[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 246151 ครั้ง)

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วสิ่งที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้ดีที่สุดก็คงเป็น..."เวลา" :impress3:

ถึงแม้มันจะนานแค่ไหนก็ตาม.......................................................

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เวลามันก็ไม่ช่วยได้เสมอไปหรอกน้องถุง

ถ้าคนเรายังไม่ยอดตัดใจ เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ

พี่พูห์ :undecided:

momoki

  • บุคคลทั่วไป
ภาค 2 มาแว้ว เจ็บ จี๊ดดดดดดดดดดดดด
 :monkeycry2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มีแต่คนเชียร์บาสกันอีกแย้ววววว   อิอิ

ต่อเรย ต่อเรย  รออ่านอยู่ค้า  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
{{DoraemoN}}  แค่ได้อ่านผมก็ดีจายแล้วครับ ไม่รู้สิเวลาเจอสิ่งดีๆผมก็อยากให้เพื่อนๆได้เจอด้วยอ่ะครับ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) อิอิ เชียร์กันอย่างพิมว่าเลยคิกคิก

shell  คนเกิดมาคู่กัน แม้ห่างไกลกันสุดขอบฟ้า ผ่านเวลามาเนิ่นนาน เขาก็จะมีคนนั้นในใจตลอดกาล
เพียงแต่อาจจะช่วยเยียวยารักษาแผลของหัวใจไม่ให้บอบช้ำ แต่ไม่มีวันที่จะลืมสิ่งสวยงามในหัวใจ

GoneOn  จะให้ผมบอกจริงๆหรือครับ

kirati69  ผมก็ชอบข้างหลังภาพมากเช่นกัน

][GobGab][  คงต้องอดทนรับมันไว้ และสู้ต่อไป ชีวิตยังอีกยาวไกล คนที่เกิดมาคู่เราคงรอเราอยู่ สักทีบนโลกนี้

Subson  เขาเคยบอกว่าเวลาจะช่วยรักษาแผลใจ แต่ฉันรู้ว่าไม่ใช่ ไม่รู้ทำไม ไม่ลืมเธอ

momoki  ผมว่าเจ็บไม่จี๊ดหง่ะ มันเจ็บแบบรวดร้าวเลยทีเดียว

มูมู่น้อย  แล้วตกลงเชียร์ใครแล้วพิม คิกคิก

******************************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 2 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังสิ้นเสียงถามของผม ผู้ชายคนนั้นก็หันกลับมามองหน้าผมด้วยสายตาตกตะลึงอย่างที่สุดแล้วอุทานออกมาเบาๆว่า

“....บี !!!!...”

การที่เขารู้จักชื่อผมและเรียกมันออกมาอย่างถูกต้องย่อมเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นบาสแน่ๆ ผมจึงรีบตอบกลับไปอย่างดีใจ

“ บาสจริงๆด้วย เซอร์จนเกือบจำไม่ได้แน่ะ”

“เอ่อ...คือ......”

“นี่...เป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องทำหน้ายังกะเห็นผีอย่างนั้นด้วย”

ผมถามบาสกลับไปเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนยังไม่หายจากอาการช็อคของเขา

“ปล่าวหรอก แค่ไม่คิดว่าจะมาเจอบีที่นี่”

“อืม เราก็เหมือนกัน แล้วตอนนี้บาสเรียนที่ไหนเหรอ”

“ศิล...ศิลปากร”

บาสยังตอบแบบตะกุกตะกักเหมือนยังไม่หายตื่นเต้น

“ที่ท่าพระเนี้ยเหรอ โห ใกล้กันแค่นี้เอง ไม่เห็นมาเยี่ยมกันบ้างเลย”

“เอ่อ...คือ...เอ่อ..”

ท่าทีอึกอักของบาสเริ่มทำให้ผมรู้สึกประหม่าเพราะดูเหมือนเขากำลังขัดเขินอย่างมากที่ได้เจอผม หรือว่าความห่างเหินในหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาไม่สามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผมได้เหมือนเก่า

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดเช่นนั้นเองเสียงของผู้หญิงที่ยืนข้างๆบาสก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“เพื่อนของบาสเหรอลูก ?”

เสียงของผู้หญิงคนนี้ได้เตือนสติให้ผมรู้ว่าผมกำลังเสียมารยาทอย่างมากที่เอาแต่คุยอยู่กับบาสจนลืมไปว่าบาสมีญาติผู้ใหญ่มายืนอยู่ด้วย ผมจึงรีบยกมือขึ้นไหว้เพื่อแสดงความเคารพ

“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนบาสตั้งแต่ ม.1 คับ”

“อ๋อเหรอ สวัสดีจ้า มารยาทดีเสียด้วย ชื่ออะไรจ๊ะ”

“ชื่อบีคับ”

“บีเหรอ....เอ้..ทำไมแม่คุ้นชื่อนี้จังเลย…...อ๋อ...นึกออกแล้ว ใช่บีคนเดียวกับที่บาสชอบพูดถึงบ่อยๆมั้ยลูก”

คำถามของผู้หญิงคนนั้นทำให้บาสถึงกับมีสีหน้าตกใจอย่างที่สุด แล้วก็รีบปฏิเสธออกมาว่า

“แม่...ไม่ใช่สักหน่อย”

“ไม่ใช่ยังไง ก็ตอน ม.1 ม.2 บาสชอบพูดถึงเพื่อนชื่อ “บี” ให้แม่ฟังบ่อยๆนี่ลูก บีดีอย่างนั้น บีเก่งอย่างนี้ ได้ข่าวว่าเป็นนักเรียนดีเด่นด้วยใช่มั้ยลูก” แม่ของบาสหันมาถามผม

“ชะ ชะ ใช่คับ”

ผมตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกักเพราะกำลังตกใจที่ได้รู้ว่าบาสเอาเรื่องของผมไปเล่าให้แม่เขาฟังตลอดเวลา

“เห็นมั้ยล่ะ แหมเพิ่งได้มาเจอตัวจริงวันนี้เอง ตอนนั้นแม่ยังเคยบอกให้เขาชวนบีมาเที่ยวบ้านอยู่บ่อยๆเลยนะลูก แต่ก็ไม่เห็นเขาจะชวนมาซะที เห็นจะมีแต่เพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อ “ทีม” นี่ล่ะที่มาที่บ้านเป็นประจำ”

“แม่....พอเถอะ”

บาสรีบขัดจังหวะแม่ของเขาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของผมเมื่อได้ยินชื่อของทีม

“วันนี้เป็นอะไรเนี้ย ทำไมชอบขัดแม่จังเลย”

แม่ของบาสหันไปดุเขาอย่างเอ็นดูแล้วก็กลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“แล้วตอนนี้บีเรียนที่ไหนเหรอลูก”

“ที่ธรรมศาสตร์นี่เองคับ”

“เก่งจัง บาสเขาก็เรียนที่ศิลปากรใกล้ๆกันนั่นแหละ เรียนคณะจิตรกรรมอะไรนี่ล่ะ ก็ดูเขาแต่งตัวสิ ไว้ผม ไว้เครายังกับกลัวว่าคนจะไม่รู้ว่าเป็นศิลปิน”

“ฮึ ฮึ คับ”

ผมพยักหน้าอย่างขำๆ ต่อคำพูดเสียดสีของแม่ของบาส แต่กระนั้นผมก็จับน้ำเสียงภาคภูมิใจในคำพูดนั้นได้

“แล้วนี่บาสเขาเป็นอะไรเหรอคับ ”

“อ๋อ เขาก็ขี่มอเตอร์ไซด์เวสป้าคันเก่งของเขาแล้วไปเสียหลักล้มลงน่ะจ๊ะ กระดูกข้อเท้าร้าวนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว”

“อ๋อคับ สงสัยจะมัวแต่เหล่สาวจนเพลิน”

“นั่นสิ แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่ก็คงได้แค่เหล่ล่ะมั้งเพราะแม่ยังไม่เคยเห็นเขาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที หรือว่าจะเป็นเกย์เสียแล้วก็ไม่รู้”

คำพูดของแม่ของบาสทำให้ผมกับเขาถึงกับสะดุ้ง แต่บาสกลับเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดขึ้นมาก่อน

“แม่พอเถอะ ตกลงเขาเป็นเพื่อนผมหรือเพื่อนแม่เนี้ย พูดไม่หยุดเลย”

“นั่นสิ ตายจริง แม่พูดเยอะไปหรือเปล่าจ๊ะ”

“ปล่าวคับ ผมว่าคุณป้าคุยสนุกดี”

“แหม ขอบใจนะจ๊ะ พอดีแม่เป็นเซลล์ขายประกันน่ะจ๊ะก็เลยติดพูดมากไปหน่อย เอ้ แล้ววันนี้บีเป็นอะไรเหรอลูก ไปให้หมอตรวจมาหรือยัง”

“อ๋อ ปล่าวหรอกคับ พอดีบีจะมาสมัครทำงานพิเศษที่นี่ ช่วงปิดเทอมมันว่างจัดเลยมาหาเงินดีกว่า”

“จริงเหรอ เป็นเด็กดีจริงๆ แต่ เอ้ ถ้าจะหางานทำ งั้นมาช่วยแม่ดูแลบาสได้มั้ย”

“ดูแลบาสเหรอคับ ?”

