกับทางโรงเรียนให้ถึงที่สุด”
            “!?”
            “ห้ามค้าน ค้านไปก็เปล่าประโยชน์” นาทีขัดผมไว้ก่อนที่ผมจะพูดออกไป ผมรูดซิบปากเก็บเงียบเหมือนเดิม ถึงน้องหญิงจะผิดจริงๆก็เถอะที่เป็นคนเอาเรื่องมั่วซั่วไปบอกพ่อเธอ แต่คุณพ่อของหญิงก็มีบุญคุณกับผมมาก
            คุณพ่อคงเสียใจถ้าโรงเรียนโดนปิด
            “แล้วนั่นจะไปไหน?” ผมถามเจ้าของห้องที่เดินไปหยิบเสื้อยีนส์สีซีดมาคลุมตัวเอาไว้ ขายาวๆกำลังจะก้าวออกเดินจากห้อง นาทีหันมาทำหน้าบึ้งใส่ผมแล้วเดินกลับเข้ามาลากผมให้ลุกขึ้นยืน
            “ไปหาป๊า”
            “กูต้องไปด้วยเหรอ?”
            “เออ”
 
            สนามประลองความเร็ว XFAC
            ผมมองป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ที่ข้างทางนอกตัวเมืองก่อนจะหันไปมองหน้าคนขับที่เหยียบคันเร่งรถจนขึ้นเลขร้อยสี่สิบ ผมกับนาทีออกจากคอนโดมาตั้งแต่ตอนหกโมงเย็น ตอนนี้ก็ฟ้ามืดแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงที่หมาย ทั้งๆที่ผมถามไอ้นาทีว่าเรากำลังจะไปไหน มันกลับไม่ตอบ สายตาจดจ้องไปที่ถนนอย่างเดียว
            “นาที … ถ้ามึงไม่บอกว่ากำลังจะไปไหนกูจะกระโดดออกไปจากรถจริงๆนะ” ผมหันไปขู่คนด้านข้าง นาทียิ้มมุมปากเหมือนกับว่าออกก็ออกไม่ได้เพราะมันล็อคประตูเอาไว้ ล็อคประตูก็ล็อคไปสิ ผมออกทางหน้าต่างได้ก็แล้วกัน
            นาทีนิ่งไปอีกครั้ง ไม่ตอบอะไรซักคำเหมือนเดิมตั้งแต่ขึ้นรถ ผมกดกระจกลงอย่างรวดเร็วแล้วทำท่าจะยื่นตัวออกไปนอกรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง มือของมันก็กระชากร่างผมกลับมาก่อนจะกดล็อคกระจก
            “บ้า” คนข้างๆกร่นด่าผมก่อนรถจะค่อยๆชะลอลง ผมหันไปมองด้านหน้า ป้ายมหึมาที่เห็นอยู่ไกลๆเมื่อกี้ ตอนนี้ได้มาอยู่ต่อหน้าผมแล้ว ผมมองป้ายสนามประลองความเร็วที่มีชื่อว่า XFAC ก่อนที่รถของนาทีจะผ่านรั้วเก่าๆที่ไร้การซ่อมแซมเข้าไป
            สนามประลองความเร็วที่เห็นกันตามโทรทัศน์หรือการแข่งขันรถความเร็วสูงปรากฏอยู่ตรงหน้า มันอยู่ด้านล่างเนินเขาลงไป มีแสงไฟส่องสว่างและมีผู้คนกำลังฝึกซ้อมการแข่งรถอยู่ตรงนั้น รถของนาทีไม่ได้จอดลงที่หน้าสนาม แต่กลับทะลุผ่านทุ่งหญ้าไปด้านหลัง
            ไม่นานนักก็เผยให้เห็นอีกสนามหนึ่งที่มีเพียงแค่ไฟสีส้มๆจากสปอร์ตไลท์ส่องทาง เต้นท์สีขาวและตู้คอนเทนเนอร์ถูกนำมาจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบราวกับว่าเป็นสนามแข่งอีกแห่ง ผู้คนมากมายยืนอยู่รอบๆและเดินผ่านกันไปมาราวกับเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ขนาดใหญ่
            “สนามวิบาก” ไอ้นาทีว่า ก่อนจะขับรถไปจอดที่ลานจอดรถที่มีแต่ดินแดงๆเต็มไปหมด น่าแปลก ที่รถด้านในบริเวณนี้เยอะมากกว่ารถที่จอดดูการซ้อมที่สนามจริงด้านนอกเสียอีก
            “ไปรอตรงนู้นนะ เดี๋ยวคุยกับป๊าเสร็จแล้วจะไปหา” นิ้วเรียวของนาทีชี้ไปที่อัฒจรรย์โล่งๆสีดำที่ตั้งอยู่ข้างสนาม มีเพียงไม่กี่คนที่นั่งจองพื้นที่บนนั้นเพราะส่วนมากจะลงมาเชียร์กันติดขอบสนามมากกว่า
            “อืม”
            ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกกับนาที ร่างโปร่งตรงไปที่เต้นท์สีขาวซึ่งถ้าให้ผมเดาพ่อของนาทีคงอยู่ด้านในนั้น ผมถอนหายใจก่อนจะลากสังขารของตัวเองไปนั่งบนชั้นที่สองถัดจากด้านบนสุด
            พอขึ้นมายืนอยู่ด้านบนนี่แล้ว รู้เลยว่าสนามนี่มัน … อันตรายเป็นบ้า
            รอบบริเวณเป็นดินสีแดงหมด ซึ่งดินประเภทนี้จะส่งผลให้รถลื่นมากกว่าปกติ ไม่มีหินขรุขระหรือก้อนหินใหญ่ๆขวางทาง พื้นเรียบราวกับโดนเกลี่ยมาแล้วหลายรอบพอที่จะใช้รถราคาหลักล้านแข่งได้อย่างสบายยกเว้นก็แต่ยากที่จะทำความสะอาด เนินหลายขนาดถูกขยายให้กว้างเพื่อลดการกระแทกของรถราคาแพงพวกนั้น
            และที่น่ากลัวที่สุด … ทางที่หลุดพ้นจากสปอร์ตไลท์ไปนั่น มันมืดซะจนมองไม่เห็นทางเลย ราวกับว่าผู้แข่งต้องจำลายสนามเอาเองอย่างไงอย่างงั้น
             ถ้าแหกโค้งไปนี่ ไม่ต้องนับศพกันเลยล่ะมั้ง
            ผมนั่งลงนิ่งๆพลางมองไปทั่วสนามแข่งที่คล้ายกับจะเป็นสนามเถื่อน มันไกลจากถนนใหญ่มากโขเลยทำให้มองไม่เห็นอะไรถ้าอยู่บนถนนใหญ่ สนามนี่สามารถหลบพวกตำรวจได้ง่ายๆ หรือไม่ก็ … พวกเดียวกัน จ่ายเงินยัดไปมากหน่อยก็พอให้สนามนี้อยู่รอด
            “มาใหม่เหรอ?” ผู้ชายร่างสูงท่าทางเหมือนพวกฮิปปี้เดินมานั่งลงด้านหน้าผมถัดจากผมลงไปขั้นหนึ่ง ผมมองเขานิ่งๆ เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ แขนยาวๆนั่นพาดไว้ที่อัฒจรรย์ขั้นบนก่อนสายตาจะสอดส่องไปที่สนาม
            “เปล่า มาส่งเพื่อน” ผมว่า เขาพยักหน้ารับเล็กน้อย
            “แล้วเพื่อนล่ะ?”
            “อยู่ในเต้นท์”
            “อ่อ” คนตรงหน้าร้องอ๋อออกมาก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโฟกัสที่เต้นท์สีขาวแทน
            “พวกคนรวย” เขาว่าก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วหันมาหาผม
            “นั่งอยู่บนนี้มันน่าเบื่อ ท่าทางเพื่อนนายจะคุยอีกนาน ไม่ลงไปหาอะไรทำเล่นพลางๆก่อนล่ะ?” ผมมองร่างหนาตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบพลางมองเลยไปที่เต้นท์สีขาว จะว่าไปไอ้นาทีมันก็ต้องคุยเรื่องสำคัญกับพ่อ คงไม่คุยกันคำสองคำแล้วเข้าใจหรอกมั้ง น่าจะใช้เวลาพอสมควร
            ก็ไม่เห็นจะน่าเบื่อตรงไหนถ้าได้ลงไปหาอะไรทำด้านล่างนั่น
            “นำไปเลย”
            ผมว่า คนตรงหน้ายิ้มออกมาก่อนจะหยิบแว่นตากันแดดสีดำขึ้นมาสวม หลายคนอาจจะหาว่าเขาบ้าเพราะนี่มันเวลากลางคืน แต่สำหรับผม อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ชีวิตคนเราไม่ได้ยาวยืดเป็นพันปีหรอกนะ
            “ฉันชื่อ แวนดิล นายล่ะ” เมื่อลงมาจากอัฒจรรย์ เจ้าของร่างสูงก็ถามขึ้น ที่ผมเรียกเขาว่าร่างสูงก็คงจะเป็นเพราะความสูงที่เกินจริงของเขาล่ะมั้ง อย่างกับพวกนักบาส NBA อย่างไงอย่างงั้น
            “ป่าน”
            “ยินดีที่ได้รู้จัก” มือหนายื่นมาตรงหน้าผม ผมจับตอบแล้วเช็คแฮนด์ตามมารยาทก่อนจะเดินตามร่างตรงหน้าไป
            “ให้นำทัวร์มั้ย?” แวนดิลถามขึ้น ผมมองเขานิ่งๆ
            “อย่าทำให้มันน่าเบื่อก็แล้วกัน”
            ร่างตรงหน้ายิ้มออกมานิดๆ
            “ครับคุณหนู”
            คุณหนูพ่อง ผมก็สามัญชนคนธรรมดาเนี่ยแหละ ไอ้คุณหนูอยู่ในเต้นท์นู่น ไม่รู้ป่านนี้โดนพ่อตบคอหลุดจากบ่าไปแล้วหรือยัง
            ผมเดินตามแวนดิลมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่จุดที่มีคนชุมมากที่สุด เสียงเพลงดังกระหึ่มไม่ต้องบอกว่าตรงนี้คือบริเวณไหน แค่เห็นสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่เต้นอยู่บนหลังคารถพร้อมกับเสื้อผ้าเปียกๆที่แนบไปกับบิกินี่สีสดนั่นก็พอรู้แล้วว่าทำไมคนถึงเยอะ
            โคโยตี้
            ไม่สิ ดูไฮโซเกินไป
            “วู้ววว!” เครื่องฉีดฟองทำหน้าที่ของมันได้ดี ผมที่อยู่ห่างจากบริเวณนั้นนิดหน่อยเผลอกระถดถอยหลังเพราะไม่อยากจะเปียก เพิ่งจะหายไข้มาหมาดๆ คงไม่ดีที่จะไปทำตัวให้ตายเร็วอีก
            “อ้าว ไม่เข้ามาเหรอ” แวนดิลกวักมือเรียกผมให้เข้าไปในกลุ่มคนที่ตอนนี้เปียกชุ่มด้วยฟองสบู่ ผมส่ายหน้า
            “เชิญคุณเถอะ”
            “มาเหอะน่า สนุกกัน” ก่อนที่เขาจะมาลากผมเข้าไปในฝูงชนโดยไม่ถามความสมัครใจของผมแม้แต่นิด เสียงเพลงดังๆพร้อมกับคนรอบข้างที่เต้นกัน แวนดิลทำหน้าที่ชักชวนให้ผมเต้น มือหนาเกาะเกี่ยวร่างกายผมอย่างไร้มารยาท ถ้าไม่ติดที่ว่าคนเบียดกันจนเป็นปลากระป๋อง ผมจะต่อยให้แม่งหน้าหัน
            “อย่าทำหน้าบูดสิคุณหนู สนุกให้เต็มที่ ของแบบนี้หาไม่ได้บ่อยๆนะ” ร่างสูงว่า เสื้อของเขาเปียกแฉะไปทั้งตัวแต่ตัวผมยังไม่แฉะขนาดเขา ผมที่ลู่ลงมาบนใบหน้านั่นเผยให้เห็นโครงหน้าที่เรียกได้ว่า
            ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
            ถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อชิบหาไม่เจอคนหนึ่งเหมือนกัน
            “ผมไม่ได้ชื่อคุณหนู ไม่ต้องเรียกอะไรขนาดนั้น” ผมว่าก่อนจะกระเถิบตัวหลีกกลุ่มวัยรุ่นที่เบียดกันเข้ามา ตอนนี้ผมกับแวนดิลแทบจะไหลไปอยู่ใกล้ๆกับสาวๆไฮโซเปียกน้ำพวกนั้นแล้ว
            “โอเคๆ งั้นป่านครับ เต้นหน่อยสิ คนอื่นมองกันหมดแล้วนะ” คนตรงหน้าว่า ผมหันไปมองรอบๆกาย
            ก็เหมือนพวกฝูงชนเวลาที่ทำอะไรแล้วใครคนหนึ่งไม่ทำมันก็จะเป็นจุดสนใจ
            เพลงแม่งก็ร็อคเกิน เสียงจะดังไปไหนวะ
            “หืม ว่าไงครับป่าน?” ร่างสูงถาม แวนดิลกระเถิบตัวมาชิดผม ผมผลักเขาออกเล็กน้อย
            “เต้นก็เต้น”
            ผมเริ่มโยกหัวและตัวไปตามจังหวะ ปกติก็ไม่ใช่คนเต้นเป็นอะไรขนาดนั้น แต่พอเห็นคนอื่นเต้นชีวิตแม่งก็เริ่มจะรู้สึกร็อคแปลกๆ แวนดิลก็ทำหน้าที่ชักจูงได้ดีเหลือ มันสอนผมเต้น จากน่าเบื่อ กลายเป็นสนุกขึ้นมาเมื่อหลายๆคนเริ่มโห่ร้องและเปิดฟลอร์เล็กๆ เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดสนุกสนาน
            ผมลืมทุกอย่างไปหมด เพราะไม่ค่อยได้สนุกเต็มที่แบบนี้เลยซักครั้ง
            “ยกมือขึ้นแบบนี้ แล้วก็เอวน่ะ แข็งเป็นท่อนไม้เลย!” แวนดิลยกมือของผมให้ชูขึ้น ผมบอกแล้วไงว่าไอ้เวรนี่กลายเป็นครูสอนเต้นผมเฉยเลย ไอ้ผมก็บ้าจี้เชื่อ เต้นตามมันทุกสเต็ป
            “เอวน่ะเอว” มือหนาแตะลงบนเอวของผม ผมยกมือจะต่อยคนตรงหน้าแต่เขาคว้าหมัดผมไว้ได้ ใครใช้ให้มายุ่มย่ามกับร่างกายกูหา!
            “ไม่ต้องยุ่งน่า!”
            “กลัวหรือไงครับ?” คนตรงหน้าโพล่งขึ้น ผมแทบจะถ่มน้ำลายใส่
            “ใครบอกกลัว?”
            “งั้นก็บิดเอวหน่อย เต้นแบบนั้นเอวเคล็ดพอดี” แวนดิลว่า ผมเลิกใส่ใจเขาแล้วสนใจแต่เสียงเพลง เบียร์หลายกระป๋องถูกส่งต่อๆกันมาเรื่อยๆ หลายๆคนได้รับมันแล้วเปิดกระป๋องกระดกอย่างสะใจ
            รวมถึงผมคนหนึ่ง
            สนุกเป็นบ้า!
            “เต้นด้วยกันนะ” ร่างสูงตรงหน้าเดินเข้ามาก่อนจะใช้มือจับไหล่ของผมเอาไว้ ผมไม่รู้เรื่องว่ามือใครเป็นมือใครเพราะคนมันเยอะจนเบียดกันไปหมด
            “ให้ตายเหอะ ขาวเป็นบ้า” จนกระทั่งได้ยินเสียงซุบซิบของคนบางกลุ่มที่ดังขึ้น ก่อนจะพบว่าตัวเองออกมายืนตรงกลางฟลอร์แล้ว กลุ่มวัยรุ่นเปิดทางเป็นวงกลม สาวๆไฮโซพวกนั้นยังคงเต้นอยู่บนหลังคารถ น้ำจากสายยางถูกฉีดจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
            มีเพียงผมกับแวนดิลที่ยืนอยู่ตรงกลาง
            ให้ตายเหอะ! ผมออกมายืนตรงนี้ได้ไง!?
            ผมตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไปในฝูงชนพร้อมกับกระป๋องเบียร์ที่ยังคาอยู่ที่มือ แต่ไม่ทันไรร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากกลับไป ผมถูกโยนลงที่ฝากระโปรงรถสปอร์ตสีดำที่มีผู้หญิงเต้นอยู่บนหลังคารถ ก่อนร่างของแวนดิลจะตามเข้ามาทาบทับไว้อย่างรวดเร็ว!
            “เฮ้ย!!”
            “วิ้วววว!” เสียงผิวปากพร้อมกับเสียงโห่ร้องดังไปทั่วบริเวณ ผมใช้มือดันอกแกร่งของแวนดิลที่ผมกำลังจะใช้สรรพนามขึ้นว่า ‘ไอ้’ ให้กับคนแปลกหน้าคนนี้ แต่มือทั้งสองข้างกลับถูกรวบขึ้นไปเหนือหัวด้วยมือหนาเพียงข้างเดียวของคนตรงหน้า
            “มึงทำอะไรวะ!?”
            “โชว์ไง คนชอบโชว์รู้มั้ย!?”
            “ไอ้…!” ริมฝีปากที่น่ารังเกียจถูกกดลงบนริมฝีปากผมพร้อมกับลิ้นร้อนๆที่กวาดเข้ามาในโพรงปาก ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดผลักไอ้เวรนี่ออกไป คนรอบๆโห่ร้องกันอย่างสนุกโดยที่ไม่สนใจเลยว่าผมกำลังถูกลวนลาม ก็เพราะว่าเพลงมันดังจนเกินไปทำให้ไม่ได้ยินเสียงขัดขืนของผมยังไงล่ะ!
ไม่ทันไรผมก็ผลักมันออกได้ มือยกฟาดไปเพื่อชกใบหน้าของไอ้สารเลวตรงหน้าแต่มันกลับคว้าเอาไว้แล้วพลิกตัวผมให้หันหลังให้มันก่อนจะผลักผมกระแทกลงไปที่ฝากระโปรงรถอีกครั้งอย่างแรง! ใบหน้าผมแทบจะฟาดกับเหล็กราคาแพงนั่น โชคดีที่ผมหันข้างทันไม่งั้นจมูกยุบไปแล้ว!
            “ไอ้เวร ปล่อยกูนะ!”
            “ไม่เห็นหรือไงป่าน ว่าคนชอบน่ะ” ร่างหนาตามเข้ามาทาบทับเอาไว้ สัมผัสที่ขนลุกประดังขึ้นมา ริมฝีปากและลิ้นร้อนลากลงที่ลำคอของผม ผมกัดริมฝีปากและพยายามดิ้นแต่มือหนาก็จับมือผมทาบลงไปที่ฝากระโปรงรถนั่น
            “ปล่อย! ปล่อยสิวะ!”
            “อย่าร้องสิคุณหนู” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผม ผมกำหมัดแน่น
            “บอกให้ปล่อย!”
            “ไอ้แวนดิล!”
เสียงทุ้มของใครซักคนดังขึ้นพร้อมกับร่างของไอ้แวนดิลที่ลอยออกไป ผมยันตัวเองขึ้นมายืนแล้วนั่งพิงฝากระโปรงรถมองเจ้าของร่างโปร่งภายใต้เสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนส์ที่เข้ามาใหม่ ด้านหลังนั่นคุ้นราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมา ผมหอบหายใจโกยเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะชะงักไปเมื่อสบสายตากับใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เสียงเพลงเงียบลงไปพร้อมกับสายยางฉีดน้ำที่ถูกปิดลง คนค่อยๆทยอยออกไปเมื่อเห็นว่ากำลังเกิดเรื่องขึ้น
            ดวงตาสีเทาที่ผมหลงใหลมองผมด้วยความผิดหวังปนเจ็บปวด นาทีเม้มริมฝีปากแน่นราวกับโมโหในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนมันจะเดินหันหลังตรงไปที่สนามแข่งรถโดยไม่หันกลับมามองผมอีกเลย…
            ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ … ผมกำลังจะโดนไอ้หมอนั่นข่มขืนด้วยซ้ำ… แล้วทำไม…
            “มึงทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างมั้ย!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของไอ้แวนดิลก่อนร่างสูงๆของมันจะร่วงไปกองที่พื้น เจ้าของหมัดที่ส่งร่างของแวนดิลลงไปจูบพื้นดินหันมามองหน้าผม ผมชะงักไปพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
            “พระกาฬ”
            พระกาฬเดินปราดเข้ามาหาผมก่อนจะบีบไหล่ผมแน่น
            “รู้ตัวมั้ยว่าตัวน่าสมเพชขนาดไหน! สภาพอย่างกับไปล่อใครมา!”
            ผมเบิกตากว้าง ไม่นึกเลยว่าคนตรงหน้าจะดูถูกคนได้เก่งขนาดนี้
            “ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ! กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! ทำไมมึงถึงดูถูกกูแบบนี้ หน้าตากูเหมือนคนที่ยอมแบให้ใครง่ายๆหรือไง!” ผมตะคอกร่างตรงหน้ากลับ พระกาฬชะงักไป ผมดิ้นสุดแรงให้หลุดจากมือที่จับไหล่ผมเอาไว้แต่พระกาฬก็ยังจับมันไว้แน่น ผมเลิกดิ้นแล้วมองหน้ามัน จ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทนั่น
            “กูไม่ได้ล่อใคร มันจะข่มขืนกู ทีนี้ปล่อยกูได้หรือยัง” ผมมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาที่ไร้แววตาเป็นมิตรอีกต่อไป   
            พระกาฬมีสีหน้าสำนึกผิดลงอย่างเห็นได้ชัด ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด มือหนาค่อยๆคลายออกจากร่างผมนิดๆ ผมสะบัดตัวออกแล้วเดินไปด้านหน้า ก่อนเสียงล้อที่เสียดสีไปกับถนนจะดังขึ้นจนเรียกความสนใจจากผู้คนไปจนหมด ผมมองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างสนาม เขาสวมชุดสีดำที่เขียนไว้ว่า
            ‘STAFF’
            เขาร้องตะโกนออกมาเสียงดัง แต่สิ่งที่ผมจับใจความได้มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
            “คุณนาทีขับรถออกไปครับ ยางล้อยังหมุนไม่แน่นเลยครับ!”
            นาที...!
            ผมมองอะไรไม่เห็นนอกจากกลุ่มคนที่พยายามจะเบียดกันไปกรูที่ริมสนาม ผมวิ่งฝ่าฝูงคนไปที่อัฒจรรย์ก่อนจะปีนขึ้นไปยังชั้นบนสุด รถเคลื่อนออกไปจากบริเวณที่ไฟสปอร์ตไลท์ส่องแล้วส่งผลให้เห็นเพียงแค่ไฟหน้ารถที่เปิดอยู่กับทางด้านหน้าที่ไฟส่องไป รถที่นาทีขับไปพุ่งตรงไปด้านหน้าด้วยความเร็ว
            ใจผมแทบจะหลุดออกมาจากอกเมื่อรถของนาทีเริ่มจะส่าย เสียงร้องดังระงมไปทั่วสนามพร้อมกับร่างของชายวัยกลางคนที่วิ่งผลุนผลันออกมาจากเต้นท์สีขาว เดาจากการที่เขาให้คนขับรถตามนาทีไปแล้ว เขาคนนั้นคงเป็นพ่อของนาที พลันคำพูดของสต๊าฟคนนั้นก็แทรกขึ้นมาในโสตประสาท
            ยางล้อยังหมุนไม่แน่นเลยครับ
            นาที … ขอร้องล่ะ
            ขอร้อง
            อย่าเป็นอะไรนะ
            ‘เอี๊ยดดด!!!’
            รถของนาทีเบรกอย่างแรงจนไฟลุกที่ล้อด้านหลัง ผมเบิกตากว้างแล้วมองภาพนั้นไม่กระพริบตา ใจเต้นรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอก ความรู้สึกอีกอย่างก็เหมือนกับเข็มนับล้านแทงลงมาที่ร่างกาย เสียงดังระงมเกิดขึ้นเพราะตัวเหล็กรถไถลไปกับพื้น เดาไม่ออกเลยว่าคนข้างในจะเป็นอย่างไร ผมกำมือสองข้างเข้าหากันแน่น
            ขอร้องล่ะ อย่าเป็นอะไรนะ
            อย่านะ
            กู ...
            กู ...

            "กูรักมึงนะ ... ที"
            ‘เอี๊ยดด!!’ เสียงรถเบรกดังลั่นขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรถที่หยุดลงกับที่ ผมหลับตาเมื่อภาพตรงหน้ามันน่ากลัวเกินจะทน แต่เมื่อเสียงเงียบลง ราวกับว่าใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผมเบิกตากว้างแล้วรีบวิ่งลงจากอัฒจรรย์ตามรถคันอื่นๆที่วิ่งตามไปก่อนหน้า
            “ป่าน!”
            พระกาฬพยายามจะจับตัวผมเอาไว้แต่ผมหลบทัน ผมวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งตรงไปที่รถของนาที น้ำตาพลันจะไหลออกมาให้ได้แต่ผมต้องเข้มแข็ง แม้รองเท้าจะหนักเพราะน้ำแต่ผมก็ต้องวิ่ง
            แต่โชคไม่เข้าข้างเลย
            ผมสะดุดล้มกับขาของตัวเองก่อนร่างจะกระแทกกับพื้นดินสีแดงนั่น เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปหมด ผมพยุงตัวเองขึ้นมาก่อนจะวิ่งอีกครั้ง วิ่งไปตามที่หัวใจผมสั่ง วิ่งไปทั้งๆที่ร่างกายอ่อนล้าจะแย่
            อีกไม่ไกลแล้ว ไฟรถส่องอยู่ตรงหน้านั่น
            ผมวิ่งจนกระทั่งเห็นร่างของนาทีที่เปิดประตูรถคันที่ไฟลุกล้อหลังนั่นลงมา เลือดที่บริเวณหัวไหล่บ่งบอกว่ามันบาดเจ็บ พวกสต๊าฟใช้ที่ดับเพลิงฉีดดับไฟจนควันฟุ้งไปหมด ร่างของนาทีคุกเข่าลงที่พื้นตรงกลางที่มีไฟหน้ารถสามคันส่องอยู่ สต๊าฟจะเข้าไปปฐมพยาบาลมันแต่ผมที่วิ่งจนขาแทบจะหักกลับตะโกนขึ้น
            “นาที!”
            “ป่าน…”
            ใบหน้านิ่งเฉยนั่นเงยขึ้นมามองผมก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เสียงเรียกชื่อผมเปล่งออกมาเบาๆจากริมฝีปากสีซีดนั่น ทุกชีวิตที่กำลังวุ่นวายอยู่ชะงักไป ผมวิ่งผ่านรถสามคันเข้าไปก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของนาที
            ‘ผลั่วะ!!!!’
            ผมชกหน้าไอ้นาทีอย่างแรงจนเดือดร้อนให้พวกสต๊าฟต้องมาดึงตัวผมออกแต่นาทีตะโกนห้ามเอาไว้ไม่ให้เข้ามายุ่ง ผมตะโกนด่าคนตรงหน้าด้วยความใจหายพลางวิ่งไปผลักร่างของมันให้นอนลงที่พื้นแล้วประเคนหมัดชกลงไปที่ใบหน้านั่นอีกครั้งและอีกครั้ง นาทีนิ่งเงียบไม่พูดอะไรปล่อยให้ผมชกอยู่แบบนั้น น้ำตาผมไหลออกมาจนหยุดไม่อยู่ ดีใจ ตกใจ ใจหายและโล่งใจปะปนกันไป
            “ไอ้บ้า ไอ้บ้า! ไอ้เวรเอ้ย!” ผมตีไอ้นาทีแรงจนมันร้องออกมาก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากสีซีดนั่น นาทีเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ มือของมันจับเอวของผมเอาไว้ก่อนมืออีกข้างจะกดท้ายทอยของผมแล้วจูบตอบกลับมา ผมถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำตาหยดลงบนใบหน้าของนาทีที่นอนอยู่ใต้ร่างของผม
            “อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าทำแบบนี้อีก!”
            ผมกลัวเหลือเกิน กลัวที่จะเสียคนตรงหน้านี้ไป
            “อย่าทำแบบนี้อีกนะ กูขอร้อง”
            "กูเป็นห่วงรู้มั้ยไอ้บ้าเอ้ย!"







TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep19] 18/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-02-2014 19:02:22
สนามนี่เถื่อนจริงๆ
นาทีก็นะ พาป่านมาปล่อยไว้ไง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep19] 18/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-02-2014 20:31:29
รักกันฮาร์ดคอร์มาก
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep19] 18/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-02-2014 09:08:37
ดุเดือดกันจริงๆ คู่นี้

รักกันจริงๆแล้วใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 19-02-2014 16:27:35
20
           


            ผมกับนาทีเข้ามานั่งอยู่ในเต้นท์สีขาวหลังจากที่ถูกนำตัวขึ้นรถกลับมา นาทีถอดเสื้อของมันแล้วคลุมร่างกายที่เปียกแฉะของผมเอาไว้ ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้นาทีฟังในรถว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้นกับผู้ชายที่ชื่อแวนดิล ไอ้เวรนั่นพยายามจะลวนลามผม นาทีเลยมีท่าทีอ่อนลง
พยาบาลชายกำลังทำแผลที่ไหล่ของนาทีอยู่ ภายในเต้นท์เงียบกริบแม้จะมีผู้คนอยู่เกือบสิบคน เกินกว่าครึ่งของคนด้านในนั้นเป็นชายชุดดำที่เรียกว่า บอดี้การ์ด
            ด้านหน้าของผมคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีเทา ดูท่าทางภูมิฐาน หน้าตาของนาทีเรียกได้เลยว่าถอดแบบออกมาจากคุณพ่อชัดๆ แม้จะอายุมากแล้ว แต่สง่าราศีไม่ได้ลดลงไปเลย
            “ขอเหตุผลดีๆซักข้อที่ทำให้แกโง่ถึงขนาดเอาตัวเองไปตาย” คุณพ่อของนาทีเกริ่นขึ้นมาเสียงเรียบ ขนแขนผมลุกซู่ไปหมด ให้ความรู้เหมือนกับว่ามีไอริสสามคนในคนๆเดียว
            น่าเกรงขามชะมัด!
            นาทีเงียบไป ไม่ตอบคำถามของคุณพ่อ คุณพ่อจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาผมแทน
            “แล้วเราล่ะ เป็นเพื่อนเจ้าทีเหรอ?”
            “ไม่ใช่ นี่แฟนผม” เป็นไอ้นาทีที่พูดขัดขึ้นมาก่อน คุณพ่อขมวดคิ้วและมีท่าทีตกใจแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ดวงตาสีเทาอ่อนที่เหมือนกับลูกชายปราดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่สงสัยเลยว่าพี่นาราได้มาจากใคร
            “รักหรือว่าควงเล่น” คุณพ่อถามขึ้น ผมสะอึกไป
            ตรงเป็นบ้าเลยผู้ชายคนนี้
            นาทีหันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปตอบคำถามคุณพ่อของมันอย่างมั่นใจ
            “รัก”
            คุณพ่อนิ่งไปแล้วกวักมือเรียกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้าไปหา เขากระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ท่าทางของนาทีเปลี่ยนไป จากที่ผมกับมันนั่งห่างกันในระยะหนึ่ง นาทีกระเถิบตัวเข้ามาชิดผมแล้วโอบเอวผมเอาไว้อย่างหวงแหน
            บอดี้การ์ดชุดดำเดินออกไปนอกเต้นท์ เสียงหัวใจผมเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อใครบางคนถูกพาตัวเข้ามาในเต้นท์ คนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้า
            นาทีมองร่างของเพื่อนมันนิ่งๆ พระกาฬเดินเข้าไปหาคุณพ่อก่อนที่คุณพ่อจะซุบซิบอะไรบางอย่าง
            ผมชักมีลางสังหรณ์ทะแม่งๆ แต่ยังไม่ทันไรลางสังหรณ์นั่นก็กลายเป็นความจริง พระกาฬเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะกระชากร่างผมออกจากนาทีแล้วกอดผมไว้จากด้านหลัง แรงมหาศาลนั่นทำให้ผมดิ้นไม่หลุด เสียงโวยวายจากนาทีดังขึ้นแต่พ่อของนาทีก็ประกาศกร้าวเสียงดัง จนลูกชายของเขาต้องนั่งลงกับที่
            “ถ้าไม่อยากให้แฟนแกเจ็บตัว บอกมาทั้งหมดว่าที่เกิดขึ้นนี่มันเรื่องอะไร!?”
            นาทีขมวดคิ้ว ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ดวงตาสีเทาหันมามองผมนิ่งๆ ท่าทีลุกลนนั่นทำให้พ่อของนาทีเริ่มสังเกตความผิดปกติของลูกชาย
            “เป็นอะไรของแกอีก?”
            “โว้ย! ไอ้กาฬปล่อยป่านเดี๋ยวนี้เลย!” ไอ้นาทีลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะตรงเข้ามาหาผมและพระกาฬ บอดี้การ์ดปราดเข้ามารั้งร่างไอ้นาทีเอาไว้ไม่ให้เข้ามาหาผม ร่างโปร่งนั่นพยายามผลักคนรอบกายออกไปเพื่อที่จะมาเอาตัวผมกลับไป
            “กูขอโทษ ไอ้ที…” พระกาฬว่า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันทำหน้ายังไงแต่ก็พอจะรู้ได้จากคำพูดของพ่อของนาทีนั่นแหละ
            “แกเงียบแล้วนั่งลงนิ่งๆซะ! ฉันเป็นคนบอกให้กาฬจับแฟนแกเอาไว้เอง!”
            “แทนที่พ่อจะเลิกสั่งผมแล้วหันไปสั่งบอดี้การ์ดของพ่อให้เลิกจ้องแฟนผมด้วยสายตาลวนลามแบบนั้นซักที ผมไม่ชอบ!” นาทีตะคอกลั่น คุณพ่อชะงักไปเล็กน้อย พอๆกับบอดี้การ์ดที่สะดุ้งกันระนาว คุณพ่อของนาทีหันไปทำสายตาโหดๆใส่เหล่าบอดี้การ์ด ก่อนจะไล่พวกเขาออกไป
            หลงเหลือแต่พวกผมสามคนและผู้ใหญ่ผู้น่าเกรงขามหนึ่งคน
            “ทีนี้จะนั่งลงแล้วเล่าให้ฟังได้หรือยัง?” คุณพ่อพยายามใช้น้ำเสียงนิ่งๆเข้าข่มไฟที่กำลังประทุของลูกชาย ผมพยักหน้าบอกให้นาทีมันนั่งลง
            “ผมโดนไล่ออกเพราะถูกใส่ร้าย ไม่ได้ค้าประเวณี ผมแค่นัดบอดเพื่อหาคนที่ถูกใจ แล้วอาเฮียก็เป็นคนช่วยหาให้ ถ้าเขาอยากนอนกับผมผมก็แค่สนอง แค่นั้นแหละ” นาทีว่า แต่คุณพ่อยังคงไม่ละสายตาไปไหน
            “แค่นั้น…?”
            “ใช่ แค่นั้น ปล่อยแฟนผมได้ยัง?” นาทีพูดจาห้วนๆใส่พ่อ ผมได้ยินแล้วยังรู้สึกแปลกๆ
            “แกเลิกทำเหมือนฉันเป็นพี่ชายของแกซักทีไอ้ที ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
            “ก็ผมเล่าแล้ว ปล่อยแฟนผมซักที!”
            “แล้วผู้หญิงที่ชื่อหญิงมาเกี่ยวข้องอะไรกับแก!?” เสียงตะคอกลั่นของคุณพ่อทำให้ภายในเต้นท์เงียบสนิท นาทีเบิกตากว้างพลางหันมามองหน้าผมที่ช็อคไปพอๆกัน
            คุณพ่อ … รู้ได้ยังไง
            “พ่อไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
            คุณพ่อของนาทีถอนหายใจพลางหันหน้ามามองผม เลยไปด้านหลังที่มีร่างของอีกคนล็อคแขนของผมเอาไว้ แค่นั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่าใครกันที่ปากสว่าง
            “ไอ้กาฬ…” นาทีกัดฟันกรอดแล้วมองเพื่อนของมัน ไอ้กาฬบอกงั้นเหรอ ... ไอ้เวรเอ้ย
            “พ่อบังคับให้พระกาฬมันพูดเอง แกอย่าไปโทษอะไรเพื่อน บอกพ่อมาว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเรา พ่อของเธอถึงได้จ้องเล่นงานแกกับเพื่อนขนาดนี้”
            ดูเหมือนคุณพ่อจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ ผมกัดริมฝีปากจนเจ็บแสบไปหมดพยายามวอนขอคนตรงหน้าผ่านทางสายตาว่าให้โกหกเรื่องน้องหญิงไป แต่เหมือนจะไม่พ้นสายตาของคุณพ่อไปได้
            “กาฬ …” คุณพ่อเรียกคนด้านหลังของผม ก่อนจะหันไปมองหน้านาทีที่มีท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
            “ครับพ่อ”
            “ถ้าฉันจะขอให้แกจูบแฟนไอ้ทีต่อหน้ามันจะได้ไหม?”
            ว่าไงนะ!
            “พ่อ!” นาทีท้วงทันทีที่คุณพ่อพูดออกมาแบบนั้น ผมชะงักไปแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
            คุณพ่อของนาทีดูเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อง้างปากของลูกชายตัวเอง
            และผมก็เป็นแค่คนนอก ไม่แปลกเลยที่เขาจะใช้ผมเป็นเหยื่อล่อ
            “ถ้าแกไม่ยอมบอก ฉันจะให้เพื่อนแกเล่นหนังสดกับแฟนแกตรงนี้ จะได้รู้ซึ้งไง” คุณพ่อว่าเสียงเรียบ ผมช็อคค้างไปแล้ว ทำไมคุณพ่อถึง … โหดร้ายแบบนี้วะ!
            “พ่อทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” นาทีแหกปากลั่นพยายามจะเข้ามาหาผม คุณพ่อพูดขัดไว้ก่อน
            “ถ้าแกขยับตัว ฉันไม่รับประกันนะว่าแฟนแกจะปลอดภัยหรือเปล่า จัดการเดี๋ยวนี้พระกาฬ” คุณพ่อสั่งขึ้น พระกาฬพลิกร่างผมกลับไปหาก่อนดวงตาสีดำสนิทนั่นจะจ้องมองใบหน้าผม ผมรู้ว่าพระกาฬยอมทำตามคำสั่งของคุณพ่อของนาทีแน่ๆเพราะดูแล้วคุณพ่อของนาทีน่าจะช่วยเหลือมันเอาไว้มากโขเลยขัดคำสั่งไม่ได้ ผมพยายามผลักร่างของมันออกแต่เพราะมือหนาที่แบบแน่นจนแทบจะฝังไปกับร่างทำให้ต้องสะบัดหลีกหนีเพียงอย่างเดียว
            “ไอ้กาฬ! อย่ายุ่งกับป่าน!”
            “บอกความจริงไปสิวะไอ้ที!” เป็นพระกาฬที่ตะโกนออกมาดังลั่นจนนาทีนิ่งเงียบไป ผมหันไปสบตากับนาทีเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ผมยอมโดนจูบดีกว่าทำให้พ่อของหญิงเดือดร้อนเพราะรู้ว่าพ่อของนาทีจะต้องไม่ยอมแค่ปิดโรงเรียนแน่ๆ เพราะข่าวฉาวนี่อาจจะทำให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลของเขา
            อย่าบอกนะที กูยอมโดนจูบ
            ผมส่งสายตาขอร้องให้นาที มันมองตาผมกลับก่อนจะเบือนหนี
            “กูขอโทษนะป่าน”
            ริมฝีปากของพระกาฬทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างจาบจ้วง ผมพยายามผลักร่างของพระกาฬออกแต่ไม่เป็นผลได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั่น ริมฝีปากของพระกาฬบดเบียดจูบร้อนแรงให้กับผมจนตัวแทบจะอ่อนยวบ แต่ก็ต้องพยายามดิ้นให้หลุด สมองพยายามคิดหาทางหนีในขณะที่มือก็ยังทุบตีแผงอกของพระกาฬอย่างแรง ผมยอมสารภาพว่าหมดภูมิต้านทานกับเพศเดียวกันไปตั้งแต่ตอนที่ยอมรับว่าผมชอบผู้ชายจริงๆ
            และก็ไม่ใช่ว่าผมจะมีอารมณ์เฉพาะตอนที่จูบกับนาทีเพียงคนเดียว ผมเป็นมนุษย์นะ
            “พอได้แล้ว” เสียงนิ่งๆของนาทีดังขึ้นก่อนร่างของพระกาฬจะถูกกระชากออกจากผม ผมหอบหายใจถี่พลางโกยอากาศลูกใหญ่เข้าปอด นาทีดึงร่างของผมเข้าไปกอดเอาไว้ก่อนจะใช้นิ้วของมันเช็ดริมฝีปากอันบวมเจ่อของผม
            “ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนกับป่าน เธอต้องการจะแก้แค้นที่ผมไม่ยอมรับรักเธอ เธอโกรธที่ผมคบกับป่านก็เลยไปบอกพ่อเธอว่าผมกับเพื่อนค้าประเวณีแล้วก็ไล่ออกจากโรงเรียน”
            ผมชะงักไปกับสิ่งที่นาทีพูดออกมาก่อนจะจิกไหล่ของนาทีเอาไว้
            พูดไปแล้ว
            “ดี … งั้นพรุ่งนี้รอฟังข่าวโรงเรียนยุบและข้อหาแจ้งความเท็จสำหรับครอบครัวของไอ้อธิการบดีไร้สมองนั่นเลย!”
            “!!!”
            “อย่านะครับ!” ผมตะโกนแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น นาทีหันขวับมามองผมพอๆกับคุณพ่อที่นิ่งเงียบไปแล้วจ้องผมเขม็ง
            ผมค่อยๆคุกเข่าลงท่ามกลางความตกใจของทั้งสามชีวิตก่อนจะเงยหน้ามองคุณพ่ออย่างร้องขอ
            “พ่อของหญิงก็เหมือนกับพ่อของผม พ่อเขารักโรงเรียนนั้นมาก คุณพ่อเขาไม่รู้เรื่องด้วยก็แค่ทำตามสิ่งที่ลูกสาวเขาบอก ดังนั้นอย่ายุบโรงเรียนเลยนะครับผมขอร้อง” มือสองข้างยกขึ้นมาไหว้จนแทบจะเรียกได้ว่ากราบเท้าคนตรงหน้า
            เสียงที่เงียบไปทำให้ผมต้องเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองใบหน้าของคุณพ่ออีกครั้ง ใบหน้าที่มีท่าทีสงสัย แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่บึ้งลงเหมือนเสี้ยวพระจันทร์
            “แกจะบอกว่าให้พ่อเอาผิดกับเด็กผู้หญิงคนเดียวว่างั้น?” คุณพ่อถามขึ้น ผมอ้าปากค้างพะงาบๆ
            “เปล่านะครับ ผมไม่ดะ…”
            “แกเห็นพ่อเป็นคนยังไง พ่อไม่ใช่คนที่จะทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆหรอกนะ ที่เราต้องทำคือสั่งสอนคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ดูแลลูกตัวเองซะบ้าง ไม่ใช่เที่ยวมาใส่ร้ายป้ายสีลูกคนอื่นแบบนี้!” ประโยคแรกๆเสียงก็เบาอยู่หรอก แต่ประโยคหลังๆบ่งบอกได้เลยว่าพ่อของนาทีโมโหขนาดไหนที่ลูกชายโดนใส่ความ
            ผมเงียบไปเพราะไม่มีอะไรจะเถียง คุณพ่อพูดถูกหมดทุกอย่าง เพราะพ่อน้องหญิงเอาใจน้องหญิงมากเกินไป น้องหญิงอยากได้อะไรก็ให้หมด เธอถึงได้ทำตัวแบบนี้
            “แกบอกว่าพ่อของผู้หญิงคนนั้นเหมือนพ่อแกใช่มั้ย? แล้วพ่อแกไปไหนซะล่ะ” ผมชะงักไปเมื่อเจอคำถามที่ไม่สามารถจะหาคำตอบได้ พลางหันไปมองหน้านาที
            ผมไม่เคยบอกเรื่องครอบครัวผมกับใคร มีเพียงครอบครัวของน้องหญิงเท่านั้นที่รู้และดูแลผมมาจนถึงทุกวันนี้ นับตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ
            มีเพียงบ้านหลังใหญ่หลังเดียวที่ถูกทิ้งเอาไว้พร้อมกับ … ตัวผมเอง
            “เสียมารยาทว่ะป๊า” นาทีบ่นพ่อตัวเองแล้วพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป
            “เอ้า อะไรวะแกนี่ ฉันจะไปรู้หรือไงเล่า?”
            “เงียบไปเลยตาลุง”
            “ไม่หรอก ไม่เป็นไร” ผมว่าแล้วยิ้มแหยๆ “ผมไม่มีหรอก พ่อแท้ๆน่ะ” ก่อนจะหัวเราะให้กับตัวเอง อาจจะโดนตอกหน้ากลับมาว่า แล้วผมเกิดมาจากไหน
            ผมก็อยากรู้คำตอบนั้นเหมือนกัน
            ทุกชีวิตในเต้นท์เงียบไปอีกครั้ง นาทีบีบไหล่ผมเหมือนจะปลอบแต่คุณพ่อก็พูดแทรกขึ้นมา
            “แล้วพวกค่ากินค่าอยู่แกเอามาจากไหนล่ะ? ไอ้อธิการบดีโรงเรียนพ่อของผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ” ผมพยักหน้าตอบคำถามของคุณพ่อหงึกๆ
            “แต่มันทำกับแฟนแกขนาดนี้ แกไม่แค้นใจบ้างเลยหรือไง”
            คำถามนี้โคตรลองใจผมเลย ผมหันไปมองหน้านาทีที่เหมือนจะอึ้งไปกับคำถามของคุณพ่อก่อนจะต่อยไหล่คนข้างๆเบาๆเมื่อมันยักคิ้วหลิ่วตาใส่ ตอนแรกก็อยากจะบอกอยู่หรอกว่าโมโหเหมือนกัน แต่เห็นแบบนี้แล้ว…
            “โดนซะบ้างก็ดี”
            “ฮ่าๆๆ” คุณพ่อหัวเราะลั่นแล้วยกนิ้วโป้งให้ผม ก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆอย่างเป็นกันเอง “ไอ้เจ้านี่มันตอบได้โดนใจจริงๆ!”
            ผมหัวเราะแหะๆกลับไปให้คุณพ่อ เมื่อคุณพ่อเห็นแบบนั้นเลยหุบยิ้ม
            “มันก็ดีที่เด็กมันรู้จักกตัญญูรู้คุณ เอาเป็นว่าแค่เปลี่ยนอธิการบดีโรงเรียนโอเคไหม?” คุณพ่อถามขึ้น ผมรีบพยักหน้าตอบด้วยความรวดเร็วเพราะพ่อของน้องหญิงมีงานอื่นมากมายที่รอให้เขาไปทำ เขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปดูโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ แค่โรงเรียนไม่โดนปิดแค่นั้นก็พอแล้ว
            “ครับ!” ผมยิ้มแป้นดีใจกับผลตอบแทนที่เกินคาด ก่อนจะโดนนาทีลากไปกอดเอาไว้
            “งี้ก็หมดธุระแล้วนะ ผมจะได้กลับคอนโดไปลงโทษแฟนซักที ข้อหาไปเต้นยั่วจนจะโดนไอ้คนเถื่อนมันจะจับปล้ำอยู่เมื่อกี้” ไอ้นาทีว่าพลางกอดเอวผมจากด้านหลังแล้วเอาคางท้าวไว้ที่ไหล่ของผม เสียงนิ่งๆของมันแต่กลับทำให้ผมแทบจะหันหลังไปต่อยมันถ้าไม่ติดที่ว่าคุณพ่อของมันยืนยิ้มอยู่ด้านหน้า
            “เอ้อ เห็นแกมีเป็นตัวเป็นตนก็ค่อยโล่งใจหน่อย ใช่มั้ยพระกาฬ?” คุณพ่อหันไปถามคนที่หลุดออกจากวงสนทนาไปนานโข เสียงทุ้มๆตอบกลับมาเบาๆ
            “ครับ”
            “เออ ดีๆ แล้วนี่มีเรื่องขึ้นมาแบบนี้ทางฝ่ายพ่อทางนู้นเขารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนศัตรูของลูกเขาน่ะ” คุณพ่อถามขึ้นมาอีกครั้ง ผมนิ่งไป
            “น่าจะรู้แล้วล่ะ” ก่อนจะเป็นไอ้นาทีที่ตอบแทน
            “ถ้ารู้แล้ว ฝ่ายนั้นคงไม่ส่งเงินมาให้แล้วล่ะ…” ไอ้นาทีว่าต่อ ผมก้มหน้ามองเท้า
จริงสินะ จะว่าไปช่วงหลังๆก็ไม่ได้คุยกับคุณพ่อของน้องหญิงเลย เงินในบัญชีก็ไม่มีโอนเข้ามาเลยด้วย แล้วอย่างนี้จะไปเอาที่ไหนมาจ่ายค่ากินค่าเทอมค่ายาล่ะวะเนี่ย… 
            “เมื่อกี้แกว่าไงนะไอ้เจ้าลูกชาย เจ้านี่เป็นเมียแกใช่มั้ย?”
            ผมแทบสำลักน้ำลายเมื่อเจอคำสรรพนามว่าเมียเข้าไปก่อนจะส่ายหัวส่ายมือโบกมือว่าไม่ใช่!
            เฮ้ เรียกแบบนี้ผมเสียศักดิ์ศรีนะเว้ยยย!
            “แค่แฟนครับพ่อ แค่แฟน” ผมปฏิเสธแทบจะทันที ไอ้นาทียิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อผมร้อนรนกับคำเรียกนั่น มันหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้คุณพ่อ
            “เหมือนกันนั่นแหละ!” พ่อสรุปเอาเองซะงั้น…
            อยากจะเถียงจริงๆว่ามันไม่เหมือนเลยโว้ยยย!
            คุณพ่อก็เหลือเกิ๊น ตอนแรกก็เห็นว่าน่าเกรงขามอยู่หรอก ไปๆมาๆชักจะเหมือนตาแก่ขี้เล่นเข้าไปทุกทีแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าลูกชายได้มาจากใคร ไอ้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ทุกวินาทีเนี่ย!
            คุณพ่อมองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ ริมฝีปากที่ยกยิ้มนั่นทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
            “มันไม่ส่งเงินให้แกก็ไม่ต้องไปแคร์ เป็นสะใภ้บ้าน ธาราทรัพย์ ไม่มีอดตายหรอกเว้ย!”
 
            *
           
            เป็นสะใภ้บ้านธาราทรัพย์ไม่มีอดตายหรอกเว้ย…
            ไม่อดตาย
            ธาราทรัพย์
            สะใภ้…
            ก็ ‘แย่’ แล้ว
            “กูไม่ยอมเป็นสะใภ้บ้านไหนหรอกนะไอ้เวร” กรรมจริงๆ เวรกรรม ทำไมคุณพ่อถึงได้พูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้นะ ผมบ่นอุบอิบพลางปลดกระดุมเสื้อแล้วเหวี่ยงมันลงตะกร้าหลังจากเข้ามาในคอนโดได้ไม่นาน ก่อนจะสะดุ้งไปเมื่อมือหนาๆของนาทีสวมกอดที่เอวของผมเอาไว้จากด้านหลัง
            ผมมองผ่านกระจกที่ติดอยู่ที่ผนัง ริมฝีปากของนาทีกำลังคลี่ยิ้ม ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทลง
            “ไม่ใช่เวลามายิ้ม ไอ้ลูกหมา” มือของผมฟาดลงบนหัวของคนด้านหลัง ไอ้นาทีแก้แค้นโดยการกัดไหล่ของผมคืน ผมถีบมันออกแล้วปราดเข้าไปจะชกแต่มือของมันก็คว้าหมัดของผมเอาไว้ได้
            ใบหน้าของนาทีเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนจมูกแตะจมูกผม ผมกระถดถอยหลังก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจนมุม หลังของผมสัมผัสลงบนผ้าม่านสีดำที่ติดกับกระจก
            “นาที…” เมื่อผมเห็นนาทีมันเงียบไปผมเลยเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ
            “เรียกกูว่าทีก็พอ”
            บรรยากาศที่เงียบไปทำให้ผมพูดอะไรไม่ถูก บวกกับความอ่อนล้าของร่างกายหลังจากซัดเบียร์ไปสองกระป๋องและชุ่มน้ำจนแทบจะแห้ง มือของนาทีเกลี่ยปอยผมของผมขึ้นไปทัดหู ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง
            “มึงน่ารักมากรู้มั้ย ตอนที่วิ่งมาหากู ถ้าเข้ามากอดกูจะดีใจมากกว่า แต่นี่เล่นเข้ามาชกกูซะเต็มรัก” ผมชะงักไป ก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบจมูกโด่งๆที่พยายามจะคลอเคลีย
            ถ้าให้พูดจริงๆตอนนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าจะเสียไอ้นาทีไปจริงๆ
            ใครจะบ้าไปมีอารมณ์กอดวะ ตอนนั้นผมอยากจะกระทืบมันให้ตายซะด้วย ผมโมโหมาก โมโหที่แม่งชอบทำอะไรไม่คิด โมโหที่ชีวิตมีชีวิตเดียวแต่ทำอย่างกับมีเก้าชีวิต ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นแมวดำที่ตายไม่เป็น แมวน่ะ มันไม่ใช่ตายไม่ได้หรอกนะ มันแค่หลบหลีกเก่ง เขาถึงได้เรียกว่าเก้าชีวิต
            “มึงโง่มากที่จะเอาตัวเองไปตาย”
            “แล้วรู้หรือเปล่าว่าทำไมกูถึงทำแบบนั้น…” ผมสะอึกไปก่อนจะจ้องดวงตาของคนตรงหน้า
            “มึงไม่เข้าใจหรอก ความรู้สึกของตอนที่เห็นคนที่มึงรักกำลังคลอเคลียกับผู้ชายคนอื่น”
            เหมือนโดนตบหน้า ผมนิ่งชาไปทั้งร่างกาย ใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวทำให้บรรยายอาการของตัวเองไม่ได้ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองโดนดูดเข้าไปในหลุมดำ ไม่ใช่เพราะนึกภาพตอนที่ตัวเองกำลังโดนข่มขืน แต่กลับเป็นตอนที่ได้ยินว่า…
            “คนที่รัก…?”
            “เออดิ ไม่รักจะหึงหรือไงวะ!? ชอบถามอะไรโง่ๆ!” ไอ้นาทีตะคอกเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้ง ผมมองมันด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะผลักมันออกแล้วถีบท้องคนตรงหน้าจนร่างของมันลงไปนอนกลิ้งที่พื้น ผมตามเข้าไปคร่อมร่างของไอ้นาทีเอาไว้แล้วเม้มริมฝีปากแน่น
            “มึงอย่ามาพูดพล่อยๆนะไอ้เวร!”
            “ไอ้ป่าน ตกลงมึงเป็นเมียหรือเป็นผัวกูเนี่ย ซ้อมได้ซ้อมดี!” นาทีร้องลั่นแล้วตบหัวผม
            “กูไม่ยอมเป็นเมียใครหรอกเว้ย! แล้วใครใช้ให้มึงเล่นหัวกูหา!“
            “กูเนี่ยแหละ!”
            ‘เพี๊ยะ’
            “ไอ้ป่าน!”
            ‘เพี๊ยะ!’ ผมตบหน้าคนตรงหน้าด้วยหน้ามือ ตามด้วยหลังมืออีกรอบ
            “มึงโกหกแน่ๆ มึงไม่ได้รักกูหรอก”
            ผมจะลุกออกจากร่างของนาทีแต่ถูกมือของมันดึงเอาไว้ให้นั่งลงที่เดิม
            “ทำไมคิดงั้น?”
            “มึงก็พูดคำว่ารักกับทุกคนที่มึงนอนด้วยนี่…”
            นาทียิ้มกริ่ม
            “หึงหรือไง”
            ‘ผั่วะ!’
            ผมฟาดมือแรงๆลงไปบนหัวมันอีกครั้ง ไอ้นาทีทำหน้าเบ้
            “อย่าให้กูชกมึงกลับนะ”
            “ปากมึงนี่ท่าจะรูรั่วเยอะนะ”
            “สนใจมาปิดให้มั้ยล่ะ” คนตรงหน้าว่าแล้วกระชากคอผม บดเบียดริมฝีปากอย่างแรงจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ก่อนจะปลดปล่อยมันเป็นอิสระเมื่อผมประท้วงเพราะหายใจไม่ทันโดยการทุบที่อก
            “กูจะช้ำในตายแล้ว”
            “อย่ามาพูดคำว่ารักพล่อยๆกับกู” ผมพูดเสียงเครียด ไม่มีท่าทีเล่นอีกต่อไป
            นาทีนิ่งเงียบไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “กูไม่เคยพาใครไปเจอพ่อ” ผมชะงักไปกับคำพูดของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆลุกออกจากร่างของนาทีแล้วมองหน้ามันนิ่งๆ ไม่รู้ทำไมใจมันถึงได้เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
            “คนที่เจอพ่อกู นั่นหมายความว่ากูยอมรับคนๆนั้น”
            “แองจี้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เจอพ่อ และมึง ก็เป็นคนที่สอง ตอนก่อนออกจากห้องที่กูไม่ได้เรียกมึงเพราะว่ากูกำลังตัดสินใจว่านี่คือสิ่งที่ใช่หรือเปล่า แต่หลังจากที่เห็นสภาพ…” มือของนาทีแตะลงบนแก้มของผมแล้วลูบเบาๆ คราบดินสีแดงที่เปรอะเปื้อนไปทั่วตัวผมยังคงสภาพอยู่แบบนั้น
            “หลังจากที่เห็นสภาพสะบักสะบอมของไอ้ลูกหมาที่วิ่งร้องไห้เข้ามาเพราะว่ากลัวกูจะตายคาสนามแข่งรถ ใบหน้าที่เป็น
กังวลจนไม่ห่วงว่าตัวเองมีแผลไปทั่วตัว … กูถึงรู้ว่ากูตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ”
            “…”
            “กูรักมึงป่าน แต่กูไม่สัญญาว่าจะรักมึงได้ตลอด … มึงก็รู้ว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
            “…”
            “แต่กูสัญญาว่ากูจะรักมึงให้นานที่สุด นี่คือสัญญาของลูกผู้ชายอย่างกู








TBC
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 19-02-2014 16:43:35
สัญญาลูกปู้จายนี่มันซึ้งดีจีๆ :mew6:

หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-02-2014 17:19:29
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 19-02-2014 20:56:40
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-02-2014 23:08:26
รักกันฮาร์ดคอจริงๆ

เอาอีกกกกกกกกกกๆ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: O[]OVampire ที่ 21-02-2014 00:00:00
คิคิ นาทีกับป่านน่ารักมาก ตอนนี้นาทีคงน่วมได้ที่
กินขนมตุ๊บตั้บจากป่านอิ่มไปเลยทีเดียว รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-02-2014 08:37:58
นาทีเนี่ยกลัวเมียน่ะเนี่ย ไม่ตอบโต้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep20] 19/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 22-02-2014 15:04:19
 :z13:
ชอบประโยคสุดท้ายมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 22-02-2014 15:35:59
21

 
            สัญญาของลูกผู้ชายอย่างงั้นเหรอ
            บ้าชะมัด
            ผมเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋าหลังจากที่นั่งคิดอะไรมาได้ซักพัก อาจารย์ปล่อยตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ไอ้ฟ้าก็ไปรับน้องสาวมันแล้วก็กลับบ้านไปแล้วด้วย เหลือผมกับไอ้พวกเพื่อนๆที่ต้องทำความสะอาดห้องที่ยังหลงเหลืออยู่ ประตูโรงเรียนที่เปิดอ้ากว้างกับพวกนักเรียนที่ค่อยๆทยอยกันออกไป ผมมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง
            หวังว่าคงไม่มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นแล้วนะ
            ก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนพลางมองไปยังเงาที่สะท้อนที่กระจกหน้าต่าง ริมฝีปากที่มักจะไม่ค่อยยิ้มให้ใครของตัวเองกลับยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า ผมใช้มือตบๆหน้าตัวเองสองทีก่อนจะกลับมาบึ้งตึงเหมือนเดิม แต่พอเดินก้าวพ้นออกมาจากประตูห้องเรียนก็ต้องยิ้มออกมาอีกรอบ
            บ้าเอ้ย
            ผมไปหลงคารมกับคำพูดของผู้ชายแย่ๆแบบนั้นได้ไงวะ
            “ยืนยิ้มเป็นตาแป๊ะอยู่ได้!” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นที่ระเบียงทางเดิน ผมหันไปมอง ร่างเล็กๆที่สวมแว่นตายืนถือกองเอกสารกองเบ้อเริ่มเดินเข้ามาใกล้ผม
            “ไง”
            “ยังไม่ตาย สบายดี” ไอ้กี้ตอบกวนส้นตีนแล้วดันผมให้หลีกทาง ผมก็เกิดอาการอยากจะกวนคนตรงหน้าขึ้นมาเลยยืนขวางเอาไว้
            “ค่าผ่านทาง” ผมยิ้มพลางยื่นมือออกไปตรงหน้า ไอ้กี้มองหน้าผมลอดผ่านแว่นของมัน
            “บ้านมึงเป็นทางด่วนเหรอไอ้ห่า”
            กรรม
            ปากคอเราะร้าย!
            “เออว่าแต่ ไอ้นาทีเป็นไงบ้างอ่ะ?” คนตรงหน้าผมเลี่ยงถาม ผมหัวเราะนิดๆก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวหยอยๆที่เหมือนหมูหยองของมันเบาๆ
            “แน่ใจเหรอว่าจะถามถึงไอ้ที?” ไอ้กี้เบะปากไม่พอใจ
            “กูไม่อยากรู้ละ”
            “พวกมันโดนไล่ออกทั้งสี่คน ประธานสภา ไอ้พีท ไอ้ริค แล้วก็ไอ้ที” ผมว่า แต่เลี่ยงที่จะพูดชื่อของพระกาฬออกมา คำดูถูกที่ออกจากปากมันเมื่อวานทำให้ผมโมโหมาก
            ผมไม่นึกเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะดูถูกคนได้เก่งขนาดนี้ทั้งๆที่ยังหาความจริงไม่ได้ ได้แต่ปากพล่อยพูดอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอย่างเดียว
            “เรื่องอะไรวะ?”
            “มีคนใส่ความว่าค้าประเวณี”
            “งั้นเหรอ…” ไอ้กี้มีสีหน้าสลดลง ก่อนมันจะหันกลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง
            “ไม่เกี่ยวกับกูนี่เนอะ หลบดิ๊!!!” ขาเล็กๆเตะขาผมแล้วเดินชนไหล่ผมอย่างจัง ผมมองท่าทีเหล่านั้นก็รู้แล้วว่าไอ้กี้ต้องเป็นห่วงเพื่อนสนิทมันอยู่แล้ว
            แต่ผมไม่อยากให้กี้คบกับพระกาฬ … ผมเห็นแก่ตัวไปมั้ย?
            “กี้!” ผมตะโกนเรียกคนที่กำลังจะเลี้ยวเข้าห้องพักครู ไอ้หมาแว่นมันหันมาทำหน้างงๆใส่
            “มึงไม่ได้ชอบพระกาฬใช่มั้ย?” ไอ้กี้มองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วสูง
            “หน้าอย่างมันอ่ะนะ? ให้ฟรีแถมข้าวกูยังไม่เอาเลยเว้ย!!!!” ก่อนร่างเล็กจะหายเข้าไปในห้องพักครูทันทีที่ตะโกนดังลั่น ผมอึ้งไปนิดๆกับคำพูดนั้น
            ถ้าไอ้กาฬได้ยินคงช้ำชอก …
            ให้แม่งรู้ซึ้งซะบ้างไอ้พวกพูดก่อนคิดเนี่ย
            ผมเดินออกจากตึกเรียนแล้วโบกแท็กซี่เพื่อกลับไปที่บ้านของตัวเอง วันนี้ผมต้องกลับไปดูพวกจดหมายพวกค่าน้ำค่าไฟของเมื่อเดือนที่แล้ว รวมไปถึงกลับไปรดน้ำต้นไม้ที่บ้านด้วย
            ‘ครืด ครืด’
            จู่ๆโทรศัพท์ที่ปิดเสียงอยู่ก็สั่นขึ้น ผมรีบคว้ามันออกจากกระเป๋ากางเกงพลางมองชื่อที่หน้าจอ
            “ว่าไง?” ผมทักทายด้วยคำปกติที่ชอบใช้เมื่อรู้ว่าใครโทรมา ปลายสายเงียบไป
            อะไรของแม่งวะ โทรมาก็ไม่พูด
            “นาที … มึงจะเงียบทำไมวะ?”
            (ป่าน เลิกเรียนหรือยัง?) เสียงเบาๆที่แทบจะจับใจความไม่ได้ดังลอดมาจากปลายสาย ผมขมวดคิ้ววุ่น เสียงของนาทีดูสั่นๆผิดปกติชอบกล
            “อือ เลิกแล้ว มีอะไรวะทำไมเสียงเบาจัง?”
            (…) นาทีเงียบไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงที่เหมือนกับเสียงสะอื้นเบาๆ
            “ที…”
            ผมชักใจคอไม่ดีขึ้นทุกทีเมื่อเสียงสะอื้นเหมือนปลายสายกำลังร้องไห้นั่นดังขึ้นเรื่อยๆ
            “ที เกิดอะไรขึ้น!?”
            (รถนาราโดนเจาะยาง อาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล)
            “ว่าไงนะ!!!”
 

            ผมรีบบึ่งมาที่โรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าพี่นาราเกิดอุบัติเหตุ เหตุการณ์นั่นยิ่งตอกย้ำเมื่อรถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าโรงพยาบาลที่มีผู้คนมากมายยืนอยู่ด้านหน้านั่นพร้อมนั่งเงียบราวกับส่งกำลังใจให้ใครซักคน ท้องฟ้าที่เริ่มจะมืดไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขา ในมือของพวกเขามีป้ายผ้าและป้ายไฟเหมือนที่เคยเห็นเวลาที่แฟนคลับตามพวกดารา ป้ายพวกนั้นมีชื่อไอริสติดอยู่
ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น ใจที่ร้อนรนทำให้ต้องเดินก้าวยาวๆตรงไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลก่อนจะสอบถามห้องไอซียูที่มีร่างของพี่นาราอยู่ข้างใน
            ใครกัน … ใครกันที่โหดร้ายขนาดนี้
            ผมออกจากลิฟท์แล้วตรงไปที่ห้องไอซียู เมื่อเลี้ยวพ้นหัวมุมมา สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้ผมเข่าอ่อนลงดื้อๆ ภาพที่คุณพ่อที่รักลูกชายสุดหัวใจกำลังนั่งวอนขอให้คุณหมอผ่าตัดให้ดีที่สุด ภาพที่ไอริสคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูห้องไอซียู และภาพที่นาทีกำลังนั่งนิ่งราวกับคนไร้วิญญาณอยู่ริมกำแพง
            “ที” สองขาผมก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้านาที ใบหน้าซีดเซียวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเงยหน้ามามองผมก่อนจะคว้าร่างผมเข้าไปกอด ใบหน้าซุกอยู่ที่หน้าท้องพร้อมกับการร้องไห้แบบไร้เสียงสะอื้น
            ผมลูบหัวนาทีเบาๆ ในใจก็รู้สึกโหวงและหนักอึ้งไปหมด
            “ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง พี่นาราจะต้องปลอดภัย … เชื่อกูสิ”
            ที่ผมทำได้ … ก็คงทำได้เพียงแค่ปลอบคนตรงหน้านี่อย่างเดียวจริงๆ
            เวลาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทั้งนางพยาบาล คุณหมอท่านอื่นๆ คนไข้ผู้ป่วย บางคนหยุดมองร่างของผู้ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าห้องไอซียู แต่ก็ไม่ได้จะเข้ามาถามว่าเขาใช่ไอริสมือกลองของวงร็อคชื่อดังที่กำลังเป็นที่กล่าวขานในเวลานี้อยู่หรือเปล่า
            นาทีหยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ยังเงียบและไม่คุยอะไรกับใคร คุณพ่อกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อนแล้วโดยผมจะเป็นคนติดต่อคุณพ่อเมื่อหมอออกมาจากห้องผ่าตัด ซึ่งตอนนี้ก็ใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได้
            ผมบีบมือนาทีพลางมองร่างของไอริสที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ที่พื้น มันนานพอๆกับเวลาที่พี่นาราเข้าไปในห้องไอซียู ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อที่จะเข้าไปหาไอริส บอกให้เขามานั่งที่เก้าอี้ มันอาจจะดีกว่าที่เขาต้องนั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้ แต่นาทีคว้ามือผมเอาไว้ก่อน
            “เรียกเฮียว่าพี่วิน … นาวิน …” นาทีว่าก่อนจะเมินหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากจะเห็นอะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมกดจูบลงบนหน้าผากของนาทีเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาไอริส
            “พี่…” มือของผมแตะลงบนไหล่ของพี่ไอริส … เขาไม่ขยับเลยซักนิด ผมหันไปมองนาทีที่ยังคงเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะถอนหายใจ ผมรู้ว่าพี่แกเป็นห่วงน้องชาย แต่ถ้าทำแบบนี้คนที่จะไม่สบายอาจจะเป็นเขาก็ได้
            “พี่นาวิน ไปนั่งที่เก้าอี้เถอะครับ”
            “น้องชายฉันทำอะไรผิด” เสียงของพี่วินดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆเงยขึ้นจากพื้น
            “น้องชายฉันทำอะไรผิดทำไมถึงต้องทำร้ายกันแบบนี้” ดวงตาเศร้าสร้อยที่บวมจากการร้องไห้อย่างหนักจ้องมองไปยังประตูห้องไอซียู ผมรู้สึกหดหู่เกินจะทน
            “น้องชายฉันไปทำอะไรให้ทำไมถึงต้องทำกับเขาแบบนี้!!!! ตอบพี่ทีสิป่าน ตอบพี่ที!!!!”
            คนตรงหน้าผมตะคอกลั่นก่อนจะโผเข้ากอดผมแน่น น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ร่างสูงสะอื้นอย่างหนักเรียกสายตาสงสารจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างสุดขั้วหัวใจ ผมกอดตอบพี่นาวิน พี่ชายคนโตของบ้านธาราทรัพย์ ผู้ที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของบ้าน พยายามกลั้นความอ่อนแอของตัวเองไว้ด้านใน แค่สองคนนี้อ่อนแอก็แย่พอแล้ว ผมจะไม่เป็นตัวถ่วงแน่ๆ
            ผมต้องเข้มแข็ง และพวกเขาเองก็เหมือนกัน
            “พี่นาราจะต้องปลอดภัยครับพี่ พี่เขาจะต้องปลอดภัย…”
            ผมพยุงร่างของพี่วินขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอเรียกชื่อไอริสออกไปด้วยชื่อเล่นจริงๆที่พ่อตั้งให้ไม่ใช่ชื่อในวงการ เขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักก่อนจะโผเข้ากอดทั้งผมและนาทีอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งหมดแรงที่จะร้องไห้อีกต่อไป พี่วินเลยนอนลงที่โซฟาด้านหน้าแล้วใช้หนังสือปิดหน้าเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นเขา
            “รู้อาการของพี่นาราหรือเปล่า?” ผมหันไปถามนาทีที่นั่งนิ่งมาจะครึ่งชั่วโมงได้ ก่อนริมฝีปากสีซีดจะค่อยๆขยับพูด ทั้งๆที่ผมรู้ดีว่ามันอาจจะทำให้นาทีรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกที่ต้องพูดอาการของพี่ชาย แต่ถ้าผมไม่รู้อะไรเลยผมจะปลอบพวกเขาได้ยังไง
            “กระดูกซี่โครงหักแทงทะลุปอด กระดูกขาซ้ายแตกละเอียด เลือดไหลไม่หยุด…” พูดออกมาแค่นั้นนาทีก็ก้มหน้าลงไปกุมขมับแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมเบิกตากว้างกับอาการที่หนักจนแทบจะเรียกได้ว่าสาหัสมาก
            “ที…”
            “ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย พี่นาราไปทำอะไรให้ เขาไม่เคยมีศัตรูที่ไหน พี่นาราไม่สมควรจะได้รับอะไรแบบนี้” ผมดึงร่างของนาทีที่เริ่มสะอื้นเข้ามากอดเอาไว้แล้วปลอบมันอีกครั้ง แต่ร่างโปร่งก็ยังพูดออกมาไม่หยุด
            “พี่ชายกูเจ็บ กูก็เจ็บ เจ็บกว่าเป็นล้านเท่า…”
            นาทีกอดตอบผมแน่น มือสองข้างกำอยู่ที่เสื้อนักเรียนของผมจนมันตึงไปหมด ยังไม่ทันที่เราสองคนจะได้พูดอะไรต่อ เงาที่ประตูห้องไอซียูก็ปรากฏขึ้น ผมดันร่างของนาทีออกพลางวิ่งเข้าไปหาคุณหมอที่เปิดประตูออกมา พอๆกับพี่วินที่ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาแล้วตรงเข้าไปหาคุณหมอ
            “น้องชายผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” พี่วินพยายามจะเขย่าตัวคุณหมอที่ดูเอกสารอะไรบางอย่างในมือ ผมดึงแขนพี่เขาเอาไว้แล้วหันไปมองนาทีที่เลือกที่จะนั่งมองอยู่นิ่งๆ
            “ใจเย็นๆครับคุณไอริส น้องชายคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว”
            เหมือนยกภูเขาลูกโตออกจากอก ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พอๆกับพี่วินที่หันมากอดผมแน่น
            แต่หลังจากนั้น มันต้องมีคำว่า…
            “แต่…”
            คุณหมอขัดขึ้น อารมณ์ของพวกผมถูกขัดตามไปด้วย
            มันเป็นสิ่งที่แพทย์ต้องทำเพื่อที่จะปลอบใจญาติของคนไข้ พ้นขีดอันตราย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหายดี
            “เขาอาจจะมีอาการแทรกซ้อนในระยะแรก หมอจึงไม่สามารถให้เยี่ยมได้”
            “แทรกซ้อน? แทรกซ้อนยังไงครับหมอ?” พี่วินหันไปถามหมออย่างร้อนรน ผมกระตุกแขนเขาเพื่อให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองหน่อย เพราะดูท่าทางพี่แกอยากจะกระชากคอเสื้อหมอใจจะขาดแล้ว
            “ไปคุยกันในห้องแล้วกันครับ”
            คุณหมอว่าพลางผายมือเดินตรงไปที่ห้องที่อยู่ด้านข้าง พี่วินมองหน้าผมก่อนจะกดจูบลงบนหัวผมเหมือนพี่ชายปลอบน้องชายแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปพร้อมกับหมอ ผมยืนอยู่ด้านนอกพร้อมกับลูกชายคนเล็กของบ้านที่เลือกที่จะไม่เปิดใจรับฟังอะไรทั้งนั้น
            “พี่นาราปลอดภัยแล้ว โทรบอกคุณพ่อกันเหอะ” นาทีพยักหน้า ก่อนจะจับมือผมเอาไว้แน่น
            ไม่หรอก เราต่างก็รู้ดีว่าพี่นารายังไม่ปลอดภัย
            ไม่อย่างนั้นต้องออกจากห้องผ่าตัดไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว…
            “นาที!!” จู่ๆเสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นด้านหลังก็เรียกความสนใจจากผมและนาที ผู้ชายร่างโปร่งสวมชุดกราวน์สีขาววิ่งเข้ามาหานาที นาทีปล่อยมือจากผมแทบจะทันทีก่อนจะโผเข้ากอดร่างโปร่งของคุณหมอคนนั้น
            “พี่หมอ!” ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ นาทีเหมือนเด็กเล็กๆเมื่อคุณหมอคนนั้นลูบหัวของมันเบาๆ เสียงสะอื้นที่เก็บไว้ต่อหน้าผมกลับถูกปล่อยออกมาจนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านสะเทือนใจกับเสียงร้องไห้ของลูกผู้ชายคนหนึ่ง
            “วินล่ะ?” คุณหมอร่างโปร่งถามขึ้น นาทีชี้เข้าไปที่ห้องด้านข้าง
            “ทีไม่เข้าไปเหรอ?”
            “ไม่ ผมไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว”
            มือของนาทีจิกเสื้อกราวน์ไว้แน่นจนคุณหมอที่พยายามจะสะบัดตัวออกไปไหนไม่ได้
            “ทีปล่อยพี่ก่อนนะ พี่ต้องรู้อาการของนารา”
            “พี่อย่าทิ้งผมไปนะ!! อย่าทิ้งผม”
            “ที … พี่ต้องเข้าไปฟังอาการของนารา ไม่งั้นพี่จะช่วยอะไรไม่ได้”
            ‘หมับ’
            ผมที่ฟังบทสนทนาของทั้งสองอยู่นานสองนานเดินเข้าไปดึงแขนนาทีออกมา มือของผมบีบแน่นลงบนแขนหนาๆของนาทีพลางมองไปยังคุณหมอร่างโปร่งที่ดูจะอายุมากกว่าผม
            “ผมดูเขาให้เองครับ” ผมว่า พี่หมอก้มหัวให้ผมก่อนจะขยี้หัวนาทีแล้วเดินหายเข้าไปในห้องที่มีพี่วินกับคุณหมอเจ้าของไข้ของพี่นารา
            “เลิกทำตัวงี่เง่าซักที พี่นาราไม่เป็นอะไรแล้ว”
            “มึงก็พูดได้นี่ ไม่ใช่พี่ชายมึงซักหน่อย!” นาทีตะคอกใส่ผมกลับอย่างหัวเสีย ผมเบิกตากว้างแล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของมัน
            ผมค่อยๆคลายมือออกจากแขนของนาทีแล้วมองร่างตรงหน้าอย่างผิดหวัง นาทีเหมือนรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา ใบหน้าของมันสำนึกผิด เรียวคิ้วขมวดกับขอบตาที่บวมเฉ่ง มือของมันเอื้อมมาหมายจะจับตัวผมแต่ผมกระถดถอยหนี
            ทำไม … ถึงพูดอะไรไม่คิด
            “ป่าน …”
            “ใช่ พี่นาราไม่ใช่พี่ชายกู…” ผมสบถเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินถอยหลังออกมาเรื่อยๆพอๆกับนาทีที่เดินตามมา
            “มันไม่ใช่แบบนั้น กู…”
            “แต่เขาเป็นพี่ชายมึง … เป็นพี่ชาย … คนที่ … กู … รัก” เสียงที่เบาลงเรื่อยๆ คำว่ารักที่แทบจะกลืนหายเข้าไปในลำคอ ความร้อนที่ใบหน้าที่เอ่อขึ้นไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นความรู้สึกแย่ลึกๆที่มันพูดแบบนั้น
            ถึงผมจะเคยเจอพี่นาราแค่ครั้งเดียว แต่เพราะเป็นคนที่นาทีรัก เป็นพี่ชายของนาที ผมก็เคารพเขาเหมือนพี่แท้ๆคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมไม่เสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่เพราะนาทีไม่ฟังบ้าอะไรเลย
            “ป่าน…”
            มือของนาทีคว้าเข้าที่แขนของผม ผมเงยหน้ามองมันอย่างผิดหวัง
            “ป่าน กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
            ‘ผั่วะ!!!’
            ผมฟาดหมัดลงที่ใบหน้าของคนที่เพิ่งร้องไห้อย่างหนักมาจนลงไปกองกับพื้น พยาบาลร้องตกใจแล้วจะเข้ามาห้ามพวกผมแต่พี่นาวินก็ออกมาจากห้องพร้อมกับหมอทั้งสองคนแล้วเข้ามาห้ามผมกับนาทีเอาไว้ก่อนที่จะเลยเถิดไปกว่านี้
            “ใจเย็นๆป่าน” พี่วินว่า เหมือนเขาจะได้ยินบทสนทนาของผมกับนาทีเมื่อตะกี้ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเลย
            “ขอโทษงั้นเหรอ! ง่ายขนาดนั้นเลยดิ!! ทำไมเวลาพูดไม่หัดคิดก่อน สมองน่ะมีมั้ย!!!” ผมตะคอกลั่นแล้วดิ้นอย่างสุดแรงเมื่อมือของพี่วินล็อคตัวผมเอาไว้ ผมกำหมัดแน่น อยากจะชกหน้าคนตรงหน้าให้ตายคาโรงพยาบาลไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่สั่งสอน
            “กูไม่ได้ตั้งใจ…” นาทีก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด
            “มึงก็สักแต่พูดนั่นแหละนาที มึงเคยแคร์ความรู้สึกของคนที่มึงรักบ้างหรือเปล่าวะ เห็นกูเป็นหัวหลักหัวตอที่เวลามึงอยากจะพูดห่าอะไรก็พูดออกมาเลยงั้นเหรอ!!!”
            “ป่าน … พอเถอะ ไปหาพ่อกับพี่” พี่วินว่าก่อนจะโยนกุญแจรถให้กับพี่หมอที่นาทีเข้าไปกอดเมื่อตะกี้ พี่หมอคนนั้นทำหน้างงๆ “ฝากสั่งสอนน้องสุดที่รักของแกระหว่างทางไปบ้านฉันด้วยแล้วกัน ฉันเบื่อที่จะบ่นมัน ไอ้เด็กปากหอยปากปู ปากพล่อย
            พี่วินด่าน้องชายคนเล็กของบ้านก่อนจะลากผมออกไปที่ลานจอดรถ ผมเดินไปขึ้นรถตู้สีดำซึ่งเป็นรถที่จำได้ว่าเป็นรถของทางบริษัทของพี่วิน มองไปด้านหลังก็เห็นว่าพี่หมอคนนั้นพานาทีขึ้นรถบีเอ็มสีขาวไป
            “อย่าไปถือสาไอ้ทีมันเลยนะ มันโดนตามใจแต่เด็กน่ะ” พี่วินว่าพลางนั่งลงข้างผมแล้วสั่งให้คนขับรถขับตรงไปที่บ้านของเขา ผมกัดริมฝีปากแน่นแล้วหันไปมองกระจกด้านหลังที่มีบีเอ็มสีขาวขับตามมา
            “คุณหมอคนนั้นใครเหรอ?” ผมถามขึ้น พี่วินหันตามไปมองแล้วยิ้มออกมานิดๆ
            “หึงแฟนหรือไง?”
            ผมชะงักไป
            “เปล่า”
            “ฮ่ะๆ หมอนั่นชื่อกวาง เป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเด็กๆ นาทีติดเจ้านั่นแจเลยล่ะ” พี่วินว่า ผมสังเกตเห็นความบวมช้ำที่ใต้ตาของเขาเป็นอย่างดี บ่งบอกว่าพี่วินร้องไห้หนักขนาดไหน
            “ติด?”
            “อือ ไอ้กวางก็เหมือนกับพี่ชายอีกคน ติดที่ว่าไอ้นั่นมันชอบยอไอ้ที จนเด็กมันติดนิสัยแย่ๆมาไง” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะนิ่งไปเมื่อพี่วินมองออกไปนอกหน้าต่าง
            “พี่นาราเป็นยังไงบ้างเหรอครับ?” ผมรู้ว่าอาจจะไม่ถูกกาลเทศะที่ผมจะเข้าไปรู้เรื่องของครอบครัวของคนตรงหน้า แต่ผมเป็นห่วงพี่นาราจริงๆ
            “ที่นาทีไม่นั่งรถมากับเรา ก็เพราะแบบนี้ล่ะ” พี่วินหันมามองผม ดวงตาสีดำสนิทสั่นไหวเล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นเหมือนกลั้นน้ำตาให้ไหลย้อนกลับเข้าไป
            เกิดอะไรขึ้น
            “เลิกปกป้องผู้หญิงที่ชื่อหญิงซักทีป่าน…” จู่ๆเสียงทุ้มก็พูดขึ้นมา ผมชะงักไป
            “ครับ?”
            “จดหมายนี่ถูกทิ้งไว้ที่คอนโซนรถของนาราตอนที่พี่ไปดูที่เกิดเหตุ”
            กระดาษเปื้อนเลือดยับยู่ยี่จนแทบขาดแผ่นหนึ่งถูกวางลงบนตักผม ผมหยิบมันขึ้นมาคลี่ดูแทบจะทันที
            ‘มันยังไม่จบหรอกนะ … กับสิ่งที่น้องชายแกทำไว้กับฉัน’
            “พี่แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นหญิง?” ผมเลิกคิ้วถามคนตรงหน้า มือก็สั่นจนแทบจะควบคุมไม่ได้
            “ปฏิเสธสิว่า คนๆนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ป่านรู้จัก” มือหนายื่นกระดาษมาให้ผมอีกใบ รูปถ่ายที่ชัดเจนจากกล้องวงจรปิดของลานจอดรถชื่อดัง ร่างของผู้หญิงตัวเล็กกับเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวสีดำที่คุ้นตา ผมสีน้ำตาลที่ยาวถึงกลางหลัง กับลูกน้องคนสนิทที่สวมชุดสีดำกำลังทำอะไรบางอย่างกับรถบีเอ็มสีดำคันหนึ่ง
            ร่างทั้งร่างของผมกำลังถูกไฟฟ้าภายในร่างกายช็อต
            ถึงนาทีจะควงผู้หญิงมาเยอะก็จริง แต่นั่นคือน้องหญิงจริงๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่วินถึงได้รู้ว่าคนๆนี้คือน้องหญิง แต่เท่าที่ฟังจากปากเขามา ผู้ชายคนนี้ ถ้าอยากรู้อะไรก็น่าจะรู้ได้ง่ายๆ จริงๆแล้วผมจำได้เพียงแค่แวบเดียวที่เห็น แม้มันอาจจะมีผู้หญิงหลายสิบคนที่แค้นไอ้นาที แต่สาบานจากคนที่เคยอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตได้เลย ไม่มีใครที่กล้าทำแบบนี้นอกจากผู้หญิงคนนั้น…
            “นั่นคือรถของนารา”
            “แต่มันอาจจะไม่ใช่…” อาจจะไม่ใช่หญิงจริงๆก็ได้ ผมอาจจะจำผิดไป ยังไงผมก็ยังลังเล…
            “นารากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้วป่าน!!!! แล้วทีนี้ ยังจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกหรือไง!!!” พี่วินตะคอกลั่นรถ มือหนากระชากร่างผมเข้าไปแล้วเขย่าตัวผมอย่างแรง
            ผมช็อคไปกับสิ่งที่ได้ยิน…
            “ได้ยินมั้ยป่าน!!! นารากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว!!!”   
            ร่างสูงตะคอกออกมาทั้งน้ำตา ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะร่วงลงสู่ไหล่ของผม พี่วินร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน แต่กลับไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมา หัวใจผมถูกบีบรัดจนแตกสลาย ไหนบอกว่าพี่นาราปลอดภัยแล้วยังไง... แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง ... เจ้าชายนิทราเนี่ยนะ!!!
            นี่มันจะมากเกินไปแล้ว มากเกินไปแล้วจริงๆ หมดสิ้นกันทีหญิง …
            เธอเป็นเพียงแค่ฆาตกรสำหรับผมไปแล้ว…
            “ผมขอโทษ ขอโทษ” ด้วยอาการช็อคที่เกิดขึ้น ปากผมพร่ำบอกคำขอโทษกับร่างตรงหน้า ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบความผิดของผู้หญิงคนนั้นได้
            เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผม
            ถ้าผมไม่เข้าหาไอ้นาทีเพราะต้องการให้หญิงเลิกยุ่ง หญิงก็อาจจะไม่ได้เข้าหานาที เธออาจจะทำได้แค่ปลื้มนาทีแต่ไม่มีสิทธิ์สัมผัสนาที ไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้องครอบครัวของนาที ไม่มีสิทธิ์ … ที่จะทำลายครอบครัวของคนอื่น
            “ผมขอโทษ”





TBC
สิ่งที่เรียกว่าดราม่า.. ยังไม่จบลงง่ายๆสินะ :z6:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 22-02-2014 16:14:36
ป่านเอ้ยยย ปกป้องกันจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ นะ นี่ถ้านาราไม่เป็นเจ้าชายนิทรา แค่เจ็บหนักแกจะเลิกโง่ได้มั้ยเนี่ย จะได้ยึดมั่นกับสิ่งที่เคยเห็นอะไรนักหนายะ!!!

ตอนนี้สงสารนาราที่สุดแล้ว ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องมารับกรรมแทน TT
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-02-2014 19:23:21
อยากตบชะนี  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 22-02-2014 19:55:38
รอวันที่หญิงได้รับกรรม เลวเกินอายุไปนะ พ่อแม่เลี้ยงมายังไง ลูกถึงได้สารเลวขนาดนี้ 
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 23-02-2014 00:43:59
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 24-02-2014 11:13:03
หญิงนี่มันโรคจิต หรือเป็นบ้ากันแน่เนี่ย

แค่คนเค้าไม่รักต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-02-2014 11:47:13
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุยังน้อย ๆ คนหนึ่งทำอะไรได้ถึงขนาดนี้
คือ ยกให้หล่อนเป็นลูกมาเฟียที่ผ่านการบ่มเพาะเพื่อให้เป็นใหญ่ในอนาคตจะเชื่อมากอ่ะ
... ตอนนี้เริ่มเบื่อ ๆ กับพระเอก นายเอกนิดหน่อย ดูจะอ่อนไหวกันทั้งคู่
มันใช่เรื่องที่ต้องมาฟาดปากกันเพราะคำพูดที่พูดเพราะความกดดันนั่นหรือเปล่า
เฮ้ พี่ชายพวกแกอาการหนักขนาดนั้น มันต้องให้ความสำคัญเรื่องไหนก่อนกันเนี่ยะ
ตอนนี้ มีหลักฐานขนาดนี้แล้ว ถ้านายเอกจะยังเข้าข้างหญิงขนาดนี้
ก็ไม่ต้องให้มันเป็นนายเอกหรอก เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้เลยเหรอไงฟระ
แว๊กกก ... อย่าถือสาเลยนะ ก็แค่อินน่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-02-2014 12:00:22
น่าจับหญิงไปดัดนิสัยนะะะ  :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 24-02-2014 12:54:34
ป่าน ผิด
แต่เราก็รู้สึกว่าไม่ใช่ความผิดของป่านอยู่ดี
เพราะอีชะนีนั่นแท้ๆ :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 24-02-2014 15:53:05
โรคจิต เหอะ ๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep21] 22/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 24-02-2014 16:58:18
22

 
            ผมถูกสั่งห้ามไม่ให้บอกอะไรกับนาที เพราะพี่วินจะเก็บเรื่องที่พี่นารากลายเป็นเจ้าชายนิทราเป็นความลับ หลังจากที่รถตู้จอดที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ พี่กวางที่เป็นเพื่อนสนิทพี่วินก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
            “ทีเป็นไรไม่รู้ กลับถึงบ้านก็วิ่งเข้าห้องตัวเองแล้วก็ไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ฉันเลย!” พี่กวางว่าก่อนจะรีบวิ่งพาผมและพี่วินเข้าไปในบ้าน ขึ้นไปยังชั้นสองที่มีห้องนอนเรียงรายอยู่ มือของพี่กวางเคาะลงที่ประตูไม้เนื้อดีแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
            เพราะกลัวว่าลูกชายคนเล็กจะคิดสั้น เหล่าพี่ชายเลยได้แต่เป็นกังวลกัน
            “ที! เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ” เคาะประตูอยู่นานสองนานก็ไม่มีเสียงตอบรับจนพี่วินต้องเป็นฝ่ายเคาะเสียเอง ผมยืนมองสถานการณ์ตรงหน้า เจ้าเด็กโง่เอาแต่ใจที่ไม่ห่วงความรู้สึกของคนอื่นข้างในห้องนั่นมันชักจะมากเกินไปแล้วจริงๆ
            “ไอ้ที!!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!!” พี่วินตบประตูจนแทบจะเรียกได้ว่าจะพังมันเข้าไป ก็ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนด้านใน ผมมองทั้งสองด้วยแววตาอ่อนล้าก่อนจะขออนุญาตแทรกตัวเข้าไปแล้วเคาะลงบนประตูไม้นั่น
            “ที … นี่ป่านนะ”
            ‘ตึง!’
            เสียงเหมือนของตกภายในห้องทำให้พี่ทั้งสองร้อนรนจนแทบจะกินหัวผม กลัวว่านาทีจะโง่ฆ่าตัวตายหรือทำอะไรที่สิ้นคิด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “ถ้าไม่เปิดประตู ก็ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก!!”
            ‘ผ่าง!’
            “ไม่เอา!” แค่ทริคหลอกเด็กเล็กน้อย นาทีก็เปิดประตูออกมาแทบจะทันทีแล้วลากผมเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูใส่หน้าพี่ๆทั้งสองอย่างไร้กาลเทศะ ผมมองเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์แล้วถอนหายใจ
            มือหนาลากผมไปที่เตียง นาทีนั่งลงกับเตียงแล้วกอดเอวผมเอาไว้ ซุกหน้าหล่อๆของมันลงที่หน้าท้องแบนๆของผม
            “เลิกทำตัวเป็นเด็กๆซักที” ผมลูบหัวคนตรงหน้า นาทีพ่นลมหายใจ
            “มึง…”
            “อะไร?”
            “นารา ตื่นหรือยัง?” นาทีถามขึ้น ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพลางดึงแขนนาทีออกจากตัวแล้วมองคนตรงหน้าด้วยความสงสาร
            “เดี๋ยวพี่นาราก็ตื่นแล้ว”
            “โกหก … พี่หมอไม่บอกกูแถมยังทำหน้าเหมือนอมความลับอะไรซักอย่าง” ไอ้คนช่างสังเกตบ่นอุบแล้วลุกขึ้นเดินพล่านไปมาในห้องราวกับหนูติดจั่น
            “วินบอกอะไรมึงใช่มั้ย?” ก่อนที่นาทีจะหยุดอยู่ตรงหน้าผมที่นั่งลงบนเตียงแทน ผมส่ายหน้า
            “ไม่นี่ มึงคิดมากไปแล้วนะ”
            “แล้วทำไมถึงออกมาจากโรงพยาบาล นารายังอยู่นั่น ถ้าพี่นาราฟื้นขึ้นมาแล้วหาพวกเราไม่เจอ…” ผมกระชากเสื้อคนตรงหน้าอย่างใจเย็นก่อนจะบดเบียดริมฝีปากขึ้นไปแตะริมฝีปากสีซีดนั่น ค่อยๆละเมียดเบาๆแล้วละออก นาทีเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วมองหน้าผม
            “เลิกคิดก่อนได้มั้ย พี่นาราไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่เชื่อใจหมอหรือไง”
            นาทีหลับตาลงแล้วถอนหายใจอีกครั้ง
            “ไม่ใช่ไม่เชื่อ … แต่ …” ร่างโปร่งชะงักไปเมื่อผมค่อยๆแกะกระดุมเสื้อออกจากตัวแล้วเลื่อนมือไปดึงร่างของนาทีให้นอนลงบนเตียง ผมตามขึ้นไปคร่อมร่างของคนตรงหน้าเอาไว้แล้วซุกหน้าลงที่ซอกคอของนาทีโดยไม่ปริปากพูดอะไร
            “ป่าน…” นาทีคงตกใจที่จู่ๆผมก็มีท่าทีแปลกๆ ผมพยายามกลั้นความอ่อนแอไว้ในใจ
            ยังไงผมก็ต้องเป็นหลักให้นาที เพราะนาทีสูญเสียมากเกินไป ทั้งแองจี้ และพี่นาราที่อาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาถ้านึกถึงความเป็นจริง เพราะสงสารคนตรงหน้า …
            หรือเพราะว่า … ไม่อยากจะให้นาทีสูญเสียคนที่รักอีกต่อไปแล้ว
            มันมากเกินไป มากเกินกว่าที่ผู้ชายคนนี้จะรับไหวจริงๆ
            “คืนนี้อยู่ด้วยกันนะ”
            ผมกระซิบข้างหูร่างโปร่งเบาๆ ก่อนจะหลับตาเพื่อรับสัมผัสที่วาบหวิวเพื่อให้ลืมเรื่องราววันนี้ไปทั้งหมด กลิ่นของนาทีที่ติดอยู่ที่จมูก มือที่ไล้ผ่านร่างกาย สัมผัสอ่อนโยนและรุนแรงไปพร้อมๆกันทำให้ผมอยากจะจดจำมันไปตลอด อยากจะสัมผัสให้มันมากกว่านี้ ให้ความรู้สึกกลายเป็นเครื่องกลบเกลื่อนเรื่องราวบ้าๆที่เกิดขึ้น ให้ตายสิ …
ผมแพ้ความเร่าร้อนของนาทีอย่างราบคาบเลยล่ะ…
 
            *


            ผมนั่งมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านพร้อมกับบุหรี่มวนหนึ่ง ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากริมฝีปากสีซีด ผมที่เป็นคนไม่ชอบสูบบุหรี่และไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ได้แต่นั่งมองอยู่แบบนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปกอดเอวของนาทีเอาไว้นิ่งๆ ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก
            “อะไร? อ้อนเป็นด้วยหรือไง?” นาทีว่าพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ขยี้หัวผม ผมส่ายหน้า
            “ถ้าเกิดวันหนึ่งกูเป็นอะไรขึ้นมา … มึงจะเศร้ามั้ยวะที …” ผมพูดเสียงแผ่ว ไม่ทันไรคนที่กอดอยู่ก็กระชากแขนผมออกอย่างแรงก่อนจะฟาดร่างผมลงที่ผนังห้อง ร่างโปร่งกัดฟันกรอดก่อนจะปล่อยบุหรี่มวนนั้นลงพื้นแล้วใช้รองเท้าผ้าขยี้ซะจนบี้ติดไปกับร่องกระเบื้อง
            “มึงพูดอะไรออกมา” นาทีกัดฟันกรอด ผมจ้องดวงตาสีเทานิ่งๆ
            “กูแค่ถามเฉยๆ”
            “ถามแบบนั้นกูไม่ชอบ”
            “กูก็ไม่ได้ให้ชอบ กูแค่ถามดู กูเข้ามาในชีวิตมึงแล้วก็อยู่กับมึงมาระยะหนึ่งจนพอผูกพันกัน แค่ถ้าเกิดวันหนึ่งกูไม่อยู่ตรงนี้ จะได้มั่นใจว่ามึงยังอยู่ได้”
            ‘เพี๊ยะ!!’
            มือหนาฟาดลงมาที่ใบหน้าของผมอย่างแรงจนชาไปครึ่งแถบ ผมเบิกตากว้างแล้วมองนาทีอย่างเอาเรื่องแต่อารมณ์คุกรุ่นของคนตรงหน้าชักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีกระชากคอชุดคลุมอาบน้ำของผมอย่างแรง
            “มึงเข้ามาในชีวิตกูเองก็จริง”
            นาทีเม้มริมฝีปากแน่น แล้วผลักผมไปชิดกำแพงอีกครั้งจนชุดคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ยไปหมด
            “แล้วมึงคิดว่าจะออกไปง่ายๆอย่างงั้นเหรอ!!!”
            ร่างโปร่งพุ่งเข้ามาฉกริมฝีปากผมและบดเบียดลงมาอย่างแรงจนแทบจะต้องร้องด้วยความเจ็บจากกลิ่นคาวเลือดที่ซึมตามริมฝีปาก ผมเบิกตากว้างพยายามจะผลักนาทีที่ไร้สติออกไปแต่ขายาวๆของคนตรงหน้าก็แทรกเข้ามาที่หว่างขาของผมอย่างถือวิสาสะ!
            “ที ไม่เอาแล้ว!”
            ผมผลักร่างโปร่งออกแล้วหอบหายใจพลางกระชับชุดคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ย ใบหน้าผมตอนนี้คงจะแดงก่ำเพราะความเอาแต่ใจของคนตรงหน้า แต่พอเห็นใบหน้าที่ซึมลงไปของนาทีก็ทำให้ผมใจอ่อน
            “มึงจะทิ้งกูไปเหรอป่าน” นาทีถามขึ้น ผมใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
            “ใครบอกวะ!!” ก่อนจะกระชากร่างที่ก้มหน้างุดๆมากอดเอาไว้
            “กูแค่สมมติ ถ้าเกิดวันนึงน้องหญิงทำอะไรกูขึ้นมาแล้วกูเป็นแบบพี่นารา มึงจะได้ไม่ต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งไปขอหมอให้บริจาคอวัยวะให้กู” ผมกลั้วหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก พยายามที่จะทำให้นาทียิ้มออกมา แต่ไม่เลย
            “ไม่ขำ” นาทีว่า ผมหัวเราะฝืดขึ้นทันที
            “ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรมึงจริงๆ กูยอมเป็นไอ้หน้าตัวเมีย” ไอ้ลูกช่างตีมันบ่นอุบ ผมขยี้หัวนาทีอย่างหมั่นไส้แล้วดึงแขนของมันให้เข้ามาอยู่ในห้องพลางกดปิดประตูกระจก ยุงชักจะเริ่มเยอะ
            “มึงก็ต้องระวังเหมือนกัน” ผมดึงนาทีให้นั่งลงที่พื้นข้างเตียงก่อนจะนั่งลงตรงหน้าร่างโปร่ง
            “ไม่มีใครทำอะไรกูได้หรอก”
            แหม่ มั่นใจซะจริงนะ
            “แน่เหรอ?”
            “เออดิ”
            “แล้วที่กูต่อยมึงทุกวันนี่คืออะไรวะ” ผมว่าก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหยอกคนตรงหน้าแล้วหดหน้ากลับเมื่อนาทีทำท่าจะจูบลงบนริมฝีปากของผมที่เริ่มจะแสบหลังจากโดนกระแทกจนเป็นแผลเมื่อกี้
            “มันคนละแบบกัน มึงเป็นแฟนกู” นาทีเบ้ปาก ผมหัวเราะร่วน
            “มึงคิดเองเออเองนะนาที กูยังไม่เคยพูดคำว่ารักหรือว่าตอบตกลงเป็นแฟนมึงเลย” ผมกวนคนตรงหน้าแล้ววิ่งขึ้นเตียงไป นาทีเบิกตากว้างพลางสบถอย่างโมโหแล้วคว้าข้อเท้าผมเอาไว้จนร่างผมร่วงลงไปกระแทกกับเตียงอย่างแรง! โอ้ย จมูกแทบหัก กรรมเวร!
            “มึงทำงี้ไม่ได้นะป่าน!!” นาทีลากขาของผมพรวดเดียวจนไปอยู่ใต้ร่างของมัน ผมหัวเราะ
            “ทำไมจะทำไม่ได้ กูยังไม่มีเหตุผลที่จะรักมึงเลยนี่” ผมว่า นาทีชะงักไป
            “ช็อคเหรอ?” ผมตบหน้าคนด้านบนเบาๆ
            “จริงเหรอที่มึงไม่เคยรักกูเลย?” นาทีว่าก่อนจะลุกออกจากตัวผมแล้วลงไปนั่งกอดเข่าที่เดิม ผมยันตัวขึ้นมาพลางมองกลุ่มผมสีดำสนิทที่หันหลังให้พลางส่ายหน้าให้กับความขี้น้อยใจของนาที
            เจอกันวันแรกๆยังเป็นไอ้สารเลวที่นอนกับคนอื่นไปทั่วอยู่เลย
            พอมาวันนี้กลับกลายเป็นเด็กขี้งอนไปซะแล้ว
            “ไม่รู้จะพูดไงดี …” ผมพึมพำ
            ไม่รู้จะตอบยังไง
            ไม่รู้ว่าใช่คำว่ารักหรือเปล่า
            ทั้งๆที่ผมเคยคิดว่ารักนาทีและพูดมันออกไป แต่ก็ไม่เคยมั่นใจกับคำๆนี้เลย
            “รักไม่เห็นต้องมีคำอธิบายให้ยุ่งยาก ไม่ใช่สูตรคณิต” นาทีว่า มือหนากอดเข้าหากัน ผมมองภาพตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะกระเถิบตัวลงนอนราบบนเตียงแล้วกอดคอนาทีจากด้านหลัง วางคางลงบนไหล่กว้างอย่างเอาใจ
            “จริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกนะ”
            “มึงไม่รักกู กูคิดไปเองคนเดียวสินะ” ผมเขกหัวไอ้เด็กโข่งไปเบาๆ
            “มีคนแถวนี้เคยบอกกูว่า มันรู้แล้วล่ะว่ารักหน้าตาเป็นยังไง บอกกูหน่อยได้ป่ะว่ารักมันหน้าตาเหมือนปิกาจูมั้ย?” ผมถามนาที นาทีจับมือผมแล้วหันหลังมามองหน้า
            “ความรักของมึงอ่ะ หน้าตาหล่อๆเหมือนกู”
            อื้อหือ มึงจะบอกว่าตัวมึงเองก็พูดมาเถอะว่ะ
            “เหรอ ไอ้กาฬก็หล่อนะ นั่นอาจจะเป็นความรักของกูก็ได้”
            “ป่าน!!! มึงเป็นแฟนกูนะ” นาทีตะโกนลั่นแล้วทำหน้าบึ้ง ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
            “มึงคิดเองเออเองคนเดียวอ่ะที … เอางี้  มึงลองขอกูเป็นแฟนดูดิ เผื่อกูจะยอมตกลงให้” ผมยื่นข้อเสนอให้นาทีแล้วอมยิ้มเล็กๆก่อนจะนั่งจ้องหน้าคนตรงหน้าพลางกระพริบตาปริบๆอย่างกวนๆ
            “ว่าไง ชักช้าลีลาตายพวกนะมึง”
            “เป็นแฟนกันนะ” นาทีว่า ผมส่ายหน้า
            “ห้วนไป”
            “เป็นแฟนกันนะครับ”
            “ห้วนอยู่ดี” ผมหัวเราะกับท่าทางที่เริ่มฟึดฟัดของนาที
            “เป็นแฟนกับผมนะครับ”
            “ไม่”
            “ป่าน!!!”
            “อีกทีเร็วเผื่อจะยอม”
            มือของนาทีกระชากผมเข้าไปใกล้ก่อนจะจรดจมูกลงบนจมูกของผม ดวงตาสีเทาอ่อนจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมไม่กระพริบ ราวกับว่าต้องการจะบอกว่ามันจริงจังจริงๆ หน้าผมร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
            “เป็นแฟนกับทีนะ … ป่าน”
            อ่ะ…
            “อืม” ผมครางในลำคออย่างลืมตัว
            อากาศร้อนจัง
            ก่อนนาทีจะหัวเราะในลำคอแล้วผลักผมออก
            “แค่นี้ก็ทำเป็นหน้าแดง สตอเบอร์รี่!”
            ... หมดกันอารมณ์เขินเมื่อกี้
            “ตายไปเลยไอ้ห่า!!!” ผมหยิบหมอนฟาดลงที่หัวของนาทีอย่างแรงจนมันร่วงลงไปนอนกลิ้งที่พื้นพรมแล้วร้องออกมาเหมือนหมาโดนเชือด
            “โอ้ยย เจ็บ!!! เมื่อกี้มึงตอบ ‘อืม’ ว่าตกลงเป็นแฟนกูแล้วนะ ทำแบบนี้กับแฟนไม่เกินไปหน่อยเหรอ” 
            ผมแลบลิ้นใส่ไอ้นาทีแล้วหยิบหมอนข้างฟาดลงไปที่ตัวของมันอีกครั้ง
            “เออ! รู้ไว้ซะด้วยว่าต้องเจอแบบนี้ไปอีกนาน แล้วขอบอกไว้อย่างนึงนะ!!!”
            “เป็นแฟนกูต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตายเว้ย!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” แล้วผมก็ตะลุมบอนอย่างอ่วมอรทัยกับนาทีจนแทบสิ้นแรง
            ผมนอนหอบหายใจที่พื้นห้องพลางมองไปยังคนด้านข้างที่ลิ้นแทบห้อย ก่อนจะยื่นมือไปเขย่าตัวนาทีเล็กน้อย
            “อะไร” ผมว่าผมอาจจะมั่นใจ ...

            “กูอาจจะ ‘รัก’ มึงจริงๆก็ได้ว่ะนาที”


            *
 
            ผมเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมกับเจ้าของบ้านที่อายุน้อยที่สุดที่เดินตามหลังมา นาทีตาบวมเฉ่งหลังจากที่ร้องไห้อย่างหนักเมื่อวานเลยต้องสวมแว่นกันแดดปิดเอาไว้พอๆกับพี่วินที่สวมแว่นเหมือนกัน สองพี่น้องมองหน้ากันนิดหน่อยแล้วหันหน้าเมินหนี
            นาทีคงโกรธพี่มันที่ด่าว่า ปากหอยปากปูและปากพล่อย
            ผมมองสมาชิกใหม่ในบ้านที่นั่งยิ้มอยู่ที่โต๊ะกินข้าว สายตาที่มองนาทีนั้นมันอาจจะมากเกินกว่าเพื่อน แต่เท่าที่ได้ยินจากปากของพี่วิน พี่หมอหรือพี่กวางนั้นอาจจะเป็นคนที่นาทีรัก…
            จริงสินะ เพราะมัวแต่เล่นกันผมเลยไม่ได้ถามความสัมพันธ์ของนาทีกับพี่กวางเลย
            “ที…” ผมหันไปกระซิบกับนาทีที่กำลังจะเดินแซงผมลงจากบันได
            “หืม”
            “กูหึงโหดถึงขั้นตัดเจี๊ยวมึงได้นะ” ผมยิ้มร่า ไอ้นาทีหน้าซีดเผือกแล้วเลือกที่จะยืนนิ่งอยู่กับที่ปล่อยให้ผมเดินนำลงไป ผมยกมือไหว้คุณพ่อที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่หัวโต๊ะกินข้าว
            “ให้ไปปลอบกัน เล่นปลอบกันถึงเช้า ไม่รู้ปลอบอิท่าไหน” พี่วินพูดขึ้นมาพร้อมกับคุณพ่อที่หัวเราะชอบใจใหญ่ ผมหัวเราะแหะๆกลับไปแล้วนั่งลงข้างๆพี่วิน ส่วนนาทีก็นั่งลงข้างๆพี่กวางที่ยิ้มให้นาทีมากเกินจนผมเริ่มจะหมั่นไส้
            ตกลงเป็นพี่น้องกันหรือว่าเกินกว่านั้นวะ!?
            บรรยากาศในครอบครัวดูต่างจากเมื่อวานมาก เล่นบทโศกกันไม่ถึงวัน วันนี้คุณพ่อก็สามารถปล่อยมุขได้ แต่เบื้องหลังรอยยิ้มพวกนั้น ดูก็ออกว่าพวกเขากำลังกลบความเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น
            “วันนี้จะไปเยี่ยมนารา”
            “ไม่ได้!!! / ไม่ได้นะ!!!” เป็นคุณพ่อ พี่วิน และพี่กวางที่ตะโกนแข่งกันจนบ้านแทบจะกลายเป็นสนามเชียร์มวยหลังจากนาทีพูดคำๆหนึ่งออกมา ผมหันไปมองหน้าแต่ละคนด้วยความตกใจที่ตบโต๊ะจนไข่คนที่อยู่ในจานแทบจะกระเด้งลอยเคว้งในอากาศ นาทีมองหน้าคนในครอบครัวงงๆ
            “ทำไม?”
            “วันนี้จะไปดูโรงเรียนใหม่ไม่ใช่หรือไง เห็นไอ้เจ้าวินบอก” คุณพ่อพยักพเยิดหน้าไปยังพี่ชายคนโตสุดของบ้าน พี่วินพยักหน้าส่วนนาทีส่ายหน้ายิก
            “ไม่เห็นพูดอะไร / ฉันนัดผ.อ.ไว้แล้ว” พี่น้องพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะมองกันด้วยสายตาอาฆาต
            “ใช่ไหมป่าน เมื่อวานพี่บอกป่านไปแล้ว” พี่วินหันมาถามผม ผมมองเขานิ่งๆก่อนจะได้สายตาอำมหิตส่งกลับมาจนพยักหน้ารับแทบไม่ทัน
            “เออ ใช่ ลืมบอกเลยว่าพี่วินบอกว่านัดผ.อ. ไว้ให้แล้ว”
            นาทีขมวดคิ้วมองผม แม้สายตาจะถูกซ่อนอยู่ภายใต้แว่นดำ แต่ผมมั่นใจว่ามันกำลังโมโหอยู่
            “นี่พ่อกับพี่เป็นอะไรกันไปหมดวะ! หา?! ลูกชายจะตายทั้งคนยังนั่งหัวเราะอยู่เนี่ยนะ แล้วเฮียอ่ะ ยกเลิกไปเหอะ ไม่มีอารมณ์จะเรียน!!!!” นาทีตะคอกเสียงดังก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร พี่กวางทำท่าจะลุกไปแต่ผมชิงโอกาสนั้นวิ่งปราดตามนาทีออกไปนอกบ้าน
            “นาที!! จะไปไหนวะ?” ผมรีบสวมรองเท้าแล้วมองคนที่กำลังกดกุญแจรถ
            “จะไปเยี่ยมนารา”
            “ไปไม่ได้นะ!!!” พี่กวางวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพร้อมกับพี่วิน ผมพยายามดึงแขนนาทีเอาไว้
            “นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!!!? พวกพี่เป็นบ้าอะไรกัน!!!! นาราเป็นพี่ชายผม!!!! อย่ามาห้าม!!!” นาทีตะคอกด้วยความเหลืออดแล้วลากผมขึ้นรถก่อนจะพุ่งออกไปนอกบ้านด้วยความรวดเร็ว
            ผมมองมือหนาของนาทีที่กำพวงมาลัยรถแน่น
            บางทีอาจจะถึงเวลาที่นาทีจะต้องรู้…
            ‘ครืด ครืด’
            โทรศัพท์ของนาทีสั่น เจ้าตัวดูหน้าจอก่อนจะโยนมันไปไว้เบาะหลัง ไม่ทันไรโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นตาม นาทียึดมันไปแล้วกดรับอย่างหัวเสีย
            “ไอ้พี่เฮงซวย!!!!” นาทีตะคอกใส่โทรศัพท์แล้วโยนมันไปไว้เบาะหลังอีกครั้ง ผมมองคนที่โมโหจนเหยียบคันเร่งแทบจะมิดแล้วเลือกที่จะไม่พูดอะไร
            “บอกมาให้หมดเลยนะ ปิดบังอะไรกันอยู่” นาทีว่า ผมจับแขนนาทีเบาๆ
            “เบาคันเร่งก่อนเหอะว่ะ”
            “บอกมาสิวะป่าน!!!!!” นาทีตะคอกลั่นจนผมสะดุ้ง
            ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “เบาคันเร่งก่อนแล้วจะบอก…”
            “ไม่ต้องแล้วล่ะ ไปดูที่โรงพยาบาลกันเลยแล้วกัน!!!!”
            รถสปอร์ตสีเทาจอดลงที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล นาทีกระชากผมให้ลงจากรถก่อนจะตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อสอบถามห้อง ผมไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมพยาบาลถึงบอกว่าพี่นาราย้ายมาอยู่ห้องวีไอพีแล้ว
            เขาควรจะยังอยู่ในห้องไอซียูนี่ ไม่ใช่เหรอสำหรับคนที่ยังไม่ฟื้นน่ะ
            นาทีลากผมไปหยุดอยู่ที่ห้องผู้ป่วยวีไอพีก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเบาๆ ผมมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
            “พักผ่อนก่อนนะคะ” พยาบาลชุดขาวยืนอยู่ด้านข้างเตียงแล้วพูดกับใครบางคน นาทีปราดเข้าไปหาพี่นาราที่นอนอยู่เตียง ก่อนภาพที่ปรากฏตรงหน้าจะทำให้ผมแทบช็อค ดวงตากลมโตนั่นปรือขึ้นมาอย่างช้าๆและเหนื่อยอ่อน
            “นาที…”
            พี่นารา … ไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทรานี่?!!






TBC
อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยนะคะ อีกไม่กี่ตอนก็ใกล้จะจบแล้วล่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 24-02-2014 17:25:15
 :monkeysad:  ดีแล้วที่พี่นาราฟื้นขึ้นมา
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-02-2014 17:36:51
หักมุมอีกแล้ว!!!!

ตกใจแปบ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-02-2014 18:58:19
ดีใจมากที่ฟื้นนนน  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 24-02-2014 19:14:55
อ้าววว ก็ดีใจนะที่พี่นาราฟื้น
แต่จะหักมุมเปงไรอีกป่าวอ่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 24-02-2014 21:50:08
 :hao4:

ยังไง ?  พี่นาราหายแล้วววว หรือไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทราตั้งแต่แรก
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 24-02-2014 21:58:10
เฮ้ย มาต่อที คือแบบติดมากเลยอ่ะ สนุกเว่อร์ๆ มันแบบโดนใจอ่ะ ชอบ ลุ้นจนปวดท้องแล้วเนี่ย อินเกิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 24-02-2014 23:55:46
เห็นชื่อคนแต่งแล้วพุ่งมาแปะป้าบบบไว้ทันที  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 25-02-2014 02:29:21
เฮียไม่ตื่นนี่ ใจหายใจคว่ำ ก้มต่ำไปอยู่ตาตุ่ม
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 25-02-2014 08:21:22
บางทีก็ รักกัน แกล้งกัน หยอกกันแรงไปนะอิหนู  :z3: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep22] 24/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 25-02-2014 08:21:50
พี่นาราฟื้นแล้วดีใจจังเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep23] 26/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 26-02-2014 17:00:55
23
   
 
            ‘ปึง!’
            ประตูถูกเปิดตามเข้ามาพร้อมกับร่างของพี่วินและพี่กวางที่วิ่งกันเหนื่อยหอบจนเหงื่อซก พี่วินดูตกใจที่เห็นพี่นาราตื่นมาคุยอยู่กับนาที แม้ท่าทางของพี่นาราจะอิดโรยมากก็ตามที ในที่นี้อาจจะมีผมคนเดียวที่งงเป็นไก่ตาแตกกับสิ่งที่ได้ยินมา
            ผิดกับนาทีที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง มันยืนอยู่ข้างเตียงกับพี่นาราแล้วยิ้มอย่างดีอกดีใจที่พี่นาราฟื้น พี่กวางเองก็ยิ้มร่าออกมาแล้ววิ่งไปหาพี่นารา พี่วินมีทีท่าอยากจะเมินผมเพื่อเข้าไปหาน้องชายเหมือนกับคนอื่นๆบ้าง แต่ทำไม่ได้เพราะผมจ้องเขาเขม็ง
ผู้ชายคนตรงหน้ากำลังทำอะไร…
            “ไปหาพี่นาราเถอะ” แต่เพราะผมมีมารยาทพอ เขาเป็นพี่ชายที่ห่วงน้องชายและเขาควรจะได้เจอหน้าคนที่เขารัก ผมพูดขึ้นเสียงแผ่วแล้วหลีกทางให้กับผู้ชายร่างสูง เจ้าตัวเลิกคิ้วสงสัยอย่างไม่เข้าใจ พี่วินพยายามจะอธิบายบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา ทั้งห้องเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่พี่วินจะเดินเข้าไปกอดพี่นาราแล้วก็ปล่อยให้พี่นาราหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
            ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
            “พี่ขอโทษป่าน…” เสียงของพี่วินดังขึ้น ผมมองร่างสูงที่หันหลังกลับมา
            “ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ” ผมว่าก่อนจะเดินไปที่ระเบียงห้องพักของผู้ป่วย พี่วินตามเข้ามาพร้อมกับนาทีแต่นาทีถูกผลักออกไปแล้วพี่วินก็ปิดประตูกระจกก่อนจะกดล็อค
            “พี่นาราไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทรา…” ผมพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะมองหน้าคนตรงหน้าที่มีท่าทีสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ผมเม้มปากแน่น
            นี่เขาเห็นผมเป็นอะไรเนี่ย…
            ทำไมถึงต้องโกหกกัน?
            “.. ทำไมพี่ทำแบบนี้!! ทำไมต้องโกหกด้วย!!!” ผมผลักอกที่วินอย่างแรงจนร่างของเขาเซไป ผู้ชายที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ที่กระจกด้านในห้องทุบมันเพราะอยากรู้เรื่องราวของพวกผม แต่ผมไม่ได้สนใจนาที
            ผมสนใจว่าทำไมคนตรงหน้าต้องโกหก
            “ความเป็นความตายมันใช่เรื่องล้อเล่นซะที่ไหน?!!!” มือของผมบีบแขนคนร่างสูงแน่นก่อนจะเขย่าตัวเขา
            “ก็ถ้าพี่ไม่โกหก ป่านจะยอมทิ้งผู้หญิงคนนั้นหรือไง!!!” กลายเป็นพี่วินที่หัวเสียแทน เขาบีบแขนผมกลับด้วยแรงมหาศาลที่ทำเอาผมเจ็บไปหมด ผมมองคนตรงหน้าเขม็ง ... อีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วงั้นเหรอ
            ผมเบื่อที่จะต้องฟังชื่อเธอซ้ำๆแล้วรู้ไหม!!!!
            “ถ้าพี่บอกว่านาราไม่เป็นอะไรมาก ป่านก็คงไม่เอาโทษผู้หญิงคนนั้น!!!”
            “แต่พี่ไม่ควรบอกแบบนี้ ถ้าเกิดนาทีรู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง!!!”
            พี่วินนิ่งไปเมื่อผมพูดชื่อของน้องชายคนเล็กของเขาออกมา ผมกับพี่วินผละออกจากกันเมื่อนาทีเริ่มทุบประตูข้างนอกนั่นอย่างแรงจนพี่กวางต้องเข้ามาห้ามเพราะกลัวพี่นาราจะตื่น
            "พี่จำไว้นะ เรื่องอื่นผมอาจจะยอมได้ แต่อย่าเอาความเป็นความตายมาเล่นกับผม พี่บอกแค่คำเดียว!! แค่คำเดียวว่าหญิงเป็นคนเจาะยางรถของพี่นารา แค่นั้นผมก็เอาโทษผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว” ผมว่าก่อนจะผลักอกคนตรงหน้าอีกครั้งแล้วเปิดล็อคประตูกระจก
            ใช่ ผมเอาโทษผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว แล้วก็เลิกพูดถึงเธอซักที มากๆไป ผมชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
นาทีวิ่งพรวดพราดเข้ามาคนแรกแล้วมองหน้าพี่วินเขม็ง
            “เฮียทำอะไรป่าน ทำไมป่านถึงโมโหจนหน้าแดงแบบนี้?” ร่างโปร่งพูดเสียงแข็ง พี่วินถอนหายใจ
            “พี่โกหกป่านว่านาราเป็นเจ้าชายนิทรา จะได้ให้ป่านตัดใจแล้วก็ไปเอาผิดกับหญิง” ร่างสูงว่า นาทีเบิกตากว้างก่อนจะปราดเข้าไปชกหน้าพี่ชาย!
            “ว่าไงนะ!!!! พี่บอกป่านว่านาราเป็นเจ้าชายนิทราทั้งๆที่นาราไม่ได้เป็นงั้นเหรอ?!!!”
            “นาทีใจเย็นๆน่า” พี่กวางเข้ามาห้ามพี่น้องสองคนเอาไว้ก่อนที่จะมีเรื่องไปมากกว่านี้ พี่วินถูกลากกลับเข้าไปในห้อง
            “ที่ฉันโกหกก็เพื่อแกนะที เพราะแฟนแกมันไม่ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซักที!!! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าป่านคิดอะไรกับหญิง!!!! ถ้าไม่บอกว่านาราเป็นหนัก มันอาจจะไม่สำนึกว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นยัยโรคจิตดีๆนั่นเอง!!!!”
            ประตูถูกปิดลงด้วยมือของพี่กวางพร้อมกับผ้าม่านในห้องที่ถูกลากปิดลง นาทีจะปราดเข้าไปเปิดประตูเพื่อที่จะกลับเข้าไปในห้องแต่ผมกระชากแขนมันเอาไว้แล้วปิดประตูกระจกลงเบาๆ
            “พอเหอะ”
            “ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วเว้ย ป่านไม่โง่หรอกไอ้พี่บ้า!!” นาทีตะคอกกลับไป ผมส่ายหัวกับความบ้าของคนตรงหน้าก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ด้านนอกระเบียง นาทีเดินมานั่งลงตรงหน้าผม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “ขอบุหรี่มวนดิ๊”
            ก่อนจะยื่นมือขอสิ่งที่เกลียดจากร่างโปร่ง ผมเคยสูบบุหรี่มาก่อนแต่ไม่บ่อย จนหลังๆตั้งใจว่าจะเลิกเลยอุปทานตัวเองว่าเกลียดของสิ่งนี้นักหนา แม้แต่กลิ่นก็ไม่อยากจะดม
            แต่ตอนนี้ผมปวดหัวไม่ไหวแล้ว
            “แต่มึงไม่สูบ…”
            “เอามาเหอะน่า!!!” ผมตะคอกใส่คนตรงหน้าก่อนจะกวักมือขอ นาทีหยิบบุหรี่ออกจากซองมามวนหนึ่งแล้ววางบนมือผมก่อนจะวางไฟแช็คตามลงมา ผมหยิบมันเข้าปากแล้วจุดโดยไม่รีรอ
            “แค่กๆ”
            เพราะไม่ได้รับสิ่งๆนี้เข้าปอดเป็นระยะเวลานานทำให้ผมสำลักกับกลิ่นและความฝาดของมันอย่างช่วยไม่ได้ ผมหอบไอจนตัวโยนก่อนจะพยายามยัดสิ่งชั่วร้ายเข้าปากแล้วสูดมันเข้าไปก่อนจะพ่นออกมา
            “พอเหอะ” นาทียื่นมือมาหมายจะดึงบุหรี่จะมือผม ผมชักกลับ
            “ยุ่ง!!”
            “ป่าน!”
            “กูไม่ได้รักหญิงแล้ว เข้าใจยัง มึงเข้าใจมั้ยหา!!!! เลิกพูดถึงชื่อนี้ซักที ปวดหัว น่าเบื่อ!!!! โว้ยยยยยย” ผมตะโกนอย่างเหลืออดแล้วอัดบุหรี่เข้าปอดอีกรอบ
            “เซ็งว่ะแม่ง เซ็ง!!!!” ผมบ่นอุบอิบแล้วเคาะก้นบุหรี่ลงในช่องระบายน้ำที่ระเบียงก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอออกไป
            พอกันที!!!! ถึงเวลาต้องคุยกันยาวแล้ว!!!
            “กูจะไปหาหญิง ไม่ไหวแล้ว!!!”
            “ไม่เอา!” นาทียืนขวางผมทันทีที่ผมลุกจากเก้าอี้ ผมมองมันตาขวาง
            “อย่ามายุ่ง”
            “ไม่ให้ไป!!”
            “หลบไปนาที อย่าให้กูต้องเตะก้านคอมึ๊ง โอ้ยยย!!!” นาทีปราดเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะบีบสะโพกผมอย่างแรงจนกระดูกแทบจะแตก ผมบิดเร่าๆด้วยความเจ็บพลางมองหน้านาทีอย่างโมโห
            “อยากโดนบุหรี่จี้หรือไง!!! อื้อ!!” ริมฝีปากสีซีดกดจูบลงมา ผมสะบัดหน้าหนี
            “โว้ยยย มาหื่นอะไรตอนนี้อีกวะ”
            “กูบอกว่าไม่ให้ไป … ยังจะดื้ออีกหรือไง” นาทีกดเสียงทุ้มต่ำจนเรียกได้ว่าคำรามอยู่ในคอ ผมถอนหายใจพลางงับบุหรี่เข้าปากแล้วสูดเข้าไปก่อนจะพ่นใส่หน้าคนตรงหน้า นาทีขมวดคิ้ววุ่น
            “ป่าน อย่าให้กูหมดความอดทน”
            “ทำไม? จะโยนกูลงจากระเบียงหรือไง?”
            “จะจับมึงปล้ำตรงนี้เนี่ยแหละ!!!”
            “!!!”
            “เฮ้ยๆ! ไม่เอา!!” ผมเอาแขนผลักนาทีออกเมื่อมือของมันชักจะอยู่ไม่สุข มือสากๆสอดเข้ามาใต้เสื้อผมแล้วลูบไล้แผ่นหลังของผมจนขนลุกซู่ไปหมด ผมปล่อยบุหรี่ทิ้งลงพื้นแล้วออกแรงผลักคนที่โถมเข้ามาเต็มที่
            “ไอ้ที!!! หยุด!!”
            เมื่อเห็นว่านาทีไม่ยอมหยุด ผมยกมือฟาดหัวมันอย่างแรงจนร่างโปร่งร้องขึ้นมาแล้วกุมหัวก่อนจะลงไปนั่งยองๆที่พื้น ผมชะงักไป ปกตินาทีไม่เคยร้องขนาดนี้เลยนะ ผมยื่นมือไปแตะไหล่คนตรงหน้าเบาๆอย่างตกใจ
            “เฮ้ย ขอโทษ เป็นไรป่ะวะ?” นาทียังคงร้องโอดโอยจนน่าใจหาย
            ให้ตายสิ
            ผมตบแรงไปแน่ๆเลย มันจะความจำเสื่อมมั้ยเนี่ย
            “ที…” ผมนั่งยองๆตามลงไปแล้วเขย่าแขนของนาทีอย่างเป็นห่วง
            “เจ็บมากมั้ย … เฮ้ย!!!”
            ไม่ทันได้ตั้งตัวมือของนาทีก็คว้าร่างผมให้ลงไปนอนราบที่พื้น ร่างโปร่งขึ้นคร่อมผมแทบทันที ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไอ้นาทีหัวเราะออกมาราวกับว่าผมติดกับดักของมันเข้าไปเต็มๆ ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ส่วนผมน่ะเหรอ! …
            “แม่ง!!! กูตกใจหมดเลย!!!” ใจหายใจคว่ำหมดแล้ว!
            “ฮ่าๆๆ หน้ามึงเอ๋อมาก”
            “ไอ้เวร ไอ้ห่านี่!!” แม่ง ผมอุตส่าห์เป็นห่วงมัน!
            “แค่นี้เจ็บ ก็ไม่ใช่กูแล้วป่าน” นาทีว่าพลางก้มลงมาซุกไซร้ซอกคอผม ผมดิ้นพล่านเป็นเจ้าเข้าก่อนจะชะงักไปเมื่อมือของนาทีคว้าหมับเข้าที่ขอบกางเกงยีนส์ของผม
            “ที!!! ไม่เอา กูไม่เล่นนะไอ้ห่า นี่มันระเบียง!!” ลิ้นร้อนๆลากสัมผัสลงที่ใบหูของผมจนผมแทบชักหงิกๆเพราะความอาย พี่วินอยู่ข้างในกับพี่กวางนะเว้ย!!! เล่นบ้าอะไรเนี่ย!!
            “นาที!!!”
            “ระเบียงก็จะเอา” เว้ยยย!!!!
            พูดบ้าอะไรเนี่ย!!!
            มือหนาปลดซิบกางเกงของผมแล้วเลื่อนมันลงไป ผมชักเป็นปลาขาดน้ำทันที ริมฝีปากสีซีดครอบครองริมฝีปากของผมอีกครั้ง ไล่ลงมาที่ซอกคอก่อนจะกลับมาบดเบียดจูบร้อนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมือที่ผลักไสไล่ส่งคนตรงหน้ากลับกลายเป็นต้องจิกเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี่นั่นเอาไว้
            “ที ไม่ทำตรงนี้…”
            “ทนไม่ไหวแล้วป่าน”
            “ที่นีมันโรงพยาบาลนะ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับผมที่กระเด้งตัวลุกขึ้นแทบจะทันที ไม่รู้ว่าประตูกระจกถูกเปิดออกด้วยมือคุณหมอหนุ่มตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผมก็ผลักไอ้นาทีออกไปแล้วลุกขึ้นใส่กางเกงก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้อง
            ขอบคุณมากพี่กวาง … ผมพึ่งเห็นว่าพี่ดีก็ตอนนี้แหละ!!!
            ผมเข้ามายืนในห้องพลางมองพี่วินที่ยังนั่งจับมือพี่นาราอยู่ที่เตียงคนไข้ พี่วินเงยหน้ามองผมนิดๆก่อนจะมองเลยไปด้านหลังที่มีนาทีเดินตามเข้ามา
            “ผมกลับก่อนนะครับ” ผมก้มหัวให้กับพี่อาวุโสทั้งสองก่อนจะเดินออกมาจากห้องคนไข้ทันที ให้ตายเถอะ หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด
            ไอ้บ้านาทีไม่เคยฟังอะไรเลย บอกอยู่ว่าไม่เอาก็ยังจะตื้ออยู่นั่น
            ‘ปึก’
            “โอ้ย!” ด้วยความที่ผมรีบเดินออกมาจากห้องเลยชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนเซไปด้านหลัง ผมบ่นอุบอิบแล้วเงยหน้ามองคนที่ตัวเองเดินชน กะว่าจะขอโทษ แต่พอเห็นใบหน้ากับริมฝีปากที่เป็นเส้นตรงของคนตรงหน้าผมก็แทบจะคว่ำปากลงทันที
            ไอ้กาฬ
            “ป่าน…”
            “ใครวะ ไม่รู้จัก” ผมทำท่าจะเดินหนี แต่มือหนาก็คว้าแขนผมเอาไว้ซะก่อน
            “ปล่อยกู”
            “มึงยังไม่หายโกรธอีกหรือไง…” พระกาฬพยายามรั้งให้ผมฟังสิ่งที่มันพูด แต่ผมไม่มีอะไรจะฟัง ก่อนจะชะงักไปเมื่อมือของใครอีกคนดึงผมออกจากพระกาฬ
            “นาที…” ผมพึมพำเสียงแผ่วแล้วมองใบหน้าของนาที นาทีหันไปมองเพื่อนที่ถือดอกไม้ช่อหนึ่งไว้
            “มาเยี่ยมพี่นาราเหรอ” นาทีพูดเสียงเรียบ พระกาฬหยักหน้าเล็กน้อย
            “อยู่ห้องหัวมุม”
            “อืม” ทั้งสองคนเมินหน้ากันก่อนที่พระกาฬจะเป็นคนเดินออกไป เพราะนาทีโกรธเรื่องที่พระกาฬฟังพ่อมันมากเกินไป มันโกรธที่พระกาฬจูบผมต่อหน้ามัน แต่สำหรับผม ผมโกรธที่ว่าพระกาฬดูถูกผมจนแทบไม่น่าให้อภัย
            จู่ๆฝีเท้าของไอ้กาฬก็ชะงักลง ใบหน้านิ่งสนิทแฝงความเศร้านั่นหันมามองผม
            “ไม่ว่ามึงจะรู้สึกยังไงกับกูตอนนี้ กูแค่อยากให้รู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจ” พระกาฬว่าก่อนจะเดินต่อแล้วหายลับตาพวกผมเมื่อมันเดินเข้าไปในห้องของพี่นารา ผมถอนหายใจ
            ก็เพราะความไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละ ถึงทำให้ใครต่อใครพลาดมานักต่อนัก
            “พี่นาราก็ปลอดภัยแล้ว เหลือแต่เรื่องหญิงสินะ” นาทีหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวแล้วเดินล้วงกระเป๋านำหน้าผมไป ผมขมวดคิ้ววุ่นเมื่อได้ยินชื่อนั้น
            นั่นสินะ
            ‘ครืดๆ’
            ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้า ผมรีบหยิบมันออกมาแล้วดูชื่อสายเรียกเข้าแต่มันเป็นเบอร์แปลกๆ ผมกดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปในขณะนาทีเดินไปถึงลิฟต์ก่อนแล้ว
            “ครับ”
            (ป่านเหรอลูก) เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ผมดึงโทรศัพท์ออกอย่างสงสัย
            ใครกัน
            “ครับ”
            (นี่แม่เองนะ) เพียงแค่คนปลายสายเรียกแทนตัวเองว่าแม่ผมก็ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
            แม่น้องหญิง…
            “ครับแม่”
            (แม่ขอคุยกับป่านเป็นการส่วนตัวที่บ้านแม่ได้มั้ยลูก) เสียงสั่นๆของคุณแม่บ่งบอกอาการที่ไม่ค่อยดีของท่านเลย ด้วยความเป็นห่วง และตัวผมที่ถือความกตัญญูเป็นหลักเลยตอบตกลงไปแทบจะทันที
            “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
            วางสายไปพร้อมกับออกวิ่งไปที่ลิฟต์ นาทียืนกดลิฟต์รอผมอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมวิ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนจะยิ้มให้คนข้างๆที่ยืนเคี้ยวเจ้ายางยืดเหนียวๆตุ้ยๆอยู่ในปาก
            “มีอะไร?” นาทีถามขึ้นเมื่อเห็นผมมองหน้ามัน ผมส่ายหน้านิดๆ
            ตอนแรกตั้งใจจะบอกนาที แต่คิดอีกที … ไม่ดีกว่า ถ้าขืนไอ้เด็กช่างตีไปด้วย คงจะคุยไม่รู้เรื่องพอดี
            “ไปส่งกูที่โรงเรียนที ไอ้ฟ้าบอกอาจารย์จะให้ตกแล้วถ้าไม่เข้าเรียน”
            การโกหกเพื่อให้คนที่รักเราสบายใจ คงไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกนะ
            ผมว่างั้น…
 
            *

            นาทีมาส่งผมที่โรงเรียนก่อนที่มันจะกลับไปที่คอนโดเพื่อไปเก็บกระเป๋า นาทีจะไปนอนเฝ้าพี่นารา ผมไม่ได้ทักท้วงอะไรก่อนจะโบกมือบ๊ายบายไอ้นาทีที่ค่อยๆขับรถออกไปจากโรงเรียน เมื่อรถสปอร์ตลับสายตาไปแล้ว ผมก็รีบวิ่งออกไปหน้าโรงเรียนแล้วโบกแท็กซี่ไปบ้านน้องหญิงทันที
            หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ
            รถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นตา ผมยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้าน ไม่นานนักคนรับใช้ของบ้านก็มาเปิดให้ ผมเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้า เดินตรงเข้าไปที่ห้องรับแขกที่ตอนแรกคิดว่าจะมีเพียงคุณแม่เพียงคนเดียว
            แต่ในห้องรับแขกนั้น กลับมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และนายตำรวจในชุดเครื่องแบบอีกสามสี่คน
            “ป่าน” คุณแม่เรียกชื่อผม ใบหน้าท่านดูอิดโรยมาก
            “สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” ผมไหว้บุคคลที่ผมเคารพทั้งสองก่อนจะเดินไปนั่งลงที่พื้นข้างๆกับขาของคุณแม่ คุณแม่กอดผมแล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่
            “ถ้าเจอตัวน้องยังไง ติดต่อกลับหาผมทีนะครับ”
            “…” คุณตำรวจบอกคุณพ่อแล้วก้มหัวอย่างสุภาพก่อนจะค่อยๆทยอยเดินออกไปจากห้องรับแขก คุณพ่อทุบโต๊ะทันทีที่ตำรวจออกไปจากบ้านก่อนจะสบถอย่างหัวเสีย
            “ทำไมยัยหญิงถึงได้ทำตัวแบบนี้นะ!!!!”
            “คุณคะ…” คุณแม่ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
            “ป่านรู้เรื่องใช่มั้ย? ยัยหญิงไปเจาะยางรถของลูกบ้านตระกูลธาราทรัพย์จนลูกเขาเกือบจะเสียชีวิต ตอนนี้ตำรวจกำลังตามล่าน้องอยู่ เจ้าตัวก็หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้ว!!!” คุณพ่อมองผมแล้วพูดออกมา ดวงตาที่เปี่ยมด้วยความเป็นห่วงลูกฉายออกมาแวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป็นโมโหอย่างเกรี้ยวกราด
            หญิงหนีออกจากบ้านอย่างงั้นเหรอ…
            “พ่อโดนตัดออกจากตำแหน่งอธิการบดีของโรงเรียนก็แล้ว ทำทุกอย่างที่ลูกขอก็แล้ว แต่ทำไมยัยหญิงถึงไม่ยอมหยุดซักที!!! จะต้องให้พ่อเสียหน้าไปอีกซักเท่าไร!!!” คำพูดที่แฝงไปด้วยอารมณ์รุนแรงทำให้ผมเลิกคิ้ว ผมบีบมือคุณแม่ก่อนจะมองคุณพ่อนิ่งๆ
            “คุณพ่อบอกผมทีได้มั้ยครับ ว่าน้องหญิงขออะไร…”
            ผมถามขึ้นนิ่งๆ คุณพ่อมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “น้องหญิงชอบไอ้ลูกชายคนเล็กของบ้านธาราทรัพย์มาก แต่พอเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน น้องหญิงก็เปลี่ยนท่าทีไป รูปของเจ้าลูกชายคนเล็กของบ้านนั้นน้องหญิงเอาไปเผาทิ้งหมดเลย เปลี่ยนเป็นเอารูปป่านขึ้นแทนเต็มห้องไปหมด แล้วก็ขอให้ใส่ความเด็กพวกนั้นแล้วไล่ออกจากโรงเรียน …” ผมชะงักไป
            ว่าไงนะ…
            “พ่อนึกว่าป่านจะรู้เรื่องอะไรบ้าง น้องหญิงไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมไปโรงเรียน แล้วเมื่อวันจันทร์ก็หนีออกจากบ้านไปยังตามตัวไม่เจอเลย” คุณพ่อว่าพลางกุมขมับ ผมเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน
            คุณพ่อจะฆ่าผมหรือเปล่า
            ถ้าผมบอกว่าตัวการที่ทำให้น้องหญิงเป็นแบบนั้น
            นั่งอยู่ตรงหน้าคนพ่อในตอนนี้…
            “แล้วอีกอย่าง ป่านรู้หรือเปล่าว่าน้องหญิงกินยาระงับประสาท…” คุณพ่อพูดขึ้นอีกครั้ง ผมเบิกตากว้างพลางมองหน้าคุณพ่ออย่างตกใจ
            “ไม่ครับ”
            “พ่อเจอยานี่ในห้องน้อง ไม่ได้บอกตำรวจเรื่องนี้” คุณพ่อยื่นยากระปุกหนึ่งมาให้ผม ผมมองที่ฉลากยา มันเป็นยาระงับประสาทจริงๆ ก่อนจะมองขนาดยาในกระปุกใสที่เหลือเพียงแค่ไม่กี่เม็ด
            “หญิงเป็นอะไรหรือเปล่าป่าน ทำไมหญิงไม่บอกแม่เลย” คุณแม่พูดเสียงสั่นแล้วบีบมือผม ผมบีบมือท่านกลับ
            “ผมก็ไม่ได้เจอหญิงเลยครับ ช่วงหลังๆมานี่ คุณแม่พอจะรู้มั้ยครับว่าหญิงหายไปไหน” ผมถามขึ้น คุณแม่ส่ายหน้า พอหันไปหาคุณพ่อ คุณพ่อก็ส่ายหน้าเช่นเดียวกัน
            “ไอ้เจ้าลูกน้องที่ไปช่วยน้องหญิงเจาะยางรถของลูกบ้านธาราทรัพย์กลับมารายงานว่าน้องหญิงหายตัวไป ตามตัวไม่เจอ” ความเครียดเริ่มจะเกาะกุมพื้นที่สมองของผมเรื่อยๆ ผมพยายามคิดว่ามีที่ไหนที่น้องหญิงชอบไป แต่ก็คิดไม่ออกเลยเพราะว่าที่ที่นั้นมักจะเป็นบ้านผมเพียงที่เดียว…
            บ้าน…
            “พ่อครับ ผมจะช่วยออกตามหาหญิงเอง” ผมลุกพรวดขึ้นก่อนจะคว้ามือถือที่วางอยู่ที่โซฟายัดใส่กระเป๋ากางเกง คุณแม่ปล่อยมือผมส่วนคุณพ่อก็ลุกขึ้นตาม
            “ช่วยทีนะ”
            “ครับ” ผมทำท่าจะเดินหันหลังออกไป แต่ชะงักกึกไว้ ก่อนจะถามบางอย่างที่รู้ว่าอาจจะไม่ควรถามออกไป แต่ผมอยากรู้ …
            “ถ้าเจอตัวน้องหญิง … แล้วเรื่องจะเป็นยังไงต่อครับพ่อ”
            ทั้งบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้ ทั้งๆที่ยังมีผู้ใหญ่สองคนอยู่ด้านหลังของผม จริงๆสำหรับครอบครัวของน้องหญิงสามารถยัดเงินเพื่อปิดคดีและไม่ต้องมีใครสูญเสียได้ง่ายๆ แต่ผมไม่แน่ใจเลย ว่าบ้านธาราทรัพย์ครอบครัวของนาทีจะยอมเหรอ ... คุณพ่อของนาทีคงไม่ยอม ในเมื่อเขาเกือบจะสูญเสียลูกชายของเขาทั้งคน ... ลูกใครใครก็รักนะครับ
            “น้องอาจจะเข้าศาลเยาวชน ไม่ก็เจอข้อหาพยายามฆ่า … ทางบ้านธาราทรัพย์ไม่ยอมให้ปิดคดีแน่ๆถ้ายังไม่เจอตัวน้อง”
            ผมนิ่งไป ก่อนจะกำหมัดแน่น
            “มีทางลดโทษมั้ยครับ”
            “มีทางเดียวที่เขาจะลดโทษให้ … น้องหญิงต้องกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ…
            “!!!!!”






TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep23] 26/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-02-2014 17:44:07
จับไปขังไว้จะได้ไม่ต้องออกมาสร้างความเดือดร้อนอีก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep23] 26/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 26-02-2014 18:09:49
ช่วยมากไปหรือเปล่า  ถ้าคนไม่ยอมหยุดให้ตายก็กลับมาทำร้ายเราได้ใหม่   

ถ้าไม่มีเหตุผลดีดี ที่หญิงกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่เห็นใจหรอกนะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep23] 26/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-02-2014 20:18:35
ตื่นเต้นจริงจังอ่ะเรื่องนี้  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep23] 26/2/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 27-02-2014 08:38:22
ป่านจะช่วยหญิงอีกแล้วสิน่ะ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 03-03-2014 01:24:24
24


 
            ผมกลับมาที่บ้านของตัวเองหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์ บ้านยังคงเงียบสนิท ผมคงคิดผิดไปที่จะมาหาหญิงที่บ้านของตัวเองทั้งๆที่รู้ว่าน้องหญิงโกรธผมมากขนาดไหนที่นาทีเลือกที่จะรักผมไม่ใช่รักเธอ ผมนั่นแหละที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด
            รองเท้าถูกถอดไว้ด้านหน้า ก่อนขายาวๆของผมจะก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ผมวางกุญแจบ้านลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะนั่งลงที่โซฟาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
            ทำไมน้องหญิงถึงต้องกินยาระงับประสาทด้วยนะ
            ผมถอนหายใจก่อนจะมองฝ่ามือที่ซีดเผือดของตัวเอง สภาพแบบนี้จะไปช่วยใครเขาได้ ยังไม่รู้เลยว่าน้องหญิงอยู่ไหน ร่างกายของตัวเองก็อ่อนแอขึ้นทุกวัน
            ผมเลือกที่จะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนก่อนจะนอนแผ่ลงบนเตียงแล้วก่ายไปมา จู่ๆลางสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเดินไปที่หน้าต่างของห้องนอน เมื่อมองลงไปจากหน้าต่างห้องนอน ทำให้ผมเกิดอาการจุกกับสิ่งที่เห็นด้านล่างขึ้นมาดื้อๆ
            ใบหน้าเรียวที่ซีดเซียวราวกับคนขาดสารอาหาร ริมฝีปากสีแดงสดกับดวงตากลมบวมช้ำมองขึ้นมาที่ผมราวกับว่าเธอรอผมมานานแสนนาน ผมยาวสีน้ำตาลที่รับพอดีกับใบหน้าหวานนั่นยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอเหมือนตุ๊กตาที่ถูกทิ้ง
            ผมมองภาพตรงหน้านั่นราวกับโดนไฟฟ้าช็อต ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองต้องรีบลงไปหาคนๆนั้น ผมวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อออกไปที่หน้าบ้านก่อนจะไปที่ประตูรั้ว
            ร่างที่ยืนอยู่เมื่อกี้หายไปแล้ว!
หายไปไหน!!?
            เมื่อกี้หญิงอยู่ตรงนี้นี่!!!
            “หญิง!!! หญิง!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อน้องหญิงก่อนจะออกวิ่งไปมา ไม่มีวี่แววของร่างเล็กนั่นแม้แต่นิด ผมหอบหายใจแล้วนั่งลงที่ริมรั้วของสนามเด็กเล่น
            หรือว่าผมจะตาฝาดกันแน่…
            ผมอาจจะคิดมากไป
            จนคิดว่าน้องหญิงจะต้องนั่งร้องไห้คนเดียว…
            เธอจะต้องเครียดมากแน่ๆ
            ผมสงสารหญิง … สงสารจริงๆ
            เธอทำตัวเอง…
           
            ผมเลือกที่จะกลับมาที่คอนโดของนาทีหลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมง ก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องนั่นเพื่อรอให้คนด้านในออกมาเปิด เมื่อกี้ผมโทรเช็คแล้วนาทียังอยู่ที่ห้อง แล้วทำไมถึงเปิดประตูช้าแบบนี้วะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ว่าแล้วผมก็เคาะประตูรัวๆลงไปอีกหลายครั้ง
            “นาที!!!! เปิดประตูดิ!!!!”
            จู่ๆ ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมร่างผมที่ถูกกระชากเข้าไปในห้อง ริมฝีปากสีซีดกดจูบอย่างแรงบนริมฝีปากผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            “ไอ้บ้า เล่นอะไรเนี่ย!!!” ก่อนจะดีดหน้าผากคนตรงหน้าที่หัวเราะร่า
            “เลิกเรียนไวจัง” นาทีว่าแล้วจูงแขนผมให้ไปนั่งที่โซฟา ร่างโปร่งนั่งข้างๆแล้วจับมือผมเอาไว้
            “อะไรของมึง?” เหมือนคนตรงหน้ามันต้องการจะทำอะไรบางอย่าง นาทียิ้มบางๆราวกับว่ามันซ่อนอะไรเอาไว้แต่ไม่อยากให้ผมรู้
            “นาที…”
            “เมื่อกี้กูรื้อของในตู้เสื้อผ้า เลยเจอกับอันนี้” นาทีหยิบผ้าบางอย่างที่วางอยู่หลังโซฟาขึ้นมาถือเอาไว้ เพราะว่ามันถูกขยำอยู่ในฝ่ามือของนาทีผมเลยดูไม่ออกว่ามันคืออะไร
            “อะไรวะ?”
            คำตอบปรากฏตรงหน้าเมื่อนาทีคลี่สิ่งนั้นออกมา ผมเลือดแทบขึ้นหน้าเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร
            สิ่งของตรงหน้าเป็นสีขาวลายการ์ตูน มีหู มีตาและมีจมูกสีดำ
มันคือกางเกงในลายมิกกี้เม้าส์!!!!
            “เหมาะกับมึงม๊ากมาก”
            “ปัญญาอ่อน!!!!” ผมแทบจะถีบคนตรงหน้าออกไปทันทีแต่ไอ้นาทีไวกว่า มันคว้าร่างผมให้นอนราบลงกับโซฟาก่อนจะใช้มือรวบข้อมือสองข้างผมขึ้นไปเหนือหัวแล้วเอาเน็คไทที่วางอยู่ที่พื้นมามัดเอาไว้!!! ผมเบิกตากว้างพลางดิ้นพล่าน
            “ไอ้เวร มึงขี้โกง!!!”
            “ช. ม .ด ช่วยไม่ได้” ไอ้นาทีหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย สายตามันที่มองไปทั่วร่างกายของผมทำเอาผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะตกนรก!!! มือข้างหนึ่งของมันจับแขนของผมไม่ให้ยกขึ้นมาฟาดหัวมัน ก่อนอีกข้างจะทำหน้าที่ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเดิมที่เกือบจะโดนถอดออกไปเมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาล!
            “นาที!!!! มึง กูไม่เล่นนะ!!!”
            “กูไม่ได้เล่นนี่” คนด้านบนตอบกลับมาอย่างกวนตีนก่อนกางเกงยีนส์สีซีดของผมจะโดนกระชากจนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า ผมดิ้นเร่าๆเป็นปลากระดี่!
            “อย่านะมึง ห้ามเอาไอ้หนูติงต๊องนั่นมาใส่ให้กูนะ!!!!”
            “ก็เปล่าจะใส่ให้” นาทีว่า ก่อนจะกระชากกางเกงในตัวที่ปกปิดช่วงล่างเป็นสิ่งสุดท้ายออกจากขาของผม ผมเบิกตากว้างพลางเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธจัด
            “อ้ากกกกกกก มึง!!! ทำบ้าไรวะ!!!” ผมใช้แรงเฮือกใหญ่ผลักไอ้นาทีออกจากตัวแล้วดึงเสื้อเชิ้ตให้ยาวลงมาปิดของรักของหวงเอาไว้ เชี่ย! เย็นไปหมดแล้วเนี่ย!!!
            “ฮ่าๆ” นาทีหัวเราะพลางมองร่างกายของผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มันเดินไปหยิบกางเกงในของผมที่วางอยู่ที่พื้นแล้วเดินไปที่ถึงขยะ พร้อมกับโยนกางเกงในสีขาวของผมลงไปในนั้น!!!
            “ไอ้เชี่ยย!!!!!!” ผมร้องลั่นอย่างเหลืออด นาทีนั่งลงที่โซฟา อารมณ์ดีจนหน้าบาน
            “เอาล่ะ จะใส่ตัวนี้ดีๆ หรือจะยอมให้คนห้องข้างๆเห็นน้องป่านน้อยของมึง” นาทีกลายเป็นผู้คุมเกมส์เมื่อมันถือรีโมทผ้าม่านที่ปิดกระจกใสๆกับกระจกของห้องข้างๆเอาไว้ ผมเบิกตากว้าง
            “อย่าแม้แต่คิดเชียว!!!”
            ขืนเปิด ผมก็ได้อายตายห่าพอดีสิวะ!!!
            ถึงผมจะกล้าโชว์กับเพื่อนด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอนาจารโชว์ในที่สาธารณะนะเว้ยยย!!!
            “อ้อ หรือว่าตัวนี้ไม่ชอบ มีอีกตัวนะ” นาทีว่าก่อนจะคว้าอีสีเหลืองๆที่อยู่ที่พื้นขึ้นมาถือให้ผมดู ผมเบิกตาโพลงจนตาแทบถลนออกมาเมื่อเห็นว่ามันคือกางเกงในอีกตัว
            แต่ตัวนี้เป็นสีเหลืองอ๋อย
            หมีพูห์
            ไอ้เวร
            ติงต๊องเป็นบ้า!
            กูไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้เลย!!
            “มึงอยากใส่ก็ใส่เองดิวะ มาบังคับกูได้ไง!!” ผมบ่นไอ้นาที ก่อนจะขยับตัวเพื่อที่จะวิ่งเข้าไปในห้องนอน แผนของผมคือวิ่งเข้าไปหากางเกงตัวใหม่ใส่แล้วล็อคประตูใส่หน้านาที แต่เหมือนนาทีจะรู้ไต๋
            “อ่ะๆ อย่าขยับ ขยับอีกก้าวเดียว มึงโดนข้อหาอนาจารแน่” นาทีว่า พลางขู่ผมด้วยรีโมทเปิดผ้าม่าน ผมแทบจะร้อง
            “แองจี้ซื้อให้กูแต่กูไม่ชอบ ดูมันเข้ากับมึงดี”
            ห่า ยิ้มเข้าไป ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้วมึง!
            “ชักจะมากไปนะมึง”
            “เลือกเอา ชอบตัวนี้ ตัวนี้ หรือไม่เอาซักตัว” นาทีไปยืนอยู่ที่ถังขยะอีกครั้ง มันตั้งใจจะโยนกางเกงในที่เป็นที่เลือกสุดท้ายของผมลงไปในถังขยะนั่น
            ทำไงดี… วะ แม่งงงงง!!!
            “นับ 1”
            โอ้ย ไอ้ป่าน  มึง…
            “นับ 2”
            ไม่ไหวนะ กางเกงในติงต๊องแบบนั้น…
            “นับ…”
            “เออกูใส่ก็ได้!!!” ผมวิ่งไปคว้ากางเกงในตัวสีขาวลายมิกกี้เม้าส์มาสวมก่อนจะกอดอกมองหน้านาทีที่หัวเราะร่า ยังไงมันก็ดีกว่าอิสีเหลืองนั่นน่ะนะ แม่ง หลอนประสาทแล้วไง ไอ้ทีมันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะตีก้นผมอย่างแรง ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วพยายามจะเดินหนีแต่มือของมันก็คว้าเอวผมเข้าไปใกล้
            “ลามปามแล้วมึง!!!”
            “น่ารักที่สุด ขอจูบพ่อมิกกี้หน่อย”
            “จูบตีนพ่อมิกกี้ก่อนแล้วกัน!!!”
 
            *
 
            หลังจากฟัดกันจนเหนื่อย ห้องแทบพัง ซึ่งส่วนมากผมจะเป็นคนอยู่ด้านบนแล้วสวนหมัดลงบนหน้าของไอ้นาทีมากกว่า หน้ามันเลยมีรอยช้ำที่มุมปากเหมือนกับว่าเอาเมคอัพมาเติมแต่ง ผมเดินไปนั่งบนรถสปอร์ตคันเดิมแล้ววางกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง
            “จะปิดเทอมหรือยัง?” นาทีถามขึ้น ผมที่เคี้ยวขนมตุ้ยๆพยักหน้า
            “อาทิตย์หน้าก็สอบปลายภาคแล้ว” ผมว่า นาทียิ้มมุมปาก
            “เดี๋ยวขอป๊าไปญี่ปุ่น ไปด้วยกัน”
            “กูไม่มีเงินนะ”
            “กูออกให้”
            “ไปทันทีเลยจ่ะ”
            ผมร้องเยสในใจ นี่แหละข้อดีของการมีแฟนรวย จงภูมิใจซะป่าน อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ากิน ค่านอน ค่าอยู่ สบายแฮร์
            ทำให้ได้อย่างเดียวคือ
            มึงสอบให้ผ่านก็พอ
            แต่สำหรับผมมันง่ายอยู่แล้ว ก็ผมมันเด็กอัจฉริยะ หึหึ
            รถสปอร์ตขับไปตามทางเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่ง นาทีบอกว่าจะซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมพี่นารา พี่นาราชอบดอกไม้มาก โดยเฉพาะดอกเดซี่ที่หายากและไม่ค่อยมีขาย ผมนั่งรออยู่ในรถพลางกดโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะนึกถึงเรื่องที่คุณพ่อของน้องหญิงพูดเอาไว้
            รูปของเจ้าลูกชายคนเล็กของบ้านนั้นน้องหญิงเอาไปเผาทิ้งหมดเลย เปลี่ยนเป็นเอารูปป่านขึ้นแทนเต็มห้องไปหมด
            หมายความว่ายังไงกันนะ…
            ‘ก๊อกๆ’
            นาทีหอบดอกไม้ช่อโตสองช่อมายืนอยู่ที่ประตูฝั่งคนขับ มือหนาเคาะกระจกเพื่อให้ผมเปิดประตูรถให้ ผมเอื้อมตัวไปเปิดประตูรถให้นาที ก่อนนาทีจะเข้ามาในรถพร้อมกับดอกเดซี่ช่อใหญ่เป็นพุ่มๆสวยเหมือนกับในภาพที่ผมเคยเห็น
            “อ้าว แล้วอีกช่อนี่เอาไปให้ใครวะ?” ผมถามขึ้นเมื่อนาทีวางช่อดอกเดซี่ลงที่คอนโซนรถ เหลือช่อดอกกุหลาบสีขาวอยู่ในมือของมัน นาทีหันมายิ้มบางๆให้ผม
            ก่อนจะยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวนั่นมาตรงหน้าผม
            “ปกติกูไม่ค่อยให้ดอกไม้ใคร แล้วกูก็คิดว่าอันนี้เหมาะกับมึง” ผมมองนาทีอย่างอึ้งๆก่อนจะกะพริบตาปริบๆ มือก็ยื่นออกไปเพื่อรับช่อดอกไม้นั่นอย่างตกใจ คงเป็นเพราะผมไม่ได้ชอบดอกไม้มากมายอะไรนักเลยไม่เกิดความรู้สึกใดๆที่ได้มันมา
            นอกจากตกใจ
            ผมกำช่อดอกกุหลาบในมือแน่น ก่อนจะมองหน้านาทีที่มองอยู่เหมือนกับลุ้นอะไรบางอย่าง ผมขมวดคิ้วพลางมองลงไปที่แกนกลางของช่อดอกกุหลาบ กล่องกำมะหยี่สีดำสนิทถูกซ่อนอยู่ในพุ่มของมัน
            … นี่มัน
            ผมค่อยๆแหวกดอกกุหลาบสีขาวออกก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่นั่นออกมาเปิด
            สิ่งที่เห็นทำให้หน้าผมร้อนผ่าวจนแทบจะกลายเป็นบ้าตายไปซะ
            แหวนเกลี้ยงสีดำสนิทถูกวางไว้อยู่ในกล่อง เห็นคำที่เขียนอยู่ตรงขอบกล่องผมก็พอจะรู้ว่าไอ้เจ้านี่มันทำมาจากไข่มุกสีดำ ผมหายใจไม่ค่อยถนัดก่อนจะหันไปมองนาทีที่เกาหัวแก้เก้อแล้วพลิกตัวไปมา
            “เอ่อ ดูข้างใน” นาทีว่าพลางชี้ให้ผมดูขอบด้านในของแหวน ผมหยิบมันออกมา ปากยังคงอ้าค้างพูดอะไรไม่ออกอยู่แบบนั้น
            ผมมองตัวอักษรที่ถูกสลักอยู่ขอบด้านในของแหวน
            You are my angel
            แม้จะเป็นประโยคที่ไม่วิเศษวิโสอะไร แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาทันที
            “กูไม่ใช่คนโรแมนติกอะไร ครั้งนี้ครั้งเดียวพอ เขินตายห่า ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกันนะ ครั้งหน้าถ้าจะขอแต่งงานจะยัดใส่ไว้ในกางเกงในแล้วปาใส่หน้ามึงแน่” ไอ้นาทีพูดแก้เก้อออกมาเป็นพรืดแล้วนั่งอยู่ไม่สุข
            ผมชะงักไป
            “แต่งงาน? มึงกับกูยังคบกันไม่ถึงเดือนเลยนะ”
            “กูพูดผิด … ใช้ชีวิตด้วยกัน” นาทีรีบแก้คำผิดก่อนจะเก๊กขรึม ผมหัวเราะออกมา
            เพราะรู้ว่าการแต่งงานอาจจะเป็นอะไรที่ผู้ชายยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเฉพาะครอบครัวของนาที แต่สำหรับผมที่ไม่มีครอบครัวแล้ว มันก็อาจจะทำได้ แต่ก็ยังไม่อยากผูกพันกันมากขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง เราสองคนก็ยังไม่ถึงขนาดรู้ใจกันขนาดที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ ก็แค่คนที่คอยพึ่งพา จนกลายเป็นความรู้สึกขาดกันไม่ได้
            เราอาจจะอยู่ด้วยกัน แต่ไม่แต่งงาน แค่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตลอดไปมั้ย
            แต่ผมก็ยอมรับแหวนวงนี้นะ
            คนข้างๆยังคงสมาธิสั้นเหมือนเด็กๆ ผมยิ้มออกมาบางๆ ไม่รู้จะพูดอะไร
            ดีใจที่ไอ้ทีทำแบบนี้ให้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกข้างในมันก็แบบ
            เลี่ยนว่ะ ฮ่าๆ
            ผมหันไปจับแขนนาทีก่อนจะคว้าคอของคนด้านข้างเข้ามาแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากสีซีด ร่างโปร่งจูบตอบกลับทันที ก่อนผมจะหัวเราะออกมาแล้วมองแหวนที่ถืออยู่
            “รู้ด้วยนี่ว่ากูไม่ชอบพวกแหวนเงินแหวนทอง”
            “ดูนิสัยมึงก็รู้”
            ผมจ้องดวงตาสีเทาของนาที ก่อนที่นาทีจะยกแหวนที่ตัวเองสวมใส่อยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวาขึ้นมาให้ดู
            “ใส่นิ้วนางไม่ได้ว่ะ คับ”
            ผมหัวเราะพรืดออกมาแทบจะทันที
            “เออ เรื่องของมึง!”
            ผมยิ้มก่อนจะหยิบแหวนนั่นมาสวมที่นิ้วนางข้างขวา มันพอดีกับนิ้วของผมจริงๆ
            ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นที่แรกที่ไอ้บ้าตรงหน้ามันให้
            ไม่สิ … ชิ้นที่สองหลังจากไอ้กางเกงในปัญญาอ่อนนั่นต่างหากเล่า!
            มือของนาทียื่นมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะบีบแน่นแล้วค่อยๆเคลื่อนรถออกไป ผมมองช่อกุหลาบสีขาวในมืออย่างเอียนๆ ผมเป็นแมนแท้ๆ และไม่ชอบดอกกุหลาบสีขาวเลยให้ตาย
            ถ้าเป็นดอกไม้ปลอมผมอาจจะเก็บมันเอาไว้ แต่นี่คือดอกไม้จริง แอบเสียดายเล็กน้อย แต่ขืนเก็บไว้ มันก็จะต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติเข้าซักวัน
            “กูทิ้งได้ป่ะวะ เห็นแล้วขนลุก” ผมหันไปถามนาที ไอ้ทีทำปากเบะ
            “แพงนะมึง”
            “เงินกูหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ คิดไงวะที่ซื้อดอกไม้มาเนี่ย คิดนานป่ะ?” ผมถามพลางกลั้วหัวเราะ
            “ไอ้พีทบอกต่างหากว่ะ”
            “อ่อเหรอ” ว่าแล้ว ลำพังไอ้นาทีคงคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้ คงคิดได้แต่แบบว่า เอาแหวนยัดใส่เค้กแล้วให้ผมกินเข้าไป ก่อนจะบอกว่ามึงกลืนแหวนลงไปแล้วนะแล้วพาผมไปผ่าท้องเอาแหวนออกมาอะไรแบบนี้
            ดูโง่ๆนะ
            “มึงจะทิ้งก็ได้ กูไม่เสียใจหรอก กูเองก็ไม่ชอบดอกไม้” นาทีโพล่งขึ้นมา ผมพยักหน้าแล้วกดกระจกรถก่อนจะปาเจ้าช่อดอกกุหลาบสีขาวออกไปนอกตัวรถแทบจะทันที
            “แต่กูชอบกางเกงในมากกว่า”
            “ควาย ทะลึ่ง!”
            ผมผลักหัวคนข้างๆเบาๆก่อนจะสังเกตอะไรบางอย่างที่คอนโซนรถ รูปภาพของครอบครัวของนาที มีทั้งพ่อ นาที พี่วิน พี่นารา และผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่สวมชุดกระโปรงสีครีมอ่อนๆ
            จะว่าไป
            ผมยังไม่เคยเจอแม่ของนาทีเลย
            ถ้าผมถามออกไป คนข้างๆจะร้องไห้อีกมั้ยนะ
            “ที … กูถามอะไรอย่างได้มั้ย” ผมเลือกที่จะขออนุญาต นาทีร้องฮืมในลำคอ
            “กูยังไม่เคยเจอแม่มึงเลย”
            ‘เอี๊ยด’
            รถกระตุกเพราะคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน คนนั่งอย่างผมแทบจะพุ่งทะลุออกนอกกระจกรถไป โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีรถวิ่งตามมา ผมลูบอกตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำก่อนจะก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
            มันต้องไม่พอใจแน่ๆ
            แน่ๆเลย
            “เออลืมบอกไปเลย แม่อยู่ญี่ปุ่นไง ที่บอกว่าจะไปญี่ปุ่นก็เพราะจะพาไปหาแม่”
            หะ … หา
            ผมหันขวับไปมองหน้านาทีทันที เจ้าตัวยิ้มร่าแล้วเหยียบคันเร่งไปต่อ
            ผมกะพริบตาปริบๆ
            “ทำไมเหรอ? หรืออยากไปฝากตัวเป็นสะใภ้ไวๆ”
            ‘ผลั่วะ’
            แล้วฟาดมือลงบนหัวของไอ้ทีอย่างแรง
            “โอ้ย ตบบ่อยๆสมองกูรวนนะ”
            “สัด หมั่นไส้!” ผมเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโล่งใจ ไม่รู้แม่งจะตีหน้าเศร้าทำห่าอะไร
            ไอ้เราก็นึกว่าแม่ไม่อยู่แล้ว
            โว๊ะ แฟนใครวะแม่ง กวนตีนเป็นบ้า




TBC
ไม่ได้มาอัพหลายวัน :m15: ฮึก เลาขอโทษ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-03-2014 01:40:21
บ๊ะ...ตอนนี้หวาน

ส่วนตอนหน้า........ก็ไม่รู้สินะ :m21:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: grimace ที่ 03-03-2014 03:28:10
ป่านนาที ติดตามตั้งแต่อยู่ในเด็กดีแล้ว ดีใจมากที่เอามาลงให้อ่านกันที่นี่ impress2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 03-03-2014 07:44:01
 :m20: กางเกงในลายมิกกี้เม้าส์

ให้แหวนกันด้วยน่ารักจริงๆ

รอสุ้นเรื่องหญิงต่อไป
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 03-03-2014 07:56:40
มุ้งมิ้งกันไปก่อนค่อยจัดหนักทีหลังใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-03-2014 08:14:23
เราว่าถ้าน้องหญิงมีอาการทางประสาทจริง อาจจะแบบเคยถูกข่มขืนหรือเป็นอาการขาดความรักอะไรซักอย่าง


น้องก็น่าจะฝังใจจริงๆกับป่านมากกว่านาทีแหละค่ะ  เพราะตามแนวแล้วป่านเป็นคนเดียวที่รัก ถนอมและทำเพื่อเธอโดยไม่หวังอะไรมาตลอดชีวิต

แล้วที่ชอบนาทีก็คงเป็นอารมณ์แบบอยากเอาชนะน่ะค่ะ คือนาทีดูเป็นของส่วนรวม ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีอาการต้องการความรักอย่างสูงก็คงรู้สึกดีถ้าได้ครอบครองผู้ชายแบบนั้น เลยกลายเป็นอาการหลงใหล

ส่วนเรื่องที่ไม่ได้รู้ตัวว่าชอบหรือฝั่งใจกับป่านคงเพราะคิดว่าป่านจะอยู่กับตัวเองตลอดไป

ทีนี้พอมาเจอว่าป่านโดนนาทีแย่ง ทีนี้ชีเลยปรี๊ดแตกรู้ตัว

จกที่อยากได้นาทีคงกลายเป็นเกลียดเพราะนาทีเป็นฝ่ายแย่งป่านที่เป็นของตัวเองมาตลอดไป อีกอย่างนาทีพูดประโยคประมาณว่า ต่อไปนี้ป่านเป็นของนาทีแล้ว หญิงไม่มีสิทธิ์ยุ่งอีกไปด้วยมั้ง เลยโครมใหญ่ ชียิ่งแค้นหนัก

เราเดานะคะ แต่คิดว่าน่าจะแนวๆนั้นล่ะค่ะ


คู่นี้มันส์ดีค่ะ จะว่าไงดีนอกจากเรื่องน้องป่านขาว ไม่ได้บ้องแบ๊วน่ารัก ตัวสูงและไซส์ตัวพอๆกับนาที มากยังไม่เคยมีบรรยายหน้าตาน้อง อยากรู้เหมือนกันนะคะเนี่ย..

แต่น่าจะหล่อ

ติดตามต่อนะคะ สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-03-2014 23:44:02
รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ชีไปโวยวายตอนป่านอยู่กับนาทีแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 04-03-2014 11:15:55
แม่ของที
อยู่ญี่ปุ้น
ไม่ใช่ว่าตายแล้วหนา  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 05-03-2014 22:10:01
ตอนนี้เหมือนมีปมมากขึ้นในส่วนของป่าน  ทำไมป่านต้องกินยา โรคที่หมอเคยบอก ทำไม เลือดไหลมากไม่ได้  อยากรู้สุดๆอ่ะ หรือตอนจบป่านจะเดี้ยงตามน้องแองจี้ไปอีกคน ม่ายน้า!! อย่าจบมาม่าก็แล้วกัน>__<
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 06-03-2014 20:09:20
25

            “หมาทีที่” พี่นารากางแขนออกเมื่อนาทีกับผมเดินเข้าไปในห้อง ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายคนรองเบาๆเพราะกลัวว่าพี่นาราจะเจ็บ ผมวางของเยี่ยมไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะไหว้พี่นาราเล็กน้อย
            วันนี้พี่นาราดูมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้ สายน้ำเกลือยังระโยงระยางเพราะหมอกลัวว่าพี่นาราจะมีอาการแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นคงปลอดภัยดีแล้วล่ะ
            “ไงเรา” พี่นาราหันมาทักผม ผมยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า
            “พี่โอเคหรือยังครับ” ก่อนจะเดินไปยืนที่ข้างเตียง มือเรียวยกขึ้นมาแตะหน้าผมเบาๆ
            “แข็งแรง สบายหายห่วง”
            เจ้าตัวว่า ก่อนจะไอค่อกแค่กออกมา ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองอาการสาหัสขนาดไหนตอนที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาล แต่ผมยอมรับว่าพี่นาราเป็นคนที่เข้มแข็งมากจริงๆ
            ผมเดินไปนั่งข้างพี่วินที่นอนหลับคาห้องไปแล้ว พี่วินดูจะเป็นคนนอนเก่งมาก แถมช่วงนี้ได้ข่าวคราวมาว่าวงของพี่วินหรือในนามไอริสก็พักงานกันอยู่ พี่วินเลยมาดูแลพี่นาราได้
            “รู้ตัวคนทำหรือยัง?” พี่นาราถามขึ้น นาทีเงยหน้ามองผมแทบจะทันที
            ผมส่ายหน้าไม่ให้นาทีบอกอะไรพี่นารา ไม่อย่างงั้นเขาอาจจะกังวล เขายังไม่หายดี
            “ไม่อ่ะ ตำรวจกาก” นาทีบ่น พี่นาราหัวเราะเบาๆก่อนจะดึงผ้าขึ้นมาห่มตัวเอาไว้
            “ขอให้คนทำมันไม่ตายดี”
            ผมสะอึกไปก่อนจะมองพี่นาราที่นอนหลับตาไปแล้ว หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกประหลาด นาทีเดินมาหาผมก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ
            “มึงตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นได้แล้วใช่มั้ย” นาทีถามขึ้น ผมมองหน้านาทีนิ่งๆ
            “ไม่มีใครสามารถตัดใจจากคนที่เรารักมานานได้ง่ายๆหรอก” ผมว่า “เหมือนมึงกับจี้”
            ใช่ มันกลายเป็นสัจธรรมของโลกไปแล้ว
            ไม่งั้นจะมีคำพูดออกมาว่าความรักทำให้คนตาบอดเหรอ
            เพียงแค่ว่าตอนนี้ ผมกำลังจะหายตาบอดก็แค่นั้นเอง
            “แต่มึงไม่ได้คิดถึงเธอแล้วใช่มั้ย” นาทีถามขึ้น เสียงนิ่งๆเรียบๆราวกับว่ากำลังน้อยใจ ผมมองหน้านาที จับมือของมันเอาไว้แล้วดึงเข้ามาแนบไว้ที่อกด้านซ้าย
            “ถ้าเป็นตรงนี้น่ะไม่”
            ก่อนจะดึงมือนาทีให้วางไว้ที่หัวของตัวเอง
            “แต่ถ้าเป็นตรงนี้น่ะใช่”
            ใจกับสมอง
            ใจผมไม่คิดถึงหญิงแล้ว
            แต่สมองผมกับวิ่งวุ่นไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเธอ
            “กูสัญญานะว่าวันนึงจะรักมึงให้เหมือนที่มึงรักกู” ผมพูดเสียงแผ่ว นาทีลูบหัวผมเบาๆ
            “ได้ กูจะรอ…”
            “แต่งงานกันไปเลยเถอะ!” เสียงพี่วินแทรกขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ลุกขึ้นจากโซฟา สายตาเอือมระอาถูกส่งมาให้ผมกับนาทีก่อนเจ้าตัวจะบิดขี้เกียจแล้วหาววอดๆ
            “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ นอนนานไปแล้วนะ” พี่วินเดินเข้าไปหาพี่นารา มือหนาบีบจมูกของน้องชายแล้วโยกไปมาก่อนจะท้าวคางมองร่างที่นอนนิ่งแต่อกยังกระเพื่อมเพื่อบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่และหลับสบายมากด้วย ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ
            ราวกับว่าเขาเป็นครอบครัวของผมเองยังไงอย่างงั้น
            “ตื่นขึ้นมาแล้วรอบนึง เอาแต่หลับจะไปรู้ได้ไง” นาทีบ่นพี่ชาย ผมหัวเราะในลำคอ
            “ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องตำรวจกับคดีน่ะแหละ” พี่วินว่า แต่ดูตัวเขาไม่ได้ใส่ใจผมอีกต่อไป เขาคงจะพยายามเข้าใจว่าผมกำลังตัดใจจากหญิง
            เป็นเขานี่เองที่ทำให้ตำรวจไปโผล่ที่บ้านน้องหญิง
            ผมไม่ได้โกรธเลย
            ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆแม้แต่นิด
            “ป่าน … มึงคงไม่ได้กำลังติดต่อกับหญิงอยู่หรอกนะ?” นาทีโพล่งขึ้น พี่วินเงยหน้ามองผม ผมส่ายหน้ายิกๆก่อนจะหันไปจ้องตานาที
            “อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนั้น กูอยู่กับมึงตลอดนี่”
            “สีหน้ามึงบอก”
            ผมเหวอไปชั่วขณะ…
            “ล้อเล่น” ก่อนนาทีตบหลังผมเบาๆแล้วเอาหัวซุกที่ไหล่ของผม
            ที่ผมตกใจไม่ใช่อะไร นาทีเป็นคนดูคนเก่งมาก เหมือนตอนที่ผมโกหกว่าผมชอบมัน แต่มันรู้มาตลอดว่าผมเข้าหามันเพราะต้องการสิ่งอื่นที่ไม่ใช่หัวใจ
            “ถ้าหญิงติดต่อมาเมื่อไร บอกกูด้วยนะป่าน ถ้ามึงไม่บอก กูจะโกรธไม่คุยกับมึง” นาทีว่าแล้วกอดเอวผม ผมพยักหน้าตอบกลับ
            แต่ไม่ได้ให้สัญญาใดๆ
            น้องหญิงต้องการจะทำร้ายนาที ไม่ใช่ผม…
            ถ้าขืนผมบอกนาทีออกไป นาทีจะเป็นอันตราย
            ผมมองกลุ่มผมสีดำสนิทของนาทีก่อนจะเอื้อมมือไปกอดไหล่ของนาทีเอาไว้แล้วกดจูบลงบนกลุ่มผมของนาทีเบาๆก่อนจะค้างอยู่แบบนั้น กลิ่นแชมพูที่คุ้นเคยติดอยู่บนตัวนาทีและตัวผมเพราะใช้ยี่ห้อเดียวกัน ก่อนผมจะค่อยๆหลับไปเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องพร้อมกับร่างโปร่งข้างๆ
            ไม่รู้ทำไม
            ผมถึงเป็นห่วงผู้ชายคนข้างๆเหลือเกิน
            ความเป็นห่วงนี่ มันรวมอยู่ในคำว่ารักหรือเปล่านะ
           
            *

            ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความเย็นจัดของเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ก่อนจะกะพริบตาเมื่อไล่ความมึนหัวออกไป แสงที่ลอดเข้ามาจากด้านนอกห้องภายในโรงพยาบาลทำให้เห็นพี่วินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วฟุบหน้าอยู่ข้างแขนของพี่นารา ผมมองผ้าห่มที่อยู่บนตัวของตัวเองก่อนจะหันไปมองนาทีที่นอนคุดคู้อยู่ริมกำแพง
            เอาผ้าห่มมาให้กูแล้วนอนหนาวเนี่ยนะ
            จริงๆเล๊ย
            ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปห่มผ้าให้นาทีก่อนจะเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาบนใบหน้าให้ขึ้นไป
            คิ้วนาทีขมวดเป็นปมวุ่นไปหมด ผมใช้นิ้วจิ้มๆให้มันคลาย แต่แปปๆก็กลับมาผูกเป็นโบว์ใหม่
            “นอนแล้วยังจะเครียดอะไรอีกวะ”
            “ป่าน…อย่าทิ้งกูไป…” คนตรงหน้าละเมอออกมาเสียงแผ่ว ผมบีบมือนาทีแน่น
            “ป่าน … อย่า … กูรักมึง …” ผมชะงักไปก่อนจะค่อยๆปาดบางสิ่งบางอย่างที่ไหลลงมาบนโหนกแก้มของตัวเอง ผมใช้แขนเสื้อเช็ดมันออกไปก่อนจะเงยหน้าไล่น้ำใสๆพวกนั้นให้กลับเข้าไปในตา
            ทั้งๆที่นาทีรักผมมากขนาดนี้
            แต่ทำไมผมถึงไม่เคยรักนาทีตอบกลับเลย
            “ป่านไม่ทิ้งทีไปหรอก” ผมเอื้อมตัวไปกระซิบข้างหูของนาที ก่อนคิ้วที่ขมวดนั่นจะค่อยๆคลายลง
            มึงผูกกูไว้ด้วยแหวนนี่ไม่ใช่เหรอ
            ดังนั้นกูไปไหนไม่ได้หรอก
            จะอยู่ข้างๆตลอดจนกว่ามึงไม่ต้องการนั่นแหละ
            “อือ” เสียงครางของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงคนไข้ดังขึ้น ผมพึ่งสังเกตว่าพี่วินไม่ได้มีอะไรห่มร่างกายเลย ผมเดินไปปรับเครื่องปรับอากาศก่อนจะหยิบเสื้อคลุมของนาทีแล้วเดินไปวางคลุมตัวของพี่วินเอาไว้ ผมมองมือของพี่วินที่จับมือพี่นาราอยู่หลวมๆก่อนจะยิ้มออกมา
            ผมเคยฝันว่าอยากมีพี่น้อง
            เคยฝันว่าอยากมีพ่อแม่
            พวกเขาดูสมบูรณ์แบบจริงๆ
            ผมเดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง จับมือของนาทีเอาไว้ ก่อนจะปิดตาแล้วปล่อยใจไปกับความมืด
            พักผ่อนก่อนแล้วกัน
            …
            “ป่าน!!!”
            เสียงเรียกดังลั่นพร้อมกับผมที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาคือใบหน้าของนาทีที่อยู่ภายใต้แสงสว่างของแสงอาทิตย์ เช้าแล้วเหรอ ผมมองนาทีนิ่งๆ ใบหน้าของมันแสดงความว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัด อาการปวดหัวตุบๆทำให้ไม่อยากจะลืมตาเอาซะเลย
            “ป่าน!!! อย่าหลับตานะ” นาทีตะคอกแล้วตบหน้าผมเบาๆ ผมขยี้ตาก่อนจะมองหน้านาที
            “เออไม่หลับ ปวดหัวว่ะ”
            “เลือดมึงไหล!!!” ร่างโปร่งตะโกนลั่นก่อนที่พี่วินจะเดินเข้ามา นาทีหลีกทางให้พี่วินแล้วร่างสูงก็เอาผ้าเปียกเช็ดที่จมูกของผม ผมที่อยู่ในอาการงงมองพี่วินอย่างไม่เข้าใจก่อนจะสังเกตเห็นได้ว่าเสื้อของนาทีเปื้อนเลือดเป็นวงกว้าง!
            “เฮ้ย เลือด!!” ผมเบิกตากว้างแล้วชี้ไปที่นาทีแต่พี่วินบอกให้ผมจับถุงน้ำแข็งแล้วประคบที่จมูก กลิ่นคาวๆที่พึ่งจะประดังเข้ามาทำให้ผมขมวดคิ้ว
            “ไม่ใช่เลือดกู เลือดมึง” นาทีจับมือผมแล้วบีบแน่นก่อนจะใช้อีกมือชี้ที่จมูกของตัวเองเพื่อเป็นกระจกให้ผม พี่วินเช็ดเลือดที่จมูกของผมเบาๆก่อนจะถอนหายใจ
            “เลือดกำเดาออกตอนนอนน่ะแหละ นอนคว่ำหน้าเลยออกมาเยอะผิดปกติ” ร่างสูงว่า ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองนาทีอย่างโล่งอก
            ตกใจหมดนึกว่าเลือดของมัน…
            “กูหัวใจแทบวาย ตบหน้ามึงจนแดงไปหมดแล้วเนี่ย ไม่ตื่นซักที” นาทีลูบแก้มผมเบาๆผมหัวเราะแหะๆ
            “มึงเป็นแบบนี้บ่อยมั้ยป่าน?” คนตรงหน้าถาม ผมส่ายหน้า
            “ตอนเด็กๆเป็นบ่อย แต่โตขึ้นก็ไม่ค่อยแล้วว่ะ”         
            ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปที่ห้องน้ำ แต่เพียงแค่ยืนตัวตรงแค่นั้นแหละความมืดก็แทรกเข้ามาในจอประสาทตาจนทำให้ผมทรุดร่วงลงไปนั่งที่โซฟาอีกรอบ
            “ป่าน!!”
            ผมสะบัดหัวไล่ความมืดพวกนั้นก่อนปรับสายตาให้ชินกับแสงที่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
            “เชี่ย มึง เป็นอะไรเนี่ย!!” นาทีถามด้วยความตกใจผมส่ายหน้า
            “คิดมาก กูแค่ลุกเร็วไปเลยหน้ามืดต่างหากล่ะ”
            โกหกอีกแล้ว
            อาการแบบนี้ … มันไม่ใช่หน้ามืด
            แต่เป็นเพราะว่าเสียเลือดมากเกินไปต่างหากล่ะ
            บ้าเอ้ย… อย่ามาเป็นอะไรตอนนี้นะไอ้ป่าน…
            ไม่อย่างงั้นมึงจะปกป้องนาทีได้ยังไง
           
            *
 
            “มึงโอเคนะ?” ผมเดินออกมาจากโรงพยาบาลแล้วพยักหน้าให้นาที ผมต้องไปโรงเรียน ผิดกับไอ้นาทีที่ว่างตลอดศก โดนไล่ออกมาแล้วนี่ แถมพอพี่มันจะพาไปสมัครเรียน ก็เสือกบอกว่าไม่มีอารมณ์เรียน เออ เอาเข้าไป บ้านรวยจ้า ทำอะไรก็ไม่ผิด
            “โอเค สิบล้อชนไม่ตาย” ผมพูดติดตลกแล้วขึ้นรถแท็กซี่ วันนี้นาทีไม่ได้ไปส่งเพราะว่ามันต้องเข้าไปหาพ่อที่บริษัท ผมเลยไม่อยากเป็นภาระ
            “มีอะไรโทรหากูเลยนะ” นาทีว่า ผมพยักหน้าอีกครั้ง
            “ครับคุณคร้าบ สั่งจังอื้อ”
            “กูเป็นห่วงมึง…” ผมยิ้มรับ นาทีขยี้หัวผมแล้วปิดประตูรถก่อนจะทำท่าโทรศัพท์ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะบอกพี่คนขับแท็กซี่ให้ตรงไปที่โรงเรียน
            ไม่เป็นอะไรหรอกน่า
            เครียดไปได้
            ผมลงจากรถเมื่อมาถึงโรงเรียนก่อนจะจ่ายเงินค่าแท็กซี่เสร็จสรรพแล้วเดินเข้าไป ทางผ่านต้องผ่านห้องสภานักเรียนผมเลยอยากทักไอ้กี้ซักหน่อย ไม่รู้ป่านนี้หงอยไปหรือยังไม่มีพวกผมมาคอยกวนตีน
            “กี้!” เปิดประตูผ่างเข้าไปด้านในห้องก่อนจะเจอกับภาพอันน่าตกใจ
            ไม่มีไรหรอก แค่ไอ้หัวหมูหยองมันนอนหลับอยู่ที่โซฟาน้ำลายยืดก็แค่นั้น ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องก่อนจะถอดแว่นตาให้ไอ้กี้ ข้อดีของประธานสภาคือไม่ต้องเคารพธงชาติ แต่ข้อเสียคือต้องมาเช้าเพื่อที่จะมาเช็คงานพร้อมกับพวกอาจารย์
            หลับโดยลืมถอดแว่น
            เอ๋อตลอด
            ผมหันหลังเพื่อที่จะเดินออกไปจากห้องก่อนจะชะงักกับโทรศัพท์ของไอ้กี้ที่สั่นครืด ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยไปนั่งยองๆแล้วกดดูข้อความเข้า
            ‘แมลงเม่า’
            ห่ะ
            ใครวะแมลงเม่า
            เห็นชื่อของคนส่งข้อความแล้วก็อดส่ายหน้ากับความปัญญาอ่อนของเพื่อนสนิทไม่ได้ ผมเลื่อนดูข้อความที่ส่งเข้ามา ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายที่มีชื่อของใครบางคนถูกพิมพ์ลงมาด้วย ผมกระแทกมือถือเสียงดังจนไอ้กี้สะดุ้งตื่น ก่อนที่ผมจะมองหน้าไอ้กี้ด้วยความหงุดหงิด
            ไอ้กาฬอีกแล้ว
            ไอ้กี้มองหน้าผมงงๆที่ผมเข้ามาอยู่ในห้อง แถมยังทำเสียงดังรบกวนมัน ผมลุกขึ้นยืนสะบัดตัวออกไปแล้วบ่นพึมพำ
            “ไหนบอกว่าเป็นแค่เพื่อนไงวะ แม่ง!”
            ผมเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนแล้วชะงักไปเมื่อมีนักเรียนยืนมุงกันอยู่หน้าห้องของผม ผมค่อยๆแทรกตัวเข้าไปก่อนจะเจอกับหัวหน้าห้องที่ชื่อไอ้โอแล้วก็ไอ้ฟ้าที่ยืนกอดอกอยู่ ไอ้ฟ้าร้องออกมาเมื่อเห็นหน้าผมก่อนจะวิ่งปราดเข้ามากอดไหล่ผมเอาไว้
            “งานเข้าว่ะป่าน” ไอ้ฟ้าว่า ผมหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
            “อะไรวะ?”
            “มีคนเล่นของใส่มึงซะแล้ว”
            ผมเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีถังอะไรบางอย่างวางอยู่ ควันขโมงจากในถังนั่นบ่งบอกว่ามีอะไรไหม้อยู่ด้านใน มั่นใจว่านั่นคือโต๊ะเรียนของผมแน่ๆเพราะผมติดรูปสติ๊กเกอร์ที่ถ่ายคู่กับหญิงเอาไว้บนโต๊ะ ผมค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งของในถังก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            นี่มัน…
            รูปเกือบร้อยใบกำลังถูกไฟลามอยู่ด้านในถัง บ้างก็ไหม้จนไม่เห็นอะไรแล้ว บ้างก็ยังเห็นเค้าโครงของรูปนั่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นรูปของใคร ผมหันไปเห็นขวดน้ำที่ไอ้ฟ้าถืออยู่ก่อนจะแย่งมันออกจากมือแล้วสาดลงไปในถังใบเล็กนั่นจนไฟดับ
            ผมใช้มือของตัวเองเกลี่ยเศษขี้เถ้าในถังนั่นก่อนจะคว้าได้รูปใบหนึ่งทั้งๆที่ยังร้อนอยู่ มือผมถูกลวกแต่ผมไม่สนใจ ผมสนใจไอ้สิ่งที่อยู่ในถังมากกว่า
            ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปรากฏขึ้นแก่สายตาเมื่อผมพลิกรูปใบนั้นขึ้นมาดู รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนอกจากผม ดวงตาสีเทายิ้มหยีอย่างมีความสุข กลุ่มผมสีดำสนิทที่หอมแชมพูเด็ก เค้าโครงใบหน้าที่หล่อเหลา …
            รูปของนาที…
            “ป่าน มึงเกินไปแล้ว” ไอ้ฟ้าวิ่งเข้ามาพลางจับมือของผม เพราะด้วยความที่ว่ารีบหยิบรูปตอนที่มันยังร้อนๆเลยทำให้มือผมเป็นแผลพอง ไอ้ฟ้าเทน้ำลงบนแผลของผมก่อนจะใช้ชายเสื้อของมันเช็ด
            “เวร มึงก็รู้ว่าเลือดไหลเยอะไม่ได้…”
            “มึง… มึงรู้หรือเปล่าว่าใครเอามาวางไว้?” ผมถามฟ้า ไอ้ฟ้าส่ายหน้า
            “พอเปิดประตูห้องมาก็เห็นวางไว้แล้ว”
            ผมมองถังนั่นนิ่งๆก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออะไรบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
            “นาที…”
            “เฮ้ยป่าน!”
            “ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะว่ากูไม่ค่อยสบาย” ผมว่าก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็วท่ามกลางสายตาสงสัยของใครหลายคน มือก็กดโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังคนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้
            ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้…’
            บ้าเอ้ยย!!!
            ไหนบอกว่าให้โทรหาไง แล้วปิดโทรศัพท์ทำไมวะ!!!
            ‘เลขหมายที่ท่านเรียกมะ…’
            แม่งเอ้ย!!!
            ผมวิ่งลงจากตึกเรียนก่อนจะออกไปหน้าโรงเรียน สายตาสอดส่องหารถแท็กซี่แต่ไม่มีผ่านเลยซักคัน อะไรวะ ผมกดโทรออกอีกครั้ง
            ‘เลขหมายที่ทะ…’
            “โว้ยย!!!!”
            ไหนมึงบอกให้กูโทรหาไงล่ะนาที!!!
            ผมเปลี่ยนเบอร์ไปโทรเข้าโทรศัพท์ของพี่วินแทน ไม่นานปลายสายก็รับ
            (ว่าไง)
            “พี่! นาทีอยู่ไหน!!!” ผมว่าพลางเริ่มออกวิ่ง ค่อยหาแท็กซี่ระหว่างทางก็ได้วะ
            (เห็นบอกจะออกไปซื้อข้าวให้นาราน่ะ มีอะไร?)
            “หญิงเอาถังที่เผารูปนาทีมาวางไว้ที่ห้องเรียนผม ผมโทรติดต่อนาทีไม่ได้!!!”
            (ว่าไงนะ!!!)
            “ผมไม่รู้จะทำยังไง!!” ผมว่าก่อนจะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่ทันไรเสียงสายเข้าก็ทำให้ผมใจแทบร่วง ผมรีบกดตัดสายพี่วินก่อนจะกดสายเรียกซ้อนทันที
            (ซอรี่ แบตหมดน่ะ เพิ่งหาที่ชาร์จได้) เสียงอารมณ์ดีจากปลายสายทำให้ผมหยุดวิ่งแล้วโกยอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยหอบ ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก น้ำตาที่รื้นขึ้นมาถูกกลืนกลับเข้าไปเหลือแต่ความโมโหที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
            “วันหลังก็หัดชาร์จซะบ้าง!!!! กูเป็นห่วงมึงจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม!!!!!”
            (ป่าน…)
            ไอ้บ้าเอ้ย
            ไอ้บ้า
            ไอ้นาทีบ้า!!!
            “กูจะบ้าตายเพราะรักมึงมากเกินเหตุเนี่ยแหละ ไอ้บ้าเอ้ย”






TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 06-03-2014 21:24:09
อ๊ากกกก ยัยชะนีหญิงจะทำอะไรอีกกกกกก  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-03-2014 21:44:09
ป่านเป็นโรคอะไร....โรคฮีโมฟีเลีย?

เราว่าให้หญิงโดนจับไปรักษาตัวสักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-03-2014 22:00:17
ป่านบอกรักแล้ว ดีใจ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-03-2014 22:19:53
นาทีต้องดีใจแหงๆ ป่านบอกรักแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-03-2014 02:32:57
สรุปป่านรักหรือไม่รักนาทีกันแน่เนี่ย เรางง  :really2:

ป่านมีโรคประจำตัวหรือป่าวอ่ะ เลือดออกเยอะไม่ได้ด้วย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 12-03-2014 01:09:04
26

           
            “อยู่กับพี่วินแล้วใช่มั้ย”
            (อืม มึงรีบๆมา)
            “อืม เดี๋ยวไปหา”
ผมเดินตามถนนต่อไปเรื่อยๆ ในมือก็ถือโทรศัพท์คุยกับนาทีไปพลางๆจนกระทั่งนาทีบอกว่ามันอยู่กับพี่วินแล้วผมจึงโล่งใจ ถ้าพี่น้องอยู่กันสามคน มันปลอดภัยกว่าที่ใครคนหนึ่งจะออกไปข้างนอกเพราะผมไม่รู้เลยว่าหญิงจะทำอะไรกันแน่
            “เฮ้อ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงที่ริมทางเท้าอย่าหมดอาลัยตายอยาก
            เอาไงต่อดีวะเนี่ยป่าน โรงเรียนก็โดดมาแล้ว
            ผมมองนาฬิกาข้อมือที่เดินอย่างไม่คิดจะเหนื่อยพลางลุกขึ้นยืนแล้วออกเดินต่อ รถแท็กซี่ที่เข้ามาใกล้ทำให้ผมต้องยื่นมือออกไปโบก ท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตกทำให้ผมเลือกที่จะกลับไปที่บ้านก่อนที่จะเข้าไปโรงพยาบาล
            ผมอยากเจอหญิงอีกครั้ง
            ถ้าเธอยังรออยู่ที่บ้านผมอาจจะได้เจอเธอก็ได้
            ระหว่างที่นั่งแท็กซี่อยู่ผมก็ส่งเมสเซจเล่นกับนาทีไปพลางๆ ฝนเริ่มจะตกโปรยปรายลงมาแต่ก็ไม่หนักถึงกับฟ้ารั่ว ผมยื่นมือไปแตะเงาหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ที่กระจก ก่อนจะลากมันเบาๆ สายตามองผ่านลงไปที่ข้อมือก่อนจะไล่ขึ้นไปที่แขนของตัวเอง
            รอยเข็มเจาะยังคงไม่จางไป ผมต้องใส่เสื้อแขนยาวปิดมันตลอด ทุกครั้งที่ผมมีอะไรกับนาที ผมไม่เคยที่จะถอดเสื้อออกเลยซักครั้ง นอกจากปลดกระดุม ผมก็ไม่เคยถอดมันออกจากแขนเลย
            ผมมองที่แขนของตัวเองซักพัก ก่อนจะถอนหายใจ…
            ‘แหมะ’
            เลือดหยดหนึ่งหยดลงบนเสื้อของผม ก่อนจะมีหยดที่สองและสามตามมา ผมแตะเบาๆที่จมูกของตัวเองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเลือดไหลไม่ยอมหยุด ผมพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดมันจนกระทั่งคุณลุงที่ขับรถแกมองมาทางกระจกมองหลัง
            “เป็นอะไรน่ะ” คุณลุงถามด้วยความเป็นห่วง ผมหัวเราะนิดๆ
            “ไม่เป็นไรครับ เลือดกำเดาไหลน่ะ”
            “อ้อ” คุณลุงว่า ก่อนจะกลับไปตั้งใจขับรถฝ่าสายฝนเหมือนเดิม
            ผมเริ่มปาดเลือดที่ไม่ยอมหยุดไหลก่อนจะสูดมันเข้าไปจนแสบจมูก ผมไม่เคยกลัวสิ่งนี้เลย ไม่เคยกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเลยตั้งแต่รู้ตัว แต่ทำไมกันนะ วันนี้ผมถึงได้กลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา
            ผมอยากขอโทษนาที
            ผมไม่เคยบอกเรื่องราวของผมให้นาทีฟังเลย
            ผมกลัว ว่านาทีจะรับไม่ไหว
            ‘ติ๊ดๆ’
            เสียงข้อความเข้าทำให้ผมยกมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อของคนส่ง
            ‘หญิงขอโทษ มาเจอกันหน่อยได้มั้ย รออยู่ที่ไฟแดงข้างร้านข้าวที่ป่านชอบกิน’
            “ลุงครับ จอดรถที!!!” ผมว่าก่อนจะคว้าแบงค์ร้อยให้ลุงไป โชคดีที่ว่ารถติดไม่ขยับเขยื้อนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมเลยยังมาไม่ไกลโรงเรียนมากนักเพราะร้านข้าวที่ผมชอบอยู่แถวๆโรงเรียน ผมเปิดประตูรถออกไปก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิมท่ามกลางสายฝน
            ผมต้องคุยกับหญิงให้รู้เรื่อง
            ไม่อย่างนั้น … ผมตัดเธอออกจากสมองไม่ได้จริงๆ
            ผมวิ่งไปพลางพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์อย่างไม่สนว่าน้ำจะเข้าหรือเปล่า ผมตั้งใจพิมพ์ข้อความนั้นเพราะเลือดที่จมูกไหลไม่ยอมหยุด เพราะสายฝนที่ไหลผ่านหน้าเลยทำให้มันดูจางลง แต่ผมรู้จากความคาวของเลือดที่คั่งอยู่ที่จมูกและไหลลงไปในคอ
          ‘กูมาหาหญิงที่หน้าโรงเรียน เคลียร์เสร็จแล้วจะกลับไปหานะ
          รักมึง … จากป่าน’

          เพราะรู้ว่าระยะทางจากโรงพยาบาลกว่าจะถึงโรงเรียนมันไกลโข แถมรถยังติดอีกต่างหาก ผมเลยมั่นใจว่านาทีจะมาถึงหลังจากที่ผมคุยเรื่องราวกับหญิงเสร็จแล้ว จะไม่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หญิงจะต้องกลับไปรับโทษที่เธอสมควรจะได้รับ และผมก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติ
            ใช่…
            มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ
            ผมวิ่งผ่านโรงเรียนก่อนจะตรงไปที่ร้านข้าวที่จำได้แม่น ฝนที่เริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมวิ่งไปหยุดที่ไฟแดง ขาเขออ่อนล้าไปหมด กลิ่นคาวเลือดที่คาอยู่ที่จมูกเริ่มจางลงไปจนเหลือทิ้งไว้บางเบา ผมถึงรู้ว่าเลือดหยุดไหลแล้ว ผมยืนจับเสาไฟอยู่ที่ไฟแดงหน้าร้านข้าว
            ไม่มีวี่แววของหญิงเลย
            เธออยู่ที่ไหนกัน
            ผมยืนอยู่แบบนั้นเกือบสิบนาทีได้ นาฬิกาที่เปียกน้ำจนแทบจะพังทำให้เวลาชักจะเริ่มไม่ตรงขึ้นเรื่อยๆ ผมยืนอยู่ตรงนั้น รอคอยผู้หญิงที่ผมเคยรัก
            ผมมั่นใจว่าหญิงต้องมา …
            และผมต้องพูดกับเธอให้เข้าใจ
            พลันเงาบางอย่างก็ปรากฏขึ้นอีกฝั่งของถนน ผมมองภาพนั้นนิ่งๆปล่อยให้สายฝนผ่านใบหน้าและร่างกายไป น้องหญิงเดินออกมาจากร้านขายข้าวแล้วหยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับผม ใบหน้าที่มีแววตาเศร้าสร้อย ริมฝีปากสีซีดคว่ำลงนิดๆ กลุ่มผมสีน้ำตาลที่ลีบลู่ใบหน้าเพราะเปียกปอนทำให้เธอดูน่าสงสาร
            ผมอยากจะเข้าไปกอดเธอ
            เธอเหมือนตุ๊กตาที่กำลังถูกทิ้งจริงๆ
            แต่นั่นมันก็เป็นความคิดในสมอง
            ใจผม … มันเลิกคิดที่จะทำแบบนั้นไปนานแล้ว
            ผมรู้สึกผิดที่เป็นแบบนี้ ทำไมกันนะ
            หญิงยิ้มบางๆก่อนจะเดินข้ามถนนมาทั้งๆที่สัญญาณไฟคนเดินยังเป็นสีแดงอยู่ ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างเล็กจะข้ามมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามีรถพุ่งตรงมาหรือเปล่า ผมมองทางรถด้านขวา ไม่มีไฟหน้ารถใดๆที่บ่งบอกว่ารถจะขับตรงมาทางนี้ น้องหญิงเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางถนน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆอย่างเศร้าหมอง
            ผมรวดร้าวไปทั้งร่าง
            “หญิง…”
            ปิ้น!!!!!
            เสียงบีบแตรรถกับรถที่พุ่งตรงมาทำให้ผมใจหาย!!! เพราะไม่ได้เปิดไฟหน้ารถเลยทำให้ไม่มีอะไรเตือน เจ้าของรถอาจจะเห็นเงาของน้องหญิงเลยบีบแตรนั่น! ผมวิ่งเข้าไปหาร่างของน้องหญิงแล้วรวบตัวของเธอหลบรถที่พุ่งมา โชคดี ทันเวลาพอดิบพอดี รถคันนั้นบีบแตรไล่สองสามทีแล้วขับหายไปท่ามกลางสายฝนอย่างรวดเร็ว
            ผมคร่อมร่างเล็กเอาไว้ น้องหญิงเบิกตาโพลงพลางตัวสั่นระริก
            ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณนี้ ราวกับว่าเป็นพื้นที่ร้างที่ไร้ผู้คน แต่ไม่ใช่หรอก คงไม่มีใครออกมาตากฝนที่ตกหนักขนาดนี้ให้ตัวเองไม่สบายเล่นแน่ นอกจากผมกับน้องหญิงแล้ว … ผมบีบแขนหญิงแน่นด้วยอารมณ์โมโหปนสงสาร
            “ทำแบบนี้ทำไม!!! ไม่รู้หรือไงว่าคุณแม่จะเสียใจขนาดไหน!!!” ผมตะคอกร่างเล็กทั้งๆที่เรายังนั่งอยู่บนพื้นริมฟุตบาท ร่างของน้องหญิงสั่นราวกับลูกนกที่ร่วงจากรัง
            “หญิงตอบป่านสิ!!! หญิงไม่สงสารแม่หรือไง!!!”
            “หญิงไม่ห่วงคุณพ่อหรือไง คุณพ่อถามถึงแต่หญิงนะรู้มั้ย!!!”
            ร่างเล็กร้องไห้โฮออกมาก่อนจะกอดเข่า ผมเสยผมด้วยความเครียดก่อนจะเกลี่ยปอยผมของร่างเล็กขึ้นไปทัดหู ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำจะบ่งบอกให้ผมรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อย่างหนักแม้ว่าน้ำตาจะถูกกลืนไปกับหยดน้ำจากสายฝนก็ตาม
            “อย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหญิงต้องเข้มแข็ง”
            “หญิงเกลียดป่าน…” ร่างเล็กพึมพำออกมา ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าผม
            “หญิง…”
            “หญิงเกลียดป่าน!!! ฮือๆ” น้องหญิงร้องไห้โฮออกมาแล้วทุบตีร่างกายของผม ผมมองเธอด้วยแววตาสำนึกผิด ทั้งที่บอกตัวเองว่าตัดใจไปแล้ว แต่เหมือนกับโดนเข็มล้านเล่มแทงลงบนร่าง
            “ป่านขอโทษ…”
            “เพราะป่านคนเดียว ฮือ ถ้าป่านไม่ตามใจหญิง หญิงก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฮึก”
            “ป่านแย่งคนที่หญิงรักไป นาทีรักป่านมากขนาดนั้น แล้วหญิงล่ะ ป่านทิ้งหญิงไปไม่สนใจหญิง ป่านปล่อยหญิงให้อยู่คนเดียวแล้วก็ทรยศไปรักกับคนที่หญิงรัก ฮือ!!!”
น้องหญิงสะอื้นจนตัวโยนแล้วพูดรัวออกมาเป็นชุด ผมคุกเข่าลงที่พื้น ร่างเล็กพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาใหญ่ ผมดึงมือของน้องหญิงออกแต่เธอผลักผมอย่างแรงจนลงไปก้นจ้ำเบ้าที่พื้น
            “หญิงเกลียดป่าน!!!!”
            “ป่านขอโทษ … ป่านแค่…”
            “ไม่อยากฟัง!!! หญิงแค่จะมาบอกป่านว่าหญิงไม่อยากจะฟังอะไร อยากให้หญิงตายนักหญิงก็จะตาย!!! แต่พอหญิงจะตายป่านก็มาห้ามอีกแล้ว!!!!”
            “น้องหญิง…” ผมจับข้อมือของน้องหญิงที่เริ่มจะทึ้งหัวตัวเองออกก่อนจะกำมันแน่น ร่างเล็กกัดริมฝีปากจนช้ำไปหมด
            “น้องหญิงจะตายไม่ได้นะ…”
            “ทำไมล่ะ … ป่านทำร้ายหญิงจนหญิงเจียนตายขนาดนี้แล้วแท้ๆ…” ผมสะอึกไป
            “ป่านเป็นห่วงหญิง เลยไม่อยากให้หญิงคบกับนาที เพราะป่านเคย … เคยคิดว่านาทีมันเลว ป่านกลัวว่านาทีจะทิ้งหญิง ป่านกลัวว่าหญิงจะเจ็บ” ผมพูดเหตุผลให้น้องหญิงฟัง ร่างเล็กส่ายหน้าไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นก่อนจะเริ่มตบตีผมอีกครั้ง
            “แต่สุดท้ายแล้วหญิงไม่ได้เจ็บเพราะนาที … แต่หญิงเจ็บเพราะป่าน!!! หญิงเจ็บเพราะป่านเข้าใจมั้ย เข้าใจมั้ย!!!!” น้องหญิงเขย่าร่างผมอย่างแรง อาการมึนหัวของผมเริ่มกลับมาเรื่อยๆ
            “นาทีเป็นคนรักของหญิง แต่นาทีจะต้องไม่ได้ของของหญิงไป ไม่มีใครจะได้ของของหญิงไป ครอบครัวนั่นต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ ต้องชดใช้ที่เอาตัวป่านไปจากหญิง!!!!”
            ผมเม้มริมฝีปากแน่น
            ผมอยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าพวกเขาไมได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
            “หญิงต้องกินยาระงับประสาท หญิงว่าหญิงต้องกลายเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หญิงควบคุมตัวเองไม่ได้ หญิงพยายามฆ่าตัวตายแต่พอเห็นหน้าป่านโผล่ขึ้นมาห้ามหญิงก็ทำได้แค่โยนมีดทิ้งไป!!! แล้วอย่างนี้ … อย่างนี้ … ไม่ … หญิงไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ถ้าหญิงไม่ได้นาที ป่านก็ไม่ได้ ป่านต้องเป็นของหญิง!!!”
            “…”
            “ป่านต้องเป็นของหญิง ป่านรักหญิงไม่ใช่เหรอ” คนตรงหน้าเริ่มกรอกตาไปมา ริมฝีปากสีซีดเม้มเข้าหากัน มือของน้องหญิงเริ่มก่ายสะเปะสะปะ ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า
            เธอเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วจริงๆ
            ผมทำท่าจะกอดร่างเล็กเอาไว้ แต่น้องหญิงก็ผลักผมออกอีกครั้ง
            “อย่าทำเหมือนหญิงเป็นเด็กนะ หญิงไม่เด็กแล้ว!!! หญิงมีอะไรกับใครตั้งหลายคน ไม่มีกับนาทีหญิงก็มีกับคนอื่นได้!!! หญิงเก่งใช่มั้ยป่าน หญิงเก่ง…” ร่างเล็กเบิกตากว้างราวกับสติไม่ได้อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว ผมร้องไห้ออกมาทันที
            “หญิงไม่ใช่เด็กแล้ว”
            “ป่านขอโทษ… ป่านขอโทษ”
            “หญิง … ขอโทษ …” คนตรงหน้าพึมพำออกมาพลางกอดตอบผมเบาๆ น้องหญิงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนท่าทางของเธอจะเปลี่ยนไป น้องหญิงจิกแขนผมจนเลือดออกซิบๆ
            “ไม่ให้อภัยหรอก หญิงไม่ให้อภัย คนที่แย่งป่านไป หญิงไม่ให้อภัยหรอก!!!” ร่างเล็กว่า ผมลูบหัวของเธอเบาๆ
            “นาทีไม่ได้แย่งป่านไป … แต่ป่านแย่งนาทีไปจากหญิงต่างหาก” ผมว่า ถอนกอดออกเล็กน้อยก่อนจะใช้มือไล้ใบหน้าของน้องหญิง คนที่ผมเคยเฝ้าทะนุถนอมมานาน
            “…”
            “นาทีไม่ผิดอะไรทั้งนั้น หญิงเลิกเถอะนะ การทำร้ายคนอื่นมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น…”
            “ทำไมป่านต้องแก้ตัวแทนมันด้วย … ป่านรักมันมากหรือไง” คำถามของน้องหญิงเล่นเอาผมตัวชาวาบ ผมมองใบหน้าที่เสียใจของน้องหญิงก่อนจะหลบสายตาของเธอ
            “ใช่ … ป่านรักนาที …”
            ‘เพี๊ยะ!!!’
            มือเรียวฟาดหน้าผมอย่างแรงก่อนน้องหญิงจะยกกระเป๋าที่เธอสะพายมาด้วยฟาดลงบนหัวผม ผมไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ แต่นั่นทำให้ผมมึนหัวไปได้หนักเชียวล่ะ
            “น่าเกลียด … ทำไมทำตัวแบบนี้…”
            “ทำไมป่านถึงทำแบบนี้ ป่านรักหญิงไม่ใช่เหรอ ป่านรักหญิงไม่ใช่หรือไง!!!! ทำไม … ทำไมถึงทิ้งหญิงไป ทำไม!!! ทำไม๊!!!! ฮือ” น้องหญิงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง พูดสิ่งๆเดิมที่ผมทำ
            ผมผิดที่สุดแล้ว
            ผมเลวที่สุดในเรื่องนี้จริงๆ
            ผมทำร้ายคนที่รักผม และกำลังทำร้ายคนที่ผมรัก
            “หญิงเกลียดนาที หญิงอยากจะเกลียดป่าน!!! แต่หญิงทำไม่ได้!!!! ป่านเป็นของหญิง ฮือ ป่านรักหญิง ฮือ หญิงเหงานะ เหงามากรู้มั้ย หญิงเหงา เหงาจะตายอยู่แล้ว ฮืออ”
            น้องหญิงพูดซ้ำอีกรอบแล้วตบผมด้วยความแรง ผมนั่งนิ่งให้เธอทำแบบนั้น ก่อนที่กลิ่นเลือดจะมากรังอยู่ที่จมูก ผมมองฝ่ามือตัวเองที่เปื้อนเลือดสีแดงสดอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามาน้องหญิงที่นิ่งไปด้วยความตกใจ
            “ป่าน… ป่านเป็นอะไร เลือด…” น้องหญิงปราดเข้ามาหาผมก่อนจะเขย่าตัวผมอย่างตกใจ ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลไปกับสายฝนกับสิ่งที่ผมทำผิด
            พลางใบหน้าหนึ่งก็แทรกเข้ามาในโสตประสาท
            ราวกับว่าผมจะไม่ได้เจอนาทีอีกแล้ว…
            “ป่านขอโทษ …  ป่านขอโทษนะหญิง” ผมว่าก่อนจะร้องไห้เมื่อเลือดไหลออกมาจากจมูกไม่หยุด แผลตามตัวก็มีเลือดออกมาบ้างแต่ที่มากคงจะเป็นที่จมูก ราวกับน้ำไหลออกจากร่างกาย เลือดออกมากองจนผมแทบจะสำลัก
            “แค่กๆ”
            “ป่าน!!!”
            “ป่านขอโทษ … ป่านรักหญิงนะ อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ อย่าทำร้ายคนอื่นนะ” ผมพูดทั้งๆที่เลือดขังอยู่ในลำคอจนต้องไอแล้วบ้วนมันออกมา ผมหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
            น้องหญิงร้องไห้ออกมายกใหญ่ เธอรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นอะไรในเมื่อเราคบกันมานานขนาดนั้น
            “ป่านไม่เคยทิ้งหญิงเลย … ป่านรักหญิงมาตลอด…”
            น้องหญิงนิ่งไป ใบหน้าเรียวยู่ไปหมดเพราะร้องไห้
            ผมเริ่มพยุงตัวเองไม่อยู่เนื่องจากเลือดที่ไหลมากเกินไป ก่อนจะร่วงลงสู่อ้อมแขนของน้องหญิง
            “แต่ตอนนี้ป่านเจอคนที่รักป่านแล้ว … ป่านเจอ…” 
            “ป่าน!!!!!”
            เสียงทุ้มที่ตะโกนดังลั่นพร้อมกับร่างของใครซักคนที่ผมกำลังคิดถึงวิ่งเข้ามาคว้าร่างผมออกจากมือของน้องหญิง ผมหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของนาทีที่เป็นกังวล ดวงตาของนาทีเบิกกว้าง
            “มะ … มึงมาแล้ว แค่ก” ผมไอออกมาเป็นเลือดแต่ก็ยังหัวเราะฝืดๆอยู่ ดีใจจัง ... อย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้ามัน
            ให้ตาย…
            ผมยังไม่อยากตาย…
            “ป่าน มึง … มึงเป็นอะไร…” นาทีรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าให้ผม ผมได้ยินเสียงพี่วินแว่วๆมาด้านหลัง แต่คนตรงหน้าผมทำให้ผมละไปไหนไม่ได้ นาทีจับมือของผมแน่น ใบหน้าคมงองุ้มด้วยความเป็นห่วง ผมหัวเราะอีกครั้งและอีกครั้งพลางยื่นมือไปจับใบหน้าของนาที
            “มึงมาก็ดีแล้ว… แค่กๆ” ผมไอออกมาอีกครั้ง และอีกครั้ง นาทีลูบหัวผมเบาๆก่อนจะหันไปตะคอกใส่พี่วินที่ยืนอยู่ด้านหลัง
            “เฮีย!!!! เมื่อไรรถพยาบาลจะมาวะ!!!!”
            “โทรเรียกไปแล้ว ใจเย็นๆสิวะ!!!”
            “มึงอย่าเป็นอะไรนะป่าน มึงอย่าทิ้งกูไป มึงอย่านะ …” นาทีส่ายหน้ารัวแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผม ผมหัวเราะเหมือนคนบ้าพลางมองไปที่น้องหญิง
            “ป่านรักหญิงนะ … ป่านไม่เคยคิดจะทิ้งหญิงเลย” ผมว่าเสียงแผ่ว น้องหญิงยังนั่งร้องไห้โฮอยู่ข้างๆผม นาทีมองร่างเล็กด้วยสายตาที่ไร้แววตา ผมยิ้มบางๆ
            “ตอนนี้ป่านก็ไม่เลิกรักหญิง แต่ป่านรักหญิงแบบเพื่อน หญิงเป็นเพื่อนที่น่ารักของป่านเสมอ … แค่กๆ”
            “มึงหยุดพูดเถอะ…” นาทีห้ามผม ผมส่ายหน้า
            “กูอาจจะไม่ได้พูดอีกแล้ว”
            “อย่าพูดแบบนี้นะ ไม่เอานะ ฮือ ป่านห้ามเป็นอะไรนะ” น้องหญิงร้องโฮออกมา ผมส่ายหน้า
            “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด …” ผมมองหน้านาทีนิ่งๆ
            “ไม่!!! มึงห้ามไปไหน มึงอย่าทิ้งกูไปนะป่าน!!!” นาทีร้องออกมาแล้วกอดผมแน่น
            “กู … แค่กๆๆๆๆ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้บอกนาทีผมก็ไอออกมาจนพูดอะไรออกมาไม่ได้แล้ว เลือดท่วมคอไปหมด ผมร้องไห้ออกมาก่อนจะยิ้มบางๆ
            “รักมึงนะ”
            ก่อนที่ดวงตาของผมจะดับมืดลง … พร้อมกับเสียงเรียกของนาทีที่ตราตรึงอยู่ในใจ
            “ป่าน!!!!”
            แย่จัง … ผมยังพูดอะไรกับนาทีไม่มากเลย
            ผมยังไม่ได้บอกความรู้สึกมากมายที่อยากบอก…
            ผมปากแข็งและถือตัว
            ผมไม่เคยเปิดใจรับนาทีซักครั้ง…
            จนกระทั่งวันที่ผมจะหลับไป
            ผมยังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดมัน… ผมไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบายอะไรซักอย่างกับคนที่ผมรัก…
            ผม …
            ยังไม่ได้บอกเลย …
            ว่าผมอยากจะใช้ชีวิตกับมัน … ไปตลอดชีวิต…





TBC
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 12-03-2014 11:24:11
ม่ายยยยยยยยยยยย ป่านเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 12-03-2014 12:10:14
 :mew6: :hao5: น้องป่านนนนนน ตกลงเป็นโรคอะไรน่ะ สงสารสุดใจ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-03-2014 12:41:00
 :sad4: ป่านอย่าเป็นอะไรน่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: narrybo ที่ 12-03-2014 13:13:58
น้องป่าน เป็น  โรคฮีโมฟีเลีย  หรือเปล่า นะ เป็น โรคที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด

และเลือดไหล ไม่หยุด และหยุดยาก น่าจะใช่นะ  หุหุ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 12-03-2014 14:28:16
ป่านเป็นอะไรรรรรรร
อ๊ากกกกกกก อัพด่วนเถอะค่ะ ขอร้องงงงงงง T[]T
สารภาพว่า เลื่อนลงมาตอนท้ายๆ นี่ถ้าจบตอนนี้แล้วเจอคำว่า จบ นะ เราจะตามไปถล่มบ้านคนเขียนจริงๆด้วย
ฮืออออ T^T
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 19-03-2014 18:08:18
27

 
            หยาดฝนที่ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าจะชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ร่างที่แน่นิ่งของเจ้าของผิวขาวซีดผู้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดถูกวางลงบนเตียงสีขาว ดวงตาปิดนิ่งสนิทๆ ลมหายใจที่ขาดช่วงไป ริมฝีปากที่ปิดสนิทราวกับว่ากำลังจะหลับไปตลอดกาล
            ภาพสีขาวปรากฏขึ้นแทนที่ สีดำ สีขาว สลับไปมา
            ดอกไม้สีดำถูกวางลงที่ข้างกายของเขา ทั้งๆที่ผู้ชายคนนี้มีร่างกายสีขาว …
            แต่สีดำ …
            กลับกลมกลืนกับเขาเสียเหลือเกิน…
            ผมมองภาพตรงหน้าแน่นิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ใบหน้าที่นิ่งสงบและน้ำตาที่เหือดแห้งกลายเป็นคำตอกย้ำชั้นดีว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เหลือผม … เพียงคนเดียว
            ร่างของผู้ชายเจ้าของผิวขาวซีดถูกเติมแต่งด้วยชุดสูทสีดำสนิท ผมสีดำที่ปรกลงมาที่หน้าผากถูกเก็บเรียบขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน เขากลายเป็นเจ้าชาย …
            เจ้าชาย
            ที่หายไปจากโลกใบนี้แล้ว
            ร่างโปร่งถูกวางลงในโลงไม้อย่างดีสีดำสนิท ด้านในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาดตา กุหลาบสีดำถูกเติมแต่งไปทั่วโลงนั่น ตอกย้ำอีกครั้ง
            และอีกครั้ง
            บทสวดเริ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้คนและเสียงสะอื้น น้ำตา และความเสียใจ
            แต่ผม … กลับไม่มีน้ำตาซักหยดเลย
            พวกเขาต่างด่าว่าผมไม่มีความรัก … ด่าว่าผมเย็นชา
            ทั้งๆที่จริงแล้ว … พวกเขาไม่รู้สึกถึงความเสียใจของผม
            พวกเขาเสียใจไม่ถึงเสี้ยวของผมด้วยซ้ำ
            ดอกกุหลาบในมือของใครหลายคนถูกวางลงข้างตัวของเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า น้ำตาและความโศกเศร้าเปรอะเปื้อนร่างกายของร่างโปร่งไปหมด
            ขาของผมก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้วิญญาณ …
            ก่อนที่ผมจะวางกุหลาบสีขาวที่เหมาะกับคนที่หลับใหลไปตลอดกาลไว้ตรงกลางของกุหลาบดำ
            ผมก้มลงจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา เป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำให้เขาได้
            …
            ผมอยากจะบอกเขาอีกครั้งเหลือเกิน…
            ว่าเขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารักและอบอุ่น
            ผมรักเขา
            รัก
            แต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไปบ่อยครั้ง ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง
            วันนี้ผมอยากจะพูดกับเขาเหลือเกิน
 
            “ผมรักพ่อครับ”
 
             สิ้นเสียงของตัวเองแสงสีแดงก็ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นจากความเศร้าโศกขึ้นมาเผชิญความเป็นจริง เครื่องปรับอากาศเสียงดังหึ่งๆกับแสงสีขาวนวลที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาในตัวห้องอย่างบางเบาทำให้ต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับม่านตา ผมมองไปทั่วห้อง ก่อนจะมองไปยังมือหนาๆที่กอบกุมมือของผมเอาไว้
            ความอบอุ่นที่มากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ผมมองตัวเองที่อยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลพลางยิ้มออกมานิดๆ
            ผมใช้มือข้างที่เป็นอิสระหยิกเบาๆที่แก้มของตัวเองก่อนจะร้องซี้ดออกมา
            ไม่ได้ฝันไป…
            ก่อนจะนึกถึงความฝันที่ผมลืมตาตื่นจากมา
            ผมไม่ได้ไม่มีครอบครัว … แต่เพราะพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมเลือกที่จะปิดตายพวกท่านไว้ข้างหลัง ทิ้งพวกท่านเอาไว้ในซอกหลืบของความทรงจำส่วนลึก
            อยากจะขอโทษ … ที่เคยว่าด่าพวกท่านว่าทำไมถึงทิ้งผมไป
            ความตาย มันเป็นสัจธรรมของชีวิต เกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องยอมรับว่าวันหนึ่งเราก็ต้องกลับสู่ธรรมชาติที่สร้างเราขึ้นมา
            ผมมองกลุ่มผมของคนที่ผมจำได้แม่นก่อนที่ผมจะหลับไป คนที่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาแต่มีเพียงใบหน้าที่บูดบึ้ง ริมฝีปากสีซีดที่คอยเรียกชื่อผมซ้ำๆเพราะกลัวว่าผมจะหลับไปตลอดกาล ผมวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าไปรับความหอมจากแชมพูเด็กที่คิดถึงมานานแสนนาน แต่มีบางสิ่งบางอย่างขวางที่จมูก ผมดึงเครื่องช่วยหายใจออกไป ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมของนาที แม้จะหลับไปแปปเดียว แต่ผมกลับคิดถึงแทบจะขาดใจ
            “อือ” คนที่นอนฟุบอยู่ที่เตียงครางออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม นาทีเปลี่ยนไปมาก ผมก็สั้นลงนิดหน่อยด้วย ขอบตางี้คล้ำเชียว ผมยิ้มบางๆให้นาทีที่กำลังเบิกตากว้างแล้วนิ่งไป
            “ป่าน…”
            “หืม”
            ‘หมับ!!!’
            ร่างโปร่งโผเข้ากอดผมอย่างแรงก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง
            “ป่าน!!!!!!!!!!”
            “อะไรของมึงวะ” ผมบ่นอุบเมื่อนาทีชักจะเสียงดังไปแล้ว
            “มึง…” นาทีถอนกอดออกจากตัวผม ก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ มือหนาเกลี่ยใบหน้าของผมอย่างทะนุถนอม นาทียิ้มออกมา แล้วหุบยิ้ม ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วหุบยิ้มอีกครั้ง
            ริมฝีปากสีซีดกดจูบที่ริมฝีปากของผมแผ่วเบาแล้วถอนออก ก่อนนาทีจะตะโกนลั่นห้อง
            “มึงฟื้นแล้ว!!! ป่านฟื้นแล้ว!!!!” สิ้นเสียงของนาทีร่างของใครอีกหลายคนก็โผล่มาจากด้านหลังกำแพงที่คั่นอยู่ ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นพวกเขายืนมองหน้าผมอย่างตกใจ
            อะไรกัน ผมหลับไปแปปเดียวเองนะ
            นาทีปรับเตียงให้ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอาน้ำให้ผมกิน คอแห้งผากเหมือนอยู่กลางทะเลทรายเลยให้ตาย
            “ป่าน!!!!” ไอ้กี้วิ่งพรวดพราดเข้ามาหาผมก่อนจะกอดผมเอาไว้แน่น มันร้องไห้ฟูมฟายใหญ่เมื่อเห็นผมฟื้น หัวเล็กๆส่ายดิ๊กๆไปมาเหมือนหมาจริงๆ ไอ้หมูหยองมันตัดผมซะแล้ว ผมลูบหัวไอ้กี้แล้วหัวเราะเบาๆ
            “ไรวะ แค่นี้ทำร้อง ไม่อยากให้ฟื้นหรือไง” ผมเขกหัวไอ้กี้เบาๆแล้วยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง
            ทั้งพี่วิน พี่กวาง พีท ริค พระกาฬ ไอ้กี้ ไอ้ฟ้า นาที … แล้วก็พี่นาราที่ทำไมถึงหายเร็วจัง (?)
            ทุกคนมีสีหน้าตกใจกันหมด
            “อะไร … หลับไปแปปเดียวตื่นขึ้นมาทำหน้าอย่างกับเห็นผี” ผมว่าแล้วยิ้มอย่างร่าเริง นาทีหันมาหาผมแล้วมองหน้าผมนิ่งๆด้วยสายตาที่บอกอารมณ์ไม่ถูก
            อะไรกัน
            “มึงหลับไปสองเดือนเต็มๆนะป่าน…”
            …
            ว่าไงนะ!!!!
            “พี่จะไปตามหมอให้” พี่วินว่าก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องพร้อมกับพี่กวาง ผมเบิกตากว้างพลางมองทุกคนด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกัน … สองเดือนอย่างนั้นเหรอ
            “อำเล่นหรือไง”
            “ไม่ … สองเดือนจริงๆ พี่นาราหายแล้วเห็นไหม” ไอ้กี้ว่าก่อนจะชี้ไปที่ร่างบางหน้าสวยที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ข้างๆไอ้พีท พี่นาราดูปกติดีทุกอย่างแถมยังเดินได้คล่อง ผมมองหน้าทุกคนอย่างไม่เข้าใจ …
            “ไม่จริงน่า…”
            “มึงลองเดินดูก็ได้ ขาคงไม่มีแรงแล้วล่ะ” ผมเบิกตาโพลงมองหน้าไอ้ฟ้าที่โดนไอ้ริคลากไปปิดปาก ก่อนจะมองหน้านาทีที่เศร้าลงไป ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะรีบเลิกผ้าห่มออกจากตัว
            แล้วเริ่มขยับนิ้วเท้า…
            ผมชะงักไป
            …
            ทำไม่ได้
            ผมมองหน้านาทีด้วยความไม่เข้าใจ นาทีเม้มริมฝีปากแน่นพลางมองหน้าผมนิ่งๆ ผมหันไปมองหน้าทุกคนในห้องอีกครั้งก่อนจะหันกลับมามองปลายเท้าของตัวเอง
            ขยับ … ไม่ได้เลย
            ทำไม
            “ที…”
            ผมจับมือของนาทีไว้แน่นแล้วพยายามขยับเท้าอีกครั้ง ขาไม่มีแรงเลย ขยับไม่ได้…
            ทำไม … ทำไม
            ผมมองขาตัวเองนิ่งๆอีกครั้ง นาทีกดจูบลงบนศีรษะของผมเบาๆ ผมมองร่างกายของตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะบีบมือของนาทีที่เงียบไป ผมต้องเข้มแข็ง … ใช่
            ต้องเข้มแข็ง
            ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ดีกว่าการที่ไม่ได้ลืมตาตื่นมามองโลกอีกครั้ง
            ดีกว่าทิ้งให้นาทีอยู่คนเดียว
            “ป่าน…” นาทีมองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าสร้อย ผมส่ายหน้า
            “ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร … แค่นี้เอง ดีกว่าไม่ฟื้นขึ้นมา” ผมยิ้มบางๆให้นาที ผมไม่อยากให้นาทีเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แค่การที่ผมเป็นอะไรแล้วไม่ได้บอกนาที ผมก็ว่าผมผิดแล้ว
            ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้นาทีเสียใจอีก
            ก่อนคุณหมอจะเดินเข้ามาในห้อง นาทีกอดผมที่เอาแต่ทุบขาตัวเองเอาไว้แน่น คุณหมอเริ่มตรวจอาการหลายๆอย่างก่อนจะหันไปคุยอะไรกับพี่วิน ผมรู้สึกราวกับว่าโลกของผมถล่มลงไปทั้งใบ แต่กำแพงที่ผมสร้างขึ้นสูงลิ่วในใจก็สั่งให้ผมเลือกที่จะเข้มแข็งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
            คุณหมอว่าแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง พี่วินมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด…
            “นาที … ฉันขอคุยกับแกหน่อย” พี่วินว่า ก่อนจะเรียกนาทีออกไปนอกห้อง นาทีผละออกจากผมที่กำลังสนใจกับขาตัวเองเพียงอย่างเดียวตอนนี้ … ทำไมกัน ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกี่ยวกันเลย
            โรคที่ผมเป็นมันไม่ได้ส่งผลแบบนี้
            ไม่มีทาง
            ผมไม่มีทางเป็นอัมพาต…
            ไม่จริง
            เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของนาทีที่เดินเข้ามาในห้อง นาทีนั่งลงข้างๆผมแล้วลูบหัวผมแผ่วเบา ผมมองตาของนาทีนิ่งๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องยอมรับมันให้ได้
            “หมอบอกว่าไงบ้าง”
            “ขามึง …” นาทีว่าเสียงเศร้า ผมแทบจะตายไปซะตรงนั้น
            “กูเป็นอะไร?”
            “หมอบอกว่า…”
            ผมตั้งใจฟังคำของคนตรงหน้า …
            “หมอบอกว่ามึงจะขยับขาไม่ได้อีกแล้ว…”
            “!!!!!!!!” ว่าไงนะ
            “จริงเหรอ…” ผมมีสีหน้าเศร้าลงไปก่อนจะบีบขาตัวเองเบาๆ จู่ๆนาทีก็คว้าผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวผมไปมาเหมือนเด็กๆ ผมที่เหม่อลอยไปไกลถูกกระชากร่างกลับมาเพียงรวดเดียว
            “กูล้อเล่น!!!!”
            ?!! อะไรนะ…
            “ไอ้ห่า กูไม่เล่นนะ” ผมกร่นด่าคนตรงหน้าทันทีก่อนจะชกหมัดลงไปที่ไหล่ของไอ้ที หัวใจเต้นรัวอย่างไร้สาเหตุ ทั้งกลัวทั้งตกใจปะปนกันไป เพราะไม่มีแรง เลยทำให้มันกลายเป็นหมัดเบาๆลงไปซะอย่างนั้น
            “หมอบอกว่าเป็นปกติของคนที่นอนนานไป เลือดไปเลี้ยงไม่พอ ทำกายภาพบำบัดซักหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาเดินได้ปกติแล้ว”
             “เซอร์ไพรส์” นาทีว่าพลางหัวเราะ ผมเบะปากแล้วชกคนตรงหน้ารัวไม่ยั้งด้วยความโมโหที่มันเล่นไม่รู้เรื่อง ผมกลัวจริงๆ กลัวจะต้องสูญเสียขาของตัวเองไป แต่ที่กลัวมากกว่านั้น
            คือกลัวจะไม่ได้ตื่นขึ้นมา
            “ตกใจอ่ะดิ ไม่เห็นร้องไห้เลยว่ะ” ไอ้นาทีว่า ผมหันไปเบะปากใส่มัน
            “โง่” ผมทุบไอ้นาทีอย่างแรงแล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีคว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วยังคงกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข ผมยิ้มออกมาบางๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระให้นาที แต่จะว่าไปถ้าผมเดินไม่ได้จริงๆ มันจะยอมดูแลผมเหรอ?
            “หน้าตึงจัง…” คนที่กอดผมอยู่พูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสงสัย
            “ทำไม? ไปฉีกโบทอกซ์มาหรือไง”
            “เปล่า … ไม่ได้ยิ้มมาตั้งสองเดือน…” ผมชะงักไปก่อนจะมองหน้านาที ร่างสูงยิ้มบางๆแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากผมเนิ่นนาน ผมหลับตาลงแล้วรับสัมผัสที่คิดถึงนั่นก่อนที่นาทีจะถอนจูบออกแล้วเกลี่ยปอยผมที่ยาวรุงรังของผมขึ้นไปทัดหู
            นั่นสินะ
            รอยยิ้ม … ที่มีให้ผมเพียงคนเดียว
            พอผมไม่อยู่ก็เลยไม่ได้ยิ้มเลย
            “ว๊า พี่ป่านผมยาวกลายเป็นฮิปปี้” ไอ้เด็กช่างตีมันล้อเลียนยกใหญ่ ผมจับผมตัวเองที่ยาวจนถึงคอ
            “หล่อเลยกู” ผมยิ้มบางๆแล้วมองดวงตาสีเทาของนาทีนิ่งๆ เรื่องที่จุกอกก็อยากจะพูดมันออกมา แต่อีกใจก็อยากจะเก็บมันไว้ข้างหลังแล้วเริ่มใหม่ต่อไป ไม่อยากขุดคุ้ย
            “มึงรู้แล้วใช่มั้ยว่ากูเป็นโรคอะไร…” ผมถามนาทีขึ้นมา นาทีขมวดคิ้วก่อนจะกอดผมเอาไว้
            “รู้…”
            “…” ผมนิ่งไป หมอคงบอกมันแล้ว…
            “มึงเป็นโรคขาดกูไม่ได้ไง”
            ทันทีที่มันตอบผมก็แทบจะชกมันให้ลงไปนอนกองที่พื้น ถ้าไม่ติดว่าแขนเองก็ไม่มีแรงจะขยับซักเท่าไร ผมนั่งนิ่งๆแล้วยิ้มมุมปากออกมา คนตรงหน้าหัวเราะร่า รอยยิ้มที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
            อย่างน้อย … ผมก็ได้กลับมาเจอนาที
            ไม่เห็นต้องบอกเลยว่าผมเป็นอะไร…
            ในเมื่อหลังจากนี้ … มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
            “หมอรักษาให้มึงแล้วนะ แต่อาจจะยังไม่หายขาด มึงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเบาๆสม่ำเสมอ ห้ามเลือดออกเยอะ แล้วก็ห้ามออกแรงเยอะ” นาทีว่าแล้วดีดหน้าผากผม ผมพยักหน้าหงึกๆ
            เป็นเพราะว่าวันนั้นผมวิ่งแล้วก็วิ่ง ท่ามกลางแสงแดด เลือดเลยไหลไม่หยุด บวกกับว่าผมเป็นโรคเลือดแห้งช้าและเลือดจางเลยทำให้เป็นลมง่าย ยิ่งเสียเลือดก็ทำให้หมดสติง่ายเหมือนกัน
            ไม่ได้เป็นไรน่ากลัวขนาดพวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดหรอก
            นะจ๊ะ
            “ทีหลังอย่าปิดบังอะไรกูอีก” นาทีพูดขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นโบว์ขนาดใหญ่ ผมพยักหน้าแต่ก็อีฟไว้ด้านหลัง
            “กูมีชู้ว่ะนาที” ผมพูดติดตลก
            “หายดีแล้วมึงไม่ต้องลุกจากเตียง”
            “ไอ้ห่า ทะลึ่งตลอดล่ะมึง”
            “ทะลึ่งแต่ก็รัก” นาทีหัวเราะเบาๆแล้วนั่งลงข้างๆผม ผมเอามือแตะใบหน้าของนาทีอีกครั้งและอีกครั้ง ดวงตาที่สวยจนน่าหลงใหล จมูกโด่งที่คอยคลอเคลียเหมือนลูกแมว ริมฝีปากสีซีดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าเรียวมน
            มองกี่ที ก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ
            "กูพูดจริงๆนะป่าน เป็นอะไรต้องบอกกู เพราะจี้ไม่บอกกูเลยเสียจี้ไป" ผมชะงักกึก นั่นสินะ
            "อืม" ก่อนจะตอบตกลงไป ไม่ใช่ขอไปที แต่ผมตั้งใจจะบอกจริงๆ นาทีขยี้หัวผมเบาๆ ผมแลบลิ้นใส่นาทีแล้วมองขาของตัวเอง ต้องกายภาพบำบัดหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ …
            ถ้าผมมีแรงฮึดซักอย่าง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้หรอกว่ะ!
            ว่าแต่…
            “หญิงเป็นไงบ้าง?” ผมถามนาที คนตรงหน้าชะงักไปก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่เดิมที่ตอนตื่นมาผมเห็นมันนั่งอยู่ ผมมองหน้านาทีที่หลบสายตาอย่างไม่เข้าใจ
            “นาที…”
            “ถ้ากูบอก … มึงอย่าร้องไห้นะ” นาทีว่า ผมเงียบนิ่งอยู่เฉยๆ… รอฟังจากปากของคนตรงหน้า แม้หัวใจจะเต้นรัวด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็ตามเถอะ
            ก็ผมหลับไปตั้งสองเดือนนี่…
            “แต่มึงคงไม่ร้องหรอกมั้ง ขนาดขาเดินไม่ได้ยังกลั้นซะจนตาแดงไปหมด” ผมยู่ปากใส่คนตรงหน้า
            “มึงพูดความจริงนะ ไม่เอาเรื่องโกหก…”
            “อือ ไม่โกหก บาป” แหมะ พึ่งจะสำเหนียกสินะ
            “ว่ามาสิ”
            “น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่มึงหลับไปเจ็ดวัน …”
 
             *
 
            สองเดือนต่อมา…
            ผมยืนอยู่หน้าป้ายสลักหินอ่อนสีสวยที่มีดอกไม้สดวางรายล้อม ผมยืนอยู่ในสวนสวยที่เอาไว้ฝังร่างกายของผู้ที่ตายแล้วเพื่อส่งกลับคืนธรรมชาติ สังเกตได้จากบริเวณนี้มีหญ้าที่เขียวสดตลอด เพราะร่างกายของมนุษย์ทำให้หญ้าบริเวณนี้เติบโต ป้ายถูกสลักชื่อของผู้หญิงที่ผมเคยรักและจะรักตลอดไป
            ผมวางดอกทิวลิปสีส้มลงตรงกลางของป้ายหลุมศพ
            ไม่มีน้ำตาซักหยด
            เหมือนครั้งที่พ่อหลับไป
            ไม่ใช่เพราะไม่เสียใจ … แต่ความเสียใจ มันร้องไห้อยู่ข้างในจนปวดร้าวไปหมด
            น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่ผมหลับไปหนึ่งอาทิตย์ คุณพ่อกับคุณแม่แทบขาดใจเมื่อผมไปหาพวกท่านที่บ้าน พวกท่านเก็บจดหมายที่น้องหญิงเขียนให้ผม ผมเป็นคนแรกและคนเดียวที่จะได้อ่านมัน ส่วนเรื่องคดีที่เธอจงใจจะฆ่าลูกชายบ้านธาราทรัพย์ ก็ถูกปิดตายไปอย่างถาวรพร้อมๆกับลมหายใจของหญิงที่หายไปจากโลกใบนี้ ผมโทษอะไรเธอไม่ได้ ตัดพ้อไม่ได้ เพราะน้องหญิงเลือกทางเดินนั้นแม้ผมจะพร่ำบอกกับเธอว่าอย่าจากไปไหน ผมเสียใจ เสียใจจริงๆ
            ทั้งจดหมาย …
            มีแต่คำขอโทษแต่ขอให้ผมให้อภัยเธอ น้องหญิงไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่เพราะเธอมีผมเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่ เธอขอโทษที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของผมเลยซักครั้ง เธอขอโทษที่ทำให้ผมต้องหวาดกลัวและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
            เธอคิดว่าการตายของเธอ อาจจะช่วยให้ใครหลายๆคนได้ฉุกคิด
            ว่าให้เรา หันมองคนที่รักเราบ้าง ไม่ใช่ไขว่คว้าหาแต่คนที่เรารักแต่เขาไม่เคยสนใจเรา
            คำขอโทษพร้อมกับกระดาษที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
            ทั้งๆที่ผม เป็นคนที่สมควรพูดคำนั้นที่สุด
            ผมอาจจะเห็นแก่ตัวที่ทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งลงไป…
            แต่ผมกำลังมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
            มือหนาๆของนาทีจับมือผมแผ่วเบา ผมมองใบหน้าของนาทีที่นิ่งสงบ เลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของผู้ชายคนนี้ ริมฝีปากที่มีสีเลือดจางๆ ลมหายใจที่ยังมีอยู่ ใบหน้าที่อิ่มเอิบ
            น้องหญิงทิ้งท้ายที่จดหมายไว้ว่า
            ในเมื่อหญิงยกป่านให้นาทีแล้ว บอกนาทีให้ดูแลป่านดีๆ
            อย่าทำให้ป่านเสียใจ เหมือนอย่างที่หญิงทำ

            และนาที … ก็รับรู้แล้ว
            ผมมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาบางเบา ผมเชื่อว่าน้องหญิงต้องอยู่บนนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักและดีสำหรับผม ไม่ว่าใครจะมองแบบไหนก็ตาม
            “หลับให้สบายนะ …”
            ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อให้ผมได้รู้จักปกป้องใครซักคน
            ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกับผมคนแรก
            ขอบคุณ ที่ไม่ปล่อยให้ผมเดียวดาย
            ขอบคุณ ที่ไม่พรากนาทีไปจากผม
            ป่านรักหญิง
            ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
            เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของผม
            ไปตลอดกาล…






TBC
เหลือบทส่งท้ายอีกหนึ่งตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนมากเลยที่เข้ามาหาป่านกับนาที ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มกันออกหรือสนุกไปด้วย
ก็ถือว่าซี่ได้ทำหน้าที่ในฐานะคนโพสต์สำเร็จแล้วล่ะ 555 ขอบคุณพี่ jiwinil อีกครั้งที่ยอมให้นำนิยายมาเผยแพร่

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 19-03-2014 20:13:27
การหาทางออกของปัญหาแต่ละคน  :เฮ้อ:
อ่านแล้วหน่วงนิดๆ แต่ก็ชอบค่ะ ++
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-03-2014 20:49:42
นึกว่าป่านจะตายเสียอีก



สองเดือนที่นาทีรอคอย





รออ่านบทส่งท้ายครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: killerofcao ที่ 19-03-2014 21:11:22
ง่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 19-03-2014 21:33:24
ตกใจมาก นึกว่าจะจบแบบเศร้าสะแล้ววว  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-03-2014 23:29:33
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-03-2014 09:15:35
อ่านตอนแรกตกใจมากอ่ะ ใจหายแวบเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-03-2014 09:43:19
 :z10: ปมน้องหญิงยังไม่ค่อยเคลียร์

แต่เอาเถอะค่ะ ป่านสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 30-03-2014 00:14:06
28



 
กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
            เพราะสัญญากันว่าถ้าปิดเทอมจะมาญี่ปุ่น ตอนนี้ผมกับนาทีก็เลยมาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่ง ผมกระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ จัดการตัวเองให้ดูดีไม่มีที่ติก่อนจะมองขึ้นไปยังสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนประกอบเป็นกระจกเกือบ 90 %
            บริษัทที่แม่ของนาทีทำงานอยู่
            “พร้อมยัง?” ร่างโปร่งเจ้าของดวงตาสีเทาหันมาถามผม ผมพยักหน้า
            พร้อมตั้งแต่ขึ้นเครื่องแล้วจ้า
            ว่าแล้วนาทีก็พาผมเดินเข้าไปในบริษัทหรูก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์ ความตื่นเต้นและความกดดันที่จะได้เจอแม่นาทีเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องกำมือแน่นในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในหน้าหนาวของที่นี่  เพราะตั้งใจจะมาเจอคุณแม่ก่อนจะไปเที่ยว หลังจากลงเครื่องนาทีก็เลยพาผมตรงมาที่บริษัทแม่ทั้งๆที่แบกกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังมาด้วย
            แถมไอ้พวกลูกช่างย้ำมันก็ย้ำจัง ทั้งพี่วิน พี่นารา พ่อนาที และตัวไอ้นาทีเอง ทุกคนย้ำว่าคุณแม่เป็นคนที่ดุและน่ากลัวมาก แม้แต่พ่อยังกลัวคุณแม่เข้าไส้ ลูกชายยังไม่กล้าหือ ผมเลยรู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ก็คิดว่ามันน่าจะผ่านไปด้วยดี … เหรอวะ
            ปกติผมไม่กลัวอะไรนะเว้ย จริงๆนะ
            ‘ติ๊ง’
            ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่เริ่มจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง นาทียิ้มให้ผมก่อนจะกดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากผมอย่างรวดเร็วแล้วถอนออก
            “เชี่ย ทำไรไม่รู้ที่รู้ทาง” ผมบ่นอุบ นาทีทำหน้านิ่ง
            “ก็ปากมันอยู่ตรงนั้นพอดี”
            “สตอ” ผมว่าคนข้างๆก่อนจะค่อยๆเดินออกจากลิฟต์ หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเมื่อพบกับห้องกระจกมากหน้าหลายตา พนักงานหลายคนเดินพลุกพล่านยุ่งวุ่นวายไปหมด ทุกคนกำลังยุ่งกับหน้าที่ของตัวเอง
            บางทีอาจจะมารบกวนแม่ก็ได้
            “จะไม่รบกวนแม่มึงเหรอวะ?” ผมถามนาที นาทีส่ายหน้า
            “ไม่ …” ร่างโปร่งว่าก่อนจะสอดสายตาไปทั่วบริเวณ มันชะงักไปเมื่อสบตากับชายร่างเล็กคนหนึ่งผู้มีใบหน้าออกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ผมมองร่างเล็กของผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหานาที
            อย่ารัวเจเปนิสกับกูเด็ดขาดนะ สมองผมจะรวนได้
            “คุณชาย สวัสดีครับ!” สำเนียงภาษาไทยชัดแจ๋วของคนตรงหน้าทำให้ผมโล่งอกขึ้นนิดหน่อย นาทีก้มหัวให้ชายตรงหน้า
            แล้วไอ้คำเรียก คุณชาย นี่มัน … อะไรวะ
            “แม่ล่ะ?”
            “คุณผู้หญิงอยู่ทางนี้ครับ เชิญเลย”
ชายร่างเล็กว่าพลางผายมือตรงไปด้านหน้าเพื่อให้พวกผมเดินตามไป ทางปูด้วยพื้นพรมสีครีมดูหรูและสบายไปกับไฟสีส้ม กระจกบานใหญ่ที่ติดเรียงรายเผยให้เห็นความสวยงามของกรุงโตเกียวในค่ำคืนที่ลมหนาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่างเล็กของชายวัยกลางคนหยุดยืนที่หน้าห้องกระจกที่คั่นด้วยกระจกขุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพนักงานทั่วไป ก่อนจะผายมือให้นาที
            “เชิญครับ”
            “ขอบคุณ” ท่าทีหยิ่งยโสของนาทีปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมส่ายหน้ากับมัน
            ปกตินาทีก็เป็นคนหยิ่งแบบนี้อยู่แล้ว แต่พออยู่กับผมแม่งกลายเป็นเด็กชายนาทีทันที
            มือหนาของนาทีเคาะลงบนกระจกขุ่นนั่นก่อนจะดันมันเข้าไป มืออีกข้างยื่นมาจับมือผมแล้วลากเข้าไปในห้อง ผมค่อยๆเดินเข้าไปเหมือนเพนกวินหัดเดิน ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงร่างเพรียวในห้อง คุณแม่สวมชุดทำงานสีดำ มือของคุณแม่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ คงจะคุยธุระอะไรซักอย่าง นาทีพาผมไปนั่งที่โซฟา
            ห้องนี่หรูเป็นบ้าเลย … อนาคตฝันว่าจะได้ทำงานที่นี่บ้าง
            “Thank you very much” สำเนียงภาษาอังกฤษดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่กดวางสาย เจ้าของร่างเพรียวผู้มีผมยาวสีดำสนิทถึงกลางหลังค่อยๆหันหน้ามาแล้วมองนิ่งตรงมาที่โซฟา
            คนตรงหน้าผมมีดวงตาสีเทาอ่อนจนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นสีฟ้า ใบหน้าที่ราวกับผู้หญิงวัยแรกรุ่นนิ่งไป จมูกโด่งสวย คิ้วที่เรียวได้รูป ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงแป้ดที่เจ้าตัวทาลิปสติกลงไป
            สวยโคตร…!!!!
            “แกเป็นใคร” คำพูดที่คุณแม่พูดออกมาทำเอาผมแทบจะสำลัก! นาทีนั่งพิงโซฟาแล้วเอาขาขึ้นมาไขว้อย่างไร้มารยาท ผมดึงขานาทีลงแต่มันก็ยังจะดึงดันที่จะวางไว้แบบนั้น
            “คนหล่อ” นาทีพูดแล้วยักคิ้ว ผมชักจะเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่แม่ลูกกันจริงๆ
            เพราะคนตรงหน้าผม เป็นผู้หญิงที่หน้าเด็กอย่างกับคนอายุ 20 กว่าๆ
            “อุ้ยตาย ช่างกล้า” คุณแม่ว่า ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน
            “ลืมลูกชายตัวเองไปแล้วหรือไง”
            “ฉันไม่เคยมีลูกชายหลงตัวเอง”
            ว้อท?!
            ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านทั้งสองดังเปรี๊ยะๆ ผมนั่งนิ่งเป็นหุ่น
            “มาทำไม”
            “พาเมียมาโชว์” ผมตะครุบปากคนข้างๆแทบไม่ทันพลางหัวเราะแหะๆให้คุณแม่ ไอ้ห่านี่ปากปีจอ!!! คุณแม่เลิกคิ้วสงสัยก่อนจะกดปากกาในมือเล่นแล้วกวักนิ้วเรียกผมไปใกล้ๆ นาทีผลักผมให้เดินไป ผมลุกจากโซฟาแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีร่างเพรียวนั่งอยู่
            “ก้มหน้ามาใกล้ๆซิ” คนตรงหน้าให้ความรู้สึกแบบพี่นารายังไงชอบกล กดดันแปลกๆเหมือนตอนอยู่กับพี่วิน แถมยังดูมีอำนาจเหมือนกับคุณพ่อ ผมก้มหน้าลงไปใกล้คุณแม่ มือเรียวจับคางผมแล้วพลิกไปมาเหมือนกับจะสำรวจอะไร
            “ผิวดีนี่” คุณแม่ว่า ก่อนจะปล่อยคางผม
            “แต่ฉันอยากได้หลาน แล้วก็อยากได้คนไปช้อปปิ้งด้วย” ผมชะงักไปก่อนมือของนาทีจะโอบเอวผมเอาไว้จากด้านหลัง คางของนาทีวางลงบนไหล่ของผม
            “แต่ผมรักป่าน” นาทีว่าแล้วนิ่งไป ผมมองหน้าคุณแม่ที่เงยหน้ามองลูกชาย
            “แต่ฉันอยากได้ลูกสะใภ้”
            “อย่าเรื่องมากน่า ไม่เอาผู้หญิงแรดๆมาให้ก็ดีเท่าไรแล้ว!” นาทีเริ่มงอแง คุณแม่เบะปากอย่างไม่พอใจ
            “ฉันจะเอาลูกสะใภ้!!!!” คุณแม่ตบโต๊ะดังปัง!
            “จับป่านไปแต่งหญิงไง!!!!”
            “จะบ้าเหรอ!!!” ผมหยิกหูนาทีแล้วกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน ความคิด ประสาทแล้ว!!!
            “ถ้าอย่างนั้น มาดูกันว่าแฟนแกจะร้อนแรงได้ขนาดไหน ถ้าแฟนแกทำได้ ฉันจะอนุญาตให้คบ!”
            ผมเบิกตากว้าง คำๆนี้คุ้นๆนะ … นาทียิ้มมุมปากแล้วหอมแก้มผม
            “ผมมั่นใจ ว่าป่านชนะขาดลอย!!!!”
            เฮ้ย…
            ผมยังไม่ได้
            ตอบตกลงเลยนะโว้ยยยยยยย!!!!!
 
            ผมมายืนนิ่งอยู่ที่ผับในโตเกียว ผับใต้ดินที่เขาว่ากันว่าเป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น ร่างเพรียวหุ่นนางแบบของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคนรักยืนอยู่ตรงหน้าภายใต้ชุดแซคสีดำอวดหุ่นเรียวสวย ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ไม่ได้คิดอะไรอกุศลกับแม่ของนาทีนะ แต่แบบ … ผู้หญิงคนนี้อายุปาเข้าไปจะห้าสิบแล้ว แต่ยังสวยเช้งกระเด๊ะ แถมอีกอย่าง …
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีมาตรฐานในการคัดแฟนของลูกชายได้น่ากลัวแบบนี้!
            “ฉันจะให้เธอคบกับลูกชายฉัน” คุณแม่ว่าพลางรินวอดก้าแล้วยัดใส่มือผม ก่อนจะรินใส่แก้วของตัวเองแล้วกระดกรวดเดียว ผมมองคนตรงหน้าอึ้งๆ นี่มันคุณแม่ขาลุยนี่หว่า!
            “ถ้าเธอชนะใจคนดู” นิ้วเรียวชี้ไปยังบาร์น้ำที่อยู่ตรงกลางหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งแล้วมองนาทีที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงขาเดฟสีขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาเดฟสีดำ พวกเราถอดเสื้อโค้ทไว้ที่ห้องฝากเสื้อด้านนอกเพราะด้านในนี้อุ่นจนแทบร้อน
            “ถ้าป๊อด ก็กลับบ้านไปกินนมซะ!”
            ยอมกลับดีไหมวะเนี่ย…
            “มึง…” นาทีดึงผมให้ออกห่างจากคุณแม่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผม
            “ทำนะ ไม่งั้นแม่ไม่ให้มึงคบกับกูแน่” ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเซ็งๆ นาทีอ้อนผมเล็กน้อย
            “กูไม่อยากคบแล้วไอ้สัด”
            “ป่าน” นาทีกดเสียงต่ำ ผมเบะปากแล้วแทบจะบีบคอคนตรงหน้า
            “กูทำไม่ได้”
            “มึงต้องทำได้ คิดถึงตอนที่มึงเต้นที่สนามแข่งรถดิวะ” ผมเบิกตากว้างพลางมองหน้านาที
            “มึงเห็น?”
            “อือ …” มือหนาจับเอวของผม ก่อนลมหายใจอุ่นๆจะเป่ารดที่ต้นคอ “มึงร้อนแรงมาก”
            “บ้าแล้วไง” ผมว่า ก่อนจะขยี้หัวอย่างเสียอารมณ์
            “กูรักมึงป่าน ทำให้แม่เห็นว่าแฟนกูไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อน” นาทีว่าแล้วกดจูบที่ต้นคอของผมแรงๆ ผมนวดต้นคอของตัวเองเบาๆพลางพลิกไปมา
            “มีของตอบแทนหรือเปล่า?”
            “ถือว่าเป็นเดทแรกแล้วกัน”
            เอิ่ม..
            เดทแรกบ้านมึงให้กูเต้นยั่วโชว์เนี่ยนะ
            ใครเขาทำกันวะ!!!
            ก่อนนาทีจะผลักผมออกแล้วพยักพะเยิดหน้าไปที่บาร์น้ำด้านหน้าที่น่าจะเป็นจุดรวมความสนใจ ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มพร้อมกับยกแก้วเชียร์ให้ผม ผมหันไปมองคุณแม่ที่ยกแก้วเชียร์ให้ผมอีกคน ให้ตายเถอะ
            การจะเป็นแฟนของลูกชายบ้านนี้
            แม่งต้องถวายตัวจริงๆ
            ถ้าไม่ติดว่าผมรักไอ้นาทีล่ะก็ ผมไม่ยอมแน่
            ผมกระดกแก้ววอดก้าเข้าปากรวดเดียว ขมแสบไปถึงลิ้นปี่ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดแรกแล้วดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้ อยากเจอผมร้อนแรงงั้นเหรอครับคุณแม่สุดสวย งั้นเอาให้ฟลอร์มันไหม้ไปเลยแล้วกัน หึหึหึ
            ผมก้าวขาเดินไปตรงฟลอร์แถวๆบาร์น้ำ ก่อนจะมองไปรอบข้างที่มีวัยรุ่นเต้นกันราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมค่อยๆเริ่มเต้นตามพวกเขาเหมือนกับตอนที่อยู่ที่สนามแข่งรถ ปล่อยให้หัวมันหมุนไปตามจังหวะเพลง รู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าผมกลายเป็นจุดเด่นของงานไปแล้ว

NATE PART
            ผมแท็คมือกับคุณแม่ก่อนจะกระดกวอดก้ารวดเดียวเข้าปากแล้วมองร่างโปร่งเจ้าของผิวขาวซีดที่ยืนเต้นอยู่กลางฟลอร์ เอวคอดๆที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่ามันมีผลต่อหัวใจของใครหลายคนกำลังส่ายไปมาเบาๆเหมือนเด็กหัดเต้น กล้าๆกลัวๆอยู่ตรงฟลอร์ที่มีวัยรุ่นญี่ปุ่นเต้นกันสุดเหวี่ยง ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้างคุณแม่
            “เล่นละครเก่งเหมือนเดิมนะป้า” ผมว่าพลางชนแก้ว คุณแม่หันมาดีดหน้าผากผม
            “เพราะแกขอต่างหากล่ะ เจ้าเด็กนั่นไปไม่เป็นเลย” คุณแม่ยิ้มแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ผมยิ้มมุมปาก
            ใช่ ผมเป็นคนวางแผนให้แม่เป็นคนบอกป่านเองว่าถ้าป่านร้อนแรงไม่ถึงใจจะไม่มีทางได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งก็แน่นอน ป่านต้องหลงรักผมเต็มๆแน่ถึงได้ไม่เถียงซักคำ
            น่ารักจังแฟนผม :)
            ผมมันเจ้าแผนการ ผมไม่บอกหรอกว่าผมทำอะไรไปบ้าง
            แต่ผมได้ป่านมาไว้ในครอบครองจนได้
            ผมรักป่าน เหมือนกับที่รักแองจี้ ในอดีตผมเคยคิดแบบนั้น แต่เมื่ออยู่ไปด้วยกันนานๆ ป่านกับจี้ไม่ได้คล้ายกันอย่างที่ผมเคยคิด ผมไม่เคยรักใครได้ขนาดนี้ ซึ่งป่านเป็นคนแรกที่ทำให้ผมหลงจนไม่อยากจะละไปไหนซักวินาทีเดียว ป่านมีความคิดเป็นของตัวเอง เข้มแข็งซะจนตัวผมเองยังอยากได้ความเข้มแข็งนั้น แม้กระทั่งตอนที่ป่านกำลังจะหลับไป ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มและหัวเราะให้ผมอยู่เลย นั่นทำให้ผมอยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัสป่านตลอดเวลาจนผมคิดว่าผมต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ
ผมสัญญา … สัญญาว่าผมจะรักหมอนี่ให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้
            เพลงจังหวะหนักๆถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกับร่างของป่านที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมนั่งนิ่งมองร่างโปร่งที่ผมหลงใหล ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมละสายตาจากใบหน้าหล่อๆของมันไปไม่ได้ ป่านไม่ใช่คนสวย ไม่ได้มีใบหน้าหวานเหมือนนารา แต่ป่านเป็นผู้ชายหล่อถึงหล่อมาก
            และหุ่นพอดีมือมากด้วย
            ร่างโปร่งเริ่มจะสนุกกับการเต้น ป่านเริ่มเลื้อยจนกลายเป็นว่าเต้นยั่วไปซะอย่างนั้น ผมไม่หวงแฟนถ้าไม่มีใครเข้ามายุ่ง แต่ผมอยากจะรู้ว่าแฟนผมร้อนแรงได้ขนาดไหน
            มองในมุมของผม ป่านเป็นแค่ผู้ชายเฉิ่มๆเชยๆที่มีทัศนคติที่ดีต่อโลก
            แต่ถ้ามองในมุมของคนอื่น ป่านอาจจะเป็นลูกนกที่พร้อมจะโดนขย้ำอยู่ตลอดเวลา
            ป่านเริ่มส่ายสะโพกแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว ท่าทีผู้หญิงมักจะเต้นกลับมาปรากฏบนร่างกายของคนที่ผมรัก ไอ้แวนดิลคงสอนแฟนผมดีจริงๆ หึ ยั่วซะจนคนแถวนั้นเคลิ้มเชียว ป่านปีนเก้าอี้ตรงบาร์ก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนบาร์น้ำ ชายเสื้อที่หลุดลุ่ยพร้อมกับผิวขาวนั่นตราตรึงใจหลายๆคน
            “ใช้ได้นี่…” คุณแม่ว่า ก่อนจะเดินหายออกไป แม่ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ท่านก็แค่มาผ่อนคลาย ยังไงคุณแม่ก็ยอมรับทุกสิ่งที่ผมจะทำอยู่แล้ว ไม่ว่าป่านจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
            ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปรายสายตาไปมองคนที่เต้นจนทำให้ผับร้อนแรงไปหมด วัยรุ่นหลายๆคนเริ่มหยุดเต้นและหันมาสนใจคนที่ส่ายเอวอยู่บนบาร์น้ำ บ้างก็ร้องโห่ บ้างก็ยัดเงินให้กับป่าน เบียร์เย็นๆถูกสาดไปทั่วบริเวณจนร่างโปร่งเปียกโชก เสื้อเชิ้ตสีขาวลู่ลงกับผิวกาย สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
            ทำให้ใครหลายคนร้องโฮออกมา
            ผิวขาวซีดภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่น กับร่างกายที่ยั่วยวน
            ผมแทบคลั่งจนจะบ้า
            มือของหลายๆคนเริ่มสะเปะสะปะไปมาบนร่างกายของป่าน กระดุมถูกปลดออกจนหมดด้วยมือขาวซีดนั่น ใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจัดเพราะอาการที่เริ่มจะเมาจากวอดก้าเพียว ผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะมองจ้องเจ้ามือยุบยับที่คอยแต่จะรั้งป่านแล้วสัมผัสร่างกายป่าน มือของพวกผู้ชายที่ละจากการเต้นมายืนมองแฟนผมที่ส่ายเอาอย่างยั่วยวนบนบาร์น้ำ
            มือของใครคนหนึ่งเอื้อมไปเพื่อจะจับน้องป่านน้อยที่ผมเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว ผมปราดเข้าไปก่อนจะจับมือนั้นไว้แทบจะทันที เจ้าของมือหันมาเหมือนจะหาเรื่อง ผมเงยหน้ามองเจ้าของร่างโปร่งที่หยุดเต้น ดวงตาสีน้ำตาลของป่านจดจ้องมาที่ผม
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยื่นมือข้างซ้ายไปหาป่าน มือของป่านจับมือผมแล้วกระโดดลงมาที่พื้น ผมรั้งเอวป่านเข้ามาใกล้ด้วยมือซ้ายก่อนจะบดเบียดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากสีส้มสุขภาพดีที่เผยอขึ้นด้วยความไม่รู้ตัวอย่างร้อนแรง ก่อนจะไล่จูบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นคอ ยันไหปลาร้า และไหล่ขาวเนียนนั่น ป่านยังคงเต้นไปตามเพลง ผมจับเอวคอดๆนั่นไว้

            มือขวายังคงจับมือคนที่จ้องจะลวนลามแฟนผม ผมจูบที่ริมฝีปากของป่านเหมือนเด็กติดลูกอม เหมือนเด็กติดขนม แม้มันจะไม่หวาน แต่ก็ทำให้ยากต่อการที่จะละออก เหมือนป่านจะเริ่มหายใจไม่ออก มันใช้ฟันงับลงบนริมฝีปากผมจนเลือดซิบ ผมจึงละออกจากริมฝีปากที่แสนขี้โมโหนั่นแล้วเลียริมฝีปากของตัวเองพลางหันไปมองเจ้าของมือตัวเตี้ยที่มองผมอย่างไม่พอใจ ก่อนจะชกหน้ามันไปจนเกิดจราจลเล็กน้อย
          “Sorry man … He’s my boyfriend”
             เมียข้าใครอย่าแตะเว้ย!!!!
 
PARN PART
            “อ้วก!!!”
            ผมโก่งคออ้วกอยู่หน้าผับอย่างเหลืออด ปวดหัวตื้บๆเพราะวอดก้าเพียวที่กระดกไปไม่รู้กี่แก้ว มีนาทีคอยพยุงอยู่ด้านข้าง น้ำเปล่าถูกกระดกลงไปในลำคอของผมเพื่อกลั้วปาก เสื้อที่เปียกชุ่มด้วยเบียร์ถูกแทนที่ด้วยเสื้อโค้ทหนังสัตว์ราคาแพงเพื่อเพิ่มความอบอุ่น นาทีพาผมขึ้นรถสปอร์ตอีกคันของคุณแม่ที่ยกให้ระหว่างที่พวกผมอยู่เที่ยวที่โตเกียว
            บอกแล้วไง
            ว่าไอ้นาทีบ้านรวย
            แต่ลูกชายคนเล็กสันดารแย่มาก
            มันไปชกคนในผับจนเขาวุ่นวายกันไปหมดแล้วลากผมออกมาจากผับเพื่อหลบเท้าของคนด้านใน
            เป็นเดทที่น่าประทับใจจังเอ้ย
            “ปวดหัวว่ะ” ผมนั่งลงที่ข้างคนขับก่อนจะตกใจเมื่อนาทีปรับเบาะผมให้นอนราบ ร่างโปร่งเข้ามาทาบทับผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากสีซีดมอบจูบอันเร่าร้อนให้ผมจนได้ยินเพียงแค่เสียงหอบหายใจ ผมตบหน้าไอ้ทีอย่างแรงจนมันร้องโอ้ยแล้วกุมปากก่อนจะยิ้มจนตาหยี
            “มึงสอบผ่าน”
            “เออ ลงทุนขนาดนั้น ไม่ผ่านให้มันรู้ไป” ผมบ่นอุบแล้วผลักนาทีออกแล้วปาดริมฝีปากของตัวเอง
            เป็นเดทแรกที่ผมขยาดมากที่สุดในโลกเมื่อนึกถึงมือที่เอื้อมมาเพื่อจะลวนลามร่างกายของผม
            ยี๋
            ขนลุก!
            “จำได้เปล่าว่ากูเคยสัญญาอะไรไว้” นาทีโพล่งขึ้นมา ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ
            “ไม่อ่ะ รกสมอง”
            “ป่าน ตกลงรักกูจริงหรือเปล่าวะเนี่ย” นาทีเบะปาก ผมหัวเราะ
            “โอ๋ไม่ร้องนะ รักดิ ว่าไงวะ กูอยากนอนแล้วปวดหัว” ผมว่าก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทให้แนบเนื้อมากขึ้น เพราะหิมะเริ่มจะตกลงมาจากฟากฟ้าแล้ว สีขาว ผมไม่เคยเห็นเลย
            ตื่นเต้นว่ะ
            “อ่ะ!” นาทีโยนอะไรบางอย่างใส่หน้าผม กระแทกหน้าผมอย่างจัง ผมร้องโวยวายแล้วปารองเท้าใส่หน้าไอ้นาทีด้วยความโมโห ก่อนจะหยิบผ้าสีแรดๆของอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ที่ตักของตัวเองขึ้นมาดู
            กางเกงในสีชมพูลายมินนี่เม้าส์!!!!!
            “ไอ้บ้านาที นี่มึง!!!” ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าสีชมพูนั่น ผมคลี่กางเกงในสีจี๊ดนั่นออกมาก่อนจะเจอกับสร้อยเชือกสีดำที่เข้ากับแหวนสีดำที่ผมสวมใส่อยู่
            ผมหันไปมองหน้านาทีนิ่งๆ นาทีกดจูบลงบนริมฝีปากผมเร็วๆและผละออก
            “รักมึง”
            ผมยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยกสร้อยนั่นขึ้นมา นาทีโชว์สร้อยสีดำแบบเดียวกันที่สวมอยู่ที่คอของมัน
            “ทำตัวเป็นตุ๊ดไปได้… กูไม่ชอบใช้ของคู่หรอกนะ” ผมว่า ก่อนจะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมแล้วหันไปกดจูบลงบนริมฝีปากของนาทีเร็วๆแล้วผละออกเหมือนกับที่มันทำ ก่อนจะชกหมัดลงไปแรงๆรัวๆที่แขนของไอ้นาทีจนมันร้องโอ้ยออกมา
            “ขอบคุณนะ รักมึง”
            “รักน้องจริงอย่าทิ้งน้องนะ”
            ไอ้ห่า เสี่ยวเกินไปแล้ว
นาทีทำท่าจะจับกางเกงผมกระชากลงอีกรอบ ผมหัวเราะแล้วตบหัวคนข้างๆก่อนจะเปิดประตูรถออกไปแล้ววิ่งหนีไอ้นาทีที่พยายามจะจับผมปล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่บางครั้งมันก็โดนผมปล้ำกลับ แต่ดูเหมือนนาทีจะติดใจนะ
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ผมรู้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้มีมาก่อน
            “ไอ้บ้ากาม!!!”
            แม้จะเป็นคำพูดห้วนๆที่พูดให้กัน
            แม้จะไม่หวานเหมือนใครๆ
            แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักกันได้ขนาดนี้
            แต่เพราะคำว่ารักมันไม่มีคำอธิบายสำหรับผม แค่รู้สึกดีๆที่อยู่ด้วย รู้สึกว่าถ้าขาดใครไปซักคนก็อาจจะเหมือนกับอะไรขาดไปซักอย่างจากร่างกายแต่ไม่ถึงกับตาย
            อนาคตผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ วันพรุ่งนี้นาทีอาจจะหมดรักผม แต่ผมไม่เคยเสียใจเลย อย่างน้อยครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เคยยิ้มให้ใครกลับยิ้มให้ผมเพียงคนเดียว คนที่ไม่เคยอ้อนใครกลับมาอ้อนผม
            แค่ที่เป็นอยู่ตรงนี้
            แค่การมอบชีวิตใหม่ให้นาทีในวันนี้
            ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาทุกวัน
            จนคิดว่าตัวเอง
            ท่าจะบ้าไปแล้วแน่ๆ
            บ้ารักเนี่ยนะ?
            เมาแล้วไอ้ป่าน!
            “สนใจเอาเลือดหัวออกท่ามกลางหิมะสีขาวมั้ยวะ นาที!”
            ผมรักมันจริงๆนะ

            จะบอกให้





END
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 30-03-2014 01:49:23
จบซะแล้ว :hao5:
สนุกมากๆเลยค่ะ มีครบทุกรสเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 30-03-2014 04:07:41
สนุกมากๆค่ะ 


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 30-03-2014 08:08:42
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 30-03-2014 09:26:56
ร้ายกาจจริงๆนะ นาที อยากอ่านคู่อื่นบ้างอ่ะะะะะะะะะะะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2014 12:27:01
สนุกมากๆ :katai2-1:
ขอบคุณนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 01-04-2014 16:33:08
น่ารักจริงเลยคู่นี้อ่ะ

ชอบคนแบบป่านอ่ะเข้มแข็งมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 15-06-2014 02:27:25
จบแฮปปี้เอนดิ้ง  :katai2-1:

อยากได้ตอนพิเศษจังเลยยย
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-06-2014 02:03:02
อ่านไปตอนแรกก็ไม่ชอบหญิงนะ แต่แบบ ตอนจบสงสารนางนิดหน่อย นี่ล่ะนะ ไม่ยอมมองคนข้างตัว เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง #อะไรนะพี่ฉันไม่ได้สนับสนุนป่านหญิงนะ!

เรื่องนี้ ที่สงสารที่สุดคือพ่อแม่ของหญิงค่ะ คงจะใจสลายมากๆ ลูกสาวทำผิดมาก แถมยังฆ่าตัวตายอีก

สุดท้ายนี้ เรื่องนี้หักมุมมากค่ะ! ตกลงว่าตาทีเจ้าเล่ห์ที่สุดสินะคะ!?
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 18-06-2014 06:23:50
คู่นี้รักกันน่ากลัว มีทุกอารมณ์ ทุกการกระทำ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 18-06-2014 14:06:57
อ่านรวดเดียวจบ  สนุกมากกก  ลุ้นตลอดดด

ตอนแรกๆแอบขัดใจป่านเล็ก  แต่ที่ชอบที่สุดคือป่านไม่มีงี่เง่า ผู้ชายแมนๆอ่ะ ต้องแบบนี้

นาทีก็น่ารัก    แต่แอบชอบพระกาฬอ่ะ   อิอิ  ชอบผู้ชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: ^^KENTA^^ ที่ 18-06-2014 15:11:06
สนุกเข้มข้นมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 18-06-2014 19:47:39
เดาไม่ได้ อ่านไปอ๋อมันเป็นแบบนี้นี่เอง สักพักเฮ้ยไม่ใช่และ หลอกกันชัดๆ
ปมเยอะ ซับซ้อน น่าติดตามสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 18-06-2014 21:13:13
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 19-06-2014 20:54:36
 o13 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 20-06-2014 01:46:30
สุดยอดดดดดดด     เรื่องไม่ยาวแต่ซับซ้อน  ซ่อนเงื่อน  น่าติดตามสุดๆๆๆๆ


ชอบน่ารักมากกกก กริ๊ดแปป  แผนนาทีชัวร์  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 20-06-2014 04:01:17
จบแล้วอ่ะ

อยากให้มีต่อจัง สเปก็ด้ายยยย

เรื่องนี้แบบว่าหยุดอ่านไม่ได้

มีให้ลุ้นให้คิดให้เดาทุกตอน

อ่านตอนแรกนี่มันยังไง อะไร โอ้ยมึนงงไปหมด

อ่านไปอ่านมาหยุดอ่านไม่ได้ซะงั้น
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: momoku ที่ 20-06-2014 14:26:38
หนุกมากอ่ะ ไม่เคยเห็นเรื่องนี้ จนมันขึ้นว่าย้ายห้องเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวจบ มันมากก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 20-06-2014 18:17:17
ตามอ่านจนจบบบ น่ารักจริงๆเลยเจ้าค้ะะ
แอบเสียดายที่ฉากนังหญิงตายย บรรยายน้อยไปหน้อยย 55555 :hao7:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: TORORO-PD ที่ 21-06-2014 12:44:57
 o13
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 21-06-2014 15:55:34
จบ น่ารักกกกกกก         :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 24-06-2014 21:13:25
ชอบอ่า
ป่านน่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: RealReal ที่ 27-06-2014 22:52:43
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ หนุกดี ชอบ ๆ แต่ตั้งแต่อ่านมามโนภาพ ป่าน เป็นเมียไม่ออกจริงๆ นะ ครึๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 30-06-2014 14:33:36
สนุกมากครับ เริ่มต้นเรื่องได้แปลกแตกต่างดีครับ ชอบๆๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 01-07-2014 04:16:55
ยิงยาวรอบเดียวจบ อ่านไปยิ้มไปลุ้นไปตลอด จบน่ารักมากคะ ครอบครัวนี้เก่งเรื่องการแสดงกันหมดเลย .อิอิ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 01-07-2014 13:45:23
 :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 01-07-2014 23:23:46
สนุกมากค่ะ ลุ้นตลอด
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-07-2014 03:22:05
น่ารักมากกกกก
ตกใจตอนที่น้องป่านสลบไป คิดว่าจะไม่ได้กลับมารักกันนาทีอีกเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 06-07-2014 13:33:49
ตอนจบน่ารักมาก ❤
อ่านมาลุ้นตลอดว่าป่านเป็นโรคอะไร
ดีนะที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็ตกใจที่ป่านเลือดออกเยอะขนาดนั้น

ยิ่งฉากฝนตกแล้วเลือดกำเดาไหลไม่หยุด
กระอักเลือดออกมาอีก ช็อคมากก!
ดีแล้วที่ไม่เป็นไร
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 06-07-2014 15:35:01
 :katai2-1:โอ้ยยยย. อ่านไปลุ้นไป  หักมุมตลอดๆๆ คาดไม่ถึงมากๆ อยากอ่านคู่กี้กาฬ :katai1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: begal ที่ 06-09-2014 01:56:10
ชอบอ่ะค่ะ ชอบมาก ขอบคุณนะคะที่ลงให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Mew SN ที่ 06-09-2014 19:57:33
อ่านบแล้ว  :katai2-1: = = ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกก อ่านวันเดียวจบ >< ขอบคุณที่ลงให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: minniez ที่ 07-09-2014 15:11:28
สนุกมาก ลุ้นระทึก บางตอนนี่สงสารมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 08-09-2014 20:05:32
อ่านจบ เย่ ป่านไม่เป็นอะไร
ตกใจแทบแย่ แหะๆ
นาทีนี่เจ้าเล่ห์เกินนะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 27-11-2014 14:59:32
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 03-12-2014 07:04:35
ขอบคุณค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-02-2015 10:34:27
ชอบมากครับ สนุกมากด้วย แต่อ่านช่วงแรกออกจะงง ๆ ป่าน กับ นาที รักโหด หึงโหดจริง ๆ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: gloyjai ที่ 17-08-2015 00:26:02
สนุกมากเลยค่ะ หักมุมหลายช่วง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Flower ที่ 18-08-2015 19:23:45
ชอบเรื่องนี้มากอ่ะ มีครบทุกรส
ถ้าจะดี...ต่อเรื่องกาฬให้หน่อยนะ555+
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 26-08-2015 20:53:37
เป็นเรื่องที่หักมุมบ่อยจังค่ะ เรียกได้ว่าต้องนั่งลุ้นบรรทัดต่อบรรทัดเลยนะเนี่ย 55555 ชอบนาทีกับป่านอ่ะ ดุเดือนดี ชอบต่อยตีกัน แมนๆคุยกันดีค่ะ แต่แอบสงสารน้องหญิงเหมือนกันเนาะ ถึงนางจะร้ายก็เถอะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: kanityada ที่ 13-09-2015 23:50:51
สนุกแรงค่ะ สนุกแรงมากจริงๆ 5555555555

แอบแค้นคนแต่งตอนที่ป่านสลบไปแล้วขึ้นตอนใหม่ด้วยงานศพ คือแบบ เสียน้ำตาฟรีค่ะ เจ็บใจ !!!  :katai4: :katai4: :katai4:

คู่นี้น่ารักค่ะ ยอมจริงๆ แอร๊ย รักป่าน รักนาทีนะคะ <3 /เอาจริงๆแอบติดใจแวนดิลเบาๆด้วย 5555555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-09-2015 08:23:29
เป็นคู่รักที่รักกันรุนแรงเหลือเกิน ทั้งมือทั้งเท้ามาหมด ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Nene promporn ที่ 20-09-2015 23:21:49
สะ...สุดยอด...!!!
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-09-2015 15:03:12
ลุ้นแทบทุกตอนเลยอ่ะ สุดยอดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 31-07-2016 08:06:02
พลาดเเล้ว ข้ามเรื่องนี้ไปได้ไงงง
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 13-10-2016 19:33:02
ขอบคุณค่ะ  :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-10-2016 09:19:06
โอย น่ารัก ขอบคุณสำหรับงานเขียน
ปล.คนเขียนคงชอบ ฝอยทอง สินะ
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-11-2016 18:48:54
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 10-11-2016 01:59:18
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-11-2016 22:23:22
นี่สินะที่เรียกว่ารักกันด้วยลำแข้ง แมนมาก โหดกันทั้งเรื่อง ไม่มีใครยอมใคร
สนุกดีค่ะ ปกติไม่ค่อยได้อ่านแนวแบบนี้ เลยเปิดประสบการณ์การอ่านของเรามาก
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเดาอะไรไม่ได้เลย หักมุมตลอดดด 55555
หัวข้อ: Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 24-11-2016 15:24:18
 o13