รักเรา(ไม่)เท่ากัน
CHAPTER 9...ความรู้สึก กับ เหตุผล“อยากไปไหนมั้ย”
ทิวาละสายตาจากท้องทะเลกว้างหันไปมองยังต้นเสียงเบื้องหลัง ชายหนุ่มร่างสูงเดินใกล้เข้ามา ใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มอย่างที่ได้เห็นมาหลายวันแล้ว ดวงตาเหยี่ยวจับจ้องร่างนั้นไม่วางตาจนกระทั่งรัตติกาลทรุดกายนั่งเคียงกันเขาถึงได้เบือนใบหน้าหันกลับไปยังท้องฟ้าสีครามสดใสรับสายลมอ่อนๆกับท้องทะเลที่สร้างเสียงดนตรีธรรมชาติ
ตั้งแต่มาถึงทิวาก็เหมือนจะจมอยู่กับธรรมชาติจนไม่อยากจะสนใจอย่างอื่น มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศสดชื่นแบบนี้ และที่นี่ก็ทำให้เขาหลงรักอย่างจัง บ้านหลังน้อยบนเนินหญ้าสั้นฟูๆนุ่มๆ ดอกไม้ ต้นไม้ มีฉากหลังเป็นฟ้ากว้างกับทะเลสุดลูกหูลูกตา ต่อให้ดิ้นรนแทบเป็นแทบตายคนอย่างเขาก็ไม่มีทางได้สถานที่แบบนี้มาครอง
“ไม่อยากไปเที่ยวที่อื่นหรอ” เสียงเดิมยังถามซ้ำอีก ทิวาแค่พยายามปล่อยเสียงนั้นให้ผ่านไปกับสายลม ทุกสิ่งที่เขาพบที่นี่มันวิเศษที่สุด แต่จะดียิ่งกว่าถ้าจะไม่มีคนๆนี้อยู่ด้วย
“หิวรึยัง”
ทำไมฟ้าถึงได้สดใสขนาดนี้นะ ลมก็เย็นจนอยากจะเคลิ้มหลับ
“ทิวา”
ดวงตาเหยี่ยวค่อยๆปิดสนิทลง สูดหายใจเข้าลึกซึมซับกลิ่นไอทะเล พยายามจินตนาการว่าณ.ที่ตรงนี้มีเพียงตัวเอง ทิวานั่งนิ่ง ปล่อยให้สายลมเย็นสบายโอบผ่านรอบตัว แต่...เขาคงลืมไป ว่าคนข้างๆนั้นเอาแต่ใจ และเป็นจ้าวแห่งอารมณ์ขนาดไหน เพราะทันทีที่การเมินเฉยของทิวาดำเนินมาถึงจุดสูงสุดที่อีกคนจะรับได้ ร่างที่เคยนั่งชันเข่าก็ถูกผลักให้ล้มลงไปกับผืนหญ้านุ่ม ทิวายิ่งหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากถูกทาบทับตามมา แม้จะออกแรงเม้มปากให้สนิทสักแค่ไหน แต่รัตติกาลก็มีวิธีเปิดมันได้อย่างง่ายดาย
รัตติกาลบีบแก้มนวล จูบซับไปกับความหอมของลำคอเรียวสวย เลาะเล็มปลายคางมน ต่อเมื่อริมฝีปากโดนแรงบีบเค้นไม่ไหวจนหลุดเผยอ เขาจึงรีบแทรกริมฝีปากตัวเองเข้าทาบทับในทันที ทิวาออกแรงขัดขืน แต่ในเมื่อความต่างของร่างกายก็ชัดแจ้งอยู่แล้ว การดิ้นรนของคนที่ตัวบางกว่าจึงไม่เป็นผลสักนิด
เมื่อเรียวลิ้นรุกรานเข้าไปสัมผัสความชุ่มชื้นอันแสนหอมหวาน ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่รัตติกาลได้ลิ้มรสจุมพิต จูบของทิวาทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มได้มากที่สุด การต่อต้านเล็กๆน้อยๆเหมือนกับยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากสัมผัสมากขึ้น ราวกับกำลังวัดฝีมือว่าจะทำให้ทิวาคล้อยตามได้เร็วแค่ไหน เขาชอบทุกครั้งที่เรียวลิ้นอีกฝ่ายตอบกลับการรุกรานอย่างลืมตัว มันเหมือนว่าเขาได้รับรางวัลที่ทำให้ร่างข้างใต้เคลิบเคลิ้มได้สำเร็จ
ชายหนุ่มละริมฝีปากหลังจากตักตวงความหวานอย่างพอใจ ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆยามทิวาค่อยๆลืมเปลือกตาขึ้นจ้องมองเขา ก็ไม่ได้หวังว่ามันจะหวานซึ้งหรอกนะ แต่ไอ้การจิกตามองเหมือนจะฆ่ากันก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายเหมือนกัน
“ลุกไป” คำสั่งสั้นๆลอดริมฝีปากที่แทบจะปิดสนิทออกมา แต่รัตติกาลก็หาได้สนใจ ร่างหนายังคงทาบทับร่างบางเอาไว้ เบี่ยงตัวเพื่อเท้าแขนกับผืนหญ้าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมให้มืออีกข้างคลายอ้อมกอดรัด
“ถามไม่ตอบ เรียกไม่สนใจ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” คาดโทษเสียงเรียบทั้งที่ใจกลับสนุกสนานไปกับสีหน้าบูดบึ้งที่ตอบกลับมา
“น่ารำคาญ”
“อะไรนะ” เขาได้ยินชัดเจนกับเสียงบ่นพึมพำ แต่ที่ถามย้ำเพราะอยากจะรู้ว่าทิวาจะตอบว่ายังไง
“น่ารำคาญ!...อื้อ!!!” ชัดเจนเต็มสองรูหู ไม่มีการแถให้น่ารักน่าใคร่สักนิด ตรงไปตรงมาจนต้องปิดปากด้วยจูบอีกสักครั้ง ดูดริมฝีปากหนักๆแล้วปล่อยคนหน้าบึ้งให้เป็นอิสระ รัตติกาลลุกขึ้นนั่งพร้อมกับฉุดอีกร่างให้ลุกตาม สายตาคมมองคนถูกปากแรงๆอย่างเอ็นดูปนหมั่นไส้
“จะไปกินข้าวหรือจะอยู่บนเตียงตลอดวันที่เหลือเลือกเอา”
“กินข้าว!” ไม่ต้องคาดเดาคำตอบให้ยุ่งยาก เพราะถ้ามีทางอื่นที่ไม่ต้องขึ้นเตียงกับเขาทิวาคงเลือกโดยไม่ลังเล
รัตติกาลขับรถมาที่ร้านอาหารทะเลร้านหนึ่งที่ตัวเองกับเพื่อนมากินทุกครั้งที่มาที่นี่ เป็นร้านบรรยากาศสบายๆริมทะเล รสชาติก็ไม่ได้อร่อยเลิศอะไรเพียงแต่บรรยากาศดีกว่าร้านอื่นในละแวกใกล้เคียง ตอนแรกตั้งใจว่าจะพาทิวาไปหาอะไรกินในเมือง แต่เจ้าตัวต้องการร้านใกล้ๆกับที่พัก แถมออกปากย้ำว่าไม่ต้องพาไปไหนอีกต่างหาก ถ้าทางจะหลงรักบ้านหลังเล็กนั้นเสียเต็มเปา
“แพ้อะไรมั้ย” รัตติกาลถามหลังจากพนักงานแจกเมนูให้ทั้งสองเปิดดู
“ไม่ อยากสั่งอะไรก็สั่งเหอะ”
“อยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้”
“อะไรก็ได้ไม่มี” ตามคาด คนยั่วง่ายเงยหน้าบูดๆขึ้นมาจากเมนู “บอกมาเร็วๆ”
“...ปลาเผา อืม...” ทิวาเปิดเมนูไปเรื่อยๆ กลับไปกลับมาเพื่อหารายการที่อยากกิน คิ้วขมวดจนน่าสงสัยว่าจะตัดสินใจยากอะไรนักหนากับแค่อาหารที่จะกิน “ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว ทะเลเดือด อืม...แล้วคุณล่ะ”
รัตติกาลยิ้มกริ่ม ก่อนจะเริ่มสั่งรายการของตัวเองบ้าง “เนื้อปูปัดผงกะหรี่ ข้าวมั้ย? เอาข้าวโถหนึ่งนะเท่านี้ครับ”
“จะรับน้ำอะไรดีครับ”
ทันทีที่สิ้นเสียงเด็กเสิร์ฟ เขาที่กำลังจะสั่งเบียร์เย็นๆเป็นอันต้องหยุดค้างเพราะทิวาจัดแจงสั่งให้เสร็จสรรพ “น้ำมะพร้าวสองครับ” แถมยังแอบส่งยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่าส่งให้เสียอีก ไอ้เขาก็ได้แต่อมยิ้ม ก้มหน้าก้มตายอมรับน้ำผลไม้ไร้แอลกอฮอล์ไป
ระหว่างรออาหารความเงียบก็เข้าปกคลุม ระห่างเพียงแค่โต๊ะไม้กั้น แต่สำหรับรัตติกาลมันเหมือนใกล้ราวกับนั่งใกล้กัน เขาไม่เคยสบายใจเวลาอยู่กับใครได้มากเท่านี้ ร่างสูงนั่งพิงหลังกับเก้าอี้ไม้ จมูกสูดลมทะเล สายตาจับจ้องคนตรงหน้าที่บัดนี้ทอดทิ้งเขาไปกับธรรมชาติอีกครั้ง ทิวายกมือเท้าคางมองเหม่อไปยังทะเลด้านนอก สายตาอ่อนโยนกับรอยยิ้มบางๆที่แตะแต้มบนใบหน้า เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รัตติกาลแย้มยิ้มตามอย่างง่ายดาย
“มีความสุขมั้ย” เขาถามด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างที่ตัวเองยังไม่คาดคิด แต่มันก็ออกจากปากไปแล้ว ทิวาแค่ปรายสายตาหันมามองและกลับไปจ้องทะเลที่มันน่ามองกว่าเขาดังเดิม
“ความสุขกับคนอย่างผมมันอยู่ไม่นานหรอก ผมก็แค่คนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ พยายามไม่ไปทับเส้นทับเท้าใคร สุขหรือไม่สุขผมก็ต้องยิ้มรับทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป คุณกำลังจะบอกว่าอยู่กับผมมันไม่สุขเอาเสียเลยใช่มั้ย”
“ก็ไม่รู้สินะ” ทิวายิ้มชอบใจ เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรแม้แต่น้อย เพราะเขาบังคับให้ต้องอยู่ใกล้ชิด บังคับให้ต้องอยู่ในอ้อมกอด ด้วยสัญญาหนึ่งเดือน ระยะเวลาที่เขาเคยคิดว่ามันนานเกินกว่าที่จะหลงใหลใครสักคน
แต่ตอนนี้...เขาคิดว่ามันสั้นเกินกว่าใจจะต้องการ
“แล้วคุณล่ะ...มีความสุขมั้ยกับสิ่งที่ทำกับผม” ทิวาไม่หันมามองหน้าเขา แต่รอยยิ้มเบาบางได้จางหายไปแล้วในตอนนี้ เหลือเพียงประกายตาหม่นเศร้าที่แม้มองจากเสี้ยวหน้าเขาก็ยังรับรู้ได้
มันไม่ใช่เรื่องที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ ทั้งข่มขู่ ทั้งข่มขืน เรื่องเลวๆทุกอย่างที่ทำกับทิวา มันไม่ใช่เรื่องที่จะอภัยให้กันง่าย แต่เขาไม่ใช่คนดี เป็นคนเอาแต่ใจ และเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ความต้องการของเขาต้องสำคัญเสมอ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาเป็น เขาไม่เคยต้องพยายามมากมายที่จะเอาใครขึ้นเตียง ไม่เคยมีคู่นอนคนไหนที่จะไม่เรียกร้องร่างกายเขา แต่กับทิวาเขาต้องพยายามอย่างมากมาย ต้องเลวสารพัด
เขาได้ร่างกายมาครองอย่างที่เคยออกปากว่าต้องการเพียงเท่านั้น
แต่...
ตอนนี้มันเหมือนจะไม่เพียงพอ
“ผม...ไม่มีความสุข...กับสิ่งที่ทำกับคุณ” เสียงเบาหวิวที่ผ่านริมฝีปากออกไปมันเหมือนไม่ใช่ตัวเขา และยามร่างตรงหน้าละสายตาจากทะเลกว้างหันกลับมามองด้วยสายตาไม่คาดคิด ความมั่นใจที่เคยมีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวผู้ชายที่ชื่อรัตติกาลเหมือนจะหดหายลงไปเรื่อย ดวงตาเหยี่ยวจับจ้องเขาราวกับเป็นใครสักคน
“แต่ทุกครั้งที่อยู่กับคุณผมมีความสุขมากๆ”
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเราอีกครั้ง แต่ครานี้มันมีความอึดอัดแปลกๆเกาะติดมาด้วย
“เพราะฉะนั้น... ช่วยอยู่กับผมก่อนนะ”
“...ผมจะไปไหนได้” ทิวาละสายตาจากเขาอีกครั้ง “คุณมีคลิปอุบาทนั่นอยู่”
ผมไม่ได้มีคลิปห่าเหวนั่นเลย.... เขาอยากจะพูดมันออกไปเสียตอนนี้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นแล้วก็เหมือนจะไปติดปีกให้ทิวาโบยบินไปจากเขา เอาเถอะ...เขาก็เลวมาตั้งแต่แรกแล้ว จะเลวต่อจนจบเรื่องก็คงไม่แปลกอะไร
“รู้ก็ดี” ทิวาแค่แค่นยิ้มรับคำ ใบหน้าที่เขาหลงใหลยิ้มเยาะราวกับกำลังสมเพชตัวเอง *-*-*-*-*-*-**-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
“เห็นแม่บอกว่าสองไปพบคุณรัตติกาลมาหรือ” เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจของหัวหน้าตระกูลภวภิรมย์ ถามลูกสาวเพียงคนเดียวขณะทานอาหารค่ำพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ด้วยเพราะกำลังสนุกกับกิจการทัวร์ทางใต้ที่ทำท่าจะไปได้ดี
“ค่ะ... พี่เขาก็ดูดีสมกับที่ใครๆร่ำลือ” อติกานต์ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างไม่รู้สึกอยาก “หล่อ สูง ดูฉลาด การงานฐานะ เรียกว่าสมบูรณ์แบบก็ได้ค่ะ”
“ขนาดนั้นเชียว หนึ่งก็ชมให้พ่อฟังเหมือนกัน ชักอยากจะเจอตัวจริงซะแล้วสิ” คุณอนันต์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ที่ไม่ต่างไปจากสมัยหนุ่มๆเท่าไหร่นัก
“พ่อก็พูดไป คุณเดียวไม่ใช่ดาราที่ไหนสักหน่อย แต่ถ้าอยากเจอคงต้องให้ทิวพามาซะล่ะมั้ง” เอกสิทธิ์หยอกผู้เป็นพ่ออย่างไม่คิดอะไร แต่ชื่อของน้องชายอีกคนที่หลุดจากปากกลับสร้างปฏิกิริยาโต้กลับจากน้องสาวแท้ๆเพียงคนเดียว อติกานต์วางช้อนเสียงดังจนเขารู้ตัว ทำให้ต้องเหลือบมองสีหน้าของมารดา แม้เขาจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันนานมากแล้วและมารดาก็ทำใจได้ตั้งแต่ยินยอมรับทิวาเข้าบ้าน แต่ใครสักคนได้พูดไว้และเอกสิทธิ์ก็ยอมรับว่ามันจริงแท้...ใจนางยากแท้หยั่งถึง...
“เกี่ยวอะไรกับทิว” อติกานต์เอ่ยเสียงเข้ม สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ก็เขาเป็นเพื่อนกัน” คนเป็นพี่รีบแย้ง
“ไม่ต้องยืมมือมัน สองก็พาคุณเดียวมาให้พ่อเจอได้”
“เอ๊ สอง! ทำไมเรียกพี่เขาว่ามัน” คุณอนันต์รีบปรามลูกสาวที่ถูกตามใจตั้งแต่เล็กจนโต แต่การห้ามของเขากับยิ่งไปเติมเชื้อไฟให้มันระอุยิ่งขึ้น
“ทำไมสองจะเรียกไม่ได้ ก็แค่ลูกชู้คนหนึ่ง” คำพูดที่หลุดออกจากปากของลูกสาวคนเล็กของบ้านสร้างบรรยากาศเครียดขึงก่อเกิดบนโต๊ะอาหาร
“สอง / ยัยสอง” พ่อและพี่ชายร้องออกมาพร้อมกัน สีหน้าทั้งคู่ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าทำไมอติกานต์ถึงไม่ยอมปล่อยผ่าน ทำไมต้องคอยขุดเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น คอยโจมตีทิวาด้วยคำพูดอคติต่างๆนานา
“พอได้แล้วยัยสอง เรื่องมันตั้งนานนมมากแล้ว” คุณอรดีพูดขึ้นในที่สุด รวบช้อนส้อมกับจานอย่างเชื่องช้า ไม่ปรายตาไปมองลูกสาวที่ยังคงชักสีหน้าไม่พอใจอยู่ด้านข้างแม้แต่น้อย “ทุกวันนี้ทิวก็แทบจะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไร ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ สองยังไม่พอใจอะไรอีก”
“คุณแม่ก็เอาแต่ซ่อนความรู้สึกเอาไว้ คุณพ่อก็เลยไม่รู้เลยว่าคุณแม่เจ็บขนาดไหน” อติกานต์ลุกขึ้นจนเก้าอี้คลอนไปด้านหลัง มองมารดาด้วยสายตาปวดร้าว ก่อนจะปรายตามองไปยังบิดาที่ไม่ยอมรับรู้อะไร
“สอง...” คุณอรดีแทบจะครางชื่อลูกสาวออกมา
“ยังไงสองก็ไม่ชอบหน้ามัน สองเกลียดมัน”
ทุกคนบนโต๊ะได้แต่มองหญิงสาววัยรุ่นคร่ำครวญโวยวายก่อนจะเดินออกไป คนเป็นพ่อได้แต่เก็บกดความรู้สึกผิดต่อครอบครัวที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ลูกสาวคนสำคัญก็ไม่ยอมให้มันสลายไป หากคนที่รู้สึกผิดที่สุดคงไม่พ้นคุณอรดี มันเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดใจ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สิ่งที่ตัวเองได้เคยกระทำ สิ่งที่เคยแสดงออกต่อหน้าลูกสาว มันกลายเป็นเงื่อนปมใหญ่ที่ผูกมัดให้ลูกสาวที่น่ารักละความรู้สึกจากอดีตไม่ได้
เธอคร่ำครวญ ร้องไห้แทบเป็นแทบตาย ได้แต่กอดร่างน้อยของอติกานต์ให้ไออุ่นช่วยบรรเทาความเศร้าที่ถูกหักหลังจากสามีที่รัก ก่นด่าหญิงที่มาเป็นบุคคลที่สาม คนที่ทำให้สามีต้องปันใจ หักหลังเธอและลูกๆ สอนสั่งให้เด็กที่ยังคงเป็นผ้าขาวตั้งป้อมเกลียดชังลูกชายอีกคนของสามี เธอเป็นคนผิดมาตั้งแต่แรกที่ฝังหัวลูกสาวแบบนั้น
“ผมขอโทษนะคุณอร” คุณอนันต์เอ่ยเสียงแผ่ว สายตาจับจ้องไปยังทางที่ลูกสาวเพิ่งกระฟัดกระเฟียดออกไป “เพราะผมแท้ๆ”
“เพราะตอนนั้นฉันอ่อนแอเกินไปต่างหาก สองถึงได้กลายเป็นแบบนี้” ภรรยาส่ายหน้าปฎิเสธ เอื้อมมือบางจับฝ่ามือใหญ่ของชายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานที่ยังวางค้างอยู่บนโต๊ะ แย้มยิ้มน้อยๆราวกับจะปลอบใจกันและกัน “เรื่องมันผ่านมานานและค่ะ ถ้าฉันละความโกรธไม่ได้คงไม่ยอมให้คุณพาทิวเข้ามาหรอก”
เอกสิทธิ์จ้องมองบิดาและมารดาเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจให้กัน แต่ในสายตาของอติกานต์กลับตีความว่ามันเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ เขาไม่เคยโทษน้องสาวที่ร้ายใส่ทิวาอย่างไม่มีหยุดหย่อน เขาเข้าใจว่าน้องรักแม่มาก และสงสารแม่มากเช่นกัน น้องเลยโทษทุกสิ่ง ตั้งป้อมโกรธแค้นกับคนที่ทำให้แม่ต้องเป็นทุกข์
และเขาก็สงสารทิวาเช่นกัน น้องสายคนนี้ไม่ใช่คนก่อ เพียงแต่เป็นผลลัพธ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความรักของพ่อกับใครอีกคน ทิวาไม่เคยโต้เถียง ไม่เคยแย้งกลับ ไม่ว่าคำพูดของอติกานต์จะรุนแรงหรือร้ายกาจแค่ไหน แม้แต่แม่ที่ยินยอมรับเลี้ยงทิวาต่อจากครอบครัวเก่าก็ไม่ได้ให้ความสนิทสนม เรียกว่าแทบจะไม่ได้พูดกันเลยมากกว่า จนดูเย็นชา
แม้มารดาจะละความโกรธที่มี แต่ความตะขิดตะขวงใจคงจะไม่ลบเลือนง่ายๆ การวางเฉยต่อทิวาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่แม่ของเขาจะทำได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บไปมากกว่าเดิม
เอกสิทธิ์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ความอยากอาหารหมดไปตั้งแต่เสียงช้อนของอติกานต์กระแทกจาน มองหน้าคู่สามีภรรยาที่ยังคงพูดคุยกันแผ่วเบาราวกับทั้งโต๊ะมีแค่สองคนแล้วก็ให้ถอนใจ ...ทิวาเกือบจะกลายเป็นคนที่ไม่ยอมเปิดใจกับใครง่ายๆ ในฐานะคนเป็นพี่ ก็อยากจะให้ใครสักคนมาทะลายกำแพงนั้นลง เพื่อทิวาจะได้มีความสุขจากใจเสียที*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
รัตติกาลโอบร่างโปร่งที่หลับสนิทให้แนบเนาดังเช่นทุกคืน พักหลังๆเหมือนเขาจะเป็นโรคประหลาด คืนไหนไม่ได้กอดคนนี้แล้วจะเกิดอาการหลับยาก จะกระสับกระส่ายจนเหนื่อยถึงจะได้จมลึกไปกับความฝัน ทิวาตัวอุ่น ทิววาตัวหอม แค่นอนมองใบหน้ายามหลับแบบนี้ก็ราวกับเขาเป็นเด็กน้อยที่ได้ฟังนิทานกล่อมนอน
ระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ ทิวาเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ แค่เรื่องทั่วไปสำหรับคนอย่างเขาก็ขาดทิวาไม่ได้แล้ว เพราะตั้งแต่ได้ร่างกายนี้มากกกอด ร่างกายก็แทบจะเรียกหาแต่ทิวาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนเสพย์ติดเซ็กส์ไปแล้ว นอนกับใครก็ไม่สุขเท่ากับทิวา กอดกับใครก็ไม่อุ่นเท่าทิวา
...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จนคนในอ้อมกอดส่งเสียงประท้วงเพราะอึดอัด เขายินยอมคลายแรงรัดลงหากเบียดตัวให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ฝังใบหน้าไปกับพวงแก้มนวล สูดดมความหอมเป็นครั้งสุดท้ายของคืน ก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับกลุ่มผมนุ่ม
เวลาที่สัญญาเหลือน้อยลงทุกที
ทำยังไงดีนะ... ยังไม่อยากปล่อยร่างนี้ไป ยังไม่เบื่อสักนิด ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งหลงมากขึ้นเป็นเท่าทวี ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรให้ประทับใจ ทั้งที่ขัดขืนอยู่ตลอดเวลา แค่พูดกันดีๆยังแทบหาช่วงเวลาไม่เจอ
แต่ทำไมเขาถึงยังต้องการทิวาอยู่ล่ะ?
ไม่ใช่แค่ร่างกายหรือหน้าตาอีกต่อไปแล้วที่ทำให้เขาโงหัวไม่ขึ้น แต่เป็นทิวาต่างหาก เป็นทิวาที่ทำให้เขาหลงใหลจนคล้ายคนไม่สมประกอบ ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ เอาแต่จ้องจะไปจากเขา เอาแต่โกรธเกลียดเขา
ทำไมกันนะ?
ความรู้สึกนี่มันช่างตลกจริงๆ ____________________________________________________________________________
TBC.__________________________________________________________________________________
มาแล้วจ้า!!!!
คนเขียนใกล้พ้นทุกข์(?....ใกล้ตายสินะ)
ขอบคุณที่ยังรอนะจ๊ะ
รักคนอ่าน

รักคนเม้น
Untill we meet agaiN