ตอนที่ 10วันนี้เป็นวันหยุด ผมตื่นแต่เช้าในขณะที่พี่โปรดยังนอนคลุมโปงอยู่ข้างๆ ช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ กว่าจะหลับตาลงได้ก็ดึกพอนอนไปได้ไม่นานก็ตื่น ผมคงคิดเรื่องพี่โปรดมากเกินไป ผมพยายามสืบหาว่าคนที่พี่โปรดรักเป็นใครแต่ก็ไม่รู้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลย ถามคุณเปรมก็ไม่ยอมบอก คุณติ๊กยิ่งแล้วใหญ่เพราะผมคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่อะไรหรอกแค่คุณติ๊กเขาดูจะไม่ค่อยอยากพูดกับใครเท่าไหร่ เขามีชีวิตอยู่ในโลกมืดมนมาสักพักแล้วล่ะ สงสัยคงกลัวผมจะเหงาเลยอกหักเป็นเพื่อนล่ะมั้งครับ
ผมคว้าไอโฟนของพี่โปรดขึ้นมาจากโต๊ะข้างหัวเตียง แต่พอจะปลดล็อคดันต้องใส่รหัสผ่านซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติ พี่โปรดไม่เคยล็อคเครื่องตัวเองแบบนี้ อย่างน้อยช่วงก่อนถ้าพี่โปรดลืมไอโฟนทิ้งไว้ที่ห้องผมก็ยังสามารถเล่นได้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้ล่ะ...ทำไมล่ะ...
“พี่โปรด” ผมเรียกพี่โปรดพร้อมกับเขย่าแขนที่โผล่พ้นผ้าห่มเบาๆ
“ว่า...” ขานรับแต่ก็ยังไม่ลืมตา
“ปลื้มจะเล่นเกม บอกรหัสปลดล็อคหน่อย”
พี่โปรดพลิกตัวนอนคว่ำ หันหน้ามาทางผมแล้วก็แย่งไอโฟนไปถือไว้ “ของตัวเองก็มี จะมาเล่นของพี่ทำไม”
“ก็เครื่องปลื้มไม่มีเกมที่อยากเล่นนี่ -*-”
“ไม่ให้ ปลื้มออกไปดูทีวีข้างนอกไป พี่จะนอน”
“เมื่อก่อนไม่เห็นพี่โปรดว่าอะไรเลย แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ปลื้มเล่นไม่ได้ล่ะ”
“อย่างอแง ไม่ให้ก็คือไม่ให้”
เวลาของผมคงใกล้จะหมด...อะไรที่ผมเคยทำได้เริ่มจะถูกจำกัดขอบเขตลงมาเรื่อยๆ ผมไม่ได้อยากจะเล่นเกมหรอก ผมแค่อยากดูข้อมูลในมือถือของพี่โปรดเผื่อจะฉลาดขึ้นมาบ้าง ไลน์ คาคาโอ Whatapp หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารอะไรก็แล้วแต่ที่พี่โปรดมี ผมก็อยากจะดูว่ามีใครพอจะ...มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนพิเศษของพี่โปรดบ้าง และเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันมีอยู่ในนั้น พี่โปรดถึงได้ไม่ยอมให้ผมเล่นมือถือเขาเหมือนเมื่อก่อน
“ปลื้ม ลงไปซื้อน้ำเต้าหู้มาให้พี่หน่อย” เสียงของพี่โปรดเรียกให้ผมชะงักขาอยู่ที่ประตู
“ครับ”
“ห้ามเถลไถล ซื้อเสร็จก็รีบขึ้นมา”
“ครับ”
ผมเดินลงไปซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าประจำของพี่โปรด แต่ตอนขากลับเพราะผมไม่ทันได้มองรถตอนข้ามถนนเลยโดนชนจนล้มกลิ้งลงข้างทาง โชคดีที่ตอนเช้าๆ อย่างนี้คนไม่เยอะ ผมเลยไม่ต้องทนมองสายตาใคร แล้วรถที่เพิ่งขับออกจากคอนโดฯ ก็ขับไม่เร็วเท่าไหร่เลยไม่เป็นอะไรมาก แค่เสื้อเปียก หัวเข่าถลอก ข้อศอกมีแผล เจ็บเนื้อเจ็บตัวนิดหน่อยแค่นั้น ลุงชมที่เป็นยามของคอนโดฯก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงผม ส่วนคนที่เป็นเจ้าของรถก็พยายามจะพาผมไปโรงพยาบาลให้ได้ แต่ผมก็บอกปฏิเสธไปเพราะแผลแค่นี้ผมใส่ยาเองได้ ไม่ถึงกับต้องไปหาหมอหรอก
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยไม่ทันได้มองรถ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ คุณป้ารีบไปทำงานเถอะครับ ออกสายกว่านี้รถจะติดนะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอลูก ป้าต้องขอโทษหนูจริงๆ นะ ไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ยคะ อยู่ใกล้แค่นี้เอง เดี๋ยวป้าพาไป”
โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคงหนีไม่พ้นโรงพยาบาลของพ่อผม ถึงจะเป็นสาขาย่อยแต่ผมก็ไม่อยากไปที่นั่น
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ใส่ยาก็หายแล้วแผลแค่นี้”
“คุณปลื้มครับ ลุงว่าไปเถอะครับ หัวแตกอย่างนี้ไปเย็บแผลดีกว่าครับ” ลุงชมบอก ผมเลยหันไปทำหน้างงๆ ใส่เล็กน้อย ผมรู้สึกว่าเจ็บจี๊ดๆ ก็จริง แต่ไม่คิดว่ามันจะแตกนี่หน่า พอลองเอามือไปคลำๆ ดู เท่านั้นล่ะครับ เลือดติดมาเต็มมือ คุณป้าเจ้าของรถร้องว้ายทันที
ผมรู้แล้วว่าเสื้อเปียกเพราะอะไร เหลือบไปมองจุดที่ผมล้มก็เห็นมีก้อนหินก้อนไม่เล็กไม่ใหญ่มีเลือดติดอยู่ อ๋ออออ ไอ้นั่นล่ะสาเหตุ เสื้อนอนผมยิ่งเป็นสีขาวอยู่ด้วย ซักไม่ออกคงต้องทิ้ง ตัวนี้ของพี่โปรดอีกต่างหาก ตายแน่ๆ ผม -*-
“ไปโรงพยาบาลกัน ไปๆๆๆ ขึ้นรถเร็วลูก” คุณป้าเจ้าของรถดูหน้าซีดๆ คล้ายจะเป็นลม แกคงกลัวเลือด
“คุณป้าใจเย็นๆ ก่อนครับ ผมไม่เป็นไร นะครับ ใจเย็นๆ นะ” ผมพยายามปลอบใจคุณป้าเจ้าของรถ ก่อนจะหันไปยื่นเงินให้ลุงชม “ลุงช่วยไปซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ผมได้มั้ยครับ ถุงเก่ามันแตกแล้วอ่ะ แล้วก็ช่วยเอาขึ้นไปส่งที่ห้อง 3505 ด้วยนะครับ ผมจะไปโรงพยาบาลก่อน”
“เอ่อ...ได้ครับ คุณปลื้มไม่ต้องให้ลุงไปด้วยแน่นะครับ”
“ครับ ไปกันเถอะครับคุณป้า ผมขับให้เอามั้ยครับ เหมือนคุณป้าจะไม่ค่อยไหว”
“ป้าขอโทษนะคะ แต่ป้ากลัวเลือดมาก T_T เห็นแล้วร่างกายไม่ค่อยมีแรง ว่าแต่หนูไหวแน่นะลูก”
“ไหวครับ ให้ผมขับเถอะ”
ถ้าให้ป้าขับแน่นอนว่าป้าต้องพาผมไปโรงพยาบาลของพ่อแน่ เพราะฉะนั้นผมจะขับเองแล้วก็ไปโรงพยาบาลของรัฐบาลที่อาจจะอยู่ไกลไปสักนิด แต่ไหนๆ คุณป้าก็ไปทำงานไม่ทันแล้วก็เลยตามเลยดีกว่านะครับ
ผมขับรถไปถึงโรงพยาบาล ลงจากรถก็ปล่อยให้คุณป้าเจ้าของรถนำบัตรประจำตัวประชาชนของผมไปที่ฝ่ายเวชระเบียนเพื่อทำบัตร ส่วนผมก็เดินตามบุรุษพยาบาลเข้าไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉิน แผลที่หัวโดนเย็บไปสิบสามเข็ม จัดการทำแผลเรียบร้อยก็ไปนั่งรอรับยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบหน้าห้องจ่ายยา คุณป้าเจ้าของรถยังบอกขอโทษผมซ้ำๆ ซึ่งผมก็บอกไปทุกครั้งว่าไม่เป็นไร
“ความจริงไปที่โรงพยาบาลเอกชนก็ได้ ป้าไม่ว่าอะไรหรอก จะได้ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้”
ความจริงคุณป้าเขาก็อยากให้ผมเอกซเรย์ดูนั่นดูนี่ แต่คงต้องเสียเวลาไปเป็นวันเลยล่ะครับถ้าทำอย่างนั้น เพราะโรงพยาบาลของรัฐบาลต้องรับบัตรคิว ทำเรื่องตามขั้นตอนที่ดูจะเยอะพอสมควร ทั้งๆ ที่ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่า แต่คิวล่าสุดที่ผมเห็นก็ปาเข้าไปสามร้อยกว่าแล้ว คงเพราะค่ารักษาพยาบาลที่ถูกแสนถูกนี่แหละคนถึงได้เยอะพอๆ กับสยามพารากอน
คุณป้าอี๊ดเจ้าของรถที่ชนผมพาผมมาส่งที่ประตูรั้วคอนโดฯ เพราะผมบอกว่าไม่ต้องเข้าไป ลำบากป้ากลับรถออกมาอีก เพราะยังไงก็ต้องขับออกไปทำงานอยู่ดี ประตูอยู่ใกล้แค่นี้ผมเดินเข้าไปเองได้
“แค่พาผมไปส่งโรงพยาบาลก็ขอบคุณมากแล้วครับ คุณป้าไม่ต้องให้เงินทำขวัญอะไรผมหรอก”
“รับไว้เถอะลูก ไม่งั้นป้าไม่สบายใจ”
“ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกันนะครับถ้ารับเงินของป้ามา ผมผิดที่เดินใจลอยไม่ทันระวัง เดินตัดหน้ารถของป้าเองด้วยซ้ำ ป้าอย่าบังคับคนเจ็บเลยครับ”
“เอาอย่างนั้นเหรอลูก งั้นหนูอยู่ห้องไหนคะ ป้าจะได้ซื้อผลไม้ขนมอะไรไปให้”
“3505 ครับ”
“งั้นป้าไปทำงานก่อนนะคะ หายเร็วๆนะคะน้องปลื้ม”
“ครับ”
ผมกำลังจะเดินเข้าคอนโดฯ ก็พอดีกับที่เบนซ์สปอร์ตสีดำป้ายทะเบียนคุ้นตามาจอดขวางตรงหน้า ก่อนหน้าตาซีดเผือดของพี่โปรดจะโผล่มาให้เห็น ตามมาด้วยลุงชมที่ลงจากรถมาด้วยกัน
พี่โปรดคว้าผมไปกอดไว้แน่น ไม่กลัวว่าเสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังของตัวเองจะเปื้อนเลือดจากเสื้อผมเลยสักนิด ก่อนจะถามว่า “เจ็บตรงไหน ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้ เจ็บตรงไหนปลื้ม บอกพี่สิ”
เคยเป็นมั้ยครับ...เวลาเราเจอคนที่เรารักหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาแล้วเค้าเข้ามาถามเราว่า เจ็บตรงไหน ด้วยสีหน้าที่อยากจะเจ็บแทนเรา มันทำให้น้ำตาไหลออกมาได้ง่ายๆ เลย
“เด็กโง่” สัมผัสนุ่มๆ ตรงหน้าผากผมช่วยหยุดน้ำตาผมได้แทบจะทันที พี่โปรดในเวลานี้อ่อนโยนมาก
“ลุงชมครับ ช่วยเอารถไปเก็บให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ผมจะพาน้องไปพักผ่อน”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณปลื้มไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวลุงเอากุญแจไปให้ที่ห้องนะครับ”
“ขอบคุณมากครับลุง”
พี่โปรดพาผมขึ้นมาบนห้อง แล้วหากรรไกรมาตัดเสื้อทิ้งเลยครับ เพราะผมถอดไม่ได้ แถมมันยังเปื้อนเลือดแบบที่ซักยังไงก็คงซักไม่ออกอีกด้วย จากนั้นพี่โปรดก็ตรวจดูตามร่างกายผม หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนตอนอ่านหนังสือก่อนสอบไม่มีผิด
“พี่เกือบช็อคตายรู้บ้างมั้ย” พี่โปรดว่าเสียงเบาพลางเช็ดตัวให้ผม สีหน้ายังไม่คลายกังวล
ผมเห็นตาคู่สวยของพี่โปรดแดงก่ำแล้วก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอีก ทำไมพี่ถึงทำหน้าแบบนั้น...ผมไม่อยากเห็นพี่ต้องเป็นแบบนี้เพราะผมเลย
เสี่ยโปรดคนเก่งของผมหายไปไหนแล้ว...
“ปลื้มแค่หัวแตก” ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยที่หางตาของพี่โปรดเบาๆ ก่อนเขาจะจับมือผมไว้แน่น
“ไม่ใช่แค่หัวแตก” พี่โปรดทำเสียงดุขึ้นมาทันที หน้าหล่อๆ นั่นก็นิ่งจนน่ากลัว เดาอารมณ์ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เลยตอนนี้
“พี่โปรด...”
“ครับ”
น่ารักจัง...ผมชอบพี่โปรดที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลย ไม่ชอบที่พี่ทำหน้าแบบเมื่อกี้เลยสักนิด ลองถ้าได้ทำหน้าอ่อนโยนแบบนี้นะ ผมอ้อนสักหน่อยขอดาวได้ดาวขอเดือนได้เดือน หึหึ
“ปลื้มเจ็บ”
“เจ็บตรงไหน...ตรงนี้รึเปล่า”
“อือ...อย่ากดแรงสิครับ”
“ไปโรงพยาบาลกัน พี่จะพาไป”
“ไม่เอา...ปลื้มไปมาแล้ว แค่ช้ำนิดเดียว สองสามวันก็หาย”
พี่โปรดพยักหน้า นั่งลงข้างๆ ผมตามเดิม แขนแข็งแรงโอบรอบตัวผมเมื่อผมทำใจกล้าขึ้นไปนั่งบนตักของพี่โปรด แนบหน้าลงกับอกกว้างของพี่ก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลูบแขนพี่โปรดเล่นก็เพลินดี
“พี่โปรดกินน้ำเต้าหู้รึยัง”
“จะเอาเวลาตอนไหนกิน”
“อ้าว...งั้นปลื้มไปเทใส่แก้วให้นะ พี่โปรดเอาไว้ที่ไหนล่ะ”
“ทิ้งไปแล้ว”
“ทิ้งได้ไง คนเขาอุตส่าห์ไปซื้อให้” ถึงแม้ว่าถุงที่พี่โปรดได้รับจะฝากลุงชมไปซื้อให้ก็เถอะ
“ก็ทำหลุดมือ มันแตกแล้วไม่ให้พี่ทิ้งได้ไง”
“พี่โปรดอ่ะ -*-”
“ห้ามโกรธ”
“-*-”
“ปลื้ม...ไม่เอานะครับ ไม่โกรธพี่นะ”
เสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ใครเขาจะโกรธพี่โปรดลงล่ะ ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าพี่โปรดจะทำยังไง จะรำคาญผมที่งี่เง่าใส่รึเปล่าก็แค่นั้นเอง ผมพยักหน้ากับอกที่เต็มไปด้วยกล้ามของพี่โปรด ก่อนจะถูหน้าไปมาสูดดมความหอม
“วันนี้พี่โปรดมีนัดรึเปล่า”
พี่โปรดเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบว่า “มี”
“กี่โมง”
“สองทุ่ม”
“ไม่ไปได้รึเปล่า”
“ไม่ได้...”
ผมก็ไม่น่าถาม ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน นัดของพี่โปรดก็สำคัญกว่าคนอย่างผมเสมอ ความอ่อนโยนของพี่โปรดมักทำให้ผมลืมตัว
“พี่จะรีบกลับ...อย่าทำหน้าแบบนี้สิ”
ผมทำหน้าแบบไหนอยู่ไม่รู้หรอก แต่มันคงแย่น่าดู พี่โปรดจูบที่ริมฝีปากผม ดูดงับริมฝีปากล่างเบาๆ ไม่ยอมห่าง
“อย่างอแงครับ”
“ปลื้มไม่อยากให้ไป” พี่โปรดต้องรำคาญแน่ๆ แต่ผมแค่อยากจะเอาแต่ใจตัวเองบ้าง
“พี่รับปากไว้แล้ว เป็นนัดสำคัญด้วย...พี่ไม่ไปไม่ได้”
นัดกับคนนั้นของพี่ใช่มั้ยครับ...พี่ถึงเลือกจะทิ้งผมไว้...
ผมเลยนั่งเงียบ ซุกหน้าลงกับอกกว้างของพี่โปรดในขณะที่พี่โปรดถอนหายใจออกมา มือลูบแก้มผมเบาๆ
“หลับแล้วเหรอ”
ผมแกล้งหลับตา เพราะไม่อยากจะพูดหรือมองหน้าพี่โปรดในตอนนี้ พี่โปรดก็คงจะนึกว่าผมหลับไปแล้วจริงๆ เลยอุ้มผมแล้วเดินเข้ามาในห้องนอนวางตัวผมลงบนเตียง ห่มผ้าให้แล้วก็เดินออกจากห้องไป ...แค่ลืมตาขึ้นน้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้มันก็ไหลลงมา ผมพยายามเช็ดออกแต่มันก็ไม่หยุดไหล ผมไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา แต่ตั้งแต่ได้รู้จักกับพี่โปรดผมก็อ่อนแอลงทุกวัน ...ผมจะทำยังไงให้พี่โปรดรักผมบ้าง ผมก็ยังคิดไม่ออก ถึงผมจะรับรู้ได้ถึงความห่วงใย ความใส่ใจเรื่องของผม แต่นั่น...เพราะความผูกพันธ์ที่มีให้กับคนที่อยู่ด้วยกันทุกวันรึเปล่า? ความคิดที่ว่าจะเป็นใครก็ได้ ถ้าเขามาอยู่ในฐานะเดียวกับผม เขาก็จะได้รับความใจดีจากพี่โปรดเหมือนกัน มันทำให้ผมทุรนทุรายใจไม่น้อย
...จะมีใครสามารถช่วยผมออกไปจากที่นั่งลำบากตรงนี้ได้บ้างนะ...ผมหวังจะเจอเขาจริงๆ ช่วยพาผมเดินไปจากพี่โปรดที...เพราะผมเดินจากไปเองไม่ได้...ผมยังไม่เข้มแข็งพอ...
........................................................To be continue....................................................
มาช้าไป ขอโทษค่ะ ไปกินหมูกะทะมา อิอิ มาพูดถึงเรื่องราวของน้องปลื้มกันดีกว่านะคะ
เพราะน้องรักเสี่ยมาก เลยทำให้เสี่ยได้ใจตลอด เสี่ยอาจจะไม่ได้รับบทลงโทษที่สาแก่ใจผู้อ่าน แต่เชื่อเถอะค่ะ...มันยังไม่ถึงเวลา

โมเม้นที่พยายามเข้มแข็งนี่ ผู้เขียนเคยเป็นมาก่อนค่ะ แบบเคยประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นไรมาก พยายามปลอบเพื่อนที่ก็ขับรถไปด้วยกัน แต่พอแม่โทรมาถามเท่านั้นแหละ ร้องไห้เลย แบบ ตกใจมาก ดีจังที่รอดมาได้อะไรประมาณนั้น น้องปลื้มก็ไม่ต่างกันเลยค่ะ *อย่ารู้สึกว่าน้องเจ้าน้ำตาเลยนะคะ*

แล้วคุณจะรักเสี่ยโปรดยิ่งๆ ขึ้น 55555
ปล. ถึงคราวที่ถึงจุดเปลี่ยน อย่าสงสารเสี่ยกันนะคะ *อย่าใจอ่อนนะ* (แต่ยังอีกตั้งหลายตอนแนะ) (เอ๊ะ
สปอยทำไม ฮาาา)
พรุ่งนี้เค้าดาวน์แล้วน้า อาจจะมาช้าหน่อย แต่มาแน่ค่ะ รอกันหน่อยน้าาาาาาาาาาา

ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่เอ็นดูเสี่ยกันมาหลายต่อหลายตอน