“พอดีแม่ต้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศสัก 2 – 3 อาทิตย์น่ะจ๊ะ กำลังเป็นห่วงบาสเขาอยู่พอดี กลัวว่าจะไม่มีใครดูแล จะจ้างพยาบาลก็มีแต่สาวๆ แม่ก็เลยเป็นห่วง จะไปจ้างคนนอกแม่ก็ไม่ค่อยไว้ใจ กลัวของในบ้านจะหาย แต่ถ้าเป็นบี แม่คงสบายใจหายห่วงได้”

“เอ่อ คือ...”

“นะจ๊ะลูก ช่วยแม่หน่อย ส่วนเรื่องค่าตอบแทนไม่ต้องห่วงนะ รับรอง...แม่ให้ดีกว่าที่นี่แน่”

“อ๋อ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกคับ แต่บีไม่เคยดูแลคนป่วย”

“อ๋อเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ เพราะบาสเขาก็พอเดินได้แล้ว บีแค่บังคับเขาให้ทานยาให้ตรงเวลา แล้วก็มาเป็นเพื่อนเขาตอนมาทำกายภาพบำบัดบ้างเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ”

“เอ่อ คือ...”

“แม่ไม่ต้องขอร้องเขาหรอก คนเขาไม่อยากมา แม่จะไปบังคับฝืนใจเขาทำไม แล้วอีกอย่างบีเขาก็คงไม่อยากมาอยู่กับผมหรอก”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่านั่นถือเป็นคำพูดท้าทาย ผมจึงตัดสินใจบอกไปว่า

“ตกลงคับ บีจะช่วยดูแลบาสให้”

“จริงหรือจ๊ะ ขอบใจมากนะลูก แม่จะได้หายห่วงซะที”

แม่ของบาสรีบเข้ามากอดผมอย่างดีอกดีใจ ในขณะที่บาสเองกลับได้แต่หลบหน้าผมด้วยความรู้สึกเขินๆ

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แม่ของบาสก็ได้แจ้งว่าเธอจะต้องบินไปในคืนนี้เลยพร้อมทั้งขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ที่ทุกอย่างมันกะทันหันขนาดนี้

ในตอนนั้น....เมื่อผมได้ตอบตกลงไปแล้วว่าผมจะรับดูแลบาสให้ผมจึงได้แต่รีบกลับไปที่หอพักแล้วเก็บเสื้อผ้าตามไปที่บ้านของบาสในตอนดึกอย่างไม่มีทางเลือก เพราะแม่ของบาสได้ขอร้องให้ผมไปค้างอยู่ที่บ้านของเธอเลยจนกว่าเธอจะกลับมา

ในตอนดึกของวันนั้นผมก็เดินทางมาถึงบ้านของบาสตามแผนที่ที่เขาเขียนไว้ให้ และเมื่อมาถึง....แม้ในความมืดผมก็เห็นได้ชัดว่าบ้านไม้แบบโบราณที่อยู่เบื้องหน้านี้มีความสง่างามและบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ขนาดสองชั้นตามอย่างบ้านผู้ดีมีอันจะกินในยุคโบราณที่ผมเห็นบ่อยๆในละครพีเรียดทางทีวี เท่าที่เห็นอายุของมันคงมากโขแต่สภาพตัวบ้านก็ยังได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี ตั้งแต่รั้ว ประตู หน้าต่าง ล้วนแล้วแต่มีการแกะสลักอย่างวิจิตร อาณาบริเวณบ้านก็กว้างขวางเต็มไปด้วยพรรณไม้ร่มรื่น และมีศาลาพักผ่อนวางไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว

ทั้งหมดที่ผมเห็นนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า...ดูท่าคุณแม่ของบาสคงจะไม่ใช่แค่เซลส์ขายประกันระดับธรรมดาเสียแล้ว

หลังจากชมความงามของตัวบ้านจากภายนอกสักระยะผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน ซึ่งเพียงไม่นานแม่ของบาสก็รีบออกมาต้อนรับและพาผมเข้าบ้านอย่างกุลีกุจอ

“เข้ามาเลยจ๊ะ เหนื่อยหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำให้นะ”

พูดจบแม่ของบาสก็เดินเข้าไปในครัว ทิ้งผมให้ยืนชมความงามในตัวบ้านที่ถูกตกแต่งไว้เป็นอย่างดีแถมยังมีตู้ถ้วยชามเบญจรงค์และเครื่องชามสังคโลกประดับตกแต่งไว้ทั่วบ้านอย่างเป็นระเบียบ

ผมกวาดตาไปทั่วจนเห็นบาสนั่งอยู่บนรถเข็นข้างโต๊ะทำงานไม้สัก และดูเหมือนเขาพยายามจะหลบตาผมอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อผมกำลังจะเอ่ยทัก แม่ของบาสก็เข้ามาเสียก่อน

“มาแล้วจ๊ะ นี่จ๊ะน้ำ”

“ขอบคุณคับ”

“ทำไมมาถึงดึกนักล่ะ รู้มั้ยบาสเขารอบีอยู่ทั้งวันเลยนะ”

“อะไรนะคับ”

ผมพูดแล้วรีบหันไปมองบาสอย่างสงสัยว่าเขาจะมารอผมทำไมกัน ในขณะที่บาสรีบปฏิเสธสวนมาทันควัน

“รอที่ไหนแม่ ใครรอ อย่ามามั่วน่า”

“มั่วเม่อที่ไหน ไอ้ที่แกมานั่งชะเง้อชะง้าอยู่ตรงหน้าประตูบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายโดยไม่ยอมขยับไปไหนน่ะเขาเรียกว่าอะไรล่ะย่ะ”

แม่ของบาสหันไปเถียงเขาแล้วก็หันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“อย่าไปสนใจมันเลยจ๊ะ ยังไงแม่ฝากบาสด้วยนะลูก สงสัยแม่ต้องไปแล้วล่ะ”

“ครับ ขอให้สนุก เดินทางปลอดภัยนะคับ”

“จ้า แม่ฝากบาสด้วยนะลูก แล้วคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของบีแล้วกัน”

“คับ ขอบคุณคับ”

พูดจบ ผมก็ไปช่วยแม่ของบาสยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกไปหน้าบ้าน แล้วก็ช่วยเรียกแท็กซี่จนแม่ของบาสเดินทางไปสนามบินได้อย่างเรียบร้อยในที่สุด และเมื่อเข้ามาในบ้านผมก็เห็นบาสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยมีสีหน้าขัดเขินเป็นอย่างมาก

“จะนอนเลยหรือเปล่า” ผมถามบาสขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้ว

“อะไร อยู่ดีๆ ก็มาชวนผู้ชายไปนอน” บาสตอบมาแบบกวนๆ

“ตกลงจะไปนอนดีๆ หรืออยากไปนอนทั้งน้ำตา”

“อย่าดุมากได้มั้ย แม่ตัวจริงเพิ่งไป แล้วนี่แม่คนใหม่ก็โผล่มาทันทีเลยเหรอเนี้ย”

“ช่วยไม่ได้...ก็แม่ของบาสฝากบีไว้แล้วนี่ อ้อ แล้วก็ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องมีกฎ 2 – 3 ข้อที่บาสต้องทำตามนะ”

“นี่ ตกลงใครเป็นนายจ้าง ใครเป็นลูกจ้างกันแน่”

“แม่ของบาสต่างหากที่เป็นนายจ้างของบี แล้วคุณแม่เขาก็ให้สิทธิบีแล้วว่าจะทำอะไรกับบาสก็ได้”

“อะไรกันว่ะเนี้ย”

“ไม่ต้องมาบ่น สรุปว่าข้อแรกบาสต้องทานยา ทานข้าว และไปออกกายภาพบำบัดตามเวลา ข้อ 2 ห้ามบาสเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนของบี และข้อสุดท้ายถ้าบาสคิดจะทำมิดีมิร้ายบีขึ้นมาล่ะก็ เตรียมตัวอยู่คนเดียวไปจนกว่าคุณป้าจะกลับได้เลย”

“โธ่ หลงตัวเองไปหรือเปล่า ใครอยากจะไปทำอะไรบีกัน”

“อย่างงั้นเหรอ บาสอาจจะลืมเรื่องที่บาสทำกับบีที่สวนสาธารณะไปแล้ว แต่บียังไม่ลืมหรอกนะ”

คำพูดของผมทำให้บาสซึมลงอย่างรู้สึกผิด แล้วเขาก็พูดออกมาเบาๆว่า

“บียังไม่หายโกรธอีกเหรอ”

“ช่างเถอะเรื่องมันผ่านไปแล้ว ไปนอนเถอะ อ้อ บาสมียาก่อนนอนที่ต้องทานด้วยใช่มั้ย”

พูดจบผมก็เดินไปหยิบยาที่บาสต้องกินก่อนนอนมาให้เขาทานซึ่งในขณะที่เขารับยาไปทานนั้น บาสก็ยังดูมีท่าทีขัดเขินอย่างมาก จนเมื่อเขาทานยาเสร็จ ผมจึงค่อยๆเข็นเขาเข้าไปในห้องแล้วก็พยุงบาสขึ้นไปนอนบนเตียง

“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“เดี๋ยว...บี”

“มีอะไรอีกเหรอ”

“คือทีบียังมีกฎได้ บาสก็ขอมีบ้างเหมือนกัน”

“อะไรล่ะ”

“บาสมีบันทึกอยู่เล่มนึง บาสจะค่อยๆ ฉีกให้บีอ่าน บีต้องเอาไปอ่านนะ”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนขอร้อง

“บันทึกเหรอ บันทึกอะไร ทำไมบีต้องอ่านมันด้วย”

“มันเป็นบันทึกที่บาสเขียนถึงคนๆ นึงเมื่อตอน ม. 4 แต่เรื่องราวที่บาส เขียนถึงมันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่บาสไม่ยากลืม ก็เลยบันทึกมันเอาไว้”

“แล้วทำไมบีต้องอ่านมันด้วยล่ะ”

น้ำเสียงของผมเริ่มเบาลงเมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของบาส รวมทั้งเริ่มเกิดความไม่แน่ใจว่าคนที่เขาเขียนถึงในบันทึกนั้นคือใคร

“ช่วยอ่านมันหน่อยเถอะ ถ้าบีไม่อ่านมันแล้ว บาสก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครอ่านเหมือนกัน”

“ก็ได้...แค่อ่านใช่มั้ย”

“ยังมีอีกข้อนึง”

“อะไรอีกล่ะ”

“ไม่ว่าในบันทึกนั้นจะเขียนถึงอะไร บีต้องสัญญากับบาสนะว่าบีจะไม่นำเรื่องในบันทึกนั้นมาพูดถึงอีก ”

คำพูดของบาสยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าในบันทึกเล่มนั้นเขียนถึงใคร แล้วพูดถึงเรื่องอะไร

“ก็ได้ ตกลง”

“สำหรับแผ่นแรกบาสฉีกมันใส่ซองไว้แล้วล่ะ วางอยู่บนโต๊ะนั่นแน่ะ ไปหยิบมาซิ”

เมื่อบาสพูดจบผมก็เดินไปหยิบซองจดหมายซองหนึ่งที่วางไว้บนโต๊ะ แต่พอหันกลับมาบาสก็หลับตานอนไปแล้ว
แม้ผมจะรู้ดีว่าบาสแกล้งทำเป็นนอนหลับแต่ผมก็คิดว่าเขาคงไม่มีอะไรที่จะพูดกับผมอีก ผมจึงเดินไปดับไฟแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง

จนเมื่อได้มาอยู่คนเดียวในห้องแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำก็คือการหยิบเอาบันทึกในซองจดหมายนั้นขึ้นมาอ่านอย่างกระตือรือร้น ทั้งๆที่ปากของผมเพิ่งบอกออกไปว่าไม่สนใจจะอ่านบันทึกฉบับนี้แม้แต่นิดเดียว


--------------------------------
8 พฤษภาคม 2539

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมต้องไปโรงเรียนเพื่อทำการปฐมนิเทศสำหรับนักเรียนใหม่ของชั้น ม. 1/1

ผมเกลียดวันแบบนี้เสียจริง เพราะการทำความรู้จักและหาเพื่อนใหม่สำหรับผมไม่ใช่สิ่งง่ายเลย

นิสัยเก็บเนื้อเก็บตัว และพูดน้อยทำให้ผมไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับคนอื่นๆยังไง

สงสัยผมก็คงต้องใช้มุกเดิมคือคุยเรื่องลามกให้มากๆเข้าไว้ เดี๋ยวพวกเพื่อนๆผู้ชายมันก็คงเป็นฝ่ายอยากเข้ามารู้จักผมเอง

แต่ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่ผมแสนจะเกลียดชังนี้กลับมีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมได้พบเจอกับคนๆ หนึ่ง

ในเช้าวันนั้น อยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนผมอย่างจังตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง

เขารีบขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่แล้วก็รีบขอตัวออกไป

น่าแปลกที่เพียงแค่แวบแรกที่ผมได้เห็นเพื่อนคนนี้ ผมก็จดจำใบหน้านั้นได้ติดตา

แถมต่อมาผมก็ยังได้แต่แอบมองเพื่อนคนนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัวซึ่งนั่นทำให้ผมสังเกตเห็นว่า...

รอบๆ ตัวของเพื่อนคนนี้เต็มไปด้วยเพื่อนนักเรียนที่มารุมล้อม และทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ผมรู้สึกราวกับว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนคนนี้เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมาขับไล่ความมืดและความทุกข์ระทมของผู้คนรอบข้างได้

แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นกลับส่องมาไม่ถึงผม

จนแม้หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้าน รวมถึงตลอดทั้งคืนนั้น ผมก็ยังได้แต่คิดถึงเพื่อนคนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ในตอนนั้นผมคงยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีกับเพื่อนคนนี้เป็นความรู้สึกพิเศษที่เรียกว่า... “ความรัก”

เป็นเหตุการณ์ “รักแรกพบ” ที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พานพบเลยในชั่วชีวิตนี้ รวมทั้งไม่เคยคิดว่ารักแรกของผมจะเกิดขึ้นกับ... “ผู้ชาย”

ผู้ชายซึ่งมีชื่อที่เพราะ แปลก และไม่บ่งบอกเพศ

ผู้ชายที่ชื่อของเขาจะประทับไว้ในความทรงจำของผมตราบชั่วชีวิต

..............บี.....ปีติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล..............


----------------------------------------------------













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:48:26 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ต่อ เลยค่ะคุณบลู นะ นะ  :myeye:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ความจริงที่ผมได้รู้ว่าบาสได้แอบหลงรักผมตั้งแต่แรกพบทำให้ผมทั้งตกใจและแปลกใจจนนั่งไม่ติด

ตลอดเวลาที่ผมรู้จักเขา ผมไม่เคยระแคะระคายเลยว่าเขามีความรู้สึกพิเศษกับผม

แต่เมื่อได้ลองย้อนกลับไปนึกถึงหลายๆเหตุการณ์ในอดีตผมถึงเพิ่งได้รู้ว่า...บาสคอยอยู่ข้างๆผมมาตลอดโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย

เมื่อครั้งที่ผมต้องไปเข้าค่ายลูกเสือเมื่อตอน ม.1 บาสเองเป็นคนที่คอยเข้ามากุลีกุจอช่วยเหลือผมเมื่อเราต้องไปเข้าฐานกิจกรรมต่างๆที่ทั้งยากและลำบาก แถมเขายังคอยอาสาที่จะช่วยถือสัมภาระทั้งหมดเพื่อให้ผมได้เดินตัวเปล่าอย่างสบายๆ

ในตอนที่เขาบังเอิญมาเจอผมในวันที่ผมโดนทีมตบ เพียงแค่เขาได้เห็นรอยแดงช้ำที่แก้มของผม เขาก็เข้ามาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยราวกับเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต และพยายามเสนอตัวที่จะพาผมไปโรงพยาบาล

และตอนที่เราไปเที่ยวทะเลด้วยกันบาสก็เป็นคนคอยเตือนผมให้ระวังเรื่องพี่กุ้ง จนเมื่อผมได้ออกมานอนรอทีมอยู่ข้างนอกบังกะโล เขาก็เป็นคนนำผ้านวมออกมาห่มให้ผมด้วยความเป็นห่วง

ช่วงที่ผมโกรธทีมเพราะเรื่องที่ถูกนอกใจ ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เข้ามาเตือนสติผมเรื่องพี่ปอนด์ และพยายามให้ผมกับทีมได้กลับมาคืนดีกัน

จนกระทั่งต่อมาเมื่อเขาพาผมไปสวนสาธารณะ เขาก็ได้สารภาพออกมาตรงๆว่าเขาแอบชอบผม และขอคบกับผมอย่างเงียบๆ แต่ในตอนนั้นด้วยนิสัยของบาสและอคติที่ผมมีต่อตัวเขาทำให้ผมไม่เคยเชื่อว่าเขาจะมาชอบผมอย่างจริงจัง

ในใจคิดแต่เพียงว่ามันคงเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มแล้วยอมให้เขาฟันเท่านั้น

และหลังสุดที่ทีมตัดสินใจเลิกกับผมแล้ว เขาก็เป็นคนเข้ามาให้คำแนะนำเพื่อให้ผมกลับไปคืนดีกับทีมอีกครั้ง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า....

ผู้ชายคนนี้ได้แอบยืนอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจ คอยแก้ปัญหา และคอยดูแลผมอยู่ไม่ห่างเสมอมา

....เพียงแต่ผมไม่เคยมองเห็นเท่านั้น

แต่กระนั้นผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าในหลายๆครั้งที่เขาพยายามมาช่วยให้ผมกับทีมได้คืนดีกัน เขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ถ้าเขาแอบชอบผมจริง เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ผมกับทีมยังคงรักกันอยู่

ในคืนนั้นผมได้แต่วนเวียนเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องนี้จนกระทั่งไปหลับเอาตอนเกือบรุ่งสาง

ดังนั้นในเช้าวันต่อมา...กว่าผมจะตื่นก็เกือบสิบโมงเช้าแล้ว ผมจึงรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกมาด้านนอก ซึ่งในตอนนั้นผมก็พบว่าบาสกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก

“จะมาดูแลคนอื่นก็น่าจะตื่นให้มันเช้าๆหน่อย มันเลยเวลาอาหารเช้าไปตั้งนานแล้วเห็นมั้ยเนี้ย”

บาสพูดกับผมในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ทีวีโดยไม่ได้หันมามองหน้าผมเลย

“ขอโทษ เมื่อคืนบีนอนดึกไปหน่อย”

“ช่างเถอะ บาสหิวจะแย่แล้ว ไปหาอะไรในครัวกินกันดีกว่า”

“อะไรนะ นี่บาสยังไม่ทานอะไรอีกเหรอ”

ผมถามออกมาด้วยความตกใจ

“ก็....ก็บียังไม่กิน แล้วบาสจะกินได้ไงล่ะ”

บาสพูดออกมาอย่างเขินๆแล้วก็รีบเบือนหน้าหนี

“คราวหลังกินไปก่อนเลยนะ อย่ามารอ บาสต้องกินยาด้วยไม่ใช่เหรอ”

ผมพูดขึ้นขณะที่เดินไปเข็นรถเข็นของบาสไปที่ห้องครัว

เมื่อเข้ามาในห้องครัวผมก็เข็นบาสไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วได้แต่ยืนมองเขาโดยไม่พูดอะไรออกมาจนบาส มีท่าทีอึดอัดแล้วก็ตัดสินใจถามผมออกมาตรงๆ

“มีอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อ...คือ...เรื่องบันทึกนั่น...”

“บีสัญญากับบาสแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราจะไม่พูดถึงมัน”

“แต่ว่า....”

“สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ”

เมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของบาสทำให้ผมต้องยอมตัดใจที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้

“อืม...ก็ได้”

“วันนี้คงทำอะไรกินไม่ทันแล้ว เอาแค่ขนมปังปิ้ง กับกาแฟได้มั้ย ทานได้หรือเปล่า”

“ได้สิ บีไม่เรื่องมากหรอก”

ทันทีที่ผมพูดจบบาสก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลแล้วพยายามเดินช้าๆ ไปเปิดตู้ที่อยู่ข้างๆ จนมีช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาเกือบจะล้มลงเพราะขาที่ยังไม่แข็งแรงแต่โชคดีที่ผมเข้าไปคว้าตัวเขาไว้ได้ทันซึ่งนั่นทำให้ใบหน้าของเราทั้งคู่เข้ามาใกล้ชิดกันอย่างมากจนทั้งผมและบาสต่างต้องผละออกจากกันด้วยความเขิน จากนั้นผมจึงตัดสินใจรีบพาเขากลับไปนั่งที่รถเข็น

“บาสนั่งตรงนี้แหละ เดี๋ยวบีทำให้”

ว่าแล้วผมก็จัดแจงหยิบแก้วและกาแฟมาชงให้บาสและตัวเอง จากนั้นจึงไปหยิบขนมปังที่วางอยุ่บนโต๊ะมาปิ้งและทาแยมกับเนยสดเตรียมให้บาสและตัวเองอีกคนละชุด เมื่อเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆนี้เสร็จสิ้นผมก็มานั่งลงแล้วเริ่มต้นทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ

เป็นเวลานานที่เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา จนกระทั่งผมตัดสินใจชวนบาสคุยเพื่อทำลายบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดนี้

“บ้านบาสสวยดีนะ”

“เหรอ เป็นบ้านของคุณยายน่ะ พอท่านเสีย ท่านก็เลยยกให้คุณแม่ อายุเกือบร้อยปีได้แล้วมั้ง”

“โห เก่าขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“ก็มันสร้างมาตั้งแต่ต้นตระกูลของคุณแม่แล้วนี่ ท่านเป็นหลวงอะไรสักอย่างนี่แหละ”

“อ่ะ...ระดับนั้นเลยเหรอ งั้นบาสก็มีสายเลือดผู้ดีเก่ากะเขาด้วยน่ะสิ ”

“ผู้ดีที่ไหนกัน บีว่าบาสดูเป็นผู้ดีมั้ยล่ะ”

ว่าแล้วเขาก็แกล้งทำเป็นสะบัดผมที่ยาวสลวยนั้นให้ผมเห็นเพื่อตอกย้ำว่าถ้ามองจากเปลือกนอก...ผู้ชายที่มีหน้าตาและการแต่งตัวเซอร์ๆอย่างนี้ยังห่างไกลจากคำว่า.. “ผู้ดี”...มากนัก ซึ่งพฤติกรรมล้อเลียนนี้ของบาสทำให้ผมอดขำไม่ได้แล้วก็พูดแซวบาสออกไปว่า

“ฮึ ฮึ ก็เกือบๆ อ่ะนะ ถ้าตัดนิสัยเรื่องลามกออกไปได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้บาสก็ขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า

“จริงๆ บาสก็ไม่ใช่คนชอบเรื่องลามกอะไรหรอก”

บาสเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างขมขื่น ก่อนจะเล่าต่อว่า

“พ่อของบาสเสียตั้งแต่บาสยังเล็กๆ ตั้งแต่นั้นมาบาสก็เลยกลายเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยพูด พอ มารู้ตัวอีกทีบาสก็กลายเป็นเด็กไม่มีเพื่อนไปเแล้ว รู้มั้ย มันเหงามากๆเลยนะ ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่มีเพื่อนเล่น พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็เอาแต่ไปทำงานขายประกันข้างนอก บาสน่ะคิดอยากจะตายไปให้พ้นๆวันละตั้งหลายรอบ แต่พอวันหนึ่งตอนที่บาสเรียนอยู่ ป.5 บาสเกิดทะเลาะกับเพื่อนผู้หญิงคนนึง ด้วยความโกรธบาสก็เลยแกล้งไปเปิดกระโปรงเด็กผู้หญิงคนนั้นให้เธอได้อาย แน่นอนล่ะหลังเหตุการณ์นั้น บาสก็โดนครูประจำชั้นตีไปตั้งหลายที แต่ผลมันก็คุ้มค่านะ เพราะตั้งแต่วันนั้นเพื่อนผู้ชายในห้องก็เข้ามาคุยกับบาสใหญ่เลย บอกว่าบาสเจ๋งอย่างนั้น เจ๋งอย่างนี้ แล้วเอาเรื่องนี้มาแซวบาสตลอด ตั้งแต่นั้นมาบาสก็เลยได้เพื่อนจากการหาเรื่องลามกมาคุยมาเล่าไม่เว้นแต่ละวัน”

แม้แววตาของเขาจะขมขื่นแต่บาสก็ยังฝืนหัวเราะและพูดต่อว่า

“เจ๋งมั้ยล่ะ วิธีหาเพื่อนของบาส”

ในตอนนั้นผมไม่ได้ตอบอะไรบาสกลับไป เพราะในใจได้แต่รู้สึกสงสารผู้ชายคนนี้อย่างจับใจ เมื่อได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมาผมด่วนตัดสินว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนลามก ไม่น่าคบ โดยไม่เคยนึกเลยว่าเขาจะมีมุมที่น่าสงสารนี้ซ่อนอยู่ด้วย

ในตอนนั้นเองที่ผมกลับมานึกถึงเนื้อความในบันทึกที่บาส มอบให้ผมเมื่อคืนอีกครั้ง

---------------------------------------------
“.......ผมรู้สึกราวกับว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนคนนี้เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมาขับไล่ความมืด
และความทุกข์ระทมของผู้คนรอบข้างได้

แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นกลับส่องมาไม่ถึงผม……”
----------------------------------------

เมื่อคืนตอนที่ได้อ่านบันทึกฉบับนั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันมีความเศร้า หดหู่และน่ารันทดแฝงอยู่ในบันทึกนั้น แต่ผมก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเช่นนั้น จนกระทั่งผมเพิ่งมาได้คำตอบในตอนนี้นี่เอง

เมื่อผมเห็นบรรยากาศเริ่มจะหดหู่ลงเรื่อยๆ ผมเลยตัดสินใจแซวบาสออกไปว่า

“ไม่ต้องมาทำเป็นหาข้ออ้างหรอก บาสชอบเรื่องลามกก็บอกมาเถอะ”

“บาสไม่ได้หาข้ออ้าง จริงๆแล้วบาสไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะมองบาสยังไง แต่สำหรับบี บาสแค่อยากให้บีเห็นบาส อย่างที่บาสเป็นบ้างเท่านั้น”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงบีก็ยังอยู่กับบาสอีกร่วมเดือน ตัวตนจริงๆของบาสจะเป็นยังไง บีจะเป็นคนตัดสินเอง”

ผมรีบสรุปเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของบาส

แม้ตอนนี้ผมจะรู้แล้วว่าบาสได้แอบชอบผมมานาน รวมทั้งเขายังแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเขายังชอบผมอยู่ แต่กระนั้นผมก็พยายามสงวนท่าทีไว้เพราะผมไม่เคยคิดอะไรกับผู้ชายคนนี้เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนจริงๆ รวมทั้งมันคงเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจมากที่ผมจะยอมรับความรักจากบาสในขณะที่เขาคือ “เพื่อนสนิทที่สุดของทีม”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ผมก็ให้บาสทานยาแล้วให้เขากลับไปนอนพักในห้องเนื่องจากยาของบาสมีผลให้คนทานรู้สึกง่วง

ในขณะที่ตัวผมก็เริ่มจัดการเตรียมอาหารเที่ยงซึ่งในตอนนี้ผมมีความเชี่ยวชาญในการทำอาหารระดับพ่อครัวแล้ว เพราะหลังจากที่ผมต้องเลิกรากับทีมผมก็เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองมาโดยตลอด

ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าในเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อสู้และนำพาชีวิตให้รอดพ้นวิกฤติได้

ผมจึงเลิกที่จะเอาชีวิตไปพึ่งพา หรือผูกไว้กับคนอื่น

ผมเริ่มขอแม่ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง รวมทั้งขอที่จะดูแลและตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่มีผลกับชีวิตในอนาคตของผมเอง จนแม่ผมอดเปรยออกมาไม่ได้ว่า

“บีเปลี่ยนไปมาก รู้ตัวหรือเปล่าลูก”

ในตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเปลี่ยนไปจริงๆ จากเด็กที่เคยเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เป็น ขี้งอน และไม่รับผิดชอบ

ผมได้กลายเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว รวมทั้งเป็นคนที่ปลงกับอะไรในชีวิตได้อย่างง่ายๆ

ผมไม่เคยทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เด็กในวัยเดียวกันจะเป็นกังวล เช่น การสอบ การแต่งตัว การทะเลาะกับเพื่อน หรือแฟน แม้กระทั่งการผิดหวังจากสิ่งที่ยากได้

สำหรับผมแล้วปัญหาเหล่านั้น มันเป็นเรื่องขี้ผงเมื่อนำไปเทียบกับสิ่งที่ผมได้เจอะเจอมา

ประสบการณ์ได้สอนให้ผมรู้ว่า...ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่แท้จริงนั้น...มันเป็นอย่างไร

ผมทำอาหารเสร็จราวๆเที่ยง แต่ผมก็รอจนเวลาใกล้บ่ายโมงแล้วจึงไปปลุกบาสมาทานอาหารเที่ยงด้วยกัน

ระหว่างที่ทานอาหารด้วยกันนั้น บาสได้ชมฝีมือการทำอาหารของผมไม่ขาดปาก รวมทั้งยังได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ นานา ระหว่างที่เราไม่เจอกันมานานถึง 5 ปี

จนเมื่อทานอาหารเสร็จบาสก็ยื่นบันทึกฉบับที่ 2 ให้ผม จากนั้นเขาก็ขอตัวกลับเข้าไปในห้อง

ส่วนผมเมื่อได้จัดการนำจานชามไปล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผมก็กลับไปที่ห้องเช่นกันแล้วก็หยิบบันทึกในซองขึ้นมาอ่าน

ในเวลากลางวันอย่างนี้ทำให้ผมเห็นได้ชัดว่ากระดาษและสีน้ำหมึกในบันทึกนี้ได้ซีดลงไปมากแล้ว

มันแสดงถึงว่าบันทึกฉบับนี้คงได้ถูกเขียนมาเป็นเวลานานแล้วพอสมควร

เป็นอีกครั้งที่ผมรีบอ่านเนื้อความในบันทึกอย่างกระตือรือร้น

-----------------------------------------------------------

14 มิถุนายน 2539

หลังจากได้จากได้รู้จักกับบีในวันปฐมนิเทศ ผมก็ได้แต่แอบมองบีเสมอมาโดยไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปพูดคุย

ในแต่ละวันผมได้แต่แอบชื่นชมบีอยู่ไกลๆ

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของบียังเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ผมแอบมองเพื่อนคนนี้อย่างไม่เคยเบื่อ

จนผมชักเริ่มจะแน่ใจแล้วว่าผมคงไม่ใช่แค่ชอบบีแบบเพื่อนธรรมดา

บีคือคนที่ทำให้ผมรีบตื่นนอนและอยากมาโรงเรียนอย่างกระตือรือร้นในทุกเช้า

บีทำให้ผมกลายเป็นเด็กที่มีความคิดผิดแผกแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ เพราะ ผมเกลียดวันเสาร์-อาทิตย์

ในตอนนั้น ผมหวังแค่ให้ตัวเองได้มาเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของบีในทุกๆ วัน

ไม่ว่าบีจะทำอะไร ไปที่ไหน ผมก็อดไม่ได้ที่จะแอบตามไปเสมอ

อย่างเช่นวันนี้ที่ผมได้แอบตามบีไปยังห้องสมุด แต่แล้วในตอนนั้นเองที่ผมต้องพบเห็นภาพบาดตาเมื่อบีกำลังยืนคุยอยู่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างสนิทสนม

ผมไม่คุ้นหน้าเด็กผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ดูการจากพูดคุยของคนทั้งคู่ โดยเฉพาะปฏิกิริยาของบี ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

จนกระทั่งสักพักผมก็เห็น..ทีม...เพื่อนของผมคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยด้วย

พวกเขาพูดคุยกันสักครู่ ทีมก็เป็นฝ่ายเดินออกจากห้องสมุดไป ในขณะที่เด็กคนนั้นยังคงคอยเดินตามถือหนังสือให้บีตลอดเวลา

ถึงจะไม่รู้จักเด็กผู้ชายคนนั้นมาก่อนแต่ผมก็ต้องยอมรับว่าผมกำลังรู้สึกโกรธเกลียดเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างมากที่ได้มาใกล้ชิดบีถึงขนาดนี้

ในตอนนั้น....ผมก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าไอ้ความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อได้เห็นบีสนิทสนมอยู่กับผู้ชายคนอื่น...มันคืออะไร ?

ผมรู้แต่เพียงว่า..ถ้าหากเพียงแต่ผมจะได้ไปยืนแทนที่เด็กผู้ชายคนนั้นบ้าง

....ผมก็คงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก....

----------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:49:18 โดย b|ueBoYhUb »

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :kikkik: เอาอีก เอาอีก ว่าแต่ว่าบาสจะได้เลื่อนบทมาเป็นพระเอกหรือป่าวอะคับ ต้องรอลุ้นกันต่อไปแบบทำใจไว้ล่วงหน้า

1234

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:  เชียร์บาส ๆ  ๆ ๆ   ตั้งแต่อยู่ที่ โรงเรียนแล้ว  อิอิ   :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
อืมว่าแล้ว ตัดสินใจขอมาปักหลักอยู่ด้วยคนนะครับ

ถึงจะอ่านจบไปแล้วรอบนึง แต่คิดถึงบรรยากาศที่ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ในตอนนั้นมาก ถึงที่นี่จะมีแฟนๆมาตอบน้อยกว่าที่นู้นหลายเท่าก็ตาม แต่ก็อยากตามเรื่องนี้ไปอีกรอบพร้อมเพื่อนๆทุกคนอ่ะ อยากรู้เหมือนคุณบลูว่าคนอื่นๆอ่านแล้วจะคิดยังไง

แต่ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง ไม่รู้ว่าเห็นแก่ตัวไปป่าว คือผมว่าการโพสทีละหลายตอนอาจจะเสียอรรถรสไปได้นะคับ

เพราะเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้คือความน่าติดตาม และสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ในแต่ละตอน ตอนนั้นพวกผมช่วยกันเดาตลอด แต่ไม่เคยเดาใจคุณนัทนทีถูกเลย เรื่องมันหักมุม พลิกผันไปได้ตลอด  ที่สำคัญผมว่าแต่ละตอนมันมีอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเราอ่านจบแล้วก็จะรู้สึกได้  อย่างภาค 1 น่าเสียดายครับที่ตอนจบมี 3 ตอนมาลงพร้อมกัน ทั้งๆที่ผมว่าถ้าลงทีละตอน คนอ่านได้อารมณ์อีกมุมนึงเลย จะค่อยๆเห็นว่ากว่าบีจะผ่านไปได้แต่ละช็อตแต่ละซีนมันแทบกระอักเลือดจริงๆ

โดยเฉพาะภาค 2  นี้  ทั้งเนื้อเรื่องและภาษามีความละเมียดละไมกว่าภาค 1 หลายเท่า ถ้าลงทีละตอน คนอ่านน่าจะได้อรรถรสกว่านะคับ  อันนี้แค่เสนอดูนะครับ ที่สุดแล้วคงแล้วแต่ความสะดวกของคุณบลูมากกว่า เพราะความเสียสละของคุณบลูนี่เองผมถึงได้มามีความสุขกับเรื่องนี้อีกรอบ

แต่ไม่รู้คุณบลู หรือคนอื่นๆที่เคยอ่านจนจบมาแล้วเป็นเหมือนผมหรือเปล่า ที่พออ่านบันทึกฉบับแรกของบาสจบ   น้ำตามันคลอเบ้าขึ้นมาเฉยๆเลยอ่ะ  คือนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมัน.....อืมมม ไม่พูดดีกว่าเฮะ T T   T T T T

แต่อารมณ์ของผมตอนนี้ มันหดหู่มากๆเลยคับ




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ  ไม่นะ ผมไม่ชอบผู้ชายผมยาว

ทำไมเป็นบาสล่ะเนี่ย  ปอนด์ของผมล่ะ  <<...เป็นของผมไปแล้วซะงั้นน่ะ

เหอๆๆ  สงสัยคงไม่ได้มีแต่บาสที่โผล่มาล่ะมั้ง  ทีม กอล์ฟ หรือคนอื่นๆ

อาจโผล่มาชะแว้บให้หายคิดถึงบ้าง  <<..รวมทั้งปอนด์ด้วย

ต่อด่วนนะครับคุณบลู  กะลังหนุกเลย

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :o  เหอเหอ ตกลงตาบาสเป็นพระเอกตัวจริงเหรอเนี่ย ยังหรอกน่า คดีเก่ายังไม่คลี่คลาย ต้องติดตามอีกเยอะ  :kikkik:


Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
ภาค 2 แล้วๆๆๆ


โอ๊ยยยยยยยยยยย :monkeysad:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โฮ๊ะ ๆ  :yeb: อุตส่าห์อดใจไว้อ่านตอนเช้ารอบเดียว ไม่ผิดหวังจริง ๆ ได้อ่าน 2 ตอน  :like2:

ลุ้นบาสจนตัวโก่งไปหมดแล้ว  :like2:  แต่ก็ยังติดใจคดีเก่าอยู่ดี  :serius2: แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ทำใจไว้แล้ว  :monkeysad:

แอบไม่เห็นด้วยนะคะที่ไม่ให้ลงทีละหลายตอน ตามนิสัยคนชอบอ่านนิยาย ชอบอ่านทีละหลายตอนง่ะ (2-3 ตอน กำลังดีค่ะ)

แต่ก็ยอมรับว่าหากลงมากตอน (เช่น 5-6 ตอนขึ้นไป) เวลาอ่านอารมณ์จะมาจับที่ตอนหลัง ๆ มากกว่า แต่ถ้าลงวันละตอน แล้วเมื่อไหร่จะจบละนี่

คนรอก็อยากอ่านไวไวน้า  :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

คุ้นๆ เหมือนเคยเจอกะตัว

วี้ดวิ้วววววววววววววววววววววววว :angellaugh2:


พูห์ :teach:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
เฮะ ๆ เข้าใจคับ shell เพราะตอนนั้นกว่าจะรอตอนใหม่แต่ละตอนใจจะขาดเหมือนกัน :monkeysad2:

เพียงแต่อยากให้คนอื่นๆอารมณืเหมือนที่ตัวเองเคยได้มาคับ อย่าโกรธกันนะ  :monkeysad:

อันนี้แล้วแต่คุณบลูแล้วกัน  เพราะตามอ่านความเห็นคุณบลูมาตั้งแต่บอร์ดนู้น เชื่อมือคับ  :yeb:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

"รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว"

รักครั้งสุดท้ายจะเป็นบาสหรอ................ :confuse:
 
แต่ผู้ชายคนนี้น่าชื่นชมจัง.......ที่รักคนๆนึงมาได้ขนาดนี้โดยเก็บมาโดยตลอด :impress:

น่าสงสาร............................... :impress3:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Gone on แหะๆ ไปเรื่อยๆครับ

Tantalum  อยากให้ใครเป็นพระเอกหล่ะครับ เอิ้กๆ

{{DoraemoN}}  น่านแอบนอกจายทีม

kirati69  คงต้องโพสไปถ้าผมเห็นคนอ่านหลักๆ อ่านครบแล้วนะครับ เวปนี้อ่านกันเร็วด้วยสิ แต่คงได้บรรยากาศไปอีกแบบนะครับ
เพราะนักอ่านที่นี่ผมเห็นก็มีหลายคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเลย แล้วก็มีความเห็นที่ผมอ่านแล้วใจกระตุกตามอยู่หลายครั้ง หวังว่าคงชอบนะครับ

FlukeHub อิอิ ปอนด์หรือ  :kikkik:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  ต้องติดตามต่อไปครับ

Aki_Kaze  ใจเย็นๆนะครับ คงจะปริ่มๆกันหล่ะตอนนี้

shell  ไม่นานหรอกนะครับ เป็นไงครับ ถ้าจำรายละเอียดภาคแรกได้จะอ่านภาคสองได้โดยไม่ต้องกลับไปอ่านภาคแรก
นึกภาพเก่าๆไว้นะครับ แล้วท่านจะไม่รู้ลืม

หมูพูห์ เคยเจออีกหล่ะ อิอิ เล่าให้ฟังมั่งดิ

][GobGab][  เคยแอบรักใครไหมครับ ได้ข่าวว่าเยอะนี่ คิกคิก

แก้ไข อิอิ ลงผิดแหะๆเพราะชื่อมันซ้ำกัน สับสน
******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ยิ่งได้อ่านบันทึกของบาส ยิ่งทำให้ความรู้สึกของผมเต็มไปด้วยความสับสนปนไปด้วยความสงสาร

ถ้าเป็นจริงอย่างที่บาสเล่า เขาทนเก็บงำความลับนี้ไว้ในใจได้ยังไงมาตลอดระยะเวลาตั้งหลายปี

ถ้าบาสรักผมจริง เขาจะไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักกลายไปเป็นของคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนสนิทของเขาเอง

ในระยะเวลาหลายปีที่ผมคบหาเป็นแฟนกับทีม ผมกล้าพูดได้เลยว่าบาสคือคนที่รู้เห็นเรื่องราวความรักของผมกับทีมมากที่สุด

บาสคือเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ทีมยอมสารภาพไปตรงๆว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกันซึ่งก็คือผม และนับตั้งแต่นั้นมา ทีมจึงกล้าแสดงความรักกับผมด้วยการพูดคำหวาน จับมือ โอบกอด หรือแม้กระทั้งจูบผมต่อหน้าบาสโดยไม่ขัดเขิน

บาสทนเห็นภาพเหล่านี้ได้อย่างไรในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

แล้วทำไมเขาถึงต้องพยายามหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ผมกับทีมกลับมาคืนดีกันในเวลาที่เรามีปัญหา

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นทุกที จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมชักจะเริ่มรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบาสไม่ไหวแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าในวันพรุ่งนี้ผมจะต้องคุยกับบาสให้รู้เรื่อง

ดังนั้นในวันต่อมาผมจึงรีบตื่นเช้าเป็นพิเศษ แล้วก็เข้าครัวไปทำข้าวต้มเตรียมเป็นอาหารเช้าให้บาส จนเมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเห็นผมเตรียมอาหารเช้าไว้บนโต๊ะเสร็จสรรพ เขาจึงถึงกับเอ่ยปากแซวออกมาว่า

“อย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นลูกจ้างหน่อย รู้จักตื่นก่อนเจ้านาย”

“บีบอกแล้วไง ว่าบีไม่ใช่ลูกจ้างของบาส”

“โอเค โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าอะไรมันก็ไม่ต่างกันหรอก”

“นี่อย่ามากวนประสาทบีแต่เช้านะ”

“จ้า จ๊ะ ไม่กวนแล้ว”

บาสพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข แล้วก็เริ่มตักข้าวต้มใส่ปาก

“อื้มมมม นี่บีทำเองเหรอ”

“ใช่สิ ใครจะมาทำให้ล่ะ” ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“อร่อยมากเลย อืม ทำกับข้าวก็อร่อย บ้านช่องห้องหับก็ดูแลไม่มีที่ติ แถมยังเอาอกเอาใจเป็นเลิศ ทำไงน๊าถึงจะได้เมียดีๆแบบนี้สักคน”

“บาส.......”

“บาสแค่ล้อบีเล่นน่า อย่าคิดมาก”

“ปล่าว...บีไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้...คือบี...บีอยากจะพูดกับบาสเรื่อง...เรื่องบันทึกนั่นน่ะ”

ผมตัดสินใจพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“เอาอีกแล้ว” บาสพูดออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“ก็บีอยากคุยกับบาสให้เคลียนี่ เล่ามาให้หมดไม่ได้เหรอ ทำไมต้องให้บีอ่านอยู่ได้ทีละแผ่นๆ ไม่รู้ล่ะ บีไม่รักสง รักษาแล้ว ไอ้สัญญาอะไรบ้าๆ นั่น มันทรมานนะ อกบีจะแตกตายอยู่แล้ว”

“แล้วบีคิดว่าบาสไม่ทรมานเหรอ?”

คำพูดและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของบาสทำให้ผมถึงกับหยุดนิ่งและหันไปมองเขาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าบาสเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ถ้าบีอยากอ่าน ก็ได้ เดี๋ยวบาสจะไปหยิบมาให้บีอ่านทั้งเล่มเลย ไม่ว่าบีอยากได้อะไร อยากทำอะไร เพียงแค่บีพูดออกมา บาสก็ไม่มีวันขัดใจบีได้หรอก แล้วไอ้สัญญาอะไรนั่นน่ะ มันก็คงไม่ได้มีค่า มีความหมายอะไร คนอย่างบาส มันไม่ควรค่าให้ใครต้องมารักษาสัญญาอะไรอยู่แล้ว รอแป๊บนะ ”

พูดจบ บาสก็ปลดล้อคล้อรถเข็นเพื่อจะเข็นรถถอยหลังออกไป แต่ผมได้ร้องเรียกเขาเอาไว้

“เดี๋ยวบาส....บีขอโทษ บีแค่.....”

“ไม่เป็นไรหรอก บาสเข้าใจ เดี๋ยวบาสไปหยิบมาให้”

“ไม่ต้องหรอก บีไม่อยากอ่านแล้ว”

ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำที่ไม่ยี่หระต่อคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับบาสซึ่งนั่นคงทำให้เขาทั้งเสียใจและน้อยใจมาก

“บีค่อยๆ อ่านก็ได้ อ่านทีละหน้าแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เหมือนอ่านนิยายไง จะได้ติดตามไปทีละตอนๆ บีว่าสนุกดีออกเหมือนกันนะ”

ผมพยายามทำเป็นกลบเกลื่อนด้วยการพูดติดตลกก่อนจะพูดต่อว่า

“สัญญาที่บีให้กับบาส มันมีค่า มีความหมายสำหรับบีมากนะ ไม่ว่าบาสจะเชื่อหรือไม่ แต่บีจะไม่มีวันผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับบาสอีก.........แล้วก็....”

เมื่อเห็นผมพูดค้างไว้แค่นั้น บาสก็หันมามองผมอย่างตั้งใจฟัง ในขณะที่ผมก็ได้แต่รวบรวมความกล้าเพื่อพูดประโยคต่อมาอย่างเขินๆ

“บีอยากให้บาสรู้ว่า...ผู้ชายอย่างบาสนี่ล่ะที่คู่ควรที่บีจะรักษาทุกคำสัญญาไว้ยิ่งชีวิต”

คำพูดของผมทำให้บาสถึงกับนั่งนิ่งจ้องมองผมด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างท่วมท้น จนผมต้องเป็นฝ่ายตัดบทออกมาอีกครั้ง

“ทานต่อเถอะบาส ไหนว่าอร่อยไงล่ะ ถ้าอร่อยก็ต้องทานให้หมดนะ บีทำไว้ตั้งเยอะแน่ะ”

“แล้วบีล่ะ บีไม่ทานด้วยกันเหรอ”

บาสถามผมออกมาเบาๆ

“จริงสิ ลืมตักให้ตัวเองไปเลย”

พูดจบผมก็เดินไปหยิบชามแล้วไปตักข้าวต้มมานั่งทานด้วยกันกับบาส โดยในช่วงเวลาที่เรากำลังทานข้าวต้มด้วยกันนั้นผมก็สังเกตเห็นบาสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลา แล้วเขาก็เปรยออกมาเบาๆว่า

“แน่ใจนะว่าไม่อยากอ่านแล้ว”

“บีบอกว่าไม่ ก็ไม่สิ”

ผมตอบไปอย่างงอนๆ เหมือนเด็กที่ขออะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ

“แล้วทำไมต้องทำหน้างอนอย่างนั้นด้วยล่ะ”

“เปล่านี่ บีไม่ได้งอนสักหน่อย”

“แน่ใจเหรอ ?”

“ก็บีบอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน เซ้าซี้อยู่ได้ อยากให้บีงอนหรือไง”

“อืม ก็ดีนะ รู้ตัวมั้ยเวลาบีทำหน้างอนน่ะ น่ารักดี”

“บ้า......”

ผมตอบไปอย่างเขินๆขณะที่รู้สึกว่าเลือดลมได้สูบฉีดขึ้นมาจนเต็มทั้ง 2 แก้ม

“ยิ่งเวลาอาย ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย”

เมื่อเห็นผมหน้าแดง บาสก็ยิ่งล้อผมไม่ยอมหยุด

“เลิกล้อบีได้แล้ว ไม่งั้นบีไม่กินข้าวด้วยแล้วนะ”

ผมพยายามห้ามให้บาสหยุดเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเขินจนเก็บอาการไม่อยู่มากขึ้นทุกที

“โอเค โอเค ไม่ล้อแล้วก็ได้ ....อืม ถ้าวันหน้าบาสได้มีโอกาสมีครอบครัวกับเขาบ้าง บาสจะมีครอบครัวที่มีความสุขอย่างนี้มั้ยนะ”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้ชายที่รักผมอย่างเต็มเปี่ยมคนนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ จนผมรู้สึกได้ว่า....

....ผมไม่เคยมองผู้ชายคนนี้อย่างเต็มตาแบบนี้มาก่อน

“มองบาสทำไมน่ะ”

บาสพูดออกมาด้วยความเขินบ้างที่เห็นผมเอาแต่จ้องมองเขาไม่วางตา

“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก บีแค่คิดว่าบาสหน้าตาแบบนี้เองเหรอ บีคงไม่เคยได้มองบาสชัดๆ แบบนี้มาก่อน”

“งั้นเหรอ......บีเพิ่งรู้ตัวเหรอว่าตั้งแต่รู้จักกันมา.....บีไม่เคยหันมามองบาสเลย !!!!”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่รู้จะพูดอะไรออกมา แล้วก็ตัดสินใจชวนบาสเปลี่ยนไปคุยเรื่องราวสัพเพเหระ จนเราทั้งคู่ทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็จัดแจงให้บาสได้ทานยาแล้วก็พาเขาไปออกกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลตามที่หมอนัดไว้ และเมื่อกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่ายๆ ผมก็พาเขาเข้าไปนอนพักในห้องเพราะในระยะฟื้นตัวเช่นนี้บาสต้องการการพักผ่อนมากกว่าคนปกติ ส่วนผมก็ไปจัดการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มจะมีฝุ่นเกาะบ้างแล้วจนตกเย็น ผมก็ปลุกบาสมาทานอาหารเย็นด้วยกัน จากนั้นเราก็อยู่ดูทีวีด้วยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน ซึ่งก่อนที่บาสจะหลับเขาก็ไม่ลืมที่จะมอบบันทึกอีกฉบับมาให้ผมอ่านเหมือนเช่นเคย

----------------------------

9 กรกฎาคม 2539

นี่ก็เกือบ 2 เดือนแล้วที่ผมได้แต่เฝ้ามองบีอยู่เงียบๆ โดยไม่เคยคิดปริปากบอกใคร

คงจะมีเพียงแม่ของผมคนเดียวที่พอจะรู้ว่าผมชื่นชมเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน

ตั้งแต่เข้าเรียน ม. 1 ผมมักจะนำเรื่องของบีไปเล่าให้แม่ฟังอยู่เสมอ จนท่านถึงกับเอ่ยปากเปรยว่าอยากให้ผมชวนเพื่อนคนนี้มาเที่ยวที่บ้านบ้าง เพราะท่านอยากจะเห็นตัวจริงของบีเสียเหรอเกิน

ในตอนนั้นถึงแม้ผมอยากจะทำในสิ่งที่แม่ขอมากเพียงไร แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้

เพราะเกือบ 2 เดือนตั้งแต่รู้จักกับ บีมา เขายังไม่เคยพูดกับผมเลยสักครั้ง

วิธีที่ผมใช้ในการหาเพื่อนด้วยการพูดเรื่องลามก อาจจะทำให้ผมได้เพื่อนผู้ชายมากมายในห้อง แต่นิสัยและกิตติศัพท์ในด้านนี้ของผมกลับทำให้บีถอยห่างออกจากผมมากขึ้นไปทุกที

ดังนั้นในวันนี้เมื่อผมเห็นบีมาดูการฝึกซ้อมเพื่อคัดตัวเป็นฟุตบอลของไอ้ทีมซึ่งตอนนี้ถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมแล้ว ผมก็ตั้งใจว่าจะแสดงความสามารถให้เต็มที่เพื่อให้บีหันมาชื่นชมผมบ้าง

แต่ทุกครั้งที่ผมแอบหันไปมองบี เขาก็ไม่เคยชายตามาที่ผมสักครั้งจนกระทั่งผมเห็นบีกำลังจะลุกออกไปเพื่อกลับบ้าน

ในตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจเตะฟุตบอลไปให้โดนตัวบี จนเมื่อเขาหันมามอง ผมจึงตัดสินใจพูดออกไปโดยเรียกบีด้วยคำว่า “น้องสาว” ซึ่งเป็นคำที่ผมคิดว่าบีน่าจะชอบ

แต่ผลลับมันกลับตรงกันข้าม บีหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าโกรธๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมทำ มันจะผิดพลาด แต่อย่างน้อยผมก็ยังดีใจที่ในที่สุด.....บีก็ได้หันมาพูดกับผมแล้ว

เพราะทั้งหมดที่ผมทำไปในวันนี้ โดยเฉพาะการตั้งใจแตะฟุตบอลไปให้โดนตัวบีนั้นก็เพียงเพื่อให้มีเพียงสักครั้ง


........ที่บีจะหันมามองผมบ้าง..........

----------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2006 17:57:20 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
บลูค้าบบบบบ


เบลอหรือเปล่า :untrust:


หรืออึงโซทำพิษ :kikkik:


ทำไมลงซ้ำละครับที่รัก :serius2:



วี้ดวิ้วววววว :laugh3:



 :seng2ped:



มาลงใหม่เลย :pigangry2:




พูห์ :teach:

1234

  • บุคคลทั่วไป
 :o  คุณบลู  ลงซ้ำ แก้ไขด่วน ๆ ๆ ๆ ๆ  :pigangry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
คุณบลูเป็นไรไปป่าว    :confuse: 

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
นั่นดิ เป็นไรมากป่าวคับ   :untrust:       เป็นห่วง

สงสัยต้องรีบรับสมัครคนดูแลด่วน (เสียดายผมไม่ว่างแล้วอ่ะ )

แต่รีบมาแก้เถอะครับ เห็นเพื่อนๆจับอีโต้กันหลายคนแล้น   :pigangry2:

ถึงจะเป็นห่วง แต่งานนี้ตัวใครตัวมันนะคร้าบบบบ  :monkeylaugh2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ลงซ้ำง่ะ  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ขอตอนใหม่อย่างด่วน  :impress:  :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
แก้ไขให้แล้วนะ
 อิอิ ลงผิดแหะๆเพราะชื่อมันซ้ำกัน สับสน
ขอโทษนะครับ  แบบว่ารีบไปหน่อย  :3043:
มีเรื่องมารบกวนสมาธินิดหน่อย หุหุ  :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2006 18:01:32 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โธ่ บาส จะหาเรื่องคุยกับเขา ก็ยังต้องใช้วิธีนี้  :monkeysad2: แถมยังรักเขาข้างเดียวมาห้าปีอีก  :impress3:

ภาคสองนี่บาสน่าสงสารเนอะ ขอให้สมหวังละกัน (ลุ้นสุดตัว  :impress:)


รอตอนต่อไป  :monkeysad:

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
บาสน่าสงสารจังเลยอ่ะ

ทำไมรันทดแบบนี้หนอ  รักเขาข้างเดียว

เรื่องมันช่างน่าเศร้า 

แต่ถึงยังงั้นผมก็ไม่ชอบผู้ชายผมยาวอยู่ดีแหละ 555+



ปล..  ไม่รู้จะเชียร์ใครดี  ปอนด์ไม่โผล่มาซักทีเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เฮ้อ

เหมือนไม้ขีดไปกะดอกทานตะวันเลย

จุดตัวเองทันใด เพื่อลุกเป็นไฟ

เพียงเพื่อสักครั้ง ที่หันมามอง


เศร้าน๊อะ


พูห์ :undecided:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

จุดตัวเองทันใด เพื่อลุกเป็นไฟ

เพียงเพื่อสักครั้ง ที่หันมามอง

พูห์ :undecided:

โห.............พี่พูห์คิดได้ไง :impress:

แต่บางทีขนาดยอมจุดตัวเองแล้วเขายังไม่หันมามองเลย :laugh: :laugh:

ป.ล.  คุณเรย์คับ....ไปได้ข่าวมาจากไหนหรอ....... :confuse:

ยังมะเคยไปแอบชอบใครก่อนเลย...มีแต่คนมาชอบ.... :laugh: :laugh:(หลงตัวเองไปนิด)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2006 14:55:10 โดย ][GobGab][ »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ชีวิตบาสเศร้าจังอะ  ทำไมรักบีได้ขนาดนี้เนี่ย  ถ้าทำได้ขนาดนี้แบบยอมเจ็บเองเพื่อให้บีมีความสุขกับทีมแล้วนี่   ได้ใจไปเลยนะเนี่ย   ชอบแระ  อิอิ  :monkeylove2:
ชอบบาสตอนพูดกับบีจัง  เรียกกันน่ารักดี  บาส บี บาส บี  ชอบอะ  เอาอีกกกกกกก  คุณบลู  :serius2:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
ข้อดีของการที่เขาไม่เคยหันมามองเราเลย คือทำให้เราแอบมองเขาไปได้เรื่อยๆ

แต่ข้อเสีย มันก็เจ็บปวดเหมือนอย่างที่บาสเป็นนั่นแหละ หัวอกเดียวกัน  เส้าจัง  :monkeycry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด