18
เอาอิป๊ามาอ้อน(ตรีน?)
เค้าสอบเสร็จมาพิมพ์แบบมึนๆ หนูพราวก็มึน อิป๊าก็ยิ่งมึน รีดเดอร์อาจจะมึนกว่า ฮ่าๆๆ
งานนี้นอกจากอิป๊าจะไม่สำนึกนางยังหน้ามึนใส่เด็กอีก > <
เค้าจะทำให้ดีที่สุดน้า เยิฟฟฟฟฟฟ
[เฟิร์ส]
ตอนเด็ก...
ผมอยากเล่นเปียโนคู่กับพ่อมาก แต่ที่ตรงนั้นกลับเป็นที่ของพี่เฟนด์
ผมอยากเข้าไปแย่งบอลกับพี่เฟนด์กับพ่อ แต่เขากลับให้ผมไปยืนเป็ลโกลด์นิ่งๆอยู่ขอบสนามมองเขาแย่งลูกกันอยู่สองคน
ผมอยากให้มัมนวดขาให้ตอนเล่นมาเหนื่อยๆ แต่มือเขาไม่ว่างเพราะกำลังนวดให้พี่เฟนด์
ผมอยากให้มัมทำของโปรดให้อย่างที่ทำให้พี่เขาบ้าง แต่ก็ไม่... กลายเป็นผมที่ต้องเปลี่ยนตัวเองไปชอบกินเหมือนพี่เฟนด์แทน อ่า... มัมทำของโปรดให้ผมด้วย ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆ ถึงแม้ที่จริงแล้วเขาจะทำให้พี่เฟนด์ก็เถอะ
ผมอยากให้แม่เล็กสอนทำการบ้าน เขาบอกให้ผมค้นคว้าเอาเอง แต่เขากลับยอมสอนพี่
‘แพรวไม่ได้รักคุณเฟิร์สแบบนั้นค่ะ คุณหนูยังเด็กยังไม่เข้าใจ...’
‘แต่แพรวโตกว่าไม่กี่ปีเองแพรวยังเข้าใจได้เลย’
‘มันไม่ใช่ความรักแบบนั้นหรอกค่ะ คุณหนูแค่หวั่นไหวเพราะมีแพรวคอยดูแล’
‘ไหนบอกถ้าเราโตแล้วจะแต่งงานกันไง’
‘แต่แพรวรักคุณเฟนด์...’
รู้ว่าเขาทำไปทุกอย่างเพื่อเงินแต่ก็ยังไปรักเขา แม้แต่ ‘พี่เลี้ยง’ ที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กก็ยังทิ้งผม...
เอาเถอะครับ! นั่นมันเป็นปมด้อยตอนผมยังเป็นเด็ก ตอนนี้ผมโตแล้ว! พ่อแม่ทุกคนก็รักลูกเท่ากันนั่นแหละครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าถ้าไม่มีเด็กหมีขาวนี่เข้ามาป่วนชีวิต โตไปผมจะเหลวแหลกหรือเปล่า เขาเติมช่องว่างที่หายไปของผมทุกช่อง และผมก็ไม่อยากให้ชีวิตของผมกลับไปว่างเปล่าเหมือนในอดีตอีก พราวเล่นเปียโนกับผม เขาให้ผมสอนการบ้าน เขาเล่นบาสกับผม เขารักผม เขาเลือกผม เขาเป็นทุกอย่างที่ผมอยากให้เป็น พราวเป็นผ้าขาวที่ผมระบายสีที่ผมชอบลงไปจนได้ภาพสุดท้ายที่ผมต้องการอย่างสมบูรณ์
ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ผมจะไม่ยอมเสียเขาไป... จึงรีบทำให้ตัวเล็กเป็นของผมเสียเลย ผิดคาดไปมากเพราะตั้งใจจะทะนุถนอมให้ถึงที่สุด แต่นี่อะไร นอกจากจะไม่เข้าใจกันแล้วยังไปขืนใจเด็กอีก T_T
กว่าผมจะได้พราวมาอยู่ด้วยก็พยายามอ้อนวอนไอ้ฟาสต์อยู่นานครับกว่ามันจะยอมเซ็นต์เป็นพ่อให้พราว ไอ้ฟาสต์มันเป็นพี่ชายคนโตที่ผมสนิทใจกับมันมากแต่มันก็ไม่ได้ดูแลผมอย่างพี่น้องควรจะทำหรอกครับ อายุเราห่างกันเยอะ มันก็อยู่ในโลกของมัน ผมก็อยู่ในโลกของผม
เมื่อคืนแม้พราวจะขัดขืนในทีแรกแต่สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดี ลูกหมีน่ารักและยั่วยวนจนผมแทบคลั่ง กายขาวผ่องบิดเกร็งใต้ร่างผมอย่างเสียวซ่านนั่นทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ใบหน้าเหยเกแต่แฝงไปด้วยความสุขและเสียงครางหวานยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้ผมอยากจะกระแทกกระทั้นแรงๆ แขนขาเรียวเกี่ยวตัวผมไว้แนบชิดแทบจะกลืนป็นเนื้อเดียวกัน ผิวเนื้อนุ่มเนียนทำให้ผมอยากจะลูบไล้ไม่ให้ห่างมือ ส่วนนั้นก็รัดรึงของผมแน่นจนแทบระเบิด
“อื๊อออ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นแต่ดวงตายังหลับพริ้ม หึหึหึ คิดอะไรเพลินๆก็แหย่เด็กไปด้วย ตื่นเลย
“อื้ออออออ”
ครางอย่างรำคาญแต่ไม่ยอมลืมตา ขี้เซาจังวะเมียใคร... เอ่อ ลูกใคร... = =
ผมกดปากเข้าที่แก้มนิ่มสูดกลิ่นหอมเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วค้างไว้อย่างนั้น รู้ว่าเพิ่งหลับไปไม่กี่ชั่วโมงแต่ผมอยากให้ลุกมากินข้าวกินยาดักไว้ก่อน เนื้อตัวผมก็เช็ดทำความสะอาดให้แล้วทั้งนอกทั้งใน
ขนตายาวเป็นแพกระพริบถี่ๆปรับแสงแล้วเบิกตาโพลงอย่างตกใจ สะบัดหน้ามาจิกหางตามองผมแล้วเริ่มดิ้นออกจากอ้อมแขน เรื่องกำราบเด็กดื้อนี่งานถนัดครับ จับฟัดทีสองทีก็นอนหมดแรงแล้ว
“ฮื่ออออ”
ผมล๊อคหน้าให้มารับจูบแบบเน้นๆเพราะดื้อนัก! ไม่ยอมให้ผมจูบ จิกหัวผมจนแสบหนังหัวหมดละ น้ำตาเม็ดโตร่วงลงมาจากหางตาคาดว่าเจ็บใจที่ทำอะไรผมไม่ได้มากกว่าจะเสียใจ หึหึหึ
“อื้อออ! หนูจะกินนม!!”
ห๊ะ...
เวลาวาบหวิวจะมากินนมไรวะ = =
“หนูจะตัวโต หนูจะมาสู้กับป๊า!!”
“ฮ่าๆๆๆ”
ผมระเบิดหัวเราะออกมา จะตัวโตงั้นเหรอ? อย่าเลยครับ คิดถึงร่างขาวๆตัวเล็กๆที่บิดกายเร่าๆอยู่ใต้ร่างเมื่อคืนแล้วก็ร้อนขึ้นมาทั้งตัว ผมก็ผ่านผู้หญิงมาพอสมควร เด็กผู้ชายก็บ้างบางครั้ง แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมมีความสุขและเต็มตื้นได้เท่าพราว อาการตอบสนองแบบไร้เดียงสาทำให้ผมคลั่งแทบบ้า
ฟอดดดดดดดดดดด
“อื้ออออ ไม่ต้องมาหอมนะ!!”
ไอ้ตัวเล็กสะบัดหน้าหนีอย่างแสนงอน เขาคงสับสนกับสถานะระหว่างเรา... พราวระแคะระคายมาตลอด แต่เพราะเขาเชื่อใจผมเขาเลยไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มากวนความรู้สึกของเราทั้งคู่ แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว...
ไม่ให้หอมก็จูบแม่ งงง!
“อย่า อย่ามาทำอย่างนี้กับหนูอีกนะ!”
“ผัวจะเอาเมียไม่ได้?”
“ไม่ได้!”
“ทำไมวะ!” ชักจะโมโห ห่างอกไม่กี่ชั่วโมงกลายเป็นอย่างนี้นะ
“เพราะหนูเป็นลูกป๊า ฮือๆๆ ป๊าเป็นของแม่แล้ว แล้วหนูล่ะ...”
ผมเข้าใจ ใครจะอยากได้พ่อของตัวเองแล้วก็เป็นสามีของแม่มาเป็นผัวตัวเองล่ะ พราวคิดมากและพยายามจะหักห้ามใจตัวเองต่างกับผมที่รุกเขาอย่างเต็มที่ ถึงเป็นพ่อลูกกันจริงๆแล้วยังไงล่ะ รักก็คือรัก จะทำไงได้...
“พราวก็เป็นของป๊าไงครับ”
“ฮึก ฮือออ คนทุเรศ!”
“แล้วป๊าก็เป็นของพราว! ของพราวคนเดียว”
“ไม่!! ป๊าไม่ใช่ของหนู มาทำอย่างนี้กับหนูทำไมๆ”
พราวมองผมด้วยสายตาที่ผิดหวังทั้งยังสะอื้นไม่หยุด ผมคงเลวมากสำหรับพราว แต่ผมหมายถึงอย่างที่พูดจริงๆ ผมไม่เคยเป็นของใครนอกจากเด็กขี้งอนตรงหน้า
“ป๊ารักพราว ป๊าเป็นของพราว”
“ไม่ ป๊าเป็นพ่อ ฮึกฮือ ป๊าเป็นพ่อของหนู”
พราวพร่ำพูดอยู่อย่างนั้นราวกับจะย้ำให้ตัวเอง
“รู้ได้ไง”
“ใครจะไม่รู้จักพ่อของตัวเองห๊ะ!”
หึหึหึ โวยผมทั้งน้ำตา มือเล็กทุบไหล่ผม นี่เมื่อคืนยังข่วนยังจิกกันไม่พอใช่มั้ยครับ ใครจะไม่รู้จักพ่อตัวเองงั้นเหรอ... ก็พราวไง ไม่รู้จักพ่อตัวเอง
“ปล่อยนะคนใจร้าย จะทำให้หนูรู้สึกผิดไปถึงไหน ฮึกกก แค่นี้ก็ทุเรศตัวเองจะแย่แล้ว”
“พราว...”
“หนูเกลียดป๊าแล้ว ฮือออ”
“พราว!!”
ผมไม่อยากได้ยินคำนี้! ใจผมปวดหนึบราวกับถูกกระชากออกมาจากอกจนเผลอบีบแขนเล็กแน่น เมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเกด้วยความเจ็บผมเลยได้สติรีบคลายแรงออก
“บอกหนูหน่อย... ป๊าเป็นพ่อของหนูจริงๆหรือเปล่า ได้โปรด...”
พราวบีบตาอ้อนวอนจนผมสงสารอยากจะบอกความจริงออกไป หากผมบอกว่าผมไม่ใช่พ่อเขาจริงๆ พราวจะอยากรู้เรื่องต่างๆในอดีตแน่ๆ เรื่องมันไม่มากแต่ผมไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหน
“ถ้าจริง...”
