ตอนที่ 24Inside: มาโปรด
บาดแผลตามร่างกายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บมากเท่ากับที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอแม่กำลังนั่งร้องไห้ แม่ที่รักผมและดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอดกำลังร้องไห้เพราะการกระทำของผม
มันทำให้ใจที่เจ็บมากอยู่แล้วกลับเจ็บหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก...
“โปรด...เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนอีกรึเปล่า ให้แม่ไปตามหมอมาให้มั้ย”
ผมไม่รู้จะตอบแม่ยังไงเพราะไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกายก็รู้สึกเจ็บไปหมด แต่ที่เจ็บที่สุดก็คงจะเป็นที่ที่เดียวที่มันกำลังทำงานผิดพลาด...มันไม่ควรจะทำงานอีกหลังจากที่อะไรหลายๆ อย่างพังลงด้วยมือของผมเอง
“เปรมเล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว” แม่บอกกับผม น้ำเสียงอบอุ่นแต่ก็เจือไปด้วยความทุกข์ใจ
ผมแน่ใจว่าเรื่องเล่าของไอ้เปรมไม่ได้พูดถึงความผิดของผม แต่คงจะพูดถึงความผิดของมันเพียงคนเดียว ตั้งแต่เด็กๆ มันก็เป็นแบบนี้ ผมกับมันไม่ใช่พี่น้องที่สนิทสนมกันจนถึงขั้นที่ต่างฝ่ายต่างก็รุกล้ำความเป็นส่วนตัวกันได้ แต่เราก็สนิทกันในแบบของเรา ผมรู้ว่ามันเป็นคนแบบไหนพอๆ กับที่มันรู้ว่าจุดอ่อนของผมคืออะไร
คนเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่สำคัญที่สุดและผมไม่อยากให้เขาต้องเสียใจมากที่สุดก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงตอนนี้ คงนั่งเฝ้าผมทั้งวันทั้งคืนไม่ไปไหน อดหลับอดนอนเหมือนตอนผมไม่สบาย หรือตอนที่ป่วยหนักๆ ต้องนอนโรงพยาบาล แม่ก็จะอยู่ข้างๆ ผมแบบนี้เสมอ ผมเป็นเด็กติดแม่มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะป๋ามักจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ตอนที่ยังไม่มีไอ้เปรม ผมกับแม่เราก็อยู่กันสองคน แม่บอกว่าผมเป็นฮีโร่ของแม่ เป็นลูกที่แม่รักมากถึงได้ให้ผมชื่อ ‘มาโปรด’ ผมอยากให้แม่ภูมิใจ จำภาพว่าผมเป็นคนดีแค่ไหน เก่งแค่ไหน อยากเห็นรอยยิ้มของแม่ที่มีความสุขในวันที่ผมประสบความสำเร็จในชีวิต ...นั่นเป็นสิ่งที่ฝังหัวผมมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต
แต่แล้ว...ผมก็พลาด ผมไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครๆ ต่างก็คิดหรือคาดหวัง ผมเป็นเพียงผู้ชายที่หลงตัวเอง รักแต่ตัวเองและมองเห็นแต่ตัวเองมากเกินไป ตอนที่ไอ้เปรมบอกจะเอาคลิปมาให้พ่อกับแม่ดูถ้าผมไม่เลิกกับปลื้ม โลกของผมเหมือนพังทลายลงตรงนั้น เหมือนเดินอยู่ดีๆ ก็เจอทางตัน ไปต่อไม่ได้ หันกลับไปก็ยังลังเลว่าจะถอยกลับดีไหม ผมในตอนนั้น...ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเอาเสียเลย
ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้...ทั้งๆ ที่ผมลบมันไปแล้ว ลบมันไปให้มีแต่ผมและปลื้มเท่านั้นที่จะจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเราสองคน
แต่มันกำลังจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว แววตาเอาจริงของไอ้เปรมบอกกับผมว่าผมไม่มีทางเลือกมากนัก การทำให้แม่ผิดหวังเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ผมคิดจะทำ ทั้งผมทั้งไอ้เปรมเราทั้งคู่ต่างก็รู้นิสัยแม่ดีว่าแม่เกลียดผู้ชายประเภทไหน และผมก็ไม่อยากถูกเกลียด
ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นทางออกดีๆ สักทาง ไอ้เปรมจะทำจริงแค่ไหนผมไม่อยากลองเสี่ยงกับคนนิสัยอย่างมัน เงื่อนไขหลักที่ผมได้รับคืออยู่ให้ห่างจากปลื้ม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ผมไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่าปลื้มต้องเข้าใจและไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันนอกใจผมแน่นอน...
แต่ผมคงดูถูกคำว่า ‘ห่างจากปลื้ม’ ของไอ้เปรมมากเกินไป ผมอยู่ห่างผมรับได้ ได้ยินแค่เสียงผมก็ทนไหว แต่ให้เห็นปลื้มหัวเราะและทำดีกับมัน ผมทนไม่ได้จริงๆ ผมไม่พอใจ ผมโกรธ และบางทีก็น้อยใจที่ปลื้มไม่ได้สนใจความไม่ชอบใจของผมเลย ผมไม่อยากให้อยู่ใกล้ไอ้เปรมแต่ปลื้มก็ยังขัดใจ โปรเจ็คคู่บ้าง ต้องไปค้างห้องไอ้เปรมบ้าง ไอ้เปรมมารับมาส่งเวลาไปเรียนบ้าง ไปซื้อของด้วยกันบ้าง อยากถามจริงๆ ว่าแล้วรถที่ผมให้ขับเอามาจอดไว้เฉยๆ หรือไงแล้วไอ้คู่ทำโปรเจ็คนี่ภาควิชามันมีแค่ไอ้ห่าเปรมหรือไง เปลี่ยนคนบ้าง ทำคู่คนอื่นบ้างไม่ได้ไงวะ ผมอยากรู้จริงๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถาม แค่เห็นหน้าปลื้มผมก็หงุดหงิดแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เปรมมันพูดอะไรกับปลื้มรึเปล่า น้องถึงได้ชอบเช็คชอบถามว่าผมอยู่ไหนทั้งๆ ที่ปลื้มไม่เคยตั้งคำถามแบบนี้เลย จนผมอดคิดไม่ได้ว่ามีใครกำลังพูดอะไรกับปลื้มหรือเปล่า ความห่างที่ว่าจะทำให้ปลื้มที่เคยเข้าใจผมมาตลอดเริ่มระแวงผมขึ้นมาใช่ไหม...ผมยอมรับ ผมคิดมาก คิดมากจริงๆ
‘หมดสภาพเลยนะมึง น้องมันไลน์มาถาม จะให้กูตอบว่าไง’ ไอ้ซอลโชว์ข้อความทางไลน์ที่ปลื้มส่งมาให้ผมดู
‘บอกไปว่ากูไม่อยู่ที่นี่’
‘เสี่ยเสียเหลี่ยมก็คราวนี้แหละวะ เออๆ แล้วนี่กูพูดจริงๆ นะ มึงเลิกเอากุญแจมือมาล็อคกับเตียงกูได้ละ ไอ้ห่าอาร์มแม่งคิดว่ากูกับมึงเล่นวิปริตกันแล้วเนี่ย’ ไอ้ซอลบ่นแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่ที่ผมย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับมัน แต่ผมทำไม่ได้ ผมห้ามขาตัวเองไม่ให้ก้าวออกจากห้องนี้เพื่อขับรถกลับคอนโดตัวเองไม่ได้หรอก ไอ้ซอลจะเป็นคนเก็บลูกกุญแจไว้ บางทีเหี้ยนี่ก็แกล้งโยนทิ้งออกนอกระเบียงไปเลยก็มี ตอนนี้ถ้านับๆ ดูแล้วกุญแจมือคู่นี้ก็เป็นคู่ที่ยี่สิบแล้ว
‘มีปัญญาบ่น แต่ไม่มีปัญญาไปเอาคลิปจากไอ้เปรมมาให้กู’
‘ใช้กูตลอด ทำไมไม่ไปไฟท์กับน้องมึงเองวะ’
‘แม่ไม่ชอบให้ทะเลาะกัน’
‘โหะ ไอ้เด็กน้อย’
สายตาและน้ำเสียงเหยียดหยามของไอ้ซอลทำเอาผมต้องถีบเข้าที่เอวมัน แต่ผมก็ไม่ได้โกรธหรืออายอะไรเพราะเพื่อนสนิทของผมแต่ละคนก็ล้อแบบนี้ประจำ
‘แต่กูเตือนมึงอย่างนะไอ้โปรด มึงไม่พูดไม่บอกปลื้มมันอย่างนี้ มันจะแย่เอาทีหลังนะ มึงรู้รึไงว่าไอ้เปรมมันจะมาไม้ไหน’
ผมยอมรับเลยว่าผมไม่รู้ ไอ้เปรมมักใช้รอยยิ้มของมันกลบเกลื่อนสิ่งที่มันคิดไว้เสมอ ผมเคยเห็นมันร้องไห้แค่ครั้งเดียวตอนที่ถูกแม่ตีเพราะทำผมเข้าโรงพยาบาล
‘มึงจะให้กูบอกปลื้มว่าคลิปที่กูใช้ขู่มันหลุดไปอยู่ในมือคนอื่นรึไงวะ แล้วตอนนี้ก็ไม่มีวิธีดีๆ ที่จะไม่ให้คลิปนั้นหลุดนอกจากต้องเลิกกัน กูต้องบอกงี้ป้ะ? ถ้าแม่รู้กูก็ต้องเลิก แต่ถ้าไม่ให้แม่รู้กูก็ต้องเลิกอยู่ดี อีกอย่าง...กูไม่อยากให้ปลื้มต้องผิดหวังถ้ารู้ว่าคนที่ขู่นั่นเป็นไอ้เปรม ปลื้มมีเพื่อนน้อยแล้วก็แคร์เพื่อนมาก กูถึงได้ให้มึงหาทางเอาคลิปมาให้กูนี่ไง ตอนนี้ไอ้ห่าเปรมไม่ให้กูไปคอนโดมันแล้ว ถือไพ่เหนือกูแล้วชักเอาใหญ่ ถึงทีกูบ้างเถอะ จะเล่นแม่งให้เดี้ยงเลยไอ้สัด’
‘มึงก็พูดอย่างนี้มาจนจะครึ่งเดือนละ ตอนนี้ทำอะไรได้บ้าง นอกจากเป็นไอ้บ้าล็อคตัวเองกับเตียงกูอยู่นี่ กูว่าทางที่ดีมึงไปรับผิดกับแม่ซะเถอะ จะได้จบๆ เรื่องกันไป’
ใครจะรู้ผลลัพธ์หลังจากนั้น ใครจะรู้ว่าแม่ที่เกลียดผู้ชายประเภทนี้เข้าไส้จะทำยังไงกับผม แม่ไม่เคยให้อภัยกับผู้ชายที่ฆ่าข่มขืนพี่เลี้ยงที่เลี้ยงแม่มาตั้งแต่เด็กได้เลยถึงตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะชดใช้ความผิดอยู่ในคุกก็ตาม แล้วแม่จะให้อภัยผมเหรอ...ที่ทำกับปลื้มอย่างนั้น แม่เอ็นดูปลื้มมาก แต่ผมว่าใครได้เห็นปลื้ม ได้รู้จักปลื้ม ก็ต้องรักมันทั้งนั้น แล้วแม่จะเสียใจแค่ไหน ผิดหวังแค่ไหนที่ลูกชายที่แม่เลี้ยงดูมาอย่างดี เฝ้าพร่ำสอนให้เป็นคนดีมาตลอดอย่างผม ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยได้ ...ผมขอยอมรับอย่างน่าไม่อายเลยว่า...ผมกลัวที่จะบอกเรื่องนี้กับแม่
ผมมีทางออกแค่ทางเดียวคือเอาคลิปนั่นคืนมา...ผมเชื่อว่าปลื้มรอผมได้ เชื่อว่าปลื้มจะให้อภัยในสิ่งที่ผมทำเหมือนอย่างที่ปลื้มเคยให้อภัยเสมอมา แต่ความเชื่อนั้นเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เราทะเลาะกันเพราะความหงุดหงิดของผม และแน่นอนที่ต้องยอมรับก็คือความงี่เง่าที่ผมค้นพบว่าตัวเองมีตั้งแต่คบกับปลื้ม ทำไมถึงไม่เชื่อฟังผม ทำไมถึงต้องไปกับไอ้เปรม ทำไมต้องไปยิ้ม ไปทำดีกับมัน ดึกดื่นก็ยังลงไปหากัน ผมไม่พูดไม่ใช่ว่าผมไม่เห็น ผมเห็นและไม่พอใจเป็นอย่างมาก และผมหวังว่าปลื้มจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้างว่าผมกำลังน้อยใจ แต่ปลื้มก็ไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย...เป็นผมเองที่งี่เง่าอยู่ฝ่ายเดียว
ผมยอมรับว่าเริ่มคุยกับปลื้มน้อยลง ลำพังแค่ทั้งเรียนและราวด์วอร์ดผมก็ไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอย่างอื่นแล้ว และพอเพิ่มความหมางใจที่เกิดขึ้น...ทุกอย่างมันเลยยิ่งแย่ และแย่ลงไปอีกเมื่อไอ้เปรมมาหาผมที่คณะ มาพร้อมกับพี่รหัสของมันและผู้ชายอีกคน
‘สวัสดีครับพี่โปรด นี่พี่รหัสผม พี่เต๋อ แล้วนี่พี่แม็คเพื่อนพี่เต๋อ’ ผมไม่ได้สนใจไอ้เปรมเท่าไหร่นัก ตอนนี้แค่หน้ามันผมก็ไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ เลยหันไปทักทายน้องเต๋อกับน้องแม็คแทน
‘นี่พี่ชายผมครับ ตรงตามเกณฑ์ที่พี่เต๋อต้องการทุกอย่าง และที่สำคัญ ยังไม่มีแฟน’
‘มั่วละไอ้เปรม กูได้ข่าวมาว่าพี่มึงคบกับน้องปลื้มเพื่อนมึงไม่ใช่ไง’
‘ฮ่าๆ ไม่ใช่หรอกครับ...พี่โปรดกับปลื้มเป็นแค่พี่น้องกันครับ ก็ปลื้มเป็นเพื่อนผม สนิทกับพี่โปรดไม่เห็นแปลก’
‘อ๋อๆ เอ่อ แล้วนี่พี่โปรดรู้เรื่องด้วยรึเปล่าครับนี่’
น้องเต๋อที่ดูจะไฮเปอร์หน่อยๆ คนนี้หันมาถามผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ต้องรู้คือเรื่องอะไร จนไอ้เปรมมันเฉลยและจัดการทุกอย่างเองเสร็จสรรพ
‘รู้ครับพี่ ผมบอกพี่โปรดแล้ว และพี่โปรดเต็มใจช่วย’
‘แต่กูว่า ไม่ต้องทำหรอกไอ้เต๋อ ไอ้เหี้ยเต้มันจะมีแฟนก็ปล่อยมันมีไปเถอะว่ะ กูไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยนะ’
‘ลองหน่อยน่ามึง เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้นไง ให้ไอ้เต้มันได้รู้ซะบ้างว่าอย่างมึงก็มีคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่ามันที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ มึง’
น้องแม็คทำหน้าลำบากใจ ในขณะที่ผมก็พอเดาออกว่าคนพวกนี้ต้องการจะทำอะไร ผมมองหน้าไอ้เปรมอย่างคิดจะวัดใจกับมันว่ามันต้องการอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหม แต่มันก็หลบตาผม นานแล้วที่มันไม่กล้าสบตาผมตรงๆ ไม่รู้ว่ารังเกียจหรือกลัวว่าตัวมันเองจะรู้สึกตัวขึ้นมากันแน่ว่ากำลังทำอะไร
‘พี่โปรด ตามนี้นะครับ แล้วก็เลิกให้พี่ซอลมารื้อห้องผมซะที ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจ หรือถ้าเลวร้ายสุดๆ ผมก็คงต้องเอาไปฝากไว้กับแม่...เข้าใจนะครับพี่’
ผมไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป พอดีกับที่ไอ้กิ๊งเรียกให้ขึ้นไปเรียน ผมเลยมีโอกาสเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่ลืมบอกลาน้องแม็คน้องเต๋อที่มองผมกับไอ้เปรมอย่างงงๆ
‘เหี้ยซอล! มึงทำยังไงให้ไอ้เปรมมันรู้ตัวได้’
‘นี่มึงเห็นกูเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องย่องเบารึไง แล้วน้องมึงอยู่คอนโดระดับไฮเอ็นนะไอ้สัด ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเลิศ กูคงใส่หมวกปิดหน้าเข้าไปได้หรอกไอ้ควาย’
ไอ้ซอลมันย้อนผมได้ทุกที แต่มันก็น่าหงุดหงิดใจจริงๆ ทำไมมันทำไม่สำเร็จสักทีวะ จะแม็คบุ๊คหรือแฟลชไดร์ หรือห่าอะไรที่มันเก็บข้อมูลก็เอามาเผาให้หมดไม่ได้ไงวะ เวรเอ้ย! จะโทษใครได้นอกจากความโง่ของผม ไอ้เหี้ย กูเรียนหมอ ไม่ได้จะรู้หรอกว่าเขาต้องกด command-shift-delete (แต่คนทั่วไปเขารู้นะเสี่ย – คนเขียน) และที่น่าโกรธที่สุด ผมไม่น่าทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก นอกจากทำปลื้มเสียใจแล้ว ผมทำอะไรให้ปลื้มได้อีกบ้าง... ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดใจ น้องยังรักผมอยู่ได้ยังไง...นั่นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเหมือนกัน และมันก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจมากว่าน้องจะไม่ไปไหน...
ผมงดอัพสเตตัสเฟซ งดเล่น IG งดทุกอย่างบนโซเชียลเน็ตเวิร์คเพียงเพราะไม่มีเวลา ผมเหนื่อยกับการอ่าน เบื่อหน่ายกับการต้องจำนั่นจำนี่ ลนลานกับควิซที่มักไม่มีบอกล่วงหน้า เทสย่อยที่มีเข้ามาให้กระสับกระส่ายได้ตลอด และราวด์วอร์ดที่ทำเอาผมกำลังจะกลายเป็นซอมบี้ พี่พยาบาลใจดีมากก็จริง แต่อาจารย์หมอเคี่ยวเกินไป ยิ่งที่ปรึกษาผมยิ่งแล้วใหญ่ กดดันกันแบบไม่ให้ลืมหูลืมตา แต่ถึงอย่างนั้น...การได้เห็นรูปของปลื้มในโทรศัพท์ก็ทำให้ผมสุขใจ ถึงแม้ว่าการคิดถึงปลื้มในตอนนี้...จะทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาก็ตาม เพราะเดี๋ยวนี้...ปลื้มมักจะอยู่กับไอ้เปรมซะเป็นส่วนใหญ่
ผมไม่รู้หรอกนะว่าวิศวะเขาเรียนกันยังไง มินิโปรเจ็ค รายงาน หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมันเยอะแยะวุ่นวายจนทำให้ปลื้มกับไอ้เปรมสนิทกัน ไอ้ซอลพยายามช่วยผมสะกดจิตตัวเองว่า ‘แค่เพื่อนๆๆๆๆๆๆๆๆ’ ท่องก่อนนอนทุกวันแทนชื่อหลอดเลือดที่เพิ่งกัดฟันเรียนกันมา ใจจริงผมอยากไปหา ไปอยู่ด้วย อยากให้ปลื้มมาอ้อน มาดูแล อยากเห็นตาโตๆ ปากแดงๆ ที่ชอบเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ อยากสัมผัส...คิดถึง...ผมคิดถึงมากๆ
แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องล็อคตัวเองไว้กับเตียงไอ้ซอล มันก็ดีนะหรือไม่รู้ว่าอยากแกล้งอะไรผมรึเปล่า เพราะพอเห็นผมคว้ากุญแจรถแล้วลุกพรวดขึ้น ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็จะปรี่เข้ามาจับมือผมใส่กุญแจมือแล้วคล้องกับหัวเตียงล็อคให้เป็นที่เรียบร้อย
‘อดทนไว้ เดี๋ยวกูก็เอามาให้มึงได้เองแหละน่า มีอะไรบ้างที่กูรับปากแล้วจะหามาให้ไม่ได้’
ถึงไอ้ซอลจะรับปากอย่างนั้นแต่นี่มันก็นานแล้ว...นานจนผมกลัวเหลือเกินว่าตอนนี้อะไรๆ ระหว่างผมกับปลื้มจะไม่เหมือนเดิมอีก สำหรับผมแล้วการคบกันของเรา คนอื่นมันก็แค่คนนอก ผมไม่กลัวเลยสักนิด ผมมั่นใจว่าไอ้เปรมไม่มีทางทำให้ปลื้มรักมันได้ แต่...ระยะห่าง เวลา และความไม่เข้าใจกันของเราต่างหาก ที่ทำให้ผมกลัว
ผมรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่ผมหวังได้หมด ผมอยากลบความผิดพลาดของตัวเองโดยไม่ต้องเสียอะไรไป แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อย...ก็ต้องมีใครสักคนที่เจ็บกับเรื่องนี้ ...และผมรู้แน่ๆ ว่าเป็นใครหากทุกอย่างยังวนเวียนอยู่อย่างนี้โดยไม่มีข้อสรุป ผมรับปากทำตามอย่างที่ไอ้เปรมต้องการเกือบทุกอย่าง แต่ไม่ทั้งหมด มันห้ามผมโทรหาปลื้มไม่ได้หรอก ในเมื่อผมก็ยังรักษาเงื่อนไขที่บอกให้อยู่ห่างปลื้มเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าขอบเขตอยู่ตรงไหน แต่ผมคิดเอาเองว่าอยู่ห่างก็คือตัวผมอยู่ห่าง แค่อยู่ให้ห่างก็พอ เสียงหรือหัวใจ...ไม่จำเป็นก็ได้นี่
แค่ได้ยินเสียง...ผมก็รู้แล้วว่าปลื้มกำลังแย่ ผมโทรเข้าที่ห้องทุกวันบอกให้ปลื้มอย่าออกไปไหน ให้รอผมอยู่ที่ห้อง รอให้ผมกลับไป...แต่ผมรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน ในเมื่อผมก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับไปเมื่อไหร่... อีกนานไหมที่ต้องเป็นแบบนี้ ผมก็ตอบไม่ได้ หรือต้องรอจนกว่าไอ้เปรมจะทำสำเร็จอย่างนั้นเหรอ? ผมกลายเป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้...ได้แต่หวังอย่างเงียบๆ ว่าไอ้เปรมมันจะรู้สึกตัวสักทีว่าที่กำลังทำอยู่มันเปล่าประโยชน์ ปลื้มไม่มีทางรักมันเหมือนอย่างที่รักผม...และมันก็รักปลื้มได้ไม่เท่าที่ผมรักหรอก
ผมพยายามอดทน ความหวังเพียงอย่างเดียวฝากไว้กับไอ้ซอลเพื่อนสนิทที่สุดที่พึ่งพาได้ตลอดของผม แต่ไอ้ซอลก็เหมือนจะไร้ความสามารถเข้าไปทุกวัน ข่าวลือเรื่องผมกับน้องแม็คคงไปถึงหูของปลื้มแล้ว และมันทำให้ผมเริ่มกลัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะปลื้มไม่เคยถามผมเลยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เราคุยกันแค่ อยู่ไหน ทำอะไร กินข้าวแล้วรึยัง หรือวันนี้จะออกไปไหนกับใคร เราคุยกันแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ จนผมคิดว่าปลื้มคงไม่สนใจ ...ทำไมถึงไม่อยากรู้ ถ้าถาม ผมจะได้บอกว่าไม่มีอะไร หรือเพราะว่าปลื้มไม่ได้ยินอะไรจากใครเลยกันแน่ ผมก้ำกึ่งอยู่กับความรู้สึกนี้ ถ้าถามจะเหมือนว่าร้อนตัวไปไหม ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆ
ผมกับน้องแม็คเอาจริงๆ ก็นับครั้งได้ว่าเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง หนึ่งครั้งที่คณะผมตอนไอ้เปรมพาไป ครั้งที่สองร้านเหล้าที่ไอ้เด็กเต้อะไรนั่นพาเมียมันไปด้วย และครั้งที่สามไอ้เหี้ยเปรมให้ผมพาน้องแม็คไปส่งบ้าน กูเป็นพี่แต่ต้องกลับมาทำตามคำสั่งมันงกๆ นี่เพื่ออะไรวะ?
ไอ้เด็กพวกนั้นก็งอนกันเป็นเด็กๆ ปัญหาหนักอกของกูยังดูอลังการกว่าของพวกมึงเยอะ ผมไม่อยากจะบ่นหรอก แต่ก็ขอบ่นหน่อย เหมาะเจาะให้ไอ้เปรมสร้างเรื่องมากไปไหม แค่ลำพังไม่ให้กูเจอปลื้มนี่กูก็แย่พออยู่แล้ว เด็กกูแม่งเป็นพวกชอบคิดมาก คิดนั่นคิดนี่อีก ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งมีแต่เรื่องทะเลาะกัน แต่ผมจะโทษใครได้ ผมรู้ว่าผมทำตัวเองทั้งนั้น
ความจริงผมโกรธไอ้เปรมมาก แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไรมันเลย มันเป็นน้อง สัญญากับแม่แล้วว่าจะไม่รังแกน้อง จะปกป้องน้อง ผมก็จะทำให้ได้ ผมไม่ใช่คนที่ชอบให้สัญญากับใคร แต่ถ้าให้แล้วก็ไม่อยากทำผิดสัญญาเหมือนกัน ถึงอยากฆ่า อยากทำให้มันเจ็บมากแค่ไหน ผมก็ทำได้แค่คิด...ให้ทำจริงๆ ก็ทำไม่ลง ริมฝีปากมันได้จากแม่มาเต็มๆ จะให้ต่อยลงได้ยังไง...
แต่ผมก็พบว่าตัวเองต้องผิดสัญญากับแม่ ผมรักษาสัญญาไว้ไม่ได้ ผมอดทนต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วจริงๆ ปลื้มไปจากผม...ไปด้วยความรู้สึกที่ต่อให้ผมคุกเข่าอ้อนวอนลงตรงหน้า น้องก็คงไม่ยอมให้อภัยและไปอยู่ดี แววตาของปลื้ม น้ำเสียงของปลื้ม ทุกๆ อย่างมันบอกผมได้ว่า น้องเสียใจมากเหลือเกินกับการกระทำของผม มันเกินกว่าความเข้าใจและยากที่จะให้อภัยได้ แต่ผมไม่อยากให้ไปเลย...ถ้าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันเป็นแบบนี้...แล้วที่ผ่านมา ผมทำไปเพื่ออะไร ผมทรมานตัวเองและทรมานปลื้มไปเพื่ออะไร มันจะดีกว่าไหมถ้าย้อนกลับไปเริ่มทุกอย่างใหม่ทั้งหมด...
แต่ผมรู้...มันสายเกินไปแล้ว
ผมทำปลื้มเจ็บ...น้ำตาที่น้อยครั้งนักที่ผมจะได้เห็นไหลลงมาไม่ขาดสาย เลือดที่มือของปลื้มก็ไหลไม่หยุด... ผมอยากกอดปลื้มไว้ อยากเข้าไปใกล้ๆ อยากพาไปโรงพยาบาล อยากทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ความเจ็บนั้นหายไป ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าต้องร้องไห้เหมือนจะขาดใจอย่างนี้เลย... แต่พอผมเข้าไปใกล้ น้องก็ขยับหนี ผมไม่กล้าจะกระชากหรือดึงดันเข้าไปอีกแล้ว...กลัวจะทำน้องเจ็บอีก ผมไม่ได้ตั้งใจเลย...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ทำไมถึงอยากไปจากผมนัก...อดทนต่อไปอีกหน่อยไม่ได้เหรอ ผมรู้ว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมาก แต่อยากให้อดทนอีกหน่อย รอให้ผมกล้ามากกว่านี้...แต่ปลื้มคงทนไม่ไหวแล้ว
ทำไมต้องบอกว่าขอโทษ ทั้งๆ ที่ปลื้มไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เป็นผมต่างหากที่เห็นแก่ตัว ผมต่างหากที่ก่อเรื่อง ผมต่างหากที่ควรจะพูดคำนี้
‘ผมไม่รู้เลยว่าผมทำผิดอะไร พี่ถึงได้ทำกับผมแบบนี้... ผมไม่เคยคิดจะรั้งพี่ไว้เลย แค่บอกว่าไม่รักผม แค่นั้นผมก็เข้าใจ พี่ไม่ต้องลำบากทำอะไรอ้อมค้อมแบบนี้ก็ได้’
‘ไม่ใช่...’ มันไม่ใช่เลย แต่ผมรู้ว่าทำไมน้องคิดแบบนั้น ใช่...เพราะการกระทำของผมเอง ปลื้มไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ปลื้มดูแลผม ทำเพื่อผมทุกอย่าง แต่เพราะผมเองที่ขี้ขลาด ไม่กล้าทำอะไรสักที ผมสับสนเกินไป มึนงงเกินไป กับการที่จะต้องเดินไปทางไหน
ผมรักปลื้มมาก...นั่นไม่ใช่ความรู้สึกเล่นๆ หรือเป็นเรื่องโกหก แต่ผมยังทำใจยอมรับกับความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้ ยอมรับว่าตัวเองทำให้แม่ผิดหวังไม่ได้จริงๆ มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผม เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต...สำคัญมากจนทำอะไรโง่ๆ ลงไป
เพราะฉะนั้น...ผมถึงบอกปลื้มไม่ได้
แต่ตอนนี้...ตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าคนที่พบเป็นคนแรกคือแม่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม...ผมยอมรับว่าดีใจกับรอยยิ้มของแม่ แต่ความเจ็บปวดใจและความทุกข์ใจไม่ได้ลดลงเลย...นั่นเป็นเพราะ...คนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมอีกคน...เขาไม่อยู่ตรงนี้แล้วต่างหาก
“โปรด...เจ็บตรงไหนคะ บอกแม่...อย่าร้องไห้นะลูก...แม่อยู่ตรงนี้นะ ไม่เป็นไรแล้ว...”
“แม่...”
“ว่าไงคะ”
“โปรดเคยข่มขืนน้อง... หลายเดือนก่อน...”
แม่หยุดมือที่กำลังซับน้ำตาให้ผม และราวกับกำลังหยุดสายตาที่กำลังมองมาด้วยความห่วงใยนั่นไปด้วย
“โปรด”
“...”
“ทำไมถึงเพิ่งมาบอกแม่”
“โปรดขอโทษ”
“ขอโทษแล้วได้อะไรขึ้นมา เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ขอโทษให้ได้อะไรขึ้นมา ...แล้วมาขอโทษแม่ทำไม โปรดเคยพูดขอโทษกับน้องสักครั้งมั้ยกับเรื่องที่ทำลงไป!”
ถ้าผมไม่นอนเจ็บอยู่อย่างนี้ แม่คงตีผมแรงๆ ไปแล้ว...แต่จะตีผมเท่าไหร่ผมก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่แม่อย่าทำหน้าผิดหวังในตัวผมอย่างนี้เลย...
แต่ที่แม่พูดมาก็ถูก...เรื่องที่ผมทำลงไป...ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดขอโทษแล้วก็จบลงง่ายๆ เลย และถึงตอนที่อยากพูด คนฟังเขาก็ไม่อยู่ให้มีโอกาสได้พูดแล้ว
“ตอนนี้...น้องไปจากโปรดได้ก็ดีแล้ว ถ้าเป็นแม่...แม่คงไม่ทนอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างโปรดหรอก ...ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รักน้องปลื้มนะ แต่ลูกชายของแม่...ไม่ดีพอสำหรับน้องปลื้มจริงๆ”
“....”
“ที่มันต้องเป็นแบบนี้...โปรดโทษใครไม่ได้หรอกนะ นอกจากตัวเอง แม่ไม่เคยสอนให้เป็นคนแบบนี้"
"..."
"โปรดทำให้แม่ผิดหวังในตัวโปรดมากจริงๆ”
แม่พูดกับผมแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป
ผมรู้...ว่าผมสมควรจะได้รับมันแล้ว...
Inside: End
............................................To be continue............................................
นั่นแหละ หายโง่ซะ รู้ตัวซะ สรุปเอ็งไม่ถูกโหวตให้ไปต่อ

ทุกคนมีอิสระในการคิด และแสดงความคิดเห็น
คาดเดากับเนื้อเรื่อง...นั่นเป็นสิ่งที่คนเขียนสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านความคิดเห็นค่ะ และขอขอบคุณหลายๆ คนที่น่ารักกันมากเม้นให้ทุกตอน
แต่...สำหรับบางคนอย่าเสริมแต่งเนื้อเรื่องที่ผ่านมาแล้วจากมโนของคุณเอง
ชี้แจง
มาโปรดกับน้องแม็ค ถ้าอ่านจากมุมน้องปลื้ม น้องไม่เคยบอกสักครั้งว่าเจอเองกับตาตลอดหนึ่งเดือน คนเขียนต้องชี้แจงว่าคงเกิดจากความผิดพลาดที่ไม่ได้ลงลึกว่าตลอดหนึ่งเดือนในแต่ละวันน้องเจอกับอะไรนอกจากความเย็นชาของมาโปรดแล้ว รูปไอจีก็พวกชะนีนั่นแหละค่ะแท็คมา พวกนางถ่ายกันเอง กิมกับติ๊กวางไว้ตามนั้น ไม่มีข้อแก้ตัวให้แต่อย่างใด เพราะทั้งสองเข้าข้างเปรมแน่นอน อีกเรื่องโปรดไม่เคยนัวเนีย กอด หรือเกินเลยกับน้องแม็คไปมากกว่าโอบไหล่ที่ร้านเหล้าตอนน้องปลื้มไปเจอ ต้องลงลึกใช่ไหมคะว่าอิเหี้ยพี่เต้นั่งอยู่อีกโต๊ะ เป็นแค่เรื่องเด็กประชดกันทั่วๆ ไปจากเรื่อง so what และถึงใครจะคิดว่าจำเป็นต้องลงในนี้ แต่คนเขียนว่าไม่ ก็คือไม่ใส่นั่นแหละ ปล่อยผ่าน เชิญทำร้ายฉันตามสบาย

ข้องใจตรงไหน งงตรงไหน แนะนำกลับไปอ่านตั้งแต่เริ่มดราม่าใหม่ *พ่องงงงงงงง!! - คนอ่าน *

เหตุผลจูงใจให้สงสารพระเอก ไม่มีเลยนะคะ แต่จากเรื่องทั่วๆ ไป แน่นอนค่ะว่าต้องมีออกมาพูดอยู่แล้ว ก็ให้เป็นพระเอกนี่คะ ไม่ให้ออกมาแล้วจะตั้งเป็นชื่อทำไม 
มันไม่สมจริงหรอกค่ะ จะอ้างว่าเป็นนิยายก็คงฟังไม่ขึ้น แต่ยังยืนยันว่านี่คือนิยาย เพื่อสนุก จรรโลงใจ หรืออะไรก็ว่ากันไป คนอ่านก็ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ชีวิตจริงมีแย่กว่านี้ก็มีค่ะ ทุกมุมโลกมีเรื่องที่คุณคาดคิดไม่ถึงอีกเยอะ
คิดกันเล่นๆ แล้วถ้าเป็นคุณ...สถานการณ์นั้น เลือกยังไงดีคะ ถ้าตามหลักการ ทำได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดหาค่าคอสหรืออะไรมาบวกเพิ่ม หรือสิ่งรบกวนอื่นๆ มันอาจจะลงตัว แต่จริงๆ แล้วมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ? จะมีคนสักกี่คนที่จัดการทุกอย่างได้เป๊ะ ทุกอย่างลงตัว ไม่มีหรอกค่ะ คนเรามันผิดพลาดกันได้ เรื่องเล็กน้อยของเรา อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ของเขา เรื่องใหญ่ของเราอาจจะเป็นเรื่องเล็กของเขา 
Talk ยาวไป เจอกับนิยายละครหลังข่าวช่องหลายสี เอิ่มมมม
เอาวะ ก็ไม่เป็นไรค่ะ
เป็นทัศนคติที่มีกับมาโปรด
ไม่โกรธค่ะ แค่เงิบไปนิดหน่อย และยังยินดีรับคำวิจารณ์เหมือนเดิม ถึงจะอ่านแล้วรู้สึกว่าประชดประชันกันก็ตาม 
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่อินไปกับเรา...เพราะเราหวังไว้อย่างนั้นจริงๆ 
อ่านให้สนุกค่ะ ไม่สนุกก็ค่อยมาว่ากันอีกที
ตอนต่อไปคงมาวันจันทร์ เย็น เพราะตอนนี้ลงไปแล้ว 
น่ารักกันมากค่ะ รักทุกคน

นี่คือตอนจบของคนไม่พูดกัน... 
ก็เพราะพวกคุณบอกว่าเป็นวันเด็ก เราถึงได้มา