ตอนที่ 38กีฬามหาลัยผ่านพ้นไปแบบอึนๆ มึนๆ และงงๆ เอาจริงๆ คือสติผมไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ เปตองที่ลงแข่งกับคุณเฟรนและไก่ก็ไม่ได้ชนะเลิศอย่างที่หวัง ตกรอบตั้งแต่รอบแรกที่เจอกับนิติฯ เหอๆ แต่ผมก็ไม่ซีเรียสนะครับ เล่นกันสนุกๆ ไป ส่วนพี่โปรดนะเหรอ...อืมมมม ไม่รู้จะบอกยังไงดี เอาเป็นว่าเขาไม่ได้แข่งบาสเก็ตบอลแล้ว เลยมุ่งมั่นแข่งเซปักตะกร้อไป ผลปรากฎว่าได้ที่สองเพราะไปแพ้ให้กับสถาปัตยฯ
หลังจากงานกีฬาแล้วเราก็เจอกันบ้างครับ หมายถึงเจอตัวเป็นๆ โดยไม่นับที่เจอผ่านทางแฮงเอ้าท์ แทงโก้ หรือไลน์ เพราะพี่โปรดค่อนข้างยุ่ง เราเลยนัดเจอกันได้แค่อาทิตย์ละสองสามครั้ง
ชีวิตผมก็ยังเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เหนื่อยบ้าง ฟินบ้าง แต่ก็มีความสุขดี กับคุณปาล์มก็ยังคุยกันอยู่เรื่อยๆ รวมถึงป้าเนียมและลุงชิดด้วย ผมคิดถึงทุกคนนะ คิดถึงบรรยากาศดีๆ ที่พะเยา คิดถึงความเงียบสงบและอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นช่วงปิดเทอมที่ใกล้จะถึงนี้ แต่ก็ติดหลายๆ อย่าง ทั้งพี่ยินดีจะบินกลับมาเยี่ยมบ้าน แล้วก็พี่เท็นที่คิดจะเปลี่ยนโลเคชั่นถ่ายทำสารคดีซีซั่นสองของแกไปแถวภาคอีสาน พี่เมลก็เบรกๆ ไว้อยู่ ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า แต่ผมก็หวังว่าจะได้ผลนะครับ เพราะพี่เท็นแกจะให้ผมไปเป็นเด็กแบกอุปกรณ์ให้แกด้วย ไม่อยากไปเลย -_-
กับเกลผมก็ยังคุยกับเธอเหมือนเดิมนะ แต่ก็นานๆ รับสายที ไม่รู้ว่าใครเคยเป็นรึเปล่า แต่ผมเป็นนะ กับคนที่ช่วงแรกรู้สึกดี อยากคุยด้วยก็จะคุยกันได้นานหน่อย แต่เมื่อความรู้สึกดีมันพัฒนาเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ความสนุกสนานในช่วงเวลาที่คุยกันมันเลยลดลงไป จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า เราคุยกันไปทำไม ยังไงก็เรื่องเดิมๆ ถามคำถามเดิม กินข้าวรึยัง ไปเจออะไรมาบ้างในแต่ละวัน ถามเดิมๆ ซ้ำๆ จนในที่สุดมันกลายเป็นความน่าเบื่อไป
เกลก็คงจะรู้ตัวนานแล้วว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าแค่รู้สึกดีที่ได้คุยด้วย เธอคงไม่อยากเสียเวลาอะไรกับผมอีก ซึ่งผมก็โอเคนะ ไม่ได้คุยก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เกลเลยค่อยๆ หายไป สองวันโทรมาครั้ง แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ น้อยลงจนเดี๋ยวนี้เหลือแค่อาทิตย์ละครั้ง
แต่ที่โทรมาบ่อยรองจากพี่โปรดคือน้องรหัสผม ต้องบอกตรงๆ เลยว่าผมค่อนข้างหนักใจและลำบากใจจริงๆ มันรู้สึกสงสารนะเวลาที่มีคนทำดีให้แล้วเราตอบแทนเขาไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ผมก็ปฏิเสธชัดเจนแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร ถึงอย่างนั้นเดย์ก็ยังไม่เลิกหวังอยู่ดี ทั้งๆ ที่...ไม่เคยได้รับความหวังอะไรจากผมเลย
“อ้าว มาทำอะไรตรงนี้วะมึง” เสียงดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองก็เห็นคุณติ๊กยืนถือถุงใส่ขนมปังมาถุงใหญ่
อ่า...เหมือนนานมากแล้วนะที่ไม่ได้เจอกันจังๆ อย่างนี้
คุณติ๊กเหมือนจะทำตัวไม่ถูก ยิ้มแปลกๆ อย่างคนที่ไม่รู้จะยิ้มยังไง ส่วนผมก็ส่งยิ้มไปให้ตามปกติ
“มายืนรับลมน่ะครับ คุณติ๊กเพิ่งไปเรียนมาเหรอ”
“อ๋อ..อืม แล้วมึงอ่ะ”
“ผมก็เพิ่งเรียนเสร็จ มีเรียนอีกทีตอนบ่าย จะไปนั่งตรงไหนคนก็เยอะ วุ่นวาย ผมเลยหลบมาที่นี่”
“อืม เหมือนกัน”
แล้วจากนั้นเราก็ต่างคนต่างเงียบ คุณติ๊กให้ขนมปังกับพวกลูกๆ ของเขาไป มีบ้างที่แบ่งมาให้ผมช่วยกันให้อาหารบ้าง ก็อึดอัดเล็กๆ นะครับ แต่โดยรวมแล้วถือว่าดี อาจจะเพราะลมเอื่อยๆ ที่พัดมาช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นก็เป็นได้
“มึง...สบายดีมั้ยวะ” คุณติ๊กถามขึ้น สายตาทอดมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า
“ดีกว่าแต่ก่อนเยอะครับ”
“อืม ก็ดีแล้ว”
เขายิ้มออกมา ยืนยันคำว่า ‘ก็ดีแล้ว’ ให้ชัดเจนขึ้นไปอีก
“ปลื้ม...ขออะไรอย่างได้มั้ยวะ”
“ได้สิครับ”
“ช่วยชกกูแรงๆ สักสามทีได้มั้ย”
“ห้ะ! ทำไมผมต้องทำอะไรอย่างนั้นด้วย”
“มึงรับปากแล้วว่าได้ เพราะงั้นก็ช่วยชกกูแรงๆ เลย”
“ถ้าผมทำแล้วคุณติ๊กจะไม่เจ็บเหรอครับ”
“เจ็บ”
“แล้ว...”
“....”
“งั้น...ผมไม่เกรงใจล่ะนะ”
เหตุผลน่ะผมพอจะรู้ แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูดถึง ผมก็จะไม่พูดเช่นกัน
ผลั่วะ!
ผลั่วะ!
ผลั่วะ!
“โอยยยย มึงชกไม่มีเว้นจังหวะให้กูได้ตั้งตัวเลยนะ T_T เจ็บบบบบบบบบบบบบบ”
เออครับ เลือดกลบปากขนาดนั้นไม่เจ็บก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว -_-
“ก็บอกให้ผมทำ ผมก็ทำแล้วอ่ะ ผมไม่ผิดนะ”
“รอแป๊บ กูมึน” คุณติ๊กว่าพลางถ่มเลือดลงน้ำ
ผมตัวเล็กกว่าเขาก็จริงนะ แต่เมื่อกี้ผมใส่ไปเต็มแรงอย่างที่เขาขอเลยอ่ะ -O-; จะเป็นอะไรมากรึเปล่าหว่า
“แต่มือผมก็เจ็บนิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย เหมือนหมัดที่สองจะไปโดนกรามคุณติ๊กเข้า”
“โอยยยย เจ็บน้อยกว่ากูหรอกสัด -*- ไหนมาดู”
ผมยื่นมือให้คุณติ๊กดู ขึ้นรอยแดงๆ ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากครับ จะมาเจ็บก็ตอนโดนเขาดีดนี่แหละ
“กูรู้สึกไปเองป่ะวะว่าปากตัวเองบวมอ่ะ”
“อือ ไม่ได้รู้สึกไปเองหรอกครับ มันบวมจริงๆ”
“กรี๊ดดดดดดด T_T”
ผมนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคนที่กรี๊ดอยู่ตรงหน้าจะคือคุณติ๊กหน้าดุ ผู้ชายมาดแมนที่เคยทำสงครามแย่งชิงคุณเฟรนมาจากคุณกิม เอาจริงๆ คือเขาเสียงแหลมกว่าผมอีก -*- เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ครับ
“ฮ่าๆ หน้าตาน่าเกลียดจังเลยนะครับ”
“เชี่ยปลื้มมมมมมมมมมมมมมมม”
“^^ ผมทำตามที่ขอแล้วนะ...คราวหน้าถ้าเจอกันก็ยิ้มให้ผมกว้างๆ นะครับ”
คุณติ๊กเงียบไปเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้ผม แอบเห็นเขาเช็ดน้ำตาตัวเองด้วย แต่ผมก็เลือกที่จะไม่พูด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นมุมอ่อนแอของตัวเองหรอกครับ
“กูไม่ขอให้มึงลืมเรื่องที่กูเคยทำไว้ แต่จำไว้อีกเรื่องนะปลื้ม...กูจะไม่มีวันทำร้ายมึงอีก กูขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัย ไม่ว่าใครก็มีเหตุผลที่จะทำด้วยกันทั้งนั้น คุณติ๊กก็คงลำบากใจไม่น้อย เพราะงั้น...มาเริ่มต้นใหม่กันเถอะครับ ผมอยู่กับคุณเฟรนสองคนก็สนุกอยู่หรอก แต่ก็อยากให้คุณติ๊กกับคุณกิมมาช่วยกันฟังคุณเฟรนบ่นด้วย ผมรู้สึกเหมือนจะรับฟังคนเดียวไม่ไหว ฮ่าๆ”
คุณติ๊กยิ้มกว้างส่งมาให้ ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ หลายที
“เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงปลื้ม...ใครๆ ถึงพากันหลงรักมึง”
“จริงเหรอครับ ^^ ผมเสน่ห์แรงอย่างที่คุณเฟรนว่าจริงๆ นะเนี่ย”
“โถ กูไม่น่าชม -_-“
ผมกับคุณติ๊กยืนกินลมชมวิวกันต่อไป เหมือนนานมากแล้วที่คุณติ๊กมาเจอผมที่แอบมารังแกลูกๆ ของเขา จากนั้นเขาก็พาไปเลี้ยงข้าว...นั่นแหละ ตั้งแต่วันนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาก็ได้ที่ทำให้ผมได้เจอกับ...พี่โปรด
ถ้าพูดถึงตามหลักการพรหมลิขิต ผมอาจจะต้องเจอกับพี่โปรดอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แต่ก็เป็นเพราะคุณติ๊กที่ทำให้ผมเจอพี่โปรดเร็วขึ้น...
“มึงกับเสี่ยเป็นไงบ้าง”
“เป็นไงนี่คืออะไรครับ”
“คืนดีกันรึยัง”
ผมเข้าใจคำถาม แต่ก็ยังแกล้งไม่เข้าใจ เรื่องคืนดีเหรอ... ผมไม่อยากให้มองเป็นอย่างนั้นนะ คำว่าคืนดีนี่มันก็ดีในหลายๆ ความหมาย แต่สำหรับผมแล้ว มันเหมือนกับการคืนกลับไปเป็นอย่างเดิม ซึ่ง...ก็เป็นอย่างเดิมที่มีความทรงจำดีๆ อยู่เพียงน้อยนิด เป็นอย่างเดิมที่...พี่โปรดอาจจะยังมองเห็นแค่ตัวเองมากกว่าผม
แต่ถ้าการเริ่มต้นใหม่...มันต่างออกไป มันไม่ใช่ว่าความรู้สึกของผมเริ่มจากศูนย์ซะทีเดียว แต่อะไรหลายๆ อย่างต่างหากที่เริ่มจากศูนย์ ผมไม่อยากเริ่มต้นด้วยการที่เรารู้จักอีกฝ่ายแค่จากมุมที่เราเห็น แล้วคิดเอาเองว่าเขาต้องเป็นแบบไหน แต่ผมอยากให้เราได้ใช้เวลาในแต่ละวันทำความรู้จักกันทีละเล็กทีละน้อยมากกว่า ความผิดพลาดที่ผ่านมามันเกิดจากแค่ว่าผมกับเขาขาดความเข้าใจ เราต่างมองข้ามสิ่งสำคัญของอีกฝ่ายจนเผลอทำร้ายกัน
“ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรนี่ครับ...ดูไปนานๆ ดีกว่า”
“ไม่ใจเร็วด่วนได้มันก็ดี แต่คนรอ...เขาจะรอไหวรึเปล่า”
“ถ้าไม่ไหว...ก็จบแค่นั้น ถือว่าเราต่างก็ไม่มีวาสนาต่อกัน ผมไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรนะ แต่บางทีมันก็ต้องคิดบ้างว่าเราพร้อมรึยังที่จะจับมือเดินไปด้วยกันอีก ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็จะไม่ยอมปล่อย นั่นต่างหากที่ผมอยากแน่ใจ คุณติ๊กก็รู้นี่ครับว่าถึงคนบางส่วนจะมองว่าความรักแบบพวกผมมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ยังมองว่ามันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อยู่”
“ก็จริง...”
“อย่างนั้นผมถึงอยากแน่ใจก่อน ว่าเขามั่นคงพอที่จะให้ผมลองเสี่ยงด้วยอีกครั้งไหม เพราะถ้าต้องเจ็บอีกครั้ง ผมก็แน่ใจว่าไม่มีวันกลับมาหาเขาได้อีกหรอก”
“มึงโตขึ้นนะ ทั้งความคิดและ...ตรงนี้ด้วย” คุณติ๊กชี้มาที่อกข้างซ้ายของผม ก่อนที่เขาจะยกมือตบไหล่ผมเบาๆ
“แต่ส่วนสูงไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย ให้ตายยยย”
“แหมๆ ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะครับ ^^”
“มึงสิไอ้ปลื้ม -*-“
“หึหึ ว่าแต่ขอปลาดุกสักสามตัวได้มั้ยอ่ะ จะเอาไปให้คุณเฟรนทำผัดเผ็ดให้กิน”
“ไม่ได้! อย่ามาระรานลูกๆ กูนะ มึงอยากได้เดี๋ยวกูไปซื้อที่ตลาดให้”
“คุณติ๊กนี่ก็สองมาตรฐาน นั่นก็ปลาเหมือนกัน ไม่เห็นว่าบ้าง ทีลูกตัวเองนี่หวงนักหวงหนา มันต่างกันยังไงครับ”
“ไปถามไอ้เฟรนที่ชอบกินหมูปิ้ง แต่ก็รักไอ้เจ้ยประหนึ่งผัวในไส้ดูสิ -_-“
“=_=; ไม่ดีกว่าล่ะครับ ไม่อยากโดนว๊าก”
แล้วผมกับคุณติ๊กก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ...ไม่แย่นักหรอกนะ บรรยากาศตอนนี้น่ะ

.
.
.
เย็นนี้นัดกับพี่โปรดจะไปดูหนังด้วยกัน เฮียแกรีเควสมาหลายทีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปกันสักที เพราะเราว่างไม่เคยตรงกัน แต่ถ้าเขาว่าง ผมนั่นแหละที่ต้องเป็นอันมีธุระตลอด เอาเป็นว่าเย็นนี้ได้ฤกษ์ดี นัดเจอกันที่หน้าโรงหนังตอนหกโมงตรง
ไม่รู้ว่าพี่โปรดมานานแล้วรึยัง แต่พอผมมาถึงก็เห็นเขานั่งพิงโซฟาหน้าโรงหนัง นั่งเล่นมือถืออยู่ก่อนแล้ว ต่อให้เขาก้มหน้าก็หาได้ไม่ยากครับ เพราะแค่เดินตามสายตาของผู้หญิงไป อันที่จริงที่ผมมโนอยู่นี่พี่โปรดเหมือนจะหล่อเว่ออะไรขนาดนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ ซึ่งความจริงก็ใช่นะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้สิครับ ตามตรรกะของคนทั่วไป ถ้าดูดีก็มองแหละมั้ง แต่พี่โปรดเขาเป็นผู้ชายประเภทที่ถ้าได้มองแล้วจะต้องหันกลับมามองอีก ละสายตาไม่ค่อยได้เลยน่ะ ประมาณยิ่งมองยิ่งเพลิน
หยิกแก้มไปหนึ่งที พี่โปรดก็เงยหน้าขึ้นมาหมายจะเอาเรื่อง แต่พอเห็นเป็นผมก็ยิ้มกว้างส่งมาให้แทน
“นึกว่าจะไม่มา”
“ก็นัดไว้แล้วนี่ครับ พี่เลือกไว้รึยังว่าจะดูเรื่องอะไร”
“ยัง ก็รอปลื้ม”
“อ่า...ผมดูเรื่องไหนก็ได้ พี่เลือกเถอะ”
“งั้นไปดูตัวอย่างหนังแล้วปลื้มค่อยตัดสินใจละกัน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
พี่โปรดเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะลุกขึ้น เดินจูงมือผมมายืนดูตัวอย่างหนัง
อืม...ไม่ได้ยืนใกล้กันอย่างนี้มานานแล้วนะ เพิ่งสังเกตเลยว่าผมเตี้ยกว่าพี่โปรดมาก ความสูงของผมยังไม่พ้นไหล่ของพี่โปรดเลย T_T
“อุ้ยยยย! พี่มาโปรด มาดูหนังด้วยเหรอคะพี่” เอาจริงๆ ผมล่ะเกลียดเสียงนี้มากเลย ทำไมไม่ยอมไปผุดไปเกิดสักทีนะ -*-
พี่โปรดทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะยกมือโอบไหล่ผมให้เดินไปดูตัวอย่างหนังอีกที่ ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่น้องส้มน่าจะรู้นะครับว่าไม่มีใครอยากเสวนาด้วย เพราะก็พยายามเดินหนีแล้ว ยังจะตามมาอีก
“พี่มาโปรด ค่ายที่ติวให้น้องช่วงปิดเทอมนี้พี่ไปมั้ยคะ ส้มถามใครก็ไม่มีใครบอกเลย ถ้าพี่ไปส้มจะได้ไปด้วย”
“พี่โปรด ผมอยากดูเรื่องนี้อ่ะ ไปซื้อตั๋วกันเถอะ”
“อืม ก็น่าสนุกนะ”
“พี่มาโปรดคะ”
“โอย รำคาญจริงๆ -_-“ พี่โปรดบ่นออกมาเสียงดัง ก่อนสายตาเย็นชาของพี่ท่านจะปรายไปยังน้องส้มที่หน้าเสียไปเลย อ่ะ เจอสายตานี้เข้าผมก็ไม่กล้าจะเดินตามละนะ แต่นางยังกล้าครับ
“ส้มขอโทษค่ะ พี่มาโปรดมาดูหนังกับพี่ปลื้มเหรอคะ”
“ไม่มีตาเหรอครับ” ผมถามกลับไปบ้าง เป็นคำถามสัจธรรมนะ ไม่ได้อยากว่าอะไรเลย ก็จริงอ่ะ มาโรงหนัง คงมาซื้อป๊อบคอร์นแดกเสร็จแล้วก็กลับมั้งครับ -*- ถามไม่คิด
“เอ๊ะ พี่ปลื้มคะ!”
“อย่ามาเสียงดังแถวนี้นะครับน้อง จะไปไหนก็ไปเถอะครับ มันรบกวนนะ -_-“
พี่โปรดทำไมปากร้ายอย่างนี้อ่ะ -O-; ผมอึ้งไปเลยเพราะไม่เคยเห็นพี่โปรดว่าผู้หญิงอย่างนี้มาก่อน แต่น้องส้มเหมือนจะโดนว่าจนชินแล้ว ถึงยังหน้าหนายิ้มแย้มรับได้อยู่ โห นับถือว่ะ
“ส้มขอโทษค่ะพี่ งั้นไว้เจอกันที่มอนะคะ”
นี่ยังคิดจะเจอพี่โปรดอีกเหรอ? เป็นผมโดนว่าไปขนาดนี้คงจะขอหายหน้าหายตาไปเลยล่ะครับ หน้าทนจริงๆ
“ปลื้ม เป็นไปได้ก็อย่าไปยุ่งนะ ได้ไม่คุ้มเสีย” พี่โปรดหันมาบอกผมหลังจากที่น้องส้มเดินไปไกลแล้ว
“ผมไม่อยากจะยุ่งกับคนอย่างนั้นหรอก”
“อืม ดีแล้ว ถ้าเขามารบกวนอะไรให้บอกพี่ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ครับ”
พี่โปรดเดินไปซื้อตั๋วหนัง ผมเลยอาสาไปซื้อป๊อบคอร์นให้ เลือกเป็นเซ็ตจะได้ถูกๆ แต่พอหันมองไปรอบๆ แล้วสายตาก็เจอเข้ากับใครอีกคนที่ทำให้ผมชักไม่แน่ใจว่าวันนี้เป็นฤกษ์ดีจริงๆ รึเปล่าที่ได้มาดูหนังกับพี่โปรด -_-
“พี่ปลื้ม มากับใครอ่ะพี่”
เดย์ที่กำลังเดินเข้ามาในโซนหน้าโรงหนัง พอเห็นหน้าผมก็ตรงรี่เข้ามาหาทันที
“มาคนเดียวเหรอ งั้นดูหนังด้วยกันมั้ยอ่ะ ผมมาคนเดียว”
“ไม่ได้มาคนเดียวครับ”
“อ้าว แล้วมากับใครอ่ะ”
ผมไม่ตอบแต่ชี้ไปที่พี่โปรดที่กำลังซื้อตั๋วหนังที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติอยู่
“พี่มาโปรดอีกแล้วเหรอ”
“ครับ”
“พวกพี่เป็นอะไรกัน ทำไมพี่ปลื้มต้องไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยๆ ด้วย”
“จะให้ตอบตรงๆ เหรอ”
“อืม ตอบมาตรงๆ เถอะ”
ผมนิ่งมองหน้าเดย์สักพัก ไม่รู้ทำไมถึงรำคาญเด็กคนนี้นักก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยทำหน้าและใช้เสียงที่โคตรรำคาญใส่ใครบ่อยเท่าน้องเขามาก่อนเลยนะ เดย์เป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินั้น
“เคยคบกัน”
เดย์ถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา
“ก็แค่เคย”
“แล้วกำลังจะเริ่มต้นกันใหม่”
รอยยิ้มกว้างนั้นหุบลงฉับพลัน ผมขยับเท้าไปอีกทาง กำลังจะเดินไปหาพี่โปรดที่ซื้อตั๋วเสร็จแล้วยืนมองอยู่ห่างๆ สักพักแล้ว แขนข้างที่ถือป๊อบคอร์นกล่องใหญ่ก็ถูกจับไว้
“ผมไม่ยอมหรอก ให้โอกาสผมบ้างสิครับพี่ปลื้ม”
“ปล่อยครับ น้องทำตัวน่ารำคาญมากไปแล้วนะครับ -_-” ผมอยากสลัดให้หลุดด้วยซ้ำ แต่ติดที่ว่าอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถทำได้ เดี๋ยวของที่ถืออยู่จะหล่นหมด -*- แพงนะ ไม่ใช่ไม่แพง
“ปลื้ม มีอะไรกัน” พี่โปรดที่รีบเดินเข้ามาหา ปรายตามองไปทางเดย์ ก่อนที่สายตาเขาจะเลื่อนลงมาตรงแขนผมที่ถูกจับไว้ ไม่รอช้าพี่โปรดดึงมือเดย์ออกทันที
“ไปเถอะ”
พูดออกมาด้วยเสียงนิ่งๆ แต่พี่โปรดก็ยังยืนจ้องตาฟาดฟันกับเดย์ทางกระแสจิตอยู่ ผมว่าถ้าที่นี่เป็นซอยเปลี่ยวๆ เฮียแกคงได้องค์ลงแล้วคงต้องเรียกรถพยาบาลให้เดย์แน่งานนี้ -*-
“พี่ ไปเถอะ เสียเวลา”
“พี่ปลื้ม...”
“พี่โปรด เร็วๆ”
ก่อนจะผละออกมาจากที่เดย์ยืนอยู่ ผมไม่รู้ว่าพี่โปรดเข้าไปกระซิบอะไรที่ข้างหูน้องรหัสตัวเอง แต่เห็นว่าเด็กนั่นยืนกำหมัดแน่นเลย ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจะมาตื้อผมอะไรนักหนา ถ้าผมให้ความหวังสักนิด ผมจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่ ด่าก็แล้ว ว่าก็แล้ว แต่ก็ยังทำอยู่ เลยงงเป็นจริงเป็นจัง
“พอเห็นว่าไม่มีเจ้าของเข้าหน่อย พวกริ้นไรนี่เอาใหญ่เลย น่าหงุดหงิดจริงๆ -_-” พี่โปรดบ่นเบาๆ คงคิดว่าผมไม่ได้ยิน แต่ผมได้ยินนะ แค่ทำเป็นไม่สนใจก็เท่านั้น
หนังที่ผมเลือกเนื้อเรื่องโอเคเลยครับ แต่เพราะใกล้จะออกโรงแล้วคนถึงค่อนข้างน้อย พี่โปรดให้ผมเดินเข้าไปนั่งก่อน ส่วนพี่เขาตามมาติดๆ ที่นั่งอยู่แถวกลางๆ ไม่ใกล้จอหรือไกลจอจนเกินไป
“ยิ้มหน่อย ทำหน้าบึ้งไม่หล่อเลย” ดึงแก้มเขาเบาๆ พี่โปรดจับมือผมไว้ก่อนริมฝีปากของเขาจะแนบลงมาที่หลังมือ
“แล้วเมื่อกี้บอกอะไรน้องมัน ทำไมถึงได้ดูโกรธขนาดนั้น”
“ไม่ได้บอกอะไร”
“ให้จริง”
“...”
“ว่าไงเสี่ยโปรด ไปข่มขู่อะไรน้องรหัสผม”
“ไม่ได้ข่มขู่นะ -_-;; แค่เตือน ปลื้มห้ามโกรธ”
ผมแอบยิ้มขำกับสีหน้าของเขา นี่ระดับเสี่ยโปรดยังจะกลัวผมโกรธอีกเหรอครับ หึหึ ผมก็แน่เหมือนกันนะ ไม่อยากจะโม้
“ไม่โกรธ ถ้าเสี่ยทำตัวดี ว่านอนสอนง่าย ไหน...ขอมือหน่อย”
“ชักลามๆ เดี๋ยวโดนดี หึหึ”
“ไม่กลัว~~”
พี่โปรดหัวเราะเบาๆ ผมโน้มศีรษะไปซบตรงไหล่ในขณะที่พี่โปรดก็เอียงศีรษะตัวเองมาเหมือนกัน
“นานจัง ชักเบื่อแล้ว เมื่อไหร่จะได้ดู -O-;” นี่ผมนั่งดูโฆษณา ตัวอย่างหนัง มาได้เกือบยี่สิบนาทีแล้วนะ
“เด็กคนนี้ใจร้อนจริง”
“แล้วพี่ว่ามันนานไปป้ะ รู้งี้ไปหาอะไรกินก่อนก็ดี”
“หิวเหรอ”
“นิดหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อไส้กรอกมาให้ เอามั้ย”
“ไม่เอา ไม่ต้องไปครับ อยู่นี่แหละ” ผมสอดมือเข้าไปกอดแขนพี่โปรด เขายกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกล่องป๊อบคอร์นขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
“ก็ปลื้มหิว พี่ไปแป๊บเดียว”
“ไม่เอา -*-”
“จริงๆ เลยเด็กคนนี้ เดี๋ยวปวดท้องมาจะทำไง”
“กินยา”
“ดื้อมากกกกก”
“ไม่ดื้อ เสี่ยโปรดแหละดื้อ พูดไม่รู้เรื่อง นิสัยไม่ดี”
“ยอมครับ”
“ดีมาก”
“หึหึ ว่าแต่...เสี่ยนิสัยไม่ดี แล้วปลื้ม...อยากเป็นเด็กเสี่ยมั้ยครับ ^^”
พี่โปรดยิ้มอย่างนี้ไม่กลัวคนที่เห็นคลั่งตายเลยนะ อ่า...แต่คงไม่มีใครได้เห็นหรอก...นอกจากผม
“ไม่”
“งั้น...เมียเสี่ย?” อ่า...คำถามนี้ตอบยากแฮะ -O-;
ผมหยิกแขนพี่โปรดไปหนึ่งที ให้เขาเลิกยิ้มแล้วก็เลิกพูดบ้าๆ สักที
“-///- หยุดพูดได้แล้ว หนังจะเริ่มแล้ว”
“หึหึ”
“-///-”
ยอม U_U
........................................................To be continue..................................................
สารบัญอยู่หน้าแรกค่ะ
แม่ยกน้องปลื้มหายไปไหนแล้วคะ
คอมเม้นทำไมมีแต่ติ่งเสี่ยยย หาาาาา
ตอนที่แล้ว เราไม่น่าจะเปิดเผยรสนิยมของเสี่ยมากกว่า ส่วนความสามารถ เสี่ยก็แค่ตีกลองเป็น ฟอร์มวงได้ แต่ง่อยเรื่องกีต้าร์ 
แล้วพบกันตอนหน้า แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่มา 
ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ 
บ่นเบาๆ : ep 9 เฮียมาวินอีกแล้ว แต่เราเมนอิเน่ ชิปฮุนฮาน ค่อนข้างเพลียที่ไม่เห็นโมเม้นพวกนางเลย น้องโด้ก็เอ๋อซะจนเราเคลิ้มไปเลย งือออ มโนเป็นหน้าปลื้มแปร๊บ