น้ำตาที่คลออยู่ขอบตาพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก ผมปาดน้ำตาออกให้อย่างแผ่วเบา แต่เจ้าตัวกลับผลักผมออกแล้วนอนหันหลังให้ ผมตามไปลูบแขนเล็กอย่างปลอบประโลม มองแผ่นหลังขาวที่สั่นจากการร้องไห้อย่างสงสารจับใจ
“ถ้าเราเป็นพ่อลูกกันจริงๆ พราวจะทิ้งป๊าใช่มั้ย จะเกลียดป๊าใช่มั้ย จะไม่รักป๊าแล้วใช่มั้ย”
“ฮึก ฮือออ”
ผมรู้ว่าพราวจะไม่มีทางทิ้งผม เขารักผมและมีผมเป็นเหมือนเจ้าชีวิต พอๆกับผมที่รักเขาและมีพราวคอยยึดเหนี่ยวไว้ ถ้าไม่มีเขาผมก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไรเหมือนกัน พราวซุกหน้าร้องไห้กับหมอนอย่างน่าสงสาร ผมเลยผละออกแล้วลงไปบอกให้ป้าช้อยเตรียมอาหารให้ ไม่อยากจะเห็นนักหรอกน้ำตาเนี้ย!
ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ห้องรับแขกสักพักก่อนจะกลับขึ้นข้างบน เห็นจักรินทร์เข้ามาคุยด้วยแต่พอหมีดื้อเหลือบมาเห็นผมก็เงียบ มึนตึงกับผัวนักจะย้ำซ้ำๆสามวันสามคืนให้หายรู้สึกผิดไปเลยดีมั้ยวะ!
ผมส่งสัญญาณให้จักรินทร์ออกไปข้างนอกก่อน เห็นรอยเล็บข่วนที่ต้นคอบอดี้การ์ดมือหนึ่งแล้วอยากจะหัวเราะ ไม่เคยจะพลาดท่าเสียทีให้ใครได้ทำร้ายแต่กลับยอมเจ็บตัวเพราะเมีย ไปตกลงอะไรกันยังไงกับไอ้มาร์ชไม่รู้ได้เสียเป็นผัวเมียกันอย่างรวดเร็วเลยครับ = =
“อยากรู้เรื่องไอ้เด็กนั่นนักเหรอ”
“ไม่ต้องมายุ่ง!!”
“พราว! พูดกับป๊าให้มันดีๆหน่อย!”
ผมทำหน้าดุใส่ไอ้ตัวเล็กก็น้ำตาคลอแล้ว เหอะ คงคิดว่าผมจะให้จักรไปยิงไอ้เด็กนั่นทิ้งจริงๆล่ะสิ ผมแค่ขู่เพราะความหน้ามืดตามัวไปหน่อย ก็เห็นนั่งชิดกันมุ้งมิ้งอยู่เป็นนานสองนานพอผมจะเข้าไปหาก็จูบกันต่อหน้ากูเลยแถมไอ้ตัวดีก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขืนด้วย ไม่ขึ้นก็ให้มันรู้ไปเถอะ!
“ไว้พรุ่งนี้ถ้าไม่ป่วยป๊าจะพาไปดูที่โรงพยาบาล”
“ห๊ะ!!! ป...ป๊า ทำอะไรไอ คนใจร้าย ฮึก ฮือออ”
“อยากรู้ก็กินข้าวก่อน”
ผมหยิบชามข้าวต้มที่ป้าช้อยยกขึ้นมาให้มาเป่าให้หายร้อน
“ให้คน งั่มๆๆ ไปยิงไอใช่มั้ย ทำไมถึงโหดร้ายอย่างนี้ งั่มๆ หนูไม่อยากอยู่กับคนโหดร้ายอย่างป๊าแล้ว ฮือออ”
มือกำชายเสื้อผมแน่น ปากก็ตัดพ้อผมไปเคี้ยวข้าวไปด้วย ฮ่าๆๆ
“แล้วใครบอกว่าป๊าให้คนไปยิงมัน”
“งั่มๆ แล้วจะไปโรงพยาบาลทำไม!”
“ป๊าแค่บอกว่าพาไปดูโรงพยาบาล ไม่ได้บอกว่าไปเยี่ยมไอ้เด็กนั่น”
“...โว้ยยยยยย!”
พราวผลักชามข้าวต้มออกห่างแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปง เสียงดังตุบๆจากการทุบที่นอนด้วยความเจ็บใจดังมาอยู่เนืองๆ ฮาาาา เรามันคนละระดับกันนะหนู
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ไม่กินแล้ว ไม่ต้องมาหลอก!”
“เก่งจัง กินหมดชามพอดี”
“...”
กร๊ากกกกกกกกก
“ฮึ่ยๆๆๆ”
ไอ้ตัวเล็กยังทุบที่นอนไม่ยอมหยุด
“กินยาครับ” ผมดึงผ้าห่มที่คลุมหัวพราวออก คลุมโปงเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี พราวสู้แรงไม่ได้ก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
“หรืออยากให้ป๊าป้อนเหมือนตอนเด็ก”
ลูกหมีเม้มปาก ตอนเด็กใครก็ไม่รู้ชอบให้จูบป้อน
“กินเอง”
“อะไรนะ”
“บอกว่าจะกินเอง! เอามา”
พูดเสียงงึมงำแล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดด้วยทำให้ผมปวดใจไม่น้อย ทำป๊าเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ หายงอนเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกบวกกำไรให้หนักๆ พราวกินยาเสร็จล้มตัวลงนอน ยังไงวันนี้ก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ผมนอนลงซ้อนหลังพราวเอื้อมมือจะไปลูบอก แต่ตัวเล็กผลักออก
“ป๊าตบอกให้ หนูจะได้หลับสบายนะครับ”
“...อื้อออ” ยังคงผลักไสไล่ส่ง - -;
“ถ้าไม่ให้ลูบจะบี้...”
“-/////- ไม่ต้องมาแตะ”
“ไม่ให้แตะจะขย้ำ!”
“ฮือออออ บ้า!”
เถียงไม่ได้สู้ไม่ได้ก็เบะปากจะร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหลสักแหมะ หึหึ เรื่องอยากเอาชนะต้องยกให้เขาครับ รู้ไงว่าร้องไห้แล้วผมจะยอม (ยกเว้นตอนผมโมโหจริงๆ) เห็นพูดดีๆด้วยแล้วพราวชอบดื้อใส่ผมเลยต้องหื่นใส่ซะเลย
“โอเคๆ นอนนะครับ ตื่นมาป๊าจะอาบน้ำให้แล้วลงไปสูดอากาศข้างล่างกัน”
ผมดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอเพราะพราวขี้หนาวถึงจะเคยอยู่เมกามาหลายปี ดวงตากลมมองตามการกระทำของผมตลอดเวลา คงกำลังคิดอยู่ล่ะมั้งว่าทำไมผมไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราเลย ผมจะต้องรู้สึกอะไรล่ะครับ = = เราไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ ไม่แม้แต่จะเป็นพ่อลูกบุญธรรมกันด้วยซ้ำ
“ฝันดีนะครับ”
ผมกดจมูกบนหน้าผากมนซึ่งคราวนี้พราวก็หลับตาพริ้มยอมให้หอม แต่พอผมจะลุกจากเตียงเขาก็จับเสื้อผมไว้พร้อมกับทำหน้างอใส่ ก็เป็นซะอย่างเงี้ย! จะไม่ให้หลงได้ไง ถึงงอนก็ยังจะอ้อนอยู่ดี
“โอ๊ย!! ซี๊ดดด”
ผมซีดปากด้วยความเจ็บเมื่อพราวทำท่าเหมือนจะดึงแขนผมไปกอดไว้แต่ดันก้มมากัดอย่างรวดเร็ว แรงด้วย ผมยอมให้เขากัดอยู่อย่างนั้น เจ็บจนเริ่มชาเขาก็คลายออก เปลี่ยนมาแทะแขนผมเล่น เคลิ้มๆใกล้หลับก็เอาฟันงับคาไว้เฉยๆ ตกลงผมมีลูกเป็นคน เป็นหมา หรือเป็นแมวครับเนี้ย = =
ผมนั่งพิงหัวเตียงเฝ้าพราวจนหลับ มือที่กำแขนผมค่อยๆคลายออกผมเลยยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก มือนี้ที่ผมจะไม่ยอมปล่อย มือนี้ที่ผมจะกุมไว้ให้อุ่นไปถึงหัวใจ...
ผมโทรไปปรึกษาไอ้เค้กครับ ผมคิดว่ามันจะด่า... มันกรี๊ด = = แล้วก็เอาแต่พร่ำเพ้ออะไรของมันไป สรุปคือผมไม่ได้เรื่องอะไรจากมันเลยครับ ก็เลยเปลี่ยนเป็นโทรไปถามไอ้มาร์ช คราวนี้คือด่าของจริง คือมึงก็มีของมึงเป็นตัวเป็นตนยังจะมาอะไรกับพราวอีกนะ แต่ก็ยังดีหน่อยที่ไอ้มาร์ชยังพอให้คำปรึกษาได้ พราวไม่ใช่ผม เขาคิดมาตลอดว่าเราเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ต่างจากผมที่มองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมสามารถรักได้อย่างไม่มีข้อกังขา
แต่น่าแปลก ผมไม่ได้ถามมันตรงๆ ผมก็แค่ยกตัวอย่างเรื่องสมมุติขึ้น แต่พวกมันรู้ความจริงทันทีอย่างกะมานั่งดูผมกับพราวเมคเลิฟกันเมื่อคืนงั้นแหละ สงสัยพวกมันจะรู้กันอยู่แล้วว่าสักวันผมกับพราวต้องลงเอยกัน ผมเดินตามเสียงที่ดังแว่วๆขึ้นมาบนห้อง เหมือนมีคนเรียก… หรือว่าคิดมากจนหลอนไปเอง
“ป๊า ป๊า”
ผมเร่งฝีเท้าให้เดินถึงห้องนอนเร็วขึ้น
ตุบ!
“พราว!”
ผมช้อนมือเข้าไปใต้รักแร้พราวแล้วยกตัวเด็กดื้อที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นพาดบ่า เมื่อคืนโดนผมใส่ไปไม่ยั้งแถมยังไม่ได้ใช้ตัวช่วยต่างๆนานาแล้วยังคิดว่าจะเดินได้อยู่เหรอ จิ๊! ผมวางพราวบนเตียงแล้วเปิดดูแขนดูเข่าไม่เห็นรอยช้ำแสดงว่าล้มไม่แรง จับหน้าผากดูตัวอุ่นๆนิดนึง ดีจริงๆที่ให้กินยาดักไว้ ไม่งั้นไม่ได้ตื่นมาแผลงฤทธิ์แน่ล่ะ
“เรียกป๊าทำไมครับ หิวแล้วเหรอ”
“ไม่ได้เรียก”
กอดอกแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง ปากยื่นจนจะชิดจมูกอยู่แล้ว น่าหมั่นเขี้ยว! ตัวนุ่มๆเนียนๆนี่ทำให้อยากกอดไม่ยอมปล่อยจะตาย จัดไปให้ซะหลายยกก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์หรอกเด็กแสบเนี้ย
“ป๊าได้ยิน”
“เรียกป้าช้อยต่างหาก ฟังผิดเล่า!”
“หึหึ ตื่นนานหรือยังครับ”
ผมเลยเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวลูกหมีขาวจะงอนยิ่งกว่าเดิม แค่พราวยอมพูดด้วยก็ดีแล้วครับ ดีกว่าเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมบอกอะไรเลย ผมก็ชวนคุยไปมือก็แกะกระดุมชุดนอนออกให้ด้วย พอดันเสื้อออกให้พ้นตัวพราวก็ปรากฎรอยแดงๆเต็มไปหมด ผมไม่คิดว่าผมจะเผลอตัวทำเยอะขนาดนี้นะเนี้ย! มันห้ามมือห้ามปากได้ที่ไหนล่ะ ณ จุดๆนั้น โธ่ ลูกป๊า...
“ไม่เอานะ”
เสียงอ้อมแอ้มบอกเมื่อผมจะดึงลิงน้อยออก
“อายอะไร เห็นหมดแล้ว ทุกซอก ทุกมุม”
“-///- คราวนี้จะไม่ได้เห็นแม้แต่ขาหนีบ!”
เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ ขาอ่อนหรือเปล่า = = แต่จะขาหนีบหรือขาไม่หนีบก็เห็น ก็จูบ ก็เลีย ก็... พอเถอะเลิกคิดเถอะไอ้เชี้ยเฟิร์ส ของมึงจะขึ้นเอาได้ เดือดร้อนเด็กตรงหน้าต้องเอาลงให้อีก
“จริงเหรอ?”
“อ๊ะ ป๊า!! คนบ้าๆๆ”
ผมยกขาเรียวขึ้นพาดบ่าแล้วรั้งปราการตัวจิ๋วออกอย่างชำนาญ พราวตัวแดงเห่อขึ้นมา มือเล็กกุมส่วนกลางของลำตัวไว้โดยอัตโนมัติ ผมถ่างขาพราวออกกว้างแกล้งทำเป็นมองสำรวจ
“ตรงไหนเรียกว่าขาหนีบน้า”
“ฮืออออ ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆ”
พราวดีดขาใส่อกผมดังปั๊กๆ จุก! ผมรีบปล่อยขานุ่มลง ไม่ใช่เพราะถูกเด็กถีบหรอก แต่เพราะช่องทางสีชมพูด้านหลังที่เต้นตุบๆอยู่นั่นต่างหากล่ะ ที่ทำให้เฟิร์สน้อยเริ่มตื่นตัวขึ้นมาละ กะจะแกล้งลูกดันหาเรื่องใส่ตัวซะงั้น T_T ผมอุ้มพราวที่แก้ผ้าล่อนจ้อนวางในอ่างอาบน้ำที่เติมน้ำไว้เต็มพร้อมกับตีฟองไว้จนฟูเต็มอ่าง
“ออกไป หนูจะอาบเอง”
“ป๊าก็อยากแช่บ้าง รบกับเด็กดื้อมาเหนื่อยมาก”
พราวทำตาโตเกาะขอบอ่างเมื่อเห็นผมเริ่มแก้เสื้อผ้า ก็แช่ในอ่างน้ำวนมันสบายตัวดีจริงๆนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเล้ยยยยยย
“งื้อออออ ออกไปๆๆๆ”
ซ่า ซ่า ซ่า แปะ แปะ
พราวตีน้ำในอ่างจนกระจาย ผมเอามือป้องไว้แล้วพุ่งเข้าหยุดไว้ได้ ไอ้ตัวเล็กดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดผมอย่างขัดใจ ผมเอาฟองน้ำมาถูกหลังให้เขาอย่างแผ่วเบาเพราะแค่นี้ตัวพราวก็ช้ำมากพอละครับ หยิบปืนฉีดน้ำฟองสบู่ให้เขาเล่น แช่น้ำกันทีไรเห็นชอบเล่นไม่ยอมปล่อย แต่คราวนี้กลับเมินซะงั้น
“งั้นป๊าเล่นเองก็ได้ มันทำยังไงนะ”
ผมลองกดยิงๆดูไม่เห็นมันมีฟองอะไรเลย ทำไมไอ้ตัวเล็กกดนิดเดียวฟองลอยเต็มห้องน้ำเลยล่ะ ผมลองกดอะไรไปเรื่อยเผื่อบางทีอาจจะยังไม่ได้เปิดสวิสต์ แต่มือกลับไปโดนอะไรสักอย่างเพลงเลยดังขึ้นมา อื้อหือ เห็นของเล่นกิ๊กก๊อกอย่างนี้ออพชั่นเพียบเลยเว้ย
แกร๊ก แกร๊กๆๆ
ไอ้ตัวเล็กเริ่มหันมาสนใจ ทำเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด หน้านี่ก็งอเข้าไปดิ๊ ผมก็บิดส่วนนั้นส่วนนี้ไป บิดได้บ้างไม่ได้บ้าง พราวชะเง้อมองตาม เด็กหวงของกลัวพังแต่ก็ขี้งอนไม่ยอมพูดไม่ยอมบอกว่าใช้ยังไง ฮ่าๆๆ
แกร๊ก!
เห้ยยยยย! พราวตาโตรีบคว้าไปดู แต่คว้าไปได้แต่ส่วนปลายกระบอกปืนเท่านั้น เพราะอีกส่วนหนึ่งมันอยู่ในมือผม ครับ... มันหัก!!!! T_T
“ป๊า! ทำไมต้องเล่นมันแรงด้วย นิสัยไม่ดี!” พราวหน้าเสีย ผมก็ใจเสียไปด้วย
“ป๊าขอโทษ เดี๋ยวป๊าซื้อให้ใหม่นะ”
“ไม่ต้องเลย! บอกแล้วว่าไม่ต้องมาอาบน้ำด้วย ไปเลย จะอาบคนเดียวแล้ว โกรธแล้ว”
“เอ้า”
พราวเอาฟองน้ำมาถูตัวแรงๆอย่างโมโห เนื้อขาวถูกฟองน้ำบาดจนแดงขึ้นไปอีก ผมเลยฉวยมาถูให้ซะเอง “หายงอนป๊าน้า เดี๋ยวจะพาไปซื้อใหม่สิบอัน”
“มันขายที่ไหนไม่รู้” พราวว่าน้ำตาคลอ
“อ้าว แล้วพราวซื้อมาจากที่ไหนล่ะ”
“หนูซื้อหน้าโรงเรียน แต่ว่าเขาไม่มาขายนานแล้ว”
“เป็นแผงลอยเหรอ”
“ใช่ คราวที่แล้วถูกตำรวจไล่ไปทีนึง”
“เพิ่งเปิดเทอมมาไม่นานเอง อาทิตย์หน้าอาจจะมาอีกก็ได้”
ผมรีบชวนคุย ฮ่าๆๆ
“ฮือๆๆ แต่หนูชอบอันนี้”
“หรือว่าจะเอาไปซ่อม โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะครับ”
ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดอย่างเนียนๆ ดีที่พราวเอาแต่สนใจเรื่องปืนฉีดฟองนี่ มือเล็กพยายามเอาสองส่วนมาประกอบเข้าหากัน ผมเลยเสนอแนะวิธีซ่อมต่างๆนานาให้ ปากกับจมูกก็แอบสูดความหอมของแก้มแดงและซอกคอขาวไปด้วย
“เราลองเอาไปให้ลุงแช่มทากาวดูก่อน”
“มันก็ไม่สวยเหมือนเดิมอยู่ดี ป๊าน่ะ!”
“พราวก็เล่นอันอื่นไปก่อน เป็ดน้อยก็น่ารัก พราวไม่เล่นกับมันนานแล้วมันคิดถึง”
“จริง!”
พราวตาโตเหมือนนึกขึ้นได้ ของเล่นเต็มขอบอ่างสะสมไว้ตั้งแต่พราวยังเดินไม่ได้จนตอนนี้โตพอเป็นเมียผมไปแล้วครับ ไปไหนก็ต้องพกเอาไปด้วย พราวเอาของเล่นมาลอยเต็มอ่าง เอาล่ะ... ไม่มีที่ของกูละ = =
“ป๊าจะพาไปดูที่ร้านของเล่นเด็กพรุ่งนี้ดีมั้ย”
“ครับๆ หนูขอซื้ออย่างอื่นด้วยนะ”
“ป๊าให้ทุกอย่างที่พราวอยากได้เลย”
“เย้ๆๆๆ”
ลืม... ลืมทุกอย่างเลย ฮ่าๆๆ คอยดูนะ ถ้าเด็กน้อยรู้ตัวเมื่อไหร่จะกลับมางอนผมเหมือนเดิม แต่ผมขอฉวยโอกาสนี้ไว้ก่อนล่ะครับ เพื่อกำลังใจในการสู้ต่อJ