“ครูครับ...ไทไม่มีแม่ ไทเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ” คนพูดเอ่ยขึ้นพร้อมหน่วยตาแดงๆที่เกิดมาจากการเอามือไปขยี้ตามาก่อนหน้านี้
“...เกอร์คิดถึงแม่...ฮึก...” พอไทกอนเอ่ยขึ้น ไลเกอร์ก็เอ่ยตาม เด็กสองคนยืนจับมือกันแน่น ดูจากท่าทางพยายามจะกลั้นร้องไห้แล้วบัวอยากจะร้องตาม
“ไม่เอาลูก ไม่ต้องไปฟังผู้หญิงคนนั้นพูดนะครับ ไทกับเกอร์เป็นเด็กดีที่สุด และคุณแม่ของหนูก็ภูมิใจในตัวหนูมากด้วย”
“ฮึก...แต่เกอร์คิดถึงแม่...” ไลเกอร์ยังคงพูดย้ำคำเดิม บัวยื่นมือออกไปหา เด็กสองคนก็ค่อยๆเดินเตาะแตะเข้าไปกอด บัวทั้งหอมทั้งจูบเด็กทั้งคู่ที่ร้องไห้อยู่กับอกตัวเองด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ...ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่คนหนึ่งถึงทำร้ายจิตใจเด็กได้แบบนี้...
“บัวรู้สึกแย่มากเลยส้ม บัวไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาบ้านนี้อีก...”
“ส้มก็ไม่อยาก ส้มสงสารหลาน” ส้มเองก็เห็นด้วยกับบัว
“...บัวจะไปคุยกับนายเหมือง เขาไม่เคยรู้เลยรึไงว่าผู้หญิงคนนั้นทำร้ายจิตใจลูกเขายังไงบ้าง” บัวมองหน้าส้มอย่างแน่วแน่ เขาค่อยๆดึงเด็กน้อยทั้งสองลงไปนั่งที่เตียง ฝากฝังให้ส้มช่วยอยู่ปลอบเด็กๆแทนเขาก่อน ส่วนตัวเองก็จูบหน้าผากเด็กน้อยทั้งคู่แล้วบอกเดี๋ยวจะกลับมา
“ครูตาหวาน...ไม่เอา...” ไลเกอร์กับไทกอนมีอาการงอแงเล็กน้อย แต่กระนั้นเจ้าส้มก็เอาอยู่ พอสบโอกาสบัวจึงรีบลงมาด้านล่างของบ้าน และพบเจอกับภาพบาดใจนอกบ้านเมื่อหญิงสาวใจร้ายคนนั้นเอาหน้าอกไปเบียดชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของบ้าน ซ้ำยังเมื่อรู้ว่าเขามองอยู่ก็ยังอาจหาญยื่นหน้าขึ้นไปจูบแก้มเข้าอีก บัวกัดปาก ยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ไม่ดี แล้วยิ่งมาเห็นภาพนี้บัวก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
...แต่ที่อารมณ์ไม่ดีมากที่สุด ก็ตรงที่ชายหนุ่มไม่ยอมมีอาการปัดป้อง แต่กลับยินยอมให้หล่อนหอมแก้มเอาง่ายๆนี่ล่ะ...
...แล้วไหนบอกว่าชอบเรา...แต่ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะ...
บัวยืนกอดอกอยู่ตรงครัวเพียงลำพัง ใบหน้าหวานมีอารมณ์โกรธเคลือบฉาบไว้อยู่ ทว่าคนที่เข้ามาใหม่มองเห็นแต่เบื้องหลัง จึงทำให้กล้าเข้าไปสวมกอดร่างคุณครูตัวบางเข้ามาเต็มรัก ทว่าร่างผอมบางกลับเอามือผลักแขนหนาออกไม่ยอมให้กอดเหมือนทุกที
“นายเหมืองอย่ากอด...บัวไม่ให้กอด...”
“...บัว เป็นอะไรไปครับคนดี หรือว่า...บัวเหม็นเหงื่อพี่...” พร้อมกับที่พูด นายเหมืองก็หยิบเสื้อตัวเองตรงคอปกขึ้นมาดม งานของเขาไม่มีความจำเป็นให้ต้องใส่น้ำหอม เพราะใส่ไปก็ไม่รู้ว่าจะให้อิฐหินดินทรายมันช่วยกันดมได้ยังไง วันๆเนื้อตัวเขาจึงมีแต่กลิ่นกายกลิ่นเหงื่อ ครูตาหวานของเขาอาจจะไม่ชอบก็ได้
“เปล่า บัวแค่เหม็นกลิ่นน้ำหอม...ของผู้หญิงคนนั้น” เสียงแหลมอ่อนเอ่ยขึ้นแฝงความเย็นชาแผ่วเบา
“น้ำหอมผู้หญิง?...” สีหน้าคมเข้มมีท่าทางครุ่นคิด “หรือว่า...บัวเห็น...?”
“ตั้งใจจะปิดเหรอครับ? บัวไม่เห็นก็ได้นะ” น้ำเสียงบ่งชัดว่าเจ้าตัวไม่พอใจมากกับสิ่งที่เห็น ชายหนุ่มตัวสูงจุดยิ้มมุมปากก่อนจะโถมกายสวมกอดร่างคุณครูบัวเอาไว้เต็มอก คราวนี้คุณครูบัวยังคงมีท่าทีขัดขืนแต่ดิ้นไม่หลุด เพราะท่อนแขนหนักกอดเอาไว้แน่นไม่มีการออมมือให้อีกเหมือนครั้งก่อน
“ปล่อยเลย...ปล่อย” คุณครูหนุ่มพยายามจะอุทธรณ์ แต่ศาลที่เคารพไม่รับฟัง
“ไม่ปล่อย...หึงพี่เหรอ...บอกเลยนะกับคนอื่นน่ะพี่อนุญาตให้หึงได้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นน่ะยกเว้นได้เลย...เขาไม่มีค่าคู่ควรให้บัวต้องมาหึงเลยสักนิด”
“ทีพี่ยังหึงบัวกับพี่ฉัตรได้เลย...นั่นเขาก็เป็นแค่พี่ ไม่มีความจำเป็นต้องมาหึงกันเลยสักนิดเหมือนกัน” คุณครูหนุ่มช้อนตามองคนร่างสูงด้วยหางตา ก่อนจะก้มหลบมองไปทางอื่นเพราะยังไม่อยากมองใบหน้าคมปราบนั้นให้เต็มตาในตอนนี้ “หึ...ปากก็บอกว่ารักเรา แต่ก็ไปยืนล่อสาวให้เขามาหอมแก้ม ไม่มีปัดป้องเลยสักนิด”
“อ้อ ที่ปั้นปึ่งอยู่นี่เพราะโกรธแทนร่างกายพี่ที่ต้องยอมเปลืองตัวหรอกเหรอ โอเค...เรื่องนี้ยอมรับก็ได้ว่าผิดจริง แต่พี่มีความจำเป็นหรอกนะบัว อีกอย่างแม่คุณเธอก็ไวอย่างกับจรวด พี่เลยหลบไม่ทัน...”
“ความจำเป็นอะไรบัวไม่สนหรอก แต่ที่บัวโกรธแล้วก็ปั้นปึ่งใส่อย่างที่พี่บอก...ก็เพราะบัวไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่เพราะหึงพี่อย่างเดียวนะ แต่บัวไม่ชอบให้เขามายืนว่าลูกของบัวแบบวันนี้อีก พี่รู้มั้ยว่าเขาพูดกับเด็กๆยังไงบ้าง ขนาดบัวเป็นผู้ใหญ่บัวยังรับไม่ได้เลย...คราวหลังน่ะนะถ้าจะพบจะเจอกันก็ไปเจอกันที่อื่น อย่าพาเขามาที่บ้านนี้อีก อย่าให้เขามาเข้าใกล้ลูกบัว เพราะบัวไม่รับประกันหรอกนะ ว่าถ้ามีครั้งหน้าบัวจะไม่กลายเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ทำร้ายผู้หญิง...”
สีหน้าขู่ฟ่อราวสิงโตตัวเมียหวงลูกได้ใจนายเหมืองไปเต็มๆ ชายหนุ่มฉกริมฝีปากวูบลงข้างแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะมาจบลงที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่นหอมหวาน แม้ขนาดตอนโกรธแล้วเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เขาฉกลิ้นเข้าไปด้านในได้ แต่แค่และเล็มภายนอกก็ยังชื่นใจไม่สร่าง...คนคนนี้ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ
“...เอ๊ นายเหมือง! บัวกำลังโกรธอยู่นะ!!” พอเห็นอีกฝ่ายมองอารมณ์โกรธของเขาเสมือนเรื่องไม่เป็นเรื่องบัวก็ชักจะเริ่มโกรธขึ้นมาอย่างจริงจังจนถึงขั้นแอบขึ้นเสียง ทว่าคนยิ้มกริ่มยังคงยิ้มลอยหน้าต่อไปไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิด
“รู้ครับว่าโกรธ โกรธแทนลูกพี่ด้วยใช่มั้ย เอาน่า...เดี๋ยวเราขึ้นไปปลอบลูกพร้อมกัน สองคนนั้นไม่ใช่เด็กคิดเล็กคิดน้อย รับรองว่าคงเก็บเรื่องนั้นไปคิดไม่นานหรอก”
“อย่าไปคิดแทนเด็กหน่อยเลย ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นด้วยแท้ๆก็พูดได้สิ”
“ครับ โอเคพี่ผิด พี่ขอโทษ...พี่ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหาแม้ว่ามันจะยังไม่กระจ่างและมีหลักฐานมัดแน่นเพียงพอก็ตาม พอใจรึยังคนดี”
“อ๋อ...ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่าให้บัวไปยืนจูบกับพี่ฉัตรต่อหน้าแล้วกลับมาขอโทษกันก็หายแล้วงั้นสิ”
“เอาล่ะ พี่ว่าบัวเริ่มโกรธซ้ำซ้อนแล้วนะ...เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เหมือนกันนะครับ เอางี้...พี่จะยอมให้บัวลงโทษพี่เลย ดีมั้ย...อ่ะ ให้สองแก้มเลย แรงๆ...”
“ได้...ให้บัวต่อยได้ใช่มั้ย” ครูบัวยกมือบางขึ้นเตรียมจะต่อย ความจริงไม่ได้คิดจะต่อยหรอก หวังเอาแค่ตบให้พอมันส์มือเท่านั้น ทว่าอีกคนกลับยังเอียงหน้าแล้วหลิ่วตาให้อย่างไม่กลัวที่จะโดนทำร้าย
“ไม่ได้ให้ต่อย...แต่ให้ตบแทนได้มั้ย...”
“ตะ...ตบ...บัวจะ...ตบจริงๆนะ”
“เอาเลยครับ...แต่ว่าถ้าตบ...บัวก็ต้องยอมรับกฎของฉากแบบนี้นะ ว่าถ้าตบ...ก็ต้องโดน...จูบ” นายเหมืองไม่ยอมรอให้ต้องโดนตบก็เลยก้มลงไปบดจูบเสียก่อน บัวตาโตหาจุดโฟกัสบนใบหน้านายเหมืองไม่เจอเพราะมันใกล้มากเกินไป จนเมื่อเขาถอนจูบออกไปแล้วบัวก็ยังมองใบหน้าหล่อคมนั่นไม่ชัดเหมือนเดิม ทว่าด้วยอาการเขินอายก็เลยเผลอยกมือขึ้นไปตบแก้มเขาเบาๆทั้งสองข้างทีหนึ่ง
“บ้า...นายเหมือง! บัวยัง..ไม่ได้ตบเลยนะ”
“ไม่เป็นไรพี่แถมให้ นี่...ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ...อึ๊บ!”
“หวะ...หวา...” บัวร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆร่างเขาก็ถูกช้อนใต้ข้อพับขาขึ้นอุ้ม คนอุ้มเขาราวกับอุ้มนุ่นมองลงมาด้วยสายตาแวววาวบ่งบอกความต้องการอย่างไม่ต้องการปิดบัง และทางที่เขาอุ้มพาบัวเดินตรงไปนั้นก็ช่างน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกินเมื่อมันคือห้องน้ำรวมของบ้านที่อยู่ใต้บันได
“ดะ...เดี๋ยว นายเหมือง...บัว คือ..เด็กๆยังรออยู่ข้างบน...ละ...แล้วบัวก็ยัง..ไม่หายโกรธ”
“ก็กำลังจะทำให้หายอยู่นี่ไง...ฟอด” ใบหน้ารกตอเคราครึ้มบางๆฉกวูบเข้าที่ข้างแก้มนุ่มๆ กลิ่นเหงื่อเขาแทบไม่มีผลเลยเมื่อกลิ่นหอมเนื้อนุ่มของครูบัวกลบเสียหมด หอมแล้วหอมอีกเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที
“มะ...ไม่เอา...ไม่เอาที่นี่...นะ”
“แต่พี่ไม่ไหวแล้วนี่ครับ...นะ ไม่นานหรอก...”
พูดมาได้ว่าไม่นานหรอก...ตัวเองน่ะอึดออกจะตายไป อย่าหวังเลยว่าถ้าเอวเขาไม่หักคงไม่ได้ออกไปจากห้องน้ำนี้แน่
“ตะ...แต่เด็กๆ...”
“ส้มอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่เป็นไรหรอก...” เสียงพูดทุ้มหูเอ่ยชวนเชิญให้เขาคล้อยตาม มือก็เริ่มสาละวนอยู่กับขอบเสื้อและขอบกางเกง ซึ่งไม่นานมันก็หลุดลงไปกองที่ขาได้อย่างง่ายดาย บัวพยายามจะรั้งแล้วนะแต่สู้แรงเขาไม่ได้จริงๆ
“ที่รัก แยกขาหน่อยสิครับ...” ถึงเสียงทุ้มจะบอกบัวอย่างนั้น แต่บัวกลับไม่ต้องทำอะไรเลยเมื่อคนพูดกลับเป็นฝ่ายพลิกตัวบัวให้ไปเท้าแขนอยู่กับอ่างล้างหน้า แล้วจับขาบัวแยกออกจากกันด้วยตัวเอง
บัวพยายามเหลือบมองไปด้านหลังเพื่อจะได้รู้ว่าร่างกายตัวเองกำลังจะโดนอะไรบ้าง ทว่ากล้ามไหล่บวกกับใบหน้าหล่อเหลากลับเข้ามาปิดบังไว้ไม่ให้บัวเห็น ปลายคางถูกจับเอียงให้ยอมรับจูบจากคนคุมเกมส์ อารมณ์ที่มันบิดเบี้ยวเพราะทั้งโกรธทั้งงอนเขาก่อนหน้านี้เริ่มผสมปนเปกันไปหมด แล้วมันก็ค่อยๆถูกเป่าให้หายไปช้าๆเมื่อความอายและความซ่านเสียวค่อยๆก่อตัวขึ้น จากปลายนิ้วและปลายลิ้นที่พลิกพลิ้วไปทั่วทั้งร่างอย่างคึกคะนองในอารมณ์
“นะ...นายเหมือง ไป...คึกมาจากไหนเนี่ย”
“ก็พี่เพิ่งทำงานเสร็จ กลับมาเจอเมียงอนอยู่ในบ้านก็ต้องเอาใจกันหน่อยสิครับ...”
“แต่ขนาดนี้...ไม่ไหว บัวไม่ไหว...ไหนบอกว่า..จะแป๊บเดียวไง” คำพูดต่อกันไม่ติดเป็นประโยคเดียว เนื่องเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงจนหายใจติดขัด บัวรู้สึกว่าบทเล้าโลมของนายเหมืองในวันนี้ค่อนข้างรุนแรงและเน้นหนักในทุกๆสัมผัส จนบัวเริ่มที่จะยืนเท้าแขนตัวเองกับขอบอ่างล้างหน้าไม่ไหว
“บัว ถ้ายืนไม่ไหวก็เกาะแขนพี่ไว้นะ” คนได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องเอาสองแขนค้ำยันกับผนังคร่อมร่างคนที่ต้องรองรับเขาเอาไว้ มือเล็กๆของบัวพอเห็นหลักยึดก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจับ พันแขนตัวเองเอาไว้กับท่อนใหญ่แล้วสอดนิ้วมือประสานเข้าหา พิงศีรษะลงกับซอกคอที่กรุ่นกลิ่นเหงื่อและฟีโรโมนของเพศผู้ที่เข้มข้นจนแทบสำลักของคนทำงานกลางแจ้ง
นาทีนี้ไม่ยอมก็ต้องยอมแล้วล่ะ...เพราะห้ามก็คงไม่ไหว เมื่อตอนนี้ร่างกายหนุ่มแน่นของคนยืนซ้อนหลังกำลังสอดกายตัวเองเข้าหาบัวอย่างดุดัน แม้บัวจะร้องบอกว่าให้ช่วยผ่อนแรงลงหน่อยเขาก็ทำเพียงยืนนิ่งๆ พอได้จังหวะบัวหายใจออกเพื่อพยายามผ่อนคลายตัวเองชายหนุ่มก็ใช้จังหวะนั้นดันตัวเองเข้ามาอีก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้บัวคุ้นเคยอย่างเพียงพอ กระนั้นเขาก็ยังพยายามเดินหน้าไม่มีถอยหลังเพื่อถนอมก้นบัวเลยสักนิด
“...อ๊า...อยะ...อย่า...ฮ่ะ...ฮึ้ก...หนะ..นายเหมือง ไม่ไหว...บัวไม่ไหว..จริงๆ หยะ...”
“ที่รัก...เก่งมากเลยคนดี รับพี่เข้าไปหมดแล้วนะ ไม่เป็นไรครับพี่ยังไม่ขยับนะ อ่า...แต่..อย่าตอดแรงนักสิ ชู่ว...ไม่เอานะคนดี เงียบก่อนนะครับ มีคนเดินลงมาแน่ะ”
ในระหว่างที่บัวกำลังพยายามจะขยับเอวเพื่อให้การสอดประสานมันเข้าจุดที่ลดอารมณ์ของบัวได้ต่ำที่สุดนั้น ฝ่ามือสองข้างของบัวก็ถูกรวบเอามาจับเอาไว้ด้วยมือใหญ่ข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างคนพละกำลังเหนือกว่ากลับเอามาทาบนิ้วชี้เข้าที่ปากของบัว แล้วพยายามจะดุนดันมันให้เข้ามาให้ปาก คุณครูหนุ่มน้อยที่แพ้ทางเขาไปเสียทุกอย่างเริ่มยอมจำนนอย่างจริงจัง ยอมอ้าปากให้ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาหยอกกับลิ้นเขา ในขณะที่ด้านหลังสะโพกสอบก็เริ่มขยับหมุนวนเป็นวงกลม
“อ๊ะ..ฮึ้ก....อุก”
“ชู่ว...พี่บอกให้เก็บเสียงหน่อยไงคนดี เดี๋ยวก็มีคนรู้หรอกว่าเราสองคนอยู่ในนี้...” คนร่างสูงใหญ่กว่าเอ่ยซ้ำในขณะที่สะโพกก็ขยับวนไม่หยุด ...ทำกันแบบนี้ยอมให้บัวกัดลิ้นกลั้นใจตายไปเลยเถอะ จะให้บัวเงียบก็ช่วยหยุดขยับเอวก่อนได้มั้ย ทำแบบนี้นี่มันแกล้งกันชัดๆ
...ตึก...ตึก...ตึก... เสียงคนลงบันไดมาจากชั้นบนดังชัดเมื่อเสียงมันดังขึ้นแถวๆด้านบนศีรษะของบัวเอง คุณครูหนุ่มพยายามหยุดชะงักการเคลื่อนไหวทุกอย่างรวมทั้งเสียงของตัวเอง แต่คนสั่งให้เขาเงียบตั้งแต่แรกกลับไม่มีการให้ความร่วมมือด้วยใดๆทั้งสิ้น แม้บัวจะพยายามตอดรัดเจ้าท่อนใหญ่ยักษ์ในกายเพื่อให้มันหยุดขยับมากแค่ไหน ก็เหมือนจะกลายเป็นการกระตุ้นพ่อตัวดีมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายบัวจึงทำได้เพียงมองไปหาคนด้านหลังด้วยแววตาเว้าวอนให้สงสาร
‘เอ...หายไปไหนเนี่ย ไหนบอกจะลงมาแป๊บเดียวไง นี่นายเหมืองก็ไม่อยู่อีก ไปไหนกันวะ...’ เสียงเจ้าส้มดังแว่วมาจากหน้าประตู ...แย่แล้ว! ใกล้ขนาดนี้ ส้มคงจะได้ยินเสียงแปลกๆจากในห้องน้ำนี้แน่...
บัวหลับตาปี๋ นิ้วมือจิกลงบนมือใหญ่โตของนายเหมืองกะให้ได้เลือด แกล้งเขาดีนักก็ควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง แต่ปลายลิ้นแผ่วเบาที่แตะแล่บลงที่หลังใบหูก็ทำให้บัวสะดุ้งเฮือกจนตัวสั่นไปหมด อย่าเชียวนะ...อย่าให้บัวหลุดออกไปได้เชียว คราวนี้ต่อให้ทำธูปแพเทียนแพมากราบบัวก็จะไม่ยอมยกโทษให้แน่ๆ!...
‘หรือว่าออกไปข้างนอกกันเนี่ย...โทรถามพี่พุฒดีกว่า’ เสียงเจ้าส้มยังคงลอยเข้ามาให้ได้ยิน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตึงตังเหมือนคนกำลังเดินกลับขึ้นบันไดไปเหมือนเดิม
สายน้ำลายย้อยยืดยาวออกมาจากปลายนิ้วของนายเหมืองสิงห์ที่สอดเอาไว้ในปากนุ่มหวานของครูบัว น้ำตาสายเล็กๆที่ล้นปริ่มทำให้นายเหมืองอดไม่ได้ที่จะรองรับมันไว้ด้วยปากของตัวเอง...เขาทำครูตาหวานร้องไห้อีกแล้ว ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นเขาคงอยากฆ่าตัวเองแน่ที่ทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำตา...แต่ถ้าร้องเพราะสถานการณ์แบบนี้ใต้ร่างเขาทุกคืนก็เห็นจะไม่เลวแฮะ...
“ฮึก..อ๊ะ...ฮ่า...ลึก...ลึกไป อยะ...อย่า..อย่าขยับ ฮึก...อย่านะ”
“อีกนิดนะครับ...นิดเดียวนะ” เสียงทุ้มบอกปฏิเสธความต้องการของคนที่ดูท่าจะรับเขาไว้ไม่ไหวโดยสิ้นเชิง
“มะ...ไม่เอา นายเหมือง...มัน...กระตุก..ฮึก ในท้อง...อ๊ะ...มัน”
“ฮ่าห์...พี่ขอ..ปล่อยข้างในนะบัว อ่ะ...”
ถึงปากจะถามคล้ายต้องการขออนุญาต แต่คนปวารณาตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเรือนร่างน้อยขาวผ่องนี่ไปแล้วก็ลงมือทำทันที อารมณ์หวามที่มันอัดแน่นอยู่เต็มกายส่งให้เอวเขากดมังกรคอมมานโดยักษ์ของตัวเองเข้าออกลึกๆ ก่อนจะกดแช่เอาไว้แน่นๆเมื่ออารมณ์มันมาถึงขีดสุด คุณครูตัวบางน่ะเสร็จไปก่อนเขาแล้วตอนที่ร้องไห้ ตอนนี้ก็เลยต้องมายืนขาสั่นเขย่งเท้าขึ้นเพื่อให้ก้นอยู่ตรงกับเอวเขา มือบอบบางพยายามที่จับมือเขาเอาไว้ให้แน่น ลำคอระหงก็เอนซบเข้าหา แผ่นหลังแอ่นโค้ง คงเพราะครูบัวคงรู้สึกยืนได้ไม่มั่นคงนักถึงได้มีท่าทางที่ทรมานแบบนี้
“อ๊ะ...ฮ่าห์...”
เสียงทุ้มแหบพร่าเมื่อได้ปลดปล่อยทุกหยาดหยดลงไปในตัวคนรัก ความรู้สึกเป็นผู้เหนือกว่าที่ได้เป็นผู้ครอบครองเอ่อท้น ชายหนุ่มฝังรอยจูบเอาไว้ที่หลังคอและตามแนวลาดไหล่แบบไม่กลัวครูบัวจะต้องอายเมื่อต้องใส่เสื้อเลยสักนิด กลิ่นลมหายใจปนกลิ่นน้ำคาวคละคลุ้งเต็มห้อง บัวเริ่มสะอึกสะอื้นออกมาเล็กๆตอนที่นายเหมืองสิงห์ถอดถอนท่อนลำใหญ่ยักษ์ของตัวเองออกมา ข้อเข่างอพับลงทันทีเมื่อร่างกายขาดที่ค้ำยัน กระนั้นคนที่เพิ่งได้ปลดปล่อยความเป็นเจ้าของเข้าไปในเรือนร่างขาวผ่องไปหมาดๆก็ไม่ยอมปล่อยให้บัวต้องลงไปนั่งคลุกพื้นห้องน้ำแน่ ท้องแขนข้างที่ไม่ได้จับยึดมือบัวไว้ช้อนเข้าที่ใต้ท้อง ก่อนจะดึงรั้งให้ลำขาเพรียวบางเดินไปทางชักโครก ก่อนจะช่วยอีกคนทำความสะอาดเบื้องล่างให้อย่างคร่าวๆ ครูบัวยังคงไม่สามารถทำอารมณ์ให้สงบลงได้ เมื่อนายเหมืองสิงห์สวมกางเกงคืนให้เรือนร่างหอมนวลเสร็จสรรพแล้วจึงได้ช้อนแขนเข้าใต้ขา ตัดสินใจอุ้มพาครูบัวออกจากห้องน้ำเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อพาไปนอนพักให้ถึงเตียง
จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปที่ห้องลูก เห็นเจ้าส้มกำลังพัดวีลมไม่ให้ยุงมาไต่ลูกชายเขาที่คงโยเยจนหลับอยู่บนเตียงก็ตัดสินใจอุ้มเจ้าลูกชายขึ้นทีละคน เพื่อพาไปนอนที่ห้องคุณครูตาหวานของเด็กๆเพราะเขาเปิดแอร์ไว้ที่ห้องโน้นเรียบร้อยแล้ว เจ้าส้มมองเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากนอกจากช่วยเก็บเตียงของเด็กๆให้เมื่อเขาอุ้มเจ้าแสบสองออกจากห้องไปนอนบนเตียงเดียวกับคุณครูของแกที่กำลังสลึมสลือใกล้จมลงสู่นิทราเต็มที
“ส้ม ถ้าจะออกจากบ้านก็ฝากล็อกบ้านด้วยนะ ป้าแหม่มมีกุญแจอยู่แล้วเข้าบ้านได้...เดี๋ยวฉันจะขอนอนกับเมียกับลูกสักแป๊บ เดี๋ยวมื้อเย็นค่อยขึ้นมากินที่นี่พร้อมไอ้พุฒก็แล้วกัน”
“แหมนาย...เรียกเมียกับลูกชัดเจนเชียวนะ” ส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเบ้ปาก แต่คนถูกแซวกลับทำเพียงยักไหล่ แล้วคว้าผ้าขนหนูพร้อมกางเกงเพื่อเข้าไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาด้วยกางเกงผ้าฝ้ายตัวเดียว
เจ้าส้มแอบเผลอหน้าแดงเล็กๆเมื่อได้เห็นรูปร่างกล้ามปึ้กแบบนั้นของเจ้านาย แม้จะเคยชินกับสามีของตัวเองที่มีไม่ต่างกันนักอยู่แล้วก็เถอะ แต่พอได้มาเห็นของคนอื่นแบบนี้แล้วมันก็อดที่จะเขินขึ้นมาไม่ได้นี่นา
“มองอะไร...ออกไปได้แล้วไอ้ส้ม อ้อ ก่อนออกไปฝากปิดไฟด้วยนะ ขอบใจมาก”
“โอ้โห...นี่ใช้งานไม่เกรงใจกันเลยนะนาย...ก็ได้ๆ” เจ้าส้มแม้จะหงุดหงิดกับท่าทางไม่แคร์สื่อแบบนั้นของนายเหมืองสิงห์ กระนั้นก็ยอมปิดไฟให้ตามคำขอ แล้วจุดยิ้มมุมปากขึ้นมาน้อยๆเมื่อมองภาพนายเหมืองวาดมือโอบกอดคนทั้งสามเอาไว้ใต้อ้อมแขนใหญ่ ทำราวกับตัวเองกำลังแผ่ปีกออกกางเพื่อปกป้องครอบครัวที่รักเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น...
ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปทีเถิ๊ดดด...ส้มล่ะไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายใดๆกับครอบครัวนี้อีกเลย...เฮ้อ
------------------------------------------
ค่อยยังชั่วที่ยังลงได้จนจบ นึกว่าจะเกินเหมือนน้องจันทร์ซะละ เดี๋ยวได้มีต่อแบบค้างๆ 20% แน่ๆ ห้าห้าห้า