- 3 -“อืม..เราได้กลิ่น แต่กลับรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ” พระองค์บอกเขา
“เออ..ผมคิดว่าเป็นคนเดียวเสียอีก สงสัยเป็นผลจากสรรพคุณ”
ผักตบก็รู้สึกใจสั่นร้อนรุ่มร่างกายอยู่พอสมควร เขาพอทนไหวจึงไม่คิดอะไร
นึกว่าเป็นอยู่คนเดียว พออีกฝ่ายพูดออกมาถึงได้รู้เป็นเหมือนกัน
“เอางี้..ผมมีนิทานจะเล่าให้ฟัง ถือเป็นเรื่องขำขันแก้เครียด”
“เจ้าสามารถเล่านิทานขำขันด้วย ช่างปรีชาสามารถมากหลาย”
พระองค์แย้มสรวลอิดโรย แต่สายพระเนตรกลับสุกใส
ยามจ้องหน้าขาวหล่อเหลาชวนลุ่มหลงของคนที่นั่งข้างเตียง ซึ่งมองสบพระองค์ไม่วางตา
“หึหึ! ผมไม่ใช่ตัวดีนักหรอกอย่ายอให้มาก ถ้าคุณรู้ประวัติเก่าของผมอาจจะไม่ชอบก็ได้
ผมทำเรื่องเลวร้ายมาไม่น้อย เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในสังคมที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว เพียงแต่ผมเลือกที่จะทำกับคนประเภทไหนละเว้นใคร
ให้ความเอ็นดูสงสารคนชนิดไหนก็เท่านั้น คนเราไม่มีใครยอมให้ถูกกดขี่ข่มเหง
โดยไม่คิดสู้หรอกเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาสู้ไม่ได้จริงๆ ผมก็ไม่ต่างกันไม่ยอมให้ใครมาหยามโดยไม่คิดสู้
ขึ้นอยู่กับวิธีการว่าจะสู้ด้วยกำลังหรือใช้สมอง ซึ่งผมถนัดวิธีหลังมากกว่าจะให้ใช้กำลัง
เข้าห้ำหั่นอย่างที่พวกคุณทำสงคราม ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย”
“เจ้าถึงมีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมนัก เป็นเพราะเจ้าใช้สมองแก้ปัญหามาโดยตลอด
เรายอมรับนับถือในข้อนี้มาก” พระองค์ตรัสชม
“คุณก็ใช่ย่อย ผมไม่ได้ตาถั่วที่จะไม่รู้ใครโง่ใครฉลาด เท่าที่ได้รู้จักพวกคุณทั้งหมด
ผมว่าคุณฉลาดสุดๆ ถ้ามีโอกาสเรียนรู้ที่บ้านเมืองของผม อาจจะฉลาดกว่าผมก็เป็นได้
สอนยิงปืนโดยไม่มีการสาธิต คุณยังทำได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่านักกีฬาโอลิมปิคเสียอีก”
“อะไรคือโอลิมปิค” พระองค์ทรงงุนงง
“ช่างเถอะอย่าสนใจเลยอธิบายคงยาว มาพูดถึงนิทานที่ผมค้างเอาไว้ดีกว่า
มีชายหนุ่มสามคน..ตกเป็นเชลยของกษัตริย์องค์หนึ่ง พวกเขารับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
บังเอิญเป็นช่วงที่กษัตริย์องค์นี้ครบรอบวันประสูติได้เวียนมาบรรจบพอดี
จึงให้โอกาสทั้งสามคนได้รอดชีวิต ภายใต้เงื่อนไขที่พระองค์กำหนดขึ้นว่า
ให้ชายสามคนเข้าป่าไปหาผลไม้มาคนละสิบลูก
แต่ต้องเป็นชนิดเดียวกัน..ห้ามปะปนหรือผสมกันมาแม้แต่น้อย
จากนั้นก็ปล่อยชายทั้งสามเข้าป่า โดยให้ทหารยอดฝีมือตามไปประกบไม่ให้หลบหนี
ชายคนแรกกลับออกมาก่อนพร้อมมีมะม่วงมาสิบลูก พระองค์ทรงรับสั่งหากเขาต้องการมีชีวิตรอด
พระองค์จะมอบอิสระภาพให้ไม่เอาผิด ก็ให้เอามะม่วงทั้งสิบลูกยัดรูทวารจนหมดทีละลูก
ห้ามส่งเสียงออกมาเป็นอันขาด ถ้าเกิดหลุดเสียงร้องจะโดนประหารทันทีไม่มีละเว้น
เขายัดลูกแรกเข้าไปแล้วด้วยความทรมานสุดๆ พอลูกที่สองก็ทนเจ็บไม่ไหว
ร้องโอ้ย! ออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้ จึงถูกกษัตริย์สั่งประหารชีวิต
ชายคนที่สองออกมาพร้อมลิ้นจี่ 1 พวงมีสิบลูกพอดีถือว่าไม่ผิดกติกา
พระองค์รับสั่งเช่นเดียวกันกับชายคนแรก เขาสามารถยัดลูกลิ้นจี่เข้าในทวารจวนจะหมด
เหลือลูกสุดท้ายเขากลับหลุดขำหัวเราะก๊าก!!! ออกมาอย่างลืมตัว
จึงโดนประหารทั้งที่ควรจะรอดชีวิต” ผักตบหยุดไว้ไม่ยอมเล่าต่อ
ยังความแปลกใจให้องค์ชายวายุภักษ์ที่ทรงตั้งพระทัยฟังยิ่งนัก
“เหตุใดเขาถึงขบขันขึ้นเล่า ทั้งที่จักสำเร็จภารกิจอยู่แล้วมิใช่หรือ”
พระองค์รับสั่งถามเขาทันที อย่างไม่คิดเก็บความสงสัยเอาไว้
“เป็นเพราะเขาหันไปเห็นชายคนที่สาม เดินหิ้วลูกทุเรียนสิบลูกเข้ามาพอดี
เขาจึงกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้..คึคึ!!” ผักตบหัวเราะหลังจากเฉลย
“ฮะฮ่าๆช่างเป็นเรื่องเกินสะกดกลั้นมิให้หัวเราะได้จริงๆ น่าสงสารชายคนที่สองยิ่งนัก
ต้องมาล้มเหลวเพราะชายคนที่สาม..เจ้าเล่านิทานได้ขบขันมาก
พานทำให้เราพลอยหัวเราะไปกับเจ้าด้วย..ฮะฮ่าๆ”
พระองค์แย้มสรวลเปล่งเสียงหัวเราะ ด้วยพระอาการขบขันในนิทานของผักตบ
สองหนุ่มหล่อต่างหัวเราะด้วยกัน กับจ้องมองกันไปด้วย
ฉับพลันต่างฝ่ายต่างหยุดหัวเราะ มองตากันนิ่งใบหน้าผักตบซับสีเลือดจนแดงปลั่ง
องค์ชายทรงทอดเนตรคมยังใบหน้าขาว ผักตบกลับเอ่ยวาจาเสียงพร่า
หลังมีความต้องการทางเพศพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
รู้แต่ว่าตอนนี้เขาเกิดมีอารมณ์กับคนตรงหน้า ต้องการปลดปล่อยมากๆ
“คุณ..มีอีกวิธีที่จะรักษาคุณให้หาย โดยไม่ต้องตายเพราะไม่มียาถอนพิษ
เพียงแค่ร่วมรักกับผม ก่อนอื่นกลืนเจ้ามุกราตรีดำนี่ลงไปก่อน”
พูดพร้อมกับฉวยเอามุกราตรีดำที่วางบนกล่องตรงหัวนอน
หยิบจ่อโอษฐ์องค์ชายวายุภักษ์ ส่งสายตาหวานเชื่อมให้พระองค์กลืนลงท้อง
องค์ชายรู้ว่าสิ่งที่ผักตบหมายถึงคือเรื่องใด สิ่งนี้พระองค์คาดหวังแต่แรกเริ่ม
แต่พระองค์กลับคิดไม่ถึงว่า ผักตบจะขอเป็นผู้เริ่มขึ้นมาเอง
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ที่จักพลีกายมอบพรหมจรรย์สตรีในกายเจ้าให้กับเรา
หมายถึงนับแต่นี้เจ้าตกลงยอมเป็นชายาของเรา มิอาจคืนคำได้”
พระองค์กลืนมุกราตรีเสร็จ รับสั่งถามด้วยพระสุรเสียงทุ้มนุ่ม
สายพระเนตรอบอุ่นสุดซึ้งทอดอ่อนให้ผักตบ จนอีกฝ่ายรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
ยังไม่นับร่างกายที่มีอารมณ์ต้องการปลดปล่อยอย่างสูง โดยที่สติครบถ้วนสมบูรณ์
“ถึงขั้นนี้แล้วห้ามทิ้งขว้างผมก็แล้วกัน ไม่งั้นเล่นถึงตายนะครับ” ผักตบกลับขู่เล่นเป็นเรื่องขบขัน
“เรายอมให้เจ้าปลิดชีพ หากเราได้ทรยศหักหลังต่อความรักที่เจ้ามอบให้เราวันใด
วันนั้นเราจักยื่นคอให้เจ้าด้วยตัวเอง” พระองค์ให้สัญญา ทำเอาคนฟังหัวใจพองคับแน่น
เต้นกระหน่ำไปกับน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมั่นคง
“คุณไม่เคยทำกับผู้ชายใช่ไหม” เขาถามหลังได้รับคำตอบถูกใจไปเรียบร้อย
เขามั่นใจผู้ชายคนนี้ยึดถือคำพูดดุจศักดิ์ศรีของตัวเอง
“มิเคยมาก่อน แต่เราเชื่อมั่นว่าเราสามารถกระทำได้” พระองค์ยืนกรานให้ผักตบสบายใจ
“รู้น่าว่าสามารถ แต่คุณบาดเจ็บอยู่ให้ขยับคงไม่สะดวกเท่าไหร่ นอนอย่างนี้ดีกว่า
ปล่อยเป็นหน้าที่ผมก็แล้วกัน เป็นครั้งแรกของผมนะครับ ผ่านงานนี้ไปแล้ว
คุณอย่าลืมเฝ้าไข้ผมด้วยล่ะ..เจ้าชาย” ผักตบพูดติดขำ ก่อนจะลุกยืนเปลื้องผ้าออกจากร่าง
โชว์ผิวขาวกระจ่างให้พระองค์จ้องมองอย่างตะลึงลาน มิคาดว่าผิวกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดของบุรุษ
ประหนึ่งหยกเนื้อดีไร้ตำหนิก็มีในแดนดิน องคชาติเล่าผงาดง้ำงดงามไม่ต่างพักตร์นวล
นี่หรือคือบุรุษหามีกายหยาบกระด้างแต่อย่างใด กลับขาวนวลดุจน้ำนมบริสุทธิ์
กล้ามเนื้องดงามปานรูปสลักจากปฏิมากรรมชิ้นเอก
พลอยทำให้แก่นกายสัญลักษณ์บุรุษเพศของพระองค์ผงาดง้ำ
โป่งนูนดันฉลองพระองค์ขึ้นมาทันที ผักตบชำเลืองเห็นความผิดปกติที่เด่นชัด
ก็พลอยรู้สึกร่างกายซับสีเลือด วิ่งลิ่วแผ่ซ่านไปทั่วร่างเขาไปแล้ว
แม้จะรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงในขนาดที่เห็นนอกร่มผ้า กะประมาณด้วยสายตาก็รู้ไม่ธรรมดาแน่
แต่อารมณ์ความต้องการที่กระพือโหม ผนวกกับตัดสินใจเอาไว้แล้ว
เมื่อมีหนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาซึ่งทุกคนกำลังทุกข์ใจอยู่ในขณะนี้
ไม่นับแค่เพียงรักษาชีวิตองค์ชายวายุภักษ์เท่านั้น
คือการที่พวกเขาสองคนต้องร่วมรักกัน มาถึงขั้นนี้ฟ้าได้กำหนดเส้นทางให้เขาเดิน
ไม่อย่างนั้นเขากับเจ้าชายคงไม่มีเส้นทางชีวิตบรรจบพบเจอกันได้หรอก
ถ้าหากฟ้าไม่ชักนำพวกเขาให้มารู้จักกัน ยังดินแดนที่เพียงคุ้นเคยในความฝัน
แล้วจะปฏิเสธต่อต้านไปเพื่ออะไร บางครั้งเหตุผลร้อยแปดก็หาคำตอบไม่ได้ นอกจากให้ใจกำหนดนำทางไป...
ผักตบค่อยคุกเข่าข้างพระวรกายกำยำ ซึ่งทรงทอดเนตรคมจ้องเขาไม่วางตา
สายพระเนตรหวานซึ้งบ่งบอกความรู้สึกจากก้นบึ้งในพระทัยสู่ดวงตาคมของหนุ่มหล่อผิวขาว
ที่เผยรูปกายชายชาตรีงดงามได้ส่วนไม่อ้อนแอ้นบอบบาง แต่ก็ไม่กำยำหนาล่ำจนข่มวรกายพระองค์
ตรงข้ามกลับดูเล็กกว่านัก บางกว่าพระองค์อยู่มากโข
“เราจุมพิตริมฝีปากเจ้าได้หรือไม่” พระสุรเสียงทุ้มพร่า เอื้อนเอ่ยพระวาจาอย่างไม่มั่นพระทัย
เป็นหนแรกที่พระองค์ถึงกับขออนุญาตจุมพิตกับผู้ที่กำลังจะมีสัมพันธ์ลึกล้ำ
ประหนึ่งทรงเรียนรู้ประสบการณ์ริรักดุจดังบุรุษอ่อนชันษา
ทั้งที่เรื่องเช่นนี้พระองค์หาด้อยประสบการณ์ แม้นจักเคยรับการถวายรับใช้จากสตรีเพื่อการนี้มามิใช่น้อย
แต่พระองค์กลับยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ มิเคยมีครั้งใดสร้างความตื่นเต้นเร้าพระทัยได้เท่าบุรุษตรงหน้านี้
เป็นเพราะที่ผ่านมาพระองค์ล้วนปลดปล่อยเพื่อการผ่อนคลาย เยี่ยงบุรุษเจริญพันธุ์พึงกระทำ
แต่ขณะนี้..พระองค์กำลังจะร่วมสังวาสกับบุคคลที่มีความสำคัญทางกายและใจ
ซึ่งผิดแผกแตกต่างสิ้นเชิง ทั้งทางสรีระและองค์ประกอบ สำคัญบุรุษซึ่งเปลือยกายให้พระองค์ทรงทอดเนตร
โดยมิมีสิ่งใดปกปิดนั้น กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ที่มิอาจเปรียบสตรีแม้แต่น้อย
ทรงทราบเพียงแค่ว่าร่างเปลือยตรงหน้า ตรึงสายพระเนตรของพระองค์ไม่อาจตีจากได้ด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะดวงตาดำขลับดูมีน้ำเลี้ยงหวานฉ่ำ ช่างหยาดเยิ้มสะกดตรึงทำพระองค์ต้องจ้องมองอยู่เนิ่นนาน
กลีบปากได้รูปสีสดดุจผู้มีร่างกายสมบูรณ์นั่นเล่า ใยมิยั่วยวนให้ใคร่แนบโอษฐ์บดคลึง
ลิ้มชิมความหวานที่ซุกซ่อนไว้นัก กาลนี้พระองค์จึงได้เผยความต้องการ ร้องขอจุมพิตด้วยมิอาจหักห้ามพระทัยได้..
“ได้ครับ..จูบนี้เพื่อคุณ” พูดจบค่อยเอนตัวต่ำขยับชิด โดยไม่ได้ละสายตาจากวงพักตร์คมคายหล่อเหลา
ผักตบชื่นชมอย่างหมดใจ ชายคนนี้เกิดจากฝีมือของสวรรค์ปั้น รูปหล่อชนิดหาใครเทียบรัศมีไม่ได้เลย
แค่นอนเฉยยังสามารถปล่อยเสน่ห์ให้เขารับรู้ได้ทุกอณู
สองหนุ่มจ้องตากันนิ่ง ทิ้งระยะห่างเพียงปลายจมูกโด่งชนกันได้
ก่อนผักตบเป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเอียงมุมให้ได้องศา ค่อยแนบฝีปากเข้าประกบอีกฝ่าย
ซึ่งเผยอปากรอเขาอยู่แล้ว ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผสานซึ่งกันและกัน
ยังรู้สึกไม่เท่ากลีบปากนุ่มคลอเคลียขบเม้มอย่างเป็นจังหวะ
ไม่เร่งรีบตะกละตะกลาม กลับอ้อยอิ่งนุ่มนวลเหมือนต่างฝ่ายต่างต้องการลิ้มชิมรสชาติของอีกคน
ก่อนลิ้นชื้นของผักตบค่อยสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดหยอกเอิน ดุนล้อชิวหาขององค์ยุพราชหนุ่มอย่างช่ำชอง..
“อืม..อ้าหหห์” เสียงครางพร่าบ่งบอกพระอารมณ์ที่ก่อเกิด
“อื้อออ..อืมมมม” เสียงครางกระเส่าในลำคอของผักตบ
ตอบรับกับชิวหาที่เกี่ยวต้อนดันสู้จากองค์ชาย บัดนี้พระหัตถ์แกร่งได้ประคองท้ายทอยเขาไว้
กลายเป็นฝ่ายแทรกพระชิวหาตวัดลิ้มลองรสชาติของเขาอย่างเชี่ยวชาญชำนาญเป็นอย่างดี
เจอแบบนี้ผักตบต้องงัดฝีมือมาใช้ไม่มีถอย จูบหวานซึ้งที่เริ่มต้น เริ่มระอุเร่าร้อนตามอารมณ์ของทั้งคู่
กระทั่งกายเปลือยของผักตบ ทาบทับบดคลึงร่างหนาที่อยู่ข้างใต้ มือไม้ลูบไล้ไต่สัมผัสไปทั่ว
อีกฝ่ายกระทำเช่นเดียวกับเขา สำรวจเรือนกายแน่นตึงผิวนุ่มลื่นทั่วทุกตาราง พร้อมมอบจุมพิตหวานไม่ผละจาก
ต่างฝ่ายต่างเก็บเกี่ยวรสชาติกันและกัน เหมือนคนกระหายน้ำสองคนเดินทางท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ
พลันมาเจอโอเอซิสที่มีน้ำใสเย็นสดชื่นให้ได้ลิ้มรส พอได้ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ..
“ฮาาา!!” เสียงดึงลมหายใจเข้าปอด หลังผักตบผละจูบเมื่อเห็นว่าอากาศของตนเริ่มจะหมด
อีกฝ่ายกลับรู้ไม่รั้นรั้งปล่อยเขาเป็นอิสระ
วินาทีต่อมาฉลองพระองค์ก็หลุดจากพระวรกาย ด้วยฝีมือของบุรุษผู้มาจากดินแดนปริศนา
การเปลื้องผ้าคู่รักไม่ใช่ปัญหาที่ผักตบยุ่งยาก เขาสามารถกระทำในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
ร่างกำยำล่ำสันเต็มตึงไปด้วยมัดกล้ามเยี่ยงนักรบ สวยงามลงตัวพอดิบพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป
ก็เปิดเปลือยให้เขาไล่สายตาสำรวจอย่างพึงพอใจ ส่วนกลางลำตัวสัญลักษณ์ของบุรุษเพศ
ไม่ผิดไปจากการคาดคำนวณแม้แต่น้อย
ช่างโอฬาร..ดั่งต้องการประกาศศักดาในความยิ่งใหญ่ให้เขารับรู้
ผักตบไม่มีคำพูดต่อสิ่งนี้ นอกจากทึ่งและอดภูมิใจแทนผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
มีใครไม่ภาคภูมิใจในสิ่งที่พ่อให้มา ชนิดว่าหญิงใดได้มาเห็นคงตาเบิกถลน
ชายใดได้ชมต้องนึกอิจฉาอยากมีเป็นของตัวเอง
แล้วการสำรวจเรือนร่างกำยำหนั่นแน่น ผิวเข้มอย่างชายชาตรีโดยผักตบก็เริ่มต้น
เขาไล่จูบฝากรอยกุหลาบบางเบาไปทั่วอกนูน เกี่ยวลิ้นหยอกชิมติ่งไตสีเข้มอย่างเริงใจ
ขบเม้มดูดชิมทุกพื้นที่เมื่อริมฝีปากปัดผ่าน ยังผลให้พระวรกายแกร่งถึงกับเกร็งหยัดรับสัมผัสเป็นระยะ
พระสุรเสียงครางทุ้ม เล็ดลอดจากโอษฐ์อิ่มให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
ฝีมือปลุกเร้าพระกำหนัดของผักตบ องค์ชายวายุภักษ์ยอมรับไม่มีข้อตำหนิ
พระองค์เพิ่งพบกับบุรุษยอดนักรักเข้าแล้ว ลีลาการถวายรับใช้ของผักตบ
บรรดาเหล่าสตรีที่พระองค์ผ่านพบ ต้องหลบทางหลีกหนีกันเลยเชียว
นั่นเป็นเพราะองค์ชายหารู้ไม่ ผักตบเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นแหล่งบำบัดบำเรอกาม
แม้ไม่ได้คลุกคลีมั่วสุมให้แปดเปื้อน แต่ใช่ไม่รับกลิ่นอายเรียนรู้จากการมองการฟัง
ซ้ำยังนำไปปฏิบัติแลกความสุขสบาย พาให้ผู้คนลุ่มหลงคลั่งไคล้จนโงหัวไม่ขึ้นมานักต่อนัก..
ดังนั้นฝีไม้ลายมือต่างๆ เขาจึงสามารถนำมาปรนเปรอองค์ชาย
ที่ไม่ว่าพิศมุมไหนก็น่าลิ้มชิมลองเสียทุกส่วน รูปกายงดงามดุจเทวดาเดินดิน
มีหรือผักตบจะนึกรังเกียจ มีแต่เปรมปรีดื์ไปกับบทรักที่อุ่นเครื่องมากกว่า
ยังผลให้คนแรงน้อยจำต้องเปล่งเสียงครวญคราง ตอบรับพระอารมณ์ซ่านเสียวที่เพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊ะ!..เจ้า..มะ..ไม่..อ๊าาา!!” พระองค์ไม่สามารถร้องห้ามอันใดได้
เมื่อรับรู้ว่า..บัดนี้จุดยุทธศาสตร์ของพระองค์ กำลังตกเป็นเชลยโพรงปากอุ่นร้อนเป็นที่เรียบร้อย
สำคัญเจ้าของโพรงดังกล่าว ยังสามารถกวาดชิวหานำความเสียวกระสันเป็นทวีคูณ สู่พระวรกายของพระองค์อีก
โอษฐ์กามชั้นเลิศที่พระองค์ได้รับการปรนเปรอขณะนี้ ถึงกับทำให้ร่างกำยำหยัดพระโสณีดันสูง
ตามจังหวะรูดรั้งดูดกลืนช่ำชองชำนาญยิ่ง
“อ้าหหห์..ระ..เราจัก..ไม่ไหว..ขะ..ขืนเจ้าไม่หยุด..กะ..เกรงเราจักปลดปล่อยไปเสียแล้ว..”
พระองค์ใช้พระหัตถ์กดศีรษะของผักตบไม่ให้ขยับ ทรงดำรัสกระท่อนกระแท่น เพราะสะกดกลั้นพระอารมณ์ไว้สุดฝืน
ผักตบยอมถอนปากออกจากเชลยร้อน ที่ตั้งลำผงาดง้ำแท่งใหญ่
ปล่อยคืนอิสระหลังครอบครองอยู่นานพอสมควร ถ้าหากเขาส่งอีกฝ่ายถึงฝั่งฝัน
คงไม่เป็นการดีเพราะทุกอย่างอาจล้มเหลว กังวลอีกคนจะหมดแรงไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
แล้วจุดมุ่งหมายของเขาย่อมค้างเติ่งเป็นแน่
“ครีมบำรุงผิวขวดนี้ คุณต้องช่วยเปิดช่องให้ผม ก่อนจะรวมร่างเข้าด้วยกัน
ไม่อย่างนั้นคงไม่สำเร็จ เพราะผมไม่สามารถรับเอาคุณเข้ามาในตัวผมได้แน่”
ผักตบบอกกับองค์ชาย พระองค์รับฟังทรงพอเข้าพระทัยว่าผักตบหมายถึงอะไร
ทรงยินดีให้ผักตบบีบครีมใส่พระดัชนี พร้อมยงยกตัวขึ้นนั่งให้สะโพกลอยสูง..
รอให้พระองค์ป้ายครีมยังช่องทางพิเศษ ซึ่งเขาเพิ่งเปิดใจยินยอมให้เกิดการล่วงล้ำ
“อึก!..โอ๊ะ!..เบาๆ เจ็บมากครับ” เขาเผลอสะดุ้งเกร็งทันที
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมบุกรุกเข้ามา แม้จะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า แต่ก็ยังเจ็บไม่น้อย
“เราขออภัย..เช่นนั้นให้เราจุมพิตเจ้าเถิด เพื่อช่วยผ่อนคลายบ้าง”
พระองค์รับสั่ง ผักตบค่อยคุกเข่าในขณะที่มีดัชนีแทรกในร่าง
ก่อนประกบจูบดูดพันชิวหาคนด้านล่าง ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลง
เมื่อความต้องการเริ่มลุกกระพือขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ทำไมกลิ่นกายองค์ชายผู้นี้
ถึงปลุกอารมณ์ดิบสร้างความต้องการให้เขาได้มากมาย สามารถลดทอนความเจ็บปวดได้มากโข
การจูบยาวนานพร้อมกับองค์ชายวายุภักษ์ ก็นำร่องเปิดทางด้วยพระดัชนี
ก่อนจะเพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสอง หมุนวนคว้านลึกดันเข้าถอยออก
เพื่อขยายการบีบรัด ให้สามารถรับพระองค์เข้าไปได้
“อืม..ซี้ดดด!!!..อ้าหหห์” เสียงครางรับการกระทำขององค์ชาย
โดยผักตบไม่คิดสะกดกลั้น เขาต้องการปลดปล่อยอารมณ์ให้ดำดิ่งไปกับอำนาจกฤษณาให้มากที่สุด
เพื่อไม่ต้องเจ็บปวดทรมานในการชำแรกแทรกเข้ามาของท่อนลึงค์ขนาดเขื่อง ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
“อืมมม..ผมพร้อมแล้ว..อยู่นิ่งๆ อย่าดันสะโพกขึ้นสวนเป็นอันขาด ให้ผมเป็นคนคุมจังหวะ”
ผักตบกำชับคนใต้ร่าง ถึงเวลาต้องรับอีกฝ่ายเข้าสู่ร่างกายแล้ว แม้ความต้องการจะคุกรุ่นเข้าขั้นทะลุเพดาน
กระนั้นก็ยังคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างวัตถุสองชนิดเป็นหลัก
หากพระองค์ชายดื้อรั้นคุมตนเองไม่ได้ เกิดดันพระโสณีส่งท่อนลึงค์มหึมาพรวดพราดเข้าล่ะก็
งานนี้มีหวังเลือดกระฉูดคงไปต่อไม่ได้แน่ เขาจึงขอเป็นผู้กำกับขั้นตอนหลอมรวมเสียเอง
“เราจักกระทำตามที่เจ้าต้องการ” พระองค์รับคำ ผักตบค่อยขยับให้ช่องทางกับวัตถุร้อน
ซึ่งบัดนี้ตั้งลำอยู่ในมือเขาตุบๆ จดจ่อจนเข้าที่ค่อยหย่อนสะโพกกดต่ำ ใบหน้าหล่อเหยเกบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่าง
เมื่อมีการชำแรกแทรกเข้ามาของส่วนหัวอวบใหญ่ ยังผลให้เขาถึงกับชะงักกึก!
หยุดนิ่งสูดหายใจลึกอย่างต้องการเวลา ถือเป็นการผ่อนร่างกายที่ต่อต้านไปในตัว
ส่วนอีกคนก็ใช่จะดีกว่า พระองค์รับรู้ถึงแรงบีบกระชับของผนังนุ่มที่โอบรัดพระองคชาติเอาไว้
ยังความเสียวปล๊าบวิ่งทั่วพระวรกายถึงกับกำพระหัตถ์เป็นหมัดแน่น
กัดพระกรามกรอดเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้พระทัยร้อน ยกบั้นพระโสณีดันเสยให้ผ่านพ้นสภาพนี้ไปเสียก่อน
กลายเป็นต่างฝ่ายต่างอึดอัดไปด้วยกัน ต่างเพียงแค่รู้สึกกันคนละมุม
“อึก..สุดๆ งานนี้คุณได้ดูแลผมแน่เจ้าชาย” ผักตบขาสั่นแทบหมดแรงไปต่อ
แต่กลับแข็งใจคว้าพระหัตถ์องค์ชายมารวบท่อนร้อนของตนที่ห่อเหี่ยวลงกว่าครึ่ง
พร้อมกับนำขยับชักสร้างความเสียวให้อารมณ์กลับคืน
องค์ชายวายุภักษ์ทรงเข้าพระทัยในความลำบากผักตบ
พระองค์มิทรงรังเกียจที่จะกระทำแต่อย่างใด กลับทรงยินดีมีส่วนให้ผักตบผ่านพ้นวิกฤตตรงนี้ไปให้ได้
จึงขยับพระหัตถ์หนักเบาต่อเนื่อง คืนความแข็งแกร่งให้ท่อนเนื้อขนาดไม่ธรรมดาของบุรุษหน้าขาว
ซึ่งกำลังปฏิบัติการนำเอาพระองคชาติเดินทางสู่ปลายทางฉิมพลี
“อ้าหหห์..ต่อนะ” ผักตบกัดฟันพูด เมื่อรู้สึกผ่อนคลายพอสมควร
สำคัญอารมณ์เขากลับคืนมา หลังสูดหายใจเอากลิ่นกำยานหอมละมุนเข้าเต็มปอด
เหมือนความต้องการพุ่งสูงจนอดใจรอไม่ไหว ลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่
กดน้ำหนักนำแท่งร้อนเข้าในร่างอย่างต่อเนื่อง
“อึก..จุก..เจ็บ..แต่แม่งเอร้ย!..เสียวสัส!” คำสบถหยาบโลนที่หลุดออกมานั้น
องค์ชายมิทรงเข้าใจความหมาย ผักตบก็ไม่อยู่ในสภาวะสะกดกลั้นเก็บอาการอีกต่อไป
เขาต้องการก้าวผ่านช่วงเวลาทรมานปนต้องการอยากผ่านพ้นไปให้ได้
จึงดึงดันนำแท่งลึงค์เข้าในร่าง กระทั่งกลืนกินความยาวใหญ่ไว้ได้ทั้งหมด
แก้มก้นขาวแนบชิดพระขนเพชรยังเนินพระอุทร
“เฮือกก!!..ฮา!!” เสียงถอนหายใจยกใหญ่ ขาแกร่งยังสั่นระริก
เมื่อแนบชิดหลอมรวมเป็นหนึ่งไร้ช่องว่างระหว่างกัน
“ระ..เรา..เจ้ารัดเราแน่นมาก” สีพระพักตร์แดงก่ำซับสีโลหิต
ขับไล่ความหมองคล้ำของพิษร้ายแทบไม่เหลือให้เห็น ทั้งที่พิษยังมิได้ถูกขจัดทิ้ง
แต่เป็นเพราะพระอารมณ์กำหนัดพุ่งขึ้นสูง ส่งให้โลหิตสูบฉีดไปทั่ววรกาย
ในขณะทั้งคู่ยังมิมีการขยับเขยื้อน พวกเขาต่างรับรู้ความผิดปกติบางอย่าง
“อ้าหหห์...เจ้าชาย..ผม..อ้าหหห์”
ผักตบพูดขาดๆ หายๆ เกร็งนิ่งขนลุกซู่..ร้อนเย็นวูบวาบไปทั่งร่างอย่างไม่มีสาเหตุ
“จะ..เจ้า..ผักตบเรา..อ้าหห์” องค์ยุพราชหนุ่มย่อมมีพระอาการไม่แตกต่าง
พระองค์รู้สึกมีขุมพลังก้อนใหญ่ ไหลเวียนไปทั่วพระวรกาย
จากที่อ่อนเปลี้ยเรี่ยวแรงหดหาย กลับรู้สึกคึกคักกระชุ่มกระช่วยซู่ซ่าขึ้นมาทันที
“เราไม่ไหวแล้ว จากนี้ให้เป็นหน้าที่เราเถิด” ไม่รอผักตบรับคำเลย
พระองค์พลิกพระวรกายเปลี่ยนเป็นคร่อมร่างผักตบเรียบร้อย
โดยอีกฝ่ายตกมานอนใต้พระวรกาย ในสภาพยังเชื่อมประสานกันแนบแน่น..
“จงรับความรักของเราไว้..นับจากนี้เจ้าคือหนึ่งเดียวในใจเรา..
เจ้าจักเป็นคู่ชีวิตชายาคู่บัลลังก์ของเราในภายภาคหน้า” สิ้นพระสุรเสียงรับสั่ง
บั้นพระโสณีก็ขยับบดคลึง พร้อมกับสองร่างมีรัศมีเรืองรองเปล่งประกายขึ้นโอบล้อมพวกเขาไว้
สลับแต้มวูบวาบดูพร่าพรายสี่สี แดง ฟ้า ขาว น้ำตาล พร้อมส่งแรงอัดกระแทกเสยพระโสณีหนักหน่วง
ต่อเนื่องไม่มีผ่อนปรนเมื่อพระอารมณ์เดินหน้า..โจนทะยานพุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ
แรงตอดรับโอบกระชับ พร้อมมีมวลมหาศาลขุมพลังบางอย่างที่ไหลเวียนถ่ายโอนไปมาของทั้งคู่
เป็นตัวกระตุ้นและปัจจัยให้พวกเขาหน้ามืดตามัว มุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยกำหนัดให้ถึงปลายทางฝั่งฝัน
ผักตบไม่ได้ทุรนทุรายเจ็บปวด ตรงข้ามกับดึงอารมณ์ดิบของเขาให้ลุกโชน
ถึงกับจิกเล็บครูดแผ่นหลังแกร่งเป็นรอยแดง กัดกรามกรอดๆ หลุดเสียงครวญครางสุขสมปนทรมาน
รับการสอดประสานดุดันหนักหน่วง ซึ่งองค์ชายวายุภักษ์ทรงเป็นผู้ควบขับ เร่งการขยับถี่กระชั้นเพิ่มเร็วยิ่งขึ้น
“พั่บๆๆ!!!..ตับๆๆ!!..อ้าหหห์..ซี้ดดดด!!!” เสียงซี้ดปาก เสียงครางเสียงหนั่นเนื้อกระทบลั่น
กายแกร่งเขม็งเกลียวขึ้นกล้ามดูดิบเถื่อนงดงาม..ประหนึ่งประติมากรรมสรีระบุรุษเพศ กำลังเสพสังวาสได้อย่างน่าดูชม
ก่อนพวกเขาจะประสานเสียงครางต่ำ เมื่อต่างบรรลุปลายทางฝัน ปลดปล่อยหยาดรักอุ่นระอุ
พุ่งกระฉูดกระเด็นเลอะหน้าท้องและพระอุระแกร่งขององค์ชายวายุภักษ์
ตามติดด้วยพระองค์ทรงแอ่นหยัดเสยพระโสณี กระตุกพระวรกายอยู่หลายที
ปลดปล่อยหยาดพระเชื้อเข้าสู่ผนังร้อนที่โอบกระชับพระองคชาติซึ่งผงกตุบๆ ดุจมีชีวิตอยู่ต่อเนื่องไม่หยุด
ก่อนร่างกำยำจะทรุดฮวบเหงื่อกาฬผุดซึมวรกาย ยังผลให้ผิวเข้มมันขลับเงาวาวรับแสงรัศมีเรืองรองสลับสี
ที่เปล่งประกายรอบร่างพวกเขาทั้งสองคน
ผักตบก็ไม่แตกต่าง เหงื่อผุดซึมไปทั่วร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนไม่แพ้องค์ยุพราช
ซึ่งทิ้งพระวรกายทาบทับเขาไว้ในอ้อมพระกรไม่ยอมปล่อย ต่างรอให้จังหวะการเต้นของหัวใจคืนเป็นปกติ
ทั้งคู่พริ้มตาหลับแค่ต้องการพักมิได้ง่วงแต่ประการใด
เวลาต่อมาลมหายพระทัยองค์ชายวายุภักษ์ ก็พวยพุ่งเปลวควันสีเหลืองปนเทาออกทางพระนาสิก
สีพระพักตร์ขับโลหิตฝาดกลับคืนความสมบูรณ์ของร่างกายสดชื่นแข็งแกร่งกว่าปกติมากมายนัก
มีเพียงพระองค์ที่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ผักตบยังไม่ได้ทำความเข้าใจร่างกายของตัวเองนัก
เพราะขณะนี้ทั้งคู่ต่างหันเข้าหากันส่งสายตามองสบกันนิ่ง แต่ในความนิ่งโดยไร้ซุ่มเสียง
กลับมีสิ่งหนึ่งที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน จนสามารถรับรู้ได้ชัดเจน ‘เสียงของหัวใจ’..
การถ่ายทอดวาจาผ่านดวงตาแทนคำพูด บางครั้งทำความเข้าใจได้ลึกซึ้ง
ยิ่งกว่าร้อยพันคำที่ยกอ้างเสียอีก เฉกพวกเขาทั้งคู่ที่กำลังใช้วิธีนี้
แทนการเอ่ยวาจาให้คำมั่นสัญญาอันใดที่พึงมีให้กันและกัน...
มาอัพให้แล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันพฤหัสนะคะ
ตอนนี้ยาวมากกก...คงถูกใจคนอ่านที่รักทุกท่าน
ขอบคุณคะแนนกดบวกและกดเป็ดนะคะ
ปล.ฝากแจ้งข่าวนิดนึง เรามีหนังสือชุดไตรภาคย์ตะเกียง จอมใจ เหยี่ยวหัวใจ อยู่ 1 ชุด
กับเรื่อง My..Love การเทพบ้า ตุ๊ดซ่ากับทอมแสบอยู่อีก 1 ชุด อย่างละชุด
หากคนอ่านท่านใดสนใจอยากมีไว้ครอบครอง ติดต่อเราได้ที่เมลล์ luxilove_19690 แอท hotmail.com นะคะ
จะได้ส่งรายละเอียดให้ทางเมลล์ค่ะ ย้ำมีอย่างละชุดเท่านั้นนะคะขอบคุณมากค่ะ