ตอนที่ 42ชนนน “ไอ้พี่แหนมนี่เจ๋งอ่ะ วิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนไอ้พี่ฟูก็ใช่ย่อย หน้าแบบนั้นอ่ะนะ จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ฮ่าๆ...นน แล้วมึงเป็นไรเนี่ย นั่งซึมเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง หา! อย่าบอกนะว่าพี่เบส ทะ...อุ๊บ!” ผมตะครุบปากไอ้นลินได้ทัน ก่อนที่มันจะพ่นคำอัปมงคลแห่งชีวิตรักของผมออกมา มันคิดได้ไงว่าสุดหล่อเมียรักจะทิ้งผม
“นลิน! มึงหยุดเลย กูกับเบสยังรักกันดี หึ!” ผมสะบัดค้อนใส่ไอ้สาวซ่า ก่อนจะหันกลับมาซบหน้าลงกับโต๊ะเรียนอีกครั้ง
ไอ้นลินเองก็ใช่ย่อยยอมใครที่ไหน ทั้งๆที่เห็นเพื่อนอย่างผมนั่งหงอยจนมันเองก็ทัก ยังมีแก่ใจดีดหน้าผากผมดังเพียะ แต่อารมณ์นี้ผมไม่อยากจะตอบโต้มันนัก จึงได้แต่วางเฉยและพลิกหน้าหนีมาอีกทาง
“นลินนี่น้า...นน เป็นไรวะ พี่เบสก็ติด ’ถาปัตย์ในมหา’ลัยที่เลือกไว้นี่ มึงกลุ้มใจอะไร อืม หรือมึงทะเลาะกันวะ” เสียงอ่อนๆของไอ้ธันว์ลอยมาเข้าหู พร้อมสัมผัสของฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่ผม
‘แบบนี้สิไอ้นนถึงอยากระบายด้วยหน่อย อุตส่าห์นั่งรอให้เพื่อนถามตั้งนาน’ ผมจึงค่อยๆเบือนหน้าเศร้าๆกลับมาอีกครั้งและแทบผงะ เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของนลินถลึงตาเข้าใส่ในระยะประชิด แทนที่จะเป็นหน้าเจี๋ยมเจี้ยมของไอ้ธันว์ นู่น! เด็กมาเฟียมันยืนหัวเราะคิกคักตัวกระเพื่อม กับอาการของผมได้อย่างน่าหมั่นไส้ อยู่หลังเก้าอี้ที่ไอ้นลินมันนั่ง เอากับเพื่อนสนิทผมสิครับ เห็นอาการทุกข์ใจของผมเป็นเรื่องตลกไปซะได้
“นน! มึงไม่ต้องงอนเลย เป็นอะไรรีบเล่ามาเถอะน่า” แรงบีบที่หัวไหล่จากสวยพิฆาต ทำเอาผมหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ แถมสายตาคาดคั้นของนลิน ทำให้ผมตัดสินใจรีบบอกสิ่งที่มันอยากรู้ออกไป
“เทอมหน้าเบสต้องไปเรียนมหา’ลัย ส่วนกูต้องเรียนที่นี่ ห่างหูห่างตาแบบนั้น...กูกลัว” ผมช้อนสายตามองไอ้สองตัว ด้วยท่าทางที่คิดว่าเข้ากับคำพูดตัวเองที่สุดแล้ว
แต่ทำไมหน้าตามันทั้งคู่ ถึงแสดงออกว่าหมั่นไส้ผมได้ขนาดนี้ล่ะ ก่อนไอ้นลินจะยื่นมือมาผลักหัวผมเบาๆ
“โธ่เอ้ย! กูก็นึกว่าเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ที่ไหนได้ หึ!...นนมึงจะต้องกลัวอะไร ไหนบอกว่าพี่เบสบอกรักมึงแล้วไง แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนะ” ไอ้นลินทำหน้าตาสงสัยมาก
“มันก็ใช่ แต่ว่า ไงอ่ะ...เฮ้อออ”
“กูรู้แล้ว มึงกลัวพี่เบสเจอคนใหม่ที่ดีกว่ามึงล่ะเซ่ ใช่ป่ะ” ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย ทีแบบนี้ล่ะรู้ทัน
แสดงว่าไอ้ธันว์มันต้องเคยรู้สึกแบบเดียวกับผมแน่ๆ แต่หน้าตามันตอนนี้กวนตีนใส่ผมมากเหอะ ทั้งยักคิ้วยิ้มพรายไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใจกันสักนิด
“ถ้าเป็นกรณีอย่างที่ไอ้ธันว์ว่า มึงไม่ต้องกลัวหรอกนน อย่าลืมสิ ก่อนมึงกับพี่เบสจะเป็นแฟนกัน ไอ้พี่เบสน่ะเจอคนที่ดีกว่ามึงมาเยอะแยะ แล้วคิดเหรอว่าไอ้พวกนั้นมันจะไม่สนใจแฟนมึง ออกจะหน้าตาดีรวยเสน่ห์ไปซะขนาดนั้น แต่แล้วไง พี่เบสก็คงไม่สนมั้ย เพราะถ้าสนตอนนี้มึงสองคนคงไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่เบสคงเสร็จใครสักคนไปแล้ว”
ผมคิดตามสิ่งที่ไอ้นลินมันพูดและเริ่มคล้อยตาม นั่นสิ! ถ้าสุดหล่อจะมีคนอื่น คงไม่ต้องรอจนมาเจอผมหรอก ป่านนี้คงเป็นแฟนกับใครสักคนที่ไม่ใช่ผมไปแล้ว แต่แหมผมล่ะอดเคืองกับคำพูดไอ้นลินไม่ได้ เพราะแปลคำพูดมันรวมๆดูแล้ว เหมือนว่าผมยังดีไม่พอสำหรับสุดหล่อ แต่แล้วไง สุดท้ายสุดหล่อก็เลือกผม
“เออ! ถึงกูจะไม่ดี แต่เบสก็เลือกที่จะรักกูแล้วกัน” ผมกระแทกเสียงใส่ไอ้นลินอย่างงอนๆ
ไม่มีซะล่ะที่จะเห็นว่าเพื่อนอย่างผมดี แต่คราวนี้มันกลับทำผมแปลกใจ ด้วยการคลี่ยิ้มกว้างใส่ตาผม แทนการลงไม้ลงมือด้วยเหมือนอย่างเคย ก่อนนลินจะยื่นมือมาตบบ่าผมพร้อมพูดไปด้วย
“ก็นั่นน่ะสิ นน มึงก็รู้คำตอบแก่ใจแล้วนี่ จะต้องกลัวอะไรอีก...พี่เบสรักมึงนะนน” บทไอ้นลินจะทำซึ้งเป็นปราชญ์เรื่องรักขึ้นมามันก็ทำได้ดี จนตาผมเห็นสัจธรรมในสิ่งที่มันพูด
นั่นสิผมต้องกลัวอะไร ในเมื่อเบสรักผมเหมือนที่ผมรักเบส ผมเองยังไม่คิดจะมองใครนอกจากสุดหล่อเลย เบสเองคงคิดไม่ต่างจากผม แต่ถ้ามีคนมาสนใจสุดหล่อจนเกินขอบเขตเมื่อไหร่ ได้เจอฤทธิ์ไอ้นนคนนี้แน่
“ยิ้มได้แบบนี้ สบายใจแล้วสิ คาบนี้ว่าง มึงจะไม่ไปแสดงความยินดีกับแฟนรูปหล่อของมึงหน่อยเหรอวะนน”
“ไปดิๆ นลินขอบใจที่เตือนสติกู...กูไปหาเบสก่อนนะ” ผมหันไปส่งสายตาขอบใจหญิงซ่าประจำกลุ่มอย่างจริงใจ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้เด็กมาเฟียใหญ่ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และเผ่นแน่บออกจากห้องไปหาสุดหล่อเมียรักที่เรียนอยู่อีกตึก
เมื่อมาถึงที่หมายผมก็ได้แต่ยืนยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว เพราะภาพตรงหน้าแท้ๆ ด้วยสุดหล่อเมียรักที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆในห้อง กำลังคุยกันอย่างออกรส พร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา และรอยยิ้มเดียวกันนี้แหละ ที่ทำให้ผมตกหลุมรักเบสตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แถมตอนนี้ผมยังมีอาการเดียวกับครั้งแรกที่ได้เห็นมันอีกด้วย เพราะหัวใจในอกมันค่อยๆเต้นอย่างช้าๆจนแรงขึ้นๆ และเต้นกระหน่ำแทบทะลุอก ร่างกายก็ขยับไม่ได้ ส่วนปากไม่ต้องพูดถึงว่าจะฉีกยิ้มกว้างขนาดไหน เหมือนว่าผมได้ตกหลุมรักในคนๆเดียวกันอีกครั้ง
“อ้าว ไอ้นนยืนทำไรอยู่ตรงนี้วะ ไมไม่เข้าไป...ไอ้เบส แฟนมาหาเว้ย!” ผมยังไม่ทันหันไปตอบไอ้พี่ฟู มันกลับหันตะโกนเข้าไปในห้อง เล่นเอาเสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังอยู่เงียบลงแบบไม่ได้นัดหมาย
เมื่อผมหันกลับไปอีกครั้งก็ให้ชะงักกับทุกสายตา โดยเฉพาะดวงตาคู่เรียวที่ส่องแสงระยิบระยับของคนที่กำลังมีความสุข ก่อนรอยยิ้มอบอุ่นเจือรอยหวานจะถูกส่งตรงมาที่ผม ทำให้อาการใจเต้นที่เพิ่งบรรเทาไป กลับมากำเริบขึ้นอีกครั้ง
“กรี๊ดดด น้องนนหน้าแดงด้วย น่ารักอ่ะเบส ขอได้มั้ยอ่ะ อยากได้ๆ แบบเนี้ย คิกๆ”
ผมเพิ่งรู้ตัวเนี่ยแหละว่าตัวเองหน้าแดง จึงรีบลูบหน้าส่งยิ้มเขินๆให้คนพูด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ และส่งยิ้มแหยๆให้กับเจ้าของสายตาคมปราบที่ตวัดมามองกัน
ถ้าผมจำไม่ผิด คนที่พูดประโยคนี้น่าจะเป็นหัวหน้าห้องของห้องนี้นะครับ คงสนิทกับเบสระดับหนึ่งเชียวล่ะ ถึงกล้าแซวเราแบบนั้น ผมน่ะไม่อะไรหรอกแต่ดูท่าสุดหล่อเมียรักจะไม่พอใจขึ้นมาแล้ว แต่ทำไมดูเหมือนว่าเบสจะไม่พอใจผมมากกว่าเพื่อนในห้องตัวเองด้วยล่ะ
สุดหล่อเดินหน้านิ่งเข้ามาหาผมช้าๆ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆในห้อง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าผม และหรี่ตาใส่ผมนิดทำเอาผมสะดุ้งเบาๆ แต่แล้วผมก็แทบหยุดหายใจ เมื่อเบสยกมือขึ้นแตะแก้มผม และยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ แต่ก่อนที่ปลายจมูกเราจะแตะกัน สุดหล่อก็หยุด ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นตั้งแต่เบสเดินมาหาผมนั้น กลับมีเสียงกรีดร้องและเสียงโห่แซวดังขึ้นคับห้อง
ผมยังไม่ทันตั้งตัวว่าจะรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี เบสกลับทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง อย่างการยืดตัวกลับและขยับตัวเข้ามายืนเคียงข้าง พร้อมกอดคอผมไว้ ก่อนจะพูดประโยคต่อมา ทำเอาไอ้ชนนนคนนี้ดีใจจนแทบบ้า แถมปากยังหุบยิ้มไม่ได้อีกด้วย
“คนนี้ยกให้ใครไม่ได้หรอก...หวง!” สิ้นเสียงหนักแน่นของสุดหล่อข้างกายผม คงไม่ต้องบอกว่าเสียงกรีดร้องเสียงโห่แซวจะดังกว่าเดิมแค่ไหน ยิ่งไอ้พี่ฟูเนี่ยโห่ดังกว่าใคร เรียกได้ว่าห้องข้างๆเนี่ยวิ่งมาดูกันเป็นแถว
ส่วนคนพูดน่ะเหรอครับ ตอนนี้น่ะหน้าแดงแข่งกับผมไปเรียบร้อยแล้ว แถมเบสยังเบือนหน้าหลบตาผม ทั้งๆที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้เกิดความโกลาหลนี้แท้ๆ ซึ่งคำพูดและการกระทำที่เปิดเผยของเบสขณะนี้ ทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองงี่เง่ามากที่เคยคิดอะไรไม่เข้าท่า เบสแสดงออกชัดขนาดนี้ ผมคงไม่ต้องกลัวกับคำว่าห่างไกลกันอีกแล้วจริงๆ เพราะห่างก็ห่างแค่ตัว แต่ใจของเรานั้นใกล้กัน และใกล้ชนิดที่ว่าเป็นหัวใจดวงเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นผมตัดสินใจกุมข้อมือสุดหล่อ และพาเดินออกมานอกห้อง ท่ามกลางเสียงแซวที่ดังตามมาจากด้านหลัง ผมพาเบสมาหลบอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างห้องชมรมรักบี้ ที่ขณะนี้ไร้ซึ่งผู้คน ก่อนผมจะกุมมือข้างที่ผมจับมาตลอดทางไว้ พร้อมส่งยิ้มจริงใจและสื่อว่ารักใส่ตาสุดหล่อ
“ขอบคุณนะครับที่พูดแบบนั้นออกไป อยากบอกว่านนดีใจ รักเบสนะ...นนยินดีกับผลสอบด้วยนะครับ ดีใจที่เบสติดคณะที่อยากเรียน” หลังคำบอกรัก ผมยกมือเบสขึ้นและแตะริมฝีปากไปที่ปลายนิ้วเย็นๆ ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มบางเบาไปพร้อมคำยินดี ซึ่งเบสเองก็แค่ยิ้มน้อยๆ ด้วยแก้มระเรื่อใส่ตาผม และรับคำอืออออยู่แค่ลำคอ
เรานั่งมองตากันท่ามกลางแสงแดดรำไรที่ลอดผ่านใบไม้ และสายลมเย็นๆของปลายฤดูหนาว ซึ่งเป็นภาพความทรงจำระหว่างเราที่ผมไม่มีวันลืมในช่วงชีวิตนักเรียน ก่อนเวลาจะหมุนผ่านพาเราให้โตขึ้น ทั้งร่างกาย จิตใจ และความรักของเราสองคน
ช่วงปิดเทอมก่อนที่เราจะต้องเรียนกันคนละที่ ผมต้องไปเรียนรู้งาน พร้อมติดต่อลูกค้ากับพี่ชนะที่ฮ่องกงเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ จึงถือโอกาสชวนแกมบังคับให้เบสไปด้วยกัน คราแรกสุดหล่อมีอิดออดไม่อยากไป เพราะไม่อยากทิ้งแม่ผกาให้อยู่บ้านคนเดียว
ผมจึงวางแผนให้ท่านแม่ชวนแม่ผกาออกเที่ยว เพื่อให้แม่ผกาได้หาแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายเรื่องใหม่ โดยให้เหตุผลแม่อรไปว่า การเที่ยวครั้งนี้ท่านจะได้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่จะทำให้เกิดนิยายเรื่องใหม่ของพวงชมพู ซึ่งแฟนคลับเบอร์หนึ่งของพวงชมพู จึงยิ่งกว่ายินดีที่จะทำตามคำพูดของผม ส่วนแม่ผกาเองก็เห็นดีด้วยที่จะไปเที่ยวตามประสาสาวๆกับแม่อร
ผมจึงมีโอกาสหนีบสุดหล่อเมียรักมาฮ่องกงด้วยกันอย่างไร้ซึ่งความกังวล และตั้งใจไว้เลยว่าแม้จะยุ่งแค่ไหน ผมจะปลีกตัวพาสุดหล่อเที่ยวสองต่อสองให้ได้
แต่แล้วฝันของผมก็ล่มไม่เป็นท่า เมื่อไอ้ธันว์และไอ้นลินรู้เข้า มันสองตัวดันทะลึ่งอยากตามผมมาเที่ยวด้วย โดยทั้งคู่พักอยู่ที่คฤหาสน์หวางตามคำสั่งของเฮียหลี่ผิง ซึ่งเฮียหลี่ผิงก็ชวนผม เบส และพี่ชนะให้ไปพักด้วยอยู่เหมือนกัน แต่พวกเราเกรงใจจึงเลือกที่จะพักในโรงแรมที่จองไว้ เพราะแค่ทางตระกูลหวางสนับสนุนเรื่องคู่ค้าให้กับทางชลาสินธุ์ก็มากพอแล้ว
ดังนั้นช่วงที่ผมต้องไปเรียนรู้งานและติดต่อลูกค้ากับพี่ชนะ ไอ้สองตัวก็มาฉกเมียผมไปเที่ยวด้วยหน้าตาเฉย ไอ้ผมเองก็ต้องจำใจให้เบสไป ดีกว่าให้สุดหล่อแกร่วรออยู่ในโรงแรมคนเดียว หรือแม้แต่จะให้สุดหล่อตามผมสองพี่น้องมาก็กลัวว่าจะเบื่อซะก่อน
วันนี้พอผมว่างผมจึงตัดหน้าไอ้สองตัว ด้วยการฉกเมียรักออกเที่ยวทันที และติดต่อผ่านไปทางเฮียหลี่ผิงให้ช่วยกันสองตัวนั้นไม่ให้มากวนเรา เพราะขืนผมบอกพวกมันเอง พวกมันคงจะเชื่อผมหรอก เฮียหลี่ผิงก็แสนดีรับปากว่าจะจัดการให้ แถมยังมีน้ำใจกับผมด้วยการส่งรถพร้อมคนขับมาให้ด้วย ผมจึงได้ออกเที่ยวสองต่อสองกับสุดหล่อสมใจ
เราเริ่มต้นด้วยการไปขึ้นกระเช้าข้ามทะเลสาบไหว้พระใหญ่เสริมสิริมงคลแห่งชีวิต ก่อนจะกลับลงมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์เบย์ ซึ่งเป็นหาดจันทร์เสี้ยวที่สวยที่สุดในฮ่องกง และไปหาอะไรกินที่ย่านจิมซาจุ่ย เป็นพวกบะหมี่เกี๊ยวที่ห่อกุ้งตัวใหญ่ กินทีล่ะเต็มปากเต็มคำ สุดหล่อชอบจัดถึงกับกินไปสองชาม ส่วนผมน่ะชอบกินเป็ดย่างสูตรฮ่องกง จึงกินคนเดียวเกือบหมดจาน ก่อนเราจะไปเดินย่อยในห้างฮาร์เบอร์ที่อยู่ย่านเดียวกัน ซึ่งผมและสุดหล่อได้รองเท้ากีฬามาคนละคู่
จวบจนบ่ายแก่ๆเราก็พากันขึ้นไปวิคตอเรียพีค สถานที่ที่เป็นจุดชมวิวสวยที่สุดของฮ่องกง อากาศที่เย็นกำลังดีกับวิวสวยๆ ทำเอาเราสองคนถ่ายรูปกันจนเพลิน เกือบจะลงมาไม่ทันดูซิมโฟนี่ออฟไลท์แถวเอฟเวนิวออฟสตาร์ สถานที่เดียวกับที่มีรอยมือของเหล่าซุปตาร์ทั้งหลายนั่นแหละครับ ซึ่งก็ถือว่าคุ้มด้วยแสงไฟหลากสีบนตัวตึกที่ถูกเปิดๆปิดๆเล่นจังหวะไปพร้อมเสียงเพลง เบสดูตื่นตาตื่นใจยิ้มกว้างแววตาสุกใส จนผมต้องหันกล้องมาจับภาพใบหน้าเมียรักแทนภาพตึกตรงหน้า
หลังจากจบการแสดงแสงสีเสียงบนตัวตึก ผมตั้งใจว่าจะพาสุดหล่อไปดินเนอร์ในสถานที่โรแมนติกสักแห่งเป็นการปิดท้ายวันของเรา แต่ผมกลับต้องรับสายเฮียหลี่ผิงที่คนขับรถตระกูลหวางยื่นมาให้ ก่อนเราจะไปกินมื้อเย็นกันที่ตระกูลหวางตามคำชวนของเฮียมาเฟีย
เมื่อมาถึงคฤหาสน์หวาง ผมจึงเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เป็นการกินมื้อเย็นธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงย่อมๆได้เลย เพราะทั้งสถานที่ทั้งอาหารดูอลังการเป็นพิเศษ ส่วนคนที่อยู่ในงานก็ไม่มีใครธรรมดาสักคน ด้วยพ่วงตำแหน่งบิ๊กบอสมาเฟียใหญ่ทั้งนั้น เพราะนอกจากไอ้ธันว์ ไอ้นลิน ผมกับสุดหล่อเมียรัก และพี่ชนะที่ถูกเชิญมาด้วยนั้น พวกเราดูเป็นคนธรรมดาที่สุดแล้ว ด้วยคนที่เหลือต่างไม่ธรรมดาสักคน
เริ่มจากคนตระกูลหวางหย่งกังที่มีหัวหน้าแก๊งอย่างปาปาหวางหลี่จวิน มามาหยางเฟิงหวงของสองฝาแฝดอย่างเฮียหลี่ผิงและเจ๊เหมยอิง ไม่เท่านั้นยังมีคนตระกูลหยางหลงเหยียนที่มีอากงหยางไป๋หลง อาหยางตี้หลง อาเจ็กธัช และน้องหยางเทียนหลงกับน้องหยางเหม่ยเทียนมาร่วมทานมื้อเย็นด้วย แถมพอเรากินกันไปสักพัก เพื่อนสนิทของเฮียหลี่ผิงอีกสามคนก็มาร่วมแจมด้วย ทำเอามื้อเย็นมื้อนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ
ตอนแรกผมก็กังวลว่าเบสจะอึดอัดไปกับคนไม่คุ้นเคย พาลไม่มีความสุขกับมื้อเย็น แต่เท่าที่ผมสังเกตสุดหล่อเองก็ดูมีความสุขใบหน้าประดับยิ้มตลอดเวลา ด้วยผู้ใหญ่ทุกคนให้ความเอ็นดูผม เบส และไอ้นลินไม่ต่างจากลูกหลานคนอื่น อย่างไอ้ธันว์และน้องเทียนหลงกับน้องเหม่ยเทียนเลยสักนิด
ส่วนพี่ๆน้องๆของสองตระกูลและเพื่อนๆของเฮียมาเฟีย ก็ให้ความเป็นกันเองกับพวกเราจนสนิทใจที่จะหยอกล้อด้วย อย่างไอ้นลินเองถึงขั้นกล้าตีซี้กับโจเซฟลูกครึ่งฮ่องกงอินเดีย ผู้เป็นทายาทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของฮ่องกง เพราะหวังจะให้โจเซฟพาทัวร์บริษัท ด้วยอยากเจอนักร้องในดวงใจของมัน ส่วนพี่ชนะก็ดูมีความสุขไม่น้อยที่ได้คุยเรื่องธุรกิจกับบิ๊กบอสของสองตระกูล ที่ถือว่าเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจหลักของฮ่องกงอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
เบสเองก็ถูกเจ๊เหมยอิงชวนคุยไม่ขาดปาก สงสัยคนสวยจะถูกใจเบสตั้งแต่เจอกันที่ไทยครั้งก่อนแล้ว ก็แหมสุดหล่อเล่นหึงผมออกนอกหน้าซะขนาดนั้นนี่ครับ และถ้าผมไม่รู้จักเจ๊เหมยอิงมาก่อน ผมคงหึงคนสวยไม่น้อยแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้ถึงผมไม่หึง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครแสดงอารมณ์นั้นอยู่นะ เพราะจากสายตากรุ่นๆและรังสีอาฆาตน้อยๆ ที่ไรอันใช้มองเมียผมนี่สิ มันบ่งบอกชัดว่าเจ้าของคิดอย่างไรกับเจ๊เหมยอิง
แต่ดูท่าเจ๊เหมยอิงจะไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบคิดไม่ซื่ออยู่ ซึ่งผมเองก็นึกเห็นใจคนแอบรักอย่างไรอัน จึงเข้าไปแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ ก่อนจะแกล้งดึงไรอันเข้ามาร่วมวงคุยในหัวข้อใหม่ที่ผมเปิดโอกาสให้ และค่อยๆปลีกตัวพาสุดหล่อออกมา เพื่อปล่อยให้ไรอันได้คุยกับเจ๊เหมยอิงสองคน
จนทั้งโจเซฟกับพอลเข้ามาตบไหล่และขอบคุณผมเป็นการส่วนตัว จึงพลอยทำให้สุดหล่อที่ยังงงๆกับพฤติกรรมของผมได้เข้าใจไปด้วย แต่ทั้งคู่ก็คุยกันลำพังไม่นาน เมื่อเฮียหลี่ผิงลากไอ้ธันว์เข้าไปแทรกกลางคนทั้งคู่ ผมจึงได้รู้ว่าอาเฮียมาเฟียไม่ได้ขี้หวงเฉพาะแฟนตัวเอง แต่กับน้องสาวฝาแฝดอาเฮียก็หวงไม่แพ้กัน จนผมนึกเห็นใจไรอันขึ้นมา เพราะดูแววแล้วเส้นทางรักไม่น่าจะราบรื่นนัก
นั่งคุยนั่งดื่มกันไปสักพักอาเจ็กธัชก็ขอตัวกลับ เพราะน้องเหม่ยเทียนง่วงนอนจนตาปิด ทำให้อาตี้หลงถึงกลับต้องอุ้มน้องขึ้นรถ ก่อนพวกเราจะเดินไปส่งคนตระกูลหยางที่หน้าคฤหาสน์ พร้อมพี่ชนะที่ขอตัวกลับก่อน โดยมีคนขับรถตระกูลหวางไปส่งที่โรงแรม ก่อนพวกเราจะกลับมานั่งคุยนั่งฟังเพลงกันต่อ โดยที่ปาปามามาของเฮียหลี่ผิงได้ขอตัวไปพักผ่อน ตั้งแต่ส่งคนตระกูลหยางกลับแล้ว
ไม่นานจากนั้นไอ้ธันว์ก็นั่งตาปรือ ก่อนจะฝืนสังขารไม่ไหว จนนั่งหลับคาอกเฮียหลี่ผิง ทั้งๆที่ก่อนหน้าผมและไอ้นลินไล่มันขึ้นไปนอนแล้วแท้ๆ แต่มันดันดื้อนั่งฟังพวกเราคุยกัน แล้วเป็นไงสภาพไม่ต่างจากน้องน้อยของตัวเองเลย แถมยังเป็นภาระให้เฮียมาเฟียมาคอยดูแลอีก แต่ดูท่าเฮียหลี่ผิงจะไม่ได้คิดอย่างผม เพราะสายตาที่เฮียหลี่ผิงใช้มองไอ้ธันว์นั้นดูอบอุ่นไม่น้อย แถมยังลูบหัวมันด้วยท่าทางอ่อนโยนอีก ทำเอาไอ้นลินที่เห็นเหตุการณ์ไม่ต่างจากผม ถึงกลับกระตุกชายเสื้อผมยิกๆและจ้องคนทั้งคู่ตาพราว เอากับมันสิ ไอ้สาววายตัวแม่!
พวกเราอยู่คฤหาสน์หวางกันจนเกือบเที่ยงคืนจึงได้เวลาแยกย้าย ผมกับเบสถูกพามาส่งที่โรงแรมโดยรถของตระกูลหวาง ซึ่งสุดหล่อหลับคาตักผมมาตลอดทาง เบสคงเพลียจัดเพราะผมพาเที่ยวตั้งแต่เช้ายันเย็น ผมจึงมีโอกาสสำรวจใบหน้าสมบูรณ์แบบของคนรัก
แม้จะมองมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ไม่เคยนึกเบื่อ ทั้งคิ้วเข้มๆ เปลือกตาบางใส ขนตาหนา จมูกโด่งได้รูป ที่สำคัญริมฝีปากนิ่มสีแดงสดยิ่งน่าหลงใหล ทำเอาผมอดใจไม่อยู่ ก้มหน้าเข้าหาริมฝีปากนุ่มอย่างช้าๆ พร้อมบดคลึงเบาๆพอให้หายมันเขี้ยว แต่ก่อนที่ผมจะผละออก ริมฝีปากนุ่มดันเผยอเปิดรับ และส่งปลายลิ้นยื่นเข้าหาผม
โอกาสดีๆแบบนี้ไอ้นนรึจะยอมพลาด ผมดูดลิ้นนุ่มเบาๆเป็นการตอบรับ ก่อนจะเป็นฝ่ายเกี่ยวลิ้นและกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากอุ่น จนสุดหล่อเบี่ยงหน้าหนีนั่นแหละ ผมจึงเงยหน้ากลับมานั่งดีๆอีกครั้ง เบสนอนหอบแผ่นอกสะท้อนไปมา ก่อนจะพลิกหน้ากลับมาสบตากับผม ด้วยแววตาเชื่อมหวานแฝงแววหยอกเย้า ทำเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ฮึๆ เดี๋ยวนี้ชนนนเขินบ่อยจังนะครับ” ฟังคำพูดคำจาของเมียสุดหล่อของผมซะก่อนเถอะ เดี๋ยวนี้มีแซวสามีแบบไม่กลัวเลย ว่าจะถูกลงโทษกับการช่างพูดหนักขนาดไหน
ผมได้แต่พยายามเก๊กหน้าและกระแอมเรียกสติอีกนิด ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ตาสุดหล่อเมียรัก ที่นอนมองยิ้มๆอยู่บนตักผม
“เดี๋ยวนี้สุดหล่อของนนก็ช่างพูดให้นนเขินเนอะ แต่บอกไว้ก่อน ยิ่งเบสทำนนเขินเท่าไหร่ นนขอตีความว่าเบสกำลังยั่วนนมากเท่านั้น ซึ่งผลของการยั่ว เบสรู้ใช่มั้ยว่าจะเจอกับอะไรบ้าง” ผมหรี่ตาและแสยะยิ้มใส่ตาแวววาวของเมียรัก
เบสเองก็ไม่มีแววว่าจะหวั่นไหวไปกับคำพูด และท่าทางของผมสักนิด แถมยังหัวเราะเสียงนุ่ม พร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผมแรงๆด้วย
“ฮึๆ เบสรู้หรอกน่า ว่านนน่ะมันหื่น ถึงเบสไม่พูดแบบนั้น อย่างนนก็คงเข้าข้างตัวเอง และพาเบสเข้าเรื่องจนได้นั่นแหละ แต่ทำไงได้ ในเมื่อรักแล้ว ก็คงต้องยอมรับไอ้หมาป่าจอมหื่นคนนี้ให้ได้อยู่แล้วล่ะนะ ฮึๆ”
“งั้นคืนนี้เตรียมตัวไว้เลยที่รัก ไม่เช้าไม่เลิก ครึๆ”
ผมขู่ขนาดนี้ แต่เชื่อมั้ยว่าสุดหล่อยังคงนอนยิ้มยั่วใส่ตาผมได้อีก จนผมอยากให้ถึงโรงแรมเร็วๆ หมาป่าอย่างผมจะได้จับลูกแกะน้อยช่างยั่วเขมือบยันเช้าอย่างที่ขู่ไว้ แล้วเราจะมาคอยดูกันว่าลูกแกะปากเก่งจะยังยิ้มยั่วใส่ผมได้อีกรึเปล่า ครึๆ
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะคนที่มีใจดวงเดียวกันนี่น่าอิจฉาซะไม่มีเนอะ

ตอนนี้มีใครอิจฉาชนนนบ้างมั้ย ฟังสุดหล่อพูดมาแต่ละอย่างสิ
แทบกลั้นใจตาย ไอ้ดำตูดหมึกไม่รักไม่หลงทนได้ก็แปลกแล้วเนอะ
และใครที่คิดถึงตระกูลหวางตระกูลหยางคงคลายความคิดถึงไปได้บ้างน้า
มากันยกตระกูลเลย
ตอนหน้าพลาดแล้วจะเสียใจน้า ไหนๆก็ได้เห็นเบสหึงหวงนนแล้ว
ถ้าไม่ได้เจอเบสในเวอร์ชั่นยั่วยวนก็กระไรอยู่เนอะ

ที่ว่ามาน่ะตามอ่านได้วันอาทิตย์น้า
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
