- 2 -“ที่แท้เป้าหมายของเจ้าคือเสด็จพ่อ ไม่เพราะข้าใช้ธรณีธาตุสร้างอาณาเขตรอบค่ายพักแรม ป่านนี้เจ้าคงมิมีชีวิตรอดทำปากดีเยี่ยงนี้หรอก เดิมทีจักเป็นชลธารใช้มหาธาตุอัคคีสร้างเกราะคุ้มกัน
ขืนนางจับได้ว่าเจ้าลักลอบเข้ามา ยังจักมีโอกาสมาต่อว่ากล่าวหาข้าอีกหรือ”
สิ่งนี้ล้วนสัจจริง เดิมทีองค์หญิงชลธารอาสาวางเกราะอัคคีธาตุป้องกันเขตพำนักทั้งหมด
แต่พระองค์ขันอาสารับผิดชอบในส่วนนี้ โดยยกอ้างองค์หญิงชลธารได้เรียกวารีธาตุ
สร้างแหล่งน้ำให้กับกองทัพไว้ใช้แล้ว พระองค์ควรจักดูแลด้านความปลอดภัยเสียเอง
นับตั้งแต่วินาทีที่กลกะลาเหยียบย่างเข้ามายังผืนทราย ซึ่งทรงกำกับด้วยมหาธาตุธรณี
ก็ทรงรับรู้แล้วมีผู้บุกรุก ก่อนจับตาดูพฤติกรรมไม่กระโตกกระตากให้ผู้ใดรู้
กระทั่งแน่ใจว่าเป้าหมายคือผู้ที่พระองค์แอบพึงพระทัย เมื่อครั้งที่ได้ประลองฝีมือด้วย
จึงสร้างสถานการณ์รับสั่งมหาดเล็กส่งเสียงครวญครางประหนึ่งปฏิบัติกามกิจ โดยแท้จริงมิได้กระทำอันใด
ส่วนพระองค์ทรงลอบขำ กับอาการของผู้ที่แอบฟัง ทำสีหน้าตื่นตะลึงปนเขินอาย
ผ่านแววตาที่โผล่ให้เห็นเพียงส่วนเดียว ก่อนที่พระองค์จะเผยวรองค์
พันธนาการอีกฝ่ายหลังเตรียมเคลื่อนกายย้ายจุด ขืนมิทำเช่นนี้กลกะลาคงกลายเป็นเชลยสมใจอยาก
“หึ!..เช่นนั้นข้าควรขอบพระทัยท่านสิ ที่ทรงกรุณากักขัง ซ้ำวางยาปลุกกำหนัด
ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงกรุณาข้าน้อย” กลกะลากลับทำให้องค์ชายธรณิณทั้งมีโทสะทั้งขบขัน
ดันค้อมศีรษะเปล่งวาจาดุจบัญเฑาะว์ ที่มีใจรักอยากเป็นอิสตรีได้น่าทุเรศทุรังยิ่งนัก
กระนั้นพระองค์กลับฝืนเกร็งพระกราม มิให้เผลอแย้มสรวลหัวเราะเอาไว้อย่างสุดฝืน
“เจ้าใยประชดข้าเยี่ยงนี้ แม้นใจมิเคารพก็อย่าได้กระทำ พูดถึงเรื่องเสด็จพ่อ
เจ้าแน่ใจว่าทรงวางยาพิษเบญจมาศดำองค์ชายเจ้ากระนั้น” พระองค์หันเหเบนความสนใจ
เพื่อดึงเวลาให้ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดสำแดงผลให้มากกว่าเดิม
“ข้ามิใช่พวกปลิ้นปล้อนเยี่ยงใครบางคน ที่ข้ากล้ามาถึงนี่มิหวังจักมีชีวิตรอดกลับไตรคาน
หากท่านย่ำยีข่มเหงให้ไร้ศักดิ์ศรีแล้ว ข้าพร้อมสละชีพยอมตาย เพียงแต่ผิดหวังที่มิอาจช่วยชีวิตผู้มีพระคุณก็เท่านั้น
สิ่งเดียวที่ข้ามิอาจสู่ปรโลก ให้วิญญาณพบความสงบ คงเพราะภารกิจข้าล้มเหลว”
“เจ้าพูดเสียจนข้ารู้สึกหดหู่ตาม เช่นนั้นเรามาทำการแลกเปลี่ยนดีหรือไม่ มิเพียงเจ้าไม่ต้องตาย
องค์ชายเจ้ารอดชีวิต ข้าเองก็สมหวัง มีแต่คนสมประสงค์ เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
พระองค์ทรงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แทนการหักหาญเอาแต่ได้ หลังเห็นแววตาเด็ดเดี่ยว พร้อมกระทำตามที่ลั่นวาจาไว้
เช่นนั้นแล้วพระองค์กลับรู้พระทัยวรองค์ดีว่า มิอาจทนเห็นคนผู้นี้กระทำอัตวินิบากกรรมตกตายไปต่อหน้า
แค่นึกภาพก็ให้พระทัยเศร้าโศก อย่างที่มิเคยทรงรู้สึกต่อการตายของผู้ใดเยี่ยงนี้มาก่อน
“ท่านจักแลกเปลี่ยนอันใด ในเมื่อข้ามิมีสิ่งใดมอบให้”
กลกะลาเริ่มลดน้ำเสียงแดกดันให้ฟังดูสงบลง ไต่ถามองค์ชายธรณิณอย่างใคร่รู้
“เอาเป็นว่าเจ้ามีสิ่งที่ข้าต้องการ สักครู่เจ้ามิอาจต้านทานฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่ขึ้นชื่อได้อีกต่อไป
ร่างกายเจ้าคือสิ่งที่ข้าใคร่ลิ้มลองนัก หากแม้นเจ้ารับปากไม่ปลิดชีพตนเอง ข้าจักให้ยาถอนพิษเบญจมาศดำ
เพื่อที่เจ้าจักได้นำไปช่วยชีวิตองค์ชายวายุภักษ์ เยี่ยงนี้มิต้องมีผู้ใดเดินทางสู่ปรโลก ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่
เจ้าจักยอมรับเงื่อนไขหรือปฏิเสธก็สุดแต่เจ้าเถิด ข้าขอให้ไตร่ตรองด้วยสติและเหตุผล
มากกว่าเอาอารมณ์ทิฐิเป็นที่ตั้ง เดิมทีเจ้าพร้อมสละชีวิตเพื่อยาถอนพิษ แต่ครั้งนี้เจ้ามิต้องถึงกับสละชีวิต
ช่วยองค์ชายเจ้าได้ ใยต้องคิดให้มากความ สำคัญเจ้ามิต้องลำบากใจดอก ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามฝืนทน
ต่อต้านฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดไว้อย่างลำบากยิ่ง ขืนเจ้ายังดื้อรั้น ลมปราณในร่างจักสลาย หัวใจจักหยุดทำงาน
โลหิตในสมองจักแตกกระจายในที่สุด ฟังข้ากลกะลา ข้ามีใจปฏิพัทธิ์ในตัวเจ้าถึงได้กระทำเยี่ยงนี้
เจ้ากับข้ามาสร้างความทรงจำร่วมกันเถิด ย่อมดีกว่าเราทั้งคู่จักบาดหมางเป็นอริศัตรู”
สุรเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนปลุกปลอบ เหมือนกับลอยแว่วมาแต่ไกล แต่ดันมีอิทธิพลส่งผลต่อจิตใจองครักษ์หนุ่มยิ่งนัก
แม้นว่าเขามิได้ตกปากรับคำด้วยวาจา กระนั้นใบหน้ากลับพยักรับ ค่อยทรุดฮวบไม่มีแรงทรงกาย
ฝ่ายที่รอจังหวะไม่ปล่อยให้ร่างเขากระแทกพื้น ทรงทะยานเข้ารวบกอดไว้เต็มอ้อมพระกร
พร้อมกับกระซิบวาจาหวานแว่วริมใบหูแดงซ่าน
“ข้าจักทำให้เจ้าจดจำมิรู้ลืม ระหว่างสังวาสกับบุรุษ หาด้อยกว่าอิสสตรีแต่อย่างใด
อาจนำพาความสุขสมให้เจ้าได้ยิ่งกว่า จนมิอาจไม่คิดคำนึงถึงข้าอีกต่อไป องครักษ์ที่ข้าปรารถนา”
นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่โอษฐ์หนา จักประกบจูบดื่มด่ำวาบหวามตามมาติดๆ
สติที่พร่าเลือนแต่กลับแยกแยะได้ดี ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่นั้น กลับไม่อาจปฏิเสธอารมณ์กำหนัด
ที่ต้องการปลดปล่อยจนมิอาจขัดขืน ต่อการกระทำที่เริ่มต้นขึ้น ตรงข้ามเขากับโอนอ่อนให้ความร่วมมือเสียดิบดี
อนุสติที่มีแม้จะไม่ขาดผึงหรือดับมืด แต่ก็มิหลงเหลือเพียงพอที่จะต่อต้าน ด้วยอำนาจฝ่ายต่ำของตัณหา
มีมากมายเกินกว่าเขาจักสะกดกลั้นไว้ได้อีก เสียงที่พอจะเปล่งออกจากปากที่ถูกครอบครองอยู่ตอนนี้
จึงกลายเป็นเสียงครางต่ำในลำคอ บ่งบอกถึงความพึงพอใจในรสรักที่กำลังเริ่มต้น
“อืม..อื้ออออ!!” องค์ชายธรณิณทรงนำร่างหนั่นแน่นของคนในอ้อมพระกร กลับมาเอนนอนยังเตียงบรรทม
ก่อนจะล้มวรองค์ตามลงไปทาบทับ โดยมิได้หยุดจูบ ต่างฝ่ายต่างมัวเมาในสัมผัสดูดดื่ม
แม้นพระองค์จะทรงรู้ว่า ส่วนสำคัญคือฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด ทำให้คนใต้ร่างต้องการพระองค์มากเช่นนี้
กลับมิได้รู้สึกละอายพระทัย ยังไงเสีย พระองค์ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายตกเป็นของพระองค์อยู่ดี
มิมีสิ่งใดในแผ่นดินนี้ที่พระองค์อยากครอบครองแล้วไม่ได้ หากสิ่งนั้นมาอยู่ในอุ้งหัตถ์ก็อย่าหวังจักหลุดรอดออกไปง่ายดาย
ร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม ดูกำยำไล่เลี่ยมิแตกต่าง ถือเป็นคนแรกที่เป็นบุรุษสมบุรุษ
แถมมีฝีมือเข้าขั้นองครักษ์เอกในแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ปรารถนาครองครองยิ่งนัก
แม้นว่าจักทรงมีประสบการณ์สังวาสกับบุรุษ แต่ที่ผ่านมาล้วนมีรูปร่างหาได้ดุจชายชาตรีอันใด
ออกคล้ายคลึงอิสตรีอยู่หลายส่วน แตกต่างจากบุรุษในอ้อมพระกรผู้นี้ไปไกลโข
กระนั้นกลับปลุกเร้าความต้องการ ให้ทรงใคร่ครอบครองในความรู้สึกพระองค์นัก
พานตื่นเต้นเร้าพระทัยเสียยิ่งกว่า การเสพสังวาสครั้งไหน ไม่ว่าจะอิสตรีหรือบุรุษก็ว่าได้
คนผู้นี้เหมือนเป็นผู้ที่พระองค์รอคอยมานานนักหนา..
“อื้มม..ซี้ดดด!!...อ้าหหห์” เสียงครวญครางดังประสาน ประหนึ่งสัตว์ได้รับบาดเจ็บ
ถ้าหากฟังให้ชัด..กลับกระตุ้นอารมณ์พิศวาสให้คุโชนทะยานลิ่ว ในไม่ช้าร่างที่เป็นฝ่ายรองรับ
ถึงกับสะดุ้งเฮือกใบหน้าเหยเก เจ็บปวดถึงขั้นกายกำยำสั่นระริก เมื่อถูกรุกล้ำในส่วนเร้นลับด้วยดัชนี
“อึก..อืมมม..” เขาพยายามขยับหนี แต่ไม่สามารถต้านแรงกดทับของร่างใหญ่กำยำที่ตรึงไว้ไม่ให้ถดถอย
ระดมจุมพิตฝากรอยกุหลาบยังผิวกายตามซอกคอลาดไหล่ ราวนมกระทั่งตุ่มไตแข็ง
เพื่อเบนความสนใจมิให้ต่อต้านดัชนี ที่กำลังดันเข้าถอยออกอย่างต่อเนื่อง
“ชู่ววว!!..อืมมมม” นั้นคือเสียงห้ามปราบแกมปลอบ จนทำให้ช่องทางเริ่มรับการสอดขยายขึ้นกว่าเดิม
กระทั่งพรักพร้อมที่จะรองรับวัตถุขนาดเขื่อง ที่แตกต่างใหญ่ยาวกว่าหลายเท่า
“เจ้าเป็นของข้าแล้ว..กลกะลา” พระดำรัสหวาน ให้สัญญาณในการล่วงล้ำด้วยท่อนลึงค์ขนาดใหญ่
บัดนี้กดลึกจมดิ่งเข้าสู่กายแกร่งที่ถดหนีเกร็งต้าน การรุกล้ำตามธรรมชาติซึ่งบังเกิดขึ้นเอง
“อ้าหห์..เจ็บ...ไม่ไหว..ข้าเจ็บ!” แม้จะมีความต้องการสูง
แต่ความเจ็บปวดที่สอดแทรกโหดร้ายนัก ประหนึ่งแยกกายเขาเป็นหลายส่วน
เสียงปริแตกของแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ! พร้อมหยดน้ำตาที่เกลือกกลิ้งออกมาทางหางตา
เมื่อแบกรับความเจ็บปวดแสนทรมานไว้เต็มกลืน
“รับข้าเข้าไป..เจ้าอย่าได้เกร็งต้าน สูดหายใจให้ยาว เยี่ยงนั้นจักช่วยเจ้าเปิดรับข้าไว้ได้
ไม่ต้องเจ็บปวดมากนัก” ทรงดำรัสปลอบสุรเสียงแหบพร่า ด้วยพระอารมณ์ที่ทรงสะกดกลั้นพระอาการเสียว
ซึ่งวิ่งลิ่วพุ่งสูงยันพระเศียร แทบทำให้องค์ชายผู้ควบคุมภารกิจครั้งนี้ ถึงกับหยัดเกร็งวรองค์จนเส้นโลหิตโปน
พระพักตร์หล่อเหลาเหยเก ประหนึ่งทรมานไม่ต่างกับอีกฝ่าย เพียงแต่พระองค์หาได้เจ็บปวดเยี่ยงนั้น
“อ้าหห์..ซี้ดดด!!..เจ้ารัดข้าแน่นไปแล้ว ขออภัยที่ข้ามิอาจนิ่งรอได้
มิเช่นนั้นจักไม่สามารถนำพาเจ้าสู่วิมานฝั่งฝันเสียแล้ว..อึ๊บ!”
“อร๊าก!!” เสียงกรีดร้อง เมื่อบั้นพระโสณีกระแทกเต็มแรง โจนจ้วงจมมิดไม่เหลือพื้นที่ว่าง
สองร่างสอดประสาน ส่งผลให้ช่องทางลับปริแยก กลิ่นคาวเลือดตามมา
กระนั้นผู้กรีดร้องเจ็บปวดปานร่างถูกฉีกกระชากในคราเดียว ก็สามารถรับองค์ชายธรณิณเข้าไปสำเร็จ
เสียงกัดพระกรามกรอดด้วยพระอาการซ่านเสียว ค่อยประทานจูบหวานปลุกปลอบช่วยปิดกลั้นเสียงกรีดร้อง
ให้กลืนหายไปในลำคอของกลกะลาแทน จากนั้นเสียงครวญครางค่อยดังขึ้นมาอีกครั้ง
สอดรับจังหวะขยับสาวบั้นพระโสณี ยังผลให้หนั่นเนื้อกระทบกันเป็นซุ่มเสียงที่น่าละอายนัก
แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่านี่คือเสียงปกติของสังวาส
“ตับๆๆ!!..พั่บๆๆๆ!!..อ้าหห์..โอววว!!..ซี้ดดด!!..อืมมม!” ภายในกระโจมหลังใหญ่ไร้แสงคบเพลิงส่องสว่าง
เจ้าของพลันประสงค์ให้ดูมืดมิด ประกอบกามกิจต่อเนื่องหนแล้วหนเล่า อย่างเปรมปรีดิ์พระทัยนัก
ผู้ร่วมภารกิจภายใต้อำนาจฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด มีหรือจะต่อต้านเมื่อการเสพสังวาส
คือการลดทอนความทรมาน หลังผ่านพ้นนาทีวิกฤต เขาก็ได้ประสบความหฤหรรษ์ในบทรักเร่าร้อน
กระทั่งหมดแรงผล็อยหลับลงไปในอ้อมพระกรแข็งแกร่ง ที่กระชับมั่นมิให้ร่างกำยำออกห่าง
ทรงหายพระทัยหนัก ค่อยผ่อนปรนเบาบางเข้าสู่ห้วงนิทรายามใกล้รุ่ง
ทรงเสียพระกำลังไปกับการสังวาสมากโข ด้วยนำพาคนในอ้อมพระกรสู่ฝั่งฝันไปหลายหน
คาดว่าดวงตะวันคล้อยบ่าย พระองค์คงมิอาจตื่นบรรทมแน่ โชคเข้าข้างเมื่อตารางเดินทัพ คือยามสายมิใช่เร่งด่วน
ย่อมมิเกิดปัญหา หากพระองค์จักทรงตื่นบรรทมสายกว่าปกติ..เพียงแต่การนี้ย่อมสร้างความฉงนให้ผู้นำกองทัพมิใช่น้อย
ที่พระโอรสซึ่งคุ้นเคยพระนิสัยดี กลับกระทำให้พระองค์แปลกพระทัย รอให้ถึงเพลานั้น คงมีอันใดให้ติดตามกันต่อ
การนี้องค์ชายผู้เชื่อมั่นในพระทัยสูง จักทำเยี่ยงไรทั้งที่ได้ให้สัจจะว่า จักมอบยาถอนพิษให้แก่คนข้างพระวรกายไปแล้ว..?
มาอัพตามนัดค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันเสมอมา
ปล.หนังสือที่แจ้งไว้เมื่อตอนที่แล้ว หมดแล้วนะคะ ไม่มีเหลือแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ถามไถ่และต้องการนะคะ
ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ
