ตอนที่ 4 “ทำไมช่วงนี้กูไม่เห็นมึงไปที่ตึกคณะแพทย์ เลยวะ เลิกทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์แล้วรึไง?” คุณติ๊กถามขึ้นในขณะที่พวกผมมานั่งกินข้าวกันที่โรงอาหารคณะเกษตรฯ
“ผมไม่ว่างนี่ครับ”
คุณติ๊กมองหน้าผมอย่างสงสัย ก่อนจะพูดว่า “มีอะไรก็บอกพวกกูได้นะเว้ย เดี๋ยวนี้มึงแม่งเงียบกว่าปกติ หน้าตาก็ซึมๆ หมองๆ”
“นั่นสิวะปลื้ม กูว่ามึงแปลกๆ นะ มีเรื่องไม่สบายใจป่าววะ หรือตังค์ไม่พอใช้ ยังไงยืมของกูก่อนก็ได้นะ” คุณเฟรนพูดเสริม ก่อนจะใจดีแบ่งลูกชิ้นให้ผมหนึ่งลูก แต่ผมก็คืนกลับไปให้คุณเฟรนเพราะผมไม่กินลูกชิ้นเนื้อ ผมแพ้เนื้อวัวน่ะ
“ผมไม่กินเนื้อครับ”
“เออว่ะ กูลืม โทษทีๆ”
ผมแบ่งน่องไก่ให้คุณเฟรนเป็นการขอบใจซึ่งเขาดีใจใหญ่เพราะผมจำได้ว่าคุณเฟรนชอบน่องไก่มาก ผมนั่งกินข้าวต่อไปเงียบๆ ฟังคุณกิมกับคุณติ๊กเถียงกันเรื่องฟุตบอลทีมโปรดของใครเจ๋งกว่ากัน โดยมีคุณเปรมช่วยเสริมคุณติ๊กเพราะเชียร์ทีมเดียวกัน จนคุณกิมเถียงสู้ไม่ไหวหันไปแกล้งแย่งน่องไก่ของผมจากคุณเฟรน
“ไอ้ปลื้ม...มือถือมึงสั่นเหรอ” คุณเปรมถามผมก่อนจะมองมาที่ถุงย่ามที่วางคั่นระหว่างผมกับเขา
“คงงั้นครับ” ผมค้นดูในย่ามโดยมีสายตาสี่คู่มองมาอย่างสงสัย
“มึงมีมือถือ?” คุณเฟรนละความสนใจจากน่องไก่เงยหน้าขึ้นถาม
“ไอโฟนเครื่องนี้...คุ้นๆ ว่ะ” คุณเปรมว่าเมื่อเห็นผมถือไว้ในมือ หน้าจอที่โชว์หราเบอร์โทรเข้าและชื่อผู้โทรทำเอาคุณเปรมอ้าปากค้างเล็กน้อยพลางมองหน้าผมไม่วางตา
“ไอ้ปลื้ม บอกกูมา นี่ของพี่โปรดใช่ป่ะ?”
“ใช่ครับ”
“อ้าว มึงจะไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอวะ”
ผมมองคุณเปรมอย่างไม่เข้าใจ คือผมต้องปฏิเสธทำไมครับ ก็ในเมื่อมันเป็นของพี่โปรดจริงๆ
“คือ...กูหมายความว่ากูนึกว่ามึงจะปฏิเสธ แม่งเล่นบอกง่ายๆ ก็ไม่สนุกดิวะ -*- แล้วพี่กูเขาให้มึงมา เขารู้เบอร์มึง แล้วตอนนี้เขายังโทรมา กูว่าแม่งชักแปลกๆ”
“นั่นสิ ขนาดพวกกูเป็นเพื่อนมึง มึงแม่งยังไม่บอกเบอร์พวกกูเลย แล้วพี่โปรดเป็นใครวะ ทำไมรู้ได้”
“ก็พี่เขาเป็นเจ้าของเครื่องนี่ครับ ซิมนี้เขาก็ซื้อ เขาจะไม่รู้ได้ไง ผมแค่ถูกยัดเยียดให้ใช้”
พวกคุณเปรมทำหน้าเอือมระอาใส่ผมก่อนจะหันกลับไปกินข้าวของตัวเองกันต่อ ...ผมปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นก่อนมันจะหยุดสั่นไปเองแล้วเริ่มสั่นขึ้นมาใหม่ พี่โปรดก็เป็นแบบนี้ บ้าบอ เขาจะโทรจนกว่าผมจะรับหรือไม่งั้นก็โทรจนแบ็ตหมดกันไปข้างนั่นแหละ ผมเดินออกมารับโทรศัพท์ใต้ต้นฉำฉาข้างโรงอาหารอย่างจำใจ
“ครับ”
“ทำไมเพิ่งรับ”
“ปลื้มกินข้าวอยู่ครับ”
“มาหาพี่หน่อย”
“เดี๋ยวปลื้มต้องเข้าเรียนแล้วครับ”
“ตอนเย็นก็ได้ ไม่นานหรอก”
“ปลื้มต้องทำงาน”
“พี่บอกให้เลิกทำแล้วไม่ใช่เหรอ”
ผมเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป ตั้งแต่วันที่ผมไปนอนที่คอนโดฯพี่โปรดก็ผ่านมาแล้วห้าวันที่ไม่ได้เจอพี่โปรดอีกเลย เพราะพี่โปรดเรียนหนักแถมยังมีสอบย่อยวันเว้นวัน ต่อให้โทรมาก็ไม่ใช่ว่าผมจะรับสายทุกครั้งหรอก พอโดนถามผมก็บอกว่าแบ็ตหมดบ้าง ไม่ได้พกติดตัวบ้าง แล้วแต่จะคิดหาอะไรมาอ้าง ผมรู้ว่าพี่โปรดไม่เชื่อ แต่เพราะไม่ว่างจะบีบผม พี่ท่านถึงทำได้แค่ตะคอกผ่านสายโทรศัพท์มาพร้อมกับคาดโทษไว้
“ปลื้มต้องใช้เงินครับพี่ ไม่ทำงานปลื้มก็ไม่มีเงิน”
“ก็พี่บอกว่าไม่มีให้มาเอาที่พี่”
“พี่โปรดไม่เข้าใจ...”
“พูดไม่รู้เรื่อง!”
“ปลื้มต้องไปเรียนแล้วครับ”
“อยู่ไหน”
“ทำไมครับ”
“พี่ถามว่าอยู่ไหน”
“โรงอาหารคณะเกษตรฯ ครับ”
“เออ เดี๋ยวพี่ไปหา”
“พี่โปรดไม่ต้องมา”
“ถ้าพี่ไปแล้วไม่เจอ ปลื้มก็รู้ว่าจะโดนอะไร”
“ครับ...งั้นปลื้มจะรอ”
ผมเข้าไปเอาถุงย่ามของตัวเองพร้อมกับบอกพวกคุณเปรมว่าให้ไปเจอกันที่ห้องเรียนเพราะผมมีธุระต้องไปทำ ผมออกมายืนรอที่ซุ้มเฟื่องฟ้าหน้าโรงอาหาร ซื้อน้ำเปล่าหนึ่งขวดแล้วนั่งรอพี่โปรด ไม่นาน BMW สีดำที่ตอนนี้พี่โปรดขับมาเกินห้าครั้งแล่นมาจอดไม่ไกล พี่โปรดไลน์มาบอกให้ผมไปขึ้นรถ พอผมขึ้นไปนั่งก็รีบขับออกมาทันที
“ปลื้มมีเรียนนะครับ พี่โปรดจะไปไหน”
“พาปลื้มไปลาออกไง”
“พี่โปรดจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ”
“มีอะไรที่พี่ทำไม่ได้บ้าง?”
“นี่มันเรื่องของปลื้ม มันเป็นสิทธิ์ของปลื้ม พี่โปรดกำลังก้าวก่าย”
“อย่ามาชวนทะเลาะ”
“ก็มันจริง!”
“อย่าให้พี่โมโห ตัวปลื้มเป็นของพี่ ทุกอย่างของปลื้มพี่มีสิทธิ์!”
ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่อ้างสิทธิ์ในตัวผมอย่างหน้าด้านๆ นับวันพี่โปรดในสายตาผมก็ยิ่งแย่ ความประทับใจเมื่อแรกเจอจืดจางลงไปทุกที
“ปลื้มเกลียดพี่”
“หยุดพูด”
“ปลื้มไม่หยุด! ปลื้มเกลียดพี่!! เกลียดมากด้วย!”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะปลื้ม!”
พี่โปรดดูโมโหมาก ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...ก็ดีครับ รถคว่ำตายไปซะได้ก็ดี ชีวิตผมมันเฮงซวยเกินไป!
ตอนนี้ผมเลือกที่จะเงียบเพื่อดูว่าพี่โปรดจะพาผมไปที่ไหน แน่นอน...ไม่พ้นที่ทำงานผมทั้งสองที่ ความนิ่งเงียบของพี่โปรดทำให้ผมไม่กล้าขัดความต้องการของเขา เอาเถอะ อยากจะทำอะไรก็ทำ ผมมันขัดขืนอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่
จัดการลาออกตามประสงค์ของพี่โปรดแล้วผมก็ถูกพามาที่คอนโดฯ พี่โปรดทำหน้านิ่งในขณะที่ลากผมให้เดินตาม บีบแขนผมจนเจ็บแต่ผมก็ไม่กล้าท้วง รู้เลยว่าถ้าพูดงี่เง่าอะไรออกไปตอนนี้ผมตายแน่ๆ
“ต่อไปมาอยู่กับพี่ที่นี่”
“ไม่เอา”
“พูดว่าไงนะ” พี่โปรดถามผมอีกครั้ง พร้อมกับนัยน์ตาคู่สวยที่กดดันจนผมต้องเปลี่ยนคำตอบ
“ครับ” พี่โปรดยิ้มอย่างพอใจ ลากผมให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน
“ตอนเย็นพี่จะพาไปเอาของที่ห้อง”
“ครับ”
พี่โปรดยีหัวผม ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผาก ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ ในหัวมีแต่ความไม่เข้าใจในการกระทำของพี่โปรด
“ปลื้มมีเรียนบ่ายสอง”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง แต่ขอนอนก่อน”
“ครับ...งั้นปลื้มไปรอข้างนอก”
“ไม่ต้องไปไหน อยู่นี่แหละ”
ผมจะทำอะไรได้ เขาบอกให้อยู่ผมก็ต้องอยู่ พี่โปรดนอนจริงๆ แค่ไม่กี่นาทีก็ลุกมาหาเศษหาเลยกับร่างกายของผม ผมไม่ได้ขัดขืนหรือร้องตะโกนบอกให้พี่โปรดหยุด ผมแค่อยู่นิ่งๆ พยายามกลั้นเสียงแปลกๆ ของตัวเองให้ได้มากที่สุด พี่โปรดอ่อนโยนมากเพราะผมทำตัวดี ไม่รุนแรงเหมือนครั้งที่ผมแทบจะลืมว่าการเดินปกติเขาเดินกันยังไง
“พี่โปรด...พอแล้วครับ เดี๋ยวปลื้มไปเรียนไม่ทัน” ผมบอกพี่โปรดที่นอนทับอยู่บนตัวผมโดยที่ช่วงล่างก็ยังคาราคาซังกันอยู่ ก็พี่ท่านเสร็จไปตั้งไม่รู้กี่รอบแต่ไม่ยอมออกห่างจากตัวผมสักที -*-
“หายเกลียดพี่รึยัง?”
ผมมองหน้าพี่โปรดอย่างไม่เข้าใจคำถาม “หมายความว่าไงครับ?”
“ก็ปลื้มบอกว่าเกลียดพี่...”
“อ๋อ...”
“หายเกลียดรึยัง?”
ไอ้อาการเกลียดนี่แถวบ้านพี่โปรดคงหายง่ายๆ ใช่มั้ยครับ? ปัญญาอ่อนป่ะเนี่ย - -*
“ครับ” ก็ตอนนั้นที่พูดไปมันโมโห ผมแค่รู้สึกแย่มากแต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดหรอก ผู้ชายคนแรกที่ผมเฝ้าติดตามเขาตลอดสองเดือน ทุกวันต้องได้เห็นหน้า ทุกคืนก่อนนอนต้องคิดถึง ฉะนั้นผมไม่มีทางเกลียดพี่โปรดลงหรอกครับ แค่ว่าความรู้สึกมันอาจจะจืดจางลงไปทีละเล็กทีละน้อยแค่นั้น
“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ พี่ไม่ชอบ”
“จะระวังครับ”
พี่โปรดดูจะไม่ถูกใจกับคำตอบรับของผมเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร คงเบื่อจะเถียงกับผมมั้งครับ พี่โปรดก้มลงจูบที่ซอกคอผม ดูดแรงๆ หลายที ในขณะที่ช่วงเอวก็ขยับช้าๆ
ครืด...ครืด...ครืด...
การสั่นของมือถือทำให้พี่โปรดหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนมือเรียวยาวจะยื่นไปหยิบไอโฟนบนโต๊ะข้างหัวเตียงมากดรับ ไม่ใช่ไอโฟนของผมหรอกครับ เพราะคนที่รู้เบอร์ผมมีแค่พี่โปรดคนเดียว...คงไม่มีใครโทรหาผมเวลานี้แน่
พี่โปรดยกนิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่หยุดทำบ้าๆ กับผมเสียที ผมเบือนหน้าไปมองผ้าม่านสีดำผืนใหญ่ที่กั้นแสงแดดยามบ่ายไม่ให้ส่องเข้ามาในห้อง
“ครับ...น้องเจน”
“....”
“เย็นนี้เหรอ? อืมมมม...ว่างสิครับ”
“....”
“อยากไปไหนครับคนดีของพี่”
“....”
“งั้นหกโมงพี่ไปรับหน้าตึกนะครับ”
“....”
“ตอนนี้พี่ติดธุระอยู่ครับ ไปหาไม่ได้...เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้เจอกันแล้ว อย่างอแงสิครับ ครับ ตั้งใจเรียนนะครับ”
พี่โปรดวางสาย โยนไอโฟนลงบนที่นอนข้างๆ ผม ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมทั้งสองข้าง
“เย็นนี้พี่ไม่ว่าง ปลื้มเลิกเรียนแล้วกลับมารอพี่ที่ห้องนะ”
“ครับ”
“ไว้ดึกๆ พี่จะพาไปกินข้าว รอกินข้าวพร้อมพี่นะครับ”
ผมพยักหน้า ก่อนจะบอกพี่โปรดเสียงเรียบอย่างพยายามซ่อนความรู้สึกปวดแปลบในใจ “รีบๆ ทำเถอะครับพี่ เดี๋ยวปลื้มไปเรียนไม่ทัน”
ผมถอดแว่นตาออกเพื่อจะได้มองไม่เห็นหน้าพี่โปรด พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ
...คนอย่างผมคงเป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ของพี่ใช่ไหมครับ...
.
.
.
ผมเข้าเรียนสายไปห้านาที แต่โชคดีที่อาจารย์ท่านยังไม่เข้าสอน คุณเฟรนกวักมือเรียกผมให้เข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างตัวข้างๆ ที่คงจะจองไว้ให้
“หายไปไหนมาวะ?” คุณกิมที่นั่งอยู่อีกข้างของคุณเฟรนถามขึ้นทันทีที่ผมนั่งลง
“กลับไปเอาของที่หอครับ”
“แน่ใจ? เอาของบ้าอะไรรอยดูดเต็มคอขนาดนี้” คุณเปรมว่าพลางจ้องมาที่คอผม ผมเลยยกมือปิดเล็กน้อย รู้หรอกครับว่าไม่ทัน แต่จะให้ทำไงได้ ผมก็ว่าเสื้อนิสิตที่กลัดกระดุมคอเม็ดบนสุดจะช่วยปิดได้แล้วเชียวนะ
“ไอ้เหี้ยนี่มีไรก็เงียบ มึงไม่คิดจะบอกอะไรพวกกูเลยเหรอวะ ห้ะ! ขัดใจแม่ง” คุณเปรมว่าพลางถีบเก้าอี้ตัวข้างหน้าอย่างหัวเสีย ดีที่เก้าอี้ตัวนั้นไม่มีคนนั่ง ไม่งั้นคงได้มีเรื่องกันไปแล้ว
“ไอ้เปรม ไม่เอาน่า ไอ้ปลื้มมันยังไม่พร้อมจะบอกก็รอมันก่อนสิวะ” คุณกิมช่วยพูดแทนผมที่นั่งเงียบไม่ได้สนใจว่าคุณเปรมจะดูโมโหขนาดไหน
“ถ้ารอมันบอกก็คงชาติหน้า พอพี่กูโทรมาแม่งก็หายไป กลับมามีแต่รอยดูด มึงจะให้กูคิดไงวะ บอกกูมาไอ้ปลื้ม มึงออกไปกับพี่กูมาใช่มั้ย!”
“ไอ้เปรมลดเสียงหน่อยสิวะ มึงจะให้คนอื่นเขารู้เรื่องด้วยรึไงเล่า ไอ้ห่านี่”
“เออ โทษทีว่ะ หงุดหงิดแม่ง!”
ผมมองเพื่อนแต่ละคนที่ดูก็รู้ว่าเป็นห่วงผมมากแค่ไหน แต่ผมแน่ใจว่าเรื่องของผมกับพี่โปรดไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาเล่าให้ใครฟัง เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือพี่โปรดที่ผมกล้าฟันธงว่าคงไม่อยากให้ผมเปิดเผยความสัมพันธ์ทุเรศๆ นี้ เขาต้องการตัวผมเพื่อมีเซ็กส์ เฉพาะเวลาที่อยาก...เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจที่จะเอาไปประกาศให้ใครรู้หรอก
“ไม่เกี่ยวกับพี่โปรดหรอกครับ”
“แล้วรอยนี่ใครทำ”
“แฟนผมสิครับ...เราคบกันได้สักพักแล้ว”
“ห้ะ!!!!” ทั้งสามคนร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ ก่อนจะมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อ
“มึงมีแฟน! สัดหมา กูจะบ้า! มึงไปมีตอนไหน เป็นใครวะ อายุเท่าไหร่ คณะอะไร กูรู้จักไหม มึงบอกมา บอกมาให้หมดดดด!” คุณเฟรนรัวคำพูดใส่หน้าผม ก่อนจะเขย่าตัวผมหลายทีจนผมมึน
“ไอ้เฟรนๆ ใจเย็นๆ ฟังไอ้ปลื้มมันก่อน” คุณกิมเข้ามาแยกตัวคุณเฟรนออกไป ส่วนผมได้แต่นั่งหอบกับแรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” คุณเปรมถามเสียงเข้มขึ้นมา
“ผู้หญิงครับ”
“อู้วววววววววววววววว! ไอ้ปลื้มมมม กูว่ามึงคงเจอแม่เสือสาวเข้าแล้ว ไหนมึงบอกว่าผู้หญิงควรโชว์ของดีในวันแต่งงานไงวะ นี่มึงก็เข้าข่ายชิงสุกก่อนห่ามดิไอ้สัด”
“ความคิดคนเรามันเปลี่ยนกันได้ครับคุณเฟรน”
“บ๊ะ! สงสัยแม่งลีลาเด็ดจริง ขนาดทำไอ้มหาตบะแตกได้ ว่างๆ มึงพามาให้พวกกูรู้จักด้วยสิวะ”
“ไม่ค่อยว่างหรอกครับคุณกิม เค้าเรียนหนักน่ะ”
“ก็รอให้ว่างสิ เนอะไอ้เปรม”
“เออ! กูจะรอดูนะไอ้ปลื้ม ว่าแม่เสือสาวของมึงจะหน้าสวยหรือหน้าหล่อ หึ!”
ดูก็รู้ว่าคุณเปรมไม่เชื่อผมหรอกครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะทำให้เชื่อสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผม ผมตั้งใจเรียนจนถึงห้าโมงเย็นก็เก็บของเตรียมตัวกลับหอ วันนี้ผมไม่ต้องรีบร้อนเหมือนทุกครั้งที่เลิกเย็นขนาดนี้เพราะไม่ต้องไปทำงานที่ไหนอีกแล้ว
“เดี๋ยวกูไปส่ง” คุณเปรมพูดขึ้นก่อนจะคว้าย่ามของผมไปถือ
“หอผมอยู่คนละทางกับคอนโดคุณเปรมนะครับ”
“ที่ทำงานมึงทางเดียวกับคอนโดกู”
“อ๋อ...ครับ”
ผมบอกลาคุณเฟรนกับคุณกิมที่บอกว่าจะไปรับคุณติ๊กไปกินข้าวด้วยกันก่อน จากนั้นก็เดินตามคุณเปรมไปที่จอดรถ รถของคุณเปรมไม่ได้ดูเวอร์เหมือนของพี่โปรดที่ราคาแต่ละคันหลายสิบล้าน ผมเห็นคุณเปรมขับมินิคูปเปอร์สีขาวคันนี้มาตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักกันใหม่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่รถที่ผมมีปัญญาซื้อขับในตอนนี้หรอกครับ
“ไอ้ปลื้ม...มึงรู้ใช่ป่ะว่ากูไม่เชื่อเรื่องที่มึงบอกว่ามีแฟน”
ขณะรถกำลังติดไฟแดงประมาณสองร้อยกว่าวินาที ซึ่งผมก็ได้แต่สาปแช่งการจราจรไทยที่เวลานี้มักจะเคลื่อนตัวลำบาก แม่งติดกันยาวเป็นพรืด แถมคุณเปรมยังวกเข้าเรื่องที่ผมไม่อยากพูดถึงอีก
“พอจะรู้ครับ”
“กูเป็นห่วงมึงนะ...กูพอจะรู้ว่าใครเป็นคนทำรอยมึง”
“....”
“พี่ชายกูไม่ใช่คนที่มึงควรจะเสียเวลาด้วย มันเป็นพี่ชายที่ดีกับกูมาก แต่ในฐานะอื่นแล้วมันก็ผู้ชายเหี้ยๆ คนหนึ่ง ออกจะเหี้ยกว่าคนธรรมดามากหน่อยเพราะหน้าตามันดี มีคนเข้าหามันเยอะ มีคนเสียใจเพราะมัน แทบเป็นบ้าเพราะมัน และกูก็ไม่อยากให้หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนกู มึงเข้าใจที่กูพูดใช่ป่ะ”
“เข้าใจครับ...แต่ผมจำเป็น”
“จำเป็นอะไร? กูรู้ว่ามึงชอบมัน แต่ปลื้ม...มึงเข้าใจป่ะว่า พี่ชายกูกับมึง...มันเป็นไปไม่ได้”
“ผมรู้เรื่องนี้ดีครับ...ผมกับพี่โปรดเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
คุณเปรมคลายสีหน้ากังวลลงเล็กน้อย หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะพูดขึ้นว่า “มึงจะเลิกยุ่งกับพี่กูใช่ป่ะ”
“ผมจะเลิกก็ต่อเมื่อพี่โปรดไม่ต้องการผม”
“มึงแม่งดื้อ เข้าใจที่กูพูดจริงๆ ป่ะเนี่ย”
“ผมไม่มีทางเลือกครับคุณเปรม...”
ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ ในเมื่อพี่โปรดยังมีคลิปของผมอยู่ ไม่มีทางไหนที่ผมจะขัดคำสั่งเขาได้หรอก...
คุณเปรมส่งผมลงตรงหน้าร้านที่ผมเคยทำงานอยู่ ก่อนจะกำชับให้ผมไปคิดดูดีๆ อีกทีแล้วขับรถออกไป พอท้ายรถของคุณเปรมลับตา ผมก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย แวะร้านเค้กที่ผมคิดว่าถ้าว่างจะเข้ามาอุดหนุน แต่ที่ผ่านมาก็ติดที่ว่าผมต้องทำงานบ้าง ไม่มีเงินบ้างเลยไม่ได้มีโอกาสมาสักที แต่วันนี้ผมว่างแล้วแถมกระเป๋ายังเต็มไปด้วยเงินที่พี่โปรดคงเอาใส่กระเป๋าให้ ไม่รู้ว่าใส่ไว้ตอนไหนเหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ...ในเมื่อเขาอยากให้ผมใช้ ผมก็จะใช้ซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองก็แล้วกัน
“ยินดีต้อนรับครับ...” ผู้ชายในชุดฟอร์มของทางร้านเดินมาต้อนรับผม รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าดูดีทำให้ผมขยับยิ้มตอบกลับไป
“หนึ่งท่านนะครับ”
“ครับ...”
ผมถูกพาไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มองเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ของทางร้านที่ตกแต่งไว้อย่างดี
“ผมก็เรียนอยู่มหาลัยนี้นะ คุณเรียนคณะอะไรครับ”
“วิศวะคอมฯ ครับ ปี 1”
“รุ่นน้องคณะเดียวกัน แต่พี่เรียนอยู่ภาคโยธาน่ะปี 4 แล้ว เพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรกเหรอ”
“ครับ”
“พี่ชื่อเขมนะ น้องชื่ออะไรอ่ะ”
“ผมปลื้มครับพี่”
“งั้น...สั่งอะไรดีครับน้องปลื้ม ร้านนี้เค้กอร่อยทุกชิ้นเลยนะ แต่พี่แนะนำมะพร้าวนมสด อร่อยมากกกกก พี่แขพี่สาวพี่เป็นคนทำเอง รับประกันความอร่อย!”
“งั้นผมเอามะพร้าวนมสดก็แล้วกันครับ แล้วก็ขอโกโก้ปั่นอีกแก้ว”
“เพิ่มวิปปิ้งมั้ย?”
“ครับ”
พี่เขมยิ้มรับก่อนจะนำออเดอร์ไปให้พี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์ที่ผมได้ยินพี่เขมเรียกว่าพี่แข คงจะเป็นพี่สาวที่พูดถึงและเป็นเจ้าของร้านเค้กนี้ด้วย ก่อนจะเดินมานั่งคุยกับผมอย่างออกรสออกชาติเหมือนกับว่ารู้จักกันมานานแรมปี ผมยิ้มบ้าง เออๆ ออๆ กับพี่เขาบ้างตามประสาคนพูดไม่เก่ง แกก็บ่นของแกไปเรื่อยล่ะครับ ผมไม่รู้สึกรำคาญหรอกก็สบายหูดีเพราะเสียงของพี่เขมน่าฟังมาก แถมเวลายิ้มตาก็จะเป็นประกายวิบวับอย่างน่ามอง
“ตอนนี้พี่ก็เซ็งๆ แฟนเรียนหมอไม่ค่อยมีเวลาให้ ยิ่งหมอปีสุดท้ายยิ่งแล้วใหญ่ แทบจะตายจากกันเลยทีเดียว” พี่เขมบ่นถึงแฟนที่เรียนอยู่ที่เดียวกันแต่ดันไม่มีเวลาให้ แต่หน้าตาแกก็ดูมีความสุขดีนะครับเวลาพูดถึงแฟน ไม่ได้จะเซ็งอย่างที่ว่านักหรอก
“พี่ก็เป็นห่วงเค้านะ เรียนหนักจนไม่มีเวลาพัก ขึ้นวอร์ดอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ก็พยายามเข้าใจเค้าอยู่หรอก แถมเค้ายังเครียดเรื่องน้องชายที่หนีออกจากบ้านอีก ก็ไม่รู้จะช่วยเค้ายังไงเหมือนกัน”
“แค่พี่เขมช่วยเป็นกำลังใจให้ ผมว่าแค่นั้นก็พอแล้วนะครับ” ผมยิ้มกับความเป็นห่วงเป็นใยแฟนของพี่เขมที่ดูจะล้นออกมาจนสังเกตุเห็นได้ง่ายจากทางสีหน้า
“คนอย่างพี่ก็คงทำได้แค่นี้แหละ พี่มันก็แค่วิศวะจนๆ ไม่รู้ว่าเค้าจะทิ้งวันไหนด้วยซ้ำ”
พี่เขมตัดพ้อชีวิตให้ผมฟังอีกยกใหญ่ ดูเหมือนแฟนที่พี่เขมรักนักรักหนาจะสูงส่งปานนางฟ้า ครอบครัวร่ำรวยจนความต่างชั้นปรากฎชัด แถมฝ่ายหญิงเขาก็ยังมีคู่หมายที่ทางผู้ใหญ่จัดหาให้อยู่แล้วด้วย อืม...ดูพี่เขาจะเจอปัญหาหนักกว่าผมมากเลยนะ
“ผมเชื่อว่าฐานะไม่ได้บอกถึงความเหมาะสมหรอกครับ พี่เขมก็มีดีของพี่เขม ผมว่าพี่ผู้หญิงคนนั้นเขาต้องรู้สึกโชคดีมากแน่ๆ ที่ได้เป็นคนรักของพี่เขม”
“คงไม่รู้สึกโชคดีเท่ากับการได้เป็นคู่หมายของผู้ชายอย่างไอ้มาโปรดหรอก”
ชื่อของพี่โปรดทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พี่เขมที่ดูจะท้อแท้กับชีวิตจนขุดไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังชวนผมคุยได้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่เลย
“ผมว่าพี่เขมมีดีกว่าผู้ชายอย่างนั้นนะ”
“ก็มีแต่ปลื้มนี่แหละที่พูดอย่างนี้ พี่กลัวเค้าจะเปลี่ยนใจอยู่เหมือนกัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไอ้มาโปรดแล้วจะไม่หลงรักหรอก ยิ่งเรียนคณะเดียวกัน เป็นสายรหัสกันพี่ยิ่งหวั่น”
ผมมองพี่เขมอย่างเห็นใจ...ต้องดีขนาดไหนถึงจะชนะพี่โปรดได้ผมก็ยังคิดไม่ออก ผู้ชายคนนั้นเพียบพร้อมเกินไป ไม่มีผู้ชายคนไหนคิดจะแย่งผู้หญิงที่เขาควงเลยสักคน เขาก็เหมือนพระอาทิตย์ที่จะเผาไหม้คนทุกคนที่เข้าใกล้ ร้อนแรงเกินไป ส่องสว่างเกินไป
“ไอ้เขมมมมมม!! ชวนลูกค้าคุยอีกแล้ววววว แกอู้งานเหรอออออ พี่จะตัดค่าขนมแกนะ!”
พี่เขมทำหน้าเซ็งๆ กับเสียงตะโกนจากหลังเคาท์เตอร์ของพี่แข ลูกค้าที่นอกจากโต๊ะผมแล้วก็ยังมีอีกสองสามโต๊ะหัวเราะเบาๆ คงจะชินกับเสียงดุน้องชายของพี่แขแล้วล่ะมั้งครับ
“ขอคุยกับน้องร่วมคณะก่อนไม่ได้รึไงเล่า! พี่แขมีอะไรก็ไปทำสิ”
“หน็อยยย ไอ้เขมมมม แกกล้าสั่งพี่เหรอ เดี๋ยวเจอๆ”
พี่แขเดินมาถึงโต๊ะผมอย่างไว ก่อนจะบิดหูพี่เขมที่ร้องโอดโอยอย่างไม่ไว้ฟอร์ม ผมหัวเราะเบาๆ กับสองพี่น้องตรงหน้า พลางนึกไปถึงพี่สาวเพียงคนเดียวของผมที่ตอนนี้คงจะหน้าดำคร่ำเครียดอยู่แผนกไหนสักแผนกในโรงพยาบาล
“อร่อยมั้ยคะ? นี่เป็นสูตรเฉพาะของพี่เลยนะคะ ทานเยอะๆ น้า” รอยยิ้มสวยๆ มาจากพี่แขที่มือยังบิดหูพี่เขมไม่ยอมปล่อย
“อร่อยมากครับ” ผมยิ้มตอบกลับไป มองพี่แขที่บ่นพี่เขมไปเรื่อยเปื่อย ...นี่คงเป็นพี่สาวที่ผมฝันอยากจะมี พี่ยินดีของผมเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห่ามสักหน่อย เมื่อก่อนเราสนิทกันมากแต่มาเริ่มห่างกันเมื่อตอนที่พี่เริ่มเรียนหมอ เวลาที่เคยใช้พูดคุยกันกลับเปลี่ยนเป็นเวลาอ่านหนังสือของพี่ ช่วงเวลาที่ผมออกจากบ้านก็เป็นเวลาที่พี่ยินดีไปฝึกงานอยู่โรงพยาบาลแถวภาคเหนือ ผมจึงออกจากบ้านมาอย่างครบสามสิบสองประการ ไม่ถูกหักแขนหักขาไปซะก่อน
“อยู่รอเจอแฟนพี่ก่อนป่ะ? เห็นว่าจะแวะมาหาพี่ก่อนเข้าเวร พี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับปลื้มด้วย”
“ไว้คราวหน้าดีกว่าครับพี่เขม วันนี้ปลื้มขอกลับก่อน มีงานที่ต้องทำส่งค้างอยู่น่ะครับ”
“งั้นพี่ขอเบอร์ปลื้มหน่อยได้ป่ะ เผื่อว่างๆ จะโทรไปคุยด้วย”
“ได้สิครับ”
ผมโทรเข้าเครื่องพี่เขม จากนั้นพี่เขาก็บันทึกเบอร์ผมไว้ พี่เขมยิ้มดีใจอย่างกับเด็กๆ พลางบอกผมว่าไม่ต้องจ่ายค่าเค้ก ถือว่าพี่เขมเลี้ยงซึ่งผมบอกปฏิเสธไปเพราะยังไงก็ของซื้อของขาย แต่พี่แขแกก็ไม่ยอมรับเงินจากผม ดังนั้นผมเลยจ่ายด้วยคำขอบคุณแล้วขอตัวกลับหอพัก คิดในใจว่าครั้งหน้าจะชวนพวกคุณเปรมมาอุดหนุนร้านของพี่แขอีก
...............................................To be continue..........................................
เสี่ย ต้องการอัลไลจากสังคม!! ตอบ!!! 55555
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นที่เอ็นดูเสี่ยกันทุกความคิดเห็นเลยนะคะ
ตอนนี้ใครยังต้องการเป็นเด็กเสี่ยอีกคะ *ชำเลือง*
เสี่ยโปรดเขายังจะรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นไปอีกนะคะ แนะนำให้ทำใจไว้ด้วย
พี่โปรด: อย่าดื้อนะครับ *ยิ้มเหี้ยม*
ตอนต่อไป...เตรียมรองเท้าขว้างหัวพี่โปรดกันได้เลยค่ะ
ปล. วันนี้ซวยจริง รถไฟฟ้าขัดข้อง แหมะ! ประเทศไทย
รักทุกคน