SP. 1 "ไปด้วยกันนะ"ชนนน “มึงรีบคุยกับพี่เบสซะนน รู้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะพี่เบสอาจจะต้องใช้เวลาตัดสินใจ ไหนจะแม่ยายมึงอีกล่ะ” ไอ้นลินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้หน้าตา ก่อนมันจะยื่นมือมาตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ
“นน ถูกของนลินนะ นี่เฮียหลี่ผิงก็บอกกำหนดการยื่นเอกสารกับทางมหา’ลัยที่ฮ่องกงมาแล้วด้วย รีบเถอะมึง” ไอ้ธันว์กดดันผมไม่ต่างจากนลิน
แต่มันสองตัวจะรู้มั้ยว่าเรื่องนี้แม่งพูดโคตรยาก และผมดันประเมินสถานการณ์ผิด ทำให้เรื่องที่คิดว่าไม่น่ามีปัญญา กลับเห็นถึงเค้าลางความยุ่งยากมาไม่ไกล
“อืม กูจะคุยกับเบสวันนี้แหละ...สุดหล่อกูมาแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะพวกมึง” เมื่อจากปลายสายตาผมเห็นรถของตัวเองวิ่งเข้ามาหน้าโรงเรียน ผมจึงเอ่ยลาไอ้เพื่อนสนิททั้งคู่ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นรถที่มีสุดหล่อเป็นคนขับ
ส่วนเรื่องที่เราสามคนเพื่อนสนิทคุยกันนั้น เป็นเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยของพวกเราครับ และมันก็ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่พาให้ทั้งกลุ่มเครียดได้แบบนั้น ถ้าผมกับไอ้นลินจะไม่ตัดสินใจตามไอ้ธันว์ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในฮ่องกง หากถามหาเหตุผลต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เพราะความติดเพื่อน เพราะเหตุผลนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของเราเท่านั้น
เหตุผลหลักคือมหาวิทยาลัยที่ฮ่องกงขึ้นชื่อในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพในคณะที่ผมอยากเรียน พอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อพลแม่อรพวกท่านก็สนับสนุนไม่มีค้าน แถมยังส่งเสริมอีกด้วยว่าหากผมไปเรียนที่ฮ่องกง ก็จะได้เรียนรู้งานของบริษัทเราจากสาขาที่นั่นด้วย และมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงว่าหากพี่ชนะแต่งงาน คงได้ย้ายไปประจำสาขาที่นั่นด้วย ซึ่งผมก็จะได้พี่ชนะช่วยดูแลอีกทาง พ่อแม่จึงไม่ห่วงเรื่องที่ผมจะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ฮ่องกง
ทางครอบครัวผ่านฉลุย แต่กับคนข้างตัวผมนี่สิที่ดูท่าจะไม่ง่ายแบบนั้น ตอนแรกที่ผมตัดสินใจก็คิดว่าการพูดชักจูงให้สุดหล่อไปเรียนต่อด้วยกันไม่น่ามีปัญหา เพราะผมขอแรงเฮียหลี่ผิงให้ช่วยสอบถามและหาลู่ทาง สำหรับการโอนย้ายหน่วยกิจที่มหาวิทยาลัยไว้แล้ว ซึ่งระดับนักศึกษาดีเด่นพ่วงตำแหน่งนายน้อยตระกูลหวางตระกูลมาเฟียใหญ่อันดับหนึ่งของฮ่องกงเข้าไปด้วย ทำให้ทางมหาวิทยาลัยให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ แถมด้วยการเสนอช่องทางต่างๆมากมาย เรียกได้ว่าทางสะดวกหากเบสคิดจะย้ายไปเรียนต่อที่นั่น แต่ติดก็ตรงที่เจ้าตัวจะยอมไปกับผมรึเปล่านี่สิ
ผมจะไม่มานั่งคิดมากเลย หากเมื่ออาทิตย์ก่อนผมจะไม่ได้ลองเกริ่นถาม ความรู้สึกที่เบสมีต่อคณะและมหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวเค้าเรียนอยู่ ซึ่งคำตอบที่ได้ทำผมพูดต่อไม่ออก เมื่อเบสตอบผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และซุ่มเสียงที่มีความสุขสอดคล้องไปกับคำตอบที่ผมได้รับ
อย่างการที่สุดหล่อมีความสุขที่ได้เรียนสถาปัตย์ เพราะมีเพื่อนมีรุ่นพี่และมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดี แถมยังบอกอีกด้วยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกมหาวิทยาลัยนี้ พอผมลองแหย่ว่าถ้ามีคนยื่นข้อเสนอเรื่องมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงกว่าและดีกว่า มาให้สุดหล่อพร้อมทุนเรียนฟรีจะเอามั้ย เบสกลับตอบออกมาแบบไม่ต้องคิดว่าไม่มีทางรับข้อเสนอนั้น ก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน และมีบอกว่าให้ผมเลิกพูดเรื่องนี้ได้เลยอีกด้วย
ทั้งหมดที่ผมเล่าจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงลังเลไม่ยอมคุยกับสุดหล่อเมียรักสักที จนไอ้สองตัวนั่นมันต้องเร่งตามที่คุณๆได้ยินไป ผมกลัวคำปฏิเสธของเบส เพราะกลัวว่าผมต้องใช้ชีวิตช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเพียงลำพังโดยไม่มีสุดหล่อเคียงข้าง ไอ้นนคงได้มีอาการภูธิปซินโดรมแหงๆ เผลอๆพาลเรียนไม่จบให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงเอาน่ะสิ
“นน ถอนหายใจบ่อยจังเป็นอะไร ช่วงนี้ก็ดูเครียดๆ มีเรื่องอะไรที่โรงเรียนรึเปล่าครับ” อ้าวนี่ผมเผลอถอนหายใจไปรึเนี่ย
ช่วงนี้ผมรู้ตัวอยู่ว่าตัวเองเงียบไปไม่ลั้นลาดังเคย สุดหล่อเมียรักที่อยู่กับผมเกือบตลอดเวลาผิดสังเกตก็ไม่แปลก แต่ผมจะตอบสุดหล่อยังไงล่ะเนี่ย จึงเผลอถอนใจไปอีกเฮือกใหญ่ ผลก็คือผมเกือบหัวทิ่ม เพราะอยู่ๆสุดหล่อก็เบรกรถกะทันหัน ดีที่ผมคาดเบลท์ไว้นะเนี่ย
“ฟู่ๆๆๆ เบสเบรกทำ...ไม เอ่อ...ทำไมมองนนแบบนั้นอ่ะ” ยังไม่ทันที่ผมจะถามจบประโยค ผมก็ต้องสะดุ้งกับสายตาแข็งๆของสุดหล่อที่มองมาทางผมอย่างเอาเรื่อง แต่อดถามแก้เก้อไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเพราะอะไรเบสถึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้คำตอบถึงอาการผิดปกติของผมที่เป็นมาเกือบอาทิตย์
มันคงถึงเวลาแล้วสินะที่เราต้องคุยกัน แต่คงไม่ใช่บนรถอย่างในขณะนี้ ผมจึงยื่นมือไปแตะหลังมือเบสที่วางอยู่บนพวงมาลัย และใช้อีกมือเอื้อมไปลูบแก้มใสอย่างช้าๆ ก่อนจะยกยิ้มบางเบาใส่ตาสุดหล่อหน้าเคร่ง ที่จ้องเขม็งอยากได้คำตอบจากผมอย่างคนใจร้อน
“เราไปคุยกันที่บ้านนะครับ นนสัญญาจะตอบคำถามเบสทุกข้อ” เบสจ้องตาผมอย่างค้นหา ก่อนสีหน้าเคร่งๆจะอ่อนลง แถมด้วยการถอนใจเลียนแบบผมอีกแน่ะ แต่ถ้าผมมองไม่ผิดเดี๋ยวนี้สุดหล่อรู้จักค้อนใส่สามีด้วยนะ
เบสยอมขับรถกลับบ้าน โดยมีผมมองเค้าไปตลอดทาง พร้อมกับในหัวคิดวุ่นวายตีกันมั่วไปหมด ซึ่งสุดหล่อเองก็รู้ตัวมีหันมามองผมเป็นระยะ ทำท่าว่าจะพูดก็หลายครั้ง ทำให้ก่อนที่เราจะถึงบ้านผมได้เห็นสีหน้าหลากหลายของเมียรัก มากกว่ายามปกติต่างจากที่ผ่านมา ทั้งสงสัย ครุ่นคิด หงุดหงิด ระแวง หรือแม้แต่เศร้าสร้อย ไอ้สีหน้าหลังนี่ผมไม่ชอบใจเอาซะเลย
“ตกลงมีเรื่องอะไร!!” ฟังเสียงเมียรูปหล่อของผมซะก่อนเถอะ ไม่รู้จะทำเสียงแข็งไปถึงไหน แค่ถามประโยคนั้นด้วยเสียงนิ่งๆ ไอ้นนก็พร้อมยอมตอบแล้วครับ
แต่ก่อนจะตอบอะไรไป ผมขอกระแซะเข้าหาร่างอุ่นและรวบมือเบสมากุมไว้ ไม่ใช่อะไรเกิดสุดหล่อไม่พอใจขึ้นมา อย่างน้อยผมก็โดนแค่สองตีนของเมีย เบสมองหลังมือผมก่อนจะไล่สายตามาตามท่อนแขน จนเราได้สบตากัน ซึ่งผมก็ใจอ่อนยวบยาบและพาลรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เมื่อแววตาเศร้าสร้อยคู่เดิมของเบสกลับมาให้ผมเห็นอีกครั้ง
“บะ...เบสอย่าทำหน้าแบบนี้สิ นนขอโทษ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเลยครับ” ผมพูดพร้อมเขย่ามือเบสไปด้วยและเริ่มใจไม่ดี เมื่อสุดหล่อยังไม่มีอาการที่ดีขึ้น
“แล้วตกลงนนมีเรื่องอะไรกันแน่” คราวนี้เบสใช้น้ำเสียงอ่อนระโหยกับผม และผมถึงกลับละล่ำละลักพูดในสิ่งที่เป็นกังวลออกไปทันที
“นนตัดสินใจไปเรียนต่อมหา’ลัยที่ฮ่องกง!” เบสจ้องผมด้วยแววตาตื่นๆชั่วแวบ แต่ไม่แสดงอาการทางสีหน้าอะไรให้เห็น ออกจะนิ่งสนิทจนผมแอบหวั่นใจ แต่ในนาทีต่อมาไอ้อาการเมินหน้าหลบตาอย่างเฉยชาของสุดหล่อ กลับทำผมร้อนใจรีบกระชับฝ่ามืออุ่นมากยิ่งขึ้น แต่ผมยังไม่ทันพูดอะไรต่อ น้ำเสียงนิ่งๆก็ดังขึ้น
“อืม ก็ดีนี่ ถ้าตัดสินใจแล้ว นนก็ทำตามที่ตั้งใจไว้เถอะ” เบสพูดและแสดงออกเหมือนว่าไม่แยแสกัน แต่ผมรู้หรอกว่าสุดหล่อไม่ได้คิดแบบที่แสดงออกมาสักนิด
ผมยิ่งมั่นใจว่าตัวเองคิดถูก เมื่อผมพยายามเชยคางสุดหล่อกลับมาตรงหน้า ท่ามกลางอาการขัดขืนของสุดหล่อเมียรัก จนได้สบแววตาสั่นไหวออกอาการน้อยอกน้อยใจ แม้เบสจะพยายามทำหน้านิ่งวางมาดเคร่งขรึมได้ดีแค่ไหนก็ตาม เบสอาจจะใช้ท่าทางนี้หลอกคนอื่นได้ว่าไม่คิดอะไร แต่ใช้หลอกสามีอย่างผมไม่ได้หรอก
ท่าทางของเบสกลับเป็นเหมือนแสงสว่างแห่งความหวังให้แก่ผม ด้วยสุดหล่อคงกำลังน้อยใจที่ผมตัดสินใจเรียนต่อที่อื่นโดยที่ไม่ปรึกษาเค้าก่อน นั่นเท่ากับว่าเบสคงอยากมีส่วนร่วมในชีวิตผมไม่ต่างจากที่ผมแสดงออกกับเบส พอผมตัดสินใจเองโดยไม่ปรึกษาเบส เจ้าตัวเค้าคงไม่พอใจถึงขั้นน้อยใจแบบที่เป็น และหากผมจะโน้มน้าวก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้ตัวสุดหล่อไปเรียนต่อด้วยกัน
ผมระบายยิ้มอ่อนๆใส่ตาคู่เรียว และก้มหน้าจูบลงที่ลาดไหล่ เบสถึงกลับเกร็งตัวขึ้นมา ผมจึงพลิกหน้าฝังจมูกสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของเมียรักที่ซอกคอ ผลก็คือขนอ่อนๆในระยะสายตาแข่งกันลุกพรึบพรับ พาลให้ผมอารมณ์ดีว่าผมนั้นยังคงมีอิทธิพลกับสุดหล่อไม่เปลี่ยน ก่อนผมจะเคลื่อนใบหน้าขึ้นมากระซิบข้างใบหูขาว พร้อมแอบแตะริมฝีปากที่ติ่งหูนิ่มๆ จนกระทั่งทั่วใบหูอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉ่ำได้อย่างน่ากิน
“เบสอย่าเพิ่งโกรธนนสิครับ นนขอโทษที่ตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาเบสก่อน แต่นนวางแผนเผื่อเราสองคนไว้แล้วต่างหาก เพราะนนจะไม่ยอมไปเรียนที่นั่นคนเดียวหรอกนะ ยังไงนนก็จะเอาเมียนนไปด้วย ขืนไปคนเดียวได้เฉาตาย พาลเรียนไม่จบกันพอดี ฮึๆ” จะไม่ให้ผมถูกใจถึงขั้นกลั้วหัวเราะได้ยังไงครับ ดูหน้าเมียผมซะก่อนเถอะ
จากที่สุดหล่อวางมาดขรึมตีหน้าเคร่งอย่างน่าเกรงขาม กลับเปลี่ยนเป็นอ้าปากหวอพวงแก้มแดงก่ำและจ้องมาที่ผมอย่างไม่เชื่อหูไปแล้ว แต่ผมจะมัวหลงไปกับท่าทางน่าเอ็นดูของสุดหล่อไม่ได้ ต้องรีบหักห้ามใจ ด้วยกลัวว่าเดี๋ยวจะเผลอตัวจับแกะน้อยน่ารักกินก่อนจะเคลียร์กันรู้เรื่อง
“ที่เบสเห็นนนเครียด ไม่ใช่นนไม่รู้ว่าจะบอกลาเบสไปเรียนต่อยังไงหรอกครับ แต่เป็นเพราะไม่รู้จะโน้มน้าวให้เบสไปเรียนด้วยกันยังไงมากกว่า นนได้ยินเบสพูดถึงเพื่อนถึงคณะอย่างมีความสุขซะขนาดนั้นนี่หน่า แต่นนก็อยากเรียนที่โน่นจริงๆ และไม่อยากห่างจากเบสด้วย นนจะเห็นแก่ตัวไปมั้ย ถ้าจะขอร้องให้เบสย้ายไปเรียนที่ฮ่องกงด้วยกัน...เบสไปกับนนได้มั้ยครับ”
เบสจ้องตาผมแน่วแน่แต่ไม่หลุดอะไรออกมาสักคำ ไอ้ผมก็ลุ้นจนเริ่มเครียด จึงส่งสายตาออดอ้อนเข้าใส่ และระบายยิ้มเศร้าๆเพิ่มเข้าไป แถมด้วยเรียกชื่อสุดหล่อเสียงอ่อนเสียงหวาน และหากเบสยังนิ่งไม่ตอบโต้ ผมว่าจะงัดกลเม็ดเด็ดอย่างการจับเมียปล้ำขึ้นมาใช้ให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย แต่ยังดีที่สุดท้ายเบสก็ยอมเอ่ยปากพูดกับผมจนได้
“แสดงว่าวางแผนไว้นานแล้วล่ะสิ ใช่มั้ย...แบบนี้มันน่าให้ไปเรียนคนเดียวซะจริงนะครับ ชนนน!” ผมที่กำลังทำหน้าละห้อยผงกหัวแทนการตอบรับ เปลี่ยนมาเป็นส่ายหัวปฏิเสธเมียรักหัวแทบหลุด ก่อนจะรวบกอดร่างอุ่นเข้าหาอก
“ไม่อาวววว...นนจะเอาเบสไปด้วย ไปเรียนกับนนเถอะนะ นอนคนเดียวนอกจากจะไม่อุ่น ยังเหงาด้วยน้า เชื่อนนเถอะไปด้วยกันดีกว่า นะเบสนะ” ปัญญาอ่อนให้สุดไปเลยกู ไอ้ท่าทางแบบนี้แหละเดี๋ยวเมียรักก็ใจอ่อน เพราะทนรำคาญหูรำคาญตาไม่ได้เองแหละ ซึ่งความจริงก็ไม่ผิดจากที่คิด
“นน! อย่าเพิ่งเล่น จริงจังหน่อยครับ...ไหนลองว่ามาสิ ว่าวางแผนไว้ยังไงบ้าง” เบสพูดแบบนี้แสดงว่าผมมีความหวังมากกว่าครึ่งแล้วครับ
ส่วนที่เหลือคงขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผมจะพูดต่อไป ผมจึงกลับมานั่งดีๆอีกครั้งและเริ่มคุยเรื่องอนาคตของเราอย่างจริงจัง
“.....เรื่องเรียนของเบสก็ตามที่นนเล่าไป ซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะทางนั้นยินดีรับโอนหน่วยกิตจากที่นี่ ส่วนเรื่องที่พัก เบสยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะพี่ชนะดูไว้ให้บ้างแล้ว เหลือก็แต่เบสไปเลือกว่าจะพักที่ไหน ยังไงนนก็ตามใจเบสอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องแม่ผกา ขอแค่เบสตกลงไปเรียนต่อกับนน นนจะเป็นคนขออนุญาตท่านเอง นนเชื่อนะว่าแม่ผกาจะยอมให้เบสไปเรียนกับนน...เบสล่ะครับ อยากไปเรียนกับนนมั้ย” ประโยคสุดท้ายผมโอบกระชับร่างอุ่นเข้าหาอก จนแผ่นหลังกว้างแนบสนิทไปกับอกผม พร้อมชะโงกหน้าข้ามไหล่และก้มกระซิบข้างหูสุดหล่อด้วยเสียงนุ่มๆ
เบสเองเงียบไปพักใหญ่ เมื่อผมสังเกตใบหน้าด้านข้าง จึงพบว่าเจ้าตัวอยู่ในโหมดจริงจัง ดวงตามองตรงไปเบื้องหน้า หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น ก่อนจะถอนใจเบาแต่ลากยาว จนกำลังใจของผมถดถอยไปตามเสียงลมหายใจนั่น ก่อนเบสจะหันมาสบตาผมด้วยแววตาไม่แน่ใจ ผมงี้ใจหายวาบ นึกรู้คำตอบของสุดหล่อโดยไม่ต้องเอ่ย จึงรีบตัดหน้าพูดแทรกก่อนที่จะโดนเมียปฏิเสธ
“เบสอย่าปฏิเสธนนเลยนะครับ เอาแบบนี้ เบสกังวลเรื่องอะไร บอกนนสิครับ” เบสมองผมอย่างตัดสินใจ ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาด้วยเสียงไม่มั่นใจนัก
ผมเองถึงกลับนึกเอ็นดู ด้วยสุดหล่อไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองขาดความมั่นใจเช่นนี้มาก่อน แสดงว่าในใจเบสคงอยากไปเรียนกับผมมากอยู่ แต่คงติดในเรื่องที่สุดหล่อคิดว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนที่ฮ่องกงนี่แหละ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไอ้นนคนนี้พร้อมจะทำลายอุปสรรคที่ว่านี้ให้เอง
“เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาก็จริง แต่...ค่าใช้จ่ายมันสูง เบสไม่อยากให้แม่ลำบาก...และขอร้อง อย่ามาบอกว่าจะออกให้ เพราะมันไม่ต่างจากการที่นนกำลังดูถูกทั้งแม่ผกาทั้งเบส” ผมงี้หุบปากฉับ เพราะคิดไม่ต่างจากที่เบสดักคอไว้สักนิด
ประเด็นนี้ผมได้คุยกับพ่อพลและแม่อรไว้แล้ว ซึ่งท่านก็สนับสนุนลูกชายอย่างผมเต็มที่ เพราะท่านนั้นรักเบสไม่ต่างจากผมสักนิด เรื่องส่งเรียนจึงไม่เป็นปัญหา คนเป็นแฟนกันทำไมสุดหล่อต้องคิดมากน้า แต่ผมก็พอเข้าใจครับ ว่าเบสคงไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเกาะผม คนเรารักศักดิ์ศรีกันทุกคน ดังนั้นผมจึงไม่คิดดื้อดึงเถียงเอาชนะกับสุดหล่อตอนนี้ แม้ทั้งผมและคนในครอบครัวชลาสินธุ์ไม่มีใครคิดที่จะดูถูกเบสและแม่ผกาเลยก็ตาม
ผมเงียบสุดหล่อก็เงียบ แต่ผมไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์นะครับ เพราะในหัวผมตอนนี้กำลังหาหนทางที่จะทำให้เบสยอมรับข้อเสนอที่จะไปเรียนต่อกับผม และต้องเป็นหนทางที่ทำให้เบสสบายใจ ที่สำคัญต้องทำให้เบสไม่รู้สึกว่าชลาสินธุ์กำลังดูถูก อย่างการใช้เงินฟาดหัวใส่ลูกชายแม่ผกาให้ตามผมไปเรียนที่ฮ่องกง และในที่สุดผมก็เจอทางออกสำหรับเราจนได้
“ถ้านนทำให้เบสรู้สึกว่านนไม่ได้ดูถูกเบสกับแม่ผกา เบสจะตกลงไปเรียนกับนนใช่มั้ย” เบสหันมาจ้องตาผมอย่างค้นหา คงสงสัยล่ะว่าผมจะมีลูกไม้อะไร แต่สุดหล่อก็ยอมพยักหน้าตอบรับจนได้ ผมนี่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาเลยล่ะ
“ถ้า...ชลาสินธุ์ทรานส์เอ็กซ์เพรสให้ทุนเบสเรียนต่อล่ะ เบสจะรับมั้ย” เบสอึ้งตะลึงมองผมตาค้าง คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะมาไม้นี้
ผมจึงรีบฉวยโอกาสที่สุดหล่อยังตั้งตัวไม่ติดอธิบายในสิ่งที่เพิ่งคิดได้ แม้จะยังไม่ได้ปรึกษากับประธานบริษัทอย่างท่านชาตพลก็ตาม แต่ผมฟังธงได้เลยล่ะว่าพ่อผมไม่มีค้านอยู่แล้ว
“ที่บริษัทเราเปิดทุนเล่าเรียนให้ลูกของพนักงานในบริษัทที่เรียนดีอยู่น่ะ ซึ่งกรณีของเบสอาจจะเป็นกรณีพิเศษ ตรงที่ว่าไม่ได้เป็นลูกของพนักงาน แต่เป็นแฟนของลูกชายเจ้าของบริษัท มันก็น่าจะหยวนๆกันได้ ซึ่งนนก็ไม่อยากให้เบสเอามาเป็นประเด็นต้องคิดมาก และบอกก่อนเลยว่าเบสไม่ได้ไปแย่งทุนที่มีอยู่แล้วนะครับ เพราะทุนนี้จะเพิ่มให้แฟนนนเป็นกรณีพิเศษ ที่สำคัญทุนนี้เป็นทุนให้เปล่า แต่ถ้าเบสไม่สบายใจ เดี๋ยวนนให้พ่อจับเบสเซ็นสัญญากับบริษัทก็ได้ ว่าหากจบแล้ว ต้องกลับมาทำงานให้กับบริษัทชลาสินธุ์ทรานส์เอ็กซ์เพรส ข้อเสนอนี้ดีมั้ยครับ เบสคงไม่คิดว่านนดูถูกเบสกับแม่ผกาแล้วใช่มั้ย” ผมชะโงกหน้ารอคำตอบจากสุดหล่อเมียรักทันทีที่พูดจบ บอกเลยว่าโคตรภูมิใจในมันสมองอันชาญฉลาดของตัวเอง
แต่ดูท่าสุดหล่อเมียรักจะไม่ได้คิดว่าผมฉลาดซะแล้ว เพราะเบสมองผมด้วยสายตาหมั่นไส้ แถมยังจิ๊ปากใส่ผมด้วยสีหน้าบึ้งๆอีก ซึ่งนาทีนี้ผมกลับมองว่าเบสน่ารัก ยิ่งปากแหลมๆที่กำลังจิ๊จ๊ะใส่ผมนี่อ่ะ ผมไม่คิดจะปล่อยคนน่ารักให้ลอยนวล จึงยื่นหน้างับปากแหลมๆดังใจคิด แต่ก็แค่ออกแรงเบาๆนะครับ ด้วยไม่หวังผลให้สุดหล่อเจ็บตัว เอาแค่พอโวยวายและเปิดปากให้ผมขโมยจูบหวานๆสักทีก็พอ
“อืมมม เฮือก!...เจ้าเล่ห์นักนะครับชนนน!...นนจะกอดแน่นไปไหน หึ!” ปล่อยให้สุดหล่อหน้าหยกฮึดฮัดไปครับ ตกอยู่ในอ้อมกอดผมแบบนี้จะทำอะไรได้
“นนตกใจเสียงเบสนี่หน่า...ตกลงเบสรับข้อเสนอของนนแล้วใช่มั้ยครับ” ผมเข้าโหมดจริงจังอีกครั้ง มัวแต่หลงไปกับจูบหวานๆเกือบลืมว่ายังไม่ได้คำตอบจากสุดหล่อเลย ขืนข้ามวันเดี๋ยวสุดหล่อจะเบี้ยวเอาได้ครับ
เบสขยับเปลี่ยนท่าหมุนตัวกลับมานั่งเผชิญหน้ากับผม และใช้สายตาจริงจังจ้องตากัน จนผมเผลอเกร็งตัวขึ้นรอรับสถานการณ์
“นนอุตส่าห์วางแผนมาซะขนาดนี้ เบสรับข้อเสนอก็ได้ แต่...”
“ฮะ!...ตะ...แต่อะไรครับ” สุดหล่อจะเว้นช่วงทำไม ไอ้นนล่ะใจไม่ดี ผมอุตส่าห์เตรียมแหกปากเฮให้ลั่นห้องแล้วเชียว
“แต่เรื่องเซ็นสัญญา เบสต้องได้เซ็นจริงๆนะ อย่ามาลูกไม้ให้ทุนฟรีเชียวล่ะ เข้าใจมั้ยครับ”
“ครับผม! นนไม่เบี้ยวหรอกน่า คนอะไร เค้ามีแต่ไม่อยากผูกมัดด้วยการเซ็นสัญญา คงมีแต่เบสของนนนี่แหละที่อยากจะเซ็น แต่ก็ดี...นนจะให้พี่กานต์เพิ่มข้อสัญญาต่อท้าย ให้นายภูธิปชดใช้ด้วยหัวใจและร่างกายให้นายชนนนไปตลอดชีวิตซะเลย ดีม้า~” ผมขยิบตาและส่งสายตาเจ้าชู้ใส่คนรูปหล่อ ที่กำลังนั่งหน้าแดงจ้องมาที่ผมอย่างไม่เชื่อสายตา
“ดีครับ!...[ผัวะ!]...เล่นตลอด จริงจังได้แป๊บๆทุกทีเลยนนเนี่ย เฮ้อออ ฮึๆ...เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ” อาการแบบนี้เค้าเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลังใช่มั้ย
ผมไม่ได้แค่เปรียบเปรยนะ ไอ้นนน่ะโดนตบหัวมาเต็มๆ และสุดหล่อก็กำลังลูบหลังลูบหัวผมจริงๆ แต่ผมไม่คิดจะงอนนานหรอกครับ โอกาสทองอยู่ตรงหน้า ใครปล่อยให้หลุดมือก็โง่เต็มทน ซึ่งชนนนของภูธิปฉลาดค่อดๆอยู่แล้ว
“อืมมม เจ็บอ่ะ ตรงนี้ เบสอ่ะใจร้าย เอะอะก็ตบก็ตีนน ไม่สงสารบ้างเหรอครับ” ผมจับมือนุ่มปะกบแหมะเข้าที่หัว ก่อนจะเนียนดึงมือข้างนั้นมาประกบแก้ม และจูบลงกลางฝ่ามือพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนเมื่อจบประโยค แต่สุดหล่อไม่ยักหลงกลครับ เพราะเบสดันหัวเราะตาปิดขำไปกับท่าทางของผม โคตรน่ามันเขี้ยวอ่ะ
“ฮึๆ ฮ่าๆ ไม่ใช่เด็กแล้วนะนน ฮึๆ...เฮ้ยยย ทำไร!” อยากหัวเราะเยาะว่าผมเป็นเด็กดีนัก โดนไอ้เด็กคนนี้กดลงกับเตียงถึงกลับอึกอักแก้มแดงทำตัวไม่ถูกเลยน้า ครึๆ
“ก็ไม่เด็กน่ะสิครับ เด็กที่ไหนจะทำแบบนี้กัน!”
สงสัยกันมั้ยครับว่าไอ้ ‘แบบนี้’ ของผมน่ะมันแบบไหน ผมเชื่อว่าหลายคนคงไม่สงสัย เพราะทั้งบรรยากาศ สถานที่ และสภาพจิตใจที่เหมือนยกภูเขาออกจากอก ออกจะเป็นใจให้ผมได้มอบบทรักที่แสนเร่าร้อนยามเย็นให้แก่เมียรัก เผลอๆอาจจะเป็นบทเรียนที่สุดหล่ออาจจะจำไปอีกนานแสนนาน ว่าไม่ควรสบประมาทว่าผมเป็นเด็กอีก เพราะคงไม่มีเด็กที่ไหน สามารถวาดลวดลายบนเตียงบริการเมียรักหน้าหยก ให้ครางไม่หยุดได้เหมือนขณะนี้หรอกน้า
“น่ะ...นน อ่าๆๆๆ...อ๊ะ! มะ...ไม่เอาแล้ว อืมมมม นน เบส...เบสไม่...ซี้ดดด นน~”
..........................................
ในที่สุดไอ้ดำตูดหมึกก็มีเมียตามไปคุม เอ๊ย! ตามไปเรียนด้วยจนได้
ไม่น่าคิดมากไปก่อนเลย เสียเวลาแท้ๆ

หวังว่าจะชอบตอนพิเศษตอนนี้นะคะ
ส่วนตอนพิเศษ2 จะเป็นช่วงที่ทั้งคู่ไปอยู่ฮ่องกงแล้วค่ะ และจะมาส่งอารมณ์
ที่ถูกตัดไปในช่วงท้ายของตอนนี้ให้ด้วย ซึ่งหากใครจำตอนที่นนชวนธันว์และนลิน
ไปตามสุดหล่อหนีเที่ยวได้ ตอนหน้าจะเป็นส่วนที่คุณอาจจะเคยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ระหว่างเบสนน และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน กระตุ้นความทรงจำ
แนะนำให้อ่านตอนนี้ก่อนค่ะ
"ม่ายมาว" เจอตอนพิเศษ2 ได้ในวันพุธหน้าน้า
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตาม
ปล.เปิดเรื่องใหม่
"รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่อ" (ฝูหรง+พอล) แล้วนะคะ ฝากติดตามด้วยค่ะ
