[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 274114 ครั้ง)

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เศร้า.... ตอนนี้สงสารบีแฮะ  :impress3:   :impress3:

อยากอ่านต่อจัง  ถ้าว่างเรย์มาต่อให้อีกนิดจิ นะค้า   :impress:

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ ใกล้จบถาคแรกแล้ว
ไม่อยากให้ถึงตอนสุดท้ายเรยจิงๆ  :monkeysad:

โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
ง่า..สงสารบี

ทำไมทีมมันเลวอย่างงี้ 

ไม่น่าเลย...ถ้าเลือกปอนด์แต่แรกก็ไม่เป็นงี้แล้วล่ะ

น่าสงสาร...น่าสงสารจริงๆๆ 

อ๊าก!!  ทำไมบีถึงอาภัพขนาดนี้  <<..ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองก็ไปว่าเค้าอ่ะ -*-

ใกล้จบแล้ว  ต่อไวๆนะครับ  รออ่านอยู่



ปล. ปอนด์น่ารักที่สุดในเรื่องเลย 555+

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามาแค่วันเดียว..........มันไปขนาดนี้เลยหรอ :impress3:

เศร้า......ยังไม่พูดไรดีก่า................ขออ่านจบภาค 1 ก่อน :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
  :serius2:  :serius2:  :serius2:

 :serius2: เกิดอะไรขึ้นนี่ ทำม้ายเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปด้าย  :serius2:

งานนี้ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง คือ บาส (ฮึ่ม อุตส่าห์ลุ้น  :laugh: ) ถ้าใช่นะ คงไม่มีแรงลุ้นใครแล้วละ  :try2:

สงสารบีจัง  :monkeysad2:


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เจ็บนะครับ


เจ็บมั้กมัก


คนรัก กลับไม่เชื่อมันในตัวเรา


แล้วรักไม่จะเป็นยังงัยต่อไป





ปล.


ขอปล.เหอะบลู


ไม่งั้นเหฒือนไม่ใช่พูห์



ปล.


ภาคแรกบีบหัวใจขนาดนี้



ภาคสองไม่ต้องเตรียมกระดาษทิชชู่มาตั้งแต่ตอนแรกเหรอบลู



พูห์ :teach:

moopai

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ สงสารบีจังงงงงงงงงงง :monkeysad: :serius2: :sad5:

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :confuse: เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยบีเองแหละคับ เหอะเหอะ ว่าแต่ว่า ตอนนี้ก็มีบาส กับพี่ปอนด์ 2 คน แต่บาสเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว คงหมดสิทธิ์ ส่วนพี่ปอนด์นี่ก็นะ ทำกับเค้าไว้ จะกลับไปหาก็กะไรอยู่ รอเฉลยดีกว่าเรา สงสัยจะเดาไม่ถูก อิอิ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                                                                  งงกับทีม???   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






momoki

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุด ก็ตามอ่านจนทัน...... :angellaugh2:

น่าสงสารบี จัง ต้องมีอะไรแน่ๆๆ ทีมถึง เป็นเยี่ยงนี้  :serius2:


beaches

  • บุคคลทั่วไป
"เสียงกรีดร้องนี้เป็นเสียงที่ทั้งโหยหวน และบาดลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ จนใครก็ตามที่ได้ยินย่อมจะรู้ถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสของเจ้าของเสียงได้เป็นอย่างดี

แต่น่าเสียดายที่เสียงกรีดร้องที่ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานนี้

มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น...........ที่ได้ยิน............"

คุณนัทนที บรรยายตอนนี้ได้สะเทือนใจและเห็นภาพมากๆ
สงสารบีจับใจจริงๆ  ต้องทนเจ็บเจียนตาย
แถมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองทำอะไรผิด

ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็นตัวเองต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว
จะทนได้ไหมนะ...น่าคิด

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
GoneOn ทำใจได้ยังครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  โทษนะครับ พอดีเรี่ยวแรงมันเหือดแห้งไปครับ

 Aki_Kaze  แหะๆ สู้ๆ  :yeb:

FlukeHub  คนชื่อปอนด์น่ารักแบบนี้ทุกคนป่าวหนอ  :myeye:

GobGab ผมอยากเห็นความเห็นของเพื่อนๆนะครับว่าคิดอย่างไร

shell แบบนี้ต้องสู้กับ flukehub แล้ว เชียร์กันออกนอกหน้านอกตากันทั้งคู่ คิกคิก

Subson  เรื่องราวแห่งความรักมันมีทั้งสุขและทุกข์ที่ต้องเผชิญครับ

moopai  ผมสงสารทุกคนที่เป็นตัวละครหลักเลย

Tantalum  อ่าวพูดไปพูดมา เลี้ยงลงคลองซะงั้น คิกคิก

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  อืม เป็นอะไรๆที่เกินกว่าจะรับได้ครับ

momoki  มีอะไรหรือครับ

beaches  น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กับลมหายใจที่รวยริน เนื่องจากหัวใจที่เคยเป็นรอยแผลถูกกรีดซ้ำ จะมีใครรู้ จะมีใครนึก ว่าคนๆนี้ทรมานแสนสาหัสเพียงใด  :monkeysad2:

ตอนนี้ผมยังไม่สามารถคุยอะไรกับเพื่อนๆได้มากนะครับ
เพราะพึ่งดูซีรีสเกาหลี autumn in my heart จบไป
น้ำตาผมแทบออกมาเป็นสายเลือด เหงาเกินกว่าจะทำอะไรได้
 :monkeysad:

ความรักมันไม่มีถูกผิด
มันมีแต่คำว่าใช่หรือไม่เท่านั้น


******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( 27 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

--------------------------------------

หลังจากที่ต้องเลิกรากับทีม ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผมจะรู้สึกทุกข์ทรมานมากมายถึงขนาดนี้ ความเจ็บปวดจากการถูกทิ้งในครั้งนั้นทำให้ผมเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น

ทุก ๆ วันผมจะต้องกลับไปที่ห้องนอน เอาใบหน้ากดลงบนหมอนแล้วก็กรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเจ็บปวด

ความเป็นลูกที่ปิดบังว่าตัวเองเป็นเกย์ และความเป็นนักเรียนดีเด่นที่ถูกจับตามองจากครูบาอาจารย์และเพื่อนนักเรียนทำให้ผมต้องเสแสร้งแกล้งทำว่าชีวิตของผมปกติดีและไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การทำตัวเช่นนี้ยิ่งทำให้ความทุกข์ถาโถมเข้าหาผมหนักขึ้น เมื่อผมต้องเก็บกดความรู้สึกทุกข์ทรมานของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

จะมีเพียงเวลาที่ผมอยู่ในห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้นที่ผมจะใช้เวลานั้นร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเพราะทุกครั้งที่ผมร้องไห้ ผมก็ต้องพยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่สักนิดเดียว

จนกระทั่งหลายครั้งที่ผมร้องไห้ มันเหมือนกับผมเห็นภาพหลอนของตัวเองที่ลอยเคว้งอยู่ในห้วงน้ำลึกที่ดำมืดอย่างหาทางออกไม่ได้

ความรักที่ทีมเคยมีให้ผมในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเสมือนแรงฉุดดึงให้ผมค่อยๆดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรที่ไม่มีก้น

จนเมื่อวันหนึ่งที่เขาจากผมไป ผมจึงต้องลอยเคว้งอยู่ในความมืดนี้เพียงลำพัง และไม่ว่าผมพยายามจะดิ้นรนแหวกว่ายเพื่อเอาตัวรอดแค่ไหน ผมก็ยิ่งดำดิ่งลงสู่ความลึกที่ดำมืดนั้นลงไปทุกที

การทำตัวเสแสร้งว่าเข้มแข็งนี้ทำให้บางครั้งผมก็อดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้ เพราะในขณะที่สภาพของผมเองแทบจะเรียกได้ว่าทุกวันนี้ ต่อให้ยืนหายใจอยู่เฉยๆ มันก็ทำได้ยากเต็มทีแล้ว แต่นี่ผมกลับยังต้องฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ และฝืนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในตอนนั้นมีเพียงเพื่อนสนิทของผม 2 – 3 คนที่ต้องพลอยเดือดร้อนฟังผมระบายความทุกข์ที่ผมได้รับ แต่ยิ่งเล่า ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาช่วยอะไรผมไม่ได้เลย

จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเพื่อนผมหรอกที่ไม่รู้ว่าจะปลุกปลอบผมอย่างไรดี เพราะในตอนนั้นพวกเราก็ยังอยู่กันแค่ ม. ต้นเท่านั้น

สำหรับพวกเขา คำว่า “ความรัก” และ “อกหัก” ยังห่างไกลจากประสบการณ์ที่พวกเขาเคยประสบมามากนัก

เพื่อนๆ ของผมจึงย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียความรักว่ามันเป็นอย่างไร มันจะเหมือนกับการสอบตกหรือเปล่า หรือเหมือนกับการถูกแย่งของเล่นมั้ย

เอาเข้าจริงแล้ว ความรักครั้งนี้ของผม...มันคงมาเร็วเกินไป จนทำให้ผมไม่สามารถที่จะรับมือมันได้และไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ตัวเองยังไงดี

ระยะหลังๆ ผมจึงเลิกที่จะไปโอดครวญกับพวกเขาในที่สุด เพราะยิ่งผมแสดงแง่มุมที่เลวร้ายของความรักออกไปให้พวกเขาฟังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ดูจะเริ่มพลอยเกลียดกลัวความรักมากขึ้นไปด้วย

ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมจะดันทุรังดึงพวกเขามาสู่โลกที่ดำมืดเหมือนผมต่อไป ผมก็คงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก

ในที่สุดผมจึงได้ตัดสินใจที่จะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยตัวเองซึ่งมันทำได้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่อผมได้รู้ข่าวว่าทีมกำลังตามจีบ “เกรซ” เพื่อนนักเรียนหญิงชั้นเดียวกันที่อยู่ต่างห้อง มันก็ยิ่งทำให้ผมเหมือนกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

แต่ดูเหมือนข่าวนี้จะถือเป็นข่าวเล็กๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับความจริงที่ผมมารู้ในภายหลังว่าในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เกรซ ก็ได้ไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพฯ ด้วย

ผมอดคิดไม่ได้ว่า...หรือว่านี่คือเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้ทีมตัดสินใจทิ้งผม

น่าแปลกที่ในตอนนั้น..แทนที่ผมจะเคียดแค้น ชิงชังที่เขาทำอย่างนั้น แต่ผมกลับยินดีไปกับความรักครั้งใหม่ของเขาด้วย

เพราะผมรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าคนธรรมดาๆ อย่างผมไม่เคยคู่ควรกับหนุ่มหล่ออย่างทีมเลย

การที่เขามาทำดี และทุ่มเทความรักอย่างมากมายในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มันก็มีค่ามากพอแล้วสำหรับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม

ถ้าคนอย่างเขาจะทิ้งผมไปผมก็คงไม่ว่าอะไร แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมติดค้างในใจก็คือ.....ทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกผมตรงๆว่าเขาทิ้งผมไปเพราะอะไร

ผมจึงได้แต่เดาว่า นี่ล่ะคงเป็นสาเหตุในการเลิกราของเราในครั้งนี้

ในตอนนั้นผมคิดว่าการที่ทีมเลือกผู้หญิงอย่างเกรซมาเป็นแฟนนั้น มันทำให้ผมรู้สึกดีกว่าตอนที่เขาไปมีอะไรกับพี่กุ้งมากนัก เพราะอย่างน้อยผมก็มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ

เพราะเท่าที่ผมรู้...เกรซเป็นผู้หญิงน่ารัก นิสัยดี และก็มีมารยาทสมกับการเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเนื่องจากคุณพ่อของเกรซเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในขณะที่คุณแม่ก็เป็นครูประจำโรงเรียนสตรีที่มีชื่อเสียง

การที่ทีมจะทิ้งผมไปเพราะผู้หญิงแบบนี้ ผมก็น่าจะยินดีไม่ใช่เหรอ

การพ่ายแพ้ต่อผู้หญิงที่มีคุณสมบัติอย่างเกรซไม่ใช่เรื่องที่ผมน่าจะเสียใจเลย เพราะอย่างไรก็ดีผมก็ไม่มีวันชนะผู้หญิงคนนี้ได้แน่ ในเมื่อ....

ผมไม่มีวันที่จะเป็นภรรยาที่ออกหน้าออกตาในสังคม และเป็นแม่ของลูกให้ทีมได้

ถ้านี่จะคือเหตุผลที่เขาทิ้งผมไปจริงๆ ผมก็คงจะพอรับได้และยินดีจะยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา

แต่ถึงแม้ในตอนนั้นผมจะไม่รู้สึกโกรธเกลียดทีมเลยที่ทิ้งผมไป รวมทั้งยินดีอย่างบริสุทธ์ใจต่อรักนี้ของทีม แต่ในหัวใจผมก็ยังเจ็บปวดเกินกว่าจะสรรหาคำพูดมาบรรยายได้

การระบายและปลดปล่อยที่ผมทำได้เพียงอย่างเดียวในเวลานั้นก็คือการ “ร้องไห้”

จนต่อมาผมเริ่มรู้สึกชินชากับการที่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

สำหรับผมในตอนนั้นแล้ว การร้องไห้กลายเป็นกิจวัตรที่ผมจะต้องทำเป็นประจำทุกวันเหมือน อาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว จนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าร่างกายของคนเรานี่ช่างมหัศจรรย์นักที่สามารถผลิตน้ำตาออกมาได้อย่างไม่มีวันหมด

นอกจากนั้นการร้องไห้ในหลายๆครั้งของผมก็เกิดขึ้นเมื่อผมต้องตื่นนอนในตอนเช้าแล้วต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

มันเป็นความผิดหวังที่ผมพบว่าตัวเองยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งๆที่ทุกคืนก่อนนอนผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้ผมนอนหลับฝันไปโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย

ดูเหมือนช่วงเวลาที่อยู่ในความฝันจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมจะสามารถหลบหนีความโหดร้ายจากโลกของความจริงได้

แต่น่าเสียดายที่ผมไม่เคยโชคดีขนาดนั้น เพราะทุกวันผมก็ต้องตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า.....ผมยังมีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีทีมอยู่ข้างๆ อีกแล้ว

หลายสัปดาห์ต่อมาดูเหมือนข่าวคราวที่ผมเลิกกับทีมจะแพร่กระจายไปถึงบรรดาคนที่รู้เรื่องของเรา 2 คนจนทำให้กอล์ฟเดินมาหาผมหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง

“บี ไปกินไอติมกันมั้ย”

“เอ่อ.....บี....”

ในตอนนั้นผมอยากจะปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะพูดกับผมเรื่องทีม

“ไปนะ กอล์ฟขอล่ะ เราไม่ได้ไปกินอะไรด้วยกันนานแล้วนะ”

หลังการคะยั้นคะยอของกอล์ฟทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธเขาได้ ผมจึงเดินตามเขาไปที่ร้าน

“กอล์ฟเสียใจด้วยนะ เรื่องทีม”

กอล์ฟเปิดฉากพูดกับผมตรงๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมเหมือนกับจะร้องไห้เมื่อเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนของเขา

ผมคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าแววตาคู่นั้นจะเป็นแววตาที่กำลังสมน้ำหน้าผม ที่ในตอนนั้นผมไม่เลือกเขาแต่กลับไปเลือกทีม ผมจึงต้องมาอยู่ในสภาพน้ำตาเช็ดหัวเข่าอย่างนี้

แต่นี่เขากลับชวนผมมาทานไอติมแล้วมองผมด้วยสายตาห่วงใยอย่างที่สุด มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นไปอีก

“รู้มั้ย ทำไมกอล์ฟถึงชวนบีมากินไอติม แล้วทำไมต้องมานั่งโต๊ะตัวนี้”

หลังคำถามของเขาทำให้ผมถึงกับงง พลางก้มลงมองโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่อย่างสงสัยว่ามันแตกต่างจากโต๊ะตัวอื่นตรงไหน

“บีจำไม่ได้เหรอ ครั้งที่แล้วเราก็มานั่งโต๊ะตัวนี้ไง ลืมเรื่องที่มันผ่านมาเถอะนะ เรามาให้โอกาสตัวเองกันอีกสักครั้ง...บี มาเป็นแฟนของกอล์ฟได้มั้ย”

หลังคำถามนี้ผมได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างรู้สึกหดหู่ และโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกอล์ฟต้องมาให้โอกาสผมอีกครั้งทั้งๆ ที่ผมเคยทำให้เขาเจ็บปวด ทำไมเขาไม่พูดจาสมน้ำหน้าผมที่ไม่เลือกเขาในวันนั้น ทำไมเขาต้องมาดีกับผมในเวลาอย่างนี้ด้วย

“กอล์ฟ บีขอโทษนะ อย่าทำอะไรเพื่อบีอีกเลย บีมันไม่คู่ควรที่จะได้รับโอกาสอะไรอีก บีไม่มีค่าสำหรับใครอีกแล้ว”

ผมตอบไปตามตรงเพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

สิ่งที่ผมควรจะมอบให้เขา ผมก็เสียมันไปให้กับทีมหมดแล้ว ดังนั้นผมจะเห็นแก่ตัวโดยทำลายโอกาสที่เขาจะไปเจอคนดีๆและคว้าเขามาไว้เป็นแฟนไม่ได้

ที่สำคัญผมรู้ดีว่า...ผมไม่อาจจะรักใครได้อีก นอกจาก “ทีม” เท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงกอล์ฟก็คิดไว้แล้วว่าคำตอบของบีจะเป็นอย่างนี้ แต่กอล์ฟก็ยังอยากจะลองดู เผื่อถ้ากอล์ฟโชคดี บีอาจจะมีใจและให้โอกาสกอลฟ์บ้าง”

“กอล์ฟ.....”

ผมเรียกชื่อเขาออกมาอย่างเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อว่าผมได้ทำให้เขาสียใจถึง 2 ครั้ง

“ช่างเถอะ เรากลับบ้านกันเถอะนะ มา เดี่ยวกอล์ฟเดินไปส่ง”

ในตอนนั้นผมได้แต่เดินตามกอล์ฟไปอย่างเจ็บปวด พลางอดคิดไม่ได้ว่าทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเดินไปสักพักผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากอล์ฟจะพาผมไปไหน เพราะตอนนี้เรากำลังเดินมาห้องน้ำด้านหลังโรงเรียน

“กอล์ฟ นี่ไม่ใช่ทางออกนี่” เสียงที่ผมเริ่มทักทำให้เขาหยุดเดิน

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ พอดีกอล์ฟมีเรื่องสงสัยอยากถามบี กอล์ฟก็เลยพามาในที่ๆไม่มีคน”

“อะไรเหรอ”

“ตกลงแล้วกอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างที่บีเคยบอกหรือเปล่า”

“ใช่สิกอล์ฟ กอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่บีมีเลยนะ”

ผมรีบยืนยันให้เขารู้เพราะกอล์ฟเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่ผมรักและไว้ใจที่สุด

“งั้นแล้วทำไมต่อหน้ากอล์ฟ บีต้องทำเป็นเข้มแข็งด้วย รู้มั้ย มันยิ่งทำให้กอล์ฟรู้สึกแย่ มันเหมือนกับกอล์ฟช่วยอะไรบีไม่ได้เลย ทำไมเหรอ ทำไมบีต้องทำเสแสร้งเป็นเข้มแข็งด้วย เป็นนักเรียนดีเด่นเขาห้ามร้องไห้หรือไง”

คำพูดและสีหน้าจริงจังของกอล์ฟทำให้น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่กอล์ฟดึงตัวผมเข้าไปสวมกอดไว้

“เข้มแข็งไว้นะบี บีจะต้องผ่านมันไปได้ เชื่อกอล์ฟนะ”

หลังคำพูดนี้ของกอล์ฟ ผมก็ปล่อยโฮออกมาเหมือนเขื่อนแตก ความอัดอั้นตันใจและความเก็บกดที่ผมสั่งสมไว้โดยไม่สามารถบอกใครได้ กำลังถูกปลดปล่อยออกมาอย่างท้วมท้นจนผมรู้สึกได้ว่าเสื้อบริเวณอกกอล์ฟกำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของผม

ในเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกได้ว่า....แม้ผมจะอยู่ในอ้อมกอดของกอล์ฟอย่างนี้ แต่ความรู้สึกที่มีก็ช่างแตกต่างกับตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของทีมอย่างสิ้นเชิง

ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ได้เป็นความรู้สึกของ “ความรัก” แต่มันเป็นความอบอุ่น และปลอดภัยจากเพื่อนที่คอยปลอบใจให้กันในยามที่เราล้มเหลว....เท่านั้น


----------------------------------
ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( 28 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------------

ในความโชคร้ายที่ผมต้องเลิกรากับทีม ดูเหมือนผมจะโชคดีที่ผู้ชายซึ่งผมเคยทำร้ายให้พวกเขาต้องเจ็บปวดกลับมาให้กำลังใจอย่างที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เพราะนอกจากกอล์ฟจะกลับมาให้โอกาสด้วยการขอเป็นแฟนกับผมอีกครั้ง รวมทั้งยังให้ผมได้ร้องไห้ระบายไปกับเขาแล้ว พี่ปอนด์ก็มาหาผมถึงห้องในบ่ายวันหนึ่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาเคยขับไสไล่ส่งให้ผมไปให้พ้นๆ

“ถ้ารู้ว่ามันจะทำกับบีอย่างนี้ พี่น่าจะกระทืบให้มันตายคาตีนไปตั้งแต่วันนั้น”

พี่ปอนด์เปิดฉากบอกผมขณะที่เรากำลังไปนั่งคุยกันในสวนป่าของโรงเรียน

“พี่ไม่ทำน่ะดีแล้วล่ะ บีขี้เกียจเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยม”

ผมพูดแล้วก็พยายามฝืนยิ้มออกมา

“ฮึ ฮึ ปล่อยมุขอย่างนี้ได้ แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วสิ”

“ก็บีบอกแล้วว่าบีไม่เป็นไร พี่น่ะเป็นห่วงไปเอง บีไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย”

ผมโกหกพี่ปอนด์ไปทั้งๆที่ในตอนนั้น น้ำตาของผม...มันปริ่มๆจะไหลออกมาตลอดเวลา

“งั้นเหรอ นั่นสินะ พี่รู้ว่าบีต้องทำได้”

“คับ บีไม่เป็นไรหรอก บางทีที่บีต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ ก็อาจจะเป็นกรรมที่บีทำไว้กับพี่ก็ได้”

“กรรมเหรอ พี่ว่าไม่ใช่หรอก สิ่งที่บีทำกับพี่มันคงเป็นบุญมากกว่าเป็นบาปนะ”

สิ่งที่ปอนด์พูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อหู

“เพราะบี.....พี่ถึงได้รู้ว่าความเจ็บปวดจากการอกหักน่ะมันเป็นยังไง พี่ถึงไม่คิดจะไปหลอกใครให้เจ็บปวดเล่น ๆ อีก เห็นมั้ยล่ะว่าอย่างน้อยบีก็ช่วยคนอื่นๆไว้ตั้งหลายคน อย่างนี้มันจะเรียกว่าเป็นบาปได้ยังไงละ”

“พี่ปอนด์...”

ผมเรียกชื่อเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขาให้กำลังใจผมถึงขนาดนี้

"เชื่อพี่นะบี เดี๋ยวเดียวมันก็จะผ่านไปแล้ว”

ตั้งแต่เลิกรากับทีมดูเหมือนผมจะได้ฟังประโยคที่พี่ปอนด์เพิ่งพูดจบมานับครั้งไม่ถ้วน

“เดี๋ยวเดียว มันก็จะผ่านไป” เป็นสิ่งที่ทุกคนพยายามเฝ้าบอกผม ในขณะที่ผมเองกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เพราะทุกวันเวลาที่ผ่านไปความทุกข์ทรมานของผมมีแต่จะเพิ่มขึ้น

การที่ทั้งผมและทีมยังต้องอยู่ห้องเดียวกันทำให้ผมต้องทนเห็นเขาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นกลุ่มเพื่อนของผมกับกลุ่มของทีมก็ยังสนิทสนมกันจนพวกเรามักจะไปทำกิจกรรมต่างๆในโรงเรียนด้วยกันเสมอ ดังนั้นไม่ว่าผมจะพยายามลืมเขาสักเท่าใด มันก็แทบจะไม่มีผลเลยในเมื่อเราทั้งคู่ต่างยังต้องพบเจอกันทุกวันอย่างนี้

ที่สำคัญการที่ทีมได้มีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างเกรซ มันทำให้ผมต้อนทนเห็นภาพบาดตาวันแล้ววันเล่า จนผมแทบอยากจะไม่มาโรงเรียนอีกเลย

น้ำตา...ที่ผมเคยคิดว่ามันจะแห้งเหือดไปได้ในวันใดวันหนึ่ง มันกลับไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดหย่อนทั้งในยามหลับและยามตื่น

ความปรารถนาที่จะหนีไปให้ไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงที่โหดร้ายทำให้ผมกลายเป็นคนขี้เกียจในสายตาของแม่ เพราะไม่ว่าผมจะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ สิ่งที่ผมจะทำเป็นอันดับแรกคือ... “การนอน”

เพราะนั่นคงจะเป็นหนทางเดียวที่พอจะทำให้ผมเลิกคิดถึง “ทีม” ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ได้

แต่กระนั้นในบางครั้ง “ทีม” ก็ยังเข้ามาหลอกหลอนผมแม้ในความฝัน พร้อมๆกับคำพูดที่ว่า “ทีมรักบีนะ” ซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา แต่เมื่อผมลองเดินไปตามเสียงนั้นก็เห็นแต่ความว่างเปล่าและได้พบความจริงที่ว่า.....

.....ผมกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในความมืดมิดที่หนาวเหน็บจนสุดขั้วหัวใจ

ความตรอมใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ร่างกายของผมค่อยๆ ซูบลงอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งจริงๆแล้วผมอยากจะเรียกว่านี่คืออาการของคนที่ “หัวใจได้แตกสลายไปแล้วในร่างกายที่กำลังจะแตกดับ”

ในแต่ละวันที่ผ่านไป ผมยังคงต้องพยายามลาก “ซากชีวิตที่เดินได้” นี้ให้ดำรงอยู่ต่อไปโดยไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงวันไหน

จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงก่อนสอบปลายภาค พวกเพื่อนๆ ในห้องก็ได้ตกลงกันว่าหลังจากสอบเสร็จพวกเราทั้งห้องก็จะไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันที่ต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าผมคงเป็นคนหนึ่งที่ขอสละสิทธิ์ไม่ร่วมทริปนี้ด้วย แม้ว่าในใจมันอยากจะไปสนุกกับเพื่อนๆ แค่ไหนก็ตาม

“ไปเถอะนะบี เธอไม่ไปแล้วพวกเราจะครบทีมได้ไง อย่างนี้ก็หมดสนุกกันพอดี”

จอยหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมได้พยายามร้องขอให้ผมร่วมเดินทางไปกับเพื่อนๆ

“ถ้าเราไปนะสิ พวกเธอคงหมดสนุกแน่ๆ”

“งั้นบีก็เลิกทำหน้าอมทุกข์เสียทีสิ ไปสนุกกันเถอะ มันผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้ว ลืมๆมันไปเถอะนะ หรือไม่บีก็ไม่ต้องไปสนใจทีมเค้าก็ได้ ทำเสียว่าเขาไม่อยู่ในโลกนี้ไง” เพื่อนอีกคนพยายามแนะนำ

“ถ้าเราทำได้เราคงทำไปตั้งนานแล้ว” ผมตอบออกมาอย่างหดหู่

“หรือว่าบีไม่อยากไปสนุกกับพวกเราเหรอ พวกเราไปกันทั้งห้องเลยนะ บีจะมัวมาเก็บตัวอยู่คนเดียวหรือไง”

“พวกเธอคิดเหรอว่าเราไม่อยากไป คิดเหรอว่าเราไม่อยากสนุก คิดเหรอว่าเราไม่อยากไปยิ้ม ไปหัวเพราะกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่เราไปไม่ได้จริงๆ ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออดเมื่อคิดถึงว่าทำไมผมต้องมาเจอเรื่องเหล่านี้ ถ้าผมไม่เจอทีม ผมคงได้ไปสนุก ไปยิ้ม ไปหัวเราะกับเพื่อนๆ แล้ว

“ช่างเถอะ ชั้นว่าบีมันไม่ไปก็ดีแล้ว”

คำพูดของเจ เกย์สาวในกลุ่มของผมทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง

“จะบ้าไปแล้วเหรอเจ เรากำลังมากล่อมให้บีไปกับเรานะ”

“ก็นั่นแหละ แต่พวกเธอไม่รู้ข่าวเหรอว่าไม่ใช่มีเพียงแค่พวกเราในห้องเท่านั้นนะที่ไป มีคนอื่นไปด้วย”

“จริงอ่ะ ใครเหรอ”

“ก็เกรซไง ทีมเขาพาเกรซไปด้วย”

คำตอบของเจ ทำเอาทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก และดูเหมือนว่าในที่สุดทุกคนก็เลิกรบเร้าที่จะให้ผมไปเที่ยวกับพวกเขาจนได้ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าหากให้ผมไปร่วมทริปนี้ด้วย มันก็ไม่ต่างอะไรกับเอาผมไปฆ่านั่นเอง

หลังจากวันนั้น บรรดาเพื่อนๆ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเที่ยวนี้อีกเลยจนกระทั่งสอบปลายภาคเสร็จ พวกเราจึงต่างต้องแยกย้ายกันไปอยู่ที่บ้านและแทบจะได้ได้พูดคุยกันอีกเลย

ในช่วงปิดเทอมนี้เองเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสสำหรับผม เพราะปกติในวันเปิดเรียน การได้ไปพบเจอเพื่อนๆ การได้ทำกิจกรรมในโรงเรียน การต้องเอาใจใส่การเรียน ทำให้เวลาที่ผมจะได้นึกถึงทีมนั้นมีน้อยลง

แต่ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ ผมกลับต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวซึ่งนั่นหมายถึงว่ามันมีเวลาให้ผมคิดฟุ้งซ่านอย่างเหลือเฟือ

ฉะนั้นสิ่งที่ผมพยายามทำในช่วงเวลานั้นก็คือ “การนอน” ซึ่งดูเหมือนการทำอย่างนั้นจะทำให้ผมสามารถเอาตัวรอดผ่านคืนวันอันแสนเจ็บปวดไปได้

แต่แล้วในวันที่อากาศร้อนมากวันหนึ่ง หลังจากตื่นนอนขึ้นมาราวๆ บ่ายโมง อยู่ดีๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเฉยๆ อย่างไม่มีเหตุผล

ผมจำได้ว่าอากาศในวันนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าว ผู้คนและถนนหนทางดูเงียบเชียบผิดปกติ หัวใจที่ว้าเหว่ได้เตือนให้ผมรู้ว่าในเวลาเดียวกันกับที่ผมต้องมานั่งทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวนี้ เพื่อนๆของผมคงกำลังสนุกสนานอยู่ที่ชายทะเลแห่งใดแห่งหนึ่ง

ทุกคนคงจะกระโจนลงน้ำและพากันกวักน้ำสาดเข้าหากันอย่างสนุกสนาน ชายหาดแห่งนั้นคงเต็มไปด้วยความคึกคักและมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ต่างหาความสำราญกันอย่างเต็มที่ ณ บริเวณชายหาดแห่งนี้

และในท่ามกลางเสียงหัวเราะของบรรดาเพื่อนนักเรียนชายหญิงเหล่านั้น คงมีหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม

พวกเขาคงมีคำพูดหวานๆ ให้กัน กอดกัน หอมแก้มกัน และจูบกันอย่างสนิทชิดแนบ และในท้ายที่สุดทั้งคู่ก็คงลงเอยด้วยการตกเป็นของกันและกันในที่สุด

ในตอนนั้นเองที่น้ำตาของผมมันหยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ว่า

“ผมยอมแพ้แล้ว”

ที่ผ่านมาผมพยายามแข็งขืนต่อโชคชะตาด้วยการแสร้งทำทีว่าตัวเองเข้มแข็ง และฝืนที่จะผ่านมันไปให้ได้ แต่ในวันนี้เป็นวันที่ผมต้องบอกตัวเองว่าผมไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว

ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ควรจะจบลงเสียที

ในวันนั้นผมจึงเดินเหมือนคนไร้วิญญาณลงมาชั้นล่าง แล้วเดินตรงไปหยิบขวดยาพาราเซตามอลขนาด 100 เม็ดจากตู้ยาแล้วนำมันไปวางไว้บนโต๊ะในครัว จากนั้นจึงเดินไปหยิบขวดน้ำหวานในตู้เย็นออกมาแล้วนำมาวางไว้ใกล้ๆกัน

ผมเทยาพาราเซตามอลลงมากองจำนวนหนึ่ง แล้วเอามือไปหยิบมันมากำไว้จนเต็มมือ พลางคิดในใจว่าด้วยขนาดยาเท่านี้คงพอจะเป็นใบผ่านทางที่จะนำพาผมไปให้พ้นไปจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ได้

ผมค่อยๆมองไปยังมือที่กำยาพาราเซตามอลเหล่านั้นไว้อย่างเจ็บปวด เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของผมจะต้องมาลงเอยและพบจุดจบอย่างนี้

ในชีวิตของผม...ผมเคยตัดสินใจผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องทีมมาแล้วถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมตัดสินใจเลือกทีม แทนที่จะเป็นกอล์ฟ

ส่วนครั้งที่ 2 เป็นตอนที่ผมไม่สามารถตัดใจจากทีมได้อย่างเด็ดขาดเมื่อเขานอกใจผมไปมีอะไรกับพี่กุ้ง


ผมจึงได้แต่หวังว่า...การตัดสินใจในครั้งนี้ของผมคงเป็นการตัดสินใจที่......"ถูกต้อง"


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
------------------------------------------------------

ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( บทส่งท้าย)
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

--------------------------------------

เมื่อตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้วว่าผมยอมแพ้และคงไม่อาจแข็งขืนต่อโชคชะตา ฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับอีกต่อไป ผมจึงค่อยๆยกยาพาเซตามอลที่กำไว้ในมือเพื่อที่จะป้อนเข้าปาก

แต่ในทันใดนั้นเอง....อยู่ดีๆ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแทบจะไม่ได้คิดถึงเธอเลยในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาในหัว

ภาพของผู้หญิงที่คอยดูแลผมมาตั้งแต่เล็กจนโตที่ปรากฏชัดในความทรงจำนี้ได้ทำให้ผมคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นคนที่รักผมมากที่สุด และความรักของเธอคนนี้ก็ไม่เคยทำให้ผมเจ็บปวด

หากผมจะจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้กล่าวล่ำลาเธอ...ผมก็คงเป็นลูกที่เลวมาก

ผมจึงตัดสินในวางยาลงแล้วก็เดินไปชั้นบนด้วยรู้ดีว่าในช่วงบ่ายๆ อย่างนี้ แม่ของผมมักจะนอนกลางวันอยู่ที่น้องนอนบนชั้น 2

เมื่อขึ้นไปถึงผมค่อยๆ เปิดประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาจนเห็นแม่ผมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

เมื่อได้เห็นใบหน้าของแม่ใกล้ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาจนนองหน้าด้วยความรู้สึกรักผู้หญิงคนนี้อย่างเป็นกำลัง และต้องฝืนใจพูดออกไปอย่างขมขื่นว่า

“แม่จ๋า บีมาลา”

หลังพูดจบผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างที่จะไม่สามารถจะห้ามได้จนทำให้แม่ผมตื่นและลุกขึ้นมานั่งมองผมอย่างตกอกตกใจ

ในเวลานั้นเองที่ผมวิ่งไปซบหน้าแล้วร้องไห้กอดแม่ไว้แน่น ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แม่ผมยิ่งตื่นตระหนก

“บี เป็นอะไรลูก เป็นอะไร”

หลังคำถามของแม่ ผมได้แต่นิ่งเงียบและยังคงร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถระบายกับแม่ไปตรงๆได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

“แม่จ๋า บีเจ็บ บีทรมานเหลือเกิน เขาทิ้งบีแม่ ทีมเขาไม่รักบีแล้ว บีเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว แม่ช่วยบีที ...ช่วยบีด้วย ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อสิ่งที่ผมอยากระบายให้แม่ฟังกลับได้แต่ก้องกังวานอยู่ภายในใจผมเท่านั้น ซึ่งนั่นถึงกับทำให้แม่ของผมยิ่งกอดผมไว้แน่นแล้วพูดออกมาทั้งน้ำตาว่า

“เครียดเรื่องสอบเข้าหรือลูก ไม่เป็นไรนะ ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง แม่ผิดเอง แม่กดดันบีเกินไปใช่มั้ย แม่ผิดเอง ถ้าแม่เลี้ยงบีให้เข้มแข็งกว่านี้ บีก็คงไม่ต้องมาร้องไห้เสียใจอย่างนี้ ฮือ ฮือ แม่ผิดเองลูก แม่ผิดเอง”

น่าแปลกที่ในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ผมพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำใจให้ลืมของของผมกับทีมให้ได้ แต่ทว่า..ไม่ว่าผมจะใช้วิธีไหน หรือจะพยายามมากเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยสำเร็จเลย

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น น้ำตาและคำพูดเพียงประโยคเดียวของแม่กลับสามารถพลิกชีวิตของผมได้ทั้งชีวิต

มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เกิดใหม่

น้ำตาและความรักของแม่ทำให้ผมรู้ซึ้งว่า....นี่ต่างหากคือความรักที่จริงแท้ และ บริสุทธิ์ที่สุด

ในยามที่ผมล้มเหลว อ่อนแอ แทนที่แม่จะต่อว่าผม แต่แม่กลับโทษตัวเอง โทษว่าเป็นความผิดของแม่ที่กดดันผมเกินไป โทษว่าแม่ไม่ดีที่เลี้ยงผมให้อ่อนแอ

ในตอนนั้นเองที่ผมยิ่งกอดแม่ไว้แน่นแล้วตั้งจิตอย่างแน่วแน่ว่า

“แม่จ๋า แม่ไม่ผิดเลย บีต่างหากที่เลว บีต่างหากเป็นลูกที่ไม่ดี ต่อไปนี้บีจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก แม่ไม่ได้เลี้ยงลูกคนนี้ให้อ่อนแอ บีจะเข้มแข็ง แล้วจะผ่านมันไปให้ได้ แม่จ๋า ไม่ว่ายังไง......บีจะต้องผ่านมันไปให้ได้”

.............ต้องผ่านมันไปให้ได้.................


*****สงสารใจตัวเองหรือเปล่า
หัวใจที่จมทะเลเศร้า...เพียงแค่โดนเขาทิ้งกันไป

ทุกทุกทีที่มีน้ำตา...ให้คำตอบใจได้ไหมว่า...
ร้องแล้ว...ได้เขาคืนมาหรือไร

ก็แค่ “ความรักร้ายร้าย” หนึ่งหน...ชีวิตคนยังมีอีกร้อยพัน
เรียนรู้และอยู่กับมัน...ให้ได้

อย่าทำน้ำตา...ให้เป็นมหาสมุทร
แม้ความรักถึงวันสิ้นสุด...แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป
โลกคงไม่เหลือแค่สีดำ...ถ้าไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พรุ่งนี้เธอยังต้องหายใจ
ฉันรู้ว่าเธอต้องอยู่ไหว
ไม่ว่ามี “คนนั้น” หรือไม่ก็ตาม

ฟ้าของเธอยังงามเหมือนเก่า
ถ้าเธอจะมองด้วยตาเปล่า.........โดยไม่ผ่านม่านของ “น้ำตา”
ทุกทุกคนก็มีแผลเก่า...รองรอยที่เตือนและสอนเรา
ยืนยันว่าเรา...เติบโตขึ้นมา

ก็แค่ความรักร้ายร้ายหนึ่งหน...ชีวิตคนยังมีอีกร้อยพัน
เรียนรู้และอยู่กับมัน...ให้ได้

อย่าทำน้ำตา...ให้เป็นมหาสมุทร
แม้ความรักถึงวันสิ้นสุด...แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป
โลกคงไม่เหลือแค่สีดำ...ถ้าไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พรุ่งนี้เธอยังต้องหายใจ
ฉันรู้ว่าเธอต้องอยู่ไหว
ไม่ว่ามี “คนนั้น” หรือไม่........ก็ตาม

*********** จบภาค 1 ************


*****หมายเหตุ : เพลงน้ำตามหาสมุทร – Um Irawat










beaches

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
«ตอบ #134 เมื่อ13-11-2006 21:31:37 »

ไม่ชอบคำที่ทีมเพียงเพื่อจะตัดรอนบีมากๆ
คือมันเหมือนกับพอวันนึงที่ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ ไม่เป็นเหมือนวันก่อน...หรือเบื่อ
ก็พ่นพิษใส่กัน หรือหาเหตุมาอ้างสารพัด เพื่อให้บีไปไกลๆ (ในนิยายถ้าอ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้แหละว่าทีมเองก็คงปางตายเหมือนกัน   แต่ในชีวิตจริง...คงไม่ใช่ คงดีใจด้วยซ้ำมั้งที่สลัดบีทิ้งได้) ทั้งที่จริง ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แม้จะแปลกหน้าขึ้นก็ตามที
แต่ว่าเถอะ ถ้าเป็นผม...ผมคงขอหลบหน้าไม่เจอคนๆ นี้อีกชั่วชีวิต
พอแล้ว ยอมแพ้จริงๆ  ไม่ชอบยื้อแย่ง ไม่อยากงอนง้อ
หมดเยื่อหมดใยแล้ว ก็ต่างคนต่างไป


ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าจิตใจที่แตกละเอียดของผู้เขียนในชีวิตจริง คงจะดีขึ้นบ้าง
แม้จะไม่ประสานได้ดีดังเดิม

ถ้าผมเป็นบี คงขอที่จะไม่รักใครอีกเลยชั่วนิรันดร์
รักมาก ผิดหวังทีก็เจ็บมาก
หากยังริรักอีกไปเรื่อยๆ นานไปใจคงด้าน
มิรู้แล้วว่าความรักหน้าตาเป็นเช่นไร
รู้แต่ว่าเป็นสิ่งที่นำความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน เมื่อถึงคราวโรยรา...


นั่งๆ พิมพ์อยู่ นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา เข้ากับความรู้สึกดีเหมือนกัน
"ฉันเคว้งคว้างและว่างเปล่า ปวดร้าวทั้งเหงาเพียงลำพัง
ความทรงจำไม่เคย...จาง....จากไป
ฟ้าทิ้งฝนมารินหลั่งส่งให้ใจอ้างว้างยิ่งหนาวสั่น
ขาดเธอที่เคยกอดฉันและคอยปลอบโยน
ฟ้าหลังฝนยังคงมืดดำ ยิ่งตอกย้ำลงไป
ย้ำความทรงจำสุดท้าย เสียงเพลงครวญจากชีวิตที่หัวใจแหลกสลาย
คิดถึงเจียนตายก็ไม่มีเธอกลับมา"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2006 21:37:48 โดย beaches »

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จบภาค 1 ยังเศร้าขนาดเนี่ย ภาค 2 ต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ คุณ บลู  :myeye:
 
แต่ยังไงก็ยังอยากอ่านอยู่น๊า       :try2:


ถ้าผมเป็นบี คงขอที่จะไม่รักใครอีกเลยชั่วนิรันดร์
รักมาก ผิดหวังทีก็เจ็บมาก
หากยังริรักอีกไปเรื่อยๆ นานไปใจคงด้าน
มิรู้แล้วว่าความรักหน้าตาเป็นเช่นไร
รู้แต่ว่าเป็นสิ่งที่นำความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน เมื่อถึงคราวโรยรา...


ไม่อยากให้ คุณ beaches คิดยังงี้เลยค่ะ ความรักคงไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอกน๊า 
มันคงต้องมีสักครั้งแหละ ที่เราจะได้เจอความรักที่มั่นคง จริงใจ (แหม ว่าไปได้นะเนี่ย ตัวเองยังไม่เคยเจอเลย  ชาตินี้จะได้เจอรึป่าวยังไม่รู้เลย  :try2:)

abcd

  • บุคคลทั่วไป
นี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าอานุภาพแห่งความรัก สามารถบรรดาลให้เกิดทุกสิ่ง ทั้งสุขและทุกข์ "มหัศจรรย์แห่งรัก"
เราต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับมัน 


รักมีหลายรูปแบบ แต่รักที่บริสุทธ์ของพ่อแม่เป็นจริงแท้และแน่นอนที่สุด  รักโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน (แต่แม่เราบอกว่าถ้าทำงานแล้ว เงินเดือนๆแรกและเดือนต่อๆไปเอามาให้แม่เก็บไว้นะลูก ถ้าลูกเก็บเองเด๋วม่ายเหลือ คิกคิก)

ตอนแรกนึกถึงเพลง...จำชื่อเพลงม่าได้อ่ะ แต่มันร้องประมาณว่า อยู่ดีๆก็อยากร้องไห้.....(ตรงกับเนื้อเรื่องมาก) :monkeysad:


ไม่อาวแระภาคแรก เศร้าเกิน ขอภาค 2ต่อด่วนเรยคุณบลูเรย์




ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จบภาค 1 แล้ว เศร้าจัง  :impress3:

เห็นด้วยกับคุณ beaches เกี่ยวกับทีมมาก ๆ ผู้ชายคนนี้แย่จริง ๆ

ตอนจบประทับใจจริง ๆ เพราะอ่านถึงตอนที่บีกำลังจะกินยาตาย ก็นึกอยู่ว่า "อะไร" จะทำให้บีรอดพ้นจากความทุกข์ครั้งนี้ไปได้

และก็ไม่ผิดหวังเลย "ครอบครัว" คือสิ่งสำคัญที่สุด เป็นสิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งในยามทุกข์และยามสุข

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดี ๆ ที่เอามาให้อ่านกัน และรอภาค 2 อยู่ค่ะ

จะเตรียมผ้าซับน้ำตาไว้ตั้งแต่ตอนแรกเลย

สุดท้ายนี้ ขอบทบาสเยอะ ๆ หน่อยน้า  :like2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ผมเข้าใจความรู้สึกของบีนะบลู

คุณตะแน๋ว เพลงอยู่ดีๆก็อยากร้องให้ของ ตอง ภัครมัยครับ ผมก็ชอบนะครับ

เวลาเราไปในที่ๆ เราเคยอยู่กะเขา เพลงที่เคยฟัง หนังที่เคยดูด้วยกัน มันทำใจไม่ได้เลยนะครับ ที่จะไปเจอภาพเหล่านั้น

เศร้าเจงๆ

เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ





พูห์  :undecided:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ผมมาแสดงความคิดเห็นตามที่สัญญาไว้แล้วนะคับคุณบลู :impress3:

น่าสงสารบีนะ...........ถ้าอยู่แค่ ม.3 จะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
ขนาดผมมาเจอยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอด
เข้าใจความรู้สึกบีเลย.................ร้องไห้ทุกวัน
ไม่อยากร้องมันก็ออกมาเอง.............แล้วก็ต้องไม่หั้ยใครเห็นน้ำตาและได้ยินเสียง
ไม่อยากหั้ยใครเห็นความอ่อนแอของเรา
เดี๋ยวคนอื่นจะมาทุกข์กับเราด้วย..........พ่อแม่และคนรอบตัวจะไม่สบายใจ
หวังว่าสักวันมันจะผ่านไปได้......แต่มันก็ผ่านไปไม่ได้สักที
อยากหนีไปไหนก็ได้หั้ยพ้นๆ.............แต่ก็ไปไม่ได้
ผมเป็นอะไรไม่ได้............ผมต้องอยู่เพื่อพ่อแม่ของผม
...........................
..........................
..........................
เรื่องของความรักบางทีมันก็ไม่มีคำว่าผิดคำว่าถูก
วันไหนยังรักกันอยู่มันก็คือรัก......วันไหนเลิกรักมันก็คือหมดรัก
เราต้องเข้มแข็งยอมรับมันหั้ยได้
แต่บีเขายังดีนะ......ที่มีคน 2 คน ยังเป็นกำลังใจหั้ยเขา
ทั้งที่เขาน่าจะมาซ้ำเติมด้วยซ้ำ.....โดยเฉพาะปอนด์

บางทีสิ่งที่เราเรียกว่ารักมันอาจจะไม่ใช่...........มันแค่ต้องการครอบครอง
บางทีสิ่งที่เราไม่รักมันอาจจะคือรัก................เพราะเราขาดมันไม่ได้
ถ้าคิดจะรัก..............ต้องพร้อมที่จะทุกข์
เผื่อว่าวันนึงมีอะไรเกิดขึ้น...............จะได้ยืดออกรับกับมัน

ขอบคุณ "คุณบลู" ที่เอาเรื่องดีๆมาหั้ยอ่าน
จะรออ่านภาค 2 นะคับ.............. :angellaugh2:

หวังว่าบีจะเข้มแข็งขึ้น............เหมือนที่ผมผ่านมันมาได้และ..........เข้มแข็งขึ้นแล้ว :yeb:







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เศร้าจริง ๆ เลย  สงสารบีมาก ๆ สงสารจริง ๆ  ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไงมากน้อยแค่ไหน  เพราะเป็นคนที่ไม่เคยทุ่มความรักไปให้ใครแบบหมดใจซะที  ยังไงก็ยังรักตัวเองก่อนเสมอ  แย่จัง  บางครั้งเคยคิดนะตอนอ่านเรื่องเศร้าแล้วอยากเศร้า อยากรันทดร้องไห้แบบนี้บ้าง  เหมือนบางทีชีวิตมันสมบูรณ์แบบเกินไป  ทำไมคิดแบบนี้ก็ไม่รู้  แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน   

แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้ว  อืม... ความรักมันทำร้ายคนได้เหมือนกันนะ  ความรู้สึกเจ็บมันเป็นยังไง  ตอนที่บีคิดจะกินยาตาย  ตกใจเลย  แต่สุดท้ายความรักของแม่ ครอบครัวยังไงก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์เสมอ  รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  ที่จริงสิ่งที่ทุกคนบอกบีมาตลอดมันก็ถูกนั่นแหละ  เวลามันช่วยได้  แต่ต้องมีกำลังใจจากตัวเอง แล้วก็ความรักจากใครสักคนที่จะมาช่วยเราได้   หวังว่าใครอ่านเรื่องนี้แล้ว  เวลาอกหัก เสียใจไม่ว่าจากเรื่องอะไรก็ตาม  คิดถึงความรักจากคุณพ่อ คุณแม่  ครอบครัว ใครก็ได้ที่ทำให้เรามีวันนี้นะคะ   :impress3:

สุดท้ายแล้ว  ยังไงก็ยังไม่เข้าใจทีมอยู่ดีนั่นแหละ  มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้หน่อยนะ  ทำไมกับเรื่องที่จะไปชอบคนใหม่ทำให้คนเราเป็นไปได้ขนาดนี้อะ  ไม่เข้าใจอะ ยังไงก็น่าจะต้องบอกกันบ้าง  มาเคลียร์กันให้เรียบร้อย คนเคยรักกันขนาดนี้ มาบอกว่าคนนั้นว่าอย่างงั้น  อย่างงี้  เพื่อหาเหตุผลเลิกนี้มันไม่แฟร์เลยวะ  ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นนี่  แบบนิสัยโครตเลย   เฮ้อ  พอละ  รอลุ้นคนอื่นดีกว่า   อิอิ 

รอตอนต่อไปน้า  ทำตาละห้อย   :impress:

ปล  ก๊อปแก๊บเขียนได้ดีนะ  ว่าแต่อะไรทำให้เข้มแข็งขึ้นเอ๋ย   :untrust: 

moopai

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านอยู่นะจ๊ะรีบเอามาลงต่อนะ จะรอ จะรอ ทุกวัน :yeb:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคับ ที่เอามาโพสใหม่ เพราะผมตามหาภาค 1 อยู่เหมือนกัน ลืมเซฟไว้ 

 เป็นนิยายสุดยอดในดวงใจอีกเรื่อง  เพราะฉะนั้นขอ save as ที่คุณมาโพสไว้นะครับ

เรื่องนี้อ่านกี่รอบก็ต้องยอมเสียน้ำตาให้ทุกที  ไม่อยากคิดถึงภาค 2 เลย เศร้า T T มากๆ

อ้อ ผมเพิ่งไปเข้าบอร์ดปาล์มมา คุณนัทนทีคนเขียน เขาอนุญาตให้คุณโพสแล้วนะคับ

ผมกำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอาไปโพสไปที่อื่นด้วยดีป่าว อยากให้คนอ่านเรื่องนี้เยอะๆ


FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
จบบริบูรณ์  เฮ้ๆๆ

จบภาคหนึ่งแล้วต่อภาคสองเลยนะครับ

อยากอ่านๆๆ  สงสารบีจัง

เกลียดทีมขึ้นมาจับใจ  ทำไมเลวได้ใจอย่างงี้เนี่ย




ปล. ภาคสองจะมีปอนด์มั๊ยเนี่ย

ปลล.  คุณบลูคนชื่อปอนด์น่ารักทุกคนรึป่าวไม่รู้นะ  รู้แต่ว่าคนชื่อฟลุคน่ารักทุกคนครับ



ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
beaches  อย่าพึ่งคิดแบบนั้นนะครับ ไม่ใช่ว่าทุกข์คนจะต้องเจอแบบนี้เสมอไป
อย่างน้อยก็เรื่องภูผา ฟ้าลั่น คงจะทำให้เห็นว่าความรักสวยงามเพียงไรนะครับ

GoneOn  สู้เขา เอิ้กๆ

ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว อย่างน้อยเขาก็ได้รู้จักความรักว่ามันเป็นอย่างไร

shell  แหะๆมันอาจเกิดจากการยังไม่รู้คำว่ารักนะครับ

 Subson  ดีจายด้วยนะครับ ที่เคยรักใครมากมาย ผมก็เคยและไม่เคยเสียจายเลย อย่างน้อยก็เคยดีจายที่หัวใจนี้เคยมีรัก

][GobGab][  ถ้าทุกคนเรียนรู้จักคำว่ารัก ก็จะเหมือนรักที่มีแต่ให้

มูมู่น้อย ทุกคนคงเคยผ่านมันมาหมด โชคดีที่บีมีกำลังจายที่ดี

moopai มาอ่านทุกวันนะครับ เอิ้กๆ

kirati69  ขอบคุณนะครับ คิกคิก ข้างหลังภาพหรือ

FlukeHub อ่ะน่ารักเจงเหยอ เอิ้กๆ มาหลอกเราน้า 

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 1 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เสียงเรือหางยาวที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องชมความงามของทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากภวังค์หลังจากที่ผมมายืนนิ่งทอดสายตาไปเบื้องหน้าเหมือนคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน และเมื่อผมเหลือบไปดูนาฬิกาที่ข้อมือก็ต้องตกใจที่พบว่าตัวเองมายืนนิ่งอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้ว

ดูเหมือนวันเวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ เพราะนับจากวันที่ผมต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆในวัยเด็ก บัดนี้ผมก็เติบโตจนกลายเป็นหนุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว

หลายปีที่ผ่านมา ผมมักมายืนนิ่งอย่างสงบที่ลานปรีดีแห่งนี้ เพราะผมรู้สึกว่าความสวยงามของแม่น้ำและสายลมอ่อนๆ ในยามเย็นของที่นี่ทำให้จิตใจของผมสงบแถมยังช่วยเยียวยาความปวดร้าวจากอดีตของผมได้

ผมเคยคิดมาตลอดว่าถ้าผมได้มาใช้ชีวิตให้ห่างไกลจาก “ทีม” มากๆ ผมก็คงจะลืมเขาได้ในสักวันหนึ่ง
แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมันกลับตรงกันข้าม เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยทั้งที่ท่าพระจันทร์และรังสิต ผมยังคงร้องไห้เพราะคิดถึงทีมเสมอทั้งในยามหลับ และ ยามตื่น

คงมีแค่ช่วงนี้เท่านั้น ที่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยร้องไห้เพราะ “ทีม” อีกเลย ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มคิดว่า “เวลา” คงช่วยเยียวยาหัวใจของผมให้หายสนิทได้ในที่สุด

แต่ต่อให้มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าผมต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเต็ม กว่าที่ผมจะลืมผู้ชายคนหนึ่งได้อย่างสนิทใจ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภาพชีวิตในอดีตที่ผ่านมาของผมก็ค่อยๆฉายชัดขึ้นมาในใจผมอีกครั้ง

ในวันนั้นหลังจากที่ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะจบชีวิตตัวเองลงเพราะคำพูดและน้ำตาของแม่ ผมก็กลับมามุ่งมั่นให้กับการเรียนอีกครั้งและพยายามจะเอาตัวรอดจากวิกฤติชีวิตในครั้งนั้นมาให้ได้

จนในที่สุดผมก็สามารถสอบผ่านเข้าเรียนในห้องคิงของชั้น ม. 4 ได้ตามความปรารถนา ในขณะที่ทีมกลับพลาดท่าตกไปอยู่ห้องของนักเรียนทั่วๆไป

ในตอนนั้นแม้ผมกับทีมจะอยู่ต่างห้องกัน แต่ผมก็ยังต้องพบเจอกับเขาบ่อยครั้ง เพราะแม้จะอยู่กันคนละห้องแต่ความเป็นเพื่อนของกลุ่มของผมกับกลุ่มของทีมก็ไม่ได้มลายหายไปด้วย พวกเขาจึงมักจะรวมตัวกันมาคุยกับผมและเพื่อนๆ ที่ห้องเสมอ

เมื่อสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนั้น ผมจึงรู้ดีว่าทางออกของผมคงมีแค่ทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่ผมจะได้หนีไปจากผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ เสียที

ดังนั้นผมจึงขะมักเขม้นเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเอาจริงเอาจัง แม้หลายๆครั้งที่ผมทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย แต่เมื่อนึกถึงว่าถ้าผมไม่พยายามและอดทน ผมก็จะต้องติดหล่มอยู่กับ “ทีม” อย่างเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ต่อไป

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ผมก็จะเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็หันมาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไปทั้งน้ำตาซึ่งมักจะไหลลงมาอย่างเจ็บปวดเสมอ

ในตอนนั้นวิธีหนึ่งที่ผมนำมาใช้เพื่อปลอบใจตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นก็คือการพยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า...... “ทีม” ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

เขาไม่ได้ทิ้งผม เขาไม่ได้เลิกรักผม เขาเพียงแต่จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่ได้กล่าวลา

โชคดีที่ในขณะที่ผมพยายามจะบอกตัวเองอย่างนั้น ทีมเองก็ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยตอกย้ำความคิดนี้ของผมด้วย เพราะนับตั้งแต่วันที่เขาทิ้งผมไปในคราวนั้น

....ทีมก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน...

ในช่วงเทอมที่ 2 ที่พวกเรากำลังเรียนในชั้น ม. 4 นั้นเองที่ผมได้ข่าวว่าทีมได้เลิกรากับเกรซแล้วโดยเขาได้ทิ้งเกรซไปมีผู้หญิงคนใหม่

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ทิ้งผู้หญิงคนนั้นแล้วหันไปควงกับเด็กผู้หญิงรุ่นน้องอีกคน

นับตั้งแต่นั้นข่าวที่ทีมเปลี่ยนแฟนเป็นคนนั้นคนนี้ก็มาเข้าหูผมเรื่อยๆจนผมชักไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วในตอนนั้นเขามีแฟนชื่ออะไรกันแน่

จนในที่สุดวีรกรรมของทีมก็เลยเถิดไปจนถึงขั้นที่ว่าเขากำลังแอบคบอยู่กับทั้งผู้หญิง ทั้งเกย์ ที่อยู่ทั้งในโรงเรียนเดียวกัน และต่างโรงเรียนพร้อมๆ กันถึง 2 – 3 คน

ดูเหมือนหลังจากที่พี่ปอนด์จบออกไป ในที่สุดโรงเรียนของเราก็ได้ “หนุ่มเพลย์บอย” คนใหม่ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าคนๆนั้นจะเป็น.....ทีม

ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่า....

ทีมที่เคยบูชาและเชื่อมั่นในความรัก คงได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ….

ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เร็วๆ เพราะผมไม่สามารถทนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทีมได้

นอกจากนั้นทุกครั้งที่ผมเจอกับเขา ทีมก็ยังคงมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับผมเลย เขายังคงทั้งกัด ทั้งแขวะผมให้เจ็บปวด และมองผมด้วยสายตาเคียดแค้นตลอดเวลา

แม้หลายครั้ง ผมจะอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า...ในแววตาที่ทีมมองผมด้วยความเคืองแค้นนั้น มันกลับมีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ ราวกับว่าเขายังคงรักและอาลัยอาวรณ์ผมอยู่ แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าเขาจะยังคงรักผมอยู่หรือไม่ ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจทิ้งผมไปแล้ว

เขาทิ้งผมไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษ และบอกกล่าวถึงเหตุผลที่แท้จริง

ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ผมสามารถหนีไปจากเขาได้เร็วๆ และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จเมื่อผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ ม. 5

ทันทีที่รู้ข่าวผมรู้สึกดีใจมากที่ผมสามารถสอบเข้าคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมใฝ่ฝันได้ ที่สำคัญผมกำลังจะได้ไปให้พ้นจากทีมได้จริงๆ เสียที

แต่เมื่อใกล้ถึงวันที่ผมจะต้องเดินทางมารายงานตัวที่กรุงเทพฯ จริงๆ หัวใจของผมกลับยิ่งรู้สึกหดหู่และเศร้าสลดเมื่อคิดถึงว่าผมคงจะไม่ได้เห็นหน้าของ “ทีม” อีก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ผมจะต้องฝืนพบเจอกับทีมด้วยความเจ็บปวด แต่ลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกดีใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าเขาจะยังรักผมหรือไม่ก็ตาม

แต่การจากไปในครั้งนี้ของผม อาจจะทำให้เราไม่ได้เจอกันอีกเลยตลอดชาตินี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมจึงตัดสินใจที่จะไปปรับความเข้าใจกับเขา

อย่างน้อยๆ เราก็น่าจะจากกันไปด้วยความรู้สึกดีๆ ไม่ใช่ความหมางเมินอย่างที่เป็นอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ผมจะไปหาเขาเข้าจริงๆ ผมก็กลับไม่กล้าเพราะผมกลัวว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผมคงจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ในเมื่อผมเคยสัญญากับทีมเอาไว้แล้วว่าผมจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นอีก ผมก็ควรจะรักษาสัญญานั้นยิ่งชีวิต ผมจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปปรับความเข้าใจกับเขาในที่สุด

แต่ดูเหมือนผมจะไม่ใช่คนเดียวที่อยากจะให้เรื่องของผมกับทีมจบลงด้วยความเข้าใจ เพราะก่อนวันที่ผมจะเดินทางไปกรุงเทพฯเพียงไม่กี่วัน ทีมก็มาหาผมที่บ้าน

ในตอนนั้นเขามีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วเขาก็ได้แต่ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“โชคดีนะ”

เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบหันหลังเดินกลับออกไปทันทีโดยทิ้งผมให้ยืนอยู่อย่างเจ็บปวดพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อคิดถึงว่าผมกับทีมต้องจากกันไปทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ

บางทีมันคงเป็น “กรรม” ที่ผมทำไว้กับทีมในชาติที่แล้ว ดังนั้นเมื่อผม “ตัดกรรม” ไม่ขาด ผมจึงต้องมาพบกับความทุกข์ทรมานในชาตินี้

แต่ต่อมา....เมื่อผมมาลองใช้เวลากับตัวเองและคิดทบทวนอย่างมีสติอีกครั้ง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องของ.. “กรรม”

ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสของผมทั้งหมดไม่ได้เกิดจากการที่ผม “ตัดกรรม” ไม่ขาด หากแต่เป็นเพราะผม “ตัดใจ” จากทีมไม่ได้ต่างหาก

ถ้าหากผมเพียงแต่จะ “ตัดใจ” จากทีมได้ผมก็คงจะมีโอกาสพบความสุขเหมือนคนอื่นๆไปนานแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น...ผมจึงตัดสินใจที่จะทิ้งเรื่องราวของผมกับทีมไว้เบื้องหลังพร้อมๆกับความตั้งใจที่ว่า....ผมจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุงเทพฯ

แต่นั่นคงเป็นความคิดที่ดูถูกความมั่นคงในความรักของตัวเองเกินไป เพราะเอาเข้าจริงผมกลับไม่เคยได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครเลย

ความรักของผมที่มีต่อทีมมันได้ฝังแน่นเกินว่าที่ผมจะถอดถอนหรือทำลายมันได้ และเอาเข้าจริงแล้ว...ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน...ทีมก็ไม่เคยอยู่ห่างไกลจากตัวผมเลย

เขายังคงอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้

ทีมยังคงอยู่ในใจผมตลอดเวลา และคงจะยังอยู่อย่างนี้ต่อไปตราบจนลมหายใจสุดท้าย

ความรู้สึกเช่นนี้เองที่ทำให้ผมไม่สามารถเปิดใจให้กับใครได้แม้จะมีโอกาสเข้ามาหาผมหลายครั้ง

แต่ถึงกระนั้นผมก็เคยพยายามให้โอกาสตัวเองกับผู้ชาย 2 คนที่เข้ามาในช่วงที่ผมเรียนปีหนึ่ง และปีสอง

แต่ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์ของเราได้ก้าวหน้าจนเกือบจะก้าวพ้นคำว่าเพื่อน ผมก็ตัดสินใจเดินถอยออกมาทุกครั้งเพราะความรู้สึก.... “กลัว”

ผมกลัวจะถูกทิ้ง ผมกลัวความเจ็บปวด ผมกลัวความผิดหวัง ผมกลัวว่ารักของผมจะไม่ยั่งยืน

ในที่สุด...ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตก็ได้ทำให้ผมกลายเป็นคน “กลัวความรัก” ไปเสียแล้ว

เสียงเรือหางยาวอีกลำที่พานักท่องเที่ยวเฉียดมาใกล้ทำให้ผมคืนสติสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อได้สติผมก็พยายามข่มตาลง แล้วสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไป รวมทั้งพยายามตั้งสติบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว

ผมค่อยๆหันหลังกลับแล้วไปกราบแสดงความเคารพต่อนุสาวรีย์พ่อปรีดี พนมยงค์ แล้วจึงเดินตัดไปทางตึกโดมก่อนจะเลี้ยวขวาไปยังประตูทางออกของมหาวิทยาลัยตรงคณะศิลปศาสตร์

หลังจากเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินต่อไปยังท่าเรือตรงฝั่งท่าพระจันทร์เพื่อจะใช้เรือข้ามฟากไปยังฝั่งศิริราชเพราะนี่ก็ใกล้เวลานัดหมายมากแล้ว

ในช่วงปิดเทรมใหญ่หรือซัมเมอร์อย่างนี้ ผมมีวิชาเรียนแค่ 2 ตัวจึงทำให้ผมมีเวลาว่างเหลือเฟือที่จะไปทำงานพิเศษ ซึ่งในปิดเทอมนี้ผมได้เลือกไปทำงานด้านเอกสารที่โรงพยาบาลศิริราชเนื่องจากเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก

เมื่อผมเดินทางไปถึงก็ได้เห็นความแออัดจอแจของทั้งผู้ป่วย แพทย์ และพยาบาลที่เดินไปมากันอย่างขวักไขว่ ผมรีบเดินต่อไปโดยพยายามไม่หันไปมองดูผู้คนที่อยู่รอบตัวเนื่องจากไม่อยากเห็นสภาพที่น่าหดหู่ของผู้ป่วยที่นั่งรอ นอนรอการรักษาอยู่เต็มบริเวณ

แต่ในขณะที่ผมกำลังรีบเดินไปยังห้องธุรการเพื่อติดต่อเรื่องงานพาร์ทไทม์นั้นเองที่ภาพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีบุรุษพยาบาลเข็นผ่านหน้าผมไปนั้นได้ทำให้ผมถึงกับต้องหันไปมองเขาแทบจะในทันที

ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาแบบเซอร์ๆ ไว้เคราพองามรับกับใบหน้ารูปไข่และผมยาวสลวยที่ถูกรวบไปมัดไว้ด้านหลังอย่างหยาบๆ แบบที่บรรดาศิลปินหรือจิตรกรนิยมทำกัน

แต่กระนั้นจุดที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดึงความสนใจไปจากผมได้ก็ไม่ใช่มาจากรูปร่างหน้าตาที่ดูหล่อเหลา หรือ มาดเซอร์ๆ ของเขา

หากแต่ในแวบหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้ถูกบุรุษพยาบาลเข็นผ่านหน้าผมไปนั้นได้ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่ผมไม่ได้เจอมานานแสนนาน

ผมจึงตัดสินใจเดินตามผู้ชายคนนั้นไปจนเห็นเขากำลังนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีผู้หญิงมีอายุท่าทางภูมิฐานยืนอยู่ข้างๆ หน้าห้องรอรับยาและชำระเงิน

ยิ่งมองเขาจากด้านข้างผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนเก่าที่ผมรู้จักแน่ๆ ผมจึงลองเสี่ยงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามเขาออกมาตรงๆ

“บาส.......ใช่บาสหรือเปล่า”


1234

  • บุคคลทั่วไป
ก่อนอื่นต้องขอโทดคุณบลูด้วยนะคับ ที่แอบอ่าน ภาค แรกมา แบบเงียบ ๆ


คราวนี้ก้อคงจะถึงเวลาสักที ที่ผมจะต้องก้าวออกมา เพื่อตอบสนอง ของผู้โพสนะคับ

ดีใจมาก ๆ เลยคับ


ดีใจ ที่ บี เค้า เจอบาส  แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เนี่ยยยย รอติดตามนะคับ  ใจเย็น ๆ นะคับไม่ต้องรีบโพสเร็ว

แหะๆ  ผมตามไม่ทันครับ  แต่จะพยายามอ่านเรื่อย   ๆ  นะคับ   อย่าว่าผมนะ ที่ไม่ได้ โพส เมื่อภาคแรก

รอคับ  รอภาคสอง จาก คุณบลูคับผม :seng2ped:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :yeb: ตาบาสมาแล้ว

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
  :angellaugh2: บาสมาแล้ว   :angellaugh2: ไชโย  :like2:  :like2:

สงสัยเราจะดูถูกความรักของบีไปหน่อย เพราะแอบคิดว่าภาคสอง เนื้อเรื่องคงอยู่ตอน ม. ปลาย
แต่กลับไปเริ่มตอนปี 3 แทน  5 ปี เชียวเหรอนี่ ความรักของบีมั่นคงจริง ๆ  :monkeysad:

ตอนแรกนี่ผู้เขียนบรรยายถึงเหตุการณ์ในช่วง 5 ปี ได้ดี มองเห็นภาพเลยว่า บีต้องสู้ ทน ฝ่าฟัน อุปสรรคอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ ประทับใจมากเลย  :myeye:

มาต่อเร็ว ๆ น้า อยากรู้ว่าบาสจะเป็นไงมั่ง  :impress:


ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 ตกลงใช่บาสรึป่าว คุณบลู  :serius2:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ว ขึ้นภาค 2 แล้วหรือนี่  จะอ่านอีกรอบดีมั้ยน๊า

กล้วทำจัยไม่ด้ายยยยยย T T

ปล. ใช่แล้วค้าบบบบ เอาชื่อมาจากข้างหลังภาพนั่นแหละคับ ชอบเรื่องนี้มาก


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด