@@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++  (อ่าน 575079 ครั้ง)

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
คนเขียนสุดยอดมากครับ ^^

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
อ่านไปก็ลุ้นไป (อีกแล้ว) แต่ตอนนี้ก็กระจ่างหมดแล้ว
ได้เห็นความร้ายกาจ ความเห็นแก่ตัว และด้านมืดของมนุษย์ :เฮ้อ:
ทุกคนมีด้านนี้อยู่ในตัวทุกคนแหละ แต่ถึงขนาดเอาชีวิตคนมาแลกนี่ไม่ไหว
ดีที่ยังไม่มีใครเสียชีวิต สงสารก็แต่พระมเหสีนั่นแหละ ไม่รู้เรื่องด้วยเลย
แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือชีวิตน้อยๆไว้ให้ผักตบอุ้มท้องดูแล
ขอให้หนีรอดได้โดยที่ไม่มีใครเป็นอะไรเลยเถอะ :ling1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
แบบนี้นี่เอง
สมน้ำหน้ายัยป้าแม่มด :laugh:
ได้แต่หวังให้ผักตบพาทุกคนหนีไปให้ได้นะ  ยัยป้านี่น่ากลัวกว่าตาลุงปิตุลาซะอีก :ling3:

Der_Schwammkopf

  • บุคคลทั่วไป
 รอผักตบ กะ สวามี อิอิอิอ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
มีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อ่านซ่ะจุใจกันเลยทีเดียว

 :laugh: :katai2-1: :katai2-1: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
ตอนตะขาบแก้วออกมาจากปากหนึ่ง เข้าไปอีกปากหนึ่งนี่ อึ๋ยยยย สยองสุดยอดเลย
นึกถึงทายาทอสูร เหอๆ
แต่ที่น่าตกใจสุดคือองค์ชายวายุให้น้องตบอ้าปากรับตะขาบเข้าไป
ตอนหลังเฉลยเหตุผล อ่อ งี้เอง ค่อยยังชั่ว  555

kannipa

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นทังตอน ปล.แอบเกลียดองค์ชายดินเบาๆ

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
ความเลวร้ายของพระปิตุฉาเปิดเผยออกมาแล้ว น่าสงสารองค์ธรณินที่่มีแม่แบบนี้
ก็หวังว่าผักตบจะพาทุกคนกลับไตรคานได้อย่างปลอดภัย
ปล.ผักตบเอ๋ย ได้ลูกแถมมาอีกหนึ่งซะงั้น

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
โหย เค้าคู่กันตั้งแต่ในท้องเลยวุ้ย :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hummer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-12
ตามติดหนึบ!!!

สงสัยคู่ลูก เป็นแบบนี้นี่เอง  :ling1: :ling1: :ling1:

รอคอยพรุ่งนี้ด้วยใจสับส่าย ลงแดงตามเคย :z3: :z3: :ling3:

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รอวันพรุ่งนี้

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
รอพรุ่งนี้จ้า
เอาใจช่วนผักตบกันเนาะ

Tinkerbell

  • บุคคลทั่วไป
โชคดีที่แจ้งแล้ว 5555+

สู้ๆค่ะคุณลักษณ์

 

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ธรณิน จะทำไงหนอเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว(แต่มันรู้หรือยังว่าพ่อกับแม่ตัวเองทำอะไรลงไปนั่น)

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 25..ความผูกพัน..คราบน้ำตา


End


   “เมื่อเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้า ย่อมยืนกันคนละด้าน
หากยังรำลึกได้เจ้าคือโอรสมีข้าเป็นมารดาแล้ว จงอย่าได้ยื่นมือยุ่งเกี่ยว ข้าจักถือว่าเจ้ามิกระทำอันใดอกตัญญูต่อข้า
แม้นทนรับสภาพมิได้จงไปนำร่างไร้วิญญาณมเหสีของเจ้า ออกไปจากที่นี่เสียบัดนี้
ข้ากับบิดาเจ้าจักได้ให้บทเรียนแก่ทารกอวดดีเหล่านี้..ให้รู้สำนึกเสียที” พระปิตุจฉาทรงรับสั่งสุรเสียงกระด้าง
ยุติข้อถกเถียงซึ่งดำเนินกันมานานพอสมควร ระหว่างพระนางกับเหนือหัวธรณินผู้เป็นพระโอรส
โดยมีพระปิตุลาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง

   “เสด็จแม่หมายรวม ไม่ละเว้นกระทั่งชลธารเชียวหรือ” องค์เหนือหัวพระพักตร์แลผิดหวังยิ่งนัก
แม้นองค์หญิงชลธารจักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพระองค์ ส่วนลึกในพระทัยยังทรงผูกพันดุจพระขนิษฐาแล้ว
   ทั้งสองคือคู่สับประยุทธ์ ฝึกทักษะต่อสู้วิทยาการต่างๆ มาด้วยกันแลเป็นเพื่อนเล่นร่ำเรียนกันมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์
ในลักษณะไม่มีใครยอม กระนั้นกลับมีความผูกพันดุจพี่น้องร่วมพระอุทรก็ไม่ต่าง หากพระมารดาจักทำร้ายนาง
ใยมิโหดร้ายทารุณไร้คุณธรรมเกินกว่าพระองค์จะทรงรับได้ ซ้ำองค์หญิงชลธารเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่
ผ่านสมรภูมิเป็นตายสร้างชื่ออย่างไม่ย่นย่อ เหตุใดนางต้องได้รับผลทัณฑ์อาญา
โดยไม่คิดจะละเว้นชีวิต..อย่างไร้ซึ่งพระเมตตาเยี่ยงนี้ด้วย

   “เจ้าจักอาวรณ์อันใดนาง แต่ไหนแต่ไรพวกเจ้าหาได้ลงรอยมิใช่ ข้ากระทำเยี่ยงนี้เจ้าสมควรดีใจจึงถูก
หมากไร้ประโยชน์มีอันใดให้เล็งเห็นคุณค่าอีกกระนั้น ปล่อยเป็นเสี้ยนหนามไว้ทำร้ายข้าในภายหลังนะหรือ
มิว่าผู้ใดที่รับรู้เรื่องราวล้วนต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ เจ้าหมดหน้าที่แล้ว จงกลับไปตำหนักอย่าทำให้ข้ามีโทสะ
กระทั่งเจ้าข้าก็มิอาจละเว้นเช่นกัน” พระนางทรงตวาดเกรี้ยวกราดพระโอรส จนลืมนึกถึงศักดิ์ฐานะพระองค์
ทรงครองบัลลังก์เป็นถึงกษัตริย์มีอำนาจปกครองสูงสุด อย่างไม่สนพระทัยอันใดเลยแม้แต่น้อย

“ทะ..ท่านโหดร้ายนัก” เหนือหัวธรณิน แม้ทรงคุ้นเคยพระอุปนิสัยพระมารดา ด้านความเด็ดเดี่ยวโหดเหี้ยม
กระนั้นกลับคาดไม่ถึงเช่นกัน..พระนางจักเต็มไปด้วยความอำมหิต กระทั่งพระองค์ยังทรงผิดหวัง

"เช่นไร..เจ้ามิพึงใจที่มีมารดาเยี่ยงข้ากระนั้นหรือ ใครเป็นผู้ให้เจ้ามีแผ่นดินยืนหยัด ใครเลี้ยงดูอบรมเจ้าเติบใหญ่
ใครพร่ำสอนเจ้าเก่งกล้าจนสามารถตำหนิข้าอย่างไม่เห็นหัว หากไม่ใช่มารดาซึ่งเจ้ากำลังกล่าวหา
รู้หรือไม่บรรพบุรุษต้นตระกูลพวกมัน ล้วนสร้างความทุกข์ยากทำลายศักดิ์ศรีเกียรติยศบรรพบุรุษของเจ้า
ให้พบความอับอายไร้แผ่นดินยืนหยัดมาแล้ว ความลำบากที่พวกข้าพบพานเจ้ามิเคยสัมผัส
จักรู้อันใดพวกข้าอดทนอดกลั้นแค่ไหน รอคอยวันนี้ด้วยความทุกข์ทรมานเพียงใด
เพียงเพราะความใจอ่อนของเจ้าหรือจักเปลี่ยนโชคชะตา ทำลายแผนของข้าจนพังพินาศ
หากเจ้ายังขืนดื้อดึงอยู่อีก ข้าจำต้องตัดใจเช่นกัน” พระนางรับสั่งไม่เพียงจะข่มขู่
สายพระเนตรทอประกายมุ่งมั่นต่อพระดำรัส ในพระทัยทรงครุ่นคิด หากต้องตัดแขนตัดขาทิ้ง
กระทั่งสายพระโลหิตก็จักทรงกระทำเป็นแน่แท้ เพื่อให้แผนการที่ดำเนินมาประสบผลสำเร็จ
พระนางจักไม่ลังเลแม้แต่น้อย ผู้ที่คิดการใหญ่ไปให้ถึงจุดหมาย
ย่อมต้องเสียสละกันแทบทั้งสิ้น นั่นคือแนวคิดของพระปิตุจฉา..

“เสด็จแม่..เมื่อข้าคือโอรสท่าน ควรตอบแทนเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อจักมิต้องให้ผู้ใดติฉินนินทา
เป็นบุตรอกตัญญูได้ในภายหลัง หากชีพข้าดับสูญเพราะการนี้ ถือว่าข้าได้กระทำหน้าที่ของบุตร..ทดแทนผู้ให้กำเนิดแล้ว
กระนั้นข้าเป็นกษัตริย์..ย่อมมิอาจลอบทำร้ายผู้ใดลับหลัง เพียงหวังท่านจักเข้าพระทัย ต่อจุดมุ่งหมายของข้าข้อนี้บ้าง”
พระองค์ทรงพักตร์เคร่งขรึม แปรเปลี่ยนอย่างไม่มีใครคาดเดาได้ จักทรงกระทำการอันใดหรือ
ใยถึงรับสั่งกับพระมารดาเสมือนตัดใจลาเช่นนั้น มีข้อเฉลยตามมาเช่นกัน

“วายุภักษ์เตรียมรับมือ ไม่เจ้าก็ข้าตกตายกันไปข้าง” เหนือหัวทรงรับสั่งเสร็จสิ้น
พระองค์ทะยานพระวรกายพุ่งเข้าใส่องค์ยุพราชรูปงามทันที

ผักตบไม่ชักช้า รีบเรียกเกราะเทพมหาธาตุเข้าคุ้มกันพระสวามี รวมทั้งผู้คนที่ต้องให้การดูแลความปลอดภัยด้วย
กินแรงมากพอสมควร แต่มันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่มีใครคาดคิดองครักษ์หนุ่มกลับทะยานร่าง
โจนเข้ารับมือเหนือหัวธรณินเสียเอง ออกโรงแทนองค์ชายวายุภักษ์ชิงตัดหน้าเข้าปะทะระยะเผาขนแบบกระชั้นชิด

“ตุ๊บ!.ผั๊วะ!.บึ๊ก!.เพี๊ยะๆ!” เสียงฝ่ามือฝ่าเท้าเข้าต่อกร อย่างผู้มีทักษะต่อสู้มือเปล่า ช่างรวดเร็วคล่องแคล่วด้วยกันทั้งสองฝ่าย
 ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ของบรรดาทหารในวัง ต่างจับจ้องไม่กะพริบกันทีเดียว

“เจ้าจงใช้ข้าเป็นตัวประกัน มิเช่นนั้นพวกเจ้ามิอาจรอดออกไปได้ ยังมีทหารเป็นกองพันล้อมตำหนักนี้ไว้
อย่าได้ลังเลชักช้า เดิมทีข้าตั้งใจให้วายุภักษ์เป็นผู้ลงมือ เพียงผิดแผนที่เจ้าดันเป็นผู้รับมือข้าแล้ว
เจ้ายังเป็นรองข้าอยู่หลายขุม เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ย่อมไม่มีทางเลือก เร็วเข้าเถอะก่อนที่เสด็จแม่ของข้าจักจับพิรุธเอาได้”
พระดำรัสกระซิบบอก ระหว่างสองบุรุษผู้เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง ขณะกำลังต่อสู้ห้ำหั่นเอาเป็นเอาตาย
กลกะลารู้แก่ใจดีต้านทานพลังฝีมือเหนือหัวธรณินไม่ได้ ที่ต้องเสี่ยงรับมืออย่างไม่ลังเล
เป็นเพราะองค์ชายวายุภักษ์ทรงสูญสิ้นพลัง ไปกับการดึงชีวิตองค์หญิงชลธารหนีจากอุ้งหัตถ์ท้าวมัจจุราช
มิอาจรับมือเหนือหัวผู้นี้ในระยะเวลาอันใกล้ ต้องให้พระองค์ทรงฟื้นคืนพระกำลังบางส่วนเสียก่อน
เขาจึงต้องชิงตัดหน้าลงมือเข้าต่อกรอย่างไม่มีทางเลือกให้ตัดสินใจมากนัก..

“ท่านเปลี่ยนความตั้งใจช่วยพวกข้า เหตุใดตัดสินพระทัยเยี่ยงนี้” ทรงสร้างความแปลกใจจนเป็นที่กังขา
ต่อการตัดสินพระทัยให้แก่กลกะลาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ก่อนหน้าเพิ่งรับสั่ง จักตอบแทนพระคุณพระมารดาเป็นครั้งสุดท้าย
พานไม่แน่ใจทรงล่อลวงให้เขาตายใจอยู่หรือเปล่า

“ข้ามิเพียงต้องการช่วยผู้หนึ่งผู้ใด เป็นเจ้าต่างหากที่บาดเจ็บอยู่ข้ามิอาจเมินเฉยให้เจ้าถูกสังหาร
ถึงเจ้าจักยังโง่งมมิเข้าใจความรู้สึกข้าที่มีต่อเจ้าก็ช่างเถิด..กลกะลาองครักษ์ผู้โง่เขลา”
หัวใจของกลกะลาพลันเต้นถี่รัวกระชั้นเร็วกว่าปกติเป็นสองเท่า รู้สึกเบ่งบานปานรับโอสถทิพย์เข้าไปบำรุงรักษา
คำสารภาพรักในสภาวะความเป็นตายรออยู่ตรงหน้า ช่างไม่ถูกกาลเทศะเสียเลย แต่เป็นเพราะความแตกต่าง
ที่มิมีผู้ใดเลือกกระทำกัน ทำให้มีผลต่อความรู้สึกคนฟัง อย่างองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์เป็นทวีคูณ
ใบหน้าหล่อเหลาซับสีสุกปลั่ง กระนั้นก็มิได้ผิดสังเกตผู้ชมการต่อสู้โดยไม่กะพริบตา ต่างเข้าใจกลกะลากำลังวิกฤต
เลือดลมสูบฉีดหนัก เพราะต้องรับมือเหนือหัวผู้ปรีชาเก่งกล้าอย่างองค์ธรณิน

“ขอบพระทัย..ทรงประทานไมตรีข้าแล้ว” วาจากระซิบจากหัวใจ พร้อมอาศัยจังหวะทิ้งร่างเข้าหา
เหมือนเสียหลักพลาดพลั้ง เหนือหัวทรงชะงักเสี้ยวลมหายพระทัย เผยช่องโหว่ให้ผู้ประชิดใช้โอกาสนี้ฉกพระขรรค์
ซึ่งเหน็บตรงบั้นสะโพก นำมาตวัดจ่อพระศอ..ประหนึ่งเตรียมการมาดิบดี กลายเป็นองค์เหนือหัวธรณิน เสียท่าให้ศัตรูจนได้เรื่อง

“อย่าขยับ มิเช่นนั้นข้าจักมิลังเลปลิดชีพพระองค์เป็นอันขาด” เหนือหัวธรณินทรงหยุดนิ่ง มุ่นพระโขนงอย่างไม่สบพระทัย
ทรงพลาดพลั้งให้องครักษ์เชลย ต่อหน้าเหล่าทหารนับร้อยนับพันได้อย่างสมบทบาท

“เจ้าต้องการสิ่งใด” พระองค์รับสั่งถาม หลังเสียท่าตกเป็นองค์ประกัน ท่ามกลางสายตาผู้คน
ที่ตื่นตระหนกผิดความคาดหมายไปมากโข

“เปิดทางให้พวกข้าออกจากตำหนัก จัดเตรียมม้าสำหรับเดินทางไกลให้พร้อม
ขืนผู้ใดขัดคำสั่ง ข้าจักสังหารเหนือหัวพวกเจ้าทันที มิมีข้อต่อรองอันใดแล้ว”
กลกะลาประกาศก้องสีหน้าท่าทางจริงจัง แถมยังแผ่รังสีกดดันไปในตัวด้วย

“แปะๆๆ! พวกเจ้าเล่นละครพอหรือยัง เจ้ากล้าสังหารธรณินหรือ
เอาเถิด..ถึงขาดกษัตริย์จักมีอันใดที่ข้าต้องเสียดาย กษัตริย์ย่อมสถาปนาขึ้นใหม่ได้สนใจใดกัน
พวกเจ้ามากกว่ามิอาจให้รอดชีวิตไปจากที่นี่เด็ดขาด ธรณินยินยอมสมัครใจ ต้องการกตัญญูต่อข้ามิใช่ดอกหรือ
ข้าซาบซึ้งใจต่อสิ่งที่โอรสผู้โง่งม จมปลักบ่วงเสน่หากระทำให้แล้ว ละครฉากนี้คงจักสมบูรณ์จนไร้พิรุธ
หากผู้คร่ากุมโอรสผู้โง่งมของข้าคือวายุภักษ์เจ้า มิใช่เชลยผู้มีฝีมือห่างตัวประกันอยู่หลายขุม
กลับกล้าแสดงความโง่เขลาตบตาข้า พวกเจ้าล้วนประเมินข้าต่ำนัก หยามสายตาของข้าเยี่ยงนี้
ยังมีความเวทนาอันใด ให้พวกเจ้าครอบครองลมหายใจไว้อีก
ธรณินเจ้ากลับทำข้าผิดหวังนัก แสดงความโง่เขลาไม่พอ หักหลังบิดามารดาเพียงเพราะหลงใหลในเชลย
ให้เป็นที่อับอายไปทั่วนคร การไม่มีเจ้าคงดีเสียกว่า ปล่อยให้เจ้าสร้างความอับอายให้บรรพชนเยี่ยงนี้
อย่าได้ปล่อยแมลงสักตัวเล็ดลอดออกจากตำหนัก ทหารจงรับคำสั่งจับกุมพวกมันให้หมด
ผู้ใดขัดขืนอย่าได้ละเว้นชีวิต สังหารได้โดยมิต้องรอการอนุญาตอันใด”
พระบัญชาเด็ดขาด หวีดแหลมก้องพระตำหนัก ทำเอาผู้คนขนพองสยองเกล้าไปตามกัน
สายพระเนตรเย็นชาสุดหยั่งถึง วาวโรจน์ประหนึ่งคมหอกธนูไฟ..พุ่งเข้าใส่พวกผักตบ
ดวงเนตรแดงก่ำแผ่รังสีสังหาร แม้แต่เหนือหัวธรณินซึ่งมีพระขรรค์จ่อตรงพระศอ
ถึงกับพักตร์เผือดสีผิดหวังอย่างรุนแรง ในพระมารดาซึ่งทรงตัดความผูกพันจนขาดสะบั้น
ด้วยมีรับสั่งอย่างไร้เยื่อใย ประหนึ่งชีวิตของพระองค์ไม่ต่างเบี้ยหมากในกระดาน
มีไว้ใช้ประโยชน์เท่านั้น พอไร้ค่าในสายพระเนตรเสียแล้ว..พระนางยินดีสละทิ้งสิ้นสายสัมพันธ์เช่นกัน

บรรยากาศแลเงียบสนิท ปราศจากการเคลื่อนไหวรวมทั้งเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ
ยังสงบตามเช่นกัน ทั่วทั้งบริเวณมีเพียงรังสีกดดันที่แผ่กระจายโดยรอบ
พระนางทรงรู้สึกแปลกพระทัย ถึงกับรับสั่งขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าบัญชาให้พวกเจ้าคร่ากุมพวกมัน ใยไม่รีบลงมือ” นอกจากทรงรับสั่งด้วยสุรเสียงแหลมสูงอย่างไม่สบพระทัย
ยังผินพักตร์กวาดสายพระเนตร ผ่านหน้าแม่ทัพนายกองอย่างดุดันสำทับไปด้วย

“ขอทรงโปรดประทานอภัยพวกข้าพระองค์พะยะค่ะ องค์เหนือหัวถูกคร่ากุมเป็นองค์ประกัน
ข้าในฐานะแม่ทัพคุมกองกำลังรักษาพระองค์ ย่อมมิอาจรับพระบัญชาปฏิบัติตามพระเสาวนีย์ได้
หากกระทำเยี่ยงนั้น ใยมิถือเป็นกบฏล้มล้างราชบัลลังก์ไปแล้ว ถึงกับยอมให้ศัตรูสังหารเหนือหัว
มิไตร่ตรองให้รอบคอบ ประหนึ่งกบฏไม่ห่วงความปลอดภัยพระชนม์ชีพเหนือหัว
ย่อมมิใช่หนทางแห่งทหารรักษาพระองค์จักพึงยึดถือ..พะยะค่ะ”
อุสนัย..แม่ทัพใหญ่ผู้คุมกองกำลังทหารหน่วยองครักษ์ในวังหลวง ถึงกับค้อมศีรษะทูลถวายเหตุผลต่อพระปิตุจฉา
เขากล่าวถึงสาเหตุที่ไม่รับพระบัญชาของพระนาง ด้วยพวกเขาเป็นข้ารองพระบาทขององค์กษัตริย์
 จำต้องคำนึงถึงความปลอดภัยพระชนม์ชีพของเหนือหัว เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว หากกระทำตามพระบัญชาพระนาง
แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก่อกบฏล้มล้างราชบัลลังก์ ย่อมสร้างมลทินให้แก่วงศ์ตระกูลไปแล้ว

“หน้าโง่สิ้นดี เมื่อเจ้าไม่ยินยอมปฏิบัติ จักเก็บไว้ให้เป็นประโยชน์อันใดอีก
 เช่นนั้นข้าจักส่งเจ้าไปสู่ยมโลกเป็นตัวอย่าง ให้พวกมันประจักษ์”
สิ้นพระดำรัส ทรงสะบัดพระหัตถ์ใส่แม่ทัพผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีผู้นี้ อีกฝ่ายถึงกับผงะหงาย
ใบหน้าเขียวคล้ำตาเบิกโพลงมุมปากเลือดซึมไหล ก่อนเปลี่ยนเป็นสีดำลามไปทั่ว..แล้วล้มตึงนอนหงายแน่นิ่งในชั่ววินาที

“อ๊ากก!!” เสียงสุดท้ายที่เขาเปล่งจากลำคอ ดับดิ้นลงในที่สุด

“ท่านกลับใช้พิษสังหารแม่ทัพ” เหนือหัวทรงตกตะลึงต่อความโหดร้ายของพระมารดา
กลับสังหารข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีเสียแล้ว พระพักตร์เย็นชาเหี้ยมโหดเป็นยิ่งนัก

“ฮิฮิ..ฮะฮ่าๆ ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของข้า ถือเป็นกบฏคิดแข็งข้อ
จักเก็บชีวิตให้รกหูรกตาอยู่ใย” คำตอบที่ได้รับฟัง เล่นเอาพวกทหารทั้งหลายส่งเสียงอื้ออึงทันที
ต่อการกระทำที่ไม่สมควรยิ่งของพระปิตุจฉา พระนางมิแลเห็นชีวิตผู้ใดสำคัญเสียแล้ว

“ทหารรับบัญชา อย่าได้ลงมือจับกุมพวกเขา ข้าเป็นตัวประกันจงรีบตระเตรียมม้าสำหรับเดินทาง
อย่าได้รับฟังบัญชาพระปิตุจฉา ผู้ใดขัดคำสั่งถือเป็นกบฏ ดังวาจาก่อนสละชีพของแม่ทัพอุสนัย”
เหนือหัวธรณินเปล่งพระดำรัสดังกึกก้อง ต่อหน่วยทหารที่รายล้อมพระตำหนัก

“รับพระบัญชาด้วยเกล้า พะยะค่ะ” พวกเขาพากันค้อมศีรษะขานรับพระบัญชาพร้อมเพรียง
 เพิ่มโทสะให้พระนางอีกเท่าตัว ถึงกับพระพักตร์ขมึงทึงดุร้ายยิ่งนัก ดวงเนตรปานคมอาวุธทรงรับสั่งขึ้นอีกว่า

“เจ้ากล้าเนรคุณต่อข้า อย่าได้คำนึงธรณินเป็นโอรส สวามีข้ารีบกำจัดพวกมันไม่ต้องละเว้นกระทั่งธรณิน”
 พระนางประกาศลั่น พร้อมหันไปรับสั่งกับพระปิตุลา ทรงประทับยืนด้านข้างสีหน้าเคร่งขรึม
ยากคาดเดาทรงตัดสินพระทัยเยี่ยงไร ในที่สุดพระองค์ก็เคลื่อนไหว

“มนต์แห่งอารยัน จงบันดาลดลให้หลับไหลไปเสียเถิด..ฮึ่มฮัมๆๆ”
พระปิตุลาเปล่งวาจาทุ้มต่ำ กระทำการร่ายมนตราด้วยถ้อยวาจา ไม่อาจตีความหมายได้อย่างต่อเนื่อง
สภาพอากาศแวดล้อมพลันขมุกขมัวทันที เหมือนมีหมอกควันปกคลุมทั่วบริเวณ
บรรดาเหล่าทหารหนังตาเริ่มหนัก ทิ้งอาวุธประจำกายทรุดฮวบล้มลงนอนตามกัน

“ตุ๊บ!..ตุ๊บๆๆๆ!!” เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของมนตราที่ผักตบได้พานพบ

“สร้างเกราะคุ้มกัน ให้คนของเราอยู่ในเขตมหาธาตุเสียเดี๋ยวนี้!” องค์ชายทรงรีบรับสั่งกับผักตบ
ไม่รอช้าผนึกเกราะปกป้องคนในความดูแล ใช้เกราะมหาธาตุอาณาเขตเดียวกัน ไม่แยกเอกเทศของแต่ละคนอีก
ทำให้เขตแดนของเกราะมหาธาตุรวมเป็นหนึ่ง เสมือนลูกโป่งไร้สภาพกางอาณาบริเวณ
ครอบคลุมร่างกายของพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน

“หึหึ!..เกราะมหาธาตุมิอาจป้องกันมนต์สะกดจิตสำนึกได้ดอก อย่าเสียเพลาต้านทาน
แม้นเจ้าสร้างเกราะ..แต่มิสามารถบังคับจิตสำนึกให้ไม่ง่วงหลับ ผู้คนล้วนรู้จักการหลับไหล
พวกเจ้ามิแตกต่าง หากผู้ใดผ่านการหลับไหล ย่อมพ่ายแพ้แก่มนต์ดารยันของข้าแล้ว..หึหึ!!!”
เสียงหัวเราะเย็นยะเยือก ดังสะท้อนผนังพระตำหนัก สร้างความสยดสยองให้บรรยากาศเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ถึงพระปิตุลาจักทรงดำรัสเช่นนั้น การกลับไม่เป็นไปตามที่พระองค์มั่นพระทัย
ผักตบและพวกพ้องรวมถึงองค์ชายธรณิน ซึ่งกลกะลามิได้ใช้พระขรรค์จี้พระศอแล้ว
หลังแผนใช้ตัวประกันล้มเหลว เพราะถูกเปิดเผยโดยประปิตุจฉา
ยังไม่มีใครเกิดอาการล้มลงนอนหลับใหล อย่างที่ควรจะเป็นเลยสักคน

บรรดาทหารนับพันล้มลงระเนระนาด ไม่มีใครสามารถยืนหยัดต้านทานมนต์ชั่วร้ายได้
ยกเว้นบริวารใกล้ชิดพระปิตุจฉา เหล่ามือสังหารนางกำนัลทั้ง 8 โดยพระนางเองประทับข้างวรกายพระปิตุลา
ล้วนไม่ได้รับผลของมนตราเช่นกัน

“แปลกนักใยพวกเจ้ามิเป็นไร มนต์ดารยันหาเกรงเกราะมหาธาตุ กระทั่งชลธารกับธรณินที่สร้างเกราะป้องกัน
ยังมิอาจต้านมนต์สะกดได้” พระปิตุลาถึงกับงุนงง เกิดความฉงนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเวทย์มนต์ที่ได้กำกับ
ไม่สามารถสะกดพวกผักตบให้นอนหลับใหล ทรงคาดคำนวนหากมีเพียงเกราะเทพมหาธาตุ
มนตรานี้มิเป็นอุปสรรคที่จะสำแดงฤทธาได้ตามปกติ

“ดูที่นิ้วนางข้างซ้ายทารกนั่น” พระปิตุจฉาทรงตรัสแนะพระสวามี 
ให้ทอดเนตรยังนิ้วนางของผักตบ ซึ่งสวมแหวนมรกตติดกายตลอดเวลา

“เป็นเยี่ยงนี้เองหรือ เจ้ากลับมีมรกตฟ้าดินสมบัติแห่งไตรคานไว้ครอบครอง มิน่าถึงต้านมนตราข้าได้”
พระปิตุลาทรงรู้ที่มา เหตุใดมนตราพระองค์จึงไม่อาจสะกดพวกผักตบ ให้หลับใหลอย่างที่ควรจะเป็น

“คุณ..ที่แท้ไม่ใช่เกราะมหาธาตุที่ต้านมนต์สะกด” ผักตบอดถามองค์ชายพระสวามีไม่ได้
ซึ่งประทับแนบชิดอย่างต้องการปกป้องพระชายาและพระโอรสในพระครรภ์..ด้วยชีวิตของพระองค์แล้ว
เขาไม่รู้ว่าแหวนที่สวมใส่ คือสิ่งที่ต้านฤทธานุภาพแห่งมนต์อารยันนี้เอาไว้

“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว หาใช่เกราะเทพมหาธาตุดอก ที่ข้าให้เจ้าสร้างเกราะคุ้มกันพวกเรา
เพื่ออาศัยอำนาจของแหวนมรกตป้องกันมนต์อารยัน แม้นมิได้อยู่ในเกราะด้วยกันเยี่ยงนี้
ย่อมป้องกันเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้น ผู้อื่นย่อมถูกมนตราครอบงำเอาได้”
องค์ชายทรงเฉลยให้พระชายา ล่วงรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง

“คิดไม่ถึง..เจ้ากลับรอบรู้มนตรา” เหนือหัวธรณินทรงตรัสชมองค์รัชทายาทแห่งไตรคานด้วยความจริงใจ
ไม่หวังแค่ยกยอหรือประชดอันใด พระองค์ชื่นชมยอมรับ ในพระปรีชาของเอกบุรุษผู้นี้เสียแล้ว

“ข้าพอรอบรู้เล็กน้อย กระนั้นมิรู้วิธีแก้มนตราแต่อย่างใด พวกเราจักออกจากที่นี่คงลำบากยิ่ง
จำต้องบอกต่อเจ้าโดยมิปิดบัง บัดนี้ชายาข้าช่วยโอบอุ้มทายาท ซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าไว้ในครรภ์
รับภาระแทนพระมเหสีซึ่งสิ้นพระชนม์ไป โอรสเจ้าจักปลอดภัยหรือไม่ ขึ้นอยู่พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจ
ข้ามิเชื่อพระปิตุลาผู้โด่งดังด้านเวทย์มนต์ จอมขมังเวทย์แห่งยุค จักมีลูกเล่นเพียงแค่นี้กระมัง”
องค์ชายวายุภักษ์เปิดเผยความจริง ให้เหนือหัวธรณินทรงทราบ ยกเว้นมิเปิดเผยเรื่องราวพระโอรส
ซึ่งเป็นสายโลหิตของพระองค์โดยตรง เพราะได้ให้สัญญากับผักตบไว้ จักไม่แพร่งพรายต่อผู้ใดให้ล่วงรู้

“เจ้ากล่าวความจริง” เหนือหัวธรณินทรงย้ำถาม อย่างตื่นเต้นในพระทัยต่อสิ่งที่ทรงทราบ

“ย่อมเป็นความจริง เพราะการนี้องค์ชายข้าทรงยอมเสียสละพลังเทพมหาธาตุ
ดึงโอรสท่านสู่ครรภ์พระชายา ซ้ำยังช่วยชีวิตองค์หญิงชลธาร ย่อมมิหลงเหลือพลังเทพมหาธาตุต่อกรผู้ใดเสียแล้ว
พระชายามิสามารถใช้เทพมหาธาตุเกินกำลัง ขืนเป็นเช่นนั้นโอรสท่านในพระครรภ์ย่อมได้รับอันตราย
มิอาจอยู่รอดปลอดภัยได้ด้วยเช่นกัน” กลกะลาเป็นผู้ไขข้อข้องใจให้กระจ่าง เขามั่นใจอย่างไม่มีเหตุผล
เหนือหัวธรณินต้องเชื่อถือวาจาเขาแน่ เนตรคมทรงทอดมองยังดวงตาดำขลับขององครักษ์หนุ่ม
บ่งบอกพระองค์เชื่อถือเขาอย่างไร้ความเคลือบแคลงพระทัย

ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  2  -




“หากเป็นเช่นนี้ จำต้องอาศัยเทพมหาธาตุธรณีข้า พาพวกเจ้าหนี”
พระองค์รับสั่ง ทำเอาสายตาคมขององครักษ์หนุ่ม ส่งความละมุนซาบซึ้งอย่างสุดหัวใจ
ให้พระองค์อย่างหมดเปลือกเป็นครั้งแรก

ฝ่ายเหนือหัวรูปงามซึ่งทอดเนตรสบ ใยมิทรงล่วงรู้ความหมายที่องครักษ์ผู้นี้ตอบรับ
 พระทัยพลันเปรมปรีดาล้นพ้น แม้นจักทรงรู้สึกผิดหวังต่อพระมารดาพระบิดา
 แต่กลับได้รับกำลังใจจากผู้ที่พระทัยทรงปฏิพัทธิ์ทดแทนกลับคืนมา
ดวงหทัยของกษัตริย์หนุ่มดุจฟื้นคืนพระกำลังวังชา..กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

“เราขอบใจเจ้ามาก” ถึงกับทรงตรัสกับกลกะลา ต่อให้ทั้งคู่ไม่ได้แสดงท่าทีต่อกันอย่างที่กระทำอยู่
กลับตอบข้อสงสัยให้ผักตบ องค์ชายวายุภักษ์รวมทั้งองค์หญิงชลธาร แม้จะทรงยืนหยัดวรกายได้แล้ว
แต่ยังไม่สมบูรณ์ดีเท่าไหร่ พากันรับรู้ความสัมพันธ์พิเศษของพวกเขาไปเรียบร้อย ทั้งคู่ย่อมไม่เพียงลึกซึ้งต่อกันธรรมดาแล้ว

“เจ้ามีวิธีทำลายมนตราหรือไม่” องค์ชายวายุภักษ์ทรงตรัสถามขึ้น
 ขณะนี้ท่าทางศัตรู กำลังตระเตรียมเพิ่มลูกเล่นตามมาอีก

“ตามสัจธรรม ผู้ใดกระทำย่อมคือรากฐานแห่งการทำลายล้างไป” คำตอบของเหนือหัวธรณิน
บ่งบอกชัดว่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดมนต์ชั่วร้ายขึ้น คือจุดอ่อนที่ต้องทำลายแก้ไข

“เยี่ยงนั้นต้องลงมือต่อพระปิตุลา” องค์ชายทรงรับสั่งย้ำชัด

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” เหนือหัวธรณินไม่คิดเบี่ยงประเด็น

“เจ้าคงมิกระทำเองใช่หรือไม่” พระองค์ทรงอ่านพระทัยเหนือหัวได้ทะลุปรุโปร่ง
 แม้นพระปิตุจฉาจักไม่เห็นพระองค์เป็นโอรส พระองค์กลับมิสามารถทำการปิตุฆาตพระบิดามารดาได้
แม้นจักเคยได้รับพระฉายาโหดร้ายทารุณ แต่ทรงไม่เลวร้ายไร้สำนึกถึงขั้นกระทำการดังกล่าว
นั่นคือสิ่งที่พระองค์ไม่ปฏิเสธ ต่อการคาดเดาขององค์ชายวายุภักษ์

“เช่นนั้นข้าสมควรกระทำแล้ว” องค์ชายวายุภักษ์ทรงรับสั่ง

“พระองค์อย่าได้เสี่ยงอันตราย แม้นจักทรงมีทักษะต่อสู้ แต่เราไม่ล่วงรู้พลังฝีมือพระปิตุลา..พะยะค่ะ
ล้วนเป็นความลับดำมืดที่ยากคาดเดา หากผิดพลาดข้าพระองค์มิอาจยอมรับได้เช่นกัน” กลกะลาทัดทานเจ้านาย

“องครักษ์เจ้ากล่าวถูกต้อง เสด็จพ่อหาใช่ผู้ใดจักต่อกร แม้นเจ้ามีฝีมือเก่งกาจ แต่พระบิดาข้าใช่ง่ายดายอย่างที่คิด
ข้ามิอาจรับมือพระองค์ได้เนิ่นนาน ไม่ถึงอึดใจก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ไม่เชื่อลองไต่ถามชลธารดูเถิด”
เหนือหัวธรณิน ทรงให้น้ำหนักต่อคำพูดของกลกะลา

“เป็นเช่นนั้นจริง..พระปิตุลาล้วนเป็นผู้ถ่ายทอดทักษะต่อสู้ให้ข้ากับเจ้าพี่ธรด้วยพระองค์เอง
ฝีมือข้ากับเจ้าพี่รวมกันยังมิอาจสู้ได้ ต่อให้ท่านสมบูรณ์แข็งแรงยังเป็นรองครึ่งขั้น
เพลานี้ท่านไม่สมบูรณ์ ใยมิเท่ากับรนหาที่เสียเล่า” องค์หญิงชลธารเพิ่งมีโอกาสตรัส
ทรงยืนยันในคำแนะนำของเหนือหัวธรณินเช่นกัน

สองพระองค์ทรงซาบซึ้งพระทัย ต่อพระกรุณาที่องค์ชายเสียสละในหลายด้าน ทั้งช่วยชีวิตพระองค์ไว้
ยังทายาทเหนือหัวธรณินอีกเช่นกัน ล้วนทำโดยมิมีผู้ใดร้องขอ กลับเต็มไปด้วยคุณธรรมจากภายในพระทัยที่ยิ่งใหญ่
สมควรชื่นชมยกย่องอย่างสุดซึ้ง ยากนักจักมีวีรบุรุษมากคุณธรรม
กอปรด้วยศีลธรรมงดงามเยี่ยงผู้นี้ เกิดขึ้นมาในแผ่นดินอีกแล้ว

“แม้นพวกเจ้ายืนกราน ข้าคงได้แต่ขอบใจแล้ว จักหาผู้ใดต่อกรจอมเวทย์หากตัวเลือกไม่ใช่ข้า
 บรรดาพวกเราล้วนมิมีผู้ใดเหมาะสมที่จักสามารถกระทำได้ แม้นข้ามิมีพละกำลังดังปกติ
 แต่ยังพอมีฝีมือเอาตัวรอดเผื่อมีโอกาสไม่ผลีผลามจักกระทำการสำเร็จ” พระองค์ทรงตัดสินพระทัย
สวมบทวีรบุรุษผู้เสียสละอีกครั้ง เพราะไม่มีเหตุผลใดที่จะแก้สถานการณ์ซึ่งกำลังประสบกันขณะนี้ได้แล้ว

“คุณอยู่เฉยๆ เถอะครับ เกินกำลังมากไปผมไม่อยากให้คุณเสี่ยง นึกถึงคนข้างหลังบ้าง
ผมว่ารอดูสถานการณ์ค่อยรับมือตามเหมาะสมจะดีกว่า ดูนั่นเขากำลังจะทำอะไรกัน”
ผักตบห้ามปรามเสียเอง ใครจะยอมให้พ่อของลูกเสี่ยงโดยไม่เห็นหนทางชนะ
เขาไม่ใช่พวกไม่มีหัวคิดไร้สมองในการต่อสู้ กับผู้ที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน ต้องรู้จังหวะทางหนีทีไล่

“แย่แล้ว..เสด็จแม่กำลังจะใช้มนต์ต้องห้าม” เหนือหัวธรณินทรงรับสั่ง..พระพักตร์ตื่นตระหนกมากพอสมควร

“อันใดคือมนต์ต้องห้ามกระนั้นหรือ” องค์ชายรับสั่งถามตามทันที

“มนต์โบราณหลายพันปี มีเพียงเสด็จแม่ที่ฝึกปรือ คาดว่ากระทั่งแหวนมรกตของชายาเจ้า
เกรงมิอาจต้านทานได้เช่นกัน หากเป็นเยี่ยงนั้น พวกเราคงลำบากยิ่งนัก” เหนือหัวทรงตรัสอธิบาย

“มันคืออันใด พอจักให้รายละเอียดได้หรือไม่” กลกะลาหงุดหงิดที่ไม่ได้ความกระจ่างกว่าเดิมมากนัก

“มนต์นี้ข้ามิเคยประจักษ์เช่นกัน ย่อมไม่สามารถยืนยันชัด กระนั้นก็พอจะให้พวกเจ้ารับรู้ได้ เป็นมนต์ดำที่ยืมพลังภูตผีปีศาจ
 จำพวกดุร้ายกระหายโลหิตเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจสูง เท่ากับเราต้องรบรากับพวกมันที่ไม่มีตัวตน
แต่กลับสามารถทำร้ายพวกเราได้ เยี่ยงนี้ใยมิเป็นเราที่หมดแรงจนสิ้นลมเสียก่อน ในเมื่อพวกมันไม่รู้จักการตาย
เพราะมีเพียงวิญญาณชั่วที่โดนบ่งการด้วยเวทย์มนต์เท่านั้น จักไม่รับฟังคำสั่งผู้ใดนอกเสียจากผู้ใช้มนตราแต่เพียงผู้เดียว”
 คำตอบที่ได้รับ เพิ่มความหนักพระทัยให้องค์ชายวายุภักษ์เป็นอย่างยิ่ง ใช่จักไม่มีพื้นความรู้เกี่ยวกับมนต์ต้องห้ามชนิดนี้

“เยี่ยงนี้เราจักทำเยี่ยงไร ข้าหาได้มีมหาเวทย์ต่อกรกับภูติผีซึ่งมากฤทธิ์เยี่ยงนี้ดอก
กระนั้นก็มิสามารถใช้เทพมหาธาตุติดต่อพระอาจารย์ทางฌาณสมาธิ เพื่อขอข้อมูลหาวิธีรับมือเสียด้วย”
สีพระพักตร์ที่มิปิดบังต่อวิกฤตที่กำลังจะเริ่ม พวกเขาต่างจับจ้องพระปิตุจฉา
ซึ่งได้เริ่มร่ายพระเวทย์อักขระมนต์ดำด้วยพระสุรเสียงสูงต่ำหวีดแหลม สลับโหยหวนชวนขนลุกอยู่อย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งบรรยากาศที่ขมุกขมัวก่อนหน้า อึมครึมมืดมิดในทันที เมื่อหมู่เมฆสีดำบดบังแสงพระอาทิตย์
จนกลายเป็นขณะนี้คือยามวิกาลมาเยือน เพียงแต่ความมืดที่เกิดจากมนต์ต้องห้าม
กลับแฝงไปด้วยพลังของสิ่งชั่วร้าย ที่มีอำนาจมากเสียด้วยสิ

“เริ่มแล้ว เตรียมตัวรับมือ” องค์เหนือหัวธรณินทรงรับสั่ง เมื่อสายลมกรรโชกแรง
กระทั่งเกราะมหาธาตุที่คุ้มครองวรกายยังถูกฝ่าเข้ามาได้

“โห!..ร้ายใช่เล่น ฝ่าเกราะของผมได้ไม่ธรรมดาแล้ว” ผักตบเปรย เมื่อเห็นว่ามนต์ดำร้ายกาจกว่าที่คิด

“ปล่อยผมรับมือเถอะ” เขาออกตัวเมื่อองค์ชายวายุภักษ์ ขยับองค์ไปขวางหน้าเอาไว้
 เหมือนจะเป็นด่านแรกหากมีสิ่งผิดปกติจู่โจมเข้ามา

“เรามิต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตราย” พระองค์ตรัสห้ามพระชายา

“เสี่ยงอะไร ผมจะสู้ด้วยพลังเทพจตุรธาตุ แล้วคุณจะสู้ด้วยอะไร”
เหตุผลของพระชายา ทำพระองค์อับจนถ้อยวาจาโต้แย้ง
เพราะขณะนี้เป็นความจริงที่พระองค์มิอาจถกเถียงได้ ด้วยไม่สามารถใช้เทพมหาธาตุเลย

“ฮิฮิ..ฮะฮ่าๆ..หึหึหึ!!..อิอิ!!” เสียงหัวเราะเย็นสุดขั้วหัวใจ โหยหวนชวนสยองดังประสานทั้งผู้ชายผู้หญิง
มาจากทุกทิศซึ่งมองไม่เห็น นอกจากความมืด แม้แต่พวกพระปิตุจฉา พระปิตุลาและนางกำนัลทั้ง 8
กลับไม่สามารถมองเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ที่เดิมหรือเปล่า รอบด้านถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
จนผักตบต้องล้วงหยิบไฟฉายมาให้แสงสว่าง กลายเป็นแสงจ้าเพียงอย่างเดียวที่ใช้งานได้ไม่ผิดหวัง

“เจ้าสามารถให้แสงสว่าง โดยมิอาศัยเทพมหาธาตุเลยเชียวหรือ” เหนือหัวธรณิน ถึงกับทึ่งต่อการกระทำของผักตบ

“อยู่ที่เดิมนี่เอง” ผักตบไม่ตอบ แค่ส่งยิ้มเล็กน้อยแทนการยอมรับ
แล้วยกมือขวาชี้นิ้วไปยังกลุ่มของพระปิตุจฉา ที่แท้ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ย้ายหนี เพียงอำพรางด้วยความมืดปกปิดเอาไว้

“อัคคีจงเผาทำลายสิ้น” เป็นครั้งแรกที่ผักตบใช้คำสั่งด้วยวาจา พร้อมกับชี้นิ้วจนเกิดเป็นลูกไฟมหึมาลุกพรึ่บ
ขับไล่ความมืดพร้อมกับพุ่งลิ่วไปยังจุดที่กลุ่มพระปิตุจฉาประทับ อย่างตั้งใจเผาให้สิ้นซากเสียเลย

“มนต์ผนึกกาลเวลาจงกลบกลืนในบัดดล” พระนางก็ใช่ธรรมดา กลับร่ายมนต์ผนึกแห่งกาลเวลา
จนทำให้ลูกไฟดวงใหญ่หายไปในอากาศ ก่อนจะถึงที่ประทับเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

“เสด็จแม่สามารถใช้มนต์ผนึกเวลา ทำให้อัคคีของเจ้าถูกกักไว้ในห้วงแห่งมนต์ผนึกเสียแล้ว”
องค์เหนือหัวทรงชี้แจง ผักตบรู้ได้ทันทีเป็นชนิดมนตราที่ส่งเขาไปยังโลกที่เติบโตนั่นเอง
เมื่อเขาหยุดการกำหนดจิต ลูกไฟในห้วงกาลเวลาของมนต์ผนึกก็สูญสลายตามไปด้วย

“ถ้าเช่นนั้นเทพมหาธาตุจักสามารถต่อกรได้เยี่ยงไร” องค์หญิงผู้พี่ทรงรับสั่งถามอย่างต้องการการวิเคราะห์

“หากร่วมมือพร้อมเพรียง คาดว่าน่าจะพอมีหวัง” เหนือหัวเสนอความเห็นขึ้นมา

“คุณไม่อยากทำร้ายผู้ให้กำเนิด รบกวนแค่ช่วยเบนความสนใจ โดยใช้เทพมหาธาตุสร้างเหตุการณ์
ที่เหลือผมจัดการเอง” ผักตบขอร้องเหนือหัวธรณิน พระองค์สบดวงเนตรอย่างเข้าใจ
ก่อนจะผายพระหัตถ์เรียกเทพมหาธาตุธรณีมาใช้

“ธรณีจงฟังข้า ปฐพีเลื่อนลั่นแผ่นดินสะเทือน” สิ้นดำรัสเหมือนพื้นโคลงเคลงเกิดแผ่นดินไหวจนผู้คนถลา
ซึ่งพระปิตุจฉาและบริวารฝ่ายเดียว  เพราะทางฝั่งของเหนือหัวธรณินมิได้ประสบไปด้วย

“จู่โจมพวกมัน” พระกระแสรับสั่งตวาดลั่น นางกำนัลมือสังหาร ต่างถืออาวุธวงเดือนทะยานร่างเข้าใส่พวกผักตบ
ในขณะที่เหล่าปีศาจจากมนต์ต้องห้าม โผล่พรวดออกมาทำลายเกราะเทพมหาธาตุจนแตกกระจาย
ไร้อาณาเขตป้องกันไปในทันที

“คุ้มครองอารักขาพระชายา” องค์ชายวายุภักษ์รับสั่งสุรเสียงก้อง
พร้อมพระหัตถ์ปรากฏพระขรรค์ขนาดพอเหมาะ เข้ารับมือสามนางกำนัลที่กลุ้มรุม
กลกะลามีพระขรรค์ของเหนือหัวธรณิน เป็นอาวุธรับมือสองนาง ในขณะที่องค์เหนือหัวก็ถูกอีกสามนางกลุ้มรุมเช่นกัน
พระองค์ผายพระหัตถ์ซัดพลังเทพมหาธาตุเข้าสกัด แต่พวกนางก็ว่องไวไม่เพลี่ยงพล้ำ กระโจนหลบขุมพลังอย่างเฉียดฉิว
พร้อมด้วยเหล่าปีศาจที่โผล่ออกมานับสิบตัว กลายเป็นร่วมกันเข้ารุมทำร้ายอย่างอุตลุด
ผักตบไม่นิ่งเฉย เขาเรียกเทพจตุรธาตุมาโต้ตอบ ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ  ต่อเนื่องเป็นพรวน เข้าจัดการรับมือเหล่าปีศาจ
ไม่ให้มันสามารถบุกทะลวงเข้ามาจัดการพวกเขาและองค์หญิงชลธาร พร้อมนางกำนัลสูงวัยพยานสำคัญได้ด้วยเช่นกัน
การต่อสู้เกิดขึ้นต่อเนื่องดุดัน ทั่วบริเวณแม้จะตกอยู่ภายใต้มนต์ชั่วร้ายมืดมิด แต่ก็ได้มหาธาตุอัคคีของผักตบ
แผ่รัศมีช่วยให้เกิดแสงสว่างไปทั่วบริเวณ

“อย่าได้รีรอ เรียกแมลงพิษจัดการพวกมัน”
 พระปิตุจฉาทรงรับสั่งกับพระปิตุลา ฝ่ายพระสวามีร่ายพระเวทย์โดยไม่รีรอ

“หึ่ง!!..วี่ๆๆ!..แซดๆ!!” ไม่นานผึ้งทะเลทราย แมงป่อง ตะขาบพิษ
 ไม่เว้นกระทั่งงูหางกระดิ่งด้วย มาจากทิศทางไหนไม่มีใครรู้ ยกโขยงกันมาเป็นกองทัพ
เหมือนจะรู้ว่าใครที่เป็นเป้าหมาย ต่างกลุ้มรุมเดินหน้าไปทางพวกผักตบ
สร้างความตื่นตระหนกและเสียงหวีดร้องตกใจ ปนหวาดกลัวขยะแขยงให้แก่นางกำนัลสูงวัยทั้งคู่ไปแล้ว

“ว๊ายย!!!..สัตว์พิษเพคะ” ผักตบได้สติ ใช้ไฟเผาทำลายจนกลิ่นไหม้คละคลุ้งไปทั่ว
เขาเริ่มอ่อนล้าลงเรื่อยๆ เมื่อต้องใช้พลังต่อเนื่องหนัก ทั้งกำจัดสัตว์พิษนับร้อยนับพันที่ตีวงล้อมเข้ามา
ป้องกันไม่ให้ทำร้ายใครได้ ยังต้องรับมือพวกปีศาจที่โผล่มาไม่หยุดหย่อนอีกต่างหาก
ถือเป็นการใช้เทพจตุรธาตุต่อเนื่อง จนเข้าขั้นวิกฤตไปแล้วตอนนี้ หากเหตุการณ์ยังไม่มีวี่แววยุติ
เห็นท่าเขาจะหมดแรงสิ้นเปลืองพลังจนไม่สามารถใช้ได้อีกแน่ สำคัญสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ในท้องมากกว่า
จะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย หากไม่มีพลังจตุรเทพมหาธาตุคุ้มครองเอาไว้

“เราต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ชายาข้ากลับใช้พลังเกินไปแล้ว” องค์ชายวายุภักษ์ทรงวิตกกังวลยิ่งนัก
เมื่อชำเลืองเนตรเห็นผักตบเหงื่อผุดซึมไปทั่วหน้า หายใจเหนื่อยหอบดูเคร่งเครียดไม่มีเวลาพักหายใจแล้ว
แต่ละคนต่างตกที่นั่งลำบาก ต้องรับมือกันเป็นระวิง ชนเผ่าแมงมุมดำล้วนเก่งกาจในการรบ
สำคัญอาวุธวงเดือนของพวกนางล้วนอาบพิษของเผ่าแมงมุมอันร้ายกาจตามตำรับลับ พลาดพลั้งได้เลือดคงยากแก้ไข

“พระโอรสเพคะ..เปิดทางให้หม่อมชั้นเข้าใกล้ราชครูได้หรือไม่”
เสียงที่ดังไม่ห่างผักตบ เป็นแม่นมสูงวัยที่ควบคุมสติตนเองเอ่ยกับผักตบ

“คุณจะทำอะไร” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

“หม่อมชั้นจักแก้อาถรรพ์มนตราเพคะ” นางรีบตอบเขาโดยเร็ว

“คุณทำได้หรือครับ” เขารับมือสาดพลังต่อเนื่อง ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่หยุดหย่อนจนหายใจหอบ แต่ก็ไม่ละเลยที่จะถาม

“ต้องใช้เลือดของหญิงมีรอบเดือนเพคะ” นางตอบคำ ผักตบพอเข้าใจความหมาย เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้
จะสามารถทำได้อย่างที่หญิงสูงวัยพูดมาหรือเปล่า แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า

“แล้วคุณไปเอาเลือดมาจากไหน” นั่นต่างหากที่เขาสงสัย

“หม่อมชั้นขอจากนางกำนัลขณะชำระกาย คิดไว้ว่าบางเพลาคงจำเป็นต้องใช้
นางให้ซับในเปื้อนเลือดแก่หม่อมชั้นมาแล้วเพคะ” คำตอบที่ได้ผักตบพยักหน้ารับรู้
โดยไม่มีเวลากระทั่งหันไปสบตาตอบด้วย

“ผมจะส่งคุณไป ระวังตัวด้วย” พูดจบ ควบคุมเทพมหาธาตุวายุยกร่างเธอลอยหวือไปที่พระปิตุลา
 และพระปิตุจฉาประทับยังฝั่งตรงข้าม ห่างไปนับยี่สิบก้าว กำลังช่วยกันร่ายมนต์คาถาอย่างไม่หยุด

“ตายเสียเถอะปีศาจเฒ่า” เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของแม่นมสูงวัย
โดยร่างลอยพุ่งเข้าใส่สองสามีภรรยาจอมเวทย์ ไม่มีใครรู้ว่า ในมือเธอถือมีดพกสั้น
หุ้มด้วยซับในสตรีมีรอยแดงคล้ำเป็นวงกว้าง
กลับสามารถฝ่าเขตอาคม เข้าประชิดวรกายของพระปิตุลาแล้ว
โดยที่เขตอาคมคุ้มกายไม่สามารถกั้นนางได้ เป็นเพราะเลือดประจำเดือนของสตรีที่ติดอยู่กับซับใน
คือสิ่งที่เป็นปรปักษ์ของพระเวทย์ ทำให้เกิดความเสื่อมของเขตอาคมเพียงชั่วพริบตา
ปลายแหลมของมีดจ้วงแทงยังอุระพระปิตุลาจนจมมิด แม้แต่อาคมคุ้มกายก็ต้านเอาไว้ไม่ได้

“อร๊ากกก!!” เสียงร้องเจ็บปวดทรมานดังกระหึ่ม

“ไม่นะ..ท่านพี่..ฉั๊วะ!...ตุ๊บ!” คมดาบตวัดพร้อมสุรเสียงตกพระทัยของพระปิตุจฉาตามติด
พระนางตวัดดาบบั่นศีรษะแม่นมจงรักภักดีสะบั้น จนขาดหล่นตุ๊บทันทีเช่นกัน
ด้วยความรวดเร็วเกินคาด เกราะเทพมหาธาตุช่วยป้องกันไม่ทัน ด้วยถูกมนต์ต้องห้ามทำลายไปก่อนแล้ว
แม่นมเสียสละ สังหารพระปิตุลา แก้แค้นให้เหนือหัวหัสดินและพระมเหสีนรินทร์ธรสำเร็จ
 แต่ก็ต้องดับชีวิตด้วยน้ำมือของพระปิตุจฉา อย่างไร้ปรานีในพริบตาเช่นกัน

“ท่านพี่..ท่านต้องไม่เป็นอะไร ท่านต้องไม่เป็นอะไร” พระนางหลั่งน้ำพระเนตรอาบพักตร์
เมื่อคู่ชีวิตร่วมทุกข์สุขหายพระทัยโรยริน เนตรเฉี่ยวเฉียงหรี่เล็กอย่างต้องการฝืนลืม สุรเสียงกระท่อนกระแท่นยากลำบากยิ่ง

“หนะหนี..หนีไปน้อง..หญิง” เพียงเท่านั้น พระศอก็พับอ่อนแน่นิ่ง ไปด้วยสภาพดวงเนตรเบิกโพลงอย่างมิอาจปิดสนิท

“พวกเจ้า..ถอย!!” พระนางไม่เสียเพลาคร่ำครวญโศกา ทรงยึดดำรัสพระสวามีในเสี้ยวชีวิตสุดท้าย
ตรัสสั่งนางกำนัลทั้ง 8 ล่าถอย ก่อนจะสะบัดโบกพระหัตถ์ จนเกิดกลุ่มควันคละคลุ้งฝุ่นผงปลิวกระจาย

“อย่าได้สูดไอพิษ” เหนือหัวธรณินตวาดลั่น ผักตบใช้เทพมหาธาตุวายุพัดฝุ่นผงรวมกันเป็นก้อน
หอบปลิวออกไปนอกตำหนักได้ทันทีเช่นกัน พร้อมกลับบรรยากาศกลับสว่างดุจกลางวัน สภาพโดยรอบเละเทะไปหมด
ไม่เหลือเงาของพระปิตุจฉากับนางกำนัลมือสังหารแม้แต่คนเดียว นอกจากวรกายไร้พระวิญญาณของพระปิตุลา
ซึ่งแน่นิ่งไม่ห่างศพแม่นมไร้ศีรษะ ปลิวกระเด็นตกไกลพอสมควร เป็นภาพสยดสยองด้วยยังมีมีดพกแหลมพันด้วยซับในสตรี
ปักตรึงอยู่บริเวณพระอุระ พระโลหิตเนืองนองทั้งสองศพ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณ

“เสด็จพ่อ..ข้าขออโหสิกรรม โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วยเถิด” เหนือหัวธรณินถึงกับทรุดวรกายคุกเข่า
ก้มพระเศียรคำนับพระศพอย่างสิ้นเรี่ยวแรง เมื่อทอดสภาพวรกายไร้พระวิญญาณพระบิดา ทรงสลดหดหู่นัก

“พระปิตุลา..ประทานอโหสิข้าด้วย” องค์หญิงชลธาร ทรงคุกเข่ากระทำเฉกเดียวองค์เหนือหัว
ด้วยพระองค์เองยังทรงผูกพันกับพระปิตุลาดุจพระบิดาก็ไม่ปาน แม้ความจริงจักเปิดเผย
ยามทอดพระเนตรยังพระศพ กลับทรงนึกเวทนาสลดหดหู่พระทัยเป็นล้นพ้น

“เจ้าปลอดภัยหรือไม่” องค์ชายรุดประคองร่างผักตบอย่างกังวล
เมื่อพระชายาหมดแรงโงนเงนเกือบล้มทั้งยืน ถ้าพระองค์เข้าประคองไม่ทันมีหวังผักตบล้มไม่เป็นท่า

“ผมยังไหว” ถึงเขาจะบอกพระสวามีให้สบายพระทัย แต่ยอมรับว่าครั้งนี้ เขาแทบลมจับหมดแรงมาก
ในการต่อสู้โดยใช้เทพมหาธาตุอย่างสิ้นเปลืองสุดๆ ยังดีไม่ถึงกับสูญสิ้นกำลังไปเสียก่อน

“คุณน้าน่าสงสาร เธอเสียสละยิ่งใหญ่” ผักตบรำพึง พร้อมจ้องยังร่างที่ไร้ศีรษะ โดยส่วนหัวกระเด็นอยู่ห่างไม่น้อย

“ฮือๆๆๆ..พระนมเจ้าขา” นางในชั้นสูงถึงกับทรุดซบบนร่างไร้หัว ร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่
กับการสูญเสียผู้ที่ร่วมผจญวิบากกรรมมาด้วยกัน

“อย่าได้เศร้าโศกาอันใด ข้าจักจัดพิธีไว้อาลัยสมกับที่นางเสียสละ ส่วนเจ้าอย่าได้หลงลืม
เจ้าคือกษัตริย์ยังต้องปกครองบ้านเมือง หากปล่อยให้ตนเองเศร้าโศก จักไม่เป็นผลดีแก่ผู้ใด”
องค์ชายวายุภักษ์ทรงมีพระสติ ดำรัสเตือนให้เล็งเห็นความเป็นจริง ทำให้ทุกคนที่ตกอยู่ในอาการโศกเศร้า
กล้ำกลืนฝืนทนลุกขึ้นยืนหยัดกันอีกครั้ง

“เจ้ากล่าวถูกต้อง ข้าจักต้องเป็นเสาหลักไม่อ่อนแอเป็นอันขาด โอ้! เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว
จักต้องห้ามเลือดก่อน..ทหารจัดการสะสางพื้นที่ให้เรียบร้อย เตรียมจัดพิธีพระศพพระปิตุลาอย่างสมพระเกียรติ
พร้อมด้วยแม่นมผู้นี้เช่นเดียวกัน พวกเจ้าอย่ารีบร้อนเดินทาง จงพักรักษาตัวเสียก่อน
เราค่อยปรึกษาหารือกันอีกที จักกระทำเยี่ยงไรต่อไป”
กลับเป็นองค์เหนือหัวธรณิน หลังควบคุมพระสติ จึงค่อยเห็นว่ากลกะลาได้รับบาดเจ็บเลือดอาบท่อนแขน
พานหลงลืมองค์ขยับประคองเขาอย่างผิดปกติวิสัย แต่มิมีผู้ใดทักท้วง
องครักษ์หนุ่มได้แต่หน้าซับสีเรื่อต่อความห่วงใยที่ได้รับ ทั้งที่อีกฝ่ายเพิ่งสูญเสียพระบิดายังคงเศร้าโศกอยู่
พอรู้ว่าเขาบาดเจ็บก็ไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ทรงให้ความห่วงใยกังวลอาการเขาโดยไม่เสแสร้ง
แถมยังใช้พระสติปัญญา สั่งการกับบรรดาเหล่าทหารที่ทยอยตื่นจากมนต์สะกด ให้สะสางสถานที่ให้เรียบร้อย
เป็นอันว่าทุกคนรับเชิญให้พำนักยังพระตำหนักของเหนือหัว เพราะตำหนักองค์หญิงชลธารไม่สะดวกให้พำนักได้
ระหว่างนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน จะอยู่ร่วมพิธีพระศพให้เกียรติแก่เหนือหัวธรณิน แม้ว่าพระปิตุลาจักเป็นกบฏ
กระนั้นผู้เป็นพันธมิตรที่ไม่ยืนหยัดเข้าข้างฝ่ายกระทำผิด ผักตบและพระสวามีเห็นตรงกัน
รอให้ผ่านพ้นพระราชพิธีพระศพเสร็จสิ้นก่อน พวกเขาจึงจักดำเนินการเดินทางกลับไตรคานนครต่อไป
>
>
ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  3  -




“เป็นเช่นไร เจ้าคำนึงถึงเรื่องราวใดอยู่”
เหนือหัวธรณินตรัสถามบุรุษซึ่งรับตำแหน่งองครักษ์คู่พระทัย
ชนิดไม่ห่างสายพระเนตรแม้แต่น้อย หลังทรงได้รับพระอนุญาตจากรัชทายาทไตรคาน
ให้กลกะลาทำตามหัวใจ ซึ่งองครักษ์หนุ่มเลือกขอใช้ชีวิตอยู่เวฬุวรรณนคร
รับตำแหน่งในฐานะองครักษ์คู่พระทัยเหนือหัวธรณิน
ที่มีผู้คนวงในรับรู้ว่าทั้งคู่หาใช่เพียงองครักษ์กับนายเหนือหัวปกติทั่วไป กลับเป็นคนรักกันไปเสียแล้ว

กลกะลามิอาจรับพระกรุณา อภิเษกสมรสกับเหนือหัวดุจผักตบร่วมพิธีอภิเษกองค์ชายวายุภักษ์
ด้วยเขาแตกต่าง แม้จะได้รับความรักจากเหนือหัวโปรดปราน โดยไม่เหลือสายพระเนตรมอบให้แก่สตรีหรือบุรุษใด
 เขามิลำพองตนให้เป็นที่ครหา สร้างความดูแคลนให้พระองค์ เพราะอดีตเขาคือเชลยสงคราม
 ศักดิ์ฐานะมิใช่ขัตติยราชนิกุลจึงไม่อาจใฝ่สูงไขว่คว้าตำแหน่งพระมเหสี
 แทนองค์หญิงทิพย์เกสรแห่งไอยรานครเป็นอันขาด กระนั้นก็ได้รับสัตย์สาบานจากคนรักเหนือหัวธรณิน
พระองค์จักไม่อภิเษกพระมเหสีหรือรับพระสนมเด็ดขาด จักมิคิดนอกกายนอกใจองครักษ์พิทักษ์พระทัยผู้นี้เสียแล้ว

“ข้าเพียงคิดถึงพระโอรสน้อย ผ่านมา 6 ปี ทรงกำลังซุกซนกระมัง
หากพอมีเพลา คิดชักชวนท่านไปเยี่ยมเยือนยังไตรคานสักหน”

“ข้าก็คิดถึงโอรสเช่นกัน ป่านนี้เป็นเยี่ยงไรเล่าหนอ” เหนือหัวทรงรับสั่งกับองครักษ์คู่พระทัย
พร้อมโอบพระกรดึงคนที่ยืนเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างห้องบรรทม เขาอิงแอบแนบพระอุระด้วยความอ่อนโยน
กลกะลาไม่ได้ขืนตัวต้าน กลับยินยอมโอนอ่อนอิงซบอุระแกร่งโดยแนบแผ่นหลังบนพระวรกายสูงใหญ่ของฝ่ายซ้อนทับ
ทั้งคู่ต่างทอดมองไปยังดวงตะวันชิงพลบ ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้ายามเย็น
ทอแสงสีส้มแดงนำพาภวังค์ความคิดให้ล่องลอยไปไกล

“เขาเป็นโอรสท่าน กลับองอาจหนักแน่นมิต่างเหนือหัววายุภักษ์ หาได้มีนิสัยเช่นท่านแม้แต่น้อย”
กลกะลากลับกล่าวตามข้อเท็จจริง

“นั่นข้ามิอาจโต้แย้งเจ้าได้ ถือว่าข้าภูมิใจที่เขารับนิสัยน่ายกย่องของกษัตริย์ไตรคานได้อย่างดียิ่ง”
 เหนือหัวธรณินไม่ได้รู้สึกผิดหวัง พระโอรสของพระองค์มีพระอุปนิสัย
ถอดแบบเหนือหัวคุณธรรมเป็นที่เคารพรักไปทั่วแว่นแคว้น ดังกษัตริย์วายุภักษ์มาแล้ว

“เอาเถอะ..ถือเป็นความลงตัวสมควรยกย่อง ข้าเห็นด้วยกับท่าน กระนั้นกลับแปลกใจนัก
องค์ชายสุริยันโอรสท่านคล้ายเหนือหัววายุภักษ์ ไฉนเลยพระโอรสในสายพระโลหิต
 กลับมิคล้ายคลึงผู้ใด ทรงงดงามน่าทะนุถนอมผิดแปลกบุรุษไปแล้ว
 พระศิริโฉมกระทั่งกุลธิดาทั่งหลายยังอาย เมื่อเทียบองค์ชาย 'ดารา' ถึงตอนนี้ข้าใคร่ไปเยือนให้หายคิดถึงยิ่ง”

“เช่นนั้นข้าจักรีบสะสางราชการ เพื่อจักเดินทางไปไตรคานเยี่ยมเยือนพวกเขาแล้ว
ที่ลืมไม่ได้..ชลธารน้องหญิงของข้ามิรู้นางกับหญิงอ้าย เป็นเช่นไรบ้าง
ปานนี้คงวุ่นวายหัวหมุนอยู่กับการดูแลหลานทั้งสองหรือไม่ ยังดีตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
ชลธารมิต่างจากคนธรรมดาสามัญ กลับไร้ซึ่งเทพมหาธาตุครอบครองอีกต่อไป
กระนั้นหญิงอ้ายศศิธร ก็มิได้หมางเมินต่อนาง ถือว่าพวกนางทั้งสองมีใจรักมั่นคงเด็ดเดี่ยวยิ่ง
ข้าสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง มิให้ผู้ใดต้องกล่าวหาข้าได้ภายหลัง จักรักดูแลเจ้าไปชั่วชีวิตข้า”
กลกะลาเบี่ยงร่างออกจากอ้อมพระกร หันมาเผชิญพระองค์ ดวงตาดำสนิทจ้องสบสายพระเนตรคมเข้ม
ที่ทอดอ่อนลึกซึ้งไม่เคยเปลี่ยน แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี เขายังคงได้รับการเอาใจใส่ดังเดิม

“ขอบพระทัย..พะยะค่ะ” เป็นวาจาที่เขาเอ่ย ถือวิสาสะประกบริมฝีปากลงบนโอษฐ์หยัก
อย่างไม่คำนึงความเหมาะสม ยามได้อยู่ร่วมกันเพียงลำพัง เขารู้แค่ว่ามหาราชองค์นี้
คือบุรุษที่เขารักและเทิดทูนจ้าวหัวใจของเขาเท่านั้น หาใช่ราชาที่ต้องระวังกิริยาแต่ประการใด
นอกจากแสดงออกทั้งกาย วาจา ใจ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เขาเองก็รักพระองค์ไม่ยิ่งหย่อน
จึงไม่ลังเลเป็นคนเริ่มชักนำเหนือหัวธรณิน สู่ภารกิจของการปลดปล่อยพระอารมณ์กำหนัด ด้วยการสังวาสอันแสนหวาน...
>
>
“คุณ..ลูกยังไม่กลับจากตำหนักพี่หญิงธารเหรอ” ผักตบถามสวามี บัดนี้ทรงสถาปนาเป็นกษัตริย์ได้สี่ปีแล้ว
หลังเหตุการณ์เลวร้ายได้ล่วงเลยผ่านมาถึง 7 ปี ทั้งสองก็มีโอรสเป็นแก้วตาดวงใจ 2 พระองค์
องค์โตมีนามว่าสุริยัน..ด้วยเกิดก่อนสองปี จากการตรวจไม่ผิดเพี้ยน เป็นสายพระโลหิตของเหนือหัวธรณิน

พระองค์กลับถือครองเทพมหาธาตุอัคคีมาจุติ มีเกศาสีแดงเพลิง พร้อมปานเทพมหาธาตุอัคคีตรงอกซ้าย
สำคัญเป็นมหาธาตทรงอานุภาพ เพียงมีโทสะกลับสร้างเปลวไฟร้อนระอุ
ขึ้นเผาผลาญรุนแรงถึงขั้นหลอมละลายเหล็กกล้า หรือคมดาบให้มอดไหม้ไปได้ทีเดียว
ทั้งที่มีชันษาเพียง 6 ขวบ กลับสุขุมนิ่งขรึม ไม่พูดมากนึกคิดเกินวัยหลายปี ฉลาดหลักแหลมเรียนรู้เร็ว
ไม่ว่าเพลงอาวุธหรือทักษะต่อสู้ วิทยาการต่างๆ การปกครองประวัติศาสตร์ทรงแตกฉานรอบรู้ไม่น่าเชื่อ
เพียงแค่ได้อ่านรอบเดียว กลับจดจำทุกบรรทัดเป็นอัจฉริยะบุคคลไปแล้ว
พระองค์เป็นที่โปรดปรานยิ่งสำหรับเหนือหัววายุภักษ์ ที่ไม่เคยแบ่งแยกว่าพระโอรสคือสายพระโลหิตของผู้ใด
ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับพระครรภ์ของพระชายาผักตบ เพราะพวกเขากลับเข้าใจว่าผักตบมีพระครรภ์แฝด
แต่แล้วกลับเป็นหน่อเนื้อของเหนือหัวธรณิน ถือประสูติตามเวลา 10 เดือน

ในขณะที่พระโอรสเลือดเนื้อสายพระโลหิตของเหนือหัววายุภักษ์กับผักตบแท้จริง ดันฟูมฟักอยู่ในครรภ์ถึง 2 ปี
เป็นเพราะในขณะที่ต้องรับเป็นพระมารดาอุ้มบุญนั้น องค์ชายสุริยันช่วงอยู่ในครรภ์ดูดซับพลังเทพมหาธาตุอัคคีของผักตบ
เกิดความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โอรสน้อยของพวกเขาจึงห่อหุ้มพระวรกายตนด้วยมหาธาตุวารี
ประหนึ่งจำศีลยาวนาน ผลลัพธ์เขาจึงท้องลูกแท้ๆ  24 เดือน กว่าจะลืมตาออกมาดูโลกภายนอก
ส่วนองค์ชายสุริยัน ทรงรับทราบเรื่องราวการประสูติของพระองค์ เกี่ยวกับพระบิดาที่แท้จริง
เพราะผักตบกับพระสวามีมิคิดปิดบัง กระนั้นก็ทรงเลือกที่จะอยู่ไตรคาน ร่วมกับผักตบและเหนือหัววายุภักษ์
มากกว่าจะไปอยู่เวฬุวรรณนคร ด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่า สาเหตุที่พระโอรสผู้นี้ไม่ไปอยู่กับพระบิดาที่แท้จริง
ทั้งที่รู้ความทุกอย่าง มีเพียงเหตุผลเดียว กำลังจะเฉลย ในขณะผักตบพำนักที่พระตำหนักภายในห้องบรรทม
ปล่อยพระสวามีทรงงานตามภารกิจที่ต้องสะสาง

“เสด็จแม่ ต้องลงโทษเจ้าพี่สุริยันให้ข้า” เสียงเล็กใสดุจนกการเวก ที่ดังก่อนปรากฏวรกาย
เป็นใครไม่ได้นอกจากพระโอรสหัวแก้วหัวแหวน ดวงใจของเหล่าข้าทาสบริวารผู้รับใช้ รวมถึงผักตบและเหนือหัววายุภักษ์

“เป็นอะไร..ใครทำอะไรให้อีก” ผักตบอ้าแขนรับร่างเล็กขาวหยวก ถ้าเป็นโลกที่เขาเคยอยู่ยุคไฮเทค
คงต้องบอกว่าขาวยังกับหลอดนีออน เหมาะแล้วที่จะใช้เปรียบลูกชายวัย 4 ขวบผู้นี้
ตัวเล็กโอษฐ์นิด นาสิกน่ารักน่าชัง ดวงเนตรกลมโต ขนพระเนตรยาวงอนดุจทารกแขกในภาพเขียนที่ผักตบเคยเห็น
วรองค์บอบบางประดุจกุลธิดามากกว่าเป็นกุลบุตร สำคัญพักตร์กลมบ็อกพวงแก้มยุ้ยอมชมพูอีก
พระโอษฐ์กระจิดริดบางเล็กเสียด้วย กับมีสีชมพูเรื่อเงาวาวอยู่ตลอดเวลา

น่าแปลกเขาไม่คิดว่าลูกแท้ๆ ในสายเลือดจะออกมางดงามอย่างกับเด็กผู้หญิงแบบนี้
 แทบไม่อยากเชื่อคือ องค์ดาราถือเทพมหาธาตุวารีจุติ แถมเป็นมหาธาตุที่ทรงอานุภาพไม่ต่างองค์สุริยัน
มีอานุภาพชนิดทำให้เกิดมหาสมุทร ท่วมแผ่นดินทะเลทรายได้พริบตา เพียงพระองค์กันแสง
มวลมหาวารีก็พร้อมใจกันหลั่งไหล จนไม่มีใครกล้าขัดพระทัย ให้พระองค์หลั่งอัสสุชลอีกเลย
ยังดีได้ผักตบกับเหนือหัว ทำให้เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ไม่เกิดขึ้น
เพราะเกราะมหาธาตุพ่อแม่รวมกำลังกันถึงจะเอาอยู่ คิดดูว่าลูกของพวกเขามีพลังยิ่งใหญ่แค่ไหน
ถึงกับพ่อหรือแม่เพียงคนเดียว ต้านไม่ได้กันทีเดียว ทั้งที่ยังเยาว์พระวัย..

“อย่าทำหน้าบึ้งแบบนี้ครับ บอกก่อนโดนใครรังแก” ผักตบอมยิ้ม
กับท่าทางปากยื่นพองแก้มไม่สบอารมณ์ของลูกชาย ที่กำลังอุ้มอยู่ขณะนี้
ขนตางอนยาวหลุบปิดตากลมโต ค่อยช้อนมองเขาคลอรื้นไปด้วยน้ำจนเขาตกใจรีบร้องห้ามวุ่นวาย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องครับไม่ร้อง ดาราจะให้น้ำท่วมพสกนิกรหรือ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง บอกแม่ใครทำให้ลูกไม่พอใจ”
นี่คือเหตุผลที่ผักตบไม่สามารถให้ลูกร้องไห้เป็นอันขาด ขืนหยดน้ำตาร่วงแผละ
มีอันสายน้ำมหาศาลจะหลั่งไหลเข้าท่วมไตรคานแน่ เดือดร้อนเขากับพระสวามีต้องออกแรงแทบหมด
สร้างเกราะมหาธาตุต้านเอาไว้ กระนั้นก็ต้องมีคนปลอบเจ้าตัวร้ายนี้ให้หยุดร้องด้วย ไม่งั้นสายน้ำก็ไม่หายไปเช่นกัน

“เจ้าพี่สุริยันแกล้งข้า” โอรสน้อยฟ้องเสียงเบา ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาผักตบตอบ

“ลูกดื้อกับพี่เขาหรือเปล่า แน่ใจพี่สุริยันแกล้งหืม” ผักตบแม้จะรักลูกมากแต่ก็ไม่เข้าข้าง
ถ้าออกอาการแบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวร้ายในอ้อมแขน คือผู้ที่ก่อเรื่องก่อนแน่นอน

“ข้าเปล่าดื้อเสียหน่อย เจ้าพี่สุริยันต่างหาก ไม่ยอมให้ข้าฟันดาบ ห้ามไม่ให้ใช้ดาบจริงฝึกซ้อม”
ผักตบส่ายหัวให้กับคำตอบ พร้อมกับไม่อาจห้ามรอยยิ้มของตัวเองได้ด้วย เขาเข้าใจแล้วเกิดอะไรขึ้น

“เป็นแบบนี้ยังกล้าบอกเหรอครับ ว่าไม่ได้ดื้อ..ดารารู้ใช่ไหมว่าเรายังไม่ถึงเวลาที่จะใช้ดาบจริง”
 เขาพยายามตะล่อมใช้เหตุผลเข้าคุย

“แต่ข้าสามารถกระทำได้แล้ว ใยต้องห้ามมิให้ใช้ด้วย เจ้าพี่สุริยันเองกลับใช้ได้
ข้าก็ต้องการทดลองบ้าง ฝึกแต่ดาบไม้ไม่สนุกนี่” นอกจากจะขี้ฟ้องแล้ว ยังมีเหตุผลมาโต้เถียงอีกต่างหาก

“คึคึ!! เอาล่ะแม่รู้แล้วว่าดาราใช้ดาบจริงได้
 แต่มันเป็นกฎนะครับลูกเป็นองค์ชายจะทำผิดกฎเป็นเยี่ยงอย่างไม่ได้ เข้าใจไหมครับ”
ผักตบค่อยตะล่อมสอนอย่างใจเย็น เขาไม่รู้สึกแปลกหูอีกแล้ว
หลังจากแรกเริ่มแม่เล็กให้เขาแทนตัวว่าแม่กับลูก เพราะไม่อาจให้เรียกว่าพ่อสองคน
เด็กจะไม่เข้าใจและงงในสิ่งที่ไม่มีคำตอบ เขาจึงต้องยอมรับต่อฐานะนี้อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

“ข้า..ข้า” องค์ชายน้อยหาคำแย้งพระมารดาไม่ได้ จึงก้มพักตร์งุด
 พวงแก้มอวบอูมแดงแปร๊ด!! อย่างน่าหยิกเป็นที่สุด

“เสด็จแม่พะยะค่ะ ข้าขอประทานอภัยที่เป็นต้นเหตุให้ดาราโกรธ”
มาแล้วศีรษะแดงเพลิงเด่นมาแต่ไกล รูปร่างสูงใหญ่กว่าวัยเดียวกันไปมาก
 บางทีอดคิดไม่ได้ว่าสุริยันหรือเปล่า ที่เป็นสายโลหิตของเขากับเหนือหัววายุภักษ์พระสวามี
หาใช่ดาราที่ดูบอบบางเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้

แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า มหาโหราผู้เฒ่าและทีมหมอหลวงผู้เชี่ยวชาญเก่งกาจ
ต่างระบุตรงกันไม่ผิด สุริยันคือการหลอมรวมจากสายพระโลหิตกับตะขาบแก้ว
ดึงดูดเทพมหาธาตุไว้ด้วยกัน จนทำให้รูปลักษณ์ออกมาแบบนี้ พร้อมถือครองมหาธาตุอัคคีอยู่เต็มเปี่ยม
เพราะตะขาบแก้วกับสายพระโลหิตดูดซับ พลังมหาธาตุอัคคีของผักตบชนิดเดียว
จนตอนนี้ผักตบไม่สามารถใช้อัคคีมหาธาตุได้อีกต่อไป

“อะไรอีกสุริยัน ลูกตามใจน้องแบบนี้ ถึงทำให้น้องเสียนิสัยเอาแต่ใจแล้วนะครับ”
ผักตบบอกลูกชายคนโต พระโขนงเข้มพักตร์คมคาย นาสิกโด่งเป็นสันคม
ผสมลงตัวออกแววหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก ไม่ต้องคิดว่าโตขึ้นจะหล่อแค่ไหน

“ข้ามิได้ตามใจน้องขอรับท่านแม่ เพียงข้าขัดใจดารามิให้ใช้ดาบ ข้าไม่อยากเห็นน้องบาดเจ็บ”
สุรเสียงแผ่วต่ำพูดตอบ ก่อนแอบชำเลืองเนตรคมยังพักตร์อวบอูมแดงแปร๊ดในวงแขนพระมารดา
เหมือนของอนง้อ ฝ่ายตัวเล็กจ้อยเม้มโอษฐ์พองแก้ม ไม่ยอมเหลียวแลผู้เป็นพี่ชายสักนิด

“ดารา..พี่ขอโทษเจ้า พี่สัญญาหากเจ้าโตอีกหน่อย พี่จะเป็นผู้ฝึกดาบกับเจ้าเอง หายโกรธพี่ได้หรือไม่”
ผักตบนิ่งไม่ขัดลูกชายคนโต ที่กำลังงอนง้อเจ้าตัวร้ายแสนงอนในอ้อมแขน พอได้ฟังพี่ชายตรัสเสียงนุ่ม
มีแอบชำเลืองเนตรกลมโตลอบมองคนง้อแล้ว

“สัญญานะ” ก่อนเปล่งสุรเสียงเล็กใส ย้ำถามกลับไป

“พี่สัญญา” ฝ่ายผู้พี่รีบรับคำ

“แต่กว่าข้าจักเติบโตอีกตั้งหลายปี หาใช่เวลาอันใกล้นี้เสียหน่อย
ถ้าจะให้ข้าหายโกรธ..เจ้าพี่ท่านต้องให้ข้าขี่ม้า ยอมเป็นม้าให้ข้าหรือไม่”
เจ้าตัวร้ายต่อรองอย่างเอาเปรียบ ผักตบกลั้นขำดูลูกชายคนโตจะตอบยังไง
ถึงแม้จะรู้คำตอบล่วงหน้าแทบไม่ต้องเดา

“หากเจ้ายังให้ท่านแม่อุ้มอยู่แบบนี้ เมื่อไหร่เจ้าจักได้ขี่ม้ากันเล่า”
ผักตบแถมปล่อยก๊ากหลุดหัวเราะ หลังได้ยินคำตอบคนเป็นพี่

“ท่านแม่ ท่านปล่อยข้าลงเถิด ข้าจักขี่ม้า”
สุดท้ายตัวร้ายก็หันมาอ้อนพระมารดา ด้วยการทำดวงเนตรน่าสงสารได้น่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง

“ก็ได้ แต่ต้องหอมแก้มแม่ก่อน” ผักตบยื่นเงื่อนไข ไม่ต้องรอนานแก้มซ้ายขวาเต็มไปด้วยคราบน้ำลาย
ซึ่งลูกชายคนเล็กไม่เพียงหอมปกติ แอบเลียแก้มแม่ข้างละที เขาเลยแฉะน้ำลายอย่างที่เห็น

“ดูแลน้องนะครับ ระวังน้องตก” ผักตบจำต้องส่งตัวร้ายขึ้นหลังพี่ชายผู้ขันอาสาเป็นม้า ที่ดูท่าทางเต็มใจบริการเป็นอย่างยิ่ง

“ขอรับท่านแม่ ข้าจักมิยอมให้ดาราบาดเจ็บ” นี่คือสาเหตุหลักที่องค์ชายสุริยันไม่ยอมไปไหน
พระองค์ทรงหวงแหนพระอนุชาดารายิ่งชีวิต บุตรธิดาของเหล่าขุนนางอำมาตย์ในวัง
ซึ่งเป็นพระสหายของสองพระองค์ สามารถเป็นเพื่อนเล่นได้ แต่ห้ามถึงเนื้อถึงตัวองค์ชายดาราเป็นอันขาด
ไม่เช่นนั้นได้ร้องไห้เป็นเรื่องเป็นราวไปตามกัน

พระองค์หวงชนิดไม่ให้ใครแตะต้ององค์ชายน้อย ยกเว้นท่านพ่อ ท่านแม่ผักตบ เสด็จปู่ เสด็จย่า เสด็จยายเล็ก
ป้าหญิงธาร น้าหญิงศศิธร กระทั่งเหล่านางกำนัลยังต้องขออนุญาตพระองค์เสียก่อน
สองพระโอรสกระเตงกันออกจากห้องบรรทม ผักตบยืนอมยิ้มขำตามหลัง
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีสุริยันก็ยังติดน้องแจ ไม่มีอะไรทำให้ลูกชายของเขาสนใจ เท่ากับน้องชายบนหลังของเขาอีกแล้ว

“เจ้ายิ้มกริ่มอันใดมเหสีข้า” เหนือหัววายุภักษ์ทรงเสด็จเข้าในห้อง ก่อนรับสั่งถามพระมเหสี

“ผมขำลูกครับ สุริยันแพ้ทางดารายอมน้องตลอด แบบนี้อีกหน่อย
เจ้าตัวร้ายของเราคงเอาแต่ใจเสียนิสัยพอดี” ผักตบบอกพระสวามีตามตรง

“หึหึ! สุริยันหวงดารา กระนั้นยังมีเหตุผลในบางเรื่องที่มิตามใจอยู่
ได้ข่าวดารามาฟ้องเจ้า ว่าสุริยันขัดใจมิใช่หรือ” องค์ชายวายุภักษ์ตรัสถาม

“คุณรู้ด้วยหรือ” เขาอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้

“ก่อนหน้าไปฟ้องเราแล้ว แต่เราวุ่นวายภารกิจราชการ จึงแนะให้มาขอคำปรึกษาเจ้าดอก
ใยจักคาดเดาไม่ถูก” พระองค์ทรงเฉลย

“เป็นแบบนี้เอง ก็อย่างที่คุณบอกแหละครับ” ผักตบยอมรับ

“นั่นย่อมบ่งบอก สุริยันมิตามใจดาราเสียทุกเรื่อง ถึงไม่ยินยอมให้ดาราใช้ดาบจริงฝึกซ้อมเยี่ยงไร” องค์ชายวายุภักษ์ทรงสรุป

“จริงด้วยครับ..แต่สุดท้ายก็ตามมาง้อน้อง” ผักตบยิ้มกว้าง

“นั่นเป็นเพราะรักมากเยี่ยงไร เอาเถอะเพลานี้เรากลับคิดถึงเจ้า
พอจักให้ความรักแก่เราได้หรือไม่ มเหสีที่น่ารักยิ่ง” พระองค์เปลี่ยนมาอ้อนผักตบเฉย

“อ้าว! ยังไม่ค่ำมืดเลย นึกยังไงถึงอ้อนผมหืม” เขาทั้งเขินทั้งอาย แม้จะหลับนอนมีอะไรกันมาไม่ถ้วน
พอเจอรุกขอตรงๆ บางทีก็เขินเอาเรื่อง

“เราเหนื่อยล้ากับงานราชการ มีเพียงเจ้าเท่านั้นจักช่วยให้เราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
 สะสางเสร็จก็รีบกลับมาหาเจ้าทันที” พระสุรเสียงทุ้มนุ่มไม่ว่าจะกี่ปี
 กลับมีมนต์เสน่ห์ทำให้ผักตบไม่สามารถปฏิเสธสวามีสักที ด้วยนอกจากอ้อนด้วยน้ำเสียงแล้ว
ยังทอดเนตรคมวาวหวานฉ่ำมาให้อีก แบบนี้เขาก็ใจอ่อนไปเกินครึ่งแล้ว

“ก็ได้ครับ แต่อย่าใช้เวลานานนักนะ เย็นนี้ต้องพาลูกร่วมโต๊ะเสวยกับพวกท่านพ่อ
ท่านแม่และพี่หญิงธารด้วย” สุดท้ายผักตบก็ยินยอมให้เหนือหัววายุภักษ์ จับจูงไปยังเตียงบรรทม
ร่วมใช้เวลาสร้างความสุขกาย ใจร่วมกัน ไม่มีคำว่าจืดจางตามกาลเวลา ความสุขของพวกเขา
 หาได้มีเพียงสองเรา นอกจากจะต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันไม่ห่างหาย ล้วนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแม่เล็ก
พระพักตร์อบอุ่นแย้มสรวลตลอดเวลาของอดีตเหนือหัวอนิละ และพระมเหสีคู่พระทัย
ต่างวางพระหัตถ์ยกบ้านเมืองให้โอรสองค์ชายวายุภักษ์ ขึ้นครองบัลลังก์เป็นเหนือหัวเจ้าแผ่นดินสืบต่อ

   สิ่งสำคัญสุด คือหลานรักแก้วตาดวงฤทัยทุกพระองค์
คือความสุขสูงสุดทำให้ผู้สูงวัย รวมถึงพระญาติได้พบพานความสดใสไร้เดียงสา
ผู้นำพาความเบิกบานชุ่มชื่นพระทัย ไม่ขาดหายไปจากวังหลวงคือการเจริญเติบโตของไตรคานด้วย
ภายใต้การดูแลของเหนือหัววายุภักษ์ กับพระมเหสีผักตบคู่พระทัย ซึ่งทรงปรีชาสามารถ
นำเอาวิทยาการความรู้มาประยุกต์ใช้ ช่วยให้แผ่นดินเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ท่ามกลางความผาสุกของเหล่าประชาราษฎร์

   จวบกระทั่งพระโอรสทั้งสองเจริญชันษาเติบใหญ่ หนึ่งรูปงามเป็นที่หมายปองของกุลธิดาหญิงงามทั่วหล้า
ชื่อเสียงขจรขจายในพระปรีชาสามารถ นามสุริยันองค์ชายผู้มีเกศาสีแดงเพลิง
ส่วนพระโอรสพระองค์เล็ก กลับงดงามเกินหญิงใดในใต้หล้าจักสามารถทัดเทียมได้
แม้นสตรีที่ขึ้นชื่อเล่าลือด้านงดงาม กลับเป็นรององค์ดาราผู้นำพาแสงสว่าง
ขาวนวลรอบพระวรกายประดุจพระนามดาราแล้ว ยามแย้มสรวลเปรียบเหมือนดั่งพฤกษาบานรับแสงอรุณ
กลับสามารถสร้างความประทับใจสะกดตรึงผู้พิศมองไปในทันที

   ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างของสองพระองค์ สร้างเสียเล่าลือกระฉ่อนไปทั่วทุกแว่นแคว้น
หัวเมืองน้อยใหญ่มักมีกุลบุตรกุลธิดา ต่างประสงค์เดินทางมุ่งสู่ไตรคานนคร
เพื่อขอได้มีโอกาสชื่นชมพระศิริโฉมสองพระองค์สักครั้ง เป็นที่มาให้องค์สุริยันผู้พี่
หวงแหนองค์ดาราพระอนุชาผู้น้องยิ่งนัก กลายเป็นที่ครั่นคร้ามของผู้คน
 เรื่องพระอาการหวงองค์ดาราประหนึ่งเชษฐาห่วงพระขนิษฐา หาใช่เชษฐาหวงพระอนุชาเสียกระมัง

     แม้วันคืนหมุนผ่าน รุ่นลูกเติบใหญ่โตเป็นหนุ่ม แม้นว่าบ้านเมืองจะสงบสุข
ในทางความเป็นจริงกลับมีบางอย่างที่น่ากลัว ซึ่งพวกเขาไม่เคยหลงลืมว่า
พระปิตุจฉาผู้หลบหนีจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ยังทรงพระชนม์ชีพ หลบซ่อนไร้ร่องรอยให้สืบเสาะ
 เป็นภัยมืดที่รอเวลาจะกลับมาเยือนอีกครั้ง เมื่อพระนางพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหม่
   ผักตบกับเหนือหัววายุภักษ์ ยังใช่คู่ต่อสู้ของพระนางได้อีกหรือไม่ ในเมื่ออดีตพวกเขาแทบเพลี่ยงพล้ำมา
หากไม่เกิดการเสียสละของแม่นม ไม่แน่อาจเป็นพวกเขาแล้วที่ลำบาก
   ถึงแม้ผักตบกับเหนือหัวพระสวามี จะแวดล้อมไปด้วยความสุข
แต่ทั้งสองไม่เคยประมาท ยังจดจำได้ดีว่าพระปิตุจฉาคือบุคคลอันตรายสุด
>
>
   “อีกไม่นาน ข้าจักชำระแค้น ทำให้พวกมันเจ็บปวดกันบ้างแล้ว!!”
เสียงปริศนาที่ก่อกวนความฝันของผักตบในค่ำคืนหนึ่ง..ซึ่งไม่เคยเกิดนานกว่า 18 ปี
เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาเสียแล้ว เพราะเสียงที่ว่า แม้จะรับรู้ได้จากความฝัน
ไฉนคุ้นเคยชินหูเป็นอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้พระมเหสีผักตบ
ห่วงกังวลต่อพระโอรสแก้วตาดวงใจทั้งสองพระองค์...



สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายในรุ่นพ่อแม่แล้วนะคะ

สำหรับรุ่นลูก และการกลับมาแก้แค้น ของพระปิตุจฉาครั้งใหม่ ติดตามได้ในหนังสือนะคะ
คนเขียนต้องขออภัย ที่ไม่เคยนำตอนพิเศษ มาลงในกระทู้ให้แฟนนิยายได้อ่านกันเลย
เราถือว่านั่นเป็นของขวัญแทนการขอบคุณ สำหรับแฟนนิยายที่อุดหนุนผลงานกันค่ะ

ส่วนแฟนนิยายที่ติดตามผูกพันกันมานานหลายปี ได้โปรดเข้าใจคนเขียนด้วยนะคะ
ที่เราพูดได้เต็มปากคือ นิยายของเราจบในกระทู้ทุกเรื่องค่ะ และไม่เคยอัพให้ค้างคารอคอยข้ามปีแน่นอน
หลังจากนี้ รอคอยผลงานเรื่องใหม่นะคะ เป็นพล๊อตที่ไม่เคยเขียนเลยเช่นกัน
เป็นแนวของศิลปินนักร้อง ที่จับพลัดจับผลูมารวมตัวกันด้วยเหตุการณ์บางอย่าง
เนื้อเรื่องมีความมุ้งมิ้ง หลากหลายอรรถรสเช่นเคย วางพล๊อตเกริ่นไว้ล่วงหน้าแล้ว

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ จะเริ่มอัพปลายเดือนมีนาคมนี้แน่นอนค่ะ อดทนรอกันอีกสามอาทิตย์กว่านะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด

ปล.สำหรับตอนสุดท้ายนี้ เราจะกลับมากดบวกคะแนนชื่นชมพิเศษ
ให้กับแฟนนิยายทุกคอมเม้นท์ในภายหลัง สัญญาจะกลับเข้ามากดบวกแน่นอนค่ะ

ปลล. ใครที่สนใจจองหนังสือ รบกวนไปดูที่หน้า 1 ของกระทู้นี้นะคะ
หรือกดแบรนด์เนอร์โฆษณาด้านบนได้เลยค่ะ จะเข้ากรทู้โอนจองในทันที  :mew1: :pig4: :L1: :3123: :L2: :กอด1:





ออฟไลน์ princessrain

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จบแล้วววววว

เฝ้ารอเรื่องนี้มานานมากค่ะ ไม่กล้าอ่านตอนยังไม่จบ
กลัวค้าง แหะๆ

ขอตัวไปอ่านนะคะ ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายดีๆออกมาให้อ่าน ><

ปล.จะรออ่านเรื่องหใ่อย่างใจจดจ่อนะคะ

--------
ไปตามอ่านมาแล้วค่ะ รวดเดียวจบ
เรียกได้ว่าอรมณ์อินสุดๆ ชายลม กับ ชายดิน (แอบตั้งชื่อเล่นให้) เป็นผู้ชายแบบน่ารักอ่ะ
ตามสไตล์พระเอกของคุณเลย "รักเมียที่สุดในโลก" ประมาณนั้น
ซึ่ง น่ารักมากกกก ถึงจะมีบางช่วงที่หมั่นไส้ชายดิน แต่ชอบคู่ชายดินกับกลกะลามากจริงๆค่ะ
นิยายสนุกมากจริงๆค่ะ ดี๊ดีเลยอ่ะ จะรออ่านเรื่องต่อไปนะก๊าบบ
 :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2014 01:03:09 โดย princessrain »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
จิ้มก่อน....ยาวจุใจมาก
โห อิจฉาอ่ะ มีความสุขกัน
ดีใจกับตบและราชาวายุด้วยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 10:30:46 โดย Pe๊aNu๊T »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ดีใจที่จบ เพราะจะได้อ่านจากหนังสือยาวๆๆๆๆ ซักที


รอคอยมานาน  :heaven

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
สนุกมากๆ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้อ่านรุ่นลูกก็ตาม^^

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
จบแล้ว... ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ :-[

ออฟไลน์ nuwi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จบแล้วหรอค่ะ
อยากอ่านตอนพิเศษอีกจังเลย
ตกลงผักตบมี ลูกแค่ 2 คนใช่ไหมค่ะ
 :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
จบแล้ววววว ยังไม่อยากให้จบเลยนะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ  :กอด1:
อยากเห็นตอนผักตบคลอดจัง  น่าจะสนุก
รุ่นพ่อแม่ เค้าแฮปปี้ เหลือรุ่นลูกแล้วทีนี้ :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 12:29:57 โดย yunchun »

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
จบแล้วสนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีนะคะ รุ่นลูกดูท่าทางจะมันกว่ารุ่นพ่อแม่อีก

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบ  :katai2-1:

ทั้งใจหายและดีใจค่ะ  ชอบเรื่องนี้มากเพราะพล้อตแปลกไม่ซ้ำใคร  แถมการดำเนินเรื่องก็น่าติดตามมาก

สรุปว่าชอบมากกกก   o13

และอยากอ่านรุ่นลูกแบบอดใจไม่ไหว  :serius2:  แต่ได้แต่รอค่ะ

ส่วนเรื่องใหม่อีกสามวีคใช่มั้ยคะ  ไม่พลาดแน่นอนค่ะ

+1และเป็ดให้พี่Luxนักเขียนในดวงใจ  :L1:

 :pig4:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
 :L2:อัยยะ จบได้ดีที่เดียวครับ ชอบมากเลยล่ะ รอติดตามตลอดว่าจะมาลงตอนไหน พร้อมจะรอเรื่องไหม
จะสนุก อบอุ่น หรือเศร้าแค่ไหน ขอแค่อย่างเศร้ามากเป็นพอทำใจลำบากครับ แต่ก็อ่านอยู่ดี สู้ๆนะครับคนแต่ง

Der_Schwammkopf

  • บุคคลทั่วไป
 :mew1:เฝ้ารอเรื่องใหม่

ออฟไลน์ RenaBee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สนุกมากมายเลยค่ะ ชอบสุดๆเลย ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้ได้อ่านกันนะคะ เดี๋ยวไปจองหนังสือมาเก็บไว้อ่านด้วยเย้ๆ :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด